Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore DownloadURL

DownloadURL

Published by buttersky2210, 2022-07-06 07:59:14

Description: DownloadURL

Search

Read the Text Version

พลกิ ฟน้ื ผนื ป่าดว้ ยพนั ธบัตรปา่ ไม้ พมิ พ์ครั้งที่ 1 มนี าคม พ.ศ. 2565 จ�ำนวน 800 เล่ม สงวนลขิ สทิ ธ ์ิ ตามพระราชบญั ญัติการพิมพ์ ห้ามมิใหท้ ำ� ซ้ำ� หรอื ลอกเลียนแบบโดยไมไ่ ด้รบั อนญุ าต ข้อมลู ทางบรรณานุกรมของหอสมดุ แหง่ ชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data อดิศร์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา. พลกิ ฟน้ื ผนื ปา่ ดว้ ยพนั ธบตั รปา่ ไม.้ กรงุ เทพฯ : คณะพฒั นาการเศรษฐกจิ สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร,์ 2565. 228 หนา้ 1. ปา่ ไม้และการปา่ ไม้. 2. ปา่ ไม้และการปา่ ไม้ -- แง่เศรษฐกหจิ น.ังสI.ือเชล่มือนเรีเ้ ่อืปงน็ .การรวบรวมผลการศกึ ษาของผู้เขียนเกี่ยว 634.9 ประเทศไทย ดำเนินการโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประ ISBN 978-616-482-093-7 คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานคณะกรรมกา โครงการอนรุ ักษพ์ ันธกุ รรมพืชอนั เนื่องมาจากพระราชดำริ (อ จัดพมิ พโ์ ดย คณะพัฒนาการเศรษฐกจิ สถาบนั บณั ฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร์ ผู้เขียน: อดิศร์ อ 148 ถนนเสรไี ทย บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 พิสูจน์อักษร: ปร โทร 02-727-3639 โทรสาร 02-375-8840 ออกแบบปกและ ผูเ้ ขียน อดศิ ร์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา ภาพป่าเศรษฐก พสิ ูจนอ์ กั ษร ศศปกไอมาดวิศรว่รัตาิศินา่ผงมรรทลเ์์ปูฉออิติพลแศิิศแยมิบรรล์ ลาบอาะงงาิศใกกกภดราูรูรทารงง้ัลณณกสอูรนิ้ กออตณเยยลอุ้ธธุ ียงยอยนไาายดหุธร้ นยบั าังอสนือญุ เลาม่ ตนเป้ี น็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรจากเจา้ ของลขิ สทิ ธก์ิ อ่ นรค1โจทา4ดัณคร8พะา0มิถพ22นพัฒ-5น7โ์น0ด2เาสย7บกร3:าาีไ6ททร3เย ออกแบบปก ภาพปา่ เศรษฐกจิ ลขิ สทิ ธ์ขิ อง ยกเวน้ การอ้างอิงเพอื่ การศกึ ษาวจิ ัย ขอ้ มูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแหง่ ชาติ กหใอนาันนรปเังวนรสจิ อ่ืะือยั งเแเมทลหาศ่มง่จไชนาทาี้กเตปยพิ็น(รดวกะช�ำรา.เ)ารนชรสินดวำ� กนบำ� ารกัรริ งว(โาอมดนพผยค.ลสสณกธถะ.าา)กรบรศรันึกมวษกิจาาัยรขเสอพง่ งเื่อสผกรู้เมาิขรวียทพินยัฒเกานศี่ยาาวสปกตรับระก์ เวลทจิ ไยศั กแไพทลันะยนธบว(TตััตDกรรRปรI่า)มไโม(ดสNอ้แกยดลaสไศิtะดวiกo.ร้รพ)์าัnบอแนั รaทลิศธปlะุนรบลโLาอตัคูกiงbุดรรปกงปrหูร่าaกา่นเrาณไศyรุนมรอวo้อษน/ิจfยฐรุ ัอยTธกุักดจยษhิจาิศาพa์เก.รพiนัl์สa่ือธอ�ำnกนุศิ นdร�ำรัรกมามCงงาพาaกในtชชืูรa้ lณogอinยgธุ ยinา.P-u- bพlิมicพ บัณฑติ พัฒนบริหารศาสตร์, 2565. พิมพท์ ี่ บรษิ ัท พี.เอ. ลีฟวิ่ง จ�ำกดั 230 หน้า 4 ซอยสริ ินธร 7 แขวงบางบำ� หรุ เขตบางพลัด IกSรBงุNเทXพXฯX-X1X0X7-0X0XX-XXX-X โทรศพั ท์ 02-881-9890 email:[email protected]ป.cา่ oไมm้และการปา่ ไม้ – ไทย 2. ปา่ ไมแ้ ละการปา่ ไม้ – แง SD 657 .T5 อ14 2565 634.9 -- dc

”จกิ ฐษรศเาป่ “ “ปา่ เศรษฐกิจ” ศศิน เฉลิมลาภ ภาลมิลฉเ นิศศ ประธานกรรมการ )4652 นยายนัก( มลู นิธิสบื นาคะเสถยี ร (กันยายน 2564)

คำ� น�ำผเู้ ขียน ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ประเทศไทยสญู เสยี พน้ื ทปี่ ่าไม้ไปกวา่ 50 ล้านไร่ ผมไม่อยากโทษ ตายายเกบ็ เหด็ ในเขตปา่ ไมเ้ ทา่ ไหร่ เพราะพวกเขากเ็ ปน็ เพยี งแคแ่ พะรบั บาป สาเหตสุ ำ� คญั ของ การสูญเสยี พื้นที่ปา่ ไมค้ อื การคดิ ว่ากฎหมายสามารถปกปอ้ งป่าไมไ้ ด้ หรืองบประมาณแผน่ ดิน สามารถรกั ษาปา่ ได้ แตต่ ลอดเวลา 60 ปที ผี่ า่ นมาพสิ จู นแ์ ลว้ วา่ กฎหมายและงบประมาณแผน่ ดนิ ไมส่ ามารถปกปอ้ งพน้ื ทป่ี า่ ไมไ้ วไ้ ดด้ เี ทา่ ทค่ี วร การใชก้ ฎหมายในการปกปอ้ งพนื้ ทปี่ า่ ยงั เปดิ โอกาส ให้ผมู้ อี ทิ ธิพลสามารถอยู่เหนือกฎหมายและแสวงหาผลประโยชนใ์ นรปู ของการคา้ ไมเ้ ถอื่ นได้ ต่อมา การบุกรุกพื้นท่ีป่าถูกซ้�ำเติมอย่างรุนแรงด้วยธุรกิจข้าวโพดเล้ียงสัตว์บน พน้ื ทส่ี งู ซงึ่ ในปจั จบุ นั ยงั ไมส่ ามารถพสิ จู นไ์ ดว้ า่ ใครเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ การตอ่ สกู้ บั ธรุ กจิ การเกษตร เชงิ พาณชิ ยบ์ นทส่ี งู กนิ พน้ื ทกี่ วา่ 10 ลา้ นไรซ่ ง่ึ อยเู่ หนอื กำ� ลงั ทภ่ี าครฐั จะปราบปรามได้ กอปรกบั อยู่ในช่วงเวลาท่ีประเทศไทยจ�ำเป็นต้องอาศัยการเพ่ิมพื้นที่ป่าไม้เพ่ือท�ำหน้าท่ีดูดซับคาร์บอน และนำ� ประเทศไทยส่สู ถานะความสมดุลทางคารบ์ อน (Carbon Neutral) หากประเทศไทยตอ้ งการบรรลพุ น้ื ทปี่ า่ ไมเ้ ปา้ หมายรอ้ ยละ 40 ของพนื้ ที่ ประเทศไทย ต้องเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ 26 ล้านไร่ แต่ด้วยกลไกภาครัฐที่จัดสรรงบประมาณการปลูกป่า ให้ปีละ 500 ล้านบาท ท�ำให้หน่วยงานด้านป่าไม้สามารถฟื้นฟูพื้นท่ีป่าไม้ได้เพียงประมาณ ปีละ 200,000 ไร่เท่าน้ัน ซ่ึงการใช้กลไกภาครัฐในการฟื้นฟูพื้นท่ีป่าไม้น้ีจะต้องใช้เวลา ในการด�ำเนินการนานถึง 130 ปี หรือประมาณ 40 รัฐบาลกว่าประเทศไทยจะมีพ้ืนท่ีป่าไม้ ตามเปา้ หมาย ดงั นนั้ สง่ิ เดยี วทป่ี ระเทศไทยจะทำ� ไดค้ อื การหากลไกใหมท่ ม่ี พี ลงั มากพอจะสกู้ บั ธรุ กจิ การเกษตรเชงิ พาณชิ ยบ์ นทส่ี งู และการลกั ลอบตดั ไมเ้ ถอ่ื น ทงั้ ยงั ตอ้ งเปน็ พลงั ทม่ี ศี กั ยภาพ มากพอจะสามารถเพม่ิ พ้นื ทปี่ ่าไมไ้ ดม้ ากถงึ 26 ลา้ นไร่อกี ด้วย พันธบัตรป่าไม้ เป็นกลไกทางการคลังที่ระดมเงินจากประชาชน ภาคธุรกิจหรือ ตลาดหลกั ทรพั ยเ์ พอื่ นำ� ไปใชใ้ นการปลกู ปา่ เศรษฐกจิ ในพน้ื ทปี่ า่ ไมข้ องรฐั ทถี่ กู บกุ รกุ ผทู้ ปี่ ลกู ปา่ จะเป็นผู้ประกอบการเอกชนท่ีมีศักยภาพในการปลูกป่าเศรษฐกิจในพื้นท่ีขนาดใหญ่ โดย ผลตอบแทนจากการขายไม้จะน�ำมาทยอยจ่ายคืนให้กับผู้ลงทุนในพันธบัตรป่าไม้ ผู้เขียน หวงั วา่ การพฒั นาปา่ เศรษฐกจิ ดว้ ยกลไกพนั ธบตั รปา่ ไมจ้ ะมพี ลงั มากพอทจ่ี ะ “พลกิ ฟน้ื ผนื ปา่ ” ใหก้ บั ประเทศไทยได้ ทง้ั ยงั เชือ่ วา่ หนทางเดียวที่จะต่อสูก้ บั ธรุ กจิ ของผู้มอี ทิ ธพิ ลท่อี ยเู่ บ้อื งหลงั การทำ� ลายปา่ ไมด้ ว้ ยธรุ กจิ การเกษตรเชงิ พาณชิ ยบ์ นทสี่ งู หรอื การลกั ลอบตดั ไมเ้ ถอื่ นคอื การใช้ ง

พลงั ทางธรุ กจิ ดว้ ยกนั มาหกั ลา้ งกนั เอง ถา้ กลไกพนั ธบตั รปา่ ไมท้ สี่ นบั สนนุ การปลกู ปา่ เศรษฐกจิ สามารถท�ำกำ� ไรไดด้ ี มกี ารแบง่ ปันผลประโยชนอ์ ย่างเป็นธรรม โดยเจา้ ของเงนิ ไดผ้ ลตอบแทน จากการลงทุนในพันธบัตรป่าไม้ ชาวบ้านมีงานท�ำและมีรายได้ท่ีม่ันคงจากการปลูกและดูแล ไมเ้ ศรษฐกจิ นกั ธรุ กจิ ไดก้ ำ� ไรจากการทำ� ไมเ้ ศรษฐกจิ สงั คมไดป้ า่ ไมค้ นื มาและระบบนเิ วศดขี นึ้ ก็น่าจะต้านทานและเข้ามาทดแทนธุรกิจการเกษตรเชิงพาณิชย์บนท่ีสูงหรือการลักลอบตัด ไมเ้ ถอื่ นได้ ถงึ แมก้ ารปลกู ปา่ เศรษฐกจิ จะไมส่ ามารถทำ� ใหพ้ นื้ ทปี่ า่ กลบั คนื มาเหมอื นปา่ ธรรมชาติ ได้ แต่การมีป่าเศรษฐกิจก็ยังท�ำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้มากกว่าปล่อยให้พ้ืนท่ีสูงของ ประเทศไทยเป็นเขาหัวโลน้ อยา่ งที่เปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั หนังสือเล่มน้ีได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งปัจจุบันคือ ส�ำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่ให้ทุนวิจัย และโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ (อพ.สธ.) และขอขอบคุณผู้ช่วยงานวิจัย ได้แก่ คุณปริญญารัตน์ เลี้ยงเจริญ ดร.ธีรธร ยูงทอง คุณทิพวัลย์ แก้วมีศรี คุณกาญจนา ย่าเสน และคุณเนตรนภิศ ฤทธิสร ท่ที �ำให้หนังสอื เลม่ น้ีส�ำเร็จลลุ ่วงไปไดด้ ้วยดีไว้ ณ ทีน่ ้ี รศ.ดร.อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คณะพฒั นาการเศรษฐกจิ สถาบันบัณฑิตพัฒนบรหิ ารศาสตร์ จ

ค�ำนิยม หลงั จากทไี่ ดม้ กี ารแกก้ ฎระเบยี บ ขอ้ บงั คบั อนบุ ญั ญตั ิ และกฎหมายตา่ ง ๆ เกย่ี วกบั การปา่ ไมห้ ลายฉบบั ในชว่ งปี พ.ศ. 2563-2564 ซง่ึ สาระสำ� คญั สว่ นหนงึ่ กค็ อื การทำ� ใหก้ ารปลกู ไม้เศรษฐกิจที่เป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมายป่าไม้ สามารถท�ำได้โดยสะดวกมากข้ึน รวมท้ัง การทำ� ไม้ ตลอดจนการประกอบธรุ กจิ ตอ่ เนอ่ื งตา่ ง ๆ ดว้ ย โดยมกี ารยนิ ยอมใหป้ ลกู ไมเ้ ศรษฐกจิ ในที่ดินเอกชนและที่ดินของรัฐ ท่ีรัฐยินยอมอนุญาตให้ประชาชนเข้าท�ำประโยชน์ในที่ดิน ในเขตสงวนและหวงหา้ มต่าง ๆ ได้ ตามท่ีรฐั ก�ำหนด ซึ่งขณะนก้ี ็ยงั อย่ใู นระหว่างการปรับปรงุ กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ตา่ ง ๆ ใหส้ อดคล้องกับนโยบาย กฎหมายและแนวทางทเี่ หมาะสมและ สอดคล้องกับภาวะการทางเศรษฐกิจ สังคมและส่ิงแวดล้อมท่ีเป็นอยู่ เหตุการณ์นี้ถือเป็น จดุ เรมิ่ ตน้ ทที่ ำ� ใหก้ ารปลกู ไมเ้ ศรษฐกจิ ปา่ เศรษฐกจิ การปลกู ปา่ เพอื่ การรกั ษาปา่ ไม้ การอนรุ กั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศน์ต้นน�้ำ รวมถึงเศรษฐกิจและ ส่ิงแวดล้อมชุมชน สามารถเป็นไปได้และมีโอกาสที่จะผลิกผันจากภาวะอันเสื่อมโทรมของ ทรัพยากรป่าไม้ให้ได้รับการฟื้นฟูได้ในเวลาที่ไม่นานมากนัก และเป็นการแสดงเจตนาท่ีจะใช้ มาตรการทางเศรษฐกจิ ผสมผสานกบั มาตรการทางดา้ นอนรุ กั ษเ์ ขา้ ดว้ ยกนั แทนทจี่ ะเนน้ การใช้ กฎหมาย การปราบปรามและการดำ� เนนิ การทางภาครฐั เป็นหลกั เปน็ เรอ่ื งทเ่ี หมาะสมกบั เวลาเปน็ อยา่ งยง่ิ ทหี่ นงั สอื เรอ่ื ง “พลกิ ฟน้ื ผนื ปา่ ดว้ ยพนั ธบตั ร ป่าไม้” โดย รศ.ดร.อดิศร์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ไดถ้ ูกนำ� เสนอข้นึ โดยเนน้ วธิ ีการปฏิบัตใิ นเชิง เศรษฐกจิ เพอ่ื เปดิ ชอ่ งทางใหม้ กี ารระดมทนุ เพอ่ื การ “พลกิ ฟน้ื ผนื ปา่ ” อยา่ งตรงประเดน็ ถอื เปน็ คร้ังแรกท่ีมีการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการระดมทุนของนานาประเทศท่ีใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ ควบคไู่ ปกบั มาตรการดา้ นกฎหมายเพอื่ การฟน้ื ฟแู ละอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ของหลาย ๆ ประเทศในเชิงเปรียบเทียบอย่างกว้างขวาง โดยมาตรการส�ำคัญที่ได้ยกขึ้นมา นำ� เสนอเปน็ ทางเลอื กสำ� หรบั ประเทศไทยคอื มาตรการออกพนั ธบตั รปา่ ไม้ โดยการระดมทนุ จาก ทกุ ภาคสว่ น เพื่อใช้ในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมป่าไม้กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ควบคู่กันไป แม้การลงทุนปลูกป่าจะเป็นการลงทุนระยะยาว ในข้อเสนอก็ได้มีการก�ำหนดมาตรการและ วธิ กี ารตา่ ง ๆ และมกี ารวเิ คราะหท์ างการเงนิ และเศรษฐกจิ ตลอดจนการเสนอขอ้ เสนอแนะและ กำ� หนดเงอ่ื นไขในการปรบั โครงสรา้ ง การออกพนั ธบตั รและการบรหิ ารจดั การตา่ ง ๆ จนสามารถ ฉ

พิสูจน์ได้ว่า ถ้ามีการด�ำเนินการตามเง่ือนไขต่าง ๆ มีการท�ำความเข้าใจ มีการศึกษาวิธีการ ท่ีเหมาะสมและให้จริงจังแล้ว การออกพันธบตั รปา่ ไมจ้ ะคมุ้ ทนุ ทัง้ ผอู้ อกพันธบัตรและผู้ลงทนุ ทัง้ นค้ี วามเชอื่ มโยงกับมาตรการอน่ื ๆ และนโยบายทไ่ี ด้ดำ� เนนิ การไวแ้ ล้วในอดีตกย็ ังสามารถ ดำ� เนินการต่อควบคกู่ ันไปได้ ผมชน่ื ชมและเหน็ ดว้ ยกบั ขอ้ เสนอตา่ ง ๆ และทศิ ทางทเ่ี สนออยา่ งเตม็ ท่ี และเหน็ วา่ ผู้ทเี่ ก่ยี วขอ้ งนา่ จะน�ำขอ้ เสนอไปพัฒนาเปน็ นโยบาย แนวทาง ระเบยี บข้อบงั คบั และวิธีปฏบิ ัติ โดยมีการรับฟังความคิดเห็นและน�ำเสนอให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้และมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ผมเช่ือว่าข้อเสนอในหนังสือ “พลิกฟื้นผืนป่าด้วยพันธบัตรป่าไม้” จะเป็นส่วนส�ำคัญในการ ผลักดันให้การฟื้นฟูป่าไม้ของประเทศในภาพรวม ประสบความส�ำเร็จตามนโยบายป่าไม้ ของประเทศต่อไป ปตี ิพงศ์ พ่ึงบุญ ณ อยธุ ยา กรรมการกฤษฎกี า นายกสมาคมเศรษฐศาสตร์เกษตรแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ช

องคป์ ระกอบของหนังสอื บทน�ำ ความสำ� คญั ของปา่ ไมแ้ ละการดำ� เนนิ งานดา้ นป่าไม้ของประเทศไทย กลไกทางเศรษฐศาสตรแ์ ละกลไกทางการเงิน การท�ำงานของพนั ธบตั รป่าไม้ ความคมุ้ ค่าการลงทนุ ในปา่ เศรษฐกิจ กฎหมายและองคก์ ร การด�ำเนนิ การส่คู วามสำ� เร็จของพนั ธบัตรปา่ ไม้ พนั ธบัตรปา่ ไมเ้ พอื่ อนาคตทีด่ ีกว่า ซ

สารบญั คำ� นำ� ผู้เขยี น ง คำ� นิยม ฉ องค์ประกอบของหนังสอื ซ สารบัญ ฌ สารบัญตาราง ฏ สารบัญภาพ ฐ บทที่ 1 บทนำ� 1 ประโยชนข์ องป่าไม้ 3 พน้ื ท่ปี ่าไมข้ องไทย 6 การบรหิ ารป่าไมใ้ นปัจจบุ ัน 8 ทำ� ไมต้องใช้กลไกพันธบตั รปา่ ไม ้ 9 โครงสร้างหนังสอื 11 บทท่ี 2 ความส�ำคัญของป่าไมแ้ ละการด�ำเนินงานด้านปา่ ไม้ของประเทศไทย 15 ความส�ำคญั ของปา่ ไม้ 17 สถานการณป์ ่าไมใ้ นประเทศไทย 22 การสูญเสียปา่ ไม้ของประเทศไทย 26 เปา้ หมายพื้นที่ปา่ ไม้ที่ร้อยละ 40 ของพน้ื ทป่ี ระเทศไทย 31 นโยบายและมาตรการของรฐั ดา้ นป่าไม้ 35 งบประมาณในการฟื้นฟูป่า 48 บทที่ 3 กลไกทางเศรษฐศาสตร์และกลไกทางการเงิน 51 บทบาทของพนั ธบตั ร 54 หลกั การในการแปลงสนิ ทรัพยเ์ ป็นหลกั ทรพั ย ์ 55 กระบวนการ EcoSecuritization 56 การลงทนุ และการระดมทนุ ในตลาดตราสารหน้ี (Bond Markets) 58 หลกั การ Polluter-Pays Principle และ Payment for Ecosystem Service 62 ฌ

สารบัญ บทท่ี 4 การท�ำงานของพันธบัตรปา่ ไม้ หนา้ ทีม่ าของแนวคดิ ในการระดมทนุ ดว้ ยพันธบตั รป่าไม้ 65 โครงสร้างของพนั ธบตั รป่าไมแ้ ละการด�ำเนินการ 67 รูปแบบกลไกพนั ธบัตรป่าไมข้ องตา่ งประเทศ 71 การเปรยี บเทียบการพัฒนากลไกพันธบตั รป่าไม้ 73 จากกรณกี ารศึกษาต่างประเทศ โครงการธนาคารต้นไม้ของประเทศไทย 86 การเปรียบเทียบกลไกพนั ธบัตรป่าไม้กบั ธนาคารต้นไม ้ 88 บทที่ 5 ความค้มุ ค่าการลงทุนในป่าเศรษฐกจิ 94 ประโยชนจ์ ากระบบนเิ วศทรัพยากรป่าไม้ 97 ตน้ ทนุ การปลกู ป่าเศรษฐกิจ 99 การวิเคราะหค์ วามคมุ้ ค่าทางเศรษฐศาสตร์ 107 การก�ำหนดเขตป่าไม้เศรษฐกจิ ของประเทศไทย 111 บทท่ี 6 กฎหมายและองค์กร 112 กฎหมายทเ่ี กยี่ วข้องกบั ป่าไม ้ 125 ปัญหาและอปุ สรรคด้านกฎหมายในการดำ� เนนิ กลไกพนั ธบตั รปา่ ไม ้ 128 องคก์ รทีร่ บั ผิดชอบดา้ นปา่ ไม้ 150 บทที่ 7 การดำ� เนนิ การสคู่ วามส�ำเร็จของพันธบัตรปา่ ไม้ 151 ปัจจัยทมี่ ผี ลต่อการพฒั นากลไกพันธบัตรปา่ ไม้สำ� หรบั ประเทศไทย 159 ขอ้ พิจารณาในการออกพนั ธบัตรป่าไม้ 161 รปู แบบของกลไกพนั ธบตั รปา่ ไม ้ 162 ขอ้ เสนอแนะการระดมทนุ เพ่ืออนุรกั ษ์ปา่ 164 177 ญ

สารบัญ บทท่ี 8 พนั ธบัตรปา่ ไมเ้ พือ่ อนาคตท่ีดกี วา่ หน้า พันธบตั รป่าไม้คอื อะไร 185 ประโยชน์ของกลไกพนั ธบตั รป่าไม ้ 188 พันธบัตรป่าไม้ในตา่ งประเทศ 189 องค์กรและกฎหมาย 190 สิง่ ท่ดี �ำเนนิ การต่อไป 191 192 บรรณานุกรม 194 ภาคผนวก ภาคผนวก ก การประเมินมูลค่าไมจ้ ากการทำ� ไมอ้ ยา่ งย่งั ยนื 201 ภาคผนวก ข การคำ� นวณมลู คา่ คาร์บอนเครดิตภาคปา่ ไม ้ 203 ภาคผนวก ค ผลการศกึ ษา 74 จงั หวดั ของประเทศไทย จ�ำแนกตามเขตเศรษฐกจิ ไมส้ กั 207 ฎ

สารบญั ตาราง ตารางที่ 2.1 ล่มุ น�้ำหลกั ของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2552 หนา้ 24 ตารางที่ 2.2 พืน้ ท่ปี ่าชายเลนของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2547 และ พ.ศ. 2556 25 ตารางที่ 2.3 พืน้ ท่ีปา่ อนรุ กั ษ์ตามกฎหมาย ปี พ.ศ. 2553 25 ตารางที่ 2.4 แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาตดิ ้านทรัพยากรป่าไม ้ 42 ตารางท่ี 2.5 งบประมาณในการบริหารจัดการทรัพยากรป่า และการปลูกป่าแยกตามรายหนว่ ยงาน 45 ตารางท่ี 3.1 โครงสร้าง EcoSecuritization แต่ละประเภท 57 ตารางที่ 4.1 การวิเคราะห์คณุ ลกั ษณะของพนั ธบตั รปา่ ไม้ในบรบิ ท ของประเทศบราซลิ 79 ตารางที่ 4.2 สรุปข้อไดเ้ ปรียบและเสยี เปรยี บของรูปแบบการออกพนั ธบตั ร แตล่ ะประเภท 85 ตารางท่ี 4.3 การเพ่มิ พน้ื ท่ีปา่ ของประเทศคอสตาริกา้ เกาหลใี ต้ และไทย 88 ตารางที่ 5.1 การวิเคราะหค์ วามคุ้มคา่ การลงทุนในการปลูกปา่ 101 ตารางท่ี 5.2 ราคาประเมินเฉล่ียและคา่ เชา่ เฉลยี่ รายปี 110 ตารางที่ 5.3 ตน้ ทนุ การปลกู ไมส้ กั 117 ตารางที่ 5.4 การประมาณผลผลติ ไมส้ ักของพืน้ ทตี่ า่ ง ๆ ตามศกั ยภาพ 118 ตารางที่ 5.5 การประมาณรายได้จากคาร์บอนเครดิต 120 ตารางท่ี 5.6 ความคุม้ คา่ ทางเศรษฐศาสตรจ์ ากการลงทุนปลูกไมส้ กั 121 ตารางที่ 6.1 การอนุญาตทำ� ไม้ 140 ตารางท่ี 6.2 องคก์ รและกฎหมายท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การออกพนั ธบัตรปา่ ไม้ 156 ตารางที่ 7.1 เปรียบเทยี บความเปน็ ไปได้ในการออกพันธบัตรป่าไมท้ งั้ 2 รูปแบบ 168 ฏ

สารบญั ภาพ ภาพที่ 1.1 พืน้ ท่ปี ่าไมข้ องประเทศไทย ปี พ.ศ. 2504-2563 หนา้ 7 ภาพท่ี 2.1 พ้ืนทีป่ ่าไมข้ องประเทศไทย ปี พ.ศ. 2521-2563 26 ภาพท่ี 2.2 แนวโน้มความต้องการใชไ้ ม้ของประเทศไทย 27 ภาพที่ 2.3 จ�ำนวนคดแี ละเนอ้ื ที่ป่าถกู บุกรุกแผว้ ถาง ปี พ.ศ. 2545-2552 28 ภาพท่ี 2.4 ความสมั พันธร์ ะหว่างพื้นท่ปี ่าไมแ้ ละจ�ำนวนประชากรของประเทศไทย 29 ภาพท่ี 2.5 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพนื้ ทปี่ า่ ไมก้ บั พนื้ ทท่ี างการเกษตรของประเทศไทย 30 ภาพที่ 2.6 สัดส่วนพ้นื ทีป่ า่ ไม้ของประเทศต่าง ๆ ปี พ.ศ. 2563 32 ภาพท่ี 2.7 พ้นื ทปี่ ่าร้อยละ 40 มาจากไหน 34 ภาพที่ 2.8 พนื้ ที่ป่าทไ่ี ดร้ บั การฟน้ื ฟูของประเทศไทยโดยกรมปา่ ไม้ ปี พ.ศ. 2554-2563 47 ภาพที่ 2.9 งบประมาณในการฟ้นื ฟูป่า ปี พ.ศ. 2560-2564 48 ภาพท่ี 4.1 กลไกพันธบตั รปา่ ไม ้ 69 ภาพที่ 4.2 โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของพันธบตั รปา่ ไม้ 71 ภาพท่ี 4.3 รูปแบบในการออกพันธบัตรของ Global Canopy Programme รปู แบบท่ี 1 75 ภาพท่ี 4.4 รปู แบบในการออกพันธบตั รของ Global Canopy Programme รปู แบบที่ 2 75 ภาพท่ี 4.5 รปู แบบในการออกพนั ธบตั รของ Global Canopy Programme รูปแบบท่ี 3 76 ภาพท่ี 4.6 รูปแบบในการออกพันธบัตรของ Global Canopy Programme รปู แบบที่ 4 77 ฐ

สารบัญภาพ ภาพที่ 4.7 รปู แบบในการออกพนั ธบัตรของ Global Canopy Programme หน้า รปู แบบที่ 5 78 ภาพที่ 4.8 รูปแบบในการออกพันธบัตรของ Global Canopy Programme รปู แบบที่ 6 78 ภาพที่ 4.9 รปู แบบในการออกพนั ธบัตรของ Forum for the Future and EnviroMarket ประเภทท่ี 1 81 ภาพที่ 4.10 รูปแบบในการออกพันธบัตรประเภทของ Forum for the Future and EnviroMarket ประเภทท่ี 2 82 ภาพท่ี 4.11 รปู แบบในการออกพันธบตั รประเภทของ Forum for the Future and EnviroMarket ประเภทท่ี 3 83 ภาพที่ 4.12 รูปแบบในการออกพนั ธบัตรประเภทของ Forum for the Future and EnviroMarket ประเภทท่ี 4 84 ภาพที่ 4.13 กรอบแนวคดิ ในการดำ� เนินการสง่ เสริมปลูกต้นไม้เพ่อื เป็นทนุ ระยะยาว 92 ภาพที่ 4.14 กรอบแนวคดิ หลกั การ วตั ถุประสงค์ และเปา้ หมายของธนาคารต้นไม้ 93 ภาพที่ 5.1 การจ�ำแนกศกั ยภาพพนื้ ท่ที เี่ หมาะสมในการปลูกไม้สัก ตามสมรรถนะที่ดิน 115 ภาพที่ 5.2 เขตศกั ยภาพไม้สักของประเทศไทย 123 ภาพท่ี 7.1 รูปแบบพันธบัตรป่าไม:้ กรณอี งค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นหนว่ ยงานด�ำเนนิ การ 165 ภาพที่ 7.2 รปู แบบพันธบัตรป่าไม้: กรณีบรษิ ทั เอกชน (ขนาดใหญ่) เปน็ หน่วยงานดำ� เนนิ การ 166 ภาพที่ 7.3 รูปแบบพนั ธบตั รปา่ ไม้: กรณีจดั ต้ังกองทนุ ปา่ ไม ้ 172 ภาพท่ี 7.4 รูปแบบการดำ� เนนิ พนั ธบัตรป่าไมส้ ำ� หรับประเทศไทย 176 ฑ





บทท่ี 1 บทนำ�

สังคมไทยต้องเปล่ียนวิธคี ดิ ใหม่เกี่ยวกับการดแู ลป่าไม…้ การระดมทนุ ด้วยการออกพันธบตั รป่าไม้เพอ่ื ทำ� ไมเ้ ศรษฐกจิ การสรา้ งรายได้จากการคา้ ขายไมอ้ ย่างเสรี และมีการแบ่งปนั ผลประโยชน์ อย่างเปน็ ธรรม เป็นหนทางท่มี ีอานุภาพมากพอท่ีจะตา้ นทานผมู้ ีอิทธพิ ล ในกระบวนการตดั ไม้เถ่อื นและการท�ำลายป่าไมด้ ว้ ยการปลกู พชื บนพ้ืนทสี่ งู …

พลกิ ฟนื้ ผนื ป่าดว้ ยพนั ธบัตรปา่ ไม้ ป่าไม้มีความส�ำคัญต่อแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ส�ำหรับประเทศไทยการรักษา พ้ืนที่ป่าไม้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถือได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ส�ำคัญในการสร้างความสมดุล ทางธรรมชาติ เพ่ือน�ำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาประเทศ ในระยะยาว จากการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ตลอดเวลา 60 ปีท่ีผ่านมา รัฐบาลไทยได้พยายาม เพิ่มพื้นท่ีป่าไม้ให้เป็นไปตามเป้าหมายป่าไม้ที่ร้อยละ 40 ของพ้ืนท่ีประเทศ แต่ผ่านไป 20 ปี พนื้ ทีป่ า่ ไม้ของไทยยงั คงมเี พยี งรอ้ ยละ 31-32 ของพน้ื ทีป่ ระเทศเทา่ น้ัน กล่าวคือ ประเทศไทย ต้องการเพ่ิมพ้ืนท่ีป่าไม้อีกประมาณร้อยละ 8 ของพื้นท่ีประเทศ หรือคิดเป็นเน้ือท่ีประมาณ 26 ล้านไร่ ซึง่ การเพิ่มพ้ืนที่ปา่ ไมท้ ีม่ ขี นาดใหญ่ถึง 26 ลา้ นไร่น้ี เปน็ ความท้าทายและตอ้ งการ กลไกบางอยา่ งที่มีอานภุ าพมากพอทจี่ ะเพ่ิมพืน้ ท่ีป่าไม้ใหไ้ ด้ 26 ล้านไร่ตามเป้าหมาย ประโยชนข์ องปา่ ไม้ ด้วยสภาพภูมิประเทศของไทย พื้นที่ป่าไม้โดยเฉพาะป่าไม้บนพื้นที่สูงได้ท�ำหน้าที่ ชะลอการไหลของน�ำ้ ในช่วงฤดฝู น ปา่ ไมจ้ งึ สามารถช่วยป้องกนั ปัญหาน�ำ้ หลากและน้ำ� ท่วมได้ เปน็ อยา่ งดี การทพี่ นื้ ทป่ี า่ ไมส้ ามารถดดู ซบั นำ้� ไวไ้ ดใ้ นชว่ งฤดฝู นและคายนำ้� ออกมาในชว่ งฤดแู ลง้ ทำ� ใหป้ ระเทศไทยสามารถมนี ำ้� ใชไ้ ดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง หมายความวา่ พน้ื ทป่ี า่ ไมเ้ ปน็ กลไกทางธรรมชาติ ทที่ ำ� หนา้ ทค่ี วบคมุ การไหลของนำ�้ (Water Regulator) จงึ สามารถชว่ ยลดความสญู เสยี จากปญั หา นำ�้ ทว่ มนำ้� แลง้ ได้ ไมว่ า่ จะเปน็ การลดความสญู เสยี ทป่ี ระชาชนตอ้ งเผชญิ หรอื การชว่ ยประหยดั งบประมาณของรัฐบาลท่ีไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับประชาชนกรณีน้�ำท่วมและน้�ำแล้งได้ปีละ หลายหมน่ื ลา้ นบาท (กรณนี ำ�้ ทว่ ม 2.8 หมนื่ ลา้ นบาท1 และภยั แลง้ เฉลย่ี ตอ่ ปี 1,026 ลา้ นบาท2) นอกจากน้ี การมีพ้ืนท่ีป่าไม้ยังช่วยควบคุมภูมิอากาศ (Climate Control) หรือท�ำหน้าท่ี ฟอกอากาศให้กับมนุษย์ดังจะสังเกตได้จากการท่ีกรุงเทพมหานครพยายามรักษาพื้นที่สีเขียว บางกะเจ้าไวเ้ พอื่ ท�ำหนา้ ท่เี ปน็ ปอดสำ� หรบั คนกรุงเทพฯ จรงิ อยทู่ กี่ ารรกั ษาพนื้ ทป่ี า่ ไมท้ ำ� ใหป้ ระเทศไทยตอ้ งใชท้ ดี่ นิ จำ� นวนมากซง่ึ สง่ ผลกระทบ ใหเ้ สยี โอกาสนำ� ทด่ี นิ ไปใชเ้ พอื่ การอน่ื ๆ เชน่ การเกษตร หรอื การพฒั นาเมอื ง แตก่ ารมพี นื้ ทปี่ า่ 1 งบช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน (อุทกภัย) จากงบกลางรายการเงินส�ำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ�ำเป็น งบประมาณรายจ่ายประจำ� ปี 2554 จาก ไทยพบั ลิกา้ . (2554) 2 ข้อมูลภัยพิบัติจากศูนย์อ�ำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ย้อนหลัง 30 ปีต้ังแต่ปี 2532–2561 กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั กระทรวงมหาดไทย จาก ไทยพับลกิ า้ . (2563) 3

บทที่ 1 บทน�ำ ก็สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมากมายเช่นกัน เพราะนอกเหนือจากการท�ำหน้าที่ ควบคุมการไหลของน้�ำและการควบคุมภูมิอากาศแล้ว ผลผลิตจากป่ายังสามารถสรา้ งรายได้ ให้ประชาชนและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อีกเป็นอันมาก มูลค่าทางเศรษฐกิจจากผลผลิต จากป่าประกอบด้วยสองส่วน ส่วนแรกคือผลผลิตจากไม้ (Timber forest products) และ ส่วนที่สองคือผลผลิตท่ีไม่ใช่ไม้ (Non-timber forest products) ในส่วนของผลผลิตจากไม้ (Timber forest products) หมายถงึ ความสามารถในการผลติ ไมเ้ พอ่ื ใชใ้ นอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ การสรา้ งรายได้จากการส่งออกไมห้ รือผลติ ภัณฑจ์ ากไม้ หรอื การใช้เศษไมเ้ พือ่ ใชผ้ ลติ พลังงาน หมนุ เวยี น ซงึ่ รวมกนั แลว้ สามารถสรา้ งมลู คา่ ทางเศรษฐกจิ ไดป้ ระมาณปลี ะ 350,000 ลา้ นบาท เชน่ กัน (มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, 2560) ในสว่ นของผลผลติ ทไ่ี มใ่ ชไ่ ม้ (Non-timber forest products) ประกอบดว้ ยกจิ กรรม ทางเศรษฐกิจหลายประเภท เช่น การใช้ทรพั ยากรความหลากหลายทางชีวภาพเพ่อื ทำ� หน้าที่ เป็นพืน้ ฐานส�ำคัญในการพฒั นาเศรษฐกจิ บนฐานชีวภาพ (Bio-economy) ท่ตี ้องใช้นวัตกรรม ด้านพันธุกรรมเพื่อน�ำไปสู่การพัฒนาคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรและอาหาร การพัฒนา ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ ความงามหรอื การพฒั นายารักษาโรค ซ่ึงอตุ สาหกรรมเหลา่ นเ้ี ปน็ อตุ สาหกรรม S-Curve ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงและเป็นอนาคตทางเศรษฐกิจที่ส�ำคัญของประเทศไทย ท่ีส�ำคัญอุตสาหกรรมที่พ่ึงพิงทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพได้ถูกก�ำหนดให้เป็น องคป์ ระกอบหลกั ของการพฒั นาตามแนวทาง B-C-G โมเดล ของประเทศไทย ซงึ่ ประกอบดว้ ย 3 เศรษฐกจิ หลกั คอื B Bio economy ระบบเศรษฐกจิ ชวี ภาพ มงุ่ เนน้ การใชท้ รพั ยากรชวี ภาพ อยา่ งคุ้มค่า เชอื่ มโยงกบั C Circular economy ระบบเศรษฐกจิ หมุนเวยี น ที่คำ� นงึ ถึงการนำ� วสั ดตุ ่าง ๆ กลบั มาใชป้ ระโยชนใ์ ห้มากทส่ี ุด โดยทง้ั 2 เศรษฐกิจหลกั น้จี ะอยูภ่ ายใต้ G Green economy หรือระบบเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งมุ่งแก้ไขปัญหามลพิษเพ่ือลดผลกระทบต่อโลก อย่างยั่งยืนอกี ดว้ ย ส�ำหรับพื้นท่ีชายฝั่ง การมีป่าชายเลนท่ีอุดมสมบูรณ์จะท�ำให้มีพื้นที่ในการวางไข่ และอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์ทะเล ส่งผลให้ทะเลไทยมีความอุดมสมบูรณ์และสร้างมูลค่า ทางเศรษฐกจิ ใหก้ บั อตุ สาหกรรมประมง อตุ สาหกรรมการทอ่ งเทยี่ วทางทะเล และชมุ ชนชายฝง่ั ในส่วนของการสร้างความม่ันคงให้กับชุมชน ป่าไม้จะท�ำหน้าท่ีเป็นแหล่งอาหารหรือตู้ ATM ให้ชมุ ชนสามารถพึ่งพิงไดต้ ลอดทง้ั ปี ดงั นนั้ การมีปา่ ไมท้ อี่ ดุ มสมบูรณจ์ ึงเปน็ ภูมคิ มุ้ กนั สำ� หรบั ชุมชนชนบท และเมื่อใดที่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมหรือเศรษฐกิจภาคเมืองต้องเผชิญกับปัญหา ความผนั ผวนไมว่ า่ จากปจั จยั ภายในหรอื ภายนอก (เชน่ สงครามทางการคา้ หรอื การแพรร่ ะบาด 4

พลิกฟื้นผืนป่าด้วยพันธบตั รปา่ ไม้ ของโรคต่าง ๆ) ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศต้องหยุดชะงัก มีผลให้แรงงานที่ตกงานต้อง ยา้ ยถน่ิ ฐานกลบั คนื สวู่ ถิ ชี วี ติ ในภาคชนบท กส็ ามารถพงึ่ พงิ ทรพั ยากรธรรมชาติ ความอดุ มสมบรู ณ์ ของทรัพยากรน�้ำ ผลผลิตจากป่า หรือท้องทะเลท่ีอุดมสมบูรณ์ในการด�ำรงชีวิตได้ ดังน้ัน การมภี าคชนบททวี่ ถิ ชี วี ติ พง่ึ พงิ ฐานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการมปี า่ ไมอ้ ดุ มสมบรู ณจ์ งึ ถอื ไดว้ า่ เป็นระบบภูมิคุ้มกนั ที่สำ� คญั ของสงั คมไทยมาชา้ นาน นอกจากน้ัน พื้นท่ีป่าไม้ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ชุมชน หรือ ครัวเรือนในรูปของการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเป็นพ้ืนท่ีสันทนาการส�ำหรับประชาชน ได้อีกด้วย ผู้ประกอบการจ�ำนวนมากท่ีมีรายได้จากการพัฒนากิจการท่องเที่ยวโดยพ่ึงพิง พื้นทป่ี ่าไม้ หรอื ท่ีเรยี กวา่ การท่องเทยี่ วเชิงนิเวศ (Ecotourism) (Israngkura, A., 1996) เช่น โฮมสเตย์ ปางชา้ ง การเทย่ี วตามลำ� ธาร นำ้� ตก เสน้ ทางเดนิ ปา่ เสน้ ทางจกั รยาน พนื้ ทก่ี างเตน้ ท์ ต้ังแคมป์ ฯลฯ ล้วนสามารถใช้พ้ืนที่ป่าหรือเส้นทางธรรมชาติเป็นจุดขายเพ่ือสร้างรายได้และ ประโยชนด์ ้านสนั ทนาการแก่ประชาชน ประการสุดทา้ ยคือ การเพิม่ พ้นื ที่ป่าไม้จะท�ำหนา้ ที่ดูดซับคาร์บอน (Carbon Sink) ใหป้ ระเทศไทยไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ปัจจุบนั วิธเี ดียวท่ปี ระเทศไทยจะสามารถเขา้ สู่สถานะการปลอ่ ย กา๊ ซเรือนกระจกสทุ ธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) หรือสถานะความสมดุลทางคารบ์ อน3 (Carbon Neutral) ด้วยต้นทุนท่ีต่�ำคือ การเพิ่มพ้ืนท่ีป่าไม้เท่าน้ัน เพราะการดูดซับคาร์บอน ด้วยการปลูกป่าโดยเฉพาะป่าเศรษฐกิจจะเป็นวิธีท่ีมีความคุ้มค่ามากท่ีสุดส�ำหรับประเทศไทย เพราะต้นไม้จะดูดซับคาร์บอนจากบรรยากาศและน�ำมากักเก็บในมวลเน้ือไม้ เมื่อไม้ถูกตัดมา ใชง้ านเพอื่ ทำ� เปน็ ผลติ ภณั ฑต์ า่ ง ๆ มวลสารคารบ์ อนกจ็ ะถกู กกั เกบ็ ไวใ้ นผลติ ภณั ฑเ์ หลา่ นน้ั ดว้ ย เมอ่ื ประชาชนนำ� ผลติ ภณั ฑจ์ ากไมเ้ ศรษฐกจิ ดงั กลา่ วไปใชใ้ นบา้ นหรอื ทท่ี ำ� งาน บรรดาผลติ ภณั ฑ์ ท่ีน�ำไปใช้น้ันก็จะท�ำหน้าท่ีกักเก็บคาร์บอนไปด้วยโดยปริยาย และเม่ือมีการปลูกต้นไม้ใหม่ ทดแทนไม้เศรษฐกิจท่ีถูกตัดฟันออกมาจากป่าตามรอบการตัด ป่าไม้ก็จะท�ำหน้าท่ีดูดซับ คาร์บอนได้ต่อไป หากไม่มีการตัดฟันต้นไม้เพ่ือน�ำออกมาใช้ประโยชน์แล้ว ต้นไม้ที่โตเต็มที่ และไม่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมากนักจะดูดซับคาร์บอนได้น้อยกว่าต้นไม้ท่ีอายุน้อยและมีการ เจรญิ เตบิ โตเรว็ กวา่ ดงั นน้ั การปลกู ปา่ เศรษฐกจิ เพอื่ นำ� ไมอ้ อกมาใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งตอ่ เนอื่ งจงึ เปน็ วิธีการสร้างรายได้และดูดซับคาร์บอนไปพร้อม ๆ กัน ด้วยเหตุน้ีการเพิ่มพ้ืนที่ป่า โดยเฉพาะ 3 Carbon Neutral มีการแปลเป็นภาษาไทยว่า ความเป็นกลางทางคาร์บอน แต่ผู้เขียนขอบัญญัติศัพท์ Carbon Neutral ใหม่ โดยค�ำที่ให้ความหมายเหมาะสมกวา่ คือ “สถานะความสมดุลทางคาร์บอน” 5

บทที่ 1 บทนำ� ปา่ เศรษฐกจิ จงึ เปน็ วธิ ที ป่ี ระเทศไทยจะสามารถบรรลเุ ปา้ หมายสถานะความสมดลุ ทางคารบ์ อน (Carbon Neutral) และสถานะการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกสทุ ธเิ ปน็ ศนู ย์ (Net Zero Emission) ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพมากที่สดุ การพฒั นาประเทศไทยสสู่ ถานะความสมดุลทางคารบ์ อน (Carbon Neutral) และ สถานะการปลอ่ ยก๊าซเรือนกระจกสุทธเิ ป็นศูนย์ (Net Zero Emission) นับว่าเปน็ สิง่ ที่สำ� คญั เพราะรฐั บาลไทยโดยนายกรฐั มนตรี พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา ไดป้ ระกาศเจตนารมณใ์ นการ ประชุม World Leaders Summit ในช่วงการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลีย่ นแปลงสภาพภมู ิอากาศ (UNFCCC) สมยั ที่ 26 (COP26) ณ เมอื งกลาสโกว์ แคว้นสกอตแลนด์ ประเทศสหราชอาณาจักร เม่ือวันที่ 1-2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ว่า ประเทศไทยจะลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกลงรอ้ ยละ 40 จากระดบั การปลอ่ ยปจั จบุ นั ภายใน พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) ประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมายการปลอ่ ยก๊าซคาร์บอนสทุ ธิเปน็ ศูนย์ ภายใน พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) และปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจก (Greenhouse Gas) สทุ ธเิ ปน็ ศนู ย์ ภายในหรอื กอ่ นปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) โดยแนวทางทป่ี ระเทศไทยจะบรรลเุ ปา้ หมายดงั กลา่ ว ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพทส่ี ดุ รวมทง้ั สรา้ งรายไดแ้ ละประโยชนใ์ หก้ บั ประเทศไทยไปพรอ้ ม ๆ กนั มอี ยู่วธิ เี ดยี วคอื การเพมิ่ พน้ื ที่ปา่ ไม้ พ้นื ท่ปี ่าไมข้ องไทย มีหลายประเทศที่รักษาพื้นท่ีป่าไม้ไว้ในสัดส่วนที่สูงจนเปรียบเสมือนว่าการมีพ้ืนที่ ป่าไม้เป็นยุทธศาสตร์ส�ำคัญในการพัฒนาประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ในระยะยาว ตวั อยา่ งเชน่ ประเทศญปี่ นุ่ ทมี่ ขี นาดพนื้ ทปี่ ระเทศไมม่ ากและมปี ระชากรอยอู่ ยา่ ง หนาแน่น แต่ยุทธศาสตร์การพัฒนาท่ีส�ำคัญของประเทศญี่ปุ่นคือ การมีพื้นที่ป่าไม้สูงถึง รอ้ ยละ 68 ของพื้นท่ีประเทศ เขตปกครองพิเศษฮ่องกงก็เช่นกัน ถึงแม้จะมีพื้นที่ใช้ประโยชน์ จ�ำกัด แต่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงก็สามารถรักษาพ้ืนท่ีป่าไม้ไว้ได้สูงถึงร้อยละ 56 ของพื้นท่ี ประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้านของไทยมีพ้ืนท่ีป่าไม้คิดเป็นร้อยละ 58 ของพื้นที่ประเทศเช่นกัน สว่ นประเทศไทยเองเคยมพี นื้ ทป่ี า่ ไมส้ งู ถงึ กวา่ รอ้ ยละ 50 เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. 2500 (ภาพที่ 1.1) แต่ประเทศไทยไดส้ ูญเสียพืน้ ทีป่ ่าไมจ้ ากการให้สัมปทานป่าไมจ้ นกระท่ังปี พ.ศ. 2532 รัฐบาล จงึ ไดป้ ระกาศหยดุ การทำ� สมั ปทานปา่ ไม้ แตพ่ น้ื ทปี่ า่ ไมก้ ย็ งั ถกู บกุ รกุ จากการลกั ลอบตดั ไมเ้ ถอ่ื น อกี เปน็ จำ� นวนมาก ในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยมพี น้ื ทปี่ า่ ไมเ้ พยี งรอ้ ยละ 32 ของพน้ื ทป่ี ระเทศ 6

พลิกฟน้ื ผนื ป่าด้วยพันธบัตรปา่ ไม้ เท่านั้น ถึงแม้รัฐบาลไทยจะตระหนักถึงความส�ำคัญของป่าไม้และพยายามเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ ให้ได้ตามเป้าหมายร้อยละ 40 ของพ้ืนที่ประเทศ แต่การเฝ้าระวังผู้บุกรุกตัดไม้เถ่ือนก็ดีหรือ การแผ้วถางป่าเพื่อเปิดพื้นท่ีท�ำการเกษตรก็ดี ล้วนเป็นภัยคุกคามป่าไม้ไทยมาโดยตลอด ส่วนการฟื้นฟูสภาพป่าท้ังโดยภาครัฐ ภาคประชาชน หรือภาคเอกชนก็ไม่สามารถเพ่ิมพ้ืนที่ ป่าไม้ได้มากเพียงพอตามเป้าหมายท่ีต้ังไว้ ดังจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา พ้ืนที่ป่าไม้ของประเทศไทยมีประมาณร้อยละ 31-32 ของพ้ืนท่ีประเทศไทยโดยไม่เพิ่มข้ึน หรือลดลงอย่างมีนยั ส�ำคัญ อนง่ึ ภาพที่ 1.1 แสดงใหเ้ หน็ ถงึ การเพม่ิ ของพน้ื ทป่ี า่ ไมช้ ว่ ง พ.ศ. 2542 จากรอ้ ยละ 25 มาเปน็ รอ้ ยละ 33 ของพน้ื ทปี่ ระเทศ แตก่ ารเพมิ่ ขนึ้ ของตวั เลขพนื้ ทป่ี า่ ไมน้ นั้ มใิ ชเ่ ปน็ การเพม่ิ ขน้ึ ของพื้นที่ป่าไม้อย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงการปรับเปล่ียนมาตราส่วนที่ใช้ส�ำหรับจัดท�ำข้อมูล สภาพพน้ื ทปี่ า่ ไมจ้ ากขอ้ มลู ภาพถา่ ยดาวเทยี มมาตราสว่ น 1:250,000 เปน็ มาตราสว่ น 1:50,000 จงึ ท�ำให้ขอ้ มูลพ้ืนที่ป่าไม้เพม่ิ ขึ้น แตพ่ ื้นท่ีปา่ ไม้จรงิ มไิ ด้เพมิ่ ขึ้น 60 เปดิ สมั ปทานปา่ ไม้ มีพืน้ ทป่ี า่ ไม้ 143.75 ลา้ นไร่ 53.3 (คิดเปน็ รอ้ ยละ 44.8 ของพน้ื ที่ประเทศ) 36 ปีของการสัมปทานป่าไม้ (พ.ศ. 2496-2532) 50 เหลอื พ้ืนทปี่ ่าไม้ ร้อยละ 27.05 ของพ้ืนทีป่ ระเทศ ัสด ่สวน ้ืพนท่ีป่าไ ้มต่อ ืพ้นที่ประเทศ (ร้อยละ) 40 เป้าหมายพน้ื ทีป่ า่ ไมป้ ระเทศไทย รอ้ ยละ 40 ของพื้นทป่ี ระเทศ 26 ยกเลกิ สัมปทาน ป่าไม้ 33.2 31.6 ล้านไร่ 30 28.0 20 ภายหลังการยกเลิก มกี ารปรบั เปล่ียนมาตราสว่ นทีใ่ ช้ในการจัดทาข้อมูลสภาพ สัมปทานป่าไม้ พน้ื ทปี่ ่าไมจ้ ากขอ้ มลู ภาพถ่ายดาวเทียมมาตราส่วน 1:250,000 ในระหว่างการสัมปทานป่าไม้ พ้นื ที่ป่าลดลง พื้นทีป่ า่ ลดลง 3.5% ต่อปี เป็นมาตรส่วน 1:50,000 จงึ ทาให้ขอ้ มูลพ้นื ที่ปา่ ไม้เพ่ิมขึน้ 1.2% ต่อปี แต่พนื้ ทป่ี ่าไมจ้ ริงมไิ ด้เพ่ิมขึ้นแต่อย่างใด 10 0 2504 2525 2534 2543 2551 2559 2563 ปี พ.ศ. ภาพท่ี 1.1 พื้นทป่ี า่ ไม้ของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2504-2563 ทม่ี า: ข้อมูลจากกรมปา่ ไม้ (2563ก) 7

บทที่ 1 บทน�ำ การบริหารปา่ ไมใ้ นปัจจุบนั ตลอดชว่ งเวลาประมาณ 125 ปตี ง้ั แตก่ ารจดั ตงั้ กรมปา่ ไมใ้ นปี พ.ศ. 2439 การบรหิ าร จัดการป่าไม้ของไทยอาศัยกลไกของราชการเป็นหลัก โดยมีกลไกท่ีท�ำหน้าที่บริหารจัดการ ป่าไม้ไทย 3 กลไกด้วยกัน ได้แก่ ระบบราชการ งบประมาณแผ่นดิน และการตรากฎหมาย กลไกทั้งสามน้ีท�ำหน้าท่ีได้ดีในช่วงท่ีป่าไม้ท�ำหน้าที่สร้างรายได้ให้ประเทศ หรือช่วงการท�ำ สมั ปทานปา่ ไม้ กรมปา่ ไมเ้ องมหี นา้ ทอ่ี อกสมั ปทานปา่ ไมแ้ ละจดั เกบ็ รายไดจ้ ากผไู้ ดร้ บั สมั ปทาน ส่วนกฎหมายป่าไม้ก็มีหน้าท่ีก�ำหนดว่าผู้ใดมีสิทธิ์ท�ำไม้ และป้องกันมิให้ผู้ท่ีไม่ได้รับอนุญาต เข้ามาลักลอบตัดไม้ การตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมป่าไม้ถือว่า เป็นการกระท�ำความผิด ต่อมาภายหลังการยุติสัมปทานป่าไม้ใน พ.ศ. 2535 แนวคิดการบริหารพื้นท่ีป่าไม้ ของไทยเรมิ่ เปลย่ี นจากการทำ� ไมม้ าเปน็ การอนรุ กั ษป์ า่ ไม้ โดยประเทศไทยไดจ้ ดั ตงั้ กรมอทุ ยาน แห่งชาติ สัตว์ปา่ และพนั ธุพ์ ืชใน พ.ศ. 2545 เพื่อท�ำหนา้ ทด่ี ้านการอนุรักษ์พนื้ ท่ีปา่ ไม้ของไทย โดยใหพ้ นื้ ทป่ี า่ อนรุ กั ษอ์ ยภู่ ายใตก้ ารดำ� เนนิ งานในรปู ของอทุ ยานแหง่ ชาติ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ เป็นต้น ในขณะท่ีกรมป่าไม้ก็ยังคง มหี นา้ ทบ่ี รหิ ารปา่ ไมเ้ ชงิ เศรษฐกจิ การใชป้ ระโยชนจ์ ากพน้ื ทป่ี า่ ไม้ หรอื การเพม่ิ พน้ื ทปี่ า่ เปน็ ตน้ โดยการทำ� งานของหนว่ ยงานของรฐั ดา้ นปา่ ไมอ้ าศยั กฎหมายปา่ ไมห้ ลายฉบบั เชน่ พ.ร.บ.ปา่ ไม้ พ.ศ. 2484 (ปรับปรุง พ.ศ. 2562) พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2559 พ.ร.บ.อทุ ยานแหง่ ชาติ พ.ศ. 2504 (ปรับปรงุ พ.ศ. 2562) พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.เลอ่ื ยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 พ.ร.ก.กำ� หนดไมห้ วงหา้ ม พ.ศ. 2530 และทสี่ ำ� คญั ยงั มมี ตคิ ณะรฐั มนตรกี ำ� หนดการหา้ มสง่ ออก ไมส้ กั ไปยงั ตา่ งประเทศ โดยใหอ้ งคก์ ารอตุ สาหกรรมปา่ ไมเ้ ปน็ หนว่ ยงานเดยี วทสี่ ามารถสง่ ไมส้ กั ไปต่างประเทศได้ ด้วยโครงสรา้ งองค์กรและกฎหมายขา้ งตน้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ การบริหารจดั การปา่ ไม้ ของประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอยู่ในความดูแลของภาครัฐเป็นหลัก โดยมีกฎหมาย กฎระเบยี บ งบประมาณแผน่ ดนิ และขอ้ บงั คบั ของราชการรองรบั การดำ� เนนิ งาน แตจ่ ากการใช้ กลไกของภาครฐั และกฎหมายปา่ ไมต้ า่ ง ๆ ในการบรหิ ารจดั การปา่ ไมพ้ บวา่ ตลอดเวลาประมาณ 60 ปที ผี่ า่ นมา ระบบของภาครฐั และกฎหมายปา่ ไมไ้ มส่ ามารถเพม่ิ พนื้ ทป่ี า่ ไมใ้ หบ้ รรลตุ ามพน้ื ท่ี ป่าไมเ้ ป้าหมายของประเทศรอ้ ยละ 40 ของพนื้ ทีป่ ระเทศไทยได้ ซ้�ำพ้นื ที่ป่าไมก้ ลบั ลดลงจาก กว่ารอ้ ยละ 50 ของพื้นทป่ี ระเทศใน พ.ศ. 2500 ลงมาเหลอื ประมาณร้อยละ 31-32 ของพืน้ ท่ี ประเทศในปัจจุบันเท่าน้ัน จากข้อมูลพ้ืนท่ีป่าไม้แสดงให้เห็นว่าอย่างดีท่ีสุดระบบราชการ 8

พลกิ ฟนื้ ผนื ปา่ ดว้ ยพนั ธบตั รปา่ ไม้ งบประมาณแผน่ ดนิ และกฎหมายปา่ ไมส้ ามารถทำ� ไดเ้ พยี งรกั ษาพน้ื ทป่ี า่ ไมใ้ หค้ งไวท้ ป่ี ระมาณ รอ้ ยละ 31-32 ของพน้ื ทปี่ ระเทศ ไมส่ ามารถเพม่ิ พนื้ ทป่ี า่ ไมใ้ หส้ งู ถงึ 128 ลา้ นไร่ หรอื รอ้ ยละ 40 ของพ้ืนที่ประเทศไทยไดต้ ามเป้าหมาย ดว้ ยเหตนุ ้ี การพฒั นากลไกอน่ื เพอื่ ทำ� หนา้ ทเี่ พม่ิ พน้ื ทป่ี า่ ไมจ้ งึ มคี วามจำ� เปน็ สำ� หรบั ประเทศไทยเปน็ อย่างยง่ิ เพราะการเพิ่มพ้นื ที่ป่าไม้ถือเปน็ แนวทางในการสรา้ งความสมดลุ ให้ กับธรรมชาติ สร้างรายได้ให้กับประเทศในรูปแบบต่าง ๆ ลดความสูญเสียจากปัญหาอุทกภัย และทส่ี ำ� คญั คอื การเพม่ิ พนื้ ทปี่ า่ ไมเ้ ปน็ แนวทางเดยี วสำ� หรบั ประเทศไทยในการสรา้ งกลไกการ ดดู ซบั คารบ์ อน (Carbon Sink) เพอ่ื ขบั เคลอ่ื นประเทศไทยสสู่ ถานะการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจก สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ซึ่งนับวันยิ่งมีความส�ำคัญมากข้ึน เพราะกลุ่มประเทศ ทพี่ ฒั นาแลว้ เชน่ สหภาพยโุ รปกำ� ลงั มแี นวคดิ จะนำ� ระบบภาษนี ำ� เขา้ เพม่ิ เตมิ สำ� หรบั สนิ คา้ นำ� เขา้ ทม่ี อี งค์ประกอบคาร์บอน (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) มาใชก้ ับ ประเทศคคู่ ้า เช่น ประเทศไทย เป็นต้น ท�ำไมต้องใช้กลไกพนั ธบตั รป่าไม้ ด้วยการเพ่ิมพ้ืนที่ป่าไม้จากปัจจุบันท่ีมีประมาณร้อยละ 31-32 ของพื้นท่ีประเทศ ให้เป็นร้อยละ 40 ของพ้ืนที่ประเทศตามเป้าหมายน้ัน หมายถึงการเพิ่มพื้นท่ีป่าไม้ประมาณ 26 ลา้ นไร่ (ประเทศไทยมพี นื้ ทรี่ วม 320 ลา้ นไร)่ ซง่ึ เปน็ พนื้ ทจี่ ำ� นวนมาก แตป่ จั จบุ นั พนื้ ทเี่ หลา่ นี้ ได้ถูกบุกรุกเพ่ือน�ำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ท่ีส�ำคัญคือการท�ำธุรกิจปลูกข้าวโพดบนท่ีสูงเพื่อ สง่ ขายใหผ้ ปู้ ระกอบการนำ� ไปใชเ้ ปน็ วตั ถดุ บิ ในอตุ สาหกรรมอาหารสตั วอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง จงึ ทำ� ให้ การฟน้ื ฟพู น้ื ทปี่ า่ ไมก้ ระทำ� ไดย้ ากมากยงิ่ ขนึ้ เพราะการปลกู ขา้ วโพดเปน็ ธรุ กจิ ทม่ี กี ารดำ� เนนิ การ เป็นเครือข่ายและครบวงจร ต้ังแต่การจ�ำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง รวมทั้งการรับซื้อ ผลผลิต ดังนั้น ล�ำพังกลไกอันประกอบด้วยระบบราชการ งบประมาณแผ่นดิน และกฎหมาย ป่าไม้คงไม่สามารถต้านทานธุรกิจข้าวโพดเล้ียงสัตว์ได้ โดยเฉพาะอย่างย่ิงหากต้องการขยาย พ้นื ท่ปี ่าไมใ้ หไ้ ด้มากถึง 26 ล้านไร่ตามเปา้ หมาย เพราะถ้ากลไกภาครฐั และกฎหมายสามารถ ท�ำงานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ป่าไม้ของประเทศไทยคงได้รบั การฟื้นฟูมานานแล้ว ด้วยเหตุน้ี การต่อสู้กับผู้บุกรุกพื้นท่ีป่าไม้จึงจ�ำเป็นต้องอาศัยกลไกท่ีมีพลังมากพอ และทัดเทียมกับผลประโยชน์ทางธุรกิจของผู้บุกรุกป่าไม้ในปัจจุบัน ซ่ึงแนวคิดพันธบัตรป่าไม้ เป็นการเสนอกลไกส�ำคัญสองกลไกท่ีจะมาต่อสู้กับผู้บุกรุกป่าไม้ดังกล่าว กลไกท่ีหนึ่งคือ ให้มีการออกพันธบัตรป่าไม้เพ่ือระดมทุนในตลาดทุนจากนักลงทุนท้ังในและต่างประเทศ 9

บทที่ 1 บทน�ำ รวมท้ังหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชน กลไกท่ีสองคือ การน�ำเงินทุนท่ีระดมได้จากการออก พนั ธบตั รปา่ ไมม้ าใชเ้ พอื่ สนบั สนนุ การปลกู ไมเ้ ศรษฐกจิ โดยผปู้ ระกอบการเอกชนทไ่ี ดร้ บั อนญุ าต ให้ใช้พ้ืนที่ป่าไม้เพ่ือปลูกป่าเศรษฐกิจ ดังนั้น ตราบใดที่การปลูกป่าเศรษฐกิจสามารถสร้าง รายไดใ้ ห้กับผปู้ ระกอบการและผลู้ งทุนในพนั ธบตั รป่าไมไ้ ดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่อง กลไกพนั ธบตั รป่าไม้ ก็จะเปน็ การนำ� พลังทางธุรกจิ มาใชใ้ นการฟื้นฟูปา่ ไม้ของประเทศไทย การใช้กลไกพันธบัตรป่าไม้เป็นการใช้กลไกของตลาดทุนท่ีมีศักยภาพสูงในการ ระดมทนุ จำ� นวนมาก และเงนิ ทนุ ทรี่ ะดมผา่ นการออกพนั ธบตั รจดั ไดว้ า่ เปน็ เงนิ ทนุ ทมี่ ตี น้ ทนุ ทต่ี ำ่� ที่ส�ำคัญคือ ท�ำให้การลงทุนในธุรกิจไม้เศรษฐกิจมีการกระจายผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม แก่ผู้ลงทุนในพันธบัตรป่าไม้ ดังน้ัน การออกพันธบัตรป่าไม้โดยอาศัยกลไกของตลาดทุน จะสามารถแก้ไขปัญหาข้อจ�ำกัดจากการบริหารจัดการป่าไม้ในอดีตที่ต้องพึ่งพางบประมาณ แผ่นดินและทรัพยากรภาครัฐได้ เช่น งบประมาณหรือบุคลากรท่ีมีจ�ำนวนจ�ำกัดไม่เพียงพอ ในการดแู ลพนื้ ทปี่ า่ ไม้ ไมเ่ พยี งพอในการดำ� เนนิ การกบั ผกู้ ระทำ� ความผดิ ฯลฯ ในขณะเดยี วกนั การปลูกป่าเศรษฐกิจด้วยเงินทุนท่ีระดมได้จากการออกพันธบัตรป่าไม้ยังมีศักยภาพสูงในการ สร้างรายได้ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการขายไม้ จากการขายน้�ำดิบ จากธุรกิจการท่องเที่ยว จากการขายคาร์บอนเครดิต รวมท้ังเงินอุดหนุนบางส่วนจากรัฐบาลท่ีสามารถสมทบได้จาก การประหยัดงบประมาณด้านเงนิ ชดเชยน้ำ� ทว่ ม น�้ำแลง้ เปน็ ตน้ แตก่ ารนำ� กลไกพนั ธบตั รปา่ ไมม้ าใชเ้ พอ่ื ฟน้ื ฟพู น้ื ทปี่ า่ ไมใ้ หบ้ รรลเุ ปา้ หมาย ตอ้ งมกี าร จดั เตรยี มองคก์ รผรู้ บั ผดิ ชอบในการออกพนั ธบตั ร การนำ� พนั ธบตั รปา่ ไมเ้ ขา้ สกู่ ลไกการซอื้ ขาย ในตลาดหลกั ทรพั ย์ การประสานงานกบั หนว่ ยงานเอกชนทจ่ี ะเขา้ มาทำ� หนา้ ทปี่ ลกู ปา่ เศรษฐกจิ แตท่ ส่ี ำ� คญั ทสี่ ดุ คอื การปรบั เปลยี่ นวธิ คี ดิ ของสงั คมไทยดา้ นปา่ ไมแ้ ละไมเ้ ศรษฐกจิ เพอ่ื ใหก้ ลไก พนั ธบตั รปา่ ไมแ้ ละการปลกู ปา่ เศรษฐกจิ สามารถดำ� เนนิ การไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สงั คมไทย ต้องเปล่ยี นวธิ คี ิดใหม่ท้ังหมดเก่ียวกับการบริหารจัดการพื้นท่ปี า่ ไม้ การท�ำไมเ้ ชิงพาณชิ ยต์ อ้ งเปน็ ธรุ กิจหนงึ่ เช่นเดยี วกบั การปลูกพืชเศรษฐกิจทัว่ ๆ ไป ทส่ี รา้ งรายไดใ้ หก้ บั ประเทศไทยอยา่ งมาก การทภ่ี าคการเกษตรของประเทศไทยสามารถสรา้ ง รายไดอ้ ยา่ งมากไมใ่ ชเ่ พยี งแคค่ วามอดุ มสมบรู ณข์ องทรพั ยากรธรรมชาตขิ องไทยเทา่ นนั้ แตเ่ ปน็ เพราะการใช้กลไกการค้าเสรีในการบริหารจัดการสินค้าเกษตรของไทยด้วย ความแข็งแกร่ง ของภาคการเกษตรไทยเกิดข้ึนเพราะชาวนาชาวสวนไทยมีสิทธิและเสรีภาพในการปลูกข้าว ปลูกผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสายพันธุ์ การพัฒนาสายพันธุ์ การเก็บเกี่ยวตัดผลผลิตขาย โดยไมต่ อ้ งขออนญุ าตหรอื แจง้ สว่ นราชการ การขนสง่ ผลติ ภณั ฑท์ างการเกษตรจากจงั หวดั หนงึ่ 10

พลกิ ฟ้นื ผนื ปา่ ด้วยพนั ธบตั รปา่ ไม้ ไปอีกจังหวัดหน่ึง การใช้อุปกรณ์ทางการเกษตรท่ีจำ� เป็น การส่งออกผลผลิตทางการเกษตร มกี ลไกการรบั รองคณุ ภาพผลผลติ และการซอ้ื ขายผลผลติ ทางการเกษตร (สว่ นใหญ)่ เปน็ ไปตาม กลไกราคาโดยไมม่ ีการแทรกแซงจากภาครัฐ ดังน้ัน ถ้าจะให้กลไกพันธบัตรป่าไม้และการปลูกไม้เศรษฐกิจท�ำหน้าท่ีฟื้นฟูป่าไม้ และสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างม่ันคง สังคมไทยต้องปรับเปล่ียนวิธีคิดใหม่เก่ียวกับ การทำ� ไมเ้ ชน่ กนั นั่นคอื การปลดล็อคข้อบงั คับตา่ ง ๆ เพือ่ ใหก้ ลไกการค้าเสรี การทำ� กำ� ไร และ การแข่งขัน สามารถพัฒนาภาคการป่าไม้ของไทย สร้างรายได้ให้กับประเทศ และฟื้นฟู พนื้ ทปี่ า่ ไมไ้ ปพรอ้ ม ๆ กนั ผปู้ ระกอบการในกจิ การไมเ้ ศรษฐกจิ หรอื ไมเ้ ชงิ พาณชิ ยต์ อ้ งมสี ทิ ธแิ ละ เสรีภาพในการปลูกต้นไม้ไม่ว่าจะเป็น ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้กระยาเลย หรือพัฒนาสายพันธุ์ไม้ อะไรก็ได้ทผี่ ปู้ ลกู คดิ วา่ มมี ลู คา่ และคมุ้ คา่ การลงทนุ ผปู้ ลกู ตน้ ไมต้ อ้ งมเี สรภี าพในการตดั ไมข้ าย โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือแจ้งส่วนราชการ มีเสรีภาพในการขนส่งไม้จากจังหวัดหนึ่งไปอีก จงั หวดั หนงึ่ โดยไมต่ อ้ งเกรงกลวั ผมู้ อี ทิ ธพิ ล มเี สรภี าพในการใชอ้ ปุ กรณใ์ นการทำ� ไมท้ จี่ ำ� เปน็ เชน่ การใชโ้ ซเ่ ลอ่ื ยยนต์ มเี สรภี าพในการสง่ ออกไมไ้ ปตา่ งประเทศ มกี ลไกการรบั รองคณุ ภาพไมแ้ ละ รบั รองแหลง่ ทปี่ ลกู ไม้ และการซอื้ ขายไมเ้ ปน็ ไปตามกลไกราคาโดยไมม่ กี ารแทรกแซงจากภาครฐั หนังสือ “พลิกฟื้นผืนป่าด้วยพันธบัตรป่าไม้” เล่มน้ีเป็นการรวบรวมสังเคราะห์ ผลการศึกษาวิจัยทั้งหมด 8 รายการของผู้เขียน มาเล่าเป็นเร่ืองราวเกี่ยวกับการน�ำกลไก พันธบัตรป่าไม้และการปลูกป่าเศรษฐกิจมาใช้ในประเทศไทย โดยผู้เขียนเชื่อว่าหากสามารถ น�ำกลไกการระดมทุนในตลาดทุนด้วยการออกพันธบัตรป่าไม้และการพัฒนาป่าเศรษฐกิจ มาดำ� เนนิ การในประเทศไทยตามกลไกการคา้ เสรี การทำ� กำ� ไร และการแขง่ ขนั ของภาคเอกชน จะเป็นหนทางเดียวท่ีมีอานุภาพมากพอท่ีจะต้านทานผู้บุกรุกป่าไม้จนกลายเป็นเขาหัวโล้น ในปจั จบุ ัน และสามารถเพ่ิมพ้นื ท่ีปา่ ไมใ้ หป้ ระเทศไทยได้ 26 ลา้ นไร่ตามเปา้ หมาย โครงสร้างหนังสอื หนังสือ “พลิกฟื้นผืนป่าด้วยพันธบัตรป่าไม้” เป็นการนำ� เสนอความเป็นไปได้ของ การฟน้ื ฟปู า่ ไมท้ ง้ั ในแงม่ มุ ของระบบนเิ วศปา่ ไม้ กลไกทางการเงนิ ความคมุ้ คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ กฎหมายทเี่ กยี่ วขอ้ งและโครงสรา้ งองคก์ รดา้ นปา่ ไม้ เปน็ การรวบรวมสงั เคราะหผ์ ลงานวจิ ยั ของ ผู้เขียนรวม 8 รายการ ให้อย่ใู นเลม่ เดยี วกนั ตามกรอบที่ 1 โดยเนอื้ หาตา่ ง ๆ ได้นำ� มาเรียบเรียง ตามบทต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 11

บทท่ี 1 บทน�ำ กรอบท่ี 1 งานวจิ ัยของผเู้ ขียนทีเ่ กีย่ วข้องกับพันธบัตรปา่ ไม้ หนงั สือ พลิกฟ้ืนผนื ปา่ ด้วยพันธบตั รปา่ ไม้ เป็นการรวบรวมสงั เคราะห์ผลงานวจิ ยั ของผ้เู ขียน 4 รายการหลกั ดังนี้ 1. อดศิ ร์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา. (2558). การศึกษาความคุม้ ค่าทางเศรษฐกิจโครงการ พนั ธบตั รป่าไม้. กรงุ เทพฯ: สถาบนั บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร.์ 2. อดศิ ร์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา และคณะ. (2558). แนวทางการศกึ ษารปู แบบและการดำ� เนนิ การ ของพันธบัตรป่าไม้สำ� หรบั ประเทศไทย (รายงานวจิ ยั ฉบับสมบูรณ์). 3. อดศิ ร์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา และ ปริญญารตั น์ เล้ยี งเจรญิ . (2561). การศึกษาความ เป็นไปไดด้ ้านหน่วยงานและด้านกฎหมายเพื่อรองรบั การพฒั นากลไกพันธบัตรปา่ ไม้ ส�ำหรบั ประเทศไทย (The Legal and Organization Structure for Forest Bond Initiative in Thailand). กรุงเทพฯ: สำ� นักงานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาต.ิ 4. ปญั ญาพร สำ� เรจ็ เฟ่อื งฟู และอดศิ ร์ อิศรางกรู ณ อยุธยา. (2564). การกำ� หนดเขตไม้สกั สำ� หรบั ประเทศไทย (Economic Zoning of Teak in Thailand). วารสารวนศาสตรไ์ ทย, 40(2), 56-68. รวมทงั้ รายงานวิจยั อื่น ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง อกี 4 รายการดังนี้ 5. อดศิ ร์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา. (2556). พนั ธบตั รปา่ ไมข้ องประเทศไทย. ใน รบั มอื โลกรอ้ นกอ่ น 4 องศา: สิ่งท่ปี ระเทศไทยท�ำได้, หน้า 74-79. กรุงเทพฯ: ชุดโครงการพฒั นาความรู้และ ยทุ ธศาสตรค์ วามตกลงพหภุ าคดี า้ นสง่ิ แวดลอ้ มและยทุ ธศาสตรล์ ดโลกรอ้ น, สถาบนั ธรรมรฐั เพอ่ื การพัฒนาสงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม สนบั สนุนโดย ส�ำนกั งานกองทนุ สนับสนุนการวิจัย (สกว.). 6. นิรมล สธุ รรมกจิ , อดิศร์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา และบณั ฑรู เศรษฐศิโรตม์. (2555). เปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศโลกดว้ ยวถิ ีทางเศรษฐศาสตร.์ กรุงเทพฯ: สถาบนั ธรรมรฐั เพ่อื การพฒั นาสงั คมและสงิ่ แวดลอ้ ม สนบั สนนุ โดย สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.). 7. Israngkura, A. (2011). Carbon Reduction, Reforestation and Income Generation: A Case Study of Thailand. In Charit Tingsabadh, Fostering Economic Growth Through Low Carbon Initiatives in Thailand. Bangkok: Chulalongkorn University. 8. Israngkura, A. (2002). Does teak forest have ecotourism value?. Thammasat Economic Journal, 20(4), 28-45. 12

พลิกฟนื้ ผืนป่าด้วยพนั ธบัตรปา่ ไม้ ความส�ำคัญของป่าไม้และการด�ำเนินงานด้านป่าไม้ของประเทศไทย เป็นการ อธบิ ายถงึ ความสำ� คญั ของปา่ ไมต้ อ่ ประเทศไทย เชน่ ระบบนเิ วศของปา่ ไม้ การดดู ซบั นำ้� ในฤดฝู น และการคายน้�ำในฤดูแล้ง ความส�ำคัญของไม้เศรษฐกิจ แหล่งความหลากหลายทางชีวภาพ การบรรเทาความรุนแรงของลมพายุ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และการดูดซับคาร์บอน รวมทั้ง สาเหตุการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทย การก�ำหนดเป้าหมายพ้ืนท่ีป่าไม้ร้อยละ 40 ของพน้ื ทป่ี ระเทศไทย รวมท้ังนโยบายและมาตรการของรัฐบาลดา้ นป่าไม้ กลไกทางเศรษฐศาสตร์และกลไกทางการเงิน เป็นการแสดงให้เห็นถึงบทบาท ของพนั ธบตั รในการแปลงสนิ ทรพั ยเ์ ปน็ หลกั ทรพั ย์ กระบวนการ EcoSecuritization ลกั ษณะ ของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (Bond market) ในสว่ นของหลักการทางเศรษฐศาสตร์ มีการแยกแยะความแตกต่างของหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter-pays Principle) และผู้ได้รับประโยชน์เป็นผู้จ่าย (Beneficiary-pays Principle) หรือการจ่ายค่าแทนคุณ นิเวศบริการ (Payment for Ecosystem Service) การท�ำงานของพันธบัตรป่าไม้ เป็นส่วนท่ีเสนอแนวคิดของการระดมทุนด้วย พันธบัตรป่าไม้เพ่ือน�ำไปใช้ในการปลูกป่าเศรษฐกิจ น�ำเสนอโครงสร้างของพันธบัตรป่าไม้ และการด�ำเนินงาน รวมท้ังการน�ำเสนอรูปแบบการใช้พันธบัตรป่าไม้ในต่างประเทศ เช่น ประเทศบราซลิ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า รวมทงั้ อธบิ ายความแตกตา่ งของโครงการธนาคารตน้ ไม้ ทีใ่ ชใ้ นประเทศไทย ความคมุ้ คา่ การลงทนุ ในปา่ เศรษฐกจิ เพอื่ เปน็ การแสดงใหเ้ หน็ วา่ การระดมทนุ โดย พันธบัตรป่าไม้สามารถสร้างรายได้อย่างเพียงพอเพื่อช�ำระคืนให้กับผู้ลงทุนในพันธบัตรป่าไม้ จึงจ�ำเป็นต้องแสดงความคุ้มค่าการลงทุนในป่าเศรษฐกิจ ในส่วนน้ีจะครอบคลุมแหล่งรายได้ ต่าง ๆ จากระบบนิเวศป่าไม้ และแสดงความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ รวมท้ังการน�ำแนวคิด การวิเคราะห์ความคุ้มค่าการลงทุนในการปลูกป่าเศรษฐกิจของจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อจัดท�ำเขตป่าไม้เศรษฐกิจของประเทศไทยให้หน่วยงานของรัฐสามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ เชิงนโยบายได้ กฎหมายและองค์กร เน่ืองจากการบริหารจัดการป่าไม้และการปลูกป่าเศรษฐกิจ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและการกำ� กับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ จึงจ�ำเป็นต้องทำ� ความเข้าใจ กบั กฎหมายป่าไม้สำ� คญั ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ พ.ร.บ.ปา่ ไม้ พ.ศ. 2484 (ปรบั ปรุง พ.ศ. 2562) พ.ร.บ. ปา่ สงวนแหง่ ชาติ พ.ศ. 2559 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 พ.ร.ก.ก�ำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 และมติคณะรัฐมนตรี 13

บทท่ี 1 บทน�ำ รวมทั้งประกาศและข้อบังคับต่าง ๆ เกี่ยวกับป่าไม้ และรวมถึงบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน ที่เกี่ยวขอ้ ง การด�ำเนินงานสู่ความส�ำเร็จของพันธบัตรป่าไม้ เป็นการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผล ต่อการพัฒนากลไกพันธบัตรป่าไม้ส�ำหรับประเทศไทย กฎหมายที่ต้องพิจารณาในการออก พนั ธบตั รปา่ ไม้ รปู แบบความเปน็ ไปไดข้ องกลไกพนั ธบตั รปา่ ไมส้ ำ� หรบั ประเทศไทย และขอ้ เสนอแนะ ในการระดมทนุ พันธบัตรป่าไม้เพื่ออนาคตท่ีดีกว่า เป็นการสรุปแนวคิดพันธบัตรป่าไม้และ ข้อเสนอรปู แบบในการบรหิ ารจดั การกลไกพนั ธบตั รปา่ ไมส้ ำ� หรบั ประเทศไทย โดยการนำ� กลไก ทางการเงินน้ีรวมกับการให้โอกาสกลไกตลาดสามารถท�ำงานได้อย่างเสรีเพื่อให้สามารถ พลกิ ฟน้ื ผืนปา่ ได้ 14

บทที่ 2 ความส�ำคญั ของปา่ ไม้และการดำ� เนนิ งาน ด้านป่าไมข้ องประเทศไทย

สาเหตุสำ� คัญที่ท�ำให้ประเทศไทยสูญเสียพน้ื ที่ปา่ ไม้ ได้แก่ • การให้สมั ปทานปา่ ไม้ • การขยายตัวของพืน้ ทเ่ี กษตรกรรมและพ้ืนท่ีเมือง • การปลูกพชื บนท่สี ูงท้งั พชื เศรษฐกจิ และพชื เสพตดิ • การลักลอบตดั ไมเ้ ถอ่ื น • การพัฒนาโครงสร้างพนื้ ฐาน ไดแ้ ก่ ถนน เขื่อน หรืออ่างเกบ็ นำ้� • การสรา้ งแหล่งท่องเทย่ี ว ท่พี กั รสี อรท์ ดว้ ยงบประมาณปลกู ป่าท่ีรฐั บาลจัดใหป้ ีละประมาณ 500 ล้านบาท และการปลกู ป่า ปีละประมาณ 200,000 ไร่ ประเทศไทยต้องใช้เวลา 130 ปีกว่าจะฟื้นฟูป่าไม้ได้ 26 ล้านไร่ตามนโยบายเป้าหมายการมปี ่าร้อยละ 40 ของพื้นทป่ี ระเทศ ดังนั้น จึงจ�ำเป็นท่ีประเทศไทยต้องหาแนวทางอ่ืน ๆ เพ่ือแก้ปัญหาการบุกรุกป่าไม้ และข้อจำ� กดั ด้านงบประมาณ

พลกิ ฟื้นผืนปา่ ด้วยพนั ธบตั รปา่ ไม้ ป่าไม้เป็นหน่ึงในทรัพยากรธรรมชาติท่ีส�ำคัญของโลก และเป็นทรัพยากรท่ีใช้แล้ว สามารถเกดิ ข้ึนทดแทนหรือรกั ษาให้คงอยู่ได้ (Renewable Natural Resources) ประเทศใด ท่ีปา่ ไมถ้ กู ทำ� ลายไปมาก จำ� เปน็ อย่างยง่ิ ท่จี ะต้องมกี ารฟ้นื ฟูปลกู ป่าขนึ้ มาใหม่ เนอ่ื งจากป่าไม้ เป็นสงิ่ ทีม่ คี วามส�ำคญั ต่อมนุษย์ สัตว์ และพืช ทงั้ ยังเป็นหัวใจส�ำคญั ของระบบนิเวศที่เกย่ี วโยง ไปถึงทรพั ยากรอนื่ ๆ ไม่วา่ จะเปน็ ดนิ น�้ำ หรืออากาศ ดว้ ยป่าไม้สามารถชว่ ยสรา้ งประโยชน์ ลดและปอ้ งกนั ปญั หาไดห้ ลายประการ เชน่ ชว่ ยลดการถกู กดั เซาะของดนิ การทบั ถมของตะกอน ในแหลง่ นำ�้ กช็ ว่ ยสะสมและเพม่ิ นำ้� สำ� หรบั การเกษตรตลอดจนการใชส้ อยอนื่ ๆ ชว่ ยคงความสมดลุ ของธรรมชาติ เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ในการชว่ ยจดั การปญั หาการเปลย่ี นแปลงสภาพอากาศและปญั หา โลกรอ้ น เนอ่ื งจากการเพมิ่ ขนึ้ ของพน้ื ทปี่ า่ ไมเ้ ปรยี บเสมอื นการเพมิ่ โรงเกบ็ กกั คารบ์ อน ดว้ ยปา่ ไม้ สามารถดดู ซบั คาร์บอน (Carbon Sink) และนำ� มากกั เกบ็ ในเน้ือไม้ ซ่ึงเป็นการช่วยลดปรมิ าณ ก๊าซเรอื นกระจกในช้ันบรรยากาศ ชว่ ยเสริมให้ทนุ ทม่ี นุษย์สร้างขน้ึ ไมส่ ญู เสยี คณุ ค่า และยงั ให้ ประโยชนด์ า้ นอนื่ ๆ อีกมาก ในบทนี้จะกล่าวถึงความส�ำคัญและประโยชน์ของป่าไม้ระบบนิเวศป่าไม้ ตลอดจน สถานการณแ์ ละปญั หาเกยี่ วกบั ปา่ ไมใ้ นประเทศไทย4 เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความจำ� เปน็ ทต่ี อ้ งพลกิ ฟน้ื ผนื ปา่ ใหก้ ลบั มาคงอยอู่ ยา่ งยง่ั ยนื และทสี่ ำ� คญั ในชว่ งทน่ี านาประเทศพยายามหาแนวทางการลด กา๊ ซเรอื นกระจก การฟน้ื ฟพู นื้ ทป่ี า่ ไมจ้ งึ เปน็ แนวทางสำ� คญั ทจ่ี ะนำ� พาประเทศไทยใหบ้ รรลสุ ถานะ ความสมดุลทางคาร์บอน (Carbon Neutral) หรือสถานะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ เปน็ ศนู ย์ (Net Zero Emission) ตามเป้าหมาย ค.ศ. 2050 ความส�ำคัญของป่าไม้ ป่าไม้มีความส�ำคัญต่อระบบนิเวศ และช่วยอ�ำนวยประโยชน์ต่อส่ิงมีชีวิตทั้งมนุษย์ สตั ว์ และพืชทง้ั ทางตรงและทางอ้อมหลายประการ ดงั น้ี 1) ป่าไม้เป็นส่วนส�ำคัญของวัฏจักรน้�ำ ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และ ไนโตรเจนในระบบนิเวศ ท�ำให้เกิดความสมดุลแห่งระบบด้วยการหมุนเวียนเปล่ียนแปลง แรธ่ าตแุ ละสสารในระบบนเิ วศ 4 เนื้อหาบทน้ีอ้างอิงและสังเคราะห์มาจากผลงานวิจัยของอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และคณะ (2558) และ อดิศร์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา และ ปรญิ ญารตั น์ เลีย้ งเจรญิ (2561) 17

บทที่ 2 ความส�ำคัญของปา่ ไม้ และการดำ� เนินงานด้านปา่ ไม้ของประเทศไทย 2) ปา่ ไมช้ ว่ ยในการอนรุ กั ษด์ นิ และนำ�้ เมอ่ื ฝนตกนำ้� ฝนบางสว่ นจะถกู ตน้ ไมใ้ นปา่ ดูดซับไว้ แล้วค่อย ๆ ปลดปล่อยให้ไหลลงสู่ผิวดิน ส่งผลท�ำให้พื้นที่ที่มีป่าต้นน้�ำอุดมสมบูรณ์ มีน้�ำใช้ช่วงฤดูแล้ง น้�ำอีกส่วนหน่ึงจะซึมลงสู่ดินช้ันล่างซึ่งสามารถช่วยลดการพังทลายของดิน ลดการกดั เซาะหนา้ ดนิ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์ ปอ้ งกนั การเกดิ นำ้� ทว่ มฉบั พลนั ในชว่ งฤดฝู น ลดความรนุ แรง ของการเกิดภาวะน้�ำท่วมเนื่องจากต้นไม้ช่วยชะลอการไหลของน้�ำบนผิวหน้าดิน การมีป่าไม้ ปกคลุมดินจะช่วยป้องกันการกัดเซาะได้ดีกว่าปลูกพืชชนิดอ่ืนเพราะต้นไม้ใหญ่มีระบบราก ท่หี ยง่ั ลกึ ในชั้นดิน 3) ป่าไม้ช่วยปรับสภาพบรรยากาศ เน่ืองจากป่าไม้ช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้น ไว้ในดิน ร่มเงาของป่าช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ตกกระทบผิวดินโดยตรง บรเิ วณปา่ ไมจ้ ะมนี ำ�้ ทเ่ี กดิ จากการระเหยจากใบและลำ� ตน้ กลายเปน็ ไอนำ�้ ในอากาศจำ� นวนมาก อากาศเหนือป่าไม้จึงมีความชื้นสูง เมื่ออุณหภูมิของอากาศลดลง ไอน้�ำจะกล่ันตัวเป็นหยดนำ�้ เกิดเป็นเมฆจ�ำนวนมาก สุดท้ายกลายเป็นฝนตกลงมาในป่าท่ีมีต้นไม้หนาแน่น ส่งผลให้พื้นที่ ใกล้เคียงได้รับน้�ำฝน และท�ำให้สภาพอากาศชุ่มชื้นแม้กระท่ังในฤดูร้อน ดังน้ันจึงจะเห็นได้ว่า พ้ืนที่ท่ีมีป่าไม้มาก เช่น เขาใหญ่ ดอยอินทนนท์ ภูกระดึง และเขาหลวง มีเมฆปกคลุมอยู่บน ภูเขาและมีฝนตกมากกว่าพ้ืนท่ดี า้ นล่าง 4) ปา่ ไมช้ ว่ ยลดมลพษิ ทางอากาศ เนอ่ื งจากปา่ ไมช้ ว่ ยดดู ซบั คารบ์ อนไดออกไซด์ เพอ่ื นำ� ไปใชใ้ นการสงั เคราะหอ์ าหาร แลว้ ปลดปลอ่ ยกา๊ ซออกซเิ จนมาใหส้ ง่ิ มชี วี ติ อน่ื ๆ บนโลก จึงส่งผลให้เกิดความสมดุลระหว่างคาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจนในช้ันบรรยากาศ นอกจากนนั้ พืชในตระกูลสูงยังสามารถดูดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ไปเปลี่ยนแปลงให้เป็น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วปล่อยออกสู่บรรยากาศก่อนจะดึงกลับมาใช้ในการสังเคราะห์ อาหารในเวลากลางวันได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่าต้นไม้มีประโยชน์มากในการช่วยก�ำจัด คารบ์ อนมอนอกไซดแ์ ละคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นบรรยากาศ ดงั นนั้ เมอื งใหญ่ ๆ ทมี่ พี น้ื ทส่ี ำ� หรบั ตน้ ไมใ้ หญน่ อ้ ย จะสง่ ผลใหอ้ ากาศในเมอื งมปี รมิ าณคารบ์ อนไดออกไซดส์ งู หากมกี ารปลกู ตน้ ไม้ มาก ๆ กจ็ ะชว่ ยลดปรมิ าณก๊าซทัง้ สองชนดิ นี้ลงได้ 5) ปา่ ไมเ้ ปน็ แหลง่ ตน้ นำ้� ลำ� ธาร ในบริเวณทป่ี ่าไม้มคี วามสมบรู ณ์ ต้นไมม้ ีรากลึก และชอนไชอยใู่ นดนิ อนิ ทรยี ว์ ตั ถจุ ากตน้ ไมแ้ ละสตั วป์ า่ จะชว่ ยปรบั โครงสรา้ งของดนิ ใหม้ รี พู รนุ ทำ� ใหส้ ามารถเกบ็ กกั นำ้� ไดด้ ี นำ�้ ฝนทผ่ี า่ นตน้ ไมจ้ ะลงสดู่ นิ ในแนวดง่ิ แลว้ คอ่ ย ๆ ไหลซมึ กระจาย ไปตามรากทแี่ ตกแขนงออกไปตามอนภุ าคดนิ รพู รนุ ทอี่ ยใู่ นดนิ เฉพาะรพู รนุ ขนาดเลก็ ในเมด็ ดนิ น้ันสามารถกักเก็บน้�ำได้มากกว่าน�้ำหนักของเม็ดดินแห้งถึง 3–10 เท่า และน�้ำท่ีกักเก็บไว้น้ัน 18

พลิกฟ้ืนผืนป่าดว้ ยพนั ธบตั รป่าไม้ จะคอ่ ย ๆ ปลดปลอ่ ยสชู่ นั้ นำ้� ใตด้ นิ เพอื่ ลงสแู่ หลง่ นำ�้ ลำ� ธาร ปา่ จงึ เปรยี บไดก้ บั ฟองนำ�้ ขนาดใหญ่ ทท่ี ำ� หน้าทเ่ี ป็นแหลง่ กกั เกบ็ น�้ำตามธรรมชาติ ถา้ ป่าเกดิ ในทีส่ งู นำ�้ ทีก่ ักเก็บไวจ้ ะค่อย ๆ ซึมลง มารวมกนั ตามหบุ เขา เกดิ ธารนำ้� เลก็ ๆ มากมาย และกำ� เนดิ เปน็ แมน่ ำ้� ลำ� ธารทส่ี ามารถมนี ำ�้ ใช้ ได้ทุกฤดกู าล 6) ป่าไม้เป็นแหล่งปัจจัยส่ี ป่าไม้เป็นแหล่งผลิตหรือเป็นผู้ผลิตปัจจัยพื้นฐาน ที่ส�ำคัญต่อการด�ำรงชีวิตของมนุษย์ซ่ึงจะหาส่ิงอื่นมาทดแทนมิได้ ป่าไม้จึงมีความผูกพันกับ ความเปน็ อยขู่ องมนษุ ยต์ งั้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการนำ� ไมม้ าใชใ้ นการกอ่ สรา้ ง บา้ นเรอื นทอ่ี ยอู่ าศยั และเครอ่ื งตกแตง่ บา้ น อกี ทงั้ ในปจั จบุ นั ธรุ กจิ เกย่ี วกบั ไม้ (Timber forest products) ก็มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมาก และประเทศไทยมีศักยภาพในการส่งออกไม้เชิง พาณชิ ย์ด้วย ส่วนป่าไม้กเ็ ปน็ แหล่งอาหารทปี่ ระชาชนไดร้ ับโดยตรง ไมว่ า่ จะเปน็ ผล เมล็ด ใบ ดอก ล�ำตน้ รวมทงั้ น้ำ� ผง้ึ และการบรโิ ภคสัตวป์ า่ ท้งั ยงั ใชไ้ มเ้ ป็นเชื้อเพลิงในการหงุ ต้มอีกด้วย ทสี่ ำ� คญั อกี อยา่ งคอื ปา่ ไมน้ นั้ อดุ มสมบรู ณไ์ ปดว้ ยสมนุ ไพรทจี่ ะนำ� มาใชท้ ำ� ยารกั ษาโรค โดยการ น�ำสมนุ ไพรจากป่ามาดัดแปลงหรอื สกดั เอาเฉพาะสว่ นทีส่ �ำคัญอาจเปน็ เปลอื ก ดอก ผล เมล็ด หรือราก เชน่ น�ำเปลือกตน้ ซงิ โคนา่ มาสกัดท�ำยาควนิ ินเพ่อื รกั ษาโรคมาลาเรยี เป็นตน้ 7) ป่าไม้เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า ป่าไม้จัดว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและที่หลบภัย ท่ีส�ำคัญที่สุดของสัตว์ป่า สัตว์ป่าจะอาศัยตามต้นไม้ ป่าริมน�้ำ และแหล่งหากินธรรมชาติที่ เหมาะสม ดงั นน้ั การทำ� ลายพนื้ ทปี่ า่ จงึ เสมอื นการทำ� ลายระบบนเิ วศของสตั วป์ า่ ดว้ ย นอกจากน้ี สัตว์ป่าหลายชนิดที่เป็นสัตว์ประจ�ำถิ่น (Endemic Species) จ�ำเป็นต้องมีสภาพแวดล้อม จ�ำเพาะเท่านั้นจึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ เช่น ลิงแสมซ่ึงถือเป็นหน่ึงในสัตว์ป่าคุ้มครองจ�ำพวก สัตว์เล้ียงลูกด้วยนมที่มักอยู่รวมกันเป็นฝูง อาศัยบนต้นไม้ตามป่าชายเลนสมบูรณ์หรือป่ารุ่น แรดซ่ึงเป็นสัตว์ป่าสงวนในประเทศไทยที่มักอาศัยอยู่เฉพาะในบริเวณป่าดิบชื้นท่ีมีความ อุดมสมบูรณ์ หรือตามป่าทึบริมฝั่งทะเล ส่วนใหญ่จะหากินอยู่ตามพ้ืนที่ราบ ไม่ค่อยข้ึนบน ภเู ขาสงู รวมทงั้ ซาลาแมนเดอร์ (Selamander) ซง่ึ มแี หลง่ ทอ่ี ยอู่ าศยั ในลำ� ธารทอ่ี ทุ ยานแหง่ ชาติ ดอยอนิ ทนนท์ และไมส่ ามารถมีชีวติ ในสภาพแวดล้อมอ่ืนได้ ดังน้นั หากป่าไม้ถูกทำ� ลาย ชนดิ พันธ์ุสตั วจ์ �ำนวนมากอาจตอ้ งสญู ไปและไมส่ ามารถนำ� กลับมาใหมไ่ ดอ้ ีก (Irreversibility) 8) ปา่ ไมเ้ ปน็ แหลง่ ทรพั ยากรความหลากหลายทางชวี ภาพ พนื้ ทป่ี า่ ไมเ้ ปน็ แหลง่ ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพท่ีส�ำคัญ ปัจจุบันนานาประเทศเล็งเห็นความส�ำคัญ ของความหลากหลายทางชวี ภาพเปน็ อยา่ งมาก เพราะความหลากหลายทางชวี ภาพซงึ่ สามารถ พบได้ในพ้ืนที่ป่าไม้ท�ำหน้าที่เป็นต้นก�ำเนิดของนวัตกรรมที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 19

บทที่ 2 ความส�ำคญั ของป่าไม้ และการด�ำเนินงานดา้ นป่าไมข้ องประเทศไทย ไดอ้ ยา่ งมหาศาล เชน่ การพฒั นายารกั ษาโรค การพฒั นาสายพนั ธพ์ุ ชื ทางการเกษตร การพฒั นา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่าง ๆ ส�ำหรับประเทศไทยเอง ได้ใช้แนวคิดเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพเป็นยุทธศาสตร์ส�ำคัญในการพัฒนาประเทศ (B-C-G Economy) ดงั นนั้ เพอ่ื สรา้ งความมนั่ คงใหก้ บั การพฒั นา B-C-G Economy ดงั กลา่ วจงึ จำ� เปน็ อย่างย่ิงท่ีจะตอ้ งรักษาฐานทรัพยากรความหลากหลายทางชวี ภาพให้มีความสมบูรณ์ 9) ป่าไม้บรรเทาความรุนแรงของลมพายุ ลมพายุท่ีพัดมาเมื่อมาถึงพื้นท่ีที่มี ป่าไม้เป็นฉากก�ำบังก็จะลดความเร็วลง ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับความสูง ความหนาแน่นของหมู่ไม้ และเรอื นยอดของพนั ธไ์ุ มแ้ ตล่ ะชนดิ วา่ มคี วามแนน่ ทบึ เพยี งใด ในพนื้ ทที่ มี่ กี ารปลกู ตน้ ไมไ้ วเ้ ปน็ ฉากกำ� บงั ลม หรอื แนวปอ้ งกนั ลมปรากฏวา่ ณ พนื้ ทที่ ส่ี งู จากพนื้ ดนิ 2 ฟตุ ขน้ึ ไป แนวกนั ลมน้ี จะสามารถลดความเร็วลมพายุได้ และจะมผี ลปอ้ งกันลมคดิ เปน็ ระยะทางเท่ากับ 20-25 เทา่ ของความสูงของตน้ ไมน้ ้นั ในด้านใตล้ ม และ 3 เท่าในด้านเหนอื ลม ท้ังยงั สามารถชว่ ยปอ้ งกัน บา้ นเรอื นและไร่นาทอี่ ยูด่ า้ นใตล้ มมใิ ห้ถูกพายุท�ำอนั ตรายใหเ้ สยี หายได้ตามสมควร อกี ทงั้ ช่วย ปอ้ งกนั ความชมุ่ ชน้ื ของดนิ และผวิ ดนิ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณไ์ มใ่ หถ้ กู ลมพดั พาไป นอกจากน้ี ตามรมิ ฝง่ั ทะเล ป่าไม้ก็สามารถช่วยป้องกันการขยายตัวของเนินทรายมิให้ลมพัดเอาทรายเข้ามาทับถม พื้นที่ประกอบการเกษตรและบ้านเรือนให้เสียหายได้ ในส่วนของพ้ืนที่ชายทะเล ป่าชายเลน ก็สามารถท�ำหนา้ ทลี่ ดความรุนแรงของคล่นื และช่วยลดปญั หาการกัดเซาะชายฝั่งได้เชน่ กนั 10) ดา้ นการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ ธรรมชาติของป่าไม้จะเต็มไปด้วยสีสัน ความเขียว ชอุ่ม ร่มเยน็ ก่อให้เกิดความสบายตาเม่ือพบเหน็ ความสดสวยงดงามของดอกไม้ ความชุ่มช้ืน น้�ำในล�ำธารที่ใสสะอาด ความเงียบสงบจากเสียงรบกวน ความน่าชมและน่ารักของสัตว์ป่า ท�ำให้เขตป่าไม้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ส�ำคัญอย่างหน่ึงของมนุษย์ ในช่วงวันหยุดต่าง ๆ จะพบเห็นประชาชนท้ังในท้องถิ่นและจากในเมืองจ�ำนวนมากเดินทางไปเที่ยวหรือพักผ่อน หย่อนใจในเขตอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ สวนป่า และเขตรักษาพันธุ์ สตั ว์ป่า ฯลฯ เป็นตน้ ปา่ ไม้จงึ เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วที่สำ� คัญอย่างหนึง่ ด้วย 11) การดดู ซบั กา๊ ซเรอื นกระจก (Carbon Sink) ป่าไม้ทำ� หนา้ ท่เี ปน็ แหล่งกักเก็บ คาร์บอนจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช (Photosynthesis) การสังเคราะห์แสง เป็นกระบวนการทีพ่ ชื รับพลังงานแสงอาทิตย์ ใชน้ ้�ำและสารอาหารในดิน และดดู ซบั คาร์บอน ไดออกไซดใ์ นอากาศมาเปลยี่ นเปน็ ออกซเิ จนและนำ�้ ตาลเพอื่ ใชใ้ นการเตบิ โต โดยพชื จะกกั เกบ็ คารบ์ อนไวใ้ นรปู เนอ้ื ไม้ ดงั นน้ั การปลกู ปา่ จงึ เปน็ แนวทางสำ� คญั ในการลดคารบ์ อนในชน้ั บรรยากาศ แต่เมื่อต้นไม้มีอายุมากข้ึนและมีการเจริญเติบโตช้าลง การดูดซับคาร์บอนก็ลดลงตามไปด้วย 20

พลกิ ฟน้ื ผืนปา่ ดว้ ยพนั ธบัตรปา่ ไม้ การปลูกป่าเศรษฐกิจจะสามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ เพราะเม่ือต้นไม้มีขนาดเหมาะสม ท่ีจะน�ำมาใชป้ ระโยชน์ก็จะมีการตดั ฟัน (Rotation harvest) เพอื่ นำ� ไม้มาใช้และท�ำการปลกู กล้าไม้ใหม่ทดแทนป่าท่ีไม้มีอายุพร้อมใช้งาน (ประมาณ 20 ปี) ที่ส�ำคัญคือ คาร์บอนที่ถูก ดดู ซบั ไวใ้ นเนอ้ื ไมก้ จ็ ะยงั คงอยใู่ นไมท้ นี่ ำ� มาใชป้ ระโยชนน์ นั้ เชน่ โตะ๊ ตู้ หรอื เฟอรน์ เิ จอรต์ า่ ง ๆ ดว้ ยเหตนุ ้ี การปลกู ปา่ เศรษฐกจิ จงึ เปน็ วธิ ที มี่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการดดู ซบั คารบ์ อนจากบรรยากาศ ไม่เพียงแต่น�ำมาเก็บไว้ในต้นไม้ขณะเติบโตเท่านั้น แต่การน�ำไม้เศรษฐกิจมาใช้ประโยชน์ กย็ งั เปน็ การเพิ่มแหล่งกักเกบ็ คาร์บอนได้อกี ด้วย ดังน้ันจะเห็นได้ว่า การพัฒนาป่าเศรษฐกิจเพ่ือกักเก็บคาร์บอน (Carbon Sink) เป็นยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งส�ำหรับประเทศก�ำลังพัฒนาอย่างเช่นประเทศไทย เพราะนอกจากป่าไม้จะสร้างประโยชน์นานาประการแล้ว การปลูกป่ายังสามารถช่วยดูดซับ คาร์บอนได้ดี ซ่ึงเป็นวิธีท่ีจะท�ำให้ประเทศไทยบรรลุ Carbon Neutral หรือ Net Zero Emission ได้ตามเป้าหมายการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ค.ศ. 2050 ท่ีประเทศไทย ไดใ้ หค้ ำ� มน่ั สญั ญา (Pledge) ไวต้ ามขอ้ ตกลงปารสี (Paris Agreement) ปัจจุบันมีตัวอย่างโครงการปลูกป่าเพ่ือช่วยดูดซับคาร์บอนของประเทศไทย เช่น (1) โครงการต้นแบบ “คุณดูแลป่า เราดูแลคุณ” ผ่านกลไกการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่า เพอื่ การพฒั นาทยี่ งั่ ยนื โดยชมุ ชนทรี่ กั ษาปา่ 16 แหง่ ของจงั หวดั เชยี งราย เชยี งใหม่ แมฮ่ อ่ งสอน และพะเยา คาดว่าจะมีปริมาณคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชน 16 แห่งรวม 392,220 ตัน คารบ์ อนไดออกไซดเ์ ทยี บเทา่ ตลอดระยะเวลา 20 ปี ทงั้ นไ้ี ดม้ กี ารขยายโครงการตน้ แบบสกู่ าร ดำ� เนินงานอย่างจริงจงั โดยเข้าร่วมกบั ปา่ ชมุ ชนอีก 33 แห่ง ประมาณ 32,500 ไร่ ในจังหวดั เชยี งใหม่ ก�ำแพงเพชร อุทัยธานี และกระบี่ คาดว่าจะครอบคลุมพน้ื ท่ปี ่าชุมชน 150,000 ไร่ ในปี 2566 (มูลนิธิแมฟ่ า้ หลวง ในพระบรมราชูปถมั ภ,์ 2563) และ (2) โครงการปลูกป่าล้านไร่ อย่างมีส่วนร่วม ระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพนั ธพ์ุ ชื และกรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั เปน็ โครงการระยะยาว 10 ปี (พ.ศ. 2565- 2574) ซ่ึงมแี ผนในการปลูกปา่ เฉลี่ยปีละ 100,000 ไร่ ประกอบไปด้วยป่าอนรุ กั ษ์ ป่าชายเลน ปา่ ชมุ ชน และปา่ เศรษฐกจิ ตลอดจนมกี ารดแู ลปา่ ทปี่ ลกู ตอ่ เนอื่ งไปอกี 9 ปี โดยคาดวา่ โครงการ ปลกู ปา่ ลา้ นไรอ่ ยา่ งมสี ว่ นรว่ มจะชว่ ยดดู ซบั คารบ์ อนไดเ้ ฉลย่ี 1.2 ลา้ นตนั ตอ่ ปี ตลอดทงั้ โครงการ จะช่วยดดู ซับคารบ์ อนได้ประมาณ 23.6 ลา้ นตนั (กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่ , 2564) จึงกล่าวได้ว่า ป่าไม้สามารถเอื้อประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ได้ทั้งทางตรง และทางอ้อม ถึงแม้การเพิ่มพื้นที่ป่าไม้จะท�ำให้ประเทศต้องสูญเสียพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจอ่ืน 21

บทท่ี 2 ความส�ำคัญของป่าไม้ และการดำ� เนินงานด้านป่าไม้ของประเทศไทย ลงไปบ้าง เชน่ พ้นื ทีป่ ลูกข้าวโพด แตป่ ระโยชนท์ ป่ี า่ ไม้มีให้กับประเทศนัน้ มคี ่ามหาศาล ดังนน้ั เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม ควรให้ความส�ำคัญและตระหนักถึงคุณค่าป่าไม้ ในประเทศไทย ร่วมกันหาแนวทางหรือกลไกเพ่ือเพ่ิมพื้นท่ีป่าไม้ ดูแลรักษาป่าไม้ให้คงอยู่ อยา่ งยั่งยนื เพ่อื ใหป้ ่าไมน้ ัน้ ๆ มีอยแู่ ละเออ้ื อำ� นวยประโยชน์ตลอดไป สถานการณ์ป่าไม้ในประเทศไทย ประเทศไทยมปี ่าไมอ้ ยู่ 2 ประเภท คือ ปา่ ไม่ผลัดใบ (Evergreen Forest) กับป่า ผลัดใบ (Deciduous Forest) ส�ำหรับป่าไม่ผลัดใบแบ่งออกเป็น ป่าดงดิบ (Tropical Rain Forest) ปา่ สนเขา (Pine Forest) ปา่ ชายเลน (Mangrove Forest) ปา่ พรุ (Swamp Forest) และป่าชายหาด (Beach Forest) ส่วนป่าผลัดใบ แบ่งออกเป็น ป่าเบญจพรรณ (Mixed Deciduous Forest) ปา่ เต็งรัง (Dry Dipterocarp Forest) และท่งุ หญ้า (Savanna Forest) ป่าตน้ น้ำ� หมายถงึ ป่าธรรมชาตทิ ป่ี รากฏอยบู่ รเิ วณพ้นื ทีต่ น้ น�ำ้ ล�ำธาร ซงึ่ โดยทั่วไป เป็นพ้ืนที่ท่ีอยู่สูงจากระดับน�้ำทะเล 700 เมตรขึ้นไป หรือเป็นพื้นท่ีที่มีความลาดชันมากกว่า 35 เปอรเ์ ซ็นต์ หรือ เปน็ พ้ืนที่ท่อี ยู่ในช้นั คณุ ภาพลุ่มน้�ำ (Watershed Classification) ชั้นท่ี 1 และ 2 ตามมติคณะรฐั มนตรี ชนิดของป่าไมท้ ี่มกั จะปรากฏใหเ้ ห็นอยูบ่ รเิ วณพืน้ ที่ตน้ น�้ำ ได้แก่ ปา่ ดิบเขา ป่าดบิ ช้นื ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และปา่ เต็งรงั สว่ นปา่ สนเขาน้นั ส่วนใหญม่ กั จะพบเปน็ พน้ื ทข่ี นาดเลก็ ทก่ี ระจายตวั อยเู่ ฉพาะบรเิ วณสนั เขาและไหลเ่ ขาทมี่ ชี น้ั ดนิ ตน้ื เทา่ นนั้ คณะรัฐมนตรีก�ำหนดให้ประเทศไทยมีพื้นท่ีต้นน้�ำ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นพ้ืนที่สูงมีความ ลาดชัน และเป็นพื้นท่ีที่สมควรเก็บรักษาไว้เป็นป่าอนุรักษ์ จากการแปลข้อมูลจากภาพถ่าย ดาวเทียมในปี พ.ศ. 2551 ของส่วนประเมินทรัพยากรต้นน้�ำ ส�ำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน�้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พบว่า มีจ�ำนวนท้ังส้ินร้อยละ 26.38 ของพื้นท่ี ทั้งประเทศ ภาคเหนือมีพื้นที่ต้นน้�ำมากที่สุด ร้อยละ 48.31 รองลงมาเป็นภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวนั ตก ภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มพี นื้ ทร่ี อ้ ยละ 32.23 รอ้ ยละ 22.16 รอ้ ยละ 11.19 และรอ้ ยละ 10.62 ของพน้ื ทแี่ ตล่ ะภาคตามลำ� ดบั ผลของการประเมนิ พนื้ ทปี่ า่ ไม้ ในปี พ.ศ. 2551 พบวา่ ประเทศไทยมพี นื้ ทป่ี า่ ไมเ้ หลอื อยบู่ นพน้ื ทตี่ น้ นำ�้ เฉลยี่ เพยี งรอ้ ยละ 87.67 ของพื้นท่ีที่ควรจะเป็นพ้ืนที่ต้นน�้ำ โดยมีพ้ืนท่ีป่าไม้เหลืออยู่บนพื้นท่ีต้นน้�ำในภาคใต้น้อยที่สุด รอ้ ยละ 77.73 ของพื้นทีต่ น้ น้�ำ รองลงมาเปน็ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง- ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก ร้อยละ 83.03 ร้อยละ 90.35 ร้อยละ 91.83 และ ร้อยละ 93.82 ของพน้ื ท่ีตน้ น�ำ้ แต่ละภาคตามลำ� ดบั ดงั รายละเอียดในตารางที่ 2.1 22

พลิกฟ้นื ผนื ป่าดว้ ยพนั ธบัตรปา่ ไม้ ตารางที่ 2.1 ลมุ่ น�้ำหลกั ของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2552 พืน้ ทตี่ น้ น้�ำ รหสั ชือ่ ลมุ่ นำ้� เนอ้ื ทล่ี ุม่ น้ำ� (ไร่) รอ้ ยละของ ร้อยละของ 601 สาละวนิ 11,937,009.27 ตน้ น้ำ� ตอ่ ลุ่มนำ�้ ปา่ ไมต้ ่อตน้ น�ำ้ 83.23 90.44 602 โขงตอนบน 6,322,717.45 35.13 81.27 โขงตอนลา่ ง 29,451,763.95 14.69 72.36 603 กก 4,486,245.40 55.21 84.47 604 ชี 30,786,430.91 13.49 86.40 605 มลู 44,357,323.34 3.68 90.33 606 ปงิ 21,661,862.30 51.04 94.37 607 วัง 6,745,804.78 36.30 98.11 608 ยม 15,739,878.01 29.43 95.65 609 นา่ น 21,173,531.43 44.87 88.11 610 เจ้าพระยา 13,552,093.96 1.84 92.45 611 สะแกกรงั 3,112,164.95 21.37 99.32 612 ป่าสัก 9,708,504.61 28.38 75.73 613 ท่าจีน 8,474,176.75 5.98 94.93 614 แมก่ ลอง 18,871,292.99 53.25 96.72 615 ปราจนี บุรี 6,246,508.81 13.50 97.20 616 บางปะกง 5,497,674.81 9.35 98.03 617 โตนเลสาบ 2,571,978.38 10.96 92.60 618 ชายฝัง่ ทะเลตะวนั ออก 8,124,659.42 10.96 87.45 23

บทที่ 2 ความสำ� คัญของปา่ ไม้ และการด�ำเนนิ งานด้านป่าไม้ของประเทศไทย ตารางท่ี 2.1 ล่มุ น้ำ� หลักของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2552 (ตอ่ ) พน้ื ท่ีต้นน�้ำ รหสั ชอื่ ลุม่ น้ำ� เน้อื ทล่ี มุ่ น�้ำ (ไร)่ ร้อยละของ ร้อยละของ 619 เพชรบุรี 3,847,296.48 ตน้ นำ�้ ตอ่ ลุ่มน้ำ� ป่าไม้ต่อต้นนำ้� 37.79 97.85 620 ชายฝ่ังทะเลประจวบครี ขี ันธ์ 4,452,534.66 34.59 87.81 621 ภาคใต้ฝง่ั ตะวนั ออก 16,465,436.94 24.77 66.49 622 ตาปี 8,323,161.95 28.88 86.88 623 ทะเลสาบสงขลา 5,041,362.59 12.76 77.22 624 ปัตตานี 2,431,892.67 57.62 51.26 625 ภาคใตฝ้ ่ังตะวนั ตก 11,461,490.50 29.22 76.60 รวม 320,844,797.31 23.38 87.67 ทม่ี า: กรมอทุ ยานแห่งชาติ สตั ว์ป่า และพนั ธ์พุ ชื (2552) ในส่วนของภาพรวมป่าชายเลนของประเทศไทยพบว่าต้ังแต่ พ.ศ. 2547 มีพื้นท่ี เพิ่มขึน้ อยา่ งต่อเนื่อง สาเหตมุ าจากการรณรงคข์ องหน่วยงานภาครัฐและเอกชนถึงคณุ ค่าของ ป่าชายเลนและการอนุรักษ์ป่าชายเลน ใน พ.ศ. 2556 ประเทศไทยมีพ้ืนท่ีป่าชายเลนรวม 1,609,768.40 ไร่ ประกอบดว้ ยพน้ื ทป่ี า่ ชายเลนในภาคตะวนั ออก 195,204.70 ไร่ ภาคกลาง 67,964.90 ไร่ ภาคใต้ฝง่ั ตะวันออก 212,983.80 ไร่ และภาคใตฝ้ ัง่ ตะวนั ตก 1,133,633.00 ไร่ เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั ปี พ.ศ. 2547 พบวา่ ปา่ ชายเลนของประเทศไทยมพี นื้ ทเ่ี พม่ิ ขนึ้ 151,611.80 ไร่ หรือเพ่ิมข้นึ เฉลีย่ 16,845.76 ไร่ตอ่ ปี และเพม่ิ ขนึ้ ในเกอื บทกุ ภาค (ตารางท่ี 2.2) นอกจากนย้ี งั ไดม้ กี ารประกาศเขตพน้ื ทปี่ า่ อนรุ กั ษซ์ ง่ึ เปน็ มาตรการหนง่ึ ในการรกั ษา พน้ื ทป่ี า่ ไมข้ องประเทศใหค้ งอยตู่ ามสภาพธรรมชาติ เปน็ การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ เปน็ พนื้ ทธ่ี รรมชาติ สำ� หรบั ประชาชนไดศ้ กึ ษาธรรมชาตแิ ละระบบนเิ วศ และเปน็ แหลง่ นนั ทนาการ ใน พ.ศ. 2553 ประเทศไทยมพี น้ื ทป่ี า่ อนรุ กั ษต์ ามกฎหมาย รวมทง้ั สน้ิ 64,106,822.52 ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 19.99 24

พลิกฟ้นื ผนื ป่าด้วยพนั ธบตั รปา่ ไม้ ของพื้นท่ีประเทศ ประกอบด้วย พื้นท่ีอุทยานแห่งชาติ 37,700,070.04 ไร่ (ร้อยละ 11.76) พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 23,080,854.48 ไร่ (ร้อยละ 7.20) พ้ืนท่ีเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 3,270,648.00 ไร่ (รอ้ ยละ 1.02) และสว่ นทเี่ หลอื เปน็ พนื้ ทสี่ วนพฤกษศาสตรแ์ ละสวนรกุ ขชาติ 55,250.00 ไร่ (ตารางท่ี 2.3) ตารางที่ 2.2 พืน้ ทีป่ ่าชายเลนของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2547 และ พ.ศ. 2556 ภาค พ้นื ทป่ี ่าชายเลน พ.ศ. 2547 (ไร่) พน้ื ทป่ี า่ ชายเลน พ.ศ. 2556 (ไร)่ ภาคตะวันออก 152,247.34 195,204.70 ภาคกลาง 49,979.16 67,964.90 ภาคใต้ฝง่ั ตะวนั ออก 170,922.19 212,983.80 ภาคใต้ฝ่งั ตะวนั ตก 1,085,025.85 1,133,633.00 รวม 1,458,174.53 1,609,786.40 ทม่ี า: กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ (2553) ตารางที่ 2.3 พนื้ ทป่ี า่ อนรุ กั ษต์ ามกฎหมาย ปี พ.ศ. 2553 รายการ จ�ำนวน (แหง่ ) เน้ือท่ี (ไร่) ร้อยละของพื้นท่ีประเทศ 11.76 อุทยานแหง่ ชาติ 123 37,700,070.04 7.20 1.02 เขตรกั ษาพันธุส์ ตั วป์ า่ 58 23,080,854.48 0.009 0.008 เขตห้ามล่าสตั ว์ปา่ 60 3,270,648.00 19.99 สวนพฤกษศาสตร์ 16 28,362.50 สวนรกุ ขชาติ 56 26,887.50 รวม 313 64,106,822.52 หมายเหตุ : เน้อื ทป่ี ระเทศไทย 320,696,887.50 ไร่ ทม่ี า: กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตว์ป่า และพันธพ์ุ ชื (2553) 25

บทท่ี 2 ความส�ำคญั ของปา่ ไม้ และการดำ� เนนิ งานด้านปา่ ไม้ของประเทศไทย การสูญเสยี ปา่ ไมข้ องประเทศไทย ราว 100 ปที ผ่ี า่ นมาประเทศไทยเคยมพี น้ื ทปี่ า่ อยมู่ ากถงึ รอ้ ยละ 72 ของพน้ื ทปี่ ระเทศ จากสถิติพื้นท่ีป่าไม้ ใน พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยมีการใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 1 พ้นื ทีป่ า่ ไม้ของประเทศไทยลดลงเหลอื ประมาณรอ้ ยละ 53 ของพ้ืนที่ ประเทศ หรอื ประมาณ 171 ลา้ นไร่ และหลงั จากนนั้ พน้ื ทป่ี า่ ไมไ้ ดล้ ดลงมาโดยตลอดจนเหลอื เพยี ง รอ้ ยละ 25.28 ใน พ.ศ. 2541 การศึกษาข้อมูลพน้ื ที่ป่าไม้มขี อ้ สังเกตส�ำคญั ประการหนงึ่ คอื ใน พ.ศ. 2543 ข้อมลู พนื้ ทปี่ า่ ไมเ้ พม่ิ จากรอ้ ยละ 25.28 มาเปน็ รอ้ ยละ 33.15 ของพนื้ ทปี่ ระเทศ แตก่ ารเปลย่ี นแปลง ดังกล่าวไม่ได้แสดงการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ป่าไม้แต่อย่างใด เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนวิธีอ่าน ภาพถา่ ยทางอากาศของทางราชการซง่ึ สง่ ผลทำ� ใหต้ วั เลขพนื้ ทป่ี า่ ไมเ้ พม่ิ ขน้ึ หลงั จาก พ.ศ. 2543 พื้นท่ีป่าไม้ของประเทศไทยมีจ�ำนวนคงท่ีที่ประมาณร้อยละ 31-32 ของพื้นที่ประเทศไทยมา โดยตลอด (ภาพที่ 2.1) การสูญเสียพ้ืนที่ป่าไม้ของประเทศไทยนั้นมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เริ่มตั้งแต่ ในอดีตท่ีมีการให้สัมปทานป่าไม้กับบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะการท�ำไม้สักเพ่ือแปรรูปส่งขาย ต่างประเทศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2496-2532 จนกระท่ัง พ.ศ. 2532 รฐั บาลประกาศปดิ ป่าสมั ปทาน ปา่ ไม้อยา่ งเป็นทางการ หลังปดิ สมั ปทานป่าไมม้ ีการสำ� รวจพบวา่ พน้ื ทป่ี ่าท่ีไดจ้ ัดสรรสมั ปทาน ป่าไม้ท่ัวประเทศมีมากถึง 143 ล้านไร่จากพ้ืนท่ีประเทศไทยทั้งหมด 320 ล้านไร่ สรุปได้ว่า ประเทศไทยด�ำเนินการให้สัมปทานป่าไม้รวมทั้งสิ้นคิดเป็นพ้ืนที่ประมาณร้อยละ 44 หรือ 45 35 34.15 33.15 32.66 33.44 31.62 31.60 31.68 31.68 31.64 30.25 31.38 ัสดส่วน ้พืน ่ที ่ปาไ ้มต่อ ้พืนที่ประเทศ (ร้อยละ) 30.92 31.57 31.58 31.58 28.03 29.40 27.95 26.64 25.62 25 26.03 25.28 มีการปรับเปลย่ี นมาตราส่วนที่ใชใ้ นการจดั ทาขอ้ มลู สภาพพื้นท่ีปา่ ไม้ จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทยี มมาตราส่วน 1:250,000 เป็นมาตรส่วน 1:50,000 จึงทาใหข้ อ้ มลู พ้นื ท่ีป่าไมเ้ พ่ิมขน้ึ แต่พื้นทปี่ ่าไม้จริง มไิ ดเ้ พ่มิ ขึน้ แต่อยา่ งใด 15 5 2521 2525 2528 2531 2532 2534 2536 2538 2541 2543 2547 2548 2549 2551 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563 ปี พ.ศ. ภาพที่ 2.1 พืน้ ทีป่ า่ ไมข้ องประเทศไทย ปี พ.ศ. 2521-2563 ทม่ี า: ข้อมลู จากกรมป่าไม้ (2563ก) 26

พลิกฟื้นผนื ป่าดว้ ยพันธบัตรปา่ ไม้ ประมาณเกือบครง่ึ ของพน้ื ทีป่ ระเทศไทย ภายหลังทปี่ ระเทศไทยยกเลกิ สมั ปทานปา่ ไม้ พบวา่ ดว้ ยความตอ้ งการใชไ้ มท้ ง้ั เพอื่ สนองความตอ้ งการภายในประเทศและเพอ่ื สง่ ออกไปตา่ งประเทศ ส่งผลท�ำให้มีการลักลอบตัดและค้าไม้อย่างผิดกฎหมายอย่างมาก ไม้มีค่าท่ีเป็นความต้องการ ของตลาดประกอบดว้ ย ไม้พะยงู ไมช้ ิงชัน ไมส้ กั ไมป้ ระดู่ ไมแ้ ดง และไมม้ ะค่าโมง ไม้เหล่านี้ มคี ณุ สมบตั ขิ องเนอื้ ไมท้ มี่ คี ณุ ภาพสงู และเปน็ ทต่ี อ้ งการของตลาด จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ ขบวนการลกั ลอบ ตัดไม้มีค่าเพื่อสนองความต้องการใช้ไม้ภายในประเทศเองและเพ่ือส่งออกไปต่างประเทศ เป็นจำ� นวนมาก (เฉลมิ เกยี รติ สุดสาคร, 2555) การทปี่ ระเทศไทยปดิ ปา่ สมั ปทานสง่ ผลทำ� ใหป้ รมิ าณไมท้ ผ่ี ลติ ไดใ้ นประเทศไมเ่ พยี งพอ ตอ่ ความตอ้ งการใชไ้ มแ้ ละมแี นวโนม้ ทจี่ ะขาดแคลนวตั ถดุ บิ ไมม้ ากยงิ่ ขนึ้ ในอนาคต (ดงั ภาพที่ 2.2) จากการคาดการณค์ วามตอ้ งการใชไ้ มข้ องประเทศไทยซงึ่ เพมิ่ ขนึ้ ตามการเพมิ่ ขนึ้ ของประชากร และการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ (2552) คาดการณว์ า่ ความตอ้ งการ ใช้ไม้เพ่ือประโยชน์ในภาคครัวเรือนและใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมในประเทศจะเพิ่มข้ึน อยา่ งตอ่ เนอ่ื งเปน็ 112 ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร (75 ลา้ นตนั ) ใน พ.ศ. 2570 และ 128 ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร (85 ลา้ นตนั ) ใน พ.ศ. 2580 การทคี่ วามตอ้ งการใชไ้ มเ้ พม่ิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอื่ งยอ่ มสรา้ งแรงกดดนั น�ำไปสู่การลักลอบตัดไม้เถื่อนที่ตกเป็นข่าวให้เห็นในอดีต แต่ในขณะเดียวกันการเพ่ิมข้ึน ของความต้องการไม้ก็แสดงให้เห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจในการที่ประเทศไทยควรพัฒนา ภาคการปา่ ไม้หรือป่าเศรษฐกิจใหส้ ามารถผลิตไมเ้ พอ่ื สนองความต้องการของประเทศ ป ิรมาณ (ล้าน ลบ.ม.) 150 128 112 100 66 87 50 0 2559 2570 2580 2548 ปี พ.ศ. ภาพที่ 2.2 แนวโน้มความต้องการใชไ้ มข้ องประเทศไทย ทีม่ า: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ (2552) 27

บทท่ี 2 ความส�ำคญั ของป่าไม้ และการด�ำเนินงานดา้ นปา่ ไม้ของประเทศไทย จากการท่ีประเทศไทยมีความต้องการใช้ไม้ท่ีขยายตัวอย่างต่อเน่ือง ประกอบกับ การปดิ ปา่ สมั ปทานสง่ ผลใหเ้ กดิ การลกั ลอบตดั ไมเ้ ถอ่ื นและการจบั กมุ ผกู้ ระทำ� ผดิ มาโดยตลอด สถิติการบกุ รกุ พนื้ ทปี่ ่าในชว่ งปี พ.ศ. 2545-2552 แสดงให้เห็นวา่ ในปี พ.ศ. 2547 มีการบุกรกุ พน้ื ทปี่ า่ สงู ทสี่ ดุ ในชว่ งปี พ.ศ. 2547-2550 จำ� นวนคดแี ละเนอื้ ทป่ี า่ ทถี่ กู บกุ รกุ แผว้ ถางมแี นวโนม้ ลดลง แตใ่ นชว่ งปี พ.ศ. 2551-2552 จำ� นวนคดแี ละเนอื้ ทป่ี า่ ทถ่ี กู บกุ รกุ แผว้ ถางกลบั มแี นวโนม้ เพมิ่ ข้ึน (ภาพท่ี 2.3) นอกจากการท�ำสัมปทานป่าไม้และการลักลอบตัดไม้เถื่อนแล้ว ประเทศยังสูญเสีย พื้นท่ีป่าไม้จากการต้ังถ่ินฐานของชุมชนบนท่ีสูง ชุมชนบนท่ีสูงบางส่วนมีการเลี้ยงชีพด้วยการ ทำ� การเกษตรในรปู การทำ� ไรเ่ ลอื่ นลอย บางชมุ ชนมกี ารเลย้ี งชพี ดว้ ยการทำ� ไรห่ มนุ เวยี น แตไ่ มว่ า่ จะเป็นการปลูกพืชเพื่อการยังชีพของชุมชนบนท่ีสูง หรือการปลูกพืชเพ่ือการค้าเชิงพาณิชย์ เชน่ ขา้ วโพด กะหลำ�่ ปลี หรอื มะเขอื เทศ และสง่ ผลผลติ มาขายในตลาดพน้ื ราบเพอ่ื สรา้ งรายได้ รวมทง้ั การปลกู ฝน่ิ บนพน้ื ทส่ี งู โดยเฉพาะในพน้ื ทภ่ี าคเหนอื ตอนบนทเ่ี ปน็ ทงั้ แหลง่ ผลติ ซอื้ ขาย เน้ือท่ีป่ำถกู บุกรกุ แผ้วถำง จำนวนคดี 50,000 9,000 เ ื้นอท่ีป่ำ ูถกบุกรุกแผ้วถำง (ไ ่ร)40,000 7,500 จำนวนคดี (คดี)30,0006,000 20,000 4,500 10,000 3,000 1,500 00 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 ปี พ.ศ. ภาพที่ 2.3 จำ� นวนคดแี ละเนอ้ื ทป่ี า่ ถกู บกุ รุกแผว้ ถาง ปี พ.ศ. 2545-2552 ท่ีมา: กรมอทุ ยานแห่งชาติ สตั ว์ป่า และพนั ธุ์พชื (2555) 28

พลกิ ฟน้ื ผนื ป่าดว้ ยพนั ธบัตรปา่ ไม้ และลำ� เลยี งฝน่ิ ลว้ นมสี ว่ นทำ� ใหพ้ น้ื ทปี่ า่ ไมถ้ กู ทำ� ลาย ตอ่ มาเมอ่ื พนื้ ทปี่ ลกู ฝน่ิ หายากขนึ้ มกี ารขยาย พื้นท่ีปลูกสู่พ้ืนที่บนภูเขาของภาคเหนือตอนล่างซ่ึงส่งผลกระทบต่อการลดลงของพื้นท่ีป่าไม้ อีกเช่นกนั (เบญจพรรณ เอกะสงิ ห,์ ฉลาดชาย รมติ านนท์ และเบญจวรรณ ทองศิร,ิ 2540) สืบเน่ืองจากการใช้มาตรการสัมปทานป่าไม้เพ่ือการส่งออกและเพ่ือสร้างรายได้ ใหป้ ระเทศทส่ี ง่ ผลใหป้ ระเทศไทยสญู เสยี พนื้ ทปี่ า่ ไมจ้ ำ� นวนมาก ในชว่ งเวลาเดยี วกนั ประเทศไทย ได้เข้าสู่ชว่ งของการเพม่ิ ขน้ึ ของจำ� นวนประชากรจากประมาณ 40 ลา้ นคนใน พ.ศ. 2516 เปน็ 66 ลา้ นคน ในพ.ศ. 2560 สง่ ผลทำ� ใหค้ วามตอ้ งการทด่ี นิ เพอื่ การเพาะปลกู ทางการเกษตรเพม่ิ ขน้ึ ดงั จะเหน็ ในภาพที่ 2.4 และ ภาพที่ 2.5 วา่ การเพม่ิ ขนึ้ ของประชากร การขยายพนื้ ทที่ างการเกษตร ของประเทศไทย และการขยายตัวของชุมชนเกิดข้ึนพร้อม ๆ กันกับการลดลงของพ้ืนท่ีป่าไม้ สว่ นหนง่ึ เปน็ การลดลงของพน้ื ทปี่ า่ ไมท้ เ่ี กดิ ขน้ึ หลงั การทำ� สมั ปทานปา่ ไม้ และอกี สว่ นหนง่ึ เกดิ จาก การแผว้ ถางพน้ื ทป่ี า่ โดยเกษตรกรเพอ่ื เปดิ พน้ื ทใ่ี หมส่ ำ� หรบั การเพาะปลกู ทางการเกษตร (มลู นธิ ิ สบื นาคะเสถยี ร, 2560) พ้นื ที่ปำ่ จำนวนประชำกร 160 70 140 60 120 50 100 40 80 30 60 40 20 20 10 00 2516 2521 2528 2532 2536 2541 2547 2549 2558 2560 ปี พ.ศ. ภาพท่ี 2.4 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างพื้นท่ปี ่าไมแ้ ละจำ� นวนประชากรของประเทศไทย ทมี่ า: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ (2560) 29 ้พืนที่ป่ำ (ล้ำนไ ่ร) จำนวนประชำกร ( ้ลำนคน)

บทท่ี 2 ความส�ำคญั ของปา่ ไม้ และการด�ำเนนิ งานดา้ นปา่ ไม้ของประเทศไทย 200 180 171.02 พนื้ ที่ทาการเกษตร 160 150.92 149.42 149.24 149.25 138.57 ้พืนท่ี ( ้ลานไ ่ร) 140 105.52 116.89 129.84 133.64 130.39 123.93 107.24 102.24 102.35 120 109.52 94.29 89.64 82.18 100.63 พนื้ ทีป่ า่ 100 106.32 80 60 74.88 40 20 0 2504 2516 2521 2528 2532 2538 2543 2548 2553 2558 2563 ปี พ.ศ. ภาพที่ 2.5 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพ้ืนทีป่ า่ ไมก้ บั พ้ืนท่ีทางการเกษตรของประเทศไทย ท่ีมา: พน้ื ทีป่ า่ จากกรมปา่ ไม้ (2563ก) และพ้ืนที่เกษตรจาก FAO (2021) ด้านเกษตรกรรม พบว่ามีการขยายตัวของพืชเศรษฐกิจที่เปล่ียนจากการปลูกข้าว เป็นหลักมาเป็นพืชไร่มากข้ึน เน่ืองจากในช่วงเวลาดังกล่าวพืชไร่มีราคาดี ประกอบกับรัฐ ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพด อ้อย และถ่ัวเหลือง ท�ำให้มีการขยายพ้ืนที่เพาะปลูก โดยการบกุ รกุ แผว้ ถางพนื้ ทปี่ า่ มากขน้ึ สง่ ผลใหพ้ น้ื ทป่ี า่ ไมล้ ดลงในชว่ งเดยี วกนั ดงั นนั้ การปลกู พืชเศรษฐกิจเพ่ือตอบสนองนโยบายส่งออกของรัฐ เช่น รัฐบาลและบริษัทเอกชนส่งเสริม การปลกู พชื อาหารและพชื พลงั งาน โดยการประกนั ราคาผลผลติ ทเี่ ปน็ แรงงจงู ใจใหม้ กี ารบกุ รกุ แผว้ ถางปา่ ธรรมชาตเิ พิ่มขน้ึ เพื่อท�ำเกษตรกรรม ในขณะทพ่ี ชื เศรษฐกิจมีการขยายตัวนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่ืน ๆ ก็ได้ขยายตวั เช่นกนั ทั้งการทำ� เหมืองแร่ และการพฒั นาโครงสร้างพนื้ ฐานของรัฐ เช่น การตัดถนน การท�ำ แนวสายไฟแรงสงู และการสรา้ งเขอื่ นกล็ ว้ นเปน็ การพฒั นาทต่ี อ้ งมกี ารใชพ้ น้ื ทปี่ า่ ไมท้ งั้ สนิ้ และ เป็นสาเหตุหน่ึงท่ีท�ำให้พื้นท่ีปา่ ลดลง (กรมป่าไม,้ 2561) โดยเฉพาะอย่างยงิ่ การตัดถนนไปยัง พื้นที่ห่างไกลที่ท�ำให้การลักลอบตัดไม้หรือการแผ้วถางพ้ืนที่ป่ากระท�ำได้ง่ายขึ้น นอกจากน้ี พบว่ามีการกว้านซ้ือท่ีดินบริเวณป่าท่ีมีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว รีสอร์ท 30

พลกิ ฟื้นผืนป่าด้วยพนั ธบตั รป่าไม้ หรอื ทอี่ ยอู่ าศยั ลว้ นเปน็ ปจั จยั เสรมิ สง่ ผลใหป้ ระเทศไทยสญู เสยี พน้ื ทปี่ า่ ไมม้ าอยา่ งตอ่ เนอื่ งดว้ ย เช่นกนั ภายหลังการยุติสัมปทานป่าไม้ ภาครัฐมีการส�ำรวจพ้ืนท่ีป่าไม้เสื่อมโทรมและได้ ส่งมอบพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติที่เสื่อมโทรมแล้วให้น�ำมาใช้ประโยชน์ในรูปของการจัดที่ดิน ให้เกษตรกรภายใต้กลไกการปฏิรูปท่ีดิน ซึ่งใน พ.ศ. 2538 คณะรัฐมนตรีมีมติให้กรมป่าไม้ ส่งมอบพื้นที่ป่าเส่ือมโทรมประมาณ 45 ล้านไร่ให้ส�ำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) น�ำไปดำ� เนนิ การปฏริ ปู เพอ่ื เกษตรกรรม ดังนนั้ พื้นทป่ี ่าเสือ่ มโทรมดังกลา่ วจึงไมเ่ ปน็ พ้ืนท่ีป่าไม้อีกต่อไป แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐในรูปเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 ซึ่งอนุญาต ใหป้ ระชาชนท�ำเกษตรกรรมได้ (ภษู ิต พรหมมาณพ, 2561) ปจั จบุ นั ประเทศไทย ณ พ.ศ. 2563 มพี นื้ ทปี่ า่ ไมเ้ หลอื อยู่ 102.35 ลา้ นไร่ หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 31.64 ของพน้ื ทท่ี ง้ั หมดของประเทศ การลดลงของพน้ื ทปี่ า่ ไมเ้ นอื่ งจากการเปลย่ี นแปลง การใชป้ ระโยชน์ทีด่ ินจากพนื้ ทปี่ ่าไม้ไปเปน็ รปู แบบอืน่ ๆ เปน็ หนึ่งในสาเหตสุ ำ� คญั ทีท่ ำ� ให้เกดิ ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก (Anderson et al., 2008, Herzog, 2009) ซงึ่ นำ� ไปสภู่ าวะโลกรอ้ น ในทส่ี ดุ ยง่ิ ไปกวา่ นน้ั การลดลงของพนื้ ทป่ี า่ ไมย้ งั นำ� ไปสปู่ ญั หาอน่ื ๆ ทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ประชากร ในรปู การสญู เสยี ทางเศรษฐกจิ เปน็ มลู คา่ มหาศาล เชน่ การสญู เสยี ความหลากหลายทางชวี ภาพ นำ� ไปสกู่ ารขาดแคลนแหลง่ วตั ถดุ บิ ในการดำ� รงชวี ติ ไดแ้ ก่ อาหารและยา ตลอดจนปญั หานำ้� แลง้ น�้ำท่วม และปัญหาดินถล่ม เป็นต้น ดังนั้น การจัดการทรัพยากรป่าไม้ให้เกิดความย่ังยืน จึงมีความสำ� คญั มากและเปน็ หนา้ ท่ขี องผมู้ สี ่วนได้สว่ นเสยี ในทกุ ภาคสว่ น   เป้าหมายพ้นื ทปี่ า่ ไม้ทีร่ ้อยละ 40 ของพนื้ ทป่ี ระเทศไทย ประเทศตา่ ง ๆ ลว้ นมพี นื้ ทป่ี า่ ไมไ้ มเ่ ทา่ กนั สว่ นหนงึ่ เปน็ เพราะลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์ ของประเทศน้ัน ๆ ที่อาจเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับการมีป่าไม้ บางส่วนข้ึนอยู่กับสภาวะ เศรษฐกิจ สังคม หรอื วัฒนธรรมของประเทศ ซึง่ อาจอ�ำนวยหรอื ไม่อำ� นวยต่อการมีป่าไม้ และ บางส่วนขึ้นอยู่กับแนวนโยบายของรัฐบาล ด้วยว่าแนวคิดในการพัฒนาประเทศมีนโยบาย ยุทธศาสตร์ และความสามารถในการอนรุ ักษพ์ ื้นท่ปี า่ ไม้ในลกั ษณะใด ภาพท่ี 2.6 แสดงใหเ้ หน็ วา่ หากอา้ งองิ ขอ้ มลู ของธนาคารโลก ใน พ.ศ. 2564 ประเทศไทย มีพ้ืนท่ีป่าไม้ประมาณร้อยละ 38.9 ของพื้นที่ประเทศ ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นซ่ึงเป็นประเทศ ทพ่ี ฒั นาแลว้ มขี นาดพน้ื ทไ่ี มม่ าก และมปี ระชากรหนาแนน่ กลบั มพี นื้ ทปี่ า่ ไมส้ งู ถงึ รอ้ ยละ 68.4 31

บทที่ 2 ความสำ� คัญของป่าไม้ และการดำ� เนนิ งานดา้ นป่าไม้ของประเทศไทย ลาว 71.9% ญ่ปี ุ่น 68.4% เกาหลีใต้ 64.5% มาเลเซยี 58.2% อนิ โดนีเซยี 49.1% เวยี ดนาม 47.2% กมั พูชา 45.7% ไทย 38.9% สหรฐั อเมรกิ า 33.9% เยอรมนี 32.7% 23.3% จีน 0% 10% 20% 30% 40% 50% 60% 70% 80% 90% 100% สดั สว่ นพื้นที่ป่าไมต้ ่อพ้ืนที่ประเทศ (ร้อยละ) ภาพที่ 2.6 สัดสว่ นพืน้ ที่ปา่ ไมข้ องประเทศตา่ ง ๆ ปี พ.ศ. 2563 ที่มา: The World Bank (2021) ของพื้นท่ีประเทศ เช่นเดียวกับประเทศเกาหลีใต้ท่ีมีพื้นที่ป่าไม้สูงถึงร้อยละ 64.5 ของพ้ืนที่ ประเทศ ต่างกับประเทศสหรฐั อเมรกิ าและประเทศเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศท่มี รี ายได้สูง แตม่ ี พ้ืนท่ีป่าไม้เพียงร้อยละ 32-33 ของพ้ืนท่ีประเทศเท่าน้ัน ส่วนประเทศมาเลเซียและประเทศ อนิ โดนเี ซยี ทมี่ รี ะดบั การพฒั นาและขนาดของพน้ื ทใี่ กลเ้ คยี งกบั ประเทศไทยกม็ พี นื้ ทปี่ า่ ไมส้ งู ถงึ ร้อยละ 58.2 และรอ้ ยละ 49.1 ของพื้นทีป่ ระเทศตามลำ� ดบั สำ� หรบั ประเทศไทย ไดม้ กี ารศกึ ษา5 ขนาดพนื้ ทป่ี า่ ไมท้ เ่ี หมาะสมเสนอตอ่ คณะกรรมการ นโยบายป่าไม้แห่งชาติเพื่อก�ำหนดเป็นเป้าหมายพื้นท่ีป่าไม้ของประเทศ ซึ่งผลจากการศึกษา พบว่า ประเทศไทยควรมีพ้ืนท่ีป่าไม้ร้อยละ 40 ของพ้ืนที่ประเทศ โดยประกอบด้วยพื้นที่ป่า 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ปา่ เพอื่ การอนรุ กั ษร์ อ้ ยละ 15 และปา่ เพอื่ เศรษฐกจิ รอ้ ยละ 25 คณะกรรมการ นโยบายปา่ ไมแ้ ห่งชาตจิ งึ ไดก้ ำ� หนดเป็นนโยบายป่าไม้แหง่ ชาตติ ามผลการศึกษาดังกลา่ ว และ ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมอ่ื วนั ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2528 5 คณะผู้ศกึ ษาขนาดพนื้ ทีป่ ่าไมท้ ่ีเหมาะสมขณะนน้ั ประกอบดว้ ยคณะนักวชิ าการ ได้แก่ ท่านองคมนตรี ศ.ดร.เกษม จนั ทรแ์ ก้ว ศ.ดร.สง่า สรรพศรี ศ.ดร.สนทิ อักษรแก้ว และ ศ.ดร.นิพนธ์ ต้ังธรรม 32

พลิกฟืน้ ผนื ปา่ ดว้ ยพนั ธบัตรป่าไม้ การกำ� หนดพนื้ ทเ่ี ปา้ หมายปา่ ไมท้ เ่ี หมาะสมกบั ประเทศไทยของการศกึ ษาคราวนนั้ ให้ความสำ� คญั กับหลกั การ 3 ประการ ตามการศึกษาของขวญั ชัย ดวงสถาพร (2559) ดังนี้ 1) หลกั การใชท้ ดี่ นิ ใชห้ ลกั การแบง่ สมรรถนะทดี่ นิ ของกรมพฒั นาทดี่ นิ เพอ่ื กจิ การ ต่าง ๆ คือ การเกษตร ท่ีอยู่อาศัย แหล่งน�้ำ และป่าไม้ ท้ังควรก�ำหนดให้พ้ืนท่ีลาดชันเกิน 35 องศา เป็นพ้ืนทป่ี า่ อนรุ กั ษ์ 2) หลักการจัดการป่าไม้ เน่ืองจากคนไทย 1 คน ใช้เนื้อไม้ค�ำนวณในรูปของ ไม้ยืนต้นในป่าประมาณ 0.246 ลบ.ม./ปี ถ้าประชากรไทยมี 52 ล้านคน (ข้อมูลในขณะน้ัน) จะท�ำให้มคี วามต้องการใชไ้ ม้ประมาณ 13.31 ลา้ น ลบ.ม./ปี โดยผลิตจากป่าผลผลิตประมาณ ร้อยละ 25 ของพื้นที่ประเทศ 3) หลักการจัดการลุ่มน�้ำ การวิเคราะห์ปริมาณพื้นที่ต้นน้�ำล�ำธาร ซึ่งรวมไปถึงป่า อนุรักษ์ต่าง ๆ มีหลักการตามข้อสมมติฐานว่า ปริมาณน้�ำที่ไหลอยู่ตามล�ำห้วยล�ำธารทุกแห่ง จะตอ้ งเปน็ นำ้� ทเี่ กดิ เฉพาะพน้ื ทต่ี น้ นำ้� ลำ� ธารของแตล่ ะทอ้ งทเ่ี ทา่ นน้ั ซง่ึ คณะผศู้ กึ ษาไดว้ เิ คราะห์ ข้อมูลจากกรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผลงานวิจัยต่าง ๆ และ ประเมนิ ไดว้ า่ ควรมพี น้ื ทอ่ี ยา่ งนอ้ ยรอ้ ยละ 38.2 ของพนื้ ทป่ี ระเทศ ซง่ึ จำ� นวนสดั สว่ นนอี้ าจไมใ่ ช่ พื้นท่ีต้นน�้ำล�ำธารเพียงอย่างเดียว แต่อาจใช้เพื่อการอนุรักษ์ในด้านอ่ืน รวมถึงการท�ำไม้และ ของป่าบางส่วนโดยประยกุ ตห์ ลักการทางวิชาการมาดำ� เนนิ การอยา่ งเหมาะสม การศกึ ษาขนาดพน้ื ทป่ี า่ ไมข้ องประเทศไทยเมอ่ื คราว พ.ศ. 2528 ยงั ไดเ้ สนอแนะให้ ในอนาคต ประเทศไทยสามารถปรับขนาดพ้ืนที่ป่าไม้ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพ เศรษฐกจิ สังคม และส่ิงแวดลอ้ มได้ ต่อมา แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 7 (พ.ศ. 2535-2539) ได้ กำ� หนดเปา้ หมายพน้ื ทป่ี า่ ทร่ี อ้ ยละ 40 ของพน้ื ทป่ี ระเทศเชน่ เดยี วกบั นโยบายปา่ ไมข้ องประเทศไทย ทีป่ ระกาศโดยคณะกรรมการนโยบายปา่ ไมแ้ หง่ ชาตเิ ม่อื พ.ศ. 2528 แต่การจดั แบ่งพื้นท่ีปา่ ไม้ อนรุ กั ษแ์ ละพน้ื ทป่ี า่ เศรษฐกจิ ของแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 7 นนั้ ไดส้ ลบั ขนาดพ้ืนที่ป่าไม้อนุรักษ์กับขนาดพ้ืนท่ีป่าเศรษฐกิจ โดยประกาศให้ประเทศไทยมีป่าอนุรักษ์ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 25 และลดพ้ืนท่ีป่าเศรษฐกิจจากเดิมร้อยละ 25 เหลือ รอ้ ยละ 15 อยา่ งไรกต็ าม การจดั แบง่ พน้ื ทค่ี รงั้ นไ้ี มป่ รากฏหลกั ฐานวธิ กี ารประเมนิ ทางวชิ าการ ทีช่ ัดเจนเหมอื นเมือ่ ครง้ั กำ� หนดนโยบายป่าไมแ้ ห่งชาติ พ.ศ. 2528 33


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook