1) ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายและสรปุ จากกิจกรรมปัจจัยที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง ดงั น้ี ปจั จยั สำคัญในกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง - แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นแกส๊ ท่ีเกิดข้ึนจากการหายใจของพืชและสิง่ มีชีวิต ต่างๆ เกิดจากการเผาไหม้ของสาร และการย่อยสลายของสิ่งมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต ซึ่งในอากาศมีแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 0.03-0.04 เปอร์เซ็นต์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เป็นวัตถุดิบท่ีใช้ในการสรา้ งอาหาร ของพืช โดยเป็นแก๊สท่ีให้ธาตุคาร์บอนแก่พืชเพ่ือนำไปใช้การสร้างแป้งและน้ำตาล (สารอาหารประเภท คารโ์ บไฮเดรต) - น้ำ (H2O) เป็นวัตถุดิบท่ีพืชดูดซึมมาจากดิน โดยอาศัยหลักการแพร่ของน้ำจากราก เข้าสู่ท่อลำเลียงน้ำของพืชไปยังใบ น้ำเป็นสารท่ีให้ธาตุไฮโดรเจนแก่พืช เมื่อธาตุไฮโดรเจนรวมกับแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์จะได้เป็นสารประกอบคาร์โบ ไฮเดรต - แสงสว่าง (light) เป็นพลังงานที่มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ของพืช โดยพลังงานแสงทำให้เกิดปฏิกิรยิ าเคมีระหว่างแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำซึ่ง เป็นวัตถุดิบ สำคัญใน การสรา้ งน้ำตาลกลูโคสและแก๊สออกซิเจน พืชแตล่ ะชนิดต้องการแสงเพื่อใช้ในการสร้างอาหารไม่เท่ากัน พืชบาง ชนดิ ต้องการแสงในปริมาณมาก เชน่ ทานตะวัน เฟ่อื งฟ้า ขา้ ว เป็นตน้ แต่พชื บางชนิดตอ้ งการแสงในปรมิ าณน้อย เช่น พลูด่าง เปน็ ต้น - คลอโรฟิลล์ (chlorophyll) เป็นสารประกอบพวกรงควัตถุที่ทำหนา้ ทดี่ ูดกลืนพลังงาน แสงสีต่างๆ จากแสงแดด (ยกเว้นแสงสีเขยี วและสีเหลือง) คลอโรฟลิ ล์เปน็ โปรตนี ชนิดหน่ึงท่ีมีธาตุแมกนีเซียม ธาตุ เหล็ก และธาตุแมงกานีสเป็นองคป์ ระกอบอยภู่ ายในโมเลกลุ พบไดใ้ นพชื และสาหรา่ ยทกุ ชนดิ 2) ค รู ถามนักเรียนว่า หากไม่มีปัจจัยตัวใดตัวหนึ่ง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงจะเกิดข้ึนหรอื ไม่ หากไม่เกิดข้ึนแล้ว จะมีผลอย่างไรบ้าง ( แนวการตอบ หากขาดปจั จัยใดปจั จัยหนึ่ง กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงก็ไม่อาจเกิดข้ึนได้ ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นน้ัน จะทำให้ไม่ได้แป้งจากพืชและที่สำคัญคือ ปริมาณออกซิเจนจะลดต่ำลง มีผลต่อ กระบวนการหายใจของสิ่งมชี ีวติ อ่ืนๆ ) ขนั้ ที่ 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที) 1) ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นต้งั คำถาม โดยใหแ้ ต่ละกลุ่มต้งั คำถามมา 1 ข้อ 2) ครูใหน้ ักเรยี นดวู ิดิทศั นเ์ กย่ี วกับการสาธิตการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื
ทมี่ า https://www.youtube.com/watch?v=LcF3VMIkwVw 3) ครูถามนักเรียนว่า จากกิจกรรมที่ครูให้ดูไปนั้นมีผลอย่างไร (แนวคำตอบ ข้อสรุปว่าปัจจัยท่ี จำเป็นในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ได้แกแ่ สงสารสีเขียวหรอื คลอโรฟิลลแ์ กส๊ คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ สิ่งที่ สามารถระบุได้ว่ามีการสังเคราะห์ด้วยแสงเกิดขึ้น คือ เมื่อทดสอบใบของพืชด้วยสารละลายไอโอดีน พบว่าสีของ สารละลายไอโอดีนจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม แสดงว่ามีแป้งเกิดขึ้นในใบพืชโดยแป้งเป็นสารท่ีเปล่ียนมาจาก น้ำตาลซึ่งเป็นผลผลิตชนิดแรกของการสังเคราะห์ด้วยแสง และครูควรเน้นย้ำว่าผลผลิตชนิดแรกท่ีได้จากการ สงั เคราะหด์ ้วยแสง คือ นำ้ ตาล 4) ครใู หน้ ักเรียนดสู มการการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื ดังนี้ 5) ครูสุ่มให้นักเรียนอธิบายความสำคัญของปัจจัยท่ีมีผลต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของ พืช ข้ันท่ี 5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (5 นาที) 1) การตอบคำถามในช้นั เรยี น 2) การทำกิจกรรมในชัน้ เรียน 3) การตรวจสมดุ 8. สื่อการเรยี นรู้ / แหล่งเรยี นรู้
8.1 ส่อื ออนไลน์ 8.2 หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ม.1 9. การวดั และการประเมนิ ตวั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์ทใี่ ชใ้ น การประเมิน 1 ดา้ นความรู้ :นกั เรียนสามารถอธบิ าย - การตอบคำถามในชนั้ เรียน - แบบประเมนิ การ ผา่ นเกณฑ์ ความสำคญั ของปัจจัยท่มี ีผลตอ่ กระบวนการ ตอบคำถาม ระดับคุณภาพ 2 สงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืชได้ 2. ด้านกระบวนการ :นักเรียนสามารถเขยี น - การตรวจชน้ิ งานการเขียน - แบบประเมนิ การ ผา่ นเกณฑ์ แผนผงั ปัจจยั ทีม่ ีผลต่อการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงได้ แผนผงั ปจั จัยทมี่ ีผลตอ่ การ ทำงานกล่มุ ระดบั คุณภาพ 2 สงั เคราะหด์ ้วยแสง
ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ วิธีการวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์ทใี่ ช้ในการประเมิน 3. ดา้ นเจตคติ : นักเรียนมี - การสังเกตพฤตกิ รรมใน - แบบประเมนิ การสงั เกต ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 วนิ ัยและต้ังใจเรียน ช้ันเรยี น พฤตกิ รรม 10. กจิ กรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ ผู้สอน (นางสาวจริ นนั ท์ เกตุทหาร) 11. ข้อคิดเห็นของหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชอื่ ............................................................... (นายนันท์ กอ้ คำ) หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 12. ขอ้ คดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุม่ งานบริหารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ............................................................... (....................................................) ผูช้ ่วยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบริหารวชิ าการ
การอนุมตั ิการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้จากฝ่ายบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ตั ิใหใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เหน็ สมควรไม่อนมุ ตั ิให้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ การอนมุ ตั จิ ากผอู้ ำนวยการโรงเรยี น อนุมัติใหใ้ ช้ในการจดั การเรยี นการสอน ไม่อนมุ ัติให้ใช้ในการจดั การเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชื่อ....................................................................................... (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 27 เร่ือง ผลผลิตท่ไี ดจ้ ากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21101 เวลา 2 คาบ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ การดำรงชีวิตของพชื รวม 20 คาบ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 สาระที่ 1 ชือ่ สาระ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชว้ี ัด - ม 1/6 ระบุปัจจัยที่จําเป็นในการสังเคราะห์ด้วยแสงและผลผลิตท่ีเกิดขึ้นจากการ สงั เคราะหด์ ้วยแสงโดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด สาระสาํ คัญ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชเกิดข้ึนในคลอโรพลาสต์ เป็นกระบวนการที่นํา พลังงานแสงมาเปลี่ยนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำให้เป็นน้ำตาล พืชจะเปล่ียนน้ำตาลเป็นสารประกอบ อินทรีย์อ่ืนๆและเก็บสะสมในโครงสร้างต่างๆ ของพืช พืชจึงเป็นแหล่งอาหารและพลังงานท่ีสําคัญของส่ิงมีชีวิต ชนิดอ่ืน นอกจากน้ีการสังเคราะห์ด้วยแสงยังเป็นกระบวนการผลิตแก๊สออกซิเจนออกสู่บรรยากาศ เพื่อให้ สง่ิ มีชีวติ ชนิดอ่ืนนําไปใชใ้ นกระบวนการหายใจ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายผลผลติ ทไ่ี ดก้ ระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื ได้ 2) ด้านกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถทดลอง เร่ือง ผลที่ได้จากกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงของ พืชได้ 3) ดา้ นเจตคติ (A) นกั เรียนมีวนิ ยั และเกบ็ อปุ กรณ์เขา้ ทห่ี ลงั ไม่ใช้งาน
4. คุณลกั ษณะผเู้ รยี น อยู่อย่างพอเพียง ซือ่ สัตย์สจุ ริต มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 4.1 คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ รักความเปน็ ไทย ใฝ่เรยี นรู้ มจี ิตสาธารณะ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มีวนิ ยั 5. ด้านสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน ความสามารถในการคดิ : นกั เรยี นสามารถอธิบายผลผลิตท่ีได้กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ได้ 6. สาระการเรยี นรู้ กระบวนการสร้างอาหารของพืช เรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซ่ึงมีน้ำและก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์เป็นวัตถุดิบ มีแสงและคลอโรฟิลล์ ชว่ ยทำให้ได้ผลติ ภัณฑ์คือน้ำตาล นำ้ และก๊าซออกซิเจน พืชต้องการแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยมีคลอโรฟิลล์ แสง และแร่ ธาตุเปน็ ตวั กระตนุ้ ทำใหเ้ กดิ น้ำตาลกลโู คสและกา๊ ซออกซิเจน ปัจจัยท่ีใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ ผลผลิตท่ีได้ จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช คอื น้ำตาล ออกซิเจน โดยกระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นที่คลอโรฟิลล์ ในช่วงเวลาที่มแี สงหรอื ชว่ งเวลากลางวนั 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ใช้รปู แบบการจดั การเรียนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1) ก่อนเรียนเร่ืองต่อไป ครูให้นักเรียนทบทวนการเรียนรู้เร่ืองปัจจัยที่มีผลต่อกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช โดยครูให้นักเรียนทำใบงานเพื่อทบทวนความรู้ของนักเรียน ให้ทำใบงานที่ 4.2 การ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื 2) ครูใหน้ ักเรียนทบทวนความรู้เก่ยี วกับเรื่องสมการการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยครูเขียนช่องว่าง สมการการสังเคราะห์ด้วยแสงไวบ้ นกระดาน จากน้ันครูทำการสุ่มนักเรียนเพ่ือให้มาเติมคำในช่องว่างของสมการ นั้น ขัน้ ที่ 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาที) 1) ครใู หน้ กั เรียนน่ังเปน็ กลุ่มตามทไี่ ดจ้ ัดไว้ โดยจะมสี มาชกิ กลมุ่ อยูป่ ระมาณ 4- 5 คนต่อกลุม่ 2) ครูให้นักเรียนทำกจิ กรรมท่ี 4.3 ผลท่ีไดจ้ ากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื โดยครูได้ เตรยี มอุปกรณ์ตา่ งๆไว้ใหน้ ักเรยี นเรยี บร้อยแลว้ ซงึ่ ใหน้ ักเรียนร่วมกันปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 3) ในขณะปฏิบัติกิจกรรมนั้น ครูพยายามเดินสำรวจวิธีการทดลองของนักเรียนแต่ละกลุ่ม เน้น ย้ำไมใ่ ห้เลน่ กันในขณะทำการทดลอง
4) เพิ่มเติม ถ้าวันที่ทํากิจกรรมไม่มีแสงแดด ครูอาจใช้แสงจากโคมไฟแทนได้ ในน้ำหลอด ทดลองท่ีบรรจุน้ำเตม็ หลอดคว่ำครอบก้านกรวยแกว้ โดยไม่ให้มีอากาศเหลอื บริเวณกน้ หลอดทดลองสามารถทำได้ โดยวางชดุ บีกเกอร์ที่มีกรวยแก้วครอบต้นสาหร่ายหางกระรอกลงในถังท่ีบรรจุน้ำสูงกวา่ บีกเกอรจ์ ากนั้นนําหลอด ทดลองท่ีมีน้ำเต็มค่อยๆครอบปลายกรวยแก้วโดยท่ปี ากหลอดทดลองอยู่ใต้ระดับนำ้ และครูควรทําการทดลองและ เก็บผลไว้กอ่ น เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบกับผลการทํากิจกรรมของนกั เรียน ถ้าผลการทดลองของนักเรียนได้ผลไม่ ครบถ้วน เช่น ไม่เห็นการเปลีย่ นแปลงที่ปลายธูป ซึ่งแสดงถึงข้อผดิ พลาดบางประการในการทดลองครอู าจเตรียม วีดิทัศน์แสดงผลการทดลองท่ีถูกต้องสมบูรณ์ให้นักเรียนชม ในส่วนของสาหร่ายอาจใช้สาหร่ายชนิดอื่น เช่น สาหรา่ ยฉตั ร สาหร่ายไฟ ซ่ึงครูควรทดลองกอ่ นวา่ ใชไ้ ด้ผล ขนั้ ท่ี 3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (15 นาที) 1) ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายและสรุปจากกิจกรรมผลท่ีไดจ้ ากการสงั เคราะหด์ ้วยแสงดังน้ี ผลทีเ่ กดิ ขนึ้ จากปฏกิ ริ ิยาการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงคือ นำ้ ตาลโมเลกลุ เด่ยี ว น้ำและก๊าซออกซิเจน - น้ำตาลกลูโคส ( C6H12O6 ) น้ำตาลกลูโคสท่ีสังเคราะห์ได้น้ีบางส่วนถูกนำไปใช้ใน กระบวนการหายใจของพืชเพื่อเปล่ยี นเป็นพลังงานต่อไป บางส่วนถูกเปลี่ยนไปเป็นแป้งทันทีและพืชจะเก็บสะสม ไว้ท่ีใบ ราก และลำต้น และน้ำตาลบางส่วนถูกนำไปใช้ในการสร้างเซลลูโลสซึ่งเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ ของพืช นอกจากน้นี ้ำตาลบางส่วนจะรวมกับแรธ่ าตุในเซลล์พืชแล้วเปลี่ยนไปเป็นสารอน่ื ได้อีก เช่น โปรตีน ไขมัน น้ำมนั ในเมลด็ พืช เป็นต้น - แก๊สออกซิเจน ( O2) แก๊สออกซิเจนถูกนำไปใช้ในกระบวนการหายใจของพืช ซึ่งเมื่อ แกส๊ ออกซิเจนรวมกบั อาหารจะเปล่ียนเป็นพลังงานใหแ้ ก่เซลล์พืช เพ่ือนำไปใช้ในการดำเนินกิจกรรมตา่ งๆ ภายใน เซลล์ ส่วนแก๊สออกซิเจนท่ีมากเกินความตอ้ งการของพชื พชื กจ็ ะคายออกมาทางปากใบ - นำ้ นำ้ ทีไ่ ดจ้ ากกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื จะถูกคายออกมาทางปากใบ 2) ครูให้นักเรียนสรุปองค์ความรู้ท่ีได้เรียนรู้จากบทเรียน โดยการเขียนบรรยาย วาดภาพ หรือเขียนผัง มโนทศั น์สามารถกระทำได้ตามตวั อยา่ ง ดังน้ี
ข้ันท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที) 1) ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นตั้งคำถาม โดยใหแ้ ต่ละกลุม่ ตัง้ คำถามมา 1 ขอ้ 2) ครูให้นกั เรยี นดวู ดิ ิทศั น์เกี่ยวกับการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช เพม่ิ เตมิ ท่ีมา https://www.youtube.com/watch?v=WuQcPVQgn8Y ข้ันท่ี 5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (5 นาที) 1) การตอบคำถามในชน้ั เรยี น 2) การทำกิจกรรมในชั้นเรียน 3) การตรวจใบงานที่ 4.2 การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื 4) การตรวจใบกจิ กรรมที่ 4.3 ผลท่ีได้จากกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช 8. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 สื่อออนไลน์ 8.2 หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์พืน้ ฐาน ม.1 8.3 ใบงานที่ 4.2 การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช 8.4 ใบกิจกรรมที่ 4.3 ผลท่ีได้จากกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช
9. การวดั และการประเมิน ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ วธิ ีการวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑท์ ่ใี ช้ในการประเมนิ - แบบประเมินการตอบ ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 1 ด้านความรู้ :นักเรยี น - การตอบคำถามในชน้ั คำถาม ผา่ นเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 2 สามารถอธิบายผลผลิตที่ เรียน - แบบประเมินการทำงาน กล่มุ ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 ได้กระบวนการสังเคราะห์ - แบบประเมนิ การสังเกต ด้วยแสงของพืชได้ พฤติกรรม 2. ดา้ นกระบวนการ : - การตรวจผลการทดลอง นักเรยี นสามารถทดลอง เร่อื ง ผลท่ไี ด้จาก เรอ่ื ง ผลท่ไี ด้จาก กระบวนการสงั เคราะห์ กระบวนการสังเคราะห์ ดว้ ยแสงของพืช ดว้ ยแสงของพชื ได้ 3. ดา้ นเจตคติ : นักเรยี นมี - การสังเกตพฤตกิ รรมใน วนิ ัยและเกบ็ อุปกรณ์เขา้ ท่ี ชั้นเรียน หลังไม่ใช้งาน 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ ผู้สอน (นางสาวจริ นนั ท์ เกตทุ หาร) 11. ขอ้ คิดเห็นของหัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (นายนันท์ กอ้ คำ) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผู้ช่วยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบรหิ ารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (....................................................) ผูช้ ่วยผอู้ ำนวยการกลมุ่ งานบริหารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรู้จากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เหน็ สมควรไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายบรหิ ารวิชาการ การอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรยี น อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ไมอ่ นุมัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ....................................................................................... (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๒๔ จังหวดั พะเยา
ชอ่ื -สกุล......................................................เลขท่.ี .......หอ้ ง..... ใบงานท่ี 4.2 การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื จงเติมคำหรอื ขอ้ ความในชอ่ งว่างให้ถกู ต้อง 1. ให้ภาพต่อไปน้ปี ระกอบการตอบคำถาม แกส็ B 2 สาร X 1 แกส็ A 1.) กระบวนการ 1 เป็นกระบวนการสร้างอาหารของพืชที่เรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์แสง ส่วน กระบวนการ 2 เป็นกระบวนสร้างพลังงานของพืชเรยี กวา่ กระบวนการหายใจ 2.) สาร X คือ …………………………………………………………………………………………….. แกส็ A คือ ……………………………………………………………………………………………… แกส็ B คือ ……………………………………………………………………………………………….. 3.) ในกระบวนการ 1 วตั ถุดิบคือ …………………………………………………………………… ผลผลติ คือ …………………………………………………………………………….……………………… 4.) ในกระบวนการ 2 วัตถุดบิ คือ………………………………………………………..ผลผลิตคอื .............................. ................................................................................................................................................................................ 2. นักเรียนคนหน่ึงสำรวจระบบนิเวศ เขาสังเกตเห็นว่าเพล้ียมักจะดูดของเหลวจากพืชในเวลากลางวันเท่านั้น สิ่งท่เี กิดขนึ้ จากการสังเกตนน้ั เป็น………………………………………………………………………………………………….………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
3. คำกลา่ วที่ว่า พชื เป็นผู้ผลติ อาหารของโลก นักเรยี นเหน็ ดว้ ยหรือไม่……………………เพราะ.............................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
เฉลยใบงานท่ี 4.2 การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื จงเตมิ คำหรือข้อความในชอ่ งว่างให้ถกู ตอ้ ง 1. ใหภ้ าพต่อไปนีป้ ระกอบการตอบคำถาม แกส็ B 2 สาร X 1 แกส็ A 1.) กระบวนการ 1 เป็นกระบวนการสร้างอาหารของพืชท่ีเรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์แสง ส่วน กระบวนการ 2 เปน็ กระบวนสรา้ งพลังงานของพชื เรยี กว่า กระบวนการหายใจ 2.) สาร X คอื น้ำ แกส็ A คือ แกส็ คารบ์ อนไดออกไซด์ แก็ส B คือ แก็สออกซิเจน 3.) ในกระบวนการ 1 วัตถดุ ิบคอื สาร X = น้ำ และ แกส็ A = แก็สคาร์บอนไดออกไซด์ ผลผลิตคอื อาหาร = นำ้ ตาลกลูโคส แก็ส B=แกส็ ออกซเิ จน และสาร X = น้ำ 4.) ในกระบวนการ 2 วัตถุดิบคือ อาหารและแกส็ B= แกส็ ออกซเิ จน ผลผลิตคือ พลงั งาน สาร X = น้ำ และ แก็ส A = แก็สคาร์บอนไดออกไซด์ 2. นักเรียนคนหน่ึงสำรวจระบบนิเวศ เขาสังเกตเห็นว่าเพลี้ยมักจะดูดของเหลวจากพืชในเวลากลางวันเท่าน้ัน สง่ิ ที่เกิดขึ้นจากการสังเกตนั้นเป็นเพราะ พืชสังเคราะห์ดว้ ยแสงสว่าง และอาหารท่ีพชื สร้างขน้ึ จะถูกลำเลียงไปยัง ส่วนต่างๆ ของพชื เพล้ยี จึงดูดของเหลวหรอื วา่ อาหารขณะพืชมีการลำเลยี งอาหาร 3. คำกลา่ วทีว่ ่า พืชเป็นผู้ผลิตอาหารของโลก นักเรยี นเห็นด้วยหรอื ไม่ เห็นดว้ ย เพราะ การสงั เคราะหแ์ สงของ พืช คือ กระบวนการสร้างอาหารของพืชที่สามารถเปล่ียนพลังงานแสงให้เป็นพลังงานเคมีสะสมอยู่ในอาหารท่ี สร้างขนึ้ และอาหารเหลา่ น้สี ่ิงมีชีวติ ทกุ ชนิดจะนำไปใช้เป็นพลงั งานท้งั ทางตรงและทางออ้ ม
กจิ กรรมท่ี กลมุ่ ที.่ ....... 4.3 ผลท่ไี ด้จากกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นทำการทดลองตามขั้นตอนทีก่ ำหนด แล้วบันทึกผล อุปกรณ์ รายการ จำนวน 1.สาหรา่ ยหางกระรอก 1 ช่อ 2. บีกเกอร์ขนาด 1000 cm3 1 ใบ 3. กรวยแกว้ 1 อัน 4. หลอดทดลอง ขนาด 10 cm3 1 หลอด 5. ช้อนเบอร์1 1 อัน 6. กระป๋องทราย กระป๋องทราย 1 ใบ 7. ธูป 1 กา้ น 8. น้ำเเปล่า หลอดทดลอง น้า บกี เกอร์ วิธีทำ 1) ใสส่ าหรา่ ยหางกระรอกลงในอา่ งนำ้ หรือบกี เกอร์ กรวยแกว้ 2) ครอบสาหรา่ ยหางกระรอกด้วยกรวยแกว้ 3) นำหลอดทดลองขนาดใหญใ่ สน่ ำ้ เต็มหลอด คว่ำหลอด สาหรา่ ยหางกระรอก ลงบนกรวยแกว้ ระวงั อย่าใหเ้ กิดฟองแกส๊ 4) นำชุดทดลองไปต้งั ไว้ทีแ่ สงแดดจดั ๆ สงั เกตการ เปลีย่ นแปลง และบนั ทึกผล 5) จดุ ธูปใหเ้ ปน็ ถา่ นแดง แลว้ แหย่ปลายธปู ลงไปในหลอด ทดลองทันทีทย่ี กขน้ึ จากกรวยแกว้ สังเกตและบนั ทกึ ผล
บันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 28 เรอื่ ง ความสำคัญของการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21101 เวลา 1 คาบ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ การดำรงชวี ติ ของพชื รวม 20 คาบ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 สาระท่ี 1 ช่ือสาระ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชีว้ ัด - ม 1/7 อธบิ ายความสําคญั ของการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อส่งิ มชี ีวิตและสงิ่ แวดลอ้ ม - ม 1/8 ตระหนักในคุณค่าของพืชที่มีต่อส่ิงมีชวี ิตและส่ิงแวดลอ้ ม โดยการร่วมกันปลูกและดูแล รกั ษาต้นไมใ้ นโรงเรยี นและชมุ ชน 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สาระสําคัญ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการ ดำรงอยู่ของสงิ่ มชี ีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายความสําคัญของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อ สิง่ มีชวี ิตและส่งิ แวดล้อมได้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถวาดภาพที่สื่อความสําคัญของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ต่อส่ิงมชี ีวติ ได้ 3) ด้านเจตคติ (A) นักเรียนมวี นิ ัยและตง้ั ใจเรยี น
4. คณุ ลักษณะผู้เรียน อยู่อย่างพอเพียง ซ่อื สัตย์สุจรติ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 4.1 คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ รักความเป็นไทย ใฝ่เรยี นรู้ มจี ติ สาธารณะ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มีวินัย 5. ด้านสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ความสามารถในการคิด : นักเรยี นสามารถอธิบายความสําคญั ของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อ สงิ่ มีชวี ติ และสิง่ แวดล้อมได้ 6. สาระการเรยี นรู้ กระบวนการสร้างอาหารของพืช เรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งมีน้ำและก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์เป็นวัตถุดิบ มีแสงและคลอโรฟิลล์ ช่วยทำให้ได้ผลติ ภัณฑ์คือนำ้ ตาล นำ้ และก๊าซออกซิเจน พืชต้องการแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยมีคลอโรฟิลล์ แสง และแร่ ธาตุเป็นตวั กระตนุ้ ทำให้เกิดนำ้ ตาลกลโู คสและก๊าซออกซิเจน ปัจจัยท่ีใชใ้ นกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ ผลผลิตท่ีได้ จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื คอื น้ำตาล ออกซิเจน โดยกระบวนการดังกล่าวเกิดข้ึนท่ีคลอโรฟิลล์ ในช่วงเวลาท่ีมีแสงหรอื ช่วงเวลากลางวัน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้รปู แบบการจัดการเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ข้นั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1) ครใู หน้ กั เรยี นสังเกตภาพผักต่างๆดงั นี้ ที่มา https://www.sanook.com/home/14709/
2) ครูถามนักเรียนว่าหากไม่มีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่างๆเหล่านี้ จะส่งผลให้ เกดิ ผลผลติ ดงั กลา่ วขนึ้ หรือไม่ ( แนวการตอบ ครูไม่อธบิ ายคำตอบ คำตอบข้นึ อย่กู บั นักเรยี น ) ขั้นท่ี 2 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (60 นาที) 1) ครใู หน้ กั เรียนนง่ั เปน็ กลุ่มตามทีไ่ ดจ้ ดั ไว้ โดยจะมีสมาชกิ กล่มุ อยู่ประมาณ 4- 5 คนต่อกลมุ่ 2) ครูให้นักเรียนวาดภาพเพ่ือสือ่ ถึงความสำคญั ของการสังเคราะห์ดว้ ยแสง โดยนักเรียนสามารถ หาข้อมลู เพม่ิ เติมไดจ้ ากสอ่ื แหล่งต่างๆ เช่นหนงั สอื เรยี น ส่ืออนิ เทอรเ์ น็ต 3) ครพู ยายามบังคบั เวลาและกระต้นุ ให้นักเรยี นนน้ั รีบดำเนินการให้เสรจ็ ทันเวลา 4) ครูให้นกั เรียนแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ซึง่ กนั และกนั ขัน้ ที่ 3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (20 นาที) 1) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปจากกิจกรรมดังนี้ ความสำคัญของกระบวนการ สังเคราะหด์ ้วยแสงท่ีมีตอ่ ส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมจะเห็นได้วา่ ผลผลิตที่ไดจ้ ากการสังเคราะห์ด้วยแสง คือ น้ำตาล กลูโคส น้ำ และก๊าซออกซิเจน สงิ่ เหล่าน้ีมคี วามสำคญั ต่อสง่ิ มชี วี ติ และสงิ่ แวดล้อม คอื - ช่วยเพิม่ ก๊าซออกซเิ จนให้สิง่ แวดลอ้ ม สิ่งมชี วี ติ ต้องใชก้ ๊าซออกซิเจนในการหายใจ - ช่วยลดกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นสภาพแวดลอ้ ม - ช่วยเพ่ิมความชุ่มช้ืนและไอน้ำ ให้บรรยากาศเน่ืองจากผลผลติ ท่ีได้จากการสังเคราะห์ ด้วยแสงคือ น้ำ - เป็นที่เก็บสะสมพลังงานในรูปแบบของแป้งในเนื้อเยื้อพืช เมื่อคนหรือสัตว์กินพืชเข้า ไปกจ็ ะทำให้มพี ลังงานไปใช้ในการดำรงชีวติ - เน่ืองจากพืชเป็นผู้ผลิตอาหารช้ันที่ 1 ในระบบนิเวศ การสร้างอาหารคือ การ สังเคราะหด์ ว้ ยแสงนนั้ เอง ซึ่งทำให้เกดิ การถ่ายทอดพลังงาน ในระดบั ตา่ งๆในระบบนเิ วศ และทำให้เกิดสมดุลของ ระบบนเิ วศข้นึ 2) ครูอธบิ ายถึงความสำคญั ของการสังเคราะห์ด้วยแสงทม่ี ีผลต่ออาหารดังแผนภาพ ทมี่ า หนงั สอื วิทยาศาสตร์ ม.1 สสวท
ขัน้ ที่ 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที) 1) ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ จากแผนภาพ แสดงให้เห็นว่าทุกส่ิงที่ประกอบเป็นอาหารจานน้ีเกี่ยวข้องกับ การสังเคราะหด์ ้วยแสง ดงั น้ี - ส่วนต่างๆของพืชที่เกิดจากการสะสมสารอินทรีย์ท่ีได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง ไดแ้ กม่ ะละกอ พรกิ มะนาว กระหล่ำปลีถัว่ ฝกั ยาว มะเขอื เทศ และข้าวเหนยี ว - สัตวท์ ีก่ นิ พชื เป็นอาหาร ได้แก่ ปแู สม และไก่ 2) ครูถามนักเรียนเพิ่มเตมิ ว่า ถ้าไมม่ ีการสังเคราะห์ด้วยแสงจะมีอาหารจานน้ีหรือไม่ เพราะเหตุ ใด ( แนวคําตอบ ถ้าไม่มีการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชจะไม่มีอาหารจานน้ีเพราะพืช เช่น ข้าวเหนียว มะละกอ มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลีจะไม่สามารถเจริญเติบโตและสะสมอาหารได้ส่วนไก่ก็ไม่มีอาหารกินเพื่อการ เจริญเติบโต) 3) การสังเคราะห์ด้วยแสงเก่ียวขอ้ งกับชีวิตประจําวันอย่างไร ( แนวคาํ ตอบ การสังเคราะห์ด้วย แสงของพืชเกี่ยวข้องกับการดํารงชวี ิตในทุก ๆ วนั ของมนษุ ย์ ท้ังด้านอาหาร การหายใจ สิ่งของเครอื่ งใชท้ ีอ่ ยอู่ าศยั ) ขัน้ ที่ 5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (15 นาที) 1) การตอบคำถามในชนั้ เรยี น 2) การทำกจิ กรรมในชน้ั เรยี น 3) ตรวจการวาดภาพทส่ี อ่ื ความสําคัญของการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืชต่อสง่ิ มีชวี ติ 8. ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สอื่ ออนไลน์ 8.2 หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ม.1 8.3 การวาดภาพทีส่ อื่ ความสําคญั ของการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ตอ่ ส่ิงมชี วี ติ
9. การวดั และการประเมิน ตัวชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ วิธีการวดั เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์ทใี่ ช้ในการประเมนิ ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 1 ด้านความรู้ :นกั เรียน - การตอบคำถามในชนั้ - แบบประเมินการตอบ ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 สามารถอธิบาย เรียน คำถาม ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 ความสาํ คญั ของการ สงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื ตอ่ สิ่งมชี ีวติ และ สิ่งแวดลอ้ มได้ 2. ด้านกระบวนการ : - การตรวจภาพวาดท่ีส่อื - แบบประเมนิ การทำงาน นักเรียนสามารถวาดภาพ ความสาํ คญั ของการ รายบคุ คล ทีส่ ่ือความสาํ คญั ของการ สงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื ต่อส่งิ มีชวี ติ ต่อสงิ่ มีชีวติ ได้ 3. ด้านเจตคติ : นักเรยี นมี - การสังเกตพฤติกรรมใน - แบบประเมินการสังเกต วินัยและต้ังใจเรียน ช้ันเรยี น พฤตกิ รรม 10. กจิ กรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ ผู้สอน (นางสาวจริ นนั ท์ เกตุทหาร) 11. ข้อคิดเห็นของหัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (นายนันท์ กอ้ คำ) หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผู้ช่วยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบรหิ ารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (....................................................) ผูช้ ่วยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบริหารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรูจ้ ากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เหน็ สมควรไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ การอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรยี น อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ไมอ่ นุมัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ....................................................................................... (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 29 เรอ่ื ง ธาตอุ าหารของพชื รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21101 เวลา 2 คาบ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ การดำรงชวี ิตของพืช รวม 20 คาบ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 สาระท่ี 1 ชื่อสาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชีว้ ดั - ม1/ 14 อธิบายความสําคัญของธาตุอาหารบางชนิดท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตและการ ดํารงชวี ติ ของพืช - ม.1/15 เลอื กใช้ปยุ๋ ที่มีธาตอุ าหารเหมาะสมกบั พืชในสถานการณท์ ี่กาํ หนด 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด สาระสําคญั พืชต้องการอากาศ น้ำ แสง และธาตุอาหารในการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิต พืชดูดน้ำ และธาตุอาหารจากดินเข้าสู่รากและลําเลียงผ่านทางไซเล็มไปสู่ลําต้น ใบ และส่วนอ่ืน ๆ ของพืช เพื่อใช้ในการ สังเคราะหด์ ้วยแสงรวมถึงกระบวนการอื่นๆ และมีโฟลเอ็มลำเลยี งอาหารที่ได้จากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงไปสู่ส่วน ตา่ งๆ ของพืช 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธบิ ายธาตอุ าหารทพ่ี ชื จำเปน็ ได้อย่างถูกตอ้ ง 2) ด้านกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถเขียนแผนผงั ความคดิ ธาตุอาหารทีพ่ ชื จำเปน็ ได้ 3) ดา้ นเจตคติ (A) นกั เรยี นมีวนิ ยั และตงั้ ใจเรียน
4. คณุ ลักษณะผู้เรยี น อยู่อย่างพอเพียง ซ่ือสตั ยส์ ุจรติ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 4.1 คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ รกั ความเป็นไทย ใฝ่เรยี นรู้ มีจิตสาธารณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มวี นิ ัย 5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ความสามารถในการคิด : นักเรยี นสามารถอธบิ ายธาตุอาหารทพ่ี ชื จำเป็นไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 6. สาระการเรยี นรู้ ธาตุอาหารสำหรับพืช หมายถึง ธาตอุ าหารที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของพืช ซ่ึงสามารถถูกจัดได้จาก เกณฑ์คือ ถ้าเกิดพืชขาดสารอาหารนแ้ี ล้ว ทำให้พืชไม่สามารถวงจรชีวิตได้ตามปกติ หรอื สารน้ันเป็นสว่ นประกอบ ทสี่ ำคัญของพชื หรอื ส่วนประกอบของสารตวั กลางในกระบวนการสร้างและสลายของสารนน้ั ๆ (metabolite) สารอาหารท่จี ำเป็นสำหรับพชื สามารถแบง่ ตามปริมาณทป่ี รากฏในเนื้อเยื่อพชื ไดเ้ ป็น - ธาตุอาหารหลัก (primary macronutrients) ได้แก่ ไนโดรเจน (N), ฟอสฟอรัส (P), และ โพแทสเซยี ม (K) - ธาตุอาหารรอง (secondary macronutrients) ได้แก่ แคลเซียม (Ca),แมกนีเซียม (Mg), และ ซลั เฟอร์(กำมะถนั ) (S) - ธาตุรอาหารเสริม (micronutrients) ได้แก่ แมงกานีส (Mn),คอปเปอร์ (ทองแดง) (Cu),คลอรีน (Cl), เฟอรัส (เหลก็ ) (Fe), โบรอน (B), ซิงค์ (สังกะส)ี (Zn), โมลบิ ดนิ ัม (Mo) 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ใชร้ ูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขนั้ ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement) (15 นาที) 1) เช่อื มโยงเนื้อหาจากเร่อื ง การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช เข้าสู่บทเรยี นนี้โดยอาจใช้คาํ ถามว่า พืชใช้ส่ิงใดบ้างในการสังเคราะห์ด้วยแสง และได้สิ่งเหล่านั้นจากแหล่งใด ( แนวการตอบ แสงจากดวงอาทิตย์ คลอโรฟิลล์ในเซลล์พชื แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์จากอากาศและน้ำจากดนิ ) 2) ใหน้ ักเรยี นสังเกตภาพนําเรื่องการลำเลยี งน้ำ ธาตอุ าหารและอาหารของพชื ในหนังสอื เรียน หรือภาพ วีดิทัศน์ หรือส่ืออื่นๆ ท่ีเก่ียวกับขนรากของพืช พร้อมทั้งให้นักเรียนอ่านเน้ือหานำบท จากน้ันร่วมกัน อภปิ รายเกย่ี วกบั การลาํ เลยี งในพืช โดยอาจใช้คําถามดังนี้ - พืชได้รับน้ำธาตุอาหารและอาหารจากแหล่งใด (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความ เข้าใจ เช่น พชื จะดูดน้ำและธาตุอาหารจากดนิ และไดร้ ับอาหารโดยการสรา้ งขึน้ เอง)
- พืชนำน้ำจากดิน และอาหารที่สร้างข้ึนท่ีใบไปยังส่วนต่างๆของพืชได้อย่างไร ( แนว การตอบ นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ เชน่ ลาํ เลียงผ่านลําตน้ ) 3) ครนู ำภาพดินมาให้นักเรยี นสงั เกต โดยครูกล่าวว่า ในดนิ นั้นจะมีแร่ธาตตุ ่างๆอยู่หลายชนิดทมี่ ี ความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพชื ทม่ี า https://sites.google.com/site/gingtonsi/-Soil-rocks-minerals-water-resources-and-global-change/so il 4) ครูถามนักเรียนว่านอกจากน้ำ อากาศและแสงแดดที่ใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ของพืชแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆท่ีส่งผลทำให้พืชน้ันเจริญเติบโตได้อีกหรือไม่ ( แนวการตอบ ข้ึนอยู่กับคำตอบของ นกั เรียน ซ่ึงครูไมบ่ อกคำตอบ) ขั้นท่ี 2 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (40 นาที) 1) ครูให้นกั เรยี นนั่งเปน็ กล่มุ ตามทีไ่ ดจ้ ัดไว้ โดยจะมสี มาชกิ กลุ่มอยปู่ ระมาณ 4- 5 คนต่อกล่มุ 2) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มหาวิธีช่วยแก้ไขปัญหาพืช โดยครูกำหนดให้ กล่าวคือนักเรียนต้อง สืบค้นและหาข้อมูลเกี่ยวกับธาตุอาหารที่พืชจำเป็น โดยนักเรียนสามารถหาข้อมูลเพ่ิมเติมได้จากสื่อแหล่งต่างๆ เช่นหนังสือเรียน สื่ออินเทอร์เน็ต เมื่อนักเรียนสืบค้นหาข้อมูลได้แล้วให้นักเรียนเขียนลงในกระดาษโดยการสร้าง แผนผงั ความคดิ 3) ครพู ยายามบังคับเวลาและกระตุ้นให้นกั เรียนนน้ั รีบดำเนินการ ให้เสร็จทนั เวลา 4) ครูใหต้ วั แทนของนักเรียนออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี นเพอื่ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ขัน้ ที่ 3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (20 นาที) 1) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายและสรุปจากกิจกรรมดงั นี้ - กิจกรรมน้ีเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (แนวการตอบ ธาตุอาหารของพืช และอาการผิดปกติ ของพืชทเี่ กดิ จากการขาดธาตุอาหารพืช) - กิจกรรมนี้มีจดุ ประสงคอ์ ะไร ( แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง)
- วิธีการดําเนินกิจกรรมโดยสรุปเป็นอย่างไร (แนวการตอบ อ่านและอภิปราย ความสำคัญของธาตุอาหารและแนวทางการแก้ปัญหาการขาดธาตุอาหาร จากนั้นรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธาตุ อาหารของพชื และวธิ ีแกป้ ัญหาจากการขาดธาตุอาหารของพชื ) 2) จากการสืบค้นพบว่า ธาตุอาหารที่จําเป็นต่อพืชมีเพียง 16 ธาตุซ่ึงปัจจุบันมีการเพิ่มเป็น 17 ธาตุแล้ว ในดินมีธาตุอาหารที่พืชใช้ในการเจริญเติบโตและดํารงชีวิต ธาตุอาหารที่พืชขาดไม่ได้มี 17 ชนิด ถ้าพืช ขาดธาตุอาหารพืชจะแสดงอาการผดิ ปกติควรแก้ไขโ้ ดยการวิเคราะห์ดินเพื่อหาชนิดและปริมาณของธาตุอาหารที่ เปน็ ประโยชน์ต่อพืช และเพื่อหาสาเหตวุ ่าดนิ ขาดธาตุอาหารหรือมีธาตุอาหารแต่อยู่ในรปู ที่พืชไม่สามารถนําไปใช้ ได้วิเคราะห์เนื้อเย่ือพืช เพ่อื ประเมินระดับความขาดธาตอุ าหารของพืช ซึ่งถ้าดินขาดธาตอุ าหารของพชื สามารถทํา การเพมิ่ ธาตุอาหารของพชื ในดินโดยการใสป่ ยุ๋ 3) ให้นักเรียนอ่านเนื้อหาในหนังสือและร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับธาตุอาหารของพืช เพ่ือให้ได้ ข้อสรุปว่าธาตุอาหารใน ดินมีความสําคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ถ้าพืชขาดธาตุอาหารพืชจะแสดงอาการ ผดิ ปกติจึงจําเป็นต้องให้พืชได้รับธาตุอาหารของพืชอย่างเพียงพอ ถ้าในดินไม่มีหรอื มีธาตุอาหารของพืชน้อยต้อง เพมิ่ ธาตอุ าหารลงในดนิ ในปริมาณที่เหมาะสม ขนั้ ที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที) 1) ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ กลา่ วคือ หากการขาดไนโตรเจน การขาดธาตไุ นโตรเจน ทําให้ใบซีดเหลือง และแห้งเหี่ยว พ้ืนท่ีใบลดลงส่งผลให้การสังเคราะห์ด้วยแสงลดลงด้วยและในกรณีพืชชนิดหน่ึงแตกใบและออก ดอกช้ามาก เมอื่ แตกใบและออกดอก ใบใหม่และดอกจะหงกิ งอ เน่อื งจากพืชชนิดนี้ขาดธาตุแคลเซียม 2) ครนู ำรูปกระสอบป๋ยุ มาใหน้ กั เรียนดู ซึ่งบนกระสอบปุย๋ จะมเี ลขที่เขยี นอยดู่ ังรูป ที่มา https://maanow.com - เลขดังกล่าวน้ีคืออะไร ครูอธิบายดังนี้ ความหมายของตัวเลข 3 หลักบนกระสอบปุ๋ย ความเปน็ จริงแล้ว ตัวเลขบนกระสอบป๋ยุ 3 หลกั ท่ีอย่ปู รากฏบนกระสอบป๋ยุ นั้นก็คอื สตู รเคมขี องปุ๋ย หรอื เกรดปุ๋ม
โดยตัวเลขทั้ง 3 หลักนเ้ี อง จะเป็นตัวเลขท่บี ่งบอกให้ทราบถึงปริมาณธาตุอาหารหลักๆ ทม่ี ีอยู่ 3 ชนิดดว้ ยกันก็คือ N-P-K 1. ไนโตรเจน แทนด้วยสัญลกั ษณ์ \"N\" กค็ ือตัวเลขทอี่ ย่ใู นหลกั แรก 2. ฟอสฟอรสั แทนดว้ ยสญั ลักษณ์ \"P\" กค็ อื ตวั เลขทีอ่ ยู่ในหลกั ท่ีสอง 3. โพแทสเซยี ม แทนด้วยสัญลักษณ์ \"K\" กค็ อื ตัวเลขทอ่ี ยใู่ นหลักสดุ ทา้ ย ยกตัวอย่างเช่น ปุ๋ยเคมีสูตร 21-8-11 คือ ปุ๋ยท่ีมีปริมาณของธาตุอาหารหลักโดยจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือร้อยละของน้ำหนักปุ๋ย หากปุ๋ยกระสอบน้ันมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ปุ๋ยเคมีสูตร 21-8-11 น้ันก็จะมีปริมาณ ของธาตุอาหารหลกั ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ตัวเลขในหลักแรกคือ 21 หรือก็คือ ปริมาณของธาตุอาหารหลักที่เป็นไนโตรเจนอยู่ รอ้ ยละ 21 หรือ 21% ตอ่ น้ำหนกั ปุ๋ย 100 กิโลกรัม จะมไี นโตรเจนอยู่ 21 กิโลกรมั 2. ตัวเลขในหลักที่สองคือ 8 หรอื ก็คือ ปริมาณของธาตุอาหารหลักที่เป็นฟอสฟอรัสอยู่ ร้อยละ 8 หรือ 8% ตอ่ น้ำหนกั ปุ๋ย 100 กิโลกรัม จะมฟี อสฟอรสั อยู่ 8 กโิ ลกรมั 3. ตัวเลขในหลักที่สุดท้ายคือ 11 หรือก็คือ ปริมาณของธาตุอาหารหลักท่ีเป็น โพแทสเซยี มอยรู่ ้อยละ 11 หรอื 11% ต่อน้ำหนักปุ๋ย 100 กโิ ลกรัม จะโพแทสเซียมอยู่ 11 กิโลกรัม - ปุ๋ยสูตรไหนดีกว่ากัน จริงแล้วขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้แบบจำเพาะของแต่ ประเภท ดังนี้ ● 16-16-16 ปุ๋ยสูตรเสมอหรอื สตู รเร่งใบ เหมาะสำหรบั พชื ที่กำลงั เตบิ โตทางใบและกิ่ง มธี าตุไนโตรเจนกับธาตุอ่ืนอัตราสว่ น 1:1:1 ไนโตรเจน องค์ประกอบของเซลล์ ชว่ ยในเร่อื งการการสังเคราะหแ์ สง ชว่ ยให้มีการเจริญเติบโต ช่วยซอ่ มแซม ใช้ได้ดีกับไมป้ ระดับทีป่ ลูกมาซักระยะแล้ว วธิ ีใชค้ อื 3-4 สปั ดาหต์ อ่ 1 คร้งั ● 16-32-16 สูตรเร่งดอก เหมาะสำหรับการเพ่ิมประสิทธิภาพการออกดอก ธาตุ ฟอสฟอรัส ชว่ ยในการผลิตพลังงาน ATP ทีไ่ กระตุ้นทำให้เนื้อเย่อื พัฒนาไปเป็นดอกและตา ● 16-32-32 สูตรเร่งผล เหมาะสำหรับพืชที่ออกดอก ธาตุโพแทสเซียมที่เพ่ิมข่ึนมาใน สตู รนี้ มีบทสำคญั ชว่ ยในการลำเลียงสารอาหารไปยังดอก ทำให้ดอกมีสขุ ภาพทีด่ ี และกลายเป็นผลทส่ี มบรู ณ์ ● 46-0-0 ในสูตรจะเห็นว่ามีธาตุไนโตรเจนแบบล้วนๆ เป็นปุ๋ยสูตรเร่งใบสำหรับต้นไม้ ท่ีปลูกใหม่ซัก 3-7 วัน ปุ๋ยชนิดน้ีจะทำให้ต้นไม้ที่เพ่ิงปลูกใหม่ แตกใบออกมาเยอะๆ เพื่อช่วยในเร่ืองของการ สงั เคราะห์แสง 3) ด้วยความจริงแล้วการเรียนน้ีเป็นเพียงแค่ให้นักเรียนได้รู้และทราบถึงท่ีมาของเลขต่างๆที่ สามารถพบเจอได้ตามกระสอบปุ๋ยเคมี แตไ่ ม่แนะนำให้ใช้มากจนเกินความจำเป็น หากเป็นไปไดใ้ ห้เลอื กใช้ปยุ๋ คอก หรอื ปุย๋ หมกั ท่สี ามารถผลติ ได้เองจากกระบวนการทางธรรมชาติ ซึ่งจะมีผลดตี ่อตัวเราเองดว้ ย
ขั้นท่ี 5 ข้ันประเมิน (Evaluation) (15 นาที) 1) การตอบคำถามในชั้นเรียน 2) การทำกิจกรรมในชนั้ เรียน 3) ภาพจากส่อื อนไลน์ 4) แผนผังความคดิ เรอื่ งธาตุอาหารทจ่ี ำเป็นของพชื 8. ส่ือการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 ส่ือออนไลน์ 8.2 หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ม.1 9. การวัดและการประเมนิ ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธีการวดั เครื่องมือวัด เกณฑ์ทใ่ี ชใ้ นการประเมิน - แบบประเมินการตอบ ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 1 ด้านความรู้ :นกั เรยี น - การตอบคำถามในช้นั คำถาม ผ่านเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 สามารถอธบิ ายธาตุ เรยี น - แบบประเมินการทำงาน กล่มุ ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 อาหารท่ีพืชจำเปน็ ได้ - แบบประเมินการสงั เกต อยา่ งถูกต้อง พฤตกิ รรม 2. ด้านกระบวนการ : - การตรวจแผนผงั นักเรยี นสามารถเขยี น ความคิดธาตุอาหารท่ีพืช แผนผงั ความคิดธาตุ จำเปน็ ได้ อาหารทพ่ี ืชจำเป็นได้ 3. ด้านเจตคติ : นกั เรียนมี - การสงั เกตพฤตกิ รรมใน วนิ ยั และตงั้ ใจเรียน ชั้นเรียน 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื ผู้สอน (นางสาวจิรนนั ท์ เกตทุ หาร)
11. ขอ้ คดิ เห็นของหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชื่อ............................................................... (นายนนั ท์ กอ้ คำ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 12. ข้อคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะผู้ชว่ ยผอู้ ำนวยการกลุม่ งานบรหิ ารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชื่อ............................................................... (....................................................) ผ้ชู ว่ ยผอู้ ำนวยการกล่มุ งานบรหิ ารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใชแ้ ผนการจัดการเรียนรูจ้ ากฝ่ายบรหิ าร ความคดิ เหน็ ของรองผูอ้ ำนวยการฝ่ายวชิ าการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เห็นสมควรไม่อนมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอุด) รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ
การอนมุ ัติจากผูอ้ ำนวยการโรงเรียน อนุมตั ใิ ห้ใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน ไมอ่ นุมัตใิ ห้ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชือ่ ....................................................................................... (นางวลิ าวัลย์ ปาลี) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 30 เรอื่ ง การลำเลียงน้ำของพืช รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21101 เวลา 2 คาบ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ การดำรงชีวติ ของพืช รวม 20 คาบ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 สาระท่ี 1 ช่อื สาระ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทํางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ช้วี ดั - ม 1/9 บรรยายลักษณะและหนา้ ทีข่ องไซเล็มและโฟลเอ็ม - ม 1/10 เขยี นแผนภาพทบ่ี รรยายทิศทางการลําเลียงสารในไซเลม็ และโฟลเอม็ ของพชื 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด สาระสําคญั พืชต้องการอากาศ น้ำ แสง และธาตุอาหารในการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิต พืชดูดน้ำ และธาตุอาหารจากดินเข้าสู่รากและลําเลียงผ่านทางไซเล็มไปสู่ลําต้น ใบ และส่วนอ่ืน ๆ ของพืช เพื่อใช้ในการ สังเคราะหด์ ้วยแสงรวมถึงกระบวนการอื่นๆ และมีโฟลเอ็มลำเลียงอาหารท่ีได้จากการสงั เคราะห์ด้วยแสงไปส่สู ่วน ตา่ งๆ ของพืช 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรียนสามารถอธบิ ายการลำเลียงน้ำของพืชได้อย่างถกู ต้อง 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถทดลองกิจกรรมพืชลำเลยี งน้ำและอาหารได้อย่างไรได้ 3) ดา้ นเจตคติ (A) นกั เรียนมีวนิ ยั และตงั้ ใจเรียน
4. คณุ ลักษณะผเู้ รียน อยู่อย่างพอเพียง ซอ่ื สตั ย์สุจริต ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 4.1 คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ รกั ความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวินัย 5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ความสามารถในการคดิ : นกั เรียนสามารถอธิบายการลำเลียงน้ำในพชื ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 6. สาระการเรยี นรู้ พืชจะมีการลำเลียงน้ำ และ แร่ธาตุจากดินผ่านทางรากไปสู่ลำต้น ก่ิง ก้าน และใบ โดยผ่านท่อเล็กๆ มากมาย เรียกท่อเล็กๆ น้วี ่า ท่อลำเลียงนำ้ ไซเล็ม (Xylem) น้ำตาลกลู โคสและสารอาหารอื่นๆ จะถกู ลำเลียงไปยัง กิ่ง ก้านลำต้นผ่าน ทางท่อลำเลียงอาหาร โฟลเอ็ม (Phloem) ไปยังส่วนท่ีกำลังเจริญเติบโต สู่ส่วนที่สร้างอาหาร ไมไ่ ด้ คอื รากและหัว ไปสู่ส่วนที่ทำหน้าที่สะสมอาหาร คือรากและเมลด็ โดยอาหารจะแพร่ออกจากรากไปตามท่อ ลำเลียงอาหาร ไปยังเซลล์ต่างๆ โดยตรง การลำเลยี งอาหารส่วนใหญ่เกดิ ข้ึนในตอนกลางคืน ลกั ษณะการลำเลียง อาหารในทอ่ ลำเลยี ง อาหารมีดังน้ี - อตั ราการลำเลียงอาหารเกดิ ขนึ้ ไดช้ ้ากว่าการลำเลยี งนำ้ และเกลือแร่ในทอ่ ลำเลยี งนำ้ - ทิศทางการลำเลียงในท่อลำเลียงอาหารเกิดขึ้นได้ท้ังในแนวข้ึนและแนวลง ในเวลาเดียวกัน แต่ การลำเลยี งในทอ่ ลำเลียงนำ้ จะเกิดในแนวขึน้ ในทิศเดียว - เซลล์ท่ีทำหน้าท่ีลำเลียงอาหารโดยตรงต้องเป็นเซลล์ที่ยังมีชีวิต ส่วนเซลล์ท่ีใช้ในการลำเลียงน้ำ และแร่ธาตุเป็นเซลล์ท่ีไม่มีชีวิตข้อแตกต่าง ของท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลียงอาหารของพืชใบเลี้ยงเด่ียวและใบ เลย้ี งคู่คอื มัด(กลุม่ )ของทอ่ ลำเลียงของพชื ใบเลีย้ งเด่ียวจะอยไู่ ม่เป็นระเบียบ ส่วนพชื ใบเลยี้ งค่จู ะเปน็ ระเบยี บ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขนั้ ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1) ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนที่มีอยู่ โดยให้เขียนเครื่องหมาย หน้าข้อความที่กล่าว ถกู ต้อง สารจะแพร่จากบริเวณที่มคี วามเขม้ ข้นของสารมากไปยงั บริเวณทมี่ คี วามเข้มขน้ ของสารนอ้ ยกวา่ การแพรเ่ ขา้ และออกจากเซลล์ของสารเป็นการแพรผ่ ่านเยอื่ เลอื กผา่ น ออสโมซสิ เปน็ การเคล่อื นทข่ี องนำ้ จากบริเวณที่มีความเขม้ ขน้ ของสารละลายมากไปยังบริเวณทม่ี ี ความเข้มข้นของสารละลายน้อย
2) จากภาพ เขียน ล้อมรอบส่วนทีส่ ามารถสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ของพชื ทีม่ า หนังสือวิทยาศาสตร์ ม.1 สสวท (เฉลย) 3) ครูทบทวนความรู้เกย่ี วกบั ส่ิงที่จําเปน็ ในการเจริญเติบโตและการดํารงชวี ิตของพืช โดยอาจใช้ คำถามตอ่ ไปน้ี ( โดยครูไมเ่ ฉลยใหน้ ักเรียนเขยี นลงในสมุดของนักเรียนเอง ตามความเขา้ ใจ) • พืชไดร้ ับนำ้ ธาตุอาหารจากแหลง่ ใด • พืชสรา้ งอาหารท่ีสว่ นใด ข้นั ที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาที) 1) ครใู ห้นักเรยี นนง่ั เป็นกลุ่มตามทไี่ ด้จดั ไว้ โดยจะมีสมาชกิ กลุ่มอยู่ประมาณ 4- 5 คนตอ่ กลุ่ม 2) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมท่ี 4.4 พืชลำเลียงน้ำและอาหารได้อย่างไร โดยให้แต่ ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดในการดำเนินกิจกรรมนั้นครูได้เตรียมให้นักเรียนไว้ท้ังหมดแล้วและครู ใหน้ กั เรียนเริ่มกิจกรรมตามใบกิจกรรมที่ 4.4 พืชลำเลยี งน้ำและอาหารไดอ้ ยา่ งไร 3) ครูพยายามบังคบั เวลาและกระตนุ้ ให้นักเรยี นนั้นรีบดำเนินการ ใหเ้ สร็จทนั เวลา 4) เมอ่ื แตล่ ะกลุ่มดำเนนิ กจิ กรรมเรียบร้อยแลว้ ครูให้ตัวแทนของนักเรยี นออกมานำเสนอหน้าช้ัน เรยี นเพ่อื แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ ขั้นที่ 3 ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (20 นาที) 1) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายและสรปุ จากกิจกรรมดังนี้ - กจิ กรรมน้ีเก่ียวกับเร่อื งอะไร ( แนวการตอบ การลําเลยี งน้ำและธาตอุ าหารในพชื ) - กจิ กรรมนมี้ ีจุดประสงค์อะไร ( แนวการตอบ นกั เรียนตอบตามความคิดของตนเอง )
- วิธีการดําเนินกิจกรรมโดยสรุปเป็นอย่างไร ( แนวการตอบ สังเกตลักษณะภายนอก ของต้นเทียนทย่ี ังมีราก นำต้นเทยี นไปแช่นำ้ สี สังเกตและเขียนแผนภาพทิศทางการลําเลยี งน้ำสี ในรากและลำต้น เทยี น ตัดรากและลําต้นเทียนท่ีผ่านการแช่น้ำสีตามยาวและตามขวางหนาประมาณ 0.5เซนติเมตรสังเกตการติดสี ของเนื้อเยื่อตัดรากและลําตน้ เทยี นที่ผ่านการแช่น้ำสี ตามยาวและตามขวางบางๆแช่เนื้อเยื่อในสารละลายซาฟรา นิน ทําสไลด์สดเน้ือเย่ือและสังเกตเนื้อเยื่อภายใต้กล้องจุลทรรศน์รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการลําเลียงน้ำและธาตุ อาหารของพชื ) 2) ให้นักเรียนอ่านเนื้อหาในหนงั สอื และร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับการลาํ เลยี งสารในพืช เพื่อให้ได้ ขอ้ สรุปว่าน้ำเข้าสู่รากพืชโดยการออสโมซิส ส่วนธาตุอาหารเข้าสู่รากพืชโดยการแพร่หรือการลําเลียงแบบต้องใช้ พลงั งาน พชื มีไซเล็มทำหน้าทล่ี าํ เลียงนำ้ และธาตุอาหารจากรากขึน้ ไปสทู่ กุ สว่ นของพชื 3) ถ้าพบว่านักเรียนมีแนวความคิดคลาดเคล่ือนเก่ียวกับเร่ืองการลําเลียงในพืชให้นักเรียน ร่วมกันอภิปรายเพ่อื แกไ้ ขแนวคิดคลาดเคล่อื นใหถ้ ูกต้อง เช่น แนวคดิ คลาดเคลอื่ น แนวความคดิ ท่ถี ูกตอ้ ง - พืชดูดอาหารขึ้นมาจากดินแล้วลําเลียงไป - พืชสร้างอาหารขึ้นมาจากส่วนท่ีมีสีเขียว ท่วั ทุกสว่ นของพชื ของพืช และลําเลียงอาหารท่ีสร้างขึ้นไปทั่วทุกส่วน ของพชื - พชื สะสมอาหารไวเ้ ฉพาะสว่ นบนของลําต้น -พืชลําเลียงน้ำตาลไปสะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ เช่น รากลำตน้ ใบ ผล เมล็ด - ธ าตุ อ าห าร จ าก ดิ น เข้ าสู่ ราก พื ช โด ย - ธาตุอาหารจากดินเข้าสู่รากพืชโดยการแพร่ กระบวนการออสโมซิส และการลําเลียงแบบใชพ้ ลงั งาน - ไซเลม็ มหี นา้ ทลี่ ําเลยี งนำ้ เพยี งอยา่ งเดียว - ไซเลม็ ลําเลียงน้ำและธาตอุ าหาร ขัน้ ที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที) 1) ครูอธิบายเพิ่มเติมกล่าวคือ พืชจะมกี ารลำเลยี งน้ำ และ แร่ธาตุจากดนิ ผา่ นทางรากไปสู่ลำต้น ก่ิง ก้าน และใบ โดยผ่านท่อเล็กๆ มากมาย เรียกท่อเล็กๆ นี้ว่า ท่อลำเลียงน้ำไซเล็ม (Xylem) น้ำตาลกูลโคสและ สารอาหารอ่ืนๆ จะถูกลำเลียงไปยัง กิ่ง ก้านลำต้นผ่าน ทางท่อลำเลียงอาหาร โฟลเอ็ม (Phloem) ไปยังส่วนท่ี กำลงั เจริญเติบโต สู่ส่วนท่ีสร้างอาหารไมไ่ ด้ คอื รากและหัว ไปสสู่ ่วนท่ีทำหน้าทส่ี ะสมอาหาร คือรากและเมล็ด โดย อาหารจะแพร่ออกจากรากไปตามท่อ ลำเลียงอาหาร ไปยงั เซลล์ต่างๆ โดยตรง การลำเลียงอาหารส่วนใหญ่เกดิ ข้ึน ในตอนกลางคนื ลกั ษณะการลำเลียงอาหารในทอ่ ลำเลยี ง อาหารมีดังนี้ - อตั ราการลำเลียงอาหารเกิดขึ้นไดช้ ้ากวา่ การลำเลยี งน้ำและเกลือแร่ในท่อลำเลยี งนำ้
- ทิศทางการลำเลียงในท่อลำเลียงอาหารเกิดขึ้นได้ทั้งในแนวข้ึนและแนวลง ในเวลา เดยี วกนั แตก่ ารลำเลยี งในทอ่ ลำเลยี งนำ้ จะเกิดในแนวขึน้ ในทศิ เดยี ว - เซลล์ท่ีทำหน้าที่ลำเลียงอาหารโดยตรงต้องเป็นเซลล์ที่ยังมีชีวิต ส่วนเซลล์ท่ีใช้ในการ ลำเลียงน้ำและแรธ่ าตุเป็นเซลล์ทีไ่ ม่มีชีวิตข้อแตกต่าง ของท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลยี งอาหารของพืชใบเลี้ยงเดยี่ ว และใบเลี้ยงคู่คือ มัด(กลุ่ม)ของท่อลำเลียงของพืชใบเลี้ยงเด่ียวจะอยู่ไม่เป็นระเบียบ ส่วนพืชใบเลี้ยงคู่จะเป็น ระเบยี บ 2) ครูให้นักเรียนได้ชมวิดิทัศน์เกีย่ วกับการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุของพืชเพิ่มเติมความรู้ในส่วนท่ี นกั เรยี นยงั ไม่ทราบ ดังนี้ ท่มี า https://www.youtube.com/watch?v=qe807FFUKtw ขั้นท่ี 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 1) การตอบคำถามในชน้ั เรยี น 2) การทำกิจกรรมในชั้นเรียน 3) สอ่ื ออนไลน์ 8. สื่อการเรยี นรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 ส่ือออนไลน์ 8.2 หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ม.1 8.3 กจิ กรรมที่ 4.4 พืชลำเลยี งน้ำและอาหารได้อยา่ งไร
9. การวดั และการประเมิน ตวั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวัด เครอื่ งมอื วดั เกณฑท์ ใ่ี ช้ในการประเมนิ 1 ดา้ นความรู้ : นักเรยี น - การตอบคำถามในชัน้ - แบบประเมนิ การตอบ ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 สามารถอธบิ ายการ เรียน คำถาม ลำเลียงน้ำของพชื ไดอ้ ยา่ ง ถูกต้อง 2. ด้านกระบวนการ : - การตรวจใบกิจกรรมท่ี - แบบประเมนิ การทำงาน ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 นักเรยี นสามารถทดลอง 4.4 พชื ลำเลียงน้ำและ กลุ่ม กจิ กรรมพชื ลำเลยี งน้ำ อาหารได้อย่างไร และอาหารได้อยา่ งไรได้ 3. ด้านเจตคติ : นกั เรยี นมี - การสังเกตพฤตกิ รรมใน - แบบประเมนิ การสังเกต ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 วินัยและตง้ั ใจเรยี น ชั้นเรียน พฤติกรรม 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ ผู้สอน (นางสาวจิรนนั ท์ เกตุทหาร) 11. ขอ้ คดิ เห็นของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (นายนันท์ กอ้ คำ) หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผ้ชู ่วยผูอ้ ำนวยการกล่มุ งานบริหารวชิ าการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่ือ............................................................... (....................................................) ผูช้ ว่ ยผอู้ ำนวยการกล่มุ งานบรหิ ารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรู้จากฝา่ ยบรหิ าร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เหน็ สมควรไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอุด) รองผ้อู ำนวยการโรงเรียนฝา่ ยบริหารวิชาการ การอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรียน อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน ไมอ่ นุมตั ิให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ....................................................................................... (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวดั พะเยา
กิจกรรมที่ กลุม่ ท.ี่ ....... 4.4 พชื ลำเลยี งน้ำและอาหารไดอ้ ยา่ งไร จดุ ประสงค์ สงั เกตรวบรวมขอ้ มลู เขียนแผนภาพทิศทางการเคลือ่ นทขี่ องน้ำ และบรรยายลักษณะและหน้าทีข่ อง เนอ้ื เย่ือทอ่ ลาํ เลยี งน้ำ อุปกรณ์ รายการ จำนวน 1. ตน้ เทียน 1 ตน้ 2. แว่นขยาย 2 - 3 อัน 3. บกี เกอร์ขนาด 250 cm3 1 ใบ 4. สไลด์ 5 - 6 แผน่ 5. กระจกปิดสไลด์ 5 - 6 แผ่น 6. กล้องจุลทรรศน์ 1 กลอ้ ง 7. ใบมีดโกน 2 ใบ 8. นำ้ สีแดง ประมาณ 150 cm3 9. สารละลายซาฟรานนิ 10 cm3 ข้ันตอนการดำเนินกจิ กรรม 1. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รบั อปุ กรณ์การทดลอง 2. นำตน้ เทียนแชใ่ นนำ้ สี 3. นำตน้ เทยี นทแี่ ช่ในน้ำสที ำการ ตัดแบบตามยาวและตามขวา 4. นำสว่ นทีต่ ดั ไปใสล่ งในสไลดแ์ ละสงั เกตโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ 5.บันทึกผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม บนั ทึกผลกำรทดลอง สงิ่ ทสี่ ังเกต ผลของการสงั เกต (วาดรปู )
สิ่งทสี่ ังเกต ผลของการสงั เกต (วาดรปู ) สรปุ ผลการทดลอง
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 31 เรอื่ ง การลำเลยี งอาหารของพชื รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21101 เวลา 1 คาบ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ การดำรงชวี ิตของพืช รวม 20 คาบ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 สาระท่ี 1 ชือ่ สาระ วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทํางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชว้ี ดั - ม 1/9 บรรยายลักษณะและหนา้ ทขี่ องไซเลม็ และโฟลเอ็ม - ม 1/10 เขียนแผนภาพท่ีบรรยายทิศทางการลาํ เลียงสารในไซเล็มและโฟลเอ็มของพืช 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด สาระสาํ คญั พืชต้องการอากาศ น้ำ แสง และธาตุอาหารในการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิต พืชดูดน้ำ และธาตุอาหารจากดินเข้าสู่รากและลําเลียงผ่านทางไซเล็มไปสู่ลําต้น ใบ และส่วนอ่ืน ๆ ของพืช เพ่ือใช้ในการ สังเคราะห์ด้วยแสงรวมถึงกระบวนการอื่นๆ และมีโฟลเอ็มลำเลยี งอาหารที่ได้จากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงไปส่สู ่วน ต่างๆ ของพืช 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) ด้านความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการลำเลยี งอาหารของพชื ได้อยา่ งถกู ต้อง 2) ด้านกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถเขียนการลำเลยี งน้ำและอาหารของพืชได้อย่างถกู ตอ้ ง 3) ดา้ นเจตคติ (A) นักเรยี นมีวินัยและตัง้ ใจเรยี น
4. คุณลกั ษณะผูเ้ รยี น อยู่อย่างพอเพียง ซอื่ สัตยส์ จุ รติ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 4.1 คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มจี ติ สาธารณะ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวนิ ยั 5. ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการคดิ : นักเรยี นสามารถอธิบายการลำเลยี งน้ำในพชื ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 6. สาระการเรียนรู้ พืชจะมีการลำเลียงน้ำ และ แร่ธาตุจากดินผ่านทางรากไปสู่ลำต้น กิ่ง ก้าน และใบ โดยผ่านท่อเล็กๆ มากมาย เรยี กทอ่ เล็กๆ นี้ว่า ท่อลำเลียงนำ้ ไซเล็ม (Xylem) น้ำตาลกูลโคสและสารอาหารอ่ืนๆ จะถูกลำเลยี งไปยัง กิ่ง ก้านลำต้นผ่าน ทางท่อลำเลียงอาหาร โฟลเอ็ม (Phloem) ไปยังส่วนที่กำลังเจริญเติบโต สู่ส่วนท่ีสร้างอาหาร ไม่ได้ คอื รากและหัว ไปสู่ส่วนทีท่ ำหน้าท่สี ะสมอาหาร คือรากและเมล็ด โดยอาหารจะแพร่ออกจากรากไปตามท่อ ลำเลียงอาหาร ไปยังเซลล์ต่างๆ โดยตรง การลำเลยี งอาหารส่วนใหญ่เกิดข้ึนในตอนกลางคนื ลกั ษณะการลำเลียง อาหารในท่อลำเลียง อาหารมดี ังน้ี - อัตราการลำเลียงอาหารเกดิ ขึน้ ได้ช้ากวา่ การลำเลยี งน้ำและเกลอื แร่ในทอ่ ลำเลยี งนำ้ - ทิศทางการลำเลียงในท่อลำเลียงอาหารเกิดข้ึนได้ท้ังในแนวขึ้นและแนวลง ในเวลาเดียวกัน แต่ การลำเลยี งในท่อลำเลียงน้ำจะเกดิ ในแนวขน้ึ ในทศิ เดยี ว - เซลล์ที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารโดยตรงต้องเป็นเซลล์ท่ียังมีชีวิต ส่วนเซลล์ท่ีใช้ในการลำเลียงน้ำ และแร่ธาตุเป็นเซลล์ท่ีไม่มีชีวิตข้อแตกต่าง ของท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลียงอาหารของพืชใบเล้ียงเดี่ยวและใบ เล้ยี งค่คู ือ มดั (กลุม่ )ของท่อลำเลยี งของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะอยู่ไมเ่ ป็นระเบียบ ส่วนพชื ใบเลีย้ งคจู่ ะเปน็ ระเบยี บ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใชร้ ูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (60 นาที) ข้นั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (5 นาที) 1) ครูทบทวนความรู้เดมิ ของนักเรียนโดยครูต้ังคำถามเพอ่ื สรา้ งความสนใจ ดงั น้ี - พชื ประกอบดว้ ยสว่ นใดบา้ ง ( แนวการตอบ รากลำต้น ใบ ดอก ) - ส่วนใดของพืชทำหน้าท่ีดดุ นำ้ ไปใช้ในการสังเคราะหแ์ สง ( แนวการตอบ ราก ) - รากมีลักษณะอย่างไรที่ทำให้พชื มกี ารดูดนำ้ ได้มากข้นึ ( แนวการตอบ ขนราก ) 2) นักเรียนทบทวนความรู้อีกครั้ง เก่ียวกับการลำเลียงน้ำของพืช กล่าวคือ รากพืชดูดน้ำจาก ภายนอกแล้วลำเลียงไปยังเซลล์ขนราก แล้วส่งต่อไปยังเย่ือลำเลยี งน้ำของราก สู่เนื้อเยื่อลำเลียงของ ลำต้น ก่งิ ใบ โดยลำเลียงไปตามเนอ้ื เยอ่ื ทเ่ี ซลล์เรียงติดต่อกันเปน็ ท่อต่อเนอื่ ง เนือ้ เย่อื นอี้ ยเู่ ป็นกลุ่มเฉพาะท่ี
3) ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตภาพขนรากเพื่อกระตุ้นความสนใจ ท่มี า https://th.fehrplay.com/obrazovanie/90922-kornevye-voloski-eto-funkcii-kornevyh-voloskov.html ขนรากพืชดูดน้ำจากภายนอกแล้วลำเลียงไปยังเซลล์ขนราก แล้วส่งต่อไปยังเยื่อลำเลียงน้ำของราก สู่ เนื้อเยอ่ื ลำเลียงของ ลำต้น ก่ิงใบ โดยลำเลียงไปตามเน้ือเยอ่ื ทีเ่ ซลล์เรยี งติดตอ่ กันเปน็ ท่อต่อเน่อื ง เนื้อเยอ่ื นี้อยู่เป็น กลมุ่ เฉพาะที่ ขน้ั ที่ 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (25 นาที) 1) ครูใหน้ ักเรียนน่ังเปน็ กลมุ่ ตามทไ่ี ด้จัดไว้ โดยจะมีสมาชิกกลุม่ อยปู่ ระมาณ 4- 5 คนตอ่ กล่มุ 2) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันศึกษาทิศการลำเลยี งของน้ำและธาตุอาหารของพืช โดยให้แต่ ละกลุ่มมารับกระดาษบรู๊ฟพร้อมสีเพื่อใช้ในการตกแต่ง ซ่ึงแต่ละกลุ่มจะต้องวาดโครงสร้างของพืชและเขียนการ ลำเลียงของน้ำและธาตอุ าหาร 3) ครูพยายามบังคับเวลาและกระตุ้นใหน้ ักเรยี นนั้นรบี ดำเนินการ ใหเ้ สร็จทันเวลา 4) เม่ือแตล่ ะกลุม่ ดำเนนิ กิจกรรมเรยี บร้อยแล้ว ครูให้ตัวแทนของนักเรียนออกมานำเสนอหนา้ ชั้น เรียนเพอ่ื แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ข้นั ท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (10 นาที) 1) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปจากกิจกรรมเพ่ืออธิบายความแตกต่างระหว่างการ ลำเลยี งน้ำและแรธ่ าตุกับการลำเลยี งสารอาหาร ดงั นี้ ระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ น้ำในดินเคลื่อนที่เข้าสู่รากได้โดยกระบวนการ osmosis ส่วนแร่ ธาตทุ ี่อยใู่ นรูปสารละลายผ่านเข้าสู่รากได้ โดยกระบวนการแพรแ่ ละactive transport เมื่อน้ำและแร่ธาตุผา่ นเข้า สภู่ ายในเซลลข์ นรากแล้ว น้ำจะออสโมซีสจากเซลล์ขนรากไปยงั เซลลร์ ากทอ่ี ยตู่ ิดกันไปเรอ่ื ย ๆ จนถึงท่อลำเลียงท่ี เรยี กว่า xylem น้ำและแร่ธาตจุ ะถกู ส่งไปตามไซเล็มไปยงั สว่ นต่างๆ ของพชื
ระบบลำเลียงสารอาหาร สารอาหารทีพ่ ืชสร้างข้ึน คือ น้ำตาลกลูโคสท่ีอยู่ในรูปของสารละลาย จะถกู ลำเลียงจากใบไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของพืชผ่านทางท่อโฟลเอม็ ซ่ึงการลำเลียงจากเซลล์ของใบไปสเู่ ซลลข์ ้างเคียง ต่อ ๆ กันไปโดยกระบวนการแพร่ และแอคทฟี ทรานสปอร์ต การลำเลียงอาหารเป็นการเคลื่อนท่ีจากด้านบนของ ต้นพืชลงสดู่ ้านล่างไปเลย้ี งส่วนของลำต้นและราก แต่กม็ ีบางส่วนท่ีมีการลำเลียงไปในทศิ ทางขน้ึ ด้านบนเหมือนกัน เชน่ การลำเลยี งไปเล้ียงดอกและผล เป็นต้น 2) สามารถสรุปเป็นรปู ภาพประกอบได้ดงั น้ี ท่มี า https://sites.google.com/site/httpshappypopspacesciencecom ข้นั ท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที) 1) ครูใหน้ ักเรียนทำใบงานท่ี 4.3 การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช 2) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนถามในประเด็นท่ไี มเ่ ขา้ ใจ ขนั้ ที่ 5 ข้ันประเมนิ (Evaluation) (5 นาที) 1) การตอบคำถามในชน้ั เรยี น 2) การทำกิจกรรมในช้นั เรยี น 3) สอื่ ออนไลน์ 4) การทำใบงานที่ 4.3 การลำเลยี งน้ำและอาหารของพืช
8. ส่ือการเรยี นรู้ / แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่อื ออนไลน์ 8.2 หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ม.1 8.3 ใบงานที่ 4.3 การลำเลยี งน้ำและอาหารของพืช 9. การวดั และการประเมิน ตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธีการวดั เครื่องมอื วดั เกณฑ์ท่ีใช้ในการประเมิน 1 ดา้ นความรู้ : นักเรยี น - การตอบคำถามในช้นั - แบบประเมินการตอบ ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 สามารถอธบิ ายการ เรยี น คำถาม ลำเลียงอาหารของพชื ได้ อย่างถูกตอ้ ง 2. ดา้ นกระบวนการ : - การตรวจการทำกิจกรรม - แบบประเมนิ การทำงาน ผ่านเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 นกั เรยี นสามารถเขยี นการ กลุม่ กล่มุ ลำเลยี งน้ำและอาหารของ พืชไดอ้ ย่างถกู ต้อง 3. ดา้ นเจตคติ : นกั เรียนมี - การตรวจใบงานที่ 4.3 - แบบประเมินการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 วนิ ยั และตั้งใจเรยี น การลำเลียงนำ้ และอาหาร รายบุคคล ของพชื 10. กจิ กรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื ผู้สอน (นางสาวจริ นนั ท์ เกตุทหาร) 11. ขอ้ คิดเห็นของหวั หน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (นายนนั ท์ กอ้ คำ) หวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผูช้ ่วยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบริหารวชิ าการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (....................................................) ผูช้ ว่ ยผ้อู ำนวยการกลมุ่ งานบริหารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรยี นรู้จากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผูอ้ ำนวยการฝ่ายวชิ าการ .............................................................................................................................................................. เหน็ สมควรอนมุ ตั ใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เหน็ สมควรไม่อนุมตั ิใหใ้ ช้ในการจดั การเรียนการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวชิ าการ การอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรียน อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน ไมอ่ นุมตั ิให้ใช้ในการจดั การเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงช่ือ....................................................................................... (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวัดพะเยา
ชื่อ-สกลุ ...........................................เลขท่ี.........ห้อง....... ใบงานท่ี 4.3 การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช คำสัง่ จงเตมิ คำหรอื ข้อความลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง A B 1.) บริเวณอกั ษรที่ทำหนา้ ท่ีดูดนำ้ และแร่ธาตุในดนิ ไดด้ ีที่สุด ..............เรยี กบรเิ วณนีว้ ่า...............และบรเิ วณนม้ี ี ความเหมาะสมในการทำหน้าท่ี คือ ..................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. 2.) การดูดน้ำของรากจะใชว้ ธิ ี................................แตด่ ูดแรธ่ าตุจะใช้วิธี.............................................................. ให้ภาพตดั ขวางตอ่ ไปนป้ี ระกอบการตอบคำถาม P X Q Y ภาพ ก ภาพ ข 3.) ลำตน้ พชื ใบเล้ียงค่ไู ด้แกภ่ าพ...........โดยสังเกตจาก....................................................................................... 4.) ลำต้นพชื ใบเลีย้ งเดีย่ วไดแ้ ก่ภาพ.............โดยสังเกตจาก……………………………………………………………………… 5 ) ในภาพ ก และภาพ ข กลุ่มเนื้อเยือ้ ลำเลยี งน้ำและแรธ่ าตไุ ด้แก่...........และ......... เรียกว่า..........................สว่ น กลมุ่ เน้ือเย้ือลำเลยี งอาหารไดแ้ กอ่ ักษร..........และ..........เรยี กว่า.................................................................
6.). เน้ือเยอื้ ไซเลมและโฟลเอม็ พบได้ท่สี ่วนใดของพืช ราก ลำต้น กงิ่ ใบ ทิศทางการลำเลียงนำ้ แร่ธาตุและ อาหารจากเน้ือเยอ่ื ทง้ั สองแตกต่างกนั คอื เน้ือเย่ือไซเลมมที ิศทางการลำเลียง ..........................ส่วนเน้ือเยื่อโพลเอม็ มที ิศทางการลำเลยี ง .............................. 7.) เม่อื ตน้ พืชอายุมากข้ึน ลำต้นของพืชภาพใดจะพบวงปี.....................................
ช่ือ-สกุล...........................................เลขท่ี.........หอ้ ง....... ใบงานที่ เฉลย 4.3 การลำเลยี งน้ำและอาหารของพืช คำส่งั จงเตมิ คำหรอื ข้อความลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกต้อง A B 1.) บริเวณอกั ษรที่ทำหน้าท่ีดูดน้ำและแรธ่ าตุในดินได้ดีทีส่ ดุ A เรยี กบริเวณนีว้ า่ ขนราก และบริเวณน้มี ีความ เหมาะสมในการทำหนา้ ที่ คอื เพิ่มพืน้ ทีใ่ นการสัมผัส จึงทำให้ดดู นำ้ และแรธ่ าตุในปรมิ าณมาก 2.) การดูดนำ้ ของรากจะใชว้ ธิ ี ออสโมซิส แตด่ ูดแร่ธาตุจะใชว้ ิธี การลำเลียงแบบใชพ้ ลังงาน ใหภ้ าพตดั ขวางตอ่ ไปนี้ประกอบการตอบคำถาม P X Q Y ภาพ ก ภาพ ข 3.) ลำต้นพืชใบเลยี้ งคไู่ ดแ้ กภ่ าพ ข โดยสงั เกตจาก กลมุ่ เนอ้ื เยอื้ ลำเลียงนำ้ และอาหาร จะเรียงเป็นวงกลมรอบลำ ตน้ อยา่ งเปน็ ระเบยี บ 4.) ลำต้นพชื ใบเล้ยี งเด่ยี วไดแ้ ก่ภาพ ก โดยสังเกตจาก กลุ่มเน้ือเยือ้ ลำเลียงนำ้ และอาหารจะเรยี งกระจดั กระจาย ไปทวั่ 5 ) ในภาพ ก และภาพ ข กลุ่มเน้อื เยื้อลำเลียงนำ้ และแรธ่ าตไุ ดแ้ ก่ Q และ Y เรยี กว่าเนอ้ื เยื่อไซเลม ส่วน กลุ่ม เนื้อเยื้อลำเลยี งอาหารไดแ้ ก่อักษร P และ X เรยี กว่าเน้อื เยือ้ โฟลอม็
6.). เนอื้ เยือ้ ไซเลมและโฟลเอม็ พบได้ท่ีสว่ นใดของพืช ราก ลำตน้ ก่ิง ใบ ทศิ ทางการลำเลยี งน้ำ แร่ธาตแุ ละ อาหารจากเนอ้ื เยอ่ื ท้งั สองแตกต่างกันคือ เน้ือเย่อื ไซเลมมีทิศทางการลำเลียง ลำเลียงขึ้น ส่วนเนอ้ื เยื่อโฟลเอม็ มี ทิศทางการลำเลียง ลำเลยี งทัง้ ข้นึ และลง 7.) เมอ่ื ต้นพืชอายมุ ากขึ้น ลำตน้ ของพชื ภาพใดจะพบวงปี ภาพ ข
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249