3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นักเรียนสามารถวิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตุ กรัมมนั ตรงั สี ท่ีมตี อ่ สิง่ มชี วี ิต สิง่ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสงั คมได้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถจำแนกสมบัติทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะได้ 3) ด้านเจตคติ (A) นักเรียนตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ ธาตุ กัมมนั ตรงั สี โดยเสนอแนวทางการใชธ้ าตุอย่างปลอดภยั คุ้มคา่ 4. คุณลกั ษณะผู้เรียน อยู่อย่างพอเพียง ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4.1 คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ รักความเปน็ ไทย ใฝเ่ รียนรู้ มจี ติ สาธารณะ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มีวินัย 5. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการคิด : นักเรียนสามารถวิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ และ ธาตุกรัมมันตรงั สี ทีม่ ตี อ่ ส่ิงมชี ีวิต ส่งิ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสงั คมได้ 6. สาระการเรียนรู้ สมบัติทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ใชร้ ปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1) ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนจากคาบท่ีแล้ว เพื่อทดสอบนักเรียนในชั้นเรียนโดยใช้ คำถามปลายปดิ ดงั นี้ - โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน มีประจุไฟฟ้า เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ( แนวการ ตอบ โปรตอนจะมีประจุ +, นิวตรอนจะเปน็ 0 ( กลางทางไฟฟา้ ) และอเิ ลก็ ตรอนจะมปี ระจุ - ) - แบบจำลองอะตอมของดอลตันกลา่ ววา่ อย่างไร ( แนวการตอบ แบบจำลองอะตอมของดอล ตัน ซึ่งสรุปได้ดงั นี้ - ธาตปุ ระกอบด้วยอนภุ าคเล็กๆหลายอนุภาคเรียกอนุภาคเหล่านีว้ ่า “อะตอม” ซ่ึงแบง่ แยกและ ทำให้สญู หายไมไ่ ด้และอะตอมของธาตุชนดิ เดยี วกันมีสมบัติเหมือนกัน แต่จะมีสมบตั ิ แตกตา่ งจากอะตอมของธาตุ
อนื่ อีกท้ังสารประกอบเกิดจากอะตอมของธาตมุ ากกว่าหนึ่งชนิดทำปฏิกิรยิ า เคมีกันในอัตราส่วนที่เป็นเลขลงตัว น้อยๆ - ทรงกลมตันมขี นาดเล็กท่ีสุดซง้ึ แบง่ แยกอกี ไม่ได้ อะตอมเปน็ อนภุ าคท่ีเล็กทีส่ ุด แบ่งแยกอกี ไม่ได้ - อะตอมของธาตุชนดิ เดยี วกันมีสมบัตเิ หมือนกนั - อะตอมต้องเกิดจากสารประกอบเกิดจากอะตอมของธาตุตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปมารวมตัวกันทาง เคมี ) 2) ครูใหน้ ักเรียนออกมาวาดรูปโครงสร้างอะตอมของแต่ละแบบจำลอง โดยการสุ่มเลขที่แล้วให้ เลอื กเพ่อื นคนใดในห้องมาช่วยกันวาดแบบจำลองอะตอมตามโจทย์ที่ไดใ้ ห้ไว้ 3) ครใู ห้นักเรยี นเปิดหนังสือเรียนไปท่ีหน้า 53 ให้นักเรียนดูภาพนําเร่ือง อ่านเน้อื หานาํ เรอ่ื งและ รู้จักคําสำคัญ ทํากิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนแล้วนําเสนอผลการทํากิจกรรม หากครูพบว่านักเรียนยังทํา กิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนไมถ่ ูกตอ้ ง ครคู วรทบทวนหรอื แกไ้ ขความเข้าใจผิดของนักเรยี น เพ่ือให้นักเรยี นมี ความรพู้ ้ืนฐานทถี่ ูกต้องและเพียงพอที่จะเรยี นเรือ่ งการจําแนกธาตุและการใชป้ ระโยชน์จากธาตุและสารประกอบ ตอ่ ไป 4) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมตามหนังสือ กล่าวคือให้นักเรียนทำแบบทบทวนความรู้ก่อนเรียน หน้า 53 ครเู ฉลยดังนี้ จากภาพภาพแท่งเหล็ก แท่งทองแดง และแท่งทองคําท่ีมีขนาดและปริมาตร 10 ลูกบาศก์ เซนติเมตร เท่ากันเขียนเครื่องหมาย P หน้าขอ้ ท่ีถูกตอ้ ง .......P........ เม่ือตอ่ แทง่ ทองแดงในวงจรไฟฟา้ ทาํ ใหห้ ลอดไฟในวงจรสว่าง แสดงว่า ทองแดงนำไฟฟา้ ได้ .................... เหล็กมีความหนาแน่นสูงกว่าทองแดงและทองคํา (เหล็กมีความหนาแน่นต่ำกว่าทองแดงและทองคาํ ) .......P........ เมอื่ ให้ความรอ้ นจนมอี ณุ หภมู ิสงู ขน้ึ เร่อื ยๆแท่งทองคําจะหลอมเหลวก่อนแทง่ ทองแดงและแทง่ เหล็ก ขั้นท่ี 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (40 นาที) 1) ครใู ห้นักเรียนนง่ั เป็นกลมุ่ ตามทไ่ี ด้จัดไว้ โดยจะมีสมาชกิ กลุ่มอยูป่ ระมาณ 4- 5 คนตอ่ กล่มุ 2) ครูให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมที่ 2.7 การจําแนกธาตุ โดยครูจะให้ตัวอย่างของธาตุมาพร้อม อปุ กรณ์แลว้ ให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าตามกิจกรรมในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 สสวท ซึ่งนักเรียนต้องบันทึก ผลดังน้ี
3) ทงั้ น้ีครูให้นักเรยี นค้นคว้าจากสื่อตา่ งๆและครูคอยสังเกตวิธีการจัดอุปกรณ์สังเกตการทดสอบ สมบัติการบันทึกผลการสังเกตและการจําแนกธาตุของนักเรียนทกุ กลุ่ม เพ่ือให้ข้อแนะนําระหว่างการทํากิจกรรม รวมทัง้ นาํ ข้อมูลทค่ี วรจะปรับปรุงและแกไ้ ขมาใชป้ ระกอบการอภิปรายหลังทาํ กิจกรรม 4) เม่ือทุกกลมุ่ ไดด้ ำเนินกิจกรรมครูทำการสุ่มมา 1 กล่มุ เพื่อออกมาอภปิ รายและนำเสนอผลงาน ของตนเอง ขน้ั ที่ 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (30 นาที) 1) ครูและนักเรียนร่วมกับสรุปบทเรียนและอภิปรายดังน้ี ธาตุแต่ละชนิดอาจมีสมบัติที่เหมือน หรือแตกต่างกัน สามารถใช้สมบัติเหล่าน้ีเป็นเกณฑ์ในการจําแนกธาตุได้ธาตุที่มีพ้ืนผิวมันวาว นําไฟฟ้าและนํา ความร้อนได้ดีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง ไม่เปราะเหนียวจัดเป็นธาตุโลหะ(metal)ส่วนธาตุท่ีมีพื้นผิวด้าน ไม่ มันวาว นําไฟฟ้าและนําความร้อนได้ไม่ดีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวต่ำ เปราะไม่เหนียวจัดเป็นอโลหะ (non-metal) 2) ครูอธิบายต่อไปว่า ธาตุสามารถจําแนกได้เป็นโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ โดยใช้สมบัติทาง กายภาพเป็นเกณฑ์ ได้แก่ ความมันวาว การนําไฟฟ้าและนําความร้อน จุดเดือดและจุดหลอมเหลว ความเหนียว นอกจากน้ีสามารถจําแนกธาตุกัมมันตรังสีโดยใช้สมบัติการแผ่รังสีเป็นเกณฑ์ ธาตุโลหะมีพื้นผิวมันวาว นําไฟฟ้า และนําความร้อนได้ดีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง ไม่เปราะ เหนียว เช่น อะลูมิเนียม ทองแดง สังกะสีธาตุ อโลหะมพี ื้นผิวด้าน ไม่มันวาว นําไฟฟา้ และนําความรอ้ นได้ไม่ดีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวต่ำ เปราะไม่เหนยี วเช่น โบรมนี กํามะถนั คารบ์ อน ธาตุกึง่ โลหะมสี มบตั ิบางอย่างเหมอื นโลหะและสมบัตบิ างอย่างเหมือนอโลหะ นําไฟฟ้า ได้ดีกว่าอโลหะแต่ไม่ดีเท่าโลหะเช่น พลวง โบรอน ซิลิคอน ส่วนธาตุกัมมันตรังสีแผ่รังสีได้เช่น ยูเรเนียม เรดอน พอโลเนยี ม ขน้ั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (25 นาที) 1) ครูเปดิ ประเด็นคำถามนกั เรียนเพอ่ื ทดสอบนกั เรยี นในช้นั เรยี นโดยใช้คำถามปลายปิดดงั น้ี - ตัวอย่างธาตุในกิจกรรมน้ีคือธาตุใดบ้าง (แนวการตอบ อะลูมิเนียม เหล็ก ทองแดง สังกะสี กาํ มะถัน ถ่านไม)้ - ถ้าจําแนกธาตุเป็นโลหะอโลหะและก่ึงโลหะโดยใช้เกณฑ์ข้างต้น จากข้อมูลที่ได้สังเกตลักษณะ ทางกายภาพและข้อมูลจากตาราง แต่ละกลุ่มมีธาตุใดบ้าง (แนวคําตอบ กลุ่มโลหะ ประกอบด้วย อะลูมิเนียม เหลก็ ทองแดง สังกะสกี ลุ่มอโลหะ ประกอบดว้ ย กำมะถันและถ่านไม้)
- นกั เรยี นตอ้ งรวบรวมและบันทกึ ข้อมูลอะไรบา้ ง (แนวการตอบ สังเกตลกั ษณะภายนอกของธาตุ ทดสอบการนาํ ไฟฟา้ ความเหนยี ว ความมันวาว การจาํ แนกธาตเุ ปน็ 2 กลมุ่ โดยใช้สมบัติเป็นเกณฑ์) 2) ครูถามคำถามเก่ียวกับเรือ่ งการใชป้ ระโยชนธ์ าตโุ ลหะอโลหะก่งึ โลหะและธาตกุ ัมมนั ตรังสีดงั น้ี - ธาตุโลหะนําไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง (แนวการตอบ ธาตุโลหะใช้ในเคร่ืองจักร เครือ่ งใช้ไฟฟ้า ภาชนะหุงตม้ ) - ธาตอุ โลหะนําไปใช้ประโยชนไ์ ด้อยา่ งไรบา้ ง (แนวการตอบ ธาตอุ โลหะเปน็ องค์ประกอบของปุ๋ย) - ธาตุกึ่งโลหะนําไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง (แนวการตอบ ธาตุก่ึงโลหะใช้ในอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกสเ์ ป็นสารกึง่ ตัวนําแบตเตอร่ี รถยนตแ์ ผงเซลล์แสงอาทิตย์แผน่ ซดี ี) - ธาตุกัมมันตรังสีนําไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง (แนวการตอบ ธาตุกัมมันตรังสีใช้ใน การแพทย์การเกษตร อตุ สาหกรรม เชน่ การรกั ษาโรคมะเรง็ การฉายรงั สอี าหาร การตรวจสอบรอยรา้ วในโลหะ) - ธาตุโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ และธาตุกัมมันตรังสีอาจก่ออันตรายได้อย่างไรบ้าง (แนวการตอบ โลหะบางชนิดที่ใช้ในอตุ สาหกรรมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตบั หัวใจ ไต ธาตกุ ่ึงโลหะบางชนิดเป็นพิษต่อรา่ งกาย เชน่ สารหนซู ิลิคอน) 3) หากครูพบว่านักเรียนมีแนวคิดคลาดเคล่ือนเก่ียวกับการจําแนกธาตุและการใช้ประโยชน์ให้ ครแู ก้ไขแนวความคิดคลาดเคลื่อนของนักเรยี นโดยใหน้ ักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อแกไ้ ขใหถ้ ูกต้อง แนวคดิ คลาดเคลอื่ น แนวความคดิ ทีถ่ ูกต้อง การจําแนกธาตสุ ามารถใช้สมบตั ิทางกายภาพ การจําแนกธาตุใช้สมบัติทางกายภาพและ เพยี งสมบัตเิ ดยี วเปน็ เกณฑ์ได้ สมบัตทิ างเคมีหลายสมบัตริ ว่ มกนั เปน็ เกณฑ์ โลหะทุกชนดิ มีความหนาแน่น จดุ เดอื ดและ โลหะมีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง ส่วน จดุ หลอมเหลวสูง ใหญ่มีสถานะเป็นของแข็งท่ีอุณหภูมิห้องยกเวน้ ปรอท โลห ะ อ าจมีความ ห น าแน่น สูงห รือ ต่ำก็ ได้เช่น อโลหะทุกชนดิ มีความหนาแนน่ จุดเดอื ดแล อะลูมเิ นยี มมีความหนาแนน่ ตำ่ จุดหลอมเหลวต่ำ อโลหะอาจมจี ุดเดอื ดและจุดหลอมเหลวตำ่ ยกเวน้ คาร์บอนในรูปของเพชร แกรไฟต์ถ่านไม้ซง่ึ มีจดุ เดอื ดและจุดหลอมเหลวสูงอโลหะอาจมสี ถานะเป็น ของแข็ง ของเหลว หรือแก๊สที่อุณหภมู หิ อ้ ง มีความ หนาแน่นตำ่
4) ครูใหน้ ักเรยี นวเิ คราะห์การใชป้ ระโยชนจ์ ากธาตตุ ่างๆ ตัวอยา่ งเชน่ ทม่ี า หนงั สอื คู่มอื ครวู ทิ ยาศาสตร์ ม.1 สสวท. ที่มา หนังสือค่มู ือครวู ิทยาศาสตร์ ม.1 สสวท.
ขน้ั ที่ 5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (5 นาที) 1) การตอบคำถามในชัน้ เรยี น 2) การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุม่ 3) ครูให้นกั เรยี นไปสรุปแผนผังมโนทศั น์บทเรียนการจําแนกและองคป์ ระกอบของสารบรสิ ทุ ธิ์มา สง่ ในคาบหนา้ 8. ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งเรยี นรู้ 8.1 กจิ กรรมกล่มุ กิจกรรมท่ี 2.7 การจาํ แนกธาตุ 8.2 สื่อออนไลน์ 8.3 หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน ม.1 8.4 การเขียนแผนผังมโนทศั น์ 9. การวดั และการประเมิน ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวัด เครื่องมอื วดั เกณฑท์ ่ีใช้ในการประเมิน - แบบประเมนิ การตอบ ผ่านเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 2 1 ดา้ นความรู้ :นักเรยี น - การตอบคำถาม คำถาม สามารถวิเคราะห์ผลจาก นักเรยี นในชน้ั เรียน การใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ และธาตกุ รมั มนั ตรงั สี ที่มตี อ่ ส่ิงมีชีวติ สงิ่ แวดล้อม เศรษฐกิจและสงั คมได้ 2. ด้านกระบวนการ : - การตรวจกจิ กรรมท่ี - แบบประเมินการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 กลมุ่ กจิ กรรมท่ี 2.7 การ นักเรียนสามารถจำแนก 2.7 การจาํ แนกธาตุ จําแนกธาตุ สมบัตทิ างกายภาพบาง ประการของธาตุโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะได้ 3. ด้านเจตคติ : นักเรยี น - การตอบคำถาม - แบบประเมินการตอบ ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 คำถาม ตระหนักถึงคณุ ค่าของการ นกั เรยี นในชนั้ เรยี น ใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ ธาตกุ มั มันตรงั สี โดย เสนอแนวทางการใชธ้ าตุ อยา่ งปลอดภัยคมุ้ ค่า
10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื ผู้สอน (นางสาวจิรนันท์ เกตทุ หาร) 11. ขอ้ คิดเห็นของหวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ............................................................... (นายนนั ท์ กอ้ คำ) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 12. ขอ้ คดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผชู้ ว่ ยผอู้ ำนวยการกลุ่มงานบรหิ ารวชิ าการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่ือ............................................................... (....................................................) ผชู้ ว่ ยผอู้ ำนวยการกลุม่ งานบรหิ ารวชิ าการ การอนมุ ัตกิ ารใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้จากฝ่ายบริหาร ความคิดเหน็ ของรองผ้อู ำนวยการฝา่ ยวชิ าการ .............................................................................................................................................................. เห็นสมควรอนุมัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เห็นสมควรไม่อนุมตั ใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอุด) รองผอู้ ำนวยการโรงเรียนฝ่ายบริหารวชิ าการ
การอนมุ ัติจากผ้อู ำนวยการโรงเรยี น อนุมตั ิให้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน ไม่อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ....................................................................................... (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผู้อำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวดั พะเยา
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15 เร่ือง กลอ้ งจุลทรรศน์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว21101 เวลา 1 คาบ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยพ้นื ฐานของส่งิ มชี วี ติ รวม 12 คาบ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 สาระท่ี 1 ช่ือสาระ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชีว้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทํางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวช้วี ัด - ม 1/1 ใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงศึกษาเซลล์และโครงสร้างต่าง ๆ ภายในเซลล์ 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด สาระสําคญั กล้องจุลทรรศน์เป็นอุปกรณ์ท่ีมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการศึกษาชีววิทยา เพราะใช้ เปน็ อุปกรณ์หลักในการศึกษาสัณฐานวทิ ยาและโครงสร้างของเนอ้ื เย่อื หรือส่งิ มีชีวิตขนาดเล็กซ่ึงไมส่ ามารถมองเห็น ได้ดว้ ยตาเปล่าได้อยา่ งชดั เจน นอกจากนี้กล้องจุลทรรศน์ยงั เป็นเคร่ืองมือท่ีมคี วามพถิ พี ถิ ันซับซ้อน สามารถใช้งาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังน้ันการใช้กล้องจุลทรรศน์ควรปฏิบัติอย่างมีความเข้าใจและท่ีสำคัญควรใช้อย่าง ระมัดระวังเพื่อให้เกิดประโยชน์สงู สุดในการศกึ ษาต่อไป กล้องจุลทรรศน์เป็นเครือ่ งมือสำคัญในการศึกษาชีววิทยา เพราะใช้ขยายส่ิงที่เลก็ ๆ ให้สามารถสังเกตอย่างชัดเจน กลอ้ งจุลทรรศน์สามารถแบง่ ออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท คือ กล้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscopes) และกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน(Electron microscopes) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นักเรยี นสามารถอธบิ ายวธิ กี ารใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ได้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นกั เรยี นสามารถช้สี ว่ นประกอบของกลอ้ งจลุ ทรรศน์ได้ถูกตอ้ ง 3) ดา้ นเจตคติ (A) นักเรยี นตัง้ ใจเรียนวิทยาศาสตร์
4. คณุ ลกั ษณะผ้เู รยี น อยู่อย่างพอเพียง ซ่อื สตั ยส์ ุจริต มงุ่ ม่ันในการทำงาน 4.1 คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ รักความเปน็ ไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ มวี ินยั 5. ด้านสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการคิด : นกั เรียนสามารถอธิบายวธิ ีการใช้กล้องจลุ ทรรศน์ได้ 6. สาระการเรยี นรู้ กล้องจุลทรรศน์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท คือ กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง (Optical microscopes) และกลอ้ งจลุ ทรรศนอ์ เิ ลก็ ตรอน(Electron microscopes) 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ใช้รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (60 นาที) ขนั้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1) ครูนำเข้าสู่การเรียนรู้เพ่ือกระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยครูให้นักเรียนดูรูปเกี่ยวกับระบบ นิเวศทะเลดังนี้ ทมี่ า https://ngthai.com/tag 2) ครูเปิดประเด็นคำถามนักเรียนว่า จากรูปนักเรียนเห็นส่ิงมีชีวติ อะไรบ้าง ( แนวการตอบ ปลา ปกั เปา้ ปลาข้างเหลือง และลกู ปลาตัวเลก็ ) 3) ครูถามนักเรียนต่อไปว่า นอกจากสิ่งที่นักเรียนเห็นด้วยตาเปล่าแล้ว นักเรียนคิดว่ายังมี ส่ิงมชี วี ิตอืน่ ๆทีมขี นาดเลก็ อีกหรอื ไม่ ( แนวการตอบ ยังคงมสี งิ่ มชี วี ติ อนื่ ๆที่ไมส่ ามารถมองเหน็ ไดด้ ้วยตาเปล่าได้ )
4) ครูกล่าวกับนักเรียนว่า แล้วสิ่งที่นักเรียนบอกว่ามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า นักเรียนจะมีวิธี การศกึ ษาอย่างไรบ้าง หรอื ใชเ้ ครอื่ งมืออะไรในการศึกษา ( แนวการตอบ ใชก้ ล้องจลุ ทรรศน์ในการศึกษาสิ่งมีชีวติ ที่ ไม่สามารถมองเหน็ ได้ด้วยตาเปลา่ ข้ันที่ 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (25 นาที) 1) ครูใหน้ กั เรยี นน่งั เป็นกลมุ่ ตามทไ่ี ดจ้ ัดไว้ โดยจะมสี มาชิกกลมุ่ อยปู่ ระมาณ 4- 5 คนตอ่ กลุ่ม 2) ครูให้นักเรียนทำใบงานท่ี 3.1 เรื่องส่วนประกอบของกล้องจลุ ทรรศน์และวิธีการใช้ โดยครจู ะ ให้นักเรยี นร่วมกันศกึ ษาหาความรู้จากหนังสือและจากส่ืออินเทอรเ์ นต็ ท่ีนักเรียนแต่ละกลุ่มพอมีอย่บู ้าง เพื่อใช้ใน การสืบคน้ และเปน็ แหล่งเรยี นร้ใู นเรอื่ งสว่ นประกอบของกลอ้ งจุลทรรศนแ์ ละวธิ ีการใช้ 3) ท้ังนี้ครูคอยดูแลการสืบค้นและทำใบงาน ในหัวข้อและประเด็นท่ีนักเรียนน้ันยังคลาดเคล่ือน อยู่ ขัน้ ท่ี 3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (15 นาที) 1) ครูและนักเรียนร่วมกับสรุปบทเรียนและอภิปรายดังน้ี กล้องโทรทรรศน์แบบใช้แสงจะ ประกอบไปดว้ ย 1. ลำกล้อง (Body tube) เป็นส่วนท่ีเชื่อมโยงอยู่ระหว่างเลนส์ใกล้ตากับเลนส์ใกล้วัตถุ มหี นา้ ป้องกนั ไมใ่ หแ้ สงจากภายนอกรบกวน 2. แขน (Arm) คือส่วนที่ทำหน้าท่ียึดระหว่างส่วนลำกล้องกับฐาน เป็น ตำแหนง่ ท่ีจับเวลายกกลอ้ ง
3. แท่นวางวตั ถุ (Speciment stsge) เปน็ แท่นใชว้ างแผน่ สไลดท์ ่ีต้องการศกึ ษา 4. ท่ีหนีบสไลด์ (Stage clip) ใช้หนีบสไลด์ให้ติดอยู่กับแท่นวางวัตถุ ในกล้อง รุน่ ใหม่จะมี Mechanical stage แทนเพอื่ ควบคมุ การเล่ือนสไลดใ์ ห้สะดวกขน้ึ 5. ฐาน (Base) เป็นส่วนที่ใช้ในการต้ังกล้อง ทำหน้าท่ีรับน้ำหนักตัวกล้อง ท้งั หมด 6. กระจกเงา (Mirror) ทำหน้าที่สะท้อนแสงจากธรรมชาติหรือแสงจากหลอดไฟภายใน ห้องให้ส่องผ่านวัตถุโดยทั่วไปกระจกเงามี 2 ด้าน ด้านหน่ึงเป็นกระจกเงาเว้า อีกด้านเป็นกระจกเงาระนาบ สำหรับกล้องรุ่นใหมจ่ ะใชห้ ลอดไฟเป็นแหลง่ กำเนิดแสง ซึง่ สะดวกและชัดเจนกวา่ 7. เลนส์รวมแสง (condenser) ทำหน้าที่รวมแสงให้เข้มขึ้นเพ่ือส่งไปยังวัตถุท่ี ตอ้ งการศึกษา 8. ไดอะแฟรม (diaphragm) อยู่ใต้เลนส์รวมแสงทำหน้าท่ีปรับปริมาณแสงให้ เขา้ สู่เลนสใ์ นปริมาณทตี่ ้องการ 9.ปุ่มปรับภาพหยาบ (Coarse adjustment) ทำหน้าที่ปรับภาพโดยเปลี่ยน ระยะโฟกัสของเลนส์ใกลว้ ตั ถุ (เล่ือนลำกล้องหรอื แท่นวางวัตถขุ นึ้ ลง) เพ่อื ทำให้เห็นภาพชัดเจน 10. ปุ่มปรับภาพละเอียด (Fine adjustment) ทำหน้าที่ปรับภาพ ทำให้ได้ภาพที่ ชดั เจนมากขึน้ 11. เลนส์ใกล้วตั ถุ (Objective lens) จะติดอยู่กับจานหมุน (Revolving nose piece) ซึง่ จานหมุนนท้ี ำหน้าทใ่ี นการเปลีย่ นกำลังขยายของเลนส์ใกลว้ ัตถุ ตามปกติเลนสใ์ กลว้ ัตถมุ กี ำลงั ขยาย 3-4 ระดับ คอื 4x 10x 40x 100x ภาพทเี่ กิดจากเลนส์ใกล้วตั ถเุ ป็นภาพจรงิ หวั กลบั 12. เลนส์ใกล้ตา (Eye piece) เป็นเลนส์ท่ีอยู่บนสุดของลำกล้อง โดยทั่งไปมี กำลังขยาย 10x หรอื 15x ทำหน้าที่ขยายภาพทีไ่ ด้จากเลนส์ใกล้วัตถุให้มขี นาดใหญ่ข้ึน ทำใหเ้ กิดภาพท่ีตาผู้ศึกษา สามารถมองเหน็ ได้ โดยภาพทไี่ ด้เปน็ ภาพเสมือนหัวกลบั 2) ครอู ธิบายเกยี่ วกับวธิ กี ารใช้กลอ้ งจลุ ทรรศนแ์ บบใชแ้ สง กล่าวคือ ข้ันที่ 1 วางสไลด์ที่ต้องการส่องบนแท่นวางสไลด์ เปิดไฟกล้องจุลทรรศน์ ควรให้จุด วงกลมของแสงอยูต่ รงกลางใกล้เคยี งกับบริเวณที่ต้องการส่องมากท่ีสดุ ขัน้ ท่ี 2 ปรับระยะห่างระหวา่ งตา สำหรับกล้องชนิด 2 ตา ปรับหาระยะห่างระหวา่ งตา (Interpupillary distance) และปรบั Diopter ทต่ี าขา้ งใดข้างหนึ่ง เพือ่ ใหร้ ะยะโฟกสั ทเ่ี ท่ากัน ขั้นท่ี 3 ปรับโฟกัส หาระยะโฟกัสท่ีชัดที่สุด โดยเร่ิมจากเลนส์วัตถุที่ขนาดกำลังขยาย ตำ่ สดุ ก่อน จากนั้นคอ่ ยเพ่มิ กำลงั ขยายใหส้ งู ขน้ึ โดยปรับป่มุ ปรบั ภาพหยาบ (Coarse adjustment knob)
ขัน้ ท่ี 4 ปรับละเอียด เมื่อปรับภาพหยาบจนพอมองเหน็ ภาพให้ทำการปรับด้วยปมุ่ ปรับ ภาพแบบละเอียด (Fine adjustment knob) ควบคกู่ ับการเลื่อนสไลด์ ข้ันที่ 5 ปรับปริมาณแสง โดยปรับที่ไดอะแฟรม (Diaphragm) ใต้แท่นวางสไลด์เพ่ือ ควบคุมแสงในปรมิ าณทีพ่ อเหมาะ การลดความกว้างของไดอะแฟรมลงเมื่อกำลังขยายสูงข้ึน ขั้นที่ 6 ปรับกำลังขยายให้สูงข้ึน เม่ือไม่ขนาดของวัตถุที่ส่องมีขนาดเล็กจนไม่สามารถ มองเห็นได้ให้ปรับกำลังขยายให้สูงขึ้น โดยเลนส์ 100X ควรใช้ Immersion Oil หยดลงบนกระจกปิดสไลด์เพื่อ เพ่มิ ประสทิ ธิภาพในการมองเหน็ ด้วย โดยใหเ้ ลนส์สัมผัสกับ Immersion Oil และกระจกปิดสไลด์ ขน้ั ที่ 7 เก็บทำความสะอาด เมื่อใชง้ านเสรจ็ ใหเ้ ก็บโดยใช้ถุงคลมุ หรือเก็บไว้ในท่ีทไ่ี ม่มฝี ุ่น และความชื้นตำ่ โดยเชด็ ทำความสะอาดด้วยกระดาษเชด็ เลนสห์ รอื น้ำยาสำหรับเช็ดเลนส์ ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (5 นาที) 1) ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นตง้ั คำถาม โดยให้แตล่ ะกลุ่มตง้ั คำถามมา 1 ข้อ 2) ครูเน้นย้ำเรื่องการใช้กล้องจุลทรรศน์ เพ่ือป้องกันความเสียหายท่ีจะเกิดข้ึนในเร่ืองของการ หมนุ ปรับเลนส์และการใชส้ งิ่ ของอยา่ งระมดั ระวัง ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (5 นาที) 1) การตอบคำถามในชั้นเรียน 2) การทำใบงานที่ 3.1 เรอื่ งส่วนประกอบของกลอ้ งจลุ ทรรศน์และวธิ ีการใช้ 8. ส่ือการเรยี นรู้ / แหลง่ เรียนรู้ 8.1 ใบงานท่ี 3.1 เรอื่ งสว่ นประกอบของกลอ้ งจลุ ทรรศนแ์ ละวิธกี ารใช้ 8.2 สื่อออนไลน์ 8.3 หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน ม.1
9. การวัดและการประเมนิ ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ วิธกี ารวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์ท่ีใชใ้ นการประเมิน 1 ด้านความรู้ :นกั เรียน - การตอบคำถามนักเรยี น - แบบประเมินการตอบ ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 สามารถอธบิ ายวิธีการใช้ ในช้ันเรยี น คำถาม ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 กลอ้ งจุลทรรศน์ได้ 2. ดา้ นกระบวนการ : - การตรวจใบงานท่ี 3.1 - เฉลยใบงานที่ 3.1 เรอื่ ง ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 นกั เรยี นสามารถช้ี เร่ืองส่วนประกอบของ สว่ นประกอบของกลอ้ ง สว่ นประกอบของกลอ้ ง กลอ้ งจลุ ทรรศนแ์ ละ จุลทรรศนแ์ ละวิธีการใช้ จุลทรรศนไ์ ด้ถูกต้อง วธิ กี ารใช้ 3. ดา้ นเจตคติ : นกั เรียน - การสงั เกตพฤตกิ รรมใน - แบบประเมนิ การสังเกต ตัง้ ใจเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ช้นั เรยี น พฤติกรรม 10. กจิ กรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ ผู้สอน (นางสาวจิรนนั ท์ เกตุทหาร) 11. ขอ้ คิดเห็นของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (นายนันท์ ก้อคำ) หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 12. ขอ้ คดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะผู้ชว่ ยผอู้ ำนวยการกล่มุ งานบริหารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ............................................................... (....................................................) ผชู้ ว่ ยผูอ้ ำนวยการกลมุ่ งานบรหิ ารวิชาการ
การอนุมตั ิการใช้แผนการจดั การเรยี นรูจ้ ากฝ่ายบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝา่ ยวิชาการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ตั ิใหใ้ ช้ในการจดั การเรียนการสอน เหน็ สมควรไม่อนมุ ตั ใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ การอนมุ ตั จิ ากผอู้ ำนวยการโรงเรยี น อนุมัติใหใ้ ช้ในการจดั การเรียนการสอน ไม่อนมุ ัติให้ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชื่อ....................................................................................... (นางวลิ าวลั ย์ ปาลี) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา
ชอื่ -สกลุ ............................................เลขที่...........ห้อง...... ใบงานท่ี 3.1 เรือ่ งส่วนประกอบของ กล้องจุลทรรศนแ์ ละวธิ ีการใช้ คำชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำในชอ่ งว่างให้ถกู ต้อง พร้อมอธิบายการใช้งานของกล้องโทรทรรศนแ์ บบใช้แสง วิธีการใช้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชื่อ-สกลุ ............................................เลขท่ี...........ห้อง...... ใบงานที่ 3.1 เร่อื งสว่ นประกอบของ เฉลย กล้องจุลทรรศนแ์ ละวิธีการใช้ คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนเติมคำในชอ่ งวา่ งให้ถูกต้อง พร้อมอธบิ ายการใช้งานของกล้องโทรทรรศน์แบบใช้แสง วิธีการใช้ ขั้นที่ 1 วางสไลด์ท่ีต้องการส่องบนแท่นวางสไลด์ เปิดไฟกล้องจุลทรรศน์ ควรให้จุดวงกลมของแสงอยู่ตรง กลางใกล้เคียงกับบริเวณท่ีต้องการส่องมากท่ีสุด ข้ันที่ 2 ปรับระยะห่างระหว่างตา สำหรับกล้องชนิด 2 ตา ปรับหา ระยะห่างระหว่างตา (Interpupillary distance) และปรับ Diopter ที่ตาข้างใดข้างหน่ึง เพ่ือให้ระยะโฟกัสที่เท่ากัน ข้ันท่ี 3 ปรับโฟกัส หาระยะโฟกัสท่ีชัดท่ีสุด โดยเริ่มจากเลนส์วัตถุที่ขนาดกำลังขยายต่ำสุดก่อน จากน้ันค่อยเพิ่ม กำลังขยายให้สูงขึ้น โดยปรับปุ่มปรับภาพหยาบ (Coarse adjustment knob) ข้ันท่ี 4 ปรับละเอียด เม่ือปรับภาพ หยาบจนพอมองเห็นภาพให้ทำการปรับด้วยปุ่มปรับภาพแบบละเอียด (Fine adjustment knob) ควบคู่กับการเล่ือน สไลด์ ข้ันท่ี 5 ปรับปริมาณแสง โดยปรับท่ีไดอะแฟรม (Diaphragm) ใต้แท่นวางสไลด์เพื่อควบคุมแสงในปริมาณที่ พอเหมาะ การลดความกว้างของไดอะแฟรมลงเม่ือกำลังขยายสูงขน้ึ ขั้นท่ี 6 ปรับกำลังขยายให้สูงข้ึน เม่ือไม่ขนาดของ วัตถุท่ีส่องมีขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ให้ปรับกำลังขยายให้สูงข้ึน โดยเลนส์ 100X ควรใช้ Immersion Oil หยดลงบนกระจกปิดสไลด์เพื่อเพ่ิมประสิทธภิ าพในการมองเห็นด้วย โดยให้เลนส์สมั ผัสกับ Immersion Oil และกระจก ปิดสไลด์ ขั้นที่ 7 เก็บทำความสะอาด เม่ือใชง้ านเสรจ็ ให้เก็บโดยใช้ถุงคลุมหรอื เก็บไวใ้ นท่ีที่ไมม่ ีฝนุ่ และความช้ืนต่ำ โดย เชด็ ทำความสะอาดดว้ ยกระดาษเช็ดเลนส์หรือนำ้ ยาสำหรบั เชด็ เลนส์
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 16 เร่อื ง การศึกษาส่งิ มชี วี ติ ด้วยกลอ้ งจุลทรรศน์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว21101 เวลา 2 คาบ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ หนว่ ยพนื้ ฐานของสงิ่ มชี ีวิต รวม 12 คาบ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 สาระที่ 1 ชอื่ สาระ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ดั มาตรฐานการเรียนรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชวี้ ดั - ม 1/1 ใช้กล้องจุลทรรศนใ์ ชแ้ สงศึกษาเซลล์และโครงสร้างต่าง ๆ ภายในเซลล์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สาระสําคัญ กล้องจุลทรรศน์เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการศึกษาชีววิทยา เพราะใช้ เปน็ อุปกรณ์หลกั ในการศึกษาสัณฐานวทิ ยาและโครงสรา้ งของเน้อื เย่อื หรือส่ิงมีชีวติ ขนาดเลก็ ซึ่งไม่สามารถมองเห็น ไดด้ ้วยตาเปล่าไดอ้ ย่างชัดเจน นอกจากนก้ี ลอ้ งจลุ ทรรศน์ยงั เปน็ เครื่องมือทม่ี ีความพถิ ีพิถันซับซอ้ น สามารถใชง้ าน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการใช้กล้องจุลทรรศน์ควรปฏิบัติอย่างมีความเข้าใจและท่ีสำคัญควรใช้อย่าง ระมัดระวังเพ่ือให้เกิดประโยชน์สงู สุดในการศึกษาต่อไป กล้องจุลทรรศน์เป็นเครอ่ื งมือสำคัญในการศึกษาชีววทิ ยา เพราะใช้ขยายสิ่งท่ีเลก็ ๆ ให้สามารถสังเกตอย่างชัดเจน กลอ้ งจุลทรรศน์สามารถแบง่ ออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท คือ กล้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscopes) และกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน(Electron microscopes) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรียนสามารถอธิบายวธิ ีการใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ได้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรยี นสามารถใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศนใ์ นการศึกษาส่ิงมีชวี ติ ได้อย่างถูกวิธี 3) ดา้ นเจตคติ (A) นักเรียนเก็บอุปกรณ์เขา้ ท่ีหลงั จากเลิกใช้งาน
4. คณุ ลกั ษณะผเู้ รยี น อยู่อย่างพอเพียง ซ่ือสัตยส์ ุจรติ มุ่งม่นั ในการทำงาน 4.1 คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ รักความเปน็ ไทย ใฝ่เรียนรู้ มจี ติ สาธารณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ มีวินัย 5. ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคิด : นักเรียนสามารถอธบิ ายวิธกี ารใชก้ ล้องจุลทรรศนไ์ ด้ 6. สาระการเรยี นรู้ โครงสร้างพื้นฐานท่ีพบทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์และสามารถสังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ไดแ้ ก่ เยื่อหมุ้ เซลล์ไซโทพลาซึม และนิวเคลียสโครงสร้างที่พบในเซลล์พืชแต่ไม่พบในเซลล์สัตว์ได้แกผ่ นังเซลล์และ คลอโรพลาสต์ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ใช้รูปแบบการจดั การเรียนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขั้นที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement) (15 นาที) 1) ครูนำเข้าสู่การเรียนรู้เพื่อกระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยครูให้นักเรียนสังเกตภาพจาก หนังสือเรยี นหน้าท่ี 76 ซ่ึงเปน็ ภาพเลือดที่กําลังแขง็ ตัวภายใต้กล้องจุลทรรศนท์ ี่มีกาํ ลงั ขยายสูงและอ่านเนื้อหานํา บท จากน้ันอภปิ รายโดยใช้คําถามตอ่ ไปน้ี - เลือดทีก่ ําลงั แขง็ ตัวประกอบดว้ ยอะไรบ้าง (แนวการตอบ เซลลเ์ ม็ดเลือดแดง เซลลเ์ ม็ด เลือดขาว และเสน้ ใยไฟบรนิ ) - รูปร่างลักษณะของเซลล์แต่ละชนิดมีความเหมือนหรือต่างกันหรือไม่อย่างไร ( แนว การตอบ ต่างกันโดยเซลล์เม็ดเลือดแดง มีลักษณะเป็นทรงกลมสีแดง เว้าส่วนกลาง เซลล์เม็ดเลือดขาวมีลักษณะ เป็นทรงกลมสขี าวสว่ นไฟบรนิ เปน็ สารประกอบประเภทโปรตนี ) - เซลล์แต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกันอย่างไร ( แนวการตอบ เซลล์เม็ดเลือดแดงทํา หนา้ ที่ลาํ เลียงแกส๊ ไปยงั สว่ นตา่ งๆของร่างกายเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวทาํ หน้าที่กาํ จัดเชื้อโรค) - เราสามารถสังเกตลักษณะของเซลล์เหล่านั้นได้โดยวธิ ีการใด ( แนวการตอบ สามารถ สังเกตไดโ้ ดยใช้กล้องจุลทรรศนท์ ่มี ีกำลังขยายสงู ) 2) ครูนำกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงมาตั้งไว้หน้าห้อง จากนั้นครูสุ่มเลขที่นักเรียน โดยให้ นักเรยี นออกมาตอบคำถาม ซึ่งครูจะชี้ส่วนประกอบของกลอ้ งจุลทรรศน์ใหน้ ักเรียนได้ตอบคำถามว่าสว่ นประกอบ น้ชี อ่ื ว่าอะไร มหี ลกั การทำงานอย่างไร เพอ่ื ทบทวนนกั เรียนจากการเรียนไปในคาบทีผ่ ่านมา และครสุ าธติ วธิ ีการใช้ กล้องจลุ ทรรศนท์ ถี่ ูกตอ้ ง
ขั้นท่ี 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (50 นาที) 1) ครใู หน้ ักเรียนนงั่ เป็นกล่มุ ตามทีไ่ ด้จดั ไว้ โดยจะมสี มาชกิ กลมุ่ อย่ปู ระมาณ 4- 5 คนตอ่ กลุ่ม 2) ครูให้นักเรียนรับกล้องจุลทรรศน์กลุ่มละ 1 ตัวเพื่อนำมาศึกษาเก่ียวกับส่ิงมีชิวิตขนาดเล็กท่ี เรยี นรู้ผ่านใต้กล้องจุลทรรศน์ ก่อนการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มครใู หแ้ ต่ละกลุ่มส่งตัวแทนของกลุ่มมารับบีกเกอร์ เพ่ือ ไปเก็บแหลง่ น้ำที่อยู่ใกล้ๆกบั บริเวณอาคารเรียน เพ่ือนำมาใช้ในการสังเกต ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ซึ่งครูควร ตรวจสอบหยดน้ำก่อนนํามาให้นกั เรียนสงั เกต จากนั้นใชค้ าํ ถามเพื่อเชอื่ มโยงเขา้ สู่กิจกรรม เชน่ - ก่อนสังเกตด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง นักเรียนสังเกตเห็นอะไรในหยดน้ำบ้าง (แนว การตอบ นักเรยี นตอบไดต้ ามท่ีสงั เกตเห็นจรงิ เช่น ไม่เห็น ) - หลังจากสังเกตด้วยกลอ้ งจุลทรรศนใ์ ช้แสง นักเรียนคดิ ว่าจะสังเกตเห็นอะไรในหยดน้ำ บา้ ง ( แนวการตอบ ขึ้นอยกู่ ับความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น ) 3) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มดำเนินกิจกรรมตามใบกิจกรรมที่ 3.1 การศึกษาสิ่งมีชีวิตด้วยกล้อง จลุ ทรรศน์ โดยใหน้ ักเรียนดำเนินกิจกรรมแลว้ ตอบคำถามหลังการทำกจิ กรรม 4) ในขณะที่นักเรียนดำเนินกิจกรรม ครูพยายามดูแลนักเรียนไม่ให้เล่นกันระหว่างเรียนและ แนะนำสงิ่ ทถี่ ูกตอ้ งให้นกั เรียนได้ทราบ 5) หากนักเรียนเจอส่ิงมีชีวิตอะไรให้สอบถามครูหรือใช้ส่ือต่างๆในการศึกษาเรียนรู้เพื่อให้ได้ คำตอบ ข้นั ท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (30 นาที) 1) ครูและนักเรียนร่วมกับสรุปบทเรียนและอภิปรายดังนี้ จากกิจกรรมท่ีนักเรียนได้ศึกษาผ่าน กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงไปนั้น นักเรียนสามารถสังเกตเห็นส่ิงมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำได้ ( ขึ้นอยู่กับสังเกตเห็น ส่ิงมีชีวิตอะไรบ้าง ) จากการศึกษาพบได้วา่ แมน้ ้ำหยดใสๆท่ีเราสังเกตจากภายนอกแล้วนัน้ เหมอื นไม่มอี ะไรอาศัย อยู่ แต่เมอ่ื เราไดศ้ กึ ษาผา่ นกล้องจุลทรรศน์ไปแล้วนั้นส่งผลทำให้เราสามารถสังเกตเห็นส่ิงมีชวี ติ ตา่ งๆไดห้ ลายชนดิ 2) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มของตัวเองมานำเสนอหน้าช้ันเรียน เพ่ือสำรวจว่า นกั เรยี นได้เจอสิง่ มชี วี ิตอะไรบา้ ง เปน็ การแลกเปล่ยี นเรยี นรซู้ ึ่งกันและกัน ขนั้ ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที) 1) ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นตงั้ คำถาม โดยให้แตล่ ะกลมุ่ ตัง้ คำถามมา 1 ขอ้ 2) ครูเน้นย้ำเรื่องการใช้กล้องจุลทรรศน์ เพ่ือป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในเร่ืองของการ หมนุ ปรับเลนสแ์ ละการใช้สิง่ ของอย่างระมดั ระวงั 3) ครูใหน้ กั เรียนได้เรยี นรสู้ ง่ิ มชี วี ิตอน่ื ๆทไี่ ดศ้ ึกษาผา่ นกลอ้ งจุลทรรศนจ์ ากสอ่ื ออนไลน์
ข้ันท่ี 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 1) การตอบคำถามในช้นั เรียน 2) การทำใบกิจกรรมท่ี 3.1 การศึกษาสิ่งมชี วี ิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ 8. สื่อการเรยี นรู้ / แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ใบกิจกรรมที่ 3.1 การศึกษาสิ่งมีชีวิตดว้ ยกล้องจลุ ทรรศน์ 8.2 ส่ือออนไลน์ 8.3 หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์พืน้ ฐาน ม.1 8.4 กล้องจลุ ทรรศนแ์ บบใช้แสง 9. การวดั และการประเมิน ตวั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวดั เครื่องมือวัด เกณฑ์ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ 1 ด้านความรู้ :นกั เรยี น - การตอบคำถามนกั เรยี น - แบบประเมินการตอบ ผ่านเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 สามารถอธบิ ายวิธีการใช้ ในชน้ั เรยี น คำถาม ผ่านเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 2 กลอ้ งจุลทรรศน์ได้ 2. ดา้ นกระบวนการ : - การตรวจการปฏิบัติ - แบบประเมินการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 นกั เรียนสามารถใชก้ ล้อง กิจกรรมกลุม่ จากกิจกรรม กลมุ่ จุลทรรศน์ในการศึกษา ที่ 3.1 การศึกษาสิง่ มชี วี ิต สิ่งมีชีวิตไดอ้ ยา่ งถกู วธิ ี ดว้ ยกลอ้ งจลุ ทรรศน์ - แบบประเมินการสงั เกต 3. ดา้ นเจตคติ : นักเรยี น - การสงั เกตพฤติกรรมใน พฤตกิ รรม เก็บอุปกรณ์เข้าทีห่ ลงั จาก ช้ันเรยี น เลกิ ใชง้ าน 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ ผู้สอน (นางสาวจิรนนั ท์ เกตทุ หาร)
11. ขอ้ คดิ เห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (นายนนั ท์ ก้อคำ) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 12. ข้อคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะผู้ช่วยผอู้ ำนวยการกลุ่มงานบรหิ ารวชิ าการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ............................................................... (....................................................) ผชู้ ่วยผอู้ ำนวยการกลุ่มงานบริหารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้จากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ตั ิใหใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เห็นสมควรไม่อนมุ ตั ใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอุด) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบริหารวิชาการ
การอนุมัตจิ ากผ้อู ำนวยการโรงเรยี น อนุมัติใหใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน ไมอ่ นมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ....................................................................................... (นางวลิ าวลั ย์ ปาลี) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๒๔ จังหวดั พะเยา
ใบกจิ กรรมที่ 3.1 เรือ่ งการศึกษา กลมุ่ ท.่ี ...... สิ่งมีชีวิตด้วยกลอ้ งจุลทรรศน์ ห้อง…………. ข้ันตอนในการดำเนนิ กจิ กรรม 1. ใหน้ กั เรยี นมารับบกี เกอร์จากครูเพื่อนำไปตกั น้ำบริเวณใกลๆ้ อาคารเรียน 2. ให้แต่ละกลมุ่ รบั อุปกรณ์ในการศึกษาสิ่งมชี ีวติ จากแหลง่ น้ำ ไดแ้ ก่ ท่ี รายการอุปกรณ์ จำนวน 1 กลอ้ งจุลทรรศน์แบบใช้แสง 1 ตวั 2 หลอดหยด 1 แทง่ 3 สไลด์พรอ้ มแผ่นปิดสไลด์ 1ชุด 4 กระดาษชำระ 1 มว้ น 3. ให้นักเรียนติดต้งั กลอ้ งจลุ ทรรศน์และทดสอบใช้งาน 4. ให้นกั เรยี นนำสไลดม์ า แลว้ ใช้หลอดหยดดดู นำ้ จากบีบเกอร์ท่ีนักเรียนแต่ละกลุ่มไปหามา แล้วหยดลงไปบนแผน่ สไลด์แลว้ ใชแ้ ผน่ ปิดสไลด์ปิด จากนนั้ นำไปศึกษาโดยใชก้ ล้องจุลทรรศนแ์ บบใชแ้ สง 5.บนั ทกึ ผลการศึกษาและทำความสะอาดพร้อมเกบ็ อปุ กรณใ์ ห้เรยี บร้อย บันทึกผลการศึกษา ( ใหบ้ ันทกึ ผลการศกึ ษาในลกั ษณะรปู วาดและบรรยายสง่ิ ท่ีสงั เกตได้ ) ท่ี วาดภาพสง่ิ ที่สังเกตเห็น บรรยายสง่ิ ท่ีสงั เกตเหน็
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 17 เร่ือง โลกใต้กล้องจุลทรรศน์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว21101 เวลา 2 คาบ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ หนว่ ยพ้ืนฐานของสงิ่ มีชีวติ รวม 12 คาบ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 สาระท่ี 1 ช่ือสาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชีว้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชี้วัด - ม 1/1 ใช้กล้องจุลทรรศนใ์ ชแ้ สงศึกษาเซลล์และโครงสรา้ งตา่ ง ๆ ภายในเซลล์ 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สาระสาํ คัญ กล้องจุลทรรศน์เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการศึกษาชีววิทยา เพราะใช้ เป็นอุปกรณ์หลักในการศึกษาสัณฐานวทิ ยาและโครงสร้างของเนอื้ เย่อื หรอื ส่ิงมีชีวิตขนาดเล็กซง่ึ ไม่สามารถมองเห็น ได้ดว้ ยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้กลอ้ งจุลทรรศน์ยงั เปน็ เคร่ืองมือท่มี คี วามพถิ พี ถิ ันซบั ซอ้ น สามารถใช้งาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังน้ันการใช้กล้องจุลทรรศน์ควรปฏิบัติอย่างมีความเข้าใจและท่ีสำคัญควรใช้อย่าง ระมัดระวังเพ่ือให้เกิดประโยชน์สงู สุดในการศกึ ษาต่อไป กล้องจุลทรรศน์เป็นเครอ่ื งมือสำคญั ในการศึกษาชีววทิ ยา เพราะใชข้ ยายส่ิงที่เล็ก ๆ ให้สามารถสังเกตอย่างชดั เจน กลอ้ งจุลทรรศนส์ ามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท คือ กล้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscopes) และกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน(Electron microscopes) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) ด้านความรู้ (K) นกั เรียนสามารถอธบิ ายลักษณะของเซลลท์ ี่มองผ่านกล้องจลุ ทรรศนไ์ ด้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ในการศึกษาสิ่งมีชีวิตได้อย่างถกู วธิ ี 3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรยี นเกบ็ อุปกรณเ์ ข้าท่ีหลังจากเลกิ ใช้งาน
4. คณุ ลักษณะผูเ้ รยี น อยู่อย่างพอเพียง ซ่ือสัตยส์ จุ รติ มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 4.1 คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ รักความเป็นไทย ใฝ่เรยี นรู้ มีจิตสาธารณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มวี ินยั 5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการคดิ : นักเรียนสามารถอธิบายลกั ษณะของเซลล์ที่มองผา่ นกลอ้ งจุลทรรศน์ได้ 6. สาระการเรยี นรู้ โครงสร้างพ้ืนฐานที่พบท้ังในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์และสามารถสังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ไดแ้ ก่ เยื่อหมุ้ เซลล์ไซโทพลาซึม และนิวเคลียสโครงสร้างท่ีพบในเซลลพ์ ืชแต่ไม่พบในเซลลส์ ัตว์ได้แกผ่ นังเซลล์และ คลอโรพลาสต์ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ใชร้ ปู แบบการจัดการเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (15 นาที) 1) ครูนำภาพของเซลล์ส่ิงมีชีวิตชนิดหนึ่งมาให้นักเรียนสังเกตดังภาพเพ่ือกระตุ้นความคิดของ นกั เรยี น ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=NOrBuz5bocQ 2) ครูถามนักเรียนเพ่ือกระตุ้นความคิด กล่าวคือ นักเรียนคิดว่าเซลล์ของส่ิงมีชีวิตท่ีนักเรียน สังเกตได้นั้นจากภาพท่ีครูให้สังเกตข้างต้นนักเรียนคิดว่าเป็นเซลล์ของอะไร โดยครูให้ทุกคนเขียนลงในสมุดของ ตัวเอง โดยที่ครูไมเ่ ฉลยคำตอบ
ขนั้ ท่ี 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (50 นาที) 1) ครูใหน้ ักเรียนน่ังเปน็ กลุม่ ตามทไ่ี ดจ้ ัดไว้ โดยจะมีสมาชิกกล่มุ อยู่ประมาณ 4- 5 คนตอ่ กลุ่ม 2) ครูให้นักเรยี นรับกล้องจุลทรรศน์กลุ่มละ 1 ตัว จากน้นั ครใู ห้นักเรยี นทำกิจกรรมท่ี 3.2 โลกใต้ กล้องจุลทรรศน์ ซ่ึงให้นักเรียนดำเนินตามกิจกรรม ซ่ึงในกิจกรรมนี้จะมีการศึกษาเซลล์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆทั้งพืช และสตั วท์ ้ังน้ีจะเป็นเซลลส์ ไลดถ์ าวร ไดแ้ ก่ เซลล์เมด็ เลอื ดแดง เซลลเ์ ย่ือหอม และเซลลพ์ ารามเี ซยี ม 3) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มดำเนินกิจกรรมตามใบกิจกรรมท่ี 3.2 โลกใต้กล้องจุลทรรศน์โดยให้ นกั เรยี นดำเนนิ กิจกรรมแลว้ ตอบคำถามหลงั การทำกจิ กรรม 4) ในขณะท่ีนักเรียนดำเนินกิจกรรม ครูพยายามดูแลนักเรียนไม่ให้เล่นกันระหว่างเรียนและ แนะนำสิง่ ท่ีถูกต้องให้นักเรยี นไดท้ ราบ ครูพยายามเดินสำรวจนักเรียนในการทำกจิ กรรมกล่าวคือเม่ือมีการเปลยี่ น เลนส์ควรใช้จานหมุนในการเปลยี่ นกําลงั ขยายของเลนส์ใกลว้ ัตถแุ ละหมุนให้เขา้ ท่ีตรงกับลํากล้องหรือตำแหน่งสอ่ ง และปรับระยะภาพโดยเรม่ิ จากกําลังขยายต่ำก่อนเสมอและเมื่อใช้เลนส์ใกล้วัตถุกําลังขยายขนาด 40 เท่า ไม่ควร ปรับระยะภาพด้วยปุ่มปรับภาพหยาบเพราะอาจทําให้เลนสใ์ กล้วัตถุกระแทกสไลด์อกี ท้ังควรปรับเลนส์ใกล้วตั ถุให้ เปน็ เลนสท์ ่มี ีกำลงั ขยายต่ำสดุ กอ่ นนําสไลดอ์ อก ขั้นท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (30 นาที) 1) เมื่อทำกิจกรรมเสรจ็ เรียบร้อยแลว้ ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มนําเสนอผลการทาํ กิจกรรม โดยติด แสดงผลงานบนกระดาน หรอื นาํ ขอ้ มลู ไปเปรียบเทียบกบั เพอื่ นในห้องเรียน 2) ครูและนักเรียนร่วมกับสรุปบทเรียนและอภิปรายดังนี้ จากกิจกรรมที่นักเรียนได้ศึกษาผ่าน กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงไปน้ัน นักเรียนสามารถสังเกตเห็นเซลล์ของสิ่งมีชีวิตท่ีที่ครูให้ดู ได้แก่เซลล์ของ อะไรบ้าง ( แนวการตอบ เซลล์เม็ดเลอื ดแดง เซลล์เย่อื หอม และเซลลพ์ ารามีเซยี ม ) 3) ครูถามต่อไปว่า ลักษณะของเซลล์ดังกล่าวคล้ายกับเซลล์ท่ีครูให้นักเรียนดูไปก่อนการสังเกต ใชห่ รอื ไม่ สรุปแล้วเซลล์ดังกลา่ วคืออะไร ( แนวการตอบ ใช่ เซลล์ดงั กล่าวคอื เซลลเ์ ยื่อหอม ) - ครูถามต่อไปว่า หน้าตาของเซลล์ที่ครูให้นักเรียนศึกษาน้ันถ้าจัดแบ่งประเภทสามารถแบ่งได้ เปน็ ก่ีประเภท ( แนวการตอบ แบ่งได้เปน็ 2 ประเภท คอื เซลล์พชื และเซลลส์ ัตว์ ) - แลว้ รปู ร่างของเซลล์และองค์ประกอบของเซลล์คล้ายกันหรือไม่ (แนวการตอบ รูปรา่ งคล้ายกัน แตม่ ีบางส่วนทีต่ า่ งกนั ) 4) ร่วมกันอภปิ รายสรปุ เน้ือหาทง้ั หมดทีไ่ ด้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมและการอ่านเพิม่ เติมเพือ่ ให้ ไดข้ ้อสรุปว่า สิ่งมชี ีวิตทุกชนดิ ประกอบด้วยเซลล์สง่ิ มีชีวติ บางชนิดท่ีมีกระบวนการต่างๆ ของการดาํ รงชีวิตเกิดข้ึน ภายในเซลล์เพียงเซลล์เดียว เรียกว่า ส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น แบคทีเรีย ยีสต์พารามีเซียม ส่วนส่ิงมีชีวิตที่มี กระบวนการดํารงชีวติ ที่ซับซ้อน ประกอบด้วยเซลลห์ ลายเซลลท์ ่ีทํางานร่วมกันเพ่ือการดํารงชวี ิตเรียกว่าสิ่งมีชีวิต หลายเซลลเ์ ชน่ พชื สตั ว์เหด็
5) ให้นักเรียนตอบคําถามท้ายกิจกรรมตามหนังสือเรียน และร่วมกันอภิปรายคําตอบเพ่ือให้ นักเรียนสรุปได้ว่า เน้ือเยื่อของพืช สัตว์และสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว มีลักษณะที่สําคัญเหมือนกันคือ ประกอบด้วย หน่วยยอ่ ยๆซ่ึงมลี กั ษณะเปน็ ห้อง มีขอบเขตชัดเจนเรยี กว่า เซลล์ ขน้ั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที) 1) ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นตั้งคำถาม โดยให้แตล่ ะกล่มุ ตัง้ คำถามมา 1 ขอ้ 2) ครูเน้นย้ำเร่ืองการใช้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในเรื่องของการ หมนุ ปรับเลนสแ์ ละการใช้ส่ิงของอย่างระมัดระวัง 3) ครถู ามนักเรยี นวา่ ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง - ไมป่ รับระยะภาพดว้ ยปุ่มปรับภาพหยาบเมือ่ ใชเ้ ลนส์ใกลว้ ตั ถกุ ําลงั ขยายขนาด 40 เทา่ - ใชจ้ านหมุนในการเปลี่ยนกําลังขยายของเลนส์ใกล้วตั ถุ - ปรบั เลนส์ใกลว้ ัตถุใหเ้ ปน็ เลนสท์ ่มี กี ําลังขยายต่ำสุดกอ่ นเปลยี่ นสไลด์หรือนําสไลด์ออก 4) ถ้าครพู บว่านักเรียนมีแนวคิดคลาดเคลือ่ นเกี่ยวกบั เรอื่ งน้ใี หน้ กั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเพื่อแกไ้ ข แนวคิดคลาดเคลือ่ นให้ถกู ตอ้ ง เช่น แนวคิดคลาดเคล่อื น แนวความคดิ ท่ถี กู ตอ้ ง - เซลล์ของส่ิงมีชีวิตทุกชนิดมีขนาดและ - เซลล์ของส่ิงมีชีวิตทุกชนิดมีขนาดและ รูปรา่ งเหมือนกนั รูปร่างไม่เหมือนกนั - สิง่ มชี วี ติ เซลลเ์ ดยี วไม่สามารถมีชีวติ อย่ไู ด้ - สิง่ มีชีวติ เซลลเ์ ดียวสามารถดํารงชวี ติ อย่ไู ด้ ข้ันท่ี 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) (10 นาที) 1) การตอบคำถามในชนั้ เรียน 2) การทำใบกิจกรรมที่ 3.2 โลกใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ 8. ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 ใบกจิ กรรมท่ี 3.2 โลกใต้กล้องจุลทรรศน์ 8.2 สอื่ ออนไลน์ 8.3 หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ม.1 8.4 กลอ้ งจลุ ทรรศนแ์ บบใช้แสง
9. การวัดและการประเมนิ ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ วิธีการวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑท์ ่ีใช้ในการประเมิน 1 ดา้ นความรู้ :นักเรยี น - การตอบคำถามนักเรยี น - แบบประเมนิ การตอบ ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 สามารถอธิบายลักษณะ ในชนั้ เรียน คำถาม ของเซลล์ท่ีมองผ่านกล้อง ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 จลุ ทรรศน์ได้ - การตรวจการปฏิบัติ - แบบประเมนิ การทำงาน 2. ด้านกระบวนการ : กิจกรรมกลุ่มจากกิจกรรม กล่มุ ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 นกั เรยี นสามารถใชก้ ล้อง ที่ 33.2 โลกใตก้ ล้อง จุลทรรศนใ์ นการศกึ ษา จุลทรรศน์ - แบบประเมินการสังเกต สงิ่ มชี วี ติ ไดอ้ ย่างถูกวิธี - การสังเกตพฤติกรรมใน พฤตกิ รรม 3. ดา้ นเจตคติ : นกั เรยี น ชัน้ เรียน เก็บอปุ กรณ์เขา้ ท่ีหลังจาก เลิกใช้งาน 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ ผู้สอน (นางสาวจิรนันท์ เกตุทหาร) 11. ข้อคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (นายนันท์ กอ้ คำ) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุม่ งานบรหิ ารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (....................................................) ผูช้ ่วยผู้อำนวยการกลุ่มงานบรหิ ารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรูจ้ ากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เหน็ สมควรไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอุด) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ การอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรยี น อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ไมอ่ นุมัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ....................................................................................... (นางวลิ าวลั ย์ ปาลี) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา
ใบกจิ กรรมที่ 3.2 เรอ่ื งโลกใตก้ ล้อง กลมุ่ ที.่ ...... จลุ ทรรศน์ ห้อง…………. ข้ันตอนในการดำเนนิ กิจกรรม 1. ให้นกั เรียนรับกล้องจุลทรรศน์กลุ่มละ 1 ตวั 2. รายการอุปกรณ์ ท่ี รายการอุปกรณ์ จำนวน 1 กลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใชแ้ สง 1 ตัว 2 สไลดถ์ าวร (เซลลเ์ ม็ดเลือดแดง เซลลเ์ ยื่อหอม และ 1 ชดุ เซลลพ์ ารามเี ซยี ม ) 3. ให้นกั เรียนตดิ ตั้งกล้องจุลทรรศน์และทดสอบใช้งาน 4. ใหน้ กั เรียนนำสไลด์ทคี่ รูใหไ้ ปจากน้นั นำไปศกึ ษาโดยใช้กล้องจลุ ทรรศนแ์ บบใช้แสง 5.บนั ทึกผลการศกึ ษาและทำความสะอาดพร้อมเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย บนั ทึกผลการศกึ ษา ( ให้บนั ทึกผลการศึกษาในลักษณะรปู วาดและบรรยายสิ่งท่ีสังเกตได้ ) ท่ี วาดภาพสง่ิ ทีส่ ังเกตเห็น บรรยายส่งิ ทส่ี งั เกตเหน็
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 18 เรอ่ื ง เซลลข์ องสง่ิ มีชวี ิต รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว21101 เวลา 2 คาบ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ หนว่ ยพืน้ ฐานของสงิ่ มีชวี ิต รวม 12 คาบ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 สาระที่ 1 ช่ือสาระ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชี้วัด - ม.1/2 เปรยี บเทียบรปู ร่างของเซลล์พชื และเซลลส์ ัตว์ รวมท้งั บรรยายหนา้ ที่ของผนังเซลล์ เย่อื หุ้ม เซลล์ ไซโทพลาซึม นวิ เคลียส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรยี และคลอโรพลาสต์ 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด สาระสาํ คญั เซลล์เป็นหน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิตสิ่งมีชีวิตบางชนิดมีเซลล์เพียงเซลล์เดียว เช่น อะมีบา พารามีเซียม ยีสต์บางชนิดมีหลายเซลล์เช่นพืช สัตว์ โครงสร้างพ้ืนฐานที่พบท้ังในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์และ สามารถสังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ได้แก่ เย่ือหุ้มเซลล์ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส โครงสร้างท่ีพบใน เซลล์พืชแต่ไม่พบในเซลล์สัตว์ ได้แก่ผนังเซลล์และคลอโรพลาสต์ โครงสร้างต่างๆของเซลล์มีหน้าท่ีแตกต่างกัน ผนังเซลล์ทําหน้าทใ่ี ห้ความแข็งแรงแก่เซลล์ เย่ือหุ้มเซลล์ทําหนา้ ที่หอ่ หุ้มเซลลแ์ ละควบคุมการลําเลียงสารเข้าและ ออกจากเซลล์ นวิ เคลียส ทําหน้าที่ควบคุมการทํางานของเซลล์ ไซโทพลาซึม มีออร์แกเนลล์ทที่ าํ หน้าทีแ่ ตกต่างกัน แวคิวโอล ทําหน้าที่เก็บนํ้าและสารต่าง ๆ ไมโทคอนเดรีย ทําหน้าท่ีเก่ียวกับการสลายสารอาหารเพ่ือให้ได้ พลงั งานแกเ่ ซลล์ คลอโรพลาสตเ์ ปน็ แหล่งที่เกดิ การสังเคราะห์ด้วยแสง 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถอธิบายรูปร่างความแตกต่างระหว่างเซลลเ์ ดย่ี วและเซลล์หลายเซลล์ ได้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรยี นสามารถเขียนความแตกตา่ งระหวา่ งเซลลเ์ ดย่ี วและเซลล์หลายเซลลไ์ ด้
3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรยี นตงั้ ใจเรียนและมีวนิ ยั ในการเรียน 4. คณุ ลักษณะผู้เรยี น 4.1 คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง ซ่อื สตั ยส์ ุจริต มงุ่ มัน่ ในการทำงาน มจี ิตสาธารณะ มีวนิ ยั รักความเปน็ ไทย ใฝเ่ รียนรู้ 5. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการคิด : นักเรียนสามารถอธบิ ายรูปรา่ งความแตกต่างระหวา่ งเซลล์เดี่ยวและเซลล์ หลายเซลลไ์ ด้ 6. สาระการเรยี นรู้ โครงสร้างพื้นฐานท่ีพบทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์และสามารถสังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ไดแ้ ก่ เยอื่ หมุ้ เซลล์ไซโทพลาซมึ และนวิ เคลียสโครงสร้างที่พบในเซลล์พืชแต่ไมพ่ บในเซลลส์ ัตว์ไดแ้ ก่ผนงั เซลล์และ คลอโรพลาสต์ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใช้รปู แบบการจัดการเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขน้ั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (15 นาที) 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับการใช้กล้องจุลทรรศน์ และสุ่มถามนักเรียนถึงข้อควรระวังใน การใช้กล้องจุลทรรศน์มีอะไรบ้าง ( แนวการตอบ ไม่ปรับระยะภาพด้วยปุ่มปรับภาพหยาบเม่ือใช้เลนส์ใกล้วัตถุ กําลังขยายขนาด 40 เท่า ,ใช้จานหมุนในการเปลี่ยนกําลังขยายของเลนส์ใกลว้ ัตถุ ,ปรบั เลนสใ์ กล้วัตถุให้เป็นเลนส์ ทม่ี กี าํ ลงั ขยายตำ่ สุดก่อนเปลีย่ นสไลดห์ รอื นําสไลดอ์ อก ) 2) สไลด์ถาวรท่ีครูให้นักเรียนได้ศึกษาไปนั้นได้แก่ส่ิงมีชีวิตอะไรบ้าง ( แนวการตอบ เซลล์เม็ด เลอื ดแดง เซลล์เยอ่ื หอม และเซลล์พารามเี ซยี ม ) 3) ครูถามต่อไปว่า แล้วนักเรียนทราบไหมว่าเซลล์แต่ละเซลล์ท่ีนักเรียนได้ศึกษาไปนั้นมีความ เหมือนหรือแตกต่างอยา่ งไรบ้าง และหน้าที่ของสิ่งท่ีอย่ภู ายในเซลล์มอี ะไรบ้าง ( แนวการตอบ ครใู ห้นักเรียนตอบ โดยครูไม่บอกคำตอบแกน่ ักเรยี น โดยใหน้ กั เรยี นเรียนรู้คำตอบผ่านการเรยี นในเรอ่ื งตอ่ ไป ) 4) ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน โดยให้เขียนเครื่องหมาย หน้าข้อส่ิงท่ี ประกอบดว้ ยเซลล์ โดยเฉลยดงั น้ี ผกั กาด นำ้ ตาล ไส้เดอื นดิน หนอน พารามเี ซยี ม โปรตีน ดอกกหุ ลาบ ปลากัด เมลด็ แตงโม ทราย
อธิบายเพิ่มเติม :ผักกาดไส้เดือน หนอน ดอกกุหลาบ ปลากัดเมล็ดแตงโมและพารามีเซียม เป็นส่ิงมีชีวิต จงึ มีเซลลเ์ ปน็ ส่วนประกอบ สว่ นนำ้ ตาล โปรตนี และทรายไม่ใช่สงิ่ มีชวี ติ จึงไม่มเี ซลลเ์ ปน็ สว่ นประกอบ ข้ันที่ 2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (50 นาที) 1) ครูให้นกั เรยี นนงั่ เป็นกลมุ่ ตามท่ีไดจ้ ดั ไว้ โดยจะมสี มาชกิ กลุ่มอยู่ประมาณ 4- 5 คนต่อกลุม่ 2) ครูให้นักเรียนทำใบงานท่ี 3.2 เซลล์ของส่ิงมีชีวิต โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันใน การศกึ ษาจากหนงั สือเรียนและจากสอื่ ออนไลน์ทน่ี ักเรียนสว่ นใหญ่นั้นมีอย่แู ล้วนำมาเรยี นรู้ 3) เม่ือแต่ละกลุ่มทำใบงานเสร็จแล้วครูให้ตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอผลงานเพ่ือแลกเปลี่ยน เรียนรู้กบั เพอ่ื นๆในห้องเรยี น ขั้นท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาที) 1) จากการทำใบงานท่ี 3.2 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปและอภิปรายได้ ดังต่อไปน้ี สิ่งมีชีวิตทุกชนิดประกอบด้วยเซลล์ สิ่งมีชีวิตบางชนิดประกอบด้วยเซลล์เพียง 1 เซลล์ และบางชนิด ประกอบดว้ ยเซลลห์ ลายเซลล์ เซลลข์ องส่ิงมีชีวิตมีขนาดและรูปร่างลักษณะเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ร่างกาย ประกอบไปด้วยเซลล์เพียงเซลลเ์ ดียว กิจกรรมต่างๆ ท่ีเกย่ี วข้องกบั การดำรงชีวติ จะเกิดขึ้นในเซลล์เพียงเซลล์เดยี ว ภายในเซลล์ประกอบด้วยโครงสร้างต่าง ๆ เหมือนกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ ตัวอย่างส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น แบคทีเรีย อะมีบา พารามีเซียม ส่ิงมีชีวติ เซลล์เดยี วแต่ละเซลล์แยกกันอยู่ แมบ้ างครั้งจะอย่รู วมกนั เป็นกลุ่ม แต่จะมีการประสานงานระหว่างเซลล์น้อยมาก ส่วนลักษณะเซลล์ของส่ิงมีชีวิตหลายเซลล์ เซลล์หลายเซลล์จะ ประกอบกันเป็นร่างกาย แต่ละเซลล์จะมีโครงสร้างพ้ืนฐานเหมือนกัน คือ เย่ือหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และ นิวเคลียส แตใ่ นเซลล์พชื และเซลล์สัตว์น้ันจะมโี ครงสร้างบางอยา่ งที่แตกตา่ งกัน ตวั อยา่ งสงิ่ มีชีวิตหลายเซลล์ เช่น ปลา เฟิร์น นก สนุ ัข เป็นตน้ แตกต่างกนั 2) ครูให้นกั เรยี นสรุปคำถามจากหนงั สือเรียน ดังนี้ - การจัดระบบชองเซลล์ไปเป็นรา่ งกายของส่ิงมีชีวิตมีลําดับจากหน่วยที่เล็กท่ีสุดไปเป็น หน่วยทีใ่ หญท่ ี่สุดอย่างไร (แนวคาํ ตอบ เซลล์ เนอ้ื เย่ือ อวัยวะ ระบบอวัยวะ สง่ิ มชี ีวิต - รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการจัดการระบบของร่างกายมนุษย์และนําส่ิงต่อไปน้ีมา เรียงลําดับความสําคัญตามการจัดระบบของส่ิงมีชีวิตจากหน่วยท่ีเล็กที่สุดจนเป็นหน่วยที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ เนือ้ เยอ่ื ประสาท สมอง ระบบประสาท เซลลป์ ระสาท มนุษย์ (แนวคาํ ตอบ เซลล์ประสาท เนือ้ เย่ือประสาท สมอง ระบบประสาท มนุษย์ ) ข้ันท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที) 1) ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนตงั้ คำถาม โดยให้แตล่ ะกลุ่มต้งั คำถามมา 1 ข้อ
2) ครใู ห้นกั เรยี นดูส่อื ออนไลน์เพม่ิ เตมิ 3) ครูให้นักเรียนเขียนความแตกต่างระหว่างเซลล์เด่ียวและเซลล์หลายเซลล์ลงในสมุดของ นักเรยี นเอง ขน้ั ท่ี 5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (10 นาที) 1) การตอบคำถามในชั้นเรยี น 2) การทำใบงานที่ 3.2 เซลลข์ องส่ิงมชี ีวติ 3) ตรวจสมุดเขียนความแตกตา่ งระหว่างเซลล์เดี่ยวและเซลล์หลายเซลล์ 8. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 ใบงานที่ 3.2 เซลลข์ องส่ิงมชี ีวติ 8.2 สอื่ ออนไลน์ 8.3 หนังสือเรียนวิทยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน ม.1 9. การวดั และการประเมิน ตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑท์ ่ใี ชใ้ นการประเมนิ 1 ด้านความรู้ :นักเรยี น - ตรวจใบงานที่ 3.2 เซลล์ - ใบงานที่ 3.2 เซลล์ของ ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 สามารถอธบิ ายรูปรา่ ง ของสงิ่ มีชวี ิต สง่ิ มชี วี ิต ความแตกตา่ งระหว่าง ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 เซลล์เด่ยี วและเซลล์หลาย - การตรวจสมดุ - แบบประเมนิ การทำงาน เซลลไ์ ด้ กลุ่ม ผ่านเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 2 2. ดา้ นกระบวนการ : - การสังเกตพฤติกรรมใน นักเรยี นสามารถเขยี น ชนั้ เรยี น - แบบประเมินการสังเกต ความแตกต่างระหวา่ ง พฤตกิ รรม เซลลเ์ ดี่ยวและเซลล์หลาย เซลล์ได้ 3. ด้านเจตคติ : นกั เรียน ตงั้ ใจเรียนและมวี นิ ัยใน การเรียน
10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื ผู้สอน (นางสาวจิรนันท์ เกตทุ หาร) 11. ขอ้ คิดเห็นของหวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (นายนันท์ ก้อคำ) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 12. ขอ้ คดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผชู้ ว่ ยผอู้ ำนวยการกลุม่ งานบริหารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (....................................................) ผชู้ ่วยผูอ้ ำนวยการกลมุ่ งานบรหิ ารวิชาการ การอนมุ ัตกิ ารใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรจู้ ากฝ่ายบรหิ าร ความคิดเหน็ ของรองผ้อู ำนวยการฝ่ายวชิ าการ .............................................................................................................................................................. เห็นสมควรอนุมัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เห็นสมควรไม่อนุมตั ใิ ห้ใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่ือ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอุด) รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ
การอนมุ ัติจากผูอ้ ำนวยการโรงเรียน อนุมตั ใิ ห้ใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน ไมอ่ นุมัตใิ ห้ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชือ่ ....................................................................................... (นางวลิ าวัลย์ ปาลี) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา
ใบงานที่ 3.2 เซลล์ของส่ิงมีชวี ิต ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรียนพิจารณาภาพทีก่ ำหนดว่า เปน็ เซลล์ของสง่ิ มชี ีวิตเซลลเ์ ดียว หรือสิง่ มีชีวิตหลายเซลล์ และ คำช้แี จง อธบิ ายรปู รา่ งลกั ษณะของเซลลเ์ หล่านั้น 1) เซลลเ์ ดยี ว หลายเซลล์ 2) เซลลเ์ ดยี ว หลายเซลล์ ลกั ษณะ ลกั ษณะ 3) เซลล์เดยี ว หลายเซลล์ 4) เซลล์เดยี ว หลายเซลล์ ลกั ษณะ ลกั ษณะ
ตอนท่ี 2 คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเปรยี บเทียบลกั ษณะเซลล์ของส่งิ มีชีวิตเซลลเ์ ดยี วและเซลล์ของสง่ิ มชี ีวติ หลายเซลล์ ลกั ษณะเซลล์ของสง่ิ มชี วี ติ เซลล์เดยี ว ลกั ษณะเซลลข์ องสงิ่ มชี วี ติ หลายเซลล์
ใบงานที่ 3.2 เซลลข์ องสิ่งมชี ีวติ ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรยี นพิจารณาภาพทกี่ ำหนดวา่ เป็นเซลล์ของสง่ิ มีชีวิตเซลลเ์ ดยี ว หรอื ส่ิงมีชวี ติ หลายเซลล์ และ คำช้ีแจง อธิบายรปู รา่ งลักษณะของเซลล์เหล่าน้ัน 1) เซลล์เดยี ว ✓ หลายเซลล์ 2) ✓ เซลล์เดยี ว หลายเซลล์ ลักษณะ รปู รา่ งคลา้ ยลูกอ๊อด แบ่งออกเป็นส่วนหัว ลกั ษณะ มรี ปู ร่างไม่แน่นอน หากมองจากกล้อง ซงึ่ เปน็ ทอี่ ยู่ของนิวเคลยี สและเอนไซม์ท่ใี ชย้ ่อยผนงั จุลทรรศน์จะมีลกั ษณะเป็นกอ้ นใสคล้ายว้นุ มีลักษณะ หมุ้ เซลลไ์ ข่ และสว่ นหางใช้ในการเคล่ือนท่ขี องอสุจิ เฉพาะ คอื การใชไ้ ซโทพลาซึมเปน็ อวยั วะท่ีช่วยใน ไปหาเซลลไ์ ข่ การเคลื่อนท่ี 3) เซลล์เดยี ว ✓ หลายเซลล์ 4) ✓ เซลล์เดยี ว หลายเซลล์ ลกั ษณะ มีสีแดง ส่วนกลางจะมีลักษณะบางกวา่ ลักษณะ เปน็ รปู กระสวยหน้าป้าน ท้ายเรียว เซลล์ ส่วนขอบของเซลล์ เน่อื งจากเปน็ เซลล์ท่ีไม่มี เป็นสีเขยี ว เน่ืองจากมีคลอโรพลาสต์กระจายอยทู่ ่วั ไป นิวเคลยี ส ในไซโทพลาซึม
ตอนท่ี 2 ให้นักเรยี นเปรยี บเทียบลักษณะเซลล์ของสง่ิ มชี วี ติ เซลล์เดยี วและเซลล์ของส่งิ มีชวี ิตหลายเซลล์ คำชแี้ จง (ตวั อยา่ ง) ลกั ษณะเซลล์ของสิ่งมชี วี ติ เซลล์เดียว ลกั ษณะเซลล์ของส่งิ มีชวี ติ หลายเซลล์ เซลล์หลายเซลลจ์ ะประกอบกนั เป็นร่างกาย ร่างกายประกอบไปดว้ ยเซลล์เพียงเซลล์เดียว แต่ละเซลล์จะมีโครงสร้างพนื้ ฐานเหมอื นกัน คือ กิจกรรมต่างๆ ทีเ่ ก่ยี วข้องกับการดำรงชวี ติ จะเกิดข้ึน เย่ือหมุ้ เซลล์ ไซโทพลาซึม และนวิ เคลยี ส แตใ่ น ภายในเซลลเ์ พียงเซลล์เดียว ภายในเซลลป์ ระกอบ เซลล์พชื และเซลล์สัตว์นนั้ จะมโี ครงสร้างบางอยา่ ง ดว้ ยโครงสรา้ งตา่ งๆ เหมอื นกบั เซลล์ของสงิ่ มชี ีวิต ท่แี ตกตา่ งกัน หลายเซลล์ (พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพินิจของครผู สู้ อน)
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 19 เรอื่ ง โครงสร้างและหน้าทขี่ องเซลล์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว21101 เวลา 2 คาบ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยพนื้ ฐานของสิง่ มีชีวิต รวม 12 คาบ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 สาระท่ี 1 ชอ่ื สาระ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชว้ี ดั - ม.1/2 เปรียบเทียบรูปร่างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ รวมทั้งบรรยาย หนา้ ท่ีของผนังเซลล์ เยอ่ื หมุ้ เซลล์ ไซโทพลาซึม นิวเคลยี ส แวควิ โอล ไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ - ม.1/3 อธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรปู รา่ งกบั การทาํ หนา้ ทีข่ องเซลล์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สาระสําคัญ เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิตสิ่งมีชีวิตบางชนิดมีเซลล์เพียงเซลล์เดียว เช่น อะมีบา พารามีเซียม ยีสต์บางชนิดมีหลายเซลล์เช่นพืช สัตว์ โครงสร้างพื้นฐานท่ีพบทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์และ สามารถสังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ได้แก่ เย่ือหุ้มเซลล์ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส โครงสร้างที่พบใน เซลล์พืชแต่ไม่พบในเซลล์สัตว์ ได้แก่ผนังเซลล์และคลอโรพลาสต์ โครงสร้างต่างๆของเซลล์มีหน้าท่ีแตกต่างกัน ผนังเซลลท์ ําหน้าทใ่ี หค้ วามแข็งแรงแกเ่ ซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ทําหนา้ ที่หอ่ หุ้มเซลล์และควบคุมการลําเลียงสารเข้าและ ออกจากเซลล์ นวิ เคลียส ทําหน้าที่ควบคมุ การทํางานของเซลล์ ไซโทพลาซึม มีออร์แกเนลล์ทีท่ ําหน้าที่แตกต่างกัน แวคิวโอล ทําหน้าที่เก็บน้ําและสารต่าง ๆ ไมโทคอนเดรีย ทําหน้าที่เกี่ยวกับการสลายสารอาหารเพ่ือให้ได้ พลังงานแก่เซลล์ คลอโรพลาสต์เป็นแหลง่ ท่ีเกดิ การสงั เคราะห์ด้วยแสง
3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ด้านความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความแตกต่างระหวา่ งเซลล์พืชกับเซลล์สัตวไ์ ด้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถสรา้ งแบบจำลองเซลล์ได้ 3) ดา้ นเจตคติ (A) นกั เรียนตงั้ ใจเรียนและมวี ินยั ในการเรยี น 4. คณุ ลักษณะผเู้ รียน 4.1 คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตยส์ ุจรติ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน มวี ินยั รักความเป็นไทย ใฝเ่ รยี นรู้ มีจิตสาธารณะ 5. ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการคิด : นักเรียนสามารถอธิบายรูปรา่ งความแตกต่างระหว่างเซลล์เด่ียวและเซลล์ หลายเซลล์ได้ 6. สาระการเรยี นรู้ โครงสร้างพื้นฐานท่ีพบทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์และสามารถสังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ไดแ้ ก่ เยื่อหมุ้ เซลล์ไซโทพลาซมึ และนิวเคลียสโครงสร้างท่ีพบในเซลล์พืชแต่ไมพ่ บในเซลลส์ ัตว์ได้แกผ่ นังเซลล์และ คลอโรพลาสต์ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใชร้ ปู แบบการจดั การเรียนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขน้ั ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) (15 นาที) 1) ครูร่วมกบั นกั เรียนทบทวนความรู้ดังน้ี - ส่งิ มีชีวติ ประกอบด้วยเซลล์เซลล์เปน็ หน่อยท่เี ล็กท่ีสุดของสิ่งมีชีวติ - สิ่งมีชีวิตบางชนิดประกอบเซลล์เพียงเซลล์เดียว เรียกว่าส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น แบคทเี รยี อะมบี า พารามีเซียม กจิ กรรมในการดำรงชีวติ ทกุ ๆอยา่ งเกดิ ข้นึ เพียง 1 เซลลเ์ ท่าน้นั - ส่ิงมีชีวิตบางชนิดประกอบดว้ ยเซลล์จำนวนมาก เรยี กว่าสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เช่นพืช และสัตว์ตา่ งๆ สิ่งมชี นิดหลายเซลลป์ ระกอบดว้ ยเซลล์หลายชนิด แต่ละชนดิ มีหนา้ ทเี่ ฉพาะ - ส่ิงมีชีวิตเซลล์เดี่ยวแต่ละเซลล์แยกกันอยู่ แม้บางครั้งจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่จะมี การประสานงานระหว่างเซลล์น้อยมาก เซลล์สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์รวมกันเป็นเนื้อเยื้อ แต่ก็มีเซลล์ที่อยู่กันเด่ียวๆ เช่น เซลลเ์ มด็ เลือด เซลล์อสจุ ิ
2) ครนู ำภาพเซลล์ 2 เซลล์ท่มี คี วามแตกต่างกนั ในลกั ษณะรปู รา่ ง ดงั ภาพ ท่ีมา https://th.pngtree.com/freepng/figure-animal-and-plant-cells_2137587.html 3) ครูถามต่อไปว่า เซลล์ 2 เซลล์น้ี รูปใดเป็นเซลล์พืช รูปใดเป็นเซลล์สัตว์ โดยครูให้นักเรียน เขียนลงสมุดของตวั เองโดยครไู มอ่ ธบิ ายคำตอบให้นกั เรยี นไดค้ ้นหาคำตอบดว้ ยตัวเองตอ่ ไปการจากเรยี น ขนั้ ท่ี 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (50 นาที) 1) ครูใหน้ ักเรียนนั่งเป็นกลมุ่ ตามที่ได้จดั ไว้ โดยจะมีสมาชิกกลุม่ อยู่ประมาณ 4- 5 คนต่อกล่มุ 2) ครใู หน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมท่ี 3.3 สร้างแบบจำลองเซลล์ โดยครูเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ให้ ได้แก่ดินน้ำมันหลากสี ไม้เสียบลูกชน้ิ คัตเตอร์ ฟิวเจอร์บอร์ดและอุปกรณ์อื่นๆ โดยครูให้นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่ม มากลุ่มละ 1 คนเพ่ือรับอุปกรณ์ในการสร้างแบบจำลอง และให้นักเรียนอีก 1 คนเป็นตัวแทนกลุ่มในการจับสลาก โดยครูจะทำสลากเอาไว้โดยจะได้เซลล์พชื จำนวน 4 กล่มุ และเซลล์สัตวจ์ ำนวน 4 กลุม่ 3) ครูให้นักเรียนหาข้อมูลเพ่ิมเติมจากสื่ออินเทอร์เน็ตหรือแหลง่ อื่นๆเพ่ือสร้างแบบจำลองเซลล์ ให้มีความถูกต้อง ทั้งน้ีในการทำกิจกรรมครูพยายามเดินสำรวจความถูกต้องของการสร้างแบบจำลองและการ ระมดั ระวงั ในการใช้อุปกรณต์ ่างๆทีม่ ีคม เพื่อป้องกันอนั ตรายทจี่ ะเกิดขน้ึ 4) เมื่อแต่ละกลุ่มทำใบงานเสร็จแล้วครูให้ตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอผลงานเพ่ือแลกเปล่ียน เรยี นรู้กบั เพ่ือนๆในหอ้ งเรียน ขัน้ ที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาที) 1) จากการทำกิจกรรมท่ี 3.3 สรา้ งแบบจำลองเซลล์ ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปและอภปิ รายได้ ดังต่อไปนี้ โครงสรา้ งเซลลพ์ ชื
โครงสรา้ งพ้นื ฐานและหน้าท่ีของเซลล์พืช 1.ผนังเซลล์ (cell wall) ผนังเซลล์พบในเซลล์พืชเท่านนั้ เป็นส่วนท่ีไม่มีชวี ิต ทำหน้าที่ใหค้ วาม แขง็ แรงและทำให้เซลล์คงรปู อย่ไู ด้ ประกอบดว้ ยเซลลโู ลสเปน็ ส่วนใหญแ่ ละยังประกอบด้วยสารพวกเพกทนิ ลกิ นิน ฮมี ิเซลลโู ลส ซูเบอริน ไคทิน และคิวทิน 2. เย่ือหุ้มเซลล์ (cell membrane) มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ อยู่ล้อมรอบเซลล์ ประกอบด้วย สารประเภทโปรตีนและไขมัน มีหน้าท่ีช่วยให้เซลล์คงรูปและควบคุมการแลกเปลี่ยนสารระหว่างภายในและ ภายนอกเซลล์ เย่ือหุ้มเซลล์พบได้ทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์เป็นส่วนที่มีชีวิต มคี วามยืดหยุ่นสามารถยืดหดได้มี ลักษณะเปน็ เยอื่ บางๆ มีรพู รุนสำหรับให้สารละลายผ่านเขา้ ออกได้ เช่น น้ำ น้ำตาลโมเลกุลเด่ียว ยูเรยี กรดอะมิโน เกลือแร่ ออกซิเจน และกลีเซอรอลสามารถผ่านเข้าออกได้ง่าย สว่ นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ไม่สามารถผา่ นเข้า ออกได้เลย เช่น สารพวกโปรตีนและไขมัน จึงเรียกเย่ือที่มีลักษณะแบบนี้ว่า เย่ือกึ่งซึมผ่านได้ (semipermeable membrane หรือ selective permeable membrane) 3. ไซโทพลาซึม (cytoplasm) มีลักษณะเป็นของเหลวคล้ายเจลลี่ซ่ึงมีน้ำ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และเกลือแร่ต่างๆ เป็นองค์ประกอบ ไซโทพลาซึมเป็นศูนย์กลางการทำงานของเซลล์ท่ีทำหน้าที่ เกี่ยวกับเมแทบอลิซึม (metabolism) ท้ังกระบวนการสร้างและการสลายอินทรียสาร เป็นแหล่งท่ีเกิดปฏิกิริยา เคมตี า่ งๆ ท่ีจะชว่ ยใหเ้ ซลลด์ ำรงชีวิตอยไู่ ด้ 4. นิวเคลียส (nucleus) อยู่ในไซโทพลาซึม เป็นส่วนประกอบท่ีสำคัญที่สุดของเซลล์ นิวเคลียส ทำหน้าท่ีควบคุมเมแทบอลิซึมของเซลล์ ควบคุมการสงั เคราะห์โปรตีนและเอนไซม์ ควบคุมการถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูกหลาน ควบคุมกิจกรรมต่างๆ ภายในเซลล์ ควบคุมการเจริญเติบโต และ ควบคุมลักษณะต่างๆ ของส่งิ มีชีวติ 5. คลอโรพลาสต์ (chloroplast) พบเฉพาะในเซลล์ที่มีสีเขียวของพืชและเซลล์ของโพรทิสต์บาง ชนิด เช่น สาหร่าย คลอโรพลาสต์ประกอบดว้ ยเย่ือหุ้ม 2 ช้นั ช้ันนอกทำหน้าที่ควบคุมชนิดและปริมาณของสารที่ ผ่านเข้าและออกจากคลอโรพลาสต์ ส่วนช้ันในจะมีลักษณะย่ืนเข้าไปภายในและมีการเรียงกันเป็นชั้นๆ อย่างมี ระเบียบ ภายในเย่ือหุ้มช้ันในจะมีโมเลกุลของสารสีเขียว เรียกว่า คลอโรฟิลล์ (chlorophyll) และมีเอนไซม์ที่ เกี่ยวข้องกับการสร้างอาหาร 6. แวควิ โอ ( vacuole ) มีขนาดใหญ่มากในเซลล์พืช เป็นออร์แกเนลล์ ท่ีมีเย่ือหุม้ ชน้ั เดียว มี ลกั ษณะเป็นถุง มีเมมเบรน ซ่ึงเรียกว่า โทโนพลาสต์ ( tonoplast) ห่อหุ้ม ภายในมีสารต่างๆ บรรจุอยู่ โดยทั่วไป จะพบในเซลล์พืช และสัตว์ช้นั ต่ำ ทำหน้าท่ีช่วยให้เซลล์พืชมีชีวิต และทำหนา้ ท่ีเกบ็ สะสมสาร ท่ีเปน็ อนั ตราย ต่อไว โตพลาสซึมของเซลล์ ในเซลล์พืชท่ียังอ่อน จะมีแวคิวโอลเล็กๆ เป็นจำนวนมาก เซลล์พืชท่ีเจริญเติบโต เต็มที่ สมบรูณ์ แวคิวโอลจะรวมกนั มขี นาดใหญ่มากประมาณ 95 % หรอื มากกว่านี้โดยปริมาตรของแตล่ ะเซลล์
7. กอลจิคอมเพลกซ์ ( golgi complex, golgi bodies, golgi apparatus) เป็นโครงสร้างท่ี ประกอบด้วย ถุง( vacuole) หุ้มด้วยเย่ือบาง ๆ หลาย ๆ ถุงเรียงกันภายในถุงจะมีสารที่เซลล์จะขนส่งออกนอก เซลล์ ทำหนา้ ท่ใี นขบวนการขนถ่าย ( secretion ) เก่ียวขอ้ งกับการสังเคราะห์ไลโซโซมและเซลเพลทของพชื 8. เอนโดพลาสมิก เรติคูลัม ( endoplasmic reticulum : ER) เป็นออร์แกเนล ท่ีมีผนังบาง 2 ชัน้ มคี วามหนาน้อยกว่าเยอ่ื หุ้มเซลล์ มลี ักษณะ เป็นท่อขดพับไปมา เปน็ ออร์แกเนล ท่ีเกี่ยวข้องกบั การสังเคราะห์ โปรตีน ซึ่งไรโบโซม จะเกาะทางด้าน ไซโตซอลของเย่ือหุ้ม โปรตนี ถูกสังเคราะห์ ข้ามเย่ือหุ้ม ของเอนโดพลาสมิก เรทิคิวลมั นอกจากจะเป็น ที่ให้ไรโบโซมเกาะอยู่แลว้ ยังทำหนา้ ท ่ีสังเคราะหส์ าร ( sterols) และ phospholipids เป็นสารที่จำเป็น ของทุกๆเย่ือหุ้ม เอนโดพลาสมิก เรทิคิวลัม ยังทำหน้าที่ ี่ขนถ่ายเอนไซม์ และโปรตีนโมเลกุล เรยี กว่า การหลัง่ สาร หรือกระบวนการขับสาร ออกนอกเซลล์ ( secetion) ประกอบดว้ ย โครงสร้างระบบทอ่ ที่มี การเชื่อมประสานกัน ทั้งเซลล์ส่วนของท่อยงั ติดต่อ กับเย่ือหุ้มเซลล์ เย่ือหุ้มนิวเคลียส และกอลจิบอดดี ้วย ภายใน ทอ่ มขี องเหลวซงึ่ เรียกวา่ ไฮยาโลพลาซึม (hyaloplasm) บรรจุอยู่ และพบในยฝคุ ารีโอตเทา่ น้นั โครงสร้างเซลล์สัตว์ 1. เย่ือหุ้มเซลล์ (cell membrane) มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ อยู่ล้อมรอบเซลล์ ประกอบด้วย สารประเภทโปรตีนและไขมัน มีหน้าท่ีช่วยให้เซลล์คงรูปและควบคุมการแลกเปล่ียนสารระหว่างภายในและ ภายนอกเซลล์ เย่ือหุ้มเซลล์พบได้ท้ังในเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์เป็นส่วนท่ีมีชีวติ มคี วามยืดหยุ่นสามารถยืดหดได้มี ลกั ษณะเปน็ เย่อื บางๆ มีรูพรนุ สำหรับให้สารละลายผ่านเขา้ ออกได้ 2. ไลโซโซม ( lysosome) พบเฉพาะในเซลล์สัตว์เท่าน้ัน คล้ายถุงลม รูปร่างกลมรี เส้นผ่าน ศนู ย์กลาง ประมาณ 0.15-0.8 ไมครอน มักพบใกล้กบั กอลจบิ อดี ไลโซโซม ยังเป็นส่วนสำคัญ ในการยอ่ ยสลาย มี เอนไซน์หลายชนิด จึงสามารถย่อยสลาย สารตา่ งๆ ภายในเซลลไ์ ด้ดี เปน็ ออร์แกแนลล์ ท่ีมเี มมเบรนห่อห้มุ เพียง ช้ันเดียว ซง่ึ ไม่ยอมให้เอนไซม์ตา่ งๆ ผ่านออก แต่เป็นเย่ือที่สลายตวั หรือรั่วได้งา่ ย เมื่อเกดิ การอกั เสบของเนื้อเยื่อ หรือขณะท่ีมีการเจริญเติบโต เยือ่ หุ้มนี้มีความทนทาน ตอ่ ปฏิกิริยาการย่อยของเอนไซม์ ที่อยู่ภายในได้ เอนไซม์ท่ี
อยู่ในถุงของไลโซโซมนี้ เชื่อกันว่าเกิดจากไลโซโซม ที่อยู่บน RER สร้างเอนไซม์ข้ึน แล้วส่งผ่านไปยังกอลจิบอดี แล้วหลดุ เป็นถุงออกมา ไลโซโซม มีหน้าท่ีสำคัญ คือย่อยสลายอนุภาค และโมเลกุลของสารอาหาร ภายในเซลล์ ย่อย หรือทำลายเชือ้ โรค และสิ่งแปลกปลอมตา่ งๆ ทเี่ ขา้ สู่รา่ งกายหรอื เซลล์ เชน่ เซลล์เม็ดเลือดขาวกิน 3. Peroxisome ( microbodies) เป็นออร์แกเนลล์ขนาดเลก็ ท่ีมีเยอื่ หมุ้ ช้ันเดียว รูปร่างคล้ายไล โซโซม แต่สามารถแบ่งตัวได้เอง คลา้ ยกับไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ ภายในประกอบด้วย เอนไซม์หลาย ชนิด ท่ีมีหน้าท่ีสำคัญ ในกระบวนการเมตาบอลิสม์ ของกรดไขมัน เพอรอกซิโซมจะหลั่งเอนไซม์ช่ือ คะตะเลส ( Catalase) มาย่อยไฮโดรเจนเพอรอกไซด์ (Hydrpgen peroxide) ซ่ึงเป็นพิษต่อเซลล์ ให้กลายเป็นโมเลกุลน้ำ ใน พืชเพอรอกซิโซม มีบทบาทสำคัญ คือ เปลี่ยนกรดไขมัน ที่สะสมอยู่ในเมล็ดพืช ให้เป็นคาร์โบไฮเดรต สำหรับใช้ เป็นแหลง่ พลังงาน ในการงอกของเมล็ด โดยผ่านวัฏจักรไกลออกซิเลท ( Glyoxylate cycle) เป็นโครงสร้าง ที่ เล็กกว่าไรโซโซม และมจี ำนวนนอ้ ยรปู ภาพทเี่ กย่ี วขอ้ ง 4. โครมาทิน ( Chromatin) เป็นส่วนของนิวเคลียส ท่ีย้อมติดสี เป็นเส้นในเล็กๆ พันกันเป็น ร่างแห เรยี กร่างแหโครมาทิน ( Chromatin network) โดยประกอบด้วย โปรตนี รวมกับกรดดีออกซไี รโบนิคลีอิค ( deoxyribonucleic acid) หรือเรียกวา่ DNA เปน็ สารพนั ธกุ รรม ทีค่ วบคุมลักษณะของสงิ่ มีชีวิต เสน้ ใย 5. เซนทริโอล (centriole) เป็นส่วนท่ีอยู่ใกล้นิวเคลียส พบในเซลล์สัตว์และโพรทิสต์บางชนิด มี ขนาดเล็ก ใส มีรัศมีแผ่ออกมาโดยรอบมีรปู รา่ งคล้ายท่อทรงกระบอก ในแต่ละเซลล์จะมีเซนทรโิ อล 2 อัน เรยี งใน ลักษณะต้ังฉากกัน หน้าทขี่ องเซนทริโอล คือ ช่วยในการเคลื่อนท่ีของโครโมโซมในขณะท่ีมีการแบ่ง เซลล์ ช่วยใน การเคล่อื นที่ของเซลลบ์ างชนดิ ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ centriole 6. แวคิวโอ ( vacuole ) มีขนาดเล็กกว่าในเซลล์พืช เป็นออร์แกเนลล์ ท่ีมีเยื่อหุ้มชั้นเดียว มี ลักษณะเป็นถุง มเี มมเบรน ซ่ึงเรยี กว่า โทโนพลาสต์ ( tonoplast) ห่อหุ้ม ภายในมีสารต่างๆ บรรจอุ ยู่ โดยท่ัวไป แวคิวโอลในสัตว์เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเอกโซไซโตซิส และ เอนโดไซโตซิสผลการค้นหารูปภาพสำหรับ vacuole 7. เอนโดพลาสมิก เรติคูลัม ( endoplasmic reticulum : ER) เป็นออร์แกเนล ท่ีมีผนังบาง 2 ชน้ั มีความหนาน้อยกว่าเยอ่ื หมุ้ เซลล์ มลี ักษณะ เปน็ ท่อขดพบั ไปมา เปน็ ออรแ์ กเนล ทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การสังเคราะห์ โปรตีน ซ่ึงไรโบโซม จะเกาะทางดา้ น ไซโตซอลของเยื่อหุ้ม โปรตนี ถูกสังเคราะห์ ข้ามเยื่อหุ้ม ของเอนโดพลาสมิก เรทคิ ิวลัม นอกจากจะเป็น ทใ่ี หไ้ รโบโซมเกาะอยู่แลว้ ยังทำหนา้ ท ี่สงั เคราะห์สาร ( sterols) และ phospholipids เป็นสารที่จำเป็น ของทุกๆเย่ือหุ้ม เอนโดพลาสมิก เรทิคิวลัม ยังทำหน้าท่ี ี่ขนถ่ายเอนไซม์ และโปรตีนโมเลกุล เรียกว่า การหลง่ั สาร หรือกระบวนการขับสาร ออกนอกเซลล์ ( secetion) ประกอบดว้ ย โครงสร้างระบบทอ่ ที่มี
การเช่ือมประสานกัน ทั้งเซลล์ส่วนของท่อยังติดตอ่ กับเย่ือหุ้มเซลล์ เย่ือหุ้มนิวเคลียส และกอลจิบอดดี ้วย ภายใน ทอ่ มขี องเหลวซงึ่ เรียกวา่ ไฮยาโลพลาซึม (hyaloplasm) บรรจุอยู่ และพบในยฝคุ ารีโอตเทา่ น้นั 8. นิวเคลียส (nucleus) อยู่ในไซโทพลาซึม เป็นส่วนประกอบท่ีสำคัญท่ีสุดของเซลล์ นิวเคลียส ทำหน้าท่ีควบคุมเมแทบอลิซึมของเซลล์ ควบคุมการสงั เคราะห์โปรตีนและเอนไซม์ ควบคุมการถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูกหลาน ควบคุมกิจกรรมต่างๆ ภายในเซลล์ ควบคุมการเจริญเติบโต และ ควบคุมลกั ษณะต่างๆ ของส่ิงมชี ีวิต ขั้นท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที) 1) ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรียนตัง้ คำถาม โดยใหแ้ ต่ละกลุ่มตั้งคำถามมา 1 ข้อ 2) ครูใหใ้ บงานที่ 3.2 โครงสร้างและหนา้ ที่ของเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ ไปทำเป็นการบ้าน ข้ันท่ี 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 1) การตอบคำถามในชัน้ เรียน 2) การทำใบงานที่ 3.2 โครงสรา้ งและหน้าทข่ี องเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ตั ว์ 3) การตรวจแบบจำลองเซลล์ 8. ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 ใบงานท่ี 3.2 โครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องเซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ 8.2 ส่ือออนไลน์ 8.3 หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ม.1 8.4 กจิ กรรมที่ 3.3 สร้างแบบจำลองเซลล์
9. การวัดและการประเมิน ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ วธิ ีการวัด เครื่องมือวดั เกณฑท์ ี่ใช้ในการประเมนิ 1 ด้านความรู้ :นักเรียน - ตรวจใบงานท่ี 3.2 - ใบงานท่ี 3.2 โครงสร้าง ผ่านเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 สามารถอธิบายความ โครงสรา้ งและหน้าท่ีของ และหนา้ ท่ีของเซลล์พืชและ แตกตา่ งระหว่างเซลลพ์ ืช เซลล์พืชและเซลล์สัตว์ เซลล์สัตว์ กับเซลล์สัตวไ์ ด้ 2. ด้านกระบวนการ : - การตรวจแบบจำลอง - แบบประเมินการทำงาน ผ่านเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 นกั เรียนสามารถสร้าง เซลล์ กลมุ่ แบบจำลองเซลลไ์ ด้ 3. ด้านเจตคติ : นกั เรียน - การสงั เกตพฤตกิ รรมใน - แบบประเมนิ การสังเกต ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 ตัง้ ใจเรยี นและมีวนิ ัยใน ชนั้ เรียน พฤตกิ รรม การเรยี น 10. กจิ กรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ ผู้สอน (นางสาวจริ นนั ท์ เกตทุ หาร) 11. ขอ้ คดิ เห็นของหัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่ือ............................................................... (นายนนั ท์ กอ้ คำ) หัวหนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุม่ งานบรหิ ารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (....................................................) ผูช้ ่วยผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรูจ้ ากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เหน็ สมควรไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอุด) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ การอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรยี น อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ไมอ่ นุมัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ....................................................................................... (นางวลิ าวลั ย์ ปาลี) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249