ซีกโลกเหนือฤดใู บไมผ้ ลิ ซีกโลกใตฤ้ ดูใบไมร้ ว่ ง 21 มิ.ย. 21 มี.ค. 22 ธ.ค. ซีกโลกเหนือฤดรู อ้ น ซีกโลกเหนือฤดหู นาว ซีกโลกใตฤ้ ดูหนาว ซีกโลกใตฤ้ ดูรอ้ น 23 ก.ย. ซีกโลกเหนือฤดใู บไมร้ ว่ ง ซีกโลกใตฤ้ ดูใบไมผ้ ลิ แนววงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตยแ์ ละช่วงฤดตู า่ งๆ ของโลก
ปรากฏการณจ์ ากดวงจนั ทรโ์ คจรรอบโลก กอ่ ใหเ้ กิดปรากฏการณ์ ดงั น้ ี ขา้ งข้นึ -ขา้ งแรม เกิดจากดวงจนั ทรโ์ คจรรอบโลกในทิศทวนเขม็ นาฬิกา เป็ นผลทาํ ให้ ดวงจนั ทรเ์ ปล่ียนตาํ แหน่งไปจากวงโคจรเดิมวนั ละประมาณ 12 องศา 30 ลิปดา ทาํ ใหด้ วงจนั ทรห์ นั สว่ นที่ไดร้ บั แสงจากดวงอาทิตยส์ ะทอ้ น มายงั โลก จึงทาํ ใหม้ องเห็นดวงจนั ทรร์ ูปรา่ งแตกตา่ งกนั
ขา้ งข้ นึ เป็ นปรากฏการณท์ ่ีเหน็ ดา้ นสวา่ งของดวงจนั ทรค์ อ่ ย ๆ เพ่ิมข้ ึนในแต่ละคืน เริ่มต้งั แตว่ นั ข้ นึ 1 คาํ่ ถึง วนั ข้ นึ 15 คาํ่ ขา้ งแรม เป็ นปรากฏการณท์ ่ีเหน็ ดา้ นสวา่ งของดวงจนั ทรค์ อ่ ย ๆ ลดลงในแต่ละคืน เร่ิมต้งั แต่วนั แรม 1 คาํ่ ถึง วนั แรม 15 คาํ่
สรุ ยิ ุปราคา เป็ นปรากฏการณท์ ี่เกิดข้ ึนในเวลากลางวนั เน่ืองจากดวงจนั ทรโ์ คจรมาอยูใ่ น ตาํ แหน่งระหวา่ งโลกและดวงอาทิตยใ์ นแนวเสน้ ตรง หรือในวนั แรม 14-15 คาํ่ และวนั ข้ ึน 1 คาํ่ ดวงจนั ทรจ์ ะโคจรเขา้ มาบดบงั แสงของดวงอาทิตย์ ทาํ ใหเ้ งา ของดวงจนั ทรท์ ี่เกิดข้ นึ ตกลงมายงั โลก เกิดความมืดข้ ึนบนพ้ ืนโลกในชว่ ง ระยะเวลาหนึ่ง การเกิดสุรยิ ปุ ราคา
จนั ทรปุ ราคา เป็ นปรากฏการณท์ ี่เกิดข้ นึ ในเวลากลางคืน เนื่องจากโลกโคจรมาอยู่ ในตาํ แหน่ง ระหวา่ งดวงจนั ทรแ์ ละดวงอาทิตยใ์ นแนวเสน้ ตรง หรือในวนั ข้ นึ 14-15 คาํ่ และวนั แรม 1 คาํ่ แสงจากดวงอาทิตยท์ ี่สอ่ งกระทบโลก ทาํ ใหเ้ กิดเงาทอดไปในอากาศ เมื่อดวงจนั ทรโ์ คจรเขา้ มาอยใู่ นเงาของโลก ดวงจนั ทรจ์ ะค่อย ๆ มืดลง การเกิดจนั ทรุปราคา
ปรากฎการณจากการเคลอ่ื นไหวและหมุนเวยี นของ อากาศ -ลมบก-ลมทะเล เปน ปรากฎการณที่เกิดข้ึนตาม บรเิ วณชายฝง ทว่ั ๆไปเกดิ จากหลักการของความแตกตาง ระหวางพื้นดนิ และพื้นน้าํ ในการรับและคายความรอ น ลมทะเล จะเกิดในเวลากลางวนั โดยลมจะพดั จาก พืน้ น้ําเขา สูพืน้ ดิน ลมบก จะเกิดในเวลากลางคืนโดยลมจะพดั จาก พืน้ ดนิ ไปสพู ืน้ นา้ํ
การเกดิ ลมทะเล
การเกดิ ลมบก
4. ชวี ภาค ชีวภาค คือ สิ่งมีชีวิตบนพ้ ืนโลก ท้งั บนบก ในดิน ในน้ํา และในอากาศ ท้งั ที่ยงั มีชวี ติ อยแู่ ละตายไปแลว้ ไดแ้ ก่ พืช สตั ว์ และมนุษย์ โดยท้งั หมดมี ความสมั พนั ธแ์ ละมีการปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาวะแวดลอ้ มของทอ้ งถ่ินน้ัน ๆ
พชื พรรณธรรมชาติ ลกั ษณะความแตกตา่ งของพชื แบ่งออกไดด้ งั น้ ี ขนาดและความสงู ของพืช ประเภทของพืช การแผร่ ม่ เงา ของพืช ลกั ษณะ ทางกายภาพของพืช ลกั ษณะ ขนาด การทําหนา้ ท่ีของพืช และรปู รา่ งของใบ
การกระจายของพืชพรรณธรรมชาตใิ นโลก จาํ แนกตามสภาพแวดลอ้ ม ท่ีพชื ข้ ึนอยู่ แบ่งได้ 3 ประเภท ดงั น้ ี พืชน้ําเค็ม พืชน้ําจดื พืชที่เจริญเติบโตใน พืชท่ีเจริญเติบโต น้ําเค็ม เชน่ สาหรา่ ย ในน้ําจืด หญา้ ทะเล เชน่ บวั ผกั ตบชวา
พืชบนบก พชื ที่เจริญเติบโตบนแผ่นดิน และกระจายอยทู่ วั่ ไป
สตั ว์ แหลง่ ทีอ่ ยอู่ าศยั ของสตั วโ์ ลก แบง่ ออกเป็ น 7 เขต ดงั น้ ี 1. สตั วใ์ นเขตข้วั โลก เน่ืองจากอยใู่ นเขตอากาศหนาวเยน็ สตั วท์ ่ีอยใู่ นเขตน้ ีจงึ มีขนยาว เชน่ หมีขาว กวางคาริบู
2. สตั วใ์ นเขตป่ าอบอ่นุ เช่น หมี และกวางชนิดต่าง ๆ ในบางพ้ นื ท่ีพบสตั วป์ ระจาํ ถ่ิน เช่น โคอาลาในประเทศออสเตรเลีย นกกวี ใี นประเทศนิวซีแลนด์ 3. สตั วใ์ นเขตป่ าดิบ เขตรอ้ นช้ ืนจะมีป่ าไมท้ ่ีเป็ นท่ีอยอู่ าศยั ของสตั วป์ ่ า นานาชนิด เชน่ เสือ สมเสร็จ ชมิ แปนซี กอริลลา
4. สตั วใ์ นเขตทงุ่ หญา้ เชน่ สิงโต แรด ชา้ ง เสือชีตาห์ มา้ ลาย ฮิปโปโปเตมสั ยีราฟ ววั กระทิง นกกระจอกเทศ และสตั วป์ ระจาํ ถิ่น เชน่ แพนดาในประเทศจนี 5. สตั วใ์ นเขตทะเลทราย เชน่ ตะขาบ แมงป่ อง อฐู สตั วเ์ ล้ ือยคลาน นกชนิดต่าง ๆ
6. สตั วใ์ นเขตภเู ขา เชน่ จามรี กวาง แพะ แกะ ลามา 7. สตั วใ์ นมหาสมุทร เชน่ กุง้ หอย ปู ปลา วาฬ ฉลาม แมวน้ํา
ปฏสิ มั พนั ธ์เชงิ ภมู ศิ าสตรข์ องประเทศไทย ภาคเหนือ แผนท่ีลกั ษณะภมู ิประเทศภาคเหนือ
ภูมิประเทศภาคเหนือมีลกั ษณะ ดงั น้ ี ภูมิประเทศทิวเขาสลบั ซบั ซอ้ น 1. เขตทวิ เขาและหุบเขาตะวนั ตก มีลกั ษณะ (อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม)่ สาํ คญั เป็ นทิวเขาสลบั ซบั ซอ้ น และมีระดบั สงู ที่สุดของประเทศ 2. เขตทิวเขา-สลบั แอ่งทร่ี าบระหว่างภเู ขา ภูมปิ ระเทศแอ่งท่ีราบระหวา่ งภเู ขา เป็ นพ้ นื ที่ทิวเขาและแอ่งที่ราบระหวา่ งภเู ขา (แอ่งฝาง-แมอ่ าย อ.แมอ่ าย จ.เชียงใหม)่ ตอนกลางของภูมิภาค และดา้ นตะวนั ออก 3. เขตทร่ี าบสลบั ทิวเขาล่มุ น้าํ โขง เป็ นพ้ นื ที่ราบ ระหวา่ งภูเขาผืนใหญท่ ่ีสุดของภาคเหนือ เกษตรกรรมในเขตท่ีราบสลบั ทิวเขาในลุ่มน้ําโขง (ทุ่งขา้ วบารเ์ ลย์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย)
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ แผนที่ลกั ษณะภมู ิประเทศภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
ภูมิประเทศภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมีลกั ษณะ ดงั น้ ี 1. เขตแนวภเู ขาขอบภูมิภาค เป็ นเขตภเู ขา ท่ีราบสูงโคราชดา้ นตะวนั ตก และดา้ นใต้ เขตแนวขอบภมู ิภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (อ.ภเู รือ จ.เลย) 2. เขตแนวภเู ขาตอนกลางของภูมิภาค คือ ทิวเขาภพู านท่ีวางตวั ในแนว ตะวนั ออกเฉียงใต-้ ตะวนั ตกเฉียงเหนือ ทิวเขาภพู าน (เขตติดต่อระหวา่ งจ.อุดรธานีและหนองบวั ลาํ ภู)
มนั สมั ปะหลงั เป็ นพชื ท่ีปลูกบนภูมิประเทศโคก โนน ทุ่งนานอกฤดูกาลเพาะปลูก ในเขตที่ราบเชิงดอน (อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา) (อ.บา้ นกรวด จ.บุรีรมั ย)์ 3. เขตทส่ี ูงเขาโดด โคก และโนน 4. เขตที่ราบ เป็ นลกั ษณะ เป็ นลกั ษณะภูมิประเทศท่ีสูง ภมู ิประเทศท่ีมีความต่างระดบั มากกวา่ บริเวณใกลเ้ คียง ภายในพ้ นื ท่ีนอ้ ยมาก ซ่ึงสว่ นใหญ่ ซึ่งปรากฏอยา่ งกวา้ งขวาง ใชป้ ลกู ขา้ ว ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
ภาคกลาง แผนที่ลกั ษณะภูมิประเทศภาคกลาง
ภมู ิประเทศภาคกลางมีลกั ษณะ ดงั น้ ี 1. เขตภเู ขาดา้ นตะวนั ออก ครอบคลุมทิวเขาเพชรบูรณ-์ ตะวนั ตกท้งั หมด และบางส่วนของทิวเขาเพชรบรู ณ-์ ตะวนั ออก และทิวเขาดงพญาเยน็ ในเขตจงั หวดั เพชรบูรณ์ พษิ ณุโลก ลพบุรี และสระบุรี ภูเขาหินปูน วตั ถุดิบหลกั ในอุตสาหกรรมซีเมนต์ (อ.เฉลิมพระเกยี รติ จ.สระบุรี) 2. เขตภเู ขาดา้ นตะวนั ตก ครอบคลุมพ้ นื ที่บางส่วน ในจงั หวดั กาํ แพงเพชร นครสวรรค์ อุทยั ธานี และสุพรรณบุรี ยอดเขาสูงสว่ นหนึ่งของเขตภูเขาสูงตะวนั ตก มีระดบั สูงที่สุดของภาคกลาง คือ 1,960 เมตร (เขาโมโกจู จ.กาํ แพงเพชร)
3. เขตที่ดอนเขาโดดตอนกลาง ไดแ้ ก่ ท่ีดอนเขาโดด พยุหคีรี-ตาคลี-นครสวรรค์ ตามขวางที่ราบ ภาคกลาง การปลูกพืชไรใ่ นเขตที่ดอนภูเขาโดดตอนกลาง (ไร่ขา้ วฟ่ าง อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค)์ 4. เขตที่ราบภาคกลางตอนบน ไดแ้ ก่ พ้ นื ท่ีราบ ภมู ปิ ระเทศที่ราบในเขตท่ีราบภาคกลางตอนบน ต้งั แต่แนวเขตที่ดอนเขาโดดตอนกลางข้ ึนไป (บริเวณที่ราบลุม่ น้ําน่าน จ.พิจิตร) ในจงั หวดั สุโขทยั พิษณุโลก กาํ แพงเพชร พิจติ ร และนครสวรรค์ 5. เขตท่ีราบภาคกลางตอนล่าง เป็ นพ้ ืนท่ีราบต้งั แตพ่ ้ ืนที่บริเวณตอนเหนือของ อาํ เภอเมืองอุทยั ธานีลงมาจนถึงบริเวณชายฝัง่ กน้ อ่าวไทย
ภาคตะวนั ออก แผนท่ีลกั ษณะภมู ิประเทศภาคตะวนั ออก
ภมู ิประเทศภาคตะวนั ออกมีลกั ษณะ ดงั น้ ี 1. เขตภูเขาสูง ไดแ้ ก่ ทิวเขาบรรทดั เขาพระบาท ทิวเขาสนั กาํ แพง เขาสอยดาว (ส่วนหนึ่งของทิวเขาสอยดาว อ.เขาคิชฌกฏู จ.จนั ทบุรี) เขาใหญ่ ลกั ษณะเป็ นแนวปะทะ เมฆฝนตามธรรมชาติ เป็ นพ้ นื ท่ี ป่ าไมส้ าํ คญั และเขตอนุรกั ษ์ 2. เขตท่ีสูง ที่ดอน และโคกโนน มีลกั ษณะเป็ นพ้ ืนท่ีไร่ชนิดตา่ ง ๆ และเป็ นพ้ ืนที่ เล้ ียงโค กระบือ โดยเฉพาะในจงั หวดั ฉะเชงิ เทราและสระแกว้ 3. เขตที่ราบ เป็ นพ้ ืนท่ีรบั น้ํา ท่ีถูกระบายจากภูเขาสูง รวมท้งั ตะกอนทาํ ใหด้ ิน อุดมสมบรู ณ์ เชน่ ที่ราบ ฉนวนไทยภมู ปิ ระเทศที่ราบฉนวนไทย (อ.โคกสูง จ.สระแกว้ )
4. เขตชายฝัง่ เป็ นพ้ นื ที่ติดตอ่ กบั ทะเลบริเวณอา่ วไทยอยทู่ างดา้ นตะวนั ตก และดา้ นใตข้ องภูมิภาค 5. เขตเกาะ เป็ นสภาพภูมิประเทศชายฝัง่ ท่ีมีเกาะหลายเกาะมารวมกนั กลายเป็ นแหล่งท่องเท่ียวและจอดพกั หลบคลื่นลมของเรือ เกาะชา้ ง แหล่งประมงชายฝัง่ และแหลง่ ทอ่ งเท่ียวที่สาํ คญั (อ.เกาะชา้ ง จ.ตราด)
ภาคตะวนั ตก แผนที่ลกั ษณะภูมิประเทศภาคตะวนั ตก
ภูมิประเทศภาคตะวนั ตกมีลกั ษณะ ดงั น้ ี 1. เขตทิวเขาถนนธงชยั ตอนล่าง การวางตวั ของทิวเขาทาํ ใหด้ า้ นหลงั เขาแหง้ แลง้ เน่ืองจากเป็ นเขตเงาฝน ยอดเขาสูงสว่ นหน่ึงของทิวเขาถนนธงชยั ตอนล่าง (อ.อุม้ ผาง จ.ตาก)
2. เขตทิวเขาตะนาวศรี เป็ นแนวที่พาดผ่าน ตามแนวชายแดนขนานกบั แมน่ ้ําแควนอ้ ย เป็ นทิวเขาที่มีหินแกรนิตเป็ นหนิ ฐาน ทิวเขาหลายๆ ทิวซอ้ นกนั (แนวทิวเขาตะนาวศรีตอนบน อ.สงั ขละบุรี จ.กาญจนบุรี) 3. เขตท่ีดอนเขาโดด เป็ นพ้ ืนที่ดา้ นตะวนั ออก ของทิวเขาถนนธงชยั และตะนาวศรี สว่ นใหญ่ เป็ นพ้ นื ที่ทาํ ไร่ ภมู ิประเทศที่ดอนเขาโดด (อ.เมอื ง จ.กาญจนบุรี)
4. เขตท่ีราบและที่ราบลุ่ม เป็ นพ้ ืนท่ีสะสมตะกอนน้ํา ดินจงึ อุดมสมบูรณ์ เชน่ ท่ีราบลุ่มน้ําแมก่ ลอง และเขตที่ราบลุม่ น้ําเพชรบุรี สวนมะละกอบริเวณที่ราบลุ่มน้ําแมก่ ลอง (อ.ดาํ เนินสะดวก จ.ราชบุรี) 5. เขตชายฝัง่ เพชรบุรี-ประจวบคีรีขนั ธ์ เป็ นท่ีราบประกอบไปดว้ ยแนวสนั ทราย ชายฝัง่ สลบั กบั ท่ีลุม่ ระหวา่ งสนั ทราย ชายฝัง่ หาดเลนปากน้ําเพชรบุรี ที่ราบชายฝัง่ ภาคตะวนั ตกตอนลา่ ง (แหลมเหลว อ.บา้ นแหลม จ.เพชรบุรี) (อา่ วประจวบ อ.เมอื ง จ.ประจวบคีรีขนั ธ)์
ภาคใต้ แผนที่ลกั ษณะภมู ิประเทศภาคใต้
ภมู ิประเทศภาคใตม้ ีลกั ษณะ ดงั น้ ี 1. เขตแนวทิวเขาสงู ไดแ้ ก่ ทิวเขาภเู ก็ต 2. เขตบริเวณพ้ นื ที่สูงตอนกลาง คือ ทิวเขานครศรีธรรมราช และทิวเขา บริเวณที่สงู ที่เป็ นภเู ขาโดด ภเู ขาเต้ ีย สนั กาลาคีรี ทิวเขาสูงเป็ นแนวปะทะ ลาดเชิงเขา และที่ดอน ซึ่งอยใู่ น เมฆฝนตามธรรมชาติ ทาํ ใหม้ ีฝนตกชุก เขตรอ้ นช้ นื จงึ เหมาะกบั การปลกู และตกหนัก เป็ นพ้ นื ท่ีป่ าไมแ้ ละพ้ นื ที่ ยางพารา และปาลม์ น้ํามนั ตน้ น้ําของภาคใต้ แนวเขาของทิวเขานครศรีธรรมราช มรี ะดบั สูงมาก ภาคใตบ้ ริเวณที่มภี มู ปิ ระเทศเป็ นลอนลาดและเขาเต้ ียๆ ใชเ้ ป็ น ทาํ ใหข้ วางการเคล่ือนท่ีของเมฆ จงึ มีความชุ่มช้ ืนมาก พ้ ืนท่ีทาํ สวนยางพารา สวนปาลม์ น้ํามนั และพชื ผลชนิดต่างๆ ในเขตดา้ นหนา้ ภเู ขา (อ.นาโยง จ.ตรงั ) (อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา)
3. เขตภาคใตช้ ายฝัง่ ทะเลตะวนั ออก 4. เขตภาคใตช้ ายฝัง่ ทะเลตะวนั ตก เป็ นชายฝัง่ ทะเลดา้ นอ่าวไทยในพ้ นื ท่ี เป็ นชายฝัง่ ทะเลอนั ดามนั ครอบคลุม อาํ เภอปะทิว จงั หวดั ชุมพร พ้ นื ท่ีจงั หวดั ระนองไปจนตลอด ไปจนตลอดปากน้ําโก-ลก จงั หวดั สตลู อาํ เภอตากใบ จงั หวดั นราธิวาส สนั ดอนจะงอยทราย ชายฝัง่ หินแกรนิตเขตภาคใตช้ ายฝัง่ ตะวนั ตก (แหลมตะลุมพกุ และอา่ วปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช) (แหลมพรหมเทพ อ.เมอื งภเู ก็ต จ.ภเู กต็ )
ลกั ษณะภมู ิประเทศและทรพั ยากรธรรมชาติ ท่ีมีความสมั พนั ธ์กบั การประกอบอาชพี ลกั ษณะภมู ิประเทศและทรพั ยากรธรรมชาติที่มีความหลากหลาย ในแต่ละภมู ิภาค ประเทศไทยจงึ เป็ นแหลง่ ที่มีพ้ ืนที่ท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ ส่งผลตอ่ การประกอบอาชีพต่าง ๆ ดงั น้ ี
อาชีพเกษตรกรรม อาชีพอุตสาหกรรม ลกั ษณะภมู ิประเทศและ ทรพั ยากรธรรมชาติ ท่มี ีความสมั พนั ธ์กบั การประกอบ อาชพี อาชีพการคา้ และ บริการ ทา่ เรือแหลมฉบงั ท่าเรือพาณิชยส์ าํ หรบั ขนส่งสินคา้ และวตั ถุดิบนําเขา้ -ส่งออกท่ีสาํ คญั ของประเทศไทย
ลกั ษณะทางอทุ กภาคในประเทศไทย แหลง่ น้ําในประเทศไทยมีท้งั แหลง่ น้ําที่มนุษยส์ รา้ งข้ นึ และแหลง่ น้ํา ตามธรรมชาติ โดยแหลง่ กาํ เนิดของแหล่งน้ําท้งั หมด คือ น้ําฝน ปริมาณฝน ท่ีตกลงมาเม่ือไหลลงสูแ่ ม่น้ํา ลาํ คลอง หรืออา่ งเก็บน้ํา เรียกวา่ น้ําท่า เมื่อซึมลงใตด้ ินเรียกวา่ น้ําใตด้ ิน
ท่ีมาของแหล่งนาํ้ 1) หยาดน้าํ ฟ้า ไดแ้ ก่ น้ําที่กลนั่ หรือควบแน่นมาจากละอองน้ํา ในช้นั บรรยากาศออกมาในรูปของหยดน้ํา เชน่ น้ําฝน น้ําคา้ ง หิมะ ลกู เหบ็ 2) น้าํ บนผิวดนิ หรอื น้าํ ผิวพ้ ืน หรอื น้าํ ท่า คือ น้ําที่ไหลหรือมีอยู่ ตามพ้ ืนผิวดิน เชน่ แมน่ ้ํา ลาํ คลองตามธรรมชาติ รวมถึงน้ํา ท่ีอาจจะขงั อยตู่ ามหว้ ย หนอง คลอง บึง ทะเล และลุ่มน้ํา หรือทะเลสาบที่มนุษยส์ รา้ งข้ นึ 3) น้าํ ใตด้ ินหรอื น้าํ บาดาล น้ําใตด้ ิน ไดแ้ ก่ น้ําฝน น้ําที่ละลาย จากหมิ ะและกอ้ นน้ําแข็ง หรือน้ําบนดิน เชน่ น้ําในลาํ ธาร แมน่ ้ํา อ่างเก็บน้ํา ท่ีซึมลงไปในดินและชอ่ งวา่ งระหวา่ งหนิ
แหล่งนา้ํ สาํ คญั ในภมู ิภาคต่างๆ ของประเทศไทย 1) ภาคเหนือ ภูมิประเทศเป็ นทิวเขาสลบั กบั ท่ีราบหบุ เขา จึงเป็ น แหลง่ ตน้ น้ําลาํ ธาร เชน่ แม่น้ําปิ ง แม่น้ําวงั แม่น้ํายม แม่น้ําน่าน แมน่ ้ําอิง แมน่ ้ํากก และมีบึงน้ําจืดขนาดใหญ่ คือ กวา๊ นพะเยา ในจงั หวดั พะเยา 2) ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภมู ิประเทศเป็ นพ้ ืนท่ีราบกวา้ งขวาง และไม่มีทิวเขาก้นั จึงมีแมน่ ้ํานอ้ ย เชน่ แมน่ ้ําชี แม่น้ํามลู แมน่ ้ําลาํ พระเพลิง แม่น้ําลาํ ปลายมาศ แม่น้ําลาํ ตะคอง และมีบึงน้ําจดื เชน่ หนองหาร จงั หวดั สกลนคร หนองหานกุมภวาปี จงั หวดั อุดรธานี
แหล่งนา้ํ สาํ คญั ในภมู ิภาคต่างๆ ของประเทศไทย 3) ภาคกลาง ภูมิประเทศเป็ นพ้ นื ท่ีราบ มีแหล่งน้ําบนดินและ แหลง่ น้ําใตด้ ินมากมาย เชน่ แม่น้ําเจา้ พระยา แม่น้ําแมก่ ลอง แมน่ ้ําสะแกกรงั แม่น้ําท่าจนี แม่น้ําป่ าสกั แมน่ ้ําลพบุรี และมีบึงน้ําจืด เชน่ บึงบอระเพ็ด จงั หวดั นครสวรรค์ บึงสีไฟ จงั หวดั พจิ ติ ร บึงสรรพยา จงั หวดั ชยั นาท 4) ภาคตะวนั ออก แม่น้ําสายส้นั ๆ เชน่ แมน่ ้ําประแส แม่น้ําเวฬุ แม่น้ําจนั ทบุรี 5) ภาคตะวนั ตก แมน่ ้ําไมม่ ากนัก เชน่ แม่น้ําแควนอ้ ย แม่น้ําแควใหญ่ ซ่ึงไหลรวมกนั เป็ นแม่น้ําแมก่ ลอง นอกจากน้ ียงั มีแม่น้ําปราณบุรี แมน่ ้ําเพชรบุรี 6) ภาคใต้ แม่น้ําสายส้นั ๆ เชน่ แม่น้ําตาปี แมน่ ้ําปัตตานี แมน่ ้ําตรงั แมน่ ้ําสายบุรี
ปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่างมนุษยก์ บั แหล่งนา้ํ ในประเทศไทย 1) ปฏิสมั พนั ธข์ องมนุษยก์ บั แหล่งน้าํ จดื มนุษยม์ ีความสมั พนั ธ์ และผูกพนั กบั แหลง่ น้ําจดื ท้งั ในเร่ืองการดาํ เนินชีวติ การประกอบอาชพี การต้งั ถิ่นฐาน 2) ปฏิสมั พนั ธข์ องมนุษยก์ บั แหล่งน้าํ บาดาล มนุษยใ์ ชป้ ระโยชน์ จากแหลง่ น้ําบาดาลในดา้ นตา่ งๆ เชน่ ใชใ้ นการอุปโภคบริโภคในครวั เรือน ใชเ้ พ่ือการทาํ เกษตรกรรม ท้งั เพาะปลกู และเล้ ียงสตั ว์ รวมถึงใชใ้ น ภาคอุตสาหกรรม เชน่ โรงงานผลิตสุรา อาหารกระป๋ อง น้ําอดั ลม และใชใ้ น ธุรกิจภาคบริการ เชน่ โรงแรม ศนู ยก์ ารคา้ สวนสนุก สถานบนั เทิง 3) ปฏิสมั พนั ธข์ องมนุษยก์ บั แหล่งน้าํ เค็ม มนุษยม์ ีความสมั พนั ธ์ และใชป้ ระโยชน์จากทะเลและมหาสมุทรหลายรูปแบบ เชน่ ใชเ้ ป็ นเสน้ ทาง คมนาคม ใชท้ าํ นาเกลือสมุทร เป็ นแหล่งอาหารตามธรรมชาติ เป็ นแหล่ง เพาะเล้ ียงสตั วน์ ้ํา รวมถึงเป็ นสถานท่ีพกั ผ่อนหยอ่ นใจ
ลกั ษณะทางบรรยากาศในประเทศไทย ภูมิอากาศของประเทศไทยจดั เป็ น ภูมิอากาศแบบรอ้ นช้ นื แบ่งเป็ น 2 ประเภท ภมู ิอากาศแบบ รอ้ นช้ ืน ในประเทศไทย อากาศ อากาศ แบบทุ่งหญา้ เมืองรอ้ น แบบมรสุมเมืองรอ้ น
ภูมิอากาศประเทศไทย ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากระบบ ลมมรสุม 2 ชนิด 1) ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ 2) ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ แผนท่ีร่องความกดอากาศ พายุหมุนเขตรอ้ น และระบบลมมรสุมประเทศไทย
ลกั ษณะทางชวี ภาคของประเทศไทย ความหลากหลายของพืชพรรณธรรมชาติ ป่ าไมไ้ มผ่ ลดั ใบ ป่ าไมผ้ ลดั ใบผสม ป่ าไมผ้ ลดั ใบ ป่ าดิบช้ ืน หรือป่ าเบญจพรรณ ป่ าดิบแลง้ ป่ าเต็งรงั ป่ าดิบเขา ป่ าละเมาะ ป่ าสน หรือป่ าหญา้ ป่ าพรุ ป่ าชายเลน ป่ าชายหาด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211