พุทธวจน
ภิกษุทั้งหลาย สงสารน้กี า� หนดทีส่ ุดเบอ้ื งตน้ เบ้อื งปลายไม่ได้ เมือ่ เหลา่ สตั วผ์ ้มู ีอวชิ ชาเป็นเคร่อื งก้ัน มีตัณหาเปน็ เครื่องผกู ทอ่ งเท่ยี วไปมาอยู่ ท่สี ุดเบอื้ งตน้ ยอ่ มไม่ปรากฏ … ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เปรียบเหมอื นทอ่ นไมอ้ นั บุคคลซดั ขน้ึ ไปสู่อากาศ บางคราวตกเอาโคนลง บางคราวตกเอาตอนกลางลง บางคราวตกเอาปลายลง ขอ้ นี้ฉนั ใด.
ภิกษุทง้ั หลาย สัตว์ท้งั หลายผมู้ ีอวชิ ชาเปน็ เคร่อื งกัน้ มตี ณั หาเป็นเคร่อื งผกู ทอ่ งเทย่ี วไปมาอยู่ ก็ฉันนน้ั เหมอื นกัน บางคราวแล่นจากโลกนี้สูโ่ ลกอ่นื บางคราวแล่นจากโลกอืน่ สู่โลกนี้ … -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๑๙/๔๓๘.
พทุ ธวจน -หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปดิ ๑๙ฉบับ สตั ว์ พุทธวจนสถาบัน รว่ มกนั มงุ่ มนั่ ศกึ ษา ปฏบิ ตั ิ เผยแผค่ ำ� ของตถาคต
พุทธวจน ฉบับ ๑๙ สตั ว์ ข้อมูลธรรมะนี้ จัดทำ�เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาสู่สาธารณชน เป็นธรรมทาน ลขิ สิทธ์ใิ นตน้ ฉบบั นไี้ ดร้ ับการสงวนไว้ ในการจะจดั ท�ำ หรือเผยแผ่ โปรดใชค้ วามละเอยี ดรอบคอบ เพื่อรกั ษาความถูกตอ้ งของข้อมูล ใหข้ ออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร และปรกึ ษาดา้ นข้อมูลในการจดั ท�ำ เพ่อื ความสะดวกและประหยัด ตดิ ต่อได้ท่ี มลู นธิ พิ ุทธโฆษณ์ โทรศพั ท์ ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐-๙๔ มูลนิธิพทุ ธวจน โทรศพั ท์ ๐๘ ๑๔๕๗ ๒๓๕๒ คณุ ศรชา โทรศพั ท์ ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑ คณุ อารวี รรณ โทรศัพท ์ ๐๘ ๕๐๕๘ ๖๘๘๘ ปที ่พี ิมพ์ ๒๕๖๓ ศิลปกรรม จุมพล รุจิเรกานุสรณ์, ปรญิ ญา ปฐวนิ ทรานนท์ จัดท�ำ โดย มูลนธิ พิ ุทธโฆษณ์ (เว็บไซต์ www.buddhakos.org)
ค�ำอนุโมทนา ขออนุโมทนากับคณะงานธัมมะ ผู้จัดทำ�หนังสือ พทุ ธวจน ฉบบั สตั ว์ ทม่ี คี วามตงั้ ใจและมเี จตนาอนั เปน็ กศุ ล ในการเผยแผ่คำ�สอนของตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ทอ่ี อกจากพระโอษฐข์ องพระองคเ์ อง ในการรวบรวมค�ำ สอน ของตถาคต อันเก่ยี วข้องกับสัตว์ผ้มู ีอวิชชาเป็นเคร่อื งก้นั ตณั หาเปน็ เครอ่ื งผกู ทย่ี งั ตอ้ งแลน่ ไป ทอ่ งเทย่ี วไป ในสงั สารวฏั . ด้วยเหตุอันดีที่ได้กระทำ�มาแล้วนี้ ขอจงเป็นเหตุ ปัจจัยให้ผู้มีส่วนร่วมในการทำ�หนังสือ และผู้ที่ได้อ่าน ไดศ้ กึ ษา ไดน้ �ำ ไปปฏบิ ตั ิ พงึ ส�ำ เรจ็ สมหวงั พบความเจรญิ รุ่งเรืองของชิีวิตได้จริงในทางโลก และได้ดวงตาเห็นธรรม ส�ำ เรจ็ ผลยงั นพิ พาน สมดงั ความปรารถนา ตามเหตปุ จั จยั ทไี่ ด้สรา้ งมาอยา่ งดแี ลว้ ดว้ ยเทอญ. ขออนุโมทนา ภกิ ขคุ ึกฤทธ์ิ โสตถฺ ิผโล
ค�ำน�ำ พระผมู้ พี ระภาคไดต้ รสั ไวว้ า่ “เพราะไมร่ ถู้ งึ ไมแ่ ทง ตลอดซงึ่ อริยสจั คอื ทุกข์ อรยิ สัจคือเหตุให้เกดิ ทุกข์ อริยสัจ คอื ความดบั ไมเ่ หลอื ของทกุ ข์ และอรยิ สจั คอื ทางด�ำ เนนิ ใหถ้ งึ ความดับไม่เหลือของทุกข์ เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ ทอ่ งเทย่ี วไปแลว้ ในสงั สารวฏั ตลอด กาลยดื ยาวนานถงึ เพยี งน.้ี สัตว์ท้ังหลายผู้มีอวิชชาเป็นเคร่ืองกั้น มีตัณหาเป็น เครอื่ งผกู ทอ่ งเทยี่ วไปมาอยู่ บางคราวแลน่ จากโลกนส้ี โู่ ลกอนื่ บางคราวแลน่ จากโลกอน่ื สโู่ ลกน้ี สตั ว์เหล่านั้นไดเ้ สวยทกุ ข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพ่ิมพูนปฐพีท่ีเป็นป่าช้า ตลอดกาลนาน ข้อนั้นเพราะความท่ีสัตว์เหล่านั้นไม่เห็น อริยสัจทั้งสี.่ ฉันทะ (ความพอใจ) ราคะ (ความกำ�หนัด) นันทิ (ความเพลนิ ) ตณั หา (ความอยาก) ใดๆ มอี ยใู่ นรปู เวทนา สญั ญา สังขารทั้งหลาย และวิญญาณ เพราะการติดแล้ว ข้องแล้ว ในรปู เวทนา สญั ญา สงั ขารทง้ั หลาย และวญิ ญาณ เพราะฉะนน้ั จึงเรยี กว่า สัตว ์ (ผขู้ อ้ งตดิ ในขนั ธ์ทัง้ ๕). เมอ่ื เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ข์ ความดบั ไมเ่ หลอื ของทกุ ข์ และ ทางดำ�เนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ เป็นความจริง ที่เราและพวกเธอทั้งหลายรู้ถึง และแทงตลอดแล้ว ตัณหา ในภพ ก็ถกู ถอนข้ึนขาด ตณั หาทจ่ี ะน�ำ ไปสภู่ พก็สิ้นไปหมด บัดนค้ี วามตอ้ งเกิดขนึ้ อีกไมไ่ ดม้ ี ดังน้ี.
พวกเธอทั้งหลาย จงปฏิบัติเพ่ือความส้ินไปแห่ง ตณั หาเถดิ เพราะวา่ ความสน้ิ ไปแหง่ ตณั หานนั้ คอื นพิ พาน” พุทธวจนฉบับ สัตว์ ได้รวบรวมไว้ซึ่งตถาคตภาษิต อันเก่ียวข้องกับสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องก้ัน มีตัณหาเป็น เครื่องผูก เพ่ือให้ผู้ที่ได้อ่าน ได้ศึกษา จะได้ทราบถึง เหตุท่ีเรียกว่าสัตว์ เหตุที่สัตว์ท้ังหลายยังต้องท่องเท่ียวไป ในสังสารวัฏ และข้อปฏบิ ัตเิ พอื่ พ้นจากความเปน็ สตั ว.์ อันจะเป็นเหตุให้อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมละ อวชิ ชาเสยี ได้ วชิ ชายอ่ มเกดิ ขน้ึ เพราะความจางคลายไปแหง่ อวชิ ชา เพราะความเกดิ ขนึ้ แหง่ วชิ ชา อรยิ สาวกนนั้ ยอ่ มไมม่ ี ความถอื มน่ั วา่ เรามอี ยู่ ดงั นบ้ี า้ ง วา่ นเี้ ปน็ เรา ดงั นบ้ี า้ ง วา่ เราจกั มี ดงั นบ้ี า้ ง วา่ เราจกั ไมม่ ี ดงั นบี้ า้ ง วา่ เราจกั เปน็ สตั ว์ มีรูป ดังน้ีบ้าง ว่าเราจกั เปน็ สตั วไ์ มม่ รี ปู ดงั นบ้ี า้ ง วา่ เรา จกั เปน็ สตั วม์ สี ญั ญา ดงั นบ้ี า้ ง วา่ เราจกั เปน็ สตั วไ์ มม่ สี ญั ญา ดังนี้บ้าง ว่าเราจักเป็นสัตว์มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญา ก็ไม่ใช่ ดงั นี้บ้าง ดงั นี้แล. คณะงานธัมมะ วดั นาปา่ พง
อักษรย่อ เพ่ือความสะดวกแกผ่ ทู้ ่ียังไม่เขา้ ใจเรื่องอกั ษรยอ่ ท่ใี ชห้ มายแทนชื่อคัมภีร์ ซึง่ มอี ย่โู ดยมาก มหาวิ. ว.ิ มหาวภิ ังค ์ วนิ ัยปิฎก. ภิกฺขนุ ี. ว.ิ ภกิ ขนุ วี ภิ งั ค์ วินัยปฎิ ก. มหา. วิ. มหาวรรค วินัยปฎิ ก. จุลลฺ . วิ. จลุ วรรค วนิ ัยปิฎก. ปริวาร. ว.ิ ปริวารวรรค วนิ ัยปฎิ ก. สี. ท.ี สีลขนั ธวรรค ทฆี นกิ าย. มหา. ที. มหาวรรค ทฆี นกิ าย. ปา. ท.ี ปาฏิกวรรค ทฆี นกิ าย. ม.ู ม. มูลปณั ณาสก์ มชั ฌมิ นิกาย. ม. ม. มัชฌมิ ปัณณาสก์ มชั ฌมิ นกิ าย. อปุ ริ. ม. อุปริปัณณาสก์ มชั ฌมิ นิกาย. สคาถ. สํ. สคาถวรรค สังยุตตนกิ าย. นิทาน. สํ. นทิ านวรรค สงั ยตุ ตนกิ าย. ขนธฺ . ส.ํ ขันธวารวรรค สงั ยุตตนิกาย. สฬา. ส.ํ สฬายตนวรรค สังยุตตนิกาย. มหาวาร. สํ. มหาวารวรรค สังยตุ ตนกิ าย. เอก. อํ. เอกนบิ าต องั คุตตรนกิ าย. ทกุ . อํ. ทกุ นิบาต องั คตุ ตรนิกาย. ติก. อ.ํ ตกิ นบิ าต อังคตุ ตรนิกาย. จตุกกฺ . อํ. จตกุ กนิบาต องั คตุ ตรนิกาย.
ปญฺจก. อ.ํ ปญั จกนบิ าต อังคตุ ตรนกิ าย. ฉกฺก. อํ. ฉักกนบิ าต อังคุตตรนิกาย. สตฺตก. อ.ํ สัตตกนิบาต องั คุตตรนกิ าย. อฏฺก. อ.ํ อัฏฐกนบิ าต อังคุตตรนกิ าย. นวก. อํ. นวกนบิ าต องั คุตตรนิกาย. ทสก. อ.ํ ทสกนบิ าต อังคุตตรนิกาย. เอกาทสก. อ.ํ เอกาทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย. ขุ. ขุ. ขุททกปาฐะ ขทุ ทกนกิ าย. ธ. ขุ. ธรรมบท ขทุ ทกนกิ าย. อุ. ขุ. อทุ าน ขุททกนกิ าย. อติ ิว.ุ ขุ. อิตวิ ตุ ตกะ ขทุ ทกนกิ าย. สตุ ตฺ . ข.ุ สุตตนิบาต ขทุ ทกนกิ าย. วิมาน. ข.ุ วมิ านวตั ถุ ขทุ ทกนิกาย. เปต. ขุ. เปตวตั ถุ ขทุ ทกนิกาย. เถร. ข.ุ เถรคาถา ขทุ ทกนกิ าย. เถร.ี ข.ุ เถรีคาถา ขทุ ทกนกิ าย. ชา. ขุ. ชาดก ขุททกนกิ าย. มหานิ. ข.ุ มหานิทเทส ขุททกนิกาย. จูฬนิ. ขุ. จฬู นทิ เทส ขทุ ทกนิกาย. ปฏสิ ม.ฺ ข.ุ ปฏิสัมภทิ ามรรค ขทุ ทกนกิ าย. อปท. ขุ. อปทาน ขทุ ทกนิกาย. พุทธฺ ว. ข.ุ พทุ ธวงส์ ขุททกนิกาย. จริยา. ข.ุ จรยิ าปฎิ ก ขทุ ทกนิกาย. ตวั อย่าง : ๑๔/๑๗๑/๒๔๕ ใหอ้ า่ นวา่ ไตรปฎิ กฉบบั สยามรัฐ เลม่ ๑๔ หน้า ๑๗๑ ขอ้ ท่ี ๒๔๕
สารบญั วา่ ดว้ ยสตั ว์ 1 1. เหตทุ เ่ี รยี กวา่ “สตั ว”์ 2 2. เพราะไมร่ อู้ รยิ สจั สตั วจ์ งึ ทอ่ งเทย่ี วไปแลว้ ในสงั สารวฏั 5 3. สตั วผ์ มู้ อี วชิ ชา ไดท้ อ่ งเทย่ี วไปแลว้ ตลอดกาลยดื ยาวนาน8 4. สงั สารวฏั ไมป่ รากฏทส่ี ดุ แกส่ ตั วผ์ มู้ อี วชิ ชา 10 5. สตั วท์ ง้ั หลายถกู สงั โยชน์ คอื ตณั หา ผกู มดั แลว้ ยอ่ มแลน่ ไป ทอ่ งเทย่ี วไป12 6. หมสู่ ตั วถ์ กู นวิ รณ์ คอื อวชิ ชา หมุ้ หอ่ แลว้ ยอ่ มแลน่ ไป ทอ่ งเทย่ี วไป13 7. วญิ ญาณ ไมใ่ ชส่ ง่ิ ทแ่ี ลน่ ไป ทอ่ งเทย่ี วไป14 8. ตณั หา คอื เชอ้ื แหง่ การเกดิ 22 9. เครอ่ื งน�ำ ไปสภู่ พ23 10. ความมขี น้ึ แหง่ ภพ (นยั ท่ี ๑)24 11. ความมขี น้ึ แหง่ ภพ (นยั ท่ี ๒)26 12. ภพ ๓ (กามภพ รปู ภพ อรปู ภพ)28 13. ก�ำ เนดิ ๔29 14. คติ ๕ 30 15. สตั ตาวาส ๙ (ทอ่ี ยู่ ทอ่ี าศยั ของสตั ว)์ 40 16. วญิ ญาณฐติ ิ ๗ (ทต่ี ง้ั อยขู่ องวญิ ญาณ)43 17. การไดอ้ ตั ตา ๓ อยา่ ง49 18. การกา้ วลงสคู่ รรภ์ ๔53 19. การกา้ วลงสคู่ รรภข์ องสตั วผ์ เู้ กดิ ในครรภ์ 54 20. เมอ่ื การกา้ วลงสคู่ รรภม์ อี ยู่ นามรปู ยอ่ มมี 57 21. การกอ่ ตวั ของนามรปู ในทอ้ งมารดา58
22. สตั วต์ ง้ั อยใู่ นครรภไ์ ดอ้ ยา่ งไร61 23. เหตใุ หไ้ ดค้ วามเปน็ หญงิ หรอื ชาย62 24. พฒั นาการของสตั วท์ ม่ี าเกดิ เปน็ มนษุ ย์ สมยั โลกกลบั เจรญิ ขน้ึ 65 25. เพราะระลกึ ยอ้ นหลงั ไดจ้ �ำ กดั จงึ มคี วามเหน็ ทต่ี า่ งกนั 78 26. สตั วท์ ง้ั หลาย เปน็ ทายาทแหง่ กรรม84 27. หมสู่ ตั ว์ ผเู้ ปน็ ไปตามกรรม (นยั ท่ี ๑)90 28. หมสู่ ตั ว์ ผเู้ ปน็ ไปตามกรรม (นยั ท่ี ๒) 92 29. โรคสองอยา่ ง95 30. เบด็ ๖ ตวั เพอ่ื ฆา่ สตั วท์ ง้ั หลาย96 31. สง่ิ ทใ่ี ครๆ ในโลกไมไ่ ดต้ ามปรารถนา98 32. สง่ิ ทค่ี วรพจิ ารณาเนอื งๆ 103 33. สตั วก์ ลบั มาเกดิ เปน็ มนษุ ยม์ นี อ้ ย เพราะไมร่ อู้ รยิ สจั 110 ปญั หาทไ่ี มค่ วรถาม 113 34. ถา้ มวั รอใหร้ เู้ รอ่ื งทไ่ี มจ่ �ำ เปน็ เสยี กอ่ น กต็ ายเปลา่ 114 35. ตถาคตสอนเรอ่ื งทกุ ข์ และความดบั ไมเ่ หลอื ของทกุ ข์ 117 36. ปญั หาทไ่ี มค่ วรถาม (นยั ท่ี ๑)119 37. ปญั หาทไ่ี มค่ วรถาม (นยั ท่ี ๒)123 38. พระอรหนั ตไ์ ปเกดิ หรอื ไมไ่ ปเกดิ 136 39. ตถาคตพน้ แลว้ จากอปุ าทานขนั ธ์ ๕ 140 40. ความเกดิ ขน้ึ และความดบั แหง่ ทกุ ข์ 145 41. อตั ถติ าและนตั ถติ า151 42. โสดาบนั เปน็ ผหู้ มดความสงสยั ในฐานะ ๖ ประการ และในอรยิ สจั ๔154 43. สงั ขตลกั ษณะ-อสงั ขตลกั ษณะ158 44. ธรรมชาติ อนั ไมเ่ กดิ แลว้ อนั ปจั จยั ปรงุ แตง่ ไมไ่ ดแ้ ลว้ มอี ยู่ 159
ทางเพอ่ื พน้ จากความเปน็ สตั ว์ 161 45. ประพฤตพิ รหมจรรยเ์ พอ่ื ละขาดซง่ึ ภพ162 46. เหตปุ จั จยั เพอ่ื ความเศรา้ หมอง และความบรสิ ทุ ธข์ิ องสตั วท์ ง้ั หลาย164 47. ธาตุ ๔ มอี สั สาทะ อาทนี วะ และนสิ สรณะ167 48. ขนั ธ์ ๕ มอี สั สาทะ อาทนี วะ และนสิ สรณะ169 49. ความพรากจากโยคะ ๔171 50. ความดบั สนทิ ไมเ่ หลอื ของโลก หาพบในกายน้ี 175 51. ยาถา่ ยอนั เปน็ อรยิ ะ176 52. สง่ิ ทป่ี ถุ ชุ นยดึ ถอื 179 53. ขนั ธ์ ๕ ไมใ่ ชข่ องเรา183 54. อายตนะภายใน ๖ ไมใ่ ชข่ องเรา186 55. อายตนะภายนอก ๖ ไมใ่ ชข่ องเรา188 56. จติ มโน วญิ ญาณ ไมใ่ ชข่ องเรา190 57. อะไรๆ กไ็ มใ่ ชข่ องเรา194 58. ขนั ธ์ ๕ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา (นยั ท่ี ๑)201 59. ขนั ธ์ ๕ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา (นยั ท่ี ๒)205 60. ขนั ธ์ ๕ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา (นยั ท่ี ๓)210 61. ยอ่ มท�ำ ลาย ยอ่ มไมก่ อ่ ขน้ึ ยอ่ มละทง้ิ ยอ่ มไมถ่ อื เอาซง่ึ ขนั ธ์ ๕212 62. อายตนะภายใน ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 220 63. อายตนะภายนอก ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 222 64. วญิ ญาณ ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 224 65. ผสั สะ ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 226 66. เวทนา ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 228 67. สญั ญา ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 230 68. สญั เจตนา ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 232 69. ตณั หา ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 234 70. ธาตุ ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 236 71. เมอ่ื ละอวชิ ชาได้ ความเหน็ วา่ เรามอี ยู่ ยอ่ มไมม่ ี 238
ว่าดว้ ยสัตว์ 1
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถกู ปิด : สัตว์ เหตทุ เ่ี รยี กวา่ “สตั ว”์ 01 -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๒๓๒/๓๖๗. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า สัตว์ สัตว์ (สตฺโต สตฺโตติ) ดงั นี้ อนั วา่ สตั ว์มไี ด้ ดว้ ยเหตเุ พยี งเทา่ ไรเลา่ พระเจ้าขา้ . ราธะ ฉนั ทะ (ความพอใจ) ราคะ (ความก�ำ หนดั ) นนั ท ิ (ความเพลนิ ) ตณั หา (ความอยาก) ใดๆ มอี ยใู่ นรปู เพราะการตดิ แลว้ ขอ้ งแลว้ ในรปู นนั้ เพราะฉะนน้ั จงึ เรยี กวา่ สตั ว ์ (ผขู้ อ้ งตดิ ในขันธ์ท้ัง ๕) ดงั นี้ (รูเป โย ฉนฺโท โย ราโค ยา นนทฺ ิ ยา ตณหฺ า ตตรฺ สตฺโต ตตฺร วิสตโฺ ต ตสมฺ า สตโฺ ตติ วจุ จฺ ติ). ราธะ ฉันทะ ราคะ นันทิ ตัณหาใดๆ มีอยู่ใน เวทนา เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในเวทนาน้ัน เพราะ ฉะนัน้ จึงเรียกว่าสัตว์ ดังนี้. ราธะ ฉันทะ ราคะ นันทิ ตัณหาใดๆ มีอยู่ใน สัญญา เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในสัญญาน้ัน เพราะ ฉะน้นั จึงเรยี กวา่ สัตว์ ดงั น.ี้ ราธะ ฉันทะ ราคะ นันทิ ตัณหาใดๆ มีอยู่ใน สังขารทั้งหลาย เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในสังขาร ทงั้ หลายนั้น เพราะฉะนนั้ จึงเรยี กว่าสัตว์ ดังน้ี. 2
เปิดธรรมท่ถี ูกปิด : สตั ว์ ราธะ ฉันทะ ราคะ นันทิ ตัณหาใดๆ มีอยู่ใน วิญญาณ เพราะการติดแลว้ ข้องแลว้ ในวิญญาณน้นั เพราะ ฉะน้นั จงึ เรยี กว่าสัตว์ ดังน้ี (วิฺ าเณ โย ฉนฺโท โย ราโค ยา นนฺทิ ยา ตณฺหา ตตรฺ สตฺโต ตตฺร วิสตฺโต ตสฺมา สตโฺ ตติ วุจจฺ ติ). ราธะ เปรียบเหมือนพวกกุมารน้อยๆ หรือกุมารี น้อยๆ เล่นเรือนน้อยๆ ท่ีทำ�ด้วยดินอยู่ ตราบใด เขายังมี ราคะ มีฉันทะ มีความรัก มีความกระหาย มีความเร่าร้อน และมีตัณหา ในเรือนน้อยที่ทำ�ด้วยดินเหล่านั้น ตราบนั้น พวกเดก็ นอ้ ยๆ นนั้ ยอ่ มอาลยั เรอื นนอ้ ยทที่ �ำ ดว้ ยดนิ เหลา่ นน้ั ย่อมอยากเล่น ย่อมอยากมีเรือนน้อยที่ทำ�ด้วยดินเหล่าน้ัน ย่อมยึดถือเรือนน้อยท่ีทำ�ด้วยดินเหล่านั้นว่าเป็นของเรา ดงั นี.้ ราธะ แตเ่ มอ่ื ใด พวกกมุ ารนอ้ ยๆ หรอื กมุ ารนี อ้ ยๆ เหลา่ นน้ั ปราศจากราคะแลว้ ปราศจากฉนั ทะแลว้ ปราศจาก ความรักแล้ว ปราศจากความกระหายแล้ว ปราศจากความ เรา่ รอ้ นแลว้ ปราศจากตณั หาแลว้ ในเรอื นนอ้ ยทที่ �ำ ดว้ ยดนิ เหลา่ นนั้ ในกาลนน้ั พวกเขายอ่ มท�ำ เรอื นนอ้ ยๆ ทท่ี �ำ ดว้ ยดนิ เหลา่ น้นั ใหก้ ระจดั กระจาย เร่ยี ราย เกล่ือนกล่นไป กระท�ำ ใหจ้ บการเลน่ เสยี ดว้ ยมอื และเทา้ ทง้ั หลาย อปุ มานฉ้ี นั ใด. 3
พุทธวจน - หมวดธรรม ราธะ อุปไมยก็ฉันนั้น คือ แม้พวกเธอท้ังหลาย จงเรย่ี รายกระจายออกซง่ึ รปู จงขจดั เสยี จงท�ำ ใหแ้ หลกลาญ จงท�ำ ใหจ้ บการเลน่ อยา่ งถกู วธิ ี จงปฏบิ ตั เิ พอ่ื ความสนิ้ ไปแหง่ ตัณหาเถิด จงเร่ียรายกระจายออกซ่ึงเวทนา จงขจัดเสีย จงท�ำ ใหแ้ หลกลาญ จงท�ำ ใหจ้ บการเลน่ อยา่ งถกู วธิ ี จงปฏบิ ตั ิ เพื่อความส้ินไปแห่งตัณหาเถิด จงเรี่ยรายกระจายออก ซ่ึงสัญญา จงขจัดเสีย จงทำ�ให้แหลกลาญ จงทำ�ให้จบ การเลน่ อยา่ งถกู วธิ ี จงปฏบิ ตั เิ พอ่ื ความสนิ้ ไปแหง่ ตณั หาเถดิ จงเร่ียรายกระจายออกซ่ึงสังขารทั้งหลาย จงขจัดเสีย จงท�ำ ใหแ้ หลกลาญ จงท�ำ ใหจ้ บการเลน่ อยา่ งถกู วธิ ี จงปฏบิ ตั ิ เพ่ือความสิ้นไปแห่งตัณหาเถิด จงเรี่ยรายกระจายออก ซ่ึงวิญญาณ จงขจัดเสีย จงทำ�ให้แหลกลาญ จงทำ�ให้จบ การเลน่ อยา่ งถกู วธิ ี จงปฏบิ ตั เิ พอ่ื ความสน้ิ ไปแหง่ ตณั หาเถดิ . ราธะ เพราะว่า ความสิ้นไปแห่งตัณหานั้น คือ นิพพาน ดังน้.ี 4
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถูกปิด : สตั ว์ เพราะไมร่ อู้ รยิ สจั สตั วจ์ งึ 02 ทอ่ งเทย่ี วไปแลว้ ในสงั สารวฏั -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๑๙/๔๓๘., -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๕๔๑,๕๕๐/๑๖๙๘,๑๗๑๖. ภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำ�หนดท่ีสุดเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ เม่ือเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเคร่ืองกั้น มตี ณั หาเปน็ เครอ่ื งผกู (อวชิ ชฺ านวี รณาน สตตฺ าน ตณหฺ าสโฺ ชนาน)ํ ทอ่ งเทย่ี วไปมาอยู่ ทสี่ ดุ เบอ้ื งตน้ ยอ่ มไมป่ รากฏ สตั วเ์ หลา่ นนั้ ได้เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพิ่มพูนปฐพี ทเ่ี ปน็ ปา่ ช้าตลอดกาลนานเหมือนอยา่ งนัน้ . ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนท่อนไม้ อันบุคคล ซัดข้ึนไปสู่อากาศ บางคราวตกเอาโคนลง บางคราวตกเอา ตอนกลางลง บางคราวตกเอาปลายลง ขอ้ นฉี้ ันใด. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สตั วท์ ง้ั หลายผมู้ อี วชิ ชาเปน็ เครอ่ื งกน้ั มตี ณั หาเปน็ เครอื่ งผกู ทอ่ งเทยี่ วไปมาอยู่ กฉ็ นั นนั้ เหมอื นกนั บางคราวแล่นจากโลกนส้ี โู่ ลกอน่ื บางคราวแล่นจากโลกอื่น สโู่ ลกน้ี ขอ้ นน้ั เพราะเหตอุ ะไรเลา่ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เพราะเหตวุ า่ สงสารนกี้ �ำ หนดทส่ี ดุ เบอ้ื งตน้ เบอื้ งปลายไมไ่ ด้ เมอื่ เหลา่ สตั ว์ ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องก้ัน มีตัณหาเป็นเคร่ืองผูก ท่องเท่ียว ไปมาอยู่ ทส่ี ุดเบ้ืองต้นยอ่ มไม่ปรากฏ สัตวเ์ หล่านน้ั ไดเ้ สวย ทกุ ข์ ความเผด็ รอ้ น ความพนิ าศ ไดเ้ พมิ่ พนู ปฐพที เี่ ปน็ ปา่ ชา้ ตลอดกาลนานเหมือนอย่างนน้ั . 5
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพ่ือ จะเบื่อหน่ายในสังขารท้ังปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำ�หนัด พอแล้วเพอ่ื จะหลุดพน้ ดังน้ี. ……… ภิกษุท้ังหลาย เปรียบเหมือนท่อนไม้ อันบุคคล ซัดขึ้นไปสู่อากาศ บางคราวตกเอาโคนลง บางคราวตกเอา ตอนกลางลง บางคราวตกเอาปลายลง ข้อน้ฉี นั ใด. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สตั วท์ ง้ั หลายผมู้ อี วชิ ชาเปน็ เครอ่ื งกน้ั มตี ณั หาเปน็ เครอ่ื งผกู ทอ่ งเทยี่ วไปมาอยู่ กฉ็ นั นน้ั เหมอื นกนั บางคราวแลน่ จากโลกน้สี ูโ่ ลกอืน่ บางคราวแลน่ จากโลกอ่ืน สโู่ ลกน้ี ขอ้ นน้ั เพราะเหตอุ ะไรเลา่ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เพราะเหตวุ า่ สัตวเ์ หลา่ น้นั ไม่เห็นอริยสัจทงั้ สี่. อริยสัจทั้งส่ีอะไรบ้าง คือ อริยสัจคือทุกข์ อริยสัจ คือเหตุให้เกิดทุกข์ อริยสัจคือความดับไม่เหลือของทุกข์ อรยิ สจั คือทางดำ�เนินใหถ้ งึ ความดับไม่เหลือของทุกข์. ภิกษุท้ังหลาย เพราะเหตุน้ันในเร่ืองน้ี เธอพึง ประกอบโยคกรรม อนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหร้ วู้ า่ ทกุ ขเ์ ปน็ อยา่ งน ้ี เหตุให้เกิดทุกข์เป็นอย่างนี้ ความดับไม่เหลือของทุกข์ เป็นอย่างนี้ ทางดำ�เนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ เปน็ อย่างน้ี ดงั น.้ี ……… 6
เปดิ ธรรมที่ถูกปิด : สัตว์ ภิกษุทั้งหลาย เพราะไม่รู้ถึง ไม่แทงตลอดซึ่ง อริยสัจสี่อย่าง เราและพวกเธอท้ังหลาย จึงได้ท่องเที่ยว ไปแลว้ ในสังสารวฏั ตลอดกาลยดื ยาวนานถึงเพยี งน้.ี ภิกษุทง้ั หลาย อรยิ สัจส่อี ย่าง อะไรบ้าง. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เพราะไมร่ ถู้ งึ ไมแ่ ทงตลอดซง่ึ อรยิ สจั คือทุกข์ อริยสัจคือเหตุให้เกิดทุกข์ อริยสัจคือความดับ ไม่เหลือของทุกข์ และอริยสัจคือทางดำ�เนินให้ถึงความดับ ไม่เหลือของทุกข์ เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ท่องเท่ียว ไปแล้วในสังสารวฏั ตลอดกาลยดื ยาวนานถงึ เพียงน.ี้ ภกิ ษุท้งั หลาย เมอ่ื อรยิ สัจคือทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับไม่เหลือของทุกข์ และทางดำ�เนินให้ถึงความดับ ไม่เหลือของทุกข์ เป็นความจริงท่ีเราและพวกเธอท้ังหลาย รู้ถึงและแทงตลอดแล้ว ตัณหาในภพ ก็ถูกถอนข้ึนขาด ตณั หาทจี่ ะน�ำ ไปสภู่ พ กส็ น้ิ ไปหมด บดั น้ี ความตอ้ งเกดิ ขน้ึ อกี ไม่ไดม้ ี ดังนี.้ 7
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปิด : สตั ว์ สตั วผ์ มู้ อี วชิ ชา ไดท้ อ่ งเทย่ี วไปแลว้ 03 ตลอดกาลยดื ยาวนาน -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๑๖/๔๓๑. ขา้ แตพ่ ระองค์ผเู้ จริญ กัปหนง่ึ นานเท่าไหรห่ นอ. ภกิ ษ ุ กปั หนง่ึ นานแล มใิ ชง่ า่ ยทจ่ี ะนบั กปั นน้ั วา่ เทา่ นป้ี ี เทา่ นี้ ๑๐๐ ปี เท่าน้ี ๑,๐๐๐ ปี หรือว่าเทา่ นี้ ๑๐๐,๐๐๐ ป.ี ก็พระองคอ์ าจจะอุปมาไดไ้ หม พระเจ้าขา้ . อาจอุปมาได้ ภกิ ษุ. ภกิ ษ ุ เปรยี บเหมอื น นครทท่ี �ำ ดว้ ยเหลก็ ยาว ๑ โยชน ์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ เต็มด้วยเมล็ดพันธ์ุผักกาด มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน บุรุษพึงหยิบเอา เมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่งๆ ออกจากนครน้ันโดยลว่ งไป ๑๐๐ ปีต่อเมล็ด เมล็ดพันธ์ุผักกาดกองใหญ่น้ัน พึงถึง ความสิ้นไป หมดไป เพราะความพยายามน้ียังเร็วกว่า สว่ นกปั หนงึ่ ยงั ไมถ่ งึ ความสน้ิ ไป หมดไป กปั นานอยา่ งนแ้ี ล บรรดากปั ทน่ี านอยา่ งนี้ พวกเธอทอ่ งเทย่ี วไปแลว้ มใิ ช่ ๑ กปั มใิ ช่ ๑๐๐ กปั มิใช่ ๑,๐๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐,๐๐๐ กัป. 8
เปดิ ธรรมทถี่ กู ปิด : สัตว์ ข้อน้ันเพราะเหตุอะไรเล่า เพราะเหตุว่า สงสารนี้ กำ�หนดที่สุดเบ้ืองต้นเบ้ืองปลายไม่ได้ เม่ือเหล่าสัตว์ผู้มี อวิชชาเป็นเคร่ืองกั้น มีตัณหาเป็นเคร่ืองผูก ท่องเท่ียว ไปมาอยู่ ที่สุดเบ้ืองต้นย่อมไม่ปรากฏ สัตว์เหล่าน้ันได้ เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพ่ิมพูนปฐพี ท่เี ป็นป่าช้าตลอดกาลนานเหมือนอย่างนนั้ . ภิกษุ ด้วยเหตุเพียงเท่าน้ี ก็พอแล้วเพ่ือจะ เบื่อหน่ายในสังขารท้ังปวง พอแล้วเพ่ือจะคลายกำ�หนัด พอแลว้ เพ่ือจะหลดุ พ้น ดงั น.ี้ 9
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปดิ : สตั ว์ สงั สารวฏั ไมป่ รากฏทส่ี ดุ 04 แกส่ ตั วผ์ มู้ อี วชิ ชา -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๑๗/๔๓๕. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กัปทั้งหลายท่ีผ่านไปแล้ว ล่วงไปแล้ว มากเท่าไรหนอ. พราหมณ์ กัปท้ังหลายท่ีผ่านไปแล้ว ล่วงไปแล้ว มากแล มิใช่ง่ายที่จะนับกัปเหล่านั้นว่า เท่าน้ีกัป เท่าน้ี ๑๐๐ กปั เทา่ น้ี ๑,๐๐๐ กปั หรอื วา่ เทา่ นี้ ๑๐๐,๐๐๐ กปั . กพ็ ระโคดมผเู้ จรญิ อาจจะอปุ มาได้ไหม. อาจอุปมาได้ พราหมณ.์ พราหมณ ์ แม่นำ้�คงคาน้ีย่อมเกิดแต่ท่ใี ด และย่อม ถึงมหาสมุทร ณ ที่ใด เม็ดทรายในระยะน้ีไม่เป็นของง่าย ทจี่ ะก�ำ หนดไดว้ า่ เทา่ นเี้ มด็ เทา่ น้ี ๑๐๐ เมด็ เทา่ นี้ ๑,๐๐๐ เมด็ หรอื ว่าเท่าน้ี ๑๐๐,๐๐๐ เม็ด. พราหมณ์ กัปทั้งหลายที่ผ่านไปแล้ว ล่วงไปแล้ว มากกว่าเมล็ดทรายเหล่าน้ัน มิใช่ง่ายท่ีจะนับกัปเหล่านั้น ว่า เท่าน้กี ปั เทา่ นี้ ๑๐๐ กัป เท่าน้ี ๑,๐๐๐ กปั หรอื ว่าเทา่ นี้ ๑๐๐,๐๐๐ กปั . 10
เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : สตั ว์ ข้อน้ันเพราะเหตุอะไรเล่า เพราะเหตุว่า สงสารน้ี กำ�หนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เม่ือเหล่าสัตว์ผู้มี อวิชชาเป็นเคร่ืองก้ัน มีตัณหาเป็นเคร่ืองผูก ท่องเท่ียว ไปมาอยู่ ท่ีสุดเบ้ืองต้นย่อมไม่ปรากฏ สัตว์เหล่าน้ันได้ เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพิ่มพูนปฐพี ทเี่ ป็นป่าช้าตลอดกาลนานเหมือนอย่างนน้ั . พราหมณ์ ด้วยเหตุเพียงเท่าน้ี ก็พอแล้วเพื่อจะ เบื่อหน่ายในสังขารท้ังปวง พอแล้วเพ่ือจะคลายกำ�หนัด พอแล้วเพ่ือจะหลุดพน้ ดงั น.้ี 11
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ ูกปดิ : สัตว์ สตั วท์ ง้ั หลายถกู สงั โยชน์ คอื ตณั หา 05 ผกู มดั แลว้ ยอ่ มแลน่ ไป ทอ่ งเทย่ี วไป -บาลี อติ วิ .ุ ข.ุ ๒๕/๒๓๖/๑๙๓. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราไมม่ องเหน็ สงั โยชนอ์ น่ื แมอ้ ยา่ งหนง่ึ ซง่ึ เมอ่ื สตั วท์ ง้ั หลาย (สตตฺ า) ถกู สงั โยชนผ์ กู มดั แลว้ ยอ่ มแลน่ ไป ท่องเที่ยวไป ตลอดกาลยืดยาวนาน เหมือนอย่างสังโยชน์ คอื ตณั หานเ้ี ลย. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เพราะวา่ สตั วท์ งั้ หลายทถี่ กู สงั โยชน์ คอื ตณั หาผกู มดั แลว้ ยอ่ มแลน่ ไป ทอ่ งเทยี่ วไป ตลอดกาล ยืดยาวนาน. บรุ ษุ ผมู้ ตี ณั หาเปน็ เพอ่ื นสอง ทอ่ งเทยี่ วไปตลอดกาล ยืดยาวนาน ย่อมไม่ล่วงพ้นสังสารวัฏอันมีความเป็นอย่างนี้ และความเปน็ อยา่ งอื่นไปได้. ภิกษุรู้ซ่ึงตัณหา อันเป็นเหตุให้เกิดแห่งทุกข์นี้ โดยความเปน็ โทษแลว้ พงึ เปน็ ผไู้ มม่ ตี ณั หา ไมม่ คี วามถอื มนั่ มีสติอย.ู่ 12
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปดิ : สัตว์ หมสู่ ตั วถ์ กู นวิ รณ์ คอื อวชิ ชา 06 หมุ้ หอ่ แลว้ ยอ่ มแลน่ ไป ทอ่ งเทย่ี วไป -บาลี อติ วิ .ุ ข.ุ ๒๕/๒๓๕/๑๙๒. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราไมม่ องเหน็ นวิ รณอ์ น่ื แมอ้ ยา่ งหนง่ึ ซ่ึงเม่ือหมู่สัตว์ (ปชา) ถูกนิวรณ์หุ้มห่อแล้ว ย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป ตลอดกาลยืดยาวนาน เหมือนอย่างนิวรณ์ คือ อวิชชานเ้ี ลย. ภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าหมู่สัตว์ผู้ถูกนิวรณ์ คือ อวิชชาหุ้มห่อแล้ว ย่อมแล่นไป ท่องเท่ียวไป ตลอดกาล ยืดยาวนาน. ธรรมอื่นแม้อย่างหน่ึง ซ่ึงเป็นเหตุให้หมู่สัตว์ถูก ธรรมนนั้ หมุ้ หอ่ แลว้ ตอ้ งทอ่ งเทย่ี วไปตลอดกาลยดื ยาวนาน เหมือนหมสู่ ัตวผ์ ูถ้ ูกโมหะหุ้มหอ่ แล้วไม่มีเลย. สว่ นอรยิ สาวกเหลา่ ใด ละโมหะแลว้ ท�ำ ลายกองแหง่ ความมืดได้แล้ว อรยิ สาวกเหล่าน้ัน ย่อมไมท่ อ่ งเที่ยวไปอกี เพราะอวชิ ชาอนั เปน็ ตน้ เหตุ ยอ่ มไมม่ แี กอ่ รยิ สาวกเหลา่ นนั้ . 13
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปดิ : สตั ว์ 07วญิ ญาณ ไมใ่ ชส่ ง่ิ ทแ่ี ลน่ ไป ทอ่ งเทย่ี วไป -บาลี ม.ู ม. ๑๒/๔๗๕/๔๔๒. สาติ ได้ยินว่าเธอมีทิฏฐิอันช่ัวเห็นปานน้ีเกิดข้ึนว่า เรายอ่ มรทู้ ว่ั ถงึ ธรรม ตามทพ่ี ระผมู้ พี ระภาคทรงแสดงแลว้ วา่ วิญญาณน้ีนั่นแหละ ย่อมแล่นไป ย่อมท่องเที่ยวไป หาใช่ ส่งิ อนื่ ไม่ ดังนจ้ี ริงหรอื . ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมรู้ท่ัวถึงธรรม ตามที่ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า วิญญาณน้ีแหละ ย่อมแล่นไป ย่อม ท่องเท่ยี วไป หาใชส่ งิ่ อน่ื ไม่ ดังนจ้ี รงิ . สาต ิ วญิ ญาณนนั้ เปน็ อย่างไร. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ สภาวะทพ่ี ดู ได้ รบั รไู้ ด้ ยอ่ มเสวยวบิ าก ของกรรมทง้ั หลาย ทงั้ ส่วนดี ทง้ั สว่ นชัว่ ในท่นี ัน้ ๆ นัน่ เป็นวิญญาณ. โมฆบุรุษ เธอรู้ทั่วถึงธรรมอย่างน้ีที่เราแสดงแล้ว แก่ใครเล่า โมฆบุรุษ วิญญาณเป็นปฏิจจสมุปปันนธรรม (ส่ิงที่อาศัยปัจจัยแล้วเกิดขึ้น) เราได้กล่าวแล้วโดยอเนกปริยาย ถา้ เวน้ จากปจั จยั แลว้ ความเกดิ ขน้ึ แหง่ วญิ ญาณยอ่ มไมม่ ี ดังน้ีไม่ใช่หรือ โมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่ เราดว้ ย ขดุ ตนเสยี ดว้ ย จะประสบสงิ่ ไมใ่ ชบ่ ญุ เปน็ อนั มากดว้ ย เพราะทฏิ ฐทิ ตี่ นถอื ชว่ั แลว้ โมฆบรุ ษุ กค็ วามเหน็ นน้ั ของเธอ จักเป็นไปเพอ่ื ความทกุ ข์ ไม่เกอื้ กูลแกเ่ ธอตลอดกาลนาน. 14
เปิดธรรมที่ถูกปิด : สัตว์ ครัง้ นนั้ พระผ้มู ีพระภาคตรสั ถามภกิ ษุทัง้ หลายว่า. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย พวกเธอจะส�ำ คญั ความขอ้ นว้ี า่ อยา่ งไร ภกิ ษสุ าตเิ กวฏั ฏบตุ รนี้ จะเปน็ ผทู้ �ำ ความเจรญิ ในธรรมวนิ ยั นี้ ไดบ้ ้างหรอื ไม.่ ขอ้ น้จี ะมไี ดอ้ ย่างไร ข้อนี้มีไมไ่ ดเ้ ลย พระเจ้าข้า. เม่ือภิกษุทั้งหลายทูลอย่างน้ีแล้ว ภิกษุสาติเกวัฏฏบุตร นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตก ก้มหน้า ซบเซา ไม่มีปฏิภาณ พระผู้มีพระภาค ทอดพระเนตรเห็นดังน้นั แล้ว ไดต้ รสั วา่ . โมฆบรุ ษุ เธอจะปรากฏดว้ ยทฏิ ฐอิ นั ชว่ั นน้ั ของตนเอง เราจกั สอบถามภกิ ษทุ ั้งหลายในท่ีนี้. ภิกษุท้ังหลาย พวกเธอย่อมรู้ทั่วถึงธรรมที่เรา แสดงแล้วเหมือนสาติภิกษุ กล่าวตู่เราด้วย ขุดตนเสียด้วย จะประสบสงิ่ ไมใ่ ชบ่ ญุ เปน็ อนั มากดว้ ย เพราะทฏิ ฐทิ ตี่ นถอื ชว่ั แลว้ ดงั นีใ้ ชไ่ หม. ขอ้ นไี้ มม่ เี ลย พระเจา้ ขา้ เพราะวญิ ญาณอาศยั ปจั จยั แลว้ เกดิ ขน้ึ พระผมู้ พี ระภาคตรสั แลว้ แกพ่ วกขา้ พระองค์ โดยอเนกปรยิ าย ถา้ เวน้ จาก ปัจจัยแล้ว ความเกิดข้ึนแห่งวิญญาณยอ่ มไมม่ ี. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ดลี ะ พวกเธอรทู้ ว่ั ถงึ ธรรมทเ่ี ราแสดง อยา่ งนถ้ี กู แลว้ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย วญิ ญาณอาศยั ปจั จยั แลว้ เกดิ ขน้ึ เราไดก้ ลา่ วแลว้ โดยอเนกปรยิ าย ถา้ เวน้ จากปจั จยั แลว้ ความ เกิดข้ึนแห่งวิญญาณไม่ได้มี ก็แต่ภิกษุสาติเกวัฏฏบุตรน้ี 15
พทุ ธวจน - หมวดธรรม กล่าวตู่เราด้วย ขุดตนเสียด้วย จะประสบส่ิงไม่ใช่บุญเป็น อันมากด้วย เพราะทิฏฐิท่ีตนถือช่ัวแล้ว ความเห็นน้ันของ โมฆบุรุษน้ัน จักเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เธอ ตลอดกาลนาน. ภิกษุทั้งหลาย วิญญาณอาศัยปัจจัยใดๆ เกิดขึ้น ก็ถึงความนับด้วยปัจจัยน้นั ๆ วิญญาณอาศัยจักษุและรูป ทง้ั หลายเกดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั วา่ จกั ษวุ ญิ ญาณ วญิ ญาณอาศยั โสตะและเสยี งทง้ั หลายเกดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั วา่ โสตวญิ ญาณ วญิ ญาณอาศยั ฆานะและกลน่ิ ทง้ั หลายเกดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั วา่ ฆานวิญญาณ วิญญาณอาศัยชิวหาและรสท้ังหลายเกิดข้ึน ก็ถึงความนับว่าชิวหาวิญญาณ วิญญาณอาศัยกายและ โผฏฐัพพะท้ังหลายเกิดข้ึน ก็ถึงความนับว่ากายวิญญาณ วญิ ญาณอาศยั มโนและธรรมทง้ั หลายเกดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั วา่ มโนวิญญาณ. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เปรยี บเหมอื นไฟอาศยั เชอ้ื ใดๆ ตดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั ดว้ ยเชอื้ นนั้ ๆ ไฟอาศยั ไมต้ ดิ ขนึ้ กถ็ งึ ความนบั วา่ ไฟไม ้ ไฟอาศยั ปา่ ตดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั วา่ ไฟปา่ ไฟอาศยั หญ้าติดข้ึน ก็ถึงความนับว่าไฟหญ้า ไฟอาศัยมูลโคติดข้ึน กถ็ งึ ความนบั วา่ ไฟมลู โค ไฟอาศยั แกลบตดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั 16
เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : สัตว์ ว่าไฟแกลบ ไฟอาศัยหยากเย่ือติดข้ึน ก็ถึงความนับว่า ไฟหยากเยอ่ื ฉนั ใด. ภิกษุทั้งหลาย ฉันน้ันก็เหมือนกัน วิญญาณอาศัย ปจั จยั ใดๆ เกดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั ดว้ ยปจั จยั นนั้ ๆ วญิ ญาณ อาศัยจักษุและรูปท้ังหลายเกิดข้ึน ก็ถึงความนับว่า จักษุ- วิญญาณ วิญญาณอาศัยโสตะและเสียงทั้งหลายเกิดขึ้น กถ็ งึ ความนบั วา่ โสตวญิ ญาณ วญิ ญาณอาศยั ฆานะและกลน่ิ ทง้ั หลายเกดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั วา่ ฆานวญิ ญาณ วญิ ญาณอาศยั ชวิ หาและรสทง้ั หลายเกดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความนบั วา่ ชวิ หาวญิ ญาณ วญิ ญาณอาศยั กายและโผฏฐพั พะทงั้ หลายเกดิ ขน้ึ กถ็ งึ ความ นบั วา่ กายวญิ ญาณ วญิ ญาณอาศยั มโนและธรรมทง้ั หลาย เกดิ ขน้ึ ก็ถึงความนับว่า มโนวิญญาณ. ของส่งิ นภ ี้ (ิกภษูตมุทิท้ัง)ห1ล หารยอื ไมเธ.่ อท้ังหลายย่อมเห็นความเกิดขึ้น เห็น พระเจ้าขา้ . ภกิ ษทุ งั้ หลาย เธอทง้ั หลายยอ่ มเหน็ วา่ สง่ิ นนั้ เกดิ ขน้ึ เพราะอาหาร อยา่ งนนั้ ใช่ไหม. เห็นอย่างน้นั พระเจ้าข้า. 1. บาลคี ำ�น้ี มสี ำ�นวนแปลอยา่ งอน่ื อกี เชน่ ขนั ธปญั จกะ, ขนั ธ์ ๕ เปน็ ตน้ . -ผรู้ วบรวม 17
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายย่อมเห็นว่า สิ่งน้ัน มคี วามดบั เปน็ ธรรมดา เพราะความดบั แหง่ อาหาร อยา่ งนนั้ ใชไ่ หม. เหน็ อยา่ งน้ัน พระเจา้ ข้า. ภิกษุทั้งหลาย ความสงสัยและความเคลือบแคลง ยอ่ มเกดิ ขึ้นวา่ สง่ิ นม้ี อี ยู่หรอื ไมม่ ี อยา่ งนัน้ ใชไ่ หม. เป็นอยา่ งนั้น พระเจา้ ข้า. ภิกษุทั้งหลาย ความสงสัยและความเคลือบแคลง ย่อมเกดิ ขึ้นว่า สง่ิ นั้นเกิดข้ึนเพราะอาหาร อยา่ งนนั้ ใช่ไหม. เปน็ อย่างนน้ั พระเจา้ ขา้ . ภิกษุท้ังหลาย ความสงสัยและความเคลือบแคลง ยอ่ มเกดิ ขน้ึ วา่ สง่ิ นนั้ มคี วามดบั เปน็ ธรรมดา เพราะความดบั แหง่ อาหาร อยา่ งนน้ั ใช่ไหม. เป็นอย่างน้นั พระเจ้าขา้ . ภกิ ษทุ งั้ หลาย บคุ คลเหน็ อยดู่ ว้ ยปญั ญาอนั ชอบตาม ความเปน็ จรงิ วา่ สง่ิ นเี้ กดิ ขน้ึ แลว้ ยอ่ มละความสงสยั ทเี่ กดิ ขนึ้ เสยี ได้ อยา่ งนน้ั ใช่ไหม. เปน็ อยา่ งน้นั พระเจ้าข้า. 18
เปิดธรรมท่ีถูกปดิ : สัตว์ ภิกษุท้ังหลาย บุคคลเห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเปน็ จรงิ วา่ สง่ิ นน้ั เกดิ ขน้ึ เพราะอาหาร ยอ่ มละความ สงสยั ทเ่ี กดิ ขน้ึ เสยี ได้ อยา่ งนน้ั ใชไ่ หม. เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า. ภิกษุทั้งหลาย บุคคลเห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงว่า ส่ิงน้ันมีความดับเป็นธรรมดา เพราะ ความดับแห่งอาหาร ย่อมละความสงสัยท่ีเกิดข้ึนเสียได้ อยา่ งนน้ั ใชไ่ หม. เป็นอยา่ งน้นั พระเจา้ ข้า. ภิกษุทั้งหลาย เธอท้งั หลายหมดความสงสัยในข้อ ทว่ี า่ สง่ิ นเ้ี กดิ ขน้ึ แลว้ เพราะเหตอุ ยา่ งนๆี้ ใชไ่ หม. เป็นอย่างนน้ั พระเจา้ ข้า. ภิกษุท้ังหลาย เธอทั้งหลายหมดความสงสัยในข้อ ทวี่ ่า สิ่งนน้ั เกดิ ขน้ึ เพราะอาหาร อย่างน้ันใชไ่ หม. เป็นอย่างนั้น พระเจา้ ข้า. ภิกษุทั้งหลาย เธอท้ังหลายหมดความสงสัยในข้อ ทว่ี า่ สง่ิ นน้ั มคี วามดบั เปน็ ธรรมดา เพราะความดบั แหง่ อาหาร อยา่ งนน้ั ใช่ไหม. เปน็ อยา่ งนั้น พระเจา้ ขา้ . 19
พุทธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เธอทง้ั หลายเหน็ อยดู่ ว้ ยปญั ญาอนั ชอบ ตามความเปน็ จรงิ วา่ ส่ิงนเ้ี กิดขนึ้ แล้ว อย่างน้นั ใชไ่ หม. เป็นอย่างนนั้ พระเจา้ ข้า. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เธอทง้ั หลายเหน็ อยดู่ ว้ ยปญั ญาอนั ชอบ ตามความเป็นจริงว่า สิ่งนั้นเกิดขึ้นเพราะอาหาร อย่างนั้น ใชไ่ หม. เป็นอย่างนัน้ พระเจ้าขา้ . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เธอทง้ั หลายเหน็ อยดู่ ว้ ยปญั ญาอนั ชอบ ตามความเป็นจริงว่า สิ่งน้ันมีความดับเป็นธรรมดา เพราะ ความดบั แห่งอาหาร อยา่ งน้ันใช่ไหม. เปน็ อย่างนน้ั พระเจา้ ขา้ . ภิกษุท้ังหลาย หากว่าเธอท้ังหลาย พึงติดอยู่ (อลฺลีเยถ) เพลิดเพลินอยู่ (เกฬาเยถ) ปรารถนาอยู่ (ธเนยฺยาถ) ยดึ ถอื ว่าเปน็ ของเราอย ู่ (มมาเยถ) ซง่ึ ทิฏฐอิ นั บริสทุ ธ์ผิ ุดผอ่ ง อย่างนี้ เธอท้ังหลายพึงรู้ท่ัวถึงธรรมที่เปรียบได้กับพ่วงแพ อนั เราแสดงแลว้ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการสลดั ออก ไมใ่ ชแ่ สดงแลว้ เพื่อใหย้ ดึ ถอื ไว้ อย่างนน้ั ใชไ่ หม. ขอ้ นี้ไม่เป็นอย่างน้นั พระเจา้ ข้า. 20
เปดิ ธรรมท่ถี กู ปดิ : สัตว์ ภิกษุท้ังหลาย หากว่าเธอทั้งหลาย ไม่ติดอยู่ (น อลฺลีเยถ) ไม่เพลิดเพลินอยู่ (น เกฬาเยถ) ไม่ปรารถนาอยู่ (น ธเนยยฺ าถ) ไมย่ ดึ ถอื วา่ เปน็ ของเราอย ู่(น มมาเยถ) ซง่ึ ทฏิ ฐอิ นั บรสิ ทุ ธผ์ิ ดุ ผอ่ งอยา่ งน้ี เธอทง้ั หลายพงึ รทู้ ว่ั ถงึ ธรรมทเี่ ปรยี บ ไดก้ บั พว่ งแพอนั เราแสดงแลว้ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการสลดั ออก ไม่ใช่แสดงแล้ว เพื่อใหย้ ดึ ถือไว้ อยา่ งน้นั ใช่ไหม. เป็นอยา่ งน้นั พระเจา้ ขา้ . (จากนน้ั ทรงแสดงเรอ่ื งอาหาร ๔ ปฏจิ จสมปุ บาท และธรรมอน่ื อกี หลายประการ ผอู้ า่ นสามารถศกึ ษาไดจ้ ากเนอ้ื ความเตม็ ของพระสตู รน.้ี -ผรู้ วบรวม) 21
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปดิ : สตั ว์ 08 ตณั หา คอื เชอ้ื แหง่ การเกดิ -บาลี สฬา. ส.ํ ๑๘/๔๘๕/๘๐๐. วจั ฉะ เรายอ่ มบญั ญตั คิ วามบงั เกดิ ขนึ้ ส�ำ หรบั ผทู้ ยี่ งั มอี ปุ าทานอยู่ (สอปุ าทานสสฺ ) ไมใ่ ชส่ �ำ หรบั ผทู้ ่ไี มม่ ีอปุ าทาน. วจั ฉะ เปรยี บเหมอื น ไฟทมี่ เี ชอื้ ยอ่ มลกุ โพลงขนึ้ ได ้ (อคคฺ ิ สอุปาทาโน ชลติ) ทีไ่ มม่ เี ชือ้ ก็ลกุ โพลงขึ้นไมไ่ ด้ อปุ มานี้ ฉันใด อปุ ไมยก็ฉนั น้นั . วจั ฉะ เรายอ่ มบญั ญตั คิ วามบงั เกดิ ขน้ึ ส�ำ หรบั ผทู้ ี่ ยังมอี ุปาทานอยู่ ไมใ่ ชส่ �ำ หรับผ้ทู ไ่ี ม่มอี ปุ าทาน. พระโคดมผู้เจริญ ถ้าสมัยใด เปลวไฟ ถูกลมพัดหลุดปลิว ไปไกล สมยั นนั้ พระโคดมยอ่ มบญั ญตั ซิ ง่ึ อะไรวา่ เปน็ เชอ้ื แกเ่ ปลวไฟนน้ั ถ้าถอื ว่ามนั ยงั มีเชื้ออยู่. วัจฉะ สมยั ใด เปลวไฟ ถูกลมพัดหลุดปลวิ ไปไกล เรายอ่ มบญั ญตั เิ ปลวไฟนนั้ วา่ มลี มนน่ั แหละเปน็ เชอ้ื วจั ฉะ เพราะว่า สมัยนั้น ลมย่อมเป็นเชื้อของเปลวไฟนั้น. พระโคดมผู้เจริญ ถ้าสมัยใด สัตว์ทอดท้ิงกายน้ี และยังไม่ บังเกิดขึ้นด้วยกายอ่ืน สมัยน้ัน พระโคดมย่อมบัญญัติซึ่งอะไร ว่าเป็น เชือ้ แก่สัตวน์ ้นั ถ้าถอื วา่ มนั ยังมเี ช้อื อย.ู่ วจั ฉะ สมยั ใด สตั ว ์ (สตโฺ ต) ทอดทง้ิ กายนแี้ ละยงั ไม่ บงั เกดิ ขนึ้ ดว้ ยกายอนื่ เรากลา่ วสตั วน์ ว้ี า่ มตี ณั หานนั่ แหละ เปน็ เชอ้ื เพราะวา่ สมยั นนั้ ตณั หายอ่ มเปน็ เชอื้ ของสตั วน์ นั้ . 22
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : สตั ว์ เครอ่ื งน�ำ ไปสภู่ พ 09 -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๒๓๓/๓๖๘. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า เครื่องนำ�ไปสู่ภพ เครื่องนำ�ไปสู่ภพ ดังนี้ ก็เคร่ืองนำ�ไปสู่ภพเป็นอย่างไร และความดับ ไมเ่ หลอื ของเคร่อื งน�ำ ไปส่ภู พเป็นอย่างไร พระเจ้าขา้ . ราธะ ฉนั ทะ (ความพอใจ) ราคะ (ความก�ำ หนดั ) นนั ท ิ (ความเพลิน) ตัณหา (ความอยาก) อุปายะ (ความเข้าถึง) และอุปาทาน (ความถือม่ัน) อันเป็นเคร่ืองต้ังทับ เครอ่ื งเขา้ ไปอาศยั และเครอ่ื งนอนเนอ่ื งแหง่ จติ (เจตโส อธฏิ ฺ านา- ภนิ เิ วสานสุ ยา) ในรปู สิง่ เหล่านเ้ี ราเรยี กวา่ เคร่อื งนำ�ไปสภู่ พ ความดบั ไมเ่ หลอื ของเครอื่ งน�ำ ไปสภู่ พมไี ด้ เพราะความดบั ไมเ่ หลอื ของฉนั ทะ ราคะ นนั ทิ ตณั หา อปุ ายะ และอปุ าทาน เหล่านัน้ น่นั เอง. ราธะ ฉนั ทะราคะนนั ทิ ตณั หา อปุ ายะและอปุ าทาน อนั เปน็ เครอ่ื งตงั้ ทบั เครอ่ื งเขา้ ไปอาศยั และเครอ่ื งนอนเนอ่ื ง แห่งจิตในเวทนา … ในสัญญา … ในสังขารท้งั หลาย … ในวิญญาณ ส่ิงเหล่าน้ีเราเรียกว่า เครื่องนำ�ไปสู่ภพ ความดบั ไมเ่ หลอื ของเครอ่ื งน�ำ ไปสภู่ พมไี ด้ เพราะความดบั ไมเ่ หลอื ของฉนั ทะ ราคะ นนั ทิ ตณั หา อปุ ายะ และอปุ าทาน เหลา่ นน้ั นน่ั เอง. 23
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปิด : สัตว์ ความมขี น้ึ แหง่ ภพ (นยั ท่ี ๑) 10 -บาลี ตกิ . อ.ํ ๒๐/๒๘๗/๕๑๖. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ พระองคต์ รสั วา่ ภพ ภพ ดงั นี้ ภพ ยอ่ มมไี ด้ ดว้ ยเหตเุ พยี งเทา่ ไร พระเจา้ ขา้ . อานนท ์ ถา้ กรรมมกี ามธาต1ุ เปน็ วบิ าก จะไมไ่ ดม้ แี ลว้ กามภพจะพึงปรากฏได้หรือ. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจา้ ขา้ . อานนท ์ ดว้ ยเหตนุ แ้ี หละ กรรมจงึ เปน็ ผนื นา (กมมฺ เขตตฺ ) วญิ ญาณเปน็ พชื (วิ ฺ าณ พชี ) ตณั หาเปน็ ยางของพชื (ตณฺหา สิเนโห) วิญญาณของสัตว์ท้ังหลายท่ีมีอวิชชาเป็น เครอ่ื งกน้ั มตี ณั หาเปน็ เครอ่ื งผกู ตง้ั อยแู่ ลว้ ดว้ ยธาตชุ น้ั ทราม การบงั เกดิ ขน้ึ ในภพใหมต่ อ่ ไป ยอ่ มมไี ดด้ ว้ ยอาการอยา่ งน ี้ (อวิชฺชานีวรณาน สตฺตาน ตณฺหาสฺโชนาน หีนาย ธาตุยา วิฺาณ ปติฏฺ ิต เอว อายตึ ปุนพภฺ วาภินพิ พฺ ตตฺ ิ โหต)ิ . อานนท ์ ถา้ กรรมมรี ปู ธาต2ุ เปน็ วบิ าก จะไมไ่ ดม้ แี ลว้ รูปภพจะพึงปรากฏไดห้ รือ. ไมพ่ งึ ปรากฏเลย พระเจา้ ข้า. 1. กามธาตุ = ธาตดุ นิ ธาตนุ ำ้ � ธาตไุ ฟ และธาตลุ ม. -ผรู้ วบรวม 2. รปู ธาตุ = สง่ิ ทเ่ี ปน็ รปู ในสว่ นละเอยี ด. -ผรู้ วบรวม 24
เปิดธรรมท่ถี ูกปดิ : สตั ว์ อานนท์ ด้วยเหตุนี้แหละ กรรมจึงเป็นผืนนา วิญญาณเป็นพืช ตัณหาเป็นยางของพืช วิญญาณของ สตั วท์ ง้ั หลายทม่ี อี วชิ ชาเปน็ เครอ่ื งกน้ั มตี ณั หาเปน็ เครอ่ื งผกู ตงั้ อยแู่ ลว้ ดว้ ยธาตชุ น้ั กลาง (มชฌฺ มิ าย ธาตยุ า) การบงั เกดิ ขน้ึ ในภพใหมต่ อ่ ไป ย่อมมีไดด้ ว้ ยอาการอย่างน.้ี อานนท ์ ถา้ กรรมมอี รปู ธาต1ุ เปน็ วบิ าก จะไมไ่ ดม้ แี ลว้ อรูปภพจะพงึ ปรากฏไดห้ รือ. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า. อานนท์ ด้วยเหตุนี้แหละ กรรมจึงเป็นผืนนา วิญญาณเป็นพืช ตัณหาเป็นยางของพืช วิญญาณของ สตั วท์ ง้ั หลายทม่ี อี วชิ ชาเปน็ เครอ่ื งกน้ั มตี ณั หาเปน็ เครอ่ื งผกู ตงั้ อยแู่ ลว้ ดว้ ยธาตชุ น้ั ประณตี (ปณตี าย ธาตยุ า) การบงั เกดิ ขน้ึ ในภพใหมต่ อ่ ไป ยอ่ มมไี ดด้ ว้ ยอาการอยา่ งน.้ี อานนท์ ภพ ยอ่ มมไี ดด้ ว้ ยอาการอยา่ งนแ้ี ล. 1. อรปู ธาตุ = สง่ิ ทไ่ี มใ่ ชร่ ปู เปน็ นามธรรม เชน่ เวทนา สญั ญา สงั ขาร (ผไู้ ดส้ มาธริ ะดบั อากาสานญั จายตนะขน้ึ ไป). -ผรู้ วบรวม 25
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถูกปิด : สัตว์ ความมขี น้ึ แหง่ ภพ (นยั ท่ี ๒) 11 -บาลี ตกิ . อ.ํ ๒๐/๒๘๘/๕๑๗. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ พระองคต์ รสั วา่ ภพ ภพ ดงั นี้ ภพ ยอ่ มมไี ด้ ดว้ ยเหตเุ พยี งเทา่ ไร พระเจา้ ขา้ . อานนท ์ ถา้ กรรมมกี ามธาตเุ ปน็ วบิ าก จะไมไ่ ดม้ แี ลว้ กามภพจะพงึ ปรากฏไดห้ รือ. ไมพ่ งึ ปรากฏเลย พระเจา้ ขา้ . อานนท ์ ดว้ ยเหตนุ แี้ หละ กรรมจงึ เปน็ ผนื นา (กมมฺ เขตตฺ ) วญิ ญาณเปน็ พชื (วิ ฺ าณ พชี ) ตณั หาเปน็ ยางของพชื (ตณหฺ า สเิ นโห) ความเจตนากด็ ี ความปรารถนากด็ ี ของสตั ว์ ท้งั หลายท่มี ีอวิชชาเป็นเคร่อื งก้นั มีตัณหาเป็นเคร่อื งผูก ตง้ั อยแู่ ลว้ ดว้ ยธาตชุ น้ั ทราม การบงั เกดิ ขน้ึ ในภพใหมต่ อ่ ไป ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างน้ี (อวิชฺชานีวรณาน สตฺตาน ตณฺหา- สโฺ ชนาน หนี าย ธาตยุ า เจตนา ปตฏิ ฺ ติ า ปตถฺ นา ปตฏิ ฺ ติ า เอว อายตึ ปนุ พภฺ วาภนิ พิ พฺ ตตฺ ิ โหต)ิ . อานนท์ ถา้ กรรมมรี ปู ธาตเุ ปน็ วบิ าก จะไมไ่ ดม้ แี ล้ว รูปภพจะพงึ ปรากฏไดห้ รอื . ไมพ่ งึ ปรากฏเลย พระเจา้ ข้า. 26
เปิดธรรมท่ีถกู ปิด : สัตว์ อานนท์ ด้วยเหตุน้ีแหละ กรรมจึงเป็นผืนนา วิญญาณเป็นพืช ตัณหาเป็นยางของพืช ความเจตนาก็ดี ความปรารถนากด็ ี ของสตั วท์ ง้ั หลายทม่ี อี วชิ ชาเปน็ เครอ่ื งกน้ั มีตัณหาเป็นเคร่ืองผูก ต้ังอยู่แล้วด้วยธาตุช้ันกลาง (มชฌฺ ิมาย ธาตุยา) การบงั เกิดขน้ึ ในภพใหมต่ ่อไป ย่อมมีได้ ดว้ ยอาการอย่างน.้ี อานนท ์ ถา้ กรรมมอี รปู ธาตเุ ปน็ วบิ าก จะไมไ่ ดม้ ีแลว้ อรปู ภพจะพงึ ปรากฏได้หรอื . ไมพ่ ึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า. อานนท์ ด้วยเหตุนี้แหละ กรรมจึงเป็นผืนนา วิญญาณเป็นพืช ตัณหาเป็นยางของพืช ความเจตนาก็ดี ความปรารถนากด็ ี ของสตั วท์ ง้ั หลายทม่ี อี วชิ ชาเปน็ เครอ่ื งกน้ั มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ต้ังอยู่แล้วด้วยธาตุชั้นประณีต (ปณีตาย ธาตุยา) การบังเกิดข้ึนในภพใหม่ต่อไป ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างน.้ี อานนท ์ ภพ ยอ่ มมีไดด้ ว้ ยอาการอยา่ งนแ้ี ล. 27
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : สตั ว์ 12 ภพ ๓ (กามภพ รปู ภพ อรปู ภพ) -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๕๒/๙๒. ภิกษทุ ัง้ หลาย ภพ1 เปน็ อยา่ งไรเล่า. ภกิ ษุทงั้ หลาย ภพทัง้ หลาย ๓ อย่าง เหล่าน้ี คอื กามภพ รปู ภพ อรูปภพ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย นีเ้ รียกวา่ ภพ. ความก่อขึ้นพรอ้ มแห่งภพ ยอ่ มมี เพราะความก่อขนึ้ พร้อมแหง่ อปุ าทาน ความดับไมเ่ หลือแหง่ ภพ ย่อมมี เพราะความดบั ไม่เหลอื แห่งอปุ าทาน มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐ นนั่ เอง เปน็ ปฏปิ ทาใหถ้ งึ ความดบั ไมเ่ หลอื แหง่ ภพ ไดแ้ ก่ ส่ิงเหล่าน้ีคือ ความเห็นชอบ (สัมมาทิฏฐิ) ความดำ�ริชอบ (สัมมาสังกัปปะ) การพูดจาชอบ (สัมมาวาจา) การทำ� การงานชอบ (สมั มากมั มนั ตะ) การเลย้ี งชวี ติ ชอบ (สมั มาอาชวี ะ) ความพากเพียรชอบ (สัมมาวายามะ) ความระลึกชอบ (สัมมาสต)ิ ความตั้งใจม่นั ชอบ (สมั มาสมาธ)ิ . 1. ภพ = สถานที่อันวิญญาณใช้ตั้งอาศัยเพื่อเกิดขึ้น หรือเจริญงอกงามต่อไป. -ผู้รวบรวม 28
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปิด : สตั ว์ ก�ำ เนดิ ๔ 13 -บาลี ม.ู ม. ๑๒/๑๔๖/๑๖๙. สารบี ตุ ร ก�ำ เนดิ ๔ ประการเหลา่ นม้ี อี ย ู่ ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ (๑) อณั ฑชะก�ำ เนดิ (เกิดในไข่) (๒) ชลาพชุ ะกำ�เนิด (เกิดในครรภ์) (๓) สังเสทชะกำ�เนดิ (เกิดในของสกปรก) (๔) โอปปาติกะกำ�เนดิ (เกดิ ผุดขึ้น) สารีบุตร ก็อัณฑชะกำ�เนิด เป็นอย่างไรเล่า สัตว์ ทั้งหลายเหล่าใด ชำ�แรกเปลือกแห่งฟองเกิด นี้เราเรียกว่า อณั ฑชะกำ�เนดิ . สารีบุตร ก็ชลาพุชะกำ�เนิด เป็นอย่างไรเล่า สัตว์ ท้ังหลายเหล่าใด ชำ�แรกไส้ (มดลูก) เกิด นี้เราเรียกว่า ชลาพชุ ะกำ�เนดิ . สารีบุตร ก็สังเสทชะกำ�เนิด เป็นอย่างไรเล่า สัตว์ ทง้ั หลายเหลา่ ใด ยอ่ มเกดิ ในปลาเนา่ ในซากศพเนา่ ในขนมบดู หรอื ในน�ำ้ คร�ำ ในของสกปรก นเ้ี ราเรยี กวา่ สงั เสทชะก�ำ เนดิ . สารีบุตร ก็โอปปาติกะกำ�เนิด เป็นอย่างไรเล่า เทวดาทง้ั หลาย สตั วน์ รกทงั้ หลาย มนษุ ยบ์ างพวก และวนิ บิ าต บางพวก นีเ้ ราเรียกว่า โอปปาติกะกำ�เนดิ … . 29
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปดิ : สัตว์ คติ ๕ 14 -บาลี ม.ู ม. ๑๒/๑๔๘/๑๗๐. สารีบุตร คติ ๕ ประการเหล่านี้มีอยู่ ๕ ประการ อะไรบ้าง คอื (๑) นรก (๒) กำ�เนิดเดรจั ฉาน (๓) เปรตวิสยั (๔) มนุษย์ (๕) เทวดา สารีบุตร เราย่อมรู้ชัดซึ่งนรก ทางนำ�สัตว์ให้ถึง นรก และปฏปิ ทาอนั จะน�ำ สตั วใ์ หถ้ งึ นรก อนง่ึ สตั วผ์ ปู้ ฏบิ ตั ิ ประการใด เบ้ืองหน้าจากการตายเพราะกายแตกทำ�ลาย ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เราย่อมรู้ชัดซึ่ง ประการนัน้ ดว้ ย. สารีบุตร เราย่อมรู้ชัดซึ่งกำ�เนิดเดรัจฉาน ทางนำ� สัตว์ให้ถึงกำ�เนิดเดรัจฉาน และปฏิปทาอันจะนำ�สัตว์ให้ถึง ก�ำ เนดิ เดรจั ฉาน อนงึ่ สตั วผ์ ปู้ ฏบิ ตั ปิ ระการใด เบอ้ื งหนา้ จาก การตายเพราะกายแตกทำ�ลาย ย่อมเข้าถึงกำ�เนิดเดรัจฉาน เราย่อมรชู้ ัดซึง่ ประการน้ันด้วย. 30
เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : สัตว์ สารบี ตุ ร เรายอ่ มรชู้ ดั ซง่ึ เปรตวสิ ยั ทางน�ำ สตั วใ์ หถ้ งึ เปรตวสิ ยั และปฏปิ ทาอนั จะน�ำ สตั วใ์ หถ้ งึ เปรตวสิ ยั อนงึ่ สตั ว์ ผู้ปฏิบัติประการใด เบ้ืองหน้าจากการตายเพราะกายแตก ท�ำ ลาย ยอ่ มเขา้ ถงึ เปรตวสิ ยั เรายอ่ มรชู้ ดั ซง่ึ ประการนน้ั ดว้ ย. สารีบุตร เราย่อมรู้ชัดซึ่งเหล่ามนุษย์ ทางนำ�สัตว์ ให้ถึงมนุษย์โลก และปฏิปทาอันจะนำ�สัตว์ให้ถึงมนุษย์โลก อน่ึง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าจากการตายเพราะ กายแตกทำ�ลาย ย่อมบังเกิดในหมู่มนุษย์ เราย่อมรู้ชัด ซ่ึงประการน้ันดว้ ย. สารีบุตร เราย่อมรู้ชัดซึ่งเทวดาท้ังหลาย ทางนำ� สัตว์ให้ถึงเทวโลก และปฏิปทาอันจะนำ�สัตว์ให้ถึงเทวโลก อน่ึง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าจากการตายเพราะ กายแตกทำ�ลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เราย่อมรู้ชัด ซงึ่ ประการน้ันด้วย. สารบี ตุ ร เรายอ่ มรชู้ ดั ซงึ่ นพิ พาน ทางน�ำ สตั วใ์ หถ้ งึ นพิ พาน และปฏปิ ทาอันจะนำ�สัตว์ให้ถึงนพิ พาน อนงึ่ สัตว์ ผู้ปฏิบัติประการใด ย่อมกระทำ�ให้แจ้งซ่ึงเจโตวิมุตติ ปญั ญาวมิ ตุ ติ อนั หาอาสวะไมไ่ ด ้ เพราะอาสวะทง้ั หลายสน้ิ ไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงแล้วแลอยู่ เราย่อม รู้ชัดซึ่งประการน้ันดว้ ย. 31
พุทธวจน - หมวดธรรม สารบี ตุ ร เรายอ่ มก�ำ หนดรใู้ จบคุ คลบางคนในโลกนี้ ด้วยใจอย่างน้ีว่า บุคคลนี้ ปฏิบัติอย่างนั้น ดำ�เนินอย่างน้ัน และขึ้นสู่หนทางนั้น เบ้ืองหน้าจากการตายเพราะกายแตก ทำ�ลาย จักเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก โดยสมัยต่อมา เราได้เห็นบุคคลนั้น เบื้องหน้าจากการตายเพราะกาย แตกทำ�ลาย เข้าถึงแล้วซึ่งอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เสวย ทกุ ขเวทนาอนั แรงกลา้ เผด็ รอ้ นโดยสว่ นเดยี ว ดว้ ยทพิ ยจกั ษุ อันบริสุทธิ์ ลว่ งจักษุของมนษุ ย.์ สารีบุตร เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึก ยิ่งกว่าชั่วบุรุษ เต็มไปด้วยถ่านเพลิง ปราศจากเปลว ปราศจากควัน ล�ำ ดับน้ัน บุรษุ ผูม้ ตี ัวอนั ความร้อนแผดเผา เหน็ดเหนื่อย หิว กระหาย มุ่งมาสู่หลุมถ่านเพลิงนั้นแหละ โดยหนทางสายเดยี ว บรุ ษุ ผมู้ จี กั ษเุ หน็ เขาแลว้ พงึ กลา่ วอยา่ งน้ี ว่า บรุ ุษผเู้ จรญิ นี้ ปฏิบตั ิอยา่ งนน้ั ดำ�เนนิ อยา่ งน้ัน และขึ้นสู่ หนทางนน้ั จักมาถึงหลมุ ถ่านเพลิงน้ีทเี ดียว โดยสมยั ต่อมา บุรุษผู้มีจักษุนั้น พึงเห็นเขาตกลงในหลุมถ่านเพลิงนั้น เสวยทกุ ขเวทนาอนั แรงกล้า เผด็ รอ้ นโดยส่วนเดยี ว. สารบี ตุ ร ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้ เรายอ่ มก�ำ หนดรใู้ จบคุ คล บางคนในโลกนี้ด้วยใจอย่างน้ีว่า บุคคลน้ี ปฏิบัติอย่างน้ัน ด�ำ เนนิ อยา่ งนน้ั และขนึ้ สหู่ นทางนนั้ เบอ้ื งหนา้ จากการตาย 32
เปิดธรรมทถี่ กู ปดิ : สตั ว์ เพราะกายแตกท�ำ ลาย จกั เขา้ ถงึ อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก โดยสมยั ตอ่ มา เรายอ่ มเหน็ บคุ คลนนั้ เบอ้ื งหนา้ จากการตาย เพราะกายแตกทำ�ลาย เข้าถึงแล้วซ่ึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เสวยทกุ ขเวทนาอันแรงกลา้ เผ็ดร้อนโดยสว่ นเดยี ว ด้วยทิพยจักษุอันบรสิ ทุ ธ์ิ ล่วงจักษขุ องมนุษย.์ สารบี ตุ ร เรายอ่ มก�ำ หนดรใู้ จบคุ คลบางคนในโลกนี้ ด้วยใจอย่างนี้ว่า บุคคลน้ี ปฏิบัติอย่างนั้น ดำ�เนินอย่างนั้น และข้ึนสู่หนทางนั้น เบ้ืองหน้าจากการตายเพราะกายแตก ทำ�ลาย จักเข้าถึงกำ�เนิดเดรัจฉาน โดยสมัยต่อมา เราย่อม เห็นบคุ คลน้ัน เบือ้ งหนา้ จากการตายเพราะกายแตกทำ�ลาย เข้าถึงแล้วซึ่งกำ�เนิดเดรัจฉาน เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผด็ ร้อน ด้วยทิพยจกั ษอุ ันบรสิ ทุ ธ์ิ ลว่ งจกั ษขุ องมนษุ ย.์ สารบี ตุ ร เปรยี บเหมอื นหลมุ คถู ลกึ ยง่ิ กวา่ ชวั่ บรุ ษุ เต็มไปด้วยคถู ลำ�ดับนนั้ บุรษุ ผู้มตี วั อนั ความรอ้ นแผดเผา เหน็ดเหน่ือย หิว กระหาย มุ่งมาสู่หลุมคูถน้ันแหละ โดย หนทางสายเดียว บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาแล้ว พึงกล่าวอย่างน้ี วา่ บรุ ุษผูเ้ จริญน้ี ปฏบิ ตั อิ ยา่ งนน้ั ด�ำ เนนิ อย่างนั้น และขน้ึ สู่ หนทางนน้ั จกั มาถงึ หลมุ คถู นที้ เี ดยี ว โดยสมยั ตอ่ มา บรุ ษุ ผมู้ ี จักษุนั้น พึงเห็นเขาตกลงในหลุมคูถน้ัน เสวยทุกขเวทนา อนั แรงกล้า เผ็ดรอ้ น. 33
พุทธวจน - หมวดธรรม สารบี ตุ ร ฉนั ใดกฉ็ นั นน้ั เรายอ่ มก�ำ หนดรใู้ จบคุ คล บางคนในโลกนี้ด้วยใจอย่างน้ีว่า บุคคลน้ี ปฏิบัติอย่างนั้น ด�ำ เนนิ อยา่ งนน้ั และขน้ึ สหู่ นทางนนั้ เบอ้ื งหนา้ จากการตาย เพราะกายแตกทำ�ลาย จักเข้าถึงกำ�เนิดเดรัจฉาน โดย สมัยต่อมา เราย่อมเห็นบุคคลน้ัน เบื้องหน้าจากการตาย เพราะกายแตกท�ำ ลาย เขา้ ถงึ แลว้ ซ่ึงก�ำ เนิดเดรัจฉาน เสวย ทกุ ขเวทนาอนั แรงกลา้ เผด็ รอ้ น ดว้ ยทพิ ยจกั ษอุ นั บรสิ ทุ ธิ์ ลว่ งจกั ษุของมนุษย.์ สารบี ตุ ร เรายอ่ มก�ำ หนดรใู้ จบคุ คลบางคนในโลกน้ี ด้วยใจอย่างน้ีว่า บุคคลน้ี ปฏิบัติอย่างน้ัน ดำ�เนินอย่างน้ัน และขึ้นสู่หนทางนั้น เบ้ืองหน้าจากการตายเพราะกายแตก ทำ�ลาย จักเข้าถึงเปรตวิสัย โดยสมัยต่อมา เราย่อมเห็น บุคคลน้ัน เบ้ืองหน้าจากการตายเพราะกายแตกทำ�ลาย เข้าถึงแล้วซึ่งเปรตวิสัย เสวยทุกขเวทนาเป็นอันมาก ด้วย ทิพยจักษอุ ันบริสุทธ์ิ ล่วงจักษขุ องมนุษย์. สารีบุตร เปรียบเหมือนต้นไม้เกิดในพ้ืนท่ีอัน ไม่เสมอ มีใบอ่อนและใบแก่อันเบาบาง มีเงาอันโปร่ง ล�ำ ดบั นน้ั บรุ ษุ ผมู้ ตี วั อนั ความรอ้ นแผดเผา เหนด็ เหนอ่ื ย หวิ กระหาย มงุ่ มาสตู่ น้ ไมน้ นั้ แหละ โดยหนทางสายเดยี ว บรุ ษุ ผมู้ ี 34
เปดิ ธรรมที่ถูกปิด : สตั ว์ จักษุเห็นเขาแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญน้ี ปฏิบัติ อยา่ งนนั้ ด�ำ เนนิ อยา่ งนน้ั และขน้ึ สหู่ นทางนนั้ จกั มาถงึ ตน้ ไมน้ ้ี ทีเดียว โดยสมัยต่อมา บุรุษผู้มีจักษุนั้น พึงเห็นเขานั่งหรือ นอนในเงาต้นไมน้ ั้น เสวยทุกขเวทนาเป็นอันมาก. สารบี ตุ ร ฉนั ใดกฉ็ นั นน้ั เรายอ่ มก�ำ หนดรใู้ จบคุ คล บางคนในโลกน้ีด้วยใจอย่างนี้ว่า บุคคลน้ี ปฏิบัติอย่างนั้น ด�ำ เนนิ อยา่ งนนั้ และขนึ้ สหู่ นทางนน้ั เบอ้ื งหนา้ จากการตาย เพราะกายแตกท�ำ ลาย จกั เขา้ ถงึ เปรตวสิ ยั โดยสมยั ตอ่ มา เรายอ่ มเหน็ บคุ คลนน้ั เบอ้ื งหนา้ จากการตายเพราะกายแตก ท�ำ ลาย เขา้ ถงึ แลว้ ซงึ่ เปรตวสิ ยั เสวยทกุ ขเวทนาเปน็ อนั มาก ด้วยทพิ ยจกั ษอุ ันบรสิ ุทธ์ิ ล่วงจกั ษขุ องมนุษย.์ สารบี ตุ ร เรายอ่ มก�ำ หนดรใู้ จบคุ คลบางคนในโลกนี้ ด้วยใจอย่างน้ีว่า บุคคลน้ี ปฏิบัติอย่างน้ัน ดำ�เนินอย่างน้ัน และขึ้นสู่หนทางน้ัน เบ้ืองหน้าจากการตายเพราะกายแตก ทำ�ลาย จกั บงั เกิดในหมมู่ นษุ ย์ โดยสมยั ต่อมา เราย่อมเห็น บุคคลนั้น เบ้ืองหน้าจากการตายเพราะกายแตกทำ�ลาย บังเกิดแล้วในหมู่มนุษย์ เสวยสุขเวทนาเป็นอันมาก ด้วย ทิพยจกั ษุอันบริสทุ ธิ์ ล่วงจักษขุ องมนุษย์. 35
พทุ ธวจน - หมวดธรรม สารบี ตุ ร เปรยี บเหมอื นตน้ ไมเ้ กดิ ในพนื้ ทอ่ี นั เสมอ มีใบอ่อนและใบแก่อันหนา มีเงาหนาทึบ ลำ�ดับนั้น บุรุษ ผมู้ ตี วั อนั ความรอ้ นแผดเผา เหนด็ เหนอ่ื ย หวิ กระหาย มงุ่ มาสู่ ตน้ ไมน้ นั้ แหละ โดยหนทางสายเดยี ว บรุ ษุ ผมู้ จี กั ษเุ หน็ เขาแลว้ พึงกล่าวอย่างน้ีว่า บุรุษผู้เจริญน้ี ปฏิบัติอย่างนั้น ดำ�เนิน อยา่ งนน้ั และขน้ึ สหู่ นทางนน้ั จกั มาถงึ ตน้ ไมน้ ท้ี เี ดยี ว โดยสมยั ตอ่ มา บรุ ษุ ผมู้ จี กั ษนุ น้ั พงึ เหน็ เขานง่ั หรอื นอนในเงาตน้ ไมน้ น้ั เสวยสขุ เวทนาเปน็ อนั มาก. สารบี ตุ ร ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้ เรายอ่ มก�ำ หนดรใู้ จบคุ คล บางคนในโลกนี้ด้วยใจอย่างนี้ว่า บุคคลนี้ ปฏิบัติอย่างน้ัน ด�ำ เนนิ อยา่ งนนั้ และขนึ้ สหู่ นทางนน้ั เบอ้ื งหนา้ จากการตาย เพราะกายแตกท�ำ ลาย จกั บงั เกดิ ในหมมู่ นษุ ย์ โดยสมยั ตอ่ มา เรายอ่ มเหน็ บคุ คลนนั้ เบอ้ื งหนา้ จากการตายเพราะกายแตก ท�ำ ลาย บังเกิดแลว้ ในหม่มู นุษย์ เสวยสุขเวทนาเป็นอนั มาก ด้วยทพิ ยจกั ษอุ ันบริสทุ ธิ์ ล่วงจักษขุ องมนุษย์. สารบี ตุ ร เรายอ่ มก�ำ หนดรใู้ จบคุ คลบางคนในโลกน้ี ด้วยใจอย่างนี้ว่า บุคคลนี้ ปฏิบัติอย่างน้ัน ดำ�เนินอย่างน้ัน และข้ึนสู่หนทางน้ัน เบ้ืองหน้าจากการตายเพราะกายแตก ทำ�ลาย จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ โดยสมัยต่อมา เราย่อม 36
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288