Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการป้องกันการทุจริตด้านอาชีวศึกษา

แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการป้องกันการทุจริตด้านอาชีวศึกษา

Published by supervisor.vec, 2019-01-06 21:36:38

Description: แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการป้องกันการทุจริตด้านอาชีวศึกษา

Keywords: ศึกษานิเทศก์คู่ม,แนวทาง,ทุจริต

Search

Read the Text Version

สงิ หาคม จำนวน ๑,๕๐๐ เลม ๙๗๘-๖๑๖-๓๙๕-๙๕๕-๓ลขิ สทิ ธ์จิ ัดทำโดย บริษัท เอส. บี. เค. การพมิ พ จำกัด ๙๒/๖ หมูท่ี ๓ ตำบลบางพลีใหญ อำเภอบางพลี จงั หวดั สมทุ รปราการ ๑๐๕๔๐ โทรศัพท ๐๒-๑๗๘-๘๗๙๔-๕ โทรสาร ๐๒-๑๗๘-๘๗๙๖





แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 1 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้ องกนั การทจุ รติ ดา้ นอาชวี ศกึ ษา• ความเปน็ มา การทุจริตถือเป็นปัญหาสากลที่ทุกประเทศให้ความสาคัญ ประเทศไทยจึงได้ให้สัตยาบันเข้าเป็นรัฐภาคีเป็นลาดับที่ ๑๔๙ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2554 ในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) ท่ีว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในการตดิ ตามทรัพย์สนิ ท่ีได้จากการทุจริตกลบั คืน รวมทั้งการให้ความรว่ มมือซง่ึ กันและกันทางกฎหมายเพอื่ ดาเนินคดีกบั ผกู้ ระทาความผิดอยา่ งสมบูรณ์ การทุจริตในสังคมไทยระหว่างช่วงเวลากว่าทศวรรษสง่ ผลเสยี ต่อประเทศอย่างมหาศาลและเป็นอุปสรรคสาคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในทุกมิติ รูปแบบการทุจริตในปัจจุบันได้ปรับเปล่ียนจากเดิมท่ีเป็นการทุจริตทางตรง ไม่ซับซ้อน เช่น การรับสินบน การจัดซื้อจัดจ้าง เป็นการทุจริตที่ซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเชน่ การทุจริตเชิงนโยบาย การทุจริตข้ามแดนข้ามชาติ ซ่ึงเชื่อมโยงไปสู่อาชญากรรมอ่นื ๆ มากมาย และสง่ ผลกระทบทางลบในวงกวา้ ง ซึ่งประเทศไทยได้พยายามแก้ปญั หาการทุจริตในระดับประเทศมาอย่างต่อเน่ือง รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือให้เข้มแข็งย่ิงข้ึน ด้วยการดาเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 1 (พ.ศ. ๒๕๕๑ -๒๕๕๕) และยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖ -๒๕๖๐) ซึง่ พบวา่ สามารถปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ได้ระดบั หนงึ่ และจาเป็นตอ้ งดาเนนิ การอย่างตอ่ เนอ่ื งด้วยยทุ ธศาสตร์และกลยทุ ธ์ที่เปน็ รปู ธรรม ท่สี ามารถปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตทที่ วคี วามซับซอ้ นไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ไดก้ าหนดยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ สร้างสังคมที่ไม่ทนตอ่ การทจุ ริต อันมีกลยุทธว์ า่ ด้วยเร่ืองของการปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยต้ังแต่ปฐมวัย ให้สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสริมให้มีระบบและกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพ่ือต่อต้านทุจริต ประยุกต์หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครอ่ื งมือต้านทจุ ริต เสริมพลงั การมสี ่วนร่วมของชุมชน และบรู ณาการทุกภาคส่วนเพอ่ื ต่อต้านการทุจรติ โดยได้กาหนดแนวทางในการพัฒนาหลักสตู รในทุกระดับ และใหม้ กี ารขยายผลไปในทกุ ภาคสว่ น คณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการปอ้ งกันการทจุ รติ สานกั งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ (ป.ป.ช.) จงึ ได้ร่วมประชุมพิจารณาจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริต ๕ หลักสูตร ประกอบด้วย

2 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษาหลักสูตรระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน หลักสูตรระดับอุดมศึกษา หลักสูตรตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและตารวจ หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช. บคุ ลากรภาครัฐและรฐั วิสาหกิจ และหลักสูตรโค้ช สาหรบั สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ซึง่ มีหนา้ ที่หลกั ในการจดั การอาชวี ศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริต ท้ังในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และในระดับอุดมศึกษา คือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูงและระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ จึงนาหลักสูตรดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในรูปกิจกรรม ซ่ึงสถานศึกษาอาชีวศึกษาและสถาบันสามารถเลือกนาไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้รายวิชาต่าง ๆ หรือจัดในรูปของกิจกรรมเสริมหลักสูตร ตามบริบทและความพร้อมของสถานศึกษาและสถาบัน เพ่ือพัฒนานักเรียน นักศึกษาให้มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม มีความละอายและไม่ทนต่อการทจุ ริตประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือต้านทุจริต เพ่ือความเป็นพลเมืองดีของสังคมชมุ ชนและประเทศชาตติ ่อไป• นโยบายและมาตรการในการป้องกันและแกไ้ ขปญั หาการทจุ ริต ประเทศไทยได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความร่วมมือท้ังหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของเอกชนและภาคประชาชน ในการร่วมมือป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมถึงการออกกฎหมายลงโทษผู้ท่ีกระทาความผิด มีการจัดต้ังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อทาหน้าที่ในการดาเนินคดีกับบุคคลที่ทาการทุจริต นอกจากนี้ยังได้มีการกาหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ โดยมเี ปา้ หมายใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงในสงั คม สูส่ งั คมทมี่ ีวนิ ัยคุณธรรม จริยธรรม และร่วมกันต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๕) ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) และยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) ➢ ยุทธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๕) ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ปลกู จติ สานึก คา่ นยิ ม คุณธรรม จริยธรรมและสรา้ งวินยั แกท่ กุ ภาคส่วน วตั ถุประสงค์ สังคมไทยมีวินัย คุณธรรมและจริยธรรมจากการส่งเสริม สนับสนุน ปลูกฝังให้ประชาชนและสังคมทุกภาคส่วนมีจิตสานึกรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อก่อให้เกิดคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมท่ีถูกต้องต่อมุมมอง ทัศนคติ และต่อปัญหาการทุจริตประพฤตมิ ิชอบ รวมท้ังการรณรงค์ให้มีวินัย เคารพกฎระเบยี บกติกาและกฎหมายของสังคม เป็นกลไกและแรงผลักดนั สาคญั ที่จะนามาซงึ่ การแก้ไขปัญหาในส่วนอน่ื ๆไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และสามารถที่จะกาจดั รากเหง้าของปัญหาได้อยา่ งแทจ้ ริง

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 3ของชาติ มาตรการ/แนวทางการดาเนินงาน 1. ส่งเสริมการดาเนนิ ชีวติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. ส่งเสริมการเรียนรู้และปฏิบตั ิตามหลกั คุณธรรม จริยธรรมและวินยั แกท่ ุกภาคส่วน 3. กาหนดใหก้ ารศกึ ษาเป็นเครอื่ งมอื ในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต 4. ผลักดันให้ค่านยิ มเชดิ ชูความดี ความซ่ือสัตยส์ ุจรติ และรังเกียจการทุจริตเป็นคา่ นยิ มรว่ ม ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ รวมพลงั แผ่นดินปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ วตั ถุประสงค์ เพื่อให้เครือข่ายจากทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและตรวจสอบการทุจริต การประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสารด้านการทุจริตอย่างทัว่ ถงึ และการสร้างความเข้มแขง็ แก่เครอื ข่ายอยา่ งยั่งยืน มาตรการ/แนวทางการดาเนินงาน 1. ประชาสัมพนั ธ์ต่อต้านการทุจรติ 2. เสริมสรา้ งกระบวนการมสี ่วนรว่ มของทกุ ภาคสว่ น 3. เสรมิ สรา้ งความเขม้ แข็งของเครอื ขา่ ย ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๓ เสริมสรา้ งความแข็งแกร่งแก่หน่วยงานต่อต้านการทุจริต วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อให้ระบบและกลไกในการตรวจสอบ ควบคุม กระจายและถ่วงดุลอานาจมีประสิทธิภาพโดยสร้างความเป็นอิสระแก่หน่วยงานต่อต้านการทุจริต สร้างระบบการตรวจสอบที่เข้มแข็ง ส่งเสริมการกระจายอานาจสทู่ อ้ งถิ่น รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งในการตอ่ ตา้ นการรับสนิ บนของภาคธุรกจิ เอกชนตลอดจนเสริมสร้างประสิทธิภาพของกฎหมายต่อต้านการทุจริต มีการบูรณาการจากทุกภาคส่วนเพ่ือจดั ทาดัชนีชี้วัดความโปรง่ ใสของสงั คมไทยและส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ มาตรการ/แนวทางการดาเนนิ งาน 1. ส่งเสริมการสร้างความเป็นอิสระในการดาเนินงานอย่างแท้จริงแก่สานักงาน ป.ป.ช. และองคก์ รอิสระอืน่ ๆ ทท่ี าหน้าทเ่ี กีย่ วข้องกับการต่อต้านการทุจริต 2. สร้างกลไกการต่อต้านการทุจริต โดยการกระจายอานาจการต่อต้านการทุจริตไปสู่สว่ นท้องถ่นิ 3. เสริมสรา้ งการตรวจสอบถว่ งดลุ อานาจ 4. เสรมิ สรา้ งประสิทธภิ าพของกฎหมายต่อตา้ นการทจุ รติ 5. เสริมสร้างความเข้มแข็งในการตรวจสอบทรัพย์สินนกั การเมือง ข้าราชการและการทจุ ริตเชิงนโยบาย

4 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 6. เสรมิ สร้างความเข้มแขง็ ในการต่อตา้ นการรับสนิ บนและสง่ เสริมความซือ่ สัตย์ในภาคธุรกิจเอกชน 7. สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื กบั องค์กรต่างประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ สร้างบคุ ลากรมอื อาชีพป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือให้สังคมรู้เท่าทัน ร่วมคิดป้องกันการทุจริต โดยมีการพัฒนาศักยภาพและคุณธรรมจริยธรรมของบุคลากรด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เสริมสร้างองค์ความรู้ในการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ ประพฤติมิชอบ โดยพัฒนาความรว่ มมือกับทุกภาคส่วน รวมทงั้ องค์กรระหว่างประเทศ ตลอดจนถ่ายทอดองค์ความรเู้ กี่ยวกับการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตอยา่ งทวั่ ถงึ มาตรการ/แนวทางการดาเนนิ งาน 1. สง่ เสริมการประพฤตติ นตามมาตรฐานจรรยาบรรณต่อต้านการทจุ รติ อย่างเคร่งครดั 2. สง่ เสริมการสร้างมาตรฐานเสน้ ทางวิชาชพี ของบคุ ลากรและมาตรฐานค่าตอบแทนพเิ ศษ 3. ส่งเสริมความร่วมมือดา้ นวิชาการกบั องคก์ รตา่ งประเทศ 4. ส่งเสริมการสร้างองค์กรการจดั การความรู้ 5. สง่ เสรมิ การสร้างศูนย์ข้อมูลสารสนเทศเกยี่ วกบั การทจุ ริต 6. สรา้ งมาตรฐานหลักสูตรฝกึ อบรมของหน่วยงานต่อต้านการทุจริต ➢ ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต ระยะท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ปลูกและปลุกจิตสานึกการต่อต้านการทุจริต เน้นการปรับเปลี่ยนฐานความคดิ ของคนในทกุ ภาคสว่ นในการรกั ษาประโยชน์สาธารณะ วตั ถปุ ระสงค์ ๑. ปรับฐานความคดิ ของคนไทย โดยเฉพาะนกั การเมืองและเจ้าหนา้ ทร่ี ัฐให้เห็นแกป่ ระโยชน์สาธารณะมากกว่าประโยชน์ส่วนตน โดยส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักคุณธรรม จริยธรรมและวินัยแก่ทุกภาคสว่ น ทุกเพศทุกวัย และทุกกล่มุ อาชพี ๒. ใชก้ ารศึกษาและศาสนาเป็นเครือ่ งมอื ในการปลกู ฝงั จติ สานึกและคา่ นยิ มท่ีดีในการต่อตา้ นการทุจริต ให้แก่เด็ก เยาวชน เจ้าหน้าท่ีของรัฐและผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง เพ่ือนาไปสู่การปฏิรูปการเมืองและสังคมให้เอ้อื ตอ่ การปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต มาตรการ/แนวทางการดาเนนิ งาน 1. สง่ เสรมิ การดาเนนิ ชวี ติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพียง 2. ส่งเสริมการใชแ้ ละกาหนดบทลงโทษในประมวลจริยธรรมแก่ทุกภาคส่วน และกากบั ดแู ลการประพฤติใหเ้ ปน็ ตามหลกั ประมวลจรยิ ธรรม

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 5 3. การใช้การศึกษาและศาสนาเปน็ เคร่ืองมอื ในการปลูก ปลุกและปรบั เปล่ยี นฐานความคิด 4. ดูแลคุณภาพชีวติ และรายได้ของเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั และขา้ ราชการ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๒ บูรณาการการทางานของหน่วยงานในการต่อต้านการทุจริตและพัฒนาเครอื ข่ายในประเทศ วตั ถปุ ระสงค์ ๑. การประสานการทางานและการบริหารการดาเนินงานตามยุทธศาสตร์ระหว่างองค์กรหลกั ที่มีความร่วมมือกับเครือขา่ ยทุกภาคสว่ น ๒. เสริมสร้างกระบวนการทางานในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้เป็นสากล โดยร่วมมือกับภาคตี ่าง ๆ ทัง้ ภายในและระหวา่ งประเทศ เพอื่ ใหม้ หี น้าทท่ี างานรว่ มกนั ในการควบคมุ ถ่วงดุลอานาจตรวจสอบการทางาน ติดตามและประเมินผลการดาเนินงานอยา่ งโปรง่ ใส ๓. เสริมสร้างความเข้มแข็งในการต่อต้านการรับสินบนของภาคธุรกิจเอกชน เพ่ือขจัดการผูกขาดและการแทรกแซงจากธุรกิจการเมอื ง ๔. เสริมสร้างให้เครือข่ายภาคประชาสังคมและประชาชนมีความเข้มแข็ง โดยการสนับสนุนด้านทรัพยากรและการสร้างขวัญกาลังใจเพื่อเพิ่มจานวนและคุณภาพของเครือข่ายสาหรับเป็นแนวร่วมในการแจ้งเบาะแสและตรวจสอบการดาเนินงานของภาครัฐ ๕. จดั ให้มศี นู ย์กลางในการเกบ็ รวบรวม สงั เคราะห์และเผยแพร่ขอ้ มูลแบบบรู ณาการ ๖. เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้เกิดผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติ ท้ังกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับอานาจหน้าที่ของบุคลากรและบทบาทขององค์กร และปรับปรุงกฎหมายท่ีเอื้อต่อการทุจริตเพ่ือปิดช่องโหว่รวมท้ังมกี ารกาหนดมาตรการลงโทษผ้กู ระทาผิดอย่างรวดเร็วและเปน็ ธรรม มาตรการ/แนวทางการดาเนินงาน 1. ประสานการทางานและการบรหิ าร และบรู ณาการระหวา่ งองคก์ รตามรฐั ธรรมนูญ 2. สร้างความเข้มแข็งการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่าย หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน ภาคประชาสงั คมและประชาชนในการตอ่ ต้านการทจุ ริต 3. พัฒนาระบบฐานขอ้ มูลกลาง 4. ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบและการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการพัฒนาระเบียบหลักเกณฑ์ ขอ้ บงั คับในแต่ละหนว่ ยงานหลกั ในการต่อต้านการทุจริตใหส้ อดคล้องกนั ยุทธศาสตรท์ ่ี ๓ พัฒนาความร่วมมือกังองค์กรต่อต้านการทุจริตและเครือข่ายระหว่างประเทศ วตั ถุประสงค์ ๑. เพ่อื เสรมิ สร้างกระบวนการทางานในการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ ให้เป็นสากล ๒. เพ่อื ปรับปรุงกฎหมายใหส้ อดคล้องกบั อนุสัญญาตา่ ง ๆ

6 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา มาตรการ/แนวทางการดาเนินงาน 1. ประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน/องค์กรต่อต้านการทจุ ริต และองค์กรเอกชนในระดบันานาชาติ 2. ปรบั ปรุงและพฒั นากฎหมายใหส้ อดคลอ้ งกับอนสุ ญั ญาระหว่างประเทศ 3. สรา้ งความรว่ มมอื โดยการเขา้ รว่ มปฏิญญาและการทาบนั ทึกความเขา้ ใจระหวา่ งประเทศ ยทุ ธศาสตร์ที่ ๔ พัฒนาระบบบริหารและเครื่องมือในการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต วตั ถปุ ระสงค์ ๑. การพัฒนาระบบบริหารและเครื่องมือในการป้องกันและต่อต้านการทุจริต พัฒนาระบบคุ้มครองพยานใหเ้ ข้มแขง็ ๒. สรา้ งกลไกการตรวจสอบการใช้อานาจ ๓. สง่ เสริมการศกึ ษาวิจัยเพ่อื ให้มกี ารนาองคค์ วามรู้ท่ีได้ไปใช้ประโยชน์ในการสร้างนวัตกรรมสาหรบั การป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ มาตรการ/แนวทางการดาเนินงาน 1. บรรจุยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นนโยบายเร่งด่วนของรฐั บาล 2. จัดตัง้ กองทนุ สนบั สนุนการปอ้ งกันการทุจรติ 3. ส่งเสริมและสนับสนุนการศกึ ษาวิจัยเพื่อพฒั นามาตรการและเคร่ืองมือในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต 4. สร้างเสริมระบบแจ้งเบาะแสและการคุ้มครองพยาน การเสริมสร้างศักยภาพและการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาทุจริตให้กับภาคีเครือข่าย ภาคประชาสังคมและประชาชนเพื่อให้เกิดความเช่ือมั่น 5. สร้างเสริมระบบรบั เร่ืองรอ้ งเรียนให้กับองคก์ รตามรัฐธรรมนญู ท่ตี ่อตา้ นการทุจรติ ยุทธศาสตร์ท่ี ๕ เสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการต่อต้านการทุจริตให้กับบุคลากรทุกภาคสว่ น วตั ถุประสงค์ ๑. จัดให้มีการเก็บรวบรวม สังเคราะห์และเผยแพร่ข้อมูลด้วยการจัดต้ังศูนย์กลางของแต่ละหนว่ ยงาน ๒. สรา้ งเสรมิ การจัดการองค์ความร้แู ละการถา่ ยทอดใหก้ บั บุคลากรในองคก์ ร ๓. เสริมสร้างบุคลากรให้มีสมรรถนะ (ความรู้ ทักษะและทัศนคติ) ในการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตด้านอาชีวศกึ ษา 7 มาตรการ/แนวทางการดาเนินงาน ๑. สรา้ งองค์ความร้ใู นการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ โดยการศกึ ษาวจิ ัยและการพฒั นา ๒. พัฒนาระบบการจดั การองคค์ วามรู้ ๓. สร้างบุคลากรเช่ียวชาญเฉพาะสาขาสาหรับตรวจสอบและปราบปรามการทจุ ริตรายสาขา ๔. จดั ต้ังศนู ยก์ ารเรียนรู้การป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ ➢ ยทุ ธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) ยุทธศาสตรท์ ่ี ๑ สร้างสงั คมที่ไม่ทนต่อการทจุ ริต วตั ถุประสงค์ ๑. ปรับฐานความคิดทุกชว่ งวยั ให้มีคา่ นยิ มร่วมต้านทุจริต มีจิตสานกึ สาธารณะ และสามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และสร้างกระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมในการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตอย่างเปน็ ระบบ ๒. บูรณาการและเสรมิ พลังการมีส่วนรว่ มของทกุ ภาคส่วนในการผลักดนั ให้เกิดสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต กลยทุ ธ์ ๑. ปรับฐานความคิดทุกช่วงวยั ตัง้ แตป่ ฐมวยั ให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตวั และผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๒. ส่งเสริมให้มีระบบและกระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมเพื่อต้านทจุ รติ ๓. ประยกุ ต์หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงเปน็ เคร่ืองมือต้านทุจริต ๔. เสรมิ พลงั การมสี ่วนร่วมของชุมชน และบรู ณาการทุกภาคส่วนเพ่ือตอ่ ต้านการทจุ รติ ยุทธศาสตร์ท่ี ๒ ยกระดบั เจตจานงทางการเมอื งในการต่อตา้ นการทุจริต วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพือ่ ให้เจตจานงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจรติ ของประชาชนได้รบั การปฏิบัติให้เกิดผลอยา่ งเป็นรปู ธรรม ๒. เพื่อรักษาเจตจานงทางการเมืองในการแกไ้ ขปัญหาการทุจริตให้เปน็ สว่ นหนงึ่ ของนโยบายรฐั บาลในแต่ละชว่ ง กลยทุ ธ์ ๑. พัฒนากลไกการกาหนดให้นักการเมืองแสดงเจตจานงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตตอ่ สาธารณชน ๒. เรง่ รดั การกากบั ตดิ ตามมาตรฐานทางจรยิ ธรรมของนกั การเมืองและเจา้ หนา้ ทีร่ ฐั ในทุกระดบั

8 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา ๓. สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนกาหนดกลยุทธ์และมาตรการสาหรับเจตจานงในการต่อต้านการทจุ ริต ๔. พัฒนาระบบการบริหารงบประมาณด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเพ่ือให้ไดร้ ับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจาปที ม่ี สี ดั ส่วนเหมาะสมกับการแก้ปัญหา ๕. ส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนต่อต้านการทุจริตสาหรับภาคเอกชนและภาคประชาชน โดยรัฐให้การสนับสนนุ ทุนตงั้ ต้น ๖. ประยุกต์นวัตกรรมในการกากับดูแลและควบคุมการดาเนินงานตามเจตจานงทางการเมอื งของพรรคการเมืองทไ่ี ด้แสดงไว้ตอ่ สาธารณะ ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ สกัดกน้ั การทจุ ริตเชิงนโยบาย วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อให้กระบวนการนโยบายเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล สามารถกระจายผลประโยชน์สู่ประชาชนอยา่ งเป็นธรรม และไมม่ ลี กั ษณะของการขดั กันแห่งผลประโยชน์ ๒. เพ่ือแก้ไขปัญหาการทจุ ริตเชิงนโยบายทกุ ระดับ กลยุทธ์ ๑. วางมาตรการเสรมิ ในการสกดั ก้ันการทจุ ริตเชิงนโยบายบนฐานธรรมาภบิ าล ๒. การรายงานผลสะท้อนการสกดั กน้ั การทุจริตเชงิ นโยบาย ๓. การพัฒนานวัตกรรมสาหรับการรายงานและตรวจสอบธรรมาภิบาลในการนานโยบายไปปฏิบัติ ๔. ส่งเสริมให้มีการศึกษา วิเคราะห์ ติดตามและตรวจสอบ การทุจริตเชิงนโยบายในองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ยุทธศาสตร์ที่ ๔ พัฒนาระบบปอ้ งกันการทุจริตเชงิ รกุ วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อพัฒนากลไกการปอ้ งกันการทจุ ริตใหเ้ ทา่ ทันต่อสถานการณ์การทจุ ริต ๒. เพ่ือพัฒนากระบวนการทางานด้านการป้องกันการทุจริต ให้สามารถป้องกันการทุจริตใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ๓. เพ่ือให้เกิดความเข้มแข็งในการบูรณาการการทางานระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกนั การทุจรติ ๔. เพ่อื ป้องกนั ไมใ่ หม้ กี ารทุจรติ เกดิ ข้นึ ในอนาคต กลยทุ ธ์ ๑. เพม่ิ ประสิทธภิ าพระบบงานป้องกันการทุจรติ ๒. สรา้ งกลไกการป้องกนั เพื่อยับยัง้ การทจุ รติ ๓. พฒั นานวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อลดปญั หาการทจุ รติ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตด้านอาชีวศกึ ษา 9 ๔. พฒั นารูปแบบการส่ือสารสาธารณะเชงิ สร้างสรรคเ์ พ่ือปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรม ๕. การพัฒนา วิเคราะห์และบูรณาการระบบการประเมินด้านคุณธรรมและความโปร่งใสในการดาเนินงานของหน่วยงาน เพื่อเช่ือมโยงกับแนวทางการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย ๖. สนับสนนุ ใหภ้ าคเอกชนดาเนินการตามบรรษัทภิบาล ๗. พัฒนาสมรรถนะและองคค์ วามร้เู ชิงสรา้ งสรรค์ของบคุ ลากรด้านการป้องกันการทุจรติ ๘. การพัฒนาระบบและส่งเสริมการดาเนินการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ค.ศ. 2003 ยุทธศาสตรท์ ่ี 5 ปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปรามการทจุ ริต วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อปรับปรงุ และพฒั นากลไกและกระบวนการการปราบปรามการทุจริตใหม้ คี วามรวดเรว็มีประสิทธภิ าพ และเทา่ ทนั ตอ่ พลวัตของการทุจรติ ๒. เพ่ือตรากฎหมายและปรับปรุงกฎหมายให้กระบวนการปราบปรามการทุจริตมปี ระสิทธภิ าพ ๓. เพอ่ื บูรณาการกระบวนการปราบปรามการทจุ ริตของหนว่ ยงานท่ีเกยี่ วขอ้ งท้งั ระบบ ๔. เพื่อให้ผู้กระทาความผิดถูกดาเนินคดีและลงโทษอย่างเป็นรูปธรรมและเท่าทันต่ อสถานการณ์ กลยุทธ์ ๑. ปรับปรุงระบบรับเรอื่ งร้องเรยี นการทจุ ริตใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ ๒. ปรับปรุงการตรวจสอบความเคล่ือนไหวและความถกู ต้องของทรัพย์สินและหนี้สิน ๓. ปรับปรุงกระบวนการและพัฒนากลไกพเิ ศษในการปราบปรามการทุจริตท่มี ีความรวดเร็วและมีประสทิ ธิภาพ ๔. ตรากฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามการทุจริตให้เท่าทันต่อพลวัตของการทจุ รติ และสอดคลอ้ งกบั สนธสิ ัญญาและมาตรฐานสากล ๕. บรู ณาการข้อมูลและขา่ วกรองในการปราบปรามการทจุ ริต ๖. การเพ่ิมประสิทธิภาพในการคุ้มครองพยานและผู้แจ้งเบาะแสและเจ้าหน้าที่ ในกระบวนการปราบปรามการทุจริต ๗. พัฒนาสมรรถนะและองค์ความรู้เชิงสหวิทยาการของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการปราบปรามการทุจริต ๘. การเปิดโปงผู้กระทาความผดิ ให้สาธารณชนรับทราบและตระหนกั ถึงโทษของการกระทาการทุจริตเมื่อคดีถงึ ทส่ี ุด ๙. การเพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการดาเนินคดีทจุ รติ ระหวา่ งประเทศ

10 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา ยทุ ธศาสตร์ท่ี 6 ยกระดบั คะแนนดัชนีการรบั รกู้ ารทุจริตของประเทศไทย วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ยกระดับคะแนนดัชนีการรบั รูก้ ารทุจริตของประเทศไทยให้มรี ะดบั รอ้ ยละ 50 ขนึ้ ไป กลยุทธ์ ๑. ศึกษา และกากบั ติดตามการยกระดับดัชนีการรบั รู้การทจุ รติ ของประเทศไทย ๒. บูรณาการเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเพ่ือยกระดบั ดชั นีการรบั ร้กู ารทจุ ริตของประเทศไทย• การส่งเสรมิ คณุ ธรรม จริยธรรม เพื่อปอ้ งกันการทุจรติ ➢ คุณธรรมพื้นฐาน ๘ ประการของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศนโยบายท่ีจะเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษาโดยยึดคุณธรรมนาความรู้ สร้างความตระหนักและปลูกจิตสานึกในคุณค่าของปรัชญาพอเพียง ความสมานฉันท์ สันติวิธีวิถีประชาธิปไตย พัฒนาคนโดยใช้คุณธรรมเป็นพ้ืนฐานของกระบวนการเรียนรู้ที่เช่ือมโยงความร่วมมือของสถาบันครอบครัว ชุมชน สถาบันศาสนาและสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดีมีความรู้และอยู่ดีมีสุข โดยกาหนดคุณธรรมพ้ืนฐาน ๘ ประการ เพื่อแนวทางในการพัฒนาผู้เรียนให้เกดิจติ สานกึ ที่ดใี นการประพฤติปฏิบัตติ น ประกอบดว้ ยคุณธรรมพน้ื ฐาน ๘ ประการ พฤตกิ รรมบง่ ชี้ (การแสดงออกดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรยี น)1. ขยันหมายถึง ความตั้งใจเพียรพยายามทาหน้าที่ ๑.๑ ตง้ั ใจทาอยา่ งจรงิ จงั ต่อเนอ่ื งในเร่ืองท่ถี กู ทคี่ วรการงานอย่างต่อเน่ือง สม่าเสมอ อดทน ไม่ ๑.๒ สงู้ าน มคี วามพยายาม ไม่ทอ้ ถอย กลา้ เผชิญท้อถอยเมื่อพบอุปสรรค ความขยันต้องควบคู่ อุปสรรคกับการใช้ปัญญา แก้ปัญหาจนเกิดผลสาเร็จตามความมุ่งหมาย2. ประหยัด หมายถึง การรู้จักเก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สิน ๒.๑ ดาเนนิ ชีวติ เรยี บง่าย รู้จักฐานะการเงินของตน สิ่งของให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย คดิ ก่อนใช้ คิดกอ่ นซ้ือ ฟุง้ เฟ้อ ๒.๒ เก็บออม ถนอมใชท้ รัพยส์ ินสิง่ ของอย่างคมุ้ ค่า ๒.๓ ทาบัญชีรายรับ-รายจา่ ยของตนเองอยู่เสมอ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา 11คณุ ธรรมพน้ื ฐาน ๘ ประการ พฤตกิ รรมบ่งช้ี (การแสดงออกด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรยี น)3. ซือ่ สตั ย์หมายถึง การประพฤติตรง ไม่เอนเอียง ไม่มี ๓.๑ ประพฤตติ รง ท้ังต่อหนา้ ท่ี ตอ่ วชิ าชีพเล่ห์เหล่ียม มีความจริงใจ ปลอดจากความรู้สึก ๓.๒ ตรงต่อเวลาลาเอยี งหรอื อคติ ๓.๓ ไม่ใชเ้ ล่หก์ ล คดโกง ทงั้ ทางตรงและทางออ้ ม ๓.๔ รับรู้หน้าทขี่ องตนเองและปฏิบตั อิ ยา่ งเต็มท่ี ถูกต้อง4. มวี นิ ยัหมายถึง การยึดมั่นในระเบียบแบบแผน ๔.๑ ปฏบิ ัติตนในขอบเขต กฎระเบียบของสถานศึกษาข้อบังคับและข้อปฏิบัติ ซ่ึงมีท้ังวินัยในตนเอง สถาบัน/องค์กร/สังคมและประเทศและวนิ ัยตอ่ สงั คม ๔.๒ ยินดีปฏิบตั ิตามระเบยี บแบบแผน ข้อบงั คบั และ ขอ้ ปฏิบัตอิ ย่างเตม็ ใจและตงั้ ใจ5. สภุ าพหมายถงึ ความเรียบร้อย อ่อนโยน ละมนุ ละม่อม ๕.๑ อ่อนนอ้ มถอ่ มตนตามสถานภาพและกาลเทศะมีกริ ิยามารยาทท่ดี ีงาม มีสัมมาคารวะ ๕.๒ ไม่ก้าวรา้ ว รุนแรง วางอานาจข่มผอู้ ืน่ ทง้ั โดย วาจาและท่าทาง ๕.๓ มั่นใจในตนเอง มมี ารยาท วางตนเหมาะสมตาม วฒั นธรรมไทย6. สะอาด หมายถึง ปราศจากความมัวหมอง ท้ังกาย ๖.๑ รกั ษารา่ งกาย ทอี่ ยูอ่ าศยั ส่ิงแวดลอ้ มถกู ตอ้ งตาม ใจและสภาพแวดล้อม ความผ่องใส เป็นท่ี สขุ ลักษณะ เจริญตา ทาใหเ้ กิดความสบายใจแกผ่ ู้พบเห็น ๖.๒ ฝึกฝนจติ ใจมิให้ขนุ่ มัว มีความแจ่มใสอยูเ่ สมอ7. สามคั คีหมายถึง ความพร้อมเพรียงกัน ความกลมเกลยี ว ๗.๑ เปิดใจกว้างรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผ้อู นื่กัน ความปรองดองกัน ร่วมใจกันปฏิบัติงานให้ ๗.๒ รู้บทบาทของตน ท้ังในฐานะผู้นาและผตู้ ามที่ดีบรรลุผลตามท่ีต้องการ เกิดงานการอย่าง ๗.๓ มุง่ มัน่ ต่อการรวมพลัง ชว่ ยเหลือเกื้อกูลกัน เพ่ือให้สรา้ งสรรค์ ปราศจากการทะเลาะวิวาท ไม่เอารัด การงานสาเรจ็ ลลุ ว่ งเอาเปรียบกัน เป็นการยอมรับความมีเหตุผล ๗.๔ แกป้ ัญหาและขจดั ความขัดแยง้ ได้ มีเหตผุ ลยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ยอมรบั ความแตกตา่ งหลากหลายทางวฒั นธรรมความหลากหลายในเรอ่ื งเชื้อชาติ ความคิด ความเชื่อ พร้อมท่ีจะปรบั ตวั เพ่อื อยู่ ร่วมกนั อยา่ งสนั ติ

12 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษาคณุ ธรรมพ้ืนฐาน ๘ ประการ พฤตกิ รรมบ่งชี้ (การแสดงออกด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรียน)8. มีน้าใจหมายถึง ความจริงใจที่ไม่เห็นแก่เพียงตัวเอง ๘.๑ เป็นผใู้ หแ้ ละผอู้ าสาชว่ ยเหลือสังคม รู้จักแบ่งปันหรือเรื่องของตัวเอง แต่เห็นอกเห็นใจ เห็น เสียสละความสุขส่วนตน เพื่อทาประโยชน์แกผ่ ู้อืน่คุณค่าในเพ่ือนมนุษย์ มีความเอ้ืออาทร เอาใจใส่ ๘.๒ เข้าใจ เหน็ ใจผ้ทู มี่ คี วามเดอื ดรอ้ น อาสาชว่ ยเหลือให้ความสนใจในความต้องการ ความจาเป็น สังคมด้วยแรงกาย สตปิ ัญญา ลงมอื ปฏบิ ตั ิการความทุกข์สขุ ของผอู้ น่ื และพรอ้ มท่จี ะให้ความ เพอื่ บรรเทาปญั หาหรือร่วมสรา้ งสรรคส์ ่งิ ดงี ามช่วยเหลอื เกือ้ กลู กนั และกนั ใหเ้ กิดขน้ึ ในชมุ ชน ➢ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ของผู้สาเรจ็ การศกึ ษา ตามระดับคุณวุฒิอาชีวศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาร่วมกับสานักงานป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติไดจ้ ัดทารายการคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ของผสู้ าเร็จการศึกษาตามระดับคุณวฒุ อิ าชวี ศกึ ษา พร้อมทั้งพฤตกิ รรมบง่ ชี้การแสดงออกดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมของนกั เรียนนักศึกษา เม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยพัฒนามาจากรายการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะท่ีพึงประสงคข์ องผ้สู าเร็จการอาชีวศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบด้วยคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม พฤติกรรมบ่งช้ีและคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ (การแสดงออกด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรียน)1. รับผดิ ชอบหมายถึง การยอมรับผลการกระทาของตนเอง ๑.๑ ปฏบิ ตั ิงานตามที่มอบหมายสาเรจ็ ตามท่กี าหนดทั้งในส่ิงท่ีดีและไม่ดี และสามารถควบคุม ๑.๒ ปฏิบัตงิ านโดยคานึงถึงความปลอดภัยต่อตนเองตนเองได้ มีความมุ่งมั่นและเพียรพยายาม และผู้อ่นืในการเรียนและการปฏิบัติงานให้บรรลุ ๑.๓ ยอมรับผลการกระทาของตนเองวัตถุประสงค์ ทันกาหนดเวลา มีการวางแผนการปฏิบัติงาน การใช้เวลาอย่างมีระบบและเหมาะสม ตลอดท้ังการปฏิบัติอย่างครบถ้วนโดยคานึงความปลอดภัยต่อตนเอง ผู้อื่นและสงั คม

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 13 คณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม พฤตกิ รรมบง่ ช้ี และคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ (การแสดงออกดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรียน)2. ขยันหมายถึง ความต้ังใจเพียรพยายามทาหน้าที่ ๒.๑ ศึกษาคน้ คว้า แสวงหาความรใู้ หม่ ๆ ด้วยตนเองการงานอยา่ งตอ่ เนอื่ ง สมา่ เสมอ อดทน ไม่ท้อถอย ๒.๒ แสวงหาประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาการปฏิบัติงานเมื่อพบอุปสรรค ความขยันต้องปฏิบัติควบคู่ อาชพีกับการใช้สติปัญญาแก้ปัญหา และหรือพัฒนา ๒.๓ ตง้ั ใจทาหนา้ ท่กี ารงานอย่างต่อเนอ่ื งจนเกดิสิ่งใหม่ ๆ จนเกิดผลสาเรจ็ ตามความมุ่งหมาย ผลสาเร็จ ๒.๔ คดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรคส์ ่งิ ใหม่ ๆ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ ตอ่ ตนเองและสังคม ๒.๕ มีความคดิ หลากหลายในการแก้ปญั หา3. ประหยัดหมายถึง การรู้จักเก็บออมถนอมใช้ทรัพย์สิน ๓.๑ ใช้วสั ดุถูกต้อง พอเพยี งและเหมาะสมกบั งานส่ิงของแต่พอควร พอประมาณ ให้เกิดประโยชน์ ๓.๒ ปิดน้า ปดิ ไฟทกุ ครงั้ เม่อื เลิกใช้คุ้มคา่ ไม่ฟุ่มเฟือย ฟงุ้ เฟอ้ ๓.๓ เก็บออม ถนอมใช้ทรพั ย์สิน สิ่งของให้เกดิ ประโยชน์คมุ้ คา่ ๓.๔ ดาเนินชวี ติ เรียบง่ายตามสถานภาพของตน4. ซื่อสัตย์สุจริตหมายถึง ความประพฤติที่ตรงและจริงใจ ทั้ง ๔.๑ ประพฤตติ รง ทง้ั ต่อหนา้ ทแ่ี ละตอ่ วิชาชีพตอ่ หน้าท่แี ละวชิ าชพี ไมค่ ดิ คดทรยศ ไม่คดโกง ๔.๒ ไมโ่ กหกไม่หลอกลวง ไม่เอนเอียง ไม่มีเล่ห์เหล่ียม ๔.๓ ไม่ลกั ขโมยปลอดจากความรูส้ ึกลาเอียงหรืออคติ ๔.๔ ไมท่ ุจรติ ในการสอบ ๔.๕ ไม่นาผลงานของผู้อ่นื มาแอบอา้ งเปน็ ของตนเอง ท้งั ดา้ นวิชาการและวิชาชีพ ๔.๖ ปฏบิ ตั ิหน้าที่และรกั ษาประโยชนข์ ององค์กร ๔.๗ ไม่เพกิ เฉยต่อส่งิ ท่ีได้รับรแู้ ละการกระทา ที่ไมถ่ กู ตอ้ ง5. จติ อาสาหมายถึง การมีจิตใจเป็นผู้ให้ มีน้าใจ เห็นอก- ๕.๑ ช่วยเหลือผอู้ ่นื ด้วยกาลงั แรงกายและสติปัญญาเห็นใจเพื่อนมนุษย์ เอ้ืออาทร ช่วยเหลือด้วย ๕.๒ อุทิศตนเพ่ือประโยชนต์ อ่ สังคมและส่วนรวมกาลังแรงกาย สติปัญญา และเสียสละเพื่อ ๕.๓ แบง่ ปนั เสียสละความสุขส่วนตน เพือ่ ทาส่วนรวม ประโยชนแ์ กผ่ ้อู ื่น ๕.๔ อาสาชว่ ยเหลอื งานครอู าจารย์

14 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม พฤตกิ รรมบ่งชี้และคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ (การแสดงออกด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรยี น)6. สามัคคีหมายถึง ความพร้อมเพรียงกัน ความกลมเกลียว ๖.๑ รว่ มมือในการทางานดว้ ยความกลมเกลียวและความปรองดองกัน ร่วมใจกันปฏบิ ัติงานใหบ้ รรลผุ ล ปรองดองตามที่ต้องการ เกิดการงานอย่างสร้างสรรค์ ๖.๒ รบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อืน่ปราศจากการทะเลาะวิวาท ไม่เอารัดเอาเปรียบ ๖.๓ ปฏบิ ตั ิตนตามบทบาทผ้นู าและผตู้ ามทีด่ ีกัน เป็นการยอมรับความมีเหตุผล ยอมรับ ๖.๔ ยอมรบั ความแตกต่างทางวฒั นธรรม ความคดิความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ความ ความเชือ่ ที่หลากหลาย พรอ้ มทจ่ี ะปรบั ตวัหลากหลายในเรือ่ งเชื้อชาติ เพือ่ อยรู่ ่วมกันอยา่ งสันติ ๖.๕ ไมท่ ะเลาะวิวาท7. มวี ินยัหมายถึง การยึดมั่นในระเบียบแบบแผน ๗.๑ ปฏิบัตติ ามกฎ ระเบียบ ข้อบงั คับของสถานศกึ ษาข้อบังคับและข้อปฏิบัติ ซ่ึงมีท้ังวินัยในตนเอง และสังคมและวินัยตอ่ สถานศกึ ษา สถาบัน องคก์ ร สังคม ๗.๒ ปฏิบัติตามกติกาและมารยาทของสังคมและประเทศ ๗.๓ ประพฤตติ นตามหลกั ศลี ธรรมอนั ดีงาม ๗.๔ ประพฤติตนตรงต่อเวลา8. สะอาดหมายถึง การปราศจากความมัวหมองท้ังกาย ๘.๑ คดิ ดี พูดดี ทาดีใจและสภาพแวดลอ้ ม ความผอ่ งใสเป็นท่ีเจริญ ๘.๒ รักษาสขุ ภาพรา่ งกายตามหลักสุขอนามยัตา ทาใหเ้ กิดความสบายใจแกผ่ พู้ บเห็น ๘.๓ รกั ษาท่ีอย่อู าศยั สิ่งแวดล้อมตามสุขลกั ษณะท่ีดี9. สภุ าพ หมายถึง ความเรียบร้อย อ่อนโยนละมุน ๙.๑ ประพฤตติ นสุภาพ เรียบร้อย อ่อนน้อม ถอ่ มตน ละมอ่ ม มีกรยิ ามารยาทท่ดี งี าม มีสัมมาคารวะ ตามสถานภาพและกาลเทศะ และสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่าง ๙.๒ ประพฤติตนเหมาะสมตามมารยาทของ บคุ คล วฒั นธรรมไทย ๙.๓ ไม่ประพฤตกิ า้ วร้าวรนุ แรง วางอานาจขม่ ผ้อู ่นื ทัง้ โดยวาจาและทา่ ทาง ๙.๔ ควบคุมกริยามารยาทในสถานการณ์ ที่ไม่พึงประสงค์ ๙.๕ แสดงสมั มาคารวะตอ่ ครู อาจารยอ์ ยา่ งสม่าเสมอ ท้ังต่อหน้าและลับหลงั ๙.๖ แสดงความมมี นษุ ยสมั พนั ธ์

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตด้านอาชีวศกึ ษา 15คุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม พฤติกรรมบ่งช้ีและคณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ (การแสดงออกดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรียน)10. ละเวน้ อบายมขุหมายถึง การประพฤติตนเพ่ือหลีกเลี่ยง ๑๐.๑ ไม่เสพส่งิ เสพตดิ และของมึนเมาหนทางแห่งความเสอื่ ม ๑๐.๒ ไมเ่ ลน่ การพนัน ๑๐.๓ หลกี เล่ียงการเข้าไปอยใู่ นแหลง่ มวั่ สุม ➢ คา่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประการ สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยหน่วยศึกษานิเทศก์ ได้จัดทาแนวทางการประเมินพฤติกรรมผเู้ รยี นอาชีวศึกษา ตามค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ พร้อมพฤตกิ รรมบง่ ชี้และเกณฑ์การประเมิน เพื่อให้สถานศึกษาอาชีวศึกษาและสถาบนั ใช้เป็นแนวทางในการพฒั นาผู้เรียนและประเมินผสู้ าเร็จการอาชีวศึกษาด้านคุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ ขณะทาการสอน ขณะผู้เรียนปฏิบตั ิงานมอบหมาย หรือพิจารณาจากผลงานของผู้เรียน รวมท้ังสามารถใช้เป็นเกณฑ์การประเมินพฤติกรรมผู้เรียนในการเข้าร่วมและปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ของสถานศึกษา ประกอบด้วยคา่ นยิ มหลกั 12 ประการ พฤตกิ รรมบ่งชี้ (การแสดงออกด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรยี น)1. มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์หมายถึง การประพฤติตนที่แสดงถึงการเป็น ๑.๑ รว่ มกจิ กรรมเข้าแถวยืนตรงเคารพธงชาติพลเมืองท่ีดีด้วยความสานึก ความภาคภูมิใจ รอ้ งเพลงชาติในเอกราชและความเสียสละของบรรพบุรุษไทย ๑.๒ รว่ มกิจกรรมวนั สาคญั ทางศาสนาที่ตนนบั ถอืปฏิบัติตามหลักศาสนาท่ีตนนับถอื และจงรกั ภักดี ๑.๓ ร่วมกจิ กรรมวันสาคญั ทเ่ี กย่ี วกับการเทดิ ทูนตอ่ สถาบนั พระมหากษัตริย์ สถาบนั พระมหากษตั ริย์2. ซ่ือสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพ่ือส่วนรวมหมายถึง การประพฤติตนตามความเป็นจริงท่ี ๒.๑ ประพฤติปฏบิ ตั ิตนตามความเป็นจรงิ ท่ีแสดงถึงแสดงถึงการยึดมั่นในความถูกต้อง ยอมรับผล การยดึ ม่ันในความถกู ต้อง ยอมรบั ผลการการกระทาของตนเองและผู้อื่น รู้จักควบคุม กระทาของตนเองและผอู้ ืน่ตนเองเม่ือประสบความยากลาบากและไม่ก่อ ๒.๒ เสยี สละกาลังกาย ทรพั ย์ สตปิ ญั ญาในการให้เกดิ ความเสียหาย ช่วยเหลือผอู้ นื่ และสังคม ๒.๓ ควบคมุ ตนเองเมอ่ื ประสบความยากลาบาก และไมก่ ่อใหเ้ กดิ ความเสยี หาย

16 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตด้านอาชีวศกึ ษา คา่ นยิ มหลกั 12 ประการ พฤตกิ รรมบง่ ชี้ (การแสดงออกดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรียน)3. กตญั ญตู อ่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ หมายถึง การประพฤติปฏิบัติตนที่แสดงถึงการ ๓.๑ รู้จักบุญคุณพอ่ แม่ ผู้ปกครอง ครบู า-อาจารย์ รู้จักบุญคุณและการตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ และผมู้ พี ระคุณ ผูป้ กครอง ครบู าอาจารยแ์ ละผมู้ พี ระคุณ ๓.๒ เอาใจใส่ ดูแลช่วยเหลือภารกจิ การงาน ปฏิบัติตน ตามคาสงั่ สอนที่ถกู ตอ้ งและเหมาะสม ๓.๓ ตอบแทนบุญคุณของพอ่ แม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์และผมู้ พี ระคณุ4. ใฝ่หาความรู้ หมัน่ ศกึ ษาเล่าเรยี นทัง้ ทางตรง และทางอ้อม หมายถึง การประพฤติปฏิบัติตนท่ีแสดงถึงการ ๔.๑ แสวงหาความรู้ทั้งทางตรงและทางอ้อม แสวงหาความรู้ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่าง ๔.๒ มุ่งมัน่ ตงั้ ใจเพยี รพยายามในการศกึ ษาและ สม่าเสมอ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เพียรพยายาม ปฏบิ ัติงาน ในการศึกษาและปฏิบัติงาน ใช้สติปัญญาในการ ๔.๓ แกป้ ญั หาและพฒั นาสิง่ ใหม่ ๆ จนบรรลุ แกป้ ัญหาและพฒั นาสิง่ ใหม่ ๆ จนบรรลุผลสาเร็จ ผลสาเรจ็5. รกั ษาวัฒนธรรม ประเพณไี ทยอันงดงาม หมายถึง การประพฤติปฏิบัติตนที่แสดงให้เห็น ๕.๑ เข้าร่วมโครงการหรือกจิ กรรมทเ่ี ปน็ ไทย คุณค่า ความสาคัญ ภาคภูมิใจ อนุรักษ์ สืบทอด ๕.๒ ภาคภมู ิใจในความเปน็ ไทย วฒั นธรรมและประเพณีไทยอนั ดีงาม ๕.๓ อนุรกั ษ์ สืบทอดวัฒนธรรมและประเพณไี ทย อนั ดงี าม6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผแ่ ละแบ่งปนั หมายถึง การประพฤติตนโดยยดึ มนั่ ในคาสญั ญา ๖.๑ ประพฤติตนตามหลักศลี ธรรมอนั ดีงาม มีจิตใจโอบอ้อมอารี ช่วยเหลือผู้อ่ืนเท่าที่ทาได้ ๖.๒ ปฏบิ ัติโดยยดึ ตามกติกา ขอ้ ตกลง/กฎ/ระเบยี บ ทงั้ กาลงั ทรัพย์ กาลังกายและกาลังสตปิ ญั ญา ของสถานศึกษา ๖.๓ หวงั ดโี อบอ้อมอารี ช่วยเหลอื ผูอ้ ่ืนตามโอกาส ๖.๔ ให้ แบง่ ปัน เอ้ือเฟือ้ และชว่ ยเหลอื ผ้อู ่ืน7. เข้าใจ เรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุขที่ถกู ต้อง หมายถึง การแสดงออกถึงการมีความรู้ ความ ๗.๑ เขา้ รว่ มกจิ กรรมเกยี่ วกับประชาธิปไตยอันมี เข้าใจ ประพฤติ ปฏิบัติตนตามหน้าท่ีและสิทธิของ พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข ตนเอง เคารพในสิทธิของผู้อ่ืน ภายใต้การปกครอง ๗.๒ เคารพสทิ ธขิ องผู้อน่ื ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ๗.๓ ปฏิบัตติ นตามระบอบประชาธิปไตยอนั มี ทรงเปน็ ประมุข พระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ,

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา 17คา่ นยิ มหลกั 12 ประการ พฤตกิ รรมบง่ ชี้ (การแสดงออกดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรยี น)8. มีระเบียบ วินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักเคารพผ้ใู หญ่หมายถึง การประพฤติปฏิบัติตนตามข้อตกลง ๘.๑ ตรงต่อเวลากฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับ และกฎหมายไทย ๘.๒ ประพฤติตรงตามคาสงั่ หรอื ข้อบงั คบั ของมคี วามเคารพและนอบนอ้ มตอ่ ผใู้ หญ่ สถานศึกษา ๘.๓ เคารพและนอบนอ้ มต่อผูใ้ หญ่9. มีสติ ร้ตู วั ร้คู ดิ รู้ทา รู้ปฏิบตั ติ ามพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วัหมายถึง การประพฤติปฏิบัติตนอย่างมีสติ รู้ตัว ๙.๑ คิดดี พูดดี ทาดีรู้คิด รู้ทาอย่างรอบคอบ ถูกต้อง เหมาะสม และ ๙.๒ สุภาพ เรยี บรอ้ ย ออ่ นน้อมถ่อมตนตามน้อมนาพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จ สถานภาพและกาลเทศะพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นหลักปฏิบัติ ๙.๓ รอบคอบเหมาะสมกบั วัย สถานการณ์และในการดาเนินชีวติ บทบาทของตนเองตามแนวพระราชดารสั ฯ10. รู้จักดารงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ร้จู ักอดออมไวใ้ ชเ้ มอื่ ยามจาเป็นมีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจาหน่ายและพร้อมท่ีจะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมอ่ื มภี ูมคิ ้มุ กันท่ีดีหมายถึง การดาเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มี ๑๐.๑ ใชว้ สั ดุถกู ต้อง พอเพยี งและเหมาะสมกับงานเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี มีความรู้ มีคุณธรรม ๑๐.๒ เก็บออมถนอมใช้ทรัพย์สิน ส่ิงของให้เกิดและปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ประโยชน์คมุ้ คา่ตามพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทร ๑๐.๓ ปฏิบตั งิ านตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมายสาเรจ็มหาภมู พิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ตามกาหนด โดยคานึงถงึ ความปลอดภยั ของตนเองและผอู้ น่ื

18 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษาค่านยิ มหลกั 12 ประการ พฤติกรรมบง่ ชี้ (การแสดงออกด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้เรยี น)11. มีความเข้มแข็งท้ังร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออานาจฝ่ายต่าหรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนาหมายถึง การปฏิบัติให้มีร่างกายสมบูรณ์ ๑๑.๑ ดูแล รกั ษาสุขภาพรา่ งกายตามสุขอนามัยแข็งแรง ปราศจากโรคภยั และมีจติ ใจที่เข้มแข็ง ๑๑.๒ ไมเ่ กี่ยวข้องกับอบายมุขมีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ไม่กระทา ๑๑.๓ ไมน่ าทรพั ยส์ ินของผ้อู ืน่ มาเปน็ ของตนเองความชั่วใด ๆ ยึดม่ันในการทาความดีตามหลัก ๑๑.๔ หลีกเล่ยี งแหล่งมั่วสุมศาสนา12. คานงึ ถึงผลประโยชนข์ องส่วนรวมและของชาติมากกวา่ ผลประโยชน์ของตนเองหมายถึง การประพฤติปฏิบัติตนและให้ความ ๑๒.๑ มีจติ อาสา อทุ ศิ ตนเพอ่ื ประโยชนต์ อ่ สงั คมและร่วมมือในกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม สว่ นรวมและประเทศชาติ ยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตน ๑๒.๒ เสยี สละความสุขส่วนตนเพื่อทาประโยชนแ์ ก่เพ่อื รักษาประโยชน์ของส่วนรวม ผอู้ นื่• นิยามศัพท์ที่เกีย่ วขอ้ ง คณุ ธรรม (Virtue) หมายถงึ สภาพคุณงามความดี จริยธรรม (Moral or Morality or Ethics) หมายถึง ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ ความประพฤติหรอื สิง่ ดีงามท่ีพงึ ปฏบิ ัตเิ พื่อใหเ้ ปน็ ทีย่ อมรบั ของสงั คม คุณธรรม จริยธรรม (Moral virtue) หมายถึง สภาพคุณงามความดีที่ประพฤติปฏิบัติหรือหน้าท่ีทคี่ วรปฏบิ ตั ิในการครองชวี ติ หรือคณุ ธรรมตามกรอบจริยธรรม ธรรมาภิบาล (Good Governance) หมายถึง การปกครองและบริหารบนพ้ืนฐานของหลกั ธรรม ความดี ความถกู ตอ้ ง ค่านิยม (Values) หมายถึง ความชอบในสิ่งต่าง ๆ ของบุคคล ท่ีเห็นว่ามีคุณค่าในการดาเนินชีวิต และเป็นจุดหมายปลายทางของการดาเนินชีวิต หรือสิ่งท่ีคนส่วนใหญ่เห็นว่ามีคุณค่าน่ายกย่องและยึดถอื ปฏิบตั ใิ นการดาเนนิ ชวี ิต คุณลักษณะที่พึงประสงค์ (Desirable Characteristics) หมายถึง คุณสมบัติหรือพฤติกรรมท่ีนักเรยี น นักศกึ ษาในสถานศกึ ษาพึงมีและปฏิบัติในการดาเนนิ ชวี ิต

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 19 พอเพียง (Sufficient) หมายถึง ความพอดีในการดารงชีวิต ซึ่งเป็นเง่ือนไขพื้นฐานที่ทาให้คนเราสามารถพง่ึ ตนเองและดาเนนิ ชวี ติ ไปได้อยา่ งมีศกั ดิ์ศรแี ละมีความเปน็ อิสระ ประกอบด้วย 3 คณุ ลักษณะคือ ๑) ความพอประมาณ ซึ่งหมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ๒) ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความพอเพียงน้ันจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนคานงึ ถึงผลที่คาดวา่ จะเกิดข้นึ จากการกระทานั้น ๆ อย่างรอบคอบ และ ๓) การมีภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงด้านต่าง ๆ ท่ีจะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ทค่ี าดว่าจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคตทัง้ ใกล้และไกล วินัย (Discipline) หมายถึง ระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ สาหรับควบคุมความประพฤตทิ างกาย วาจา ของคนในสังคมให้เรียบร้อยดีงาม เป็นแบบแผน อันหนึ่งอันเดียวกัน จะได้อยู่ร่วมกันด้วยความสุขสบาย ไม่กระทบกระทง่ั ซ่งึ กนั และกนั สจุ ริต (Honest) หมายถึง ประพฤตชิ อบ ประพฤตใิ นทางทถี่ กู ต้อง จิตอาสา (Volunteer Spirit) หมายถึง จิตแห่งการให้ความดีงามทั้งปวงแก่เพ่ือนมนุษย์โดยเต็มใจ สมัครใจ อิ่มใจ ซาบซ้ึงใจ ปีติสุข ท่ีพร้อมจะเสียสละเวลา แรงกายและสติปัญญาเพ่ือสาธารณประโยชน์ ในการทากิจกรรมหรือสิ่งท่ีเป็นประโยชน์แก่ผอู้ ่ืนโดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขทไ่ี ดช้ ว่ ยเหลอื ผู้อ่ืน จิตสาธารณะ (Public Consciousness) หมายถึง การตระหนักรู้และคานึงถึงส่วนรวมร่วมกัน หรือคานึงถึงผ้อู ่ืนท่รี ว่ มสมั พนั ธ์เปน็ กล่มุ เดียวกัน ทุจรติ (Corruption) มีผใู้ หน้ ิยามดังน้ี “ทุจริต” หมายถึง ความประพฤติชั่ว คดโกง ฉ้อโกง (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2542) “ทุจริต” หมายถึง การแสวงหาประโยชนท์ ่ีมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสาหรับตนเองหรือผูอ้ ื่น (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (1)) “ทุจริตต่อหน้าท่ี” หมายถึง การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตาแหน่งหรือหนา้ ที่หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบตั ิอย่างใดในพฤติการณท์ ่ีอาจทาให้ผ้อู ื่นเชอ่ื วา่ มีตาแหนง่ หรอื หนา้ ท่ี ท้ังท่ีตนมิได้มตี าแหนง่ หรอื หน้าทีน่ นั้ หรอื ใช้อานาจในตาแหนง่ หรอื หนา้ ที่ ทง้ั นี้ เพื่อแสวงหาประโยชนท์ ี่มิควรได้โดยชอบสาหรับตนเองหรือผู้อื่น (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ.2542 มาตรา 4) “ทุจริต” โดยสรุปหมายถึง การคดโกง ไม่ซ่ือสัตย์สจุ ริต การกระทาที่ผิดกฎหมาย เพ่ือให้เกดิความได้เปรียบในการแข่งขัน การใช้อานาจหน้าท่ีในทางท่ีผิดเพ่ือแสวงหาประโยชน์หรือให้ได้รับส่ิงตอบแทน การให้หรือการรับสินบน การกาหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์แก่ตนหรือพวกพ้อง รวมถึงการทุจริตเชงิ นโยบาย

20 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา• แนวทางการสง่ เสริมการเรยี นร้ดู า้ นการป้องกันการทุจริต สานักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับอนุกรรมการจัดทาหลกั สตู รหรือชุดการเรียนรู้และส่อื ประกอบการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริต ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานการศึกษาทุกระดับ ทุกประเภทและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนและสอ่ื ประกอบการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริต ประกอบด้วย กลุ่มการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษาตอนต้นระดับประถมศึกษาตอนปลาย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย) กลุ่มการศึกษาอุดมศกึ ษา กลุม่ การศกึ ษาในสว่ นทหารและตารวจ กลุม่ วิทยากร ป.ป.ช. บุคลากรภาครฐั และรัฐวสิ าหกิจและกลุ่มโค้ช โดยกาหนดหัวข้อหลักสูตรเป็น ๔ หัวข้อหลัก คือ ๑) ความไม่ทนและความละอายต่อการทุจริต ๒) สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ๓) ยกระดับดัชนี สร้างพลเมืองดีในสังคม และ ๔) ปราบทุจรติ ด้วยจิตพอเพยี ง สาหรบั สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา มีหนา้ ทร่ี ับผิดชอบการจัดการศกึ ษาเพื่อผลิตผู้สาเร็จการศึกษา ๓ ระดับ คือ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ซ่ึงเทียบเท่าการจัดการศึกษาระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ระดับประกาศนียบัตรวิชาชพี ชน้ั สูง และระดบั ปรญิ ญาตรสี ายเทคโนโลยีหรือสายปฏบิ ตั ิการ ซงึ่ เปน็ การจดั การระดับอุดมศึกษา จงึ ได้นาหัวขอ้ หลักสูตรด้านการป้องกนั การทุจริตของกลุ่มการศึกษาข้ันพื้นฐานและกลมุ่ การศึกษาอุดมศกึ ษามาจัดในรูปของกิจกรรมส่งเสริมการปอ้ งกันการทจุ ริตซึ่งสถานศึกษาสามารถนาไปใช้หรือประยุกต์ใช้โดยบูรณาการในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาต่าง ๆและหรือจัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตรตามบริบทและความพร้อมของสถานศึกษา ท้ังนี้ ไดยได้นาเสนอกจิ กรรมพร้อมสื่อเสนอแนะ รวม ๔ หน่วย คอื หน่วยที่ ๑ ปรับพ้ืนฐานความคิดต้านทจุ ริตส่วนตนและสว่ นรวม 1.1 ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ 1.2 การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม 1.3 Strong : จติ พอเพยี งตา้ นทุจริต 1.4 พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อการทุจริต หนว่ ยที่ ๒ สรา้ งสงั คมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทจุ ริต 2.1 การขดั เกลาทางสังคม 2.2 ทักษะการปรับกระบวนการคิด 2.3 การมีส่วนรว่ มของชมุ ชน หน่วยที่ ๓ ยกระดบั ดชั นี สรา้ งคนดีในสังคม 3.1 การยกระดบั ดชั นีการรับรู้การทุจริต 3.2 การสรา้ งคนดีในสังคม หนว่ ยที่ ๔ ปราบทุจรติ ด้วยจติ พอเพียง

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา 21 หนว่ ยที่ปรับพืน้ ฐานความคิดต้านทุจรติ ส่วนตนและสว่ นรวม

22 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา (หน้าวา่ ง)

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตด้านอาชีวศกึ ษา 23 กจิ กรรมปอ้ งกนั การทุจริตหนว่ ยท่ี ๑ ปรับพน้ื ฐานความคิดต้านทุจริตส่วนตนและสว่ นรวมหลักการและเหตผุ ล ปัญหาการทุจริต เป็นปัญหาท่ีสาคัญทั้งของประเทศไทยและประเทศอ่ืนๆ ทั่วโลก ทาให้เกิดความเสื่อมในด้านต่าง ๆ เกิดข้ึน ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจและการเมือง นับวันปัญหาดังกล่าวก็จะรุนแรงมากขึน้ และมีรปู แบบการทจุ ริตที่ซับซอ้ นยากแก่การตรวจสอบมากขึ้น การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจรติ จึงจาเป็นตอ้ งมกี ารปรับฐานความคิดทุกชว่ งวัยตั้งแต่ปฐมวยัให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสริมให้มีกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านทุจริต รวมทั้งประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเคร่ืองมือต้านทุจริต และที่สาคัญคือการเสริมพลังการมีสว่ นร่วมของชุมชน โดยการบูรณาการทุกภาคส่วนเพ่ือต่อต้านการทุจริตจดุ ประสงค์ ๑. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการทุจริต ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ตลอดจนความรบั ผิดชอบในการต่อตา้ นการทุจรติ ๒. เพ่ือให้สามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ ส่วนรวม พัฒนาตนให้มีจิตพอเพียง ยับย้ังพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการทุจริตอย่างมีสติ ท้ัง สว่ นตนและสว่ นรวม ๓. เพื่อให้ตระหนักและเห็นความสาคัญของการประพฤติปฏิบัติตนมีความซ่ือสัตย์สุจริต และ ไม่ทนต่อการทุจริตเน้อื หาสาระ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ Strong : จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจรติ หนว่ ยย่อยที่ ๑.๒ พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบต่อการทจุ ริต หน่วยยอ่ ยที่ ๑.๓ หน่วยยอ่ ยท่ี ๑.๔

24 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา กิจกรรมปอ้ งกนั การทจุ รติ หน่วยท่ี ๑ ปรบั พ้ืนฐานความคดิ ต้านทจุ ริตสว่ นตนและสว่ นรวม หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุรติสาระสาคัญ “ทุจริต” หมายถึง ความประพฤติชั่ว ซ่ึงมีทั้งความประพฤติชั่วทางกายหรือกายทุจริต ความประพฤติชว่ั ทางวาจาหรือวจีทจุ ริต และความประพฤติชัว่ ทางใจหรอื มโนทจุ รติ หากคนเรามีความละอายใจตัวเองต่อการทาความชั่วความผิด ต่อการประพฤติทุจริตท้ังหลาย และมีความละอายใจตัวเองที่จะละเวน้ ไม่ทาความดี ปญั หาการทจุ รติ กจ็ ะลดน้อยลงจดุ ประสงค์ 1. เพ่อื ใหม้ ีความร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกบั การทจุ ริต ความละอาย และความไมท่ นต่อการทจุ ริต 2. เพ่อื ให้สามารถมีสติ และคดิ ยบั ยงั้ พฤตกิ รรมทก่ี อ่ ใหเ้ กิดการทจุ รติ 3. เพ่อื ใหต้ ระหนกั และเหน็ ความสาคัญของความซอ่ื สัตย์สจุ ริตเน้อื หาสาระ • ปญั หาการทุจรติ ในสังคม ปัญหาการทุจริต ถือเป็นปัญหาท่ีสาคัญของประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ทาให้เกิดความเสอ่ื มในด้านตา่ ง ๆ เกิดข้นึ ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจและการเมอื ง ซึ่งนบั วนั ปญั หาดังกลา่ วก็จะรนุ แรงมากขึ้นและมีรูปแบบการทุจริตที่ซับซ้อนยากแก่การตรวจสอบมากข้ึน จากเดิมที่กระทาเพียงสองฝ่ายปัจจุบันการทุจริตจะกระทากันหลายฝ่าย ทั้งผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเอกชนโดยประกอบด้วยสองส่วนใหญ่ๆ คือ ผู้ให้ผลประโยชน์กับผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายน้ีจะมีผลประโยชน์ร่วมกัน ตราบใดท่ีผลประโยชน์สมเหตุสมผลต่อกันก็จะนาไปสู่ปัญหาการทุจริตได้ บางครัง้ผู้ที่รับผลประโยชน์ก็เป็นผู้ให้ประโยชนไ์ ด้เช่นกัน ผู้รับผลประโยชน์อาจเป็นเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ ซึ่งมีอานาจหนา้ ทใี่ นการกระทาและการดาเนินการตา่ ง ๆ และรบั ประโยชน์ในรปู แบบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การจดั ซื้อจดั จ้างการเรียกรับประโยชน์โดยตรง การกาหนดระเบียบหรือคุณสมบัตทิ ี่เอื้อต่อตนเองและพวกพ้อง ส่วนผู้ให้ผลประโยชน์ เช่น ภาคเอกชน โดยการเสนอผลตอบแทนในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ เงิน สิทธิพิเศษอ่ืน ๆเพื่อจูงใจให้นักการเมือง เจ้าหน้าท่ีของรัฐ กระทาการหรือไม่กระทาการอย่างใดอย่างหน่ึงในตาแหน่งหนา้ ที่ ซงึ่ การกระทาดังกล่าวเปน็ การกระทาทฝ่ี า่ ฝนื ต่อระเบียบหรอื ผิดกฎหมาย เป็นตน้

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 25 • ความหมายของคาว่าทจุ รติ และคอร์รปั ชนั “ทุจริต” หมายถึง ความประพฤติชั่ว ถ้าเป็นความประพฤติชั่วทางกายเรียกว่า กายทุจริต ถ้าเป็นความประพฤติช่ัวทางวาจา เรียกว่า วจีทุจริต ถ้าเป็นความประพฤติช่ัวทางใจ เรียกว่า มโนทุจริตส่วนทางกฎหมาย “ทุจริต” หมายถึง การกระทาเพ่ือแสวงหาประโยชน์ท่มี ิควรได้โดยชอบดว้ ยกฎหมายสาหรบั ตนเองหรอื ผอู้ ่ืน (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (1)) พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542มาตรา 4 ให้ความหมายของคาว่า “ทุจรติ ต่อหนา้ ท่ี” หมายถงึ การปฏบิ ตั ิหรอื ละเวน้ การปฏบิ ัติอย่างใดในตาแหน่งหรือหน้าท่ี หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ ที่อาจทาให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตาแหน่งหรือหน้าที่ ท้ังท่ีตนมิได้มีตาแหน่งหรือหนา้ ท่ีนัน้ หรือใช้อานาจในตาแหน่งหรือหนา้ ที่ ทั้งน้ี เพื่อแสวงหาประโยชน์ทีม่ ิควรได้โดยชอบสาหรบั ตนเองหรือผอู้ ่นื นอกจากนี้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ระบุว่า “ทุจริต” หมายถึงความประพฤตชิ ัว่ คดโกง ฉ้อโกง “คอรร์ ัปชัน” หมายถึง การทจุ ริตโดยใช้หรอื อาศัยตาแหน่งหนา้ ทีอ่ านาจและอทิ ธพิ ลทต่ี นมีอยู่เพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น การเห็นแก่ญาติพี่น้อง กินสินบน ฉ้อราษฎร์บังหลวง การใช้ระบบอปุ ถัมภแ์ ละความไม่เปน็ ธรรมอื่น ๆ ทบ่ี ุคคลใดใช้เป็นเครอื่ งมอื ในการลดิ รอนความเปน็ ธรรม “ทจุ ริต” และ “คอร์รปั ชนั ” จึงเหมือนเปน็ คาเดียวกนั โดยคาวา่ “ทจุ รติ คอร์รัปชัน” หมายถงึความประพฤติชั่ว ซ่ึงมีทั้งทางกาย วาจาและใจ ซ่ึงในประเทศไทยมักมีการกล่าวถึงคาว่าคอร์รัปชันมากกว่าการใชค้ าวา่ ทจุ ริต โดยการทุจริตน้สี ามารถใช้ไดก้ ับทกุ ทีไ่ มว่ ่าจะเป็นหนว่ ยงานราชการ หนว่ ยงานของเอกชน หากเกิดกรณีการยึดเอา ถือเอาซ่ึงประโยชนส์ ่วนตนมากกว่าส่วนรวม ไม่คานึงถึงว่าสิ่ง ๆ นนั้เป็นของของตนเอง หรอื เป็นสทิ ธิท่ีตนเองควรจะได้มาหรอื ไมแ่ ล้วน้ัน ก็จะเรียกได้วา่ เปน็ การทุจรติ สรปุ ได้วา่ “การทุจริต” หมายถึง การคดโกง ไมซ่ อ่ื สัตยส์ ุจริต การกระทาที่ผดิ กฎหมาย เพ่ือให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน การใช้อานาจหน้าที่ในทางที่ผิดเพ่ือแสวงหาประโยชน์หรือให้ได้รับส่ิงตอบแทน การให้หรือการรับสินบน การกาหนดนโยบายท่ีเอ้ือประโยชน์แก่ตนหรือพวกพ้อง รวมถึงการทจุ ริตเชิงนโยบาย • ความไมท่ นต่อการทุจรติ หรอื การกระทาท่ไี มถ่ ูกต้อง “ความอดทน” หมายถึง การรู้จักรอคอยและคาดหวัง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความม่ันคงแน่วแนต่ อ่ ส่งิ ทีร่ อคอยหรอื ส่ิงท่จี ูงใจใหก้ ระทาในสงิ่ ท่ไี ม่ดี “ความไม่ทน” หมายถึง ไม่อดกลั้น ไม่อดทน ไม่ยอม เป็นการแสดงออกต่อการกระทาที่เกิดขึ้นกับตนเอง บุคคลท่ีเก่ียวข้องหรือสังคม ในลักษณะที่ไม่ยินยอม ไม่ยอมรับในส่ิงที่เกิดข้ึน ความไมท่ นสามารถแสดงออกได้หลายลกั ษณะทั้งในรูปแบบของกรยิ า ท่าทางหรอื คาพดู

26 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทุจริตด้านอาชีวศกึ ษา ความไม่ทนต่อการทุจริตหรือการกระทาท่ีไม่ถูกต้อง ต้องมีการแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดข้ึน เช่น การแซงคิวเพื่อซ้ือของ ซ่ึงเป็นการกระทาที่ไม่ถูกต้อง ผู้ถูกแซงคิวยอมท่ีจะต่อท้ายแถวกรณนี ี้แสดงใหเ้ ห็นวา่ ผทู้ ถี่ ูกแซงควิ ทนต่อการกระทาท่ไี ม่ถูกต้อง เป็นต้น บุคคลจะมีความไม่ทนต่อการทุจริตมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับจิตสานึกของแต่ละบุคคลและผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการกระทานั้น ๆ แล้วมีพฤติกรรมที่แสดงออกมา ซึ่งการแสดงกริยาหรือการกระทาจะมหี ลายระดับ เช่น การว่ากลา่ วตกั เตือน การประกาศให้สาธารณชนรับรู้ การแจ้งเบาะแส การรอ้ งทุกข์กล่าวโทษ การชุมนมุ ประท้วง ซึ่งเปน็ ขั้นตอนสุดท้ายท่ีรุนแรงทส่ี ดุ เนือ่ งจากมีการรวมตวั ของคนจานวนมาก และสรา้ งความเสยี หายอย่างมากเช่นกัน ความไม่ทนของบคุ คลต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวท่ีสง่ ผลในทางไม่ดีต่อตนเองโดยตรง สามารถพบเห็นได้ง่าย ซ่ึงปกติแล้วทุกคนมักจะไม่ทนต่อสภาวะ สภาพแวดล้อมที่ไม่ดีและส่งผลกระทบต่อตนเอง แล้วมักจะแสดงปฏิกิริยาออกมา แต่การท่ีบุคคลจะไม่ทนต่อการทุจริตและแสดงปฏิกิริยาออกมานั้นอาจเปน็เรื่องยาก เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยมีแนวโน้มยอมรับการทุจริต เพ่ือให้ตนเองได้รับประโยชน์หรือให้งานสามารถดาเนินต่อไปสู่ความสาเร็จ ซึ่งการยอมรับการทุจริตในสังคมไม่เว้นแม้แต่เด็กและเยาวชนและมองวา่ การทุจรติ เป็นเรอ่ื งไกลตัวและไมม่ ีผลกระทบกบั ตนเองโดยตรง • ความละอายต่อการทุจรติ หรือการกระทาทไ่ี มถ่ ูกต้อง “ความละอาย” หมายถงึ ความละอายและความเกรงกลัวต่อสงิ่ ท่ไี มด่ ี ไมถ่ กู ต้อง ไม่เหมาะสมเพราะเห็นถึงโทษหรือผลกระทบที่จะได้รับจากการกระทาน้ัน จึงไม่กล้าที่จะกระทา ทาให้ตนเองไม่หลงทาในส่ิงทผ่ี ิด น่ันคอื มคี วามละอายใจ ละอายตอ่ การทาผิด ลักษณะของความละอาย สามารถแบง่ ได้ ๒ ระดับ ระดับท่ีหนึ่ง คือ ความละอายระดับต้น หมายถึง ความละอาย ไม่กล้าที่จะทาในสิ่งที่ผิดเนื่องจากกลัวว่าเม่ือตนเองได้ทาลงไปแล้วจะมีคนรับรู้ หากถูกจับได้จะได้รับการลงโทษ หรือได้รับความเดือดร้อนจากส่งิ ทท่ี าลงไป จึงไม่กล้าทจ่ี ะทาผดิ ระดับที่สอง คือ ความละอายระดับที่สูง คือ แม้ว่าจะไม่มีใครรับรู้หรือเห็นในส่ิงที่ตนทาลงไปกไ็ มก่ ลา้ ท่ีจะทาผดิ เพราะนอกจากตนเองจะไดผ้ ลกระทบแล้ว ครอบครัว สังคมกจ็ ะไดร้ ับผลกระทบตามไปด้วย บางครั้งการทุจริตบางเร่ืองเป็นสิ่งเล็กน้อย เช่น การลอกข้อสอบ อาจจะไม่มีใครใส่ใจหรือสงั เกตเห็น แต่หากเปน็ ความละอายระดับสูง บุคคลน้นั กจ็ ะไมก่ ล้าทา Braitwaite นักอาชญาวิทยาชาวออสเตรเลียได้อธิบายถึงทฤษฎีความละอายเชิงบูรณาการ(Theory of Reintegrative Shaming) ว่าโดยทั่วไปมนุษย์จะยับยั้งชั่งใจไม่ลงมือกระทาผิดเนื่องจากใช้วิธกี ารควบคมุ สังคมแบบไมเ่ ป็นทางการ ๒ วธิ ี คือ ๑. ใช้ความกลัวการไม่ยอมรบั ของสังคม ๒. ใชค้ วามร้สู กึ ผิดชอบช่ัวดี หรือหิร-ิ โอตัปปะ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 27 หลักการสาคัญของการควบคุมสังคมแบบไม่เป็นทางการท้ัง ๒ วิธี เช่ือว่าการลงโทษและการชดใช้ค่าทาขวัญโดยบิดามารดา ญาติพ่ีน้อง เพ่ือนฝูงหรือคนอ่ืน ๆ ท่ีมีความสาคัญต่อผู้กระทาความผิดล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อจิตใจของผู้กระทาความผิดมากกว่าการลงโทษอย่างเป็นทางการโดยสถาบันทางกฎหมายและหน่วยงานยุติธรรมใด ๆ สาหรับคนส่วนใหญ่แล้วความกลัวที่จะต้องละอายใจต่อคนท่ีเขารักใคร่ห่วงใยน้ัน เป็นสิ่งยับย้ังป้องกันไม่ให้กระทาผิดได้อย่างมีประสิทธิผลย่ิง ทั้งนี้เนื่องจากความคิดเห็นและสายตาของครอบครัวและเพ่ือนท่ีมีต่อเขา มีความหมายมากกว่าความคิดเห็นและสายตาของพนกั งานเจ้าหนา้ ท่ีผู้มีอานาจในกระบวนการยตุ ิธรรมที่เขาไม่รู้จักมากมาย ในทานองเดยี วกันใครกต็ ามซง่ึ ใกลช้ ดิ สนิทสนมกับเยาวชนผู้กระทาผิดหรอื เปน็ ผทู้ ี่เขาใหค้ วามเคารพยาเกรง ย่อมจะเป็นผู้ท่ีสามารถสอดแทรกความรู้สึกละอายใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการกระทาผิดให้แก่ผู้นั้นได้อย่างแนบเนีย นมากที่สุด ความรู้สึกละอายใจเกิดข้ึนได้หลายทาง หลายรูปแบบและหลายวิธีการ ความละอายสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่หรอื เพือ่ นฝูงสู่กนั และกนั ได้ด้วยการเรยี นรู้ รวมทั้งสามารถถา่ ยทอดไดร้ าวกบั ภาษา ๆหน่ึงด้วยวิธีการง่าย ๆ คอื การปฏบิ ตั ติ ามกนั นอกจากนี้ ความละอายสามารถตีพิมพ์เป็นเร่ืองราวในหนังสือหรือถ่ายทอดผ่านวงสนทนาระหว่างกลุ่มเพือ่ นฝงู ในรูปแบบทีไ่ ม่เป็นทางการได้อีกด้วย ทั้งอาจถ่ายทอดในรูปแบบทเี่ ปน็ ทางการ เช่นการร่วมใจกันตราหน้าผู้กระทาผิดว่าเป็นอาชญากร ฯลฯ เป็นต้น ดังนั้นความละอายจึงมีลักษณะเป็นวฒั นธรรมเฉพาะรูปแบบหนึง่ เมอ่ื เชือ่ มโยงขอ้ สงั เกตจากการควบคุมและการยบั ย้งั เหลา่ นีก้ บั แนวคิดเร่อื งรอยมลทิน จะพบความแตกต่างกันระหว่างการใช้การควบคุมทางสังคมแบบไม่เป็นทางการท่ีทาให้เกิดผลลพั ธ์เป็นความรู้สกึ ละอายใจเชิงแตกแยกกบั ความรสู้ กึ ละอายใจเชิงบรู ณาการ ทฤษฎคี วามละอายเชิงบูรณาการนย้ี ังเป็นเรื่องท่ีเชอ่ื มโยงเก่ียวข้องกับเร่ืองของการแสดงความรับผิดชอบและการยกย่องนับถือซึ่งเป็นกุญแจในการโยงยึดและบูรณาการผู้กระทาผิดไว้กับประชาคมโรงเรียนและชุมชน โดยไม่ผลักไสผู้กระทาผิดพลาดไปให้เป็นคนนอกประชาคมอีกด้วย กุญแจสาคัญที่ทาให้ความรู้สึกละอายใจทางานได้อยา่ งมีประสทิ ธผิ ลคอื การทาใหเ้ กิดความละอายและเกรงกลวั ต่อความผดิ บาปท่กี ระทา แตม่ ใิ ช่ต่อบุคคลผ้กู ระทา ซึ่งสอดคลอ้ งกับหลกั พทุ ธปรชั ญา คอื การมหี ริ โิ อตปั ปะกิจกรรมเสนอแนะ กิจกรรมท่ี ๑.๑.๑ สามคั คคี อื พลัง

28 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษากิจกรรมปอ้ งกนั การทุจริตหน่วยที่ ๑ ปรบั พ้ืนฐานความคิดตา้ นทุจรติ สว่ นตนและส่วนรวมหนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ ความละอายและความไม่ทนต่อการทรุ ิตกจิ กรรมที่ ๑.๑.๑ สามคั คคี ือพลัง เวลา ๑๒๐ นาทีสาระสาคัญ การสร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพสังคมให้เกิดภาวะ “ที่ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเร่ิมตั้งแต่กระบวนการกลอ่ มเกลาทางสังคมในทุกช่วงวัย เพ่ือสร้างวัฒนธรรมต่อตา้ นการทจุ ริต และปลกู ฝังความพอเพียง ความมวี นิ ยั ความซ่ือสัตยส์ ุจรติ ความเป็นพลเมอื งดี มจี ิตสาธารณะผ่านทางสถาบันหรือกลุ่มตวั แทนท่ที าหน้าที่ในการกล่อมเกลาทางสังคม เพื่อให้เด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ เกิดพฤติกรรมท่ลี ะอายตอ่ การกระทาความผิด การไม่ยอมรบั และตอ่ ต้านการทจุ รติ ทกุ รปู แบบจุดประสงคข์ องกิจกรรม ๑. เพ่อื ใหม้ คี วามร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจริต ๒. เพือ่ ใหส้ ามารถสงั เกตพฤติกรรมทจุ ริต และรว่ มป้องกนั ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ๓. เพื่อให้ตระหนักถึงความละอายต่อการกระทาทจุ รติ และความไม่ทนตอ่ การทุจริตสื่อ วสั ดุ อปุ กรณ์ แหล่งเรียนรู้ ๑. กระดาษวาดรปู ตามแบบท่ีกาหนด จานวนตามกลมุ่ ผู้เรียน แตล่ ะกลุม่ สตี ้องไมซ่ ้ากนั ๒. กรรไกรตดั กระดาษ กลุ่มละ ๑ เล่ม ๓. กระดาษแข็งทาเป็นกรอบสเี่ หลีย่ มสาหรบั ใสร่ ูปขนาด 25 ซม.× 25 ซม. สาหรบั ให้สมาชิก แต่ละกลมุ่ นาไปตอ่ รปู จานวนตามกลุ่มผ้เู รยี น ๔. แบบตวั อย่างการตดั กระดาษตามท่ีกาหนด 8 แบบ ๕. ภาพสมบูรณ์ สาหรับเฉลย ๖. แบบประเมนิ ผลงานกลุม่ และแบบประเมนิ พฤติกรรมขั้นตอนการดาเนนิ กจิ กรรม ๑. ผสู้ อนกล่าวทกั ทายผู้เรยี น แจ้งชอ่ื กิจกรรมและจดุ ประสงค์ของกิจกรรมแก่ผูเ้ รียน ๒. แบ่งกลุ่มโดยวิธีการนบั เลขหรือวิธีการอ่นื ๆ ให้ไดก้ ลุม่ ละ ๘ คน ๓. มอบหมายงานโดยให้แต่ละกลุ่มตัดกระดาษตามแบบที่ได้รับจานวนเท่ากับจานวนกลุ่ม ที่แบ่งไว้ ๔. ใหแ้ ต่ละกลุ่มนากระดาษท่ตี ัดตามแบบทีไ่ ด้รบั ไปแลกเปล่ียนกบั กล่มุ อื่นใหค้ รบทัง้ ๘ แบบ ๕. ใหผ้ ูเ้ รยี นจบั คู่สมาชกิ ในกลมุ่ เป็นเพื่อนคู่หูหรือบัดดีก้ ัน

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 29 ๖. ผู้สอนอธบิ ายกตกิ าการทากิจกรรม โดยมเี งอ่ื นไขดงั น้ี ๖.๑ ผู้สอนเปดิ ภาพท่สี มบูรณใ์ ห้ผเู้ รยี นทุกคนไดด้ กู อ่ น ในเวลา ๑๐ วนิ าที ๖.๒ ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มต่อกระดาษท่ีได้รับท้ัง ๘ แบบ ลงในกรอบส่ีเหลี่ยมให้ได้ภายใน เวลา ๑๕ นาที ๖.๓ สมาชิกในกลุ่มแต่ละคนจะได้รับกระดาษคนละแบบ และต้องไม่ให้สมาชิกในกลุ่ม คนอ่ืนร้วู า่ ตนเองไดก้ ระดาษรปู อะไร ยกเวน้ เพ่ือนทีเ่ ปน็ เพือ่ นคู่หหู รือบัดด้ขี องตนเอง ๖.๔ สมาชิกแต่ละคนนากระดาษของตนเองไปวางในกรอบส่ีเหล่ียมท่ีกาหนดไว้ทีละคน ให้ได้รปู ทรงตามทกี่ ลุ่มเหน็ ว่าสมบรู ณถ์ ูกต้องท่ีสดุ ๖.๕ กลุม่ ทต่ี อ่ รูปลงในกรอบไม่สมบรู ณห์ รอื ใช้เวลามากที่สุดจะถกู ลงโทษ ๗. เมอื่ ทากิจกรรมเสรจ็ แลว้ ผ้สู อนตรวจผลงานทกุ กลมุ่ วา่ เปน็ ไปตามที่กาหนดหรือไม่ กลุ่มใด สามารถวางกระดาษลงในกรอบได้สมบูรณ์แสดงว่ากลุ่มน้ันมีผู้ทุจริต เนื่องจากกระดาษ ถ้าตัดตามแบบจะมกี ระดาษที่ล้นออกมาจากกรอบที่กาหนด ๑ ชนิ้ ๘. เม่ือผู้สอนพบว่ามีกลุม่ ท่ีทุจริต จะต้องหาผู้ทุจริตออกมารับโทษ หากไม่มีผู้ยอมรบั ว่าทุจริต สมาชิกกลุ่มน้ันจะตอ้ งถกู ลงโทษทุกคน ๙. ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของผเู้ รยี นทุกคนวา่ มีความละอายและไม่ทนต่อการทุจริตหรอื ไม่ ๑๐. ผู้สอนเฉลยกิจกรรม ถอดบทเรียนร่วมกับผู้เรียนทุกคน และสรุปบทเรียนตามที่ผู้เรียน ทุกคนไดร้ ับขอ้ เสนอแนะ ๑. ผู้สอนต้องเน้นใหผ้ เู้ รียนแตล่ ะกลุม่ ต่อกระดาษลงในกรอบตามแบบท่กี าหนด ๒. ควรวางกรรไกรตัดกระดาษของแตล่ ะกลุ่มและกรอบสาหรบั วางกระดาษไวค้ ูก่ ัน ๓. กาหนดเส้นเริ่มต้น (Start) ให้ห่างจากจุดต่อกระดาษลงกรอบเพ่ือให้ผู้เรียนสามารถ หลบเล่ียงการสงั เกตพฤติกรรมทจุ ริตของผ้วู างกระดาษ ๔. ผู้สอนควรนัดแนะกับผู้เรียนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งท่ีได้รับกระดาษที่ยาวกว่ากรอบ ให้ทาทุจริต ด้วยการพับหรือตัดกระดาษของตนให้สามารถต่อลงกรอบได้พอดี โดยห้ามบอกใครว่าตน ได้รับการนัดแนะจากผู้สอน และผู้เรียนคนน้ันต้องไม่ยอมรับว่าตนทุจริต จะถูกกดดัน อย่างไรก็ต้องไม่ยอมรับ เพ่ือดูว่าเพื่อนคู่หูหรือบัดด้ีของผู้เรียนท่ีทุจริตจะทนต่อการทุจริต ของเพอ่ื นคู่หหู รือบัดดีข้ องตนเองไดห้ รือไม่ ๕. ผสู้ อนควรควบคุมเวลาในการทากจิ กรรมเพือ่ ให้เป็นไปตามเวลาทกี่ าหนดแนวทางการวัดและประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤตกิ รรมของผู้เรียนระหว่างการทากจิ กรรม ๒. สังเกตการแสดงความคิดเห็นสะท้อนของผู้เรียนถึงพฤติกรรมของผู้ทุจริต ความละอายใจ ต่อการกระทาทจุ ริตและยอมรับบทลงโทษ

30 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา หลัก รายการพฤติกรรมท่ีประเมนิ สดั สว่ นคะแนนคุณธรรม - ทากิจกรรมดว้ ยความละเอียดรอบคอบ (ร้อยละ) พอเพียง - รบั ฟงั ความคิดเห็นของสมาชิกในกลมุ่ 15 - รบั ผิดชอบกิจกรรมของตนเอง มวี ินัย - ทากิจกรรมตรงตามกตกิ า และขอ้ กาหนด 25 สุจรติ - ม่งุ มนั่ ทากิจกรรมด้วยความซ่ือสตั ย์ 50 จิตอาสา - ชว่ ยเหลือสมาชิกในกลุ่มด้วยความเต็มใจ 10 100 รวม

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทุจริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 31 ตวั อย่างแบบตดั กระดาษ      ภาพแสดงตาแหนง่ ท่ถี กู ต้องเมอ่ื ประกอบครบถ้วนสมบรู ณ์

32 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตด้านอาชีวศกึ ษา แบบตัดกระดาษท้งั 8 แบบ  14 ซม. 13 ซม.19 ซม. 6 ซม.  6 ซม.12 ซม. 6 ซม. 6 ซม.11 ซม.11 ซม. 11 ซม.  11 ซม. 11 ซม.   17 ซม 11 ซม. 7.5 ซม.   7.5 ซม.หมายเหตุ ขนาดอาจปรับเปลยี่ นไดต้ ามความเหมาะสม10 ซม. 5 ซม. 13 ซม. 6 ซม.

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตด้านอาชีวศกึ ษา 33 ส่ือการเรยี นรู้เสนอแนะ QR Codeหนว่ ยท่ี ๑ ปรบั พื้นฐานความคิดตา้ นทุจริตสว่ นตนและสว่ นรวมหน่วยย่อยที่ ๑.๑ ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติรายการ เนอ้ื หาสาระ เวลา แหล่งส่อื๑. วีดิทัศน์ เรอ่ื ง กรณตี วั อยา่ งเก่ียวกับการให้ 3.59 พิพิธภณั ฑต์ ้าน“สินบน” สินบน นาที โกง สานักงาน ป.ป.ช.๒. วีดทิ ศั น์ เร่อื ง ตอนแย่งที่ เป็นการแย่งทจี่ อด 7.28 สานักงาน “นมิ นต์ยิม้ เรือ โดยมคี นตดิ สนิ บนเจ้าหน้าท่ี นาที ป.ป.ช. เดล่ี คนดไี ม่ ซง่ึ เจ้าหน้าท่ผี ้นู ้นั ไมย่ อมรับ คอร์รปั ชนั ” สินบน และจบั ตัวคนทีจ่ ะให้ สินบนไปลงโทษ ตอนรบั ไมไ่ ด้ เจ้าหนา้ ท่ีเข้าไป ตรวจสอบสินค้า แตเ่ จา้ ของ สินค้าไมใ่ หต้ รวจและจะมอบ สนิ บนให้กบั เจ้าหนา้ ที่ ซึง่ เจ้าหนา้ ที่คนนัน้ ไมย่ อมรบั ของ ดงั กลา่ ว ตอนทาบุญบูรณะวัด วดั มสี ภาพ เสอ่ื มโทรมซ่งึ มคี นมาชว่ ยเหลือ บรจิ าคเงิน แตต่ อ้ งให้พระที่วัด พูดจาหว่านล้อมให้ชาวบ้านขาย ที่ดนิ ใหต้ นเอง ตอนแป๊ะเจี๊ยะ พอ่ ต้องการให้ลูก เข้าเรยี นในโรงเรยี นทม่ี ีชอ่ื เสยี ง จึงจะจา่ ยเงนิ ให้กับทางโรงเรียน แต่ลกู ไมย่ อมและยืนยนั วา่ จะ สอบเข้าด้วยตัวเอง ตอนสง่ เสรมิ ลูกนอ้ ง เจา้ นาย อยากให้ลกู น้องเปน็ ทหารจึงเอา ของไปตดิ สนิ บน สดุ ทา้ ยจึงถกู จาคุก

34 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตด้านอาชีวศกึ ษา รายการ เน้อื หาสาระ เวลา แหล่งสือ่ QR Code๓. วดี ิทัศน์ เรือ่ ง กรณีตวั อยา่ งเก่ยี วกับความ 1.47 พพิ ธิ ภณั ฑต์ า้ น เสียหายที่ประเทศไทยไดร้ ับจาก นาที โกง สานักงาน “ค่าโง”่ ปัญหาการทุจรติ ป.ป.ช.๔. วดี ทิ ัศน์ เรื่อง กรณตี วั อยา่ งเก่ยี วกับการสารวจ 2.19 พพิ ธิ ภณั ฑต์ า้ น“เชือ่ หรือไม่” ความคดิ เหน็ ของประชาชนใน นาที โกง สานักงาน เรื่องทจุ รติ ป.ป.ช.๕. วดี ทิ ศั น์ เรือ่ ง กรณตี ัวอยา่ งเกยี่ วกบั กลโกงการ 2.44 พิพิธภณั ฑ์ตา้ น“กลโกง เสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ นาที โกง สานักงานฮั๊วประมูล” ป.ป.ช.๖. วีดิทัศน์ เรือ่ ง กรณีตวั อยา่ งเกย่ี วกับการทจุ ริต 3.00 พิพิธภัณฑต์ ้าน“ทุจรติ เชิง เชิงนโยบาย นาที โกง สานักงานนโยบาย” ป.ป.ช.๗. วีดิทัศน์ เรื่อง มคี นย่นื เงินใหก้ ับเจ้าหน้าท่ี 32 https://www. “รับสินบน” ซงึ่ เจา้ หน้าที่ท่ีเปน็ ลกู นอ้ ง วินาที youtube.com ไม่ยอมรับหวั หนา้ ท่โี กง และ ออกมาตอ่ ต้าน /watch?v=M Gc3LXOlZ-o จาก องค์กร ต่อตา้ น คอรร์ ปั ชนั (ประเทศไทย) (ACT)

v=6x

36 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตด้านอาชีวศกึ ษา กจิ กรรมป้องกันการทุจรติ หน่วยท่ี ๑ ปรบั พื้นฐานความคิดตา้ นทุจรติ สว่ นตนและส่วนรวม หน่วยยอ่ ยท่ี ๑.๒ การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมสาระสาคญั การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม เป็นพฤติกรรมท่ีอยู่ระหว่างจริยธรรมกับการทุจริตที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตนซึ่งกระทบต่อผลประโยชน์ส่วนรวม การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมน้ันมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไป ไม่จากัดเฉพาะในรูปแบบของตัวเงินหรือทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงผลประโยชน์อ่ืน ๆ ด้วย หากบุคคลคิดได้ คิดดีคิดเป็น ก็จะสามารถคิดแยกแยะ ปรับวิธีคิด ส่งผลให้พฤติกรรมของบุคคลเปลี่ยน สังคมเปลี่ยนประเทศชาติเปลยี่ น และโลกเปลีย่ นจุดประสงค์ 1. เพ่ือใหม้ ีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั เรอ่ื งประโยชนส์ ่วนบุคคลและประโยชน์สว่ นรวม 2. เพ่ือให้สามารถคิดแยกแยะเก่ียวกับเร่ืองประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม เพื่อ เลอื กประพฤติปฏิบตั ิตนในทางท่ถี กู ตอ้ งในสงั คม 3. เพอ่ื ใหต้ ระหนักถงึ การดารงตนโดยยดึ หลกั จริยธรรมความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติเน้ือหาสาระ • สาเหตทุ ี่ทาให้เกดิ การทุจริต การทุจริตมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศที่กาลังพัฒนา ไม่ใช่เพียงเพราะวา่ ลักษณะประชากรแตกตา่ งจากภมู ิภาคอื่นท่ีพฒั นาแล้ว แต่เปน็ เพราะกลุม่ ประเทศทก่ี าลงั พัฒนาน้ันมีปัจจัยภายในต่าง ๆ ที่เอ้ือหรือสนับสนุนต่อการเกิดการทุจริต อาทิเช่น ๑) แรงขับเคล่ือนท่ีอยากมีรายได้มากขึ้น อันเป็นผลเนื่องมาจากความจน ค่าแรงอัตราต่า หรือมีสภาวะความเส่ียงสูงในด้านต่าง ๆเช่น ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือการว่างงาน 2) มีสถานการณ์หรือโอกาสที่อาจก่อให้เกิดการทุจ ริตได้มาก และมีกฎระเบียบต่าง ๆ ที่อาจนาไปสู่การทุจริต 3) การออกกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมท่ีไม่เข้มแข็ง 4) กฎหมายและประมวลจริยธรรมไม่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัย 5) ประชากรในประเทศยังคงจาเปน็ ต้องพง่ึ พาทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่เู ปน็ จานวนมาก 6) ความไมม่ เี สถียรภาพทางการเมอื ง และเจตจานงทางการเมืองท่ีไม่เข้มแข็ง ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว จะนาไปสู่การทุจริต ไม่ว่าจะเป็นทุจริตระดบั บนหรือระดับล่างกต็ าม

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 37 ผลทีต่ ามมาจากการทจุ รติ ดังกลา่ วมีด้วยกนั หลายประการ เช่น ทาให้ภาพลักษณ์ของประเทศด้านความโปร่งใสเลวร้ายลง การลงทุนในประเทศโดยเฉพาะอย่างย่ิงจากนักลงทุนต่างชาติลดน้อยลงส่งผลกระทบทาให้การเติบโตทางเศรษฐกิจลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน หรือทาให้เกิดช่องว่างของความไม่เท่าเทียมที่กว้างขึ้นของประชากรในประเทศ หรืออีกนัยหนึ่งคือระดับความจนเพ่ิมสูงข้ึน ในขณะท่ีกล่มุ คนรวยกระจกุ ตวั อยู่เพียงกลุ่มเลก็ ๆ กลมุ่ เดยี ว นอกจากนี้ การทุจริตยงั ทาให้การสร้างและปรับปรุงสาธารณูปโภคต่าง ๆ ของประเทศลดลงท้ังในด้านปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งยังอาจนาพาประเทศไปสู่วกิ ฤติทางการเงินทรี่ ้ายแรงได้อกี ด้วย สาเหตุที่ทาใหเ้ กิดการทจุ ริตคอรร์ ปั ชันอาจมาจากสาเหตุภายในหรือสาเหตุภายนอก ดงั นี้ 1. ปจั จยั ส่วนบุคคล ไดแ้ ก่ พฤติกรรมสว่ นตวั ของข้าราชการบางคนที่เป็นคนโลภมาก เห็นแก่ได้ไม่รู้จักพอ ความเคยชินของข้าราชการที่คุ้นเคยกับการที่จะได้ “ค่าน้าร้อนน้าชา” หรือ “เงินใต้โต๊ะ”จากผ้มู าติดตอ่ ราชการ ขาดจิตสานึกเพอื่ สว่ นรวม 2. ปจั จัยภายนอก ประกอบด้วย 2.1 ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ รายได้ของข้าราชการนอ้ ยหรือต่างกันมาก ไม่ได้สัดส่วนกบั การครองชพี ที่สงู ขึน้ การเตบิ โตของระบบทนุ นยิ มที่เน้นการบริโภค สรา้ งนิสัยการอยากได้ อยากมี เมอื่ รายได้ไม่เพียงพอกต็ ้องหาทางใชอ้ านาจไปทุจรติ ๒.2 ด้านสังคม ได้แก่ ค่านิยมของสังคมท่ียกย่องคนมีเงิน คนร่ารวย และไม่สนใจว่าเงินน้ันได้มาอย่างไร เกิดลัทธิเอาอย่าง อยากได้สิ่งที่คนรวยมี เมื่อเงินเดือนของตนไม่เพียงพอ ก็หาโดยวิธีมชิ อบ 2.3 ด้านวัฒนธรรม ได้แก่ การนิยมจ่ายเงินของนักธุรกิจให้กับข้าราชการท่ีต้องการความสะดวกรวดเร็ว หรอื การบริการทด่ี กี วา่ ดว้ ยการลดตน้ ทนุ ท่จี ะต้องปฏิบัติตามระเบียบ 2.4 ด้านการเมือง ได้แก่ การทุจริตของข้าราชการแยกไม่ออกจากนักการเมือง การร่วมมือของคนสองกลุ่มนี้เกิดขึ้นได้ในประเด็นการใช้จ่ายเงิน การหารายได้และการตัดสินพิจารณาโครงการของรฐั 2.5 ด้านระบบราชการ ไดแ้ ก่ - ความบกพร่องในการบรหิ ารงานที่เปดิ โอกาสใหเ้ กิดการทุจรติ - การใชด้ ุลพินจิ มากและการผูกขาดอานาจซง่ึ ทาให้อตั ราการทจุ ริตในหน่วยงานสงู - การท่ขี ้ันตอนของระเบียบราชการมีมากเกนิ ไป ทาให้ผู้ท่ีไปติดต่อตอ้ งเสียเวลามากจงึ เกดิ การสมยอมกันระหว่างผูใ้ หก้ บั ผรู้ ับ - การตกอยู่ใต้ภาวะแวดล้อมและอิทธิพลของผู้ทุจริต มีทางเป็นไปได้ท่ีผู้น้ันจะทาการทุจรติ ดว้ ย - การรวมอานาจระบบราชการลักษณะท่ีรวมศูนย์ ทาใหไ้ ม่มีระบบตรวจสอบที่เป็นจริงและมีประสทิ ธิภาพ

38 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา - ตาแหนง่ หนา้ ท่ใี นลักษณะอานวยตอ่ การกระทาผิด เชน่ อานาจในการอนญุ าต การอนุมัติจัดซ้ือจัดจ้าง ผู้ประกอบการเอกชนมักจะยอมเสียเงินติดสินบนเจ้าหน้าท่ีเพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเรว็ - การที่ข้าราชการผู้ใหญ่ทุจริตให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วไม่ถูกลงโทษ ข้าราชการชน้ั ผู้น้อยจึงเลยี นแบบกลายเปน็ ความเคยชนิ และมองไม่เห็นว่าการกระทาเหล่านนั้ จะเปน็ การคอร์รัปชันหรอื มคี วามสบั สนระหวา่ งสนิ นา้ ใจกบั คอรร์ ัปชัน 2.6 กฎหมายและระเบียบ ไดแ้ ก่ - กฎหมายหลายฉบบั มชี อ่ งโหว่ที่ทาใหก้ ารทุจริตยังคงอยู่ - การทุจริตไม่ได้เป็นอาชญากรรม ให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายหาพยานหลักฐานได้ยากย่ิงกว่าน้ันคู่กรณีท้ังสองฝ่ายมักไม่ค่อยมีฝ่ายใดยอมเปิดเผยออกมา และถ้าหากมีฝ่ายใดต้องการท่ีจะเปิดเผยความจรงิ ในเร่อื งนี้ กฎหมายหมิ่นประมาทกย็ บั ย้งั เอาไว้ อีกทัง้ กฎหมายของทุกประเทศเอาผิดกับบุคคลผใู้ หส้ นิ บนเท่า ๆ กบั ผู้รับสินบน จึงไม่ค่อยมีผูใ้ ห้สินบนรายใดกล้าดาเนินคดกี บั ผู้รบั สนิ บน - ราษฎรท่ีรู้เห็นการทุจริตก็เป็นโจทก์ฟ้องร้องมิได้ เนื่องจากไม่ใช่ผู้เสียหายยิ่งกว่านน้ั กระบวนการพิจารณาพพิ ากษายังยุ่งยากซับซ้อนจนกลายเปน็ ผลดแี กผ่ ทู้ จุ ริต - ขั้นตอนทางกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติยุ่งยาก ซับซ้อน มีขั้นตอนมาก ทาให้เกิดช่องทางใหข้ า้ ราชการหาประโยชน์ได้ 2.7 การตรวจสอบ ได้แก่ - ภาคประชาชนขาดความเข้มแข็ง ทาให้กระบวนการต่อต้านการทุจริตจากฝ่ายประชาชนไมเ่ ขม้ แขง็ เท่าทีค่ วร - การขาดการควบคุมตรวจสอบของหน่วยงานท่ีมีหน้าที่ตรวจสอบหรือกากับดูแลอย่างจรงิ จัง 2.8 สาเหตอุ น่ื ๆ ไดแ้ ก่ - อิทธิพลของภรรยาหรือผู้หญิง เน่ืองจากเป็นผู้ใกล้ชิดสามีอันเป็นตัวการสาคัญทีส่ นับสนุนและส่งเสริมใหส้ ามขี องตนทาการทุจรติ เพ่ือความเปน็ อยูข่ องครอบครัว - การพนัน ทาให้ขา้ ราชการที่เสียพนันมีแนวโน้มจะทจุ ริตมากขึน้ • ความหมายของการขัดกนั ระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม “การขัดกันแห่งผลประโยชน์ส่วนบุคคลและผลประโยชน์ส่วนรวม” หรือ “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม” หรือ “การขัดกันระหว่างผลประโยชน์สาธารณะและผลประโยชน์ส่วนบุคคล” หรือ “ประโยชน์ทับซ้อน” หรือ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” หรือ “ผลประโยชน์ขัดกัน” หรือ “ผลประโยชน์ขัดแย้ง” หรือ “ความขัดแย้งทางผลประโยชน์” นัน้ มีลกั ษณะทานองเดียวกนักบั กฎศีลธรรม ขนบธรรมเนียมจารตี ประเพณี หลกั คณุ ธรรม จริยธรรม กล่าวคอื การกระทาใด ๆ ท่ีเปน็การขดั กันระหว่างประโยชนส์ ่วนบุคคลกบั ประโยชนส์ ่วนรวม เปน็ สง่ิ ท่คี วรหลีกเลีย่ งไม่ควรจะกระทา แต่บุคคลแต่ละคน แตล่ ะกลุ่ม แตล่ ะสงั คม อาจเหน็ ว่าเร่อื งใดเปน็ การขัดกนั ระหว่างประโยชน์สว่ นบคุ คลกับประโยชน์ส่วนรวมแตกต่างกันไป หรือเมื่อเห็นว่าเป็นการขัดกันแล้วยังอาจมีระดับของความหนักเบา

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 39แตกต่างกัน อาจเห็นแตกต่างกันว่าเรื่องใดกระทาได้กระทาไม่ได้แตกต่างกันออกไปอีก และในกรณีท่ีมีการฝ่าฝืนบางเร่ืองบางคนอาจเห็นว่าไม่เป็นไร เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่บางคนอาจเห็นเป็นเร่ืองใหญ่ ต้องถูกประณาม ตาหนิ ติฉนิ นินทา ว่ากล่าว ฯลฯ แตกต่างกันตามสภาพของสังคม โดยพ้ืนฐานแล้ว เรื่องการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม เป็นกฎศีลธรรมประเภทหน่ึงท่ีบุคคลไม่พึงละเมิดหรือฝ่าฝืน แต่เนื่องจากมีการฝ่าฝืนกันมากขึ้น และบุคคลผ้ฝู า่ ฝนื ก็ไม่มีความเกรงกลัวหรือละอายตอ่ การฝ่าฝนื นัน้ สงั คมก็ไม่ลงโทษหรอื ลงโทษไม่เพียงพอทจ่ี ะมผี ลเป็นการห้ามการกระทาดังกล่าว และในที่สดุ เพอื่ หยุดยั้งเรื่องดังกลา่ วน้ี จึงมีการตรากฎหมายท่เี กี่ยวขอ้ งกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์มากข้ึน ๆ และเป็นเรื่องท่ีสังคมให้ความสนใจมากขึ้นตามลาดับ สามารถสรปุ ภาพไดด้ ังภาพพ้นื ท่ีสขี าว พนื้ ทส่ี ดี า พ้ืนที่สเี ทา เกดิ จากการทบั ซ้อนของสีขาวและสีดาแทน ประโยชน์สว่ นรวม แทน ประโยชน์สว่ นตน เปน็ พ้ืนทเี่ กิดการขดั กนั ระหว่างประโยชนส์ ว่ นตน และประโยชน์ส่วนรวม จริยธรรม เป็นกรอบใหญ่ทางสังคมที่เป็นพ้ืนฐานของแนวคิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์สว่ นตนกบั ประโยชนส์ ว่ นรวมและการทจุ ริต การกระทาใดทผ่ี ิดต่อกฎหมาย การขัดกนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตนกบั ประโยชนส์ ่วนรวมและการทจุ รติ ย่อมเปน็ ความผิดตอ่ จริยธรรมดว้ ย แตต่ รงกนั ข้ามการกระทาใดที่ฝ่าฝืนจริยธรรม อาจไม่เป็นความผิดเก่ียวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมและการทุจริต เช่น การมีพฤติกรรมส่วนตัวที่ไม่เหมาะสม การมีพฤติกรรมชู้สาวเปน็ ตน้ • รปู แบบของการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชนส์ ว่ นรวม การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมมีหลายรูปแบบ ไม่จากัดอยู่เฉพาะในรูปแบบของตัวเงินหรือทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงผลประโยชน์อื่น ๆ ด้วย ทั้งน้ี JohnLangford และ Kenneth Kernaghan ได้จาแนกรูปแบบของการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม ออกเป็น 7 รปู แบบ คอื 1. การรับผลประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การรับของขวัญจากบริษัทธุรกิจ บริษัทสนับสนุนค่าเดินทางให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ไปประชุมท่ีต่างประเทศ หน่วยงานราชการรับเงินบริจาคสร้างสานักงานจากธุรกิจที่เป็นลูกค้าของหน่วยงาน หรือการใช้งบประมาณของรัฐเพื่อจัดซ้ือจัดจ้างแล้วเจา้ หน้าทไี่ ดร้ ับของแถมหรือประโยชน์อ่ืนตอบแทน เปน็ ต้น

40 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 2. การทาธุรกิจกับตนเองหรือเป็นคู่สัญญา หมายถึง สถานการณ์ท่ีผู้ดารงตาแหน่งสาธารณะมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทากับหน่วยงานที่ตนสังกัด ตัวอย่างเช่น การใช้ตาแหน่งหน้าท่ีทาให้หน่วยงานทาสัญญาซื้อสินค้าจากบริษัทของตนเอง หรือจ้างบริษัทของตนเป็นท่ีปรึกษา หรือซื้อที่ดินของตนเองในการจัดสร้างสานักงาน สถานการณ์เช่นนี้เกิดบทบาทที่ขัดแย้ง เช่น เป็นท้ังผู้ซื้อและผู้ขายในเวลาเดยี วกนั 3. การทางานหลังจากออกจากตาแหน่งหน้าท่ีสาธารณะหรือหลังเกษียณ หมายถึง การที่บุคคลลาออกจากหนว่ ยงานของรัฐและไปทางานในบรษิ ทั เอกชนท่ดี าเนินธรุ กิจประเภทเดยี วกนั 4. การทางานพิเศษ เช่น ผู้ดารงตาแหน่งสาธารณะตั้งบริษัทดาเนนิ ธุรกิจทีเ่ ป็นการแขง่ ขันกับหน่วยงานหรือองค์การสาธารณะที่ตนสังกัด หรือการรับจ้างเป็นท่ีปรึกษาโครงการ โดยอาศัยตาแหน่งในราชการสรา้ งความนา่ เชื่อถอื ว่าโครงการของผ้วู ่าจ้างจะไม่มปี ญั หาตดิ ขดั ในการพิจารณาจากหน่วยงานที่ทป่ี รึกษาสังกดั อยู่ 5. การรู้ข้อมูลภายใน หมายถึง สถานการณท์ ่ีผดู้ ารงตาแหนง่ สาธารณะใชป้ ระโยชน์จากการรู้ข้อมูลภายในเพ่ือประโยชน์ของตนเอง เช่น ทราบว่ามีการตัดถนนผ่านบริเวณใดก็จะเข้าไปซื้อที่ดินน้ันในนามของภรรยา หรือทราบว่าจะมีการซื้อขายที่ดินเพื่อทาโครงการของรัฐก็จะเข้าไปซื้อที่ดินนั้นเพ่ือเกง็ กาไรและขายให้กบั รัฐในราคาทสี่ ูงข้นึ 6. การใช้ทรัพย์สินของราชการเพื่อประโยชน์ธุรกิจส่วนตัว เช่น การนาเคร่ืองใช้สานักงานตา่ ง ๆ กลับไปใช้ทบี่ า้ น การนารถยนต์ราชการไปใช้ในงานส่วนตวั 7. การนาโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกต้งั เพื่อประโยชนท์ างการเมือง เชน่ การท่รี ฐั มนตรีอนมุ ตั ิโครงการไปลงพนื้ ทีห่ รอื บา้ นเกดิ ของตนเอง หรือการใช้งบประมาณสาธารณะเพื่อหาเสยี ง 8. การใช้ตาแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แก่เครือญาติหรือพวกพ้อง หรืออาจจะเรียกว่าระบบอุปถัมภ์พิเศษ เช่น การท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อิทธิพลหรือใช้อานาจหน้าท่ีทาให้หน่วยงานของตนเข้าทาสญั ญากบั บรษิ ทั ของพีน่ อ้ งของตน 9. การใชอ้ ทิ ธพิ ลเขา้ ไปมีผลตอ่ การตดั สนิ ใจของเจ้าหน้าทรี่ ัฐ หรือหน่วยงานของรัฐอื่น เพื่อให้เกิดประโยชนแ์ กต่ นเองหรอื พวกพอ้ ง เชน่ เจ้าหนา้ ท่ีของรฐั ใชต้ าแหนง่ หน้าที่ขม่ ขู่ผู้ใตบ้ งั คบั บญั ชาให้หยุดทาการตรวจสอบบริษัทของเครือญาติของตน • ระบบเลขฐานสิบและระบบเลขฐานสองเพ่อื แยกแยะการแก้ “ทุจรติ ” การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม เป็นพฤติกรรมท่ีอยู่ระหว่างจรยิ ธรรมกับการทจุ รติ ทจี่ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลประโยชน์ส่วนตนกระทบต่อผลประโยชน์สว่ นรวม ซง่ึ พฤตกิ รรมบางประเภทมกี ารบัญญัติเป็นความผิดทางกฎหมายมีบทลงโทษชัดเจน แต่พฤติกรรมบางประเภทยังไม่มีการบัญญัติข้อห้ามไว้ในกฎหมาย อย่างไรก็ตามหากเราสามารถพัฒนาระบบการคิดท่ีถูกต้องก็จะทาให้คนสามารถแยกแยะการแกท้ ุจริตได้

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 41 เห็นประโยชน์ส่วนตน ๕ ไมส่ ามารถแยกประโยชน์สว่ นตนสาคญั กว่าประโยชนส์ ่วนรวม และประโยชน์ส่วนรวมได้เห็นประโยชนข์ องเครือญาติพวกพอ้ ง สาคัญกวา่ ประโยชน์ ๑ ของประเทศชาติ ๔ คนทีม่ รี ะบบการคิด ๒ ทไ่ี ม่ถูกต้องเอาประโยชน์ส่วนรวม ไม่แยกเรอ่ื งตาแหน่งหนา้ ที่มาเป็นประโยชน์ส่วนตน ๓ กับเรอ่ื งส่วนตนออกจากกัน เอาประโยชน์ส่วนรวม ไปตอบแทนบุญคุณส่วนตน ภาพที่ ๑ แสดงระบบการคิดทไ่ี มถ่ ูกต้อง ระบบเลขฐานสิบ (Decimal Number System) หมายถึง ระบบเลขที่มีตวั เลข ๑๐ ตวั คอื๐, ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘, ๙ เป็นระบบคิดเลขท่ีใช้ในชีวิตประจาวัน ไม่ว่าเป็นการบอกปริมาณหรือบอกขนาด ช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในการสื่อความหมาย สอดคล้องกับระบบ “Analog” ที่ใชค้ า่ตอ่ เนอ่ื งหรอื สญั ญาณซงึ่ เป็นค่าตอ่ เน่อื ง หรือแทนความหมายของขอ้ มลู โดยการใช้ฟงั ก์ชันทีต่ อ่ เน่ือง ระบบเลขฐานสอง (Binary Number System) หมายถึง ระบบเลขท่ีมีสัญลักษณ์เพียงสองตัว คือ ๐ กับ ๑ สอดคล้องกับการทางานระบบ “Digital” ที่มีลักษณะการทางานภายในเพียง ๒จงั หวะ คือ ๐ กบั ๑ หรือ ON กับ OFF ตัดเด็ดขาด ระบบคิดฐานสิบ (Analog) เป็นระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่มีตัวเลขหลายตัว และอาจหมายถึงโอกาสทจ่ี ะเลือกได้หลายทาง เกดิ ความคดิ ทห่ี ลากหลาย ซับซอ้ น หากนามาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะทาให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องคิดเยอะ ต้องใช้ดุลยพินิจเยอะ อาจจะนาประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมมาปะปนกันได้ แยกประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมออกจากกันไม่ได้ การปฏิบัติงานแบบใช้ระบบคิดฐานสิบ คือการท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐยังมีระบบการคิดที่ยังแยกเรื่องตาแหน่งหน้าท่ีกับเร่ืองส่วนตนออกจากกันไม่ได้ นาประโยชน์ส่วนตนมาปะปนกับประโยชน์ส่วนรวม เช่น นาบุคลากรหรือทรัพย์สินของทางราชการมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน เบียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เครือญาติหรือพวกพ้องเหนือกว่าประโยชน์ของส่วนรวมหรือของ

42 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษาหน่วยงาน แสวงหาประโยชน์จากตาแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมจะยึดประโยชน์ส่วนตนเปน็ หลัก ระบบคิดฐานสอง (Digital) เป็นระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลท่ีสามารถเลือกได้เพียง ๒ ทางเท่าน้ัน คือ ๐ กับ ๑ และหมายถึงโอกาสท่จี ะเลือกได้เพียง ๒ ทาง เช่น ใช่กับไม่ใช่ เท็จกับจริง ทาได้กบัทาไม่ได้ ประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม เป็นต้น จึงเหมาะกับการนามาเปรียบเทียบกับการปฏบิ ตั ิงานของเจ้าหนา้ ทีข่ องรฐั ท่ีตอ้ งสามารถแยกเรอ่ื งตาแหนง่ หน้าทกี่ บั เรอื่ งส่วนตัวออกจากกนั ไดอ้ ย่างเด็ดขาด และไม่กระทาการท่ีเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม การปฏิบัติงานแบบใช้ระบบคิดฐานสอง คือการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ มีระบบการคิดท่ีสามารถแยกเรื่องตาแหน่งหน้าที่กับเร่ืองส่วนตนออกจากกัน แยกออกอย่างชัดเจนว่าส่ิงใดถูก-สิ่งใดผิด สิ่งใดทาได้-สิ่งใดทาไม่ได้ สิ่งไหนคือประโยชน์สว่ นตน-สงิ่ ไหนคือประโยชน์ส่วนรวม ไม่นามาปะปนกัน ไม่นาบคุ ลากรหรอืทรัพย์สินของราชการมาใชเ้ พื่อประโยชน์ส่วนตน ไม่เบียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชนส์ ว่ นรวมหรือของหน่วยงานเหนือกว่าประโยชน์ของส่วนตน เครือญาติและพวกพ้อง ไม่แสวงหาประโยชน์จากตาแหน่งหน้าที่การงาน ไม่รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดจากการปฏิบัติหน้าท่ี กรณีเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวมจะยดึ ประโยชนส์ ่วนรวมเป็นหลัก ตวั อย่าง ระบบคดิ ฐานสบิ & ระบบคดิ ฐานสอง➢ นาวสั ดุครุภณั ฑ์หลวงไปใชท้ ี่บา้ น ➢ ไมร่ บั ของขวญั จากผู้มาตดิ ตอ่➢ นารถยนตห์ ลวงมาใช้ในธุระ ราชการ สว่ นตวั ➢ ไม่ใชร้ ถหลวงในเรื่องสว่ นตัว➢ นาโทรศัพทห์ ลวงมาใชต้ ดิ ต่อธุระ ➢ ไมใ่ ช้โทรศพั ทห์ ลวงตดิ ต่อธุระ สว่ นตวั สว่ นตัว➢ นาอุปกรณไ์ ฟฟา้ สว่ นตัวมาชาร์จ ➢ ไม่นาอุปกรณ์ไฟฟ้าสว่ นตัวมา ทที่ างาน ชาร์จท่ที างาน➢ ใช้นา้ ประปาหลวงลา้ งรถส่วนตัว ไมน่ าวสั ดคุ รภุ ัณฑ์พลวงไปใช้

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา 43• คิดให้ได้ คดิ ใหด้ ี คดิ ให้เป็นคิดได้ 1. คดิ กอ่ นทา (กอ่ นกระทาการทจุ รติ ) คดิ ดี 2. คิดถึงผลเสีย ผลกระทบต่อประเทศชาติ (ความเสียหายท่ีเกิดข้ึนกับประเทศในคดิ เป็น ทกุ ๆ ดา้ น) 3. คิดถึงผูไ้ ดร้ บั บทลงโทษจากการกระทาการทุจรติ (เอามาเปน็ บทเรยี น) 4. คิดถึงผลเสีย ผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นกับตนเอง (จะต้องอยู่กับความเส่ียงท่ีจะ ถูกร้องเรยี น ถูกลงโทษ ไล่ออกและติดคกุ ) 1. คิดแบบพอเพียง ไม่เบียดบังตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่นและไม่เบียดเบียน ประเทศชาติ 2. คดิ อย่างรบั ผดิ ชอบตามบทบาทหนา้ ท่ี กฎระเบียบ 3. คิดตามคุณธรรมว่า “ทาดไี ด้ดี ทาช่ัวได้ชวั่ ” 1. คดิ แยกเรือ่ งประโยชน์สว่ นบุคคลและประโยชน์สว่ นรวมออกจากกนั อยา่ งชดั เจน 2. คิดแยกเรื่องตาแหน่งหน้าท่กี ับเรื่องสว่ นตัวออกจากกัน 3. คิดที่จะไมน่ าประโยชนส์ ่วนตนกบั ประโยชน์สว่ นรวมมาปะปนกนั มากา้ วกา่ ยกนั 4. คิดทีจ่ ะไมเ่ อาประโยชน์ส่วนรวมมาเปน็ ประโยชน์สว่ นตน 5. คดิ ท่ีจะไม่เอาผลประโยชนส์ ว่ นรวมมาตอบแทนบุญคณุ ส่วนตน 6. คิดเหน็ แก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชนส์ ่วนตน เครอื ญาตแิ ละพวกพอ้ งกจิ กรรมเสนอแนะ กจิ กรรมที่ ๑.๒.๑ คดิ เปน็ โปรง่ ใส คดิ ไดไ้ ม่โกง

44 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตด้านอาชีวศกึ ษากจิ กรรมป้องกนั การทจุ ริตหน่วยที่ ๑ ปรับพนื้ ฐานความคดิ ตา้ นทุจริตส่วนตนและส่วนรวมหน่วยยอ่ ยที่ ๑.๒ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวมกจิ กรรมที่ ๑.๒.๑ คดิ เป็นโปร่งใส คดิ ได้ไมโ่ กง เวลา ๑๒๐ นาทีสาระสาคัญ สาเหตุของการทุจริตมักเกิดจากการขัดกันระหว่างประโยชน์สว่ นบุคคลและประโยชน์สว่ นรวมซ่ึงมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไป หากบุคคลคิดได้ คิดดี คิดเป็น ก็จะสามารถคิดแยกแยะ ปรับวิธีคิดได้ว่าเรือ่ งใดกระทาได้กระทาไมไ่ ด้ หลกี เล่ียงสงิ่ ที่ไม่ควรจะกระทา คิดถงึ ผลเสียและผลกระทบทจ่ี ะเกดิ ขน้ึคิดที่จะไม่นาประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมมาปะปนกัน มาก้าวก่ายกัน คิดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ่วนตน เครอื ญาตแิ ละพวกพ้องจุดประสงค์ของกจิ กรรม 1. เพื่อให้มีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั ความหมายและรปู แบบของการทุจริตสว่ นตนและสว่ นรวม 2. เพือ่ ใหส้ ามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 3. เพอ่ื ให้มีความตระหนกั ต่อการตา้ นการทจุ รติ ประพฤติปฏิบตั ิตนดว้ ยความซ่ือสตั ย์สจุ รติสือ่ วสั ดอุ ุปกรณ์ แหลง่ เรยี นรู้ 1. คอมพิวเตอร์โนต๊ บคุ๊ หรือ PC 2. ส่ือวิดีโอเกี่ยวกับการทุจริต https://www.youtube.com/watch?v=hRazlm5WuPO “ทุจรติ แกค้ ะแนน” 3. ส่ือวิดีโอเกี่ยวกับการทุจริต https://www.youtube.com/watch?v=FEfrARhWnGc “แกท้ จุ ริตคิดฐานสอง” 4. บอร์ดติดกระดาษฟลิบชาร์ท แบ่งเป็นสองส่วน คือ ผลกระโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ ส่วนรวม 5. ป้ายฟิวเจอร์บอร์ด มีข้อความซ่ึงเป็นประโยคบอกเล่าเกี่ยวกับพฤติกรรมต่างๆ ท่ีเก่ียวกับ ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม (จานวนข้ึนอยู่กับความเหมาะสมของ ผู้เรียนและเวลา) ประมาณ 20-30 แผ่นป้าย 6. ป้ายทายคา เช่น “ฉ้_ _ ล” หมายถึง ใช้กลอุบายหลอกลวง โดยเอาความเท็จมากล่าวเพ่ือให้ ผู้อ่ืนหลงผดิ ประมาณ 20-30 คา (จานวนข้ึนอยู่กับความเหมาะสมของผูเ้ รียนและเวลา) 7. ของรางวลั 8. แบบประเมินผลงานกลุม่ และแบบประเมินพฤตกิ รรม