Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore One Moment เปลี่ยนชีวิต

One Moment เปลี่ยนชีวิต

Description: One Moment เปลี่ยนชีวิต

Search

Read the Text Version

หลายคนคิดว่า การต่ืนรู้ หรือในความหมายของคุณคือ ‘การยอมรับความจริง’ เปน็ สิ่งท่ที ำ� และเกดิ ไดย้ าก คนทวั่ ไปอาจไมเ่ คยกงั วลวา่ ยากหรอื งา่ ยเพราะเขาไมส่ นใจ มนั คนทป่ี รารถนามนั จะตดิ กบั แหง่ ความปรารถนาตวั มนั เองไม่ ไดเ้ ปน็ สง่ิ พเิ ศษเหนอื ธรรมดาสามญั ยากหรอื งา่ ยเปน็ ปญั หาของ ใคร? อุปสรรคส�ำคัญบนทางสู่การตืน่ รู้ คอื ความอยากท่จี ะต่นื รู้ ซ่ึงก้าวผา่ นได้ด้วยการ ‘แค่ปฏบิ ตั ’ิ อย่างเป็นธรรมชาติ ถา้ ในระดบั บคุ คล การตนื่ รทู้ ำ� ใหย้ อมรบั ความจรงิ ได้ แลว้ ในระดับสังคม คุณคิดว่าการต่ืนรู้จะท�ำให้เกิดบรรยากาศ แบบไหน ท�ำใหเ้ รา (สงั คม) ยอมรบั และเผชิญกับความจรงิ ได้ อยากฝากอะไรถงึ ผู้อ่าน อุปสรรคส�ำคัญบนทางสู่การต่ืนรู้ คือความอยากที่จะตื่นรู้ ซ่งึ กา้ วผ่านไดด้ ว้ ยการ ‘แค่ปฏบิ ตั ’ิ อยา่ งเปน็ ธรรมชาติ — 301 —

ลมหายใจ เพ่อื ส่งต่อ ปตี ิสขุ — 302 —

ทวีวรรณ กมลบุตร จากบทบาทในฐานะคนท่ีท�ำงานเพื่อพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ ทววี รรณ กมลบตุ ร เปน็ ทงั้ วทิ ยากร โคช้ และครฝู กึ อบรมพฒั นาศกั ยภาพ ใหก้ บั พนกั งานในองคก์ รมากวา่ 12 ปี กวา่ จะถงึ วนั เวลาทเ่ี ธอไดท้ ำ� หนา้ ท่ี สร้างเส้นทางแห่งการเติบโตทางชีวิตและการท�ำงานให้ผู้อื่น เธอเองได้ ผา่ นการเรยี นรทู้ งั้ ทกั ษะ วชิ าความรใู้ นการพฒั นาตนเองในมติ ติ า่ งๆ รวม ทงั้ จดุ เปลยี่ นทกี่ ลายเปน็ บทเรยี นและประสบการณช์ วี ติ ทสี่ รา้ งการเตบิ โต ภายใน บนเส้นทางแห่งการพัฒนาตนเองและพัฒนาผู้อื่น เราลองดูว่า อะไรคอื หลกั สตู รสำ� คญั ของ ‘วชิ าชวี ติ ’ ทเ่ี ธอไดค้ น้ พบ ตลอดเสน้ ทางแหง่ การเป็นผเู้ รยี นรูแ้ ละแบ่งปันการเรยี นร้ขู องเธอ — 303 —

จุดเปลีย่ นชีวิต ตอนเดก็ ๆ จ�ำได้ว่าเวลาสูดหายใจและรับรู้วา่ สดู หายใจเข้า และปล่อยลมหายใจออก และลองทำ� อกี คร้งั สูดลมหายใจลกึ ๆ ก็รู้สึกแปลกดี แต่รู้สึกเหมือนมีพลังชีวิต แล้วก็ไปวิ่งเล่น ว่ิงซน เหมือนเดิม และความรสู้ กึ แบบนกี้ ห็ ายไป จนกระทงั่ ชว่ งเวลานี้ ไดข้ อใหแ้ มม่ าอยดู่ ว้ ย เราเปน็ คนทร่ี กั ครอบครวั มากๆ รกั แมม่ ากๆ พอมองเหน็ แม่ เดนิ ไป เดนิ มา เหน็ แมเ่ รย่ี วแรงนอ้ ยลง เหน็ แมย่ มิ้ หวั เราะ เหน็ แมม่ คี วามสขุ พลนั ใจ ก็นกึ เราไมร่ ้เู ลยว่า แมจ่ ะอยู่กบั เราไดน้ านแค่ไหน แม้เราจะรวู้ ่า ธรรมดาของมนษุ ย์ คอื เกดิ แก่ เจบ็ ตาย หากวนั เวลานน้ั มาถงึ คง หัวใจแทบสลาย คงร้องไห้ และเสียใจจมอยูก่ ับความทุกขม์ ากๆ เพียงคิดถึงอนาคตท่ียังมาไม่ถึง น้�ำตาก็ไหล รู้สึกไม่สบายใจ จนเมื่อได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของชีวิต คือ เมื่อใจเราเริ่ม ตระหนัก เร่ิมมองหาหนทางของการเรียนรู้เพื่อดูแลจิตใจของ ตัวเอง เรากพ็ บทาง ไดไ้ ปเรียนรกู้ บั พอี่ งนุ่ คณุ นันท์ วิทยด�ำรง ไดเ้ รยี นรเู้ รอ่ื งความคดิ จติ ใจ จติ วญิ ญาณทเี่ ชอื่ มโยงกบั จกั รวาล นำ� มาฝกึ และปฏบิ ตั ิ แลว้ รสู้ กึ จติ ใจนง่ิ มากขนึ้ สงบมากขน้ึ วางได้ มากข้ึน ว่างได้ทีละนิด — 304 —

รู้สึกได้เลยวา่ ความสขุ ท่ีแทอ้ ยู่ทคี่ วามวา่ งของความคดิ ใจ เราสงบ ไม่มีพื้นท่ีของข้อมูลใดเข้ามาในความคิดและจิตใจเรา ได้ เราจะรู้สึกปีติ เบิกบาน และรู้ใจตัวเองว่า ฉันพบแล้ว วิธี การทำ� ใหเ้ ราเขา้ ใจความจริงแท้ของชวี ิต เกดิ แก่ เจ็บ ตาย เรา เข้าใจ มองเหน็ การเปลยี่ นแปลง สมั ผัสไดถ้ ึงความไมแ่ น่นอนท่ี เกิดขึน้ ตลอดเวลา เรารับรู้ได้ว่าพลังงานชีวิตไหลเวียนอยู่รอบๆ ตัวเราเสมอ ชวี ติ มพี ลงั งานขบั เคลอื่ น แมไ้ มม่ ชี วี ติ กม็ พี ลงั งานขบั เคลอ่ื น รสู้ กึ จติ ใจผอ่ นคลาย แมใ้ นชวี ติ การทำ� งานจะมเี รอ่ื งราวมากระทบใจ เราอาจสั่นสะเทือนกับส่ิงเหล่านั้นบ้าง แต่เราก็กลับมาอยู่ใน เสน้ ทางทีม่ น่ั คงสงบได้เร็วกวา่ ท่ีผ่านมา บนเสน้ ทางการเรียนรภู้ ายใน การตื่นเพื่อรู้คือต่ืนจากความหลับใหลในชีวิตเดิม ตื่นจาก การเรียนรู้เดิม กรอบความคิดเดิม ต่ืนจากอดีตท่ีผูกมัดให้ชีวิต ผูกพันกับประสบการณ์เดิม ต่ืนจากการหลงไปกับอนาคตท่ียัง ไม่ได้เกิดขึ้น ตื่นให้รู้ว่า เรามีลมหายใจในช่วงเวลา ณ ปัจจุบัน ขณะน้ี เพ่ือการใชช้ ีวติ ใหม้ ีชีวิต — 305 —

เป็นการต่ืนจากอดีต ต่ืนจากความหลง ต่ืนจากความรู้ เดิม ต่ืนจากการคาดหวังกับอนาคต และรู้ความจริงท่ีธรรมดา ของชีวิต ทุกอย่างคือความไม่ยั่งยืน มีเกิด มีดับ ต่ืนรู้เท่าทัน ภาพลวงตา ต่ืนรู้ดูใจของตัวเองให้โลกภายในของจิตใจสงบสุข ได้ทุกขณะจิต การรคู้ วามธรรมดาของชวี ติ และสรรพสง่ิ ความไมแ่ นน่ อนท่ี เกิดข้ึน การไหลเวียนของธรรมชาติ มีกลางวนั มีกลางคนื มีเกดิ มดี บั มพี บและลาจาก รอู้ ะไรคอื ความจรงิ รอู้ ะไรคอื ภาพลวงตา บางครั้ง การต่ืนรู้เกิดจากจังหวะเวลาท่ีเราตื่นรู้ อาจจะมี อะไรเช่ือมโยงใหเ้ ราเริม่ คิด เรม่ิ ตระหนัก อาจจะเป็นเหตกุ ารณ์ ที่ชวนคิด อาจจะเป็นหนังสือที่อ่าน อาจจะเป็นใครบางคน เข้ามาในชีวิต และท�ำให้เราได้บอกตัวเองว่า ถึงเวลาต้องตื่นรู้ กบั ชวี ติ ได้แลว้ โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าตัวเอง เพิ่งเร่ิมต่ืนจากชีวิตเดิมๆ กำ� ลงั เรยี นรทู้ จี่ ะใชช้ วี ติ เรอ่ื งนสี้ ำ� คญั และสง่ ผลตอ่ ชวี ติ มาก ทำ� ให้ เส้นทางการใช้ชีวิตชัดเจน มีรากแก้วของศรัทธาท่ีแข็งแรง มอง เห็นชัดเจน และก้าวเดินในเส้นทางน้ีอย่างมั่นใจ โดยรู้ตัว ท่ัว พร้อม มีสติ รู้ว่าตอนน้ีก�ำลังท�ำอะไร ไม่หลับใหลไปกับส่ิงเย้า ยวนที่เข้ามาในชีวิต ยังคงแข็งแรง มั่นคง และลงมือท�ำอย่าง ศรัทธาในสิ่งท่ีท�ำ การตื่นรู้ท�ำให้เรามองเห็นชัดเจน มีสายตาท่ี ออ่ นโยนกับผูค้ นและโลกใบนี้ — 306 —

ทำ� ไมจึงต้องตื่น หากยงั ไม่พบแนวทางในการเรียนรภู้ ายใน ชีวติ ก็จะไหลไป ตามสงิ่ เรา้ ของสงั คม มแี นวทางการใชช้ วี ติ ทห่ี ลงไปกบั สง่ิ เยา้ ยวน จติ ใจ พรอ้ มพบกบั ความสขุ กบั ความทกุ ข์ และจมไดง้ า่ ยกบั อะไร กต็ ามทเ่ี ขา้ มากระทบ โดยไมร่ วู้ ธิ ใี นการนำ� พาตวั เองใหม้ สี ติ หรอื มองเห็นธรรมชาติของการดูแลและใช้ชวี ิตท่เี ปน็ ธรรมดา เพ่ือให้การใช้ชีวิตกับผู้คนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากท่ี พร้อมด่ิงไปกับความรู้สึกลบ ท่ีอาจจะมาจากค�ำพูด หรือการ แสดงออกของผู้คนทกี่ ระทบใจ เมอ่ื เราตื่นจากวิธีคิดแบบเดิมๆ ทำ� ใหเ้ รามองเหน็ วา่ สงิ่ นเี้ ปน็ เรอื่ งธรรมดา เกดิ ขนึ้ ไดก้ บั ทกุ คน แม้ กบั ตวั เอง และไดเ้ รยี นรวู้ า่ ‘ทกุ สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ชวี ติ เปน็ สงิ่ ดเี สมอ’ ดงั นน้ั เม่ืออะไรเข้ามาก็มองเหน็ รบั รู้ ยอมรับ และเขา้ ใจ สามารถด�ำเนินชีวิตไปและอยู่กับภาวะท่ีไม่แน่นอนนี้ได้อย่าง รู้ตัว มีสติ ตื่นจากความหลงทาง จากการใช้ชีวิตอย่างไร้ความ หมาย มาเป็นด�ำเนินชีวิตอย่างมีความหมาย และรู้ตัว ต่ืนมา อยู่กับปัจจุบันได้บ่อยมากข้ึน เมื่อเรารู้ตัวตื่นได้บ่อยเท่าที่เรา ต้องการ ความสุขกอ็ ยกู่ ับเราไดท้ ุกช่วั ขณะท่เี ราตื่นร้จู ากภายใน จติ ใจของตวั เราเอง — 307 —

เมือ่ ได้เรียนรู้ ฝึกความคดิ ใหน้ ่งิ สงบ วาง และวา่ ง รวมถงึ ฝกึ จิตใจใหเ้ มตตาต่อตวั เองและคนรอบข้างไดม้ ากขนึ้ มองเหน็ ความจรงิ ทที่ กุ สงิ่ ลว้ นอนจิ จงั ไมม่ อี ะไรแนน่ อน ทกุ อยา่ งผนั แปร เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การยึดกับสิ่งนอกภายท�ำให้ตัวเรา ทกุ ขไ์ ดง้ า่ ย ทกุ ขไ์ ดบ้ อ่ ยกบั โลกทเ่ี ราตา่ งสมมตุ ขิ น้ึ ใหค้ วามหมาย กับสง่ิ ตา่ งๆ รอบตัว ใหส้ ิทธิ์ ใหอ้ ำ� นาจ ทำ� ให้เราหลงอยกู่ ับโลก ภายนอก ท�ำใหม้ ีอารมณ์อยากได้ อยากมี ชอบ ไม่ชอบ การไดร้ ทู้ นั ความคดิ ตวั เองมากขน้ึ ไดท้ นั จติ ใจตวั เองมากขน้ึ หรอื บางทไี มท่ นั กค็ อ่ ยๆ ดงึ กลบั มา มสี ติ ใหเ้ รารตู้ วั เรว็ และพา กลบั มาอยกู่ บั ปจั จบุ ันได้ การฝกึ นนั้ ทำ� ได้บา้ ง ไม่ไดบ้ ้าง ในชว่ ง เริม่ เปน็ เรือ่ งธรรมดาท่ีเราตอ้ งผา่ น รูต้ วั บ้าง ไมร่ ้ตู วั บา้ ง เรายงั เป็นคนธรรมดาทม่ี กี ิเลส แต่กเ็ รยี นรู้ พรอ้ มเขา้ ใจธรรมชาตขิ อง โลกใบนี้ ธรรมชาตขิ องคนเราท่เี กิด แก่ เจ็บ ตาย เมอื่ ไดเ้ รยี นรู้ ประโยชนท์ เ่ี กดิ ขนึ้ กบั ตวั เอง คอื เขา้ ใจตวั เอง มากขึ้น ทนั ความคิด และจิตใจตัวเองมากข้ึน เรียนรูท้ ่จี ะฝกึ ให้ ความคดิ ว่าง ขยายความวา่ งให้คอ่ ยๆ ขยับมากขนึ้ เมื่อค่อยๆ วา่ ง เริ่มได้ที่ 2-5 วนิ าที กร็ ู้สกึ ดใี จ นี่เราเร่ิมว่างไดแ้ ล้ว ทลี ะนิด ทีละหน่อย แล้วค่อยๆ ขยบั ขยาย เป็น 5-10 วนิ าที นึกขน้ึ ไดก้ ็ ฝกึ ใหใ้ จวา่ ง เมอ่ื ใจว่าง รู้สึกเบา รสู้ ึกสบายใจ รูส้ ึกสงบ มองเห็น ท้องฟ้าสวยงาม มองเห็นต้นไม้ใบหญ้าสวยงาม นึกขึ้นได้ก็สูด อากาศเขา้ เต็มปอด เตม็ หัวใจ — 308 —

ขอ้ สงั เกต คำ� แนะนำ� และหลมุ พราง การเรียนรู้นี้ส�ำคัญกับการเติบโตภายในของตัวเองมาก จริงๆ ท�ำใหเ้ รานง่ิ มากข้ึน รู้ตัวไดเ้ ร็ว กลบั มาอยกู่ ับจิตใจตัวเอง ได้บ่อยๆ พาตัวเองกลับมาที่บ้านในใจ ที่สงบ สุข มอบความ สุขให้หัวใจได้ง่ายขึ้น แม้โลกภายนอกจะวุ่นวาย แต่ภายในใจก็ นิ่งและสงบได้อย่างดี ท�ำให้สะท้อนความคิดว่าหากผู้คนหรือ สังคมเล็กๆ อย่างครอบครวั ได้มีใครสักคนในบา้ น ในกลมุ่ ใน ผองเพื่อนเรา ได้เรียนรู้และฝึกจิตใจให้ตื่นรู้ในชีวิตตัวเอง สิ่งน้ี จะช่วยให้คนรอบข้าง ได้รับพลังงานดีๆ ของชีวิตและส่งผลให้ รับรู้ถึงการดูแลชีวิตด้วยจิตตื่นรู้ ส่งผลดีและงดงามกับการเดิน ทางของชวี ิตได้ เราเชื่อว่าทุกชีวิตมีความงดงาม และเช่ือว่าธรรมชาติ มหัศจรรย์มาก ถ้าเราได้เรียนรู้ความธรรมดาของชีวิตของ ธรรมชาติ ได้ฝึกหัวใจของการตื่นเพื่อเห็นและรู้มากข้ึนทีละนิด วันละนิด เราจะพบว่านอกจากจะมีความงดงามที่เราสัมผัสได้ เรายงั ได้สมั ผสั ถึงความมหศั จรรยบ์ างอยา่ งด้วย — 309 —

เม่ือเราเร่ิมหันมาสังเกตความคิดและจิตใจ เราจะพบว่า ความคิดนี่แสนขยัน ช่างหยิบเรื่องราวต่างๆ มาคิดได้ตลอด เวลา และเรื่องส่วนใหญ่ก็ให้พลังด้านลบ มากกว่าด้านส่งเสริม ชีวิตจิตใจ เม่ือได้สังเกตและมองเห็นได้ เราก็จะเร่ิมรักตัวเอง วางความคิดด้านลบ และเริ่มฝึกให้ความคิดว่าง โล่ง รับความ สบาย ผอ่ นคลาย ถงึ ตอนน้ี คนทเี่ รมิ่ ฝกึ กจ็ ะอยากฝกึ มากขน้ึ อยากเรยี นรมู้ าก ขึน้ อยากแบ่งปันใหค้ นอน่ื รอบๆ ตัว ได้มคี วามสุข ความสบาย ความวา่ ง และรบั รเู้ รอ่ื งราวตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจชวี ติ เขา้ ใจความ ธรรมดาได้อย่างทเี่ ป็น ไมท่ ุกข์มากเกินไป สามารถพาใจกลบั มา มน่ั คง นงิ่ สงบ และสขุ ไดเ้ รว็ นคี่ อื ความมหศั จรรยข์ องการเรยี นรู้ และฝกึ ความคดิ และจติ ใจใหม้ ี ‘หวั ใจตนื่ ร’ู้ หลมุ พรางระหวา่ งทาง ที่อาจจะพบเจอคือ การรีบร้อนมากเกินไปท่ีจะอยากรู้ค�ำตอบ ของชวี ติ จรงิ ๆ แลว้ การเดนิ ทางของชวี ติ แตล่ ะกา้ วยา่ ง ในแตล่ ะ วัน ก็เปน็ ค�ำตอบสำ� คัญทเ่ี ป็นประสบการณข์ องการต่ืนเพือ่ รู้ — 310 —

เราเพยี งเปดิ ตา เปดิ หวั ใจ เปดิ จติ วญิ ญาณของเราใหส้ มั ผสั กบั สิ่งตา่ งๆ กับบททดสอบ เราจะคอ่ ยๆ เรียนร้แู ละเปดิ รบั กับ ทุกประสบการณ์สู่เส้นทางการตื่นรู้ของชีวิตเราได้ทีละเล็กทีละ น้อย เราจะคอ่ ยๆ เตบิ โตจากโลกภายใน และแข็งแรงมากเพยี ง พอท่ีจะอยรู่ ่วมกบั ผ้คู นไดอ้ ย่างปตี ิสุข ชวี ติ มชี ว่ งเวลาทสี่ นั้ มาก ดงั นนั้ ในชว่ งเวลาทม่ี ลี มหายใจอยู่ นี้ เราขอตั้งจิตอธิษฐาน ให้ได้สอนไดถ้ า่ ยทอดความรู้ ความคดิ ประสบการณท์ ลี่ ำ้� คา่ ในชวี ติ เรา มาสง่ มอบใหก้ บั ผคู้ นในชว่ งชวี ติ ทม่ี ีลมหายใจอยเู่ ทา่ ทีเ่ ราจะท�ำได้ และทำ� ด้วยความสุขทุกๆ วัน — 311 —

ชีวิตนี้ ต้องไมเ่ ปน็ โมฆะ — 312 —

ประชา หุตานวุ ตั ร “ผมเปน็ นกั เรยี น นกั เขยี น นกั แปล และเปน็ กระบวนกร หน้าทีห่ ลักคอื การเปลยี่ นแปลงตนเองและสังคม ให้กา้ วไป สคู่ วามบรสิ ทุ ธยิ์ ตุ ธิ รรมและยงั่ ยนื ผมทำ� งานนม้ี าตลอดชวี ติ ต้ังแต่เรียนมัธยมปลาย และตงั้ ใจทจ่ี ะตายคางานน้”ี — 313 —

นี่คือค�ำพูดที่แสดงถึงจุดยืนอันมั่นคงภายในของ อาจารย์ ประชา หุตานุวัตร ในฐานะผู้อ�ำนวยการของโครงการ มหาวทิ ยาลยั ทางเลอื กของเสมสกิ ขาลยั ตลอดหลายสบิ ปที ท่ี า่ น ได้เรียนร้บู นเสน้ ทางของการเตบิ โตภายใน จนมาสู่บทบาทของ การเปน็ ครู อาจารยผ์ มู้ ปี ณธิ านในการถา่ ยทอดการเรยี นรทู้ ล่ี กึ ซงึ้ และการพฒั นาภายในควบคไู่ ปกบั การเปลยี่ นแปลงโลกภายนอก กว่าจะถึงวันนี้ เส้นทางของการเติบโตของอาจารยเ์ ปน็ อย่างไร บนเสน้ ทางสู่การเติบโตภายใน สำ� หรบั ปถุ ชุ นอยา่ งผม การตนื่ มหี ลายระดบั หลายมติ ิ และ ไม่ได้เป็นไปตามล�ำดับข้ันเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น เม่ืออยู่ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ในหอ้ งเดก็ เรยี นเกง่ ผมเรม่ิ เหน็ วา่ การแขง่ ขนั แบบเอาเปน็ เอาตาย ไมส่ นกุ เสยี แลว้ มแี ตค่ วามทกุ ข์ เมอื่ ไดอ้ า่ น งานของอาจารยพ์ ทุ ธทาสมากพอ กต็ น่ื ขน้ึ มาวา่ ชวี ติ ทถ่ี อื เอาการ แสวงหาทรัพย์ อ�ำนาจ ชื่อเสียง และกามสุข เป็นเป้าหมาย สงู สง่ นน้ั แหละเปน็ ตน้ เหตขุ องทกุ ข์ ผมจงึ ตดั สนิ ใจออกจากลนู่ นั้ เลือกทางใหม่ ท่จี ะลดทุกข์ของตนเองและสงั คมแทน การเฝ้าดูจิตเกือบตลอดเวลาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตาม การอา่ นคำ� สอนของทา่ นอาจารยพ์ ุทธทาส โดยปราศจาก ครูบาอาจารย์ท�ำให้ผมพลัดเข้าสู่ภาวะอยู่ในปัจจุบันขณะโดย ไม่ต้องก�ำหนด เป็นเวลาหลายเดือน เพราะขาดครูบาอาจารย์ แนะน�ำใกลช้ ิด จงึ ไม่สามารถรกั ษาภาวะนน้ั ไว้ใหย้ ัง่ ยนื ได้ — 314 —

เม่ือรู้ชัดว่าเป้าหมายของชีวิต ไม่ใช่การหาทรัพย์ อ�ำนาจ ชอื่ เสยี ง กามสขุ แลว้ ตอ่ จากนน้ั ไมน่ าน ผมกห็ นั มาสมาทานลทั ธิ มารก์ ซ์ ทเ่ี สนอเปา้ หมายชวี ติ ใหม่ วา่ ชวี ติ ทด่ี ี คอื ชวี ติ ทอ่ี ทุ ศิ เพอ่ื เปลยี่ นแปลงสงั คมใหบ้ รสิ ทุ ธย์ิ ตุ ธิ รรม แตแ่ ลว้ สามปขี องการชว่ ง ชงิ อ�ำนาจ ‘ชว่ งชิงการนำ� ’ ภายในแวดวงชาวมารก์ ซิสต์ ก็ท�ำให้ ผมตน่ื ขน้ึ มารวู้ า่ ขบวนการนไ้ี มส่ ามารถนำ� ไปสสู่ งั คมใหมท่ ด่ี งี าม ไดแ้ น่ ท่กี ล่าวนไ้ี มไ่ ดม้ ีนยั วา่ ผมดกี ว่าคนอ่ืน ผมกอ็ ยูใ่ นอหี รอบ เดียวกันน่ันแหละ พอศรัทธาต่อลัทธิมาร์กซ์ตกลง ผมก็ก้าวออกจากลู่น้ีเพื่อ หาทางใหม่ โชคดที ่ีผมมเี พือ่ นดีท่สี ร้างชุมชนพุทธแบบรว่ มสมัย ผมจงึ ไมเ่ ควง้ คว้างมากและนานเกินไป เมอ่ื ออกจากขบวนการฝา่ ยซา้ ย และไดบ้ วชเรยี นฝกึ ภาวนา กับครูบาอาจารย์ในป่าเขาอย่างจริงจังในปีแรก ผมก็ได้เห็นว่า ความทกุ ขข์ องตนนน้ั เกดิ จากความคดิ ของตนเองเปน็ สว่ นใหญ่ น่ีก็เป็นการต่ืนท่ีส�ำคัญมาก กล่าวคือ คนส่วนมากคิดปรุงแต่ง รวมทั้งตีความส่ิงท่ีเรารับรู้ด้วยจินตนาการของเราเอง โดยมัก ไม่ได้ตรวจสอบความคิดนึกน้ันกับความเป็นจริง หรือในหลาย กรณีตรวจสอบไม่ได้ แต่เราก็คิดเป็นตุเป็นตะว่านั่นว่านี่ แล้ว ก็ทุกข์ใจร้อนใจ ดีใจเสียใจ กับนิยายที่เราสร้างขึ้นน้ันๆ ที่ว่า ส�ำคัญก็เพราะว่าคนส่วนมากลืมไปว่าความคิดความเชื่อและ ความจริงเป็นคนละเร่ืองกัน เข้าท�ำนอง ‘ไม่รู้ว่าไม่รู้เป็นโทษ หนกั ’ ตามคติเต๋า — 315 —

เมอ่ื พบกบั สขุ จากการภาวนาเลก็ ๆ นอ้ ยๆ กต็ น่ื และรวู้ า่ โอ สขุ ทย่ี ิ่งกว่ากามสุขทเี่ คยรจู้ ักน้นั มจี ริง นก่ี ส็ ำ� คญั มาก เมื่อใคร่ครวญถึงความไม่แน่นอนของสรรพส่ิงรอบตัวเป็น ประจ�ำช่วงหน่ึง ก็ท�ำให้จิตสลด เป็นความสุขสงบจากการสลัด ออกของจิตช่ัวเวลาท่ีเห็นความไม่เที่ยงนั้น นี่ก็เป็นการตื่นอีก แบบหนงึ่ เมื่อใคร่ครวญสังคมทั้งระบบ ก็เห็นว่าทุกข์ของสังคมมี มาก คนทรัพย์น้อย อ�ำนาจน้อย ไม่มีชื่อเสียง ถูกเอารัดเอา เปรียบตลอดเวลา เป็นฝ่ายเสียเปรียบในระบบสังคมที่เป็นอยู่ เม่ือศึกษาลึกลงไปก็พบว่า ทุกข์ทางสังคมนี้มีเหตุมาจากการ จัดโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม ที่เรียกว่าทุนนิยมเสรี ที่ให้อ�ำนาจ อย่างมากเกินพอดีกับชนช้ันน�ำผู้มั่งมีเงินทองและทรงอ�ำนาจ ท่ีจะเอารัดเอาเปรียบชนช้ันกลางและผู้ยากไร้ แถมชนช้ันน�ำ เหล่าน้ียังถลุงเอาธรรมชาติมาใช้สอยจนดุลของระบบนิเวศเสีย ไปหมด โดยระบบนี้ส่งเสริมโลภจริตอยู่ตลอดเวลา ท้ังในแง่ ของปจั เจกบุคคล (แข่งกนั วา่ ใครจะรวยกว่ากัน ใครจะมอี ำ� นาจ มากกว่ากัน) และเป็นหมู่เหล่า (แข่งกันว่าประเทศไหนจะมีจีดี พีสงู กวา่ กัน) — 316 —

ขณะเดียวกัน เมื่อศึกษาระบบสังคมนิยมที่ต้องการแก้ ปัญหาของทนุ นยิ ม กพ็ บวา่ ระบบสงั คมนยิ มก็ลม้ เหลว เพราะ โครงสร้างสังคมท�ำให้คนกลุ่มน้อยมีอ�ำนาจมากเกินไป และใช้ อ�ำนาจในการกดข่ีคนส่วนใหญ่อีกแบบหนึ่ง แม้จะมีฝ่ายท่ีมี อดุ มคติ ทำ� ดว้ ยความปรารถนาจะใหเ้ กดิ สงั คมทด่ี งี าม กป็ รากฏ วา่ พวกเขาจำ� นวนไม่นอ้ ยคาดหวังจากมนษุ ย์มากเกินไป ระบบ สหกรณแ์ ละระบบคอมมนู ภายใตร้ ะบบสงั คมนยิ มจงึ ลม้ เหลวลง อย่างน่าเสียดาย เพราะพื้นฐานทางปรัชญาของลัทธิมาร์กซ์ไม่ เขา้ ใจมนษุ ยม์ ากพอ และเม่ือศึกษากว้างออกไปก็พบว่า โครงสร้างสังคมแบบ ที่สามก็มีอยู่อาจเรียกว่าเป็นระบบทุนนิยมเพ่ือสังคมของยุโรป ตะวนั ตก แกป้ ญั หาเรอื่ งความเหลอื่ มลำ�้ ไดม้ าก แตก่ ไ็ มแ่ กป้ ญั หา เรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะยังตั้งอยู่บนชุดความคิดของยุคท่ีผม เรยี กวา่ ฝรั่งตรัสรู้ (European Enlightenment) ทเ่ี ชื่อในเร่ืองการ เอาชนะธรรมชาติ ถอื เอามนุษยเ์ ป็นศูนยก์ ลางในการวดั ค่าของ สิ่งต่างๆ และเชื่อเรื่องความเจริญก้าวหน้าแบบเส้นตรง อันเปน็ มิจฉาทฐิ ิทางอารยธรรมอย่างรา้ ยแรง — 317 —

การตื่นท่ีเกิดขึ้นจากการได้ศึกษา รวมท้ังได้ไปเห็นสภาพ สังคมแบบต่างๆ เหล่าน้ี ท�ำให้ผมเชื่อว่าค�ำตอบหลักอยู่ใน วฒั นธรรมของเราเอง คอื แก่นของพทุ ธศาสนา จะเปน็ ฐานของ สัมมาทิฐิทางอารยธรรมใหม่ได้ เพ่ือให้เราอยู่กับส่ิงแวดล้อม อย่างกลมกลืน โดยไม่เอามนุษย์เปน็ ศูนยก์ ลาง ขณะเดียวกนั ก็ เหน็ คา่ ยง่ิ ใหญข่ องความเปน็ มนษุ ย์ ทง้ั น้ี ผมไมไ่ ดล้ ดความสำ� คญั ของการถอดบทเรยี นจากสงั คมทกุ แบบทกี่ ลา่ วมาแลว้ แตเ่ อาบท เรยี นนนั้ ๆ มาตง้ั ใหมบ่ นฐานชดุ ความคดิ ใหมข่ องพทุ ธธรรม และ อารยธรรมตะวันออกอื่นๆ น่คี อื การตน่ื รู้ทางสงั คมและระบบนเิ วศ นยิ ามของการตน่ื รู้ การตนื่ รู้ หมายถงึ รทู้ กุ ขแ์ ละรทู้ างออกจากทกุ ข์ ทงั้ ทกุ ขข์ อง ปจั เจกชน ทกุ ขข์ องสงั คม และทกุ ข์ของระบบนเิ วศ ผมฝกึ ตนให้ ตื่นรูเ้ พอื่ ลด ละ เลกิ ทกุ ขท์ ั้งสามมิติ ถ้าไมฝ่ กึ ตน ผมกค็ งจมอยู่ กับทุกข์เหล่านี้ เท่ากบั ไม่ได้ท�ำหนา้ ท่ีสมกับทเ่ี กิดเปน็ คน ผมถอื ตามคติโบราณว่าการฝึกตนให้ตื่นรู้เป็นการทำ� หน้าท่ีของความ เป็นมนุษย์ ตนื่ มากเทา่ ไร กเ็ ป็นมนุษยม์ ากข้นึ เทา่ น้นั — 318 —

ในทางปฏิบัติ การตื่นรู้น้ีมีหลายระดับ เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาตกิ ม็ ี เพราะมนษุ ยม์ กี ารตน่ื รเู้ ปน็ ธรรมชาตอิ ยแู่ ลว้ แตค่ น มกั จะไมไ่ ดส้ งั เกตเหน็ นอกจากนน้ั ยงั มกี ารตน่ื รดู้ ว้ ยสมาธภิ าวนา ทที่ ำ� ใหจ้ ติ เกลย้ี งจากนวิ รณข์ ณะอยใู่ นสมาธิ และทสี่ ำ� คญั คอื การ ตน่ื ดว้ ยปญั ญาเหน็ ไตรลกั ษณ์ แบบปถุ ุชนอย่างเราๆ ท่านๆ ก็ ต่ืนแบบชัว่ ครั้งชั่วคราวเมื่อสตปิ ญั ญาอยตู่ ัว ประโยชน์ของการตนื่ คือการลด ละ เลิกความทกุ ข์ทง้ั สาม มิติ ในระดับปัจเจกชน ท�ำให้ผมทุกข์น้อยลง ในระดับสังคม ทำ� ใหเ้ พ่อื นมนุษย์ทุกขน์ ้อยลง ในระดบั นเิ วศ ทำ� ให้สง่ิ แวดลอ้ ม ย่ังยืนฟื้นตัวได้ง่ายขึ้น ส�ำหรับผมการเข้าถึงความจริงคือทุกข์ และตน้ ตอของทกุ ขน์ ้นั เปน็ ปฐมเหตุ การตืน่ รนู้ น้ั เปน็ ผล ผมเชือ่ วา่ ถา้ ฝึกไปเร่ือยๆ กจ็ ะกา้ วสูก่ ารเป็นอรยิ ชนท่ีเปน็ การต่นื อยา่ ง ยงั่ ยนื ทเ่ี ปน็ อสิ ระสน้ิ เชงิ จากการเอาตนเองเปน็ ศนู ยก์ ลาง ทำ� ให้ ไวว้ างใจชีวิตและจักรวาล และท�ำสงิ่ ท่ดี ีงามอย่างเปน็ ธรรมชาติ ไม่ตอ้ งฝกึ ฝืนอีกตอ่ ไป การเปลย่ี นแปลงนนั้ ตอ้ งเกดิ ขนึ้ ทง้ั ภายนอกและภายใน ถา้ มองการตน่ื รวู้ า่ เปน็ การเปลย่ี นแปลงเฉพาะภายใน เปน็ การมอง ด้วยชุดความคดิ เดิม หรอื กระบวนทศั นเ์ กา่ ที่ผลติ ซำ้� แล้วซ�ำ้ เลา่ — 319 —

โดยชนชั้นน�ำ เพ่ือให้ศาสนาเป็นเครื่องมือท�ำให้ประชาชนส่วน ใหญ่เชื่อง และอยู่ในอำ� นาจครอบง�ำของตน เพื่อพวกตนจะได้ เอารดั เอาเปรยี บและรำ�่ รวยยงิ่ ๆ ขนึ้ ไป โดยคนสว่ นใหญห่ ลบั ใหล อยูก่ ับความรสู้ กึ วา่ ตนเองตำ่� ต้อยดอ้ ยค่า แล้วแขง่ ขันกันบริโภค จับจ่ายใช้สอย ถีบหัวกัน เพ่ือปีนข้ึนไปข้างบนเร่ือยๆ อย่าง ไร้ความหมาย ผมถือว่าถ้าฝึกตื่นรู้แต่ภายในก็เป็นการหนี ความเป็นจริงของโลก หาความสุขเฉพาะตนหรือพวกตน ผม ถอื วา่ พระพทุ ธเจา้ นนั้ ทา่ นเหน็ ทง้ั ทกุ ขข์ องปจั เจกบคุ คลและทกุ ข์ ของสงั คม ทา่ นจงึ ตง้ั คณะสงฆข์ น้ึ เพอื่ เปน็ ชมุ ชนทวนกระแส เผย แพร่วฒั นธรรมทเี่ ปน็ สัมมาทฐิ ิ ชีวิตและสังคมที่ดีงามต้องต้ังอยู่บนชุดความคิดที่ถูกต้อง โดยดจู ากหลักอริยสัจ 4 อนั เปน็ กฎธรรมชาตทิ ี่พระพทุ ธเจ้าทรง ค้นพบ โครงสร้างภายในจิตใจและโครงสร้างทางสังคมต้องน�ำ ไปสู่การลดละ ความต้องการท่ีเกินจ�ำเป็นของมนุษย์ (ตัณหา) และพอกพูนความกรุณาและปัญญาของมนุษย์และสังคมให้ งอกงามย่ิงๆ ข้นึ ไป โครงสร้างสงั คมท่ดี ีงามคือกลั ยาณมติ รของ มนุษย์ท่ีควรเอ้ือให้มนุษย์ได้มีโอกาสพัฒนาปัญญาและกรุณา ในปัจเจกบคุ คล ไมใ่ ชพ่ ัฒนาความโลภและความหลงดังท่ีระบบ โครงสรา้ งปัจจุบนั เป็นอยู่ — 320 —

หลุมพรางระหวา่ งการเดินทาง ขณะท่ีตื่นข้ึนนั้น คือชีวิตที่ก�ำกับด้วยสติและปัญญา ความเครยี ดก็น้อยลง ผมกเ็ อาตัวเองเปน็ ที่ต้ังน้อยลง คิดถึงอก เขาอกเรามากข้ึน คนรอบเรากพ็ ลอยเครียดน้อยลงไปด้วย และ กเ็ ปน็ แรงบนั ดาลใจใหค้ นอนื่ ไดฝ้ กึ ไปดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม ความท่ี ยงั เปน็ ปถุ ชุ น ผมกม็ ชี ว่ งทขี่ าดสตปิ ญั ญากำ� กบั ไมใ่ ชน่ อ้ ย เมอื่ นน้ั ชวี ติ ก็เครยี ด กท็ ุกข์ คนรอบขา้ งกท็ ุกขแ์ ละเครียดไปด้วย แมจ้ ะ ทำ� งานเพอื่ สงั คมเปน็ หลกั ในชวี ติ มาโดยตลอดกต็ าม ในนามของ การทำ� งานเพอื่ สงั คมนนั้ เรากเ็ อาตณั หาอปุ าทานไปจบั งานทท่ี ำ� เมอ่ื นนั้ เราก็สรา้ งปญั หาไม่ใช่น้อยในนามของคุณงามความดี หากไม่มีการต่ืนและเติบโตภายใน ผมคงเป็นคนเครียด อาจจะเครยี ดจนเจ็บป่วยตายไปแล้วก็ได้ หรอื ไม่ อาจจะร�ำ่ รวย หรือเปน็ นักการเมอื ง มเี งนิ มอี �ำนาจ ทำ� รา้ ยผคู้ นใกลไ้ กล เพ่อื สนองอตั ตาวาทปุ าทานของตนเอง โกหกตอแหลเพอ่ื ตนเองจะได้ ทรัพย์ อ�ำนาจ ช่ือเสยี ง และกามสุขมากมายอยา่ งไมร่ จู้ กั จบส้ิน อาจจะดูเหมือนส�ำเร็จทางโลกมาก แต่ชีวิตคงไม่มีความสุข เป็นภาชนะก้นรั่ว เติมเท่าไรก็ไม่เต็ม เพราะไม่ได้แก้ปมที่ว่า ตวั เองดไี มพ่ อ มไี มพ่ อ เกง่ ไมพ่ อ ฉลาดไมพ่ อ ทสี่ งั คมยดั เยยี ดให้ ตง้ั แตเ่ ลก็ นนั้ เอง ผมกอ็ าจจะกลายเปน็ เหยอ่ื ของระบบทใี่ ชผ้ คู้ น — 321 —

เป็นทาสเพ่ือให้ระบบด�ำรงอยู่ต่อไป เพื่ออ�ำนวยให้คนจ�ำนวน นอ้ ยรำ่� รวยย่งิ ๆ ขึ้นไป มีอ�ำนาจยงิ่ ๆ ขน้ึ ไป แต่ก็หาไดม้ คี วาม สุขยิ่งๆ ขึ้นไปไม่ เพราะท้ังคนมีและคนยากไร้ต่างก็เป็นเหยื่อ ของระบบเชน่ เดียวกนั อปุ สรรคสำ� คญั ทส่ี ดุ ของการตน่ื คอื การรไู้ มเ่ ทา่ ทนั อตั ตาวา- ทปุ าทาน ท่เี ขา้ มาครอบง�ำเวลาขาดสติปัญญา เนอ่ื งจากละเลย การฝึกฝนตนเอง เพราะศรัทธาตก เลยใช้ชีวิตอย่างประมาท ท�ำร้ายผู้คนโดยรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง ส�ำหรับผม การก้าวผ่าน อยู่ท่ีการเข้าหากัลยาณมิตร ฟังเทศน์ของครูบาอาจารย์ อ่าน หนังสือทเ่ี ปน็ สัมมาทฐิ ิ ใคร่ครวญชวี ติ เตอื นตนให้ระลึกถึงทุกข์ โทษของการใช้ชีวิตอย่างประมาท พอพลังศรัทธากลับมา ก็ ฝึกฝนตนเองต่อไป ตนื่ เพ่อื ตนเอง ต่นื เพอื่ ทงั้ หมด ถ้าคนที่ฝึกตนจริงจังเพ่ือเปล่ียนโครงสร้างในจิตใจตนเอง และร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างสังคม พรอ้ มๆ กนั ไปดว้ ย กจ็ ะสามารถสรา้ งสงั คมสมั มาทฐิ ขิ นึ้ ได้ แบบ คอ่ ยเปน็ คอ่ ยไป โอกาสทสี่ งั คมไทยจะกา้ วไปสสู่ งั คมทด่ี งี ามโดย ไม่ต้องรบราฆ่าฟันกันเองก็เป็นไปได้ แต่ถ้าคนที่ฝึกตนมุ่งแต่ การต่ืนรู้ส่วนตนและไม่รู้เร่ืองโครงสร้างสังคม การต่ืนรู้นั้นก็มี ผลกระทบตอ่ สงั คมในภาพรวมนอ้ ยมาก การตนื่ รแู้ บบนนั้ กเ็ ปน็ เพยี งการหนอี ยา่ งหนง่ึ นน่ั เองดงั กลา่ วมาแลว้ แมต้ นเองจะบรรลุ — 322 —

ธรรมก็ตาม ถ้าถามว่าพระสงฆ์ก็ต้องเข้าใจโครงสร้างสังคมด้วย หรือ เห็นพระบางรูป ท่านก็ไม่ยุ่งเก่ียวการเมืองเลย แต่ท่านก็ สอนใหม้ เี มตตากรณุ าผ้อู นื่ และเท่าทนั กิเลสของตนเอง ค�ำตอบของผมก็คือ พระคุณเจา้ เหลา่ น้ัน ยอ่ มดกี วา่ พระท่ี ไมฝ่ กึ ฝนตน ทา่ นจะไดเ้ สวยสขุ จากการตนื่ สว่ นตวั ของทา่ น ทา่ น อาจจะ ‘ถอื ศลี กนิ วาตาเปน็ ผาสกุ ทกุ วนั คนื ’ และเปน็ แรงบนั ดาลใจ ส�ำหรับคนใกล้ชิด แต่ท่านจะมีประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมน้อย มาก หรอื น้อยกว่าทคี่ วร สงั คมก็ยงั เป็นมิจฉาทฐิ ิเหมอื นเดมิ ทง้ั ยามท่ที า่ นยังอยูแ่ ละเม่ือตายจากไป ผมถอื ว่าเป็นการต่นื ที่เห็น แก่ตัวแบบหนงึ่ ยกตัวอย่างสังคมญปี่ ่นุ ในวดั เซนอาจจะมีพระ สงฆ์ท่ีบรรลุธรรมบางรูปเกิดขึ้น แต่อิทธิพลต่อสังคมของท่าน เท่ากับศูนย์ สังคมญี่ปุ่นก็มีโครงสร้างมิจฉาทิฐิเต็มรูปแบบต่อ ไปดังเห็นอยู่ในปัจจุบัน เหลือแต่เศษเส้ียวของพิธีกรรมเล็กๆ น้อยๆ เชน่ พธิ ีชา การจัดดอกไม้ ฯลฯ ทีผ่ ูป้ ฏบิ ัติส่วนใหญ่ก็ลืม แก่นของพทุ ธธรรมของพิธเี หลา่ นีไ้ ปแล้ว ก้าวเล็กๆ คือเริ่มท่ีตัวเราแต่ละคน เร่ิมท�ำเท่าที่เรารู้เรา เข้าใจทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน แล้วศึกษาหาความรู้ เพิม่ ขึ้น และใหก้ �ำลงั ใจกนั และกนั ให้ท�ำอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โยงใจกนั เปน็ เครอื ข่าย แบ่งปนั ประสบการณใ์ ห้คนอ่นื รบั รู้ มากท่ีสุดเท่า ท่ีจะท�ำได้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขบวนการทางสังคมท่ี เปน็ สัมมาทฐิ ขิ ้นึ — 323 —

ก้าวใหญ่ๆ ต้องเรียกร้องอุดหนุนให้เกิดการเปล่ียนแปลง ทางโครงสรา้ ง จากทนุ นยิ มเสรเี ปน็ ทนุ นยิ มทมี่ สี ตเิ พอ่ื สงั คมและ สิ่งแวดลอ้ ม หรือจะเรียกว่าธัมมกิ สังคมนิยมกไ็ ด้ ต่ืนรู้ส�ำหรับปัจเจกชนน้ัน การฝึกตนที่กล่าวมาน้ี ทุกคน เข้าถึงได้อย่างเป็นข้ันเป็นตอน คนท่ัวไปต้องเริ่มจากหาครูบา อาจารยอ์ ยา่ งจรงิ จงั นร่ี วมถงึ อา่ นหนงั สอื ใหถ้ กู เลม่ ใชส้ อ่ื ถกู เรอื่ ง ดว้ ย เมอื งไทยเราโชคดที เ่ี รามคี รบู าอาจารยอ์ ยา่ งทา่ นพทุ ธทาส อาจารย์ชา สุภัทโท สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ได้ผลิตงานพูดงานเขียนท่ีเป็นสัมมาทิฐิไว้มากมาย นอกจากนี้ งานของท่านติช นัท ฮันห์ ท่านเชอเกียม ตรุงปะ (Chögyam Trungpa) และอีกหลายท่าน ก็ได้รับการแปลเป็น ภาษาไทยแลว้ ต่ืนรู้ในทางสังคมและส่ิงแวดล้อมนั้น ต้องเร่ิมจากการรับรู้ ทุกข์ของสังคม สัมผัสกับผู้ตกทุกข์ได้รับความอยุติธรรม เช่น ลงไปเย่ียมเยียนคนจนในสลัม รู้จักชีวิตจริงคนประท้วงเพราะ เดือดร้อนจากนายทุนหรือรัฐ เป็นต้น สัมผัสกับปัญหาทาง สง่ิ แวดลอ้ ม และพยายามเขา้ ใจสาเหตตุ ามลำ� ดบั การสมั ผสั ทกุ ข์ ทำ� ใหเ้ กดิ กรณุ าธรรมขนึ้ แลว้ ตอ้ งศกึ ษาจนเหน็ โครงสรา้ งและชดุ ความคิดทผ่ี ดงุ โครงสร้างนน้ั ๆ ไว้ — 324 —

ส่วนการแก้ไขต้องดูจริตนิสัยและบารมีของตน ถ้าเป็นคน ชอบลุยก็อาจจับงานร้อนท้าทายผู้ทรงอ�ำนาจท่ีรักษาระบบอัน อยุติธรรม ถ้าชอบงานเย็นก็มีงานสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยชุด ความคิดใหม่ โครงสร้างใหม่ เพ่ือเป็นต้นแบบใหม่ๆ ถ้าถนัด งานส่ือ กส็ รา้ งส่ือทท่ี �ำใหค้ นเห็นทกุ ขท์ ั้งสามระดบั และช่วยกนั หาทางออกจากทุกข์ งานเหล่านี้ถ้าท�ำกันเป็นหมู่เป็นคณะจะ ดีย่ิง ใหญ่เล็กตามความถนัดของตน เป็นการสร้างบารมีธรรม ใหก้ ับตนเองและสงั คม ข้อสำ� คญั ก็คอื เม่ืองานเรม่ิ สำ� เร็จ เราจะ ตอ้ งรกั ษาตนใหส้ ามารถกระทบไหลก่ บั เงนิ อำ� นาจ และชอ่ื เสยี ง โดยไม่เสยี คนใหไ้ ด้ การตนื่ ทงั้ สามมติ นิ น้ั สามารถสานเปน็ เรอ่ื งเดยี วกนั ได้ ชวี ติ จงึ จะไมเ่ ปน็ โมฆะ หรอื อาจกลา่ วไดว้ า่ วถิ เี ปลย่ี นแปลงสงั คมและ สงิ่ แวดลอ้ มใหด้ งี ามขน้ึ และวถิ บี รรลธุ รรม เปน็ ทางสายเดยี วกนั ได้ กล่าวอีกนยั หน่ึง ทำ� งานเพ่ือส่วนรวมคือสรา้ งบารมขี องสว่ นตัว ใหค้ อ่ ยๆ เตม็ ขนึ้ และเมอื่ ทำ� งานเพอ่ื สงั คมโดยเหน็ แกต่ วั นอ้ ยลง งานนัน้ ๆ กท็ รงคณุ ภาพเป็นบารมขี องสงั คมใหม่ในอนาคต — 325 —

— 326 —

การต่ืนรู้คือภาวะที่กลับไปจำ�ไดอ้ กี คร้งั วา่ แท้จริงแล้วเราเปน็ ใคร กลับไปสู่รากหรอื แกน่ แท้ของการเกดิ มา เพอ่ื ใหช้ วี ิตทต่ี อ้ งดำ�เนินอยู่ เต็มไปด้วยความงาม ความรกั ความสมบรู ณ์ทางใจ นันท์ วิทยดำ�รง — 327 —

ความสขุ หาง่าย ในความจริง แสนธรรมดา — 328 —

วรี ะกจิ อัชรีวงศ์ไพศาล “สมยั เปน็ นกั ศกึ ษา ผมตง้ั ใจเรยี น เปน็ ผนู้ ำ� เปน็ นกั กจิ กรรมตวั ยง แตผ่ มมคี วามเชอ่ื ทช่ี ดั เจนมากวา่ อะไรคอื สง่ิ ทถ่ี กู หรอื ผดิ จงึ ชอบตดั สนิ คนอนื่ ทคี่ ดิ ไมเ่ หมอื นตวั เองวา่ เปน็ คนไมด่ ี และอยากเปลยี่ นสง่ิ ทต่ี วั เอง คิดว่าไมด่ ีใหเ้ ปน็ แบบทีเ่ ราเช่อื แต่เปล่ยี นด้วยวธิ ีต�ำหนิ ด่าทอ ประชด ประชนั ท�ำให้ผมมีความสมั พนั ธ์ท่ไี ม่ค่อยดีนกั กบั เพื่อนและอาจารย”์ คืออดีตของวีระกิจ อัชรีวงศ์ไพศาล นักเขียนการ์ตูนหม่ืนตา ธรรมะ ผแู้ บ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจธรรมะมากกว่า 10 ปี — 329 —

อารมณข์ องคนหนึ่งคนไมเ่ คยอย่อู ย่างโดดเดีย่ ว เพราะทุก คร้ังที่รัศมีของอารมณ์เกิดปะทุ สะเก็ดอารมณ์ย่อมกระเด็นไป กระทบผู้ที่อยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนร่วมงาน คนใน ครอบครัว กระทั่งคนที่เดินผ่านและไม่เคยรู้จักกัน ย่อมได้รับ ผลกระทบจากความโกรธท่ีไม่รู้วธิ ดี ับน้ี ‘ความทกุ ข์’ คือส่งิ ท่วี ีระกจิ แบกไว้บนบา่ ตลอดหลายปี วัน หนึ่งที่มีโอกาสที่หยุดคิด ได้หยุดยืนอยู่เบื้องหน้า ‘อาจารย์’ ที่ แสนย่ิงใหญ่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้า จุดเปล่ียนแรกที่ท�ำให้เขาต่ืน ลืมตา เดินออกจากตัวเองเพ่ือกลบั เข้าไปส�ำรวจโลกภายใน หลังจากนนั้ โลกของเขาก็ไมเ่ คยเหมือนเดมิ จากท่ีเคยเป็นคนอารมณ์ร้าย กลายเป็นนักเขียนการ์ตูน หม่ืนตาธรรมะ ผู้แบ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจธรรมะ มากกวา่ 10 ปใี นวันนีไ้ ดอ้ ย่างไร จุดเปล่ียนทสี่ �ำคญั เกิดขน้ึ ตอนไหน วนั หนง่ึ มโี อกาสเดนิ ทางไปเทย่ี วทมี่ ณฑลกยุ้ โจว ประเทศจนี แตต่ อนนนั้ เปน็ การเทย่ี วอยา่ งไมม่ คี วามสขุ ไมร่ สู้ กึ สนกุ กบั อะไร เลย จนชว่ งเย็นของการเดินทางไปยัง ‘ขุนเขาหม่ืนลูก’ เปน็ ทิว เขาที่งดงามมาก ผมเดินรั้งท้ายอยู่คนเดียวในขณะที่ทุกคนเดิน ลว่ งหนา้ ไปไกลพอสมควร วินาทหี นงึ่ ผมหยุดและยนื มองดขู ุนเขาเบอ้ื งหนา้ เหมอื น ความคดิ หยดุ น่งิ รอบตวั มแี ต่ความเงยี บ ผมไม่ร้สู ึกถึงการมีอยู่ ของใครเลย ไมร่ ตู้ วั กระทง่ั ไกดเ์ ดนิ มาตบไหลแ่ ละถามวา่ เปน็ อะไร เพราะเขาเหน็ ผมยนื นง่ิ เงียบอยนู่ านพอสมควร — 330 —

พอน่ังบนรถบัส ในใจผมรู้สึกไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่คนเดิม เหมอื นทเ่ี คยเปน็ อยดู่ ๆี กม็ คี ำ� ตอบขน้ึ ในใจวา่ “ทท่ี กุ ขม์ าตลอด ชีวิต เป็นเพราะเรานนั่ แหละทีค่ ิดไปวา่ ตัวเองย่งิ ใหญ่ แต่พอยืน อยู่เบื้องหน้าภูเขาลูกน้ี ตัวเราเล็กลงมาก ยิ่งตัวเล็ก ทุกข์ท่ีมีก็ ขนาดเล็กตามไปด้วย แล้วถา้ เราเลก็ ลงจนเปน็ ฝุ่นผง ความทุกข์ ทค่ี ดิ วา่ มี กค็ งไมม่ แี ลว้ สนิ ะ” คดิ ไดแ้ บบนน้ั กเ็ หมอื นวา่ ความทกุ ข์ ทเ่ี คยมหี ายไปอย่างประหลาด ผมไม่ได้เล่าความรู้สึกนี้ให้ใครฟัง แต่รู้สึกเลยว่าภูเขาลูกน้ี คอื อาจารยข์ องตวั เอง เขาไดส้ อนใหเ้ ราเขา้ ใจความจรงิ ของชวี ติ โดยไม่ต้องพูดอะไรแม้แต่ค�ำเดียว เม่ือกลับมาจากทริปนั้น ผม ค่อยๆ เปล่ียนแปลงตัวเองท้ังวิธีคิด และการใช้ชีวิต เร่ิมกลับ มาสนใจธรรมะ ศึกษาและอ่านหนังสือเก่ียวกับจิตวิทยาและ การพัฒนาตนเอง ถามผู้รู้ในข้อที่ตนสงสัยและข้องใจ ชีวิตผม ไมเ่ หมอื นเดมิ อีกเลยนับจากวนั นั้น อะไรคอื ส่งิ ทีไ่ ด้เรียนรู้ทสี่ ดุ จากอาจารยห์ รอื ภเู ขาลกู นั้น คือการเรยี นรู้ที่จะรจู้ ักตวั เอง หลงั จากรู้สึกตืน่ ในวันนั้น เกิดการเปลยี่ นแปลงอะไรบ้าง ผมตดั สินใจเปล่ียนตวั เอง เปล่ียนวธิ คี ดิ ในการทำ� งาน การ ใช้ชีวติ เร่ิมผ่อนปรนตัวเอง ไมเ่ ครยี ดกับเร่ืองทีต่ วั เองควบคุมไม่ ได้ มองทกุ อยา่ งตามความเปน็ จรงิ มองคนอยา่ งทเ่ี ขาเปน็ ไมใ่ ช่ อย่างทผี่ มอยากให้เขาเป็น หลายปีแห่งการเปลย่ี นแปลงตัวเอง เพอื่ นรว่ มงานมคี วามสขุ มากขน้ึ ผมพดู คยุ กบั คนในบา้ นมากขนึ้ รบั มอื กบั ความทกุ ขท์ ผ่ี า่ นเขา้ มาในชวี ติ ไดด้ ขี น้ึ ไมโ่ กรธใครงา่ ยๆ เหมือนกอ่ น ยิ้มงา่ ยขนึ้ หัวเราะมากข้ึน — 331 —

จากท่ีคิดว่าจะไม่มีแม้แต่แฟน ผมแต่งงาน จากท่ีเคยเชื่อ วา่ ตัวเองเปน็ พอ่ ท่ีดีไม่ได้แน่ๆ ผมกม็ ีลกู มคี วามสุขกับการมลี ูก มีความสุขกับการใช้ชีวิตกับครอบครัว ท�ำงานอย่างมีความสุข มากขึ้น มีเวลาเขียนหนังสือและท�ำในสิ่งที่รัก ไม่รู้สึกว่าตนเอง อยเู่ หนือใคร ไมม่ ใี ครกดขม่ ให้ตอ้ งร้สู ึกต�่ำต้อย ไมเ่ ปรียบเทยี บ ตนเองกับใคร ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ปัญหาในชีวิตน้อยลง จนผมเช่ือ ว่าความสุขนน้ั หาง่ายและอยู่ใกล้ตวั เรามาก เคยคดิ ไหมวา่ หากไมเ่ คยเปลยี่ นแปลง ชวี ติ จะเปน็ อยา่ งไร ผมคงเป็นคนท่ีท�ำงานเก่งแต่ไม่มีความสุข ผมจะด่า พนักงานอย่างรุนแรงเหมือนท่ีเคยเป็น ไล่พนักงานออกเมื่อไม่ พอใจ ค่คู า้ ทางธรุ กจิ คงรสู้ กึ วา่ ผมเปน็ คนเจา้ อารมณ์และเอาแต่ ใจ ผมคงไมค่ อ่ ยคุยกับคนในบ้าน เลกิ งานก็เข้าหอ้ ง ดหู นัง ฟัง เพลง ไม่ออกไปไหน ผมคงไม่แต่งงาน ไม่มีลูก และทุกข์กบั ชวี ติ ของตนเองต่อไปจนตาย คดิ วา่ เปน็ เรอ่ื งยากหรอื ไม่ ทค่ี นทวั่ ไปจะเปลยี่ นแปลง หรอื เจอเหตุการณ์ทีช่ ่วยใหเ้ ขาเปล่ียนอยา่ งที่คุณเจอ ผมคิดว่าอุปสรรคส�ำคัญส�ำหรับคนส่วนใหญ่ คือการคิด ว่าธรรมะเป็นเรื่องยากเกินกว่าจะเรียนรู้ หรือคิดว่าตัวเองไม่มี คุณสมบตั ิท่จี ะศึกษาธรรมะ — 332 —

แต่ส�ำหรบั ผม ผมมองพระพุทธเจา้ เป็นคนธรรมดาทคี่ น้ หา คำ� ตอบดว้ ยตวั เอง ไมม่ ใี ครสอนใหท้ า่ นตรสั รู้ ทา่ นรขู้ องทา่ นเอง ผมเลยเชื่อวา่ ถ้าคนเราปฏบิ ัตไิ ด้ถูกตอ้ ง ถูกทาง ถกู ธรรม ย่อมมี สทิ ธเิ์ ขา้ ถงึ ความจรงิ ของชวี ติ เหมอื นทพ่ี ระพทุ ธเจา้ รู้ ผมไมเ่ คยไป ปฏบิ ัตธิ รรมทไ่ี หนเลยแตศ่ ึกษาจากตัวเอง ศกึ ษา ‘จากตัวเอง’ อย่างไร จากความคดิ ของตนเอง เปลย่ี นและปรบั ปรงุ แกไ้ ขความคดิ ของตวั เองด้วยตัวเอง ธรรมะทแี่ ท้จรงิ อยูร่ อบๆ ตัวเรา อยทู่ จี่ ะ มองเหน็ มันหรือเปลา่ เท่านั้น คนส่วนใหญ่อาจถามว่า ‘เราจะรู้ธรรมะไปท�ำไม’ เพราะ เขาพอใจกับสิง่ ที่มีอยู่แล้ว แต่สิ่งทมี่ ี เช่น ความคดิ ที่ว่า ‘ฉนั ร�ำ่ รวย ฉนั มีความสขุ ฉัน มีช่ือเสียง ฉันเก่ง ฉันฉลาด’ มันไม่คงทนถาวรและจะเสื่อม สลายไปในท่ีสุด สดุ ทา้ ยแล้วการไม่รู้ ไม่ยอมรับ ไม่เขา้ ใจความ จรงิ แห่งชวี ิต จะก่อเกดิ ปญั หาใหญโ่ ตในความรสู้ ึกจนกลายเป็น ความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นใหญ่หนักหนา หรือทุกข์เล็กๆ น้อยๆ แตท่ งั้ หมดกส็ ง่ ผลกบั ชวี ติ ของเราและคนทอ่ี ยรู่ อบขา้ ง และความ ทุกขข์ ้างในของคนหนึ่งคนจะสง่ ต่อไปยังคนรอบขา้ ง — 333 —

เครื่องมอื ทชี่ ่อื ‘ธรรมะ’ จะช่วยชำ� ระจติ ใจคนทท่ี กุ ข์ และ คนท่อี ยู่ข้างๆ คนทีท่ กุ ขอ์ ย่างไร เขาจะมองทุกอย่างด้วยสายตาแห่งความเป็นจริงแม้ยัง มีอารมณ์รัก โลภ โกรธ เขาจะรู้สึกตัวเร็ว เมื่อรู้สึกตัวเร็ว ก็จะ เตอื นตวั เองใหเ้ ปลยี่ นแปลงความหลงผดิ นน้ั ไดเ้ รว็ ขนึ้ โกรธยาก ขึ้น โกรธน้อยลง หายโกรธเร็ว เม่ือสูญเสียหรือผิดหวังก็ท�ำใจ ยอมรบั ความจรงิ ไดเ้ ร็วขน้ึ ปจั จยั อะไรทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงแบบนใี้ นภาพใหญ่ ผมมองเรื่องการตืน่ รเู้ ปน็ เรอ่ื ง ‘ปจั เจก’ ยากที่จะสอน หรอื เป็นไปไม่ได้ที่ครูอาจารย์หรือใครจะท�ำให้คนคนหน่ึงตื่นรู้ได้ คืออาจพอแนะน�ำแนวทางได้ บอกเล่าเร่ืองราวเพ่ือเป็น แรงบนั ดาลใจได้ แตท่ ำ� ใหใ้ ครรแู้ จง้ ไมไ่ ด้ คนนน้ั ตอ้ งลงมอื ปฏบิ ตั ิ ด้วยตัวเองเท่านัน้ จงึ จะรู้ ส�ำคัญท่ีสุดคือ อย่าท�ำให้ธรรมะกลายเป็นเร่ืองยาก ตัด ทอนพิธีกรรมยุ่งยากวุ่นวาย สอนธรรมะให้เด็กซึมซัมรับรู้ผ่าน ธรรมชาตริ อบๆ ตัว อธิบายด้วยค�ำพูดที่ฟงั ง่ายเขา้ ใจง่าย สร้าง บรรยากาศในการเรียนรทู้ ่ีสบายๆ แตท่ ั้งหมดทั้งมวลจะตอ้ งจบ ลงทผ่ี เู้ รยี นรตู้ อ้ งลงมอื ปฏบิ ตั ิ ศกึ ษาดว้ ยตนเอง มคี วามเชอื่ และ ศรทั ธาอยูเ่ สมอวา่ ตวั เองร้ธู รรมได้ — 334 —

มอี ะไรอยากฝากถงึ ผทู้ ก่ี ำ� ลงั เดนิ ทางเพอื่ เปลย่ี นแปลงไหม ผมเชอื่ เสมอวา่ “ชวี ติ คอื การคน้ พบ ไมใ่ ชก่ ารคน้ หา” เมอ่ื ไร ที่หยุด นิ่ง และค้นให้พบ ‘ปัญญา’ ท่ีมีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน เราจะค้นพบว่าธรรมะที่แท้คือความจริงอันแสนเรียบง่ายและ ธรรมดา ไม่ได้มีความยุ่งยากหรือซับซ้อนใดใดเลย ธรรมะคือ ความตรงไปตรงมาอยา่ งถงึ ทสี่ ดุ จนกลายเปน็ สงิ่ ธรรมดาสามญั ทอี่ ยรู่ อบๆ ตวั เราทส่ี ดุ แลว้ ธรรมะทแี่ ทจ้ รงิ นน้ั กอ็ ยใู่ นตวั เราดว้ ย เช่นกัน — 335 —

เหน็ โลกภายใน ทีบ่ ดิ เบือน สู่สังคม ที่ทกุ คน รักกัน — 336 —

อทิ ธศิ กั ดิ์ เลอยศพรชยั ตั้งแตเ่ ด็กๆ เอ็กซ์ หรือ อิทธิศกั ดิ์ เลอยศพรชยั เชอ่ื ว่าโลกทีค่ นท้งั โลก รักกันนั้นมีอยูจ่ ริง “เพียงแคค่ นเรารกั กนั ทั้งโลก คนบนโลกใบน้ีคงมีความสุข พร้อมๆ กัน” ความฝันดังกล่าวได้สร้างเส้นทางชีวิตจนวันที่เอ็กซ์มาได้รับ ต�ำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิสหธรรมิกชน องค์กรสาธารณกุศลที่มีบทบาท ในการสร้างกระแสแห่งการเติบโตทางจิตวิญญาณและความรักในสังคม มุ่ง หวังสร้างประสบการณ์การเข้าถึงความเป็น ‘หนึ่งเดียวกัน’ ท�ำให้หัวใจของ ผคู้ นเตบิ โตและพรอ้ มแบง่ ปนั ความสขุ สผู่ คู้ น และเขา้ ถงึ ศกั ยภาพทแ่ี ทจ้ รงิ ของ ตนเองผ่านรูปแบบการเรียนรู้และการปฏิบัติเพ่ือพัฒนาตนเองอย่างหลาก หลาย ไมจ่ ำ� กดั อยภู่ ายใตศ้ าสนา พธิ กี าร หรอื ความเชอ่ื รปู แบบใดรปู แบบหนงึ่ — 337 —

การต่นื รคู้ ืออะไร ส�ำหรับผมการตื่นรู้คือการเห็นความจริง แต่การเห็นความ จริงในแบบต่ืนรู้นี้แปลกกว่าการเห็นด้วยตาเน้ืออย่างหน่ึงคือ การตนื่ คอื การเรม่ิ ตน้ จากการเหน็ และยอมรบั ความจรงิ ในตวั เอง กอ่ น วา่ เราเปน็ อย่างไรกนั แน่ ดเี ลวอยา่ งไร กลวั อะไร เราอาจ เคยเบียดเบยี นผูอ้ ืน่ หรือแมก้ ระทั่งทำ� ร้ายตัวเองโดยการกดดนั ตัวเอง ต�ำหนิโกรธเกลียดชังตัวเองมามากแค่ไหนในชีวิตท่ีผ่าน มาโดยท่ีเราไม่รู้สึกตัว ซ่ึงความจริงท่ีเราท�ำกับตัวเองน้ันเราก็ กระทำ� ตอ่ ผอู้ น่ื ในแบบเดยี วกนั โดยทเ่ี ราไมร่ ตู้ วั และเมอ่ื เราเขา้ ใจ ตวั เองยอมรบั ตนเองแบบขนั้ สดุ รกั ตวั เองไดห้ มดแลว้ นน้ั เราจะ สามารถมองออกมาสู่ภายนอกตนเองสู่ผู้อื่นได้อย่างอ่อนโยน เป็นความรกั ความเมตตา เป็นความเขา้ ใจความจริงของผูอ้ ื่นได้ ต่อไป ผมเช่ือว่าเราปุถุชนเป็นเช่นน้ีกันทุกคน และน่ันคือท่ีมา ของคำ� วา่ ‘เพอ่ื นรว่ มทกุ ข’์ ทมี่ ที งั้ ความสขุ และความทกุ ขร์ ว่ มกนั ถา้ พดู ถงึ คำ� วา่ ตนื่ กแ็ สดงวา่ ตอ้ งมคี ำ� วา่ ‘หลบั ’ การหลบั ใหล ท่ีผมก�ำลังส่ือนั้นคืออาการท่ีเราตัดการรับรู้ตามความเป็นจริง จากสงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ บนโลกรอบตวั แลว้ เรายดึ ทจ่ี ะจมไปกบั อะไร บางอยา่ งที่เราอยากไป อยากเปน็ หรอื พึงพอใจ หรือจมไปกบั อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดท่ีเรายึดว่าน่ีคือโลกความจริงของเรา แล้วเรารักษาโลกใบนั้นเอาไว้อย่างสุดชีวิตด้วยความพึงพอใจ/ — 338 —

ไมพ่ งึ พอใจ ชอบ/เกลียดชัง สนับสนุน/ทำ� ลาย นั่นคือพลงั ของ ทวิภาวะท่ีเร้าใจเราเรื่อยมาให้เรายังเลือกท่ีจะยึดอยู่โยงใยใน สังสารวฏั นต้ี ่อไปดว้ ยความ ‘ไม่รู’้ เราไมร่ วู้ า่ มอี ะไรสง่ิ ใดเหตปุ จั จยั ใดบา้ ง ทท่ี ำ� ใหเ้ ราเปน็ แบบ นี้ในวันน้ีชาตินี้ มีนิสัยดี นิสัยเสียแบบน้ี อะไรท�ำให้เรามีความ ปรารถนา มสี งิ่ ทรี่ กั สง่ิ ทช่ี อบ สงิ่ ทร่ี บั ไดร้ บั ไมไ่ ดแ้ บบน้ี ยงั มสี ง่ิ ที่ เราไมร่ อู้ กี มากมาย และคงไมม่ ที างรไู้ ดท้ ง้ั หมด มหี ลายสง่ิ หลาย อย่างมหาศาลทีเ่ ปน็ เหตุปัจจัย ท�ำใหจ้ ติ วิญญาณเราเปน็ แบบน้ี ท้งั หมดน้นั ลว้ นมีส่งิ ทเ่ี รา ‘ไมร่ ’ู้ อยเู่ บอ้ื งหลงั ท้ังสน้ิ ส่ิงที่เราไม่รู้มากมายมหาศาล บางทีทางออกท่ีง่ายท่ีสุด เพียงแคเ่ รา ‘รู้’ ว่าเรา ‘ไมร่ ู้’ อะไรเลย แลว้ ยอมรับว่าชาตนิ ท้ี ัง้ ชาติก็ยังคงไม่มีวันรู้ได้เลยว่าเหตุปัจจัยท้ังหมดที่ท�ำให้เราทุกข์ แบบนี้มาจากอะไรบ้าง เม่อื เรายอมรบั และเลกิ ดน้ิ รนตามหาคำ� ตอบ เม่อื นั้นสิง่ ที่เราตอ้ ง ‘ร้’ู ในปจั จุบนั น้ี ทน่ี ี่ เดย๋ี วนี้ ก็จะแงม้ ปรากฏข้ึนให้เราเรมิ่ เข้าใจ ไว้ใจ และรักตวั เองตามความเปน็ จริง เม่ือก่อนผมคิดจินตนาการเอาเองว่าการตื่นขึ้นน้ัน คือสิ่งที่น่า ต่นื เตน้ นา่ ไขว่ควา้ ทรงพลงั ระเบดิ ออกสวา่ งไสว และเป่ียมด้วย ความสขุ ปตี ทิ ลี่ น้ หลาม แตเ่ มอ่ื เรม่ิ ‘รจู้ กั ยอมรบั ตวั เองตามความ เปน็ จรงิ ’ อยา่ งลกึ ซง้ึ ขนึ้ เรอ่ื ยๆ นนั้ กลบั พบวา่ การทเ่ี ราสามารถ ตระหนักรู้และอยู่ตรงน้ันเด๋ียวนั้นกับความจริงของตัวเองที่เรา — 339 —

หลกี หนปี ดิ บงั ซอ่ นเรน้ มานานได้ โดยไมห่ ลกี หนผี ลกั ไสรงั เกยี จ หรือไม่เข้าข้างตัวเองด้วยความพึงพอใจด้วยความเคยชินไป ตามความรสู้ กึ นกึ คิดใดๆ นแ่ี หละคอื การใหข้ องขวญั กบั ตัวเอง ท่งี ดงามและไมม่ ีความสุขใดจะเทยี บไดเ้ ลย น่ีคือการต่ืนรู้ส�ำหรับผม ต่ืนเพ่ือกลับคืนสู่ความเป็น ธรรมชาตธิ รรมดาท่ีมันเปน็ จรงิ อยแู่ ล้วเชน่ นัน้ งดงาม บรบิ ูรณ์ ด้วยรัก และเป็นความจริงเสมอไม่ว่าส่ิงใดจะเกิดขึ้น ต้ังอยู่ หรือดบั ไป บนเสน้ ทางของการเตบิ โตภายใน ตอนผมยังเป็นเด็กอนุบาล ผมมีความทุกข์มาก ขี้เหงา ตอ้ งการความรกั หวาดกลวั เวลาทพ่ี อ่ แมไ่ มอ่ ยดู่ ว้ ย ผมเปน็ เดก็ เกเรชอบเลน่ กบั เพอ่ื นดว้ ยความรนุ แรงชอบดา่ และทำ� รา้ ยเพอ่ื น ผมถกู เกลยี ดจากเพอ่ื น ถกู ลงโทษเปน็ ประจำ� จากคณุ ครแู ละพอ่ แม่ ผมอึดอัดมากเวลาอยู่กับคนนอกครอบครัวท่ีอารมณ์เสีย เกลียดแม้กระท่ังคุณครูท่ีมาใช้อ�ำนาจโดยการออกคำ� สั่งบังคับ หรอื ลงโทษ บอ่ ยครง้ั ทผี่ มขโมยของจากเพอ่ื น โกหกเพราะกลวั ความผดิ แลว้ ผมโดนพอ่ แมล่ งโทษดตุ อ่ วา่ ผมนอนรอ้ งไหเ้ รยี ก ร้องความสนใจและการให้อภัยอยู่บนเตียงที่พ่อแม่นอนขนาบ ข้าง... แต่บนเตยี งนัน้ เหมือนมผี มอยเู่ พียงคนเดียว ตอนนั้นผมจ�ำได้ว่าผมเหงา กลัว เจ็บปวด ร้องไห้อย่าง โหยหวนทั้งคืน และผมต้องการความรักความเข้าใจจากคนที่ — 340 —

ผมรกั จรงิ ๆ พอ่ แมผ่ มกแ็ สดงออกดที สี่ ดุ สำ� หรบั ผมทเ่ี ปน็ ลกู ชาย คนเดียวท่ีเป็นความรักและเพ่ือเป็นคนดีในอนาคต ถ้าตามใจ ผมมากไป ณ ตอนน้ันผมก็คงได้ใจ พอ่ แมผ่ มทำ� ดที ส่ี ุดเท่าทีจ่ ะ ท�ำได้แล้ว ณ จังหวะน้ัน นน่ั คอื จดุ เรมิ่ ตน้ ของการรงั เกยี จและซอ่ นเรน้ ปดิ บงั ตวั เอง ผมตง้ั มน่ั กบั ตวั เองถงึ ขน้ั รงั เกยี จปฏเิ สธสง่ิ ทตี่ วั เองเปน็ อยา่ งสนิ้ เชิงวา่ “ฉันจะไมเ่ ป็นแบบน้ันอีกต่อไป ถ้าเปน็ อกี ขอตายยงั จะ ดกี วา่ ไม่อยากทรมานและถูกเกลยี ดอยา่ งนัน้ อีกแล้ว” เพราะ ผมไมอ่ ยากเปน็ คนผดิ ทถี่ กู ลงโทษแลว้ ตอ้ งเจบ็ ปวดรอ้ งไหเ้ รยี ก ร้องขอความรักความเขา้ ใจจากใคร โดยท่ไี มไ่ ด้รบั การสนใจอีก ต่อไป มนั เจ็บปวดมันทรมานจริงๆ ส�ำหรับผมในวยั เด็ก ถึงตอนน้ีผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรท�ำให้วัยเด็กของ ผมมพี ฤตกิ รรมแบบนนั้ ถงึ วนั นผ้ี มจงึ เรม่ิ เหน็ แลว้ วา่ นนั่ คอื “ตวั จรงิ ” ทผ่ี มปดิ บังซ่อนเรน้ ตวั เองเอาไว้ กลายเป็นความรังเกยี จ ผลักไสไม่ยอมรับความเป็นจริงของตัวเองตั้งแต่เด็ก ผมคิดว่า ถ้าเราสอนคนอื่นหรือลงโทษคนอ่ืนด้วยความรู้สึกนึกคิดแบบ ไหน ความรู้สึกนึกคิดแบบน้ันก็จะไหลเข้าไปกลายเป็นตัวตน ของคนที่ถกู ลงโทษด้วยไมม่ ากก็นอ้ ย เช่น ตอนลงโทษ ใจคนตี รู้สึกว่าต้องลงโทษให้เข็ดเพราะไม่อยากให้ลูกเลว เม่ือมีความ ดี/เลว ในใจเมื่อลงโทษไปความเป็นทวิภาวะ ดี/เลว ก็จะเป็น ส่ิงท่ีปลูกฝังไปในตัวตนของเขาด้วยเช่นกัน กลายเป็นว่าท่ีฉัน ดีเพราะฉันไม่อยากเลว สุดท้ายแล้วก็กลับมาที่ความรังเกียจ ปฏเิ สธผลักไสในใจอยดู่ ี — 341 —

เมอ่ื โตขน้ึ ผมกลายเปน็ คนไมค่ อ่ ยพดู ผมกลวั การพดู ตรงๆ แลว้ ไปกระทบอารมณท์ ำ� ใหค้ นอนื่ ไมช่ อบแลว้ กระแทกอารมณ์ โกรธเกลียดกลับมา ผมไม่อยากเจอความโกรธเกลียดจากใคร อีกแลว้ ผมเลยกลายเปน็ คนไม่พูดไม่สื่อสารความรสู้ กึ ออกมา ตรงๆ แต่จะแสดงออกตามความต้องการโดยอ้อม โดยการ เรียกร้องสิ่งที่ต้องการด้วยการท�ำให้ตัวเองทุกข์ ท�ำให้ตัวเอง ป่วย การร้องไห้ การงอแง การดอ้ื ต่อตา้ น การประชดประชัน มแี ผนการตลอดเวลา และทส่ี ำ� คญั ผมกลายเป็นคนทพ่ี ยายาม ท�ำให้ผู้อ่ืนพึงพอใจเรา เป็นคนท่ีรอรับความพึงพอใจตลอด เวลา มองย้อนกลับไปผมรู้สึกว่าผมน่ีแหละเป็น ‘ขอทานทาง จิตวิญญาณ’ ตัวจริงเมื่อเวลาผ่านไปนิสัยความเคยชินเหล่าน้ี พัฒนากลายเป็นความจริงในแบบเรา ผมเริ่มปรุงแต่งต่อยอด นิสัยให้กลายเป็นบุคลิก ผมสร้างเงื่อนไขและหลักการท่ีกลาย เป็นศีลธรรม ความถกู ตอ้ ง ความรัก และความดงี าม ในแบบ ของผม ผมสรา้ งพนื้ ทปี่ ลอดภยั ของผมดว้ ยความรสู้ กึ นกึ คดิ ของ ตัวผมเอง และให้คุณค่างดงามกับพื้นท่ีตรงน้ันเป็นความฝัน เป็นแรงปรารถนาท่ีประคบประหงมไม่ให้ใครแตะต้องประดุจ ดั่งไข่ทองค�ำในตะกร้า น่ีคือมหากาพย์แห่งการปรุงแต่งความ ทกุ ขค์ วามเจบ็ ปวดความเกลยี ดชงั ใหก้ ลายเปน็ ความถกู ตอ้ งท่ี สวยงาม นี่คอื เรื่องราวของการสร้างอาณาจักรอันแข็งแกรง่ ใน โลกภายในของตัวผมเอง เพ่ือซ่อนเร้นตัวเองที่เราเกลียดและ ไมอ่ ยากกลับไป ‘รู้สึก’ แยก่ บั อดีตอกี ครงั้ — 342 —

และนค่ี อื เหตปุ จั จยั ทที่ ำ� ใหผ้ มเชอื่ วา่ “เพยี งแคค่ นเรารกั กนั ทง้ั โลก คนบนโลกใบนค้ี งมคี วามสขุ พรอ้ มๆ กนั ” ความปรารถนา นเ้ี กดิ จากความทกุ ขอ์ นั มหาศาลในใจผม ทผี่ มอยากหยดุ ความ วนุ่ วายทสี่ รา้ งความเกลยี ดชงั บนโลกใบน้ี อยากหยดุ ระบบอะไร บางอยา่ งทีท่ �ำใหโ้ ลกใบนมี้ ันทุกขท์ รมานมานานแสนนาน จนอายุ 30 ตน้ ๆ โลกภายในทบ่ี ดิ เบอื นนน้ั มนั เตบิ โตขนึ้ ไป เรื่อยๆ ผมไดใ้ ช้ชีวิตตามแบบท่ีผมเช่อื ว่าดีงาม สวยงาม เปยี่ ม ดว้ ยความรกั และสงู สง่ แตแ่ ปลก สงิ่ ทผี่ มเชอื่ วา่ ดที ส่ี ดุ ตอ่ ทกุ คน ยงิ่ ทำ� ใหผ้ มมคี วามทกุ ขม์ ากขน้ึ เรอ่ื ยๆ เปน็ ความทกุ ขท์ ไ่ี มม่ ที ม่ี า ที่ไปจับต้นชนปลายไม่เจอ หนาแน่นหนักหน่วงมืดมน เปี่ยม ความหวังที่อยู่แสนไกล เปี่ยมด้วยความปรารถนาท่ีให้โลกน้ี ดีข้ึนด้วยความรักกัน แต่ผมเองกลับเหมือนคนที่จมลงไปใน ทะเลด�ำท่ีมืดสนิท ผมพยายามไขว่คว้าตะเกียกตะกายข้ึนมา หายใจ และมองหาแสงสว่างทอี่ ยูเ่ หนอื ผวิ นำ้� ต่อมาผมเกิดเหตุการณ์ความล้มเหลวในชีวิต ผมทรุดจม ไปในความผดิ พลาด มันแยม่ าก มากจนท�ำอะไรไม่ได้เลย ผม งงมากวา่ เกดิ อะไรขนึ้ กบั ผม ทำ� ไมผมชา่ งออ่ นแอ คำ� ถามทกี่ อ้ ง ในหัวแทบจะตลอดเวลาคอื ประโยคทว่ี า่ “ความทกุ ข์นค้ี อื อะไร กัน กไู มอ่ ยากเปน็ เลย และมึงหายๆ ไปไดแ้ ล้ว” — 343 —

ผมทรมานอย่างน้ันอยู่ประมาณ 2 ปี ผมรังเกียจความ ทุกข์มาก อยากหนี อยากหายๆ ไปจากความทุกข์นั้นให้เร็ว ที่สุด อยากหาค�ำตอบ อยากตามหาใครก็ได้ที่เก่งที่สุดเพื่อมา ช่วยเรา ผมออกตามหาวิธีการ หาครูอาจารย์ ทดลองสัมผัส ศาสตร์ต่างๆ เผื่อจะเจอค�ำตอบที่มันรู้สึกใช่ แต่ย่ิงหากลับย่ิง ไม่เจอ ยง่ิ ห่างไกลไปเรื่อยๆ แล้ววันหน่ึงผมก็พบจุดเปลี่ยนของการเติบโตภายใน จุด เปลย่ี นส�ำคัญน้ีเกดิ ขึ้นจากคำ� ว่า ‘เพอื่ น’ ก่อนหนา้ น้ผี มไม่เชอื่ วา่ เพอ่ื นหรอื กลั ยาณมติ รนน้ั จะชว่ ยใหเ้ ราเขา้ ใจความทกุ ขแ์ ลว้ ตน่ื และรจู้ กั ตนเองได้ เพราะทผี่ า่ นมาผมคดิ วา่ การตน่ื หรอื การ ตระหนักรู้ มันค่อนข้างเป็นส่ิงวิเศษที่สูงส่ง ไม่น่าจะมาจาก ความธรรมดาอย่างค�ำว่า ‘เพื่อน’ แต่เพ่ือนใหม่ท่ีผมเจอเมื่อ กลางปี พ.ศ.2559 นน้ั เปน็ จุดเปลย่ี นในชวี ติ ผมอย่างแทจ้ รงิ ผมได้เจอเพ่ือนกลุ่มที่มีชื่อว่า ‘สหธรรมิก’ (ต่อมาเพื่อน กลุ่มเดียวกันนี่แหละที่ก่อตั้งมูลนิธิที่ช่ือว่ามูลนิธิสหธรรมิกชน) ผมเพ่ิงเข้าใจว่าเพ่ือนส�ำคัญมาก เพราะเพ่ือนมี ‘ความจริง ความงาม ความรัก’ ในแบบธรรมดาปกติให้เรา เขาให้ความ เปน็ เพอื่ นกับผม ดแู ลห่วงใยผมลงลึกถงึ การเตมิ เต็มความร้สู ึก ที่ผมรู้สึกขาดพร่องมานานแสนนาน และสะท้อนส่ิงที่ผมเป็น — 344 —

ตามความเป็นจริง ความแย่ความซับซ้อนซ่อนเล่ห์เห็นแก่ตัว ที่ตัวเองเกลียดชังกดทับเก็บซ่อนมันเอาไว้ในวัยเด็กน้ันเพ่ือน ท่ีนี่ไม่รังเกียจ ทุกคนมองว่าน่ันเป็นปัญหาร่วมกันของทุกคน เปน็ พื้นทีท่ เี่ ปิดใจให้ผมคอ่ ยๆ แงม้ ใจนำ� ส่ิงทแ่ี ย่หมักหมมท่ีผม เกลียดตัวเองให้สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ไม่ต้องเก็บซ่อน ปิดบังตัวเองอกี ตอ่ ไป วันหน่ึงผมได้รับฟังความจริงเรื่องหนึ่งจากเพ่ือนๆ ที่ผม ม่ันใจว่าผมไม่ผดิ สงิ่ ท่เี กิดข้ึนคือผมเศร้าหมอง น้อยใจ ประชด ประชัน สงสัยไม่เช่ือ เต็มเปี่ยมด้วยความไม่พอใจเพื่อนๆ เพราะรสู้ กึ วา่ เขาไมเ่ ขา้ ใจความหวงั ดขี องเรา ผมจมอยใู่ นสภาวะ นั้นอยู่ 3 วัน จนเม่ือผมคยุ กบั เพ่อื นอกี คร้ัง ทุกคนลืมเรอ่ื งน้ีไป แล้ว แถมยังอารมณ์ดีย้ิมแย้มแจ่มใสให้ผมอีกต่างหาก ผมจึง เห็นว่าเรานี่แหละท่ีคิดและซ้�ำเติมตัวเองอยู่คนเดียวโดยท่ีไม่มี ใครมาท�ำอะไรเราเลย เมื่อรู้ชัดว่าเราท�ำร้ายตัวเองไม่ใช่ใครท�ำร้ายเรา ผมด�ำดิ่ง เข้าไปในโลกภายใน กลับเข้าไปหาความรู้สึกท่ีเรายึดไว้จนเกิด ความหดหู่ ประมาณไมก่ ว่ี นิ าทผี มพบความรสู้ กึ ของตวั เองในวยั เดก็ ทนี่ ง่ั คดุ คซู้ มึ เศรา้ รอ้ งไหเ้ รยี กรอ้ งเฝา้ รอใหไ้ ดร้ บั ความสนใจ ทนั ใดน้นั ผมก็เกิดอาการที่อธิบายเปน็ ค�ำพูดไดย้ าก และหลุด ออกจากสภาวะทุกข์ทจี่ มมา 3 วัน — 345 —

ความรู้สึกทุกข์น้ันไม่ได้หายไปด้วยวิธีการกดข่ม คิด พจิ ารณาหรอื จนิ ตนาการ แต่เรา ‘แค่รู’้ อย่ตู รงน้ันเวลาน้นั วา่ มี อยู่ เพยี งแค่ร้วู า่ เรามเี ขาทที่ ุกข์อยู่ เรากไ็ มไ่ ด้เป็นเขาทเ่ี ปน็ ความ ทกุ ขน์ น้ั แคร่ วู้ า่ มอี ยู่ เรากไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ แลว้ เขาไมไ่ ดห้ ายไป ยงั อยใู่ น เรา แตเ่ รากไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ เขา ไมไ่ ดเ้ ปน็ ความทกุ ขน์ น้ั แลว้ ดว้ ยเชน่ กนั ผมกลับรู้สึกว่าผมมีความรักต่อความรู้สึกทุกข์น้ันและ สามารถดูแลรับผดิ ชอบไปดว้ ยกนั กบั การเดนิ ทางของผมได้ พอ ผมเริ่มเดินทางไปพร้อมเขาโดยที่ไม่รังเกียจและไม่ได้เป็นทาส เขา ผมประหลาดใจทคี่ วามทกุ ขเ์ หลา่ นน้ั กลบั เปลย่ี นสถานะจาก ความจมทกุ ขม์ ดื บอดกลายเปน็ ปญั ญาทเี่ ปย่ี มดว้ ยความรกั ความ เขา้ ใจ ใหผ้ มสามารถใชช้ วี ติ อยบู่ นโลกใบนไ้ี ดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ และ ท�ำประโยชน์ไดอ้ กี มาก ผมรสู้ กึ วา่ ประสบการณก์ ารตระหนกั รคู้ รง้ั แรกทช่ี ดั เจนแบบ นี้ เป็นเรื่องมหัศจรรย์เลยก็ว่าได้ และท�ำให้ผมซาบซึ้งค�ำสอน ของพระพุทธศาสนา เร่ืองของการเจรญิ สติรู้ว่าขันธ์ 5 ไม่ใชเ่ รา หลังจากนั้นมาผมก็เดินทางภายในต่อไป และรู้ว่า ประสบการณ์การต่ืนรู้นั้นไม่มีวันจบวันสิ้น เม่ือใดที่เราปักหลัก ยึดเชื่อว่าเราต่ืนแล้วรู้หมดแล้วหรือบรรลุแล้ว น่ันแหละคือการ ทีเ่ รมิ่ ยึดอตั ตาบางอยา่ งเรียบรอ้ ย ผมขอแบ่งปันว่า เม่ือไรที่เราเจอความทุกข์ ความไม่ชอบ ความรู้สึกไม่ถูกต้อง ไม่พึงพอใจ ขอให้ทุกท่านได้พิจารณาว่าน่ี อาจเปน็ โอกาสทองทธ่ี รรมชาตมิ อบเหตใุ หเ้ ราไดเ้ ขา้ ใจอะไรบาง — 346 —

อยา่ งท่เี ราเก็บความขดั แยง้ กับตัวเราเองไว้มานานแสนนาน ให้ เราได้มีโอกาสปล่อยวางอัตตากิเลสความทุกข์น้ัน แล้วกลับมา เป็นหน่งึ เดียวกบั ตวั เองอกี ครง้ั ทำ� ไมถงึ ตอ้ งตื่นรู้ การตน่ื รเู้ ปน็ ไปเพอ่ื ไดเ้ รยี นรแู้ ละรจู้ กั ‘ทกุ ข’์ ทเี่ รายดึ ไวด้ ว้ ย ความไมร่ ู้ ผมเชอื่ จากประสบการณจ์ รงิ สว่ นตวั วา่ ธรรมชาตขิ อง จิตวิญญาณมีการเรียนรู้ และจิตวิญญาณมีขีดจ�ำกัดในการยึด แบกอัตตากิเลสเอาไว้ ถึงจุดหนึ่งจะมีระบบของความสมดุลมา คลค่ี ลายปลอ่ ยวางสะสาง ซง่ึ ระบบนกี้ ค็ อื กฎไตรลกั ษณ์ เกดิ ขนึ้ ตงั้ อยู่ ดบั ไป ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งในจกั รวาลคอื กฎนี้ ทง้ั สงิ่ ทจ่ี บั ตอ้ งได้ เชน่ สสาร โลก ทะเล ดวงดาว ดวงจนั ทร์ ฯลฯ และสงิ่ ทจ่ี บั ตอ้ งไม่ ได้ เชน่ ความคดิ ความจำ� ความรสู้ กึ อารมณ์ สภาวะธรรมตา่ งๆ ฯลฯ ทุกอย่างล้วนอยู่ในกฎน้ีท้ังส้ิน เม่ือเรายอมรับกฎนี้ได้น้ัน ชวี ิตเราจะเคลือ่ นไหวและไหลไปอยา่ งสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติ ถงึ จดุ นนั้ ชวี ติ จะเปน็ ปกตสิ ขุ มคี วามเจรญิ ในแบบทเี่ หมาะสม กับจิตวิญญาณของเรา งานหรือหน้าท่ีท่ีท�ำก็สอดคล้องกับการ สะสางความทกุ ขใ์ นตวั เอง เมอื่ คนหนงึ่ ทำ� งานเพอื่ การรจู้ กั เขา้ ใจ ความทกุ ขข์ องตวั เอง งานนน้ั จะมีพลงั ทีไ่ ปสง่ ผลใหค้ นอืน่ ทย่ี ังมี ความทุกข์ ที่ยังไม่รู้สึกตัวสร้างแรงสั่นสะเทือนแล้วเปิดใจให้เขา กล้าเอาตัวเองท่ีซ่อนเร้นหวาดกลัวนั้นออกมายอมรับเปิดเผย เพอ่ื เป็นประโยชนต์ นประโยชน์ท่าน — 347 —

ต่ืนสชู่ วี ติ ใหม่ ผมพบว่าการตื่น ท�ำให้ผมเป็นเพ่ือนได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง รอบตวั เลย พน้ื ทปี่ ลอดภยั เรากวา้ งขน้ึ ทกุ อยา่ งเรม่ิ ไรเ้ งอื่ นไข เรา ดำ� รงอยดู่ ้วยปญั ญา ความเมตตา ความรัก และความกล้าหาญ (ไมไ่ ดม้ าจากความกลวั ) มเี จตนาเพอื่ ประโยชนต์ นประโยชนท์ า่ น เกิดความเจริญทีส่ มดลุ ท้ังโลกภายในและโลกภายนอก ผมเครียดและจมอยู่ในสภาวะอารมณ์ต่างๆ น้อยลง มี ศักยภาพในการรับมือกับเร่ืองราวมากมายท่ีผกผันในชีวิต ประจ�ำวันได้มากข้ึน ที่ส�ำคัญคือท�ำให้มีการแก้ปัญหาด้วย วิธีการใหม่ท่ีอยู่บนความจริง ไม่ถูกความกลัวบดบังปัญญา ทำ� ใหแ้ กป้ ญั หาได้อยา่ งเป็นธรรมชาติ และไมบ่ านปลายจนเกดิ ปญั หาใหม่ ปัจจุบัน สิ่งที่ผมได้รับคือชีวิตใหม่ที่เข้าใจความรักความ เมตตาอยา่ งออ่ นโยนตอ่ ตนเองจากภายใน เรมิ่ เรยี นรทู้ จี่ ะรกั ตวั เอง เขา้ ใจตวั เองวา่ อาการดน้ิ รนทรุ นทรุ ายตอ้ งออกไปสรา้ งความ รกั ใหเ้ กิดขึน้ อยา่ งยง่ิ ใหญ่ในโลกภายนอกนน้ั จรงิ ๆ เปน็ อยา่ งไร มีอะไรอยเู่ บอ้ื งหลงั เรม่ิ เขา้ ใจความทกุ ข์ของเรา เขา้ ใจความสุข ของเรา และเขา้ ใจความเปน็ จริงของเรา — 348 —

ต่ืนเพื่อตนเอง ตื่นเพือ่ สังคม ก้าวเลก็ ๆ ทเ่ี ป็นจดุ เร่ิมตน้ ท่ีธรรมดาแตย่ ิง่ ใหญ่ คือ ความ เปน็ ‘เพอ่ื นแท้’ ทีแ่ มแ้ ตกต่างกเ็ ข้าใจ แมไ้ ม่เขา้ ใจแต่ไว้ใจ แม้ไม่ เหน็ ดว้ ยกไ็ มต่ ดั สนิ กนั แมไ้ มช่ อบกใ็ สใ่ จความรสู้ กึ และกา้ วใหญ่ ต่อไปที่จะท�ำให้สังคมหรือชุมชนผู้รู้ตื่นเกิดข้ึนได้จริงเป็นวิถีชีวิต นั้น ผมคิดว่าประกอบด้วย 4 องค์ประกอบส�ำคัญคือ 1.สังคม 2.ศลิ ปะ 3.วทิ ยาศาสตร์ 4.ปรัชญา (ศาสนา) บนพื้นฐานปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง อนั เป็นหลักการของมูลนธิ ิสหธรรมกิ ชน ซง่ึ เมอื่ เราสามารถท�ำใหท้ ง้ั 4 องคป์ ระกอบเช่อื มโยงไมแ่ บ่งแยก พร้อมกับการเตบิ โตภายใน อปุ สรรค หลุมพราง และคำ� แนะน�ำบนเส้นทาง ขออนญุ าตใช้ภาษาและความเขา้ ใจส่วนตวั ผมเรียกวา่ มาร กลายรา่ ง กค็ อื การทก่ี เิ ลสหรอื อตั ตา เมอ่ื เขาไดร้ บั รเู้ รยี นรสู้ มั ผสั สภาวะธรรมต่างๆ ปัญญาตา่ งๆ ไปพร้อมกบั เรา เขากเ็ ตบิ โตไป พร้อมเราด้วยเช่นกัน หลบซ่อนเก่งขึ้น เป็นการเอาเข้าตัวแบบ แนบเนยี นขนึ้ ใหส้ ตเิ ราตามไมท่ นั พยายามหาทกุ วถิ ที างใหย้ งั คง สิงสถติ ในตัวเราได้ตอ่ ไป กิเลสอตั ตาเขากลวั ตาย และส่งิ ทที่ �ำให้ กิเลสอตั ตามันตาย มนั ถูกจบั ไดก้ ค็ ือ การมีสติรสู้ กึ ตัว นั่นเอง — 349 —

ตืน่ ได้ ในทุกขณะ — 350 —