Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 2 ปรากฎการณ์ทางภูมิศาสตร์

หน่วยที่ 2 ปรากฎการณ์ทางภูมิศาสตร์

Published by kingmanee2614, 2021-02-04 04:19:33

Description: หน่วยที่ 2 ปรากฎการณ์ทางภูมิศาสตร์

Search

Read the Text Version

ระยะเริม่ แรกหรือวยั ออ่ น เกดิ ข้นึ เม่อื เปลอื กโลกมกี ารยกตวั สูงข้ึนจากระดบั นาํ้ ทะเล ซง่ึ เกิดข้นึ จากการแปรสณั ฐานของเปลอื กโลก ทาํ ใหเ้ กดิ ความ แตกตา่ งของระดบั พ้ืนท่ี แมน่ าํ้ จะไหลลงไปสทู่ ตี่ าํ่ ตามโครงสรา้ ง ลกั ษณะหนิ ของเปลือกโลก บรเิ วณทอ้ งนาํ้ จะมเี กาะแกง่ หรอื นาํ้ ตก มีความชนั มาก นาํ้ จะไหลแรง ทอ้ งนาํ้ เป็นรอ่ งลกึ และเกดิ หุบเขาท่ี มหี นา้ ผาชนั ลกั ษณะรูปตวั วี ไมป่ รากฏทรี่ าบนาํ้ ทว่ มถงึ ระยะเร่มิ แรกหรือวัยอ่อน 51

กระบวนการสาํ คญั ที่ส่งผล ใหเ้ กดิ ลกั ษณะภมู ิประเทศของโลก ลกั ษณะภมู ิประเทศที่เกดิ จากการปรบั ระดบั ผวิ แผ่นดนิ ลกั ษณะภมู ิประเทศที่เกดิ จากการกระทาํ ของเเม่นา้ํ วยั หนุม่ เมือ่ ระยะเวลาผา่ นไปความลาดเทของ วัยหนุ่ม ทอ้ งนาํ้ ลดลง กระแสนาํ้ ไหลชา้ ลง วตั ถุเกดิ จาก การกดั กรอ่ นมีการตกตะกอนตามทอ้ งนาํ้ แมน่ าํ้ จะกดั เซาะตลิง่ มากข้ึน หุบเขาขยายตวั กวา้ งข้นึ แมน่ าํ้ มี ลกั ษณะการไหลคดเค้ยี วไปมา เรมิ่ ปรากฏ ทรี่ าบนาํ้ ทว่ มถึงเป็ นบางบรเิ วณ 52

วัยชรา เป็ นชว่ งทห่ี ุบเขามีการขยายตวั กวา้ งมากข้ึน นาํ้ ไหลชา้ ลงกวา่ วยั หนุม่ และมกี ารตกตะกอนของวตั ถุทแี่ มน่ าํ้ พดั พามามากข้ึนทาํ ใหท้ อ้ งนาํ้ ต้นื เกดิ พ้ืนที่ ราบนาํ้ ทว่ มถึงบรเิ วณกวา้ ง แมน่ าํ้ จะไหลคดโคง้ มากข้ึน เกิดทะเลสาบรูปแอก บนทร่ี าบนาํ้ ทว่ มถึง ในระยะสุดทา้ ยลุม่ นาํ้ นนั้ จะกลายเป็นทรี่ าบสลบั กบั เนินเขา บางบรเิ วณอาจมภี ูเขาทหี่ ลงเหลืออยเู่ รยี กวา่ เขาโดด วัยชรา 53

กระบวนการสาํ คญั ที่สง่ ผล ใหเ้ กดิ ลกั ษณะภมู ิประเทศของโลก ลกั ษณะภมู ิประเทศที่เกดิ จากการปรบั ระดบั ผวิ แผ่นดนิ ลกั ษณะภมู ิประเทศท่ีเกดิ จากการกระทาํ ของเเม่นาํ้ แก่ง คอื ชว่ งของธารนาํ้ ทต่ี ้นื และมนี าํ้ ไหลเชย่ี ว เนื่องจากทอ้ งนาํ้ มีการลาด เทอยา่ งตอ่ เนื่องและมโี ขดหนิ ขวางกน้ั ลาํ นาํ้ ทาํ ใหก้ ระแสนาํ้ ลดระดบั ความ รุนแรงของการไหลลง แกง่ นาํ้ เกิดจากแรงนาํ้ ทไ่ี หลผา่ นบรเิ วณทมี่ โี ขดหนิ โขดหนิ ทม่ี คี วามแข็งกระจายขวางกนั้ ธารนาํ้ เกดิ เป็ นเกาะแกง่ โขดหนิ แก่งตะนะ อาํ เภอโขงเจยี ม จ.อุบลราชธานี

น้าํ ตก คอื นาํ้ ทไี่ หลจากความตา่ งระดบั ของภูมปิ ระเทศ ทม่ี คี วามสงู ชนั ลงมาสแู่ อง่ นาํ้ บรเิ วณทต่ี าํ่ กวา่ นาํ้ ตกเกดิ จากการกดั กรอ่ นของกระแสนาํ้ ทไ่ี หลผา่ นธารนาํ้ ทม่ี ชี นั้ หนิ รองรบั อยู่ ทาํ ใหเ้ กดิ โพรงทฐี่ านใตห้ นิ แข็ง จนเกดิ การ กดั กรอ่ นเปลี่ยนสภาพเป็นผาชนั ของนาํ้ ตก น้ําตกวชริ ธาร อาํ เภอจอมทอง จ.เชยี งใหม่

หุบผาชนั เกิดจากการกดั เซาะบรเิ วณทอ้ งนาํ้ อยา่ ง รวดเร็วจนเป็ นรอ่ งลึก เหลอื หนา้ ผาสูงชนั ทงั้ 2 ดา้ น นอกจากน้ียงั ทาํ ใหเ้ กดิ ภเู ขาซงึ่ เกดิ จากการสกึ กรอ่ นโดยแมน่ าํ้ ดว้ ย 56

ถ้าํ ถาํ้ ทเ่ี กิดจากการกระทาํ ของนาํ้ มกั พบมากบรเิ วณทภ่ี เู ขามี ลกั ษณะเป็นภูเขาหนิ ปูน เนื่องจากหนิ ปูนละลายไดง้ า่ ยจากการ กระทาํ ของนาํ้ ฝนและนาํ้ ใตด้ นิ เมอ่ื นาํ้ ไหลซมึ ไปตามรอยแตกใน หนิ ปูน นาํ้ ทมี่ คี ณุ สมบตั เิ ป็นกรดออ่ น ๆ จะกดั กรอ่ นหนิ ปูนทาํ ใหก้ ลายเป็นชอ่ งหรอื โพรงขนาดใหญแ่ ละพฒั นาเป็นถาํ้ ในเวลา ตอ่ มา 57

ทร่ี าบน้าํ ท่วมถงึ เป็ นทร่ี าบลุม่ ทอี่ ยรู่ มิ ฝ่ังของแมน่ าํ้ ในระยะวยั หนุ่มและวยั ชรา เกดิ จากการทบั ถมของ ตะกอนในชว่ งนาํ้ หลาก ทาํ ใหน้ าํ้ ต้นื เขินเกิดเป็ นทรี่ าบ 58

เนนิ ตะกอนน้าํ พารูปพดั เกิดจากการสะสมตวั ของ ตะกอนบรเิ วณทก่ี ารเปลย่ี นระดบั ของทางนาํ้ จากหุบเขา ชนั ลงสทู่ รี่ าบ ทาํ ใหค้ วามเรว็ ของกระแสนาํ้ ลดลงจนไม่ สามารถนาํ พาตะกอนบางสว่ นไปได้ ตะกอนจงึ ตกสะสม แยกกระจายออกไปรอบขา้ งเป็ นรูปพดั 59

ดนิ ดอนสามเหลี่ยม คอื บรเิ วณปากนาํ้ ซงึ่ มรี ูปรา่ ง ลกั ษณะคลา้ ยพดั เกดิ จากการทแี่ มน่ าํ้ พดั พาตะกอน มาทบั ถมบรเิ วณปากแมน่ าํ้ ทาํ ใหพ้ ้ืนทปี่ ากแมน่ าํ้ มี ระดบั สูงข้นึ กระแสนาํ้ ไหลชา้ ลง ตะกอนทบั ถมมาก ข้ึนจนพน้ ระดบั นาํ้ กลายเป็ นพ้ืนดนิ 60

กระบวนการสาํ คญั ทีสง่ ผล ใหเ้ กดิ ลกั ษณะภมู ิประเทศของโลก ลกั ษณะภมู ิประเทศที่เกดิ จากการปรบั ระดบั ผวิ แผ่นดนิ ลกั ษณะภมู ิประเทศที่เกดิ จากการกระทาํ ของลม แอง่ ในทะเลทราย เม่อื ลมพดั พาเอาวตั ถุทป่ี กคลุมอยตู่ าม พ้ืนผิวดนิ หรอื ทะเลทรายข้ึนมา จะทาํ ใหเ้ กดิ แอง่ ขนาดเล็ก เมือ่ ลมถกู พดั กราดนาน ๆ เขา้ จะขยายขนาดออกไป 61

เขาโดดในทะเลทราย เกดิ จากการกรอ่ น ผุพงั สลายที่ ลมกระทาํ ตอ่ ภูเขาทต่ี งั้ อยโู่ ดดเดยี่ วในทะเลทรายจนทาํ ใหร้ ูปรา่ งเปลย่ี นแปลงไป อาจมีลกั ษณะเป็ นยอดทรง กลม ทรงกรวย หรอื ยอดตดั พบทว่ั ไปในทวปี แอฟรกิ า 62

เนนิ ทรายหรือสนั ทราย มกั เกดิ ในทะเลทรายหรอื บรเิ วณ ใกลช้ ายฝั่ง เกดิ จากลกั ษณะแผน่ ดนิ ทตี่ ง้ั ขวางทศิ ทางลม จงึ ทาํ ใหล้ มพดั พาเอาทรายละเอยี ดมาทบั ถม การทบั ถมทเ่ี พิ่ม มากข้นึ อาจทาํ ใหเ้ ป็ นเนินหรอื สนั ทราย มลี กั ษณะนูนสงู และ เป็ นแนวยาว 63

ดนิ เลสิ ส์ หรอื เรยี กวา่ ดนิ ลมหอบ หมายถึง ดนิ ละเอยี ดสเี หลอื ง ออ่ น เกิดจากลมพดั พาตะกอนดนิ มาจากเขตพ้ืนทแี่ หง้ แลง้ ทร่ี าบ ทมี่ ดี นิ ลมหอบทบั ถมอยู่ เรยี กวา่ ทีร่ าบดินลมหอบ บรเิ วณทพ่ี บ เชน่ บรเิ วณตอนกลางของแมน่ าํ้ หวางเหอ ทางตอนเหนือของจนี ในทวปี อเมรกิ าใตพ้ บในทร่ี าบเขตทงุ่ หญา้ ปัมปาในอารเ์ จนตนิ า 64

กระบวนการสาํ คญั ทีสง่ ผล ใหเ้ กดิ ลกั ษณะภมู ิประเทศของโลก ลกั ษณะภมู ิประเทศที่เกดิ จากการปรบั ระดบั ผวิ แผ่นดนิ ลกั ษณะภมู ิประเทศท่ีเกดิ จากการกระทาํ ของธารนาํ้ แขง็ ธารน้าํ แขง็ หมายถงึ นาํ้ แข็งทเี่ คลอ่ื นทอ่ี ยา่ งชา้ ๆ ลงมาตามไหลเ่ ขา เชงิ เขา และแผก่ ระจายไปทุกทาง บรเิ วณพ้ืนผวิ โลกทป่ี กคลุมดว้ ยนาํ้ แข็งจะถกู กรอ่ น และทบั ถมจากธารนาํ้ แข็งตลอดเวลาธารนาํ้ แขง็ แบ่งออกเป็ น 2 ประเภทดงั น้ี ธารนาํ้ แขง็ หุบเขา เป็นธารนาํ้ แข็งทเ่ี กิดจากการสะสมของหมิ ะแลว้ ไหลลง มาตามหุบเขาจนถงึ ตนี เขา รูปรา่ งของธารนาํ้ แข็งจะเปลี่ยนแปลงไปตาม หุบเขา และจะเคลื่อนทท่ี าํ ใหเ้ กิดลกั ษณะภมู ปิ ระเทศรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ 65

เซริ ก์ เกิดจากธารนาํ้ แข็งบรเิ วณหุบเขาเคลอ่ื นทลี่ งสทู่ ต่ี าํ่ อยา่ งชา้ ๆ ธารนาํ้ แข็งจะกดั เซาะบนไหลเ่ ขาเป็นแอง่ ลึกเขา้ ไป ถา้ แอง่ มนี าํ้ ขงั อยูม่ ี ลกั ษณะเหมือนทะเลสาบ เรยี กวา่ ทารน์ อาแรต คอื บรเิ วณสนั ปันนาํ้ ทอ่ี ยรู่ ะหวา่ งแอง่ เซริ ก์ 2 แหง่ มกั มี ลกั ษณะเรยี วแหลมบางเป็นสนั เขาหยกั แหลม ฮอรน์ คอื บรเิ วณทม่ี เี ซริ ก์ 3 แอง่ หรอื มากกวา่ นน้ั ชนกนั จะเกิด ยอดเขาแหลมรูปพีระมดิ สงู เชน่ แมตเตอรฮ์ อรน์ ใน สวติ เซอรแ์ ลนด์ 66

หุบเขาธารนาํ้ แขง็ คอื บรเิ วณหุบเขาทล่ี กึ และกวา้ ง มฐี านราบและ ขอบสงู ชนั คลา้ ยตวั ยู เกิดจากการกดั เซาะจากธารนาํ้ แข็ง ถา้ หุบเขา น้ีอยูบ่ รเิ วณชายฝ่ังทะเลเป็นหุบเขาแคบ ๆ มหี นา้ ผาสงู ชนั เรยี กวา่ ฟยอรด์ ธารนา้ํ แข็งภาคพ้นื ทวีป เป็นธารนาํ้ แข็งทพ่ี บอยบู่ นภาคพ้ืนทวปี ในเขตละตจิ ดู สงู เชน่ บรเิ วณเกาะกรนี แลนด์ ทวปี แอนตารก์ ตกิ า เกิดจากการกระทาํ ของธารนาํ้ แข็งภาคพ้ืนทวปี มกั เกิดจากกรอ่ น พดั พา และทบั ถม ลกั ษณะภูมิประเทศทเ่ี กิดจากธารนาํ้ แข็ง ภาคพ้ืนทวปี เชน่ 67

ทะเลสาบธารนา้ํ แขง็ เกิดจากการกดั กรอ่ นของธารนาํ้ แข็ง บรเิ วณทรี่ าบจนทาํ ใหเ้ ป็นหลุม และถกู กรอ่ นอยา่ งตอ่ เน่ือง จนกลายเป็ นแอง่ ใหญ่ เมอ่ื ธารนาํ้ แข็งละลายกลายเป็น ทะเลสาบ พบทางตอนเหนือของแคนาดาและฟินแลนด์ ทรี่ าบเศษหนิ ธารนาํ้ แขง็ เกิดจากเศษดนิ เศษหนิ ทธี่ าร นาํ้ แข็งพดั พามาทบั ถมบรเิ วณปลายธารนาํ้ แข็ง 68

กระบวนการสาํ คญั ทีสง่ ผล ใหเ้ กดิ ลกั ษณะภมู ิประเทศของโลก ลกั ษณะภมู ิประเทศที่เกดิ จากการปรบั ระดบั ผวิ แผ่นดนิ ลกั ษณะภมู ิประเทศท่ีเกดิ จากการกระทาํ ของคลน่ื และกระแสนา้ํ แหลมและอ่าว บรเิ วณชายฝั่งทมี่ ีโครงสรา้ งหนิ ทแี่ ตกตา่ งกนั มที งั้ หนิ ทท่ี นตอ่ กระบวนการกรอ่ นไดเ้ ป็นอยา่ งดี บางชนิด ผุพงั สลายไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ จงึ ทาํ ใหช้ ายฝ่ังมีลกั ษณะเวา้ แหวง่ ไมเ่ สมอกนั สว่ นหนิ แข็งทยี่ ดื ออกไปในทะเลเรยี กวา่ แหลม สว่ นบรเิ วณทถี่ กู กดั เซาะเขา้ ไปในแผน่ ดนิ เรยี กวา่ อา่ ว 69

หนา้ ผาสงู ชนั รมิ ทะเลและโพรงหนิ ชายฝ่ัง เกิดจากการกดั เซาะของคล่นื ทก่ี ระทาํ ตอ่ หนิ แข็งทท่ี นทานตอ่ การสกึ กรอ่ น ทาํ ใหเ้ กิดหนา้ ผาสงู ชนั ถา้ บรเิ วณหนา้ ผาชายฝ่ังทะเลถูกคลืน่ กดั เซาะบรเิ วณฐานของหนา้ ผาจะเรยี กวา่ โพรงหนิ ชายฝั่ง ซมุ้ หินชายฝั่ง เกดิ ข้ึนจากการกดั เซาะของคล่นื และกระแสนาํ้ มกั เกดิ ข้ึนบรเิ วณหวั แหลม โดยคลืน่ และกระแสนาํ้ จะกดั เซาะ จนทาํ ใหเ้ กิดเป็ นโพรงหนิ เม่อื โพรงน้ีทะลุจงึ มลี กั ษณะเหมอื น สะพานโคง้ อยเู่ หนือนาํ้ คลา้ ยรูปประตโู คง้ 70

หาดทราย เปนลกั ษณะภมู ิประเทศที่ เกิดจากการทับถมของกรวดทราย ที่ คลื่นพดั พามาทบั ถมตามชายฝง ทะเล โดยท่ัวไปมกั พบบริเวณกนอาว มี ลกั ษณะยาวไปตามริมชายฝง 71

สนั ดอน หมายถงึ บรเิ วณอา่ วทคี่ ลื่นและกระแสนาํ้ พดั พาเอากรวด ทราย มาทบั ถมขวางทางไว้ เมือ่ นานเขา้ จะปรากฏเนินสูงพน้ จากนาํ้ ที่ราบชายฝ่ัง เกดิ จากคลน่ื และกระแสนาํ้ 72 เป็ นตวั การพดั พาเศษวตั ถจุ ากทะเล เชน่ โคลน ทราย ตะกอนดนิ และเศษหนิ เขา้ มาทบั ถมไวท้ ชี่ ายฝั่ง ทาํ ใหเ้ กิดเป็ นทรี่ าบ กวา้ งใหญ่

กระบวนการสาํ คญั ทีส่งผล กระบวนการจากภายนอกโลก ใหเ้ กดิ ลกั ษณะภมู ิประเทศของโลก กระบวนการจากโลกภายนอกโลกเป็ นกระบวนการทท่ี าํ ใหเ้ ปลอื กโลก เกดิ การเปลย่ี นแปลงนอ้ ยมาก ตวั การสาํ คญั คอื อกุ กาบาต ซง่ึ เมอ่ื ผา่ น ชนั้ บรรยากาศของโลกเขา้ มา บางสว่ นจะถกู เผาไหมไ้ ป สว่ นทเ่ี หลอื จะตก ลงมาสูผ่ วิ โลก หากมีช้นิ สว่ นขนาดใหญ่ จะทาํ ใหเ้ กิดหลุมอุกกาบาตข้นึ 73

สรปุ กระบวนการทเี่ ป็ นตวั การทส่ี ําคญั ทที่ ําให้ กระบวนการปรบั ระดบั ผวิ แผน่ ดนิ พน้ื ผวิ โลกและเปลอื กโลกเปลย่ี นแปลง การกรอ่ น การพดั พา การทบั ถม กระบวนการแปรสณั ฐาน ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการกระทําของเเมน่ ้ํา มี รอยคดโคง้ แรงดนั ทเี่ กดิ ขน้ึ ภายในโลก การคดโคง้ ขนึ้ ววิ ัฒนาการของแมน่ ้ํา 3 ระยะ ทําใหเ้ กดิ เป็ นภเู ขา ระยะเรม่ิ แรกหรอื วัยออ่ น วยั หนุ่ม วยั ชรา ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทเี่ กดิ จากการกระทําของเเมน่ ํ้า รอยเลอ่ื น เปลอื กโลกเกดิ ความเคน้ และความเครยี ด แกง่ น้ําตก หบุ ผาชนั ถํ้า ทร่ี าบน้ําทว่ มถงึ เนนิ ตะกอนน้ําพารปู พดั ดนิ ดอนสามเหลย่ี ม ทําใหเ้ กดิ การเคลอื่ นไหวของเปลอื กโลก ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทเ่ี กดิ จากการกระทําของลม แอง่ ในทะเลทราย เขาโดดในทะเลทราย ภเู ขาไฟปะทุ หนิ หนดื ทอ่ี ยภู่ ายใตเ้ ปลอื กโลก (แมกมา) ถกู ผลกั ดนั ใหแ้ ทรกตามรอยแตกของชนั้ หนิ เนนิ ทรายหรอื สนั ทราย ดนิ เลสิ ส์ ขน้ึ สผู่ วิ โลก หนิ หนดื ทพ่ี งุ่ ออกมาเรยี กวา่ ลาวา ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ภเู ขาไฟทมี่ อี ยทู่ ว่ั โลกแบง่ เป็ น 3 แบบ ไดแ้ ก่ ภเู ขาไฟแบบกรวยกรวดภเู ขาไฟ ภเู ขารปู โล่ ทเ่ี กดิ จากการกระทําของธารนํ้าแขง็ ภเู ขาไฟแบบกรวยภเู ขาไฟสลบั ชนั้ มี 2 แบบ ธารนํ้าแขง็ หบุ เขา ธารน้ําแข็งภาคพนื้ ทวปี แผน่ ดนิ ไหว เกดิ จากการคลายตวั อยา่ งรวดเร็วของ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทเ่ี กดิ จากการกระทํา เปลอื กโลกทม่ี กี ารสะสมพลงั ความเคน้ และความเครยี ด ของคลน่ื และกระแสนํ้า กระบวนการปรบั ระดบั ผวิ แผน่ ดนิ แหลมและอา่ ว หนา้ ผา้ สงู ชนั รมิ ทะเลและโพรงหนิ ชายฝั่ง ซมุ ้ หนิ ชายฝั่ง หาดทราย สนั ดอน กระบวนการทที่ าํ ใหเ้ กดิ การปรบั ระดบั ผวิ แผน่ ดนิ ทรี่ าบชายฝ่ัง การผพุ งั อยกู่ บั ที่ เกดิ จากกระบวนการทางเคมขี องลม กระบวนการจากภายนอกโลก ฟ้าอากาศ และฝน รวมทงั้ การกระทําของตน้ ไมแ้ ละ เป็ นกระบวนการทที่ ําใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงนอ้ ยมาก แบคทเี รยี การเพมิ่ และลดลงของอณุ หภมู ิ ตวั การสําคญั คอื อกุ กาบาต เกดิ ขน้ึ ได ้ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ การผพุ ังทางกายภาพ การผพุ งั ทางเคมี การผพุ งั ทางชวี ะ 74

ลกั ษณะทางกายภาพของโลก โลกเกิดจากกลุ่มแก๊สท่ีรวมตวั กนั และกลายเป็ นดาวเคราะห์ ท่ีเป็ นบริวารของดวงอาทิตย์ เป็ นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 4,500 ลา้ นปี มาแลว้ ช่วงแรกโลกเป็ นของแข็งกอ้ นกลมอัดแน่นและรอ้ นจัด ต่อมา จึงเย็นตัวลง โลกใชเ้ วลาปรบั สภาพประมาณ 3,000 ลา้ นปี จึงเริ่มมี ส่ิงมีชีวติ เล็กๆ เกิดข้ นึ

แผนภาพความสมั พนั ธข์ องโลกกบั ดาวเคราะหใ์ นระบบสุริยะ

สณั ฐานของโลกและโครงสรา้ งภายในโลก โลกมีรปู ร่างเกือบเป็ นทรงกลม โครงสรา้ งภายในโลกประกอบดว้ ย 3 สว่ น ดงั น้ ี แก่นโลก เน้ ือโลก และเปลือกโลก โดยแก่นโลกจะแบ่งออกเป็ นแก่นโลก ชน้ั ในและแก่นโลกช้นั นอก เปลอื กโลก เน้ ือโลก แก่นโลกช้นั นอก แก่นโลกช้นั ใน ภาพตดั ขวางโครงสรา้ งของโลก

โครงสรา้ งภายในโลก แก่นโลก เป็ นจุดก่ึงกลางโลก แบ่งออกเป็ น แก่นโลก ชน้ั ในและแก่นโลกชน้ั นอก เน้ ือโลก มีการเคลื่อนไหว การเล่ือนไหลของหนิ หนืด ตลอดเวลา เปลือกโลก ประกอบดว้ ยแผ่นดิน 1 สว่ น และผืนน้ํา 3 สว่ น

ธาตุ มมี ากกวา่ 100 ชนิด มปี ริมาณแตกต่างกนั มที ้งั สถานะเป็ นทง้ั ของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ส่วนประกอบ แร่ เป็ นสารประกอบอนินทรียท์ ่ีเกิดข้ ึนตามธรรมชาติ มี ของเปลอื กโลก 2 ประเภท คือ แร่ปฐมภมู ิ และแรท่ ุติยภมู ิ หิน คือ ส่วนท่ีแข็งของเปลือกโลก แบ่งออกเป็ น 3 ชนิด คือ หิน อคั นี หินตะกอนหรือหินช้นั และหินแปร ดิน คือ วตั ถุท่ีทบั ถมปกคลุมเป็ นชน้ั บางๆ อยบู่ นพ้ นื ผิวโลก มี ความสาํ คญั ต่อการดาํ รงชีวติ ของพชื

ปฏสิ มั พนั ธ์เชงิ ภมู ศิ าสตรข์ องโลก การดาํ เนินชีวติ ของมนุษยใ์ นสว่ นต่าง ๆ ของโลก จะสมั พนั ธก์ บั ปรากฏการณอ์ นั เกย่ี วขอ้ งกบั สว่ นประกอบที่สาํ คญั ของ โลก 4 ส่วน ดงั น้ ี ธรณีภาค อุทกภาค สว่ นของโลกที่เป็ นของแข็ง ประกอบดว้ ยหินและ สว่ นที่เป็ นของเหลวหรือพ้ นื น้ําท่ีปกคลุมผิวโลก ดินต่าง ๆ

บรรยากาศ ส่วนของอากาศที่ห่อหุม้ โลก ชีวภาค สิ่งมีชีวติ ท้งั หมดท่ีอยบู่ นพ้ ืนโลก

1. ธรณภี าค ธรณีภาค คือ แก่นโลกและเปลอื กโลกสว่ นทร่ี วมตวั เป็ นของแข็ง ประกอบดว้ ย หินและดินตา่ งๆ ปรากฎการณท์ างธรณภี าค ทวปี เลื่อน เปลือกโลกมีการเคล่ือนตวั ของหินหนืดใตเ้ ปลือกโลก อยตู่ ลอดเวลา ก่อใหเ้ กิดกระบวนการท่ีรุนแรงและตอ่ เน่ืองของภเู ขาไฟ และแผ่นดินไหว โดยลกั ษณะการเคล่ือนที่มีท้งั เคลื่อนที่ออกจากกนั และการเคลื่อนท่ีชนกนั หรือมุดเขา้ หากนั การชนกนั หรือการมุดตวั ของเปลือกโลกอาจกอ่ ใหเ้ กิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟปะทุตามมา

สนั ยกตวั ร่องมหาสมุทร ไหลท่ วีป ทวปี ภเู ขาไฟ มหาสมุทร 0 หินแปร เปลือกทวีป 10 เปลือกมหาสมุทร 20 รอยมุด แมกมา 30 กม. ภาพการมุดตวั และการยกตวั ของเปลอื กโลก เป็นสาเหตขุ องการเกดิ ทวปี เลือ่ น

ภาพการเคล่ือนตวั ของแผน่ เปลือกโลก แตล่ ะแผน่ คอ่ ยๆ เล่ือน ออกจากกนั จนกลายเป็ นทวีปตา่ งๆ เหมือนในปัจจุบนั แผน่ เปลอื กโลกเมื่อ 225 ลา้ นปี ก่อน แผ่นเปลอื กโลกเม่ือ 180 ลา้ นปี ก่อน

แผน่ เปลอื กโลกเม่ือ 135 ลา้ นปี ก่อน แผ่นเปลือกโลกเม่ือ 65 ลา้ นปี ก่อน แผน่ เปลอื กโลกในปัจจบุ นั

2. อทุ กภาค อทุ กภาค คือ สว่ นทเ่ี ป็ นของเหลวหรอื พ้ ืนน้าํ ทปี่ กคลมุ ผวิ โลก เช่น แม่น้าํ ลาํ คลอง ทะเล มหาสมุทร รวมถึงน้าํ ใตด้ นิ ไอน้าํ ในอากาศ และน้าํ ท่ีเป็ นน้าํ แขง็ ข้วั โลกดว้ ย น้าํ เป็ นปัจจยั สาํ คญั ในการดาํ รงชีวิตของสง่ิ มีชีวิตบนพ้ ืนผิวโลก ท้งั พชื สตั ว์ และมนุษย์ น้ําท่ีอยบู่ นพ้ ืนผิวโลกท้งั หมด ประกอบดว้ ย น้าํ จดื ท่ีอยใู่ นแหล่งน้ําผิวดินและน้ําใตด้ ิน คิดเป็ นรอ้ ยละ 3 และน้าํ เค็ม ท่ีอยใู่ นทะเลและมหาสมุทร คิดเป็ นรอ้ ยละ 97

วฏั จกั รของนาํ้ วฏั จกั รของน้าํ หมายถึง การหมุนเวยี นเปลี่ยนสถานะของน้ํา จากแหล่งน้ําตา่ งๆ ระเหยกลายเป็ นไอน้ําลอยข้ ึนไปในอากาศ ไอน้ําในบรรยากาศจะรวมตวั กนั และกลนั่ ตวั เป็ นเม็ดฝนตกลงมายงั แหลง่ น้ําต่าง ๆ และซึมลงใตด้ ิน หมุนเวยี น กนั อยเู่ ชน่ น้ ีตลอดไป แผนภาพวฏั จกั รของน้าํ

กระแสนาํ้ ในมหาสมุทร การไหลเวียนของกระแสน้าํ ในมหาสมุทร เกิดจากสาเหตุดงั ต่อไปน้ ี 1. ลมประจาํ ฤดูและลมประจาํ ถิ่นกระทาํ ตอ่ ผิวน้ําในมหาสมุทร 2. ความหนาแน่นและอุณหภูมิของน้ําในมหาสมุทรท่ีแตกต่างกนั 3. การลดระดบั และเพ่ิมระดบั ของน้ําในมหาสมุทร 4. ระดบั น้ําในมหาสมุทรในแตล่ ะแหง่ มีความแตกต่างกนั 5. การเกิดปรากฏการณแ์ ผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟปะทุใตม้ หาสมุทร

แผนท่กี ระแสน้าํ ในมหาสมุทร

สง่ ผลต่ออุณหภมู ิบนพ้ ืนผิวโลก อทิ ธิพลของกระแสนาํ้ ในมหาสมุทร สง่ ผลต่อภมู ิอากาศ บริเวณท่ีมีกระแสน้ําอุ่นและกระแสน้ําเยน็ มาปะทะกนั จะเป็ นแหล่งที่มีปลาชุกชุม

อทิ ธิพลทางอทุ กภาคที่มีต่อโลก นาํ้ ข้นึ -นา้ํ ลง เป็ นปรากฏการณท์ ่ีเกิดข้ ึนทุกวนั จากความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์ เนื่องจากแรงดึงดูดที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงของดวงจนั ทร์ ขณะโคจรรอบโลก โดยดา้ นท่ีโลกหนั เขา้ หาดวงจนั ทร์ แรงโน้มถ่วงของดวงจนั ทร์ จะมากกวา่ แรงเหว่ยี งของโลก มวลน้ําจึงถูกดึงเขา้ หาดวงจนั ทร์ ทาํ ใหเ้ กดิ น้าํ ข้ ึน และเม่ือแรงเหว่ยี งของโลกมากกวา่ แรงโนม้ ถ่วงของดวงจนั ทร์ มวลน้ําจะถูกดนั ออกจากดวงจนั ทร์ ทาํ ใหเ้ กิดน้าํ ลง ปรากฏการณน์ ้ําข้ ึน-น้ําลง จะเกดิ ข้ ึนสลบั กนั วนั ละ 2 คร้งั โดยเกดิ หา่ งกนั 6 ชวั่ โมง

นา้ํ เกดิ -นาํ้ ตาย น้าํ เกิด เป็ นปรากฏการณน์ ้ําข้ นึ สูงสุด เน่ืองจากดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และโลกโคจรมาอยใู่ นแนวเดียวกนั จะเกิดในชว่ งวนั ข้ นึ 14-15 คาํ่ และวนั แรม 14-15 คาํ่

น้าํ ตาย เป็ นปรากฏการณน์ ้ําลงตาํ่ สุด เน่ืองจากดวงจนั ทรแ์ ละดวงอาทิตย์ เคล่ือนท่ีมาอยใู่ นแนวต้งั ฉากกบั โลก จะเกิดในช่วงวนั ข้ ึน 8 คาํ่ และวนั แรม 8 คาํ่

มนุษยก์ บั แหล่งนา้ํ มนุษยม์ คี วามสมั พนั ธแ์ ละผูกพนั กบั แหลง่ น้ํา ท้งั ในเร่ืองการดาํ รงชีวติ การประกอบอาชีพ และการต้งั ถ่ินฐาน รวมถึงมนุษยย์ งั มีการใชป้ ระโยชน์ จากแหล่งน้ําในดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ ี

ใชใ้ นการอุปโภคบริโภค ใชใ้ นการอุตสาหกรรม ประโยชนข์ องแหล่งนา้ํ ใชใ้ นการชลประทานและเกษตรกรรม

เป็ นทีพ่ กั ผ่อน นนั ทนาการ ใชผ้ ลติ พลงั งานไฟฟ้า ประโยชนข์ องแหล่งนาํ้ ใชใ้ นการคมนาคมขนสง่ เป็ นแหลง่ อาหาร

3. บรรยากาศ บรรยากาศ คอื สว่ นของอากาศที่ห่อหุม้ โลก ประกอบดว้ ยแกส๊ ชนิดตา่ ง ๆ ไอน้าํ และฝ่ ุนละออง บรรยากาศจะมีอยูห่ นาแน่นบรเิ วณ ช้นั ลา่ งใกลพ้ ้ นื โลกเน่ืองจากแรงดึงดดู ของโลก สว่ นทีส่ ูงไปจากพ้ ืนโลก บรรยากาศจะเบาบางลง

ความสาํ คญั ของบรรยากาศ มีแกส๊ ออกซิเจนทม่ี นุษยใ์ ชใ้ นการหายใจ มีแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดท์ ่ใี ชใ้ นการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื ช่วยดูดซบั ความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ และป้องกนั ไม่ให้ ความรอ้ นออกจากโลกไป เป็ นแหล่งสะสมไอน้าํ เพื่อสรา้ งความชุ่มช้ ืนใหแ้ ก่พ้ ืนโลก ช่วยกรองรงั สที ีเ่ ป็ นอนั ตรายตอ่ มนุษย์

อทิ ธิพลทางบรรยากาศที่มีต่อโลก ปรากฏการณจ์ ากโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ก่อใหเ้ กิดปรากฏการณ์ ดงั น้ ี กลางวนั -กลางคนื เกิดจากในขณะที่โลกหมุนรอบตวั เองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ สง่ ผลให้ พ้ นื ผิวโลกดา้ นท่ีหนั เขา้ หาดวงอาทิตยไ์ ดร้ บั แสงสวา่ ง เรียกวา่ กลางวนั ส่วนพ้ ืนผิวโลกท่ีอยตู่ รงขา้ มไม่ไดร้ บั แสงอาทิตย์ เรียกวา่ กลางคืน การเกิดกลางวนั -กลางคืน

ฤดู เกดิ จากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตยใ์ นรอบ 1 ปี และการหมนุ รอบตวั เองของโลกเอียงทาํ มุม 23.5˚ ทาํ ใหต้ าํ แหน่งต่าง ๆ บนพ้ นื ผิวโลก ไดร้ บั พลงั งานแสงและความรอ้ นจากดวงอาทิตยไ์ มเ่ ท่ากนั บริเวณที่ไดร้ บั แสงมากต่อเนื่องกนั เป็ นเวลานาน เรียกวา่ ฤดูรอ้ น ส่วนบริเวณท่ีไดร้ บั แสงนอ้ ยต่อเน่ืองกนั เป็ นเวลานาน เรียกวา่ ฤดูหนาว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook