Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore One Moment เปลี่ยนชีวิต

One Moment เปลี่ยนชีวิต

Description: One Moment เปลี่ยนชีวิต

Search

Read the Text Version

แสงกลางใจ เราทุกคนคล้ายมีวันเกิด อยู่ 2 วัน วันท่ีเกิดเป็นคน และ วนั ทเี่ กดิ เปน็ มนุษย์ วนั ทเี่ ราไดเ้ กิดเปน็ คน กค็ อื วันที่เราเกดิ มาบนโลก แต่วันที่ เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นวันท่ีและโมงยามท่ีเจ้าของชีวิตก็ไม่ อาจลว่ งรไู้ ด้ หลายคนเกดิ มาเป็นคนโดยพลาดจากการได้ ‘ตน่ื ’ เปน็ มนุษย์ท้งั ๆ ทส่ี ิทธนิ ้ลี ้วนมอี ย่แู ลว้ ในคนทกุ คน ในวินาทหี ลังจากการต่นื เขาจะค่อยๆ กลบั มาสโู่ หมดปกติ ของความคดิ และความเชอื่ อกี ครงั้ แตท่ วา่ สง่ิ ทต่ี า่ งไปคอื ความ คิดและความเช่ือของเขา จะไม่ได้เป็นลูกหลานของความกลัว อกี ต่อไป การ ‘ตนื่ ’ เปน็ แสงสว่างท่จี ะนำ� ทางและชว่ ยให้รอดพ้นภัย จากมหาคลื่นสึนามิแห่งความไม่รู้ ปลุกปลอบให้ไม่หวาดหว่ัน กบั บางสง่ิ ทยี่ งั ไมร่ ขู้ องตนเอง เปน็ ขวญั ใหห้ าญกลา้ ทจ่ี ะกา้ วขา้ ม ความกลวั ทย่ี งั เหลอื อยู่ เปน็ แสงทป่ี ลกุ จากหว้ งความหลง ใหเ้ รา ไดต้ ืน่ พบกบั อิสรภาพ มองเหน็ ทงั้ ความสขุ ความธรรมดา ความจรงิ ทยี่ งิ่ ใหญ่ และ ความเปน็ หน่งึ เดียวกัน — 151 —

รูเ้ พื่อเลิก วงจรทุกข์ — 152 —

นพ.พลวิช กล้าหาญ “ความรสู้ กึ ทสี่ ำ� คญั คอื ‘ทกุ ข’์ แตท่ กุ ขไ์ มค่ วรเปน็ สง่ิ ทคี่ นสว่ นใหญร่ งั เกยี จ หรอื หลีกหนี เพราะน่นั คอื จุดเรมิ่ ตน้ คอื ขอ้ ท่ี 1 ของหลัก ‘อริยสจั ’ ” คอื ความเหน็ ของ นายแพทยพ์ ลวิช กล้าหาญ อายุ 50 ปี ผู้เช่ยี วชาญ ดา้ นการแพทยอ์ งคร์ วมและการแพทยโ์ ฮมโิ อพาธยี ์ (Homeopathy) ศาสตรก์ าร แพทยพ์ นื้ บา้ นชนิดหนึ่งของยโุ รปอายุกว่า 200 ปี ศาสตร์ทเี่ ช่ือใน ‘พลังชีวติ ’ ทีว่ า่ ‘ร่างกายสิ่งมชี ีวติ ทกุ ชนิดมคี วามสามารถในการรกั ษาเยยี วยาตนเอง’ — 153 —

นายแพทยพ์ ลวชิ ใชก้ ารแพทยท์ างเลอื กรว่ มกบั สตสิ มาธเิ พอื่ การต่นื ร้แู ละยกระดับจิต “เวลาที่ความคิดหลงทาง เวลาท่ีเหน็ดเหน่ือย จิตจะสร้าง เร่ืองราวให้เราได้พบเจอเร่ืองราวต่างๆ ตามความเชื่อนั้น การ ตื่นรู้จะท�ำให้มองเห็นความธรรมดาของส่ิงต่างๆ และมีความ สามารถจะปลอ่ ยสิง่ เหลา่ นั้นให้เป็นไปตามธรรมชาติเดมิ “เราตน่ื รเู้ พอื่ ออกจากวงจรความทกุ ขแ์ บบเดมิ และหมนุ วน อยู่ซ�้ำแล้วซ้�ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นความสุข-ทุกข์ คาดหวัง-สมหวัง- ผิดหวัง เกิด-ตาย” และการเขา้ ใจความหมายการ ‘ตนื่ ’ เพอื่ ‘ร’ู้ ของนายแพทย์ พลวชิ ชว่ ยตอบค�ำถามและเข้าใจกระบวนการภายในที่วา่ “เขา้ ใจกระบวนการตระหนักรู้ เพ่ือเลกิ วงจรความทุกข์ เลิก เหนอ่ื ยกบั สิ่งเหล่านน้ั ” การเปลยี่ นแปลงทเ่ี หน็ ซงึ่ หนา้ จากการเปลย่ี นแปลงภายใน คืออะไร ชีวิตหลังการตระหนักรู้น้ันเบาสบายขึ้นและท�ำให้เรามอง โลกไมเ่ หมอื นเดมิ คอื เหน็ จรงิ ตามทมี่ นั เปน็ และเหน็ อยา่ งทเี่ มอื่ กอ่ นไมเ่ คยเหน็ ทผ่ี มเหน็ เปน็ รปู ธรรมคอื คนรอบตวั เปลย่ี นแปลง — 154 —

การงานดีขน้ึ มีความสุขสงบในชีวติ มากข้ึน ความทุกข์ทางใจลด ลง ความทกุ ขท์ างกายอยา่ งการเจบ็ ปว่ ยกล็ ดลงเพราะจติ ใจและ รา่ งกายไมถ่ กู บบี ค้นั ด้วยความหวงั ความทุกข์ ความเหนื่อย จะ ร้สู ึกวา่ ทกุ ปญั หามที างออก นอกจากนี้ยังมีความก้าวหน้าในธรรม เริงร่าในธรรม เห็น จริงในธรรมตามทพี่ ระพุทธองคไ์ ด้สอนไว้ ไดพ้ บคุณค่าของการ มาเกดิ การดำ� รงอยู่ เมอ่ื ตอ้ งจากไปกไ็ ม่หวาดหวัน่ การคน้ พบแบบไหนหรอื ครง้ั ใด ทร่ี สู้ กึ ถงึ การเปลย่ี นแปลง ทสี่ ดุ การต่ืนคร้ังแรก-พบว่าความคิดไม่ใช่เรา ครั้งที่สอง-จิตรู้ว่า อารมณต์ า่ งๆ กไ็ มใ่ ชเ่ รา ครง้ั ทสี่ าม-พบวา่ จติ ไมใ่ ชเ่ รา แตจ่ ติ เปน็ ธรรมชาตเิ ดมิ ของจกั รวาลน้ี และเราเปน็ สติ ทไ่ี ดเ้ หน็ จติ อารมณ์ ความคิด และธรรมตา่ งๆ เกิดดบั ไปตามเหตปุ จั จยั เราเป็นแค่สติปัจจุบัน ก�ำกับจิตให้อยู่กับปัจจุบันให้เรียนรู้ ตามจรงิ ในปจั จบุ นั โดยตวั จติ เอง จติ ขดั เกลาความหลงผดิ ดว้ ยตวั จิตเอง จิตเหน็ ไตรลกั ษณด์ ว้ ยตัวจิตเอง จติ เป็นอิสระด้วยตัวจติ เอง จติ เรยี นรู้จนหมดความอยากด้วยตัวจติ เอง จิตเขา้ ใจความ เปน็ ธรรมดาด้วยจติ เอง — 155 —

หากไม่เคยผ่านประสบการณ์การตื่นรู้หรือการศึกษาชีวิต ภายใน วนั นจี้ ะมีชวี ติ แบบใด อยูใ่ นจดุ ไหน คงยงั ใชช้ วี ติ ตามความคิดที่เชือ่ ว่าดี คงยงั เหนื่อยมาก ทกุ ข์ มาก และดิ้นรนเพ่ือประสบความส�ำเร็จตามที่เคยคิดเชื่อ และ อาจยงั ใชช้ วี ติ ไปตามความรสู้ กึ ซงึ่ นน่ั ตอ้ งใชค้ วามพยายามอยา่ ง มากเพ่ือรักษาความรู้สึกดีๆ นั้นไว้ให้คงอยู่ และยังต้องว่ิงหนี ความรู้สกึ ไมด่ ีเพราะคิดวา่ ความรู้สึกเหล่านน้ั เปน็ ตัวเรา หมายความวา่ เราจะเชอ่ื วา่ จติ เปน็ เรา จติ ไปรบั รพู้ ลงั นมิ ติ อดตี อนาคต หรือรับรูค้ วามสามารถอะไรมากท็ กึ ทกั วา่ เป็นตัว เรา คงยงั ไหลไปกับกิเลสวา่ อยากยง่ิ ใหญ่ สุข เด่นดงั รวย และ เอาจักรวาลมาเป็นของเรา อะไรคืออุปสรรคส�ำคัญหรือหลุมพรางท่ีต้องเจอใน ระหว่างทางไปสกู่ ารตื่น และกา้ วข้ามผา่ นไปได้อย่างไร อุปสรรคส�ำหรับการต่ืน คือความคิดความเช่ือ ไหลไปกับ กเิ ลส ไหลไปกบั ความเชอ่ื และความหลง ขอแคต่ ง้ั หลกั ไดแ้ ละไม่ ไหลไปกับกระแสกิเลสของสงั คมได้กเ็ กง่ แลว้ และทกุ ขจ์ ะคอ่ ยๆ เบาบางลง แมก้ ารเตบิ โตภายในเปน็ ประสบการณข์ องแตล่ ะบคุ คล แต่ การต่ืนขึ้นของแต่ละดวงจิตมีผลกระทบต่อจิตดวงอ่ืนที่สัมพันธ์ กนั และจะยิ่งเอ้อื อำ� นวยตอ่ การพฒั นาดวงจติ อืน่ — 156 —

หลายคนคิดวา่ การเขา้ ใจตัวเองเป็นเร่อื งไกลตัว เปน็ เร่ือง ยาก ทา่ นเหน็ ด้วยหรือเห็นต่างอยา่ งไร เครื่องมือที่ส�ำคัญคือสติและความรู้สึกกายใจ ความรู้สึกที่ สำ� คญั คอื ‘ทกุ ข’์ แตท่ กุ ขไ์ มค่ วรเปน็ สง่ิ ทค่ี นสว่ นใหญร่ งั เกยี จหรอื หลีกหนี เพราะน่นั คอื จดุ เริ่มต้น คอื ขอ้ ท่ี 1 ของหลกั ‘อริยสัจ’ เมื่อเราเรียนรู้ธรรมชาติของทุกข์ที่ใจด้วยสัมมาสติ สัมมา สมาธิ สัมมาทิฐิ จะเห็นว่ากายใจน้ีไม่ใช่ของเรา และจะเห็น ‘มรรค’ หรือหนทางดับทุกข์ท่ีเหลืออย่างครบถ้วนพอดี วงล้อ แห่งธรรมจะหมนุ จติ จะเข้าใจอรยิ สัจ ร้ใู น ‘สมทุ ัย’ หรอื เหตแุ หง่ ทกุ ข์ไดด้ ว้ ยตวั จติ เอง — 157 —

กอ่ นโลกสลาย บริหารชีวติ และธุรกจิ ดว้ ยการตน่ื — 158 —

เอกฤทธ์ิ เอกสมิทธ์ จากนกั เรยี นเกา่ โรงเรยี นรงุ่ อรณุ และศกึ ษาตอ่ ในทางบรหิ ารธรุ กจิ เอกฤทธ์ิ เอกสมทิ ธ์ หรอื เจ ได้รับหนา้ ท่ีดแู ลธรุ กิจของทบ่ี ้านต่อจาก คุณพ่อและคุณแม่ ในฐานะ CEO ของบริษทั LOVE Leasing — 159 —

ส�ำหรับชายหนุ่มท่ียังอายุไม่มาก แต่ต้องดูแลธุรกิจมูลค่า หลายร้อยล้านบาท จึงนับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ย่ิงไปกว่านั้น แม้ เขาจะเป็นหน่ึงในคนท่ีอายุน้อยที่สุดส�ำหรับผู้ร่วมแบ่งปัน ประสบการณ์การเรียนรู้และการเติบโตทางจิตวิญญาณใน หนงั สอื เลม่ นี้ แตเ่ ชอื่ เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ คณุ คา่ และประโยชนท์ ผ่ี อู้ า่ น จะไดร้ บั นัน้ ไม่ไดน้ อ้ ยไปตามอายุของเขาเลย ประสบการณเ์ ปล่ียนชีวิต วา่ กนั วา่ ฟ้าจะมดื มดิ ที่สุด กอ่ นจะเรม่ิ สว่าง ผมไมส่ ามารถระบไุ ดว้ า่ จดุ เรม่ิ ตน้ ของการตน่ื คอื วนั ไหน รู้ แต่เพยี งวา่ มนั ซ่อนตัวอยู่ในช่วงปที มี่ ดื มดิ ทส่ี ดุ ในชีวิตผม เสน้ ทางส่กู ารเติบโตภายในของผมคอ่ ยๆ กอ่ ตวั ชดั เจนขนึ้ ชว่ งปี 2557 ประมาณ 3 ปีหลงั จากเขา้ มารบั ภารกิจในการพลิก ฟื้นบริษัท เป็นช่วงเวลาท่ีอาจพูดได้ว่าทุกข์ใจมากที่สุดในชีวิต ขณะน้ัน ผมยังไม่เฉลียวใจว่าสถานการณ์ท่ีไม่ดีนั้นก�ำลังจะน�ำ ให้ผมไดพ้ บกบั ชวี ิตที่ 2 ของตวั เอง เมอ่ื ตอ้ งเขา้ มาทำ� งานในบรษิ ทั ทก่ี ำ� ลงั ประสบภาวะขาดทนุ มายาวนาน มีหนี้สินมากกวา่ สินทรัพย์ ผูค้ นหวาดกลวั และโกรธกันและกัน ทั้งบริษัทเต็มไปด้วยการคดโกง คนดี — 160 —

ท่ียังมีอยู่ไม่กล้าขึ้นมามีบทบาท คนทุศีล คนพาลพบเห็นได้ใน ทกุ ๆ ท่ี รู้ตัวอีกที ผมก็เป็นหนุ่มขี้เหล้าเมายาวัย 28 ปีไปแล้ว ผม เห็นตัวเองใช้ชีวิตในแบบที่ตัวผมเองก็ยังไม่อยากเช่ือ ทุกคร้ังท่ี เห็นตวั เองในกระจก ผมเกลยี ดตัวเอง แตผ่ มกไ็ ม่สามารถบังคับ ตัวเองให้มีพฤตกิ รรมที่ดขี ึ้นได้ ผมด่ืมเหลา้ เกอื บทุกวัน มเี พียง 5 วันจาก 365 วนั ทไ่ี มไ่ ด้ ด่ืม เหตุผลก็คือ ไม่สบายกินไม่ไหว ผมสูบบุหรี่วันละ 2 ซอง ผมมองการพนันเป็นสิ่งที่ท�ำให้หนีจากชีวิตได้ช่ัวคราวไปสู่โลก ของฟุตบอล ผมไมค่ อ่ ยกลับบ้าน และมีเรื่องแย่ๆ อีกมากที่ผม คงไมอ่ ยากพูดถงึ ผมถามตัวเองในบ่ายวันหนึ่งที่ตื่นข้ึนมา เรามาถึงจุดนี้ได้ ยังไงเนี่ย ผมเจอตัวเองอยู่ในสถานที่ปาร์ตี้ท่ีมีสาวสวยนอนอยู่ เกลอ่ื นหอ้ งไปหมด ผมจดุ บหุ รส่ี บู และคดิ ตอ่ ไป “บรษิ ทั ทเี่ ราดแู ล กำ� ลงั จะเจง๊ และเราก็มาอยู่ท่ีนใ่ี นเวลางานของวันจันทร์” ทนั ใด นนั้ มเี สยี งหน่งึ ดงั แทรกเข้ามา “กถ็ ูกต้องแลว้ นี่ จริงๆ แกไมค่ วร ต้องมาเจอเรื่องแบบน้ีเลย ก็ไม่น่าแปลกท่ีจะเป็นแบบน้ี แกแค่ ต้องคลายเครยี ดบ้าง” เสียงของตัวผมเองอกี คนหนึง่ น่ันเอง — 161 —

นั่นเปน็ ครง้ั แรกๆ ท่ี คน 2 คนในตัวผมเริ่มเถียงกนั ผมเดา วา่ น่ันแหละคือจดุ เร่ิมตน้ การโตแ้ ยง้ นน้ั ยงั คงดำ� เนนิ ตอ่ ไปวนั แลว้ วนั เลา่ บางทตี ดิ ตอ่ กนั หลายวนั บางทกี เ็ งยี บหายไปหลายวนั ผมตอ้ งออกจากบา้ น ทกุ ครง้ั เพอ่ื ไปทท่ี ี่ มเี สยี งดงั และมผี คู้ นมากมาย เพราะผมแคไ่ ม่ อยากได้ยนิ เจ้า 2 คนนัน้ เถียงกนั แนน่ อนแมว้ า่ เราจะชว่ ยเจา้ ตวั คดิ ดแี ลว้ แตเ่ จา้ ตวั คดิ ชวั่ ดจู ะ มพี ลงั อำ� นาจทท่ี รงพลงั กวา่ หลายครงั้ เรารตู้ วั อกี ทเี รากก็ ำ� ลงั ทำ� ตามการชักจูงของมันไป (เช่นรู้ตัวอีกทีก็อยู่ระหว่างทางเพ่ือไป กินเหล้าแลว้ ท้ังๆ ท่ีเม่อื เชา้ ตง้ั ใจว่าวนั นีจ้ ะไมก่ นิ ) แลว้ จๆู่ ตากไ็ ปเห็นคำ� ของไอนส์ ไตน์โดยบงั เอญิ ใน Social media เขียนว่า “Insanity: Doing the same thing over and over again and expecting different results” (ความบา้ คอื การท�ำสงิ่ เดมิ ซำ�้ ๆ แต่หวังผลลัพธท์ ีแ่ ตกต่าง) ผมอุทานในใจดังมาก “เฮย้ ...XXXX...นมี่ ันผมเลยนห่ี ว่า” วนั นนั้ ผมเอาประโยคนอี้ อกจากหวั ไมไ่ ด้ ชนดิ ทว่ี า่ ขนาดกนิ เหล้าจนเมาก็ยังคิดถึงค�ำพูดน้ี นอนก็ยังฝันถึงมัน หลายวันต่อ มาผมวนเวยี นคิดเรอื่ งนี้ ผมพจิ ารณาเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา “เราดา่ ทกุ ๆ คน ทงั้ ลกู นอ้ งทไี่ มต่ ง้ั ใจทำ� งาน เราดา่ ผบู้ รหิ าร ทีไ่ ม่รวมใจกันพลกิ ฟน้ื บรษิ ทั เราด่าเจ้านายท่ีเมตตาเกนิ เหตจุ น บริษัทเป็นเช่นน้ี เราด่าระบบธนาคารและระบบอ�ำมาตย์ท่ีเอา — 162 —

เปรียบประชาชน เราด่าไปยันรัฐบาลท่ีท�ำให้เศรษฐกิจไม่ดี ไม่ ช่วยเหลือ แถมยังมาซ้�ำเติมโดยการเก็บภาษี ไม่เห็นเหรอว่า บริษัทฉันจะเจ๊งอยู่แล้ว เราด่าไปยันโลกว่าโลกนี้มันมีแต่สิ่งเลว ร้าย มีแต่คนชอบเอาเปรียบ เราด่าทุกคนว่าเป็นต้นเหตุของ ผลลัพธ์ที่ไม่ดีของเรา... แต่เราเองก็ยังกินเหล้าถึงเช้าเหมือน เดิมทกุ วนั ” ผมเรมิ่ ตลกตัวเองแบบเศร้าๆ แลว้ คิดตอ่ ไปว่า “ดเู หมอื นวา่ เราจะโทษสงิ่ ทเี่ ราไมส่ ามารถควบคมุ ได้ 100% (ลูกน้อง) และส่ิงที่เราไม่สามารถควบคุมได้เลย (รัฐบาล) ...แต่ ‘ส่ิงเดียวที่เรามีอ�ำนาจควบคุมมัน100%’ (ความคิด/การกระท�ำ ของเรา) เรากลับไม่เคยควบคุมมัน! เฮ้ย! คิดไปแล้วก็เหวอนะ สิ่งเดียวท่ีเราควบคุมได้ 100% เราไม่ควบคุม ในขณะที่สิ่งที่ เราควบคมุ ได้บ้างหรอื ไม่ได้เลย เรากลับพยายามไปควบคมุ มัน ไปคิดวนเวียนกับมันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ถ้าทุกอย่างเหมือน เดิมเป๊ะ คือ รัฐบาลเดิม ลูกน้องเดิม บริษัทเดิม โลกใบเดิม... แต่สิ่งท่ีเปลี่ยนไปอย่างเดียว คือ คนที่ก�ำลังคิดอยู่น้ีไม่ใช่ นาย เอกฤทธิ์ แตเ่ ปน็ คนอยา่ งเชน่ … สมมตุ วิ า่ วอรเ์ รน บฟั เฟตต์ เขา จะสามารถสร้างความแตกต่างอะไรได้ไหม เขาจะพลิกบริษัทน้ี ได้ไหมนะ น่าจะได้ ง้ันท�ำไมเราไม่ลองเอาวิธีคิดเขามาเลย ได้ สกั 10% กย็ งั ด.ี .. เออไอเดยี ดี ไหนๆ กเ็ ปน็ สง่ิ เดยี วทเี่ ราควบคมุ มนั ได้ 100% อยแู่ ลว้ น่”ี — 163 —

แม้จะฝืนตวั เองอย่างมาก ผมใช้เวลาถึง 7 วันกวา่ จะพาตัว ผมออกจากกิจวัตรประจ�ำวันท่ีเคยชิน (ท�ำงานเครียด->ท�ำงาน กนิ เหลา้ ->ทำ� งานเครยี ด->กนิ เหลา้ ->เครยี ด->กนิ เหลา้ ) เพอื่ ไป รา้ นหนงั สือและซอื้ มันได้ เมื่อคุณเข้าสู่โลกของหนังสือ แม้จะแค่เร่ิมๆ มันจะมีพลัง อ�ำนาจบางอย่างที่ให้คุณเจอเล่มถัดไปและถัดไปและถัดไป หนังสือชุดแรกๆ ที่เปิดโลกผมและท�ำให้รู้ว่าคนที่ประสบความ สำ� เรจ็ อยา่ งสงู เขากผ็ า่ นชว่ งเวลาทไี่ มง่ า่ ยมาเหมอื นกนั ใชว่ า่ เขา เกดิ มารวยทันที สว่ นใหญล่ �ำบากกวา่ เราด้วยซ้ำ� ไมว่ ่าจะ Pour Your Hearth Into It และ Onward ทที่ ำ� ให้ ผมไดร้ จู้ ักกับโฮเวริ ์ด ชูลซ์ (Starbucks) หรือ Made in America ท่ีท�ำแนะนำ� ให้ผู้รจู้ ัก แซม วอลตัน (Walmart) หรือ ภาพยนตร์ เรือ่ ง The Secret ที่น�ำผมไปร้จู ักชวี ติ ของ โอปราห์ วินฟร่ีย์ นกั จัดรายการทีวีหญิงผิวด�ำ ผู้หญิงที่ร�่ำรวยที่สุดในอเมริกา และ Snowball ท่ีพาผมไปเข้าใจวิธคี ดิ ของ วอรเ์ รน บัฟเฟตต์ ชว่ งแรกผมไมส่ ามารถสรา้ งนสิ ยั การอา่ นไดง้ า่ ยนกั และชว่ ง เวลาแหง่ การด่ืมสูบเสพ ยังมากกวา่ ชว่ งเวลาแห่งการศกึ ษามาก นัก แต่ผมก็พยายามระลึกถึงค�ำของไอน์สไตน์ทุกคร้ังท่ีเหมือน เรม่ิ กลับไปเดินในรอ่ งเก่า “ถา้ เราไม่อยากเป็นคนบา้ เราต้องท�ำให้อะไรใหมๆ่ จะทำ� อะไรแบบเก่าๆ ซำ�้ ๆ ไม่ได”้ — 164 —

ถงึ จดุ หนงึ่ ผมกเ็ รมิ่ หนั มาเขา้ ฟติ เนสเพอื่ ทำ� ตวั เองใหเ้ หนอ่ื ย และลดเวลาในวงเหล้า เลม่ หนง่ึ นำ� ไปสอู่ กี เลม่ หนงึ่ ยทู ปู หนงึ่ นำ� ไปสยู่ ทู ปู อกี อนั หนง่ึ กิโลหนึ่งไปสู่กิโลหน่ึง รู้ตัวอีกทีผมก็กินเหล้าเหลืออาทิตย์ละ 3 วันแล้ว น้�ำหนักก็ลดมา 10 กิโลกรัม อ่านหนังสือมาเกือบ 10 เล่ม หากมองย้อนไปนอกเหนือจากเล่มท่ีกล่าวไปแล้ว ผมคิด ว่าเลม่ ท่มี ี Positive Impact กบั ผมเยอะมาก คือ 7 Habits of Highly Effective People [Stephen Covey], Think and Grow Rich [Napoleon Hill], The Magic [Rhonda Byrne], Awaken the Giant Within [Anthony Robbins], Rich Dad Poor Dad [Robert Kiyosaki], Good to Great [Jim Collins], Dream Big [Cristiane Correa] และ ภาพยนตรส์ ารคดี Where to Invade Next เปน็ สารคดที ใ่ี หแ้ รงบนั ดาลใจทส่ี ดุ ผมแนะนำ� มากๆ ครบั เนอื้ หาคอื พาไปดแู นวคดิ ดมี ากๆ อยา่ งโดดเดน่ ของ 9 ประเทศ ผสู้ รา้ ง คอื Michael Moore เปน็ ต้น สว่ นถา้ พดู ถงึ อาจารยค์ นไทยทที่ ำ� ใหผ้ มฉลาดขนึ้ เยอะมากก็ คอื อาจารยบ์ ญุ ชยั โกศลธนากลุ ผเู้ ขยี นหนงั สอื จรติ 6 ทที่ า่ นจดั รายการ CEO Vision ช่วง New Dimension ท่ีออกอากาศทกุ วนั อาทิตย์ ซงึ่ อาจารยจ์ ะสรปุ หนังสือเจ๋งๆ มาให้และอธิบายแบบ — 165 —

เข้าใจง่ายมากจนผมเหมาซีดีรายการย้อนหลังมาฟังอย่างเอา เปน็ เอาตาย ไดไ้ อเดียเยอะมาก นอกจากนี้อาจารย์ที่ผมฟังเยอะและยังรู้สึกส�ำนึกรู้คุณ ท่านเป็นอย่างมาก ได้แก่ อาจารย์บัณฑิต อึ้งรังษี อาจารย์ วรภทั ร ภู่เจริญ จริงๆ ยังมีอีกมากท่ีผมคิดว่ามันมันประโยชน์มาก ซึ่งถ้า ใหร้ า่ ยกค็ งไดอ้ กี ยาว แตม่ นั มคี ำ� นงึ ทน่ี กั ปราชญข์ องโลกจะสอน เหมือนกันหมด และผมคิดว่าส�ำคัญกว่าลิสต์หนังสือ ก็คือ เรา ตอ้ งเป็น Life-Time Learner หรอื นกั เรียนรูต้ ลอดชีวติ คุณตอ้ ง สนุกกับมันให้ได้เหมือนที่คุณอ่านการ์ตูน ดูบอล ดูหนัง หรือ เล่นวิดีโอเกม เหมือนที่วอร์เรน บัฟเฟตต์บอกว่าการได้ดูงบ การเงินของบริษัทที่เขาสนใจเป็นเหมือนการพักผ่อนจากวันท่ี เหนอื่ ยลา้ ของเขา รตู้ วั อกี ที นสิ ยั ผมกเ็ ปลยี่ นไปเยอะ เชน่ เดยี วกบั นำ�้ หนกั เชน่ เดยี วกับพลังชวี ติ และเช่นเดยี วกบั ผลประกอบการของบรษิ ัท มองยอ้ นกลบั ไป ผมตลกตวั เองกอ่ นหนา้ นมี้ ากๆ ทตี่ อี กชก หวั ถงึ ปญั หาและความอยตุ ธิ รรมตา่ งๆ แตก่ ลบั ไมร่ เู้ ลยวา่ ในโลก ใบน้ี เรือ่ งทงั้ หมดน้ีมนั มีคนเจอกันมาแล้วนบั ไมถ่ ้วน มีคนที่เจอ มาหนักกว่าผมอกี และท่สี �ำคัญพวกเขาสอนวธิ ีเอาชนะไวอ้ ย่าง — 166 —

ละเอยี ดถถ่ี ว้ น เราแคต่ อ้ งอา่ น อา่ น อา่ น อา่ น ฟงั ฟงั ฟงั ฟงั นำ� ไปใช้ นำ� ไปใช้ นำ� ไปใช้ นำ� ไปใช้ และ เรยี นรู้ เรยี นรู้ เรยี นรู้ เรยี นรู้ จะว่าไปมันก็สรุปง่ายๆ ได้แบบนี้ แต่กระบวนการภายใน มันค่อยๆ เกิดข้ึน มันคือการเอาชนะใจตัวเองไปทีละเปลาะๆ ต่อเน่ืองยาวนาน แล้วจู่ๆ เราก็มีจิตใจท่ีสงบ หนักแน่น และ เหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ เราไมใ่ ชส่ งิ่ เหลา่ นน้ั ทเ่ี ราเคยคดิ วา่ คอื เรา เราสามารถเป็นแบบไหนก็ได้ ในวันที่เราสามารถเอาชนะ ใจตวั เอง การตน่ื คืออะไร และมีหมายความว่าอย่างไร สำ� หรบั ผม คำ� วา่ การตนื่ ทำ� ใหผ้ มนกึ ถงึ คำ� สอนอยู่ 2 คำ� สอน ”คนเรามี 2 ชวี ิต ชีวิตแรกเร่ิมตอนเราเกิด ชวี ติ ที่ 2 เร่มิ เม่ือเราตระหนักวา่ เรามีชวี ิตเดียว” -ขงจอ๊ื - ”เม่ือเราเปลย่ี นวิธมี องส่ิงต่างๆ สง่ิ ต่างๆ กเ็ ปลี่ยนไป” -Wayne Dyer- — 167 —

วนั ทผี่ มเขา้ ใจ 2 ค�ำสอนน้อี ยา่ งถอ่ งแท้ คอื วนั ท่ผี มเร่ิมต่ืน  แนน่ อนผมไมไ่ ดม้ องการตนื่ เปน็ สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ เกดิ ขน้ึ เลย แตค่ ือ “กระบวนการ” หรือ “หนทาง” ที่เมอื่ เรม่ิ นับหนง่ึ แลว้ ก็ คอ่ ยๆ ววิ ฒั นาการไป การตน่ื กม็ รี ะดบั ของมนั และถา้ ถามผมวา่ ผมตน่ื แลว้ หรอื ยงั คำ� ตอบกค็ งเปน็ วา่ ตน่ื แลว้ แตย่ งั อยใู่ นระดบั ต้นมากๆ ไม่เกนิ 3 จาก 10 กลบั มาทีค่ �ำสอนของ ขงจอี๊ และเวนย์ ดายเออร ์ คำ� สอนแรก ผมตีความจากประสบการณท์ เี่ กดิ กับตวั เอง ท่ี มันเสมอื นกบั ว่ามี 2 ชวี ติ ชวี ติ ที่ 1 คอื การเกดิ ทางกายภาพ หรอื กายเนอื้ (Physical Body) คือช่วงระหวา่ ง 0-28 ขวบ  ชีวติ ท่ี 2 คือ การเกิดทางจติ วญิ ญาณ (Spiritual Body) เรม่ิ ตอนอายุ 29 ขวบ  ในวันทผ่ี มเรมิ่ ตระหนักว่าเรามชี ีวิตเดยี ว และเรม่ิ ไตร่ตรอง อย่างจรงิ จังว่า “เราเกิดมาท�ำไม?” ชวี ติ ท่ี 1 ผมดจู ากภายนอกก็เหมอื นคนทสี่ มบูรณ์ หากแต่ ภายใน เต็มไปด้วยความงุนงง ความลังเลสงสัย ความไม่รู้เนื้อ ไมร่ ตู้ วั ความโกรธอาฆาต และความเบอื่ /เซง็ ชวี ติ จงึ ออกมาเปน็ พฤตกิ รรมที่ไมค่ ่อยดี ซ่งึ ณ เวลานั้นเราคดิ ว่า มันคือ ”ตวั เรา”  — 168 —

ชวี ติ ที่ 2 ของผมเรม่ิ เมอื่ ผมตระหนกั อยา่ งแรงกลา้ วา่ ผมเกดิ มาเพ่ือท�ำอะไร แม้จะยังไม่สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจ ‘จุด ประสงค์แห่งชีวิต’ หรือ ‘ภารกิจที่พระเจ้ามอบให้’ แต่ผมเห็น และรู้อย่างชัดเจนว่ามันคืออะไร หลังจากจุดเปลี่ยนนั้น ชีวิต ผมเปลย่ี นไปในทุกอณู ทัง้ นสิ ัยใจคอ ร่างกาย ความรสู้ ึกนกึ คดิ ความสัมพันธ์ ผคู้ นรอบตัว และการมองโลก  ถ้าวัดส่วนแบ่งเวลาของความสุขและความทุกข์ ชีวิตที่ 1 ความสุขครองสว่ นแบ่งเวลาในชีวติ ผมอยู่ 20% สว่ นความทกุ ข์ ครองอยู่ 80% ส่วนชวี ติ ท่ี 2 ความสุขครองสว่ นแบง่ เวลาในชวี ติ ผมอยู่ 95% สว่ นความทกุ ขค์ รองอยู่ 5% ถา้ ถามวา่ ยงั มที กุ ขไ์ หม กม็ บี า้ งเวลาเผลอๆ ไมเ่ ทา่ ทนั ตวั เอง แตก่ น็ อ้ ยมาก เมอ่ื ไร ‘เหน็ ’ วา่ ตวั เองกำ� ลงั ทกุ ข์ สว่ นใหญก่ จ็ ะเรมิ่ หวั เราะออกมาไดจ้ ากความ โงเ่ ขลาของตัวเอง  ทงั้ หมดนไี้ มไ่ ดเ้ กดิ ขน้ึ ชว่ั ขา้ มคนื หรอื พลงั บางอยา่ งมาปลด ปล่อยผมและกลายเปน็ คนใหม่ทันท ี ปาฏหิ ารยิ ์แห่งชวี ิตคอ่ ยๆ เกิดขนึ้ จากการ ‘ตง้ั จิต’ ของเรา เอง ไมใ่ ชเ่ กดิ ขน้ึ ชวั่ ขา้ มคนื โดยเราไมไ่ ดเ้ ปลย่ี นแปลงอะไรภายใน ตวั เราเองเลย — 169 —

เราเปลยี่ นอะไรบางอยา่ งภายในตวั เรากอ่ นแลว้ สงิ่ ตา่ งๆ ใน ชีวิตเราจึงเปลี่ยนตาม ไม่ใช่รอให้ส่ิงภายนอกเป็นอย่างใจก่อน สมการมหัศจรรย์คือ ใจเรามีความสุขก่อน แล้วสิ่งภายนอกจะ ค่อยๆ ดีขึ้นเอง และน่ันคือจุดเร่ิมต้นของปาฏิหาริย์แห่งชีวิต หรือการตน่ื ซ่ึงน่ันน�ำไปสคู่ ำ� สอนที่ 2 “เม่อื เราเปลีย่ นวธิ มี องส่ิงตา่ ง สง่ิ ต่างๆ กเ็ ปล่ียนไป” มนั เปน็ แนวคดิ ทอ่ี ธิบายไม่ง่าย ตอ้ งลองทำ� และสมั ผสั ดว้ ยตวั เองถงึ จะเหน็ และตระหนกั ได ้ ตอนแรกทผี่ มได้ อ่านค�ำสอนน้ีก็นึกปฏิเสธอยู่ในใจ จะเป็นไปได้ไงท่ีลองเปลี่ยน ทา่ ที ความรู้สึก วิธีมอง คนคนน้ัน หรอื สถานการณ์นัน้ ๆ แลว้ สงิ่ ต่างๆ ก็กลบั จะดีขน้ึ อย่างนา่ อศั จรรย์ สำ� หรับผมการตระหนกั รูน้ ี้ คือ ความสขุ ในทุกอณูของชีวิต และเมื่อผมพูดถึงความสุขผมก�ำลังพูดถึงความเบิกบานใจ สดชนื่ แจม่ ใส ในเวลาสว่ นใหญข่ องชวี ติ ประเภททวี่ า่ แคห่ ายใจ กม็ คี วามสขุ ทำ� งานกม็ คี วามสขุ เดนิ กม็ คี วามสขุ ขบั รถกม็ คี วาม สขุ ท�ำหนา้ ทก่ี ม็ คี วามสขุ ได้สอนกม็ ีความสขุ ไดร้ บั การสอนกม็ ี ความสุข เจออุปสรรคก็มีความสุข ไม่ได้หมายถึงความสุขแบบ ช่ัวคร้ังชั่วคราว ความสุขที่ต้องคอยถมต้องคอยเติมอยู่เร่ือยๆ เชน่ จากการกนิ อาหารอรอ่ ย จากการได้ท่องเทยี่ วพกั ผอ่ น ได้ สมั ผสั รปู รสกลน่ิ เสียงทเี่ ราชอบ — 170 —

ชวี ติ ทมี่ คี วามสขุ ในทกุ อณู คอื ชวี ติ ทใี่ จคณุ เปน็ สขุ ทกุ วนิ าที หรืออย่างน้อยก็สว่ นใหญข่ องชีวติ ประโยชนข์ ้อต่อมาคอื ทำ� ให้รวยทรพั ย์ ผมเช่อื ว่าคนที่ตืน่ แล้วสามารถรวยได้ เพราะท�ำงานก็ท�ำด้วยความรัก ท�ำอย่าง มีสมาธิ ทำ� ได้อยา่ งมคี วามสุข ท�ำไดม้ าก ทำ� ได้นาน ทำ� ด้วยใจ วา่ ง ใจสบาย ทำ� อยา่ งเตม็ ใจ ท�ำใหเ้ หน็ ความเช่อื มโยงสมั พนั ธ์ ของสรรพสิ่ง เขา้ ใจความเปน็ ไปของสงั คม และสามารถหาทาง แก้ปัญหาหรือตอบโจทย์ให้เพื่อนมนุษย์ได้ ซึ่งความร่�ำรวยก็จะ ตามมาอยา่ งหลีกเลีย่ งไมไ่ ด้ ขอ้ ค้นพบสำ� คัญทเ่ี รียนรกู้ ารเตบิ โตภายใน  ผมพบว่าตัวเองเปล่ียนไปทั้งในแง่ร่างกาย อารมณ์ความ รสู้ กึ นสิ ยั ใจคอ วธิ คี ดิ วธิ มี องโลก โชคลาภเงนิ ทอง ผคู้ นรอบขา้ ง ที่เข้าข่ายคนพาลก็มีปัจจัยเข้ามาท�ำให้ห่างหายกันไป ส่วนที่ยัง อยู่ก็ดขี ้ึนอยา่ งมหาศาล มากพอที่จะรสู้ กึ มหัศจรรย์ ในบ้านจากท่ีเคยพดู กันไมน่ านก็จะโต้แย้งแดกดัน อารมณ์ ต้องขุ่นมวั ใส่กนั เด๋ยี วนก้ี ็ไม่มเี ลยมากว่า 3 ปแี ล้ว แปลกมากๆ ทุกวันเต็มไปด้วยความเย็น ความเบิกบาน และความกตัญญู รู้คุณจักรวาลและธรรมชาติ สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า เปลยี่ นไปอย่างมหาศาล — 171 —

ส่ิงหน่ึงที่ผมคิดว่าเป็นข้อค้นพบส�ำคัญในกระบวนการต่ืน คอื ผมเห็นวา่ เรื่องการพฒั นาจิตวิญญาณและเร่ืองความส�ำเรจ็ เป็นเรื่องเดียวกัน เป็นเหรียญคนละด้านที่ขาดกันไม่ได้ คนที่ ปฏิเสธด้านใดด้านหน่ึงจะไม่สามารถเข้าถึงการตื่นท่ีแท้จริงได้ (พูดถึงชีวิตแบบฆราวาส) ผมเคยอยู่ในสภาวะท่ีสุดโต่งไปในทั้งสองด้าน และพบว่า มันท�ำให้เราตึงหรือหย่อนไป ช่วงท่ีผมไม่ปฏิเสธ และโอบกอด ยอมรบั ทง้ั สองด้าน กลบั ทำ� ใหใ้ จเบาสบายอยา่ งย่งิ ผมคิดว่าอุปสรรคส�ำคัญของการตื่นรู้หรือการบรรลุถึงการ เปล่ียนแปลงภายใน คือ การคบคนพาล หรอื การฟังเสียงผอู้ ืน่ มากเกนิ ไป สงิ่ ทที่ ำ� ใหผ้ มผา่ นหลมุ พรางนก้ี ค็ อื หนงึ่ ถา้ คณุ อยาก ตื่นรู้ต้องฟังจากคนท่ีตื่นรู้ ผมสังเกตความสุขจากสีหน้าและ แววตาของเขาและเธอ สอง การปลกี วเิ วกเปน็ เครอื่ งมอื ชนั้ เยยี่ มในการแปรเปลยี่ น ตัวเอง มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ผมตัดการพบเจอผู้คนออกไป เพ่ือ ตอ้ งการอยกู่ บั ตวั เองใหม้ าก และฟงั จากครุ ผุ า่ นหนงั สอื และยทู ปู ทีค่ ดั สรรมาอยา่ งดแี ลว้ ผมไม่ได้บอกว่าให้เราเป็นคนไม่คบเพ่ือน เพียงแต่บอกว่า ในกระบวนการการเรียนรู้ ถ้าเราพบปะคนท่ียังไม่ต่ืนอยู่ตลอด เวลา จะท�ำให้เราตื่นได้ยาก เพียงแต่งดเว้นการพบปะสังสรรค์ ออกไปสกั ชว่ งหนง่ึ เมอื่ เราตน่ื แลว้ การพบเจอคนจะไมส่ ามารถ ทำ� ใหใ้ จเราเสยี หายได้ แตก่ อ่ นถงึ จดุ นนั้ การปลกี วเิ วกสำ� คญั มาก — 172 —

ผมคิดว่าข้อจ�ำกัดใหญ่ของสังคมไทย ในเร่ืองการตื่นรู้ มี 2 ข้อ 1. ความสดุ โตง่ ของคน ซ้ายสุด ก็คือเน้นท�ำงานเพ่ือสังคม งานองค์กรไม่แสวงหา ผลก�ำไร แล้วก็มองนักธุรกจิ แยช่ อบเอาเปรียบ ขวาสุด ก็คือเน้นท�ำเงินอย่างเดียว ไม่คิดถึงองค์รวม ใช้ ปญั ญาเอาเปรยี บผดู้ ้อยโอกาสกว่า สรปุ คอื ในไทยยงั มบี รษิ ทั ทเ่ี ปน็ ทบี่ รรจบกนั ของทงั้ สองนอ้ ย เกินไป 2. ค�ำสอนทางศาสนาทฝี่ งั รากอยใู่ นสังคม ผมสังเกตว่าคนไทยชอบมักความคิดในเชิงว่า เราเกิดมา ชดใช้กรรม เกิดมาจนก็ต้องทนกันไป เปล่ียนแปลงอะไรไม่ได้ แต่เหมือนคนมองข้ามค�ำสอนที่ว่า กรรมใหม่ ส�ำคัญกว่ากรรม เก่า จริงอยู่กรรมเก่าอาจมีผลบ้าง แต่สิ่งท่ีจะก�ำหนดโชคชะตา เรา ว่าเราจะตนื่ ได้ เลือ่ นฐานะทางสังคมได้ กค็ อื กรรมใหม่ ใน ชาตินเี้ ดย๋ี วนี้ สองข้อนี้ถ้าท�ำได้จะเป็นก้าวใหญ่แห่งการเปล่ียนแปลงใน สงั คมไทย — 173 —

ประเด็นสุดท้ายท่ีผมอยากฝากให้ผู้ท่ีอยู่บนหนทาง ไม่ว่า หนทางของท่านจะใกล้หรือไกล ยากหรือง่าย ก็คือค�ำสอนท่ี ช่วยให้ผมเดินข้ามฝั่งได้ ก็คือข้อเท็จจริงท่ีว่า อย่าหวังพึ่งเพียง ‘แรงฮดึ ’ หรือ ‘แรงบันดาลใจชว่ั วบู ’ หรอื Will Power เพราะมนั สามารถลา้ หรอื หมดแรงได้ เหมอื นกบั กลา้ มเนอื้ ของเรานนั่ แหละ สิ่งท่ีเราหวังพ่ึงได้และเป็นแหล่งขุมพลังไร้ขีดจ�ำกัด คือการมี แรงบันดาลใจระยะยาว แรงบันดาลใจชั่ววูบ คือ การอยากได้ อยากมีอยากเป็นในเร่ืองท่ีเป็นประโยชน์กับฉันคนเดียว หรือ ครอบครัวของฉัน หรอื พรรคพวกของฉันเท่านัน้ แรงบนั ดาลใจระยะยาว คอื การมมี โนภาพทชี่ ดั เจนของสงิ่ ที่ เราตอ้ งการสรา้ ง และของผลกระทบทางดที จ่ี ะมตี อ่ ผคู้ นจำ� นวน มาก ท้ังที่ใกลต้ ัวมาก ใกล้ตวั นอ้ ย ไปจนถึงสงั คมโดยรวม หรอื บางคนอาจเป็นผลกระทบทางดีท่มี ีต่อธรรมชาต/ิ สิง่ แวดลอ้ ม — 174 —

สดุ ทา้ ยขอฝากคำ� ของ ไอน์สไตน์ ไวใ้ ห้ลองเอาไปพจิ ารณา กันครับ “The world will not be destroyed by those who do evil, but by those who watch them without doing anything.” “ถา้ โลกใบนจ้ี ะลม่ สลาย กไ็ มใ่ ชด่ ว้ ยนำ�้ มอื ของคนทท่ี ำ� สง่ิ ชว่ั รา้ ย แต่ดว้ ยนำ้� มอื ของคนที่เหน็ แต่ไม่ท�ำอะไร” มาสร้างโลกธุรกิจของไทยให้ตระหนักรู้ สว่างไสว และน่า อยกู่ นั ครบั — 175 —

ไมห้ อม แห่งการ รสู้ ึกตวั — 176 —

ภทั รมน วเิ ศษลีลา อะไรคอื แรงบนั ดาลใจใหผ้ หู้ ญงิ คนหนง่ึ ลกุ ขนึ้ มาเปดิ บา้ นใหก้ ลาย เปน็ พนื้ ทเี่ รยี นรู้ คอยตอ้ นรบั ผคู้ นแปลกหนา้ มากมายใหส้ ามารถเขา้ มา ใช้พ้นื ท่ีและธรรมชาตภิ ายในบ้านของเธอเพ่อื เรียนรู้ “ตัวเอง” ถึงวนั น้ี มีนับร้อยชีวิตท่ีได้รับประสบการณ์เปลี่ยนแปลงภายใน การค้นพบ ตนเอง และความประทบั ใจจาก บา้ นไมห้ อม พระราม 2 บา้ นหลงั งาม ท่ามกลางธรรมชาตขิ องคณุ ภัทรมน วิเศษลีลา หรือทหี่ ลายคนรู้จกั กัน ในนาม คุณหลีแหง่ บา้ นไมห้ อม — 177 —

ประตูบ้านแห่งการเรียนรู้ของเธอ พร้อมเปิดต้อนรับอยู่ เชน่ เคย ท�ำไมต้องเปดิ บ้านเพ่อื การเรียนรู้ ตั้งแต่จ�ำความได้จนถึงวันท่ีแม่จากโลกน้ีไป เราไม่เคยรู้จัก รู้ใจตัวเอง ไมร่ ้เู ลยวา่ อนาคตจะทำ� อะไร จะอยูอ่ ย่างไร เมื่อแม่ จากไป ทิง้ มรดกไว้ให้ มรดกทไ่ี ม่ได้อยากได้ ไมไ่ ดร้ ูส้ ึกวา่ เราควร จะได้ จงึ ตง้ั จติ ไวว้ า่ จะเอามรดกทแ่ี มใ่ ห้ มาทำ� ประโยชนใ์ หผ้ คู้ น กอ่ นแมจ่ ากเพยี งไมก่ วี่ นั เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ทไ่ี ดม้ าเรยี นรตู้ วั เอง ทกุ ข์ มาก หนที ุกข์ ยิ่งหนี ย่งิ ทกุ ข์ จนรวู้ า่ ทกุ ข์หนไี ม่ได้ ความสุขกห็ วง ไวไ้ มไ่ ด้ จนไดเ้ ข้าใจวา่ ทุกสงิ่ อย่างเกดิ ข้ึน ต้งั อยู่ ดับไป และจากการที่ได้เรียนรู้หลายศาสตร์ กับครูหลายคน กับ กัลยาณมิตรหลายคน จนได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะ ทุกข์แบบไหน ความรู้ ข้อมูล มากมายก็ช่วยให้ผ่านความยาก ล�ำบากไปไมไ่ ด้ มีเพยี ง ‘ความรสู้ ึกตวั ’ (การตื่นร)ู้ เทา่ นั้น ทเี่ ป็น มติ รแท้ ทีช่ ว่ ยใหก้ ้าวข้ามความยากในชวี ิตไปได้ — 178 —

ส่ีปีกว่าท่ีผ่านมาเราได้กลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง กับการ เรยี นวชิ าชวี ติ ไดเ้ กดิ ใหม่ ไดเ้ ขา้ ใจ ไดย้ อมรบั ไดข้ อบคณุ ใหอ้ ภยั ขอโทษ เรมิ่ ตน้ ใหม่ ดว้ ยความกลา้ หาญ มนั่ ใจ มนั่ คง ทจ่ี ะลกุ ขนึ้ มาดแู ลกายและใจของตวั เองและไดท้ ำ� ตามหวั ใจปรารถนา เพอ่ื ให้ผูค้ นไดร้ ู้จกั ‘ความรูส้ กึ ตัว’ เม่อื ฉันตน่ื รู้ การตน่ื รู้ คือ การกลบั มาตระหนักร้กู บั ตวั เอง กบั ความรู้สกึ จรงิ แทใ้ นใจ ไมว่ า่ จะเปน็ ความรสู้ กึ ทางกาย หรือความรู้สึกทาง ใจ เมื่อได้ตระหนกั รูใ้ นตนเอง กจ็ ะรูว้ า่ ตัวเองมีคา่ จะรวู้ า่ เราจะ ดำ� เนนิ ชีวติ อย่างไรให้เป็นประโยชนต์ ่อตัวเองและสงั คม ฉันพบว่าการตื่นรู้ท่ีส�ำคัญที่สุดส�ำหรับชีวิตท่ีเหลืออยู่ สำ� หรับฉันผ้คู นุ้ ชนิ กับการทำ� อะไรๆ มากมาย การตน่ื รู้ทำ� ใหไ้ ด้ ใช้ชีวิตช้าลง ใสใ่ จตวั เองและคนรอบข้างมากข้นึ ไดท้ ำ� แตล่ ะสิง่ อย่างมีความสุขกับปัจจุบันขณะ แม้ท�ำงานมากมาย ก็เหน่ือย เพยี งกาย แตใ่ จไมเ่ หนื่อย — 179 —

เม่ือตืน่ รู้ ความคิดจะไมพ่ าไปฟงุ้ ปรงุ แตง่ เราจะไม่จมอยู่ กบั ทกุ ขข์ องอดตี อดตี ทผ่ี า่ นไปแล้ว แกไ้ ขไมไ่ ด้ เราจะไม่กังวลกับอนาคตท่ียังมาไม่ถึง เมื่อต่ืนรู้ ความสุข สงบเกิดข้นึ ไดง้ า่ ย ความสุขที่เงินซอ้ื ไมไ่ ด้ ความสขุ เกิดขึ้น ณ ปัจจบุ นั ขณะ ความสขุ ที่ไดเ้ หน็ ดอกไม้ งาม ท้องฟ้าสวยใส ความสุขท่ีได้กินอาหารท่ีลูกชายท�ำด้วย ความใส่ใจ ความสุขที่ได้ยินเสียงเพลงไพเราะ ความสุขท่ีลม หนาวสัมผัสผิวกาย ความสุขท่ีได้ท�ำงานท่ีเรารัก แม้จะมีคน บอกวา่ ไมไ่ ดเ้ รอ่ื ง ความสขุ ทไ่ี ดส้ ง่ ความรกั และความปรารถนาดี ใหค้ นขา้ งๆ เมื่อต่ืนรู้ ท�ำให้ได้จริงแท้กับตัวเอง รู้และยอมรับ ว่าตัว เองรู้สึกอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบ รู้ว่าตัวเองปรารถนา ที่จะท�ำอะไร เม่ือได้ท�ำในส่ิงที่ใจปรารถนา ก็จะท�ำได้ดี มี ประสิทธภิ าพด้วยใจที่สุข สงบ เมอื่ รจู้ กั ตวั เอง เขา้ ใจตวั เอง กจ็ ะเขา้ ใจผอู้ น่ื ดว้ ย เมอื่ เขา้ ใจผู้ อน่ื เรากจ็ ะไมบ่ น่ ไมต่ ำ� หนิ ไมต่ ดั สนิ ผอู้ น่ื หรอื สถานการณใ์ ดๆ ทไี่ ม่ถกู ใจ ที่ไมเ่ ป็นอยา่ งท่เี ราอยากให้เปน็ จงึ มีสัมพันธภาพทดี่ ี กับคนรอบกาย โกรธก็รู้ว่าโกรธ รู้ว่าไม่พอใจแต่ไม่ตีโพยตีพาย เพราะยอมรับไดว้ า่ ไมม่ อี ะไรได้ด่งั ใจ — 180 —

เมื่อเข้าใจและยอมรับว่า ผู้คนและสิ่งต่างๆ ก็เป็นไปตาม เขาเปน็ มนั เปน็ เชน่ น้ันเอง ในใจก็ไม่ทุกขไ์ ม่ร้อน ไม่ด้ินรนที่จะ จัดการผู้อ่นื หรอื จดั การสถานการณ์ตา่ งๆ ให้ไดด้ ั่งใจเรา ชีวิตทเ่ี ปลย่ี นไป เมอื่ ตนื่ ไมว่ า่ จะสขุ หรอื ทกุ ข์ เรากไ็ มห่ ลงไปกบั มนั กแ็ คร่ บั รู้ ความรู้สึกท่ีเกิดขึ้น สุข ทุกข์ เกิดข้ึน สลับกันไปมาตลอดเวลา เม่ือตื่น จะมีความม่ันคง มั่นใจ กล้าหาญ ไม่ว่าจะท�ำอะไร ไมว่ า่ จะอยทู่ ไี่ หน เมอ่ื ตน่ื ชวี ติ กเ็ ปลย่ี นไป ใชช้ วี ติ ชา้ ลง ผอ่ นคลายมากขน้ึ ยมิ้ กวา้ งกว่าเคย มพี ลงั มีสตกิ บั สงิ่ ทท่ี �ำตรงหนา้ ท�ำงานได้อยา่ งมี ประสิทธิภาพ จากท่ีลูกเคยกลัวเรา ตอนน้ีคุยกันได้ทุกเรื่อง ลูกกล้าบอก กล้าเลา่ เรื่องของตวั เอง กับลูกน้อง ลูกนอ้ งก็ผอ่ นคลายมากข้ึน กล้าทจี่ ะสือ่ สารกับเรา ฟงั กนั และกันมากขึ้น — 181 —

อุปสรรคและทางออก อุปสรรคคือการไม่เท่าทันความคิดซ่ึงเกิดขึ้นตลอดเวลา สมองถนัดคดิ ลบ ยิ่งรู้สึกแย่ ยิ่งคิดวนเวียน ฟ้งุ ปรุง แต่ง ยง่ิ คิด ย่ิงทุกข์ต้องฝึกการรับรู้กายด้วย เท่าทันความคิดอย่างเดียวไม่ พอ ความรู้สึกทีก่ าย ตาที่มองเหน็ หูทไี่ ด้ยนิ ลิ้นท่ลี ิม้ รส กายท่ี รบั รู้กบั สิ่งแวดล้อม ใจท่ีรสู้ กึ ไปตา่ งๆ ตามแตส่ ถานการณ์ฝึกได้ ทกุ คร้ังทนี่ ึกได้ โดยทไี่ ม่ไดต้ อ้ งสวดมนต์ นั่งสมาธิหรือไปปฏิบัติ ธรรมเทา่ นั้น เม่ือรับรู้ความรู้สึกที่กาย ความคิดจะถูกตัดตอน ยิ่งรู้สึกที่ กายได้บ่อย ความคิดก็จะถูกตัดตอนบ่อยๆ การฟุ้ง ปรุง แต่ง ก็ถูกตดั ตอนบ่อยๆ ทกุ ขก์ ็น้อยลง สขุ ก็งา่ ยขึ้น ฝกึ จนสมองเกิด ความเคยชนิ ใหม่ เป็นวงจรใหม่ทต่ี นื่ รู้ “จิตรกู้ าย ได้โดยไม่ต้องคดิ ” ...หลวงพ่อคำ� เขยี นกลา่ วไว้ การเข้าถึงการตื่นไม่ใช่เรื่องยาก ผู้ต้องการเข้าถึงการตื่นรู้ ต้องเปิดใจและต้องการท่ีจะเรียนรู้ จะง่ายขึ้นไปอีก ถ้าได้ผ่าน กระบวนการเรยี นรหู้ รอื กจิ กรรมทพ่ี าใหเ้ รากลบั มาตน่ื มารสู้ กึ ตวั — 182 —

การตื่นเพอื่ รู้ รไู้ ด้จากการมีประสบการณ์ตรง ไมใ่ ช่จากตัว อักษรในหนังสอื แต่ละคนจะประสบการณ์เปน็ ของตัวเอง ตวั เราเปลย่ี น สังคมเปลีย่ น เม่ือคนตื่นรู้ เราจะยอมรบั ในความจริงของชีวติ ยอมรบั วา่ คนเราแตล่ ะคนไมเ่ หมือนกัน แต่ละคนเป็นปจั เจกแตล่ ะคนล้วน มีคุณค่าในตัวเอง เราจึงไม่ตัดสิน ไม่เปรียบเทียบ ไม่วิพากษ์ วจิ ารณ์ ไมแ่ ข่งขัน ไมค่ าดหวังในส่งิ ทเ่ี ป็นไปไม่ได้ — 183 —

Oneness เรียบง่าย และ หน้าท่ีมนุษย์ — 184 —

ดร.เมธา หรมิ เทพาธปิ ชายหนุ่มท่ีจบการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาปรัชญา และจริยศาสตร์ อาจารย์ประจ�ำหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขา ปรชั ญาและจรยิ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ดร.เมธา ทำ� อาชพี การงานในวชิ าทน่ี อ้ ยคนจะสนใจเรยี นรอู้ ยา่ งมงุ่ มน่ั ไมเ่ พยี งเทา่ น้ี สำ� หรบั ผูค้ นทส่ี นใจเรอ่ื งการเตบิ โตทางจิตวิญญาณในโลกออนไลน์ ย่อมมีไม่น้อยที่ได้ผ่านตากับโพสต์ข้อความปลุกจิตสะกิดใจท่ีคมคาย และแฝงด้วยสัจธรรมจากเฟสบุ๊ค เมธา หริมเทพาธปิ — 185 —

นอกจากบทบาทในการเป็นอาจารย์สอน เป็นนักวิจัย ดร.เมธามีส่วนร่วมในสังคมเพ่ือการพัฒนาคุณภาพชีวิตและจิต วิญญาณ ในตำ� แหน่งเลขาธิการมูลนิธสิ หธรรมกิ ชน และเขายัง เปน็ ผู้รเิ รม่ิ และด�ำเนนิ กิจกรรม “ความจริง ความงาม ความรกั ” วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ ท่ีได้น�ำพาให้ ผู้คนนับร้อยได้ค้นพบเส้นทางในการเดินทางของจิตวิญญาณ ท�ำไมเขาถึงมุ่งมั่นต้ังใจในเส้นทางการเรียนรู้ทางจิตวิญญาณ และมุง่ มนุ่ มากขนาดน?ี้ บนเส้นทางสู่วันแหง่ การตื่น ผมเร่ิมต้นภาวนาจิตอย่างจริงจัง ตอนช่วงอายุ 16 ปี ออกบวชตอนอายุ 19 ปี และอุปสมบทเป็นพระต่อเนื่องกัน รวมท้งั สนิ้ 10 ปี เมอื่ ลาสกิ ขาออกมากป็ ฏิบตั ิฆราวาสธรรมมา จนถึงปจั จุบนั เปน็ เวลา 7 ปี (ปัจจบุ ันอายุ 36 ป)ี เม่ือ 2 ปีที่ ผ่านมา ผมไดม้ ีโอกาสเจอกลุ่มเพอ่ื นสหธรรมกิ ชน ณ ชว่ งเวลา นเ้ี องทรี่ สู้ กึ วา่ เวลาในแตล่ ะวนั ไดใ้ ชไ้ ปอยา่ งคมุ้ คา่ เพอื่ การพฒั นา ขดั เกลาตนเองอยา่ งลกึ ซง้ึ สง่ิ ทไี่ ดค้ อื ความรสู้ กึ ตวั ทวั่ พรอ้ ม การ ไดก้ า้ วขา้ มอตั ตาอยา่ งไมเ่ คยไดส้ มั ผสั มากอ่ น การไดเ้ รยี นรรู้ ะบบ ไหลเวียนของพลังงานหรือปราณในร่างกาย ซึ่งเป็นการเรียนรู้ ระบบขนั ธ์ 5 อยา่ งตอ่ เนอ่ื งรว่ มกบั เพอ่ื นสหธรรมกิ ผมู้ ธี รรมเปน็ กัลยาณมิตรจนถึงปัจจุบัน — 186 —

ผมพบว่า จิตเป็นอิสระจากเง่อื นไขมากขึน้ เรือ่ ยๆ มีความ สขุ งา่ ยๆ อยกู่ บั รกั แบบงา่ ยๆ เขา้ ใจตนเองและคนรอบตวั มากขนึ้ อยกู่ บั ปจั จบุ นั ขณะมากขนึ้ สว่ นคนรอบขา้ งเหน็ การเปลย่ี นแปลง ของเราอยา่ งตอ่ เนอื่ งและเปน็ ธรรมชาติ เชน่ บคุ ลกิ ภายนอก วธิ ี คดิ การเขา้ ใจความรสู้ กึ ของเพอื่ นมนษุ ย์ การทำ� ความเขา้ ใจและ ยอมรับอัตตาของตนเองเพ่ือก้าวข้ามอย่างรวดเร็ว การตรงไป ตรงมากับความรู้สึก การยับย้ังชั่งใจไม่ให้ไหลไปตามอารมณ์ท่ี กอ่ ใหเ้ กดิ ทกุ ขโ์ ทษแกต่ นเองและผอู้ น่ื ความสามารถในการรบั ใช้ และดแู ลเพอ่ื นมนษุ ยท์ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้ และเปน็ ธรรมชาติ มีกระบวนการเรียนรู้เพื่อนมนุษย์เพื่อเติมสมดุลให้กับจิตใจ ตนเองและผู้อนื่ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ผมเรยี นรวู้ า่ รรู้ อบแสนโกฏโิ ลก รทู้ ว่ั แสนโกฏจิ กั รวาล ยงั ไม่ เท่า ‘รู้ใจตน’ จะมีประโยชน์อะไรจากความใคร่กระหายรู้ หาก มันไม่ทำ� ให้คุณร้จู กั คำ� วา่ ‘ชีวติ ’ เมื่อเราเขา้ ใจชวี ติ เรากจ็ ะรจู้ กั ตัวเอง ยอมรับตัวเองได้มากข้ึน เราจะหนีปัญหาที่เข้ามาน้อย ลงตามล�ำดับ เมื่อเราไม่หลีกหนีและไม่กลัว ก็จะเห็นปัญหา ตามความเปน็ จรงิ และรคู้ วามจริงของสถานการณโ์ ดยรอบ เรา จึงแกป้ ัญหาได้ เมอื่ จติ วญิ ญาณภายในไดถ้ กู เตมิ เตม็ ความปรารถนาสง่ิ ใด ลว้ นไร้ความหมาย — 187 —

การตื่นรู้เป็นเพียงแค่จุดเร่ิมต้น ปัญญาเป็นส่วนประกอบ คนเราตืน่ รู้ในทุกๆ วัน และเม่ือต่ืนแลว้ ก็ยังตน่ื ได้อีกไมร่ จู้ บ We are the one คอื เราเป็นหนึ่งเดยี วกนั บางคนเปน็ แขน บางคนเปน็ ขา บางคนเปน็ หวั ไมม่ ใี ครสำ� คญั กวา่ ใคร และขาดใคร ไปจะรู้สึก เพราะเราเป็นร่างกายเดียวกัน เราไม่อาจมีความสุข ไดใ้ นขณะทค่ี นอนื่ ในสงั คมทเ่ี ปน็ เพอื่ นเรายงั ทกุ ขย์ ากลำ� บากอยู่ จะดจี ะเลว จะถกู จะผดิ ก็เพอื่ น วถิ ขี องเพอื่ นทร่ี รู้ กั สามคั คเี ชน่ นี้ คอื Oneness หรอื We are the one หรือ We are the world แล้วแต่สมมติบัญญัติ แมจ้ ะตา่ งความถ่ี แต่ก็อยู่ด้วยกนั ได้ สามารถรว่ มคดิ ร่วม รู้สึก ร่วมทำ� ดว้ ยกนั ได้ ท�ำนอ้ ย ทำ� มาก ไม่ว่ากัน เพราะเราเปน็ เพอื่ นกัน แตล่ ะคนลว้ นมหี น้าที่ต่างกัน มีข้อจำ� กัดต่างกนั เมือ่ รู้ และเขา้ ใจกนั กร็ วมใจกนั เปน็ หนง่ึ ได้ คอื เอกภาพบนความหลาก หลายของสิ่งมหัศจรรยท์ ่ีเรียกว่า Oneness แทจ้ ริงแล้วมนั กค็ ือ วถิ ที ี่เรยี บงา่ ยและสุดแสนจะธรรมดานเ่ี อง การต่ืน คืออะไร ในความหมายของผม การต่ืน คือ การเข้าถึงสัจจะ ไม่มี อะไรมาก เรียบง่าย สบายๆ แค่มี ‘สต’ิ มี ‘ความรสู้ กึ ตวั ’ เกดิ ขึ้นเม่ือไรก็ต่ืนเมื่อน้ัน เกิดข้ึน 1 นาที ตื่นรู้ 1 นาที เกิดอย่าง ต่อเน่ือง ต่นื รตู้ อ่ เน่ือง ใช้ชวี ิตเรียบง่าย สบายๆ ‘ท�ำใหง้ ่าย แต่ — 188 —

ไม่มักง่าย’ เอาใจใสใ่ นความรสู้ ึกตวั อยา่ งละเมียด อยา่ งละไม จนกระท่งั ตวั เองก็ไมใ่ ชต่ วั เอง เปน็ แคก่ ิรยิ ากาย กริ ิยาจติ จิตท่ี ฝกึ ดแี ล้วเชน่ นีเ้ หมาะแก่งานทางจติ วญิ ญาณแหง่ การต่นื ส�ำหรับผมน้ัน การต่ืนเป็นพื้นฐานเบ้ืองต้นของการเข้าถึง ความวา่ ง ความวา่ งในทน่ี ไ้ี มใ่ ชก่ าร ‘รวู้ า่ ง’ ทเี่ กดิ จากการเขา้ ฌาน ในระดบั ตา่ งๆ แตเ่ ปน็ การ ‘ว่างร้’ู เพ่อื เช่ือมต่อ (Connect) กบั เพื่อนมนุษย์และสรรพสิง่ โลก และจักรวาล เราต่ืนเพื่อเข้าถึงความเป็นธรรมดาท่ีเรียบง่ายท่ีสุด มี เง่ือนไขตามท่ีจ�ำเป็นคือให้น้อยที่สุด เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งท่ี อย่กู บั ปัจจบุ นั อยู่กับรกั ง่ายๆ ทส่ี ามารถมอบใหก้ ับคนรอบข้าง อาจจะดเู หมอื นวา่ เปน็ จดุ เลก็ ทไ่ี มย่ งิ่ ใหญ่ แตโ่ ดยแกน่ แทแ้ ลว้ นนั้ กลับเป็นสิ่งที่งดงามและทรงพลังที่สุด มันเป็นสัมผัสแห่งรักแท้ ท่ีไม่ต้องปรุงแต่งด้วยความนึกคิดว่าฉันจะรักคนท่ัวทั้งจักรวาล เพียงสามารถรักคนคนหน่ึงหรือรักคนท่ีอยู่รอบตัวได้จากหัวใจ รักนั้นจะสั่นสะเทือนไปเองท่ัวท้ังจักรวาล เพราะความรักไม่ได้ ต้องการมากมายแค่ความรู้สึกท่ีสั่นสะเทือนออกจากหัวใจจาก ความจริงใจ จากหัวใจจริงๆ คนที่มีความรักอยู่ภายใน เวลาที่มันสะเทือนออกมาคล่ืน ความรักจะแผ่ฟุ้งกระจายดูมั่นคง อบอุ่น และงดงาม ความรัก จะมาพร้อมกับความจริงเสมอ บางคร้ังมันอ่ิมเอมต้ืนตัน บาง ครั้งมนั เจ็บปวดปะปนไปกบั ความงดงาม คนท่ีมคี วามรกั จะรู้ว่า — 189 —

มันไหลเวียนส่งผา่ นอยา่ งสมดลุ และซาบซง้ึ มันเป็นรักงา่ ยๆ ที่ มนษุ ยม์ ใี หก้ นั ได้ มนั เปน็ สง่ิ ทส่ี อนกนั ไมไ่ ด้ เพราะเปน็ สงิ่ ทคี่ ดิ เอา เองไม่ได้ แต่ทำ� ให้ร้สู กึ ได้ดว้ ยมติ รภาพ ความปรารถนาดอี ันสุด ซ้ึง การช่วยเหลือสนับสนุน การแบ่งปันดูแลกันด้วยใจ การให้ จากภายในท่ไี ม่หวงั ผล รักงา่ ยๆ ท่มี นษุ ยม์ ีให้กนั ได้ ถ้าพูดในเชิงพลังงาน มนุษย์มีแหล่งพลังงานในตัวเองท่ี เชื่อมต่อกับสรรพสิ่งท่ัวจักรวาล พลังงานดังกล่าวไหลเวียนอยู่ เปน็ ปกติ มีการรบั สง่ กระแสบวกและลบตามธรรมชาติ เมื่อจิตประทับความรู้สึกบนกระแสบวก ความคิดก็เป็นไป ในทางบวก ส่วนจติ ทป่ี ระทับความรู้สึกลบ ความคดิ ก็เบนทิศไป ทางตรงกันขา้ ม ทกุ กระแสทีไ่ หลผ่านเข้ามากระทบ และประทบั ความรู้สึกต่างๆ ท่ีดวงจิตเพ่ือสนองความทะยานอยาก เป็น เครื่องวัดใจภายในถึงความ ‘พร่อง’ ของจิตท่ียังไม่ถูกเติมเต็ม ลกั ษณะของจติ ทม่ี ีความ ‘เตมิ เต็ม’ จะไม่โหยหาพลงั งานจากสิ่ง ภายนอก และพรอ้ มจะ ‘เปย่ี มลน้ ’ แผไ่ ปถึงคนรอบตัวตามเหตุ ตามปจั จัย ส่งิ เหลา่ น้ีเกดิ ข้นึ เพราะจิตของคนคนนั้น ‘ว่าง’ จริงๆ ไมใ่ ช่ วา่ งจากการคดิ หรอื การสรา้ งแบบจำ� ลอง (Model) ของความวา่ ง ท่ีเกิดจากกระบวนการของสมองที่มันหลอกเราอยู่ตลอดเวลา กระแสลบและบวกจะไหลผา่ น ณ จดุ ของความว่างน้นั อย่างต่อ เนอื่ ง ณ จดุ นั้นเป็นอาการจติ ที่ ‘รซู้ ือ่ ๆ’ คือ ไม่ต้าน แตก่ ็ไมไ่ หล — 190 —

ไปตามกระแส เม่ือไม่ไหลตาม จึงไม่เพลิด ไม่ยึด ไม่ประทับ แคร่ ซู้ อื่ ๆ อยา่ งนน้ั พลงั งานจงึ ไหลเวยี นเปน็ ปกติ จติ จงึ ไมพ่ รอ่ ง จงึ เตม็ เปย่ี มอยเู่ สมอ จติ เชน่ นคี้ วรแกง่ านอยา่ งยง่ิ งานในทนี่ คี้ อื ‘หน้าที่’ หน้าท่ีที่มนุษย์พึงมีต่อมนุษย์ เป็นหน้าท่ีของการรับใช้ ความรู้สึกเพ่ือนมนุษย์ ทั้งในยามที่ใจมนุษย์ขาดและในยามที่ ใจมนุษย์ล้นด้วยอัตตา อันเกิดจากความไม่สมดุลของโลกและ จักรวาลแห่งนี้ ตืน่ สชู่ วี ติ แหง่ การรับใช้ ทุกวันนี้มนุษย์โดยทั่วไปขาดสมดุลเยอะมาก อันเน่ืองมา จากกิเลสตัณหา ความกลัว ความกังวล ความคาดหวัง ความ อยาก ความปรารถนา การต้องการได้รับการยอมรับ การ ตอ้ งการความสำ� เรจ็ การจอ้ งตดั สนิ ดว้ ยทฏิ ฐอิ นั หลากหลาย ฯลฯ การรับใช้ความรู้สึกของเพ่ือนมนุษย์ในท่ีนี้ หมายถึง การ เขา้ ไป ‘เตมิ สมดลุ ’ ใหก้ บั เพอ่ื นมนษุ ยท์ อี่ ยรู่ อบตวั เรา คอยเขา้ ไป เตมิ กำ� ลงั ใจ หยอดความหว่ งใย ทงั้ โดยตรงและโดยออ้ ม ในยาม ทเ่ี พอ่ื นมนษุ ยเ์ กนิ เหมอื นนำ�้ ลน้ แกว้ เราจะเขา้ ไปรองรบั อตั ตาท่ี ลน้ นนั้ เหมอื นเอาถาดใบใหญไ่ ปชว่ ยรองรบั นำ้� ไมใ่ หต้ กกระเดน็ กระจายเรีย่ ราดไปโดนคนอน่ื ๆ การรบั ใชค้ วามรสู้ กึ เพอ่ื นมนษุ ยเ์ รม่ิ ตน้ จากการรบั ใชค้ นทเ่ี รา รกั จากนนั้ กเ็ ปน็ คนทเ่ี รารสู้ กึ เฉยๆ และรบั ใชค้ นทเ่ี ราเกลยี ด และ — 191 —

แมก้ ระทง่ั คนทีจ่ ้องจบั ผดิ เรา ไม่หวงั ดตี ่อเรา เรากย็ งั รับใช้ความ ร้สู ึกของเขา การรับใช้ความรสู้ กึ ของเพื่อนมนุษยน์ ั้น เปน็ ความสามารถ ในการทนต่ออัตตาตนเองและผู้อ่ืนได้ด้วยความเข้าใจ คือมี เมตตาจิต มคี วามรกั อยา่ งไรเ้ งื่อนไข ตามลำ� ดับข้นั 1. สามารถรับใช้ความร้สู กึ ของคนทีเ่ รารักได้ 2. สามารถรบั ใช้ความรู้สึกของคนทร่ี ู้สกึ เฉยๆ ได้ 3. สามารถรบั ใชค้ วามรสู้ กึ ของคนทฉ่ี ลาดแกมโกง เห็นเรา เปน็ เครื่องมอื หวังผลประโยชนแ์ กเ่ รา จอ้ งเอาเปรยี บเราได้ 4. สามารถรบั ใช้ความรู้สึกของคนทีเ่ ราเกลยี ดได้ 5. สามารถรบั ใชค้ วามรสู้ กึ ของคนทคี่ ดิ ทำ� รา้ ย/คนทไ่ี มเ่ ขา้ ใจ เรา/คนทไี่ มเ่ ห็นคา่ เรา/เหน็ เราเปน็ สง่ิ ทนี่ า่ ขยะแขยงได้ 6. สามารถรบั ใชค้ วามรสู้ กึ ของคนลแุ กอ่ ำ� นาจดว้ ยทฏิ ฐขิ อง ตนได้ 7. สามารถรับใช้ความรู้สึกของผู้ท่ีเข้าถึงความว่าง แต่เอา สงิ่ นัน้ มาใช้เพือ่ เอาผลประโยชนเ์ ขา้ ตวั ได้ แมด้ เู หมอื นเปน็ สง่ิ ทยี่ าก แตม่ นั ยากทใ่ี จของเรา เตม็ ไปดว้ ย ศักดศ์ิ รี และความถอื ตัว อัตตาของเราตวั ใหญ่ กวา่ จะน็อคมัน ได้บนเวที ใช้ก�ำลังหักหาญก็ไม่ได้ ต้องใช้ความเข้าใจ ใช้ความ เมตตากรุณาในระดับสูง มีความกล้าหาญ มีปัญญา มีอุบาย และทส่ี �ำคัญต้องมคี วามเสยี สละ — 192 —

สิ่งที่ได้คือ ความหลุดพ้นจากกองทุกข์ท่ีอยู่ตรงหน้า การ ได้โอกาสขัดเกลาตนเองในทุกๆ วัน การได้สละอัตตาท่ีสละได้ ยาก และทำ� ให้เราไดร้ ู้จกั ได้ยอมรบั ได้ใหอ้ ภัยตนเองและผูอ้ ืน่ ท้ังในปัจจุบันและอดีต ได้ความรู้สึกศิโรราบต่อพระธรรมชาติ ได้ปัจจุบันธรรมที่ไร้ความกลัวกังวลในอนาคตอันเกิดจากการ ถูกความคดิ คุมขัง ไดใ้ หโ้ อกาสตนเอง ใหโ้ อกาสเพ่อื นมนุษย์ ไม่ ว่าเขาจะถอื ครองความจรงิ แบบใด เขาเหล่าน้ีล้วนแต่เปน็ เพอื่ น รว่ มโลกทเี่ ราตอ้ งใหค้ วามรกั อยา่ งเปน็ ธรรม เพราะเราเองกเ็ ปน็ แคค่ นธรรมดาทมี่ โี อกาสผิดพล้ังพลาดไมต่ า่ งจากคนอ่ืนๆ ชีวติ จะเป็นอย่างไร หากใจไมต่ น่ื สมมตวิ า่ ผมไมเ่ คยไดผ้ า่ นประสบการณก์ ารตน่ื รู้ สง่ิ ทน่ี า่ จะ เปน็ กค็ งมสี ตริ ตู้ วั ไมต่ อ่ เนอ่ื ง เปน็ เหตใุ หร้ ไู้ มเ่ ทา่ ทนั ปจั จบุ นั ธรรม ทเี่ กดิ ขึ้น สงิ่ ทีน่ ่าจะได้จากการรูไ้ มเ่ ทา่ ทนั กค็ ือ มอง แต่ไม่เห็น ไดย้ ิน แต่ไม่ได้ฟัง ไดช้ มิ แต่ไม่รรู้ ส ได้สัมผสั แต่ไม่รู้สกึ ไดเ้ ข้าร่วม แตไ่ ม่เคยเรียนรู้ เพราะจมอยู่กับอตั ตา และความไมร่ ้สู ึกตวั สว่ นสงิ่ ทน่ี า่ จะเสยี กค็ อื การเสยี โอกาสทจี่ ะรบั รแู้ ละเรยี นรู้ — 193 —

ในสิ่งเหลา่ นีค้ อื เสียโอกาสท่ีจะได้รู้ถึงเหตุปัจจัยตั้งแต่ต้นจนจบ หมายถึง รู้การเกิดดับของเหตุปัจจัย “เพราะสิ่งน้ีมี ส่ิงนี้จึงมี เพราะสิ่งน้ี ไม่มี สงิ่ นีจ้ ึงไม่ม”ี ตามความเปน็ จรงิ เสียโอกาสท่ีจะได้รู้ว่าอะไรคือปัญหา อะไรไม่ใช่ปัญหา หมายถึง แยกแยะได้ว่าอะไรคือประเด็นหลัก อะไรคือประเด็น รอง และอะไรไมใ่ ช่ประเดน็ เสียโอกาสที่จะได้รู้ทางออกของปัญหาและวิธีป้องกัน หมายถงึ รู้ความจริงและอบุ ายในการดับตน้ ตอของปญั หา รวม ท้ังมีมาตรการป้องปราม มีทางหนีทีไล่ มีความยืดหยุ่น มีเหตุ และผลรองรบั ส่ิงต่างๆ ที่เกดิ ข้นึ หลมุ พรางบนเสน้ ทาง หากพูดถึงหลุมพรางของการตื่น เท่าท่ีประมวลจาก ประสบการณ์ที่ผ่านมาในฐานะฆราวาสธรรม สามารถแจกแจง เปน็ ล�ำดบั โดยสรุปความได้ดงั น้ี หลมุ ที่ 1 : อยากต่ืน - ใชค้ วามอยากเป็นวิถี หลุมท่ี 2 : กิเลสคนดี - คนอืน่ เลวหมด ฉนั ดอี ยูค่ นเดยี ว หลุมที่ 3 : กเิ ลสคนเกง่ - ขา้ รู้ ข้าเห็น ขา้ เกง่ ขา้ เปน็ ฉัน เพอรเ์ ฟค ฉันสงู สง่ ฉนั เป็นกรู ู (ตอบไดห้ มดครอบจกั รวาล) หลุมท่ี 4 : ติดรปู แบบ - วิธกี ารนถี้ ูกต้องทส่ี ดุ — 194 —

หลุมที่ 5 : ตดิ เจา้ สำ� นกั - อาจารยข์ องขา้ ใครอยา่ แตะ (ยดึ มัน่ ถือมัน่ ในตวั บุคคล) หลุมที่ 6 : ติดโลโก้ส�ำนัก - ส�ำนักกู ส�ำนักมึง (ยึดม่ันใน กลมุ่ คน) หลมุ ท่ี 7 : รหู้ มดแลว้ - อยา่ มาเผอื กสอนกอู กี หลุมที่ 8 : อยากได้รับการยอมรบั - มีความส�ำคญั ตน (ดู มานะ 9 ประการ), มแี รงเหวย่ี งข้นึ ลงทางความรูส้ ึกทไี่ ม่สมดลุ หลุมท่ี 9 : กับดกั ทางความคิด เชน่ 1) การอา้ งเหตผุ ลทุก รูปแบบเพื่อปกป้องกิเลสอัตตาตัณหาของตนเอง เพราะรู้สึก อับอาย กลัวกังวล กลัวเสยี เปรยี บ จงึ ไมย่ อมรบั ความจริง เช่น อ้างว่าไม่มีใครเข้าใจฉัน การโยนความผิดให้คนอ่ืนหรือส่ิงอ่ืน โดยถา่ ยเดยี ว (คอื ไมย่ อมวา่ ผดิ ทกุ กรณ)ี 2) การมแี ผน (เชน่ ตอ้ ง อยา่ งนัน้ , ต้องอยา่ งน้)ี มีความคาดหวงั 3) ยึดตดิ ในระบบความ คดิ เชน่ การตดั สนิ วา่ จรงิ -ไมจ่ รงิ , ถกู ตอ้ ง-ไมถ่ กู ตอ้ ง, เปน็ ธรรม- ไม่เปน็ ธรรม 4) ยดึ ตดิ ในระบบตรรกะ เช่น ถา้ วิธกี ารถูกต้องจะ ไดผ้ ลทีถ่ ูกตอ้ งเสมอ เปน็ ต้น 5) ยดึ ตดิ ในระบบภาษา เชน่ การ ยึดตดิ ว่าภาษาธรรมต้องเปน็ คำ� คม ค�ำสวยหรู ภาษาเทพ ภาษา อารยัน เทา่ น้นั 6) การนกึ เดาไปเองวา่ ตนเองต่ืนรู้ 7) การอ้าง ลทั ธกิ รรมเกา่ 8) การเกดิ สัญญาวปิ ลาส 9) การเกิดทิฏฐิวิปลาส 10) การคิดว่ากิเลสเป็นสิ่งที่ฆ่าได้ ทรมานได้ ด้วยการทรมาน กาย 11) คดิ วา่ ทวิภาวะทงั้ ปวงมีอยู่จริง — 195 —

หลมุ ท่ี 10 : กบั ดกั ทางความรสู้ กึ เชน่ 1) การไหลตามกระแส อารมณ์ท้ังปวง ได้แก่ อคติต่างๆ เช่น การยึดความพอใจเป็น อารมณ์ (โลกสวย) การยดึ ความไม่พอใจเปน็ อารมณ์ (โลกแตก) ยดึ แตค่ วามสขุ ปฏเิ สธทกุ ข์ (ยดึ ผล ปฏเิ สธเหต)ุ 2) การหลอกตวั เอง ใหอ้ ยู่ในโลกอุดมคติ เชน่ โลกทีม่ ีความถเี่ ดยี ว-ไร้ความแตกต่าง โลกทมี่ ีแตค่ นดีเท่านนั้ โลกท่ีมแี ตค่ วามสขุ ไมม่ ีความทกุ ข์ โลกที่ เป็นไปดงั่ ใจปรารถนา 3) การสรา้ งอัตตาซอ้ นอตั ตา (เล่นละคร โรงเลก็ ในละครโรงใหญ)่ หรอื สรา้ งตวั ตนจำ� ลอง เพอ่ื ใหต้ นกลาย เปน็ คนไมธ่ รรมดา ดพู เิ ศษ ดเู หนอื คนทวั่ ไปในโลกใบนี้ 4) เกลยี ด ความทุกข์หรือปัญหา 5) กลัวกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง 6) การ เสพติดรสชาติทางความรู้สึกทง้ั สขุ และทุกข์ หลมุ ท่ี 11 : อยากบรรลธุ รรม - รงั เกยี จสภาวปจั จบุ นั ปฏเิ สธ ความไม่สงบ ปฏิเสธความไม่สมดุล หลุมท่ี 12 : หาคน say yes - เพือ่ รับรองว่าตนบรรลธุ รรม (แตถ่ า้ มปี ญั หากโ็ ทษคนท่รี ับรองใหน้ แี่ หละ) หลุมท่ี 13 : ผวู้ เิ ศษ - สอนคนอ่นื ในฐานะผวู้ เิ ศษ สิง่ ทส่ี อน ต้องไม่ธรรมดา ต้องอยู่เหนือธรรมชาติ ต้องดูเหมือนมีพลัง อำ� นาจอยเู่ หนือกวา่ สรรพสงิ่ ท้งั ปวง หลุมที่ 14 : อหงั การ - อันธพาลทางจติ วิญญาณท่เี ทยี่ วกด ข่มคนโนน้ คนน้ี หรือหยบิ เอาธรรมผรู้ ู้มากดข่มคนอนื่ เพ่ือความ สาแก่ใจ หลุมท่ี 15 : เจ้าส�ำนกั /เจา้ ชวี ติ - หวงลกู ศิษย์ ยึดตดิ วา่ น่ี คือศิษย์กู นั่นศิษย์มึง นี่คนของกู นั่นคนของมึง (ติดในระดับ connect เฉพาะกลมุ่ ) — 196 —

หลมุ ท่ี 16 : ตงั เหนยี ว - รไู้ มเ่ ทา่ ทนั อนสุ ยั กเิ ลสทน่ี อนเนอ่ื ง หลมุ ท่ี 17 : รวู้ า่ ง - ยดึ ความไมส่ ขุ ไมท่ กุ ข์ (อทกุ ขมสขุ เวทนา) เป็นอารมณ์ ตดิ รูปฌาน ติดอรูปฌาน หลงคดิ วา่ นั่นคือนิพพาน หลุมท่ี 18 : เสพความบรสิ ทุ ธ์ิ - เสพติดเอนดอรฟ์ นิ ท่หี ล่งั ออกมาจากสมอง หลุมที่ 19 : เสพติดพลังงานระดับสงู - เสพตดิ ความสำ� เร็จ การไดร้ บั การยอมรบั ในระดบั สงู ไมส่ ลดั คนื สธู่ รรมชาติ เพอื่ เขา้ สู่ Oneness แต่ละข้อสามารถแบ่งออกเป็น 19 มิติหรือมากกว่าน้ัน และแต่ละมิติยังแบ่งออกไปได้อีกเป็นอนันต์ หลุมพรางเหล่านี้ เป็นเร่ืองของการเรียนรู้ ไมใ่ ชเ่ ร่อื งท่คี วรกลวั หรือวิตกกงั วลจน ฟุง้ ซ่าน คนที่เคยตก 10,000 หลุม (ตัวเลขสมมติ) ยังไม่ลึกซึ้งเท่า คนที่รู้ว่านี่คือหลุม แต่ก็ยังกล้ากระโดดลงไปเพ่ือเรียนรู้ หลุม ละ 10,000 คร้ัง เป็นหนูติดจั่นที่รู้ว่าตัวเองติดจ่ัน (ด�ำรงอยู่ใน วัฏฏะด้วยความรู้สึกตัว) เชี่ยวชาญ-ช�ำนาญในการเข้าและออก รู้กระบวนการผูก รู้กระบวนการแก้ (คือเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้) จนสามารถเหน็ เหตปุ ัจจัยได้อยา่ งทะลปุ รุโปร่ง สามารถเป็นผ้ชู ้ี ใหเ้ หน็ ซึ่งคุณ-โทษและทางออกได้ เปน็ กลั ยาณมติ รผูร้ รู้ อบด้วย ปัญญาธรรม อุบายธรรม เป็นสหธรรมิกผู้ร่วมเดินทางภายใน เพอ่ื ประโยชน์ตนประโยชนท์ า่ นอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ — 197 —

ต่ืนทต่ี น สูต่ ่ืนท้ังสังคม การตื่นเพื่อรู้เป็นเพียงข้ันเร่ิมต้น ปัญญาเป็นแค่ส่วน ประกอบ หากไมส่ ามารถเช่ือมต่อ (The Connected Universe) ให้เกิดความรักในเพอื่ นมนุษยไ์ ด้ การตนื่ รูห้ รอื ปญั ญาใดๆ กไ็ ร้ ความหมาย เพราะสุดท้ายมนั จะนำ� ไปสู่ความเสอ่ื มในท่ีสุด ในทางตรงขา้ ม ถา้ ผตู้ น่ื รแู้ สวงหาการมสี ว่ นรว่ ม เปดิ ใจเพอ่ื เชื่อมต่อกันและกันเพื่อเข้าถึง Oneness กับตนเองและผู้อื่น เอกภาพบนความหลากหลายจะบังเกิดขึ้น เหมือนค�ำว่า “สหธรรมิกชน” หมายถึง บุคคล/กลุ่มชน ที่มีธรรมหลากหลาย แตก่ อ็ ย่รู ่วมกนั ได้ มีกระบวนการเรียนรู้ซึ่งกันและกันทั้งในกระแสท่ีเป็นลบ และบวก จนเข้าใจ ยอมรับ และปล่อยวางในทกุ กระแส ผู้เดินบนวิถีของ Oneness จะไม่ปฏิเสธใคร ทั้งไม่โอบอุ้ม หรือหล่อเล้ียงใครด้วยความไม่จริง คือ ไม่หล่อเลี้ยงกันด้วย ความพอใจหรอื ไมพ่ อใจ ไมต่ กเปน็ ทาสของความกลวั และความ ไมจ่ รงิ เชอ่ื มตอ่ กนั แตไ่ มเ่ กาะเกย่ี วกนั เปน็ กลั ยาณมติ รทมี่ ธี รรม เปน็ กลั ยาณมติ รตอ่ กนั คอื เคารพในธรรมของกนั และกนั แมเ้ หน็ ตา่ งกนั มนษุ ยป์ ระกอบดว้ ยรา่ งกายและจติ ใจ รา่ งกายและจติ ใจ คือขันธ์ 5 Oneness ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเกิดข้ึนจาก ‘การปล่อย วางระบบพลังงาน (ขันธ์ 5)’ คืนสู่ธรรมชาติด้ังเดิม เหลือเพียง — 198 —

การ ‘รบั ร’ู้ ท่ี ‘วา่ งรู้’ อยา่ งเปน็ ธรรมชาติ ธรรมดา มคี วามเปน็ ไปทเ่ี ชอื่ มตอ่ กนั เปน็ ลกู โซ่ มคี วามไหลเวยี นเปน็ ปกติ มที งั้ กระแส บวกและลบ ทง้ั สภาวะการสรา้ งและทำ� ลาย มที งั้ การเกดิ ขนึ้ และ ดบั ลง มคี วามเปน็ เหตเุ ปน็ ปจั จยั ซง่ึ กนั และกนั สภาวะ ‘การรบั ร’ู้ ทีไ่ หลเวยี นเปน็ ปกตเิ ชน่ น้ี คือ Oneness เมอ่ื ผตู้ น่ื รสู้ ามารถรวมใจกนั ใหเ้ ปน็ Oneness ยอ่ มสามารถ สรา้ งสรรคส์ งั คมเพอื่ ใหเ้ กดิ สงิ่ แวดลอ้ มทเี่ หมาะสมรว่ มกนั ไดด้ ว้ ย ความรักความเข้าใจ ความงามในจิตใจ และความรักในเพ่ือน มนษุ ย์ตามความเปน็ จริง สง่ิ ทที่ ำ� ไดเ้ ลยกค็ อื ความเขา้ ใจ การยอมรบั และอภยั ตนเอง จากนนั้ ก็มองให้เห็นตามความเปน็ จริงว่า ‘การเชื่อมต่อ” (Con- nect) ด้วยอ�ำนาจและผลประโยชน์ แทจ้ ริงแลว้ เปน็ ‘การปฏิเสธ การเชื่อมต่อ’ (Disconnect) การเชื่อมต่อให้ลึกถึงระดับความ รู้สึกทางจิตใจน้ัน จะเกิดข้ึนได้ก็ด้วยการเข้าถึงความจริง ความ งาม ความรักในตัวมนุษย์ เข้าใจตนเอง เห็นใจเห็นผู้อื่น เช่ือม โยงดว้ ยความรักความเขา้ ใจกบั เพื่อนมนษุ ย์ หากมีชุมชนต้นแบบที่ Connect กันเป็น Oneness ได้ ก็ คงจะ ‘ดตี อ่ ใจ’ กบั หลายๆ คนไมน่ อ้ ย เปน็ สงั คมแหง่ การแบง่ ปนั และดูแลกันและกัน (Sharing and Caring) ด้วยหลักฆราวาส ธรรม ซ่ึงรวมกลุ่มคนในหลากหลายอาชีพให้มาอยู่รวมกันด้วย วิถี Oneness — 199 —

สูห่ น่งึ อนาคตเดยี วกนั สำ� หรบั มมุ มองผม ผมใหค้ า่ กบั ความรสู้ กึ มากกวา่ เหตกุ ารณ์ ทีเ่ กิดข้ึน มนษุ ย์ควรตระหนกั รู้ (รสู้ ึกตัวทั่วพรอ้ ม) วา่ ทกุ คนมจี ติ วิญญาณ วิญญาณในท่ีน้ีคือ ‘การเช่ือมต่อ’ (The Connected Universe) ท�ำไมธรรมชาติจึงไม่สร้างให้มนุษย์มีความสมบูรณ์แบบใน ทกุ ดา้ น นน่ั เพราะธรรมชาตสิ รา้ งมนษุ ยใ์ หม้ าเชอ่ื มตอ่ เพอ่ื เรยี นรู้ ซงึ่ กนั และกนั เพอื่ ใหเ้ ตมิ เตม็ สงิ่ ทข่ี าดหายของกนั และกนั มนษุ ย์ ผตู้ ระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ในขอ้ นจี้ งึ เรม่ิ ปฏวิ ตั ติ นเองใหส้ มดลุ กบั ธรรมชาติ เริม่ ตน้ จาก (1) สนใจความรสู้ กึ ของตนเองใหน้ อ้ ยลง แตส่ นใจความรสู้ กึ ของคนรอบข้างให้มากขึ้น (หลกั การออกจากตนเอง) (2) คิดให้น้อยลง แต่รู้สึกให้มากขึ้น (หลักการออกจากกล ลวงของสมอง) (3) มคี วามนอบน้อมตอ่ ธรรมชาติ และมนษุ ย์ทกุ คนกเ็ ป็น ส่วนหน่ึงของธรรมชาติท่ีควรให้การนอบน้อมกันและกัน แม้ พระก็ต้องนอบน้อมต่อฆราวาสตามหลัก ‘ชีวิตเราเนื่องด้วยผู้ อน่ื เราควรทำ� ตวั ใหเ้ ขาเล้ียงงา่ ย’ และฆราวาสกต็ ้องนอบนอ้ ม ตอ่ พระสงฆใ์ นฐานะเปน็ หนงึ่ ในพระรตั นตรยั และเปน็ ธงชยั แหง่ อรหนั ตคุณ (หลักการแห่งความเคารพนอบนอ้ มต่อกนั และกัน) — 200 —