Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือคอมพิวเตอร์ รวมเล่ม ปี 64

หนังสือคอมพิวเตอร์ รวมเล่ม ปี 64

Published by saman atts, 2021-09-01 07:33:00

Description: หนังสือคอมพิวเตอร์ รวมเล่ม ปี 64

Search

Read the Text Version

หนงั สือประกอบการเรยี น ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา คอมพิวเตอร์ อ.รหสั วิชา 6210-0001, 6300-000-01 ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทคณะผเู้ รียบเรียง น.ท.รุ่งกจิ กมลกลาง หน.ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ. ร.อ.หญิง รินดา ปอสี อจ.ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ. ร.ท.หาญ หงษ์เวียงจนั ทร์ อจ.ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ. ร.ต.สริ ภพ ตามธรรม อจ.ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ. การเรียนพ.อ.อ.วิทยา อุ่นโรจน์ ครู ผู้ชว่ ย ผวสส.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ. พ.อ.ต.กรณ์พงษ์ สขุ เกยี รติส์ กลุ สมน.ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ. หนังสือประกอบ ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2564

คำนำ เอกสารประกอบการเรยี นเล่มนี้จัดทาขน้ึ เพอื่ ใช้ประกอบการ เรียนการสอนในรายวิชาคอมพิวเตอร์ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้ท่ัวไป อ.ของคอมพิวเตอร์ ทักษะการใช้ระบบสารสนเทศและการสื่อสาร และ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทเรียนรู้วิธีการใช้งานโปรแกรม Microsoft Word โปรแกรม Microsoft Excel แ ล ะ โป รแ ก รม Microsoft PowerPoint รว ม ทั้ งก ารใช้ งาน อนิ เทอรเ์ น็ต (Internet) ซ่ึงสามารถนามาประยุกต์ใชง้ านในชีวิตประจาวัน ได้จริง สาหรับบุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรทัว่ ไปท่ีทางานเก่ียวข้อง กับด้าน IT Support การจัดการเอกสาร การจดั เกบ็ ข้อมูล และการจัดการ นาเสนอข้อมลู ตา่ ง ๆ ค ณ ะ ผู้ จั ด ท า ข อ ข อ บ คุ ณ ผู้ ท่ี มี ส่ ว น เกี่ ย ว ข้ อ ง ทุ ก ท่ า น ที่ให้คาปรึกษา คาแนะนาและสนับสนุนในการจัดทาเอกสาร ประกอบการเรยี นครัง้ น้ี จนสำเร็จลุล่วงบรรลตุ ำมวัตถุประสงคไ์ ดด้ ว้ ยดี การเรยี น สุดท้ายนี้ คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสาร ป ระ ก อ บ ก าร เรีย น เล่ ม น้ี จ ะ มี ป ระ โย ช น์ ต่ อ ผู้ ส น ใจ น า ไป ใช้ ใน ก า ร ประกอบการเรียนการสอน และศึกษาเพอ่ื ประยกุ ตใ์ ชง้ านดว้ ยตนเอง หนังสอื ประกอบ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.

สารผบวัญสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.คำนำ 2 2 บทท่ี 1 ควำมรทู้ ่วั ไปเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ 3 6 ความหมายของคอมพิวเตอร์ 10 15 ประเภทของคอมพิวเตอร์ 20 องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ 26 27 ทกั ษะการใชร้ ะบบสารสนเทศ 44 52 การใชง้ านอินเทอร์เน็ต 68 การเรียนจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ บทที่ 2 Microsoft Office Excel 2010 การใช้งานโปรแกรม Microsoft Office Excel 2010 ระกอบการเลือกช่วงข้อมูล สตู รและฟงั กช์ นั ในการใช้งาน ังสอื ป ฟังกช์ ันและการใช้ฟงั ก์ชนั (Function) การใชง้ านฟังก์ชัน หน การใชง้ านแมโคร (Macro) การใช้งาน VBA บน Excel 2010 74

ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.บทท่ี 3 Microsoft Office Word 2010 91 การใชง้ านโปรแกรม Microsoft Office Word 2010 110 แบบหนงั สือราชการและการกาหนดคา่ เอกสารตามแบบ 109 การสรา้ งเอกสารหนังสือราชการ 118 การสร้างจดหมายเวยี น 128 การสรา้ งแผน่ พับ 132 บทท่ี 4 Microsoft Office PowerPoint 2010 133 135 การเรียนการใช้งานโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 137 141 การจดั รปู แบบข้อความ 144 จัดหวั ขอ้ ย่อยและเลขลาดับ 155 การตกแตง่ สไลด์ด้วยรปู ภาพและภาพเคล่อื นไหว156 158 ระกอบการวาดภาพกราฟิก 161 SmartArt และ WordArt การนาเสนอขอ้ มูลด้วยตาราง 164 งั สอื ป การนาเสนอข้อมูลด้วยกราฟ การสรา้ งสไลด์มลั ติมเี ดีย หน การควบคมุ เสียงเพลงในงานนาเสนอ ชนิดของลกู เลน่ ทค่ี วรทราบ ข้นั ตอนและกระบวนการนาเสนอ 175

บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ หัวข้อและขอบเขตเน้อื หา ความหมายของคอมพิวเตอร์ ประเภทของคอมพิวเตอร์ อ.องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ททักษะการใช้ระบบสารสนเทศ การใชง้ านอนิ เทอร์เน็ต หนังสอื ประกอบการเรยี นจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์

บทที่ 1 ความรู้ทว่ั ไปเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ ความหมายของคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อการดาเนินชีวิต โดยเฉพาะในเร่ือง อ.ของการทางาน กลายเป็นสิ่งท่ีต้องเรียนรู้ เพ่ือช่วยให้สามารถทางานต่างๆ ได้สะดวก รวดเร็ว ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทประหยัดเวลามากกว่าเดิม และนอกจากท่ีทางานแล้ว ที่บ้านคอมพิวเตอร์ก็เป็นส่วนหน่ึงที่สามารถ ช่วยงานสว่ นตวั ดา้ นตา่ งๆ เชน่ ดูหนงั ฟงั เพลง ใชอ้ ินเตอร์เนต็ ฯลฯ คอมพวิ เตอรค์ ืออะไร คาจากัดความของคอมพิวเตอร์ “อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่สามารถรับข้อมูลเข้าไปประมวลผล แล้วได้ผลลัพธ์ออกมา ตามต้องการ โดยส่วนต่าง ๆ ท่ีประกอบกันขึ้นมาเป็นคอมพิวเตอร์จะต้องประกอบไปด้วย ส่วนต่าง ๆ ดังน้ี หน่วยรบั ขอ้ มลู หน่วยความจา หนว่ ยประมวลผลกลาง และหน่วยแสดงผลข้อมลู ” คอมพิวเตอร์ ในภาษาละตินใช้คาว่า Computare หมายถึง การนับ หรือ การคานวณ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า \"เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้ำท่ีเหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหำต่ำงๆ ท่ีง่ำยและ การเรียนซับซ้อนโดย วธิ ที ำงคณติ ศำสตร์\" คอมพวิ เตอร์ (computer นิยมอ่านในภาษาไทยว่า คอม-พ้วิ -เต้อ) คือ เครอ่ื งมือหรอื อุปกรณ์ อเิ ล็กทรอนิกส์ ที่มีความสามารถในการคานวณอัตโนมตั ิตามคาส่ัง ส่วนที่ใช้ประมวลผลเรียกว่าหน่วย ระกอบประมวลผล ชดุ ของคาสัง่ ที่ระบขุ ั้นตอนการคานวณเรยี กวา่ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผลลัพธท์ ่ีได้ออกมา นัน้ อาจเปน็ ไดท้ ั้ง ตัวเลข ขอ้ ความ รูปภาพ เสยี ง หรอื อยู่ในรปู อ่นื ๆ อกี มากมาย ประเภทของคอมพิวเตอร์ งั สอื ปจาแนกตามขนาดและความสามารถ เป็นการจาแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ที่พบเห็น ได้มากท่สี ุดในปัจจบุ ัน ซ่งึ ความสามารถแบ่งออกไดเ้ ปน็ 5 ประเภท คือ หน 1. ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงท่ีสุด บางคร้ังก็เรียกว่า เครื่อง คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (High-performance computer) ซ่ึงเครื่องส่วนใหญ่นาไปใช้กับ การทางานเฉพาะทางที่ตอ้ งการความเร็วในการประมวลผลอย่างมาก เช่น งานวิเคราะห์และพยากรณ์ อากาศ การสารวจอากาศงานวิเคราะหภ์ าพถา่ ยดาวเทียม 2 วชิ าคอมพิวเตอร์ รหัสวชิ า 6210-0001, 6300-000-01

2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงเช่นเดียวกัน แต่จะไม่เน้นความเร็วในการคานวณ เป็นหลักอย่างซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เคร่ืองเมนเฟรมส่วนใหญ่ผลิตมาจากบริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนา เช่น ไอบีเอม็ เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทน้ีสามารถเก็บข้อมูลไดม้ าก และทาได้หลายงานพรอ้ ม ๆ กัน เหมาะสาหรับการทางานกับองค์กรธุรกิจหรือหน่วยงานที่มีบริษัทสาขาและเกี่ยวข้องกับการประมวล ในปริมาณมาก เชน่ ธนาคารหรือธุรกิจสายการบิน 3. มินคิ อมพิวเตอร์ (Minicomputer) อ.เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะรองลงมาจากเคร่ืองเมนเฟรม ส่วนใหญ่จะนาไปใช้กับ บริษัทธรุ กจิ หรือหน่วยงานขนาดกลางสาหรับใหบ้ รกิ ารแกเ่ คร่ืองลูกข่าย (Client) เพอื่ ให้บรกิ ารขอ้ มูล ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทต่าง ๆ เชน่ ให้บรกิ ารแฟ้มขอ้ มลู (File server) 4. ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Microcomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ท่ีมีนิยมใช้มากท่ีสุด เนื่องจากมีราคาถูกและหาซื้อได้ทั่วไป มีช่ือเรียก อีกอย่างหน่ึงว่า “เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC หรือ Personal Computer) ปัจจุบันได้รับ การพัฒนาขีดความสามารถให้สูงขึ้นมาก มักพบเห็นในสานักงานหรือบ้านที่พักอาศัยทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทน้ีอาจรวมถึงคอมพิวเตอร์ประเภทเคล่ือนยา้ ยได้สะดวก เช่น โน้ตบุ๊ก และ แทบ็ เล็ตพซี ีด้วย 5. คอมพวิ เตอร์มือถือ (Handheld computer) เป็นคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดเล็กท่ีสุด เม่ือเทียบกับคอมพิวเตอร์ประเภทอื่น ๆ อีกทั้ง สามารถพกพาไปยังที่ต่าง ๆ ได้ง่ายกว่า ประโยชน์ของการใช้คอมพิวเตอร์ประเภทน้ี อาจนาไปใช้กับ การจัดการข้อมูลประจาวนั การสรา้ งปฏทิ ินนัดหมาย การดูหนงั ฟังเพลง เป็นตน้ การเรียนองคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ มี 3 สว่ นหลกั ๆ ดังนี้ 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ระกอบ2. ซอฟตแ์ วร์ (Software) 3. บคุ ลากรในงานด้านคอมพวิ เตอร์ (People ware) 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ังสือปเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วย ตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ (Monitor) เมาส์ (Mouse) แป้นพิมพ์ (Keyboard) ซีพียู น (CPU) พรินเตอร์ (Printer) สแกนเนอร์ (Scanner) ยูพีเอส (UPS) ซีดีรอมไดร์ฟ (CD-ROM DRIVE) ห โมเด็ม (Modem) แผ่นดิสก์เกต็ (Diskette) แรม (Ram) ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) การ์ดเสียง (Sound Card) เปน็ ตน้ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) แบ่งออกไดเ้ ป็น 4 กลมุ่ 3 1. หนว่ ยรับข้อมูล (Input Unit) รับคาสัง่ และข้อมลู ทีส่ ่งเข้ามา ประกอบดว้ ย - คยี ์บอร์ด (Keyboard) ความร้ทู ั่วไปเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์

- เมาส์ (Mouse) - สแกนเนอร์ (Scanner) - ไมโครโฟน (Microphone) - ปากกาดิจติ อล (Digital Pen) - กล้อง (Camera) - หน้าจอสัมผัส (Touch Screen) 2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit; CPU) ประมวลผล อ.หนว่ ยความจา เชน่ การคานวณ การเปรียบเทยี บ การค้นหาข้อมลู ท่ีต้องการ 3. หน่วยแสดงผล (Output Unit) เปล่ียนผลลัพธ์ท่ีได้จากการประมวลผลออก ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ททางจอภาพ หรอื บนั ทกึ ลงบนหนว่ ยความจา ประกอบด้วย - จอภาพ (Monitor) - เคร่ืองพิมพ์ (Printer) - ลาโพง (Speaker) - เครื่องฉายภาพ (Data Projector) - เครอ่ื งโทรสาร (Fax) 4. หน่วยความจา (Memory Unit) ท่ีเก็บข้อมูลในขณะที่คอมพิวเตอร์กาลังทางาน มหี นว่ ยความจาอย่หู ลายแห่งในคอมพิวเตอร์ ได้แก่ 4.1 หน่วยความจาหลัก (Main Memory) หรือเรียกว่า หน่วยความจาภายใน (Internal Memory) สามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การเรียน4.1.1 แรม (RAM : Random Access Memory) เป็นหน่วยความจา หลัก (Main Memory) ทาหน้าท่ีเก็บโปรแกรมและข้อมูลขณะที่คอมพิวเตอร์กาลังทางาน สามารถ เขียนและอ่านขอ้ มูลลงไปในแรมได้ แรมมีลักษณะตัวเก็บประจุ (Capacitor) เป็นตัวเก็บข้อมูล ดังนั้น ตอ้ งมีกระแสไฟฟา้ หล่อเล้ียงอยตู่ ลอดเวลา เมอื่ ปิดเคร่อื งข้อมูลทอี่ ย่ภู ายในแรมจะหายไป ังสือประกอบ แรม (RAM : Random Access Memory) หน 4.1.2 รอม (ROM : Read Only Memory) เป็นหน่วยความจาท่ีอ่าน ได้อย่างเดยี ว เช่น รอมท่ใี ช้เก็บโปรแกรมทดสอบระบบกอ่ นการทางานของคอมพิวเตอร์ 4 วชิ าคอมพิวเตอร์ รหสั วชิ า 6210-0001, 6300-000-01

รอม (ROM : Read Only Memory) 4.2 หน่วยความจารอง (Second Memory) หรือหน่วยความจาภายนอก (External Memory) เป็นหน่วยความจาที่ต้องอาศัยส่ือบันทึกข้อมูลและอุปกรณ์รับ-ส่งข้อมูลชนิด ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ - แผ่นดิสก์ (Floppy Disk) - ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) - แผน่ ซดี ี (CD หรอื Compact Disk) อ.- แผ่นดวี ดี ี (Digital Video Disk) - หนว่ ยความจาแฟลช (Flash Memory) ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท- การ์ดเมมโมรี (Memory Card) - ยเู อสบีแฟลชไดรฟ์ (Flash Drives) - และอ่นื ๆ อกี มากมาย คอมพวิ เตอรส์ ามารถทางานไดด้ จี ะต้องมีองคป์ ระกอบพืน้ ฐานดงั นี้ ระกอบการเรียน2. ซอฟต์แวร์ (Software) ังสือปคือส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพ่ือสั่งให้ คอมพิวเตอร์ทางาน ซอฟต์แวร์จึงเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่อง คอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์เรากไ็ ม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทาอะไรได้เลย ซอฟต์แวร์สาหรับ หน เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท ดังนี้ 2.1 ซอฟตแ์ วรส์ าหรบั ระบบ (System Software) คือ ชุดคาส่ังที่เขียนไว้เป็นคาสั่งสาเร็จรูป ซึ่งจะทางานใกล้ชิดกับคอมพิวเตอร์มากที่สุด เพ่ือคอยคุมควบการทางานของฮาร์ดแวร์ทุกอย่างและอานวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมระบบท่ีรู้จักกันดีก็คือ DOS, Windows, Unix, Linux รวมท้ังโปรแกรมแปลคาสั่ง ท่เี ขยี นในภาษาระดบั สงู เช่น ภาษา Basic, Fortran, Pascal, Cobol, C เปน็ ตน้ ความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 5

2.2 ซอฟต์แวรป์ ระยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมท่ีทาให้คอมพิวเตอร์ทางานต่าง ๆ ตามท่ีผู้ใช่งานต้องการ ดงั เชน่ งานด้านเอกสาร งานบัญชี การจัดเก็บขอ้ มูล เปน็ ต้น ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์สามารถจาแนกได้เปน็ 2 ประเภท 2.2.1 ซอฟต์แวร์สาหรับงานเฉพาะด้าน คือ โปรแกรมซึ่งเขียนข้ึนเพื่อ การทางานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ บางที่เรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทาบัญชี จ่ายเงนิ เดือน โปรแกรมระบบเชา่ ซอื้ โปรแกรมการทาสินค้าคลัง เปน็ ตน้ อ.2.2.2 ซอฟต์แวร์สาหรับงานทั่วไป เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีผู้จัดทาไว้ เพื่อใช้ในการทางานประเภทต่าง ๆ ท่ัวไป โดยผู้ใช้คนอ่ืน ๆ สามารถนาโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้กับ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทข้อมูลของตนได้ แต่จะไม่สามารถทาการดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ ผู้ใช้ไม่จาเป็นต้องเขียน โปรแกรมเอง โปรแกรมสาเร็จรูปจึงเป็นสิ่งท่ีอานวยความสะดวกและเป็นประโยชน์อย่างย่ิง ตัวอย่าง โปรแกรมสาเร็จรูปที่นิยมใช้ได้แก่ MS-Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และเกมต่าง ๆ เปน็ ต้น 3. บุคลากรในงานด้านคอมพวิ เตอร์ (People ware) บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงาน เพ่ือให้คอมพวิ เตอร์ทางานตามท่เี ราต้องการ แบ่งออกได้ 4 ระดับ ดังน้ี 3.1 ผ้จู ดั การระบบ (System Manger) คือ ผวู้ างนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เปน็ ไปตาม เป้าหมายของหน่วยงาน 3.2 นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) คือ ผู้ท่ีศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และ ทาการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อให้ การเรียนโปรแกรมเมอร์เป็นผูเ้ ขียนโปรแกรมใหก้ บั ระบบงาน 3.3 โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ ผู้เขยี นโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์ เพ่ือให้ ทางานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเขยี นตามแผนผงั ทน่ี ักวิเคราะห์ระบบได้เขยี นไว้ 3.4 ผู้ใช้ (User) คือ ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งต้องเรียนรู้วิธีการใช้เคร่ือง และวิธีการ ระกอบใช้งานโปรแกรม เพ่อื ใหโ้ ปรแกรมทมี่ อี ยสู่ ามารถทางานไดต้ ามทต่ี ้องการ เน่ืองจากเป็นผู้กาหนดโปรแกรมและใช้งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์ มนุษย์จึงเป็นตัวแปรสาคัญ ในการทาให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือ เน่ืองจากคาส่ังและข้อมูลท่ีใช้ในการประมวลผลได้รับจาก งั สอื ปการกาหนดของมนุษย์ (People ware) ท้งั ส้ิน ทักษะการใช้ระบบสารสนเทศ หน ความหมายและความสาคัญของข้อมลู ขอ้ มลู (Data) ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สาคัญอย่างหน่ึงในระบบคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่ต้อง ป้อนเข้าไปในคอมพิวเตอร์ พร้อมกับโปรแกรมท่ีนักคอมพิวเตอร์เขียนขึ้น เพื่อผลิตผลลัพธ์ท่ีต้องการ ออกมา ข้อมูลที่สามารถนามาใช้กับคอมพิวเตอร์ มี 5 ประเภท คือ ข้อมูลตัวเลข (Numeric Data) ข้อมูลตัวอักษร (Text Data) ข้อมูลเสียง (Audio Data) ข้อมูลภาพ (Images Data) และข้อมูลภาพ เคลอ่ื นไหว (Video Data) 6 วิชาคอมพวิ เตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01

ประเภทของขอ้ มูล ขอ้ มูลสามารจาแนกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) หมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวม หรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรงซึ่งอาจจะได้จากการสอบถาม การสัมภาษณ์ การสารวจและ การจดบันทึก ตลอดจนการจัดหามาด้วย เครื่องจักรอัตโนมัติ เช่น เครื่องอ่านรหัสแท่ง เคร่ืองอ่าน แถบแมเ่ หลก็ อ.2. ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) หมายถึง ข้อมูลท่ีมีผู้อ่ืนรวบรวม ไว้ให้แล้ว บางคร้ังอาจมีการประมวลผลเพื่อเป็นสารสนเทศ เช่น สถิติจานวนประชากรแต่ละจังหวัด ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทสถิตกิ ารนาสินคา้ เข้า และการส่งสินคา้ ออก เป็นตน้ คุณสมบตั ิของขอ้ มูลทดี่ ี 1. ความถูกต้อง หากมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วข้อมูลเหล่านั้นเชื่อถือไม่ได้ จะทาให้เกิดผลเสียอย่างมาก ผู้ใช้ไม่กล้าอ้างอิงหรือนาเอาไปใช้ประโยชน์ ซ่ึงเป็นเหตุให้การตัดสินใจ ของผบู้ ริหารขาดความแม่นยา และอาจมีโอกาสผดิ พลาดได้ โครงสร้างข้อมูล ท่ีออก แบบต้องคานึงถึง กรรมวิธีการดาเนินงานเพื่อให้ได้ความถูกต้องแม่นยามากท่ีสุด โดยปกติความผิดพลาดของ สารสนเทศ ส่วนใหญ่มาจากข้อมูลที่ไม่มีความถูกต้องซ่ึงอาจมีสาเหตุมาจากคนหรือเคร่ืองจักร การออกแบบระบบจงึ ต้องคานงึ ถึงในเร่ืองนี้ 2. ความรวดเร็วและเป็นปัจจุบัน การได้มาของข้อมูลจาเป็นต้องให้ทันต่อ ความต้องการของผู้ใช้ มีการตอบสนองต่อผู้ใช้ สามารถตีความหมายของสารสนเทศได้ทันต่อ เหตกุ ารณห์ รอื ความตอ้ งการ มีการออกแบบระบบการเรียกค้น และรายงานตามทผ่ี ูใ้ ช้ตอ้ งการ การเรียน3. ความสมบูรณ์ ความสมบูรณ์ของสารสนเทศขึ้นอยู่กับการรวบรวมข้อมูลและ วิธีการปฏิบัติด้วย ในการดาเนินการจัดทาสารสนเทศต้องสารวจและสอบถามความต้องการใช้ข้อมูล เพอื่ ให้ได้ขอ้ มลู ทส่ี มบรู ณใ์ นระดับหนึ่งทเี่ หมาะสม 4. ความชัดเจนและกะทัดรัด การจัดเก็บข้อมูลจานวนมากจะต้องใช้พื้นท่ีในการ ระกอบจัดเก็บข้อมูลมากเช่นกัน จึงจาเป็นต้องออกแบบโครงสร้างข้อมูลให้กะทัดรัดเพื่อสื่อความหมายได้ มีการใชร้ หัสหรอื ยน่ ย่อขอ้ มูลใหเ้ หมาะสมเพอ่ื ทีจ่ ะจดั เก็บเข้าไวใ้ นระบบคอมพิวเตอร์ 5. ความสอดคล้อง ความต้องการเป็นเร่ืองท่ีสาคัญ ดังนั้นจึงต้องมีการสารวจเพื่อ ังสือปหาความตอ้ งการของหน่วยงานและองค์กร ดสู ภาพการใช้ข้อมูล ความลึกหรือความกว้างของขอบเขต หน ของขอ้ มลู ทีส่ อดคล้องกับความต้องการ ความรู้ทัว่ ไปเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ 7

ระดบั โครงสรา้ งของข้อมลู ดังน้ี โครงสร้างข้อมลู (Data Structure) บติ (Bit) คอื ข้อมูลที่มขี นาดเล็กทสี่ ดุ เปน็ ขอ้ มลู ทีเคร่ืองคอมพิวเตอรส์ ามารถเข้าใจและนาไปใช้งานได้ ซ่ึงไดแ้ ก่ เลข 0 หรือ เลข 1 เท่านัน้ อ.ไบต์ (Byte) หรือ อกั ขระ (Character) ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทได้แก่ ตัวเลข หรือ ตวั อกั ษร หรือ สัญลักษณ์พิเศษ 1 ตัว เช่น 0, 1, ..., 9, A, B, …, Z และเครื่องหมายต่าง ๆ ซ่งึ 1 ไบต์จะเทา่ กับ 8 บติ หรือ ตัวอักขระ 1 ตัว เป็นต้น ฟิลด์ (Field) ได้แก่ ไบต์ หรอื อกั ขระตง้ั แต่ 1 ตัว ขน้ึ ไปรวมกันเปน็ ฟิลด์ เชน่ เลขประจาตัว ชื่อพนกั งาน เปน็ ตน้ เรคคอร์ด (Record) ได้แก่ ฟลิ ด์ต้ังแต่ 1 ฟิลด์ ข้นึ ไป ทมี่ ีความสัมพนั ธเ์ กย่ี วข้องรวมกันเปน็ เรคคอรด์ เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจาตัว ยอดขาย ข้อมลู ของพนกั งาน 1 คน เปน็ 1 เรคคอร์ด ไฟล์ (Files) หรอื แฟ้มข้อมลู ไดแ้ ก่ เรคคอร์ดหลายๆ เรคคอร์ดรวมกนั ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกนั เชน่ ขอ้ มลู ของประวตั พิ นกั งานแต่ละคนรวมกนั ทง้ั หมด การเรยี นเปน็ ไฟลห์ รือแฟ้มข้อมูลเก่ียวกับประวตั ิพนกั งานของบริษัท เป็นต้น ฐานขอ้ มลู (Database) คือ การเกบ็ รวบรวมไฟลข์ ้อมูลหลาย ๆ ไฟลท์ เี่ ก่ยี วข้องกนั มารวมเข้าด้วยกนั เช่น ไฟล์ข้อมูลของแผนกต่าง ๆ มารวมกันเป็นฐานข้อมูลของบริษัท เป็นตน้ ระกอบการวัดขนาดข้อมลู ในการพิจารณาว่าข้อมูลใดมีขนาดมากน้อยเพียงไร เรามีหน่วยในการวัดขนาดของ ข้อมูล ดงั ตอ่ ไปน้ี งั สือป 8 Bit = 1 Byte 1,024 Byte = 1 KB (กิโลไบต)์ 1,024 KB = 1 MB (เมกกะไบต)์ หน 1,024 MB = 1 GB (กิกะไบต)์ 1,024 GB = 1 TB (เทระไบต)์ 8 วิชาคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01

สารสนเทศ (Information) ข้อมูลท่ีได้ผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใช้วิธีง่าย ๆ เช่น หาค่าเฉล่ียหรือ ใช้เทคนิคข้ันสูง เช่น การวิจัยดาเนินงาน เป็นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพข้อมูลทั่วไป ให้อยู่ใน รูปแบบท่ีมีความสัมพันธ์หรือมีความเก่ียวข้องกัน เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจหรือตอบ ปัญหาต่าง ๆ ได้ สารสนเทศประกอบด้วยข้อมูลเอกสาร เสียง หรือรูปภาพต่าง ๆ แต่จัดเนื้อเร่ือง ให้อยใู่ นรปู ท่มี คี วามหมาย สารสนเทศไมใ่ ชจ่ ากัดเฉพาะเพียงตัวเลขเพยี งอย่างเดียวเทา่ นนั้ อ.การทาข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ 1. การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล ควรประกอบด้วย ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท1.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นเรื่องของการเก็บรวบรวมขอ้ มูลซ่ึงมีจานวนมาก และต้องเก็บให้ได้อย่างทันเวลา เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเรียนของนักเรียน ข้อมูลประวัติบุคลากร ปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยในการจดั เกบ็ อยู่เป็นจานวนมาก เชน่ การปอ้ นข้อมลู เข้าเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ การอ่านข้อมลู จากรหัสแท่ง การตรวจใบลงทะเบียนทม่ี ีการฝนดินสอดาในตาแหน่งตา่ ง ๆ เป็นวิธีการ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เชน่ กนั 1.2 การตรวจสอบข้อมูล เมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วจาเป็นต้องมี การตรวจสอบข้อมูลเพ่ือตรวจสอบความถูกต้อง ข้อมูลที่เก็บเข้าในระบบจะต้องมีความเช่ือถือได้ หากพบที่ผิดพลาดต้องแก้ไข การตรวจสอบข้อมูลมีหลายวิธี เช่น การใช้ผู้ป้อนข้อมูลสองคน ป้อนข้อมลู ชุดเดยี วกนั เขา้ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์แล้วเปรยี บเทยี บกัน 2. การดาเนินการประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ อาจประกอบด้วย กิจกรรมดงั ต่อไปนี้ การเรยี น2.1 การจัดแบ่งข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บจะต้องมีการแบ่งแยกกลุ่ม เพื่อเตรียมไว้ สาหรับการใช้งาน การแบ่งแยกกลมุ่ มีวธิ ีการทีช่ ัดเจน เชน่ ข้อมูลในโรงเรียนมกี ารแบ่งเป็นแฟ้มประวัติ นักเรียน และแฟ้มลงทะเบียน สมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองมีการแบ่งหมวดหมู่สินค้า และบริการ เพอื่ ความสะดวกในการคน้ หา ระกอบ2.2 การจัดเรียงข้อมูล เม่ือจัดแบ่งกลุ่มเป็นแฟ้มแล้ว ควรมีการจัดเรียงข้อมูล ตามลาดับ ตัวเลข หรือตัวอักษร หรือเพื่อให้เรียกใช้งานได้ง่ายประหยัดเวลา ตัวอย่างการจัดเรียง ข้อมูล เช่น การจัดเรียงบัตรข้อมูลผู้แต่งหนังสือในตู้บัตรรายการของห้องสมุดตามลาดับตัวอักษร การจดั เรียงช่ือคนในสมุดรายนามผใู้ ช้โทรศพั ท์ทาให้คน้ หาไดง้ ่าย ังสือป 2.3 การสรุปผล บางคร้ังข้อมูลท่ีจัดเก็บมีเป็นจานวนมาก จาเป็นต้องมี การสรุปผลหรอื สร้างรายงานยอ่ เพือ่ นาไปใช้ประโยชน์ ขอ้ มูลท่ีสรุปได้นอ้ี าจส่ือความหมายได้ดีกว่า น เชน่ สถติ ิจานวนนกั เรียนแยกตามชัน้ เรียนแตล่ ะชัน้ ห 2.4 การคานวณ ข้อมูลท่ีเก็บมีเป็นจานวนมาก ข้อมูลบางส่วนเป็นข้อมูลตัว เลขท่ีสามารถนาไปคานวณเพื่อหาผลลัพธ์บางอย่างได้ ดังนั้นการสร้างสารสนเทศจากข้อมูลจึงอาศัย การคานวณขอ้ มลู ท่เี ก็บไว้ด้วย 3. การดแู ลรักษาสารสนเทศเพ่อื การใชง้ าน ประกอบด้วย 3.1 การเก็บรักษาข้อมูล การเก็บรักษาขอ้ มูลหมายถึงการนาขอ้ มูลมาบนั ทึกเก็บ ไว้ในสอ่ื บนั ทึกต่างๆ เช่น แผ่นบนั ทึกข้อมูล นอกจากนยี้ ังรวมถงึ การดูแล และทาสาเนาข้อมูล เพื่อให้ ใช้งานต่อไปในอนาคตได้ ความรูท้ ่วั ไปเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ 9

3.2 การค้นหาข้อมูล ข้อมูลท่ีจัดเก็บไว้มีจุดประสงค์ท่ีจะเรียกใช้งานได้ต่อไป การค้นหาข้อมูลจะต้องค้นได้ถูกต้องแม่นยา รวดเร็ว จึงมีการนาคอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนช่วย ในการทางาน ทาใหก้ ารเรียกคน้ กระทาได้ทันเวลา 3.3 การทาสาเนาข้อมูล การทาสาเนาเพื่อที่จะนาข้อมูลเก็บรักษาไว้ หรือนาไป แจกจา่ ยในภายหลัง จงึ ควรจดั เกบ็ ขอ้ มูลให้ง่ายต่อการทาสาเนา หรอื นาไปใช้อกี ครงั้ ได้โดยงา่ ย ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.************* การใชง้ านอินเตอรเ์ นต็ งั สือประกอบการเรียนความหมายของอนิ เตอรเ์ นต็ อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ท่ีเช่ือมโยงเครือข่าย น คอมพิวเตอร์ท่ัวโลกเข้าด้วยกัน โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเช่ือมเครือข่าย ภายใต้ ห มาตรฐานการเช่ือมโยงด้วยโพรโทคอลเดียวกันคือ TCP/IP (Transmission Control Protocol/ Internet Protocol) เพ่อื ใหค้ อมพิวเตอร์ทกุ เคร่ืองในอนิ เทอรเ์ นต็ สามารถส่อื สารระหว่างกนั ได้ นับว่า เป็นเครือข่ายที่กว้างขวางท่ีสดุ ในปัจจุบัน เนื่องจากมีผู้นิยมใช้ โพรโทคอลอินเทอร์เนต็ จากทว่ั โลกมาก ที่สดุ 10 วชิ าคอมพวิ เตอร์ รหัสวชิ า 6210-0001, 6300-000-01

การให้บริการบนอนิ เทอร์เน็ต 1. บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol) เป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับ การโอนยา้ ยไฟล์ผา่ นระบบอนิ เทอรเ์ นต็ การโอนยา้ ยไฟลส์ ามารถแบ่งไดด้ ังนี้ คือ 1. การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File) การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรับข้อมูล เข้ามายังเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่จัดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรม ไดฟ้ รเี ช่น www.download.com 2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) การอัพโหลดไฟล์คือการนาไฟล์ข้อมูลจาก อ.เครอื่ งของผูใ้ ช้ไปเก็บไว้ในเครอ่ื งที่ให้บริการ (Server) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น กรณีท่ีทาการสร้าง ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทเว็บไซต์ จะมกี ารอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้ในเครื่องบริการเวบ็ ไซต์ (Web server) ที่เราขอใชบ้ รกิ ารพนื้ ที่ (web server) โปรแกรมทชี่ ว่ ยในการอพั โหลดไฟลเ์ ชน่ FTP Commander 2. บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต (Instant Message) การสนทนาบนอินเทอร์เน็ต คือ การส่งข้อความถึงกันโดยทันทีทันใด นอกจากน้ียังสามารถส่งสัญลักษณ์ต่างๆ อาทิ รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมท่ีกาลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โปรแกรมประเภทน้ี เชน่ โปรแกรม ICQ (I seek you) MSN Messenger, Yahoo Messenger เปน็ ต้น 3. บรกิ ารค้นหาข้อมูลบนอินเทอรเ์ นต็ 1. Web directory คือ การค้นหาโดยการเลือก Directory ที่จัดเตรียมและแยก หมวดหมู่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว website ที่ให้บริการ web directory เช่น www.yahoo.com, http://www.sanook.com 2. Search Engine คือ การค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Search โดยการเอาคา การเรยี นที่เราต้องการค้นหาไปเทียบกับเว็บไซต์ต่างๆ ว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างที่มีคาที่เราต้องการค้นหา website ท่ีใหบ้ รกิ าร search engine เชน่ http://www.sanook.com, http://www.google.co.th 3. Metasearch คือ การคน้ หาขอ้ มูลแบบ Search engine แต่จะทาการสง่ คาที่ ต้องการไปค้นหาในเว็บไซต์ที่ให้บรกิ ารสืบค้นข้อมลู อน่ื ๆ อีก ถา้ ขอ้ มลู ทไี่ ด้มีซ้ากัน ก็จะแสดงเพียง ระกอบรายการเดียว เวบ็ ไซตท์ ี่ใหบ้ ริการ Metasearch เชน่ www.search.com, http://www.thaifind.com 4. บริการกระดานข่าวหรือ เวบบอร์ด (Web board) เว็บบอร์ด เป็นศูนย์กลาง ังสอื ปในการแสดงความคิดเห็น มีการต้ังกระทู้ ถาม-ตอบ ในหัวข้อท่ีสนใจ เว็บบอร์ดของไทยท่ีเป็นที่นิยม และมคี นเขา้ ไปแสดงความคิดเหน็ มากมาย คอื เวบ็ บอร์ดของพันธท์ ิพย์ (www.pantip.com) น 5. ห้องสนทนา (Chat Room) ห้องสนทนา คือ การสนทนาออนไลน์อีกประเภทหน่ึง ห ทีม่ กี ารส่งขอ้ ความสนั้ ๆ ถงึ กัน การเขา้ ไปสนทนาจาเปน็ ต้องเขา้ ไปในเว็บไซตท์ ี่ใหบ้ ริการหอ้ งสนทนา ความรู้ท่วั ไปเก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ 11

องค์ประกอบสาหรบั การเช่ือมต่อเขา้ สอู่ นิ เทอร์เนต็ หากต้องการต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เนต็ ต้องมีองค์ประกอบพื้นฐานดังต่อไปน้ี 1. เครื่องคอมพิวเตอร์ 2. โมเดม็ (modem) เปน็ อุปกรณ์สาหรบั แปลงสัญญาณอะนาลอกเป็นดิจิตอล และแปลง สัญญาณดิจิตอลเป็นอะนาลอก โมเดม็ มี 2 ประเภทคือแบบตดิ ต้งั ภายใน (internal) และ แบบติดต้งั ภายนอก (external) ใชเ้ ช่ือมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับสายโทรศพั ท์ 3. คสู่ ายโทรศพั ท์ 1 เลขหมาย อ.4. ช่ือบญั ชีผู้ใชอ้ นิ เทอร์เน็ต (account) จากองค์กรหรือบรษิ ัทผู้ให้บริการอนิ เทอรเ์ น็ต (Internet Service Provider : ISP) ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท5. ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวรส์ าหรบั ตดิ ตอ่ กบั เครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ โปรแกรม บราวเซอร์ (Browser) และซอฟต์แวร์อืน่ ๆ ท่ีใชใ้ นการสอ่ื สารผ่านเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ 6. เคร่อื งคอมพิวเตอร์ และเครอื่ งพิมพ์ (ในกรณีท่ตี ้องการพิมพ์ข้อมลู ) การเรียนคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและมารยาทในการใช้งานอนิ เทอร์เน็ต 1. ตอ้ งไมใ่ ช้คอมพวิ เตอร์ทารา้ ย หรือ ละเมิดผู้อน่ื 2. ตอ้ งไม่รบกวนการทางานของผู้อื่น 3. ต้องไมส่ อดแนม แก้ไข หรือ เปดิ ดแู ฟ้มข้อมูลของผู้อ่นื ระกอบ4. ต้องไมใ่ ช้คอมพวิ เตอรเ์ พื่อการโจรกรรมขอ้ มูลข่าวสาร 5. ต้องไมใ่ ชค้ อมพิวเตอร์สรา้ งหลักฐานทเี่ ปน็ เทจ็ 6. ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อน่ื ที่มลี ขิ สิทธิ์ ังสอื ป 7. ตอ้ งไม่ละเมิดการใชท้ รพั ยากรคอมพวิ เตอร์ โดยทต่ี นเองไม่มีสทิ ธ์ิ 8. ต้องไม่นาเอาผลงานของผ้อู น่ื มาเป็นของตน หน 9. ต้องคานึงถงึ สิง่ ทีจ่ ะเกิดขึ้นกบั สังคม ท่เี กิดจากการกระทาของทา่ น 10. ตอ้ งใชค้ อมพิวเตอรโ์ ดยเคารพกฎ ระเบียบ กติกา และมมี ารยาท ประโยชนแ์ ละโทษของอนิ เทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตเป็นเคร่ืองเทคโนโลยีส่ือสารที่เอื้ออานวยความสะดวกให้แกผู้ใช้บริการ ในลักษณะของการสื่อสารท่ีผ่านทางคอมพิวเตอร์ และช่องทางการส่ือสารชนิดต่างๆ ไม่ได้เป็นการ ส่ือสารจากบุคคลหน่ึงไปยังบุคคลหน่ึงโดยตรง จึงทาให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษในการส่ือสารบน อนิ เทอร์เนต็ 12 วชิ าคอมพวิ เตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01

1. ประโยชนข์ องอนิ เทอร์เน็ต 1. สามารถตดิ ตอ่ ส่ือสารกับบุคคลอ่ืนทั่วโลก 2. สามารถคน้ หาข้อมลู ต่างๆ ได้เสมือนกับเราไปนง่ั อยู่ทีห่ ้องสมุดขนาดใหญ่ได้ขอ้ มูล มากมายจากทัว่ ทกุ มมุ โลก 3. เปรียบเสมือนเวทีให้เขา้ ไปแสดงความคิดเหน็ ไดภ้ ายในหอ้ งสนทนา (chat room) และกระดานข่าว (Web room) เปน็ การเปิดโลกกว้างและวิสัยทัศนใ์ นเรอื่ งทนี่ า่ สนใจ 4. สามารถติดตามเคล่อื นไหวจากขา่ วสารทัว่ โลกอยา่ งรวดเร็ว อ.5. สามารถเปิดการค้าได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องหาท่ีจัดตั้งร้านหรือพนักงานบริการ แตส่ ามารถทาการคา้ ได้ด้วยตวั เองคนเดยี ว ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท6. สามารถซ้ือสินค้าโดยไม่ต้องเดินทางไปยังร้านค้า ซื้อผ่านทางเว็บไซต์ ท่ใี ห้บรกิ าร การชาระเงนิ ก็สะดวก เชน่ ชาระผา่ นบตั รเครดิต การหกั เงินผา่ นบญั ชธี นาคาร 7. สามารถรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เป็นการส่งจดหมายท่ีไม่ต้องเสีย ค่าบริการและรับส่งจดหมายได้ภายในและภายนอกประเทศ นอกจากจดหมายท่ีเป็นข้อความแล้ว ยงั ส่งบัตรอวยพรในเทศการต่างๆ ได้อกี 8. สามารถอ่านนิตยสาร หนังสอื พิมพ์ บทความ และเร่ืองราวต่างๆ ได้ฟรเี หมอื นกับ เราซื้อหนังสอื ฉบบั นัน้ มาอา่ นเอง 9. สามารถติดประกาศข้อความต่างๆท่ีต้องการประกาศให้ผู้อ่ืนทราบได้ เช่น ประกาศขายบ้าน ประกาศสมัครงาน ประกาศขอความช่วยเหลือ 10. มีของฟรีอีกมากมายที่สามารถใช้บริการได้จากอินเทอร์เน็ต เช่น ภาพ เพลง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดูหนงั เกม การเรียน2. โทษของอินเทอร์เนต็ 1. อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีผู้คนมากมายเข้ามาใช้บริการ เป็นเวที เปิดกวา้ งและใหอ้ สิ ระกับทุกคนท่ีเข้ามาเขียนข้อมูล หรือติดประกาศตา่ งๆโดยปราศจากการกลัน่ กรอง ทด่ี ี ทาใหข้ อ้ มลู ทไี่ ดร้ ับไมส่ ามารถตรวจสอบได้วา่ เปน็ จรงิ หรือไม่ ระกอบ2. เกิดปัญญาหาของการละเมิดลิขสิทธ์ิ เช่น การดาวน์โหลดเพลง หรือรูปภาพ มารวบรวมขาย หรือเป็นปัญหาอย่างยิ่งคือ การตัดต่อภาพบุคคลที่มีช่ือเสียงให้กลายเป็นภาพแบบ อนาจารหรอื เสียหายได้ ังสือป 3. ก่อให้เกิดปัญหาด้านอาชญากรรม เพราะการเล่นอินเทอร์เน็ต เช่น การล่อล่วง หญิงไปในทางทไ่ี มด่ ี การกอ่ คดีข่มขนื เน่อื งจากเวบ็ ไซตโ์ ป๊ 4. ก่อใหเ้ กดิ ปัญหาการหมกมนุ่ ของเยาวชนทเ่ี ข้าไปในเวบ็ ไซต์ จนทาใหเ้ กดิ โรคติดต่อ หน ทางอนิ เทอร์เน็ต ทาใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ตนเองและสงั คมได้ ความรทู้ วั่ ไปเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ 13

พ.ร.บ.คอมพวิ เตอรป์ ี 60 สรุป 13 ข้อ สาระสาคญั จางา่ ยๆ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ปี 60 เพ่ือการใช้ออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย สาหรับสาระสาคัญที่หลายคนควรพึงระวัง ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับท่ี 2 มสี าระสาคญั จาง่ายๆ ดงั น้ี 1. การฝากร้านใน Facebook, IG ถอื เป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท 2. ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นน้ัน อ.ถอื เปน็ สแปม ปรบั 200,000 บาท ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท3. ส่ง Email ขายของ ถือเปน็ สแปม ปรบั 200,000 บาท 4. กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพพิวเตอร์ ยกเว้นการกดไลค์ เป็นเรื่องเก่ียวกับสถาบัน เสี่ยงเขา้ ข่ายความผดิ มาตรา 112 หรือมคี วามผิดรว่ ม 5. กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะที่กระทบตอ่ บุคคลท่ี 3 6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่ส่ิงที่เจ้าของคอมพิวเตอร์ กระทาเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานท่ีรับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออก เจ้าของก็จะไม่มี ความผิดตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ท่ีให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผดิ กฎหมาย เมือ่ แจ้งไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพือ่ ลบไดท้ ันที เจ้าของ ระบบเวบ็ ไซตจ์ ะไม่มคี วามผิด 7. สาหรับแอดมินเพจท่ีเปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความท่ีผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมอื่ ลบออกจากพื้นทที่ ่ตี นดแู ลแล้ว จะถือเป็นผู้พน้ ผิด การเรยี น8. ไมโ่ พสต์สิ่งลามกอนาจาร ท่ที าใหเ้ กดิ การเผยแพร่สปู่ ระชาชนได้ 9. การโพสต์เกี่ยวกับเดก็ เยาวชน ต้องปดิ บังใบหน้า ยกเว้นเมอ่ื เป็นการเชดิ ชู ชืน่ ชม อย่างใหเ้ กยี รติ 10. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทาให้เกิดความเส่ือมเสียเชื่อเสียง หรือถูกดูหม่ิน เกลยี ดชงั ญาตสิ ามารถฟ้องรอ้ งไดต้ ามกฎหมาย ระกอบ11. การโพสต์ด่าว่าผู้อื่น มีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกล่าวหา เอาผิดผู้โพสต์ได้ และมโี ทษจาคกุ ไมเ่ กนิ 3 ปี ปรบั ไมเ่ กิน 200,000 บาท 12. ไม่ทาการละเมิดลิขสทิ ธ์ผิ ใู้ ด ไม่วา่ ขอ้ ความ เพลง รูปภาพ หรอื วดิ ีโอ ังสอื ป13. ส่งรปู ภาพแชร์ของผู้อื่น เชน่ สวัสดี อวยพร ไม่ผดิ ถา้ ไมเ่ อาภาพไปใช้ในเชิงพาณชิ ย์ หารายได้ หน ******************** 14 วชิ าคอมพวิ เตอร์ รหสั วิชา 6210-0001, 6300-000-01

จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จดหมายอีเลกทรอนิกส์ หรือเรียกส้ัน ๆ ว่า อีเมล์(E-mail) หมายถึง จดหมายหรือ ข้อความท่ีส่งถึงกันผ่านระบบเครือข่าย เราสามารถส่งจดหมายไปให้ผู้รับซึ่งเป็นสมาชิกของระบบ อินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จากัดสถานท่ีและเวลา จดหมายจะส่งถึงปลายทางอย่างรวดเร็วภายในเวลา ไม่กี่วินาที หรืออาจจะส่งจดหมายฉบับเดียวไปถึงผู้รับหลายคน ในเวลาเดียวกันก็ได้ ท้ังผู้รับและ ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องมีท่ีอยู่เพื่อใช้ในการอ้างอิงการส่งและรับจดหมาย ที่อยู่สาหรับ อ.การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วยสองส่วนคือ รหัสผู้ใช้หรือ UserID ซ่ึงจะได้รับจาก ผู้ให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และส่วนท่ีสองคือช่ือเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่ทาหน้าที่ในการบริการ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือ HostName โดยรูปแบบการเขียนจะเริ่มต้นด้วย UserID คั่นด้วย เครื่องหมาย '@' ตามด้วย HostName ดังน้ี userid@hostname ตัวอย่างเช่น [email protected] หมายถงึ ผู้ใชม้ ี UserID เปน็ username และเปน็ สมาชิกอยู่ที่ Host ช่ือ rtaf.mi.th เปน็ ตน้ มสี ว่ นประกอบ 3 ส่วน - Username : ชื่อผใู้ ช้ - เครอื่ งหมาย : @ เรียกว่า assign อ่านออกเสยี งว่า “at” - domain name : ชอื่ สถานีรบั -ส่ง E-mail E-mail คือ จดหมายท่ีใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ บางแห่งใช้เฉพาะ ภายใน บางแห่งใช้เฉพาะภายนอกองค์กร (สาหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดใหญ่ทส่ี ุดในโลกคือ Internet) การใชง้ านกเ็ หมือนกบั เราพิมพข์ ้อความในโปรแกรม Word จากน้นั ก็คลิกคาสั่ง เพื่อส่งออก ไป โดยจะมชี อื่ ของผรู้ บั ซึ่งเราเรียกว่า Email Address เปน็ หลักในการรบั ส่ง การเรียนประเภทของ e-mail e-mail มี 3 ประเภท คือ อี-เมล์ (E-mail) ย่อมาจาก Electronic mail (แปลว่า ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์) หมายถึงการส่ือสารหรือการส่งข้อความ โน้ต หรือบันทึกออกจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเคร่ือง ปลายทาง (Terminal) หรือเข้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหน่ึงโดยส่งผ่านทางระบบเครือข่าย ระกอบ(Network) ผู้ส่งจะต้องมีเลขที่อยู่ (E-mail address) ของผู้รับ และผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์ เรียกข่าวสารน้ันออกมาดูเม่ือใดก็ได้ โดยปกติ จะไม่มีการพิมพ์ข้อความหรือข่าวสารนั้น ลงแผ่นกระดาษ นับว่าเป็นการประหยัดกระดาษไปได้ส่วนหนึ่ง โดยท่ัวไป ถือกันว่าเป็นงานส่วนหน่ึง งั สือปของสานักงานอัตโนมตั ิ (Office automation) ปจั จุบนั ได้รับความนยิ มเป็นอันมาก E-mail คือ จดหมาย ท่ีใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ บางแห่งใช้เฉพาะ น ภายใน บางแห่งใชเ้ ฉพาะภายนอกองค์กร (สาหรบั เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ทีส่ ุดในโลกคือ ห Internet) การใช้งานก็เหมือนกับเราพิมพ์ข้อความในโปรแกรม Word จากนั้นก็คลิกคาส่ัง เพ่ือส่ง โดยจะมีชื่อของผรู้ ับ ซึ่งเราเรยี กวา่ Email Address เปน็ หลกั ในการรับสง่ คาศัพท์ตา่ ง ๆ ทใี่ ชใ้ นระบบการ รับ-สง่ อเี มล์ ความร้ทู ว่ั ไปเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ 15

คาศพั ท์แบบมาตรฐานทั่วไปในการใช้งานอีเมล์ มีดังนี้ - Inbox หมายถงึ กลอ่ งหรอื ทส่ี าหรับเก็บอเี มล์ ทมี่ ีผู้ส่งเข้ามา - Outbox หมายถึง กลอ่ งหรือท่เี ก็บอเี มล์ ท่กี าลังจะส่งออกไปหาผู้อ่นื - Sent Items หมายถึง กล่องหรือทีเ่ ก็บอเี มล์ ท่ีเราได้เคยส่งออกไปหาผ้อู น่ื แลว้ - Delete Items หมายถงึ กล่องหรอื ทเ่ี กบ็ อีเมล์ ที่ได้ทาการลบท้ิงจาก Inbox แตย่ ังเกบ็ สารองไวอ้ ยู่ - Drafts หมายถงึ กลอ่ งหรอื ทเ่ี กบ็ อีเมล์ สาหรับใชเ้ กบ็ อเี มล์ตา่ งๆ ชว่ั คราว ซงึ่ อาจจะมีหรือไม่ มกี ไ็ ด้ - Compose / New Mail เป็นการสง่ อีเมล์ใหม่ไปหาผ้อู น่ื อ.- Forward เป็นการสง่ ตอ่ อีเมลท์ ่ีไดร้ บั มานัน้ ไปหาผอู้ ่นื - Reply เป็นการตอบกลบั อเี มล์ทม่ี ผี ้สู ง่ มาถงึ เรา ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท- Reply All เป็นการตอบกลับอีเมล์ท่ีมีผู้ส่งมาถึงเราโดยจะตอบกลับไปยังทุกคนท่ีมีชื่ออยู่ใน อเี มล์ฉบบั น้นั - Subject หมายถึง หัวขอ้ ของอเี มลท์ ี่เราจะเขยี นหรือส่งออกไป - To หมายถงึ ชื่อหรอื อเี มลข์ องผู้ที่เราต้องการสง่ อีเมล์ไปหา - CC หมายถงึ การสง่ copy อเี มล์น้นั ๆ ไปให้ผู้อ่ืนทีต่ ้องการด้วย - BCC หมายถึง การส่ง copy อีเมล์น้ันๆ ไปให้ผู้อ่ืนที่ต้องการ และไม่ให้ผู้รับคนอ่ืนมองเห็น วา่ มีการสง่ ไปใหใ้ นชอ่ ง BCC ดว้ ย - Attach หมายถงึ การแนบไฟลเ์ อกสาร หรอื โปรแกรมต่าง ๆ ไปกบั อีเมล์ฉบบั นน้ั - Address Book หมายถงึ สมดุ รายชือ่ ของอีเมล์ ทเ่ี ราสามารถเก็บไว้ เพอ่ื ให้นามาใช้งานไดง้ า่ ยข้ึน องคป์ ระกอบภายในกล่องอีเมล์ หน้ากลอ่ งจดหมาย ซง่ึ ประกอบด้วยฟังกช์ น่ั มากมาย มีองค์ประกอบทสี่ าคัญดังน้ี การเรยี น- เมนูดา้ นซ้าย: กดลงิ ค์ กล่องจดหมายทเ่ี มนดู ้านซา้ ย เมนดู ้านซา้ ยนเี้ ปน็ สว่ นทเี่ ปน็ โครงสรา้ ง ของบัญชใี นการจัดเกบ็ ข้อมูล นอกจากกลอ่ งจดหมาย แล้วยังมีกลุ่มของจดหมายดงั น้ี - ตดิ ดาว: คอื รายการจดหมายทเี่ ลอื กใหต้ ดิ ดาวไวเ้ พือ่ จดั แยกหมวดหมขู่ องจดหมาย - การแชท: คือรายการการสนทนาผา่ น Google Talk ท่ผี า่ นมาแลว้ ระกอบ- จดหมายทส่ี ง่ แลว้ : คอื รายการจดหมายทีถ่ ูกส่งออกไปแล้ว - รา่ งจดหมาย: คอื รายการจดหมายทีเ่ ขียนและบนั ทึกเปน็ ร่างจดหมายไว้ - จดหมายทงั้ หมด: คอื รายการจดหมายทงั้ หมดรวมทัง้ ท่เี ก็บลงฐานข้อมูล(Archive)ไวด้ ว้ ย - จดหมายขยะ: คือรายการจดหมายทถ่ี ูกตรวจสอบจากระบบวา่ เปน็ SPAM ังสือป- ถงั ขยะ: คือรายการจดหมายทถ่ี ูกลบ - การค้นหา: แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้ น - คน้ หาจดหมาย: สามารถใช้ฟงั ก์ชัน่ เพ่อื คน้ หาจดหมายไดโ้ ดยใสข่ ้อความทเ่ี ฉพาะเจาะจงใน ห การคน้ หาแล้วกดปุ่ม ‘คน้ หาจดหมาย’ - คน้ หาในเวบ็ : สามารถใชฟ้ งั กช์ นั่ เพ่อื ค้นหาข้อมูลในเว็บได้โดยใสข่ อ้ ความท่ีเฉพาะเจาะจงใน การค้นหาแลว้ กดปุ่ม ‘คน้ หาในเว็บ’ 16 วิชาคอมพวิ เตอร์ รหสั วชิ า 6210-0001, 6300-000-01

การใช้งานอเี มล์ เมนู INBOX หนา้ จอแรกท่ีปรากฏคอื INBOX เป็นส่วนที่แสดงรายการจดหมายท่ีได้รับ หากหน้าจอของทา่ น ไม่แสดง INBOX ทา่ นสามารถเปิดหนา้ ตา่ งของ INBOX โดยคลกิ ท่ี มุมบนซ้ายของหน้าต่าง สญั ลักษณใ์ น inbox - Date แสดงวนั ทที่ ่ีส่งจดหมาย - From แสดงชอ่ื ผ้สู ง่ จดหมาย อ.- Subject แสดงหวั เรือ่ งของจดหมาย - Size แสดงขนาดของจดหมาย ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท- หากตอ้ งการอา่ นจดหมายฉบบั ใดให้คลกิ ท่ีช่อื ผูส้ ง่ หรอื หัวเรอ่ื งของจดหมายฉบับนนั้ - หากต้องการอ่านจดหมายฉบบั ถัดไปให้คลกิ เคร่อื งหมาย > - หากต้องการอา่ นจดหมายฉบบั กอ่ นหน้าให้คลิกเคร่ืองหมาย < - กรณีจดหมายนนั้ มไี ฟล์แนบมากบั จดหมายดว้ ย สามารถแยกไฟล์ออกจากจดหมายทีส่ ่งมาได้ - จดหมายท่มี ไี ฟลส์ ง่ มาด้วยจะปรากฏสญั ลกั ษณ์ รูป disket พร้อมชือ่ ไฟล์ทส่ี ่งมา - การเกบ็ ไฟลอ์ อกจากจดหมายใหค้ ลิกทส่ี ญั ลักษณ์ รปู disket - คลกิ OK เพอ่ื บนั ทึกไฟลล์ งในไดเรกทอรที ต่ี ้องการ การตอบจดหมายกลับ ข้ันตอนการตอบกลบั จดหมาย 1. ในชอ่ ง To: ป้อนชอ่ื อเี มล์ (E-Mail) ของผทู้ ่เี ราจะสง่ ไปหา 2. ในช่อง Subject: เปน็ หวั ข้อเรือ่ ง การเรียน3. ในช่อง Cc: เปน็ ชื่ออีเมล์ (E-Mail) ของผู้ท่ีเราจะส่งไปหาในกรณที ต่ี ้องการส่งไปถงึ คนที่ 2, 3 ไมต่ ้องใสก่ ็ได้ 4. ในช่อง Bcc: เป็นช่ืออีเมล์ (E-Mail) ของผู้ท่ีเราจะส่งไปหาในกรณีที่ต้องการส่งไปถึงคนที่ 2, 3 และไม่ ต้องการใหผ้ ู้รบั ทราบวา่ เราสง่ ไปถึงใครบ้าง ไม่ต้องใสก่ ไ็ ด้ ระกอบ5. ส่วนของ Attachments: ในกรณีท่ตี ้องการสง่ แฟม้ ข้อมลู แนบไปด้วยกบั จดหมาย 6. เราสามารถพมิ พเ์ น้ือหาของจดหมายในส่วนของ Message Box ได้เลย 7. เมื่อพิมพ์จดหมายและป้อนข้อมูลต่าง ๆ ครบแล้วก็คลิกเมาส์ (Mouse) ท่ีปุ่ม Send เพื่อส่ง งั สอื ปจดหมายหลังจากคลิกที่ปมุ่ Send เพื่อส่งจดหมายแล้ว จะปรากฏหน้าจอ ซึ่งสามารถจัดเก็บช่ืออีเมล์ (E-Mail) ของผู้ที่เราส่งจดหมายไปหา หากไม่จัดเก็บก็คลิก ปุ่ม Inbox เพ่ือกลับไปยังกล่องจดหมาย หรอื ถ้าต้องการเขยี นจดหมายฉบับใหม่ก็สามารถคลิกที่ปุ่ม Compose ไดเ้ ลย หน การสง่ ต่อจดหมาย ทา่ นสามารถส่งต่อจดหมายที่ทา่ นได้รับไปใหบ้ ุคคลอน่ื ได้ โดยสามารถทาได้ 2 แบบ ได้แก่ 1. ส่งต่อจดหมายแบบ Redirect หมายถงึ การสง่ ต่อจดหมายโดยคงชือ่ ผู้สง่ เดิมไว้ 2. ส่งตอ่ จดหมายแบบ Forward หมาย ถึง การสง่ ต่อจดหมายโดยใชช้ ่อื ผู้สง่ ตอ่ เนื้อหาของ จดหมายทส่ี ่งต่อสามารถถกู ดัดแปลง แก้ไข เพ่ิมเตมิ หรือถูกลบออกโดยผ้สู ่งต่อได้ ความร้ทู ั่วไปเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ 17

1. สง่ ตอ่ จดหมายแบบ Redirect (จดหมายทคี่ งช่ือผสู้ ง่ จดหมายคนเดิม) 1.1 คลิกท่ี Redirect 1.2 พิมพ์ท่อี ยู่อเี มล์ของผ้รู บั 1.3 คลกิ ที่ Send Message เพ่อื สง่ จดหมาย 2. การสง่ จดหมายแบบ Forward (ช่อื ผูส้ ่งตอ่ จดหมายเปน็ ชอ่ื ผู้สง่ จดหมาย) 2.1 คลกิ ที่ Forward 2.2 พิมพ์ช่ือที่อยู่อีเมล์ของผู้รับ ผู้ส่งสามารถเพ่ิมเติมข้อความหรือลบข้อความตามท่ี อ.ต้องการกอ่ นส่งตอ่ จดหมายได้ 2.3 คลิกที่ Send Message เพอื่ ส่งจดหมาย ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทการลบจดหมาย เมื่อท่านใช้บริการรับส่งจดหมาย e-Mail มาถึงระดับหนึ่ง จดหมายจะเต็มกล่องเก็บจดหมาย เมอ่ื จดหมายเตม็ กล่องเก็บแลว้ จะสง่ ผลให้โปรแกรม Mail ไม่ทางาน การจดั การลบจดหมายจึงเปน็ ส่ิง ทสี่ าคญั อย่างหนง่ึ ขนั้ ตอนการลบจดหมายมดี ังนี้ ขัน้ ตอน 1. คลกิ ท่ี Inbox เมือ่ คลิกแล้วจะได้กรอบ Inbox ดังภาพ 2. จากน้ันคลกิ เคร่ืองหมายถูกทก่ี รอบสีเ่ หลย่ี ม ดังภาพ แล้วคลกิ ปุม่ Delete ตามลาดบั 3.จดหมายก็จะถูกลบออกจากกล่อง Inbox จดหมายท่ีถูกลบออกไปจะถูกนาไปเก็บที่ Trash Can และจะถูกลบโดยอัตโนมัติต่อไป น้ันหมายความว่าหากท่านลบจดหมายผิด ท่านยังสามารถ กู้จดหมาย จากกล่อง Trash Can นี้ได้ โดยการ คลิกที่ Trash Can แล้วคลิกเครื่องหมายถูกในกรอบ สเี่ หล่ียมหนา้ จดหมายทต่ี อ้ งการกู้ จากนน้ั มาคลกิ ทีเ่ มนู Recover to Folder แล้วเลอื กกล่องจดหมาย การเรียนท่ตี ้องการกไู้ ปเกบ็ ไว้ ดงั ภาพ การกู้จดหมายกลบั คืน โดยทั่วไปเราสามารถกู้คืนกล่องจดหมายที่ลบได้ ถ้ากล่องจดหมายน้ันถูกลบในระยะเวลา หนังสือประกอบไม่เกิน 30วัน 18 วิชาคอมพวิ เตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01

บทที่ 2 โปรแกรมสำเร็จรปู ในกำรใชง้ ำน Microsoft Office Excel 2010 หวั ขอ้ และขอบเขตเนอ้ื หำ อ.การใชง้ านโปรแกรม Microsoft Office Excel 2010 ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทการเลอื กชว่ งข้อมลู สูตรและฟงั กช์ ันในการใชง้ าน ฟงั กช์ ันและการใชง้ านฟงั ก์ชัน การใช้งานฟังกช์ นั การใช้งานแมโคร (Macro) หนังสือประกอบการเรียนการใช้งาน VBA บน Excel 2010

บทที่ 2 การใชง้ านโปรแกรม Microsoft Office Excel 2010 Microsoft Excel เป็นโปรแกรมประเภท “ตารางคานวณ” หรือ “Spreadsheet” มักใช้ ในการคานวณทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยลดข้ันตอนความยุ่งยากและลดเวลาการคานวณ และยังสามารถ อ.สรปุ และวิเคราะหข์ ้อมูลในรูปแบบต่างๆ เพอ่ื ช่วยในการตดั สินใจ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทความแตกตา่ งระหว่าง Version 2010 และ Version 2007 สาหรับ version 2010 นั้นได้ปรับเปลี่ยนหน้าตาจาก version 2007 เพียงเล็กน้อย โดยเปลีย่ นปุ่ม Office Button กลับเปน็ Menu File แตย่ งั คงรปู แบบ Ribbon ไว้ 2010 การเรยี น2007 ระกอบความต้องการของระบบสาหรบั ตดิ ตงั้ โปรแกรม ังสือป 1. ระบบปฏิบัติการตั้งแต่ Windows XP (SP3), Windows vista (SP1), Window 7 ,Window 8 , Windows 10 2. ซพี ียู ควรจะมีความเรว็ 500 MHz หรือสงู กว่า หน 3. หน่วยความจา RAM ไม่นอ้ ยกว่า 512 MB 4. พน้ื ท่ีฮาร์ดดิสก์ ไม่น้อยกวา่ 3.0 GB 5. การ์ดจอที่รองรับการแสดงดผลอยา่ งนอ้ ย 1024x576 20 Microsoft Office Excel 2010

นามสกลุ ไฟล์ Excel การเข้าใชง้ านโปรแกรม Microsoft Excel 2010 1. สาหรับ Windows Vista หรอื Windows 7 ให้เลือกเมนู Start >All Programs >Microsoft Office >Microsoft Excel 2010 อ.เวริ ์กบกุ๊ ทเี่ ปิดใช้งานแมโครได้ชนิดไฟล์ XML นามสกลุ เวิร์กบกุ๊ .xlsx ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทเทมเพลต .xlsm .xltx เทมเพลตที่เปิดใช้งานแมโครได้ .xltm เวิรก์ บุก๊ ไบนารีทไ่ี ม่ใช่ XML .xlsb Add-in ทเี่ ปิดใช้งานแมโครได้ .xlam 2. สาหรับ Windows 8 หรือ Windows 10 ใหเ้ ลอื กเมนู Start > Excel 2010 หรอื Search Excel 2010 สว่ นประกอบของโปรแกรม Microsoft Excel 2010 12 3 การเรยี น5 4 6 7 ระกอบ 8 หนงั สือป Worksheet 11 10 9 12 เม่ือเปิดโปรแกรม Microsoft Excel ข้ึนมาจะแสดงหน้าต่างของโปรแกรมและส่วนประกอบ ต่างๆ ดังนี้ วชิ าคอมพวิ เตอร์ รหัสวชิ า 6210-0001, 6300-000-01 21

หมายเลข 1 คอื แถบเคร่ืองมอื ดว่ น (Quick Access) เป็นส่วนท่ีใช้ในการแสดงคาสั่ง ทใ่ี ช้งานบ่อย หมายเลข 2 คอื แถบชื่อเร่ือง (Title Bar) เป็นส่วนท่ีใช้แสดงชื่อโปรแกรมและรายช่ือ ไฟล์ท่ีไดเ้ ปิดใชง้ าน หมายเลข 3 คือ ปุ่มควบคมุ เป็นสว่ นทใี่ ช้ควบคมุ การเปดิ หรอื ปดิ หน้าตา่ งโปรแกรม หมายเลข 4 คือ ริบบอน (Ribbon) เป็นส่วนท่ีใช้แสดงรายการคาส่ังต่างๆ ท่ีใช้ในการ ทางานกบั เอกสาร อ.หมายเลข 5 คอื ปมุ่ แฟม้ (File) เป็นส่วนที่ใชใ้ นการจัดเก็บคาส่ัง การทางานในโปรแกรม ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทเช่น New Open, Save และคาสั่ง Print เป็นต้น หมายเลข 6 คอื Name Box เป็นช่องท่ีใช้แสดงชื่อเซลล์ท่ีใช้งานอยู่ในขณะนั้น เช่น ถา้ มกี ารใช้งานขอ้ มลู ในเซลล์ A1 รายช่ือเซลล์นี้ก็จะไปแสดงอย่ใู นชอ่ ง Name Box หมายเลข 7 คอื แถบสูตร (Formula Bar) เป็นช่องท่ีใช้แสดงการใช้งานสูตรการ คานวณต่างๆ หมายเลข 8 คอื พนื้ ทกี่ ารทางาน (Worksheet) เป็นส่วนท่ีใช้ในการแสดงรายละเอียด ตา่ งๆ ภายในเอกสาร หมายเลข 9 คอื แสดงมุมมอง เปน็ ปมุ่ สาหรบั เลือกมมุ มองแผน่ งาน หมายเลข 10 คือ ส่วนสาหรบั ย่อ / ขยายหน้าจอ โดยเล่ือนแถบสไลด์ หมายเลข 11 คอื Sheet Tab เปน็ แถบทใ่ี ชแ้ สดงจานวนแผน่ งานท่ีเปิดข้ึนมาใช้งาน หมายเลข 12 คือ แถบสถานะ (Status Bar) เป็นส่วนที่ใช้แสดงจานวนหน้ากระดาษ และจานวนตัวอักษรท่ีใชใ้ นเอกสาร การเรยี นการเร่ิมตน้ ใช้งาน แท็บไฟล์ (File) ใช้สาหรับจัดการเอกสารในด้านต่างๆ เช่น สร้างเอกสาร ใหม่ เปิดไฟลเ์ ก่าทเ่ี คยบนั ทกึ ไว้ขนึ้ มาทางานตอ่ หรือใช้ปิดเอกสาร • Save ใช้สาหรบั บนั ทกึ เวิร์กบุค๊ ระกอบ • Save As ใช้สาหรับบันทกึ เวริ ์กบ๊คุ เช่นกัน แตจ่ ะใช้ในกรณีที่เคยบันทึก เวิร์กบุ๊คไปแล้ว แต่ต้องการ เปลี่ยนไปบันทึกเวิร์กบุ๊คด้วยชื่อไฟล์ใหม่ เปล่ียนประเภทของไฟล์ที่ต้องการจัดเก็บใหม่ หรือเปล่ียนไดเร็คทอรีที่ ังสือป จดั เกบ็ ไฟลเ์ ป็นไดเรค็ ทอรอ่ี ื่น • Open ใชส้ าหรบั เปิดเวิร์กบคุ๊ เก่าข้นึ มาใช้งาน หน • Close ใชส้ าหรับปดิ เวิร์กบคุ๊ • Info ใช้สาหรับแสดงและจดั การขอ้ ความของเวริ ์กบ๊คุ • Recent แสดงช่ือเวริ ์กบุ๊คทีม่ กี ารใชง้ านล่าสดุ โดยแสดงไดเรค็ ทอรที ี่จัดเก็บไฟล์ • New ใช้สาหรับสร้างเวิร์กบุ๊คใหม่-Printใช้ส่ังพิมพ์เวิร์กบุ๊ค โดยสามารถกาหนด คณุ สมบัติต่างๆ ก่อนการสั่งพมิ พ์ได้ เช่น จานวนท่ีตอ้ งการพมิ พ์ ขนาดกระดาษ 22 Microsoft Office Excel 2010

การทางานกบั Ribbon Ribbon คือ ชุดคาส่ังหรือเคร่ืองมือที่ถูกรวบรวมและแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อลด ความย่งุ ยากในการใช้งานโดยชุดคาส่ังต่ละกลุ่มจะถูกแสดงในรูปแบบของแท็บ ซ่ึงสามารถแบ่งออกได้ เป็น 7 กลุ่มดงั นี้ - แท็บ Home เป็นกลุ่มท่ีรวบรวมคาสั่งท่ีมีการใช้งานบ่อย เช่น กลุ่มคาส่ังสาหรับ กาหนดฟอนต์และรูปแบบตัวอักษร (Font) กลุ่มคาสั่งสาหรับจัดวางตาแหน่งข้อมูล (Alignment) เป็นต้น โดยแต่ละกลุ่มคาส่ังจะมีคาสั่งอ่ืนๆ เพิ่มเติมบอกเหนือ จากท่ีแสดงอยู่บน Ribbon ท้ังน้ี อ.สามารถคลกิ ปุ่มทอ่ี ยมู่ ุมลา่ งขวา เพ่อื เปิดไดอะล็อกซ์ของกลุ่มคาสัง่ เหลา่ น้นั ดงั รปู ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท- แท็บ Insert เป็นกลุ่มที่รวบรวมคาส่ังเกี่ยวกับการแทรกข้อมูลต่างๆ เช่น การแทรกตาราง (Table) การแทรกรูปภาพ คลิปอาร์ต SmartArt ต่างๆ (Illustrations) การแทรก แผนภมู ิ (Charts) การเรียน- แท็บ Page Layout เป็นกลุ่มที่รวบรวมคาส่ังต่างๆ ที่เกี่ยวกับการจัดการ หนา้ เอกสาร เชน่ กาหนดธีม (Themes) การตัง้ คา่ หนา้ กระดาษ (Page Setup) หนังสอื ประกอบ- แท็บ Formulas เปน็ กลมุ่ ที่รวบรวมคาสง่ั เกี่ยวกับสูตรและฟังก์ชั่นการทางานต่างๆ - แท็บ Data เป็นกลุ่มท่ีรวบรวมคาสั่งต่างๆ ที่ใช้สาหรับการจัดการกับข้อมูล เช่น การเรยี งลาดับข้อมูลและการกรองข้อมลู (Sort & Filter วชิ าคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01 23

Wookbook (Excel File)- แท็บ Review เป็นกลุ่มที่รวบรวมคาส่ังท่ีใช้ในการตรวจสอบไวยากรณ์และ ตวั สะกด รวมถึงการกาหนดสิทธิ์ การเข้าใชเ้ วริ ์กบุ๊คและเวริ ก์ ชีตตา่ งๆ - แท็บ View เป็นกลมุ่ รวบรวมคาสง่ั ในการจัดมุมมองของกระดาษ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.การจัดเก็บข้อมลู ใน Microsoft Excel 2010 Wooksheet 1 การเรยี น Wooksheet 2 ระกอบ Wooksheet 3 หนังสอื ป And more.. 24 Microsoft Office Excel 2010

สว่ นประกอบของ Worksheet คอลัมน์ (Column) อ.Active Cell ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทแถว (Rows) การเรียนเซลล์ (Cell) เป็นช่องตารางท่ีใช้สาหรับบรรจุข้อมูล ซ่ึงช่องเซลล์แต่ละช่องน่ันจะมีชื่อเรียก ตามตาแหนง่ แถว และคอลมั น์ที่แสดงตาแหนง่ ของเซลล์ เช่น เซลล์ B1 จะอยู่ในคอลมั น์ B ในแถวท่ี 1 คอลัมน์ (Column) เป็นชอ่ งเซลล์ทเ่ี รยี งกันในแนวตั้งของแผ่นงาน (Worksheet) หนงั สือประกอบแถว (Rows) เป็นชอ่ งเซลล์ทเ่ี รยี งกนั ในแนวนอนของแผน่ งาน (Worksheet) วิชาคอมพิวเตอร์ รหสั วชิ า 6210-0001, 6300-000-01 25

การเลือกช่วงข้อมูล วางเมาส์เป็นรูป สญั ลกั ษณ์ของเมาส์ drag คลุมข้อมูลที่ตอ้ งการ วิธีการเลอื ก เลือกข้อมูลแบบเปน็ ช่วง ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.เลอื กข้อมูลแบบเปน็ ช่วงห่างกัน Drag คลุมขอ้ มูลช่วงแรก กดปุ่ม Ctrl+drag คลมุ ชว่ งอ่ืนๆ เลอื กข้อมูลท้ังคอลมั น์ ท้ังแถว คลกิ สว่ นหัวคอลัมน์หนังสอื ประกอบการเรยี นเลือกข้อมูลหมดทั้ง sheet หรือหวั แถวที่ คลกิ จดุ ตดั ระหวา่ งหวั คอลมั น์กับหวั แถว จุดตัด 26 Microsoft Office Excel 2010

สูตรและฟงั ก์ชันในการใชง้ าน โปรแกรม Excel สร้างตารางคานวณได้หลายรูปแบบ การนาสูตรและฟังก์ชันมาใช้ เกี่ยวกับการคานวณอัตโนมัติ การสร้างสูตร การใช้ฟังก์ชัน หรือการแก้ปัญหาในกรณีท่ีเกิดความ ผิดพลาดในการเขียนสูตร ซ่ึงถ้าเข้าใจหลักการต่างๆ แล้ว Excel จะช่วยให้เราทางานได้สะดวกขึ้น และการใช้สูตรไม่ยากอีกตอ่ ไป อ.การคานวณอตั โนมัติ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทบางขณะท่ีเราป้อนตัวเลขในตาราง เราอาจจาเป็นท่ีจะต้องตรวจสอบตัวเลขหรอื ดูผลลัพธ์ว่า ถกู ต้องหรอื ไม่ โดยไม่ต้องการให้แสดงผลลัพธ์ในตารางนั้นๆ เราสามารถใช้การคานวณอตั โนมัติ ซึ่งจะ ทาให้สามารถทราบผลลัพธ์ได้ทันที โดยท่ีไม่ต้องป้อนสูตรหรือฟังก์ชันใดๆ ด้วยการดูผลลัพธ์ท่ีแถบ สถานะ (Status Bar) ซง่ึ มีวธิ ีการใช้ดังน้ี 1) แดรกเมาส์เลือกชว่ งเซลล์ท่ตี ้องการใหค้ านวณ ังสือประกอบการเรยี น2) คลกิ ขวาท่ี แถบสถานะ (Status Bar) จะปรากฏกลอ่ งแสดงคาสัง่ หน 3) เลือกคาสั่งที่ต้องการ (ในทนี่ ่เี ลือกคาสัง่ ผลรวม) วิชาคอมพวิ เตอร์ รหสั วิชา 6210-0001, 6300-000-01 27

ระกอบการเรยี น ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.4) จะปรากฏผลลัพธท์ ่ี แถบสถานะ (Status Bar) หนงั สือปจากวธิ กี ารดงั กล่าวจะเหน็ ว่าเราสามารถเปลย่ี นคาสัง่ ในการคานวณได้ตามที่ต้องการดงั รูป 28 Microsoft Office Excel 2010

การคานวณโดยใชส้ ูตร การใช้สูตรเป็นวิธีท่ีใช้ในการคานวณท่ีนิยมมากที่สุด เพราะทาให้ได้ผลลัพธ์ท่ีรวดเร็ว และ สูตรบางอย่างยังสามารถช่วยคานวณข้อมูลตัวเลขทีซ่ ับซ้อนได้อกี แต่ละสูตรมรี ปู แบบการใชท้ แี่ ตกต่าง กนั ออกไป 1. การใชง้ านสูตรรปู แบบปกติ (Formula) อ.เป็นสูตรคานวณอย่างง่ายไม่ซับซ้อน โดยใช้เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก (+) ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทลบ (–) คูณ (*) หาร (/) และ ยกกาลัง (^) สูตรคานวณขึ้นต้นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ (=) เสมอ ตามด้วยค่าตัวแปร 2 หรือมากกว่าสองตัว ตัวแปรแต่ละตัวถูกค่ันด้วยตัวดาเนินการ ซ่ึงอาจจะเป็น คา่ คงท่ี ขอ้ ความ ตาแหนง่ เซลล์ ช่ือเซลล์ หรือฟังก์ชันกไ็ ด้ โดยใช้ตัวดาเนินการมาประมวลผลใหไ้ ดผ้ ล ลพั ธบ์ นเซลล์ท่ีเลือกไว้ ตวั อย่าง 1. = 5 * 10 หมายถงึ นา 4 ไปคณู กับ 12 2. = A2 * B2 หมายถึง นาค่าตัวเลขท่ีเก็บ ในเซลล์ A2 ไปคูณกับค่าตัวเลขในเซลล์ B2 2. การใช้งานสตู รแบบฟงั ก์ชนั (Function) การเรยี นการใช้สตู รแบบฟังก์ชนั ช่วยคานวณข้อมูลที่ซับซอ้ นหรือมีปริมาณมากได้ ซ่ึงฟังก์ชันใน Excel เป็นสตู รทก่ี าหนดไว้ล่วงหน้าและถกู สร้างใหเ้ หมาะกับงานเฉพาะอย่าง ระกอบตวั อยา่ ง 1. =SUM(B2:B5) หมายถงึ ให้หาผลรวมจาก คา่ ในเซลล์ B1 จนถงึ B5 ังสอื ป2. =AVERAGE(B2:B5) หมายถงึ ให้หาคา่ เฉล่ีย หน ตวั เลขจากคา่ ในเซลล์ B2 ถึง B5 สูตรแบบต่างๆ จะมีความยากง่ายแตกต่างกันออกไป ซ่ึงการสร้างสูตรน้ันเราจะต้อง ทราบหลักการทางานของเคร่ืองหมายและสัญลักษณ์ในสูตร รวมถึงลาดับการคานวณ เพราะ สิ่งเหล่านม้ี ผี ลต่อการแสดงผลลพั ธ์ทั้งส้ิน วชิ าคอมพวิ เตอร์ รหัสวชิ า 6210-0001, 6300-000-01 29

การสรา้ งสตู รคานวณ ก ารส ร้างสู ต รใช้ เอ งนั้ น จ า เป็ น จ ะต้ อ งท ราบ ถึ งห ลั ก ก ารแ ล ะอ งค์ ป ร ะก อ บ ส าคั ญ ต่ า ง ๆ ท่ีประกอบอยู่ในสตู รรวมถึงลาดบั ทีเ่ ราจะใช้ในการสรา้ งสูตรด้วย 1. หลักการสร้างสูตร โครงสร้างหรือลาดับขององค์ประกอบต่างๆ ในสูตร จะเป็นตัวกาหนดผลลัพธ์ข้ันสุดท้ายซึ่ง อ.Excel จะคานวณสูตรจากซ้ายไปขวา แต่ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับลาดับของตัวดาเนินการที่มีลาดับ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทเหนือกว่า โดยท่ีเราสามารถควบคุมลาดับของการคานวณได้โดยใช้เครื่องหมายวงเล็บเพื่อจัดกลุ่ม ในการคานวณที่ควรจะเริ่มทาก่อน =9+3/2 ตวั อย่าง ผลลัพธ์เท่ากับ 10.5 เน่ืองจาก Excel จะคานวณ 3 หาร ด้วย 2 ก่อน ซึ่งจะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 1.5 แล้ว สุดท้ายนามาบวกด้วย 9 แต่ถ้าเราใช้วงเล็บเพ่ือ ควบคุมการคานวณโดยใส่วงเลบ็ ให้ 9 บวกกบั 3 ก่อน แล้วจึงหารดว้ ย 2 กจ็ ะต้องใช้สตู ร =(9+3)/2 ผลลัพธ์ เท่ากับ 6 2. องคป์ ระกอบสาคัญในการสร้างสตู ร การเรยี นในการสร้างสูตรใช้งานต่าง ๆ ส่วนประกอบสาคัญต่อไปนี้ถือเป็นส่ิงสาคัญซึ่งจะเป็น ตวั กาหนดผลลัพธ์ ประกอบดว้ ย 1) เครื่องหมายเทา่ กับ (=) จะเป็นตวั ข้ึนต้นเสมอในการสร้างสูตร เพ่ือเป็นการระบุ ให้ Excel ร้วู า่ อกั ขระตัวถดั ไปเปน็ สตู ร ระกอบ2) อาร์กิวเมนต์ หรือองค์ประกอบที่จะถูกนามาคานวณได้แก่ อาร์กิวเมนต์ ตา่ งๆ ไม่วา่ จะเป็นตวั เลขหรือการอา้ งองิ เซลล์หรอื ช่วง ปา้ ยช่ือ ชือ่ หรือฟังกช์ นั แผ่นงาน งั สือป 3) ตัวดาเนินการ ในการคานวณ เชน่ เครื่องหมาย (+) เครอื่ งหมายหาร (/) 4) ลาดบั การคานวณ โดยปกติแล้ว Excel จะลาดับการคานวณเคร่ืองหมาย ดังตอ่ ไปนี้ ตามลาดับ 1. วงเล็บ ( ) 2. คณู (*) หาร (/) 3. บวก (+) ลบ (-) หน หมายเหตุ ลาดบั ความสาคัญเทา่ กันให้คานวณจากซา้ ยไปขวา 30 Microsoft Office Excel 2010

3. สรา้ งสูตรคานวณ สูตรคานวณใน Excel จะเร่มิ ตน้ ดว้ ยเครื่องหมาย = เสมอ มวี ิธีดังน้ี 32 ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.1 1) คลิกที่เซลล์ทีจ่ ะใสส่ ูตร 2) พมิ พเ์ คร่อื งหมาย = ตามดว้ ยสูตรคานวณ โดยพิมพ์ลงในเซลล์หรอื แถบสูตรก็ได้ เช่น = B3 * C3 การเรยี น3) คลิกท่ีปุ่ม หรือกดปุ่ม Enter ท่ีคีย์บอร์ด หากต้องการพิมพ์สูตรใหม่ให้คลิกปุ่ม Cancel หรอื กดคยี ์ Esc บนคียบ์ อร์ด เพอื่ ยกเลิกสูตร ระกอบ4. การเลอื กเซลล์มาคานวณดว้ ยเมาส์ นอกจากการพิมพ์ตาแหน่งเซลล์อ้างอิงแล้วเราสามารถใช้เมาส์คลิกเลือกเซลล์เพื่อนามา หนงั สอื ปอ้างอิงในสตู รได้ ซ่ึงแม่นยาและรวดเร็วและปอ้ งกนั ความผดิ พลาดได้มากกวา่ ดังตวั อย่าง 12 วิชาคอมพวิ เตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01 31

34 อ.1) พมิ พ์เครอ่ื งหมายเทา่ กบั (=) ในเซลล์ท่ีตอ้ งการผลลพั ธจ์ ากการคานวณ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท2) คลิกเลอื ก เซลล์แรกทีต่ ้องการ (ในตัวอย่างคอื B3) 3) พมิ พ์เครือ่ งหมายคณู (*)ในเซลล์ทต่ี อ้ งการผลลพั ธจ์ ากการคานวณ 4) คลิกเลอื ก เซลล์ทส่ี อง (ในตัวอยา่ งคือ C3) กด Enter 5. การคดั ลอกสตู รคานวณ การคดั ลอกสูตรด้วยเมาส์ เหมาะกับการคดั ลอกสูตรไปยงั เซลล์ที่อยูต่ ิดกัน 1 การเรียน 2 1) เล่อื นเมาส์ไปชที้ มี่ ุมล่างของเซลล์ท่เี ก็บสูตรตน้ ฉบบั เมาสจ์ ะแสดงสญั ลกั ษณ์ 2) คลิกลากคัดลอกลงมายงั เซลล์ด้านล่างทต่ี ้องการ ระกอบการพิมพ์สูตรและคัดลอกพร้อมกัน เราสามารถสร้างสูตรคานวณและส่ังคัดลอกได้ ภายในการทางานแค่คร้ังเดยี วไดด้ งั นี้ หนังสือป 2 1 3 32 Microsoft Office Excel 2010

1) คลิกลากคลกุ เซลล์ทีจ่ ะใสส่ ตู รและผลลัพธ์ 2) พมิ พส์ ูตร แล้วกดปมุ่ Ctrl+Enter บนคยี ์บอร์ดพร้อมกนั 3) ผลลพั ธ์ท่ไี ด้ การคัดลอกสูตรขา้ มเวริ ์คชีท 1) คลกิ ที่ขวาเซลล์สูตรต้นฉบบั แลว้ คลกิ เลอื ก Copy 2) คลิกเลือกทเ่ี วิร์คชที ปลายทางอีกชที หนึ่ง อ.3) เลือกท่พี ้ืนที่เซลล์ท่จี ะวางสตู ร ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ท4) คลกิ ขวาทเ่ี ซลล์นน้ั แล้วเลอื ก Paste 6. ลาดบั ทขี่ องการดาเนินการในสตู ร หากใช้ตัวดาเนินการหลายๆ ตัวในสูตรเดียวกัน ใน Excel จะมีลาดับการดาเนินการ ตามลาดบั ดงั น้ี ลาดับที่ ตัวดาเนินการ คาอธบิ าย 1 : (เครอ่ื งหมายจุดคู)่ ตัวดาเนนิ การอา้ งองิ 2 (ทวี่ า่ งเดยี ว) ตัวดาเนินการอา้ งอิง 3 , (เคร่อื งหมาจุลภาค) ตวั ดาเนินการอ้างอิง - เครื่องหมายลบ (เชน่ -5) การเรียน4 % เปอรเ์ ซน็ ต์ ^ เลขช้ีกาลัง 5 * และ / การคณู และการหาร 6 + และ - การบวกและการลบ & เชอื่ มสายอักขระของข้อความ ระกอบ7 = <> <=> = <> การเปรยี บเทียบ 8 9 หนังสือป 10 วิชาคอมพวิ เตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01 33

ตวั ดาเนนิ การท่ใี ชใ้ นสตู ร (Operator) เคร่ืองหมายหรือตัวดาเนินการ คือ องค์ประกอบหน่ึงในสูตรโดยจะระบุชนิดของการคานวณ ที่ต้องการ ตัวดาเนินการออกเป็น 4 ประเภท คือ คณิตศาสตร์ การเปรียบเทียบ ข้อความ และการ อ้างอิง 1. ตัวดาเนนิ การทางคณติ ศาสตร์ (Arithmetic Operator)เครือ่ งหมายความหมาย ตวั อย่าง + การบวก 5+3 อ.ตัวดาเนินการทางคณิตสาสตร์ ใช้สาหรับการคานวณด้วยวิธีทางคณิตศาสตร์ข้ัน-การลบ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทพืน้ ฐาน เชน่ การบวก ลบ คูณ หาร การรวมตวั เลข การหาผลลพั ธต์ ่างๆ*การคูณ9-4 หรือ -1 / การหาร 5*6 % เปอรเ์ ซ็นต์ 10/3 ^ เลขชก้ี าลงั 2% 2^2 (หรอื 2*2) การเรียน2. ตวั ดาเนนิ การเปรียบเทียบ (Comparison Operator) เราสามารถใช้ตัวดาเนนิ การเปรียบเทียบเพื่อการเปรียบคา่ สองค่า โดยผลลัพธท์ ่ีไดจ้ ะเป็น ค่าทางตรรกศาสตร์คือ True หรือ False ระกอบเครื่องหมาย = ความหมาย ตวั อยา่ ง เทา่ กับ C5=D5 ังสอื ป > มากกวา่ C5>D5 หน < นอ้ ยกวา่ C5<D5 >= มากกว่าหรือเท่ากับ C5>=D5 <= น้อยกวา่ หรือเท่ากับ C5<=D5 <> ไมเ่ ทา่ กับ C5<>D5 34 Microsoft Office Excel 2010

3. ตวั ดาเนินการขอ้ ความ (Text Concatenation Operator) ตัวดาเนินการข้อความจะใช้เครื่องหมาย (&) ในการรวมข้อความหรือคา 2 คาข้ึนไป เพ่ือให้เป็นข้อความเดยี วกัน ความหมาย ตัวอย่าง เครื่องหมาย เช่ือมหรือนาคา 2 คามาต่อ \"Lampang\"&\"Kanlayanee\" ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.&กัน ทา ให้เกิดค่าข้อความ ผลลพั ธ์เป็น LampangKanlayanee ตอ่ เนอื่ งท่เี ปน็ คา่ เดียวกนั 4. ตวั ดาเนินการสาหรับอ้างอิง (Reference Operator) ตัวดาเนนิ การอ้างองิ ถูกนามาใชเ้ พ่ือรวมช่วงของเซลล์สาหรบั การคานวณ เคร่ืองหมาย ความหมาย ตัวอย่าง : (จดุ ค่)ู B1:B9 ตัวดาเนินการช่วง โดยจะอ้างอิง การเรยี น, (จุลภาค)เป็นช่วง ระหว่างจุดอ้างอิง ท่ีหนึ่ง SUM(A5:a12,C1:C5) กบั จดุ อ้างอิงท่สี อง ตัวดาเนินการส่วนรวม ซึ่งเป็นตัว รวมการอ้างอิงหลายๆ ชุดเช้า ด้วยกนั เปน็ การอา้ งองิ หนึ่งชดุ การอา้ งองิ เซลล์ที่ใชใ้ นสตู ร ระกอบการสร้างตารางคานวณในรูปแบบต่างๆ น้ัน สูตรที่ใช้มักจะเป็นการอ้างอิงเซลล์อ่ืนๆ ที่อยู่ใน ตารางเดียวกัน และการอ้างอิงเซลล์ก็ยังไม่ได้ถูกจากัดให้ทาได้เฉพาะใน Sheet เดียวกันเท่าน้ัน แต่ยงั สามารถอ้างองิ ข้าม Sheet หรือขา้ มไฟลไ์ ด้ ังสอื ป1. การอ้างองิ แบบสัมพทั ธ์ (Relation References) น การอ้างอิงแบบสัมพัทธ์ คือ การอ้างอิงไปท่ีเซลล์ใดหรือช่วงเซลล์ใดก็ตามเม่ือมีการ ห เปลี่ยนแปลง เช่น การย้ายหรือคัดลอกสูตร จะทาให้ตาแหน่งการอ้างอิงเปล่ียนแปลงไปตามความ สัมพทั ธ์ของการย้ายหรอื คัดลอก ตวั อยา่ งเชน่ วิชาคอมพวิ เตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01 35

การอ้างอิงเซลล์แบบสัมพนั ธ์ จากตารางเมอื่ มกี ารใชส้ ูตร SUM เพ่ือหาผลรวมของยอดขายสินค้าในแตล่ ะวัน โดยให้มี อ.การอ้างอิงช่วง B2:D2 ซ่ึงเป็นการอ้างอิงแบบสัมพัทธ์ ถ้าเราต้องการผลรวมของสินค้าวันที่ 2 ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทเราสามารถคดั ลอกสตู รไปท่ี F3 และ F4 การอ้างอิงจะถูกเปลยี่ นไปโดยอัตโนมัติทันทีโดยท่ีเราไม่ตอ้ ง สร้างสูตรทมี่ ีการอ้างอิงใหม่ ดังนั้น สูตรบางสูตรที่มีตาแหน่งการอ้างอิงเฉพาะเจาะจง จาเป็นต้องมีการล็อกตาแหน่ง อ้างอิงนั้นๆ เพราะเมื่อมีการย้ายหรือคัดลอกสูตรจะทาให้ตาแหน่งท่ีถูกอ้างอิงยังคงการล็อกตาแหน่ง เดิมไว้ ซึง่ การอ้างอิงแบบนี้เรียกวา่ การอ้างองิ แบบสมั บรู ณ์ 2. การอ้างองิ แบบสัมบรู ณ์ (Absolute References) การอ้างอิงแบบสัมบูรณ์ คอื การล็อกตาแหน่งของการอ้างอิงโดยใชเ้ ครื่องหมายดอลลาร์ ($) หรือท่ีเรียกกันโดยท่ัวไปว่า สตริง โดยใส่เข้าไปในตาแหน่งของเซลล์ถูกอ้างอิง ซึ่งเม่ือมีการย้าย (cut) หรือคัดลอก (copy) สูตร ตาแหน่งที่ถูกอ้างอิงจะไม่เปลี่ยนแปลง จากตารางเดิม จะแสดงใหเ้ ห็นผลลัพธ์ จากการใชก้ ารอ้างองิ แบบสัมบรู ณด์ ังนี้ การเรยี นการอ้างชือ่ เซลล์ ความหมาย $C$3 เซลล์ C3 อยา่ งเฉพาะเจาะจง ระกอบ$A3 เซลล์ในคอลมั น์ A อยา่ งเฉพาะเจาะจง (แถวเปล่ยี นแปลงได้) A$3 เซลล์ในแถวที่ 3 อย่างเฉพาะเจาะจง (คอลมั นเ์ ปลี่ยนแปลงได้) หนังสอื ปSheet1!$D$1:$D$5 กลมุ่ เซลล์ D1 ถึง D5 ในเวิร์คชีทชื่อ sheet1 อยา่ งเฉพาะเจาะจง $D$5:$D$12 กลุม่ เซลล์ D5 ถงึ D12 อย่างเฉพาะเจาะจง 36 Microsoft Office Excel 2010

วิธีการอ้างองิ เซลล์ 1. อ้างอิงเซลล์ท่ีอยู่ในเวิร์คชีท (Sheet) เดยี วกนั เป็นการใช้ข้อมูลของเซลล์ท่ีอยู่ในเวิร์คชีทเดียวกันในการคานวณ โดยสูตรที่สร้างขึ้น จะประกอบด้วยตาแหน่งอ้างอิงของเซลล์ =SUM(A1:A9) ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.ตาแหน่งอ้างอิงเซลล์ 2. อา้ งอิงเซลล์ท่ีอย่ตู ่างเวิรค์ ชีทกัน เราสามารถสร้างสูตรโดยใช้ข้อมูลจากเวิร์คชีทอ่ืนในการคานวณ โดยสูตรที่สร้างข้ึน จะประกอบดว้ ย ช่อื เวิรค์ ชที แล้วตามดว้ ยเครื่องหมาย ! และ ตาแหนง่ อ้างอิงของเซลล์ =SUM(ช่ือแผน่ งาน!A1:A9) ตาแหนง่ อา้ งองิ เซลล์ การอ้างอิงเซลล์ที่อยู่ตา่ งเวิร์คชีทกัน ให้คลิกเซลล์ท่ีต้องการอ้างอิงได้เลย โปรแกรมจะลิงค์ให้ อตั โนมตั ิ การเรียนตัวอยา่ ง ต้องการหาผลรวมของเงินเดือนพนักงานทุกเดือนไว้ท่ีเวิร์คชีท Sheet 3 โดยที่จะมีการสรุป เงินเดอื นของเดือนมกราคมไว้ทเ่ี วริ ์คชที Sheet 5 สามารถทาได้ดงั นี้ ระกอบ 1 หนังสือป 2 3 1) คลิกทเี่ ซลล์ในเวริ ค์ ชที ที่ต้องการคานวณเงนิ เดอื น แลว้ พมิ พ์สูตร ในทน่ี คี้ ือ =SUM( 2) คลิกทเ่ี วิร์คชที เงินเดือนมกราคมแล้วลากเมาส์คลุมเซลล์ที่ต้องการนามาคานวณ 3) กด Enter จะได้ผลรวมเงินเดอื นของเดอื นมกราคม วชิ าคอมพวิ เตอร์ รหัสวชิ า 6210-0001, 6300-000-01 37

3. อา้ งอิงเซลล์ท่อี ยู่ตา่ งไฟลก์ นั เมื่อใช้ข้อมูลในไฟล์อ่ืนในการสร้างสูตร สามารถทาได้ โดย จะมีช่ือไฟล์ท่ีถูกลิงค์อยู่ใน เคร่ืองหมาย [ ] ตามด้วยช่ือเวิร์คชีท และตาแหน่งอ้างอิงของเซลล์จะต้องใส่เคร่ืองหมาย $ ซึ่งเป็น การลอ๊ กเซลล์ตาแหน่งเซลล์ =SUM([ชื่อไฟล์]ช่ือแผ่นงาน!A1:A9) อ.ตาแหน่งอา้ งอิงเซลล์ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทตวั อยา่ งสมุดงาน.x.xlslsสมุดงาน11.x.xlsls ต้องการหาผลรวมของเงินเดือนพนักงานทุกเดือนไว้ท่ีไฟล์ช่ือ สมุดงาน.xls โดยจะต้องดึง ข้อมูลข้ามไฟล์ .xls ที่ช่ือว่า สมุดงาน1.xls ซึ่งในไฟล์ สมุดงาน1.xls จะมีจานวนเงินเดือนของ พนกั งานแตล่ ะคนในเดอื นมกราคม มีวิธกี ารอา้ งองิ เซลล์ขา้ มไฟลด์ ังน้ี 1 การเรียน 3 2 ระกอบ 4 งั สอื ป 1) คลิกทเ่ี ซลล์ในเวิรค์ ชที ทต่ี ้องการคานวณเงินเดอื น แล้วพมิ พ์สตู ร ในท่นี ค้ี อื =SUM( หน 2) คลิกไฟล์ท่ีชื่อ สมุดงาน1.xls ที่เปิดไว้แลว้ ท่ีเวิรค์ ชีทช่ือ sheet5 แล้วลากเมาสค์ ลุม เซลล์ทต่ี อ้ งการนามาคานวณ 3) กด Enter จะได้ผลรวมเงินเดือนของเดือนมกราคม ออกมาปรากฏอยู่เซลล์ที่พิมพ์ สูตรในไฟล์ สมดุ งาน.xls 4) แสดงผลลพั ธท์ ีไ่ ด้จากการคานวณ 38 Microsoft Office Excel 2010

4. อา้ งอิงโดยใชช้ ื่อกลุ่มเซลล์ เราสามารถต้งั ชอื่ ใหก้ ับกลุม่ ของเซลล์ เพือ่ นาไปใช้อา้ งองิ ในสตู รได้ ซง่ึ จะทาให้สะดวกต่อ การใช้งานยิ่งขึ้น โดยสูตรท่ีสร้างขึ้นจะประกอบด้วยช่ือกลุ่มเซลล์ โดยลากเมาส์คลุมท่ีกลุ่มเซลล์ท่ี ตอ้ งการแล้วคลกิ ที่เมนู Insert > Name>Define ปอ้ นชือ่ ทต่ี อ้ งการ กด OK =SUM(ช่อื กลุ่มเซลล์)3 4 ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.ตัวอย่าง ต้องการสร้างสูตรคานวณผลรวมเงินเดือนของพนักงานทุกคน สามารถกาหนดกลุ่มเซลล์ที่ แสดงเงนิ เดือนของพนักงาน เพ่ือนาชอื่ มาอา้ งองิ ตอนสรา้ งสตู รโดยใชฟ้ งั ก์ชนั SUM ได้ดงั น้ี 2 หนังสือประกอบการเรยี น1 5 วิชาคอมพวิ เตอร์ รหสั วิชา 6210-0001, 6300-000-01 39

7 8 9 ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.6 10 1) ลากเมาส์คลุมกลุ่มเซลล์ทแ่ี สดงเงนิ เดอื นของพนักงานแต่ละคนในทีน่ ้คี ือ B3 ถงึ 12 2) คลิกทเี่ มนู สูตร การเรยี น3) คลิกที่ ตัวจัดการชือ่ 4) คลกิ ท่ี สรา้ ง 5) จะได้กล่อง ช่ือใหม่ เพ่ือให้พิมพ์ช่ือเซลล์ท่ีต้องการในที่น้ีพิมพ์ช่ือเชลล์คือ salary แลว้ กด OK ระกอบ6) พิมพ์สตู รลงชอ่ งเซลล์ท่ตี อ้ งการในทีน่ ี้คอื เซลล์ B13 พิมพส์ ตู ร =SUM( 7) แล้วคลกิ ที่ ใชส้ ตู ร เพอื่ เลือกทเ่ี ซลล์ทกี่ าหนดไว้กอ่ นหนา้ 8) เลอื กช่อื salary งั สือป 9) คลิก ตกลง หน 10) ชอ่ื เซลล์จะปรากฏในสูตร =SUM(salary) แลว้ กดปุ่ม Enter จะไดผ้ ลลัพธ์ 40 Microsoft Office Excel 2010

สูตรแบบอารเ์ รย์ (Array) หลักการ คือ สร้างสูตรเพียงสูตรเดียวในเซลล์ท่ีต้องการหาผลลัพธ์ จากน้ันโปรแกรม จะคานวณออกมาแสดงเฉพาะเซลล์ท่เี ลือกไวเ้ ทา่ นั้น 1. กฎการใชส้ ตู รอารเ์ รย์ 1) ต้องกดคีย์ Ctrl+Shift+Enter เพ่ือนาสูตรลงไปในเซลล์ทีเ่ ลือกเสมอ 2) ต้องเลือกชว่ งของเซลล์เพอื่ ที่จะใช้แสดงผลลัพธ์ไวก้ ่อนที่จะสร้างสตู ร อ.3) เราไม่สามารถเปล่ียนแปลงหรือแก้ไขเน้ือหาหรือในเซลล์ผลลัพธ์ของสูตรอาร์เรย์ ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทไดย้ กเวน้ นาสตู รขึ้นมาแกไ้ ขแลว้ กดคีย์ Ctrl+Shift+Enter นาสูตรกลบั ลงไปใหม่อกี ครัง้ 4) การย้ายหรือลบสูตรอาร์เรย์ ต้องย้ายและลงทีเดียวทั้งหมด ไม่สามารถย้ายหรือ ลบสตู รบางสว่ นได้ 12 การเรียนสตู รแบบอาร์เรย์ สตู รแบบปกติ 2. การสร้างสตู รอารเ์ รยแ์ บบเซลลเ์ ดียว หนังสอื ประกอบ 2 13 1) คลิกท่ีเซลล์ท่ีจะให้แสดงผลลัพธ์ 2) พิ ม พ์ สู ต รท่ี บ ริเวณ แ ถ บ สู ต ร คื อ =SUM(C2:C7*D2:D9) เส ร็จแ ล้ วก ด ปุ่ ม Ctrl+Shift+Enter พรอ้ มกนั ทกุ คร้งั เมื่อพมิ พส์ ตู รจบโปรแกรมจะสรา้ ง {} ครอบสตู รให้อตั โนมัติ 3) ผลลพั ธ์จะไดแ้ สดงขึ้นมาตามต้องการ วิชาคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01 41

3. การสร้างสตู รอารเ์ รย์แบบหลายเซลล์ 2 1 ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.3 1) แดรกเมาส์คลมุ เซลล์ท่จี ะใหแ้ สดงผลลัพธ์ในทน่ี คี้ ือ E2:E11 2) พิมพ์สูตรที่แถบสูตร =(C2:C11*D2:D11) เสร็จแล้วกดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter พร้อมกันเมอ่ื พมิ พ์สตู รจบโปรแกรมจะสร้าง {} ครอบสูตรใหอ้ ตั โนมตั ิ 3) ผลลพั ธ์จะได้แสดงขึน้ มาตามต้องการ 4. การแกไ้ ขสูตรอาร์เรย์ผลลัพธ์เซลลเ์ ดยี ว 1) ดับเบิ้ลคลิกเซลล์ที่เก็บสูตรหรือกดคีย์ F2 เพ่ือนาสูตรมาแก้ไข ซึ่งจะแก้ไขบนเซลล์ หรือบนแถบสูตร 2) เมื่อแก้ไขเสร็จแลว้ กดป่มุ Ctrl+Shift+Enter อีกคร้งั 5. การแก้ไขสูตรอารเ์ รย์ผลลัพธ์หลายเซลล์ การเรยี น1) เลือกเซลล์ที่เปน็ ผลลัพธ์เซลล์ใดเซลล์หนงึ่ แล้วกด F2 เพอ่ื นาสตู รมาแก้ 2) แก้ไขสูตรตามตอ้ งการ 3) กดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter พรอ้ มกันที่คยี บ์ อรด์ 6. การลบสตู รอารเ์ รย์ ระกอบ1) แดรกเมาส์คลมุ เซลล์ทเ่ี ปน็ ผลลพั ธท์ ้งั หมด หนังสือป 2) เลือกท่แี ถบเมนู หนา้ แรก > ล้าง > ลา้ งทงั้ หมด 42 Microsoft Office Excel 2010

1 2 ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.7. การค้นหาเซลลอ์ ้างอิงในสตู รด้วย Trace Precedents 1) คลกิ ที่เซลล์ที่ต้องการคน้ หาเซลล์ทถี่ ูกอา้ งอิงมา 2) คลิกที่ Tools > Formula Auditing > Trace Precedent 3) จะเหน็ ลกู ศรสนี า้ เงนิ ชไ้ี ปยงั เซลล์ทถ่ี กู อา้ งองิ มา 4) ถ้าต้องการลบลูกศรออกเลือกที่ Tools > Formula Auditing > Remove All การเรียน 2 Arrows 4 งั สือประกอบ 3 หน 1 8. การกาหนดให้ทกุ เซลลแ์ สดงสูตรขึน้ มา วิชาคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 6210-0001, 6300-000-01 43

1) คลิกบนชีทงานบรเิ วณใดกไ็ ด้ 2) คลกิ ที่ สูตร > แสดงสูตร 3) ทกุ เซลล์ทม่ี สี ูตรซ่อนอยภู่ ายในก็จะแสดงออกมาพรอ้ มกนั 4) ถ้าต้องการใหซ้ ่อนเหมือนเดิมกท็ าตามข้อ 2 อีกครัง้ 2 ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.1 การเรียนฟังกช์ นั และการใชฟ้ งั กช์ นั (Function) ฟังก์ชันคล้ายเป็นสูตรสาเร็จของการคานวณในรูปแบบของการใช้งานต่างๆ เช่น ฟังก์ชัน SUM คอื การหาผลรวม ซึง่ โปรแกรม Excel ได้จดั สูตรเหล่านี้ไวเ้ ปน็ หมวดหมเู่ พื่อสะดวกต่อผู้ใชง้ าน ระกอบโครงสร้างของฟงั กช์ นั โครงสร้างของฟังก์ชันทุกฟังก์ชันจะเหมือนกันคือ มีช่ือฟังก์ชันตามด้วยอาร์กิวเมนต์ใน วงเล็บปิด ซึ่งอาร์กิวเมนต์น้ีสามารถเป็นได้ท้ังตัวเลข การอ้างอิงเซลล์ หรือฟังก์ชันอ่ืน ซึ่งเราเรียกว่า ังสอื ปการใช้ฟังก์ชันซ้อนกัน แต่ละตัวจะมีเครื่องหมายจุลภาค (,) เป็นตัวคั่น ซึ่งสามารถแสดงเป็น โครงสรา้ งได้ดงั น้ี ช่ือฟังก์ชนั อารก์ วิ เมนต์ หน =COUNTIF (M1:M90,4) เคร่อื งหมายเท่ากับ วงเล็บครอบ เครือ่ งหมายจุลภาคแยก อารก์ ิวเมนต์ อาร์กิวเมนต์ 44 Microsoft Office Excel 2010

เราสามารถใช้สูตรฟังก์ชันด้วยการพิมพ์ฟังก์ชันนั้นๆ ด้วยตนเอง หรือในกรณีที่ต้องการหา ฟงั ก์ชันต่างๆ เพอื่ นามาใช้งานและสะดวก เราสามารถเรียกใช้งานฟังกช์ ันบนแถบสูตรได้ เรยี กใชฟ้ งั กช์ ันดว้ ย เราสามารถเลือกใชฟ้ ังกช์ ันต่างๆ ที่ตอ้ งการด้วยการคลกิ ปมุ่ (ฟังกช์ ัน) บนแถบสูตร ผวสม.กกศ.รร.จอ.ยศ.ทอ.ประเภทของฟังก์ชัน การเรยี นฟังกช์ นั ภายใน Excel มหี ลากหลายชนิด เราสามารถแบ่งออกตามกลุ่มการทางานดงั นี้ ฟงั ก์ชันพ้ืนฐานดงั ตารางต่อไปนี้ เปน็ ฟงั กช์ ันที่มกั ถูกเรยี กใชง้ านเปน็ ประจา ระกอบSUM ใช้ในการหาผลรวมของข้อมลู = SUM (จานวนท่ี 1,จานวนที่ 2,...)ชือ่ ฟงั ก์ชันประโยชน์รปู แบบของฟังกช์ ัน AVERAGE ใช้หาคา่ เฉลีย่ = AVERAGE (จานวนที่ 1,จานวนที่ 2,...) ังสือปMAX ใชค้ ้นหาขอ้ มลู ที่มีคา่ มากทีส่ ุด = MAX (จานวนท่ี 1,จานวนที่ 2,...) COUNT ใช้นบั จานวนข้อมูลท่ีเปน็ ตวั เลข = COUNT (จานวนท่ี 1,จานวนท่ี 2,...) หน MIN ใช้ค้นหาขอ้ มลู ทีม่ ีคา่ น้อยที่สดุ = MIN (จานวนที่ 1,จานวนที่ 2,...) วชิ าคอมพวิ เตอร์ รหัสวชิ า 6210-0001, 6300-000-01 45


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook