กระชาย Boesenbergia rotunda (L.) Mansf. ช่ืออื่น - ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 40-80 ซม. มีล�ำต้นสั้นและมีรากสะสมอาหารคล้ายนิ้วมืออยู่ใต้ดิน มีกล่ิน Zingiberaceae แบบกระชายบ้าน ล�ำต้นเหนือดิน สูง 9-16 ซม. สีม่วงอมแดง มีขนส้ันประปรายหรือเกือบเกลี้ยง ใบเดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียว มี 3-7 ใบต่อต้น รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 6-12 ซม. ยาว 17-40 ซม. ปลายแหลม หรือเรียวแหลม โคนรูปลิ่มหรือตัด ด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนสั้นประปราย แผ่นใบพับจีบตามแนวเส้นแขนง ใบเล็กน้อย ก้านใบยาว 5-12 ซม. เกลี้ยง ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกที่ปลายล�ำต้นเหนือดิน มีใบประดับสี ม่วงอมแดงหุ้มเป็นช่อดอกส้ัน ๆ และถูกหุ้มด้วยกาบใบคู่สุดท้าย โผล่พ้นออกมาเฉพาะดอกย่อย วงกลีบเล้ียง สีขาว โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 1.5 ซม. ปลายแยกเป็นแฉกลึกด้านเดียว วงกลีบดอก โคน เช่ือมติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 6 ซม. ปลายแยก 3 แฉก สีขาวถึงสีชมพูอ่อน รูปใบหอกหรือรูปขอบ ขนาน ยาว 1.5-1.7 ซม. ปลายแหลม กลีบปากช่วงปลายสีชมพูอ่อนถึงสีชมพู มีโคนสีขาว กลางกลีบมีแถบสี แดงแต้ม เหนือรอยแต้มข้ึนไปด้านโคนกลีบปาก มีจุดหรือขีดสีแดง 2 แนว ซ้ายถึงขวา กลีบปากเป็นรูปรีหรือ รูปรีแกมรูปไข่กลับ โคนเป็นถุงเล็กน้อย กว้าง 1-15 ซม. ยาว 2-3 ซม. ปลายกลีบหยักเป็นร้ิวและเป็นคลื่นไม่ สม่�ำเสมอ ผิวเกลี้ยงหรือมีขนต่อมเล็กน้อย กลีบคู่ข้างสีชมพูอ่อนหรือสีขาว รูปไข่กลับหรือรูปขอบขนานแกม รูปไข่กลับ ยาวประมาณ 1.7 ซม. ปลายมนถึงกลม ขอบกลีบเรียบ เกสรเพศผู้สีชมพูอ่อนถึงสีขาว ยาวประมาณ 7 มม. รังไข่ยาวประมาณ 5.5 มม. เกล้ียง ผลแบบแคปซูล ประเทศไทย พบท่ัวทกุ ภาคของประเทศไทย ในพ้นื ท่กี ลุ่มป่าภเู ขียว-น�ำ้ หนาว พบไดท้ ั่วไป การกระจายพนั ธ ์ุ ภูมิภาคอนิ โดจีน จีนตอนใต้ และคาบสมทุ รมาเลเซีย นเิ วศวิทยา ข้ึนในป่าผลัดใบผสม หรือป่าดิบ ตามท่ีร�ำไรหรือชายป่า ท้ังในพื้นที่หินปูนและหิน ชนิดอ่นื ๆ ทค่ี วามสงู จากระดับทะเลไมเ่ กนิ 1,200 ม. ออกดอกช่วงเดือนมถิ นุ ายนถึงกลางเดอื นตลุ าคม หมายเหตุ กระชายที่กล่าวมานี้ข้ึนอยู่ในป่าตามธรรมชาติ เป็นชนิดเดียวกันกับท่ีปลูกเป็น เครอื่ งเทศตามบ้าน พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 91
92 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
กระเจียวขาว Zingiberaceae Curcuma parviflora Wall. ช่ืออ่ืน - ไม้ล้มลกุ อายุหลายปี มีล�ำต้นใต้ดิน ล�ำตน้ เหนอื ดินไม่ชัดเจน สงู 5-10 ซม. เกลี้ยง ใบเด่ยี ว เรยี งสลับ มี 2-3 ใบต่อต้น รูปรี หรือรูปรีแกมขอบขนาน กว้าง 8-16 ซม. ยาว 15-50 ซม. ปลายแหลมถึงเรียวแหลม โคนมน แผ่นใบเกล้ียงทง้ั 2 ด้าน กา้ นใบยาว 10-27 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลด ออกที่ปลายล�ำตน้ เหนอื ดนิ รปู ทรงกระบอก กว้าง 3-5 ซม. ยาว 3.5-10 ซม. ก้านช่อดอกยาว 7-25 ซม. ใบประดับท่ีปลายช่อสีขาว (ถ้ามี) บางคร้ังแตม้ สีเขยี วที่ปลาย ใบประดบั ทโี่ คนช่อสเี ขยี ว รูปไขก่ วา้ ง ยาว 1.5-3.5 ซม. โคนห่อตัวคลา้ ยถ้วย ปลาย มนถงึ แหลมและโคง้ บานออกนอก ผิวเกลย้ี ง กลีบเล้ยี ง สีขาว ยาวประมาณ 5 มม. โคนเช่อื มเปน็ หลอด ปลาย แยกเป็นแฉกลึกด้านเดียว วงกลบี ดอก สีขาว โคนเช่อื มติดกันเปน็ หลอด ยาว 1-1.5 ซม. ปลายแยกเป็น 3 แฉก รปู ไข่ ยาวประมาณ 5 มม. กลีบปากสีขาว ปลายกลีบสีมว่ ง ที่กลางกลีบดา้ นในมีสีเหลืองแตม้ และมีขนหนาแนน่ กลีบปากรปู ไขก่ ลบั ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายกลบี แยก 2 แฉกลกึ 1/3-1/2 ของความยาวกลีบปาก ขอบกลีบย่น และหยกั เปน็ ชายครยุ กลีบคขู่ ้างสขี าว รูปใบหอก ยาวประมาณ 8 มม. ขอบเรยี บหรือย่นเล็กน้อย เกสรเพศผู้สีขาว ยาวประมาณ 8 มม. รงั ไข่ยาวประมาณ 2 มม. ผลไม่มีขอ้ มูล ประเทศไทย พบเกือบทัว่ ทุกภาคของประเทศไทย ยกเว้นภาคใต้ การกระจายพนั ธ ์ุ พบในเมยี นมา และอาจพบในลาวดว้ ย กระเจียวขาวมกี ารกระจายพันธ์ทุ กี่ ว้างมาก และมคี วามผนั แปรของขนาดและสขี องช่อดอกมาก และบางครั้งก็พบว่าสามารถผสมขา้ มกับชนดิ อ่นื ได้ด้วย นิเวศวิทยา มักขนึ้ ในปา่ ผลดั ใบผสม บางคร้ังพบตามชายป่าดบิ แล้ง ขน้ึ ในท่รี �ำไร ทค่ี วามสูงจาก ระดับทะเลไม่เกนิ 1,000 ม. ออกดอกช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน พรรณไมเ้ ขาหินปนู ในกลมุ่ ป่าภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 93
94 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
เข้าพรรษาขาว Zingiberaceae Globba adhaerens Gagnep. ชื่ออ่ืน ว่านดอกเหลือง ไม้ล้มลกุ อายหุ ลายปี มลี �ำตน้ ใต้ดิน ล�ำตน้ เหนอื ดิน สูง 30-50 ซม. มขี นสัน้ หนาน่มุ ใบเด่ยี ว เรียงสลบั ระนาบเดียว มี 3-4 ใบในแต่ละข้าง รูปขอบขนานหรอื รูปขอบขนานแกมรปู รี กวา้ ง 3-8 ซม. ยาว 10-20 ซม. ปลายเรยี วแหลม โคนรูปล่ิมหรอื มน มีขนสั้นหนานุ่มทั้ง 2 ดา้ น ก้านใบสั้นมากหรือไมม่ ี ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุก แยกแขนง ออกท่ีปลายลำ� ตน้ เหนือดนิ ช่อหอ้ ยลง ยาว 8-12 ซม. แกนชอ่ ดอกมีขนส้ันหนาแน่น ใบประดบั สขี าว หรอื สีชมพอู ่อน รูปไข่กลับ ยาว 2-3.5 ซม. ปลายแหลม พบั ขึน้ มขี นเล็กนอ้ ย วงกลบี เล้ียง โคนเชื่อมตดิ กันเป็น หลอด ยาวประมาณ 3 มม. วงกลบี ดอกโคนเชอ่ื มติดกนั เปน็ หลอด สเี หลือง ยาวประมาณ 1.2 ซม. มขี นสั้นนุ่มหนา แนน่ ปลายแยก 3 แฉก รูปใบหอกกลบั ยาว 0.8-1 ซม. กลีบปากสีเหลอื งอมสม้ มแี ต้มสสี ้มอมน�้ำตาลท่ีกลางกลบี กลีบปากรปู สามเหลี่ยมแคบ หักพับลง ยาวประมาณ 1.2 ซม. ปลายแยกสองแฉกลกึ ประมาณ 1/2 ของความยาว กลีบคู่ข้างรูปขอบขนาน ยาว 1.2-1.5 ซม. หกั พบั ลง เกสรเพศผู้ ยาว 1.3-2 ซม. คล้ายหางปลา ปลายมีรยางค์ 2 คู่ รังไข่ยาวประมาณ 3 มม. ผลไม่มขี อ้ มูล ประเทศไทย ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงใต้ ในพ้ืนท่ีกลุ่มป่าภูเขียว-น้�ำหนาว พบท่ี เขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ ่าตะเบาะ-ห้วยใหญ่ การกระจายพนั ธ ์ุ กัมพชู า นิเวศวิทยา ขึน้ ในป่าผลดั ใบผสม ปา่ เต็งรัง และป่าดิบ ในทแ่ี สงร�ำไรหรอื ชายปา่ ทีค่ วามสงู จาก ระดบั ทะเล 200-600 ม. ออกดอกช่วงเดือนมิถุนายนถึงกนั ยายน พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลุ่มป่าภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 95
96 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
กระชายขาว Zingiberaceae Globba globulifera Gagnep. ชื่ออ่ืน - ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีล�ำต้นใต้ดิน ล�ำต้นเหนือดิน สูง 30-55 ซม. มีขนสั้นหนานุ่ม ใบเด่ียว เรียง สลับระนาบเดียว มี 3-4 ใบในแต่ละข้าง รูปใบหอกหรือรูปขอบขนานแกมรูปรี กว้าง 7-9 ซม. ยาว 15-25 ซม. ปลายเรียวแหลม โคนรูปล่ิมหรือมน มีขนสั้นหนานุ่มถึงกระจายทั้ง 2 ด้าน ก้านใบสั้นมาก ช่อดอกแบบช่อกระจุก แยกแขนงและอัดแน่น ออกที่ปลายล�ำต้นเหนือดิน ช่อห้อยลงหรือแนวระนาบ ยาว 5-7 ซม. ใบประดับสีขาว รูปค่อนข้างกลมหรือรูปไข่กว้าง เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 ซม. ปลายกลมถึงเรียวแหลมและมีติ่งแหลม มีขนสั้น หนาแน่น ห่อตัวรอบช่อดอกย่อยท่ีสั้นและมีใบประดับย่อยสีขาวอัดแน่นอยู่ด้านในจ�ำนวนมาก มักพบหัวย่อย (bulbil) ทรงกลม ผิวขรุขระ สีขาว 1 เมล็ด ที่ซอกใบประดับใกล้โคนช่อดอก วงกลีบเล้ียงสีขาวหรือสีขาวอม เขียว โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายมี 3 หยัก วงกลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว 1.2-2 ซม. มีขน ส้ันหนาแน่น ปลายแยก 3 แฉก สีเหลืองอ่อน รูปใบหอกกลับ ยาว 0.6-1 ซม. กลีบปากสีเหลืองอมส้ม มีแต้มสี แดงอมน�้ำตาลที่กลางกลีบ กลีบปากรูปสามเหล่ียมแคบ หักพับลง ยาว 1.2-1.5 ซม. ปลายแยกสองแฉก คล้าย หางปลา ลึกถึงใกล้โคนกลีบ กลีบคู่ข้างรูปใบหอกกลับ ยาว 1-1.5 ซม. หักพับลง เกสรเพศผู้ ยาว 2-2.5 ซม. ปลายมีรยางค์ 2 คู่ รังไข่ยาวประมาณ 2 มม. ผลไม่มีข้อมูล ประเทศไทย ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ในพ้ืนท่ีกลุ่มป่าภูเขียว- นำ�้ หนาวพบไดท้ ่วั ไป การกระจายพนั ธ ์ุ พชื ถ่ินเดียวของประเทศไทย นิเวศวทิ ยา มักขึน้ ในปา่ ผลัดใบผสม โดยเฉพาะบนภเู ขาหินปูน และพบบา้ งตามชายปา่ ดิบ ในที่ แสงรำ� ไรหรือชายปา่ ทค่ี วามสูงจากระดับทะเล 100-600 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นกรกฎาคมถึงกันยายน พรรณไมเ้ ขาหินปนู ในกล่มุ ป่าภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 97
98 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
เขา้ พรรษาเหลอื งหางสั้น Zingiberaceae Globba nuda K. Larsen ช่ืออ่ืน - ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีล�ำต้นใต้ดินเป็นเหง้าค่อนข้างกลม ยาว 1-2 ซม. ล�ำต้นเหนือดิน สูง 30-60 ซม. เกลี้ยง ใบเด่ียว เรียงสลับระนาบเดียว มี 3-6 ใบในแต่ละข้าง รูปรี รูปไข่แกมรูปรี หรือรูปขอบขนานแกม รูปรี กว้าง 2-6 ซม. ยาว 5-14 ซม. ปลายเรียวแหลม โคนมน เกล้ียงท้ัง 2 ด้าน ก้านใบไม่มี หรือยาวไม่เกิน 2.5 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ออกที่ปลายล�ำต้นเหนือดิน ต้ังขึ้น ยาว 10-17 ซม. เกลี้ยง ก้านช่อ ดอกส้ันมาก ใบประดับสีเขียว รูปใบหอกถึงรูปแถบ ไม่เด่นชัด ยาวได้ถึง 2 ซม. ใบประดับย่อยรูปใบหอก สี เขียว ยาวได้ถึง 5 มม. เป็นกระจุกที่ปลายช่อดอกย่อย ก้านช่อดอกย่อยยาวได้ถึง 7 ซม. ดอกย่อยติดค่อนข้าง ชิดกันอยู่ท่ีช่วงปลายช่อย่อย มี 2-3 ดอก และบานครั้งละ 1 ดอก วงกลีบเลี้ยง โคนเช่ือมติดกันเป็นหลอด ยาว ประมาณ 3 มม. ปลายแยก 3 แฉก ยาว 2-3 มม. ปลายแหลม มีขนท่ีขอบประปราย วงกลีบดอกโคนเชื่อมติด กันเป็นหลอด สีเหลืองอ่อน ยาว 1-1.5 ซม. มีขนสั้นนุ่มประปราย ปลายแยก 3 แฉก หักพับกลับ รูปใบหอก กลับ ยาว 0.7-1 ซม. กลีบปากสีเหลืองอมส้มเข้ม มีแต้มสีส้มอมน้�ำตาลท่ีกลางกลีบ กลีบปากรูปสามเหล่ียม แคบ หักพับลง ยาวประมาณ 1.2 ซม. ปลายแยกสองแฉกคล้ายหางปลา ลึก 1/3–1/2 ของความยาว เกล้ียง เป็นมันเงา กลีบคู่ข้าง สีเหลืองอมส้ม รูปไข่กว้างกลับ ยาว 1.5-2 ซม. ปลายแหลม บางคร้ังเป็นคลื่นเล็กน้อย หักพับลง มีขนส้ันประปราย เกสรเพศผู้ ยาว 1.5-3 ซม. ปลายมีรยางค์ 2 คู่ รังไข่ยาวประมาณ 1 มม. ผล แบบแคปซูล รูปขอบขนาน ยาว 2-2.8 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5-0.7 ซม. ผิวค่อนข้างขรุขระ ปลายผลมี วงกลีบเล้ียงติดคงทน ประเทศไทย ภาคเหนอื ภาคเหนอื ตอนลา่ ง และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ในพน้ื ทก่ี ลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว- นำ�้ หนาวพบไดท้ ัว่ ไป การกระจายพนั ธ ์ุ เมยี นมา นิเวศวทิ ยา ขนึ้ ในปา่ ผลดั ใบผสม และปา่ ดบิ พบขน้ึ ไดท้ งั้ บนดนิ หรอื ตามซอกหนิ ปนู หรอื หนิ ชนดิ อื่น ๆ ในทแ่ี สงร�ำไรหรอื ชายปา่ ทคี่ วามสงู จากระดบั ทะเล 200-1,000 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นมิถุนายนถึงกนั ยายน ติดผลชว่ งเดอื นกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกล่มุ ป่าภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 99
100 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
วา่ นลาวัลย์ Zingiberaceae Kaempferia laotica Gagnep. ชื่ออ่ืน - ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีล�ำต้นส้ันอยู่ใต้ดิน ล�ำต้นเหนือดินส้ันมาก มี 2 ใบ เรียงสลับแผ่ชิดผิวดิน ใ บรูปค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 7-12 ซม. ปลายกลมและเป็นติ่งหนาม โคนกลม ผิวใบด้านบน สีเขียว เข้มมีหรือไม่มีลายประสีขาวตามแนวรัศมี เกล้ียง ผิวใบด้านล่างมีขนสั้น ขอบมีสีม่วงอมแดง มากถึงน้อย ไม่มี กา้ นใบ กาบใบยาว 2-4 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ยาว 2-3 ซม. ไมม่ กี า้ นชอ่ ดอก ออกทยี่ อดและฝง่ั อยใู่ นกาบใบ ใบประดบั รปู ใบหอก ยาว 1.8-2.5 ซม. มขี น ดอกยอ่ ยทยอยบานวันละ 1 ดอกตอ่ ต้น แล้วเหี่ยวแห้งทกุ วัน วงกลีบ เล้ยี ง ยาว 2.5-3 ซม. เกลีย้ ง วงกลีบดอกสีขาว โคนเชือ่ มตดิ กนั เป็นหลอด ยาว 3.7-4 ซม. ปลายแยก 3 แฉก รปู ใบหอกแถบยาว กว้างประมาณ 0.4 ซม. ยาวประมาณ 2 ซม. กลีบปากสขี าวถึงสีชมพูออ่ น ใกล้โคนกลบี แตม้ สี มว่ งอมชมพู โคนกลีบสีขาว ปลายกลีบปากหยักลึกเกอื บถึงโคนเป็น 2 แฉก แต่ละแฉกรูปไขก่ ลบั หรือไขก่ ลบั กว้าง ยาวประมาณ 2.5 ซม. ปลายแฉกเว้าตนื้ ถึงเว้ารปู หัวใจ กลีบคูข่ า้ งสขี าวถงึ สชี มพูออ่ น โคนสีขาว รูปไข่กลับหรือรปู ไข่กลับกวา้ ง ยาวประมาณ 2 ซม. ปลายมน เกสรเพศผ้สู ีขาว สัน้ มาก ซ้อนอย่ภู ายใน ยอดสนั ของอับเรณู (anther- crest) ซงึ่ คล้ายกลีบดอก รูปรหี รือรูปไขก่ ลับ กว้าง 1-3 มม. ยาว 3-6 มม. ปลายมนถึงเวา้ ต้นื รงั ไขย่ าวประมาณ 4 มม. เกลีย้ ง ผลไม่มีข้อมลู ประเทศไทย ภาคตะวันออกและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ในพ้ืนทีก่ ลุ่มป่าภเู ขยี ว-น�ำ้ หนาวพบท่ี จงั หวดั เลย และหนองบวั ลำ� ภู การกระจายพนั ธ ์ุ ลาว (แขวงเชยี งขวาง) นิเวศวิทยา ข้ึนในป่าผลัดใบผสม และป่าดิบ ตามท่ีร�ำไร ทั้งท่ีเป็นพ้ืนที่หินปูนหรือหินตะกอน ทค่ี วามสูงจากระดบั ทะเล 100-500 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นมถิ ุนายนถงึ เดือนตุลาคม พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขียว-น้ำ� หนาว 1 101
102 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ขงิ สดากร Zingiberaceae Zingiber sadakornii Triboun & K. Larsen ช่อื อ่นื ปเู ลยดำ� (ชยั ภูม)ิ ไม้ลม้ ลุกอายุหลายปี มีลำ� ต้นใต้ดนิ ลำ� ต้นเหนอื ดนิ สเี ขียว สูง 1-1.4 ม. มีขนส้ันหรอื ค่อนข้างเกล้ียง ใบ เ ดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียว มี 4-6 ใบในแต่ละข้าง รูปขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ กว้าง 4-6 ซม. ยาว 21-25 ซม. ปลายเรยี วแหลม โคนรปู ล่ิม ดา้ นบนเกลยี้ ง ด้านลา่ งมขี นยาวประปราย ล้นิ ใบสเี ขยี วอ่อน ม ี 1 คู่ รูปกลม ยาว 4-5 มม. ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกจากล�ำต้นใต้ดนิ รูปรหี รือรูปทรงกระบอก กวา้ ง 3-3.5 ซม. ยาว 9-20 ซม. ก้านชอ่ ดอกยาว 9-20 ซม. ใบประดบั สเี ขียวอมเหลอื ง รปู ไขก่ ลับ ยาวประมาณ 3.5 ซม. ปลาย กลมหรอื มตี ง่ิ หนามเลก็ นอ้ ย และงมุ้ เขา้ ดา้ นใน วงกลบี เลยี้ งสขี าว โคนเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด ยาวประมาณ 1.2 ซม. ปลายเป็นแฉกลกึ ดา้ นเดยี ว ยาวประมาณ 5 มม. วงกลบี ดอกสขี าวครีม โคนเชือ่ มตดิ กนั เปน็ หลอด ยาวประมาณ 2.7 ซม. ปลายแยกสามแฉก รูปใบหอกถึงใบหอกกว้าง ยาวประมาณ 2 ซม. กลีบปากสีขาวครมี บางคร้ังมจี ดุ สี แดงท่ีโคนกลีบ กลบี ปากรูปไขก่ ว้างถงึ รปู เกอื บกลม ยาวประมาณ 1 ซม. กลบี คู่ขา้ งรปู ไข่กลบั ยาวประมาณ 6 มม. เกสรเพศผูส้ เี หลอื งครมี มจี ะงอยโค้งลง ยาวประมาณ 1.2 ซม. รงั ไขย่ าวประมาณ 4 มม. มขี นอุย ผลไมม่ ีขอ้ มลู ประเทศไทย พบเฉพาะบรเิ วณดา้ นตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของกลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว-นำ�้ หนาว ในเขตจงั หวดั เลย ขอนแกน่ และชัยภูมิ การกระจายพนั ธ ์ุ เปน็ พชื ถ่ินเดยี วของประเทศไทย นิเวศวิทยา ขน้ึ ในป่าผลัดใบผสม หรอื ปา่ ดิบ ที่อยูต่ ามเชงิ เขาหินปูน ในท่มี ีแสงรำ� ไรและช่มุ ช้นื ทีค่ วามสงู จากระดับทะเล 250-400 ม. ออกดอกช่วงเดอื นกรกฎาคมถงึ ตุลาคม พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มป่าภเู ขียว-น้ำ� หนาว 1 103
104 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ไอยรศิ Zingiberaceae Zingiber sirindhorniae Triboun & Keerat. ชอื่ อืน่ - ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีล�ำต้นใต้ดินเกือบกลม ล�ำต้นเหนือดิน สีเขียว สูง 30-70 ซม. มีขนส้ันประปราย ใบเด่ียว เรียงสลับระนาบเดียว มี 2-6 ใบในแต่ละข้าง รูปไข่ รูปรี หรือรูปรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 2-4.5 ซม. ยาว 5.5-14 ซม. ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนสอบเรียวหรือรูปล่ิม ขอบมีเยื่อบางสีม่วง ด้านบนเกล้ียง ด้านล่างมีขนสั้นประปราย ลิ้นใบสีแดง ยาว 6-8 มม. ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ต้ังขึ้น ออกท่ีปลายล�ำต้นเหนือดิน มีใบประดับเรียงซ้อนกันเป็นรูปทรงรีแกมรูปทรงกระบอก ยาว 3.5-7.5 ซม. ปลายเรียวแหลม ใบประดับสี เขียว ปลายและขอบสีแดง รูปรีหรือรูปรีแกมรูปขอบขนาน ยาว 2-2.3 ซม. ปลายเรียวแหลม ดอกมีกลิ่นหอม อ่อน ๆ วงกลีบเลี้ยงสีขาว โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว 1.1-1.4 ซม. ปลายแยกเป็นแฉกลึกด้านเดียว วงกลีบดอกสีขาว โคนเช่ือมติดกันเป็นหลอด ยาว 2.1-2.3 ซม. ปลายแยก 3 แฉก รูปใบหอก ยาว 1.6-2 ซม. กลีบปากสีม่วงเข้ม มีลายประสีขาวท่ัวกลีบ รูปไข่กลับ ยาว 1.5-2 ซม. ปลายกลมหรือเว้าบุ๋มเล็กน้อย กลีบคู่ ข้าง สีม่วงเข้ม รูปสามเหล่ียม ยาว 0.5-1 ซม. เกสรเพศผู้สีขาว มีลายสีแดง ปลายมีจะงอยโค้งลง ยาว 1.2-1.5 ซม. รังไข่ยาว 3-4 มม. ผลแบบแคปซูล รูปไข่ ยาวประมาณ 7 มม. ประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื พบเฉพาะในจงั หวดั เลย การกระจายพนั ธ ์ุ พืชถ่นิ เดียวและหายากของประเทศไทย นเิ วศวทิ ยา พบข้นึ ไดเ้ ฉพาะบนภูเขาหินปูน ในปา่ ดิบแลง้ ขน้ึ อยตู่ ามซอกหนิ ในทร่ี ่ม ท่ีความสงู จากระดบั ทะเล 300-500 ม. ออกดอกช่วงเดือนมถิ นุ ายนถึงสงิ หาคม เปน็ ผลชว่ งเดือนกนั ยายนถงึ ตุลาคม พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุม่ ปา่ ภเู ขียว-นำ้� หนาว 1 105
106 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ตะขา่ ปา่ Zingiberaceae Zingiber thorelii Gagnep. ชอื่ พอ้ ง Z. xishuangbannaeuse S. Q. Tong ชอื่ อนื่ - ไมล้ ม้ ลุกอายหุ ลายปี มลี �ำต้นใตด้ ิน ล�ำต้นเหนือดนิ สเี ขยี วคลำ้� สงู 1-2.5 ม. มขี นส้ัน ใบเดย่ี ว เรียงสลับ ระนาบเดียว มี 4-7 ใบในแตล่ ะข้าง รูปใบหอกแคบ ถงึ รูปรี กว้าง 10-15 ซม. ยาว 20-50 ซม. ปลายยาวคลา้ ย หางถงึ เรียวแหลม โคนมนถึงรปู ลมิ่ ดา้ นบนมีขนเฉพาะตามแนวเสน้ กลางใบ ด้านล่างมีขนสั้นนุม่ หนาแน่น ไม่มี ก้านใบ ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ต้ังขึ้น เกิดจากล�ำต้นใต้ดินและอยู่ชิดผิวดิน มีใบประดับเรียงซ้อนกันแน่นเป็นรูป ทรงกรวยคว่ำ� กวา้ ง 3-5 ซม. ยาว 8-14 ซม. ปลายแหลม ก้านช่อดอกยาว 10-35 ซม. อย่ใู ต้ดิน ใบประดบั สแี ดง บางครั้งแต้มสเี ขียวที่ปลาย ผวิ เกล้ียง รูปไขห่ รือรูปสี่เหลย่ี มขา้ วหลามตดั ยาว 4-5.5 ซม. ปลายแหลมถงึ มน ขอบ ท่ีปลายม้วนเข้าดา้ นในหรอื ไม่มว้ น วงกลีบเลี้ยงสีขาว โคนเช่ือมติดกันเป็นหลอด ยาว 3-6 มม. ปลายเป็นแฉกลกึ ด้านเดียว ยาว 4-6 มม. วงกลีบดอก โคนเช่อื มติดกันเป็นหลอด สีขาว ยาว 4-6 ซม. ปลายแยกสามแฉก สแี ดง เรือ่ ๆ รูปใบหอก ยาว 1.5-3 ซม. กลีบปากสีเหลืองอ่อน รูปไข่กลับแกมรปู ขอบขนาน ยาว 1-2.5 ซม. ปลายกลม และมว้ นออก กลบี คู่ขา้ งสเี หลอื งออ่ น รูปไข่กลบั ถงึ รูปขอบขนาน ยาว 1-1.5 ซม. ปลายมนถึงกลม เกสรเพศผู้ สีเหลอื งถึงสีเหลืองอมส้ม มจี ะงอยโคง้ ลง ยาวประมาณ 1.5 ซม. รงั ไข่ยาว 2.5-4 มม. เกล้ียง ผลแบบแคปซูล รปู ผลแพรก์ ลบั ยาว 3.5-4.5 ซม. มี 3 เหลี่ยม ประเทศไทย ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ การกระจายพนั ธ ์ุ จนี ตอนใต้ เวยี ดนาม ลาว กัมพชู า นิเวศวิทยา ขน้ึ ในปา่ ผลัดใบ ผสมหรอื ปา่ ดิบ ตามทีร่ �ำไร ในพื้นท่ที ี่มชี ้นั ดนิ ลึก ทัง้ ในพืน้ ที่หนิ ปูน และหนิ ชนิดอน่ื ๆ ท่ีความสงู จากระดบั ทะเล 300-1,500 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นกรกฎาคมถึงตุลาคม พรรณไมเ้ ขาหินปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขียว-น้ำ� หนาว 1 107
108 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
กระทอื Zingiberaceae Zingiber zerumbet (L.) Sm. ช่ืออื่น - ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีล�ำต้นใต้ดิน ล�ำต้นเหนือดินสีเขียวอ่อน สูง 1-1.8 ม. มีขนสั้นประปราย ใ บเด่ียว เรียงสลับระนาบเดียว มี 5-10 ใบในแต่ละข้าง รูปใบหอกกว้างหรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง 5-11 ซม. ยาว 25-40 ซม. ปลายเรียวแหลม โคนมนหรือสอบเรียว ขอบเรียบ ด้านบนเกล้ียง ด้านล่าง มีขนสั้นประปราย ก้านใบยาวประมาณ 3 มม. ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ตั้งขึ้น เกิดจากล�ำต้นใต้ดิน มีใบประดับ เรียงซ้อนกันแน่นเป็นรูปทรงไข่ถึงรูปทรงกระบอก กว้าง 4-5 ซม. ยาว 6-15 ซม. ปลายมน ก้านช่อดอกยาว 10-30 ซม. ใบประดับสีเขียวและเปลี่ยนเป็นสีแดงเม่ืออายุมาก รูปไข่กลับ ยาว 3-4 ซม. ปลายตัดหรือเว้าเล็ก น้อยและมีติ่งหนาม ขอบท่ีปลายม้วนเข้าด้านในเล็กน้อย วงกลีบเลี้ยงสีขาว โคนเช่ือมติดกันเป็นหลอด ยาว ประมาณ 7 มม. ปลายเป็นแฉกลึกด้านเดียว ยาวประมาณ 1 ซม. วงกลีบดอก โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว ยาว 2.8-3.4 ซม. ปลายแยก 3 แฉก รูปขอบขนานแกมรูปไข่ ยาว 1.6-2 ซม. กลีบปากสีเหลืองนวล รูปไข่ กว้างหรือเกือบกลม ยาว 1-2 ซม. ปลายกลีบหยักลึกประมาณ 1/4 ของความยาว ขอบกลีบเป็นคล่ืน กลีบ คู่ข้างสีเหลืองนวล รูปขอบขนานหรือรูปไข่ ยาว 7-9 มม. ปลายมน เกสรเพศผู้สีเหลืองนวล มีจะงอยโค้งลง ยาว 0.7-1 ซม. รังไข่ยาวประมาณ 3.5 มม. ผลแบบแคปซูล รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1.5 ซม. ประเทศไทย พบท่วั ทุกภาคของประเทศไทย การกระจายพนั ธ ์ุ ภมู ภิ าคเอเชยี ใต้ อนิ โดจนี จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคมาเลเซยี จนถงึ ทวปี ออสเตรเลยี ตอนบน นเิ วศวิทยา ขึน้ ในปา่ ผลัดใบผสม หรอื ป่าดิบ ตามทีร่ �ำไรหรอื ชายปา่ ในพ้นื ทที่ ม่ี ชี ้นั ดนิ ลึก ทัง้ ใน พ้นื ที่หนิ ปนู และหินชนิดอนื่ ๆ ท่ีความสงู จากระดับทะเลไม่เกิน 1,300 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นมิถุนายนถงึ ตุลาคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกล่มุ ป่าภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 109
ACANTHACEAE 110 พรรณไม้ไทยประจัน
dicotyledon Strobilanthes quadrifaria (Wall. ex Nees ) Y. F. Deng พรรณไม้ไทยประจนั 111
112 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
สนั พรา้ Acanthaceae Neuracanthus tetragonostachyus Nees subsp. tetragonostachyus ช่ืออน่ื - ไม้ล้มลุกอายุปีเดียวหรือหลายปี สูง 10-100 ซม. มีรากยาวหนาและแข็งแรง ล�ำต้นทอดเล้ือยหรือ ต้ังตรง มีขนส้ันหนาแน่น ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปรี รูปไข่กลับถึงรูปใบหอก กว้าง 1-4.5 ซม. ยาว 2-10 ซม. ปลายแหลมถึงเรียวแหลม โคนสอบเรียว ขอบเรียบ แผ่นใบบางและอ่อนนุ่ม มีขนส้ันกระจาย ปานกลางท้ัง 2 ด้าน เส้นแขนงใบ 4-9 เส้นในแต่ละข้าง ก้านใบยาวไม่เกิน 5 มม. ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกเป็นกระจุก 1(-3) ช่อ ที่ปลายกิ่งหรือซอกใบใกล้ปลายกิ่ง เป็นแท่งทรงกระบอก ยาว 3-7 ซม. กว้าง 0.6-0.9 ซม. ไม่มีก้านช่อดอก ใบประดับคล้ายแผ่นใบ สีเขียวมีเส้นใบสีขาว รูปไข่กว้างถึงกลม ยาว 4-7 มม. ปลายเป็นต่ิงแหลมและงอนออก มีขนยาวหนาแน่นเฉพาะด้านนอกและขอบใบ ใบประดับเรียงซ้อนกัน 8-15 ชั้น และเป็น 4 แถวตามแนวตั้ง วงกลีบเลี้ยง สีขาว ยาวประมาณ 5 มม. โคนเช่ือมติดกัน ปลายแยก 5 แฉก รูปใบหอก ยาว 1.5-2 มม. ปลายแหลม มีขนสั้นประปรายและขนยาวหนาแน่นตามแนวเส้นกลีบและขอบ กลีบ วงกลีบดอก ยาว 0.8-1 ซม. เช่ือมติดกันเป็นหลอดสีขาว ด้านนอกมีขนสั้นและยาวคร่ึงปลาย ด้านใน มีขนยาวบริเวณปากหลอดด้านล่าง ปลายหลอดแยก 5 แฉก รูปครึ่งวงกลมถึงค่อนข้างกลม ปลายหยักเป็น ต่ิงหนาม โดยแบ่งเป็นแฉกล่าง 3 แฉก สีม่วงครามมีลายสีขาวตามแนวเส้นกลีบ แฉกบน 2 แฉกเช่ือมติดกัน สีม่วงเข้มมีลายสีขาว เกสรเพศผู้ติดบนหลอดกลีบดอกด้านใน สมบูรณ์ทั้ง 4 เกสร (แต่ละเกสรมีอับเรณู 2 อัน รวมมีอับเรณู 8 อัน) โดยแบ่งเป็น 2 อันยาว มีก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 0.7 มม. ปลายแยกสองแฉก อับเรณูรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 0.5 มม. มีขนยาวหนาแน่นปกคลุม และ 2 อันสั้นกว่า มีก้านชูอับเรณู ยาว 0.2-0.3 มม. อับเรณูยาวประมาณ 0.3 มม. รังไข่รูปไข่ ยาวประมาณ 1 มม. เกลี้ยง ก้านยอดเกสรเพศ เมีย ยาวประมาณ 2 มม. เกล้ียง ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่มกลม ผลแบบแห้งแตก 2 เส่ียง รูปขอบขนาน ยาว ประมาณ 6 มม. ผิวเกล้ียง มี 4 เมล็ด ประเทศไทย พบเกอื บทวั่ ทุกภาคของประเทศไทย ยกเวน้ ภาคใต้ การกระจายพนั ธ ์ุ เมยี นมา และท่ัวภมู ิภาคอินโดจนี นิเวศวิทยา เปน็ พชื ท่ีมถี น่ิ อาศัยอยใู่ นปา่ ผลัดใบผสม และปา่ ดบิ แล้ง และมักพบบนภูเขาหนิ ปูน ข้นึ ในทรี่ ำ� ไร-ค่อนขา้ งเปิดโลง่ พบท่ีความสงู จากระดับทะเล 100-500 ม. ออกดอกเดือนพฤศจิกายนถึงธนั วาคม เปน็ ผลเดือนธนั วาคมถึงมกราคม พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มป่าภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 113
114 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ตีนตั่งเต้ีย Acanthaceae Strobilanthes quadrifaria (Wall. ex Nees ) Y. F. Deng ช่ือพ้อง Ruellia quadrifaria Wall. ex Nees ชื่ออื่น สตีน�้ำ (เลย) ฮอมดง (เชียงใหม่) ไม้พุ่ม สูง 30-80 ซม. มีรากยาวหนาและแข็งแรง ล�ำต้นมีขนสั้นสากแข็งหนาแน่น ใบเด่ียว เรียงตรง ข้ามสลับต้ังฉาก รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 3-5.5 ซม. ยาว 5.5-12 ซม. ปลายแหลม โคนรูปลิ่มกึ่งสอบเรียว ขอบ จักฟันเลื่อย แผ่นใบบางและอ่อนนุ่ม มีขนสั้นสากแข็งหนาแน่นทั้ง 2 ด้าน เส้นแขนงใบ 7-11 เส้นในแต่ละข้าง ก้านใบยาว 1.5-3 ซม. ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกเป็นกระจุก 1-3 ช่อ ท่ีปลายก่ิงหรือซอกใบใกล้ปลายกิ่ง เป็น แท่งทรงกระบอก ยาว 3-4 ซม. กว้าง 1.5-2 ซม. ก้านช่อดอกยาวได้ถึง 1 ซม. ใบประดับคล้ายแผ่นใบ สีเขียว ถึงสีเขียวอมชมพู รูปไข่กว้าง ยาวได้ถึง 2 ซม. ปลายแหลม มีขนแข็งสากสีขาวหนาแน่น ใบประดับเรียงซ้อน กันแน่น 5-12 ชั้น และเป็น 4 แถวตามแนวต้ัง วงกลีบเลี้ยง สีขาว ยาวประมาณ 1 ซม. โคนเชื่อมติดกัน ปลาย แยก 5 แฉก รูปใบหอก ยาว 3-4 มม. ปลายแหลม มีขนหนาแน่นทั้ง 2 ด้าน วงกลีบดอก สีชมพู มีเส้นกลีบสี ม่วงอมแดงเข้ม และแต้มสีเหลืองเป็นแนวยาวด้านในหลอดฝั่งตรงข้ามเกสรเพศผู้ วงกลีบดอกรูปแตรโค้งและ ต้ังข้ึน ยาว 3-4 ซม. ด้านนอกมีขนส้ันช่วงปลายหลอด ด้านในมีขนยาวหนาแน่นบริเวณใกล้ต�ำแหน่งอับเรณู ปลายวงกลีบดอกแยก 3 แฉกบน และ 2 แฉกล่าง รูปคร่ึงวงกลม ยาวประมาณ 3 มม. ปลายกลม เกสรเพศผู้ ติดบนหลอดกลีบดอกด้านใน สมบูรณ์ทั้ง 4 เกสร มี 2 อันยาว ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 5 มม. และ 2 อัน ส้ันกว่า มีก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 2 มม. ก้านชูอับเรณูมีขนยาวหนาแน่นติดด้านเดียว อับเรณูรูปขอบขนาน ยาว 2-3 มม. รังไข่รูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 3 มม. มีขนส้ันหนาแน่นคร่ึงปลาย ก้านยอดเกสรเพศเมียยาว ประมาณ 2 ซม. มีขนสั้นประปราย ยอดเกสรเพศเมียเรียวแหลมและมีปุ่มนูน 1 ปุ่ม ผลแบบแห้งแตก 2 เส่ียง รูปทรงกระบอง กว้างประมาณ 3 มม. ยาว 1-1.3 ซม. มีขนที่ปลาย ประเทศไทย ภาคเหนอื จนถงึ ภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภาคตะวนั ออก และ ภาคกลาง การกระจายพนั ธ ์ุ เมียนมา มณฑลยนู าน ในประเทศจนี และประเทศลาวตอนบน นิเวศวทิ ยา เปน็ พชื ทมี่ ถี นิ่ อาศยั หลกั อยใู่ นปา่ ผลดั ใบผสม บางครงั้ พบตามชายปา่ ดบิ แลง้ ขนึ้ บน ดนิ ในทคี่ อ่ นขา้ งเปดิ โลง่ ไมเ่ ฉพาะเจาะจงกบั พน้ื ทหี่ นิ ปนู พบทค่ี วามสงู จากระดบั ทะเล 200-900 ม. ออกดอกเดอื น ตลุ าคมถงึ ธันวาคม เปน็ ผลเดอื นพฤศจกิ ายนถึงมกราคม พรรณไมเ้ ขาหินปนู ในกลมุ่ ป่าภเู ขียว-นำ้� หนาว 1 115
apocynaceae Hoya graveolens Kerr
118 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
เครอื อเี ฒา่ ยอดขจี Apocynaceae Ceropegia monticola W. W. Smith ชื่ออื่น - ไม้เถาเล้ือยล้มลกุ อายุหลายปี มีหัวใตด้ ิน ลำ� ตน้ ยาวประมาณ 3 ม. เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 1-3 มม. เกล้ยี ง สีเขียวอมน้ำ� ตาล ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรถี ึงรปู ไข่ กวา้ ง 1.2-3.7 ซม. ยาว 3-8.2 ซม. โคนรูปหวั ใจมนหรือรปู ลิม่ ขอบเรียบ มีขนครุย ปลายแหลมถึงเรยี วแหลม ผวิ ใบปกคลมุ ด้วยขนสัน้ น่มุ ท้งั 2 ดา้ น กา้ นใบยาว 1.2-2 ซม. มขี นส้นั น่มุ ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ ออกตามซอกใบ จำ� นวน 3-5 ดอก กา้ นช่อดอกอวบ ยาว 0.8-1.2 ซม. มขี นส้นั นมุ่ ดอกขนาดใหญ่ กลีบเลีย้ งสีเขียวแกมขาว รปู แถบ ปลายแหลม แยกเป็นอสิ ระ 5 กลบี ยาว 0.4-0.7 ซม. กลบี ดอกเช่อื มเป็นหลอดรปู คนโท ยาว 3-6 ซม. เกล้ยี ง โคนหลอดปอ่ ง กลางหลอดสอบ ปลายหลอดบานออกเป็นรปู แตรแคบ แฉกกลบี บาง เช่อื มกันท่ีปลายกลีบ ลกั ษณะคลา้ ยรูปโดมแคบ ๆ สีเขยี วอมขาว มีขนยาวนมุ่ สแี ดงอมมว่ ง กระจายอยู่ท่ัวไป คอหลอดด้านในเกลี้ยง สีแดงอมม่วง ด้านนอกเกล้ียง สีเขียวแกมขาว มีจุดหรือแต้มสีแดงอม มว่ งกระจายอยู่ กระบังรอบเกสรเพศผเู้ รยี ง 2 ช้นั ชนั้ นอก 5 อัน ปลายแยกเป็น 2 แฉกลึก ชั้นใน 5 อนั กลมุ่ เรณ ู 5 กล่มุ รังไข่ 2 ชอ่ ง ผลเป็นฝกั รปู ทรงกระบอก ออกเปน็ คู่ กวา้ ง 0.2-0.4 ซม. ยาว 4.5-12 ซม. ปลายแหลม ประเทศไทย ภาคเหนือ: เชียงใหม;่ ภาคตะวันออก: ชัยภมู ิ การกระจายพนั ธ ์ุ พบในตอนใตข้ องจนี นิเวศวทิ ยา พบขึ้นตามเขาหินปูนเตย้ี ๆ ท่คี ่อนข้างมรี ่มเงา ท่คี วามสงู จากระดบั ทะเลประมาณ 500 ม. ออกดอกและเป็นผลในช่วงเดือนพฤศจกิ ายนถงึ มกราคม พรรณไม้เขาหินปนู ในกลุ่มป่าภเู ขียว-น้ำ� หนาว 1 119
120 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
เครืออเี ฒา่ ตีนเหยยี่ ว Apocynaceae Ceropegia sp. ช่ืออ่ืน - ไม้เถาเลื้อยล้มลุกอายุหลายปี มีหัวใต้ดิน ล�ำต้นยาวประมาณ 2 ม. เกลี้ยง สีเขียว มีจุดสีน้�ำตาลแดง กระจายอยู่ทั่วไป ใบเด่ียว เรียงตรงข้าม รูปรี รูปไข่ถึงรูปไข่แคบ กว้าง 1.2-2 ซม. ยาว 2.5-5 ซม. โคนแหลม ขอบเรียบ ปลายแหลมถึงเรียวแหลม ผิวใบทั้ง 2 ด้านปกคลุมด้วยขนส้ันนุ่ม ก้านใบยาว 0.6-1.2 ซม. มีขนส้ัน นุ่ม ช่อดอกแบบช่อกระจุกออกตามซอกใบ จ�ำนวน 1-3 ดอก ก้านช่อดอกสั้นมาก ยาวไม่เกิน 0.3 ซม. มีขนส้ัน นุ่ม ดอกขนาดใหญ่ กลีบเล้ียงสีม่วงแดงแกมเขียว รูปแถบ ปลายแหลม แยกเป็นอิสระ 5 กลีบ ยาวประมาณ 0.3 ซม. กลีบดอกเชื่อมเป็นหลอดรูปคนโท ยาว 2-4.2 ซม. เกลี้ยง โคนหลอดป่องเล็กน้อย กลางหลอดสอบ ปลายหลอดบานออกเป็นรูปแตรแคบ แฉกกลีบบาง เช่ือมกันท่ีปลายกลีบ ลักษณะคล้ายรูปโดมแคบ ๆ หรือ รูปตัวยูกลับหัว สีเขียวแกมม่วงแดง มีขนยาวนุ่มสีแดงอมม่วงกระจายอยู่ทั่วไป คอหลอดด้านในเกล้ียง สีเขียว อมม่วงแดง ด้านนอกเกล้ียง สีเขียวแกมขาว มีจุดเล็ก ๆ สีแดงอมม่วงกระจายอยู่ห่าง ๆ หรือหนาแน่น กระบัง รอบเกสรเพศผู้เรียง 2 ช้ัน ช้ันนอก 5 อัน ปลายแยกเป็น 2 แฉกลึก ช้ันใน 5 อัน กลุ่มเรณู 5 กลุ่ม รังไข่ 2 ช่อง ผล ไม่พบ ประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย; ภาคตะวันออก: ชัยภูมิ การกระจายพนั ธ ์ุ พชื ถน่ิ เดยี วของประเทศไทย นิเวศวิทยา พบขนึ้ ตามเขาหนิ ปูนเตี้ย ๆ ท่คี อ่ นข้างมรี ่มเงา ทค่ี วามสูงจากระดับทะเลประมาณ 450 ม. ออกดอกในช่วงเดอื นกนั ยายนถงึ ธนั วาคม พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกล่มุ ป่าภเู ขียว-น้ำ� หนาว 1 121
122 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
เถาวัลยด์ ้วน Apocynaceae Cynanchum viminale (L.) L. subsp. brunonianum (Wight & Arn.) Meve & Liede. ชื่ออื่น เถาวัลย์ยอดด้วน (ราชบุรี) เถาหูด้วน (สุพรรณบุรี) เอื้องเถา (กาญจนบุรี) พืชล้มลุกเลื้อยพันอายุหลายปี ล�ำต้นทรงกระบอก เกลี้ยง สีเขียวหรือสีเทา ยาวได้ถึง 2 ม. แตกกอ ได้หลายทิศทาง มีน้�ำยางสีขาว ใบเด่ียว เป็นแท่งทรงกระบอกสีเขียว ปลายมน ช่อดอกแบบช่อซ่ีร่มกระจุก ออกที่ปลายยอดหรือซอกใบ ก้านช่อดอกส้ันมาก จ�ำนวน 6-15 ดอก ดอกสีขาว เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ก้านดอกยาว 3-5 มม. ปกคลุมด้วยขนส้ันนุ่ม กลีบเลี้ยง 5 แฉก รูปไข่ ยาวประมาณ 1 มม. ปกคลุม ด้วยขนส้ันนุ่ม ขอบกลีบใส กลีบดอกสีขาวหรือสีเหลือง แฉกกลีบเว้าลึก รูปขอบขนานแกมรูปไข่ หรือรูป ใบหอกแกมรูปขอบขนาน บิดเวียน กว้างประมาณ 1 มม. ยาวประมาณ 3 มม. เกล้ียง กระบังดอกมี 2 ชั้น ชั้นนอกเช่ือมเป็นรูปถ้วยตื้น ๆ บางคล้ายเยื่อ ชั้นในอวบ ติดกับเกสรเพศผู้ ปลายแฉกมน ค่อนข้างจะส้ันกว่า หรือยาวเท่ากับอับเรณู อับเรณูลดรูปเป็นกลุ่มเรณู รังไข่มี 2 ช่อง ยอดเกสรเพศเมียกลม ผลแบบผลแห้งแตก แนวเดียว รูปทรงกระบอกปลายแหลม เกลี้ยง ยาว 8-15 ซม. ประเทศไทย ภาคเหนอื : พษิ ณโุ ลก; ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื : เลย หนองบวั ลำ� ภ;ู ภาคตะวนั ออก: ชยั ภมู ิ; ภาคตะวันตก: ราชบุรี สพุ รรณบุรี กาญจนบรุ ี; ภาคตะวันตกเฉยี งใต:้ ประจวบครี ีขันธ์; ภาคใต:้ พงั งา การกระจายพนั ธ ์ุ พบต้ังแตจ่ นี (ไหหนาน) อนิ เดยี เมยี นมา เนปาล และเวยี ดนาม นเิ วศวิทยา พบขึ้นตามโขดหินในป่าละเมาะริมทะเลหรือทอดเลื้อยตามเขาหินปูนที่ค่อนข้าง เปดิ โล่ง ท่ีความสูงจากระดบั ทะเล 0-1,000 ม. ออกดอกและเปน็ ผลในชว่ งเดอื นมีนาคมถึงพฤศจิกายน พรรณไม้เขาหินปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขียว-น้ำ� หนาว 1 123
124 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
นมต�ำเลยี ดอกฉนุ Apocynaceae Hoya graveolens Kerr ชื่ออื่น - ไม้เถาทอดเล้ือย ล�ำต้นเรียว กลม เกลี้ยง สีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีสนิม มีจุดประสีน้�ำตาล ข้อ บวม ยาวประมาณ 5 ม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-7 มม. มีรากพิเศษอยู่ใต้ข้อที่แก่แล้ว ใบเด่ียว เรียงตรงข้าม รูปรีแกมรูปไข่กลับ กว้าง 3-5.7 ซม. ยาว 5.4-7.8 ซม. โคนรูปล่ิมหรือกลม ขอบเรียบ ปลายเรียวแหลมหรือ เ ป็นต่ิงแหลม แผ่นใบอวบน�้ำ เม่ือแห้งหนาคล้ายหนัง ผิวใบด้านบนสีเขียวอ่อน มีจุดสีม่วงกระจายอยู่ ก้าน ใบโค้งหรือค่อนข้างบิด สีเขียวอ่อน ยาว 7-12 ซม. ช่อดอกแบบช่อซ่ีร่ม กลม ห้อยลง เส้นผ่านศูนย์กลางช่อ ประมาณ 5 ซม. ดอกในช่อไม่เกิน 20 ดอก ก้านช่อดอกสีเขียวถึงสีน�้ำตาลแกมม่วง มีจุดสีน้�ำตาล ก้านดอก ก ลม สีเขียวหรือสีน้�ำตาลอมม่วง ยาว 1.3-2 ซม. มีขนหยาบแข็งกระจายท่ัวผิว วงกลีบเลี้ยงสีเขียวอมม่วง ถึงสีม่วงอ่อน เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.4-4.1 มม. พูกลีบรูปสามเหล่ียมแกมรูปไข่ กว้าง 0.8-1 มม. ยาว 1.7-2 มม. ขอบบางคล้ายเยื่อ ปลายแหลม ด้านในมีขนกระจายทั่ว ด้านนอกเกลี้ยง ดอกตูมค่อนข้างเป็นสัน 5 สัน สีขาวอมครีม วงกลีบดอกรูปกงล้อ เว้าลง ด้านบนสีขาว ด้านล่างสีขาวอมม่วง เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-1.6 มม. พูกลีบรูปไข่แกมรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน บาง ยาว 8-8.3 มม. ปลายแยกเป็นอิสระ กว้าง 5-6 มม. ยาว 5-5.5 มม. โค้งกลับ ปลายกลีบม้วนออก มีขนยาวห่างกระจายอยู่ท่ัว กระบังรอบเกสรเพศผู้สีขาวอมม่วง โปร่งแสง ส่วนโคนสีม่วงเข้มกว่า เส้นผ่านศูนย์กลาง 5.5-5.7 มม. สูง 2.5-3 มม. เกล้ียง แฉกรูปไข่ กว้าง 1.3-1.5 มม. ยาว 2.5-3 มม. โคนแหลม ปลายกลม กลุ่มเรณูรูปขอบขนาน รังไข่ 2 ช่อง แต่ละช่องรูปไข่ สีเขียวอ่อน เกล้ียง ผลแบบผลแห้งแตกแนวเดียว รูปกระสวย สีเหลืองมีจุดสีแดงเข้มแกมด�ำ กว้างประมาณ 7 มม. ยาวประมาณ 8 มม. เมล็ด แบน กว้างประมาณ 1 มม. ยาวประมาณ 5.5 มม. มีกระจุกขน ประเทศไทย ภาคเหนือ: ตาก นครสวรรค์; ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย; ภาคตะวันออก: นครราชสีมา; ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต:้ ชลบรุ ี การกระจายพนั ธ ์ุ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี นเิ วศวิทยา พบทอดเลือ้ ยบนดินหรือบนโขดหนิ ปนู ในพ้ืนที่ที่มรี ่มเงา ท่ีความสงู จากระดับทะเล 0-450 ม. ออกดอกและเป็นผลในชว่ งเดือนมนี าคมถงึ พฤษภาคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลุม่ ปา่ ภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 125
126 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
นมต�ำเลยี โกเมน Apocynaceae Hoya lobbii Hook. f. ชื่ออื่น - ไมเ้ ถาเลอ้ื ย ล�ำต้นหนา แขง็ สเี ขียว กงิ่ กา้ นคอ่ นข้างอวบ ใบเดี่ยว เรียงตรงขา้ ม รูปรีหรือรปู ไข่ กว้าง 2.5-5 ซม. ยาว 5-7.5 ซม. โคนเว้ารปู หัวใจ ขอบเรยี บ ปลายแหลมหรือเรยี วแหลม เสน้ ใบโคง้ 6-8 คู่ แผน่ ใบ อวบหนา เกลย้ี งท้ัง 2 ดา้ น กา้ นใบสัน้ โค้ง เกล้ียง ช่อดอกแบบช่อซร่ี ม่ ออกทป่ี ลายกิง่ กลบี เล้ียงขนาดเลก็ เช่อื ม เ ป็นวง ปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปใบหอกแกมรูปไข่ เกล้ียง กลีบดอกเชื่อมกันเป็นรูปกงล้อ เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.25-4.2 ซม. ปลายแยกเป็น 5 แฉก ปลายแหลม สแี ดงเขม้ มขี นส้ันกระจายทัว่ กลีบ กระบงั รอบเกสรเพศผ้ขู นาด ใหญ่ หนา กลม ปลายมนหรือแหลม สีแดงเข้ม เกลยี้ ง เป็นเงา กลุม่ เรณูสสี ม้ อมเหลอื ง ผลไม่พบ ประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื : เลย; ภาคตะวันออกเฉยี งใต:้ จันทบรุ ี การกระจายพนั ธ ์ุ อนิ เดีย นเิ วศวทิ ยา เลื้อยพันตามตน้ ไมห้ รอื ทอดเล้ือยตามโขดหิน เขาหินปนู ที่ความสูงจากระดับทะเล ประมาณ 500 ม. ออกดอกและเป็นผลในช่วงเดอื นมิถุนายนถึงสิงหาคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกล่มุ ป่าภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 127
128 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
นมพจิ ิตร Apocynaceae Hoya verticillata (Vahl) G. Don ช่ืออื่น นมหมู (ภาคกลาง) เน้ือมะต่อม (ภาคเหนือ) ลิ้นเห้ีย (กรุงเทพฯ) ไมล้ ม้ ลุกองิ อาศยั ลำ� ต้นหนา แข็ง สีน�้ำตาลแกมเทา เกลยี้ งหรอื ขรุขระเลก็ น้อย ใบเดย่ี ว เรยี งตรงข้าม รปู รีแกมรูปไข่ ถึงรูปรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 2.5-6 ซม. ยาว 6-11 ซม. โคนรปู ลม่ิ ขอบเรียบ ปลายแหลมถึง เรียวแหลม แผ่นใบเกลีย้ ง หนา กา้ นใบอวบ โคง้ สีนำ�้ ตาลแกมเทา ยาว 0.5-2.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อซ่รี ม่ โคง้ นูน ตงั้ ตรง กา้ นช่อดอก ยาว 3-5 ซม. เป็นสัน มไี ด้ถงึ 40 ดอก กา้ นดอกบาง เกล้ยี ง สีขาวอมมว่ งแดง ยาวประมาณ 3 ซม. กลบี เล้ียงยืด ปลายมน วงกลบี ดอกเส้นผา่ นศูนย์กลางประมาณ 1.5 ซม. สขี าว ดา้ นในเกล้ยี งหรอื มีขน สั้นนุ่ม แฉกกลีบดอกรูปไข่ ปลายแหลมม้วนกลับไปข้างหลัง กระบังรอบเกสรเพศผู้เป็นแฉกรูปไข่ ปลายแหลม โคนสีชมพเู ข้ม ปลายสีขาว อับเรณูมีรยางค์เป็นเยื่อบาง ๆ ปลายแหลม กา้ นยอดเกสรเพศเมียเปน็ กอ้ นรปู กรวย ปลายแหลม กลมุ่ เรณูสสี ม้ อมเหลือง รูปขอบขนาน ปลายมน มปี ีก ก้านกลุ่มเรณูส้นั หนา รปู กรวย เคล่อื นไหวได ้ ผลกว้างประมาณ 0.4 ซม. ยาวประมาณ 12 ซม. ประเทศไทย ภาคเหนือ: เชยี งราย เชียงใหม่ ลำ� ปาง นา่ น ตาก; ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย อดุ รธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม มกุ ดาหาร; ภาคตะวนั ออก: นครราชสมี า ศรีสะเกษ อบุ ลราชธานี; ภาค ตะวันตก: กาญจนบรุ ี ประจวบคีรีขนั ธ์; ภาคกลาง: สระบรุ ี; ภาคตะวันออกเฉยี งใต:้ ปราจนี บรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด; ภาคใต:้ ระนอง สรุ าษฎร์ธานี พังงา กระบ่ี ตรงั สตลู สงขลา นราธิวาส การกระจายพนั ธ ์ุ อนิ เดยี เมยี นมา กมั พชู า ลาว เวยี ดนาม อนิ โดนเี ชยี (บอรเ์ นยี ว ชวา สลุ าเวสี สมุ าตรา) บรไู น มาเลเซยี และสิงคโปร์ นเิ วศวทิ ยา พบองิ อาศยั บนตน้ ไม้ในป่าเตง็ รงั ป่าผลดั ใบผสม ปา่ ดบิ ชื้น หรือตามระบบนิเวศเขา หินปูน ทค่ี วามสงู จากระดบั ทะเล 100-900 ม. ออกดอกและเปน็ ผลในชว่ งเดอื นกมุ ภาพันธ์ถงึ มีนาคม พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 129
aristolochiaceae Aristolochia pothieri Pierre ex Lecomte 130 พรรณไม้ไทยประจนั
พรรณไม้ไทยประจัน 131
132 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
กระเชา้ ใบแคบ Aristolochiaceae Aristolochia perangustifolia Phuph. ช่ืออ่ืน - ไม้เถาเลื้อย ล�ำต้นเกลี้ยง เป็นร่องเล็กน้อย เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.5 มม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบ หอกแคบ กว้าง 1.3-1.8 ซม. ยาว 5.5-8.5 ซม. โคนรูปหัวใจเว้าลึก รูปต่ิงหู ติ่งใบกลม กว้าง 5-7 ซม. ยาว 7-12 ซม. ขอบเรียบ ปลายสอบแหลมหรือเรียวแหลม เป็นติ่งหนาม แผ่นใบบาง ผิวใบด้านบนเกล้ียง ด้าน ล่างมีขนส้ันนุ่ม มีต่อมเล็ก ๆ กระจายหนาแน่น เส้นใบรูปฝ่ามือ 3-5 เส้น ก้านใบยาว 1.5-2 ซม. เรียว เกลี้ยง ช่อดอกแบบช่อกระจะออกท่ีซอกใบ ยาว 5.5-8 ซม. จ�ำนวน 1-6(-10) ดอก ใบประดับรูปใบหอกถึงรูปใบ หอกแกมรูปแถบ กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 6-8 ซม. ก้านยาว 5-6 มม. ดอกสีเขียวซีดแกมน�้ำตาล กลีบรวมเช่ือม เป็นหลอดรูปทรงกระบอกแคบ ๆ กว้าง 2-3 ซม. ยาว 6-8 ซม. หักและโค้งข้ึน ปลายกลีบต้ังตรง รูปใบหอก แกมรูปแถบ กว้าง 2-3 มม. ยาว 20-25 มม. ปลายสอบแหลม โคนหลอดกลีบเป็นกระเปาะรูปไข่หรือเกือบ กลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 มม. คอหลอดและผิวกลีบด้านใกล้แกนปกคลุมด้วยขนสั้นนุ่ม เกสรเพศผู ้ 6 เกสร แนบติดก้านยอดเกสรเพศเมียเป็นเส้าเกสร ยาวประมาณ 0.15 ซม. รังไข่มี 6 ช่อง ยอดเกสรเพศเมียรูป ขอบขนานหรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ปลายแยกเป็น 6 แฉก ผลแบบผลแห้งแตก ผลอ่อนรูปขอบขนาน สีเขียวแกมม่วงแดง มีสันตามยาว 6 สัน ประเทศไทย ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื : ชัยภมู ิ ขอนแก่น เลย การกระจายพนั ธ ์ุ พืชถน่ิ เดยี วของไทย นเิ วศวิทยา พบข้ึนตามขอบป่าเบญจพรรณบริเวณเขาหินปูน ท่ีความสูงจากระดับทะเล 280-450 ม. ออกดอกในเดือนสิงหาคมถึงกนั ยายน เปน็ ผลในเดอื นตุลาคมถงึ พฤศจิกายน พรรณไมเ้ ขาหินปนู ในกลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 133
134 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
กระเชา้ ถุงทอง Aristolochiaceae Aristolochia pothieri Pierre ex Lecomte ช่ืออ่ืน - ไม้เถาล้มลุก ทอดเล้ือยไปตามพื้น ล�ำต้นมีขนละเอียด ใบเด่ียว เรียงสลับ รูปไข่กว้างหรือแยกเป็น 3 แฉก ยาว 11-12 ซม. โคนรูปหัวใจ ขอบเรียบ ปลายมนหรือแหลม ปลายแฉกมน แผ่นใบมีขนและต่อมทั้ง 2 ด้าน เส้นโคนใบ 3 เส้น ก้านใบยาว 3.5-5.2 ซม. มีขนละเอียด ช่อดอกแบบช่อแยกแขนงสั้น ๆ ออกตาม ซอกใบ ยาวประมาณ 6 ซม. ดอกค่อนข้างหนาแน่น ใบประดับรูปไข่ ยาวประมาณ 0.1 ซม. ก้านดอกยาว 0.6-0.7 ซม. ดอกสีน�้ำตาลแดงหรือสีน�้ำตาลอมม่วง กลีบรวมเช่ือมเป็นหลอดรูปทรงกระบอกแคบ ๆ ยาว 0.8-1.6 ซม. โค้งขึ้นเล็กน้อย ปลายกลีบแผ่บานออก รูปขอบขนาน รูปใบหอกหรือรูปใบพาย ยาว 1.3-1.8 ซม. ปลายมน โคนหลอดกลีบเป็นกระเปาะรูปไข่หรือเกือบกลม ยาว 0.4-0.8 ซม. เกสรเพศผู้ 6 เกสร แนบ ติดก้านยอดเกสรเพศเมียเป็นเส้าเกสร ยาวประมาณ 0.2 ซม. รังไข่มี 6 ช่อง ยอดเกสรเพศเมียรูปกรวย ปลาย แยกเป็น 6 แฉก ผลแบบผลแห้งแตก รูปไข่กว้าง เป็นสัน ยาว 4-4.5 ซม. โคนก้านและปลายผลติดกันคล้าย กระเช้า ก้านผลยาว 3-6 ซม. เมล็ดรูปสามเหล่ียมหัวใจ สีน้�ำตาล บาง ด้านหน่ึงเป็นตุ่ม ยาว 0.7-0.8 ซม. มีปีก ประเทศไทย พบท่ัวทุกภาคของประเทศไทย ยกเวน้ ภาคใต้ การกระจายพนั ธ ์ุ พบเฉพาะในภมู ภิ าคอนิ โดจีน นเิ วศวทิ ยา พบขึ้นตามท่ีโล่งในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง ส่วนมากพบตามเขา หนิ ปูน ที่ความสูงจากระดับทะเล 100-400 ม. ออกดอกในเดือนกรกฎาคมถงึ สิงหาคม เป็นผลในเดือนกนั ยายน ถึงตุลาคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกล่มุ ปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 135
136 พรรณไม้ไทยประจนั
asteraceae Koyamasia curtisii (Craib & Hutch.) Bunwong, Chantar. & S. C. Keeley พรรณไม้ไทยประจัน 137
138 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ช้างงาผา Asteraceae Koyamasia curtisii (Craib & Hutch.) Bunwong, Chantar. & S. C. Keeley ช่ือพ้อง Vernonia curtisii Craib & Hutch. ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 20-100 ซม. ล�ำต้นมีขนมีต่อมประปราย ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่หรือรูป รี กว้าง 2-7 ซม. ยาว 5-15 ซม. ปลายแหลมถึงเรียวแหลม โคนสอบเรียว ขอบจักฟันเลื่อย แผ่นใบบางและ อ่อนนุ่ม มีขนส้ันประปรายทั้ง 2 ด้าน เส้นแขนงใบ 7-12 เส้นในแต่ละข้าง ก้านใบยาวถึง 4 ซม. ช่อดอกแบบ ช่อกระจุกแน่น ออกเดี่ยวหรือเป็นช่อแยกแขนงห่าง ๆ ออกที่ปลายกิ่ง ก้านช่อดอกยาว 3-5 ซม. ฐานช่อดอก แบน ถูกล้อมรอบด้วยใบประดับดูคล้ายรูประฆัง เส้นผ่านศูนย์กลาง 8-15 มม. ยาว 15-20 มม. ใบประดับซ้อน กัน 6-7 วง สีเขียวอ่อนหรือมีสีม่วงแดงท่ีปลาย รูปใบหอกถึงรูปแถบ ยาว 7-10 มม. ปลายเรียวแหลมถึงยาว คล้ายหางและโค้งงอเข้าใน มีขนส้ัน ช่อดอกหน่ึงมีดอกย่อยประมาณ 60 ดอก วงกลีบดอกรูปแตร สีชมพูอม ม่วง มีขนสั้นนุ่มและขนมีต่อม หลอดกลีบดอกยาว 7-10 มม. ปลายแยก 5 แฉก รูปขอบขนาน ยาว 2-3 มม. ปลายแหลมถึงมน อับเรณูมี 5 อัน เชื่อมติดกันเป็นหลอดล้อมรอบก้านยอดเกสรเพศเมีย อับเรณูแต่ละอันรูป แถบ ยาว 2.8-3 มม. สีม่วงแดงเข้มหรือสีม่วงคราม ก้านยอดเกสรเพศเมียแยก 2 แฉก ปลายม้วนออก สีม่วง อ่อน ผลแบบแห้งเมล็ดล่อน (achenes) รูปกระบอง ยาว 3-3.5 มม. มี 10 สันตามยาว และมีต่อมประปราย แพปพัส (pappus) มี 1 วง เป็นขนแข็งยาว 2-8 มม. ประเทศไทย พบตง้ั แตภ่ าคเหนอื จนถงึ ภาคใต้ สำ� หรบั ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จะพบตามแนว ภเู ขาหนิ ปนู ท่ปี รากฏดา้ นตะวนั ตกของภาค หรอื บรเิ วณกลมุ่ ป่าภเู ขียว-น้�ำหนาวทั่วไป การกระจายพนั ธ ์ุ อนิ เดยี ภูมิภาคอนิ โดจนี และคาบสมุทรมาเลเซยี นเิ วศวิทยา เปน็ พชื ทมี่ ถี น่ิ อาศยั เฉพาะบนหนิ ปนู ขน้ึ ในปา่ ดบิ ปา่ ผลดั ใบ หรอื ปา่ ละเมาะ ตามซอก หินในทีร่ ำ� ไร หรอื คอ่ นขา้ งโลง่ ตามหนา้ ผา ยอดเขา หรอื ปากถำ�้ ทคี่ วามสงู จากระดบั ทะเล 100-500 ม. ออกดอก เดอื นพฤษภาคมถงึ พฤศจิกายน เปน็ ผลเดอื นตุลาคมถงึ มกราคม พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุม่ ปา่ ภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 139
Balanophora latisepala (Tiegh.) Lecomte 140 พรรณไม้ไทยประจัน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242