Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สังคมศึกษา ม.3 เทอม 1

สังคมศึกษา ม.3 เทอม 1

Published by alongkorn.arsa, 2021-07-27 10:29:43

Description: สังคมศึกษา ม.3 เทอม 1

Search

Read the Text Version

หน้าท่ีชาวพทุ ธ กำรปฏบิ ตั ิตนเป็นชำวพุทธท่ีดตี ำมหลักทศิ ๖ (ทิศเบ้อื งขวำ) • กำรปฏิบัติตนเป็นชำวพุทธท่ีดีตำมหลักทิศ ๖ เป็นกำรปฏิบัติตนต่อบุคคลประเภทต่ำงๆ ที่เรำต้องเก่ียวข้อง สัมพันธ์ทำงสังคมดุจทิศที่อยู่รอบทิศ ซ่ึงมีอยู่ ๖ ทิศ เรียกว่ำ “ทิศ ๖” ในที่น้ีจะกล่ำวถึงเฉพำะทิศเบื้องขวำ คอื ครู อำจำรย์ การปฏิบตั ติ นต่อครู อาจารย์ ลกุ ขน้ึ ตอ้ นรบั ปรนนบิ ตั ิ เรียนศิลปวิทยำด้วยควำมต้ังใจ ใฝใ่ จเรียน เข้ำไปหำเพอ่ื คอยรบั ใช้หรอื รับคำแนะนำ

หน้าที่ชาวพทุ ธ กำรปฏิบัติตนเปน็ ชำวพทุ ธท่ดี ตี ำมหลกั ทศิ ๖ (ทิศเบ้ืองขวำ) • กำรปฏิบัติตนเป็นชำวพุทธท่ีดีตำมหลักทิศ ๖ เป็นกำรปฏิบัติตนต่อบุคคลประเภทต่ำงๆ ท่ีเรำต้องเก่ียวข้อง สัมพันธ์ทำงสังคมดุจทิศท่ีอยู่รอบทิศ ซ่ึงมีอยู่ ๖ ทิศ เรียกว่ำ “ทิศ ๖” ในท่ีนี้จะกล่ำวถึงเฉพำะทิศเบ้ืองขวำ คอื ครู อำจำรย์ การปฏบิ ตั ติ นตอ่ ศิษย์ สอนให้เขำ้ ใจแจ่มแจง้ ฝึกฝนแนะนำใหเ้ ปน็ คนดี สอนศิลปวยิ ำให้ส้นิ เชิง ยกยอ่ งให้ปรำกฏในหมู่คณะ ให้ควำมคมุ้ ครองปกปอ้ งในสงิ่ ทถ่ี กู ตอ้ งและเหมำะสม

หน้าทช่ี าวพุทธ กำรปฏิบัติตนตำมหลกั พุทธปณธิ ำน ๔ • พทุ ธปณธิ าน คือ ควำมต้ังพระทัยของพระพุทธเจ้ำ โดยเม่ือพระองค์บรรลุพระสัมมำสัมโพธิญำณใหม่ๆ มีพญำ มำรนำมวำ่ “วสวัตด”ี ได้มำทลู อำรำธนำใหเ้ สดจ็ ดับขนั ธปรนิ พิ พำน • พระพุทธองค์ตรัสว่ำ ตรำบใดท่ีพระพุทธศำสนำยังไม่มั่นคงแพร่หลำย พระองค์จะไม่เสด็จดับขันธปรินิพพำน พระองค์จะดบั ขันธปรนิ ิพพำนเมอ่ื พุทธบรษิ ทั ทงั้ ๔ (ภกิ ษุ ภกิ ษณุ ี อุบำสก อุบำสิกำ) มคี ุณสมบัติ ดังนี้ • ศกึ ษำพระธรรมจนมคี วำมร้แู ตกฉำน • ปฏบิ ัติตำมทีไ่ ดศ้ ึกษำมำจนบรรลุผลแห่งกำรปฏิบัติ ตำมควำมสำมำรถ • ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด เผยแผใ่ ห้คนอืน่ ไดร้ ตู้ ำม • กำจัดปรปั วำท (อ่ำนวำ่ ปะ-รบั -ปะ-วำด ) กำรกล่ำวร้ำย เขำ้ ใจผดิ ต่อพระศำสนำให้รำบคำบ โดยชอบธรรม

หน้าท่ีชาวพุทธ กำรปฏบิ ตั ติ นตำมหลักพุทธปณิธำน ๔ การปฏบิ ัติตนตามพุทธปณิธาน ๔ ฟงั มาก จาได้ ศึกษำพทุ ธวจนะในพระไตรปิฎกให้เข้ำใจ คลอ่ งปาก โดยปฏิบัตติ ำมขั้นตอนของ “หลกั พหูสูต” เจนใจ นาไปประยกุ ต์ เมอ่ื ศึกษำพระพุทธศำสนำจนเปน็ พหสู ตู แลว้ ต้องนำเอำทฤษฎคี วำมรูน้ ัน้ มำปฏบิ ตั ิ เรียนรู้และปฏบิ ตั ไิ ด้ และสำมำรถนำไปถำ่ ยทอด ใหค้ นอนื่ เขำ้ ใจได้ดว้ ย ปกปอ้ งพระพุทธศำสนำ เม่อื มีกำรกล่ำวจ้วงจำบ ใหร้ ้ำยป้ำยสีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

หน้าท่ชี าวพุทธ กำรแสดงตนเปน็ พุทธมำมกะ • พทุ ธมำมกะ แปลวำ่ ผ้นู บั ถอื พระพุทธเจ้ำเป็นของตน คอื นับถอื พระพุทธศำสนำอย่ำงแทจ้ รงิ ไม่ละทง้ิ นั่นเอง • สถำนที่ทำพิธีควรเป็นพระอุโบสถ ถำ้ มิใช่พระอโุ บสถ สถำนท่ีทำพธิ คี วรมสี งิ่ ตำ่ งๆ ดังนี้ พระพุทธรปู กระถำงธูป เชิงเทียน แจกนั สำหรับปกั ดอกไม้ บำตรนำ้ มนต์มนี ำ้ เต็ม ธูปเทียนบชู ำพระรตั นตรัย ภิกษตุ ้งั แต่ ๔ รปู ข้ึนไป เทยี นนำ้ มนต์ ๑ เล่ม สำยสญิ จน์ ๑ กล่มุ

หน้าท่ีชาวพุทธ กำรแสดงตนเป็นพทุ ธมำมกะ คำกลำ่ วแสดงตนเป็นพุทธมำมกะ พทุ ธัง ชีวิตัง ยำวะนิพพำนัง สะระณัง คัจฉำมิ ข้ำพเจ้ำขอถึงพระพุทธเจ้ำเป็นสรณะท่ีพึ่งท่ีระลึก ตลอดชีวติ ตลอดถงึ พระนฤพำน ธัมมัง ชีวิตัง ยำวะนิพพำนัง สะระณัง คัจฉำมิ ข้ำพเจ้ำขอถึงพระธรรมเป็นสรณะที่พ่ึงท่ีระลึก ตลอดชีวิต ตลอดถงึ พระนฤพำน สังฆัง ชีวิตัง ยำวะนิพพำนัง สะระณัง คัจฉำมิ ข้ำพเจ้ำขอถึงพระสงฆ์เป็นสรณะท่ีพ่ึงท่ีระลึก ตลอดชวี ติ ตลอดถงึ พระนฤพำน พุทธะมำมะโกติ (พุทธะมำมิกำ สำหรับผู้หญิง) มัง สังโฆ ธำเรตุ ขอพระสงฆ์จงจำข้ำพเจ้ำไว้ว่ำ เป็นพุทธมำมกะ ผู้นับถอื ซ่งึ พระพุทธว่ำเปน็ ของๆ ขำ้ พเจ้ำ ธัมมำมะโกติ (ธัมมะมำมกิ ำ สำหรับผหู้ ญงิ ) มงั สงั โฆ ธำเรตุ ขอพระสงฆ์จงจำข้ำพเจ้ำไว้ว่ำ เป็น ธัมมมำมกะ ผ้นู บั ถือซ่ึงพระธรรมว่ำเป็นของๆ ขำ้ พเจ้ำ สังฆะมำมะโกติ (สังฆะมำมิกำ สำหรับผู้หญิง) มัง สังโฆ ธำเรตุ ขอพระสงฆ์จงจำข้ำพเจ้ำไว้ว่ำ เป็นสงั ฆมำมกะ ผนู้ บั ถอื ซง่ึ พระสงฆว์ ำ่ เปน็ ของๆ ข้ำพเจำ้ อิมำหัง ภะคะวำ อัตตะภำวัง ตุมหำกัง ปะริจจะชำมิ ข้ำแต่พระผู้มีพระภำคเจ้ำข้ำพเจ้ำขอ สละอตั ตภำพรำ่ งกำยน้แี ดพ่ ระองค์ (ว่ำบทน้ีทงั้ คำแปล ๓ หน) เสรจ็ แลว้ กรำบ ๓ หน

หน้าทช่ี าวพทุ ธ กำรศึกษำเรียนรอู้ งค์ประกอบของพระพทุ ธศำสนำเพ่ือปฏบิ ตั แิ ละเผยแพ่ พระพุทธเจ้า • อำจแนะนำผู้อ่ืนให้รู้จักควำมจริงเบ้ืองต้นเกี่ยวกับพระพุทธเจ้ำว่ำ “พระองค์ประสูติเป็นคนธรรมดำ มีเนื้อหนังมังสำเหมือนคนทั่วไป แต่ก็เหนือกว่ำคนธรรมดำที่พระปัญญำยอดเยี่ยม สำมำรถตรัสรู้ ควำมจริงดว้ ยพระองคเ์ อง แลว้ นำมำสัง่ สอนแก่มวลมนุษย์ พระองคเ์ ป็นผูส้ ถำปนำพระพุทธศำสนำเม่ือ ประมำณ ๒,๕๐๐ ปี” พระธรรม • อำจแนะนำหลักคำสอนพ้ืนฐำนของพระศำสนำว่ำ “เบญจศีลและเบญจธรรม ท่ีสูงข้ึนไปก็เช่นหลัก อริยสัจ ๔ หรืออธิบำยหลักธรรมต่ำงๆ ที่สำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ำย เช่น อิทธิ บำท ๔ เปน็ หลักธรรมแห่งควำมสำเร็จ พรหมวิหำร ๔ เป็นหลักธรรมท่ีสอนให้มีควำมเมตตำกรุณำต่อ คนอนื่ เป็นต้น” พระสงฆ์ • อำจเข้ำไปในวัดและแนะนำให้รู้จักเกี่ยวกับพระสงฆ์ว่ำ “พระสงฆ์ผู้สละโลก ออกบวชเพื่อศึกษำและ ปฏิบัติตำมหลักธรรม แล้วนำหลักธรรมมำเผยแผ่แก่ชำวบ้ำน พระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติชอบเพื่อเป็น ตวั อยำ่ งทีด่ ีแกค่ นทวั่ ไป”

หน้าท่ีชาวพุทธ กำรศึกษำกำรรวมตัวขององคก์ รชำวพุทธ • กำรรวมตัวขององค์กรชำวพุทธ นอกจำกกำรรวมตัวในรูปสถำบัน คือ เป็นพุทธบริษัท ๔ แล้ว ผู้ท่ีนับถือ พระพุทธศำสนำในประเทศต่ำงๆ ยังมีกำรรวมตัวกันเป็นองค์กรต่ำงๆ เพ่ือสืบทอดและเผยแผ่พระพุทธศำสนำ ได้แก่ ชมรม สมาคม และองค์การ ชมรม • ชมรมเกิดจำกกำรรวบรวมสมำชิกท่ีมีควำมสนใจในแนวเดียวกันตั้งชมรมข้ึนเพ่ือศึกษำและปฏิบัติ ธรรม ไมม่ กี ำรจดทะเบียน เชน่ ชมรมพทุ ธศำสตร์ธรรมศำสตร์ ชมรมพทุ ธศำสตร์จุฬำฯ สมาคม • สมำคมเป็นองค์กรชำวพุทธท่ีจดทะเบียนเป็นสมำคม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษำและเผยแผ่ องคก์ าร พระพุทธศำสนำ เชน่ พุทธสมำคม สมำคมบำลีปกรณ์ • องค์กรชำวพุทธอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นองค์กำรทำงศำสนำพุทธระหว่ำงประเทศ เพื่อให้ตัวแทน พระพุทธศำสนำจำกนิกำยและประเทศต่ำงๆ ได้มีโอกำสมำประชุมปรึกษำหำรือกำรพระศำสนำ ร่วมกนั

หน้าที่ชาวพทุ ธ กำรปลกู จติ สำนึกในด้ำนกำรบำรุงรกั ษำวัดและพทุ ธสถำน ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสดุ • วัด เป็นศูนย์กลำงของชุมชนในด้ำนต่ำงๆ สมัยก่อนวัดเป็นศูนย์กลำงทำงกำรศึกษำ เป็นแหล่งกำเนิด รักษำ สบื ทอด พัฒนำ หรือสนับสนุนศิลปะและดนตรี และเปน็ ศนู ยก์ ลำงของกิจกรรมท้งั หลำยในชมุ ชน • สถาปตั ยกรรม จติ รกรรม และประติมากรรม ได้รบั กำรสรำ้ งสรรค์ข้นึ ด้วย แรงบันดำลใจ เพื่อแสดงถึงควำมศรัทธำในพระพุทธศำสนำและเป็นสื่อ ถ่ำยทอดหลักธรรม ทำให้เกิดศำสนสถำนและศิลปะในแขนงต่ำงๆ จำก วสั ดุและฝีมอื ชำ่ งที่ดที ส่ี ุด คุณคา่ ของวัดและพทุ ธสถาน • วัดและพุทธสถำนนั้นมีคุณค่ำทำงศิลปวัฒนธรรม มีคุณค่ำทำงเศรษฐกิจ และเป็นศูนย์รวมน้ำใจของ ชำวพุทธ ทำให้เกิดควำมหวงแหนในพระพุทธศำสนำ เรำจึงควรทำนุบำรุงรักษำวัดและพุทธสถำน โดยไม่เกินกำลัง ไมห่ ลงกับเปลือกจนลืมแก่นแท้ของพระพุทธศำสนำ คือ ศำสนธรรม

๖หน่วยการเรียนรู้ท่ี วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา และศาสนพธิ ี จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. อธิบำยประวตั วิ นั สำคญั ทำงศำสนำตำมที่กำหนดและปฏิบตั ติ นได้ถกู ตอ้ ง ๒. ปฏบิ ตั ิตนในศำสนพธิ ี พิธกี รรมไดถ้ กู ต้อง

ประวัตแิ ละการปฏบิ ตั ิตนในวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา วนั วิสำขบชู ำ วนั วสิ ำขบูชำ ประสูติ ตรสั รู้ ปรินิพพำน • เปน็ วันคลำ้ ยวันประสตู ิ วันตรสั รู้ และวันปรนิ ิพพำน ของพระพุทธเจำ้ • ตรงกบั วันเพ็ญเดือน ๖ ของทุกปี • พุทธศำสนิกชนทว่ั โลกประกอบพิธกี รรมเพอ่ื นอ้ มระลกึ ถงึ สมเด็จพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ

ประวตั แิ ละการปฏิบัติตนในวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา วันวสิ ำขบชู ำ กำรเฉลิมฉลองวนั วสิ ำขบชู ำในประเทศไทย สมยั สุโขทัย หลักฐำนในตำนำนกล่ำวไว้วำ่ “อันพระนครสุโขทัยราชธานี ถึงวันวิสาขะนักขัตฤกษ์คร้ังใด ก็สว่างไสวด้วยแสงประทีปเทียน ด้วยไม้เพลิง และสล้างสลอนไปด้วยธงชายและธงผ้า ไสวไปด้วยพู่พวงดวงดอกไม้กรองร้อยห้อยแขวน หอมตลบไปด้วยกล่ินสุคน ธรส รวยรน่ื เสนาะสาเนยี งเสยี งพณิ พาทย์ฆอ้ งกลองทั้งทวิ าราตรี มหาชนชายหญงิ พากันมากระทากองกศุ ล เหมือนจะ เผยซ่งึ ทวารพิมานฟ้าทกุ ชอ่ ชัน้ ” คำกลำ่ วนแ้ี สดงใหเ้ หน็ วำ่ ในสมยั สุโขทยั มกี ำรเฉลมิ ฉลองวันวิสำขบชู ำกนั อย่ำงสนกุ สนำนเอิกเกรกิ สมยั อยุธยำ ไมม่ หี ลกั ฐำนวำ่ ในสมยั อยุธยำได้มกี ำรเฉลิมฉลองวนั วสิ ำขบชู ำกันอยำ่ งไร

ประวตั ิและการปฏบิ ัตติ นในวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา วนั วิสำขบชู ำ กำรเฉลิมฉลองวนั วสิ ำขบชู ำในประเทศไทย สมัยรัตนโกสินทร์ • รัชกาลท่ี ๑ ไมป่ รำกฏชดั เจนว่ำพธิ วี ิสำขบชู ำไดท้ ำกนั เปน็ แบบแผนอยำ่ งไร • รัชกาลท่ี ๒ ทรงมีพระรำชประสงค์ที่จะฟื้นฟูประเพณีวิสำขบูชำ จึงทรงโปรดให้จัดเป็นพระรำชประเพณีใหญ่ ตดิ ต่อกนั เปน็ เวลำ ๓ วัน • รัชกาลท่ี ๓ ทรงจัดให้มีเทศน์ปฐมสมโพธิกถำในวันวิสำขบูชำ ซึ่งปัจจุบันน้ียังคงใช้เทศน์กันอยู่ เนื้อควำมกล่ำวถึง เร่อื งรำวของพระพทุ ธเจ้ำตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพำน • รัชกาลที่ ๔ ทรงเกณฑ์ให้พระบรมวงศำนุวงศ์และข้ำรำชกำรตั้งโต๊ะเคร่ืองบูชำรอบระเบียงพระอุโบสถวัดพระแก้ว จนเกิดกำรเล่นเครื่องโตะ๊ ลำยครำมข้ึนมำ • รัชกาลท่ี ๕ ทรงโปรดให้พระบรมวงศำนวุ งศแ์ ละข้ำรำชกำรฝำ่ ยในเดนิ เวยี นเทยี นและสวดมนตท์ ่พี ระพุทธรัตนสถำน • ในรชั กำลตอ่ ๆ มำกไ็ ดม้ กี ำรพระรำชพิธีเน่อื งในวนั วิสำขบชู ำเชน่ เดียวกบั ในรชั กำลก่อนๆ

ประวัตแิ ละการปฏบิ ตั ติ นในวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา วนั วสิ ำขบชู ำ วันวสิ ำขบชู ำ : วนั สำคัญสำกลนำนำชำติ • ในกำรประชุม International Buddhist Conference ณ กรุงโคลัมโบ พ.ศ. ๒๕๔๑ ผู้แทนจำกประเทศที่ นับถือพระพุทธศำสนำ ได้ตกลงกันที่จะเสนอให้สมัชชำสหประชำชำติรับรองข้อมติประกำศให้วันวิสำขบูชำ เป็นวนั หยุดของสหประชำชำติ • วันวิสำขบูชำได้รับกำรยอมรับจำกสหประชำชำติให้เป็นวันสำคัญสำกลนำนำชำติ (International Day) เนอ่ื งจำกตระหนกั ว่ำ พระพุทธศำสนำเป็นศำสนำที่เก่ำแก่ที่สุดศำสนำหนึ่งของโลก ได้หล่อหลอมจิตวิญญำณ ของมวลมนษุ ยชำติมำเปน็ เวลำนำนกวำ่ ๒,๕๐๐ ปี ตำมแนวทำงสนั ติภำพ สมควรไดร้ ับยกย่องกันท่วั โลก • ประเทศไทยได้ทำหน้ำที่เป็นผู้จัดงำนเฉลิมฉลองวันวิสำขบูชำ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗ ณ สำนักงำนใหญ่ สหประชำชำติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกำ โดยใช้ช่ืองำนว่ำ “วันวิสำขบูชำวันสำคัญสำกลของ สหประชำชำต”ิ

ประวัตแิ ละการปฏบิ ัติตนในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วันวสิ ำขบชู ำ กำรปฏบิ ัติตนในวนั สำคัญทำงศำสนำ เวลำเชำ้ • พุทธศำสนกิ ชนจะไปทำบญุ ตักบำตรทว่ี ดั และฟงั ธรรม เวลำกลำงวนั • ร่วมกันบำเพ็ญสำธำรณประโยชน์ เช่น บริจำคโลหิต พัฒนำวัด หรือ บริจำคทรัพย์เพ่อื กำรกุศล เวลำคำ่ • นำดอกไม้ธูปเทียนไปท่ีวัด เพื่อร่วมประกอบพิธีเวียนเทียนรอบพระ อุโบสถ เสรจ็ แล้วทำวัตรสวดมนต์ฟงั เทศน์

ประวตั แิ ละการปฏบิ ตั ิตนในวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วนั ธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ วันธรรมสวนะ วนั แรม ๘ คำ่ วันแรม ๑๕ ค่ำ วันขึน้ ๑๕ ค่ำ วันข้ึน ๘ ค่ำ วันธรรมสวนะ บำงครั้งเรียกวันพระเป็น ๒ อย่ำง คือ วันพระเล็ก ไดแ้ ก่ วันขน้ึ และวนั แรม ๘ คำ่ วันกำหนดประชุมฟงั ธรรม หรือเรียกว่ำ “วนั พระ” วนั พระใหญ่ ได้แก่ วนั ขึ้น ๑๕ คำ่ และวนั แรม ๑๔ ค่ำ ซ่งึ กำหนดไว้เดอื นละ ๔ วัน (ในเดอื นขำด) หรอื ๑๕ คำ่ (ในเดือนเตม็ )

ประวัติและการปฏบิ ตั ิตนในวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ • ปกติในวันธรรมสวนะ พระภิกษุ สำมเณร อุบำสก และอุบำสิกำ จะมำประชุมพร้อมกันท่ีพระอุโบสถหรือศำลำ กำรเปรียญ พระสงฆ์จะทำวัตรสวดมนต์ เริ่มด้วยกำรนมัสกำรพระรัตนตรัยและสวดบททำวัตรเช้ำไปจนจบ หลังจำกนั้นฆรำวำสก็ทำวัตรสวดมนต์ (หรืออำจทำพร้อมกับพระสงฆ์) จำกนั้นมีกำรรับศีล ๕ หรือศีล ๘ เสร็จ แล้วพระธรรมกถึก (ผู้แสดงธรรมนักเทศน์) ก็จะข้ึนธรรมมำสนแ์ สดงธรรม ควรมศี รทั ธำในตัวผ้แู สดงธรรม ไมด่ ูหม่ินธรรมท่ีทำ่ นแสดง หลักท่คี วรปฏบิ ัติในกำรฟงั ธรรม ฟังดว้ ยควำมต้ังใจ นำเอำหลกั ธรรมไปปฏบิ ัติ

ประวตั แิ ละการปฏบิ ตั ติ นในวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคญั • โดยท่ัวไปมนุษย์ย่อมมีเรื่องกลุ้มใจบ้ำง มีปัญหำเร่ืองน้ันเร่ืองนี้บ้ำง มีทุกข์ทั้งทำงร่ำงกำยและจิตใจ เมื่อเป็นเช่นน้ี จึงควรหำโอกำสไปฟังธรรม กำรฟังธรรมจะช่วยให้จิตใจสงบลงไม่มำกก็น้อย และอำจช่วยให้มองเห็นทำงที่จะ แกป้ ญั หำได้ ซ่ึงผลของกำรฟังธรรมที่พระพทุ ธองค์ได้ทรงแสดงไว้ คือ ไดค้ วำมรเู้ พม่ิ เติม เป็นกำรทบทวนควำมรู้ เปน็ กำรคลำยควำมสงสยั เป็นกำรปรับควำมคิดใหต้ รง เปน็ กำรฝึกอบรมจติ

ประวตั แิ ละการปฏิบัติตนในวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ วนั เข้ำพรรษำ • วันเข้ำพรรษำ คือ วันท่ีพระสงฆ์อธิษฐำนว่ำ จะอยู่ประจำในอำวำสตลอด ๓ เดือน โดยไม่ไปแรมคืนในท่ีอ่ืน ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ คือ วันถัดจำกวันอำสำฬหบูชำ ถ้ำปีใดมีอธิกมำสก็เลื่อนเป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ • พุทธศำสนิกชนชำวไทยไดเ้ ร่ิมบำเพ็ญกศุ ลเนือ่ งในเทศกำลเข้ำพรรษำมำต้ังแต่สมัยสุโขทัย ดังข้อควำมในศิลำจำรึก พ่อขนุ รำมคำแหงมหำรำชว่ำ “พ่อขุนรำมคำแหง เจ้ำเมืองสโุ ขไท ท้งั ชำวแม่ ชำวเจ้ำ ทว่ ยปว่ั ทว่ ยนำง ลูกเจ้ำ ลกู ขนุ ทั้งสิ้น ท้งั หลำย ทงั้ ผ้ชู ำย ผหู้ ญิง ฝูงทว่ ยศรัทธำในพระพทุ ธศำสนำ ทรงศลี เมอื่ พรรษำทกุ คน”

ประวตั แิ ละการปฏบิ ัตติ นในวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ ประเพณแี หเ่ ทียนพรรษำ • ประเพณีแห่เทียนพรรษำเกิดจำกควำมจำเป็นท่ีในสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้ำใช้ เมื่อพระสงฆ์มำจำ พรรษำรวมกันมำกๆ ก็จำเป็นต้องปฏิบัติสมณกิจ เช่น ทำวัตรสวดมนต์ตอนเช้ำมืดและตอน พลบค่ำ ศกึ ษำพระปริยตั ธิ รรม ซ่ึงเป็นกิจกรรมที่ต้องกำรแสงสว่ำง โดยเฉพำะเทียนที่พระสงฆ์ จดุ บชู ำพระรัตนตรัยต้องสวำ่ ง • พุทธศำสนิกชนนิยมหล่อเทียนต้นใหญ่ไปถวำยพระภิกษุในวัดใกล้ๆ บ้ำน เป็นพุทธบูชำ เพื่อให้ สำมำรถจดุ อยูไ่ ดต้ ลอดเวลำ ๓ เดือน เทียนดงั กล่ำวเรียกว่ำ “เทยี นจำนำพรรษำ” โดยมีขบวน แห่กนั อย่ำงสนุกสนำน เรยี กว่ำ “ประเพณีแหเ่ ทียนจำนำพรรษำ”

ประวตั แิ ละการปฏิบัติตนในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ ประเพณีถวำยผ้ำอำบน้ำฝน • ผ้ำอำบน้ำฝน คือ ผ้ำอำบน้ำที่ถวำยแด่พระภิกษุสงฆ์ก่อนเข้ำพรรษำ ผ้ำอำบน้ำฝนเทียบได้กับผ้ำขำวม้ำ ของชำวบำ้ น กำรถวำยผำ้ อำบนำ้ ฝนนเ้ี ป็นประเพณีท่มี มี ำต้ังแตค่ รัง้ สมัยพทุ ธกำล • กำรถวำยผ้ำอำบน้ำฝนไม่มีกำหนดแน่นอนว่ำต้องถวำยวันไหน เพียงแต่ให้อยู่ในระยะ ๑ เดือน กอ่ นเข้ำพรรษำ กำรถวำยผ้ำอำบนำ้ ฝนของวัดต่ำงๆ จงึ ไม่ตรงกัน กำรประกอบพิธีถวำยผ้ำอำบนำ้ ฝน • นำผำ้ อำบน้ำฝนทจ่ี ะถวำยมำรวมกันไว้ • ทำสลำกตดิ ไว้ท่ขี องถวำย ปกติจะมีของถวำยอื่นเป็นบริวำรด้วย เช่น ร่ม พุ่มเทียน ไม้ขีด สบู่ ยำสีฟัน กระดำษ ชำระ • เมอ่ื พระสงฆม์ ำพร้อมกนั แล้ว ผ้เู ปน็ หัวหน้ำกจ็ ะกล่ำวนำ ตง้ั นะ โม ๓ จบ แล้วกล่ำวนำถวำย

ประวัตแิ ละการปฏบิ ัตติ นในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา วนั ธรรมสวนะและเทศกำลสำคญั คำถวำยผำ้ อำบน้ำฝน คาอา่ น • อิมำนิ มย ภนฺเต, วสฺสิกสำฏิกำนิ, ภิกขุสงฺฆสฺส โอโณชยำม, สำธุ โน ภนฺเต ภิกฺขุ สงฺโฆ, อิมำนิ, วสฺสกิ สำฏิกำน,ิ ปฏคิ คฺ ณฺหำต,ุ อมหฺ ำก, ทฆี รตฺต หิตำย สขุ ำย คาแปล • ข้ำแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้ำพเจ้ำท้ังหลำยขอน้อมถวำยผ้ำอำบน้ำฝนเหล่ำนี้แด่พระสงฆ์ ขอ พระสงฆ์จงรบั ผำ้ อำบนำ้ ฝนเหล่ำน้ีของข้ำพเจ้ำท้ังหลำย เพ่ือประโยชน์และควำมสุขแก่ข้ำพเจ้ำ ท้งั หลำยตลอดกำลนำนเทอญ • พอจบคำถวำยผ้ำอำบน้ำฝน พระสงฆ์จะรับ “สำธุพร้อมกัน เจ้ำอำวำสหรือผู้แทนออกมำรับผ้ำแทนพระสงฆ์ พระรูปใด จบั สลำกได้หมำยเลขใด กใ็ หเ้ จำ้ ของนำผำ้ อำบน้ำฝนที่มสี ลำกเลขตรงกนั มำถวำยพระรปู นั้น • เม่ือประเคนผ้ำเสรจ็ แล้ว พระสงฆ์กล่ำวคำอนุโมทนำ ผ้ถู วำยทง้ั หมดก็กรวดน้ำ แลว้ ประนมมือรับพร ก็เปน็ อนั เสร็จพธิ ี

ประวตั แิ ละการปฏบิ ัติตนในวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา วนั ธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ วนั ออกพรรษำ • วนั ออกพรรษำ ตรงกบั วันข้นึ ๑๕ คำ่ เดือน ๑๑ พุทธศำสนิกชนจะ ร่วมกนั ทำบญุ ตกั บำตรและฟังเทศน์ เรียกว่ำ “ทำบญุ ออกพรรษำ” หรอื เรียกวำ่ “วนั ปวำรณำ” • วันนี้พระพุทธเจ้ำทรงอนุญำตให้พระสงฆ์ทำปวำรณำแทน โดยไม่ ตอ้ งสวดปำฏโิ มกข์ • เป็นวันคล้ำยวันท่ีพระพุทธเจ้ำได้เสด็จลง จำกเทวโลก พุทธศำสนิกชนจะเตรียมอำหำรไปทำบุญตักบำตร เรียกว่ำ “ตักบำตรเทโว” • “ตักบำตรเทโว”ย่อมำจำกคำว่ำ “เทโวโรหณะ” เสร็จจำกกำร ตกั บำตรพทุ ธศำสนกิ ชนก็จะไปฟงั ธรรมและรักษำศีลอโุ บสถ

ประวตั ิและการปฏิบัตติ นในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ ประเพณกี ำรทอดกฐนิ • คำวำ่ “กฐนิ ” แปลวำ่ “สะดึง” สะดงึ คอื กรอบไม้สำหรบั ขงึ ผ้ำ • ผ้ำกฐิน กค็ ือผ้ำที่ทำสำเร็จข้ึนได้เพรำะอำศัยสะดึง เมื่อสำเร็จแล้วก็นำไปทอด คือ วำงแด่ภิกษุผู้อยู่จำพรรษำตลอด ๓ เดือน เรียกว่ำ “ทอดกฐนิ ” • พจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำน คำว่ำ “กฐิน” หมำยถึง ผ้ำที่ถวำยพระ ซึ่งจำนำพรรษำแล้วผ้ำที่นำไปทอดกฐิน ต้องมีขนำดพอสำหรับกำรตัดเย็บเป็นจีวร สบง หรือสังฆำฏิ อย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง แต่ปัจจุบันนิยมตัดเย็บสำเร็จรูปเพื่อ ควำมสะดวก • กำรทอดกฐิน คือ กำรนำผ้ำกฐินไปวำงต่อหน้ำพระสงฆ์อย่ำงน้อย ๕ รูป โดยไม่ได้ตั้งใจถวำยแก่รูปใดรูปหนึ่ง แล้วแต่ พระทำ่ นจะมอบหมำยให้กนั เอง

ประวตั ิและการปฏบิ ตั ติ นในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ คำกลำ่ วถวำยผำ้ กฐิน คาอ่าน • อมิ ภนเฺ ต สปริวำร กฐินทุสฺส สงฆฺ สฺส โอโณชยำม, สำธุ โน ภนฺเต สงโฺ ฆ, อิม สปริวำร กฐนิ ทุสฺส, ปฏคิ ฺคณฺหำต,ุ ปฏิคคฺ เหตวฺ ำ จ, อิมนิ ำ ทุสฺเสน กฐน อตฺถรต,ุ อมหฺ ำก ทีฆรตฺต หติ ำย สุขำย คาแปล • ข้ำแต่พระสงฆผ์ ูเ้ จรญิ ข้ำพเจำ้ ทัง้ หลำยขอน้อมถวำย ผ้ำกฐินกับผ้ำบริวำรน้ีแด่พระสงฆ์ ขอ พระสงฆ์จงรับ ผ้ำกฐิน กับทั้งบริวำรน้ี ของข้ำพเจ้ำทั้งหลำย คร้ันรับแล้ว จงกรำนกฐิน ด้วย ผ้ำน้ีเพ่ือประโยชน์เก้ือกูล เพอ่ื ควำมสขุ แก่ข้ำพเจ้ำท้ังหลำย ตลอดกำลนำน เทอญ • เม่อื กลำ่ วคำถวำยจบแลว้ พระสงฆ์กจ็ ะกล่ำววำ่ “สำธุ” ขน้ึ พร้อมกนั • ถำ้ หำกประสงค์จะประเคนผ้ำกฐนิ ก็ประเคนแกพ่ ระรูปใดรูปหนึ่งไม่เจำะจง และไม่นิยมประเคนเจ้ำอำวำส ซ่ึงถือว่ำเป็นผู้ครองกฐิน และจะวำงไว้ ตรงหนำ้ พระสงฆ์โดยไมป่ ระเคนก็ได้ เสร็จแลว้ พระสงฆ์อนโุ มทนำ เปน็ อันเสร็จพธิ ี

ประวตั แิ ละการปฏิบัตติ นในวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา วนั ธรรมสวนะและเทศกำลสำคญั ประเพณีกำรถวำยผ้ำจำนำพรรษำ • ผ้ำจำนำพรรษำ คือ ผ้ำที่พระภิกษุจะได้รับก็ต่อเม่ืออยู่จำพรรษำแล้ว กำหนดเวลำถวำยผ้ำจำนำพรรษำต้ังแต่แรม ๑ คำ่ เดอื น ๑๑ จนถึงกลำงเดือน ๔ เปน็ เวลำ ๕ เดือน • ผ้ำท่จี ะนำไปถวำยไมจ่ ำกัดว่ำจะเปน็ สบง จีวร หรือผำ้ ขำวอยำ่ งใดอย่ำงหน่ึงแล้วแต่ศรัทธำ บำงทีก็ถวำยไทยทำนอย่ำง อ่ืนด้วยเมอื่ ถงึ กำหนดนดั หมำยแลว้ ผ้ถู วำยก็นำผ้ำและไทยทำนต่ำงๆ ไปพร้อมกัน ณ ท่ีที่จัดไว้ ผู้เป็นหัวหน้ำก็กล่ำวคำ ถวำย

ประวัติและการปฏบิ ตั ติ นในวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคญั คำถวำยผำ้ จำนำพรรษำ คาอ่าน • อิมำนิ มย ภนฺเต, วสฺสำวำสิกจีวรำนิ, สปริวำรำนิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอโณชยำม,สำธุ โน ภนฺเต ภิกฺขุสงฺโฆ, อิมำนิ วสฺสำวำสิกจีวรำนิ, สปริวำรำนิ ปฏิคฺคณฺหำตุ, อมฺหำก ทฆี รตตฺ หิตำย สขุ ำย คาแปล • ข้ำแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้ำพเจ้ำท้ังหลำย ขอน้อมถวำย ผ้ำจำนำพรรษำเหล่ำนี้แด่ พระภิกษุสงฆ์ ขอพระสงฆ์ จงรับผ้ำจำนำพรรษำเหล่ำน้ี เพ่ือประโยชน์และควำมสุข แกข่ ้ำพเจำ้ ทง้ั หลำย ตลอดกำลนำนเทอญ

ประวัตแิ ละการปฏบิ ัติตนในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา วนั ธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ ประเพณกี ำรทอดผ้ำปำ่ • ผำ้ ปำ่ แต่เดิมหมำยถงึ ผำ้ ท่ที ้ิงอยใู่ นปำ่ ไมม่ เี จ้ำของ แตป่ จั จบุ นั หมำยถึง ผ้ำทสี่ มมติว่ำตกหรอื ท้ิงอยใู่ นป่ำหรือป่ำชำ้ • ในสมัยพทุ ธกำลพระภิกษุตอ้ งเกบ็ ผ้ำท่เี ขำทิง้ แล้ว เช่น ผ้ำบังสุกุล (ผ้ำเปื้อนฝุ่น) ผ้ำห่อศพ เป็นต้น แล้วนำมำตัด เยบ็ ย้อม ทำเป็นจวี ร สบง หรือสังฆำฏิ อย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง • เม่ือชำวบ้ำนเห็นควำมลำบำกของพระสงฆ์ จึงได้นำผ้ำไปทอดหรือวำงท้ิงไว้ตำมท่ีต่ำงๆ เช่น ในป่ำ ป่ำช้ำ หรือ ขำ้ งทำงเดนิ เพอ่ื ให้พระภิกษมุ ำพบ จงึ เป็นท่ีมำของพิธกี ำรทอดผำ้ ป่ำ • กำรทอดผ้ำป่ำนิยมทำคู่กับกำรทอดกฐิน คือในเดือน ๑๒ ข้ำงแรม กำรทอดผ้ำป่ำจัดเป็นสังฆทำนไม่เจำะจง ภิกษรุ ูปใดรูปหนง่ึ จะทอดเปน็ ส่วนตวั หรือรวมกนั เป็นผ้ำป่ำสำมคั คกี ไ็ ด้

ประวัติและการปฏบิ ัติตนในวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา วนั ธรรมสวนะและเทศกำลสำคญั คำถวำยผ้ำปำ่ คาอา่ น • อิมำนิ มย ภนฺเต ปํสุกูลจีวรำนิ สปริวำรำนิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอโณชยำม สำธุ โน ภนฺเต ภิกขฺ ุสงฺโฆ เอตำนิ ปสํ กุ ูลจีวรำนิ สปรวิ ำรำนิ ปฏิคคฺ ณหฺ ำตุ อมหฺ ำก ทฆี รตฺต หิตำย สุขำย คาแปล • ข้ำแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้ำพเจ้ำทั้งหลำยขอน้อมถวำย ผ้ำบังสุกุลจีวรพร้อมด้วยของบริวำร เหล่ำน้ีแด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับผ้ำบังสุกุล จีวร พร้อมด้วยของบริวำรเหล่ำน้ีของ ขำ้ พเจำ้ ทง้ั หลำย เพื่อประโยชน์และควำมสขุ แกข่ ้ำพเจ้ำทั้งหลำย ตลอดกำลนำนเทอญ

ประวัตแิ ละการปฏบิ ัตติ นในวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา วนั ธรรมสวนะและเทศกำลสำคญั ประเพณีงำนเทศน์มหำชำติ • เทศนม์ หำชำติ คอื กำรเทศนำเวสสันดรชำดก เป็นบุญพิธีที่นิยมจัดให้มีหลังฤดูทอดกฐินผ่ำนไปแล้วจนตลอดฤดูหนำว (ประมำณเดือน ๕ ตอ่ เดอื น ๖) โดยจะจัดวนั ใดก็ได้ ปกตนิ ิยมจดั เปน็ ๒ วัน คอื วนั เทศนเ์ วสสันดรชำดกทั้ง ๑๓ กัณฑ์ วันหนึ่ง และวันเทศนจ์ ตรุ ำริยสจั จกถำทำ้ ยเวสสันดรชำดกอกี วันหนึง่ • วนั แรก ทำบญุ ตักบำตรพระทง้ั วัดหรือเล้ียงพระตำมจำนวนท่เี ห็นสมควร แล้วเริม่ เทศน์เวสสนั ดรชำดกแบบติดต่อกัน จนครบท้ัง ๑๓ กัณฑ์ เม่ือถึงเวลำกลำงคืน บำงวัดอำจจัดให้มีป่ีพำทย์ประโคมระหว่ำงกัณฑ์หน่ึงๆ ตลอดทั้ง ๑๓ กณั ฑ์ • วันท่ีสอง ทำบุญเล้ียงพระเช้ำแล้วมีเทศน์จตุรำริยสัจจกถำ จบแล้วเลี้ยงพระเพลเป็นอันเสร็จพิธี แต่ถ้ำกัณฑ์ จตุรำรยิ สจั จกถำจดั ใหเ้ ทศน์แบบปจุ ฉำวสิ ัชนำ ก็มกั นิยมใหเ้ ทศน์หลังเพล • ในปัจจุบนั อำจจัดให้มีมำกกว่ำ ๒ วัน กไ็ ด้ แล้วแต่ศรทั ธำของวัดและผจู้ ัด โดยแบ่งเทศน์เวสสันดรชำดกออกเป็นวันๆ ให้ตดิ ตอ่ กันไป และจบด้วยเทศนจ์ ตุรำรยิ สัจจกถำ

ประวัตแิ ละการปฏบิ ัติตนในวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคญั ระเบยี บพธิ ีในกำรเทศน์มหำชำติ • ตกแต่งบริเวณพิธีให้มีบรรยำกำศคล้ำยอยู่ในป่ำตำมท้องเร่ืองเวสสันดรชำดก แล้วนำต้นกล้วย อ้อย และกิ่งไม้มำผูกตำมเสำ และ รอบๆ ธรรมำสน์ใหด้ ูคร้ึม มกี ำรประดับธง ฉตั ร และรำชวัติ ตำมสมควร • ตั้งขันสำครใหญ่หรืออ่ำงใหญ่ใสน่ ำ้ สะอำดสำหรับปักเทียนบูชำประจำกณั ฑใ์ นระหว่ำงพระเทศน์ นำ้ ในภำชนะนี้เมื่อเสร็จพิธีแล้วถือว่ำ เปน็ น้ำมนตท์ ี่ศกั ด์สิ ิทธ์ิ ภำชนะนี้ให้ต้งั ไว้หนำ้ ธรรมำสนก์ ลำงบรเิ วณพิธี • เตรียมเทียนเลก็ ๆ จำนวน ๑,๐๐๐ เลม่ ตำมจำนวนคำถำ แยกเปน็ มัดๆ มัดหนึ่งให้มีจำนวนเท่ำคำถำของกัณฑ์หนึ่งๆ ซ่ึงไม่เท่ำกันทุก กณั ฑ์ แลว้ ทำเครอื่ งหมำยใหร้ ู้วำ่ มดั ไหนจำนวนเท่ำใด สำหรับบชู ำกัณฑใ์ ด • เมื่อเทศน์กัณฑ์ใดหยิบมัดน้ันออก จุดบูชำติดไว้รอบๆ ภำชนะน้ำต่อกันไปจนจบกัณฑ์ ก็ให้หมดมัดพอดี ครบ ๑๓ กัณฑ์ ก็ ๑,๐๐๐ เลม่ กำรจดุ เทียนหรอื ปักธงบูชำกณั ฑเ์ ป็นหนำ้ ทขี่ องเจ้ำภำพผูร้ ับกณั ฑ์นั้นๆ

ประวัตแิ ละการปฏบิ ัตติ นในวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ วนั เทโวโรหณะ วันเทโวโรหณะ วนั ทำบญุ ตักบำตรในเทศกำลออกพรรษำ เทโวโรหณะ ลงมำจำกสวรรค์ หรอื ลงมำจำกเทวโลก • มีประวัติเล่ำว่ำ “พระพุทธเจ้ำเสด็จขึ้นไปจำพรรษำบนสวรรค์ช้ันดำวดึงส์ ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือนอำสำฬหะ หรือเดือน ๘ เพ่ือเทศนำพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมำรดำหนึ่ง พรรษำ ครั้นถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือหลังวันออกพรรษำ ๑ วัน จึงได้เสด็จลง มำยงั โลกมนษุ ย์” • พุทธบริษัทต่ำงพำกันไปเฝ้ำพระพุทธองค์เพื่อใส่บำตรกัน ดังน้ันเม่ือถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดอื น ๑๑ พุทธศำสนกิ ชนจงึ ทำบุญตกั บำตรให้เหมอื นในครง้ั นน้ั เรียกว่ำ “ตกั บำตรเทโว โรหณะ” หรือ “ตักบำตรเทโว”

ศาสนพิธี พิธีทำบุญงำนมงคลและงำนอวมงคล • งำนหลักของกำรทำบุญ คือ กำรเล้ียงพระ เรียกว่ำ “กำรทำบุญเลี้ยงพระ” นิยมทำกัน ท้งั งำนมงคลและงำนอวมงคล • เจำ้ ภำพมักนมิ นต์พระมำเจริญหรอื สวด พระพุทธมนตใ์ นตอนเยน็ เรยี กวำ่ “สวดมนตเ์ ย็น” • เช้ำวันรุ่งข้ึนหรือเวลำเพลก็ถวำยภัตตำหำรเม่ือเย็นวำน เรียกว่ำ “เล้ียงพระเช้ำ หรือ เลยี้ งพระเพล” บำงทีเรยี ก “ฉนั เชำ้ หรือ ฉนั เพล”

ศาสนพิธี พิธีทำบญุ งำนมงคลและงำนอวมงคล การทาบญุ งานมงคล • เป็นกำรทำบุญในโอกำสต่ำงๆ เพ่ือให้เกิดควำมสุข ควำมเจริญ ควำมเป็นสิริมงคล หรือเพ่ือฉลองควำมสำเร็จ เชน่ บุญข้นึ บำ้ นใหม่ ทำบุญแต่งงำน ทำบญุ ในวนั คลำ้ ยวนั เกิด ทำบุญฉลองพระบวชใหม่ การทาบญุ งานอวมงคล • เปน็ กำรทำบญุ ท่เี กี่ยวเนอ่ื งกับกำรตำย นิยมทำกัน ๒ อย่ำง คือ ทำบุญหน้ำศพ ที่เรียกว่ำ ทำบุญ ๗ วัน ๕๐ วัน หรือ ๑๐๐ วัน และทำบุญอัฐิ ซึ่งเป็นกำรทำบุญระลึกถึงกำรตำยของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วในวันคล้ำยวัน ตำยของทำ่ นผนู้ น้ั

ศาสนพิธี กำรเตรียมศำสนพธิ ี • ระเบยี บพิธปี ฏิบัติ ขัน้ ตอนและพธิ กี ำรในกำรทำบญุ งำนมงคลและงำนอวมงคล กำรนิมนตพ์ ระภิกษุ กำรปลู ำดอำสนะ กำรเตรียมเครื่องรบั รอง กำรเตรียมที่ตัง้ พระพุทธรูป และเครื่องบูชำ กำรจุดธูปเทยี น กำรวงดำ้ ยสำยสญิ จน์

ศาสนพธิ ี กำรเตรียมศำสนพิธี กำรนมิ นต์พระภิกษุ งานมงคล • กำรนิมนต์พระสงฆ์มำเจริญพระพุทธมนต์นิยมกำหนดจำนวน คือ ไม่ต่ำกว่ำ ๕ รูป อำจเป็น ๗ รูป หรือ ๙ รูป ไม่นิยมนิมนต์เป็นจำนวนคู่ เว้นแต่งำนมงคลสมรส มักนิยมนิมนต์จำนวนคู่ ในกำร อำรำธนำใชค้ ำว่ำ “ขออำรำธนำเจรญิ พระพทุ ธมนต์” งานอวมงคล • นิยมอำรำธนำพระสงฆ์จำนวน ๘ รูป หรือ ๑๐ รูป หรือมำกกว่ำน้ันแล้วแต่กรณี แต่ต้องเป็น จำนวนคู่ ในกำรอำรำธนำใช้คำวำ่ “ขออำรำธนำสวดพระพทุ ธมนต์”

ศาสนพธิ ี กำรเตรยี มศำสนพธิ ี กำรเตรยี มที่ตั้งพระพทุ ธรูป และเครอ่ื งบูชำ • ทต่ี ้ังพระพุทธรูปพร้อมทงั้ เครอื่ งบชู ำ เรียกว่ำ “โต๊ะบูชำ” ปัจจบุ นั นิยมใช้เป็น “โต๊ะหมู่บชู ำ” • โต๊ะหมู่บูชำประกอบด้วย โต๊ะ ๕ ตัว หรือ ๗ ตัว หรือ ๙ ตัว เรียกชื่อตำมจำนวนโต๊ะว่ำ โต๊ะหมู่ ๕ หมู่ ๗ หรอื หมู่ ๙ • เคร่ืองบูชำควรมีแจกันประดับดอกไม้ ๑ คู่ วำง ๒ ข้ำงพระพุทธรูป ตั้งกระถำงธูป ตรงหน้ำพระพทุ ธรูปกับเชิงเทียน ๑ คู่ ต้ังตรงกับแจกนั

ศาสนพิธี กำรเตรียมศำสนพิธี กำรวงดำ้ ยสำยสิญจน์ • สำยสิญจน์ แปลว่ำ สำยรดน้ำ ได้แก่ สำยที่ทำด้วยด้ำยดิบ โดยจับเส้นด้ำยในเข็ดชักสำวออกมำเป็น ห่วงๆ ให้ยำวต่อกันเป็นสำยเดียว จำกด้ำยในเข็ดเส้นเดียวจับออกมำคร้ังแรกเป็น ๓ เส้น ม้วนเป็นกลุ่ม ไว้ ในงำนมงคลทกุ ประเภท นยิ มใช้สำยสิญจน์ ๙ เส้น • กำรวงสำยสิญจน์ให้วงรอบรั้วบ้ำน ถ้ำไม่มีร้ัวหรือมีแต่กว้ำงเกิน หรือมีสิ่งปลูกสร้ำงอื่นท่ีไม่เก่ียวข้องกับ พิธีอยู่ภำยในรั้วเดียวกัน กใ็ หว้ งรอบเฉพำะอำคำรที่ประกอบพิธี • ในงำนอวมงคลไม่มีกำรวงด้ำยสำยสิญจน์ แต่มีสำยโยงหรือภูษำโยงต่อจำกศพ เพื่อใช้บังสุกุลในงำน ทำบุญหนำ้ ศพ สำยโยงนี้ กใ็ ช้ดำ้ ยสำยสิญจนน์ น่ั เอง

ศาสนพิธี กำรเตรยี มศำสนพิธี กำรปอู ำนะสำหรบั พระสงฆ์นยิ มทำกัน ๒ วิธี กำรปูลำดอำสนะ • ยกพื้นอำสนะให้สูงข้ึน โดยใช้เตียงหรือม้ำวำงต่อกันให้ยำวพอกับจำนวนของ พระสงฆ์ และนยิ มปผู ้ำขำวลำดอำสน์สงฆ์ • ปูลำดอำสนะบนพื้นธรรมดำ จะใช้เส่ือหรือพรมก็ได้ แต่อย่ำให้อำสนะของ พระสงฆก์ ับอำสนะของผู้ร่วมพิธีเป็นอนั เดยี วกัน ตอ้ งปแู ยกกัน

ศาสนพธิ ี กำรเตรียมศำสนพิธี กำรเตรยี มเครื่องรบั รอง • เครื่องรับรองท่ีควรจัดเตรียมสำหรับพระสงฆ์ ได้แก่ น้ำเย็น กระโถน (ไม่ควรจัดหมำกพลู บุหรี่ รบั รองพระสงฆ์) • กำรวำงเครื่องรับรองให้วำงทำงขวำของพระรูปน้ัน กำรวำงกระโถนให้วำงข้ำงในสุด เพรำะเป็น ส่ิงทไ่ี ม่ตอ้ งประเคน

ศาสนพธิ ี กำรเตรียมศำสนพธิ ี กำรจุดธปู เทยี น • เจำ้ ภำพจดุ เทียนเลม่ ที่อย่ดู ้ำนซำ้ ยของเรำ (ดำ้ นขวำของพระพุทธรูป) แล้วจดุ เทยี นอีกดำ้ น จำกนนั้ ใช้ธูป ๓ ดอก จดุ ต่อจำก เทยี น แลว้ ปักในกระถำงธปู ทีละดอก ขณะที่เจ้ำภำพจุดธปู ทุกคนควรประนมมือขนึ้ งานมงคล • เมอื่ เจำ้ ภำพจุดธูปเทยี นทีโ่ ตะ๊ บูชำแลว้ กจ็ ะอำรำธนำศีล รับศีล และอำรำธนำพระปริตร แล้วพระสงฆ์เจริญ พระพุทธมนต์ พอเริ่มสวดมงคลสูตรท่ีขึ้นต้นบทว่ำ “อเสวนำ...” เจ้ำภำพจุดเทียนน้ำมนต์ที่ภำชนะสำหรับ ทำน้ำมนต์ งานอวมงคล • นอกจำกจดุ ธปู เทยี นทโี่ ตะ๊ บชู ำแล้ว จะต้องมกี ำรจุดธปู เทยี นทหี่ นำ้ ศพหรืออัฐิหรือรูปบรรพบรุ ุษด้วย

ศาสนพิธี ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นวันทำบญุ เลี้ยงพระ งำนวันเดยี ว • เริ่มจำกสวดมนต์ก่อนฉัน เมื่อพระสงฆ์มำพร้อมแล้วให้เจ้ำภำพจุดธูปเทียนเครื่องนมัสกำรบูชำพระ อำรำธนำศีล รับศลี อำรำธนำพระปรติ รพออำรำธนำพระปรติ รจบ พระสงฆเ์ ริ่มสวดมนต์ หลงั จำกพระสงฆเ์ จริญพระพุทธมนต์ และสวดถวำยพรพระต่อท้ำย พอสวดจบ เจ้ำภำพยกภัตตำหำรประเคนพระ เมื่อพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้วให้ถวำย เครื่องไทยธรรม พระสงฆ์อนุโมทนำ ขณะท่ีพระว่ำบท “ยถำ...” ก็ให้เริ่มกรวดน้ำ ประนมมือรับพร ถ้ำเป็นงำน มงคลกร็ บั กำรประพรมนำ้ พระพุทธมนต์ งำน ๒ วนั • เป็นเลยี้ งพระในวนั รงุ่ ขึ้น เมอื่ พระสงฆม์ ำถงึ เจ้ำภำพจุดธปู เทียนเคร่ืองนมัสกำรบูชำพระ อำรำธนำศีลและรับศีล อย่ำงเดียวกับวันแรก ไม่ต้องอำรำธนำพระปริตร พระสงฆ์จะสวดถวำยพรพระเอง มีกำรตักบำตรก็ให้เริ่มลงมือ ตักบำตรขณะพระสงฆ์สวดถึงบท “พำหุง” และตักให้เสร็จก่อนพระสงฆ์สวดจบ พอสวดจบก็ประเคนภัตตำหำร ใหพ้ ระฉันได้ทันที

ศาสนพิธี ขอ้ ปฏบิ ัติในวันทำบุญเลีย้ งพระ กำรถวำยขำ้ วพระพทุ ธ การถวายข้าวพระพทุ ธ เป็นการถวายขา้ วพระพุทธเจ้า โดยการถวายพระพทุ ธรปู มขี น้ั ตอน ดงั น้ี • จดุ ธูป ๓ ดอก ปักหน้ำกระถำงธปู หนำ้ โต๊ะบชู ำ • นง่ั คุกเขำ่ ประนมมือหน้ำที่ต้งั ขำ้ วพระพทุ ธ กล่ำวนะโม ๓ จบ • ว่ำคำถวำย “อมิ สปู พยฺ ญชฺ นสมปฺ นนฺ สำลีน โอทน สอุทก วร พุทฺธสฺส ปูเชมิ” จบแล้วกรำบ ๓ ครัง้ • ถวำยภัตตำหำรแด่พระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์ฉันเสร็จและอนุโมทนำเสร็จจนกลับแล้ว ก็ให้ลำข้ำวพระ พุทธมำ รบั ประทำน โดยคกุ เข่ำหน้ำสำรับทโี่ ตะ๊ บชู ำ กรำบ ๓ คร้งั • กล่ำวคำว่ำ “เสส มงคฺ ล ยำจำมิ” หรือ “เสส มงฺคลำ ยำจำมิ” แล้วไหว้ และยกขำ้ วพระพทุ ธออกไปได้

ศาสนพิธี ข้อปฏบิ ตั ิในวนั ทำบญุ เลี้ยงพระ กำรถวำยไทยธรรม • เครื่องไทยธรรม คือ วัตถุสิ่งของต่ำงๆ ท่ีสมควรถวำยแด่พระสงฆ์ ซ่ึงได้แก่ปัจจัย ๔ คือ เครื่องนุ่งห่ม อำหำร คำวหวำน เครื่องอุปกรณ์ ที่อยู่อำศัย และยำรักษำโรค ซ่ึงสำมำรถถวำยได้ตำมกำหนดเวลำ ดังน้ี • เครื่องไทยธรรมประเภทท่ีถวำยได้ตั้งแต่เช้ำถึงเท่ียง ได้แก่ อำหำรคำวหวำนทุกชนิดไม่ว่ำจะเป็น อำหำรสดหรือ อำหำรแหง้ ซึ่งเคร่อื งไทยธรรมเหล่ำน้จี ะต้องถวำยภำยในเวลำเที่ยงเท่ำน้ัน ถ้ำเลยเท่ียงวันไปแล้วพระสงฆ์จะรับประเคน ไม่ได้ ตอ้ งอำบัติโทษตำมวนิ ยั • เครื่องไทยธรรมประเภทท่ีประเคนไดต้ ลอดเวลำ ไดแ้ ก่ เครือ่ งดมื่ และยำรักษำโรค • เคร่ืองไทยธรรมประเภทที่ไม่สมควรถวำยโดยตรง ได้แก่ เงินหรือวัตถุที่ใช้แทนเงิน เช่น ธนบัตร เช็ค เพรำะจะทำให้ผิด พระวนิ ัย ถ้ำจะถวำยควรใช้ใบปวำรณำ ส่วนเงินใหน้ ำไปมอบใหก้ ับกปั ปยิ กำรก (ลูกศษิ ยพ์ ระ) เป็นผูด้ ูแลแทน

ศาสนพิธี ขอ้ ปฏบิ ัติในวันทำบญุ เลยี้ งพระ ขน้ั ตอนกำรถวำยเครื่องไทยธรรม ถวำยหลงั จำกพระสงฆฉ์ ันเสร็จแลว้ ของท่จี ะถวำย กใ็ ห้ยกเรยี งไวต้ รงหน้ำพระสงฆ์ทกุ รูป เม่อื เจ้ำภำพประเคนไปหน่ึงหรอื สององค์แล้ว อำจมอบให้ญำติหรือแขกท่ีร่วมงำนประเคนต่อก็ได้ ในงำนอวมงคล หลังจำกพระฉันเสรจ็ นิยมให้มกี ำรบงั สุกุลกอ่ นแลว้ จึงถวำย เม่ือพระสงฆ์อนุโมทนำแล้วก็ให้กรวดน้ำอุทศิ ส่วนกุศลตอ่ ไป

ศาสนพธิ ี ขอ้ ปฏบิ ตั ิในวนั ทำบญุ เล้ยี งพระ กำรกรวดน้ำ • กำรกรวดน้ำเป็นกำรอุทศิ สว่ นกุศลให้แก่ผู้ทล่ี ว่ งลบั ไปแล้ว โดยเปน็ กำรแสดงควำมกตัญญูกตเวทขี องผู้ที่ยงั มีชีวิต อยตู่ ่อผมู้ ีพระคณุ ที่ลว่ งลบั และเป็นกำรแสดงควำมเมตตำแก่ผู้ลว่ งลบั โดยผ้ทู ีย่ งั มีชีวิตอยอู่ ุทิศสว่ นกศุ ลไปให้ • วิธกี รวดน้ำจะกรวดนำ้ ลงบนพืน้ ดินท่ีสะอำด หรือกรวดนำ้ ลงในภำชนะอนื่ แล้วไปเทลงบนพืน้ ดนิ กไ็ ด้

ศาสนพิธี ขอ้ ปฏบิ ตั ิในวนั ทำบุญเลย้ี งพระ ข้นั ตอนกำรกรวดนำ้ เมื่อพระสงฆเ์ ริม่ กลำ่ วอนโุ มทนำว่ำ “ยถำ วำริ วหำ...” ใหเ้ จ้ำภำพเร่มิ กรวดนำ้ เมื่อพระเรม่ิ สวดบทอนโุ มทนำที่เริม่ ด้วยคำว่ำ “สพั พตี ิโย...” ควรรินน้ำทกี่ รวดใหห้ มด และประนมมือรบั อนโุ มทนำ เมือ่ พระสวดจบแลว้ ใหน้ ำน้ำทก่ี รวดไปเทนอกอำคำรเทลงบนพื้นดนิ ที่สะอำด หรอื ทโ่ี คนต้นไมใ้ หญ่

ศาสนพธิ ี ข้อปฏบิ ัติในวนั ทำบุญเลี้ยงพระ • กำรกล่ำวคำกรวดน้ำนั้นมีอยู่ ๓ แบบ คือ แบบส้ัน แบบย่อ และแบบยำว แต่คำกรวดน้ำท่ีเป็นท่ีนิยมกันท่ัวไป คอื คำกรวดน้ำแบบส้ัน ซ่ึงมดี ังนี้ คากรวดน้าแบบส้ัน คำอ่ำน • อทิ เม ญำตนี โหต,ุ สขุ ิตำ โหนตฺ ุ ญำตโย คำแปล • บุญน้จี งสำเรจ็ แกญ่ ำตทิ ั้งหลำยของขำ้ พเจ้ำเถดิ ขอญำตทิ ้งั หลำยจงเป็นสุขๆ เถดิ

๗หนว่ ยการเรียนรู้ที่ การบริหารจติ และการเจริญปญั ญา จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. สวดมนต์ แผเ่ มตตำ บริหำรจิตและเจริญปัญญำดว้ ยอำนำปำนสติหรือตำมแนวทำงของศำสนำท่ีตนนบั ถอื ได้ ๒. เหน็ คณุ คำ่ ของกำรพฒั นำจติ เพ่ือกำรเรียนรแู้ ละดำเนินชวี ติ ดว้ ยวธิ คี ิดแบบโยนิโสมนสิกำร คือวธิ คี ิดแบบอรยิ สัจ และวธิ ีคิดแบบสบื สำวเหตุปจั จยั หรอื กำรพฒั นำจติ ตำมแนวทำงของศำสนำท่ตี นนบั ถือได้

การสวดมนตแ์ ปลและแผ่เมตตา กำรสวดมนตแ์ ปล • พุทธศำสนิกชนควรไหว้พระสวดมนต์เป็นประจำทุกวัน อย่ำงน้อยวันละ ๑ คร้ังก่อนนอน เพื่อควำมเป็นสิริมงคล แกช่ วี ิต และชว่ ยใหจ้ ิตใจสงบ นอนหลบั สบำย บทสวดท่ีสำคญั มีดังน้ี คำบชู ำพระรัตนตรัย คำนมัสกำรพระสมั มำสมั พุทธเจำ้ บทสรรเสรญิ พระรตั นตรยั บทแผเ่ มตตำ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook