Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore One Moment เปลี่ยนชีวิต

One Moment เปลี่ยนชีวิต

Description: One Moment เปลี่ยนชีวิต

Search

Read the Text Version

ยุคนี้เป็นยุคท่ีมีค�ำสอนของพระพุทธเจ้าและมีผู้ต่ืนรู้ จ�ำนวนมาก มีผู้ที่เข้าถึงกระบวนการตื่นรู้ในหลายรูปแบบ ไม่ได้หมายความเพียงเฉพาะแนวทางศาสนาเท่านั้น การต่ืน และตระหนกั รคู้ อื การไดเ้ ขา้ ถงึ จติ วญิ ญาณของตวั เองจรงิ ๆ ไดม้ ี โอกาสเขา้ ใจและรจู้ กั จติ เดมิ แทแ้ ละตวั ตนจรงิ ๆ ดำ� เนนิ ชวี ติ โดย ไม่เบียดเบยี นตนเองและผอู้ น่ื จริงๆ ได้ นัน่ คือผูต้ น่ื รูซ้ งึ่ มหี ลาก หลายสาขาอาชีพ หลากหลายแบบไม่จ�ำกัดเฉพาะว่าต้องเป็น พระ หรอื นกั บวชในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ฉะนั้น ก้าวเล็กๆ คือเร่ิมจากตัวเราและคนรอบข้างตัวเรา การเรยี นรจู้ ากตวั เองไมใ่ ชเ่ รอื่ งยากแคต่ อ้ งใหเ้ วลากบั ตวั เอง โดย เฉพาะในปจั จบุ นั สามารถเขา้ ถงึ แหลง่ ขอ้ มลู เพอ่ื ศกึ ษาคน้ ควา้ ได้ เมอ่ื ปญั ญาเกดิ ขน้ึ เราจะมองเหน็ วา่ ธรรมชาตทิ กุ อยา่ งเชอื่ มโยง กบั เราอยา่ งกลมกลนื ไมแ่ บง่ แยก แตส่ ง่ิ ทแ่ี ปลกแยกคอื กเิ ลส เมอื่ เรากลบั ไปสบู่ า้ นภายใน คอื จติ เดมิ แทข้ องตวั เอง เราจะสามารถ เขา้ ใจธรรมชาติ เขา้ ถงึ ความจริงและไม่แปลกแยกอกี ต่อไป เป็น หนึ่งเดียว (Oneness) เชื่อมต่อกับอีกหลายๆ สรรพสิ่งได้จาก ภายในของเรา ไมแ่ บ่งแยกเป็นตวั ตน บุคคล เรา เขา และเม่อื เราเช่ือมต่อการต่ืนรู้กับผู้ท่ีต่ืนรู้คนอื่นได้เรื่อยๆ ก็จะก่อให้เกิด พลงั ดีๆ มหาศาล แตจ่ ดุ เลก็ ๆ ทสี่ ำ� คัญ คอื ต้องเร่มิ จากตัวเราเอง — 251 —

— 252 —

อุปสรรคสำ�คญั ของการตืน่ รู้ คือ ตวั เอง การงม การจมแช่ กำ�หนดใหม้ รี ูปแบบ แนวทาง ความเชื่อ และเมือ่ ไรที่เราออกจากส่ิงเหลา่ น้ีได้ นัน่ คอื การตื่นร้แู ละเปน็ อสิ ระจากตวั เอง พระปกรณ์นนั ทน์ ฐิตธมโฺ ม — 253 —

ไมต่ ่อสู้ กบั ความมืด — 254 —

พระปกรณน์ นั ทน์ ฐติ ธมโฺ ม ‘ตืน่ ’ ออกจากส่ิงท่ี (เคย) ‘ร’ู้ และหากลองทบทวน ‘สิ่งท่ี (เคย) รู้’ น้ี ว่ามีต้นตอมาจากอะไร ที่มาของมันมาจากไหน เรารู้ได้อย่างไร ไม่รู้ ได้อย่างไร เมื่อทบทวนอย่างตรงไปตรงมาแล้วเราอาจได้ค�ำตอบของ สิ่งท่ีเรา (เคย) รู้หลายอย่างว่า มาจากส่ิงท่ีมนุษย์สมมติข้ึน มาจาก ส่ิงท่ีเราสร้างข้ึน และหลายคร้ัง เราถูกพันธนาการ ใจของเราถูก พนั ธนาการ — 255 —

นน่ั คอื ความความเหน็ ของตอ่ การ ‘ตน่ื ร’ู้ ของพระปกรณน์ นั ทน์ ฐติ ธมฺโม อายุ 43 ปี “หมายความว่า มนุษย์สร้างส่ิงสมมุติข้ึน และก็ไปหลงสิ่ง สมมุติน้ันท้ังที่เป็นสิ่งท่ีเราสร้างข้ึนมาเอง หมายความว่าความ ทกุ ขก์ ไ็ มไ่ ดต้ ง้ั อยจู่ รงิ เชน่ กนั แตห่ ากไมต่ นื่ เราจะถกู พนั ธนาการ โดยเฉพาะ ‘จิต’ จะถูกพันธนาการ “เมอ่ื ไรทเ่ี ราตนื่ ความหลงนนั้ กจ็ ะหายไป จากทเี่ คยมคี วาม คิดฟุ้งซ่านก็จะหายไปเหลือแต่ความคิดที่จ�ำเป็นจริงๆ ร่างกาย จะโปร่งโลง่ เป็นการปรับธาตขุ นั ธห์ รอื ปรบั รา่ งกายไปในตวั ” ทา่ นคดิ วา่ ขอ้ คน้ พบหรอื สง่ิ สำ� คญั ทไี่ ดจ้ ากการเรยี นรเู้ รอ่ื ง ภายใน การต่นื เพื่อรู้คอื อะไร พบว่าการพิชิตพลังแห่งความมืด ไม่ใช่การต่อสู้กับความ มืด แต่เป็นการผ่านออกไปจากรูป นาม จิต และสรรพส่ิง จน คลคี่ ลายจากโมหะหรอื ความหลงได้ และเมอื่ จติ วญิ ญาณดวงหนงึ่ ตน่ื ขนึ้ จะสง่ ผลตอ่ จติ วญิ ญาณ อ่ืนอีกมากมาย แก่นแท้แห่งแสงจะส่องกระจายในทุกพื้นท่ีที่ ผู้ตนื่ ร้ไู ด้เดนิ ทางผา่ นไป เมื่อแกน่ แทแ้ หง่ แสงส่องประกาย เมอื่ ไร้ตัวตน อานุภาพก็กว้างขวางไร้ขอบเขต และไม่อาจจะบดบัง แสงแหง่ นริ ันดรอ์ นั เป็นคุณสมบตั ดิ งั้ เดมิ แห่งการตื่นรู้ — 256 —

อะไรคืออุปสรรคส�ำคัญหรือหลุมพรางที่ต้องเจอระหว่าง การเดนิ ทางไปสกู่ ารตื่นรนู้ ้ี ความหว่ันไหว ความกลัว ความสงสัย ทั้งหมดน้ีล้วนถูก สร้างข้ึนจากอ�ำนาจของมายาชั่วคราวเท่านั้น และมายาที่ย่ิง ใหญ่ท่ีสุดในโลกน้ีก็คือมายาที่แห่งการแบ่งแยกซ่ึงท�ำให้เราไกล หา่ งจากธรรมชาติทีแ่ ท้จรงิ ความจรงิ ภายนอกและภายใน ทัง้ ในรปู นาม กาย จติ และ ในจักรวาล ล้วนเป็นส่ิงเดียวกันที่ใจเราไม่อาจแบ่งแยก เพราะ เมอื่ ไรทแ่ี บง่ แยก กจ็ ะมี ‘ใช-่ ไมใ่ ช’่ ‘จรงิ -ไมจ่ รงิ ’ ‘ปรงุ แตง่ -ไมป่ รงุ แต่ง’ ซ่ึงเร่ืองนี้ก็ล้วนมาจากสังขารทั้งน้ัน ถ้าไม่ให้ความหมาย ไมม่ กี ารแบ่งแยก กม็ ีจิตเดิมแทป้ รากฏข้ึนต่อหนา้ ทันที อุปสรรคสำ� คญั ของการต่ืนรู้ คอื ตวั เอง การงม การจมแช่ กำ� หนดใหม้ รี ปู แบบ แนวทาง ความเชอ่ื และเมอื่ ไรทเี่ ราออกจาก สง่ิ เหลา่ นไ้ี ด้ น่ันคือการตืน่ รู้และเปน็ อิสระจากตวั เอง หากยังใช้ความคิดมวลหนัก ไม่ว่าจะเป็น ตรรกะ สัญชาตญาณ ความรู้ ความเชื่อ ความเห็น ความหมาย คติ อคติ ทิฐิ อุปาทาน เหลา่ นี้ ก็มิอาจกา้ วขา้ มห้วงเวลาได้ แตจ่ ง แยกความคิดออกจากร่างกายและปล่อยให้เป็นไปโดยไม่ต้อง ค�ำนึงถึง ใหเ้ ปน็ ไปอย่างอตั โนมตั ิไปสู่ธาตุแหง่ ความบริสุทธิ์ — 257 —

อย่ายดึ อะไรเปน็ ทมี่ ่ันจน ‘ขงั ’ ตัวเอง เพราะทกุ ๆ ส่ิงทเ่ี ธอ พบ เปน็ เพยี งภาพมายาทส่ี ะทอ้ นออกมาจากจติ ของเธอเอง ให้ เรยี นรวู้ า่ อารมณไ์ มเ่ คยเทย่ี ง ไมว่ า่ จะเปน็ สสารและพลงั งานบน ใบโลกน้ี กไ็ มม่ ผี หู้ นง่ึ ผใู้ ดเปน็ เจา้ ของ แตเ่ มอื่ เราหลงยดึ วา่ นนั่ คอื ความจริง เราก็ไม่หลุดพ้นบ่วงกรรมไปได้ เรามิได้วิปัสสนาด้วยเจตนาจะดับตัวตนเพราะไม่เคยมีตัว ตนใหด้ ับ แตต่ อ้ งการดับอุปาทานว่ามีตวั มตี น ท่านมีค�ำแนะน�ำหรือฝากให้กับผู้ที่สนใจเรียนรู้เรื่องนี้ว่า อยา่ งไร “สรรพสิ่งหาได้เป็นเหตุแห่งทุกข์ไม่ ความหลงผิดต่างหาก ท่ีเป็นตัวการ” จงเตอื นตวั เองวา่ “ความทกุ ขท์ ง้ั ปวงทเี่ ราประสบอยขู่ ณะนี้ คือภาพลวงตา ไม่เท่ียงแท้แน่นอน ไม่มีธรรมชาติท่แี ท้จรงิ เปน็ ดงั่ เชน่ ความฝนั ” ผบู้ รรลญุ าณ จะรวู้ า่ แมแ้ ตก่ ารตาย สถานท่ี เหตกุ ารณ์ เวลา ลว้ นถกู กำ� หนดมาทง้ั สน้ิ ไมใ่ ชพ่ ระเจา้ ดวงดาว หรอื ลายมอื เปน็ ผู้ก�ำหนด แต่จิตและกรรมเก่าต่างหากเป็นตวั กำ� หนด — 258 —

ชีวติ คือละคร กรรมเกา่ คอื บท ผู้กำ� กบั คือเจา้ กรรมนายเวร ธรรมชาติคือผูอ้ ำ� นวยสร้าง แสงและเวลา เป็นเคร่อื งมือในการ ถา่ ยทำ� เราไมส่ ามารถแกไ้ ขตน้ เรอ่ื งได้ แตเ่ ราเปลย่ี นแปลงไดด้ ว้ ย การเขยี นบทใหม่ นนั่ กค็ อื การเรม่ิ สรา้ งกรรมดี ตน่ื ออกจากสงิ่ ทร่ี ู้ มปี ระเดน็ อน่ื ที่อยากฝากไหม เมอ่ื ตื่นรู้ จนเปน็ วสี ทัง้ คน ทั้งจติ ทัง้ นพิ พาน ทงั้ สังสารวัฏ ลว้ นเป็นความวา่ ง ทีเ่ สมอเทา่ กนั หมด คลี่คลายท้ังหมดทุกชั้นภูมิ ด้วยมหาสุญญตา เม่ือไรเมื่อ ไร้ซง่ึ ความคิด ไม่จม ไมง่ ม ไม่แช่ ไม่ก�ำหนดกบั สิง่ ใดๆ รปู นาม กายจติ นี้ กธ็ าตทุ ห่ี มนุ เวยี นทง้ั บรสิ ทุ ธิ์ และไมบ่ รสิ ทุ ธิ์ ทา่ มกลาง ธรรมชาติท่ีอิสระ แบบฉับพลันอากาศ ดิน น้�ำ และ มนุษย์ ก็ไม่ได้บอกว่ามันคือมนุษย์แบบเดิมๆ ที่ไร้สมมุติบัญญัติ ไร้ ชื่อเรียก ไร้ความหมาย แม้ความว่าง หรือ หลุดพ้น ซ่ึงมีกัน ทกุ ๆ คน ทกุ ๆ ขณะ — 259 —

ความจรงิ ของความจริง — 260 —

รศ.นพ.ธวัชชยั กฤษณะประกรกิจ “เหมือนคนไม่เคยล้ิมรสน�้ำผึ้ง ถึงมีคนบอกเล่าว่าน้�ำผ้ึงหอมหวาน อย่างไร ก็ไม่อาจเข้าใจความหวานหอมที่ว่าได้ แต่เม่ือได้ล้ิมรสสักครั้ง ก็จะ รูซ้ ง้ึ ตลอดไป” คอื อปุ มาทว่ี า่ ทำ� ไมตอ้ ง‘ตน่ื ร’ู้ และทำ� ไมรศ.นพ.ธวชั ชยั กฤษณะประกรกจิ ผู้อ�ำนวยการศูนย์อนัมคาราเพื่อปัญญาเมตตาและสันติสุข จิตแพทย์ และ อาจารย์ถ่ายทอดพุทธศาสนานิกายวัชรยานและอติโยคะ-ซกเช็น จึงไม่เคย หยุดศกึ ษาทบทวนทัง้ โลกภายนอกและในตวั เองเลย — 261 —

ทว่ี า่ ไมเ่ คยหยดุ ศกึ ษา เพราะนอกจากนายแพทยธ์ วชั ชยั จะ มุ่งศึกษาด้านจิตเวชศาสตร์ ซ่ึงนัยหนึ่งคือศาสตร์บ�ำบัดในทาง โลก เขายังสนใจการบ�ำบัดทางธรรม เดินทางไปอบรมศาสตร์ กณุ ฑลินโี ยคะ ณ The Movement Center กับ Swami Cheta- nananda ผ้เู ขียนหนังสือ Dynamic Stillness เมอื งพอรต์ แลนด์ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมรกิ า กณุ ฑลนิ โี ยคะ คอื โยคะที่เน้นการปลกุ จกั ระทัง้ 7 หรอื ศนู ย์ พลังงานในรา่ งกายมนุษย์ เนน้ การก�ำหนดลมหายใจพรอ้ มปรบั ท่าทางของร่างกายท่ีถูกต้อง ให้ตรงกับการเรียงตัวของกระดูก สนั หลังในรา่ งกาย แตผ่ ฝู้ ึกจะตอ้ งท�ำงานในระดบั จติ ใจ อารมณ์ ความรู้สึกควบคู่ไปด้วย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ากุณฑลินีโยคะ คือ ศาสตร์การแพทย์ที่เชื่อมโลกวิทยาศาสตร์เข้ากับการท�ำงานใน โลกภายในของมนุษย์และคำ� อธบิ ายทางศาสนา หากใหท้ บทวนวา่ ทำ� ไมเขาจงึ สนใจเดนิ ในทางทค่ี นสว่ นใหญ่ ระบวุ า่ คอื โลกคขู่ นาน ระหวา่ ง ‘แพทยใ์ นทางวทิ ยาศาสตร’์ และ ‘การบำ� บดั ในทางธรรม’ เขายนื ยนั ชดั ‘ไมม่ อี ะไรเปน็ เรอ่ื งบงั เอญิ ’ และถงึ ทสี่ ดุ ‘เสน้ แบง่ ’ ของโลกคขู่ นานทวี่ า่ อาจไมม่ จี รงิ เปน็ แต่ เพียงสง่ิ สมมุตทิ ่ขี ดี ข้ึนก็ได้ และหากไดฟ้ งั การเรอื่ งราวและการเดนิ ทางของนายแพทย์ ธวชั ชยั สดุ ทา้ ยอาจสรุปเชน่ นน้ั … ‘ไมม่ อี ะไรเป็นเรอื่ งบงั เอิญ’ — 262 —

การเปน็ จิตแพทย์ไมใ่ ช่เร่อื งบังเอิญ เด็กชายธวัชชัยเกิดในครอบครัวคนจีน เป็นบุตรคนท่ี 3 จากพ่ีน้องทั้งหมด 5 คน จบการศึกษาชั้นประถมและมัธยมที่ โรงเรยี นเซนตค์ าเบรียล แลว้ สอบเขา้ เป็นนกั ศึกษาแพทย์ คณะ แพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วไปเป็นแพทย์เต็ม ตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นอยู่ระยะหน่ึง จึงโอนย้ายเป็น อาจารยท์ คี่ ณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ทำ� งานสอน จนดำ� รงตำ� แหนง่ ทางวชิ าการเปน็ รองศาสตราจารย์ ตอ่ มาจงึ เขา้ ท�ำงานทศี่ นู ยอ์ นัมคาราฯ ในเรอื่ งจิตใต้ส�ำนกึ บ�ำบัด เมอ่ื ถามวา่ ตง้ั แตเ่ มอื่ ไรทเี่ ขาเรม่ิ สนใจศาสตรท์ างธรรมหรอื การสำ� รวจโลกภายใน นายแพทยธ์ วชั ชยั ตอบวา่ เปน็ ความสนใจ ส่วนตวั ตั้งแตเ่ ด็กๆ และจุดประสงค์ทต่ี ัง้ ใจศึกษาเรยี นรู้เพอื่ เปน็ จติ แพทย์ กไ็ มเ่ คยเปน็ เรอ่ื งบงั เอญิ “ตั้งแต่จ�ำความได้ สิ่งท่ีอยู่ในความสงสัยและสนใจของตัว เองคอื ความจรงิ ของชีวติ  ของโลก และอะไรคือความจรงิ สงู สุด เช่น สงสัยกับตัวตนของตัวเองว่ามีจริงไหม ท�ำไมบางครั้งเรา สำ� นกึ หรอื รวู้ า่ มี ‘ตวั ฉนั ’ ทำ� ไมบางครง้ั ทท่ี ำ� อะไรเพลนิ ๆ ‘ตวั ฉนั ’ ก็หายไป สงสัยวา่ ‘ตวั ฉัน’ ในตอนเช้า ยังเปน็ ‘ตัวฉัน’ ในตอน กลางวนั อยไู่ หม สงสัยว่า ‘ตวั ฉัน’ มีความต่อเน่อื งจริงๆ หรือ? สงสัยว่าโลกหรือสิ่งท่ีอยู่รอบตัวเราเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียง ฉากในละคร ผมหรอื เดก็ คนนนั้ กจ็ ะไปแอบอยมู่ มุ ตกึ เพอื่ สงั เกต — 263 —

ชวี ติ ของผคู้ นวา่ เขาใชช้ วี ติ กนั อยา่ งไร หากไมม่ เี ราเขา้ ไปรบั รู้ ทกุ คนหรอื ทกุ สงิ่ ยังเปน็ อยา่ งทเี่ ปน็ ไหม  “น่ีคงเป็นความสนใจหนึ่งที่ท�ำให้เราฝึกสมาธิต้ังแต่เด็ก ใช้ เวลาทบทวนหนังสือเรียน สลับกับอ่านหนังสือธรรมะและฝึก สมาธไิ ปดว้ ย ทเี่ ราเลอื กเรยี นแพทย์ ตง้ั ใจเปน็ จติ แพทย์ กเ็ พราะ มใี จปรารถนาจะชว่ ยผทู้ ม่ี คี วามทกุ ขใ์ จ อยากใหเ้ ขามคี วามสขุ มี รอยย้มิ มคี วามเข้าใจชีวิตมากขน้ึ ” นายแพทย์ธวัชชัยกลา่ ว มหศั จรรย์ความฝนั ที่ยงั จำ� ได้ หากการเป็นจิตแพทยไ์ ม่ใชเ่ รอ่ื งบงั เอิญ อย่างนอ้ ย มนุษย์ คนหนึ่งต้องผ่านความขยันหม่ันเพียรจนส�ำเร็จการศึกษา ในศาสตร์ที่ขึ้นชื่อเร่ืองความแม่นย�ำในต�ำรา ต�ำราที่ว่ายังมี มากมายหลากหลายทฤษฎใี หต้ อ้ งทอ่ งจำ� ทงั้ ยงั ตอ้ งทำ� งานอยา่ ง เข้มงวด เก็บเก่ียวประสบการณ์อยู่นานปีเพื่อเป็นผู้เช่ียวชาญ ในสาขาน้นั ๆ แต่การเป็นผู้เช่ียวชาญเฉพาะด้าน โดยเฉพาะต้องผสาน ระหวา่ งทฤษฎวี ทิ ยาศาสตรก์ บั การบำ� บดั จติ ใจในทางธรรม อาจ ต้องบอกว่า ไม่ใช่จติ แพทย์ทกุ คนท่ีจะใฝใ่ จ ที่มาของเรื่องท้ังหมด นายแพทย์ธวัชชัยเล่าว่ามาจาก ประสบการณ์ชีวิต 2 เหตุการณ์ใหญ่ที่ได้จากการน่ังสมาธิ ในวยั เด็กและนิมิตในวยั กลางคน — 264 —

“เมอ่ื ฝกึ สมาธจิ นจติ สงบนงิ่ มปี รากฏการณเ์ หนอื คำ� อธบิ าย มากมายเกิดขึ้น ท่ีท�ำให้เช่ือมั่นว่ายังมีความจริงอื่นท่ีอยู่เหนือ การรบั รจู้ ากสมั ผสั ปกติ และเราอยากและตอ้ งไปแสวงหาใหถ้ งึ ที่ สดุ ของความจรงิ น้นั ใหไ้ ด้  “ในเวลานนั้ ผมไมร่ วู้ า่ สง่ิ นคี้ อื อะไรจนเมอ่ื มาศกึ ษาอตโิ ยคะ- ซกเชน็ ในวชั รยาน ถงึ เขา้ ใจวา่ นค่ี อื การถา่ ยทอดความรขู้ ององค์ คุรุแบบจิตสูจ่ ิต หรอื Mind transmission” แม้จะเพิ่งเข้าใจปรากฏการณ์นั้นในวันที่เขาโตข้ึนและได้ ศึกษาอติโยคะ-ซกเช็น หรือการปฏิบัติในพุทธศาสนานิกาย วัชรยาน แตถ่ อื เป็นประสบการณ์หน่งึ ทท่ี �ำใหน้ ายแพทย์ธวชั ชัย ซึ่งแม้จะเรียนแพทย์และฝึกอบรมเป็นผู้เช่ียวชาญเฉพาะทาง จติ เวชแลว้ ยงั คงศกึ ษาปฏบิ ตั ธิ รรมหลากหลายสำ� นกั ทง้ั ในและ ตา่ งประเทศ และหาทางศกึ ษากบั ผเู้ ชย่ี วชาญเฉพาะของสาขานนั้ ๆ “ในการศึกษาและปฏิบัติธรรม ผมจะดั้นด้นสืบเสาะไป เรยี นรู้จากครอู าจารยต์ ้นต�ำรับของแนวทางน้ันๆ ทัง้ ที่ อังกฤษ สหรัฐอเมรกิ า อินเดีย และยงั ได้บวช 1 พรรษาที่วดั ถ้�ำผาปู่ ใน สายหลวงปคู่ ำ� ดี ปภาโส ศษิ ยห์ ลวงปมู่ น่ั ภรู ทิ ตั โต ทงั้ หมดนเี้ พอ่ื พยายามต่อจิ๊กซอวข์ องความจริงแทใ้ ห้ได ้ — 265 —

“และแมร้ ะหวา่ งศกึ ษาจะท�ำให้ค่อยๆ เขา้ ใจมากข้ึน แตถ่ ึง กระนั้น การปฏิบตั ิของผมกย็ งั ลมุ่ ๆ ดอนๆ เปน็ ไปตามกระแส โลกบ้าง หันมากระแสธรรมบ้าง สลับสบั เปลีย่ นกนั ไป” กระทั่งความฝันคร้งั หน่ึงเมื่อ 20 ปีก่อน ทอ่ี าจเรยี กว่าเป็น จดุ เปลย่ี นอกี ครง้ั ในชวี ติ นายแพทยธ์ วชั ชยั ยงั จำ� ไดว้ า่ เปน็ ความ ฝนั ทีแ่ จม่ ชัดเหมือนจรงิ จดจำ� ได้ทกุ รายละเอียด และความรสู้ กึ “ผมฝนั เหน็ พระลามะทเิ บต 2 องคเ์ ดนิ เขา้ มาหา ลามะองค์ หน่งึ ก้มศรษี ะลงมาที่ผมยนื อยู่ มองเข้าไปทศ่ี ีรษะทา่ นเหน็ หลุม ดำ� ลกึ มาก ผมยื่นมือเขา้ ไปสมั ผสั กับหลุมดำ� นน้ั ผมรสู้ ึกถึงพลงั หมุนวนรุนแรง พลังนัน้ เลื่อนผา่ นมาตามแขนตรงไปสหู่ วั ใจ ผม คิดวา่ น่นั คอื การถา่ ยทอดความรู้ของทา่ นมาที่หัวใจผม” ลามะท่ีนายแพทย์ธวัชชัยพบในความฝัน ปรากฏจริงใน หนงั สอื เลม่ หนง่ึ ทช่ี อ่ื Dynamic Stillness ผเู้ ขยี นคอื Swami Chet- anananda และกค็ อื Swami Chetanananda คอื ลามะทา่ นนัน้ “พอเห็นรูปท่านในหนังสือ ผมรีบกลับมาท�ำเรื่องขอทุน จากคณะแพทย์ฯ ไปฝึกอบรมเรื่องสมาธิ เพราะขณะน้ันผมท�ำ คลินิกสมาธิบ�ำบัดที่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นการบ�ำบัดทางจิตนอกเหนือจากการใช้ยา ผมจึงเร่งขอทุน เพ่ือไปอบรมท่ี The Movement Center ซึ่งเป็นสถาบันที่ครู ท่านนี้สอนกุณฑลินีโยคะ ต้องนับเป็นความกรุณาท่ีทางคณะ แพทย์ฯ ใหท้ ุนดว้ ย — 266 —

“ท่ีนี่เองที่ท�ำให้ผมได้รับประสบการณ์การตื่นภายใน เป็นการฝึกที่ถือว่าผมได้รับการถ่ายทอดจากคุรุเบ้ืองบน ความ รู้สึกตอนนั้นเหมือนกับก้อนพลังงานไร้ร่างส่งพลังงานท่ีหนา แน่นน้ันมาที่ร่างกาย แล้วจักระในร่างกายก็ระเบิดออกอย่าง รุนแรง ทง้ั โลกเหมอื นสัน่ สะเทอื นแลว้ ทลายลง ความนกึ คดิ ดับ ทั้งท่ีในห้องมีเสียงสวดมนต์ภาษาโบราณดังก้อง แต่ในจิตใจมี แต่ความเงียบสงบ” ช่วงเวลา 1 เดือนที่นายแพทย์ธวัชชัยเข้าอบรมที่ The Movement Center มีพระลามะรินโปเชผู้ใหญ่ชื่อ ลามะ เซริง วังดู รินโปเช นกิ ายนัยยงิ มะปะ ถือเปน็ นิกายย่อย 1 ใน 4 ของ พุทธวชั รยาน ทเิ บต เดนิ ทางมาท่ี The Movement Center ดว้ ย เชน่ กนั ซงึ่ ทำ� ใหน้ ายแพทยธ์ วชั ชยั ไดเ้ รยี นรวู้ ชั รยานอยา่ งจรงิ จงั ในเวลานนั้ และนค่ี อื จดุ เรมิ่ ตน้ ทท่ี ำ� ใหน้ ายแพทยธ์ วชั ชยั สนใจใน ดา้ นวัชรยาน อยา่ งทเ่ี ขากลา่ วว่า ‘เป็นความสนใจทไ่ี ม่ใช่เรอ่ื งบงั เอญิ ’ ความหมายของ ‘ความจรงิ ’ และการ ‘ต่ืนเพื่อรู้’ เพราะต้ังค�ำถามและไล่ค้นหาค�ำตอบว่า ‘ความจริง’ คือ อะไรมาต้ังแต่ยังเด็ก ค�ำตอบของของนายแพทย์ธวัชชัยในวัน นี้ การตื่นรู้ หรอื Awakening คอื ประสบการณท์ างจติ วญิ ญาณ ของบคุ คลทเี่ กดิ ขนึ้ อยา่ งฉบั พลนั พน้ ไปจากความคดิ คำ� นงึ จาก มโนภาพ — 267 —

“การต่ืนรู้ท�ำให้เห็นความจริงที่อยู่เบื้องหลังของทุก ปรากฏการณ์ เป็นความจรงิ ท่ยี ง่ิ ใหญ่กว่าจติ สำ� นึกเดมิ ท่เี คยยึด อยู่ เป็นความจรงิ ทเ่ี ชอื่ มโยงกบั ทุกชวี ติ คณุ คา่ ของชีวติ คอื การ ได้ช่วยให้สรรพชีวิตท้ังหลายพบความสุขอันไพบูลย์ การต่ืนรู้ ท�ำให้พบสจั ธรรม หลดุ พน้ จากความทุกข์ เกดิ การเปลยี่ นแปลง อยา่ งสิน้ เชงิ ตอ่ ชวี ทศั น์ โลกทัศน์ ระบบคุณค่า และความหมาย ของการมชี วี ิต ทง้ั ของตวั เองและผูอ้ ื่น” แตห่ ากเทยี บเคยี งการเดนิ ทางของนายแพทยธ์ วชั ชยั หลาย คนอาจต้ังค�ำถาม การเข้าถึงความจริงแบบท่ีนายแพทย์ธวัชชัย เจอ จะเกดิ ขน้ึ จรงิ กบั บคุ คลอนื่ หรอื ไม่ และการตน่ื ในความหมายนี้ จำ� เปน็ ตอ่ ทกุ ผคู้ นจริงหรอื ? “ชีวิตเหมือนห้องเรียนท่ีเราจะฝึกฝนจนเข้าใจแจ่มแจ้งได้ การบรรลุธรรมเป็นสิทธิท่ีมนุษย์ทุกคนเข้าถึงได้ เพราะเราต่าง มีพุทธภาวะท่ีสมบูรณ์ หมายความว่าแต่ละคนมีเมล็ดพันธุ์ของ การตื่นรู้ในตัวเพียงแต่รอเวลาที่จะเปิดเผย และถ้าค้นให้ลึก มนษุ ยท์ กุ ชาตทิ กุ ภาษาตา่ งมคี วามปรารถนาจะเชอื่ มโยงกบั สงิ่ ท่ี ท�ำให้พ้นทุกข์ ซ่ึงการรู้แจ้งในธรรมชาติในตัวเอง เป็นแสงสว่าง ภายในเพ่อื ช่วยให้เราพบความจรงิ และพน้ ทกุ ขไ์ ด”้ นายแพทย์ธวัชชัยกล่าวต่อว่า อุปสรรคท่ีท�ำให้แต่ละคน ยงั ไม่อาจคน้ พบความจริง อุปสรรคทส่ี ำ� คญั ทสี่ ุด คือ ‘ตัวเอง’ — 268 —

“อุปสรรคอยู่ที่ ‘ตัวเอง’ คือไม่ให้ความส�ำคัญ ปฏิบัติก็ไม่ สมำ่� เสมอ พยายามแสวงหาไปเรอื่ ยแตไ่ มท่ มุ่ เทลงลกึ ในแนวทาง น้นั ๆ คิดว่าการปฏบิ ตั ิธรรมเปน็ เพียงงานอดิเรก “อกี ประการคอื การปฏบิ ตั ธิ รรมทม่ี งุ่ เนน้ แตเ่ พอื่ ตวั เอง อาจ ลองเปรยี บกับนักเรียนแพทย์ 2 คน คนหน่งึ เรียนหนงั สอื เพื่อให้ สอบไดค้ ะแนนดีๆ นักเรียนแพทย์อีกคนเรียนเพ่อื เอาความรไู้ ป รกั ษาชว่ ยเหลือคนปว่ ย คนไหนจะเรยี นเก่งและจรงิ จังกวา่ ?” นอกจากนยี้ งั เป็นกรอบคิดที่ไมส่ มดุล การท�ำอะไรมากเกนิ พอดี เช่น ยึดติดในหลักการ ยดึ ติดกบั มโนภาพ ความฝัน ทอี่ าจ เป็นภาวะแฝงของจติ ทป่ี ลดปลอ่ ยออกมา สุดท้ายน้ี นายแพทย์ธวัชชัยกล่าวท้ิงท้ายว่า การส�ำรวจ โลกภายในจนพบความจริงและเกิดการเปลี่ยนแปลงในใจตัว เอง คณุ ูปการของสภาวะนี้ไม่ไดเ้ กิดเฉพาะผทู้ ่ีฝึกฝนเทา่ นัน้ แต่ การตื่นของบุคคลหน่ึง คือการต่นื ของทงั้ หมด ไมว่ า่ จะเป็นกา้ ว เล็กๆ หรอื ก้าวใหญๆ่ แตห่ ากหมนั่ ศกึ ษา ฝกึ ปฏบิ ตั ิ และเก้อื กลู เปน็ กลั ยาณมติ ร สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในคนหนงึ่ คน ยอ่ มสง่ ผลตอ่ ใครอกี คนหนง่ึ เมอ่ื หลายคนสง่ ถงึ กนั นน่ั ยอ่ มเกดิ ความเชอ่ื มโยงและสง่ ผลตอ่ การตื่นเพือ่ รใู้ นสงั คมในทสี่ ดุ “เพราะไม่มีใครหลุดพ้นได้โดยล�ำพัง เม่ือข้ามพ้นจาก ส�ำนึกตัวตนไปสู่ธรรมชาติ ย่อมก่อเกิดความกรุณา มีแต่ความ ปรารถนาจะแบ่งปันสิ่งดีๆ ต่อกนั สังคมจะเปน็ สถานท่อี ันอุดม ดว้ ยปญั ญา เมตตา และสันติสุขที่แตล่ ะคนจะเกือ้ กูลซง่ึ กันและ กนั ได้” — 269 —

ลูก แม่ ฉัน และการเดนิ ทาง สอู่ สิ รภาพ ของใจ — 270 —

ชรรินชร เสถยี ร ชรรนิ ชร เสถียร หรือ รนิ คนไทยเชื้อสายจีน ผ้ถู กู บม่ เพาะความขยัน ความรับผดิ ชอบ ความมุ่งมนั่ ทุ่มเทมาตลอดชวี ติ เรยี บจบปริญญาตรี จากคณะเภสชั ศาสตร์ ท�ำงานในบรษิ ัทเอกชน แต่งงานกับสามที ี่เป็น เภสัชกรเช่นเดียวกัน จนมาถึงจุดเปล่ียนเม่ือลูกชายมีภาวะออทิสซ่ึม จดุ เร่มิ ต้นทที่ �ำใหเ้ ธอหันมาเรยี นรทู้ ักษะต่างๆ เพอ่ื ดแู ลลกู ทกั ษะนนั้ รวมถงึ การเรยี นรโู้ ลกภายใน เรยี นรบู้ นวถิ ที างจติ วญิ ญาณ รนิ ตดั สนิ ใจ ลาออกจากงานทที่ ำ� มากวา่ 20 ปีเพอื่ มาเรยี นปริญญาโทในสาขาวชิ า จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และได้ท�ำวิทยานิพนธ์เรื่อง “การเติบโตภายในบนเส้นทางความเป็นแมข่ องฉัน” — 271 —

ระหว่างเส้นทางการท�ำวิทยานิพนธ์น้ี เธอได้ ‘ต่ืน’ ขึ้นมา หลายอยา่ ง เกดิ ความเขา้ ใจตวั เอง เขา้ ใจความเปน็ แมข่ องตวั เอง และเขา้ ใจความเปน็ ลกู ของตวั เองดว้ ยเชน่ กนั การตน่ื เพอ่ื รทู้ เี่ กดิ ขึ้นท�ำให้เธอตัดสินใจร่วมงานในต�ำแหน่งผู้ช่วยอาจารย์ประจ�ำ ศนู ยจ์ ติ ตปญั ญาศกึ ษา รวมถงึ การทำ� งานอาสาเพอื่ ชว่ ยเยยี วยา ผู้คนใหเ้ กิดการเรียนรู้ เติบโต และเกิดการเปล่ยี นแปลงในชีวติ และล่าสุด รินได้ออกหนังสือที่เป็นการบทสรุปท่ีงดงาม บนเส้นทางแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตของเธอที่มีชื่อว่า ลูก แม่ ฉัน และการเดินทางสู่อิสรภาพของใจ ย่อหน้าถัดไปน้ี คือ น้�ำ เสียงจริงใจและการแบ่งปันประสบการณ์บนเส้นทางแห่งการ ตื่นรู้ของเธอ ส�ำหรบั คุณ อะไรคอื การตน่ื รู้ การต่ืนรู้เป็นเร่ืองของสภาวะใจ คือใจที่ต่ืนจากความ หลบั ใหลบางอยา่ งทไ่ี มใ่ ชเ่ ปน็ เพยี งแคก่ ารคดิ ไดต้ ามหลกั ตรรกะ และเหตุผล การมีใจที่ต่ืนรู้เป็นใจที่เปี่ยมด้วยสติ เป็นใจที่มี คุณภาพของการสังเกต และรับรู้ส่ิงท่ปี รากฏเกิดข้ึนตรงหนา้ นัน้ อย่างชดั แจ้ง ไม่ไหลไปตามความรสู้ กึ นกึ คิดที่เกิดข้ึน ไม่ปฏเิ สธ รวมถึงไม่กดข่ม คาดคน้ั ใหส้ ่งิ ท่ีเกิดขนึ้ นน้ั เปน็ ไปอยา่ งอ่นื ตาม ทีค่ วามคดิ ต้องการ — 272 —

รนิ เชอื่ วา่ การตนื่ เพอื่ รทู้ สี่ ำ� คญั อยา่ งแรก คอื ความเขา้ ใจวา่ ความทุกขท์ ีเ่ ราประสบอยู่ในชีวติ เปน็ ความทุกขท์ ม่ี าจากความ เปน็ ไปในใจของเราเอง ความทกุ ขไ์ ม่ได้มาจากส่ิงทคี่ นอ่ืนท�ำให้ เกิดขึ้นกับเรา ไม่ใช่คนอื่นท�ำให้เราเป็นทุกข์ เมื่อรินเกิดการตื่น แบบนี้จึงท�ำให้รินกลับมารับผิดชอบความสุขความทุกข์ของ ตัวเอง ไม่โยนความผิด ไม่โทษคนอื่น และน่ันจึงท�ำให้เรามอง เห็นว่าความสมดุลในชีวิตจะเกิดได้อย่างไร การตื่นเพ่ือรู้ไม่ใช่ กระบวนการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วจบ เพราะในใจเรามีความ ซับซ้อนซ่อนเง่ือน การเดินทางของจิตวิญญาณภายในจึงเป็น เรอ่ื งของความตอ่ เนอ่ื ง จะวา่ ไปแลว้ อาจเปน็ เรอื่ งของการฝกึ ฝน และท�ำซ�ำ้ เป็นเรื่องของการบ่มเพาะสตอิ ย่างสมำ�่ เสมอ ซ่งึ เป็น พ้ืนฐานส�ำคญั ท่ีนำ� ไปส่สู ภาวะการต่นื รู้ ท�ำไมเราถงึ ต้องเรยี นร้ถู งึ การเตบิ โตภายใน ชวี ติ ทไ่ี มเ่ กดิ การตนื่ คอื ชวี ติ ทห่ี ลบั อยกู่ บั ความคดิ ความเชอื่ ความเขา้ ใจแบบเดิมๆ เช่น เดิมทรี นิ เติบโตมาด้วยการให้คุณค่า กบั ความม่งุ มนั่ ไม่ยอ่ ทอ้ ลงมือทำ� อย่างขยนั ขันแขง็ และชีวิตที่ ผา่ นมากพ็ สิ จู นย์ นื ยนั ใหร้ นิ เหน็ วา่ ความมงุ่ มน่ั ความขยนั ขนั แขง็ แบบนั้นเป็นสิ่งท่ีถูกต้อง โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่รับรู้ว่าลูกเป็น เดก็ พเิ ศษ รนิ มงุ่ มน่ั ทมุ่ เท ทำ� อะไรตอ่ มอิ ะไรมากมายเพอ่ื ฝกึ ฝน พฒั นาการของลูก — 273 —

เมอ่ื ลกู มพี ฒั นาการทดี่ ขี นึ้ กย็ ง่ิ ตอกยำ�้ ในสง่ิ ทร่ี นิ มงุ่ มนั่ และ ทุ่มเทท�ำว่าเป็นสิ่งที่ถูก เม่ือใจเรายึดความถูกต้องแบบใดแบบ หนงึ่ แล้ว เราจะไม่เปิดรับความคิดความเข้าใจในแบบอน่ื ๆ เรา จะมองเหน็ ความจรงิ ในแบบทเ่ี ราเชอ่ื มน่ั เพยี งแบบเดยี ว และเมอื่ คนอ่ืนมีความนึกคิดและพฤติกรรมที่แตกต่างไป ใจเราก็ต�ำหนิ เพ่งโทษ คาดค้นั คาดหวังใหผ้ อู้ ืน่ เปลี่ยนแปลง ชวี ติ ทเ่ี กดิ การตนื่ เพอ่ื รู้ คอื ชวี ติ ทมี่ องเหน็ ความเปน็ จรงิ ของ โลกดว้ ยใจทเี่ ปดิ กวา้ ง เขา้ ใจถงึ ความคดิ ความเชอื่ ทเี่ ปน็ ทม่ี าของ ความทุกข์ในชีวิต และรู้จักท่ีจะอยู่กับชีวิตด้วยความไม่คาดค้ัน สามารถละวางความคาดหวังทงั้ กบั ตวั เองและคนอน่ื ลงได้ การต่ืนเพ่ือรู้เป็นไปเพ่ือให้ชีวิตเป็นอยู่อย่างสมดุล ลงตัว และมพี ลงั ทง้ั กบั ตวั เอง กบั ผอู้ นื่ และกบั โลกใบนไ้ี ดม้ ากขน้ึ บอ่ ย ขน้ึ ชวี ติ ทต่ี นื่ เปน็ ชวี ติ ทม่ี พี ลงั ในการทำ� การงานตา่ งๆ เพราะเรา เข้าใจดขี น้ึ แล้วว่า ความทุกข์ ความเหนอื่ ยหน่าย คอื ผลของการ ตอบสนองของตัวเราต่อโลกต่างหาก การตื่นเพื่อรู้จึงมีความ ส�ำคัญที่ท�ำให้เรามีอิสรภาพอย่างแท้จริงภายใน เพราะเราจะ ตอบสนองต่อคนอื่นและต่อโลกด้วยความเข้าใจความเป็นจริง ของชีวติ มากขึ้น — 274 —

การเปล่ียนแปลงจากภายใน การเปล่ียนแปลงอย่างแท้จริง คือการเปล่ียนแปลงท่ีเกิด จากการไดท้ ำ� ความเขา้ ใจโลกภายใน บางคร้ังมันอาจดูเปน็ เรื่อง เลก็ นอ้ ยสำ� หรบั คนอนื่ แตเ่ ชอ่ื เถอะคะ่ วา่ เมอื่ เราได้ ‘เขา้ ใจ’ โลก ภายในของเราอยา่ งแทจ้ รงิ แลว้ เราจะมองคนอน่ื อยา่ งเขา้ ใจมาก ขึ้น และเราจะเข้าใจโลกน้ียงิ่ ขึ้น ซ่ึงไมใ่ ชก่ ารทำ� ความเขา้ ใจด้วย ตรรกะเหตผุ ลอย่างเดียว การสร้างความเปล่ียนแปลงท่ีแท้จริงคือการเปลี่ยนแปลง ภายในของแต่ละคน คนเข้าใจโลกภายในท่ีเปลี่ยนไปจะสร้าง ความเปล่ียนแปลงกับชุมชนและสังคมได้อย่างแท้จริง สังคมท่ี วา่ แม้จะเปน็ เพยี งสังคมเลก็ ๆ ในครอบครัว แตน่ ั่นกม็ ีคณุ ปู การ ต่อโลกน้ีแล้ว พ่อแม่ท่ีเกิดการต่ืนรู้ ก็จะสามารถดูแลลูกแบบที่ บ่มเพาะหัวใจต่ืนรู้น้ีให้ลูกต่อไป ครูที่ต่ืนรู้ ก็สร้างการเรียนรู้ให้ เด็กๆ มหี ัวใจตน่ื รไู้ ด้เช่นกัน คนหน่ึงคนท่ีตื่นรู้ จะอยู่ร่วมชีวิตกับคนอื่นด้วยความตื่นรู้ น้ัน และจะขยายพลังของการตื่นรู้ให้กับคนอื่นๆ รินเชื่อว่า น่ี เปน็ การเปลย่ี นแปลงทชี่ ว่ ยขยายพลังการตืน่ รู้สูส่ งั คม จงั หวะแหง่ การตื่นเพื่อรู้ วันหน่ึงที่รินดุลูกคนโตไปอย่างแรง ในขณะท่ีดุไปแล้ว ก็ มาน่ังคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรากันแน่ เพราะจะว่าไปแล้ว — 275 —

เหตุการณ์ที่ลูกท�ำในวันนั้นก็ไม่ได้เป็นเร่ืองใหญ่โตอะไรเลย และรินเองก็น่าจะใช้ทักษะที่เรียนรู้ (ในขณะนั้น) มาจัดการ สถานการณไ์ ด้ไมย่ าก สิ่งทรี่ นิ มองเห็นในวนั นนั้ คอื ความเขา้ ใจใหม่บางอย่าง ว่า ตัวแปรที่ส�ำคัญที่ท�ำให้เกิดความสุขความทุกข์มันคือตัวของเรา คือใจของเราเอง การตน่ื ในวันนัน้ จึงเป็นการเร่ิมต้นเส้นทางการ เรียนรโู้ ลกภายในของตัวรนิ เอง จนเมอื่ มาเรยี นในหลกั สตู รจติ ตปญั ญาทตี่ อ้ งมกี ารเจรญิ สติ ภาวนาเปน็ พนื้ ฐานสำ� คญั รนิ ยง่ิ ไดเ้ กดิ การเรยี นรโู้ ลกภายใน และ ตน่ื เพอ่ื รกู้ บั ความจรงิ ของตวั เอง ของคนอน่ื ๆ มากขนึ้ เรอื่ ยๆ ใจ ทเี่ ปย่ี มสตจิ งึ เปน็ คณุ ภาพใจทส่ี ำ� คญั ชว่ งเวลาการทำ� วทิ ยานพิ นธ์ ของรนิ จงึ เปน็ ชว่ งเวลาการตน่ื และไดเ้ ขา้ ใจแรงผลกั ดนั ตา่ งๆ ใน ความเป็นตัวรินเอง และในบทบาทความเป็นแม่ ความเป็นลูก รวมถงึ ความเป็นภรรยาของตวั เองอย่างมาก ช่วงแรกๆ รินเห็นความเป็นตัวเราเองที่มันไม่ได้สวยงาม เป็นความจริงแท้ที่ตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์บางอย่างที่เรา แสดงออกต่อภายนอก รินเช่ือว่าการเห็นและรับรู้เช่นน้ัน หาก ไม่ได้อยู่บนพ้ืนฐานของการมีสติ รินคงปฏิเสธ ผลักไส และ ตัดสินความผิดให้ตัวเอง หรือไม่ก็คงจะหาค�ำอธิบายให้ตัวเอง กับส่งิ ท่ีเกิดขึ้น — 276 —

หวั ใจสำ� คญั คอื การมองเหน็ และรบั รคู้ วามเปน็ ตวั เองอยา่ ง มสี ติ ยอมรบั ตวั เองอยา่ งทเี่ ปน็ ได้ และเมอื่ นน้ั มนั เกดิ สภาวะบาง อยา่ งในใจท่ีทำ� ให้รินเข้าใจความสุข ความทกุ ขข์ องตัวเองทผี่ า่ น มา หลังจากนัน้ มา ไม่ใช่วา่ ความไมส่ วยงามเช่นนั้นจะไม่เกดิ ขึ้น อีก มันยังคงเกิดขนึ้ แต่มันไมค่ รอบงำ� เราแบบเม่ือก่อนแล้ว ส่งิ ส�ำคญั ท่คี น้ พบ ขอ้ แรกสุดเลย คือ รักตวั เองได้ รกั ตวั เราเทา่ ที่เราเปน็ ลด ความคาดหวังที่จะให้ตัวเองต้องท�ำอย่างไร ต้องเป็นแบบไหน ลงไป การลดความคาดหวงั กบั ตวั เองไดแ้ บบนที้ ำ� ใหร้ นิ ลดความ คาดหวงั กบั คนอ่นื ไปดว้ ย ขอ้ คน้ พบอย่างทีส่ อง คือการต่ืนรทู้ ำ� ให้รินวางใจกบั การใช้ ชีวิตมากข้ึนอย่างมาก รินได้มองเห็นว่าแต่เดิมเรามีแรงผลักดัน ของความกลัวท่ีท�ำให้เราใช้ชีวิตด้วยความกลัวอนาคต เล้ียงลูก กด็ ว้ ยความกลวั ในอนาคตทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ เสน้ ทางการเตบิ โตภายใน ของรินช่วยใหร้ ินอยู่กับส่ิงที่เกดิ ข้นึ ในปัจจุบันได้มากขึน้ ใจที่อยู่ ในปัจจุบันเกิดปัญญาที่จะกระท�ำหน้าท่ีการงานในปัจจุบันโดย ไมต่ ้องแบกเอาความกลวั ของอนาคตมาเปน็ ภาระ ขอ้ คน้ พบทง้ั สองสง่ ผลอยา่ งมากตอ่ ความเปน็ แมข่ องรนิ เอง เพราะลดความคาดหวงั กบั ตวั เองลง รนิ กส็ ามารถวางความคาด หวงั ทมี่ ตี อ่ ลกู ลงไปได้ จากทรี่ นิ เคยมคี วามพยายามทจ่ี ะตอ้ งปรบั แก้พฤติกรรมหรืออะไรต่างๆ ของลูก (ที่รินเคยมองว่าผิดปกติ) ตลอดเวลา รนิ สามารถตระหนกั ไดว้ า่ ลกู มคี วามธรรมดาในความ เป็นเด็กพเิ ศษของเขาอยูแ่ ล้ว — 277 —

เรายอมรับความเป็นตัวลูกท้ังหมดโดยไม่ได้พยายามดัด ปรับ หรือปรุงแต่งให้เขาเป็นอย่างอ่ืน และรินพบว่ารินก็ไม่ ได้ดูแลลูกน้อยไปกว่าเดิม ตรงกันข้าม รินดูแลลูกด้วยหัวใจที่ ยอมรบั เขามากขน้ึ ไวว้ างใจในชวี ติ ทงั้ ของตวั เองและของลกู มาก ข้นึ เรื่อยๆ เช่นกัน ชีวิตท่เี ปลยี่ นแปลง เดิมเป็นคนใจร้อนมาก รินพบว่าความใจร้อนมันมาจาก ความโลภท่ีเราจะเอาทุกอย่างให้ได้อย่างใจ ยิ่งมีภาระหน้าท่ี หลายอย่างก็อยากจัดการให้มันเสร็จเพ่ือจะได้ไปท�ำอย่างอ่ืนๆ ต่อ แล้วเวลาจัดการอะไรๆ ท่ีต้องไปเกี่ยวข้องกับคนอื่น เราก็ คาดค้ันคนอน่ื ตอ่ อีก พอฝึกตัวเอง มีสติมากขึ้น เราได้กลับมารับรู้ตัวเองว่านี่ กำ� ลงั ใจรอ้ นแลว้ นะ นก่ี ำ� ลงั คาดคน้ั คนอน่ื แลว้ นะ นก่ี ำ� ลงั คาดคน้ั ตวั เองแล้วนะ การรับรแู้ บบนี้ชว่ ยชะลอความแรง ความเรว็ ของ ตวั เองลง ใจทคี่ าดหวงั คนอนื่ นอ้ ยลงนส่ี ง่ ผลมากกบั ลกู ๆ พอเรา ชะลอตัวเองลง ลกู กไ็ มต่ ้องใช้ชวี ิตอยู่บนความกงั วล ความกลัว แบบเดิม รินรู้สึกได้ว่าลูกก็สามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้น เวลามีปญั หาอะไร เขาก็กลา้ บอก กล้าเลา่ ใหเ้ ราฟงั มคี รงั้ หนงึ่ รนิ ขบั รถแลว้ โดนรถคนั อนื่ ปาดหนา้ อยา่ งกระชนั้ ชิดมาก จังหวะน้ันมีสติเลยค่อยๆ หักหลบอย่างปลอดภัย — 278 —

จากนั้นก็กลับมาขับรถเป็นปกติ ลูกๆ ถามว่าท�ำไมรินไม่โกรธ รินก็ร้สู กึ ไดจ้ ริงๆ วา่ วนั นัน้ เราไมโ่ กรธเลย ก็บอกลกู ไปว่า ท่ีเรา โกรธเพราะเราไม่อยากเป็นอันตรายใช่มั้ย นี่เราก็ไม่มีอันตราย อะไรแลว้ เรากไ็ มจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งโกรธนน่ี า จากนนั้ ลกู ชายคนโตคน ทีเ่ ปน็ เดก็ พเิ ศษนี่แหละ ถามขึน้ มาวา่ “ท่หี ม่าม้าไมโ่ กรธ เพราะ หมา่ มา้ ภาวนาทกุ วนั ใชม่ ย้ั ” โอโ้ ห รนิ นร่ี สู้ กึ มหศั จรรยใ์ นใจ วา่ เขา สามารถเชื่อมโยงแบบนี้เองได้เลยหรือนี่ มันเลยช่วยยืนยันกับ รินไดจ้ รงิ ๆ วา่ ลูกๆ สามารถรบั รู้อะไรๆ จากความเปน็ ตัวเรา ไมใ่ ช่แค่สงิ่ ทีเ่ ราพยายามบอก พยายามสอนเทา่ นนั้ ความสัมพันธ์กับแม่ก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนเวลาแม่พูดอะไร รนิ จะหงดุ หงดิ ไม่อยากฟัง และโดยเฉพาะถ้าแม่ดพุ อ่ ว่าพอ่ จำ� โน่นจ�ำน่ีไม่ได้ รินจะรู้สึกหงุดหงิด หลายครั้งก็พยายามอธิบาย แม่ว่าพ่อเป็นอัลไซเมอร์นะ อธิบายไปอธิบายมาก็กลายเป็นโต้ เถยี งกันอกี พอรนิ พบวา่ ออ้ ทเ่ี ราอธบิ ายกเ็ พราะเราคาดหวงั ใหแ้ มเ่ ขา้ ใจ คาดหวังให้แม่เลิกท�ำพฤติกรรมแบบที่เราไม่ชอบ เราก็ลดการ คาดคั้นคนอื่นลง บางครั้งที่รินช่วยดูแลพ่อ แม่จะหงุดหงิดบ้าง กไ็ ม่เปน็ ไร รินก็แคไ่ มห่ งุดหงดิ กลบั ชวี ติ ก็เบาข้ึน อนั ไหนท�ำได้ กท็ ำ� แลว้ ก็ท�ำไปดว้ ยใจทเี่ บาสบาย อันไหนทำ� ไม่ได้กไ็ ม่ตอ้ งท�ำ ก็แคอ่ ยูก่ ับแตล่ ะสถานการณข์ องชวี ิตตามแตล่ ะจังหวะของมนั — 279 —

หลมุ พรางระหว่างทางสูก่ ารตืน่ หลุมพรางที่ส�ำคัญ คือ โลกวกวนในใจเรา มันคือโลกที่ พยายามสรา้ งอตั ตาแบบใหมๆ่ ใหเ้ ราชน่ื ชม ยนิ ดี และเกาะยดึ ไว้ บางทมี นั กม็ าภายใตแ้ พคเกจสวยหรทู บี่ อกวา่ สง่ิ ทเ่ี ราเปน็ อยคู่ อื ความถกู ตอ้ งดงี าม ตรงนมี้ คี วามตา่ งกนั กบั ความรกั ตวั เองอยา่ ง ทร่ี นิ พดู มากอ่ นหนา้ นะคะ ตา่ งกนั ตรงทวี่ า่ การรกั ตวั เองทร่ี นิ วา่ ไว้ มนั คอื การรกั และยอมรบั ในความดแี ละความไมด่ ที ง้ั หมดของ ตัวเรา และเรากม็ องตวั เองเท่าๆ กันกับคนอ่นื แต่การมีอัตตาแบบใหม่นี้ มันคือการมองตัวเองสูงส่งกว่า คนอืน่ ซึง่ พอเปน็ แบบน้ัน ใจเราก็ไมไ่ ด้ต่างไปจากเมอื่ ก่อนเลย เพยี งแคเ่ ราผละจากการยดึ เอาดอกอตุ พดิ มายดึ เอาดอกกหุ ลาบ เทา่ นั้นเอง รินเชอ่ื วา่ เส้นทางสายจติ วิญญาณน่าจะเปน็ ไปเพือ่ การละวางตวั ตน มากกวา่ การพอกพนู ตัวตน ส่ิงส�ำคัญท่ีอาจเป็นตัวช่วยให้ก้าวข้ามหลุมพรางเหล่านี้ ส่วนหนึ่งคือการมีกัลยาณมิตรท่ีจะช่วยสะท้อนความเป็นตัว เราออกมา การไดท้ ำ� งานร่วมกับกัลยาณมติ รเป็นอกี ทางหนง่ึ ท่ี ชว่ ยกนั ประคับประคองทางเดนิ ซง่ึ กันและกัน แต่รนิ กย็ ังเห็นว่า เราแต่ละคนต้องมีการภาวนา (เจริญสติ) เป็นพ้ืนฐานท่ีส�ำคัญ เพราะหากไมแ่ ลว้ จะมกี ลั ยาณมิตรมากแค่ไหนสะทอ้ นอะไรให้ เราฟงั เรากค็ งไม่เปิดใจฟัง — 280 —

ตน่ื เพ่อื ตนเอง ตนื่ เพื่อผ้อู ่ืน หนึ่งคนตื่น พาคนใกล้ตัวต่ืนรู้ พาครอบครัวตื่นรู้ พา สังคมต่ืนรู้ รินเช่ือม่ันว่าการเปล่ียนแปลงแบบน้ีจะเป็นการ เปลีย่ นแปลงที่ช่วยชะลอความเสอ่ื มของสงั คมโดยรวมได้ รินเชื่อว่า คนท่ีอยู่บนหนทางของการตื่นเพื่อรู้ควรจะออก มาสัมพันธ์กับผู้คนอ่ืนๆ ท�ำหน้าท่ีการงานของแต่ละคน และ บนหนทางของการท�ำหน้าที่เหล่าน้ันจะช่วยแผ่ขยายคุณภาพ การต่ืนสู่ผู้อ่ืน สู่สังคม การงานท่ีว่าอาจเป็นหน้าท่ีการงานใน ครอบครัว ในชมุ ชน ในสังคมเล็กๆ ทต่ี ัวเองอยู่ ท�ำให้รินนึกถึงครูบาอาจารย์หลายท่าน ท่านที่ส�ำคัญมาก ท่านหนึ่งส�ำหรับริน คืออาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ รินรู้สึก ศรัทธาในตัวอาจารย์ ว่าส่ิงท่ีอาจารย์ท�ำคือการพาการตื่นรู้สู่ ผคู้ น และสสู่ ังคมอย่างแทจ้ รงิ ส�ำหรับทุกคนที่เดินบททางสายน้ี รินแนะน�ำให้หา กัลยาณมิตร อาจเป็นครูบาอาจารย์ หรือกลุ่มเพ่ือนที่มีความ สนใจรว่ มกนั เพ่ือชักชวนมาเรยี นรูร้ ว่ มกัน สิ่งท่ีส�ำคัญอีกอยา่ ง คอื การฝึกสติ ถ้าเป็นไปไดข้ อใหเ้ ป็นการฝกึ สตทิ ไ่ี มใ่ ช่การกดขม่ เราไม่ได้ฝึกเพ่ือเอาความสงบน่ิง แต่ฝึกเพื่อฟื้นฟูศักยภาพของ การต่ืนรู้ในตัวเรา — 281 —

ชีวิตคอื โรงฝึก เพอื่ การต่ืน — 282 —

โอม รตั นกาญจน์ ในฐานะกระบวนกรผู้เช่ียวชาญการคลี่คลายความขัดแย้งและการ เปลี่ยนแปลงองค์กร โอม รัตนกาญจน์ เคยจัดอบรมเพื่อแลกเปล่ียนเรียนรู้ กับบุคลากรมืออาชีพจากหลายประเทศอย่างต่อเน่ืองทั้งรัฐและเอกชน มากกว่า 400 เวิร์คช็อป โอมเป็นนักศึกษาไทยคนแรกที่เข้าเรียนปริญญา โทด้านจติ วทิ ยาการคลี่คลายความขัดแยง้ และเปลย่ี นแปลงองค์กร (Conflict Facilitation and Organizational Change) สถาบนั Process Work Institute เมอื งพอร์ตแลนด์ สหรัฐอเมริกา — 283 —

ปจั จบุ ัน พ.ศ.2561 เขาอายุ 38 ปี เป็นผ้กู ่อตั้ง DOJO Spirit เปน็ บรษิ ทั ทปี่ รกึ ษาและจดั Training มติ ใิ หม่ ชว่ ยองคก์ รและผคู้ น สรา้ งการตระหนกั รู้ ออกแบบวธิ กี ารเพอื่ ใหผ้ คู้ นเปดิ ใจพดู คยุ หา ทางออกใหก้ บั ปัญหาและความท้าทายในโลกยุคใหม่รว่ มกนั ให้สมกับที่เป็น DOJO ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ‘โรงฝึก’ หรือ ‘พนื้ ที่แห่งการต่ืนรู้’ การตน่ื รู้ คือ อะไร คือ การต่ืนขึ้นมามองเห็นสัจธรรมความจริงของชีวิต ว่า ทุกสิ่งล้วนเกิดข้ึน ต้ังอยู่และดับไป มองเห็นความไม่เที่ยงของ สรรพสิ่ง รวมถึงตัวเราที่ด�ำรงอยู่เพียงชั่วคราว ในอีกมิติหน่ึง การตื่นรู้คือการเข้าถึงความหมายท่ีแท้และเจตจ�ำนงของชีวิต ว่าเราเกิดมาท�ำไม เกิดมาเพ่ืออะไร ตระหนักรู้ถึงสัจจะความ จรงิ ว่าตัวเราท่แี ทจ้ รงิ นน้ั ไม่มี แต่คือส่วนหน่งึ ของจักรวาลท่ีรอ การค้นพบตัวเอง ความสำ� คัญของการตืน่ ก็เพอ่ื เขา้ ถงึ สภาวะอนั เดมิ แท้ของ จิตท่ีเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและจักรวาล เพ่ือตระหนักรู้ว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา จิตนี้ก็ไม่ใช่เรา เป็นเพียงธาตุตามธรรมชาติ เหมือนกิ่งไม้ ต้นไม้ และสรรพสิ่งที่มีชีวิตของมันเอง เป็นไป ตามกฎแห่งธรรมชาติ และก�ำลังด�ำเนินสู่การแตกสลาย เพื่อ — 284 —

หยั่งรู้ว่าในส่วนลึกของตัวเรา มีจิตแห่งพุทธะ จิตผู้เดินมรรคท่ี รอคอยการต่นื รู้ เพ่ือแหวกออกจากอวิชชา และสลัดคืนขันธ์ 5 ให้กับธรรมชาติ คณุ ค่าของการเข้าถงึ ความจริง คุณประโยชน์ของการเห็นสัจธรรมในชีวิตคือเป็นทุกข์น้อย ลง จนถงึ วนั หนง่ึ เราอาจไมท่ กุ ขเ์ ลย เพราะรา่ งกายและจติ นไ้ี มใ่ ช่ เราเสียแล้ว ทุกอย่างด�ำเนินไปตามเหตุปัจจัย เบียดเบียนผู้อื่น น้อยลง กา้ วขา้ มความทะยานอยากสว่ นตวั เกิดจติ ท่ขี า้ มพ้นตวั ตน ทำ� ประโยชนเ์ กอ้ื กลู ใหก้ บั สงั คมและเพอื่ นมนษุ ยไ์ ดม้ ากยง่ิ ขน้ึ มีชวี ติ อยู่กับปัจจบุ นั ขณะ เพราะจติ ร้แู ล้วว่า เปน็ ห้วงเวลาเดียว ท่คี วามจรงิ ของกายใจและธรรมชาติปรากฏ จิตที่ต่ืนรู้ เหมือนตะเกียงแห่งพุทธะที่ส่องสว่าง สามารถ จุดไฟแห่งพุทธะภายในให้กับเพ่ือนมนุษย์ที่เดินทางเวียนว่าย ตายเกดิ ในสงั สารวฏั ใหห้ ดสน้ั ลง จนอาจเปน็ ชาตสิ ดุ ทา้ ย เพราะ จติ ได้วิวฒั นต์ นเองจนเขา้ ใกลธ้ รรมชาตเิ ดมิ ที่จะหลอมรวมเปน็ หนึ่งเดยี วกบั จักรวาล — 285 —

บนเสน้ ทางสูก่ ารต่นื รู้ ขอออกตัวกอ่ นว่า ผมเองแมม้ ีความสนใจเรอื่ งการตน่ื รูม้ า ครงึ่ ชวี ติ แตก่ อ็ าจยงั มบี างแงม่ มุ ของตวั ตนทยี่ งั คงหลบั ใหล และ จ�ำเปน็ ต่อการขัดเกลาตนเองอีกไม่นอ้ ย ชว่ งชวี ติ วยั รุ่นถงึ ยี่สิบต้นๆ ผมพบว่าตวั เองไม่ค่อยมีความ สขุ กบั ชวี ติ จนเรมิ่ กลบั มาถามตวั เอง แสวงหาความเขา้ ใจในชวี ติ ว่าคนเราเกิดมาท�ำไม ความสุข อิสรภาพและความหมายท่ีแท้ จริงของชีวิตคืออะไร เร่ิมจากการอ่านหนังสือต้ังแต่ จิตวิทยา ปรัชญา มาถึงธรรมะ จนวันหน่งึ รสู้ ึกว่าอา่ นหนังสืออย่างเดยี ว ไม่พอ จึงเร่ิมแสวงหาครูบาอาจารย์ พาตัวเองไปฝึกนั่งสมาธิ วิปัสสนา สมัยวัยรุ่นรู้สึกว่าเป็นคนสมาธิส้ัน น่ังสมาธิยากมาก อาจ จะเพราะวยั หนุ่ม มีเรือ่ งฟุ้งซา่ นมากมาย ใช้เวลาหลายปกี ว่าจะ สามารถนง่ั สมาธไิ ดจ้ รงิ ๆ ตอนนนั้ ฝกึ ตามแนวของหลวงพอ่ พธุ - ฐานิโย ชอบที่ท่านแจกแจงสภาวะธรรมและแนวทางการเจริญ ปญั ญาแตล่ ะข้นั ให้เราเดินตามได้อยา่ งละเอียดชัดเจน ประสบการณเ์ ปล่ยี นชวี ติ คืนหน่ึงนอนดูลมหายใจ จนเหมือนก�ำลังใกล้หลับ ด้วย ความไม่ตั้งใจ กลับเกิดความสว่างขึ้นภายในอย่างไม่เคยเป็น มาก่อน สภาวะตอนนั้น รู้สึกว่าจิตได้ต่ืนขึ้นจากการหลับใหล เปน็ การตน่ื ขนึ้ ครงั้ แรก ร้สู ึกเหมอื นชีวติ ทผี่ ่านมาเราอยใู่ นความ ฝนั ตลอด แตไ่ ม่ร้ตู วั — 286 —

เหมือนเป็นนักเดินทางท่ีหลงอยู่ในป่าหลายสิบปี และ เพิ่งเจอทาง ออกมาจากป่าได้คร้ังแรก ป่านั้นคือจิตที่สร้างภพ สมมตุ บิ ญั ญตั ิ การปรงุ แตง่ ทางใจอยา่ งไมจ่ บสนิ้ และไมม่ ชี อ่ งวา่ ง ดั่งที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสสอนอุปมาว่าจิตน้ี เป็นเหมือนลิงที่ โหนกงิ่ ไม้ จากก่งิ หน่ึงไปกง่ิ หนง่ึ ตลอดวันตลอดคืน หลังจากน้ันท�ำให้เกิดความรู้สึกอยากจะปฏิบัติอย่าง ต่อเนื่อง ฝึกสติระลึกรู้ถึงความจริงนี้อยู่ในชีวิตประจ�ำวัน ประสบการณน์ ช้ี ว่ ยใหจ้ ติ จำ� สภาวะธรรม และอารมณก์ รรมฐาน ได้มากขึ้น ฝึกเช่นน้ีอยู่หลายปี จิตดื่มด�่ำอยู่กับความสงบและ อุเบกขาภายใน หลายปผี า่ นไป เขา้ สชู่ ว่ งชวี ติ วยั ทำ� งานหนกั ตอ้ งพบปะผคู้ น ชีวิตที่เร่งรีบวุ่นวายส่งผลให้มีช่วงเวลาปฏิบัติในรูปแบบน้อยลง ท�ำให้มาสนใจการฝึกสติ เจริญวิปัสสนาในชีวิตประจ�ำวันมาก ขึ้น ที่ชอบท่ีสุดคือการได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า และครูบา อาจารย์ ช่วงเชา้ และกอ่ นนอนพรอ้ มกับการภาวนาในทุกวัน สบิ สปี่ ผี า่ นไป บนเสน้ ทางแหง่ การภาวนา on track บา้ ง off track บา้ ง รตู้ ัวบ้าง ลืมตัวบา้ ง ถงึ จุดหนึ่งพบวา่ ย่ิงชวี ติ มีปัญหา หรอื ความทกุ ขใ์ นการทำ� งานมาก จติ กลบั ยงิ่ เขา้ ใกลธ้ รรม เหมอื น แรงภายนอก ท�ำใหเ้ ราตงั้ แกนสติภายในได้มัน่ คง เห็นความคิด ที่เกดิ ดับ การปรงุ แตง่ ท่ีละเอยี ดภายใน — 287 —

คืนหนึ่งในห้วงขณะของการภาวนา จิตเกิดปรากฏการณ์ท่ี ไมส่ ามารถอธิบายเปน็ ค�ำพดู ได้ ในขณะน้ันเกดิ สภาวะรวู้ ่า จิตน้ี เองมีธรรมชาตแิ หง่ พุทธะ และเป็นผ้เู ดินมรรคดว้ ยตนเอง จากประสบการณ์น้ี ท�ำให้รู้สึกศรัทธาและซาบซึ้งในพระ ธรรมค�ำสอนท่พี ระพุทธองคท์ รงบอกทางอย่างไมห่ วน่ั ไหว และ ท�ำให้เข้าใจว่า จิตผู้ยึดติด หรือสัญชาตญาณส่วนลึกของความ เปน็ สตั วใ์ นตวั เรา ทห่ี ลงยดึ ตดิ เพลดิ เพลนิ พอใจ เมอ่ื ไดใ้ ครค่ รวญ ธรรม จนเกดิ ปัญญา ถึงจดุ หนึ่งเขาจะววิ ัฒน์ได้เอง ทวนกระแส เกิดเป็นจิตผู้รู้ ผูต้ ื่น ผเู้ บิกบาน จากภายใน ชวี ิตหลังสัมผสั ความจรงิ ผมรู้สึกไว้วางใจชีวิตมากขึ้น ทุกข์น้อยลง อ่อนโยนกับตัว เองไดม้ ากข้ึน คาดหวังกับคนอนื่ น้อยลง รู้สึกได้ว่า ปัจจุบันขณะคือช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ซึ่งลม หายใจของเราเปน็ หนง่ึ เดยี วกบั ความเงยี บและชพี จรของจกั รวาล พบว่าความสุขท่ีแท้จริง ไม่ต้องใช้เงินซ้ือ แต่ซ่อนอยู่ภายใน ปจั จุบนั ขณะ ความสุขท่ีแท้ไม่ใช่การครอบครอง หรือต้องมีมาก แต่คือ การปล่อยวาง และมีวิถชี วี ิตอยา่ งสมถะเรียบง่าย — 288 —

ตระหนักรู้ว่าตัวเรา และทุกสรรพสิ่งด�ำรงอยู่เพียงชั่วคราว เราเกิดมาในโลกนี้เพื่อภารกิจแห่งการขัดเกลาและข้ามพ้นตัว ตน ภารกิจที่สองคือช่วยเหลือเพ่ือนมนุษย์ เพ่ือนร่วมทุกข์เกิด แก่เจบ็ ตาย ชวี ิตเป็นเหมอื นความฝนั ต่ืนหนึ่ง มนุษย์เวยี นว่ายตายเกิด ในความคิดของตัวเอง จิตที่เพลินพอใจ ผูกติดกับอารมณ์ สามารถสร้างภพ ท่ีน�ำไปสู่การเวียนว่ายตามเกิดในสังสารวัฏ อย่างไม่จบสิ้น การเกิดเป็นมนุษย์ คือโอกาสที่หาได้ยาก เส้น ทางแห่งการตืน่ รู้น้นั มอี ยู่ รอเพียงผู้เดนิ ตาม ซ่ึงหากชีวิตไม่ได้ผ่านประสบการณ์น้ี ผมคงใช้ชีวิตด้ินรน แสวงหา หลงเพลิดเพลินไปตามกระแสของโลก สุขทุกข์ไปกับ สง่ิ ภายนอก หาเสพอารมณท์ พี่ อใจไปเรือ่ ย และตายไปโดยไม่รู้ ว่าตนเองเกิดมาท�ำไม คำ� แนะน�ำสำ� หรับผู้เดินทาง หนงึ่ ในอปุ สรรคของการเดนิ ทางคอื การคดิ วา่ รแู้ ลว้ เราจงึ ควรมคี รบู าอาจารย์ และกลั ยาณมติ รทดี่ ี ฟงั ธรรม ศกึ ษาคำ� สอน พระพทุ ธเจา้ อยเู่ นอื งๆ จนเกดิ กระบวนการภายในของจติ ทท่ี รง จำ� ใครค่ รวญธรรม เกดิ การกระทำ� ใหแ้ จง้ แทงตลอดซงึ่ ธรรมนัน้ แลว้ เห็นอย่ดู ้วยปญั ญา จงมกี ลั ยาณมิตรทด่ี ี และภาวนาอยใู่ นชวี ติ ประจ�ำวัน — 289 —

ให้ชีวิต ไม่สูญเปลา่ — 290 —

ดร.พระมหาอนชุ น สาสนกติ ฺติ ครงั้ แรกทีเ่ ราได้พบกับท่าน ดร.พระมหาอนชุ น สาสนกิตตฺ ิ ป.ธ.9 (นาค หลวง) หากมองเพยี งภายนอกของท่าน เราอาจจะเหน็ เป็นพระหนมุ่ รปู งาม อายุน้อยรูปหนึ่ง แต่พอเราได้ทราบประวัติและความพากเพียรในการศึกษา และปฏบิ ตั ขิ องทา่ น ทำ� ใหเ้ รารสู้ กึ ทง่ึ ปตี ิ และนกึ อนโุ มทนาอยใู่ นใจ ทา่ นเรยี น จบนกั ธรรมช้ันเอก เปรียญธรรม 9 ประโยค (ขณะเปน็ สามเณร) ปริญญาโท พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬา- ลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตบาฬศี กึ ษาพทุ ธโฆส นครปฐม และปรญิ ญาเอก Ph.D. (Pali & Buddhism) สาขาบาลีและพระพทุ ธศาสนา จากมหาวิทยาลัย ดร.บาบาซาเฮบ เอ็มเบดการ์ มารัทวาด้า (Dr.Babasaheb Ambedkar Marathwada University) เมืองออรงั คบาด รฐั มหาราษฏะ ประเทศอนิ เดยี — 291 —

จนถงึ วนั นี้ ทา่ นไดป้ ฏบิ ตั ภิ ารกจิ ในฐานะพระวทิ ยากรอบรม บาลี พระธรรมทูตสายต่างประเทศ พระวิปัสสนาจารย์อบรม กรรมฐาน พระธรรมวิทยากรบรรยายแดนพทุ ธภมู ิ 4 สังเวชนยี - สถาน ประเทศอินเดีย และที่ปรึกษามูลนิธิสหธรรมิกชน และ จากนี้ ทา่ นไดใ้ หเ้ กยี รตมิ ารว่ มแบง่ ปนั มมุ มองตอ่ การเรยี นรแู้ ละ เตบิ โตภายใน การต่ืน คือ อะไร ‘การต่ืนและรู้’ คือ สภาพจิตที่หลุดพ้นจากการถูกกิเลส ครอบง�ำทั้งปวง มีแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงส่ังสอนไว้หลาย แนวทางท่ีท�ำให้ผู้ปฏิบัติได้บ�ำเพ็ญเข้าถึงภาวะแห่งการต่ืนรู้ได้ ถงึ 40 แนวทาง แบง่ เปน็ 6 กลมุ่ ตามอุปนสิ ยั สนั ดานของมนษุ ย์ แต่ละกลุ่มให้มีทักษะวิธีการสะกดข่มระงับนิสัยจริตน้ันๆ ได้ และแบง่ ออกเป็น 2 นัย คอื ‘ตน่ื ’ ต่ืนจากความหลง ความไม่รู้ ท่เี รียกวา่ อวชิ ชา ทุกครัง้ ทีค่ ิด ทุกกจิ ท่ที �ำ ทกุ ค�ำทีพ่ ูด ทุกขณะ ทีเ่ คล่ือนไหว มีสติอยู่ทกุ เม่อื การตื่น สำ� คัญยิง่ ในการพัฒนาจติ และปัญญา หากไม่ตั้งใจเรียนรู้ให้ลึกซ้ึงถึงแก่นแท้ ก็ต้องเวียน ว่ายกลับมาเรียนรู้ใหม่อีก จนกว่าค�ำตอบน้ันจะรู้แจ่มแจ้งแก่ใจ คือการที่จิตยกระดับสูงข้ึนไป เพ่ือความเบ่ือหน่าย เพื่อคลาย ก�ำหนัด เพ่ือดับสนิท เพ่ือสงบระงับ เพ่ือความรู้ยิ่ง เพ่ือตรัสรู้ เพอ่ื พระนพิ พาน — 292 —

ประสบการณ์และการเตบิ โต ในคราวท่ีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 ทปี่ ฏบิ ตั อิ ยา่ งจรงิ จงั ในเดอื นทสี่ อง ทเี่ กดิ สภาวะธรรมตา่ งๆ เกดิ ขึ้นมากมาย และเห็นความเปลี่ยนแปลงของสติท่คี มชัด รวดเรว็ และรเู้ ทา่ ทนั อารมณต์ า่ งๆ ทเ่ี กดิ กบั กายใจ และรสู้ กึ ถงึ ความทส่ี ง่ิ หมักหมมในกายใจเบาบางลง สง่ิ สำ� คัญที่ได้คน้ พบจากการเตบิ โตภายใน คอื การทม่ี สี ติรู้ เท่าทันกับอารมณต์ ่างๆ ท่ีเกดิ ขึ้น และระงบั จางคลายลง และ ดับไป อย่างรวดเร็ว และการที่เห็นโลกโดยความเป็นโลก เห็น กิเลสโดยความเปน็ กเิ ลส ทุกสง่ิ ทกุ อยา่ งในโลกลว้ นอยใู่ นสภาพ เดยี วกนั คอื เกดิ มขี นึ้ เจรญิ เตบิ โตดำ� รงอยใู่ นหว้ งเวลาหนง่ึ และ ดบั สลายไปในทส่ี ดุ เหลอื เพยี งความวา่ งเปลา่ ไมม่ แี กน่ สารทจี่ ะ ยดึ ตดิ เป็นที่พึง่ ได้เลย การเติบโตภายในนี้ส่งผลดียิ่งท้ังต่อตนเองและผู้อ่ืน ท�ำให้ อยกู่ บั โลกและสงิ่ แวดลอ้ มไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ถงึ แมส้ ง่ิ ภายนอก จะไม่ดี เป็นไปในทางลบมากน้อยอย่างไร แตภ่ ายในใจน้ันสงบ และรเู้ ทา่ ทนั ความเปลยี่ นแปลงนนั้ เสมอ และคนรอบขา้ งเหน็ ได้ จากพฤตกิ รรมทเี่ ปลย่ี นแปลงในทางทด่ี ขี นึ้ เชน่ จากเปน็ คนทม่ี กั โกรธ ก็ไม่ค่อยโกรธ เปน็ ตน้ — 293 —

หากไม่เคยได้ผ่านประสบการณ์การตื่นหรือการศึกษาชีวิต ภายใน หรือ ไม่ได้ผ่านประสบการณ์ต่ืนนี้ ชีวิตที่เกิดมาน้ี นับ ว่าสูญเปล่า ไม่คุ้มค่ากับการท่ีได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธ- ศาสนา ได้ศกึ ษาธรรมของพระบรมศาสดา นบั วา่ เสยี โอกาสอนั มีค่าทีส่ ุดไปอกี ชาติหนง่ึ แล้ว อปุ สรรคและการกา้ วผ่าน อุปสรรคส�ำคัญ คือ กิเลสภายในใจที่เป็นตัวขัดขวาง คือ กามฉันทะ ความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในกามโลกีย์ท้ัง ปวง ดุจคนหลับอยู่ พยาบาท ความไม่พอใจ จากความไม่ได้ สมดังปรารถนาในโลกียะสมบัติท้ังปวง ถีนมิทธะ ความข้ีเกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้ก�ำลังท้ังกายใจ ไม่ฮึกเหิม อุทธัจจะกุกกุจจะ ความคิดซัดส่ายตลอดเวลา ไม่สงบนิ่งอยู่ใน ความคดิ ใดๆ วจิ กิ จิ ฉา ความไมแ่ นใ่ จ ลงั เลใจ สงสยั กงั วล กลา้ ๆ กลัวๆ ไม่เตม็ รอ้ ย ไมม่ ่ันใจ วิธีแกน้ ัน้ กต็ อ้ งแกท้ ใี่ จ ด้วยวธิ ีการตา่ งๆ เชน่ การพจิ ารณา อสภุ ะความไมส่ วยไมง่ าม การเจรญิ เมตตาแผเ่ มตตา การภาวนา ระลึกนึกถึงพระรตั นตรัย การเพ่มิ ก�ำลงั สมาธดิ ว้ ยอานาปานสติ ดลู มหายใจเข้าออก เปน็ ตน้ — 294 —

คนท่ัวไปสามารถเข้าใจ หรือเข้าถึงได้โดยง่ายหรือยากน้ัน ข้ึนอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง ทั้งผู้ถ่ายทอด วิธีการถ่ายทอด การเปิดใจ ความเข้าใจ เข้าถึง และวาสนาบารมี เราควรจะเข้าใจให้ลึกซ้ึงว่า ‘เราเคยเป็นมาแล้วแทบทุก อยา่ ง’ ไมว่ ่าจะเปน็ ชาย หญงิ คนรวย คนจน คงแกเ่ รียน เรอื ง อำ� นาจ ฯลฯ แลว้ ชาตนิ จ้ี ะเปน็ ซำ้� อกี เพอ่ื อะไรกนั ? สมควรอยา่ ง ยง่ิ ทจี่ ะไมต่ อ้ งมาเวยี นวา่ ยตายเกดิ ไมต่ อ้ งมาทนทกุ ขท์ รมานใน วัฏสงสารอกี ต่อไป การเปลี่ยนแปลงตนเองน้ีส่งผลต่อสังคมในภาพรวม คือ การอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสุขสงบสนั ตติ ามวถิ ีแหง่ อารยชน ปราศจาก โจรผ้รู ้าย บ้านเรือนไม่ต้องลงกลอนก็ปลอดภัย เป็นผลสะท้อน ถึงความสงบสุขแหง่ สังคมน้นั ๆ อย่างชดั เจน เมื่อบคุ คลตื่นแลว้ ช่วยเหลือจากสังคมเล็กๆ คือ ครอบครัว หมู่ญาติ มิตรสหาย เพอ่ื นรว่ มงาน ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา จนถงึ แผข่ ยายเปน็ วงกวา้ งออก ไป ด้วยวิธกี ารถา่ ยทอด บอกสอน เผยแผค่ วามจรงิ ตอ่ ไป — 295 —

ชวี ติ ท่ตี นื่ แล้ว เพราะโลกคือโรงละครท่ีอลังการท่ีสุด จัดแสดงโชว์ความ เป็นจริงของชีวิตมานับพันล้านปี เป็นแดนกลางมัชฌิมาภพท่ี สรรพชีวิตต่างแหวกว่ายด้ินรนเพ่ือหนีความทุกข์ทนและไล่ล่า หาความสุข เป็นที่ๆ ทุก(ข์)ชีวิต มีสิทธิที่จะเสพสุขและประสบ ทกุ ข์ และดเู หมอื นวา่ บทละครสว่ นใหญท่ ถ่ี กู เขยี นขนึ้ และจดั โชว์ มกั ปรากฏเปน็ โศกนาฏกรรมมากกวา่ สขุ นาฏกรรม จงึ ไมแ่ ปลกวา่ ทัง้ ผูช้ มและผเู้ ลน่ อันได้แกม่ นษุ ย์ทั้งหลายตา่ งกใ็ ช้ชีวติ ในความ หวาดหวัน่ และหวาดกลวั ทว่า เง่ือนไขในโรงมหรสพแห่งน้ีมีอยู่ว่า เมื่อใดความกลัว กลายเปน็ แรงขบั เบอ้ื งหลงั ของชวี ติ สง่ิ ทปี่ รากฏขน้ึ คอื ชวี ติ แหง่ การแบง่ แยก แขง่ ขัน คดิ ถงึ แตต่ นเอง คบั แคบ ตัดขาดจากผอู้ ่นื และส่งิ อนื่ ๆ หรอื สรุปโดยย่อ ท้งั หมดคอื ‘เห็นแก่ตัว’ อนั เน่อื ง มาจาก ‘ความกลัว’ นั่นเอง เราจ�ำนวนมาก ก�ำลังหาทางออกจากท้ังความทุกข์และ ความกลวั ดว้ ยวถิ ที างตา่ งๆ แตก่ ลยทุ ธส์ ว่ นใหญล่ ว้ นไดผ้ ลเพยี ง ชวั่ คราว เชน่ การบอกตนเอง ปลกุ ความกลา้ ใชค้ วามคดิ (สงั ขาร) สร้างเหตุผล แรงจูงใจ และบอกเล่าเรอื่ งราวใหมเ่ พอ่ื ปลกุ ปลอบ ใจตน เพือ่ หมายจะปลุกพลังแห่งความกล้า ลดพลงั อ�ำนาจของ ความกลวั แต่ในขณะเดียวกนั ‘ความไมร่ ’ู้ ท่แี ท้จรงิ กย็ ังอยู่ — 296 —

ความไม่รใู้ นความจรงิ หนทางเดียวที่จะก�ำจัดความไมร่ ู้ออกไปได้ คือ การรู้ เห็น ‘ความจรงิ อยา่ งทเ่ี ปน็ ’ มนั คอื วธิ กี ำ� จดั ความกลวั อยา่ งถาวร เปน็ ดั่งสวิตช์มีพลังท่ีสุดในการพลิกใจมนุษย์ เป็นจังหวะของการ เขา้ ใจ และยอมรับ แตค่ วามยากของการต่ืน รู้ เหน็ ความจริง คือการทีห่ ากไม่ ประสบดว้ ยตวั เอง เสยี้ วสว่ นในตวั เรายงั ไมย่ อมศโิ รราบ ไมย่ อม ตน่ื เพราะมันยงั ไมใ่ ช่ความเปน็ จรงิ ในชวี ิตของเรา ขอเชอื้ เชิญคุณผอู้ า่ นไดร้ ่วมเดินทางไปกบั เรอื่ งราวบนเสน้ ทางสกู่ ารตนื่ อนั หลากหลาย ซง่ึ แตล่ ะคนลว้ นมนี ยิ ามทแ่ี ตกตา่ ง ซึง่ เราน่าจะพบท้งั จดุ ร่วมและจดุ ตา่ ง ประสบการณแ์ ละเน้อื หา ท่ีบางท่านได้แบ่งปันอาจท�ำงานกับเราเป็นพิเศษ อาจฉาย ความจริงให้เรารู้สึกได้ อาจปลุกบางอย่างในตัวเราท่ีหลับใหล ให้ตน่ื ข้นึ จนกว่าความจรงิ จะเป็นความจรงิ ของเรา — 297 —

สรา้ งสรรค์ อย่างเป็น ธรรมชาติ — 298 —

ศภุ โชค ชุมสาย ณ อยุธยา ศภุ โชค ชมุ สาย ณ อยธุ ยา วยั 40 ปี ศลิ ปนิ อสิ ระสรา้ งสรรคง์ านศาสนศลิ ป์ รว่ มสมยั อาจารยพ์ เิ ศษคณะจติ รกรรม ประตมิ ากรรมและภาพพมิ พ์ และ คณะมณั ฑนศิลป์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร ผแู้ ปล เพลงรักทะไลลามะ และ เจา้ ของเพจเฟซบกุ๊ Zen Smile Zen Wisdom วาดการต์ นู เซนดว้ ยลายเสน้ เรียบงา่ ยแต่มเี นื้อหากระตุกเตือนและชวนใหต้ งั้ คำ� ถาม — 299 —

แมเ้ ขาจะไดร้ บั การยอมรบั วา่ เปน็ ผ้เู ช่ยี วชาญ เป็นอาจารย์ และผูท้ ่สี นใจศึกษาประวตั ศิ าสตร์ศลิ ป์ด้านศาสนาในวฒั นธรรม ตา่ งๆ ศุภโชคบอกว่า เขาเปน็ เพียงผูท้ ี่สนใจและใชง้ านศิลปะฝกึ และทบทวนตัวเองเท่านั้น “ผมไม่มีประสบการณ์ ‘ขณะพิเศษแห่งการต่ืนรู้’ เพราะ มันไม่ได้แยกขาดจากทุกวินาทีสามัญของชีวิต ส�ำหรับผม ประสบการณ์เรอื่ งนีค้ อ่ ยๆ แปรเปลีย่ นทีละเล็กนอ้ ย” คณุ ให้ความหมายของการ ‘ตืน่ รู้’ ว่าอยา่ งไร? การตื่นรู้คือการรู้ความจริงของชีวิต ไม่ว่าจะ ‘รู้ในความรู้’ และโดยเฉพาะ ‘รู้ในความไม่รู้’ เมื่อการต่ืนรู้คือการรู้ความจริง ความส�ำคัญของมันจงึ เป็นการท�ำใหเ้ รา ‘ยอมรบั ความจริง’ เรา ต่นื รู้เพื่อทีเ่ ราจะยอมรบั ชวี ติ ในทกุ แง่มมุ อันเปน็ จริงได้ การยอมรับความจรงิ มผี ลตอ่ การใช้ชวี ิตเราอย่างไร เมื่อยอมรับความจริงได้ เราก็จะด�ำเนินชีวิตได้อย่าง สอดประสานกับความจริง เป็นความเข้าใจในระดับที่เกิดการ เปลยี่ นแปลงจากภายในไดท้ กุ สถานการณช์ วี ติ ทำ� ใหท้ กุ ขน์ อ้ ยลง ถา้ คณุ ไมม่ ีวธิ คี ิดแบบน้?ี อาจทุกขก์ ว่านี้ — 300 —