Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนวิทยาศาสตร์ เทอม 1

แผนวิทยาศาสตร์ เทอม 1

Published by ja-o, 2021-08-14 09:51:18

Description: แผนวิทยาศาสตร์ เทอม 1

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 7 เรือ่ ง การคำนวณความหนาแน่น รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว21101 เวลา 1 คาบ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ชอื่ หนว่ ยการเรียนรู้ สารบรสิ ุทธ์ิ รวม 22 คาบ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 สาระท่ี 2 ช่อื สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ตัวชว้ี ดั - ม 1/5 อธิบายเปรียบเทยี บความหนาแนน่ ของสารบรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสม 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด สาระสาํ คัญ สารบริสุทธ์ิแต่ละชนิดมีความหนาแน่น หรอมวลต่อหนึ่งหน่วยปริมาตรคงที่ เป็นค่าเฉพาะ ของสารนัน้ ณ สถานะและอุณหภมู ิหน่ึง แตล่ ะสารผสมมคี วามหนาแน่นไม่คงท่ขี ึ้นอยู่กับชนิดและสัดส่วนของสาร อยู่ด้วยกนั 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) ด้านความรู้ (K) นักเรยี นสามารถอธิบายความหมายของความหนาแน่นได้ 2) ด้านกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถคำนวณหาความหนาแนน่ ของได้ 3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรียนตั้งใจเรียนวิทยาศาสตร์ 4. คณุ ลกั ษณะผูเ้ รียน อยู่อย่างพอเพียง ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ ม่งุ มั่นในการทำงาน 4.1 คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ รักความเปน็ ไทย  ใฝเ่ รยี นรู้ มีจติ สาธารณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ มีวินยั 5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น  ความสามารถในการคิด: นักเรียนสามารถอธบิ ายความหมายของความหนาแน่นได้

6. สาระการเรียนรู้ ความหนาแน่น คอื เปน็ อัตราส่วนมวลตอ่ ปริมาตรของสาร 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใช้รปู แบบการจัดการเรียนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (60 นาที) ข้ันท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1) ครูกระตุ้นนักเรียนเพ่ือนำเขา้ สู่บทเรียนในเร่ืองของความหนาแน่น โดยครนู ำแก้วมา 3 ใบ ใบ แรกเปน็ แกว้ เปลา่ ใบที่ 2 ครูใสน่ ้ำเปลา่ เอาไว้ ใบท่ี 3 ครูใส่น้ำมนั พชื เอาไว้ 2) ครูเปิดประเด็นคำถาม ถามนักเรียนวา่ หากครูนำน้ำเปล่าเทรวมกับน้ำมันในแก้วเปล่าจะเกิด อะไรข้นึ ( แนวการตอบ จะเกิดการแยกช้นั กนั ของน้ำกับน้ำมัน ) 3) ครูให้นักเรียนส่งตัวแทนมา 1 คนเพื่อทำการทดลอง โดยใช้วิธีการสาธิตเพียงนักเรียนท่ีเป็น ตัวแทน ผลที่ได้คอื น้ำมนั กับนำ้ จะอยแู่ ยกชนั้ กนั 4) ครถู ามนกั เรียนต่อวา่ เหตุการณ์ดงั กล่าวน้เี ปน็ เพราะสาเหตุใด ( แนวการตอบ เน่ืองจากความ หนาแนน่ ท่ีไมเ่ ท่ากนั ของสาร 2 ชนิด ) 5) ครูใหน้ กั เรียนดูวดิ ทิ ัศนเ์ กย่ี วกบั เรื่องความหนาแน่น ภาพสื่อวดิ ิทัศนเ์ รอื่ งความหนาแน่น ขัน้ ท่ี 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) (35 นาที) 1) ครูใหน้ ักเรียนศึกษาการคำนวณความหนาแน่นจากส่ือออนไลน์และจาหนงั สือเรยี นท่มี ีอยู่แล้ว สรปุ ลงในสมดุ

2) ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด การคำนวณความหนาแน่น จากใบงานที่ 2.1 การคำนวณหา ความหนาแน่น 3) ในขณะท่ีนักเรียนกำลังทำแบบฝึกหัดครูพยายามเดินดูแต่ละกลุ่มในชั้นเรยี นเพอ่ื ดูความคลาด เคลื่อนท่อี าจจะเกิดข้ึน ขั้นท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (15 นาที) 1) ครแู ละนักเรียนช่วยกันสรปุ สูตรทใี่ ช้ในการคำนวณความหนาแนน่ กล่าวคอื มวล ความหนาแน่น = ปริมาตร ความหนาแน่น หรือ D มีหน่วยเปน็ g/cm2 มวล หรอื m มหี นว่ ยเปน็ g ปรมิ าตร หรอื v มหี นว่ ยเป็น cm2 2) ดังน้ันจากวิดิทศั น์เบื้องตน้ เก่ียวกับความหนาแน่น ครูเปิดประเด็นคำถามโดยถามว่าทำไมเรือ ที่ทำมาจากเหล็กที่มีมวลมหาศาลทำไมจึงสามารถลอยน้ำอยู่ได้ ( แนวการตอบ เนื่องจากทำให้เรือนั้นมีปริมาตร เพม่ิ มาย่งิ ขึ้น ส่งผลให้ความหนาแน่นของเรือนนั้ น้อยกว่านำ้ จึงเป็นเหตใุ ห้เรอื นัน้ สามารถลอยนำ้ ได้ ) ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) 1) ครอู ธิบายเพ่ิมเติมในเร่ืองของการเรียนในคาบต่อไป โดยครูให้ดูคลิปวิดิทัศนต์ ัวอย่างเกี่ยวกับ ถ้วยยูเรกา กล่าวคือ การหาปริมาตรของวัตถุโดยการแทนท่ีน้ำด้วยถ้วยยูรีกา (Water displacement can) เม่ือ เราหย่อนของแขง็ ลงในนำ้ ระดับน้ำในภาชนะจะสูงขึ้น หากหยอ่ นของแข็งน้ันในกระบอกตวงระดับน้ำที่สูงขึน้ ตรง กับขดี บอกปรมิ าตรใดเม่ือนำปรมิ าตรสุดทา้ ยมาลบดว้ ยปริมาตรเรมิ่ ต้น ก็จะเปน็ ปริมาตรของของแขง็ ท่ีหย่อนลงไป นั่นเอง 2) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนน้นั ได้ถามคำถาม โดยแต่ละกลมุ่ ให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับเร่ืองที่เรยี นไป อยา่ งนอ้ ย 1 คำถามต่อ 1 กลมุ่ 3) ครูอธิบายเพ่ิมเติม กลา่ วคือ ความหนาแน่นของน้ำเท่ากบั 1 g/ cm2 ดังน้ันวัตถุไหนที่มีความ หนาแนน่ มากกว่าน้ำจะทำให้วัตถนุ น้ั จมน้ำ หากวตั ถุไหนที่มคี วามหนาแน่นนอ้ ยกวา่ น้ำกจ็ ะลอยนำ้ ขั้นท่ี 5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (15 นาที) 1) ครูประเมนิ ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื งการคำนวณหาความหนาแน่น 2) การตอบคำถามในชั้นเรียนโดยอธบิ ายความหมายความหนาแนน่

8. สื่อการเรยี นรู้ / แหลง่ เรียนรู้ 8.1 ใบงานที่ 2.1 เรือ่ งการคำนวณหาความหนาแน่น 8.2 สอ่ื ออนไลน์ 8.3 หนังสอื เรียนวิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ม.1 9. การวัดและการประเมนิ ตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ วิธีการวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์ทใ่ี ช้ในการประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 1 ดา้ นความรู้ :นักเรยี น - การตอบคำถามนกั เรียน - แบบประเมินการตอบ ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 สามารถอธิบาย ในชัน้ เรียน คำถาม ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 ความหมายของความ หนาแนน่ ได้ 2. ดา้ นกระบวนการ : - การตรวจใบงานท่ี 2.1 - ใบงานท่ี 2.1เรื่องการ นกั เรียนสามารถ เรอ่ื งการคำนวณหาความ คำนวณหาความหนาแนน่ คำนวณหาความหนาแน่น หนาแนน่ ของได้ 3. ด้านเจตคติ : นักเรียน - การสังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบประเมนิ การสงั เกต ตง้ั ใจเรียนวิทยาศาสตร์ เรยี น 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ ผู้สอน (นางสาวจริ นนั ท์ เกตุทหาร) 11. ข้อคิดเห็นของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (นายนนั ท์ กอ้ คำ) หัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุม่ งานบรหิ ารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (....................................................) ผูช้ ่วยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบริหารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรูจ้ ากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ ..............................................................................................................................................................  เหน็ สมควรอนมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน  เหน็ สมควรไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบริหารวชิ าการ การอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรยี น  อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน  ไมอ่ นุมัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ....................................................................................... (นางวลิ าวัลย์ ปาลี) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา

ใบงานที่ 2.1 เร่ืองการคำนวณหาความหนาแน่น คำสั่ง ใหน้ กั เรียนคำนวณความหนาแน่นจากโจทย์ที่ให้ โดยใหท้ ำลงในกระดาษทค่ี รูแจกใหถ้ กู ต้อง 1.ถา้ นำอะลมู เิ นยี มทมี่ ีมวล 54 กรมั ปรมิ าตร 20 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร ใส่ลงไปในน้ำ อะลมู ิเนียมก้อนนจี้ ะลอย หรอื จมน้ำเพราะเหตใุ ด .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. 2.หนิ กอ้ นหนง่ึ มีปรมิ าตร 50 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร โดยมมี วล 60 กรมั ถามว่าหินกอ้ นนมี้ คี วามหนาแน่นเทา่ ไหร่ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3.วตั ถุกอ้ นหน่ึงมีความหนาแนน่ เทา่ กับ 2.0 กรัม/ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร ซึง่ วัตถุก้อนนีม้ มี วล 40 กรัม ถามวา่ วัตถุ กอ้ นน้ีมปี ริมาตรเท่าไหร่ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 8 เรือ่ ง ความหนาแนน่ ของสารบรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสม รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21101 เวลา 2 คาบ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ สารบริสุทธิ์ รวม 22 คาบ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 สาระที่ 2 ชื่อสาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวัด มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี ตัวชว้ี ัด - ม 1/5 อธบิ ายเปรยี บเทียบความหนาแน่นของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสม - ม 1/6 ใชเ้ ครอ่ื งมอื เพื่อวัดมวลและปริมาตรของสารบริสุทธ์ิและสารผสม 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สาระสาํ คัญ สารบริสุทธ์ิแต่ละชนิดมีความหนาแน่น หรอมวลต่อหน่ึงหน่วยปริมาตรคงท่ี เป็นค่าเฉพาะ ของสารนัน้ ณ สถานะและอุณหภูมิหน่ึง แต่ละสารผสมมีความหนาแน่นไม่คงที่ข้ึนอยู่กบั ชนิดและสัดส่วนของสาร อยู่ด้วยกัน 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) ด้านความรู้ (K) นักเรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของความหนาแนน่ ได้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถหาทดลองหาความหนาแนน่ ของสารบรสิ ุทธิ์และสารผสมได้ 3) ด้านเจตคติ (A) นักเรยี นเกบ็ อุปกรณห์ ลังจากใชง้ านเสรจ็ 4. คุณลกั ษณะผเู้ รยี น อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตยส์ ุจรติ มุง่ มนั่ ในการทำงาน 4.1 คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ รักความเปน็ ไทย  ใฝเ่ รยี นรู้ มจี ิตสาธารณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มวี ินยั

5. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน  ความสามารถในการคดิ : นักเรียนสามารถอธบิ ายความหมายของความหนาแน่นได้ 6. สาระการเรียนรู้ ความหนาแน่น คอื เปน็ อตั ราส่วนมวลตอ่ ปรมิ าตรของสาร 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใชร้ ปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1) ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน โดยถามนักเรียนว่า ความหนาแน่นคืออะไร (ความ หนาแน่น คอื เป็นอัตราส่วนมวลต่อปรมิ าตรของสาร ) 2) ครูสุ่มนักเรียนออกมาเพื่อทำโจทย์เกี่ยวกับความหนาแน่น เมื่อนักเรียนทำเสร็จ ครใู ห้เพื่อนๆ ในหอ้ งช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นท่ี 2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาที) 1) ครใู ห้นกั เรียนทำกจิ กรรมที่ 2.3 ความหนาแน่นของสารบรสิ ทุ ธ์แิ ละสารผสมเปน็ อย่างไร 2) ให้นักเรียนอา่ นวธิ ีการดําเนินกิจกรรมในหนงั สอื เรียน สสวท.และปฏิบัติตาม 3) ในขณะท่ีนักเรียนดำเนินกิจกรรม ครูพยายามบอกนักเรียนถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติ กจิ กรรม ไม่ให้เลน่ กันเพ่อื ลดอุบัตเิ หตุ 4) ในขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม ครูเน้นยำ้ ในเรื่องของการอ่านค่าของของเหลวที่ไหลออกจากถ้วยยูเร กา โดยในการอา่ นค่าต้องอยู่ในระดับสายตา และการจดบันทึกตอ้ งไดจ้ ากการทดลองจริง 5) ให้นักเรียนแต่ละกลุม่ นําเสนอผลการทำกิจกรรม โดยนําผลการทํากจิ กรรมมาเขียนในตาราง บันทกึ ผลการทาํ กิจกรรมทีต่ ิดหน้าหอ้ งเรียนเพอ่ื เปรียบเทียบขอ้ มูลของแต่ละกลมุ่ ( ยดึ ตามกิจกรรมในหนังสือเรียน สสวท.) ขนั้ ท่ี 3 ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (15 นาที) 1) เม่ือทุกกลุ่มดำเนินกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากกิจกรรมท่ี เกดิ ขึ้นครูถามนักเรียนถงึ กจิ กรรมตอนท่ี 1 ความหนาแนน่ ของสารบรสิ ุทธิ์ 1.1 กิจกรรมนี้เก่ยี วกบั เรอ่ื งอะไร (ความหนาแน่นของสารบรสิ ุทธ์)ิ 1.2 สารบริสุทธ์ิท่ีใช้เป็นสารตัวอย่างในกิจกรรมนี้คือสารใด (ก้อนเหล็กและก้อน ทองแดง) 1.3 จุดประสงค์ของกิจกรรมน้ีเป็นอยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความคดิ ของตนเอง)

1.4 นักเรียนสรุปข้นั ตอนในการทํากิจกรรมตอนที่ 1 ได้ว่าอย่างไร (ชงั่ มวลของเหล็กท้ัง 2 ก้อน และทองแดงท้ัง 2 ก้อน และหาปริมาตรของสารโดยใช้ถ้วยยูรีกา บันทึกผล นําข้อมูลท่ีบันทึกมา คาํ นวณหาความหนาแนน่ ของสาร) 1.5 วิธีการหามวลและปริมาตร (หามวลโดยการชั่งด้วยเครื่องช่ังและหาปริมาตรของ วัตถุถ้าวัตถุนั้นเป็นของแข็งที่มีรูปทรงเรขาคณิตสามารถคํานวณตามสูตรการหาปริมาตรรูปทรงเรขาคณิ ตแต่ถ้า วตั ถุนัน้ เปน็ ของแขง็ ทมี่ รี ปู ทรงไม่เป็นรูปทรงเรขาคณติ สามารถหาปรมิ าตรโดยใชถ้ ้วยยูรกี า) 1.6 วัสดแุ ละอุปกรณ์พิเศษที่ใช้ในกิจกรรมมีอะไรบ้างและใช้งานอย่างไร (การใชถ้ ้วยยูรี กาหาปรมิ าตรโดยมวี ธิ ีการใชง้ านดังเกร็ดน่ารใู้ นหนังสือเรยี นสสวท.หนา้ 25) 2) ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายโดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการนําเสนอและตอบคําถามท้ายกิจกรรม ตอนท่ี1เพ่ือให้นักเรียนสรุปได้ว่า ค่าความหนาแน่นเฉล่ียของเหล็กก้อนที่ 1 และ 2 ที่มีขนาดแตกต่างกัน ของทุก กลุ่มมีค่าเท่ากนั หรือใกล้เคยี งกนั สว่ นค่าความหนาแนน่ เฉล่ียของทองแดงกอ้ นที่1และ2 ที่มีขนาดแตกต่างกนั ของ ทุกกลุ่มก็มีค่าเท่ากันหรือใกล้เคียงกันเช่นกัน เนื่องจากก้อนเหล็กและก้อนทองแดงเป็นสารบริสุทธ์ิท่ีมีความ หนาแนน่ เปน็ คา่ เฉพาะตวั ของสารนน้ั ณ สถานะอุณหภูมแิ ละความดนั หน่ึง 3) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากกิจกรรมท่ีเกิดข้ึนครูถามนักเรียนถึง กิจกรรมตอนที่ 2 ความหนาแน่นของสารผสม 3.1 กิจกรรมนีเ้ ก่ยี วกับเร่ืองอะไร (ความหนาแน่นของสารผสม) 3.2 สารผสมท่ีใช้เปน็ สารตัวอย่างในกิจกรรมนี้คอื สารใด(สารละลายโซเดียมคลอไรด์ชุด ที่1และ2สารละลายน้ำตาลทรายชดุ ท่ี 1 และ 2) 3.3 จุดประสงค์ของกจิ กรรมน้ีเป็นอยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความคิดของตนเอง) 3.4 นักเรียนสรุปขั้นตอนในการทำกิจกรรมตอนท่ี 2 ได้ว่าอย่างไร (ช่ังมวลของ สารละลายโซเดียมคลอไรด์ทั้ง 2 ชุดและสารละลายน้ำตาลทรายท้ัง 2 ชุด และวัดปรมิ าตรของสารโดยใช้กระบอก ตวง บันทึกผล นำข้อมลู ที่บันทึกมาคาํ นวณหาความหนาแน่นของสาร) ครูควรอธิบายเพมิ่ เตมิ ในประเด็นทน่ี กั เรยี น ยังตอบได้ไมค่ รบถ้วน 3.5 ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายข้อมูลที่ได้จากการทํากิจกรรมตอนท่ี 2 ซ่ึงควรเป็น ข้อเท็จจริงท่ีได้จากการทํากิจกรรมและการบันทึกผลของนักเรียน และตอบคําถามท้ายกิจกรรมตอนท่ี2เพื่อให้ นักเรียนสรุปได้ว่าสารละลายโซเดียมคลอไรด์ทั้ง2ชุดเป็นสารผสมที่มีโซเดียมคลอไรด์ผสมกับ น้ำในอัตราส่วนท่ี แตกต่างกนั จึงมคี ่าความหนาแน่นเฉล่ียแตกต่างกันส่วนสารละลายน้ำตาลทรายทัง้ 2 ชุด เปน็ สารผสมที่มีน้ำตาล ทรายผสมกับน้ำในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน จึงมีค่าความหนาแน่นเฉล่ียแตกต่างกัน ดังน้ันสารผสมจะมีความ หนาแน่นไมค่ งที่ โดยสารผสมชนิดเดียวกันที่มีอัตราส่วนของสารผสมต่างกนั มีความหนาแน่นไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับ อัตราสว่ นของสารท่นี ํามาผสมกัน

ขั้นที่ 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) 1) แนะนาํ เทคนิคในการหามวลและปรมิ าตรของสารละลาย ดังนี้ - การหามวลของสารละลายด้วยเคร่ืองชั่ง มีดังน้ี ครูควรแนะนําให้นักเรียนชั่งบีกเกอร์ และบันทกึ มวลบกี เกอร์ จากนั้นตวงสารละลายปริมาตรตามกาํ หนดโดยใช้กระบอกตวง โดยห้ามใช้กระบอกตวงใบ เดียวกันตวงสารละลายต่างชนิดกัน จากน้ันจึงเติมสารละลายลงในบีกเกอร์ที่ช่ังมวลแล้วและนําไปชั่งอีกคร้ัง บันทึกผล มวลของสารละลายมีคา่ เท่ากับผลตา่ งระหว่างมวลของบีกเกอร์ทใี่ ส่สารละลายกบั มวลของบีกเกอร์ก่อน ใส่สารละลาย 2) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนนนั้ ได้ถามคำถาม โดยแต่ละกลุ่มให้ตั้งคำถามเก่ียวกับเรื่องท่ีเรียนไป อยา่ งน้อย 1 คำถามตอ่ 1 กลุ่ม ข้นั ท่ี 5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (15 นาที) 1) ครูประเมนิ จากกิจกรรมที่ 2.3 ความหนาแน่นของสารบริสทุ ธ์แิ ละสารผสมเปน็ อย่างไร การ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมกลุ่ม 2) การตอบคำถามในชนั้ เรียนโดยอธิบายความหมายความหนาแนน่ 8. ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 กิจกรรมที่ 2.3 ความหนาแน่นของสารบรสิ ุทธ์ิและสารผสมเป็นอยา่ งไร ( ตามหนังสือเรียน สสวท.) 8.2 ส่ือออนไลน์ 8.3 หนงั สือเรียนวิทยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ม.1

9. การวัดและการประเมนิ ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เคร่อื งมือวัด เกณฑ์ทใ่ี ช้ในการประเมนิ 1 ดา้ นความรู้ :นกั เรียน ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 สามารถอธิบาย - การตอบคำถามนักเรยี น - แบบประเมนิ การตอบ ความหมายของความ ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 หนาแน่นได้ ในชน้ั เรยี น คำถาม 2. ด้านกระบวนการ : ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 นักเรียนสามารถหา - การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลุ่ม - แบบประเมินการทำงาน ทดลองหาความหนาแน่น กล่มุ ของสารบรสิ ทุ ธิ์และสาร ผสมได้ - การสงั เกตพฤตกิ รรมการ - แบบประเมินการสังเกต 3. ด้านเจตคติ : นกั เรียน เรยี น เก็บอปุ กรณห์ ลังจากใช้ งานเสรจ็ 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื ผู้สอน (นางสาวจิรนันท์ เกตทุ หาร) 11. ขอ้ คดิ เห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (นายนันท์ กอ้ คำ) หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

12. ข้อคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะผู้ช่วยผู้อำนวยการกล่มุ งานบรหิ ารวชิ าการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่ือ............................................................... (....................................................) ผ้ชู ่วยผอู้ ำนวยการกลมุ่ งานบริหารวชิ าการ การอนุมัติการใช้แผนการจัดการเรียนรู้จากฝา่ ยบรหิ าร ความคิดเหน็ ของรองผู้อำนวยการฝา่ ยวชิ าการ ..............................................................................................................................................................  เห็นสมควรอนุมัติให้ใช้ในการจดั การเรียนการสอน  เหน็ สมควรไม่อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจดั การเรียนการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่ือ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ การอนมุ ัตจิ ากผู้อำนวยการโรงเรยี น  อนุมตั ิให้ใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน  ไมอ่ นุมัติให้ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชื่อ....................................................................................... (นางวิลาวัลย์ ปาลี) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9 เรอ่ื ง สถานะของสาร รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21101 เวลา 2 คาบ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ สารบริสุทธ์ิ รวม 22 คาบ กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 สาระท่ี 2 ชือ่ สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ - ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ตัวชว้ี ดั - ม 1/7 อธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ โดย ใช้แบบจำลองและสารสนเทศ 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด สาระสําคญั สารบรสิ ุทธิ์แบง่ ออกเป็นธาตุและสารประกอบธาตุประกอบด้วยอนุภาคทเ่ี ล็กท่ีสดุ ท่ียังแสดง สมบัติของธาตุนั้นเรียกว่าอะตอม ธาตุแต่ละชนิด ประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียวและไม่ สามารถแยกสลาย เป็นสารอ่ืนไดด้ ้วยวิธีทางเคมธี าตุเขียนแทนด้วยสัญลกั ษณ์ธาตุ สารประกอบ เกิดจากอะตอมของธาตุต้ังแต่ 2 ชนิด ข้นึ ไปรวมตัวกันทางเคมีในอัตราส่วนคงที่มีสมบัติแตกต่างจากธาตุที่เป็นองค์ประกอบสามารถแยกเป็นธาตุได้ด้วย วธิ ที างเคมธี าตุและ สารประกอบสามารถเขยี นแทนได้ด้วยสูตรเคมี 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นักเรยี นสามารถบอกไดว้ า่ ส่งิ ของใดจัดอยูใ่ นสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊สได้ 2) ด้านกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถจำแนกไดว้ ่าสงิ่ ของใดจดั อยใู่ นสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊ ได้ 3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรียนใฝเ่ รยี นรู้วทิ ยาศาสตร์

4. คณุ ลักษณะผเู้ รียน อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตยส์ ุจรติ มงุ่ มั่นในการทำงาน 4.1 คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ รักความเปน็ ไทย  ใฝเ่ รยี นรู้ มจี ติ สาธารณะ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มวี ินัย 5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น  ความสามารถในการคิด : นักเรยี นสามารถจำแนกได้ว่าสิ่งของใดจัดอยูใ่ นสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ได้ 6. สาระการเรยี นรู้ การจัดเรียงตัวของอนภุ าคของสารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขั้นท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1) ครูเปิดภาพสิ่งของและวัสดุต่างๆให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนตอบว่าสิ่งของน้ันคืออะไรแล้ว เกย่ี วขอ้ งอะไรกับวทิ ยาศาสตร์ โดยครูตะล่อมนักเรียนจนนกั เรียนตอบในลักษณะเช่น สาร ของแขง็ ของเหลว แก๊ส อนุภาค เป็นต้น 2) จากน้ันครูถามนักเรียนว่า นักเรียนพอจะทราบหรือรู้จักหรือจากประสบการณ์ที่ผ่านมา นกั เรียนได้ยนิ คำว่า สารและสสารหรือไม่ ครูถามนกั เรยี นว่าสารและสสารแตกต่างกันอยา่ งไร ( แนวการตอบ สาร คอื สง่ิ ท่ีทราบสถานะของสสารทีแ่ นช่ ัด สว่ นสสารคอื สง่ิ ที่ตอ้ งการทอี่ ยู่ มมี วล จับตอ้ งได้ ) 3) ครูถามนกั เรียนต่อว่าแล้วส่ิงใดบ้างท่ีไมใ่ ช่สสาร ใหน้ ักเรยี นยกตัวอยา่ งว่าในโลกเรานส้ี ่ิงใดบา้ ง ท่ีไมเ่ ป็นสสาร (แนวการตอบ พลังงาน ความร้อน เสยี ง พลังงานจลน์ พลงั งานลม พลงั งานนำ้ เปน็ ต้น ) ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (40 นาที) 1) ครูเปิดส่ือ Power point เร่ือง สถานะของสาร ให้นักเรียนได้รู้และศึกษาพร้อมกับทำ กจิ กรรมดงั น้ี - ครใู หน้ ักเรยี นกลุ่มท่ี 1 ออกมายืนหนา้ ห้องแล้วยืนเป็นวงกลมพรอ้ มกอดคอกนั - ครูให้นักเรยี นกลุ่มที่ 2 ออกมายืนหนา้ ห้องแล้วยืนเปน็ วงกลมแล้วจบั มือกัน - ครใู ห้นักเรียนกลุม่ ที่ 3 ออกมายืนหน้าห้องแล้วยนื เปน็ วงกลมไมต่ อ้ งจบั มือกัน

จากน้ันครูเดินไปแต่ละกลุ่มและทดสอบกระชากแขนจากสมาชิกในแต่ละกลุ่ม แล้วให้นักเรียน ลองคิดตาม จากการกระทำของครูในแตล่ ะกลุ่ม ครูถามว่าถ้าเปรียบทุกคนเป็นอนุภาคหนึ่งๆ แล้วถ้าครูมากระทำ กบั แต่ละกลมุ่ ดงั กล่าว นกั เรยี นคดิ วา่ กลมุ่ ท่ี 1 กลมุ่ ท่ี 2 และกลุม่ ที่ 3 จัดเปน็ อนุภาคของสารใด ( แนวการตอบ กลุ่มที่ 1 คืออนุภาคของแข็ง กลุม่ ที่ 2 คืออนุภาคของแขง็ และกลมุ่ ที่ 3 คอื อนุภาคแก๊ส ) 2) ครูให้นักเรียนดูภาพต่างๆที่เป็นวัสดุและส่ิงของแล้วให้นักเรียนตอบมาว่าวัสดุและสิ่งของ ดังกลา่ วน้นั คืออะไร ขนั้ ท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (15 นาที) 1) ครสู รุปวา่ -อนุภาคของแข็ง เป็นอนุภาคที่มีความหนาแน่น ไม่เปล่ียนแปลงตามภาชนะ มีรูปร่าง คงท่ี ปรมิ าตรคงที่ -อนุภาคของเหลว เป็นอนุภาคที่มีความหนาแน่นน้อย เปลี่ยนแปลงตามภาชนะ มี รูปรา่ งคงที่ มปี ริมาตรคงที่ -อนภุ าคของแก๊ส เป็นอนภุ าคทม่ี ีความหนาแน่นนอ้ ย เปล่ยี นแปลงตามภาชนะ มรี ปู ร่าง ไม่คงที่ มปี รมิ าตรไม่คงท่ี 2) ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างสิ่งของหรือวัสดุท่ีจัดอยู่ใน อนุภาคของแข็ง อนุภาคของเหลว และ อนภุ าคของแกส๊ มาอย่างละ 5 ตวั อย่าง 3) ครแู ต่งเพลงให้นกั เรียนร้อง ซึ่งเป็นเพลงเกี่ยวกับสถานะของสารเพอื่ ทบทวนความรทู้ ีเ่ รียนมา ขนั้ ที่ 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) 1) ครูแน ะน ำส่ืออินเทอร์เน็ตเพ่ือให้นักเรียนได้เรียน รู้เพิ่มเติมสถาน ะของสารจาก https://happypa.wikispaces.com 2) ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุม่ ไดถ้ ามคำถามเพ่ือนำไปสกู่ ารเรียนรู้ 3) ครูใหน้ ักเรียนเขียนจำแนกส่ิงรอบตัวของนักเรียนวา่ สง่ิ ใดจัดอยู่ในสถานะอะไร โดยใหน้ ักเรยี น เขียนลงในสมุด อย่างละ 10 ตัวอยา่ ง ขน้ั ท่ี 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation) (15 นาที) 1) การตอบคำถามในชั้นเรยี น 2) เขยี นจำแนกส่งิ รอบตวั ของนักเรียนวา่ สงิ่ ใดจัดอย่ใู นสถานะอะไร 8. ส่ือการเรียนรู้ / แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 กิจกรรมสถานะของสาร 8.2 สอื่ ออนไลน์ 8.3 หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ม.1

9. การวดั และการประเมนิ ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ วิธีการวดั เครอ่ื งมือวดั เกณฑท์ ีใ่ ช้ในการประเมิน 1 ดา้ นความรู้ :นักเรียน - การตอบคำถามนักเรียน - แบบประเมินการตอบ ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 สามารถบอกไดว้ า่ สิ่งของ ในช้ันเรยี น คำถาม ใดจัดอยู่ในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และ แกส๊ ได้ 2. ดา้ นกระบวนการ : - ตรวจการเขยี นจำแนก - แบบประเมนิ ผลการทำใบ ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 นักเรียนสามารถจำแนกได้ ส่ิงของใดจดั อยใู่ นสถานะ งาน/ช้นิ งาน/สมดุ รายบคุ คล วา่ สงิ่ ของใดจดั อยูใ่ น ของแขง็ ของเหลว และ สถานะของแข็ง ของเหลว แก๊ส และแก๊สได้ 3. ด้านเจตคติ : นกั เรยี น - การสังเกตพฤติกรรมการ - แบบประเมินการสงั เกต ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 ใฝเ่ รียนรู้วิทยาศาสตร์ เรียน 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ ผู้สอน (นางสาวจิรนนั ท์ เกตุทหาร) 11. ข้อคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (นายนันท์ ก้อคำ) หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผู้ช่วยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบรหิ ารวชิ าการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (....................................................) ผูช้ ่วยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบรหิ ารวชิ าการ การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรูจ้ ากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ..............................................................................................................................................................  เหน็ สมควรอนมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน  เหน็ สมควรไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบริหารวิชาการ การอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรยี น  อนมุ ัตใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน  ไมอ่ นุมัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ....................................................................................... (นางวิลาวัลย์ ปาลี) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 10 เรอื่ ง อนภุ าคของสาร รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21101 เวลา 2 คาบ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ สารบริสุทธ์ิ รวม 22 คาบ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 สาระที่ 2 ชอ่ื สาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี ตัวช้วี ัด - ม 1/7 อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ โดย ใชแ้ บบจำลองและสารสนเทศ 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด สาระสาํ คญั สารบรสิ ุทธแิ์ บง่ ออกเป็นธาตุและสารประกอบธาตุประกอบดว้ ยอนุภาคทีเ่ ล็กที่สุดท่ียงั แสดง สมบัติของธาตุน้ันเรียกว่าอะตอม ธาตุแต่ละชนิด ประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียวและไม่ สามารถแยกสลาย เป็นสารอน่ื ได้ด้วยวิธีทางเคมธี าตุเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ธาตุ สารประกอบ เกิดจากอะตอมของธาตตุ ั้งแต่ 2 ชนิด ข้ึนไปรวมตัวกนั ทางเคมีในอัตราส่วนคงท่ีมีสมบัติแตกต่างจากธาตุท่ีเป็นองค์ประกอบสามารถแยกเป็นธาตุได้ด้วย วธิ ที างเคมธี าตแุ ละ สารประกอบสามารถเขียนแทนไดด้ ้วยสตู รเคมี 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายการจัดเรียงอนุภาคของสารได้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถทดลองตรวจสอบการจัดเรยี งตัวของอนุภาคของสารในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแก๊สโดยใชแ้ บบจำลองการจัดเรียงอนภุ าคได้ 3) ดา้ นเจตคติ (A) นักเรยี นทดลองแล้วเก็บอุปกรณ์เข้าที่

4. คณุ ลักษณะผ้เู รยี น อยู่อย่างพอเพียง ซ่ือสัตยส์ ุจรติ มงุ่ มั่นในการทำงาน 4.1 คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ รักความเปน็ ไทย  ใฝเ่ รียนรู้ มีจติ สาธารณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มีวนิ ัย 5. ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น  ความสามารถในการคิด : นกั เรียนสามารถอธิบายการจัดเรียงอนภุ าคของสารได้ 6. สาระการเรียนรู้ การจัดเรยี งตวั ของอนภุ าคของสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ใชร้ ปู แบบการจดั การเรียนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขน้ั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1) ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน โดยการยกตัวอย่างวัสดุสิ่งของท่ีมีทั้ง สถานะของแข็ง สถานะของเหลวและสถานะแกส๊ ใหน้ กั เรียนดู จากนั้นครูสมุ่ ถามนักเรียนให้ตอบคำถาม 2) ครูให้นักเรียนร้องเพลงสถานะของสารที่ครูได้ให้นักเรียนร้องไปเมื่อคาบท่ีแล้วเพื่อเป็นการ ทบทวน ขนั้ ท่ี 2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาที) 1) ครูใหน้ กั เรยี นนัง่ เป็นกล่มุ ตามท่ีได้จัดไว้ โดยจะมีสมาชิกกลมุ่ อย่ปู ระมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม 2) จากนั้นครูเปิด Power point เรื่อง กิจกรรมที่ 2.4 อนุภาคของสาร ให้นักเรียนปฏิบัติ โดย ครูจะแจ้งจุดประสงค์ของการทำกิจกรรมในคร้ังนี้ก่อนจากนั้นครูให้นักเรียนทำการคัดลอกวัสดุอุปกรณ์ตามที่ครู เขียนไว้ และให้นักเรียนวาดรูปวิธีการดำเนินกจิ กรรมด้วยตัวเอง โดยให้ทำลงในกระดาษประจำกลุ่ม พร้อมเสนอ หน้าชั้นเรียน 3) ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ ช่วยกนั ทำกิจกรรมตอนท่ี 1 และตอนที่ 2 ขัน้ ที่ 3 ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (15 นาที) 1) ครแู ละนักเรียนร่วมอภิปรายขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการทำกิจกรรมตอนท่ี 1 โดยครูใช้คำถาม ดงั น้ี - การเป่าลมในขวดอย่างชา้ ๆ เบาๆ ไปยังเม็ดพลาสตกิ เป็นแบบจำลองท่ีแทนการจดั เรียงอนุภาค ของสารในสถานะใด และมีลักษณะอย่างไร ( แนวการตอบ การเป่าลมอย่างช้าๆ เบาๆ ไปยังเม็ดพลาสติกเป็น แบบจำลองท่ีแทนการจัดเรียงอนุภาคของสารในสถานะของแข็ง ที่ทุกอนุภาคมีการส่ันสะเทือนตลอดเวลาแต่อยู่ ตำแหนง่ เดมิ และอนภุ าคอยู่ชิดตดิ กนั มแี รงระหวา่ งอนภุ าคมากทำให้ของแข็งคงรูปอยู่ได้ )

- การเป่าลมในขวดแรงขึ้น ไปยังเมด็ พลาสตกิ เป็นแบบจำลองที่แทนการจัดเรียงอนุภาคของสาร ในสถานะใด และมีลักษณะอย่างไร ( แนวการตอบ การเป่าลมแรงข้ึน ไปยังเม็ดพลาสติกเป็นแบบจำลองที่แทน การจัดเรียงอนุภาคของสารในสถานะของเหลวท่ีทุกอนุภาคมีการส่ัน อนุภาคอยู่ห่างกันเล็กน้อย มีการเคลื่อนตัว และการกระจายตัวทว่ั ก้นภาชนะจึงมีปรมิ าตรเพิ่มข้ึนทำให้ความหนาแนน่ และแรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอนุภาคน้อย กวา่ ของแข็งเมอ่ื เปา่ ลมแรงท่ีสดุ ) - การเป่าลมในขวดแรงที่สุด ไปยังเม็ดพลาสติกเป็นแบบจำลองที่แทนการจัดเรียงอนุภาคของ สารในสถานะใด และมีลักษณะอย่างไร ( แนวการตอบ การเป่าลมอย่างแรงท่ีสุด ไปยังเม็ดพลาสติกเป็น แบบจำลองท่แี ทนการจดั เรยี งอนุภาคของสารในสถานะแกส๊ ท่ที กุ อนุภาคมีการเคลือ่ นท่อี ย่ตู ลอดเวลาอย่างรวดเร็ว ฟงุ้ กระจายเต็มภาชนะ ทำใหค้ วามหนาแน่นและแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาคนอ้ ยกวา่ ของเหลวและของแขง็ มาก ) 2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากการทดลองตอนที่ 1 การอธิบายสถานะของสารโดยใช้ แบบจำลองการจัดเรียงอนุภาคของสารในตอนท่ี 1 น้ันเป็นการจำลองลักษณะของอนุภาคของสารท้ัง 3 อนุภาค ได้แก่ ของแข็ง ของเหลวและแก๊ส ซึ่งลักษณะการเปา่ ลมในขวดครง้ั แรกโดยการเป่าลมเบาๆแลว้ ทำให้อนุภาคของ โฟมนน้ั ยังเรียงอยู่ได้อย่างเป็นระเบียบเปรยี บเสมอื นอนภุ าคของของแข็ง ส่วนลกั ษณะการเป่าลมในขวดครั้งที่สอง โดยการเป่าลมแรงข้ึนแล้วทำให้อนุภาคของโฟมนั้นเคล่ือนที่ไม่เป็นระเบียบเปรียบเสมือนอนุภาคของของเหลว ลักษณะการเป่าลมในขวดคร้ังที่สามโดยการเป่าลมแรงท่ีสุด แล้วทำให้อนุภาคของโฟมนั้นกระจัดกระจายไม่เป็น ระเบียบเปรียบเสมือนอนภุ าคของแกส๊ 3) ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างส่ิงของหรือวัสดุท่ีจัดอยู่ใน อนุภาคของแข็ง อนุภาคของเหลว และ อนุภาคของแก๊ส มาอย่างละ 5 ตวั อยา่ ง 4) ครูและนกั เรียนร่วมอภปิ รายข้อมูลท่ไี ดจ้ ากการทำกจิ กรรมตอนที่ 2 โดยครูใช้คำถาม ดังน้ี - เกล็ดด่างทับทิมมีลักษณะอย่างไร ( แนวการตอบ เป็นของแข็ง ลักษณะเป็นผลึกท่อนเล็กๆ สี ม่วงเขม้ เกอื บดำและมนั วาว ) - เมื่อหย่อนเกล็ดด่างทับทิมลงในน้ํา เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะเหตุใด ( แนวการตอบ สมี ่วงเข้มจากด่างทบั ทิมจะแพร่กระจายผสมกับน้าํ กลายเปน็ สมี ว่ ง ) - เม่อื เปิดฝาขวดทบี่ รรจสุ ำลชี ุบสารละลายแอมโมเนียเจอื จาง เกิดการเปลยี่ นแปลงอย่างไรเพราะ เหตุใด ( แนวการตอบ ได้กล่ินแอมโมเนียฟุ้งกระจายไปทั่วห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่เห็นอนุภาคใดๆ ในอากาศ เพราะอนุภาคของแอมโมเนยี มขี นาดเล็กจงึ ไม่สามารถมองด้วยตาเปลา่ ได้ ) 5) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากการทดลองในคาบท่ีแล้วกับคาบนี้ ทั้ง 2 ตอนสรุปได้ว่า เกล็ดด่างทับทิมเปรียบเทียบได้กับแบบจำลองอนุภาคของของแข็งที่คงรปู อยู่ได้ ด่างทับทมิ ผสมกับน้ำเปรียบเทียบ ได้กับแบบจำลองอนุภาคของของเหลว ตอนท่ี 1 ที่เป่าลมแรงข้ึน การเปิดฝาขวดที่บรรจุสำลีชุบสารละลาย แอมโมเนีย จะได้กลิ่นแอมโมเนียฟุ้งกระจายไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว และมองไม่เห็นอนุภาคใดๆในอากาศ

เปรียบเทียบได้กับแบบจำลองอนุภาคของแก๊ส อนุภาคของด่างทับทิมแอมโมเนียมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถด้วย ตาเปล่า การทำการทดลองตอนท่ี 2 สอดคล้องกับการอธิบายสถานะของสารโดยใช้แบบจำลองการจัดเรียง อนภุ าคของสารในตอนท่ี 1 ข้นั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) 1) ครูแนะนำส่ืออินเทอร์เน็ตเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้เพ่ิมเติมเรื่องสถานะของสาร จาก https://happypa.wikispaces.com 2) ครูขยายความรู้ว่าโดยครูอธิบายเพิ่มเติมด้วยส่ือpower point เร่ืองสมบัติของของแข็ง ของเหลวและแก๊ส - สมบัติของของแข็ง (Properties of Solid) ได้แก่ รูปร่างและปริมาตรคงท่ี ของแข็ง บรสิ ทุ ธิม์ รี ปู ร่าง ผลึกท่ีเฉพาะตัวของสารแต่ละสารและการระเหิด - สมบัติของของเหลว (Properties of Liquid) ปริมาตรคงท่ีแต่รูปร่างไม่คงท่ี อนุภาค ของของเหลวถูกดงึ ดดุ ดว้ ยแรงโน้มถ่วง ของเหลวมแี รงดนั ของเหลวระเหยได้ - สมบัติของแก๊ส (Properties of Gas) อนุภาคของสารอยู่ห่างกันมาก ไม่มีระเบียบมี ชอ่ งว่างมากบบี อัดไดป้ รมิ าตรลดลง มีจุดเดอื ดต่ำกว่าอณุ หภมู หิ อ้ ง แก๊สมพี ลงั งานจลน์มาก มีแรงดัน ขน้ั ท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (15 นาที) 1) การตอบคำถามในชน้ั เรยี น 2) จากการปฏบิ ัติงานกลุ่มแต่ละกลมุ่ กจิ กรรมท่ี 2.4 อนภุ าคของสาร 8. สื่อการเรยี นรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 กจิ กรรมที่ 2.4 อนุภาคของสาร 8.2 สอ่ื ออนไลน์ 8.3 หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน ม.1

9. การวดั และการประเมิน ตวั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑท์ ี่ใชใ้ นการประเมนิ 1 ด้านความรู้ :นกั เรียน - การตอบคำถามนักเรียน - แบบประเมนิ การตอบ ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 สามารถอธิบายการ ในช้ันเรยี น คำถาม จัดเรียงอนุภาคของสารได้ 2. ดา้ นกระบวนการ : - ตรวจบันทกึ การทดลอง - แบบประเมินการทำงาน ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 นกั เรยี นสามารถทดลอง ตรวจสอบการจัดเรียงตัว กลุม่ ตรวจสอบการจดั เรยี งตัว ของอนุภาคของสารใน ของอนภุ าคของสารใน สถานะของแข็ง ของเหลว สถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊สโดยใช้ และแก๊สโดยใช้ แบบจำลองการจดั เรยี ง แบบจำลองการจัดเรียง อนุภาคได้ อนภุ าคได้ 3. ด้านเจตคติ : นกั เรยี น - การสงั เกตพฤติกรรมการ - แบบประเมนิ การสังเกต ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 ทดลองแล้วเกบ็ อุปกรณ์ เรยี น เข้าที่ 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื ผู้สอน (นางสาวจิรนนั ท์ เกตุทหาร) 11. ข้อคดิ เห็นของหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ............................................................... (นายนนั ท์ ก้อคำ) หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุม่ งานบรหิ ารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (....................................................) ผูช้ ่วยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบรหิ ารวิชาการ การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรูจ้ ากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ ..............................................................................................................................................................  เหน็ สมควรอนมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน  เหน็ สมควรไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบริหารวิชาการ การอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรยี น  อนมุ ัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน  ไมอ่ นุมัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ....................................................................................... (นางวลิ าวัลย์ ปาลี) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา

ตอนท่ี 1 กิจกรรมที่ 2.4 อนุภาคของสาร ตอนที่ 2 1. นำขวดมาเจาะรขู นาด 1 mm ประมาณ 10-15 รู บรรจุเม็ดโฟมสีต่างๆ 2. ปิดดว้ ยจุกยางและตอ่ ดว้ ยท่อแก๊ส 3. เบาลมเข้าไปในทอ่ แกส็ อย่างช้าๆ เบาๆ สังเกตการเคลอ่ื นตัวของเมด็ โฟม 4. เบาลมใหแ้ รงจนเม็ดโฟมส่นั สังเกตการ เคลื่อนตวั ของเม็ดโฟม 5. เบาลมใหแ้ รงที่สดุ สังเกตการเคลือ่ นตัวของ เม็ดโฟม 1. สังเกตลักษณะของด่างทบั ทิม บันทึกผล 2. .ใส่ดา่ งทับทิมลงบกี เกอร์ สังเกตการณ์เปล่ยี นแปลงทเี่ กิดขนึ้ นาน 2 นาที บันทึกผล 3. เปดิ ฝาขวดที่มีสำลีชดุ แอมโมเนยี อยู่ แล้วท้ิงไว้ประมาณ 2 นาที สงั เกตการ เปลย่ี นแปลงที่เกดิ ขน้ึ บันทกึ ผล

ตารางบนั ทกึ ผล การเคลอื่ นตวั ของเม็ดโฟม สิ่งทีส่ ังเกตได/้ การเปลย่ี นแปลงที่เกดิ ขึ้น ตอนท่ี 1 ลกั ษณะการเป่า เปา่ ลมอย่างช้าๆ เบาๆ เปา่ ลมแรงข้นึ จมเม็ดโฟมส่ัน เป่าลมแรงสดุ ตอนท่ี 2 กิจกรรม ลักษณะของเกล็ดด่างทบั ทิม เมื่อใส่เกล็ดดา่ งทับทิมลงในน้ำ เมือ่ เปดิ ฝาขวดที่มีสำลีชุบสารละลาย แอมโมเนียอย่ภู ายใน

กจิ กรรมที่ 2.4 อนุภาคของสาร เฉลย ตอนที่ 1 1. นำขวดมาเจาะรูขนาด 1 mm ประมาณ ตอนท่ี 2 10-15 รู บรรจุเมด็ โฟมสีต่างๆ 2. ปดิ ด้วยจกุ ยางและตอ่ ด้วยทอ่ แก๊ส 3. เบาลมเข้าไปในท่อแกส็ อย่างช้าๆ เบาๆ สังเกตการเคลอ่ื นตวั ของเมด็ โฟม 4. เบาลมใหแ้ รงจนเมด็ โฟมสัน่ สังเกตการ เคลอื่ นตัวของเมด็ โฟม 5. เบาลมให้แรงทสี่ ุดสังเกตการเคลอ่ื นตัวของ เมด็ โฟม 1. สังเกตลักษณะของด่างทบั ทิม บนั ทึกผล 2. .ใสด่ า่ งทับทมิ ลงบกี เกอร์ สงั เกตการณเ์ ปล่ยี นแปลงทีเ่ กดิ ขึน้ นาน 2 นาที บนั ทกึ ผล 3. เปิดฝาขวดทีม่ ีสำลีชุดแอมโมเนยี อยู่ แล้วท้ิงไวป้ ระมาณ 2 นาที สังเกตการ เปล่ยี นแปลงท่ีเกิดข้นึ บันทกึ ผล

ตารางบันทึกผล การเคลอื่ นตวั ของเม็ดโฟม เม็ดโฟมสน่ั แต่อย่กู ับที่และชิดตดิ กัน ตอนท่ี 1 เคล่อื นที่แยกห่างกนั ไปทั่วก้นภาชนะปรมิ าตรเพมิ่ ขึ้น ลักษณะการเปา่ เลก็ น้อย เม็ดโฟมสน่ั ฟงุ้ กระจายแยกออกจากกนั อยา่ ง เป่าลมอยา่ งช้าๆ เบาๆ รวดเรว็ ทั่วขวดพลาสตกิ เป่าลมแรงข้นึ จมเมด็ โฟมสั่น สง่ิ ทส่ี ังเกตได้/การเปลย่ี นแปลงท่เี กิดขน้ึ เปา่ ลมแรงสดุ เป็นผลึกท่อนเลก็ ๆ สีม่วงเขม้ เกอื บดำและมนั วาว เกล็ดด่างทับทมิ จะจมลงทกี่ น้ บีกเกอรแ์ ละบรเิ วณ ตอนท่ี 2 รอบๆเกลด็ ด่างทับทมิ จะเห็นนำ้ เป็นสมี ่วงเขม้ กิจกรรม แพร่กระจาย รอประมาร 2-3 นาทสี ารละลายทัว่ บีกเกอร์โดยไมต่ ้องคนสาร ลักษณะของเกล็ดด่างทับทมิ ได้กล่ินแอมดมเนียฟงุ้ กระจายไปท่ัวห้อง เมื่อใสเ่ กล็ดดา่ งทับทมิ ลงในนำ้ เม่อื เปดิ ฝาขวดท่มี ีสำลีชบุ สารละลาย แอมโมเนยี อยู่ภายใน

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 11 เรื่อง การจำแนกสารบริสทุ ธิ์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21101 เวลา 2 คาบ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ สารบรสิ ุทธ์ิ รวม 22 คาบ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 สาระท่ี 2 ช่ือสาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานการเรียนรู้ - ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชี้วดั - ม 1/7 อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ โดย ใชแ้ บบจำลองและสารสนเทศ 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สาระสําคัญ สารบรสิ ุทธแ์ิ บ่งออกเป็นธาตแุ ละสารประกอบธาตุประกอบด้วยอนุภาคท่ีเลก็ ท่ีสุดท่ียังแสดง สมบัติของธาตุน้ันเรียกว่าอะตอม ธาตุแต่ละชนิด ประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียวและไม่ สามารถแยกสลาย เป็นสารอืน่ ได้ด้วยวธิ ีทางเคมีธาตเุ ขียนแทนด้วยสัญลกั ษณธ์ าตุ สารประกอบ เกิดจากอะตอมของธาตตุ ัง้ แต่ 2 ชนิด ขึ้นไปรวมตัวกันทางเคมีในอัตราส่วนคงท่ีมีสมบัติแตกต่างจากธาตุที่เป็นองค์ประกอบสามารถแยกเป็นธาตุได้ด้วย วธิ ที างเคมีธาตุและ สารประกอบสามารถเขียนแทนได้ดว้ ยสตู รเคมี 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรียนสามารถอธบิ ายการจำแนกสารบริสทุ ธิ์ได้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถทดลองการจำแนกสารบรสิ ุทธ์ิโดยวธิ ีการแยกนำ้ ด้วยไฟฟา้ ได้ 3) ดา้ นเจตคติ (A) นกั เรยี นทดลองแล้วเก็บอุปกรณเ์ ขา้ ท่ีและรักษาความสะอาด

4. คณุ ลักษณะผเู้ รยี น อยู่อย่างพอเพียง ซือ่ สตั ยส์ ุจรติ ม่งุ มั่นในการทำงาน 4.1 คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ รักความเป็นไทย  ใฝเ่ รยี นรู้ มีจิตสาธารณะ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  มีวนิ ัย 5. ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน  ความสามารถในการคดิ : นักเรยี นสามารถอธบิ ายการจำแนกสารบริสทุ ธไ์ิ ด้ 6. สาระการเรียนรู้ การจำแนกสารบรสิ ุทธิ์ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ใชร้ ปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ข้ันที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) (15 นาที) 1) ครูทบทวนความร้เู ดมิ เก่ียวกบั สารบริสุทธ์ิที่นักเรยี นได้เรียนรู้มาบ้างแลว้ โดยให้นักเรียนตอบ คำถามในหนงั สอื หนา้ 39 โดยให้นกั เรียนบนั ทึกลงในสมุดของนักเรียนเอง 2) เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมข้างต้นเรียบร้อยแล้ว ครูเฉลยนักเรียนเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจใน การเรยี นของนักเรยี นดงั น้ี เขียนเครอื่ งหมาย หนา้ คำตอบทีเ่ ป็นสารบรสิ ทุ ธิ์ เกลอื แกง น้ำตาล นำ้ ปลา (เปน็ สารผสมของนำ้ และนำ้ หมกั ปลา) นำ้ เชอ่ื ม (เปน็ สารผสมของนำ้ และ น้ำตาลทราย) พรกิ กับเกลือ (เป็นสารผสมของพริก และเกลือแกง) น้ำ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สออกซิเจน แก๊สไนโตรเจน อากาศ (เป็นสารผสม) ขนั้ ที่ 2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (55 นาที) 1) ครใู ห้นกั เรียนน่งั เป็นกลุ่มตามทไี่ ดจ้ ดั ไว้ โดยจะมีสมาชกิ กลมุ่ อยปู่ ระมาณ 4- 5 คนตอ่ กลุ่ม 2) ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับธาตุและสารประกอบของนักเรียน โดยให้ทำกิจกรรมรู้ อะไรบ้างก่อนเรียน นักเรียนสามารถเขียนตามความเข้าใจของนักเรียน โดยครูไม่เฉลยคำตอบ และครูนําข้อมูล จากการตรวจสอบความรูเ้ ดมิ ของนักเรียนไปใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้วา่ ควรเน้นย้ำ หรืออธบิ ายเรื่องใด เป็นพิเศษ เม่ือนักเรียนเรียนจบเรื่องนี้แลว้ นักเรียนจะมีความร้คู วามเข้าใจครบถว้ น ตามจุดประสงค์ของบทเรียน 3) ป้องกันความคลาดเคลื่อน ครูย้ำว่า สารประกอบ เป็นสารบริสุทธ์ิที่มีองค์ประกอบต้ังแต่ 2 ชนิดข้ึนไป เช่นเดียวกันกับ สารผสม ซ่ึงประกอบด้วยสารตั้งแต่2 ชนิดขึ้นไปผสมอยู่รวมกัน ส่วนธาตุและธาตุ

อาหาร หมายถงึ สารบริสุทธิ์ที่มอี งค์ประกอบเป็นอะตอมเพียงชนิดเดียวเหมือนกนั โดยครูให้นักเรยี นแก้ไขในส่วน ทน่ี ักเรยี นยังมคี วามคลาดเคล่อื น 4) ครูให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มดำเนนิ กจิ กรรมท่ี 2.5 สารบริสุทธิ์มีอะไรบ้าง โดยปฎิบตั ิกิจกรรมตาม หนงั สือเรยี นหนา้ 82 ( หนังสือเรยี น สสวท. ) โดยครใู ช้วธิ กี ารสาธติ โดยใชว้ ิดทิ ศั น์ที่มอี ยู่ในอินเทอร์เน็ตให้นักเรยี น สังเกต ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=rmjPKvWA09g 5) เมื่อนักเรียนได้ดูวิดิทัศน์สาธิตไปแล้ว ครูให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริงจากอุปกรณ์และข้ันตอน วธิ กี ารทำดงั วิดทิ ศั น์ จากน้ันให้นักเรียนบันทึกข้อมลู เพอ่ื จดั กระทำข้อมลู เพื่อนำเสนอ 6) ในขณะที่นักเรียนดำเนินกิจกรรมนั้น ครูแนะนำในเร่ืองความปลอดภัยของนักเรียนซ่ึงมีเร่ือง เกี่ยวกับการใชไ้ ฟ ดังนัน้ เพอื่ ป้องกันอันตรายท่ีจะเกดิ ขึ้นครูจงึ ให้นกั เรยี นระมัดระวงั เป็นพเิ ศษและเน้นย้ำเรอื่ งเน้น ให้นกั เรียนทำการทดสอบสารและสงั เกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนอย่างละเอียด และวิเคราะห์ชนิดของสารที่เก็บ ไดจ้ ากข้ัวบวกและข้วั ลบจากสมบัตขิ องสาร ข้ันที่ 3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (15 นาที) 1) ครูและนกั เรียนรว่ มอภิปรายขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการทำกจิ กรรมในประเดน็ ดงั ตอ่ ไปนี้ • กจิ กรรมนเี้ กยี่ วกบั เรอื่ งอะไร (การแยกองคป์ ระกอบของสารบริสทุ ธ)์ิ • สารบรสิ ทุ ธิ์ท่ใี ชเ้ ป็นสารตวั อยา่ งในกิจกรรมนค้ี ือสารใด (สารบรสิ ทุ ธ์คิ อื น้ำ) • จุดประสงค์ของกิจกรรมนี้เป็นอย่างไร (จุดประสงค์เพื่อแยกน้ำด้วยไฟฟ้าและอธิบายผลท่ีได้ จากการแยกนำ้ ด้วยไฟฟ้า)

• กจิ กรรมนมี้ ีวิธีการดำเนินกิจกรรมโดยสรปุ อย่างไร (เตมิ นำ้ และเบคกงิ้ โซดาในเครอ่ื งแยกนำ้ ดว้ ย ไฟฟ้า ต่อวงจรเคร่ืองแยกน้ำด้วยไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทดสอบสารท่ีเกิดขึ้นจาก การแยกน้ำด้วยไฟฟ้าจากข้ัวบวกและขั้วลบโดยใช้ธูปที่ลุกเป็นเปลว บันทึกผล ทำซ้ำการแยกน้ำด้วยไฟฟ้าและ ทดสอบสารท่เี กิดขน้ึ จากขัว้ บวกและข้วั ลบโดยใช้ธูปท่ีเป็นถา่ นแดง บันทึกผล) • ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีหรือไม่อย่างไร (1.ควรใช้ไฟแช็กด้วยความระมัดระวัง อย่าให้ เปลวไฟเข้าใกล้สิ่งท่ีอาจเป็นเชื้อเพลิง เช่น เส้นผม เส้ือผ้ากระดาษ 2.ทดสอบสารที่เก็บได้ในหลอดท้ังสองด้วย ความระมัดระวงั เน่ืองจากสารเหลา่ น้นั อาจทำให้เกดิ เสยี งหรือเกิดเปลวไฟ) 2) ครคู วรอธิบายเพ่ิมเติมในประเด็นที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ครบถว้ น และแนะนำเกีย่ วกบั การใช้ ไฟแช็กและธูปอย่างปลอดภยั 3) ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทำกิจกรรมและเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าสารบริสุทธ์ิเมื่อ ไดร้ ับพลังงานอาจแยกสลายให้องค์ประกอบย่อยมากกว่า1ชนิดเช่น น้ำมอี งค์ประกอบยอ่ ย2ชนดิ คือออกซิเจนและ ไฮโดรเจนรวมตัวกัน สารบริสุทธิ์ที่มีองค์ประกอบย่อยมากกว่า 1 ชนิดเรียกว่า สารประกอบ (compound) ส่วน สารบรสิ ุทธ์ิทีม่ ีองคป์ ระกอบยอ่ ยเพยี งชนดิ เดยี ว เรียกว่า ธาตุ(element) ข้ันที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) 1) ครูให้วาดแผนภาพท่ีจำลองอนุภาคของสารบริสุทธิ์ที่มีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียวและสาร บริสทุ ธิ์ที่มีองคป์ ระกอบตั้งแต่ 2 ชนิดข้ึนไปลงในสมดุ ของนักเรียนเอง 2) ครูให้นักเรียนตอบคําถามหลังเรียน เพื่อประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับธาตุและสารประกอบ ดังน้ี - แก๊สไนโตรเจน ประกอบด้วยไนโตรเจน 2 อะตอม 1. แก๊สไนโตรเจนเปน็ ธาตหุ รือสารประกอบ 2. วาดลูกศรช้อี ะตอมไนโตรเจนในภาพ - แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดป์ ระกอบด้วย คารบ์ อน 1 อะตอม และออกซิเจน 2 อะตอม 1. แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดเ์ ป็นธาตหุ รอื สารประกอบ 2. วาดลูกศรชี้อะตอมคาร์บอนและอะตอมออกซเิ จนในภาพ

3) ครูให้นักเรียนกลับไปฝึกท่องตารางธาตุ 20 ธาตุแรก พร้อมเขียนลงในสมุดของนักเรียนส่ง คาบหนา้ ขนั้ ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (15 นาที) 1) การตอบคำถามในชน้ั เรียน 2) จากการปฏิบัติงานกลุ่มแต่ละกลมุ่ กิจกรรมที่ 2.5 สารบรสิ ทุ ธม์ิ อี ะไรบา้ ง 3) การเขยี นตารางธาตบุ ันทกึ ลงในสมุด 8. ส่ือการเรียนรู้ / แหลง่ เรียนรู้ 8.1 กิจกรรมที่ 2.5 สารบริสุทธ์มิ ีอะไรบ้าง ( แบบปฏิบตั ิกิจกรรมจากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.1 สสวท. ) 8.2 สอ่ื ออนไลน์ 8.3 หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์พืน้ ฐาน ม.1 9. การวัดและการประเมิน ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑท์ ่ีใชใ้ นการประเมนิ 1 ด้านความรู้ :นกั เรยี น - การตอบคำถาม - แบบประเมนิ การตอบ ผ่านเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 2 สามารถอธบิ ายการจำแนก นักเรียนในชั้นเรียน คำถาม ผ่านเกณฑร์ ะดับคุณภาพ 2 สารบรสิ ทุ ธิ์ได้ 2. ดา้ นกระบวนการ : - ตรวจบนั ทึกการ - แบบประเมนิ การทำงาน ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 นกั เรยี นสามารถทดลองการ ทดลองกจิ กรรมท่ี 2.5 กล่มุ จำแนกสารบรสิ ุทธิ์โดยวิธกี าร สารบรสิ ุทธม์ิ ีอะไรบา้ ง แยกน้ำดว้ ยไฟฟา้ ได้ - แบบประเมนิ การสงั เกต 3. ด้านเจตคติ : นกั เรียน - การสังเกตพฤติกรรม ทดลองแลว้ เก็บอุปกรณเ์ ขา้ ท่ี การเรียน และรกั ษาความสะอาด

10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ ผู้สอน (นางสาวจิรนนั ท์ เกตุทหาร) 11. ขอ้ คดิ เห็นของหวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชอื่ ............................................................... (นายนันท์ ก้อคำ) หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 12. ข้อคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะผชู้ ่วยผูอ้ ำนวยการกลมุ่ งานบริหารวชิ าการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ............................................................... (....................................................) ผชู้ ว่ ยผู้อำนวยการกลมุ่ งานบริหารวชิ าการ การอนุมัติการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรจู้ ากฝ่ายบรหิ าร ความคิดเห็นของรองผูอ้ ำนวยการฝ่ายวชิ าการ ..............................................................................................................................................................  เหน็ สมควรอนมุ ตั ิใหใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน  เห็นสมควรไม่อนมุ ตั ิให้ใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่ือ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอุด) รองผอู้ ำนวยการโรงเรียนฝ่ายบริหารวชิ าการ

การอนมุ ัติจากผูอ้ ำนวยการโรงเรียน  อนุมตั ใิ ห้ใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน  ไมอ่ นุมัตใิ ห้ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชือ่ ....................................................................................... (นางวลิ าวัลย์ ปาลี) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 12 เรอ่ื ง ธาตแุ ละสารประกอบ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21101 เวลา 1 คาบ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 ชอื่ หนว่ ยการเรียนรู้ สารบรสิ ุทธิ์ รวม 22 คาบ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 สาระท่ี 2 ชือ่ สาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ตัวชีว้ ัด - ม 1/7 อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ โดย ใช้แบบจำลองและสารสนเทศ 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สาระสาํ คัญ สารบรสิ ุทธิ์แบ่งออกเป็นธาตแุ ละสารประกอบธาตุประกอบดว้ ยอนุภาคท่ีเลก็ ที่สุดท่ียงั แสดง สมบัติของธาตุนั้นเรียกว่าอะตอม ธาตุแต่ละชนิด ประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียวและไม่ สามารถแยกสลาย เปน็ สารอืน่ ไดด้ ้วยวิธีทางเคมธี าตุเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ธาตุ สารประกอบ เกิดจากอะตอมของธาตุตง้ั แต่ 2 ชนิด ข้ึนไปรวมตัวกันทางเคมีในอัตราส่วนคงที่มีสมบัติแตกต่างจากธาตุที่เป็นองค์ประกอบสามารถแยกเป็นธาตุได้ด้วย วธิ ที างเคมธี าตุและ สารประกอบสามารถเขยี นแทนไดด้ ว้ ยสตู รเคมี 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) ด้านความรู้ (K) นักเรยี นสามารถอธบิ ายความแตกตา่ งระหว่างธาตุกบั สารประกอบได้ 2) ด้านกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถทอ่ งธาตุ 20 ธาตแุ รกได้ 3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรียนเหน็ คณุ ค่าของธาตุที่มีความสำคัญตอ่ เศรษฐกจิ ของไทย

4. คุณลักษณะผเู้ รียน อยู่อย่างพอเพียง ซอื่ สัตยส์ จุ รติ ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 4.1 คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ รกั ความเป็นไทย  ใฝ่เรยี นรู้  มีจติ สาธารณะ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ มวี นิ ัย 5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น  ความสามารถในการคดิ : นกั เรียนสามารถอธบิ ายความแตกตา่ งระหวา่ งธาตกุ บั สารประกอบได้ 6. สาระการเรียนรู้ - สารบริสุทธทิ์ ่ีมอี งคป์ ระกอบมากกวา่ 1 ชนิด ในอัตราสว่ นคงท่ี เป็น สารประกอบ - สารบรสิ ทุ ธท์ิ ม่ี อี งคป์ ระกอบเพยี ง 1 ชนดิ เปน็ ธาตุ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ใชร้ ปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (60 นาที) ขนั้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนนำการบ้านท่คี รูส่งั ไปในคาบท่ีแล้วขนึ้ มา กล่าวคือทบทวนว่าครัง้ ที่แล้ว ครูได้สง่ั การบ้านอะไรไป จากนน้ั ครูทำการสมุ่ เลขที่ของนกั เรียนคนใดคนหนึง่ โดยใชโ้ ปรแกรมสุ่มเลขที่ 2) ครูเขียนสัญลักษณ์ของธาตุตัวใดตัวหน่ึงของ 20 ธาตุที่ให้นักเรียนไปสืบค้นมาแล้วให้นักเรียนตอบ คำถาม ดังน้ี - สัญลักษณ์น้ีคือธาตุอะไร โดยเล่นเกมน้ีแบบสุ่มเลขที่ไปเรื่อยครูก็เปล่ียนธาตุไปเร่ือย และทส่ี ำคัญคือทุกคนห้ามดใู นสมดุ ของตนเองทจ่ี ดบันทกึ เอาไว้ 3) ครูกระตนุ้ ความสนใจโดยใช้คําถามเพ่ือให้นักเรยี นเกดิ ขอ้ สงสัยเกี่ยวกับชื่อธาตุชนดิ ตา่ ง ๆ เช่น นกั เรียนรู้จกั ชื่อธาตุอะไรแล้วบา้ ง นกั เรยี นคดิ วา่ ในโลกมีธาตุอยปู่ ระมาณกี่ชนิด นกั เรยี นคดิ วา่ นักวิทยาศาสตร์มวี ธิ ี บอกช่อื ธาตุอยา่ งไร แลว้ ครูให้นักเรียนอ่านเกยี่ วกบั สญั ลักษณ์ของธาตุในหนังสอื เรียน ขนั้ ที่ 2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (25 นาที) 1) ครใู ห้นักเรียนน่ังเปน็ กลมุ่ ตามทีไ่ ด้จดั ไว้ โดยจะมีสมาชิกกลุ่มอยูป่ ระมาณ 4- 5 คนตอ่ กลมุ่ 2) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสร้างแผนผังความคิดเรื่องเราแตกต่างกันอย่างไร โดยแผนผัง ความคิดดังกล่าวน้ีเปน็ การเขยี นแสดงความคิดเห็นในเรื่องของธาตุกบั สารประกอบแตกต่างกันอย่างไรบา้ ง ทัง้ ด้าน ความหมาย ยกตวั อยา่ งของธาตุกบั สารประกอบและตวั อย่างการใชป้ ระโยชน์ 3) ให้นักเรียนสืบค้นจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับชื่อธาตุอื่น ๆและนําเสนอช่ือธาตุและ ที่มาของชื่อธาตุเช่น ท่ีมาจากช่ือนักวิทยาศาสตร์ประเทศ ลักษณะของธาตุในภาษาละติน และครูอาจเสนอแนะ การอ่านออกเสียงช่ือธาตุท่ีนักเรียนสนใจท่ีมาจากภาษาอังกฤษหรือละติน เช่น โครเมียม โพแทสเซียม กํามะถัน

(Sulphur ซัล -เฟ อ ร์) ท องแ ด ง (copperคอ ป -เป อ ร์) โด ยใช้ แ ห ล่ งเรีย น รู้เช่น ราช บั ณ ฑิ ต ยส ถาน http://www.royin.go.th/?page_id=637http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/E/134/2. PDF หรือพจนานุกรมต่าง ๆ 4) ในขณะที่นักเรียนดำเนินกจิ กรรมนั้น ครูแนะนำการเขยี นแผนผังความคิดท่ีถกู ต้องให้นกั เรียน ทราบ ขั้นที่ 3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (10 นาที) 1) ครูและนักเรียนร่วมกับสรุปบทเรียนและอภิปรายดังน้ีสารบริสุทธ์ิท่ีมีองค์ประกอบย่อย มากกว่า 1 ชนิดเรยี กว่า สารประกอบ (compound) ส่วนสารบริสุทธ์ิทมี่ ีองค์ประกอบย่อยเพียงชนดิ เดียว เรียกว่า ธาต(ุ element) 2) ธาตุจะมีสญั ลักษณน์ ิวเคลยี ร์ของธาตุตัวอย่างเช่น ทม่ี า https://school.dek-d.com/blog/featured/trick-isotope-isotone-isobar/ ยกตัวอยา่ ง ธาตุ ไฮโดรเจน ทมี่ า https://sites.google.com/site/sarlaeakarpeliynpaelngm2/saylaksn-thatu

3) ตวั อยา่ งสารประกอบ ท่ีมา http://thn245266chemistry.blogspot.com/2016/08/3-3.html ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) 1) ครูถามนักเรียนว่านักเรียนมีวิธีการอนุรักษ์ธาตุที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง โดย ให้นกั เรยี นตอบลงในสมุดของนักเรยี น 2) ครูใหน้ ักเรยี นดูวิดทิ ัศน์เกยี่ วกบั ธาตุและสารประกอบเพ่ิมเติม ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=qXSMRHhDgy8

ข้ันที่ 5 ข้นั ประเมิน (Evaluation) (5 นาที) 1) การตอบคำถามในชัน้ เรียน 2) การปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่ม 3) การสง่ สมุดบนั ทกึ ตารางธาตแุ ละการท่องธาตุ 20 ชนิด 8. ส่ือการเรียนรู้ / แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 กิจกรรมกลมุ่ 8.2 สอ่ื ออนไลน์ 8.3 หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ม.1 8.4 ตารางธาตุ 9. การวัดและการประเมิน ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวัด เครื่องมือวดั เกณฑท์ ี่ใช้ในการประเมิน 1 ด้านความรู้ :นกั เรยี น - การตอบคำถามนักเรยี น - แบบประเมินการตอบ ผา่ นเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 2 สามารถอธบิ ายความ ในช้นั เรยี น คำถาม แตกตา่ งระหวา่ งธาตุกบั ผ่านเกณฑถ์ กู ต้อง 100 % สารประกอบได้ - นักเรยี นท่องตารางธาตุ - ตารางธาตุ 20 ธาตุ ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ 2 2. ดา้ นกระบวนการ : 20 ธาตุ นักเรียนสามารถท่องธาตุ - แบบประเมินการทำงาน 20 ธาตแุ รกได้ - ตรวจสมุดของนกั เรียน รายบคุ คล 3. ด้านเจตคติ : นกั เรียน เหน็ คณุ ค่าของธาตทุ ่ีมี ความสำคญั ต่อเศรษฐกิจ ของไทย 10. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ ผู้สอน (นางสาวจริ นนั ท์ เกตทุ หาร)

11. ขอ้ คิดเห็นของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................... (นายนันท์ กอ้ คำ) หัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 12. ขอ้ คดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะผู้ช่วยผอู้ ำนวยการกลมุ่ งานบริหารวิชาการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงชอื่ ............................................................... (....................................................) ผู้ชว่ ยผู้อำนวยการกลุ่มงานบรหิ ารวชิ าการ การอนุมตั ิการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้จากฝา่ ยบริหาร ความคดิ เห็นของรองผอู้ ำนวยการฝา่ ยวชิ าการ ..............................................................................................................................................................  เหน็ สมควรอนุมตั ใิ ห้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน  เหน็ สมควรไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงช่ือ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอุด) รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝา่ ยบริหารวิชาการ การอนุมตั ิจากผู้อำนวยการโรงเรียน  อนุมตั ิใหใ้ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน  ไม่อนุมัตใิ ห้ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ.............................................................. ลงชอ่ื ....................................................................................... (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวัดพะเยา

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 13 เร่อื ง โครงสรา้ งอะตอม รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21101 เวลา 2 คาบ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ สารบรสิ ุทธ์ิ รวม 22 คาบ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 สาระท่ี 2 ชือ่ สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ - ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี ตัวชี้วดั - ม.1/8 อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมท่ปี ระกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และ อิเล็กตรอน โดยใช้แบบจำลอง 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สาระสําคญั อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นวิ ตรอนและ อิเลก็ ตรอนโปรตอนมีประจุไฟฟ้าบวก ธาตุชนิด เดียวกนั มีจำนวนโปรตอนเท่ากนั และเป็นคา่ เฉพาะของธาตนุ นั้ นิวตรอนเปน็ กลางทางไฟฟ้า สว่ นอเิ ลก็ ตรอนมปี ระจุ ไฟฟ้าลบเม่ืออะตอมมีจำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอน จะเป็นกลางทางไฟฟ้า โปรตอนและนิวตรอน รวมกนั ตรงกลางอะตอมเรยี กว่านวิ เคลยี ส ส่วนอเิ ล็กตรอนเคลอ่ื นทีอ่ ยู่ในทีว่ า่ งรอบนวิ เคลยี ส 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถอธบิ ายโครงสร้างอะตอมได้ 2) ด้านกระบวนการ (P) นักเรยี นสามารถนำเสนอผลงานการศกึ ษาแบบจำลองอะตอมได้ 3) ด้านเจตคติ (A) นักเรยี นตั้งใจเรียนวทิ ยาศาสตร์

4. คุณลกั ษณะผเู้ รยี น อยู่อย่างพอเพียง ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ม่งุ มั่นในการทำงาน 4.1 คุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ รักความเป็นไทย  ใฝ่เรียนรู้ มจี ิตสาธารณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ มีวนิ ยั 5. ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น  ความสามารถในการคิด : นกั เรียนสามารถอธบิ ายโครงสร้างอะตอมได้ 6. สาระการเรียนรู้ อะตอมของธาตุประกอบด้วย โปรตอน(proton) นิวตรอน (neutron) และอิเล็กตรอน (electron) โปรตอนมปี ระจุบวก นวิ ตรอนเปน็ กลางทางไฟฟา้ ส่วนอิเลก็ ตรอนมีประจลุ บ โดยโปรตอนและนวิ ตรอนอยู่รวมกัน ตรงกลางของอะตอม อิเล็กตรอนอยู่ในที่ว่างรอบ ๆ แต่ละธาตุมีจํานวนโปรตอน นิวตรอนและอิเล็กตรอนของ แตกต่างกัน แต่จาํ นวนโปรตอนและอิเลก็ ตรอนของแต่ละธาตจุ ะเท่ากัน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ใชร้ ปู แบบการจัดการเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (120 นาที) ขน้ั ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1)ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนจากคาบที่แล้ว โดยครูมีสัญลกั ษณ์ของธาตตุ ัวใดตัวหน่ึงของ 20 ธาตุท่ีให้นกั เรยี นไปสบื คน้ มาแล้วใหน้ ักเรียนตอบคำถาม 2) ครูถามนักเรียนเพ่ือกระตุ้นความคิดของนักเรียน อะตอมคืออะไร นักเรียนคิดว่าโครงสร้าง หน้าตาของอะตอมเป็นอยา่ งไร ให้นักเรยี นเขยี นลงในสมุดของนักเรียนเอง ( แนวการตอบ ครูจะไมเ่ ฉลย ข้นึ อยู่กับ นักเรยี น ) ขัน้ ที่ 2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (50 นาที) 1) ครูใหน้ ักเรียนนง่ั เปน็ กลมุ่ ตามที่ไดจ้ ดั ไว้ โดยจะมีสมาชกิ กลุ่มอยู่ประมาณ 4- 5 คนตอ่ กลุม่ 2) ครูให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมท่ี 2.6 โครงสร้างอะตอมเป็นอย่างไร โดยครูให้นักเรียนรว่ มกัน ศึกษาแบบจำลองอะตอมของแต่ละแบบจำลอง โดยแต่ละกลุ่มจะได้หัวข้อของแบบจำลองที่แตกต่างกันออกไป โดยมีหัวข้อดังน้ี แบบจำลองอะตอมของดอลตัน แบบจำลองอะตอมของทอมสัน แบบจำลองอะตอมของ รทั เทอร์ฟอรด์ แบบจำลองอะตอมของโบร์ และแบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก ซึง่ แตล่ ะกลุม่ ไดห้ ยบิ ฉลากท่คี รู เตรียมไว้ให้ โดยครูจะแจกกระดาษบรูฟให้นักเรียนกลุ่มละ 1 แผ่นพร้อมสี 1 กล่อง เพ่ือให้นักเรียนได้นำเสนอ ผลงานออกมาจากการทีน่ ักเรยี นได้ศึกษาค้นควา้

3) ครูให้นักเรียนสืบค้นจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เก่ียวกับแบบจำลองอะตอมและโครงสร้าง อะตอม 4) เม่ือแต่ละกลุ่มดำเนินกิจกรรมเรียบร้อยแล้วครูให้แต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนมาเพื่อนำเสนอผลงาน ของกล่มุ ตวั เอง ข้นั ที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาที) 1) ครูและนกั เรียนรว่ มกบั สรปุ บทเรียนและอภปิ รายดงั นี้ แบบจำลองอะตอมของดอลตัน ซง่ึ สรุปได้ดงั น้ี ทมี่ า https://www.scimath.org/lesson-chemistry/item/7121-atomic-model - ธาตุประกอบด้วยอนุภาคเล็กๆหลายอนุภาคเรียกอนุภาคเหล่านี้ว่า “อะตอม” ซ่ึง แบ่งแยกและทำให้สูญหายไม่ได้และอะตอมของธาตุชนิดเดียวกันมีสมบัติเหมือนกัน แต่จะมีสมบัติ แตกต่างจาก อะตอมของธาตอุ ่ืน อีกทั้งสารประกอบเกิดจากอะตอมของธาตุมากกว่าหน่งึ ชนิดทำปฏิกิริยา เคมกี ันในอัตราส่วนที่ เป็นเลขลงตวั น้อยๆ - ทรงกลมตันมีขนาดเล็กที่สุดซึ้งแบ่งแยกอีกไม่ได้ อะตอมเป็นอนุภาคที่เล็กท่ีสุด แบ่งแยกอกี ไม่ได้ - อะตอมของธาตุชนดิ เดยี วกันมสี มบตั เิ หมือนกนั - อะตอมต้องเกดิ จากสารประกอบเกดิ จากอะตอมของธาตุต้ังแต่ 2 ชนิดขนึ้ ไปมารวมตัว กันทางเคมี แบบจำลองอะตอมของทอมสัน ซง่ึ สรุปไดด้ ังน้ี ท่มี า https://www.tes.com/lessons/b9iPVLGtJog_mg/plum-pudding-model

อะตอมมีลักษณะเป็นทรงกลมประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนทม่ี ีประจุไฟฟ้าเป็นบวกและอนุภาค อิเล็กตรอนท่ีมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ กระจัดกระจายอย่างสม่ำเสมอในอะตอมอะตอมที่มีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้า จะมีจำนวนประจบุ วกเท่ากับจำนวนประจลุ บ แบบจำลองอะตอมของรทั เทอร์ฟอรด์ ซ่ึงสรปุ ได้ดงั น้ี ที่มา https://jakkapech5652.files.wordpress.com/2014/02/snap9.jpg - ทอมสันศึกษาหามวลของอนุภาคบวกของ Ne ปรากฎว่า อนุภาคบวกนี้มีมวล 2 เท่า ผลการทดลองน้ีสนับสนุนว่าจะต้องมีอนุภาคอีกชนิดหน่ึงอยู่ในนิวเคลียสเชดวิก ได้ยิงอนุภาคแอลฟาไปยัง Be ปรากฎว่าได้อนุภาคชนิดนึ่งออกมาซ่ึงมีมวลใกล้เคียงกับมวลของโปรตรอนและไม่มีประจุไฟฟ้า เรียกอนุภาคน้ีว่า \"นวิ ตรอน\" - อะตอมประกอบด้วยนิวเคลียสที่มีโปรตอนรวมกันอยู่ตรงกลาง นิวเคลียสมีขนาดเล็ก แต่มีมวลมากและมีประจุเป็นบวก ส่วนอิเล็กตรอนซึ่งมีประจุเป็นลบ และมีมวลน้อยมาก จะวิง่ อยู่รอบนิวเคลียส เป็นบรเิ วณกวา้ ง แบบจำลองอะตอมของโบร์ ซ่งึ สรปุ ได้ดังน้ี ทีม่ า http://judoonkonent.blogspot.com/2017/12/blog-post_15.html

- อเิ ล็กตรอนจะอย่เู ปน็ ช้นั ๆ แต่ละชน้ั เรียกว่า “ ระดับพลงั งาน ” - แต่ละระดับพลังงานจะมอี เิ ล็กตรอนบรรจไุ ด้ดังน้ี จำนวนอเิ ล็กตรอน = 2n2 - อิเล็กตรอนท่ีอยู่ในระดับพลังงานนอกสุดเรียกว่า เวเลนซ์อิเล็กตรอน ( Valence electron ) จะเป็นอิเลก็ ตรอนทีเกดิ ปฏิกิรยิ าตา่ ง ๆ ได้ - อิเล็กตรอนท่ีอยู่ในระดับพลังงานวงใน อยู่ใกล้นิวเคลียสจะเสถียรมาก เพราะประจุ บวกจากนิวเคลียสดึงดูดเอาไว้อยา่ งดี ส่วนอิเล็กตรอนระดับพลังงานวงนอกจะไม่เสถียรเพราะนวิ เคลียสส่งแรงไป ดงึ ดดู ไดน้ ้อยมาก จึงทำให้อเิ ล็กตรอนเหล่านีห้ ลดุ ออกจากอะตอมไดง้ า่ ย - ระดับพลังงานวงในจะอยหู่ า่ งกันมาก สว่ นระดบั พลังงานวงนอกจะอยูช่ ดิ กนั มาก - การเปล่ียนระดับพลังงานของอิเล็กตรอน ไม่จำเป็นต้องเปล่ียนในระดับถัดกัน อาจ เปลี่ยนข้ามระดบั พลงั งานกไ็ ด้ แบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก ซ่ึงสรปุ ได้ดงั นี้ ทม่ี า http://thn243855chemistry.blogspot.com/2016/08/blog-post_75.html - อิเล็กตรอนเคล่ือนท่ีรอบนิวเคลียสอย่างรวดเร็วตลอดเวลาด้วยความเร็วสูง ด้วยรัศมี ไม่แน่นอนจึงไม่สามารถบอกตำแหน่งที่แน่นอนของอิเล็กตรอนได้บอกได้แต่เพียงโอกาสที่จะพบอิเล็กตรอนใน บริเวณต่างๆ ปรากฏการณ์แบบน้ีนี้เรยี กว่ากลุ่มหมอกของอิเล็กตรอน บริเวณที่มีกลุม่ หมอกอิเล็กตรอนหนาแน่น จะมีโอกาสพบอเิ ลก็ ตรอนมากกวา่ บริเวณที่เปน็ หมอกจาง - การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนรอบนวิ เคลียสอาจเป็นรูปทรงกลมหรือรูปอื่น ๆ ขึ้นอยกู่ ับ ระดบั พลงั งานของอเิ ลก็ ตรอน แตผ่ ลรวมของกลุ่มหมอกของอเิ ล็กตรอนทุกระดบั พลงั งานจะเป็นรูปทรงกลม - รูปทรงต่างๆของกลุ่มหมอกอิเล็กตรอน จะข้ึนอยู่กับระดับพลังงานของอิเล็กตรอน การใชท้ ฤษฎีควันตัม จะสามารถอธิบายการจัดเรียงตัวของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส ได้วา่ อิเล็กตรอนจัดเรียงตัว เป็นออรบ์ ทิ ลั (orbital) ในระดบั พลังงานยอ่ ย s , p , d , f แต่ละออรบ์ ทิ ัล จะบรรจอุ เิ ล็กตรอนเปน็ คู่ ดงั นี้ s – orbital มี 1 ออร์บทิ ัล หรือ 2 อเิ ล็กตรอน

p – orbital มี 3 ออร์บิทลั หรือ 6 อเิ ลก็ ตรอน d – orbital มี 5 ออร์บทิ ลั หรอื 10 อเิ ลก็ ตรอน f – orbital มี 7 ออรบ์ ิทัล หรอื 14 อิเล็กตรอน แต่ละออร์บิทัลจะมีรปู รา่ งลักษณะแตกต่างกัน ขนึ้ อยู่กับการเคลอ่ื นที่ของอเิ ล็กตรอนในออร์บิทัล และระดับพลงั งานของอิเล็กตรอนในออร์บิทลั นัน้ ๆ เชน่ s – orbital มลี กั ษณะเปน็ ทรงกลม p – orbital มีลักษณะเป็นกรวยคล้ายหยดน้ำ ลักษณะแตกต่างกัน 3 แบบ ตามจำนวนอเิ ลก็ ตรอนใน 3 ออร์บิทัล คือ Px , Py , Pz d – orbital มีลักษณะและรูปทรงของกลุ่มหมอก แตกต่างกัน 5 แบบ ตาม จำนวนอิเลก็ ตรอนใน 5 ออรบ์ ิทัล คือ dx2-y2 , dz2 , dxy , dyz , dxz 2) ครูและนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายเร่อื งโครงสรา้ งอะตอม กล่าวคือ อะตอมของธาตุประกอบด้วย โปรตอน(proton) นิวตรอน (neutron) และอิเลก็ ตรอน (electron) โปรตอนมีประจุบวก นวิ ตรอนเป็นกลางทาง ไฟฟ้า ส่วนอิเลก็ ตรอนมีประจุลบ โดยโปรตอนและนิวตรอนอยู่รวมกันตรงกลางของอะตอม อเิ ล็กตรอนอยู่ในที่วา่ ง รอบ ๆ แต่ละธาตุมีจํานวนโปรตอน นิวตรอนและอิเลก็ ตรอนของแตกต่างกัน แต่จํานวนโปรตอนและอิเล็กตรอน ของแต่ละธาตุจะเทา่ กัน ขัน้ ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที) 1) ครูเปดิ ประเดน็ คำถามนักเรยี นเพ่อื ทดสอบนกั เรียนในช้ันเรยี นโดยใช้คำถามปลายปดิ ดังน้ี - โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน มีประจุไฟฟ้า เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ( แนวการ ตอบ โปรตอนจะมีประจุ +, นิวตรอนจะเปน็ 0 ( กลางทางไฟฟ้า ) และอเิ ล็กตรอนจะมีประจุ - ) - อะตอมหนงึ่ มี7โปรตอน 7 นวิ ตรอน สว่ นอะตอมที่สองมี7โปรตอน 8 นิวตรอน อะตอมท้งั สองนี้ เป็นอะตอมของธาตุชนิดเดียวกันหรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคําตอบ อะตอมทั้งสองเป็นอะตอมของธาตุชนิด เดยี วกนั เพราะมจี ํานวนโปรตอนเท่ากัน) - นิวเคลียสของธาตุแต่ละชนิดมีประจุไฟฟ้ารวมเป็นอย่างไร เพราะเหตุใด (แนวคําตอบ นวิ เคลียสของธาตแุ ตล่ ะชนิดมปี ระจุไฟฟ้าบวกเนื่องจากประกอบด้วยโปรตอน ซ่ึงมีประจุบวกและนิวตรอนซงึ่ เป็น กลางทางไฟฟา้ เม่อื อยู่รวมกันจงึ เป็นประจไุ ฟฟา้ บวก) - ถ้าอะตอมของธาตุฮีเลียมมี2โปรตอน 2 นิวตรอน และ2อิเล็กตรอน อะตอมของธาตุฮีเลียมจะ มีประจไุ ฟฟา้ อะไร เพราะเหตใุ ด (แนวคําตอบ อะตอมของธาตฮุ ีเลียมจะเป็นกลางทางไฟฟ้า เน่ืองจากมอี นุภาคทมี่ ี

ประจุบวก 2 อนุภาค อนุภาคท่ีเป็นกลาง 2 อนุภาค และอนุภาคท่ีมีประจุลบ 2 อนุภาค เมื่ออยู่รวมกันจึงเป็น กลางทางไฟฟ้า) 2) หากครูพบว่านักเรียนมีแนวคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับโครงสร้างอะตอม ให้ครูแก้ไข แนวความคดิ คลาดเคลอ่ื นของนกั เรยี นโดยให้นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายเพือ่ แกไ้ ขให้ถกู ตอ้ ง แนวคดิ คลาดเคลอ่ื น แนวความคดิ ทถี่ ูกตอ้ ง อิเล็กตรอนเคลื่อนท่ีเป็นรูปวงกลมล้อมรอบ อิ เล็ก ตรอ น เคล่ือ น ท่ี อ ยู่ใน ท่ี ว่างซึ่งอ ยู่ นิวเคลียสเป็นวงโคจรรูปวงกลมหรือวงรีในลักษณะ ล้อมรอบนิวเคลียสแต่การเคล่ือนที่ของอิเล็กตรอนไม่ เดียวกันกับดาวเคราะห์เคล่ือนท่ีเป็นวงโคจรรอบดวง จาํ เป็นต้องเป็นวง อาทติ ย์ อะตอมของธาตชุ นิดหน่ึงจะมีจํานวนโปรตอน อะตอมของธาตุชนิดหนึ่งจะมจี ํานวนโปรตอน และนิวตรอนเทา่ กันเสมอ และอิเล็กตรอนเท่ากันเสมอแต่จํานวนโปรตอนไม่ จาํ เปน็ ตอ้ งเทา่ กับจํานวนนิวตรอน ขัน้ ที่ 5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 1) การตอบคำถามในช้ันเรยี น 2) การปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุ่ม 8. ส่ือการเรียนรู้ / แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 กิจกรรมกล่มุ กจิ กรรมท่ี 2.6 โครงสรา้ งอะตอมเปน็ อย่างไร 8.2 สอ่ื ออนไลน์ 8.3 หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ม.1 8.4 ตารางธาตุ 9. การวัดและการประเมิน ตัวชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื วัด เกณฑท์ ีใ่ ช้ในการประเมนิ 1 ด้านความรู้ :นักเรยี น - การตอบคำถามนกั เรียน - แบบประเมินการตอบ ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 สามารถอธบิ ายโครงสร้าง ในชน้ั เรียน คำถาม อะตอมได้ ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 2. ด้านกระบวนการ : - การตรวจกิจกรรมท่ี 2.6 - แบบประเมินการทำงาน นกั เรียนสามารถนำเสนอ โครงสรา้ งอะตอมเป็น กลุ่ม ผลงานการศึกษา อยา่ งไร

แบบจำลองอะตอมได้ - การตรวจกิจกรรมท่ี 2.6 - แบบประเมนิ การทำงาน ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 2 3. ด้านเจตคติ : นักเรยี น โครงสรา้ งอะตอมเปน็ กลมุ่ ตง้ั ใจเรียนวิทยาศาสตร์ อยา่ งไร 10. กจิ กรรมเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ ผู้สอน (นางสาวจริ นันท์ เกตุทหาร) 11. ขอ้ คิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (นายนนั ท์ ก้อคำ) หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 12. ข้อคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะผชู้ ว่ ยผูอ้ ำนวยการกลมุ่ งานบริหารวชิ าการ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (....................................................) ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารวิชาการ

การอนุมตั ิการใช้แผนการจดั การเรยี นรจู้ ากฝ่ายบริหาร ความคดิ เหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ..............................................................................................................................................................  เหน็ สมควรอนมุ ตั ิใหใ้ ช้ในการจดั การเรียนการสอน  เหน็ สมควรไม่อนมุ ตั ใิ ห้ใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน เพราะ.......................................... ............................................................................................................................................................. ลงชอื่ ............................................................ (นายนพดล ธรรมใจอดุ ) รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี นฝา่ ยบรหิ ารวชิ าการ การอนมุ ตั จิ ากผอู้ ำนวยการโรงเรียน  อนุมัติใหใ้ ช้ในการจดั การเรียนการสอน  ไม่อนมุ ัติให้ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน เพราะ.............................................................. .............................................................................................................................................................. ลงชื่อ....................................................................................... (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๒๔ จังหวดั พะเยา

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 14 เร่ือง การจาํ แนกธาตแุ ละการใช้ประโยชน์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21101 เวลา 2 คาบ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ สารบรสิ ุทธ์ิ รวม 22 คาบ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 สาระที่ 2 ช่ือสาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชีว้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ - ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชว้ี ดั - ม.1/1 อธิบายสมบัติทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีได้จากการสังเกตและการทดสอบ และการใช้สารสนเทศที่ได้จาก แหลง่ ขอ้ มูลต่างๆ รวมทงั้ จัดกลุม่ ธาตเุ ปน็ โลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ - ม.1/2 วเิ คราะห์ผลจากการใชธ้ าตุโลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ และธาตุกรัมมันตรังสี ทมี่ ีต่อสิ่งมีชวี ิต ส่ิงแวดล้อม เศรษฐกจิ และสังคมจากขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ - ม.1/3 ตระหนกั ถึงคุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี โดยเสนอแนว ทางการใชธ้ าตุอย่างปลอดภยั คุม้ ค่า 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สาระสาํ คัญ ธาตุแต่ละชนิดมีสมบัติเฉพาะตัวและมีสมบัติทางกายภาพบางประ การเหมือนกันและบาง ประการตา่ งกันซึ่งสามารถนำมาจัดกลุ่มธาตุ เป็นโลหะอโลหะ และกึ่งโลหะ ธาตุโลหะมีจุดเดอืด จุดหลอมเหลวสูง มีผิวมันวาวนำความร้อนนำไฟฟ้า ดึงเป็นเส้นหรือตีเป็นแผ่นบาง ๆ ได้และ มีความหนาแน่นท้ังสูงและต่ำ ธาตุ อโลหะ มีจุดเดือดจุดหลอมเหลวต่ำ มีผิวไม่มันวาวไม่นำความร้อน ไม่นำไฟฟ้า เปราะแตกหักง่ายและมีความ หนาแน่นตำ่ ธาตกุ งึ่ โลหะมีสมบัติบางประการเหมอื นโลหะและสมบัติบางประการ เหมอื นอโลหะ ธาตโุ ลหะ อโลหะ และกงึ่ โลหะ ท่ีสามารถแผ่รังสีได้จัดเป็นธาตุกัมมันตรังสีธาตุมีทั้งประโยชน์และโทษการใช้ธาตุโลหะ อโลหะกึ่งโลหะธาตกุ มั มันตรงั สีควรคำนงึ ถึง ผลกระทบต่อสิง่ มีชวี ิต สงิ่ แวดล้อม เศรษฐกิจและสงั คม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook