Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการบริหารจัดการควาามเสี่ยงด้านอุทกภัยอย่างบูรณาการ_ADPC

คู่มือการบริหารจัดการควาามเสี่ยงด้านอุทกภัยอย่างบูรณาการ_ADPC

Published by pischa.pc, 2021-04-22 18:55:59

Description: คู่มือการบริหารจัดการควาามเสี่ยงด้านอุทกภัยอย่างบูรณาการ_ADPC

Search

Read the Text Version

• อาหารส�ำ เร็จรูป (เราควรเตรียมไวส้ �ำ หรบั 3 วัน ในกรณีฉกุ เฉินหรอื ในกรณีต้องอพยพ และควร บท ่ีท 3 เตรียมไวส้ ำ�หรับ 2 อาทิตยใ์ นกรณีทเ่ี ราไมต่ อ้ งอพยพและตอ้ งพกั อาศยั อย่ทู ีบ่ ้านตนเอง) • น้ำ�ด่ืม โดยเฉลย่ี คนเราตอ้ งการนำ้�ดมื่ ประมาณ 3-4 ลติ รตอ่ วัน (เราควรเตรยี มไวส้ ำ�หรบั 3 วัน ในกรณฉี ุกเฉนิ หรอื ในกรณีตอ้ งอพยพ และควรเตรียมไว้สำ�หรบั 2 อาทิตย์ ในกรณที ่ีเราไม่ตอ้ ง อพยพ) • เทียนและไมข้ ดี ไฟ • เครื่องดม่ื ท่มี ีนำ�้ ตาล เชน่ น้ำ�ผลไม้ • เตาเลก็ ๆ ส�ำ หรบั อุน่ อาหาร • ช้อนส้อม จาน แกว้ กระดาษ ทเ่ี ปิดกระป๋อง • ใบสงั่ ยาส�ำ คัญและแว่นตาสำ�รอง • สบู่ ผา้ เชด็ มอื กระดาษชำ�ระ • ถุงพลาสติก ถุงขยะ • ถุงนอน • เส้ือผ้าใส่สบาย 2-3 ชดุ ถุงมือ รองเท้าบทู๊ • ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย ถา่ นไฟฉายสำ�รอง • เครื่องมือป้องกนั ตัว ชดุ เคร่อื งมอื (ไขควง ประแจ กรรไกร เทปกาว) • หนงั สอื อ่านเลน่ ฯลฯ     เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสตู รการบรหิ ารจัดการความเสย่ี งดา้ นอทุ กภยั อยา่ งบรู ณาการ 135

บทท่ี 3 รูปท่ี 3.4.5 ตวั อยา่ ง Checklist ส�ำ หรับการเตรียมอุปกรณ์และเครอื่ งอุปโภคบริโภคที่จ�ำ เปน็ ในช่วงเกดิ ภัย ทม่ี า : http://www.ready.gov/basic-disaster-supplies-kit 136 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสตู รการบรหิ ารจดั การความเส่ยี งดา้ นอุทกภยั อยา่ งบูรณาการ

บท ่ีท 3 รูปที่ 3.4.6 คู่มือกระเปา๋ ยังชพี   137 ท่มี า : http://www.designfordisasters.org เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลกั สตู รการบริหารจัดการความเสยี่ งด้านอทุ กภยั อย่างบรู ณาการ

บทท่ี 3 เอกสารอ้างอิง UNHCR (United Nations High Commissioner for Refugees) (2010). Collective Centre Guidelines (แนวทางการบรหิ ารจดั การศนู ยพ์ กั พงิ ชว่ั คราว). บรรณานกุ รม คู่มือการจัดการภัยพบิ ัติสำ�หรับประชาชน: ตามหลักการจัดการความเสย่ี งจากภัยพบิ ตั โิ ดยอาศยั ชุมชน เป็นฐาน (พ.ศ. 2556). ส�ำ นกั สง่ เสริมการปอ้ งกันสาธารณภยั , กรมปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภยั แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแหง่ ชาติ พ.ศ. 2553-2557 138 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสตู รการบริหารจัดการความเส่ียงดา้ นอุทกภัยอย่างบูรณาการ

จดบันทึก บท ่ีท 3 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสูตรการบรหิ ารจัดการความเสีย่ งดา้ นอุทกภัยอย่างบรู ณาการ 139

บทท่ี 3 ทมี่ า: Mrs. Janette Lauza Ugsang, พ.ศ. 2554 140 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสูตรการบรหิ ารจัดการความเส่ียงด้านอทุ กภยั อยา่ งบรู ณาการ

บทที่ 4 บท ่ีท 4 การรับมอื กับอุทกภัยในสถานการณ์ฉกุ เฉิน (Coping with Flood Emergencies) เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สูตรการบริหารจดั การความเส่ียงดา้ นอุทกภัยอย่างบูรณาการ 141

บทท่ี 4 วัตถปุ ระสงค์: • เพือ่ ให้เขา้ ใจแนวคดิ เกี่ยวกับแผนปฏบิ ตั ิการและการบรหิ ารจดั การในภาวะฉกุ เฉนิ • เพือ่ ให้เกดิ ความเขา้ ใจและสรา้ งความร่วมมอื ในการบรหิ ารจดั การภาวะฉกุ เฉินจากอทุ กภัย • เพื่อให้เข้าใจบทบาทของอาสาสมัครในงานด้านภัยพิบัติและเข้าใจหลักการในการบริหารจัดการ อาสาสมคั รในภาวะภัยพิบัติ เป้าหมายการเรียนรู้ • ผู้เรียนสามารถระบุข้อควรคำ�นึงเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินและสามารถนำ� แนวทางเหล่านี้มาใชใ้ นการปฏิบัตงิ านจรงิ • ผเู้ รยี นสามารถอธบิ ายความหมายของระบบการบญั ชาการสถานการณ์ (Incident Command System) และบทบาทของศนู ยอ์ �ำ นวยการได้ • ผเู้ รียนสามารถอธบิ ายสาระส�ำ คัญของการบริหารจดั การอาสาสมคั รในภาวะฉกุ เฉินได้ • ผู้เรียนสามารถนำ�แนวคิดไปใช้ในกระบวนการวางแผนและสามารถบูรณาการข้อควรคำ�นึง ต่าง ๆ ในการท�ำ แผนเผชิญเหตฉุ กุ เฉนิ จากภยั พิบตั ิได้ กรอบเน้อื หา บทที่ 4 ส่วนที่ 1 แผนและการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินจากอุทกภัย (Flood Emergency Response Plan and Management) บทที่ 4 ส่วนที่ 2 การบริหารจัดการอาสาสมัครในภาวะภัยพิบัติ (Disaster Volunteer Management) 142 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการบริหารจดั การความเสี่ยงด้านอุทกภยั อยา่ งบรู ณาการ

บทที่ 4 สว่ นที่ 1 แผนและการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินจากอทุ กภัย (Flood Emergency Response Plan and Management) ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช คณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ 1. การบรหิ ารจดั การภัยพิบตั ิและสถานการณฉ์ ุกเฉนิ บท ่ีท 4 เนื่องด้วยความถี่และความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นของการเกิดภัยพิบัติทั้งโดยทางธรรมชาติและที่เกิด ขึ้นโดยมนษุ ย์ ทำ�ใหป้ ระเทศต่างๆ หนั มาใหค้ วามสนใจกับความปลอดภัยของสาธารณะมากข้ึน โดย รฐั บาลได้มุ่งเน้นในการสร้างความสามารถให้กับหน่วยงานภาครัฐในการปฏิบัติงานร่วมกับเครือข่ายใน การจัดการภยั พบิ ตั ิทม่ี หี น่วยงานภาครฐั เป็นผู้แสดงบทบาทหลกั ทง้ั ในสว่ นกลางและส่วนภูมิภาค โดย มุ่งความสนใจไปที่การมสี ่วนรว่ มของประชาชนในท้องถ่นิ ต่างๆ ที่มวี ิถีชวี ิตอย่กู บั ภยั และความเส่ียงท่ี ต่างๆ กนั เพอื่ ให้มกี ารเตรยี มพรอ้ มเผชิญหนา้ ต่อภัยพบิ ตั ทิ ีจ่ ะเกดิ ขนึ้ รวมทั้งสามารถฟ้ืนคนื จากภัยกลับ สู่สภาวะปรกตไิ ดอ้ ย่างรวดเรว็ อย่างไรก็ตาม การสรา้ งความปลอดภัยสาธารณะดังกล่าวนน้ั ไม่ใชแ่ ต่ ความพยายามในการหาคำ�ตอบทเี่ ป็นทางออกเชงิ โครงสรา้ ง (Structural Solution) ตัวอย่างเช่น การ พฒั นาเทคโนโลยที ี่ล้ำ�หนา้ ในการพยากรณ์ การสร้างส่งิ ปลูกสรา้ งท่มี ีความม่นั คงแข็งแรง การใช้ตัวแบบ ทางคณติ ศาสตร์ (Mathematical Model) ในการค�ำ นวนความรุนแรงของภยั การพฒั นาระบบขอ้ มูล ขา่ วสารและการส่ือสาร (Information and Communication System) หรือแมแ้ ต่การใชก้ ารพฒั นา ระบบนิเวศนใ์ นการปอ้ งกันการเกดิ ภัยบางประเภท ฯลฯ​ หากแตย่ ังรวมถึงการหาค�ำ ตอบใหก้ ับทางออก ท่ีไม่ใช่เชงิ โครงสร้าง (Non-structural Solution) อาทิเช่น การให้ความรู้แกช่ มุ ชนถงึ ภัยและการปฏิบัติ ตนเบอื้ งต้น การฝกึ ฝนและพฒั นาความสามารถของหนว่ ยงานในการตอบสนองตอ่ สถานการณ์ และการ ให้ความสำ�คญั กบั เครือข่ายการประสานงานระหว่างภาครฐั และภาคสว่ นต่าง ๆ เปน็ ตน้ ท้ังนี้ เน่อื งดว้ ย ตระหนกั ถงึ ความส�ำ คญั ของการเตรยี มความพรอ้ มใหก้ บั ประชาชนและชมุ ชนซง่ึ เปน็ ดา่ นแรกในการเผชญิ หนา้ กบั ภยั พบิ ตั ิ และตระหนกั ถงึ ประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ตั ิงานของหนว่ ยงานชว่ ยเหลอื ต่าง ๆ ในการ บรหิ ารจดั การภัยพิบัติและสถานการณฉ์ ุกเฉิน แมแ้ ตใ่ นประเทศตา่ ง ๆ ที่มคี วามคุน้ เคยกับการเผชิญหนา้ อยู่กบั ภัยพิบตั ติ ลอดเวลา เชน่ สหรัฐอเมริกา ญปี่ ุ่น และ ออสเตรเลีย ที่เปน็ ประเทศที่มีการพฒั นาอย่ใู น ระดบั ตน้ ๆ ต่างกเ็ อาใจใสแ่ ละเนน้ ความส�ำ คญั ของการพัฒนาแนวทางท้งั สองดังกล่าวไปพรอ้ ม ๆ กัน ในสว่ นน้ี จะเนน้ ถงึ การคน้ หาหลกั และเทคนิคในการบริหารและการพัฒนาทเี่ ปน็ แนวทางแบบท่ไี มใ่ ชเ่ ชิง โครงสรา้ ง (Non-structural Solution) เปน็ หลกั ซงึ่ แนวทางนน้ี �ำ เสนอวิธีการทางเลอื กของการบรหิ าร เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสูตรการบรหิ ารจัดการความเสย่ี งด้านอทุ กภยั อยา่ งบรู ณาการ 143

บทท่ี 4 จัดการองค์การและการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติในการอธิบายประสิทธิภาพและประสิทธิผลของ การบรหิ ารจดั การสถานการณฉ์ กุ เฉนิ และภยั พบิ ตั ิ โดยท่ีนักนโยบายศาสตร์ไดเ้ สรมิ วา่ การเตรยี มความ พรอ้ มรับมอื ภัยพบิ ัติให้กับประชาชนน้ัน จะชว่ ยชุมชนใหส้ ามารถลดความเสียหายที่อาจจะเกดิ ขึ้นจาก ภัยและชว่ ยลดความเสย่ี งในเหตกุ ารณต์ ามธรรมชาติท่ีไม่อาจคาดการณไ์ ด้ (Rosenthal, Boin, and Comfort, 2001) ดงั น้ัน นโยบายและการบริหารจัดการภัยพิบัติ ตั้งแต่กระบวนการเตรียมพร้อมของ เจ้าหน้าที่และชุมชน จนถึงการตอบสนองให้ความช่วยเหลือและบูรณะฟ้นื ฟนู นั้ ตา่ งเลง็ เห็นถงึ ความ จ�ำ เป็นทจ่ี ะตอ้ งเนน้ การท�ำ งานของหน่วยงานหลายหนว่ ยงาน ท้ังหน่วยงานภาครฐั และท่ไี มใ่ ชภ่ าครัฐ ใน การทำ�หนา้ ทีอ่ ย่างทันทว่ งทเี พื่อตอบสนองต่อภัยพบิ ตั ิที่สว่ นใหญ่เปน็ ภาวการณฉ์ กุ เฉินด้วยทั้งส้นิ ดว้ ย ม่งุ ทจ่ี ะท�ำ ใหเ้ หตกุ ารณ์กลบั ส่สู ภาวะปกติโดยเรว็ อยา่ งไรกด็ ี การตอบสนองต่อภยั พิบัตทิ ีเ่ กิดขน้ึ ทไ่ี ม่ได้ รับการจดั การทด่ี ี หรือเจ้าหนา้ ทท่ี ่ีเกย่ี วขอ้ งรวมทั้งชุมชนทอ้ งถิน่ ทีไ่ ม่มปี ระสบการณ์ จะท�ำ ให้ความชว่ ย เหลือในภาวะฉกุ เฉนิ และการฟื้นฟเู ปน็ ไปอยา่ งล่าช้า นอกจากนี้ ความไม่เขา้ ใจในเรือ่ งความเสีย่ งท่ชี ุมชน ประสบอยู่ ยงั ก่อใหเ้ กดิ การไมเ่ ตรยี มพร้อมในการบรหิ ารจดั การกับภยั คุกคามอย่างกะทนั หันในสภาวะ แวดลอ้ มทเ่ี ปล่ียนแปลง การเพม่ิ กำ�ลงั คนเพียงอยา่ งเดยี วอาจไม่ก่อให้เกิดประสทิ ธิภาพ หากจ�ำ นวน คนหรือหนว่ ยงานที่เพิม่ ขน้ึ นนั้ ไมม่ ีระบบการประสานงานและความร่วมแรงรว่ มใจในการทำ�งาน ดังนน้ั ศาสตร์ทางดา้ นการจดั การความร่วมมอื ระหว่างหน่วยงานจงึ ถกู ทา้ ทายอยา่ งมาก วา่ แนวทางและเทคนคิ ใดจะทำ�ให้การท�ำ งานประสานงานระหว่างหน่วยงานตา่ งๆ เกดิ ประสิทธิภาพสงู สุด เพราะในการจัดการ ในสถานการณว์ กิ ฤตดิ งั กล่าวจะตอ้ งมีท้งั การจัดบทบาทและอ�ำ นาจหนา้ ท่ใี นการส่งั การ หรือท่เี รยี กว่า “ระบบบัญชาการสถานการณ1์ ” (Incident Command System: ICS) ที่เจ้าหนา้ ท่ีปฏิบัติการในภยั พิบตั ติ ่างคนุ้ เคยกันดี เพราะเปน็ ระบบทใี่ ชใ้ นการควบคุมให้ทิศทางการปฏบิ ตั กิ ารในภาวะเหตกุ ารณ์ ฉกุ เฉินเปน็ ไปอย่างมีเอกภาพ และเปน็ ไปตามแผนปฏบิ ตั ิการฉุกเฉินทพี่ ฒั นาไว้ เนือ่ งจากภารกจิ การ บรหิ ารจดั การภยั พบิ ตั ิเปน็ งานท่ีต้องอาศัยความร่วมมอื ของหลาย ๆ หน่วยงานจากหลาย ๆ ภาคส่วน ตารางท่ี 4.1.1 ไดส้ รปุ หลกั การของระบบบญั ชาการสถานการณ์ (ICS) ไวแ้ ล้ว การพฒั นาระเบยี บการปฏบิ ตั งิ านและการเรยี นรแู้ ลกเปลย่ี นรว่ มกนั ของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ในทกุ ระดบั จงึ มี ความจ�ำ เปน็ อยา่ งยง่ิ โดยเฉพาะในภาวะฉกุ เฉนิ ทม่ี ขี อ้ จ�ำ กดั ดา้ นเวลาและมชี วี ติ ของประชาชนเปน็ เดมิ พนั ในการปฏบิ ตั กิ าร ยิง่ ตอ้ งเพม่ิ ความระมดั ระวังและความเอาใสใ่ จในเรอ่ื งความสามารถในการปฏิบตั งิ าน และการปรบั ตัวของหนว่ ยงานใด ๆ ต่อสถานการณท์ ต่ี นเผชิญอยู่ซง่ึ อาจมีการเปลีย่ นแปลงได้ตลอดเวลา เพราะหากหน่วยงานข้างเคยี งประสบความยากล�ำ บากในการปฏิบัตงิ าน หรือปฏบิ ตั ิการล้มเหลวแล้วนัน้ หน่วยงานหน่งึ ๆ ต้องมีความสามารถในการปฏิบตั ิงานของตนตอ่ ไปได้ และสามารถปรบั ตวั เพอ่ื ด�ำ เนนิ งาน แกไ้ ขควบคไู่ ปกบั การท�ำ งานของหนว่ ยประสานทล่ี ม้ เหลวไปดว้ ย 1 ระบบบัญชาการสถานการณ์ (Incident Command System: ICS) คอื ระบบท่ีใช้เพือ่ การส่งั การ ควบคมุ และประสานงานความรว่ มมือของแตล่ ะหนว่ ย งานในการบรหิ ารสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบบดังกล่าวเป็นระบบปฏิบัติการเพ่อื การระดมทรัพยากรไปยงั ทเี่ กดิ เหตุ เพอื่ บรหิ ารจัดการเหตฉุ กุ เฉินใหส้ ามารถ ปกป้องชวี ิต ทรัพยส์ นิ และสงิ่ แวดล้อมไดอ้ ย่างบรรลุเป้าหมายและมีประสิทธภิ าพ 144 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสตู รการบรหิ ารจัดการความเส่ียงดา้ นอุทกภยั อย่างบูรณาการ

ตารางที่ 4.1.1 สรุปหลกั การของระบบบัญชาการสถานการณ์ (ICS) ระบบบัญชาการ ระบบประสานงาน การบญั ชาการร่วม ระบบขอ้ มูลข่าวสาร สถานการณ์ ระหวา่ งหนว่ ยงาน Unified Command Public Information Multi-Agency Incident Command Coordination System (UC) System System (ICS) (MACS) • ระบบการจัดการท่ี • กิจกรรมหรือระบบ • การบัญชาการร่วม • ระบบข้อมูลข่าวสาร บท ่ีท 4 มีการส่ังการปฏิบัติ ทางการใด ๆ ท่กี ่อ เ ป็ น ก า ร เ ต รี ย ม จะต้องใช้ระเบียบ การทั้งหมดที่จุดเกิด ให้เกิดการประสาน แ น ว ท า ง ท่ี จ ะ ใ ห้ ขน้ั ตอน (Protocol) เหตุหรือในพื้นท่ีที่ งานด้านทรัพยากร หน่วยงานท่ีมีความ สำ�หรับการส่ือสาร มีสถานการณ์ โดย และการสนับสนุน แตกต่างกันในด้าน ข้ อ มู ล ที่ ต ร ง เว ล า การบังคับบัญชาจะ ระหว่างหนว่ ยงาน อำ�นาจทางกฎหมาย แมน่ ย�ำ และตอบ อยู่ท่ีศูนย์บัญชาการ • ระบบประสานงาน ท่ีตั้งเชิงภูมิศาสตร์ สนองต่อสาธารณะ เหตกุ ารณ์ (Incident ระหวา่ งหนว่ ยงานเปน็ และความรับผิดชอบ ในช่วงวิกฤตหรือ Command Post: ระบบท่ีมีประโยชน์ ให้มีการประสานงาน สถานการณ์ฉกุ เฉนิ ICP) ณ จุดเกิดเหตุ ในสถานการณ์ระดับ วางแผนร่วมกันอย่าง ภมู ภิ าค มปี ระสทิ ธิผล • กลุ่มภารกิจประสาน งานระหว่างหน่วย งาน (MAC Groups) โดยปกติประกอบไป ด้วยผู้บริหารท่ีมีหน้า ที่ตัดสินใจจากหน่วย งาน ทม่ี า: เอกสารการสัมมนาผ้บู รหิ ารระดบั สงู การจัดการวกิ ฤติ มหาวิทยาลัยอเมรกิ นั วอชิงตัน ดี ซี สหรฐั อเมรกิ า ปัญหาของการบรหิ ารจดั การภัยพบิ ตั ิ คอื สภาพแวดล้อมทซี่ ับซ้อนและความสับสนวุ่นวาย โดยเฉพาะเมอื่ วกิ ฤตเกิดข้นึ ในมหานครและสภาพชุมชนเมอื งทีม่ คี วามซบั ซ้อนทางกายภาพเปน็ ทนุ เดิม เชน่ โครงสร้าง พ้ืนฐานและอาคาร จำ�นวนประชากรและการใช้พน้ื ที่ท่ีหนาแนน่ ฯลฯ และยงั มีความซับซอ้ นเชิงกจิ กรรม ด้วยมหานครส่วนใหญม่ ักเป็นศนู ย์กลางทางเศรษฐกจิ การเมอื ง สังคม และวฒั นธรรมอนุรกั ษ์ ในการนี้ Axelrod และ Cohen ได้กล่าวถงึ ความหมายของความซับซอ้ นว่าหมายถึงระบบที่ประกอบขน้ึ จากส่วน ตา่ ง ๆ ในความสมั พนั ธ์ทมี่ อี ิทธิพลอย่างมากตอ่ ความเปน็ ไปได้ของเหตุการณ์ในลำ�ดบั ถัดไป เพราะใน ภยั พิบัตนิ ั้น องคป์ ระกอบทกุ อยา่ งมคี วามสัมพันธ์ซ่ึงกันและกนั ท้ังสิน้ ทั้งองค์ประกอบในเชงิ โครงสร้างท่ี เป็นสงิ่ อำ�นวยความสะดวกหรอื สถานทใ่ี นการจดั ตัง้ ฐานทมี่ ่ันในการจัดการ อาจสามารถแปรสภาพเป็น อปุ สรรคของการจดั การสถานการณไ์ ปไดอ้ ย่างรวดเรว็ ในขณะที่องคป์ ระกอบทไ่ี มใ่ ชโ่ ครงสร้างอยา่ งเช่น หน่วยงานทที่ �ำ หน้าทใ่ี นการจดั การภยั พิบัตจิ �ำ นวนมาก จ�ำ เปน็ ต้องมีปฏสิ มั พันธก์ นั ในรูปแบบต่าง ๆ ใน เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสูตรการบรหิ ารจดั การความเสย่ี งด้านอทุ กภัยอย่างบรู ณาการ 145

บทท่ี 4 ทกุ ๆ กระบวนการของการจัดการ ท�ำ ให้ความย่งุ ยากและระดบั ความซบั ซ้อนของภัยพบิ ตั ิเพิ่มมากยิ่งขึ้น Axelrod และ Cohen สำ�รวจวงจรของระบบการปรบั ตวั ในภาวะที่ซับซ้อน (Complex Adaptive System: CAS) วา่ ภายใต้ความสับสนวนุ่ วายนน้ั หนว่ ยตา่ ง ๆ ในระบบมักจะมแี บบแผนในการติดตอ่ ปฏิสัมพันธ์กัน และเสนอว่าผู้กำ�หนดนโยบายและผู้บริหารเองสามารถใช้ประโยชน์จากความซับซ้อน ได้ กล่าวคือ ในสภาพแวดล้อมท่มี กี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเร็วและยากท่จี ะคาดการณ์ไดน้ น้ั จะต้อง ให้ความสนใจต่อรูปแบบของความผนั ผวนในสถานการณ์ทีม่ ีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การประมวล ผลกระทบจากการกำ�หนดการปฏิสัมพนั ธภ์ ายในและระหวา่ งองคก์ าร และการเลอื กสนบั สนนุ ปจั เจกชน คณะท�ำ งาน ระบบ หรอื ยทุ ธศาสตรท์ ม่ี สี มรรถนะทส่ี ดุ ทม่ี อี ยู่ เพราะประเด็นเหล่าน้ีมคี วามส�ำ คัญเป็นอย่าง มากต่อการดำ�เนนิ การในการตอบสนองตอ่ สถานการณแ์ ละการแกไ้ ขปญั หาเฉพาะหน้า ดังจะเห็นไดใ้ น การก�ำ หนดแผนปฏบิ ัติการการจัดการภยั พิบตั ิ มักจะมีการออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงาน ที่ต้องปฏิบัติงานข้ามขอบเขตการบังคับบัญชาของหน่วยงาน ดว้ ยการยกเลิกสายการบังคบั บญั ชา ของกรมกองหลักทเ่ี ปน็ เอกเทศ ใหม้ าใช้โครงสร้างเครือข่ายการทำ�งานทเี่ ป็นเอกภาพ ภายใตร้ ูปแบบของ การบงั คบั บัญชาสถานการณ์ (ICS) ดว้ ยเหตุผลว่า ในระบบการปรับตัวในภาวะที่ซับซ้อนมากที่สุดมี รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ที่เห็นได้ชัด และรูปแบบเหล่านี้ไม่ใช่เป็นการสุ่มหรือถูกจัดโครงสร้างแบบ สำ�เร็จรูป รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ช่วยในการพิจารณาว่าเจ้าหน้าที่หรือระบบจะประสบผลสำ�เร็จ อะไรบ้าง และในทางกลับกันจะช่วยจัดรูปร่างพลวัตรของรูปแบบการปฏิสัมพันธ์เองด้วย การเรยี นรแู้ ละท�ำ ความเขา้ ใจกบั ระบบการจดั การภยั พบิ ตั ขิ องประเทศดว้ ยการคดิ วเิ คราะหใ์ นแบบระบบ การปรบั ตวั ในภาวะทซ่ี บั ซอ้ น (CAS) จะชว่ ยใหส้ ามารถอธบิ ายคณุ ลกั ษณะและชอ่ งวา่ งของการบรหิ าร จดั การได้ โดย Comfort (2000) ไดอ้ ธบิ ายไวใ้ นหนงั สอื Shared Risk ถึงการปรับใช้รูปแบบในการ ผสมผสานองค์ประกอบต่าง ๆ ทม่ี คี วามส�ำ คญั ตอ่ ศกั ยภาพของระบบการปรบั ตวั ในภาวะทซ่ี บั ซอ้ น โดย เฉพาะในการปฏบิ ตั กิ ารตอบสนองตอ่ การจดั การภยั พบิ ตั แิ ละสถานการณฉ์ กุ เฉนิ ทง้ั น้ี องคป์ ระกอบดงั กลา่ ว ประกอบดว้ ย 3 มติ ิ คอื 1) มติ ทิ างดา้ นของโครงสรา้ งพน้ื ฐานทางเทคนคิ (Technical Infrastructure) 2) มติ ทิ างดา้ นความยดื หยนุ่ องคก์ าร (Organizational Flexibility) และ 3) มติ ทิ างดา้ นการเปดิ กวา้ งทาง วฒั นธรรม (Cultural Openness) โดย Comfort เรยี กตวั แบบ 3 มติ นิ ว้ี า่ เปน็ มติ ทิ างเทคนคิ และสงั คม (Socio-technical Dimension) เพราะเปน็ การน�ำ องคป์ ระกอบทางเทคนคิ มาผสมผสานกบั องคป์ ระกอบ ทางสงั คมเพอ่ื ใชใ้ นการอธบิ ายปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งโครงสรา้ งทางเทคนคิ ความยดื หยนุ่ ขององคก์ าร และการเปดิ กวา้ งทางวฒั นธรรม ในฐานะองคป์ ระกอบทส่ี �ำ คญั ทน่ี �ำ ไปสกู่ ารสรา้ งศกั ยภาพ ประสทิ ธภิ าพ และประสทิ ธผิ ล ในการเปลย่ี นแปลงการท�ำ งาน ใหเ้ ขา้ ไปสรู่ ะบบการท�ำ งานรว่ มกนั ของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ และรวมถงึ ชมุ ชนใน การตอบสนองตอ่ ภยั พบิ ตั ิ รูปแบบของระบบปรบั ตวั ในภาวะความซับซอ้ นทเี่ กดิ จากการประสานองคป์ ระกอบของท้ัง 3 มิตขิ า้ งตน้ 146 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สูตรการบรหิ ารจัดการความเส่ยี งด้านอทุ กภัยอย่างบรู ณาการ

ในระดับตา่ ง ๆ สามารถใช้ระบรุ ะดับศกั ยภาพหรือสถานะของระบบการจัดการต่อสถานการณฉ์ ุกเฉนิ และภยั พิบัติได้ และยงั สามารถอธิบายถงึ วิธีการในการเปลย่ี นแปลงไปสู่การเป็นระบบท่ีสามารถจัดการ ไดด้ ว้ ยตนเอง ซ่งึ ถอื เปน็ ลกั ษณะของระบบการท�ำ งานท่ีมศี ักยภาพสงู ทสี่ ุด ด้วยการค้นหาขอ้ บกพรอ่ ง และช่องวา่ งทเี่ กดิ ขึ้นจากองคป์ ระกอบยอ่ ยขององคป์ ระกอบแตล่ ะมิตนิ ่นั เอง ซึ่งจากตัวแบบ 3 มิตนิ ี้ Comfort ไดจ้ ัดระดบั ระบบองคก์ ารในการตอบสนองต่อภัยพิบตั อิ อกเปน็ 4 ระดับ (ตารางที่ 4.1.2) ดงั นี้ ตารางท่ี 4.1.2 แสดงระดับของมิตทิ างเทคนคิ และสังคมของระบบการตอบสนองตอ่ ภยั พิบตั ิ ระบบการตอบสนองต่อภัย ความยืดหยนุ่ โครงสร้างพนื้ การเปดิ ทาง ขององคก์ าร ฐาน วัฒนธรรม ทางเทคนคิ ระบบท่ีไมป่ รบั ตวั (Non-adaptive System) ต่�ำ ตำ�่ ตำ่� ระบบทเี่ ร่ิมปรบั ตวั (Emergent Adaptive ปานกลาง ต�่ำ ต�่ำ -ปานกลาง System) ระบบทป่ี ฏบิ ัติการในการปรบั ตัว ปานกลาง ปานกลาง ปานกลาง (Operative Adaptive System) ระบบทีป่ รบั ตวั อตั โนมัติ (Auto-adaptive สงู สูง สูง บท ่ีท 4 System) ที่มา: ดัดแปลงจาก Comfort (2000) 1) ระบบท่ีไม่มกี ารปรบั ตัว (Non-adaptive System) โดยสว่ นใหญแ่ ล้วระบบจะไม่สามารถปฏิบัติงาน ไดเ้ พราะขาดความยืดหย่นุ ในการปฏิบัติงาน โครงสรา้ งพ้ืนฐานทางเทคนคิ มไี มเ่ พยี งพอและไม่มคี ุณภาพ บุคคลและหน่วยงานตา่ ง ๆ ขาดความเข้าใจในการปรับตวั รับขอ้ มูลใหม่ ไมส่ ามารถมองเหน็ ขอ้ ผดิ พลาด และแก้ไขไดใ้ นเวลาทเี่ หมาะสมในการแก้ไขสถานการณ์ 2) ระบบทีเ่ ร่มิ จะมีการปรับตวั (Emergent Adaptive System) เป็นระบบทีเ่ ร่ิมจะยอมรบั ความส�ำ คัญ ในการเตรยี มพร้อมในมติ ิดา้ นตา่ ง ๆ เพอ่ื การเพม่ิ ความสามารถในการปรบั ตวั ตอ่ สถานการณ์ ระบบเชน่ น้ี มีระดับการพัฒนาโครงสรา้ งพ้ืนฐานทางเทคนคิ ทีต่ �่ำ ระดับความยืดหยุ่นขององค์การปานกลาง และเรม่ิ จะมีการยอมรบั ตอ่ ข้อผิดพลาดและเรียนรู้แนวทางใหม่ 3) ระบบทีม่ กี ารปฏิบตั กิ ารในการปรับตวั (Operative Adaptive System) เป็นระบบท่ีมกี ารพฒั นา ในมิติท้งั 3 ดา้ นระดับปานกลาง โดยที่หน่วยงานต่าง ๆ และชุมชนมีความสามารถในการปรับตัวใน ระดับที่ค้นหาทางเลือกในการตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที หากแต่วิธีการที่ เลอื กนั้นยงั อยู่ในกระบวนการของการเรยี นรูแ้ ละลองผิดลองถูก เป็นการฝกึ ฝนรปู แบบหน่ึงจากบทเรียน เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสูตรการบริหารจัดการความเส่ยี งด้านอุทกภัยอย่างบรู ณาการ 147

บทท่ี 4 ที่ผา่ นมานนั่ เอง ดงั น้นั ทางเลอื กในการปรบั ตวั ตอบสนองตอ่ สถานการณ์อาจจะยงั ไมใ่ ช่วธิ ที ด่ี ที ีส่ ุด หรือมี ประสิทธภิ าพทส่ี ุด 4) ระบบทมี่ กี ารปรบั ตัวโดยอตั โนมตั ิ (Auto-adaptive System) หรือ ระบบทีส่ ามารถจัดการได้ด้วย ตนเอง (Self Organization System) เป็นระบบท่ีมคี วามพร้อมในการปรับตวั ตอ่ สถานการณ์ไดอ้ ยา่ ง ทันที โดยมีระดับองค์ประกอบท้ัง 3 มิติทส่ี ูง คือ องคก์ ารที่มคี วามสามารถในการจัดสรรก�ำ ลงั คน จดั สรร และเคล่อื นย้ายทรัพยากร และดำ�เนินงานได้อย่างพรอ้ มเพรียงกันและทันทที ันใด เพอ่ื ทจี่ ะบรรลเุ ปา้ หมายร่วมกนั ในสภาพแวดล้อมทเ่ี ปลยี่ นแปลง ในงานวิจัยการจัดการภยั พิบตั ใิ นประเทศไทย ไดเ้ คยวดั ระดับการปฏบิ ัตงิ านการจัดการภัยพิบัตสิ ึนามิ ของรัฐบาลในพนื้ ที่ 6 จงั หวดั ภาคใต้ฝ่งั ทะเลอนั ดามนั วา่ เปน็ ระบบท่ไี มม่ ีความสามารถในการปรบั ตัว เพราะในเวลานน้ั ระบบการจดั การภยั พบิ ตั ขิ องประเทศไทยแทบจะเรยี กไดว้ า่ ขาดองคป์ ระกอบในทกุ ๆ มิติทจี่ ะช่วยเสรมิ สร้างศักยภาพในการจัดการ นอกจากน้ี ผู้เขยี นได้ประเมินระบบการจัดการน�้ำ ท่วมของ กรงุ เทพมหานครไวว้ า่ เปน็ ระบบปรบั ตวั ในภาวะความซับซอ้ นระดบั 3 คือ เปน็ ระบบท่มี กี ารปฏบิ ตั ิการ ในการปรบั ตัว (Operative Adaptive System) ดว้ ยน�ำ้ ท่วมของกรงุ เทพมหานครในอดตี นั้น เกดิ จาก ปรากฏการณ์ของน้ำ�ฝน น้ำ�ท่า และน้ำ�ทะเลที่มีปริมาณสูงในเงื่อนเวลาเดียวกัน ซง่ึ หน่วยงานที่ รับผิดชอบของกรงุ เทพมหานครมีความรู้ ประสบการณ์ และความพรอ้ มทงั้ ในดา้ นอุปกรณ์ การประเมนิ สถานการณ์ ความชำ�นาญของบคุ คลากรในทกุ ๆ ดา้ น การยึดมั่นในเป้าหมายของการเร่งระบายน้ำ� การเรียนรู้ส่งิ ใหม่ ๆ หรือแมก้ ระทงั่ การใหค้ วามร่วมมือจากประชาชนในการชว่ ยกนั ตรวจตราดแู ล หาก แต่มหาอุทกภยั ท่เี กิดข้ึนในปี พ.ศ. 2554 เกิดจากพฤตกิ รรมเหลือเชอ่ื และเหลอื เกนิ ของน้ำ� เกินกวา่ ความรู้และก�ำ ลงั ของทงั้ รฐั บาลและกรุงเทพมหานคร ทง้ั ๆ ทสี่ ถานการณ์น้ำ�ท่วมไม่ใช่เรือ่ งใหมข่ องสังคม ไทย แตใ่ นความซับซ้อนของสถานการณ์ ขอบเขตทางรฐั ศาสตรแ์ ละความขัดแย้งทางการเมอื ง กลับมามี บทบาท ในการขัดขวางประสิทธิภาพในการจดั การของภาครัฐ ทำ�ใหก้ ารเตรยี มพร้อมทีส่ ่งั สมมาในทกุ ๆ มติ ิ ในทุก ๆ ระดับพ้นื ท่ีภายหลังจากเหตกุ ารณส์ ึนามิลดน้อยลงอย่างสิน้ เชงิ หากใหต้ อ้ งประเมนิ ระดบั ความสามารถในการปรบั ตวั ตอ่ ภาวะความซบั ซอ้ นของสถานการณใ์ นการจดั การ อทุ กภยั ในปี พ.ศ. 2554 แลว้ นน้ั ผเู้ ขยี นประเมนิ ไวท้ ร่ี ะดบั ท่ี 2 ซง่ึ คอื เปน็ ไดเ้ พยี งระบบทเ่ี รม่ิ มกี ารปรบั ตวั (Emergence Adaptive System) เทา่ นน้ั หากแต่ตอ้ งยอมรับว่า ถา้ ดูเพียงผิวเผินวา่ การจดั การอุทกภยั คร้งั ท่ีผา่ นมานนั้ มีองค์ประกอบย่อยในแตล่ ะมิตขิ ององค์ประกอบทางสงั คมและเทคนคิ มากเพยี งใด ก็ อาจให้เข้าใจไปได้ว่าเป็นระบบที่มีการปรับตัวในระดับที่สูงกว่านั้น เพราะจากการประเมินด้วยการ สอบถามผู้เชี่ยวชาญ การลงพน้ื ท่ี และ การสมั ภาษณ์ จะพบวา่ องค์ประกอบที่มนี น้ั “เทา่ ท่ีมี” เทา่ นน้ั จริง ๆ เพราะระดับคุณภาพขององค์ประกอบต่าง ๆ ทม่ี อี ยู่ค่อนขา้ งต�ำ่ จนทำ�ให้ผู้เขยี นไม่สามารถก�ำ หนด ใหอ้ ยู่ในระดบั ท่เี กินกว่าระดบั ที่ 2 ได้ ซึ่งหากแยกวิเคราะห์องคป์ ระกอบในแต่ละส่วนแลว้ น้ัน จะพบมิติ 148 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสตู รการบรหิ ารจดั การความเสี่ยงด้านอุทกภยั อยา่ งบูรณาการ

ความยืดหย่นุ อยูใ่ นระดับปานกลาง ในขณะที่มติ ขิ องโครงสรา้ งพื้นฐานทางเทคนิคและวฒั นธรรมเปดิ จะ บท ่ีท 4 อยู่ในระดับตำ�่ ส่วนหนงึ่ เนื่องมาจากการประเมนิ และวธิ รี บั รคู้ วามเสี่ยงภยั ของสถานการณอ์ ทุ กภยั ที่ตำ่� กวา่ ที่ควร ท้งั ในหน่วยงานภาครฐั และสงั คมโดยรวม ระบบข้อมลู ภัยต่าง ๆ ของประเทศไทยยงั อยู่ในรูปแบบทแ่ี ตล่ ะหน่วยงานตา่ งคนตา่ งพฒั นาและไมม่ ีการ แลกเปลยี่ นหรอื บูรณาการเพอ่ื วิเคราะห์ความเสี่ยงอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ หลกั การของกรมมาธปิ ไตยยัง ท�ำ ใหข้ ้อมูลทสี่ ำ�คญั เหลา่ น้อี ยู่ในสภาพเบี้ยหัวแตก (Fragmentation) ทำ�ใหเ้ วลาทีจ่ ะต้องการใช้ขอ้ มลู ไม่สามารถทำ�ได้อย่างรวดเร็วและข้อมูลไมเ่ ปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั เครอื ข่ายการท�ำ งานระหว่างภาครัฐ ที่มีประสิทธิภาพและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานไม่สามารถทำ�งานได้โดยปราศจากความเชื่อมโยง ที่ถูกสรา้ งจากระบบสารสนเทศและการตดิ ตอ่ สือ่ สารท่ีมีประสทิ ธิภาพ การตัดสนิ ใจใด ๆ ภายใต้ความ กดดนั จากข้อจำ�กดั ด้านเวลาและภยั ทค่ี กุ คามต่อชีวติ ประชาชนนัน้ จำ�เปน็ ตอ้ งมีขอ้ มูลทีเ่ พียงพอ ใน การสนับสนุนหนว่ ยงานท่ีเกยี่ วขอ้ งในการพจิ ารณาถงึ การตดั สนิ ใจท่ีถกู ตอ้ ง ในการนี้ ความรู้ และข้อมูล ขา่ วสาร ตอ้ งถูกบรู ณาการให้อยใู่ นฐานข้อมลู ท่เี ปน็ ระบบ เพ่ือจะได้ใหห้ น่วยงานทีเ่ กี่ยวขอ้ งสามารถใช้ ข้อมูลดังกลา่ วไดร้ ว่ มกนั เม่ือมีความจำ�เปน็ มคี ำ�กลา่ วทว่ี ่า ขอ้ มูลท่ีดที ่ีสดุ นั้นก็ยงั ไมส่ ามารถชว่ ยสนบั สนนุ องคก์ ารได้หากปราศจากระบบและการบรกิ ารจัดการการตดิ ตอ่ ส่อื สารทด่ี ี ท้งั น้ีเพราะระบบการติดตอ่ สอ่ื สารถือได้วา่ เป็นปจั จัยส�ำ คญั ในการช่วยให้เกดิ การตดิ ตอ่ สือ่ สารเชือ่ มโยงและการหมุนเวียนของขอ้ มูล ข่าวสารระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการเก็บรวบรวมปฏิบัติการต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยว เนื่องกัน เพราะภายใตก้ ารขยายของพื้นท่ที ่ีไดร้ ับผลกระทบจากภัยพิบัตินน้ั ระยะห่างทางภูมศิ าสตร์ ระหว่างหน่วยปฏิบัติการและความเสียหายของพื้นที่ทำ�ให้การเข้าถึงการติดต่อสื่อสารยากลำ�บากและ เป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการการเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องมีความร่วมมือ อีกทงั้ การทีห่ นว่ ยงาน หลายหน่วยที่มีภารกิจหน้าที่หลากหลายจะมีส่วนในการเพิ่มความสลับซับซ้อนในการติดตามการทำ�งาน ของแต่ละหนว่ ยและการตรวจสอบการปฏิบตั กิ ารทัง้ หมด เมือ่ เตอื นภัยแล้ว ลักษณะการอพยพของคนไทยกม็ รี ปู แบบที่ท�ำ ใหก้ ารจัดตงั้ ศูนยอ์ พยพถาวรอย่างเปน็ เร่อื งเป็นราวไม่สามารถใช้ได้เต็มศกั ยภาพ ไมใ่ ช่เพราะคนบริหารจัดการไมเ่ ป็นหรือไมด่ ี เพราะคนเหล่านี้ ได้รับการฝึกและมีความรู้มาอย่างดีในการจัดตั้งศูนย์ถาวร หากแตไ่ ม่ค่อยจะมีผู้อพยพใหด้ แู ลเพราะ หลกั การการตง้ั ศนู ยแ์ บบนม้ี กั จะเลอื กพน้ื ทท่ี ห่ี า่ งไกลจากชมุ ชนทเ่ี สย่ี งภยั ดงั นน้ั จงึ เทา่ กบั เปน็ การบงั คบั ให้ คนออกไปอยไู่ กลบา้ น ซง่ึ ในดา้ นหนง่ึ คนไทยไมม่ วี ฒั นธรรมหรอื วถิ แี บบละถน่ิ ฐาน ทง้ั ยงั หว่ งขา้ วของและ ทรพั ย์สินจนท�ำ ใหไ้ ม่สามารถออกไปใช้ชวี ิตในท่ที ่ีไมใ่ ชบ่ ้านและจะไม่ไปอย่ไู กลจากระยะบ้านนกั ด้วย เหตนุ ้ี การตัง้ ทีพ่ กั พิงช่ัวคราวจงึ ใช้ได้ผลมากกวา่ เพราะตง้ั อย่ใู นพนื้ ท่ีใกลช้ ุมชน แต่นน่ั ก็หมายความถึงวา่ ทพ่ี กั พงิ นี้ยงั อยใู่ นพื้นทเ่ี ส่ยี งภยั ตอ่ การอพยพซ้�ำ นัน่ เอง ในอีกดา้ นหนง่ึ การสอ่ื สารขอ้ มูลเพือ่ ทำ�ความ เข้าใจและอธิบายการใช้ชวี ิตในศนู ยอ์ พยพตอ่ ประชาชนยงั มไี ม่มากเท่าท่ีควร การจัดการเรอื่ งการจราจร (Logistic) และการแบง่ พนื้ ทีใ่ นการอพยพ (Zoning) มีความสับสนว่นุ วาย จึงไมแ่ ปลกที่การอพยพ เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สูตรการบริหารจัดการความเสีย่ งดา้ นอุทกภยั อย่างบรู ณาการ 149

บทท่ี 4 ดอู ิหลักอิเหลอ่ื อยพู่ อสมควร หนว่ ยงานทีเ่ ข้าให้ความช่วยเหลอื จงึ มที งั้ ความยากล�ำ บากในการอพยพ ทา่ มกลางภัยพิบตั ิ และการบริหารจัดการในการให้ความชว่ ยเหลือแก่ประชาชนทกุ ครวั เรือนในพ้นื ท่ี ประสบภยั โดยเฉพาะอย่างยิง่ หากผ้ปู ระสบภยั นนั้ ๆ เปน็ ผู้ทม่ี ีเง่ือนไขทีต่ อ้ งได้รบั การดูแลเปน็ พเิ ศษใน การเคลอื่ นยา้ ย เชน่ ผปู้ ว่ ยทีเ่ กิดแผลไม่ได้ ผูป้ ่วยที่ต้องการออกซเิ จนตลอดเวลา หรอื เด็กทารก สตรมี ี ครรภ์ และผสู้ งู อายทุ ี่ตกใจง่ายและอาจเกิดอาการอื่น ๆ ตามมา จรงิ ๆ แล้วอุทกภัยคราวนีเ้ ป็นลักษณะทว่ มขังยาวนาน จงึ ท�ำ ใหเ้ ราใส่ใจผลกระทบจากน�้ำ ทว่ มขัง เท่านั้น หากแตย่ งั มคี ูแ่ ฝดอภินิหารของการเกิดน้�ำ ท่วมขัง คือ สารเคมีที่รั่วไหลจากบ้านเรือนหรือสถาน ประกอบการขนาดเล็กถึงกลางที่ไม่ได้มีมาตรการหรือเครื่องมือในการจัดการและควบคุมที่รัดกุมมาก เท่านิคมอุตสาหกรรมหรือโรงงานขนาดใหญ่ และคู่แฝดอีกหน่ึงฝา คอื ภัยจากโรคระบาด สัตว์ร้ายทมี่ า กบั นำ�้ รวมท้งั สุดยอดภยั ที่ไม่พึงปรารถนาคือ “ขยะ” นา่ แปลกใจไม่นอ้ ยท่ีอทุ กภัยครง้ั นส้ี ะทอ้ นใหเ้ ห็น ถึงความไม่ถี่ถ้วนในการวิเคราะห์ประเด็นความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่ต่อเนื่องจากภัยหลัก ท�ำ ใหไ้ มม่ กี ารเตรียมพร้อมทด่ี ใี นการสรา้ งเส้นทางส�ำ รองในการขนถา่ ยขยะ และการหาสถานทีส่ ำ�รองใน กรณที โ่ี รงก�ำ จดั ขยะถูกน้�ำ ทว่ มเชน่ กนั ทนี่ า่ แปลกใจย่งิ กว่าน้ัน แต่เปน็ อาการแปลกใจมากแบบเซ็ง ๆ คอื เรายงั คงเหน็ คคู ลองท่เี ปน็ เสน้ ทางระบายนำ�้ เต็มไปดว้ ยขยะก่อนหนา้ นำ้�ทว่ ม และขยะทีเ่ กิดจากการไม่ สามารถขนถา่ ยได้ปรกตใิ นระหวา่ งน้ำ�ทว่ ม เส้นทางระบายน�้ำ หลาย ๆ เส้นทางหมดสภาพ น�้ำ ทเ่ี นา่ เสยี มาจากทอ่ี ืน่ ที่เขา้ มาท่วมขังรว่ มกับภาวะไรค้ วามสามารถในการกำ�จดั ขยะ ยิ่งทำ�ใหน้ ้�ำ เนา่ เสยี ยง่ิ ข้นึ และ ระบายไมไ่ ด้ ท�ำ ให้เกิดปัญหาสขุ อนามยั ในแบบฉับพลันตามมา นอกจากน้นั การวางแผนในการจัดการจราจรและเสน้ ทางสำ�รองในการใช้ถนนก็ไม่มปี ระสิทธภิ าพเท่าที่ ควร เพราะไมไ่ ด้คำ�นึงถงึ องค์ประกอบที่ไม่ใชโ่ ครงสรา้ ง ซึง่ คือ วิสยั การใชถ้ นนของคนในเมืองหลวงท่ยี ัง ต้องใช้ชวี ติ ปรกติและใช้เสน้ ทางเทา่ ภาวะปรกติ หากแตถ่ นนหลักไมไ่ ดเ้ พียงแตเ่ สยี หายและไม่สามารถ ใช้การได้จากน้�ำ ท่วมขงั เทา่ นนั้ หากแตค่ วามไรร้ ะเบียบในการนำ�รถข้นึ ไปจอดไว้บนทางดว่ นและถนนสงู นัน้ เป็นอปุ สรรคที่สำ�คญั ในการจัดการจราจร โดยเฉพาะอย่างย่งิ เมอ่ื เสน้ ทางเหลา่ นัน้ ถกู ใชเ้ ปน็ เส้นทาง หลักในการอพยพหรอื การให้ความช่วยเหลอื นอกจากนี้ อุปสรรคต่าง ๆ ในดา้ นการจราจรยังสง่ ผลถึง การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคท่ีจ�ำ เป็นเข้าสู่พนื้ ท่ที ปี่ ระสบภยั และกำ�ลงั จะประสบภัย ทำ�ใหเ้ กดิ ภาวะ ขาดแคลนอาหารและน้ำ�ดม่ื เป็นระยะเวลานาน จนแมแ้ ตภ่ าครัฐและหนว่ ยงานที่ให้ความชว่ ยเหลือเองก็ เกิดภาวะขาดแคลนเช่นเดียวกนั ในการบรหิ ารจัดการภัยพิบตั ทิ ่มี ปี ระสทิ ธิภาพนนั้ การท�ำ ความเขา้ ใจตอ่ บทบาท หนา้ ที่ ขน้ั ตอนในการ ปฏบิ ัติงาน ศกั ยภาพ และทรพั ยากรของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทงั้ ทีร่ ะบอุ ย่างเปน็ ทางการในโครงสร้าง และ ทจ่ี ะเขา้ สู่เครอื ขา่ ยความชว่ ยเหลอื อกี หลากหลายหนว่ ยงานนน้ั มีความสำ�คัญต่อการเข้าสปู่ ฏิบตั ิการใน การจดั การภยั พิบตั ิและภาวะฉุกเฉินมากทสี่ ุด เพราะนนั่ หมายถึงการปฏบิ ตั ิงานและประสานงานอย่าง 150 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสตู รการบริหารจัดการความเสี่ยงดา้ นอทุ กภัยอย่างบรู ณาการ

เปน็ ระบบ เปน็ ข้นั ตอน และตอ่ เนอ่ื งระหวา่ งหนว่ ยงานท่เี ขา้ ด�ำ เนนิ การ ตลอดจนงา่ ยต่อการท�ำ ความ บท ่ีท 4 เขา้ ใจของประชาชนในพ้ืนทีท่ ป่ี ระสบภัย ผู้ซง่ึ เป็นกลมุ่ แรกในการเผชญิ สถานการณ์ ดงั นน้ั การออกแบบ และวางแผนเพื่อเผชิญสถานการณ์จึงเป็นหัวใจของการบริหารจัดการภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ โดย เฉพาะแผนในระดับพื้นที่ เพราะสถานการณ์ฉุกเฉินหรือภัยพิบัติมีความเฉพาะเจาะจงในแต่ละพื้นที่ ความเสี่ยงต่อแต่ละภัยในแต่ละพื้นที่ ศกั ยภาพความสามารถและทรพั ยากรในพืน้ ทมี่ ีความไมเ่ ทา่ เทียม กัน อีกท้งั ในแต่ละพน้ื ทม่ี คี วามเสี่ยงต่อความต่อเน่ืองของภยั คนละลกั ษณะ ดงั น้นั การจะท�ำ ใหห้ น่วยงาน เจ้าหน้าท่ี และชุมชนสามารถเตรียมพรอ้ มรบั มือกบั สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึน้ และเปลย่ี นแปลงตลอด เวลาได้ จำ�เป็นจะต้องมกี ารวางแผนระบกุ ระบวนการปฏิบัติงานในการเผชิญสถานการณอ์ ย่างชดั เจน ในกรณีของประเทศไทย สถานการณอ์ ุทกภยั ในปี พ.ศ. 2554 ทีผ่ ่านมา แสดงให้เหน็ ถึงการไม่สามารถ ด�ำ เนนิ การเตรยี มพร้อม ตอบสนอง และฟ้ืนฟูจากภาวะภยั ได้อยา่ งมปี ระสิทธผิ ลและประสิทธิภาพ โดย หน่วยงานในระดับจังหวัดอาศัยกรอบการดำ�เนินงานตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่ง ชาติ พ.ศ. 2553–2557 และแผนแม่บทอุทกภยั ดนิ โคลนถล่มเป็นแนวทางในการจัดทำ�แผนปฏิบตั กิ าร ฉุกเฉนิ แกไ้ ขปัญหาภัยจากอุทกภัยและดินโคลนถล่มของจังหวดั อยา่ งไรกด็ ี กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำ�แผนดังกล่าวได้เล็งเห็นความจำ�เป็นในการศึกษาทบทวน แนวทางของแผนปฏิบัติการอุทกภัยของจังหวัดเพื่อปรับปรุงให้มีความครบถ้วนและชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสนองตอบแนวทางของรัฐบาลในการค้นหาแนวทางจัดทำ�แผนเผชิญเหตุอุทกภัยโดยอาศัย หลักการในการพัฒนาจากแผนและกระบวนงานที่ถือปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นการสร้างระบบ กระบวนงานจากพนื้ ฐานความเข้าใจในหน้าท่แี ละกระบวนงานหลกั ของตน ทำ�ให้สามารถพัฒนาไดอ้ ยา่ ง รวดเรว็ และยังเปน็ โอกาสในการทบทวนแก้ไขการท�ำ งานไป พร้อมทง้ั ข้อเสนอแนะตอ่ การเสรมิ สร้าง ศกั ยภาพของหน่วยงานในระดบั จังหวดั ให้สามารถใชไ้ ดจ้ รงิ อย่างเปน็ ระบบ จากการศกึ ษาแผนปฏิบตั ิการฉุกเฉนิ ต้นแบบของประเทศตา่ ง ๆ โดยเฉพาะของสหรฐั อเมรกิ าพบวา่ แผน ปฏิบตั ิการฉุกเฉินถกู ออกแบบมาใหม้ โี ครงสร้างที่ส�ำ คญั สองสว่ นคอื ตัวแผนกระบวนงานการตอบสนอง ตอ่ สถานการณ์ และภาคผนวก ซึ่งเป็นเอกสารแนบทา้ ยในรายละเอียดของแผนด�ำ เนินงานและขั้นตอน การทำ�งาน ตลอดจนรายการทรัพยากรอยา่ งละเอยี ด หากพจิ ารณาตามองค์ประกอบหลกั ตามล�ำ ดบั เอกสารคอื 1) แผนข้นั ต้น เป็นรายละเอียดของแผนการจดั การในภาพรวม ท่ีมีรายละเอยี ดของชน้ิ งาน หรอื กระบวนงานทีจ่ ะต้องจัดท�ำ ทง้ั หมด 2) เอกสารแนบทา้ ยรายหนา้ ที่การปฏบิ ตั ิงาน ซงึ่ ถา่ ยทอดมา จากกระบวนงานและชิ้นงานในแผนขัน้ ต้น 3) ภาคผนวกเฉพาะภยั เปน็ การใหร้ ายละเอยี ดแยกตาม ความจำ�เพาะของภยั และข้ันตอน ซึ่งถอื ได้ว่าเปน็ การน�ำ แผนข้ันตน้ เฉพาะภยั และแผนด�ำ เนินการตาม หนา้ ทมี่ าเขียนร่วมกนั ซงึ่ เปรียบได้กบั แผนเผชญิ เหตุในแต่ละภัย และ 4) ภาคผนวกเอกสารแนบท้าย ระเบียบขั้นตอนปฏิบัติมาตรฐานของแต่ละหน้าที่ในรายละเอียด ซ่งึ สามารถใชด้ ้วยระบบการอา้ งอิง คมู่ ือการท�ำ งานแยกตา่ งหากได้ ซึ่งเอกสารท้ังสองสว่ นในทกุ ล�ำ ดบั จะมคี วามสำ�คญั มากในการรบั มอื เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการบรหิ ารจัดการความเส่ยี งดา้ นอุทกภัยอย่างบรู ณาการ 151

บทท่ี 4 กับสถานการณ์ และเจ้าหน้าท่ีจะต้องรูจ้ กั การใชเ้ อกสารแตล่ ะสว่ นในการเข้าสกู่ ระบวนงานปฏิบตั กิ าร ฉุกเฉนิ อย่างทั่วถงึ แผนปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉินอุทกภยั ของประเทศไทยนน้ั เป็นการอาศัยกรอบแนวคดิ และความร่วมมอื ในการ ถา่ ยทอดองค์ความร้จู ากหน่วยงานจดั การภยั พิบตั ขิ องสหรฐั อเมริกาอย่แู ล้ว จึงเปน็ ท่แี นน่ อนว่าในการ ศกึ ษาทบทวนแผนปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ อทุ กภยั นนั้ จะเห็นร่องรอยของตน้ แบบของแผนหน่วยงานองคก์ ร เพือ่ การบริหารจัดการสถานการณฉ์ ุกเฉนิ แหง่ รัฐบาลกลาง (FEMA) อยู่ ทำ�ให้ลักษณะโครงสร้างของแผน แบ่งเป็นส่วนแผนทั่วไป และส่วนของภาคผนวกดว้ ยเชน่ กนั หากแต่ชอ่ งว่างของแผนทกี่ ารศึกษาค้นพบ คือ มกี ระบวนงานบางงานทขี่ าดหายไป บางกระบวนงานขาดการให้รายละเอียดของชิ้นงาน และบาง กระบวนงานไมม่ ีการระบหุ น่วยงานท่รี บั ผิดชอบ ทง้ั น้ี ส่วนหนึง่ เป็นเพราะแผนปฏิบตั ิการฉุกเฉนิ ทท่ี ำ�การ ศกึ ษานน้ั เปน็ แผนระดบั จงั หวดั ทห่ี นว่ ยงานระดบั จงั หวดั มหี นา้ ทห่ี ลกั ในการประสานงานมากกวา่ ทจ่ี ะเป็น หน่วยในการเผชิญเหตุดังเช่นหน่วยงานในระดับท้องถิ่น อีกประการหน่ึง คือ การใชภ้ าคผนวกไม่ใช่ ส่ิงที่คุน้ ชนิ ของการปฏิบัติงานโดยทัว่ ไป เพราะปรกติภาคผนวกเปน็ ส่วนของเอกสารท่ไี ดร้ ับความสนใจ น้อยและไมไ่ ดน้ ำ�มาใช้ในกระบวนงาน ประกอบกบั ความไมส่ นใจในการใหร้ ายละเอียดของกระบวนงาน และชิน้ งาน ตลอดจนไม่เหน็ ความส�ำ คัญของการเขียนระเบยี บขน้ั ตอนการทำ�งาน จงึ ท�ำ ให้ภาคผนวกของ แผนขาดรายการและรายละเอยี ดท่ีจ�ำ เป็นและสำ�คัญ การศึกษาเพมิ่ เติมถงึ กระบวนงานที่ส�ำ คัญบางงาน ไดแ้ ก่ กระบวนงานการเตือนภยั เพื่อการอพยพ กระบวนงานการอพยพและการจัดตั้งศนู ยอ์ พยพและทพ่ี ักพงิ และกระบวนงานการจัดการของบริจาค พบวา่ หนว่ ยงานระดับจงั หวดั จะเข้าสู่ระบบการตอบสนองต่อสถานการณ์ในเบอ้ื งต้น และสง่ ต่อกระบวน งานให้กบั หน่วยงานอ่ืน ๆ ในระดบั จงั หวัด เช่น หนว่ ยงานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมัน่ คงมนษุ ย์ (พมจ.) สาธารณสุขจังหวดั หนว่ ยทหารในพ้นื ท่ี เปน็ ต้น หรือส่งต่อกระบวนงานให้กับหน่วยงานระดับ ท้องถิ่นและท้องท่ี จงึ ท�ำ ใหก้ ารวิเคราะหแ์ ผนปฏบิ ัติการฉกุ เฉนิ ระดับจงั หวัด ต้องพจิ ารณากระบวนงาน และขั้นตอนการท�ำ งานท่เี กยี่ วขอ้ งกบั หน่วยงานอนื่ ๆ ท่เี ขา้ มารับชว่ งต่อ รวมทง้ั แผนการดำ�เนนิ งานใน การเผชิญสถานการณ์ของหน่วยงานทอ้ งถ่ินอกี ดว้ ย การปรบั ปรงุ แผนปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ ระดบั จงั หวดั นน้ั ตอ้ งอาศยั การใหค้ วามเอาใจใสแ่ ละเวลาของหนว่ ยงาน ทเ่ี กย่ี วขอ้ งในการระบงุ าน กระบวนงาน และรายละเอยี ดเท่าทจ่ี ำ�เปน็ ในการจดั ทำ�แผนขนั้ ตน้ รวมทั้ง ต้องอาศัยการระดมข้อมูลและความรู้ของหน่วยงานท้องถิ่นในการระบุขั้นตอนการดำ�เนินการในการ ตอบสนองต่อสถานการณ์ในพืน้ ที่ทต่ี า่ งกันต่อภยั และความเสี่ยงท่แี ตกต่างกัน ทง้ั นี้ จะต้องมีการทำ�ความ เขา้ ใจในระดบั ของแผน การใช้เอกสารแนบทา้ ยลำ�ดับตา่ ง ๆ การใหข้ อ้ มลู และจดั ลำ�ดับรายละเอยี ดของ การด�ำ เนนิ การ รวมถงึ การสง่ เสรมิ ใหห้ น่วยงานทอ้ งถ่นิ จัดท�ำ แผนเผชญิ เหตุในระดับทอ้ งถน่ิ แลว้ นำ�แผน แตล่ ะทอ้ งถน่ิ มาถา่ ยทอดสพู่ น้ื ทข่ี า้ งเคยี งเพอ่ื ทบทวนความสอดคลอ้ งของกระบวนงานทจ่ี ะตอ้ งท�ำ ขน้ั ตอน 152 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสูตรการบรหิ ารจดั การความเสีย่ งด้านอทุ กภัยอยา่ งบูรณาการ

การปฏบิ ตั งิ านหลกั และปฏบิ ตั กิ ารรว่ ม ตลอดจนการจัดทำ�รายการทรัพยากรอยา่ งละเอียดอีกด้วย ซ่งึ ใน บท ่ีท 4 กระบวนการจัดทำ�แผนในท้ายทส่ี ุดน้ัน คือการนำ�แผนของแต่ละพื้นที่มาสวมต่อกันเป็นแผนรวมพื้นที่ ระดับจังหวัด โดยสามารถแยกตามภาคผนวกเฉพาะภัยได้ และแต่ละจังหวัดก็จะต้องพิจารณาว่ามี ส่วนงานใดที่ต้องออกแบบจากระดับจังหวัด และต้องนำ�แผนระดับจังหวัดมาทำ�ความเข้าใจและสอด ประสานกันเป็นแผนกลุ่มจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ต่อเนื่องที่มีความเสี่ยงต่อภัยลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ การเลง็ เหน็ ความส�ำ คญั ของการจัดทำ�แผนรว่ มระหวา่ งจังหวัด นั่นคือการทำ�กระบวนการพัฒนาแผนใน ลักษณะเดียวกับหนว่ ยงานระดับทอ้ งถ่นิ ซง่ึ การใหค้ วามสนใจและใชเ้ วลาในการศึกษา แลกเปลี่ยนขอ้ มลู ความรู้ และร่วมกนั จดั ทำ�แผนปฏบิ ตั ิการฉกุ เฉนิ และแผนเผชญิ เหตนุ ี้ จะช่วยให้พ้ืนท่ที ี่มคี วามเสีย่ งภยั สามารถรบั มือกับสถานการณ์ไดอ้ ย่างเป็นระบบ และเปน็ เจา้ ของความสามารถในการปรับตัวต่อภาวะ ภัยไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ 2. การบรหิ ารจดั การสารสนเทศและการสอ่ื สารในการจดั การภัยพิบัติ การบริหารจัดการภัยพิบัติจำ�เป็นต้องมีการบริหารสารสนเทศและการจัดสรรระบบการติดต่อสื่อสาร ท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพ ร่วมกันกับระบบการปรับตัวในภาวะที่ซับซ้อนและการบริหารจัดการระหว่าง หน่วยงานภาครัฐ มิใช่เพียงเพื่อการสร้างแหล่งรวบรวมข้อมูลและความรู้ในการแบ่งปันกันระหว่าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ความต้องการดังกล่าวมีเพื่อช่วยให้การปฏิบัติงานที่ต้องมีการทำ�งานข้าม อ�ำ นาจความรับผิดชอบระหว่างหน่วยงานภาครฐั และองค์การตา่ ง ๆ มีความสะดวกยิ่งขึ้นด้วย การ แลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทีเ่ พียงพอ ยังสามารถสนบั สนนุ เจา้ หนา้ ที่ที่ เกี่ยวขอ้ งกับการเผชญิ สถานการณว์ ิกฤติให้มีความสามารถในการนำ�มาซ่ึงการตดั สินใจที่มเี หตุผล อีกทั้ง ยงั ชว่ ยเพม่ิ ประสทิ ธผิ ลในการท�ำ งานภายใตข้ อ้ จ�ำ กดั ดา้ นเวลาDunn(2003)ไดช้ ใ้ี หเ้ หน็ วา่ ส�ำ หรบั ผจู้ ดั การ ภยั พบิ ัติและสถานการณ์ฉุกเฉนิ แลว้ ความรู้สึกนึกคดิ และลักษณะโครงสร้างของปญั หาคือสงิ่ สำ�คญั กล่าวคอื ผ้ทู ปี่ ฏิบัติงานจะมีข้อจำ�กัดในการทำ�การตัดสินใจเพื่อองค์การในการทำ�งานภายใต้ความไม่ แน่นอนในการไดม้ าซงึ่ ขอ้ มลู ท่เี หมาะสมตอ่ การทำ�การตัดสนิ ใจภายในระยะเวลาท่สี ั้นและเร่งด่วน โดย เฉพาะอยา่ งย่ิง ปญั หาท่ีมีความซับซอ้ น มคี วามเก่ยี วข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลากหลาย และมชี ิน้ งาน จำ�นวนมากทต่ี ้องท�ำ ให้สำ�เรจ็ ท�ำ ให้นกั วจิ ัยตา่ ง ๆ ไดท้ ำ�การเสาะหาถงึ วธิ ีการในการพจิ ารณากรอบความ คดิ ของความสามารถในการแก้ไขปัญหาในการเผชญิ วิกฤตการณ์ เพราะการใช้กลไกสารสนเทศเปน็ การ เพ่ิมศกั ยภาพของการติดต่อส่ือสาร และวธิ กี ารในการสนับสนุนการไหลเวียนของขอ้ มลู ข่าวสารเพื่อใชใ้ น การตัดสินใจผ่านเครือข่ายสังคมตา่ ง ๆ เพื่อสนับสนนุ ผู้จดั ท�ำ นโยบายในการแบง่ ปนั ความรู้ และเพ่ือให้ มกี ารติดต่อสื่อสารกนั มากขน้ึ อยา่ งมีประสิทธิภาพภายใต้สถานการณฉ์ กุ เฉนิ เพราะในเง่ือนไขของเวลา ทสี่ ้นั นั้น การรวบรวมขอ้ มูลอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และเพยี งพอเป็นเรอ่ื งท่กี ระท�ำ ได้ยาก หากไม่ได้มีการ เตรยี มการไว้ลว่ งหนา้ จึงเป็นที่มาของการสร้างระบบการจดั การฐานขอ้ มลู (Database Management System) ระบบการจดั การความรู้ (Knowledge Management System) ระบบการชว่ ยการตดั สนิ ใจ เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสตู รการบรหิ ารจัดการความเสยี่ งดา้ นอทุ กภัยอยา่ งบูรณาการ 153

บทท่ี 4 (Decision Support System) ระบบการเช่ือมโยงขอ้ มลู อเิ ลคโทรนิคของรฐั (Electronic Government) และยังหมายรวมถึงระบบการสื่อสารเพื่อการรองรับการส่งข้อมูลระหว่างหน่วยงานและจากหน่วยงาน สสู่ าธารณะ ซ่ึงในท่นี ้ี คอื การออกแบบข้อความทีส่ ามารถส่ือความหมายไดโ้ ดยง่าย และสง่ ผา่ นไดด้ ้วย ระบบที่สามารถทำ�งานรว่ มกนั ได้ (Interoperability) เพราะในภาวการณด์ ังกลา่ ว หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ต้อง ใชม้ าตรฐานการสอ่ื สารเดยี วกนั Graber (2003) ได้กลา่ วว่าเพอ่ื ใหอ้ งคก์ ารสามารถทำ�งานได้ดี องคก์ ารต่าง ๆ ต้องมโี ครงสร้างของการ สอ่ื สารทีเ่ หมาะสมกบั เป้าหมายขององค์การ “โครงสรา้ ง หมายถงึ รูปแบบตา่ ง ๆ ในการไหลเวยี นของ ข้อมูลข่าวสารที่จัดอยู่ในแผนผังที่เป็นทางการและที่ถูกกำ�หนดในคู่มือการทำ�งานนั่นเอง” โครงสร้าง ต่าง ๆ เหล่านี้นำ�มาสู่สภาพแวดล้อมในการสื่อสารที่ถูกกำ�หนดเป็นมาตรฐาน ซึ่งจะเพิ่มความมั่นคง และความสามารถในการคาดการณ์ของพฤตกิ รรมองค์การได้ โครงสรา้ งอธบิ ายถึงการทเี่ ครือขา่ ยข้อมลู ถูกสร้างไดอ้ ย่างไร และเหตุผลในการสรา้ งเครอื ข่ายข้อมูลน้นั ๆ การศึกษาของ Graber ยังมีเรอ่ื งการ วิเคราะห์เครือขา่ ย ความส�ำ คญั ของตำ�แหนง่ เครือขา่ ย และบทบาทของเครือขา่ ยในการบรหิ ารจัดการ ขอ้ มูลข่าวสาร ซ่ึง Graber ไดช้ ีใ้ หเ้ ห็นว่าเปา้ หมายสูงสดุ ของการมีเครอื ขา่ ยคือ “การสร้างความเชื่อมโยง ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นที่เกี่ยวข้องและสำ�คัญเพื่อใช้ข้อมูลร่วมกันในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง” ในขณะที่การวิเคราะห์เครือข่ายคือ “การอธิบายบทบาทของการติดต่อสื่อสารที่ถูกใช้โดยสมาชิกของ องคก์ ารต่างๆ และผลลพั ธ์จากศักยภาพในการท�ำ งานขององค์การ” แผนภาพในรปู ท่ี 4.1.1 แสดงตัวอยา่ งหนึง่ ในการออกแบบระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจในการบริหาร จดั การภัยพิบัติของเมืองพิตตส์ เบริ ์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซ่งึ เปน็ การแสดงใหเ้ ห็นถึงแนวคดิ ของการ สร้างตัวแบบระบบข้อมูลเพอื่ สนองตอบตอ่ ความต้องการในการใชท้ ห่ี ลากหลายของหนว่ ยงานและชมุ ชน ดว้ ยระบบทีม่ ีการปฏบิ ตั ิงานท่งี า่ ยตอ่ การเข้าถงึ และขอ้ มลู เป็นขอ้ มูลรายละเอียดทม่ี ีความจำ�เปน็ ตอ่ การ ตัดสนิ ใจ ซึง่ รวมถงึ ตัวแบบการวเิ คราะห์สถานการณแ์ ละความรทู้ ี่จำ�เปน็ ต่อการตดั สินใจ ตัวแบบดงั กล่าว Comfort เรยี กว่า Bowtie Model โดยมีลักษณะระบบการทำ�งานของการใช้ข้อมลู เชน่ เดยี วกันกับการ บรหิ ารจัดการภายในศูนย์ปฏิบตั ิการสถานการณ์ฉกุ เฉนิ (Emergency Operation Center: EOC) มีการ ใช้ข้อมูลจากหลายหน่วยงาน หลากหลายแหลง่ ท่ีมา ในการรวบรวม ท�ำ การวิเคราะห์ ออกแบบกลยุทธ์ หรอื การตัดสนิ ใจและส่งใหผ้ ูบ้ ริหาร ผูจ้ ดั การสถานการณ์ ตลอดจนหนว่ ยงานอน่ื ๆ และชมุ ชนไดส้ ามารถ เขา้ ถงึ ขอ้ มูล และประสานการปฏบิ ัติการผ่านระบบดงั กล่าว 154 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสตู รการบริหารจัดการความเสีย่ งดา้ นอทุ กภัยอย่างบรู ณาการ

รปู ท่ี 4.1.1 แผนภาพสถาปตั ยกรรมระบบชว่ ยการตดั สนิ ใจทม่ี กี ารจดั ระดบั ของขอ้ มลู ของระบบ Interactive, บท ่ีท 4 Intelligent, Spatial Information Systems (IISIS) ทม่ี า: Center of Disaster Management, University of Pittsburgh, USA. สถาปตั ยกรรมของตวั แบบ Bowtie Model ในการพฒั นาระบบขอ้ มลู และการช่วยการตัดสินใจนนั้ อยู่ บนพื้นฐานท่สี ำ�คัญ ๆ คอื 1) เป็นการกา้ วข้ามขอบเขตทางเทคนิคและองคก์ ารของระบบ ดว้ ยการนำ�เอา ขอ้ มูลจากหลายแหล่งทม่ี ามาใช้ร่วมกัน ภายใต้ระบบทีส่ ามารถทำ�งานรว่ มกนั และเจา้ หน้าทจ่ี ากหลาย หนว่ ยงานสามารถใชไ้ ด้ 2) ขอ้ มูลทเี่ ขา้ มาท้งั หมดจากหลายแหลง่ จะถกู น�ำ เขา้ ส่รู ะบบเพื่อการประมวล ผล ไมว่ ่าข้อมลู นัน้ จะอย่ใู นรปู แบบใด 3) Knot ตรงกลางแสดงถงึ การบรู ณาการขอ้ มูล การวเิ คราะห์ การ เรียนรู้ขอ้ มูลรว่ มกัน 4) ผลผลติ จากการวิเคราะห์รวบรวม จะถูกส่งออกไปยังเจา้ หนา้ ทผ่ี ู้เกีย่ วข้อง ในการ ท�ำ การตัดสนิ ใจกระท�ำ การ หรือเลอื กกลยทุ ธใ์ นการปฏิบตั ิ และ 5) เป็นการรวบรวมวิธีการและทางเลอื ก ในการตัดสนิ ใจท่ีเหมาะสม โดยทใี่ นการจดั ทำ�ระบบข้อมูลและการชว่ ยการตดั สนิ ใจนัน้ ทางหนว่ ยงาน ตา่ งๆ ท่มี ีสว่ นเก่ยี วขอ้ งตอ้ งมกี ารประชุมร่วมกนั ในการจดั ทำ�ส่งิ ตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ในการประมวลแนวคิด (Concept of Operations: CONOPS) ในการสร้างระบบข้อมูล 2. สำ�รวจคณุ สมบัติทางดา้ นเทคโนโลยีขอ้ มลู ทมี่ อี ยู่ของแตล่ ะหน่วยงาน (ICT Analysis) ถงึ ความ สามารถในการปฏิบตั งิ านรว่ มกันได้ 3. ส�ำ รวจระเบียบการปฏิบตั ิการประจ�ำ (Standard Operating Procedure: SOP) เพ่อื ออกแบบ ระบบการทำ�งาน และการปฏบิ ตั ริ ่วมกนั 4. สรา้ งระบบการจดั การขอ้ มลู (Information Management System) และการชว่ ยการตดั สนิ ใจ (Decision Support System: DSS) เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสตู รการบรหิ ารจดั การความเสยี่ งดา้ นอุทกภัยอยา่ งบรู ณาการ 155

บทท่ี 4 5. การสรา้ งความสามารถใหก้ ับเจ้าหนา้ ทท่ี กุ ๆ หนว่ ยใหม้ ีความช�ำ นาญในการใชร้ ะบบ (Capacity Building) สำ�หรับองค์การภาครัฐนั้น ทางเลือกในการออกแบบโครงสร้างขององค์การคือการใช้ส่วนภูมิศาสตร์ (Geographical Divisions) สว่ นภารกิจหน้าท่ี (Function Divisions) ภาระหน้าท่ีของการบงั คับบัญชา และเจ้าหน้าที่ (Line and Staff functions) หรือชนดิ ของลกู คา้ (Client Types) ซงึ่ Graber ได้อธบิ ายถงึ ผลกระทบของขั้นตอนในเรื่องศักยภาพของผู้จัดการภาครัฐในการใช้ข้อมูลข่าวสารอย่างมีประสิทธิภาพ เพือ่ นำ�มาซง่ึ การตัดสินใจทด่ี ี โดย Graber ได้กล่าวถึงขน้ั ตอน 4 อย่างสำ�หรบั การทำ�การตัดสินใจ คือ การวิเคราะห์ปญั หา การเสาะหาทางเลอื ก การเลอื กรูปแบบส�ำ หรับการตดั สินใจ (Rational-choice, Incremental-bargaining, Aggregative, and Garbage Can Model) และการสงั เกตผลตอบรบั ท้งั น้ี Graber ยงั ไดเ้ สนอวธิ กี ารในการหลกี เล่ยี งความผดิ พลาดตา่ ง ๆ ทว่ั ไปในการตกลงใจในระดบั บคุ คล กลุ่ม และองคก์ าร คือด้วยการเพมิ่ อุปทานทางขอ้ มูลขา่ วสาร และการท�ำ ใหน้ โยบายมีความสอดคล้องและ ครอบคลมุ วกิ ฤติ สำ�หรับในส่วนทเ่ี กย่ี วกับการออกแบบโครงสรา้ งส�ำ หรบั การตดั สินใจ Graber ใหเ้ หตผุ ล ว่าโครงสร้างดังกล่าวสามารถเป็นได้ทั้งแบบบนลงล่าง และแบบการมีที่ปรึกษาเจ้าหน้าที่และชุมชนใน พ้ืนท่ี ซึง่ จะชว่ ยใหก้ ารวเิ คราะหป์ ัญหาเป็นไปอยา่ งครบถ้วนและตรงประเดน็ มากขึน้ การพฒั นาทางเลือก จะเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพเนื่องจากการใหม้ มุ มอง และอภปิ รายจากกลุ่มที่เกย่ี วข้องต่าง ๆ และสง่ ผล ใหก้ ารเลอื กทางเลือกมีความเหมาะสมมากย่ิงขึ้น ส่วนผลตอบรบั ที่ได้จะมีโอกาสในการแก้ไขปัญหา หรอื ในทนี่ ี้ คอื สามารถตดั สินใจเกีย่ วกับการบริหารจัดการภัยพิบัตไิ ดด้ ียง่ิ ขนึ้ ที่ผ่านมา การใช้ระบบสารสนเทศในหลายรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพได้แสดงให้เห็นว่า หน่วยงาน ภาครัฐสามารถจัดการและตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างดี รวมทั้ง สามารถแก้ไขปัญหา และสนองตอบต่อความต้องการที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูที่มีเหตุจากวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้อยา่ งมี ประสิทธิภาพ ดังเชน่ ทใ่ี นรฐั ฟลอรดิ า ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ไดจ้ ัดท�ำ เวบ็ ไซตข์ องผูป้ ระกอบการในการ บูรณะซ่อมแซมหลงั จากภยั พิบตั ิ โดยที่ทางหน่วยงานรัฐเป็นผ้รู บั รองฐานะของผู้ประกอบการเหลา่ นี้ และ ประชาชนหรอื ชมุ ชนทไี่ ด้รบั ความเสียหาย สามารถเลอื กตดิ ตอ่ ผปู้ ระกอบการไดโ้ ดยตรง และสามารถ เลือกไดต้ ามทตี่ ้องการ ดังที่ Bardach (1998) กล่าวไว้ในการศึกษาเกยี่ วกับเครอื ข่ายตามภมู ิศาสตร์ของ หน่วยงานสวัสดกิ ารสังคมวา่ ในการท�ำ งานให้เกิดความรว่ มมือในการจบั คู่ลูกค้าและบรกิ ารทีเ่ หมาะสม นั้น กระบวนการด้านข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้ที่เข้าร่วมได้ถูกวางอยู่บนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและ อยบู่ นโครงสรา้ งพ้ืนฐานของกลไกในการเชอื่ มโยงต่าง ๆ ด้วย ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำ�งานในสถานการณ์ฉุกเฉิน โครงสร้างของระบบข้อมูลข่าวสารจำ�เป็น ต้องมีการเตรียมไว้ในระบบให้ดี เพื่อช่วยในการรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินและให้ข้อมูลอย่าง สมบูรณต์ ่อทีมงานทเ่ี กี่ยวข้องเพื่อสามารถตดั สนิ ใจไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ทั้งน้ี ช่องทางในการตดิ ต่อ 156 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสูตรการบรหิ ารจัดการความเสีย่ งด้านอทุ กภยั อยา่ งบรู ณาการ

สื่อสาร รวมทัง้ ระบบส�ำ รองเปน็ ส่ิงจ�ำ เป็นทต่ี อ้ งจัดให้มี เพือ่ ช่วยให้หน่วยงานทุกหนว่ ยมีการเชอื่ มโยง กนั และไดร้ ับการรายงานสิ่งใหม่ ๆ เสมอ เพ่ือจะได้ใหห้ นว่ ยงานต่าง ๆ สามารถช่วยเหลอื ซึง่ กนั และกนั ได้เม่อื เกิดความจำ�เปน็ ในการน้ี เน้อื หาของขอ้ มูลควรถกู รวบรวมไวใ้ นฐานขอ้ มลู สำ�หรับหน่วยงานทกุ หน่วยทเ่ี ก่ียวข้อง เพอ่ื ช่วยในการสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจทถี่ กู ต้องและใช้เวลาให้นอ้ ยท่ีสดุ โดยเฉพาะใน ภาวะฉุกเฉนิ Fountain (2001) ให้เหตผุ ลวา่ การใชร้ ะบบสารสนเทศ อาทเิ ชน่ การตดิ ต่อส่ือสารผา่ น อนิ เตอรเ์ นต็ และเครือข่ายการปฏิบัติการทางคอมพวิ เตอร์ จะชว่ ยให้องคก์ ารทอี่ ยูใ่ นเครือข่ายสามารถ เพิ่มขีดความสามารถในการบังคับบัญชา และความร่วมมือได้ง่ายขึ้นสำ�หรับการทำ�งานข้ามองค์การ (ภาพตัวอย่างการใช้ระบบสารสนเทศในศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน แสดงให้เห็นในรูปที่ 4.1.2) ทงั้ น้ี ระบบสารสนเทศโดยตวั มันเองไมส่ ามารถสรา้ งทนุ หรือความร่วมมือทางสังคมได้ แต่มนั สามารถ บท ่ีท 4 รปู ที่ 4.1.2 แผนภาพศูนยค์ วบคมุ การปฏบิ ัติการภาวะฉกุ เฉิน นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ทม่ี า: เอกสารอเิ ลค็ ทรอนคิ ประกอบการสมั มนา Senior Seminar in Crisis Management, Anti-terrorist Program, American University, Washington DC, USA เพิ่มความน่าเชื่อถือในเครือข่ายผ่านการติดต่อสื่อสาร และจะเห็นได้ว่ารัฐบาลที่บังคับให้มีการสร้าง เครือข่ายแต่มองข้ามความร่วมมือในการทำ�งานโดยอาศัยระบบข้อมูลและการสื่อสาร จะมโี อกาสท่ีจะ เพิม่ ปัญหาในความรว่ มมอื โดยที่ Holland กล่าววา่ เจา้ หน้าทภ่ี ายในองคก์ ารเปรียบเสมอื นการรวมกนั ของระเบียบปฏิบัตติ า่ ง ๆ ทใ่ี ช้ข้อมูลข่าวสารเปน็ ตวั กระตุ้นสำ�หรับการเปลย่ี นแปลงและการปรับตัว ซึ่ง เป็นจุดเปลี่ยนสำ�หรับการสร้างระบบการปรับตัวในภาวะที่ซับซ้อน และมีความจำ�เป็นต้องมีศักยภาพ ในการคน้ หาและแลกเปลย่ี นข้อมูลผา่ นชอ่ งทางการติดตอ่ ส่ือสาร ท่ชี ว่ ยให้เกดิ การเรียนร้ทู ง้ั ภายในและ ระหวา่ งองค์การ ดังที่นักวิจัยทางด้านนโยบายโทรคมนาคมของมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำ�การศึกษาเกี่ยวกับความมีประสิทธิภาพของการติดต่อสื่อสารและการใช้ข้อมูลในการเผชิญ วิกฤตการณข์ องเจา้ หน้าท่ีหน่วยงานตา่ ง ๆ ในสหรฐั อเมริกา และกลา่ ววา่ การทำ�งานของผูท้ ที่ ำ�หน้าท่ีใน เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสตู รการบริหารจัดการความเสีย่ งด้านอทุ กภัยอยา่ งบรู ณาการ 157

บทท่ี 4 การเผชญิ ตอ่ สถานการณ์ฉกุ เฉนิ จะขึน้ อยูก่ ับการติดดอ่ สื่อสารทตี่ ้องมคี วามนา่ เช่อื ถือสงู มาก เพราะความ ผิดพลาดในระบบการติดต่อสื่อสารดังกล่าวสามารถทำ�ให้เกิดการสูญเสียซึ่งชีวิตได้ เขาได้ให้เหตุผล ว่านโยบายท่เี รยี กรอ้ งให้องค์การดา้ นความปลอดภัยสาธารณะแต่ละองคก์ าร ทำ�การตัดสนิ ใจด้วยตวั เอง เกย่ี วกบั ระบบการตดิ ต่อส่อื สารโดยปราศจากแผนงานร่วมและความรว่ มมือต่าง ๆ จะทำ�ใหค้ า่ ใชจ้ ่ายใน การจัดท�ำ ระบบการตดิ ต่อสื่อสารนน้ั สูงมากกว่าท่ีจำ�เป็น ดังน้นั จึงเหน็ ได้ชดั วา่ การออกแบบระบบการ ติดต่อสื่อสารสำ�หรับผู้ตัดสินใจจำ�นวนมากโดยปราศจากกลไกความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ ระบบการ ติดต่อสอื่ สารนน้ั จะไมส่ ามารถทำ�งานแบบบรู ณาการระหว่างหน่วยงานได้ อย่างไรกด็ ี การก�ำ หนดให้ หน่วยงานด้านความปลอดภัยสาธารณะหลายหน่วยงานสามารถมีการใช้ช่องทางการติดต่อสื่อสาร ร่วมกันได้นั้น ต้องมีเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารที่มีศักยภาพในการทำ�งานข้ามหน่วยได้ และอาจจะ มีความจำ�เป็นที่เจ้าหน้าที่ในการเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินต้องมีอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งชนิดเพื่อป้องกัน ความเสี่ยงในความลม้ เหลวของอปุ กรณ์ และจดั ใหม้ ผี แู้ ทนเจา้ หนา้ ท่ีทเี่ กีย่ วข้องกบั การเผชญิ สถานการณ์ ฉุกเฉินทุกหนว่ ยงาน สามารถใชอ้ ุปกรณผ์ า่ นชอ่ งทางการติดตอ่ ส่อื สารของตนเองภายในศูนยก์ ารบังคบั บัญชาร่วมที่ใดท่หี นึง่ แตก่ ร็ ่วมกบั การสร้างระบบการสอื่ สารและชอ่ งทางร่วมของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ด้วย นนั่ เอง 158 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสูตรการบริหารจดั การความเสี่ยงด้านอทุ กภยั อย่างบูรณาการ

เอกสารอา้ งอิง บท ่ีท 4 Axelrod, R., and Cohen, M. D. (1999). Harnessing complexity: Organizational implications of a scientific frontier. New York: The Free Press. Bardach, E. (1998). Getting agencies to work together: The practice and theory of managerial craftsmanship. Washington, DC: Brookings Institution. Comfort, L. K. (2000). Shared Risk. UK: Elsevier Science Ltd. Fountain, J.E. (2001). Building the virtual state: Information technology and institutional change. Washington, DC: The Brookings Institution. Graber, D. A. (2003). The power of communication: Managing information in public organizations. Washington, D.C.: CQ Press. Holland H. John. (1995). Hidden Order: How Adaptation Builds Complexity. NewYork, Basic Books Publishing. Sylves, R. (2008). Disaster Policy and Politics. Washington DC: CQ Press. Wagh, W. and Kamolvej, T. (2007). Principle of Crisis Management. Senior Crisis Management Seminar: State Department Antiterrorist Program, lecture notes. American University. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (พ.ศ. 2550). แผนแม่บทการปอ้ งกันและให้ความชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภยั จากอุทกภยั วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ระยะ 5 ป)ี .î กรมปอ้ งกันและ บรรเทาสาธารณภยั กระทรวงมหาดไทย. ทวิดา กมลเวชช. (พ.ศ. 2552). ศาสตร์การบรหิ ารจัดการภัยพิบัติ. รฐั ศาสตรส์ าร, ล.3. ทวดิ า กมลเวชช. (พ.ศ. 2554). คู่มอื การจดั การภัยพิบัตทิ อ้ งถนิ่ . วทิ ยาลยั พัฒนาการปกครองท้องถิน่ สถาบนั พระปกเกล้า. ทวิดา กมลเวชช. (พ.ศ. 2555). รายงานการศึกษาแผนปฏบิ ตั กิ ารฉุกเฉนิ อทุ กภัยระดบั จงั หวัด โครงการความร่วมมือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและสำ�นักงานโครงการ พัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program, UNDP) พระราชบัญญัติปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสูตรการบรหิ ารจัดการความเสีย่ งด้านอทุ กภัยอยา่ งบูรณาการ 159

บทท่ี 4 จดบันทึก 160 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการบรหิ ารจัดการความเส่ยี งดา้ นอุทกภยั อยา่ งบูรณาการ

บทท่ี 4 สว่ นท่ี 2 การบรหิ ารจดั การอาสาสมัครในภาวะภยั พิบตั ิ (Disaster Volunteer Management) วรฎิ ฐา วรรณทอง เจา้ หน้าทปี่ ระสานงานโครงการอาวโุ ส ศนู ยเ์ ตรียมความพร้อมป้องกันภยั พบิ ตั แิ หง่ เอเชยี 1. ความเป็นมา บท ่ีท 4 ในสถานการณ์ภาวะภัยพิบัติน้ัน นอกจากการประสานงานระหว่างหน่วยงาน การสื่อสาร การเข้าให้ ความช่วยเหลือพ้ืนที่ประสบภัย แล้วน้ัน ยังมีสิ่งหนึ่งท่ีผู้มีหน้าที่เก่ียวข้องในพื้นที่ประสบภัยควรคำ�นึงถึง คือ การบริหารจัดการอาสาสมัคร เนื่องจากในภาวะภัยพิบัติน้ันนอกจากจะมีผู้ท่ีทำ�งานด้านอาสาสมัคร กับหน่วยงานหรือมูลนิธิต่าง ๆ แล้ว ยังมีบุคคลท่ีมีจิตสาธารณะและต้องการให้ความช่วยเหลือแต่ไม่ ได้สังกัดอยู่ภายใต้กลุ่มอาสาสมัครของหน่วยงานใด ๆ จึงทำ�ให้ในภาวะภัยพิบัติมีปริมาณของผู้ต้องการ ให้ความช่วยเหลือและเป็นส่วนหนี่งในการทำ�งานเพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความปลอดภัยและบรรเทา ความเดือดร้อนมีเป็นจำ�นวนมาก ดังน้ัน เมื่อปริมาณอาสาสมัครเพิ่มมากข้ึนในภาวะภัยพิบัติ จึงจำ�เป็น ตอ้ งมีการจัดการให้การทำ�งานของผู้ท่เี ก่ียวขอ้ งทง้ั หมดเปน็ ไปอยา่ งราบรืน่ ลดความสับสน และค�ำ นึงถงึ ความปลอดภัยของทกุ ฝ่าย ในกรณีของประเทศไทย งานด้านอาสาสมัครมีพัฒนาการมาเป็นระยะเวลานาน ท้ังอาสาสมัครใน งานพัฒนา อาสาสมัครในชุมชน รวมไปถึงอาสาสมัครในภาวะภัยพิบัติ ท้ังนี้ เหตุท่ีจำ�เป็นต้องมีการ สร้างความเข้าใจเก่ียวกับการจัดการอาสาสมัคร ก็เพื่อให้การทำ�งานในภาวะภัยพิบัติเป็นไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพและทันต่อการให้ความช่วยเหลือ รวมไปถึงการบริหารจัดการในกรณีท่ีมีจำ�นวนอาสา สมัครมาก ควรมีการจัดสรรและคัดเลือกให้อาสาสมัครเหล่านั้นได้ทำ�งานที่เหมาะสมกับความถนัดของ ตน และนอกจากการส่งเสริมให้หน่วยงานด้านอาสาสมัครมีความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของอาสาสมัคร และเตรียมพรอ้ มอาสาสมคั รในการท�ำ งานเม่ือเกดิ ภาวะภัยพิบัตแิ ลว้ หนว่ ยงานที่มีบทบาทหนา้ ที่ในด้าน การบริหารจัดการภัยพิบัติก็ควรมีการศึกษาและทำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการอาสาสมัคร ด้วยเช่นกัน เพราะ เม่ือมีปริมาณอาสาสมัครจำ�นวนมากและมีความจำ�เป็นต้องให้อาสาสมัครเหล่านี้เข้า มาทำ�งานร่วมกับเจ้าหน้าท่ีในการบริหารจัดการภัยพิบัติ จะต้องมีการประสานงานและทำ�งานร่วมกันได้ อย่างสอดคล้องและมีประสิทธิภาพ ดังรูปท่ี 4.2.1 ในเหตุการณ์อุทกภัยปี พ.ศ. 2554 เม่ือมีอาสาสมัคร เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสตู รการบรหิ ารจัดการความเสีย่ งด้านอทุ กภยั อยา่ งบรู ณาการ 161

บทท่ี 4 เขา้ มาจ�ำ นวนมาก องคก์ รดา้ นอาสาสมคั รและหนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั จำ�เป็นต้องมีข้อตกลงร่วมกันและส่งเสริมงานของกันและกันให้ทุกฝ่ายสามารถทำ�งานร่วมกันได้ จึงจะ ทำ�ใหก้ ารทำ�งานในภาวะภยั พบิ ตั เิ ป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากย่ิงขนึ้ รูปที่ 4.2.1 อาสาสมคั รและเจ้าหนา้ ทรี่ ่วมกนั จัดสง่ิ ของชว่ ยผปู้ ระสบภยั น�ำ้ ท่วม ทม่ี า : วริฎฐา วรรณทอง (2554) 2. อาสาสมัครในภาวะภยั พบิ ตั ิ “อาสาสมัคร” หมายถึง บุคคลที่อาสาเข้ามาช่วยเหลือสังคมด้วยความสมัครใจ เสียสละ เพื่อช่วยเหลือ ผู้อ่ืน ป้องกัน แก้ไขปัญหาและพัฒนาสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน (กระทรวงพัฒนาสังคมและ ความม่ันคงมนุษย์, พ.ศ. 2544) นอกจากนี้ยังหมายรวมถึงบุคคลท่ีเสียสละเพ่ือช่วยผู้อ่ืนหวังเพียงความ สุข ความปิติ ภูมิใจ หรือผู้ท่ีอุทิศแรงกาย แรงใจ สติปัญญา เพ่ือสังคมด้วยความเมตตา และปรารถนาดี (พิสันติ์ ประทานชวโน, พ.ศ. 2554) ในขณะเดยี วกนั หน่วยงานอาสาสมัครแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Volunteers: UNV) ได้ อธบิ าย “งานอาสาสมคั ร” ตามหลักการสำ�คญั พื้นฐาน วา่ หมายถงึ 1. กจิ กรรมทก่ี ระท�ำ โดยอสิ ระ ไมม่ กี ารขู่เขญ็ หรือ บงั คบั ใหท้ �ำ 2. กจิ กรรมที่เป็นไปเพอ่ื ประโยชนอ์ น่ื ทไ่ี มใ่ ช่คา่ ตอบแทนเป็นเงนิ ตรา 3. กิจกรรมทนี่ อกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์ตอ่ ผูก้ ระทำ�ยงั กอ่ ให้เกดิ ประโยชนต์ ่อผ้อู ่นื ด้วย 162 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการบริหารจัดการความเส่ียงดา้ นอุทกภัยอยา่ งบรู ณาการ

ดว้ ยเหตุนี้ หากกลา่ วถึง “อาสาสมคั รในภาวะภยั พิบัติ” จึงสามารถกลา่ วได้ว่า คอื ผู้ทสี่ มัครใจ อทุ ิศตน ท�ำ งานเพื่อช่วยผู้อืน่ ในช่วงเวลาทเี่ กิดเหตกุ ารณ์ภัยพบิ ตั โิ ดยไมห่ วังผลตอบแทน แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ตามหลักสากล ได้แก่ อาสาสมัครท่ีขึ้นกับหน่วยงานหรือองค์กรใดองค์กรหนี่ง (Affiliated Volunteer) หมายถึง อาสาสมัครท่ีทำ�งานกับหน่วยงานหรือองค์กรอาสาสมัคร ท้ังภาครัฐและภาคประชาชน ผ่าน ระบบการคัดเลือกและเป็นสมาชิกของหน่วยงานนั้น ๆ ซ่ึงอาสาสมัครกลุ่มนี้มักได้รับการฝึกเฉพาะด้าน เช่น การฝึกใหค้ วามชว่ ยเหลือในภาวะภัยพิบัติ อาทิ การฝึกก้ชู พี กูภ้ ยั และสามารถเข้าให้ความชว่ ยเหลอื เมื่อเกิดภัยพิบัติได้ทันทีโดยการทำ�งานร่วมกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ฯลฯ ตัวอย่างของอาสาสมัครของ ประเทศไทยจากมลู นธิ ดิ า้ นกชู้ พี ท่ีได้รบั การฝกึ ฝนมาแลว้ ใหค้ วามช่วยเหลอื ประชาชน ดงั รปู ท่ี 4.2.2 บท ่ีท 4 รูปท่ี 4.2.2 อาสาสมคั รท่ีไดร้ ับการฝึกแล้วชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภยั ที่มา: กรมปอ้ งกนั และบรรเทาภยั สาธารณภัย (http://www.disaster.go.th/dpm/users/lpdpm//5meapik/222.jpg) อาสาสมัครที่ไม่ได้ข้ึนตรงกับหน่วยงานใดหรืออาสาสมัครเฉพาะกิจ (Spontaneous, Emergent, Convergent or Unaffiliated Volunteer) หมายถึง บคุ คลที่ไมไ่ ด้เปน็ อาสาสมัครทไ่ี ด้รบั การฝกึ เฉพาะ ด้านหรือทำ�งานกับหน่วยงานองค์กรอาสาสมัครใด แต่เป็นบุคคลท่ีต้องการให้ความช่วยหรือทำ�งานใน ภาวะภัยพิบัติ ซึ่งอาสาสมัครกลุ่มน้ีอาจเป็นผู้มีความรู้ ทักษะ หรือผ่านการฝึกอบรม ท่ีสามารถนำ�มาใช้ ประโยชน์ในการช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ และฟ้ืนฟูจากภาวะภัยพิบัติได้ นอกจากน้ัน อาสาสมัครกลุ่ม น้ีอาจเป็นคนในพื้นที่ประสบภัยหรือมาจากพื้นท่ีอ่ืนก็ได้ รูปท่ี 4.2.3 เป็นภาพของอาสาสมัครท่ีไม่ได้รับ การฝึกเฉพาะด้านแต่ต้องการร่วมในงานอาสาในขณะเกิดภัย ช่วยกันตักทรายเพื่อใช้ในการป้องกันน้ำ� ทว่ ม ในปี พ.ศ. 2554 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสูตรการบริหารจัดการความเสีย่ งดา้ นอุทกภัยอยา่ งบรู ณาการ 163

บทท่ี 4 รปู ท่ี 4.2.3 นกั เรยี นอาสาสมัครร่วมกนั กรอกทราย ที่มา : http://www.prasutham.ac.th/board/pictures/Flood54/IMG_5503.jpg มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชนที่ได้ทำ�งานด้านอาสาสมัครมาเป็นระยะเวลานาน ทั้งใน เหตุการณ์สึนามิปี พ.ศ. 2547 และเป็นองค์กรภาคประชาชนหลักองค์กรหน่ึงท่ีได้ระดมอาสาสมัครและ ปฏิบัติงานในพ้ืนท่ีอุทกภัยปี พ.ศ. 2554 ได้ทำ�การศึกษาและพัฒนาคู่มือการจัดต้ังศูนย์ประสานงาน อาสาสมัคร พร้อมทง้ั ได้แบ่งประเภทของอาสาสมัครในภาวะภัยพบิ ัติไว้ 4 ประเภท คือ 1. อาสาสมคั รมอื อาชพี (กชู้ พี กู้ภัย อาสาสมคั รป้องกันพลเรือน) ในพ้นื ท่ี 2. อาสาสมัครมอื อาชีพ (กูช้ พี กูภ้ ยั อาสาสมัครปอ้ งกันพลเรอื น) นอกพนื้ ที่ 3. อาสาจิตอาสา คอื ผปู้ ระสงคจ์ ะเขา้ ใหช้ ว่ ยเหลือ โดยทราบข้อมูลจากสื่อตา่ งๆ 4. อาสาสมัครในกลุ่มผปู้ ระสบภัย 3.บทบาทอาสาสมคั รในภาวะภัยพบิ ตั ิ เครือข่ายจิตอาสา ได้กล่าวถึงบทบาทของอาสาสมัครไว้ในคู่มืออาสาสมัครในสถานการณ์ภัยพิบัติ ว่า สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคมมากมายโดยเฉพาะอย่างย่ิงในสถานการณ์ภัยพิบัติ แรงใจ และแรงกายของอาสาสมัครสามารถสร้างคณุ ประโยชนต์ อ่ สังคมไดด้ ังตอ่ ไปน้ี • อาสาสมัคร มีบทบาทเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือฟ้ืนฟูสังคมทางกายภาพในทุกมิติของการรับมือ กบั ภยั พบิ ัติ ดว้ ยทกั ษะความสามารถทห่ี ลากหลายและน้าํ ใจท่ีอยากจะชว่ ยเหลอื ผูป้ ระสบภัย 164 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สูตรการบริหารจดั การความเสย่ี งดา้ นอุทกภัยอยา่ งบรู ณาการ

• อาสาสมัคร มีบทบาทเป็นผู้ฟื้นฟูทางด้านจิตใจ เป็นตัวประสานความสัมพันธ์ในชุมชน และ บท ่ีท 4 สร้างความหวังใหก้ บั ผูค้ นในสงั คม • อาสาสมัคร มีสว่ นชว่ ยอย่างมากในการช่วยเติมเตม็ ความต้องการและถมช่องวา่ งด้านการช่วย เหลือของสว่ นกลางทีอ่ าจจะชว่ ยเหลอื ได้ไมท่ ่ัวถงึ • อาสาสมัคร มีบทบาทเป็นกลไกสําคัญที่เช่ือมร้อยผู้คนเข้าไว้ด้วยกันสร้างความเช่ือมั่นร่วมกัน และก่อให้เกิดความสมานสามัคคใี นสงั คม • อาสาสมคั ร เปน็ สว่ นสาํ คญั ทจ่ี ะรว่ มกนั สรา้ งพลเมอื งทม่ี คี ณุ ภาพและสาํ นกึ แหง่ ความรบั ผดิ ชอบ ตอ่ สงั คม • อาสาสมคั ร เปน็ สว่ นสาํ คญั ของการสรา้ งความเปลีย่ นแปลงและชว่ ยแก้ปัญหาสังคม ทั้งน้ี งานท่ีอาสาสมัครสามารถเข้าไปมีบทบาทช่วยเหลือได้มีมากมายหลายประการ ตามแต่ทักษะความ ชาํ นาญหรือความสนใจ เช่น • งานกู้ชีพกู้ภัย เป็นการเข้าไปช่วยเหลือชีวิตหรือช่วยเหลือในการขนย้ายอพยพคนออกจาก พ้ืนท่ีท่ีอนั ตรายเสี่ยงภัย • งานประสานงาน คือเป็นตัวกลางประสานความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องประเภท ต่าง ๆ • งานส่ือสารสาธารณะ อาสาสมัครสามารถมีส่วนช่วยในการคัดกรองและย่อยข้อมูลท่ีเก่ียวกับ ภาวะภัยพิบตั ใิ นมิตติ า่ ง ๆ ให้เขา้ ใจง่าย หรอื สรา้ งส่ือในรูปแบบตา่ ง ๆ เพ่อื สอ่ื สารกับคนทั่วไป สรา้ งความเขา้ ใจท่ถี ูกต้อง รู้เท่าทันสถานการณ์ และทําให้ผ้คู นไมต่ ืน่ ตระหนกจนเกนิ เหตุ • งานการช่วยเหลือในศูนย์พักพิงต่าง ๆ ท้ังการเป็นอาสาสมัครเข้าไปช่วยประสานงาน บริหาร จัดการ ทาํ กจิ กรรม รวมไปถึง ช่วยฟนื้ ฟดู ูแลจิตใจของผู้ทีไ่ ดร้ ับผลกระทบจากภัยพิบัติ • การระดมรวบรวมเงินหรือส่ิงของท่ีจําเป็นไปบริจาคให้กับผู้ประสบภัยพิบัติ ในที่นี้ควรสํารวจ ความตอ้ งการและสาํ รวจพน้ื ทท่ี ค่ี วามชว่ ยเหลอื ยงั เขา้ ไปไมถ่ งึ รวมทง้ั ตดิ ตอ่ หนว่ ยงานทเ่ี ชอ่ื ถอื ไดว้ า่ ของจะสง่ ตรงถงึ ผปู้ ระสบภยั อยา่ งแทจ้ รงิ • การชว่ ยเหลือเป็นกาํ ลงั แรงงาน เชน่ การบรรจขุ องช่วยเหลอื ผ้ปู ระสบภยั การบรรจุกระสอบ ทราย การชว่ ยขนยา้ ยข้าวของตา่ ง ๆ ชว่ ยทําอุปกรณช์ ่วยเหลอื ปอ้ งกนั ภยั พิบตั ิต่าง ๆ เปน็ ต้น • งานทางการแพทย์และพยาบาล ท้ังในแง่การบาดเจ็บหรือโรคภัยท่ีมาจากภัยพิบัติ ไปจนถึง เรือ่ งสุขอนามัยในภาวะทอี่ ยอู่ ยา่ งขาดแคลนทรพั ยากร • งานช่วยเหลือท่ีใช้ทักษะเฉพาะด้าน งานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ที่จะมารองรับ ระบบความช่วยเหลือ หรือผู้ที่รู้ภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อาจสามารถช่วยเป็นล่ามให้ความ ช่วยเหลอื กับผปู้ ระสบภยั ต่างชาติ เปน็ ตน้ • งานสันทนาการ สรา้ งความร่ืนเรงิ ช่วยลดความตึงเครียดของผู้ประสบภยั หรือช่วยผอ่ นคลาย จติ ใจใหก้ ับบรรดาอาสาสมคั รท่ีทาํ งานรว่ มกนั เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สูตรการบรหิ ารจดั การความเสย่ี งดา้ นอทุ กภยั อยา่ งบูรณาการ 165

บทท่ี 4 นอกจากนี้ อาสาสมัครยังมีบทบาทในระยะฟ้ืนฟูได้ โดยการช่วยทําความสะอาดเก็บกวาดเศษซากจาก ภัยพิบัติ ช่วยออกแบบ ไปจนถึงก่อสร้าง หรือซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่เสียหายจากภาวะภัยพิบัติ ช่วยเยียวยาฟื้นฟูทางด้านจิตใจของผู้คน ท่ีผ่านการสูญเสีย ให้กําลังใจและช่วยสร้างความหวังให้เกิดข้ึน อกี ครัง้ ในชมุ ชนเติมเตม็ โดยการรวบรวมนาํ สง่ิ ของไปต่าง ๆ ชว่ ยเหลือในสว่ นที่เสยี หายจากภัยพิบัติ หรือ งานช่วยเหลือฟื้นฟูชุมชนในมิติที่เกี่ยวข้องกับสิทธิการคุ้มครองผู้ประสบภัย อาทิเช่น ด้านกฎหมายด้าน สทิ ธิมนษุ ยชน ด้านท่ดี ิน เหล่านี้เป็นตน้ อย่างไรก็ดี แม้อาสาสมัครจะสามารถมีบทบาทในการบริหารจัดการเหตุการณ์ภัยพิบัติได้ แต่งานบาง ประเภทจำ�เป็นต้องอาศัยความชำ�นาญเฉพาะทาง หรือเป็นงานที่ต้องได้รับการฝึกฝนมาเป็นระยะเวลา อันสมควร เชน่ งานด้านการก้ชู พี กูภ้ ัย และ งานด้านการแพทย์และการพยาบาล ท�ำ ให้กลุม่ อาสาสมคั ร มืออาชีพ หรือ อาสาสมัครท่ีได้รับการฝึกฝนมาแล้วนั้น มีบทบาทและเป็นกำ�ลังสำ�คัญในการบริหาร จัดการภัยพิบัติ ทั้งในการเผชิญเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือบรรเทาทุกข์ เน่ืองจากเป็นหน่วยสนับสนุนท่ี สามารถปฏบิ ตั ิงานได้ทันที จงึ มักเปน็ อาสาสมัครกลมุ่ แรกท่ีไดร้ ับอนญุ าตใหท้ �ำ งานในพ้นื ที่ประสบภยั เมื่อ กำ�ลังเจ้าหน้าที่หลักมีไม่พอเพียงในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ท้ังนี้ ส่วนมากเป็นการปฏิบัติการ ในลกั ษณะเปน็ กำ�ลังเสรมิ และเข้าไปปฏิบัตงิ านรว่ มกบั เจ้าหนา้ ทผ่ี ้เู กยี่ วข้องที่รับผิดชอบในงานด้านน้นั ๆ ในขณะเดยี วกนั งานอาสาสมัครในเหตกุ ารณ์ภัยพิบัติอน่ื ๆ อาจไมจ่ ำ�เป็นต้องใช้ความช�ำ นาญเฉพาะทาง ดังเช่นที่ได้กล่าวมาข้างต้น หากแต่ถ้าอาสาสมัครมีคุณสมบัติท่ีเหมาะสมและได้รับการแนะนำ�หรืออบรม เพยี งระยะเวลาอนั สน้ั กส็ ามารถปฏบิ ตั งิ านไดท้ นั ที เชน่ งานบรรจสุ ง่ิ ของบรรเทาทกุ ข์ งานท�ำ สง่ิ ของชว่ ยเหลอื ปอ้ งกนั ภยั พบิ ตั ติ า่ ง ๆ งานกิจกรรมสันทนาการในศูนย์พักพิง งานล่ามทางภาษา ฯลฯ เครอื ขา่ ยจิตอาสา (พ.ศ. 2555) ยังได้กล่าวถึง บทบาทของคนรุน่ ใหมก่ บั งานอาสาสมคั ร คอื 1) มกี ารรวม กลมุ่ กนั อย่างรวดเร็ว 2 ) มีลักษณะเฉพาะกิจสนใจเฉพาะประเด็นเฉพาะด้าน อาทิ อาสาสมัครนกั จดั การ ข้อมูล โดยอาสาสมัครท่ีทำ�หน้าที่จัดการข้อมูลน้ี เป็นตัวกลางในการเก็บรวบรวมข้อมูลความเสียหาย จากพื้นท่ีเพื่อประมวลผลและบริหารข้อมูลเพ่ือนำ�ไปสู่การจัดการลงไปช่วยเหลือในพ้ืนที่ หรือ สถาปนิก อาสา ซี่งเป็นการรวมตัวกันของสถาปนิก ท่ีมีทักษะในการออกแบบสถาปัตยกรรมและส่ิงปลูกสร้าง เพ่ือ ลดความเสยี่ งต่อความเสียหายจากภยั พบิ ัติ รวมไปถงึ การออกแบบวัสดุ อปุ กรณ์ ทจ่ี �ำ เป็นตอ่ การดำ�รอง ชีวิตในชว่ งภยั พบิ ัติอกี ด้วย และ 3) คนรนุ่ ใหมม่ ศี กั ยภาพของทกั ษะและความรใู้ หม่ ๆ ในการท�ำ งานอาสาสมคั ร ดงั ตวั อยา่ ง ในรปู ท่ี 4.2.4 ทอ่ี าสาสมคั รรวมตวั กนั ท�ำ ลกู บอลจลุ นิ ทรยี ์ ซง่ึ ในชว่ งเกดิ อทุ กภยั ปี พ.ศ. 2554 หลาย กลุ่มเช่ือว่าลูกบอลจุลินทรีย์สามารถทำ�ให้นำ้�สะอาดได้ จึงมีการรวมตัวของอาสาสมัครเฉพาะกิจเพื่อทำ� ลูกบอลจลุ นิ ทรยี ์เพ่อื แจกจ่ายแกผ่ ปู้ ระสบภัย 166 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สูตรการบรหิ ารจัดการความเสยี่ งด้านอุทกภัยอยา่ งบูรณาการ

รปู ที่ 4.2.4 ท่ีอาสาสมคั รรวมตวั กนั ท�ำ ลูกบอลจุลนิ ทรยี ์ บท ่ีท 4 ท่มี า : http://www.volunteerspirit.org/event/3519 ด้วยความหลากหลายของเน้ืองานที่อาสาสมัครสามารถปฏิบัติได้ในภาวะภัยพิบัติ ทำ�ให้มีแนวโน้มท่ี จะมีอาสาสมัครเพิ่มมากข้ึนหากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติขึ้น จึงมีความจำ�เป็นท่ีจะต้องสร้างความเข้าใจ ในระบบการจัดการอาสาสมัคร โดยผู้เก่ียวข้องควรทราบถึงข้อควรคำ�นึงในการจัดการอาสาสมัคร รวมไปถึงการวิเคราะห์ความต้องการ ความสามารถ และ ความถนัด รวมไปถึงความจำ�เป็นของการ มีอาสาสมัครในการทำ�งานในภาวะภัยพิบัติด้วย จึงจะทำ�ให้การมอบหมายงานตรงกับความสามารถ ของอาสาสมัครเหล่านั้น และทำ�ให้อาสาสมัครไม่เป็นภาระในปฏิบัติงาน แต่สามารถช่วยให้การ บริหารจดั การในภาวะฉกุ เฉินมปี ระสิทธภิ าพมากยง่ิ ขน้ึ ไดอ้ ย่างแทจ้ ริง 4.การบริหารจดั การอาสาสมัครในภาวะภยั พิบัติ การบริหารจัดการอาสาสมัครในการจัดการภัยพิบัติโดยท่ัวไปน้ัน มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ (Volunteer Center Serving Howard County, 2009) • เพ่ือส่งเสริมให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการทำ�งานอาสาสมัครทั้งภาครัฐ เอกชน หรือ องคก์ รไมแ่ สวงหากำ�ไรให้สามารถด�ำ เนนิ งานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ • เพื่อให้เกิดการวางแผนและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการบริหารจัดการอาสาสมัคร ในภาวะภยั พิบตั ิ เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสตู รการบรหิ ารจดั การความเส่ยี งด้านอทุ กภยั อยา่ งบูรณาการ 167

บทท่ี 4 • เพ่ือเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในชุมชนเป็นอาสาสมัคร โดยเฉพาะการให้ความ ร่วมมือกับหน่วยงานหรือองค์กรด้านอาสาสมัครที่ทำ�งานเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ อาทิ สภากาชาด เปน็ ต้น • เพื่อให้หน่วยงานหรือองค์กรที่รับผิดชอบด้านการบริหารจัดการอาสาสมัครในภาวะภัยพิบัติได้มี โอกาสฝึกฝนในการรับมอื กบั สถานการณต์ ่าง • เพื่อให้การทำ�งานขณะเกิดภัยมีการประสานงานและการบริหารจัดการการทำ�งานกับหน่วยงาน ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่ ให้การทำ�งานของอาสาสมัครที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของหน่วยงานใด เป็นไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพ และหากจะท�ำ ให้การบรหิ ารจดั การอาสาสมัครในภาวะภยั พบิ ตั เิ ปน็ ไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพนนั้ ควรมีการ วางแผน และระบุหน้าท่ีของผู้ท่ีทำ�หน้าที่ดูแลและประสานงานกับอาสาสมัครต่าง ๆ ไว้ ในแผนป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยหรือในแผนเผชิญเหตุในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นแผนระดับชาติหรือแผนระดับ ชุมชน ตัวอย่างเช่น รัฐแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีแผนการบริหารจัดการอาสาสมัครที่เรียก ว่า “They Will Come: Post-Disaster Volunteers and Local Governments” (แล้วพวกเขาจะ มา: อาสาสมัครในเหตุการณ์ภัยพิบัติและรัฐบาลท้องถิ่น) โดยแผนน้ีได้อธิบายถึงแนวทางในการให้การ สนับสนุนการจัดต้ังกลุ่มอาสาสมัครไว้เพ่ือให้การทำ�งานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีหลักการรองรับ ซ่ึง มีรายละเอียดเกี่ยวกับการทำ�งาน 3 ส่วนคือ 1) แผนบริหารจัดการเพ่ือระดมอาสาสมัคร 2) โครงการ การจัดสรรอาสาสมัครภัยพิบัติ และ 3) การให้การสนับสนุนงานอาสาสมัครที่ดำ�เนินการอยู่ โดยท้ัง 3 แนวทางน้ีจะรวมทั้งในระยะก่อนเกิดภัย คือ การเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ ตลอดจนการระบุถึง การจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาสาสมัครในช่วงเกิดภัยพิบัติว่าควรมีข้ันตอนการดำ�เนินการอย่างไร โดย ครอบคลุมไปถึง การรับสมัคร การคัดเลือก การลงทะเบียน การปฐมนิเทศน์ การวางตัว การฝึกอบรม การสงั่ การ และ การประเมินและยกยอ่ งอาสาสมคั รด้วย (Fernandez L.S., 2008) 4.1 การจัดตงั้ ศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร ศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร (Volunteer Reception Center หรือ Volunteer Management Center) มักถูกจัดตั้งขึ้นในช่วงที่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติเมื่อมีความต้องการกำ�ลังพลเพิ่มเติมใน การเผชิญเหตุการณ์ฉุกเฉินและการบรรเทาทุกข์ มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อให้มีการประสานงานใน เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับอาสาสมัครอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ทั้งในการสมัคร คัดเลือก มอบหมายงาน และติดตามงานอาสาสมัคร รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้การทำ�งาน เกี่ยวกับอาสาสมัครเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการ และหากการตอบสนองต่อภัยพิบัตินั้นได้ นำ�หลักการในการบัญชาการเหตุการณ์ฉุกเฉิน (Incident Command System: ICS) มาใช้ ศูนย์ ประสานงานฯ ดังกล่าวน้ีจะถูกจัดตั้งข้ึนภายใต้ความดูแลของฝ่ายวางแผน เพ่ือให้สามารถประสานงาน และจัดสรรอาสาสมัครไปทำ�งานตามความตอ้ งการของฝ่ายอน่ื ๆ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 168 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลกั สูตรการบรหิ ารจดั การความเสีย่ งด้านอุทกภยั อยา่ งบรู ณาการ

ความสำ�คญั ของศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร (Volunteer Center Serving Howard County, 2009) บท ่ีท 4 คอื 1. เพอ่ื ช่วยให้การทำ�งานของอาสาสมัครเฉพาะกจิ สามารถท�ำ ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพมากข้ึน 2. เพอ่ื ใหอ้ าสาสมัครทไี่ ม่ใชอ่ าสาสมัครมอื อาชีพสามารถใช้ความสามารถของตนมากทสี่ ดุ 3. เพื่อให้สามารถจัดสรรอาสาสมัครที่เหมาะสมเข้าไปให้ความช่วยเหลือชุมชนที่ต้องการได้ทัน ทว่ งที 4. เพ่ือชว่ ยให้อาสาสมัครและทีมงานในพืน้ ทีท่ �ำ งานได้ดขี ึน้ และไมส่ ร้างความสับสนเพิม่ ขึ้น 5. เพ่ือเป็นเสมือนกันชนระหว่างทีมงาน หรือ หน่วยงานท่ีทำ�งานในพื้นที่และอาสาสมัครจากส่วน อื่น 6. เพื่อเป็นหน่วยรวบรวมข้อมูลอาสาสมัครในภาวะภัยพิบัติ แทนหน่วยงานอ่ืน ๆ ท่ีไม่สามารถได้ หรอื ไม่ตอ้ งการทำ� 7. เพ่ือเป็นการวางพ้ืนฐานในการจัดสรรอาสาสมัครสำ�หรับการฟ้ืนฟู เนื่องจาก ศูนย์ประสานงาน อาสาสมัครจะเป็นศูนย์ฯ ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์และเป็นผู้ประเมินความต้องการ อาสาสมัครในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งเป็นผู้ประเมินความชำ�นาญและรวบรวมรายชื่อของ อาสาสมัครทั้งหมด ซ่ึงข้อมูลเหล่านี้จะเป็นข้อมูลพื้นฐานท่ีสามารถนำ�มาใช้ในข้ันตอนการ วางแผนสำ�หรับฟืน้ ฟนู ่ันเอง หลักการและข้อควรค�ำ นึงถึงในการจัดต้ังศูนยป์ ระสานงานอาสาสมคั ร 1. ควรได้รับอนุญาตจากผู้บัญชาการเหตุการณ์ก่อนมีการจัดตั้งหรือเปิดศูนย์ฯ เพ่ือให้เกิดการ ประสานงานท่ีแทจ้ รงิ 2. สถานทจ่ี ดั ต้งั ศนู ย์ ควรเปน็ สถานทที่ ีม่ ีความปลอดภยั และทุกคนสามารถเขา้ ออกได้สะดวก เช่น ศนู ยเ์ ด็กเลก็ ศนู ยด์ ูแลคนชรา หรอื ศาลาประชาคม เป็นตน้ 3. มีระบบสาธารณูปโภคและพ้ืนท่ีท่ีเพียงพอ ควรมีความพร้อมท้ังการส่ือสาร ระบบไฟฟ้าและ ประปา รวมถึงอาหารและเคร่อื งดมื่ ตลอดจนพืน้ ที่สำ�หรบั หอ้ งพกั ห้องประชมุ และพื้นทใ่ี นการ รบั สมัครอาสาสมัครด้วย 4. การจดั ต้งั ศูนย์ควรระบเุ ปา้ หมายทีช่ ดั เจน เชน่ เปน็ ศูนย์เพ่อื ประสานงานและสนับสนุนในเรื่องที่ จำ�เป็นแกห่ นว่ ยงาน พน้ื ที่ หรอื อาสาสมคั รมอื อาชีพ เท่านนั้ ฯลฯ โครงสร้างและทีมงานทคี่ วรมใี นศนู ย์ประสานงานอาสาสมัคร 1. หวั หน้าศูนย์ มหี นา้ ทใี่ นการดูแลภาพรวมและบรหิ ารจัดการศนู ย์ประสานงาน 2. ฝา่ ยพาหนะ มีหน้าทด่ี ูแลและตรวจสอบความพร้อม จำ�นวนยานพาหนะท่ีต้องใชใ้ นงาน 3. ฝ่ายบญั ชีการเงนิ มีหนา้ ทค่ี วบคุมดูแลการใช้จา่ ยของศนู ย์ 4. ฝา่ ยวสั ดอุ ุปกรณ์ มีหนา้ ทใี่ นการดแู ละจดั วัสดุอปุ กรณ์ เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลกั สูตรการบรหิ ารจดั การความเสยี่ งดา้ นอุทกภัยอย่างบรู ณาการ 169

บทท่ี 4 5. ฝ่ายข้อมูลประชาสัมพันธ์ มีหน้าท่ีในการจัดทำ�ข้อมูล และ เป็นหน่วยงานท่ีให้ข้อมูล ประชาสมั พันธ์ รวมไปถึงการประกาศรบั อาสาสมคั รดว้ ย 6. ฝ่ายประสานงาน ดูแลภาพรวมและประสานงานกับฝา่ ยตา่ ง ๆ ซงี่ รายละเอียดของผู้ประสานงาน น้ันจะกลา่ วอยา่ งละเอยี ดต่อไป 7. ฝา่ ยสถานที่ จัดหาและดูแลสถานทกี่ ารจดั ตัง้ ศูนย์ 8. ฝ่ายกิจกรรม เปน็ ฝา่ ยที่ดูแลกจิ กรรมทีจ่ ะท�ำ ในศนู ยฯ์ และส่งเสรมิ กิจกรรมที่จะนำ�ไปใชใ้ นพนื้ ที่ บทบาทหน้าที่ของผู้ประสานงานอาสาสมัคร ควรเป็นบุคคลท่ีมาจากกลุ่มอาสาสมัครซ่ึงมีหน้าท่ีและ ทราบข้อมลู ของภยั ซง่ึ ในทีน่ ี้หมายถงึ ตวั แทนของอาสาสมัครหรอื กลุ่มทร่ี ว่ มอาสาสมัคร เน่อื งจากมีหนา้ ทีเ่ ป็นผู้คอยดูแลภาพรวมและประสานงานกับฝา่ ยตา่ ง ๆ โดยมีรายละเอยี ดของตำ�แหนง่ งานดงั น้ี 1. เปน็ ผ้ดู แู ลความรบั ผดิ ชอบทวั่ ไปและคอยทบทวนดูความจำ�เป็นของหนา้ ทรี่ ับผิดชอบต่าง ๆ 2. ประสานงานกบั ฝา่ ยดแู ลทรพั ยากรเพอ่ื ใหท้ ราบถงึ ความตอ้ งการอาสาสมคั รในการชว่ ยงานตา่ ง ๆ 3. เปน็ ผู้ประเมนิ ทกั ษะและความต้องการในการฝึกอบรมของอาสาสมคั ร 4. เป็นฝ่ายสนับสนุนด้านการฝึกอบรมในกรณีท่ีจำ�เป็น และประสานงานกับหน้างานเพ่ือฝึกอบรม อาสาสมัครตามความเหมาะสม 5. ประสานงานเพื่อระดมอาสาสมัครทั้งอาสาสมัครที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้วและประชาสัมพันธ์เพื่อ รับสมคั รอาสาสมัครเฉพาะกจิ เพม่ิ เตมิ 6. ประสานงานกบั ฝา่ ยสนับสนนุ ทางสถานที่ (Logistic) เพื่อจัดหาท่พี ักให้กับอาสาสมัคร 4.2 การทำ�งานกบั อาสาสมคั ร 4.2.1 การระดมอาสาสมัคร ในกรณภี ัยพบิ ตั นิ น้ั สามารถแบ่งการระดมอาสาสมัครออกเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ 1. กรณีอาสาสมัครมืออาชีพ เช่น กลุ่มอปพร. หรืออาสาสมัครฝ่ายพลเรือน สามารถระดมพล ได้ตามคำ�สั่งของผู้อำ�นวยการเหตุการณ์ ดังที่ได้ระบุไว้ในพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย พ.ศ. 2550 หากเป็นอาสาสมัครมืออาชีพจากองค์กรการกุศลอื่น ๆ หน่วยงาน ต้นสังกัดจะต้องประสานงานและขออนุญาตจากผู้อำ�นวยการเหตุการณ์ก่อนส่งอาสาสมัคร เพื่อมาปฏิบตั กิ ารทุกครั้ง 2. กรณีอาสาสมัครที่ไม่ได้เป็นสมาชิกองค์กรใด ๆ ทั้งอาสาสมัครที่มาจากนอกพื้นที่ และอาสาสมัครที่เป็นผู้ประสบภัย จะมีการรวมกลุ่มข้ึนเมื่อมีการประชาสัมพันธ์หรือ ประกาศรับอาสาสมัครเฉพาะกิจ ซึ่งการระดมอาสาสมัครในกรณีน้ีมีแนวโน้มท่ีมากขึ้นและ ได้รับการตอบรับที่ดีข้ึน เน่ืองจากมีผู้ต้องการทำ�งานอาสาสมัครเพ่ิมขึ้นและ มีหน่วยงาน ให้การสนับสนุนงานอาสาสมัครจำ�นวนมาก ท้ังยังมีช่องทางการสื่อสารท่ีรวดเร็วและวิธี 170 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลกั สูตรการบรหิ ารจดั การความเสย่ี งด้านอทุ กภยั อย่างบรู ณาการ

การประชาสัมพันธ์ท่ีหลากหลาย เช่น ผ่านส่ือสังคมออนไลน์ Facebook, Twitter และ บท ่ีท 4 Instagram เป็นต้น 4.2.2 การรับสมคั รและคัดเลือกอาสาสมคั ร เม่ือมีการระดมอาสาสมัครแล้วนั้น ข้ันตอนสำ�คัญต่อไปก็คือการรับสมัครและคัดเลือก โดยศูนย์ ประสานงานอาสาสมัครควรมีการจัดตั้งจุดรับสมัครอาสาสมัคร เพ่ือคัดกรองข้อมูลพื้นฐานอันรวม ไปถึงทักษะความรู้ความสามารถของอาสาสมัคร เพื่อจัดให้อาสาสมัครได้ทำ�งานตามความถนัดของ ตน โดยสามารถใชใ้ บสมัครท่ีมรี ปู แบบชัดเจนซ่ึงระบรุ ายละเอียดที่จำ�เปน็ ของอาสาสมคั ร เชน่ ทักษะ สำ�คัญ ประสบการณ์การเป็นอาสาสมัคร ข้อมูลด้านสุขภาพ และข้อมูลประกันภัยต่าง ๆ ซ่ึงจะบอก ถึงข้อมูลส่วนบุคคล ความถนัด และความสามารถด้านต่าง ๆ (ดูตัวอย่างแบบฟอร์มในภาคผนวก) นอกจากนี้ หลาย ๆ องคก์ รหรือหนว่ ยงานมักจะมขี ้อตกลงเกย่ี วกับอาสาสมคั ร จึงควรใส่รายละเอยี ด ข้อตกลงเหล่านี้ไว้ในใบสมัคร เพื่อให้อาสาสมัครลงนามรับทราบและยินยอมปฏิบัติงานตามข้ันตอน ของหน่วยงานท่ีดูแลสถานการณ์ภัยพิบัติในพื้นท่ีน้ัน ๆ ด้วย ในข้ันตอนการสมัครนี้ นอกจากการ พจิ ารณาใบสมัครแลว้ ควรมีการสมั ภาษณ์ เพอ่ื ให้ทราบความถนดั ทีแ่ ทจ้ รงิ และความเหมาะสมของ อาสาสมัครในการทำ�งาน ทัง้ ยังช่วยใหท้ ราบทัศนคติของอาสาสมคั รทต่ี อ้ งการเขา้ มาทำ�งานดว้ ย 4.2.3 การปฐมนเิ ทศ เป็นการเตรียมความพร้อมอาสาสมัครก่อนทำ�งานในสถานการณ์จริง โดยเร่ิมจากให้อาสาสมัคร แนะนำ�ตัวเอง เพ่ือให้ทุกคนรู้จักกันและกัน ผู้ประสานงานศูนย์ควรมีการแนะนำ�ศูนย์อาสาสมัคร พร้อมท้ังรายงานสถานการณ์ภัยพิบัติ พร้อมข้อมูลในพื้นที่ โดยเริ่มจากภาพรวม จนถึงสถานการณ์ จำ�เพาะในพ้ืนท่ีที่จะทำ�งาน และควรให้ข้อมูลรายงานสิ่งท่ีได้ดำ�เนินการไปแล้ว ที่สำ�คัญคือก่อนท่ี จะเร่ิมปฏิบัติงานอาสาสมัคร ควรชี้แจงเป้าหมายและภารกิจของอาสาสมัครในรุ่นน้ัน ๆ ว่าจะต้อง ดำ�เนินกิจกรรมอะไร เพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่สับสนขณะปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ควรมีราย ละเอียดข้อมูลสภาพพ้ืนที่ที่จะเข้าทำ�งาน และสภาพท่ีพักอาศัย อาหารการกิน การอยู่ ซ่ึงข้อมูล เหล่าน้ีจะเป็นประโยชน์สำ�หรับอาสาสมัครในการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน และ จะสามารถประเมินระยะเวลาและความพร้อมของตนในการทำ�งานด้วย ทั้งนี้ ยังควรแจ้งสิ่งที่ ต้องเตรียมติดตัวไปด้วย เชน่ ยาประจ�ำ ตวั ไฟฉาย รองเทา้ ถุงมอื ฯลฯ พร้อมท้งั กฎส่งิ ท่ีควรท�ำ และ ไมค่ วรท�ำ ในระหวา่ งท�ำ งานอาสาสมัคร 4.2.4 การปฏบิ ัติหนา้ ท่ี อาสาสมคั รควรท�ำ ความเข้าใจกับข้อควรค�ำ นงึ และพึงปฏิบตั ใิ นการออกปฏบิ ัติหนา้ ที่ ดงั นี้ 1. ต้องค�ำ นงึ ถงึ ความปลอดภัยของตวั อาสาสมัครเองเสมอ 2. หลีกเลีย่ งในการสร้างหรือมสี ว่ นรว่ มกบั ความขดั แยง้ ในชุมชน เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สูตรการบรหิ ารจดั การความเสยี่ งดา้ นอทุ กภัยอย่างบูรณาการ 171

บทท่ี 4 3. การใช้ทรพั ยากรให้คมุ้ ค่า 4. ระยะเวลาการทำ�งานใหพ้ อดี 5. รักษาสขุ อนามยั เช่น น้ำ�ดมื่ ควรพกไปใหพ้ อดกี บั ระยะเวลาท่จี ะปฏบิ ัตงิ าน 4.2.5 การประเมนิ และชน่ื ชมการท�ำ งาน เม่ืออาสาสมัครได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ประสานงานอาสาสมัครหรือผู้ จัดการศูนย์ประสานงาน ควรมีการประเมินการทำ�งานและทบทวนปัญหาอุปสรรคท่ีพบ เพ่ือให้ สามารถประสานงานกับผู้ทป่ี ฏิบตั ิหนา้ ทตี่ อ่ จากอาสาสมคั รคนดังกลา่ วไดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่องและเรียบรอ้ ย นอกจากนี้ เพื่อเป็นขวัญกำ�ลังใจแก่อาสาสมัครควรมีการขอบคุณและชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่ใน ทุก ๆ ครั้ง เอกสารอ้างอิง กระทรวงพัฒนาสงั คมและความมั่นคงของมนษุ ย์ (ม.ป.ป.).ปฏิญญาอาสาสมคั รไทย เครือข่ายจิตอาสา (พ.ศ. 2555) คู่มืออาสาสมัครในสถานการณ์ภัยพิบัติ “อาสาสมัครสู้ไหว เมื่อ ภัยพิบัติมา” สืบค้นเมื่อ 8 สิงหาคม 2556 จาก http://www.volunteerspirit.org/ files/volunteer_handbook.pdf เครือข่ายจิตอาสา (พ.ศ. 2555) . บทบาทเยาวชนคนรนุ่ ใหม่กบั งานอาสาสมัครในสังคมไทย. สืบค้นเมอ่ื 8 สิงหาคม 2556. จาก http://www.gvc.tu.ac.th/th/index/ppt%20 13-7-55/ อ.นันทินี_เครือข่ายจิตอาสา.pdf. พสิ ันติ์ ประทานชวโน (พ.ศ. 2554).อาสาสมัครกับการพฒั นา. สบื ค้นเม่อื 13 พฤศจิกายน 2555. http://www.prcdd.cdd.go.th/powerpoint/present8.pdf มูลนิธกิ ระจกเงา (ม.ป.ป.). คู่มือการจดั ต้งั ศูนยป์ ระสานงานอาสาสมัคร. กรงุ เทพมหานคร Charities Aid Foundation (2011). World Giving Index 2011: A global view of giving trends. Fernandez, L. S., (2008). Volunteer Management System Design and Analysis for Disaster Response and Recovery: Available at (http://www.academia. edu/549376/Volunteer_management_system_design_and_analysis_for_ disaster_response_and_recovery) 172 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการบริหารจัดการความเสย่ี งด้านอุทกภัยอยา่ งบรู ณาการ

Volunteer Center Serving Howard County (2009). Disaster Volunteer Management. Available at http://www.slideshare.net/VolunteerHoward/disaster-volunteer-management We Partner (2011). Wisconsin Emergency Volunteer Management Project. บรรณานกุ รม Hand on Network. Top 15 Things to Know When Managing Volunteer Times of Disaster. Available at: http://www.handsonnetwork.org/files/top_15_ things_to_know.pdf United States Department of Labor (n.d.). Incident Command System e-tool. Available at: http://www.osha.gov/SLTC/etools/ics/vol_cord.html. Accessed 8th August 2013 บท ่ีท 4 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสตู รการบรหิ ารจดั การความเสีย่ งดา้ นอทุ กภยั อย่างบรู ณาการ 173

ภาคผนวก ตัวอยา่ งใบสมัครอาสาสมัครในภาวะภยั พบิ ัติ ขอใหท้ ่านกรอกข้อมลู ให้ครบถว้ น ขอ้ มูลส่วนบุคคล: ชอ่ื (นาย/นาง/นางสาว) _________________________ นามสกุล ___________________________ อายุ ____________ วนั เกิด____________________________ เพศ ________________ อาชพี __________________________________ ทีอ่ ยู่ ______________________________________________จงั หวดั ____________ รหสั ไปรษณยี ์ ______________ อเี มล _________________________ เบอร์โทรศัพท์มือถอื __________________ เบอร์บ้าน ______________________ ข้อจำ�กดั หรือปัญหาด้านสุขภาพ (โปรดระบ)ุ _____________________________________________________________ เปน็ สมาชิกกลุ่มอาสาสมคั รใดหรอื ไม่ 1. ใช่ ____ (โปรดระบุ ________________________________ ) 2. ไม่ใช่ ________ ผูท้ ี่สามารถติดต่อไดใ้ นกรณฉี ุกเฉิน _____________________________________ เบอร์โทร_______________________ ทักษะและศักยภาพ: โปรดระบุทักษะและศกั ยภาพของทา่ นตามจรงิ (และโปรดพลิกดดู า้ นหลัง) การบรกิ าร การสือ่ สาร ฝ่ายสนบั สนุน ____ ท�ำ อาหาร ____ วทิ ยสุ มคั รเลน่ ____ เสมยี น ดูแลเอกสาร ____ ดแู ลผู้ปว่ ยและคนพิการ ____ Hotline Operator ____ ทกั ษะการรับโทรศัพท์ ____ ดแู ลเด็ก ____ มโี ทรศพั ทม์ อื ถือ ____ การปอ้ นข้อมลู ​(Softwareท่ใี ช้เปน็ : _ บทท่ี 4 ____ สงั คมสงเคราะห์ ____ การประชาสัมพันธ์ ____ กูช้ พี กภู ยั ____ ออกแบบเว๊ปไซต์ ___________________________) ____ เครื่องจักรกล ____ การพูดในท่ชี ุมชน การขับขีย่ านพาหนะ ____ ควบคมุ การจราจร ____ การบรหิ ารจัดการ ____ รถยนต์ ____ ดูแลความปลอดภัย ____ การสัมภาษณ์ ____ รถตู้ ____ การชว่ ยเหลอื สตั ว์ ____ การตอ้ นรบั ____ รถบรรทกุ และรถท่ีมขี นาดใหญ่ ____ ดแู ลสัตว/์ ขนย้ายสตั ว์ ____ รถ 4 WD ____ ปศุสตั ว์ แรงงาน ____ เจ้าของรถบรรทุก (ประเภท:_______) ____ ผู้ส่งข่าว ____ การยกและขนสิ่งของ ____ เจ้าของเรอื (ประเภท:____________, ____ การแยกประเภทและการบรรจุภัณฑ์ ดา้ นการแพทย์ ____ ท�ำ ความสะอาด ขนาดบรรจุ ___________________) ____ แพทย์ (สาขาเฉพาะทาง __________) ____ การใช้เคร่ืองมือต่าง เชน่ รถ. Forklift ____ ใบขับข่ีรถสาธารณะ ____ พยาบาล (สาขาเฉพาะทาง ________) (ระบุประเภทเคร่ืองมือ: _________ ) สามารถสนบั สนุนเคร่ืองมอื : ____ มใี บประกาศด้านการแพทยฉ์ กุ เฉิน ____ มปี ระสบการณเ์ ป็น Supervisor ____ รถตกั ชนดิ เทหน้า ____ รูว้ ิธกี ารทำ� CPR ____ เลื่อย ____ การใหค้ �ำ ปรึกษาดา้ นจิตวิทยา งานก่อสร้าง ____ เคร่ืองปั่นไฟ ____ สัตวแพทย์ ____ ผรู้ บั เหมา ____ อืน่ ๆ (ระบุ ___________________) ____ สัตวบาล ____ ประเมินความเสยี หาย สามารถสนบั สนนุ อปุ กรณแ์ ละสถานทจ่ี ดั เกบ็ ____ อื่นๆ (ระบุ ____________________) ____ งานโครงสรา้ งเหลก็ โปรดระบุรายละเอยี ด __________________ ____ งานไม้ ___________________________________ ภาษา ____ งานกอ่ อิฐ ___________________________________ ____ ภาษาไทย ____ งานประปา ___________________________________ ____ ภาษาองั กฤษ ____ งานไฟฟา้ ___________________________________ ____ อืน่ ๆ (ระบุ __________________ ) ____ วางหลังคา 174 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสตู รการบริหารจัดการความเส่ยี งด้านอทุ กภยั อย่างบรู ณาการ

ความสามารถอื่นๆ ทักษะพิเศษตา่ งๆ เช่น แรงงานฝมี อื , การฝึกอบรมเรื่องการตอบโตต้ อ่ ภัยพิบัติ: _______________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ทา่ นสามารถท�ำ งานไดใ้ นช่วงเวลาใด วันท:่ี ____________________________________________________ ช่วงเวลา: (เช้า / บ่าย) _______________________________________ อ่ืนๆ (โปรดระบุ __________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________) วนั ทส่ี มัคร: ____________________________________________________ ที่มา: แปลและดดั แปลงจาก http://we-partner.org บท ่ีท 4 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลกั สูตรการบรหิ ารจัดการความเสย่ี งดา้ นอทุ กภัยอย่างบรู ณาการ 175

บทท่ี 4 จดบันทึก 176 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการบรหิ ารจัดการความเส่ยี งดา้ นอุทกภยั อยา่ งบูรณาการ

จดบันทึก บท ่ีท 4 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสูตรการบรหิ ารจัดการความเสีย่ งดา้ นอุทกภัยอย่างบรู ณาการ 177

บทท่ี 4 ท่มี า: นางสาววรฎิ ฐา วรรณทอง, พ.ศ. 2554 178 เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสตู รการบริหารจัดการความเส่ยี งด้านอุทกภัยอย่างบูรณาการ

บทที่ 5 บท ่ีท 5 การบรหิ ารจัดการการฟื้นฟูหลังอทุ กภัย (Post-Flood Recovery Management) เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลกั สูตรการบรหิ ารจดั การความเส่ียงดา้ นอุทกภัยอย่างบูรณาการ 179

บทท่ี 5 วัตถุประสงค์: • เพอ่ื ให้มีความเขา้ ใจเกีย่ วกบั แนวทางการท�ำ งานด้านการฟนื้ ฟูหลังภยั พบิ ัตอิ ยา่ งถกู ต้อง • เพื่อสรา้ งความเขา้ ใจเก่ยี วกับแนวคดิ และองคป์ ระกอบท่ีสำ�คญั ในการวางแผนการฟ้นื ฟู ทงั้ ในระยะสัน้ และระยะยาว • เพ่ือเขา้ ใจกระบวนการการประเมินความตอ้ งการหลังภยั พิบัติอย่างถกู ตอ้ ง • เพอ่ื ทราบถงึ ความส�ำ คญั ของการประกนั อทุ กภยั และความเสย่ี งทางการเงนิ เพอ่ื ใชใ้ นการฟน้ื ฟู เป้าหมายการเรียนรู้ • ผเู้ รยี นสามารถอธิบายกระบวนการและขั้นตอนของการฟนื้ ฟูได้ • ทราบถึงข้อควรคำ�นึงในการทำ�การประเมินความต้องการหลังภัยพิบัติ (Post Disaster Need Assessment) • สามารถน�ำ ผลการประเมนิ ความตอ้ งการภายหลงั ภัยพบิ ัตไิ ปปรบั ใช้กบั กระบวนการวางแผน ฟน้ื ฟูเพอื่ ให้การบรหิ ารจดั การและการฟ้นื ฟูหลงั อุทกภยั เปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ • สามารถอธิบายความสำ�คัญและรูปแบบของการประกันอุทกภัยและความเสี่ยงทางเงินเพื่อ ใช้ในกระบวนการฟื้นฟูได้ กรอบเน้อื หา บทที่ 5 สว่ นท่ี 1 การประเมนิ ความตอ้ งการและการวางแผนฟนื้ ฟูภายหลงั เหตกุ ารณ์ภยั พบิ ตั ิ (Post Disaster Need Assessment and Recovery Planning) บทท่ี 5 ส่วนที่ 2 การประกนั ภัยและการบริหารความเสี่ยงด้านการเงนิ อนั เน่อื งมาจากอุทกภัย (Flood Insurance and Flood Risk Financing) 180 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการบริหารจดั การความเสี่ยงดา้ นอทุ กภยั อยา่ งบรู ณาการ

บทท่ี 5 ส่วนท่ี 1 การประเมินความตอ้ งการและการวางแผนฟน้ื ฟูภายหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติ (Post Disaster Need Assessment and Recovery Planning) ฐติ ิพร สินสุพรรณ ผู้จัดการโครงการ ศนู ย์เตรียมความพร้อมปอ้ งกนั ภัยพบิ ตั แิ หง่ เอเชยี 1. ความเปน็ มา บท ่ีท 5 หลกั การในการประเมินความเสียหาย (Damage) ความสญู เสยี (Loss) และความต้องการ (Needs) หลังจากเกิดภัยพิบัติ ถูกพัฒนาขึ้นในภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริเบียน โดยคณะกรรมาธิการ เศรษฐกจิ แห่งลาตินอเมรกิ าและแคริบเบยี น (United Nations Economic Commission for Latin American and the Caribbean: ECLAC) ในชว่ งปี พ.ศ. 2515 และถูกพัฒนาปรับปรงุ อยา่ งต่อเนื่อง เรื่อยมาจนได้รับการยอมรับ และได้นำ�มาปรับใช้เป็นเครื่องมือในการประมาณการผลกระทบที่เกิด ขึ้นจากภัยพิบัติ รวมทั้งใช้ในการประเมินทรัพยากรทางการเงินการคลังที่จำ�เป็นในการฟื้นฟูประเทศ ภายหลงั เหตุการณ์ภยั พิบตั ิ นอกจากนี้ หลักการน้ียงั ชว่ ยประมาณการผลกระทบทางดา้ นเศรษฐกจิ และ สงั คม รวมถึงผลกระทบต่อสินทรัพยต์ า่ ง ๆ ในภาคส่วนต่าง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง และใหค้ วามส�ำ คญั กบั แนวคิด “การสรา้ งคืนใหมใ่ ห้ดกี วา่ เดมิ (Build Back Better)” ในการฟืน้ ฟภู ายหลงั การเกิดภัยพิบัติ ซง่ึ ต่อมา ธนาคารโลกได้รบั เอาหลกั การดังกลา่ วมาปรับใช้ในการประเมนิ ความต้องการภายหลงั เหตุการณ์ภยั พบิ ตั ิ (Post-Disaster Needs Assessment: PDNA) เพ่อื ก�ำ หนดเปน็ กรอบนโยบายในการฟ้นื ฟู (Recovery Framework) และใช้ในการประมาณการงบประมาณที่จำ�เป็นสำ�หรับประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก ภัยพิบัติขนาดใหญ่ทั่วโลก (The Word Bank, 2010) การประเมินความต้องการและการฟืน้ ฟภู ายหลังการเกิดภัยพบิ ตั ิ เปน็ การประมาณการความเสยี หาย ของสนิ ทรพั ย์ทางกายภาพและสาธารณปู โภคท่ีไดร้ บั ผลกระทบจากภัยพบิ ตั ขิ นาดใหญ่ระดบั ชาติ และ ความสูญเสียทางดา้ นเศรษฐกิจทเี่ ปน็ ผลตามมา รวมท้ังเปน็ การประเมินมิตทิ างดา้ นสังคม โดยเฉพาะ ความต้องการในการฟน้ื ฟูระดับชุมชนและภาคส่วน/สาขาการผลติ (Sector) ทเ่ี ก่ียวข้องตา่ ง ๆ ทงั้ น้ี ขอบเขตของแผนงานและกระบวนการเพือ่ การฟน้ื ฟู นอกจากจะขนึ้ อยกู่ ับความเสยี หาย ความสูญเสยี และความตอ้ งการแลว้ ยังต้องค�ำ นึงถึงทรัพยากรท่ีมอี ยู่ ตลอดจนยทุ ธศาสตรส์ ำ�คญั ในการฟื้นฟรู ะดับ ชาติ ซงึ่ อาจน�ำ ไปสู่การตดั สินใจในการสร้างคืนใหม่ใหด้ ีกวา่ เดมิ (ECLAC, 2009) เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สูตรการบริหารจดั การความเส่ียงด้านอุทกภยั อย่างบูรณาการ 181

บทท่ี 5 การประเมินความตอ้ งการและการฟน้ื ฟหู ลงั เกิดภัยพบิ ตั ิ เป็นการดำ�เนนิ การร่วมกนั ของผมู้ สี ่วนเกี่ยวข้อง ต่าง ๆ ซึง่ มีรฐั บาลของประเทศทไ่ี ด้รับผลกระทบจากภัยพิบตั ิเป็นผนู้ �ำ และมสี หภาพยโุ รป องคก์ าร สหประชาชาติ ธนาคารโลก รวมถึงองคก์ รผู้ใหท้ ุนตา่ ง ๆ เปน็ ผู้ให้การสนบั สนนุ 2. แนวคิดและนยิ าม 2.1 การประเมนิ ความตอ้ งการภายหลงั เหตุการณภ์ ัยพบิ ตั ิ (PDNA) ดงั ทไ่ี ดอ้ ธบิ ายไว้แลว้ ขา้ งตน้ การประเมนิ ความตอ้ งการภายหลังเหตกุ ารณภ์ ยั พบิ ตั ิ เป็นกระบวนการท่ี ดำ�เนนิ การโดยภาครฐั เพ่ือนำ�ไปสู่การวางแผนยทุ ธศาสตร์เพื่อการฟ้นื ฟูก่อสรา้ งคนื ใหม่ของประเทศ โดย อาศัยขอ้ มูลจากการวเิ คราะห์อย่างนอ้ ย 2 ด้าน ได้แก่ 1. การประเมนิ มลู คา่ ความเสยี หายและความสูญเสยี (Damage and Loss Assessment: DaLA) ซ่ึงเปน็ การวเิ คราะหผ์ ลกระทบจากภัยพบิ ตั ติ ่อเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ ข้อมูลดังกลา่ วจะ ถกู นำ�ไปใช้ในการประมาณการก่อสร้างคนื ใหม่ของสิ่งก่อสร้างทางกายภาพทเี่ สยี หายไป และ เพ่อื การฟ้ืนฟจู ากความสญู เสียทางเศรษฐกิจ 2. การวิเคราะหผ์ ลกระทบทางสังคมและผลกระทบที่มตี ่อประชาชน เปน็ การประเมนิ ผลกระทบ ของภัยพบิ ัตติ ่อการพฒั นา หรือเรียกอกี อยา่ งหนึ่งวา่ “การประเมนิ ความต้องการของมนษุ ยด์ า้ น การฟนื้ ฟู (Human Recovery Needs Assessment: HRNA)” คือการประเมนิ ความตอ้ งการ ของประชาชนและชุมชนเพอื่ ใหส้ ามารถวางกรอบนโยบายในการฟ้นื ฟสู ร้างคนื ใหม่ได้อย่าง เหมาะสมและเปน็ ทีย่ อมรับ (ECLAC, 2009) สามารถกลา่ วไดว้ ่า การประเมนิ ความเสียหายและความสญู เสยี (DaLA) เป็นการประมาณการเชงิ ปริมาณ ว่า “เกิดผลกระทบอะไรข้ึน” จากขอ้ มลู ทตุ ิยภูมทิ ีร่ ฐั บาลสามารถรวบรวมไดแ้ ละยืนยนั จากการ ลงเกบ็ ข้อมูลในพนื้ ที่ประสบภัย สว่ นการประเมนิ ความตอ้ งการของมนษุ ย์ดา้ นการฟน้ื ฟู (HRNA) เป็นการ ประมาณการเชิงคุณภาพจากการลงเก็บข้อมูลปฐมภมู ิในพื้นท่ีดา้ นความคดิ เหน็ ของประชาชนและชมุ ชน ว่า จะตอ้ ง “ท�ำ อยา่ งไร” เพอื่ ให้สามารถวางนโยบายในการฟ้นื ฟูให้เปน็ ท่ียอมรับ ซงึ่ เมอ่ื รวมการประเมิน ทัง้ 2 ด้านเข้าด้วยกันแล้ว จะท�ำ ให้ทราบวา่ “ทำ�ไม” ภยั พบิ ตั จิ ึงเกดิ ขน้ึ และ “จะท�ำ อยา่ งไร” จงึ จะ สามารถลดผลกระทบลงไดห้ ากเกดิ ภยั ขึ้นอกี ในอนาคต (ECLAC, 2009) 2.2 ความเสยี หายและความสญู เสีย (Damages and Losses) เมอ่ื ภยั พบิ ตั เิ กดิ ขน้ึ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ “ความเสยี หาย” ซง่ึ เปน็ ผลกระทบจากภยั พบิ ตั ดิ า้ นสนิ ทรพั ย์ พรอ้ ม ๆ กบั สรา้ ง “ความสูญเสยี ” ซึ่งเป็นผลกระทบจากภัยพิบัติด้านการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ เมื่อรวมเอา ผลกระทบทั้ง 2 ดา้ นเขา้ ดว้ ยกนั จะเปน็ ผลกระทบโดยรวมท่ีเกิดขึน้ ต่อเศรษฐกจิ มหภาค คำ�จำ�กัดความ ของความเสียหายและความสญู เสยี รวมถึงตัวอยา่ ง ได้แสดงไวใ้ นตารางที่ 5.1.1 182 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการบรหิ ารจดั การความเสยี่ งด้านอทุ กภยั อย่างบูรณาการ

ตารางที่ 5.1.1 ความเสยี หายและความสญู เสยี (ECLAC, 2009) ความเสียหาย (Damages) ความสูญเสยี (Losses) นยิ าม นยิ าม • สินทรัพย์ทางกายภาพที่ถูกทำ�ลายทั้งหมด • การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจท่ีเปลี่ยนแปลงไป หรือบางส่วน อันรวมถึง อาคารและส่วน อนั เน่อื งมาจากภัยพบิ ตั ิ ประกอบ โครงสร้างพื้นฐาน สินค้าที่เก็บไว้ใน • ความสูญเสีย รวมถึง: คลัง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯ - ผลผลิตที่ไม่สามารถเกิดขึ้นและขายได้และ • ความเสียหายเกิดขึ้น ระหว่างหรือหลังเกิด มผี ลใหเ้ กดิ คา่ ใชจ้ า่ ยทเ่ี พม่ิ ขน้ึ จากกระบวนการ เหตุการณ์ในทันที ผลติ • ความเสียหายถูกวัดในเชิงกายภาพและคิด - มูลค่าต้นทุนการดำ�เนินการต่อหน่วยเพิ่ม ค�ำ นวณดว้ ยมลู คา่ ทดแทนเป็นตัวเงิน ขึน้ และรายไดท้ ่ีลดลง - รายจา่ ยทไ่ี มไ่ ดค้ าดหมาย (เชน่ การชว่ ยเหลอื ทางมนษุ ยธรรม การรอ้ื ถอน และการขนยา้ ย ซากปรกั หกั พงั ) • ความสญู เสยี เกดิ ขนึ้ ต้งั แตช่ ่วงระยะเวลาท่เี กิด ภัยพิบัติจนถึงเมื่อเศรษฐกิจได้รับการฟื้นฟูกลับ มาสู่สภาพปกติและมีการก่อสร้างสินทรัพย์ท่ี เสยี หายคืนใหมเ่ สรจ็ ส้นิ โดยสมบูรณ์ • ความสูญเสีย จะถูกคิดคำ�นวณด้วยมูลค่าใน ปจั จุบนั (Present Value) ตัวอยา่ ง ตัวอย่าง ความเสียหายท่ีเกิดขึ้นกับบ้านเรือนและสินค้า การสูญเสยี ผลผลิตทางการเกษตร ประมง ปศสุ ัตว์ ในครัวเรอื น โรงพยาบาลและโรงเรียน พ้นื ที่ อตุ สาหกรรม พาณิชยกรรม และการทอ่ งเทยี่ ว การเกษตร ระบบชลประทาน ถนน สะพาน มลู คา่ ตน้ ทุนต่อหนว่ ยทเ่ี พ่ิมขนึ้ รายได้ท่ลี ดลงจาก บท ่ีท 5 ทา่ เรอื สนามบนิ ระบบประปา ระบบไฟฟา้ ฯลฯ การจัดหาไฟฟา้ นำ้�ประปาและระบบขนส่ง ฯลฯ การคิดคำ�นวณมูลค่าผลกระทบจากภัยพิบัติที่ผ่านมาโดยมากมักจะประเมินแต่มูลค่าความเสียหาย เพียงเท่านั้น ทงั้ นี้ เน่ืองจากผลกระทบด้านลบต่อการพัฒนาเศรษฐกจิ หรอื ความสญู เสยี จากภยั พิบัติอาจ ทำ�ใหต้ วั เลขการพัฒนาเศรษฐกิจของชาตลิ ดลงและสง่ ผลต่อความน่าเช่อื ถอื ของประเทศ จงึ มกั ไม่เป็นท่ี ยอมรับและถูกละเลย อยา่ งไรก็ดี จะเหน็ ไดว้ ่าการไมใ่ ห้ความส�ำ คัญในการประเมินความสูญเสยี จะท�ำ ให้ การประมาณผลกระทบจากภัยพิบัติมีมูลค่าต่ำ�กว่าความเป็นจริงและทำ�ให้ความต้องการของสังคม ในการฟ้นื ฟถู กู ละเลย ทง้ั นี้ การประเมนิ ความเสยี หายและความสญู เสีย จะไมป่ ระเมนิ มลู ค่าสำ�หรบั ผบู้ าดเจ็บและเสียชีวติ หรอื มลู คา่ ของการสรา้ งบุคลากรทดแทนผบู้ าดเจ็บหรอื เสียชีวติ จากเหตกุ ารณภ์ ัยพิบัติ เอกสารประกอบการฝกึ อบรมหลักสตู รการบรหิ ารจัดการความเสี่ยงดา้ นอทุ กภยั อยา่ งบูรณาการ 183

บทท่ี 5 2.3 ความส�ำ คัญของการประเมินความเสียหายและความสญู เสีย 1. เพอื่ ระบคุ วามตอ้ งการทางการเงนิ ของประเทศส�ำ หรบั การฟืน้ ฟู และการกอ่ สรา้ งคืนใหมท่ าง เศรษฐกจิ 2. เพอ่ื ใหร้ ฐั บาลสามารถจัดลำ�ดับความสำ�คัญในการด�ำ เนนิ มาตรการ เพอ่ื ให้ความชว่ ยเหลอื และ ฟ้ืนฟูในแต่ละพ้นื ท่ี ภาคสว่ น และกลุ่มประชากร บนพื้นฐานของการคาดการณด์ า้ นการผลิตและ การพฒั นาเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังเกดิ ภยั พิบตั ิ 3. เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของรัฐบาลในการออกแบบกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ เพื่อ การฟ้นื ฟูภายหลงั เกิดภยั และก�ำ หนดความตอ้ งการในความชว่ ยเหลอื หรือความรว่ มมอื จากต่าง ประเทศ 4. เพื่อจัดเตรียมรากฐานสำ�หรับการติดตามความก้าวหน้าในการดำ�เนินโครงการฟื้นฟู และการ สรา้ งคืนใหมภ่ ายหลงั เกดิ ภัย 5. เพือ่ จดั เตรยี มแนวทางสำ�หรับแผนการการลดความเสี่ยงก่อนเกดิ ภยั ในระยะยาว 3. วธิ กี ารประเมินและการนำ�ไปใช้ การประเมนิ ความเสยี หายและความสูญเสียภายหลังเหตุการณ์ภัยพิบตั ิ มคี วามจ�ำ เป็นเพื่อให้สามารถ ประมาณการความต้องการทางการเงินในการฟ้นื ฟูสรา้ งคนื ใหม่ โดยมีการพิจารณาผลกระทบต่อภาค สว่ น/สาขาการผลติ ตา่ ง ๆ พนื้ ท่แี ละอาณาเขตทเี่ กิดภัย และประชากรกลมุ่ ตา่ ง ๆ ท่ไี ด้รับผลกระทบ เพอ่ื ให้รฐั บาลสามารถน�ำ มาวางแผนนโยบายเพื่อการฟน้ื ฟูอยา่ งเหมาะสมตอ่ ไป 3.1 ขัน้ ตอนการประเมนิ การประเมนิ ความเสยี หายและความสูญเสยี มขี ้นั ตอนดงั นี้ 3.1.1 การเตรยี มข้อมูลพนื้ ฐาน (Baseline Data) ขอ้ มูลพืน้ ฐานทจี่ �ำ เปน็ มี 2 ประเภท ได้แก่ 1. ขอ้ มูลทรพั ย์สนิ ทางกายภาพในพื้นที่ประสบภยั ก่อนเกดิ ภัยพิบัติ โดยหากหาข้อมลู ในพนื้ ท่ไี ม่ ได้ อาจใชข้ อ้ มูลท่มี ีในพนื้ ทใี่ กล้เคยี งซึง่ มลี ักษณะทางเศรษฐกิจและสงั คมคลา้ ยคลึงกันแทน ตัวอยา่ งประเภทขอ้ มลู ไดแ้ ก่ จ�ำ นวนและประเภทของบา้ นเรอื น จำ�นวนและประเภทของ โรงเรียน จ�ำ นวนและประเภทของระบบบริการสาธารณสุข พื้นท่ีเกษตรกรรม จ�ำ นวนและ ขนาดของอุตสาหกรรม จ�ำ นวนและรปู แบบของระบบประปาและสขุ าภิบาล จำ�นวนและ กำ�ลงั การผลิตของระบบ/เครอื ข่ายไฟฟ้า ความยาวและประเภทของถนน จำ�นวนและความ สามารถในการให้บรกิ ารของสนามบนิ ฯลฯ 2. ข้อมูลด้านการผลติ และการค้าในพ้นื ที่ประสบภยั ก่อนเกิดภัยพบิ ัติ โดยเฉพาะคาดการณ์การ ผลิตและจ�ำ หนา่ ย ตัวอย่างประเภทข้อมูลพ้นื ฐานจากภาคสว่ นต่าง ๆ ได้แก่ ปฏทิ นิ การเพาะ ปลกู และการใหผ้ ลผลิตทางการเกษตร (พชื ล้มลกุ และพืชยนื ตน้ ) คาดการณ์ปรมิ าณและ 184 เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการบริหารจดั การความเส่ยี งด้านอุทกภัยอย่างบรู ณาการ