gesneriaceae
192 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ผักกาดหินจันทบูร Gesneriaceae Damrongia trisepala (Barnett) D. J. Middleton & A. Weber ชอ่ื พอ้ ง Chirita trisepala Barnett ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 20-50 ซม. ล�ำต้นสั้น ยาวได้ถึง 2 ซม. ใบเดี่ยว มี 6-15 ใบ เรียงเวียน เป็นกระจุก รูปรีหรือรูปไข่ กว้าง 4-11 ซม. ยาว 9-17 ซม. ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนมนถึงกลม หรือ บางครั้งเบี้ยว ขอบจักฟันเลื่อยหรือหยักซี่ฟัน แผ่นใบบางเนื้ออ่อนนุ่ม ผิวใบด้านบนสีเขียวอ่อน มีขนสั้นสีขาว ประปราย ด้านล่างสีจางกว่าเล็กน้อยมีขนสั้นประปรายถึงหนาแน่น โดยเฉพาะตามขอบใบและเส้นใบจะมี ขนมากกว่า เส้นแขนงใบข้างละ 4-8 เส้น ก้านใบยาว 6-17 ซม. มีขนสั้นค่อนข้างหนาแน่น ช่อดอกแบบก้าน ช่อดอกโดด ดอกย่อยเป็นกระจุกที่ปลายคล้ายช่อซี่ร่ม ออกตามซอกใบใกล้ยอด แต่ละช่อมี 1-10 ดอก ก้าน ช่อดอกสีเขียวอ่อนหรือสีน้�ำตาลเข้ม ยาว 3.5-22 ซม. ใบประดับสีเขียวอ่อน ติดเป็นคู่รูปหัวใจ กว้างและยาว 0.8-1.8 ซม. ปลายแหลม ขอบเรียบ ผิวค่อนข้างเกลี้ยง ก้านดอกยาวถึง 2 ซม. ค่อนข้างเกลี้ยง วงกลีบเล้ียง สีเขียวอ่อน เกลี้ยง โคนเช่ือมติดกัน ยาว 1.2-1.5 ซม. ปลายแยกเป็น 3 แฉก รูปสามเหล่ียม ยาว 4-10 มม. ขอบมักจะหยักเล็กน้อย ดอกสีม่วงแกมน�้ำเงินเข้ม ด้านในมีลายสีจางกว่าระหว่างเส้นกลีบดอก วงกลีบดอก รูปปากแตร มีขนส้ันประปรายท้ังด้านในและด้านนอก โคนเช่ือมติดกันเป็นหลอดยาว 3.5-5 ซม. หลอดป่อง เล็กน้อย ปากหลอดกว้าง 1-1.5 ซม. ปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปไข่กว้าง กว้างประมาณ 1 ซม. ยาว 6-8 มม. ปลายมนถึงกลม โคนซ้อนเหล่ือมกันเล็กน้อย เกสรเพศผู้ สีขาว มี 5 เกสร ติดด้านในหลอดกลีบดอก เกสร ท่ีสมบูรณ์ 2 เกสร ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 11 มม. โค้งเล็กน้อย เกล้ียง อับเรณูสีเหลืองอ่อน กว้างและ ยาวประมาณ 3 มม. เกสรเพศผู้เป็นหมัน 3 เกสร ยาว 2-3 มม. ติดอยู่ใกล้โคนหลอดกลีบดอก รังไข่อยู่เหนือ วงกลีบ กว้างประมาณ 1.5 มม. ยาวประมาณ 7 มม. ก้านยอดเกสรเพศเมียยาวประมาณ 2 ซม. ยอดเกสร เพศเมียรูปหัวใจกลับ ผลแบบแคปซูล แห้งแล้วแตก 2 เส่ียง รูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 2 ซม. ปลายแหลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4 มม. มีกลีบเลี้ยงหุ้มอยู่ท่ีโคน ติดทน เมล็ดขนาดเล็ก สีน�้ำตาลเข้ม ประเทศไทย พบในจังหวัด จันทบุรี นครนายก ชัยภูมิ และเพชรบุรี ส�ำหรับกลุ่มป่าภูเขียว- นำ�้ หนาว พบบนเขาหินปูนในเขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั ว์ป่าผาผึง้ จงั หวัดชยั ภมู ิ การกระจายพนั ธ ์ุ เปน็ พืชถ่นิ เดยี วของประเทศไทย นเิ วศวทิ ยา ขึน้ ได้ท้ังบนหินอัคนี หรือหินปูนที่เปยี กช้นื ตามปากถ�ำ้ ใกลล้ ำ� ธารหรือน้�ำตก ในป่า ดิบชืน้ ตามท่มี ีแสงรำ� ไร ทีค่ วามสูงจากระดบั ทะเล 100-600 ม. ออกดอกชว่ งเดือนสงิ หาคมถึงกันยายน เปน็ ผล ชว่ งเดือนตุลาคมถงึ พฤศจกิ ายน พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มป่าภเู ขียว-นำ้� หนาว 1 193
194 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
หเู ลียงผา Gesneriaceae Epithema ceylanicum Gardner ชอ่ื พ้อง Epithema carnosum var. ceylanicum (Gardner) C. B. Clarke ช่อื อืน่ หูหมีศรีลังกา ไม้ล้มลุกอายุปีเดียว ล�ำต้นสูง 3-30 ซม. อ่อนนุ่มและฉ�่ำน้�ำ มีขนสั้นและสากกระจายปานกลางถึง หนาแนน่ ใบเดยี่ ว เรยี งตรงขา้ มหรอื สลบั ใบคบู่ นสดุ จะมขี นาดเลก็ กวา่ ใบคลู่ า่ ง และมหี รอื ไมม่ กี า้ นใบ ใบรปู ไข่ รปู ไข่ แกมรปู ขอบขนาน หรอื รปู ไขก่ วา้ ง กวา้ ง 2-20 ซม. ยาว 2-20 ซม. ปลายแหลมถงึ กลม โคนมน กลมหรอื เวา้ รปู หวั ใจ ขอบหยกั ซฟี่ นั เลก็ นอ้ ยถงึ จกั ฟนั เลอื่ ย แผน่ ใบบางเนอ้ื ออ่ นนมุ่ แผน่ ใบทง้ั 2 ดา้ น มขี นสนั้ ประปรายถงึ ปานกลาง ซง่ึ เปน็ ขนสัน้ เส้นตรงและมหี รอื ไมม่ ขี นปลายตะขอ (hooked hairs) เสน้ แขนงใบข้างละ 5-12 เส้น ก้านใบยาว (0.2-)1-12 ซม. มขี นประปรายถงึ หนาแนน่ ชอ่ ดอกแบบชอ่ วงแถวเดยี่ ว (helicoid cyme) ออก 1-4 ชอ่ ตอ่ กระจกุ ทซี่ อกกา้ นใบ หรอื บนกา้ นใบหรอื โคนใบกไ็ ด้ แตล่ ะชอ่ มดี อกยอ่ ย 3-60 ดอก เรยี งชดิ กนั อดั แนน่ อยบู่ นแกนชอ่ ดอก ทสี่ นั้ เฉพาะดา้ นบน ดคู ลา้ ยชอ่ ซร่ี ม่ กา้ นชอ่ ดอกยาว 1-10 ซม. กา้ นดอกยาว 1-5 มม. ใบประดบั สเี ขยี วออ่ น มี 1 ใบ คลา้ ยแผน่ ใบ รองรบั ชอ่ ดอกดา้ นเดยี ว รปู ไขถ่ งึ รปู ไขก่ วา้ ง กวา้ ง 3-16 มม. ยาว 3-9 มม. ปลายแหลม วงกลบี เลย้ี ง สเี ขยี วออ่ นปลายสมี ว่ งแดง ยาว 2-6 มม. โคนครงึ่ ลา่ งเชอื่ มตดิ กนั ปลายแยก 5 แฉก รปู ใบหอก ปลายเรยี วแหลม ถงึ เปน็ ตงิ่ แหลมยาว ดา้ นนอกมขี น ดา้ นในเกลย้ี งถงึ มขี นประปราย วงกลบี ดอก รปู ปากเปดิ (bilabiate) ยาว 4-8.5 มม. กลบี เชอื่ มตดิ กนั เปน็ หลอด สขี าว ยาว 2.5-6 มม. ปากหลอดกวา้ ง 1-2 มม. ดา้ นนอกเกลยี้ งถงึ มขี นประปราย ดา้ นในมขี นสนั้ สขี าวหนาแนน่ เฉพาะรอบปากหลอด ปลายวงกลบี ดอกแยกเปน็ 2 แฉก สฟี า้ สมี ว่ งอมฟา้ หรอื สชี มพู โดยแบง่ เปน็ แฉกบนมี 2 พู (มแี ตม้ สมี ว่ งอมนำ้� เงนิ เขม้ 2 แตม้ ทใ่ี ตโ้ คนพ)ู ซง่ึ มขี นาดเลก็ กวา่ แฉกลา่ งทม่ี ี 3 พู ทงั้ 5 พู รปู คอ่ นขา้ งกลม ปลายกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-3 มม. เกสรเพศผู้ สขี าว มี 4 เกสร แบง่ เปน็ เกสรทสี่ มบรู ณ์ 2 เกสร ตดิ ใกลป้ ากหลอดกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณู ยาว 0.5-1.7 มม. ปลายโคง้ งอลง เกลย้ี ง อบั เรณสู ขี าวอมเหลอื ง รปู คอ่ นขา้ งกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 0.5 มม. เกลย้ี ง ปลายอบั เรณทู งั้ สองเชอ่ื มตดิ กนั เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั 2 เกสร ยาว 0.5-1.7 มม. เกลย้ี ง เกสรเพศเมยี ยาว 3-3.5 มม. รงั ไขค่ อ่ นขา้ งกลมถงึ รปู ไขก่ วา้ ง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 0.5-1.5 มม. เกลยี้ ง แตจ่ ะมขี นปลายตะขอหนาแนน่ เฉพาะปลายดา้ นบน กา้ นยอดเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยาว 2.5-5 มม. เกลยี้ งถงึ มขี นประปราย ยอดเกสรเพศเมยี มขี นหนาแนน่ ผลแบบแคปซลู แหง้ แลว้ แตกแบบฝาเปดิ รปู คอ่ นขา้ ง กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5-3 มม. เกลย้ี ง ฝาเปดิ ดา้ นบนยาว 0.4-0.8 มม. มขี นประปรายถงึ หนาแนน่ มกี ลบี เลยี้ ง และกา้ นยอดเกสรเพศเมยี ตดิ คงทน เมลด็ ขนาดเลก็ สนี ำ้� ตาลเขม้ รปู รยี าว ยาว 0.4-0.7 มม. ประเทศไทย พบเกอื บทวั่ ประเทศไทย กระจายลงไปใตส้ ดุ ทจ่ี งั หวดั สรุ าษฏรธ์ านี และพบไดท้ วั่ ไป ในกลมุ่ ป่าภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว การกระจายพนั ธ ์ุ ศรลี งั กา อนิ เดยี ตอนใตแ้ ละรฐั อสั สมั ภมู ภิ าคอนิ โดจนี จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั และ ฟลิ ปิ ปนิ ส์ นิเวศวทิ ยา เป็นพืชที่ชอบข้ึนบนหินปูนที่เปียกช้ืน แต่ก็อาจพบได้บ้างบนหินชนิดอื่น ๆ ข้ึนใน ปา่ ดบิ หรอื ปา่ ผลดั ใบ ในทมี่ แี สงรำ� ไร ปกตขิ นึ้ ทค่ี วามสงู จากระดบั ทะเลไมเ่ กนิ 1,000 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นสงิ หาคม ถึงธนั วาคม เป็นผลชว่ งเดอื นกนั ยายนถงึ มกราคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลมุ่ ปา่ ภเู ขียว-นำ้� หนาว 1 195
196 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
หยาดสะออน Gesneriaceae Microchirita aratriformis (D. Wood) A. Weber & D. J. Middleton ชื่อพ้อง Chirita aratriformis D. Wood ช่ืออื่น หยาดสะอางม่วง ไมล้ ม้ ลกุ อายปุ เี ดยี ว สงู 20-60 ซม. ลำ� ตน้ ออ่ นนมุ่ และฉำ�่ นำ�้ มขี นประปราย มแี ละไมม่ ตี อ่ มสขี าวทป่ี ลายเสน้ ขน โคนตน้ โคง้ เปน็ รูปตัวเจ ใบเดี่ยว ใบท่ีโคนออกเรยี งสลับ ใบบนเรยี งตรงขา้ ม รูปไขห่ รอื รูปไข่แกมรปู รี กว้าง 4.6–10 ซม. ยาว 9.5–15.3 ซม. ปลายแหลม ขอบเรียบและมขี นส้นั โคนมนถึงเว้ารูปหวั ใจ แผ่นใบบางและอ่อนนุม่ มีขนสัน้ ประปรายท้งั 2 ดา้ น มเี สน้ แขนงใบข้างละ 12-18 เสน้ กา้ นใบยาว 0.3-0.8 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุก ออกบนกา้ น ใบชว่ งก่งึ กลางถงึ ปลายก้านใบ มีดอกย่อยไดถ้ งึ 8 ดอก ก้านช่อดอกยาว 2-4 มม. ไม่พบใบประดบั ก้านดอกยอ่ ย ยาว 0.8-3 ซม. โคง้ งอตั้งขึน้ วงกลบี เล้ียง มี 5 กลบี แยกถงึ โคน สเี ขยี วออ่ น รปู ใบหอกแคบ กวา้ ง 1.5-3 มม. ยาว 1-1.2 ซม. ปลายแหลม มเี ส้นกลบี 5 เสน้ ด้านนอกมขี นยาวปกคลมุ หนาแนน่ มหี รอื ไม่มีต่อม ด้านในมีขนสัน้ หนาแนน่ วง กลบี ดอก สมี ว่ งอมนำ้� เงนิ โคนสขี าว รูปแตรโค้งลง ยาว 2.3-2.8 ซม. กลบี เช่อื มติดกันเปน็ หลอด ยาว 1.5-2 ซม. โคน หลอดแคบ กลางถงึ ปลายหลอดปอ่ งออกชดั เจน ปากหลอดกวา้ ง 1-1.3 ซม. ทที่ อ้ งหลอดดา้ นในมขี ดี สเี หลอื งตรงกลาง และขนาบทง้ั สองขา้ งดว้ ยแตม้ สีม่วงเข้ม ดา้ นนอกวงกลบี ดอกมขี นหนาแน่น ดา้ นในมีขนต่อมก้านสั้นประปราย ปลาย หลอดแยกเปน็ 5 แฉก สมี ว่ งอมน�้ำเงิน รปู ค่อนข้างกลม ปลายกลม แบง่ เป็นแฉกบนมี 2 พู ตงั้ ขน้ึ เส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-4 มม. แฉกขา้ ง 2 พู เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 5-6 มม. แฉกลา่ ง 1 พู เส้นผ่านศนู ย์กลาง 6-7 มม. เกสรเพศผู้ มี 5 เกสร แบง่ เปน็ เกสรสมบรู ณ์ 2 เกสร ตดิ หา่ งจากโคนหลอดกลบี ดอก 8-10 มม. มกี า้ นชอู บั เรณสู อี อกเขยี วออ่ น ยาว 6-10 มม. เกลยี้ งหรอื มขี นประปราย โคนและปลายกา้ นงอ อบั เรณสู ขี าว รปู ทรงรี มี 2 พูและแผก่ างออก กวา้ ง 2-2.5 มม. หนา ประมาณ 1 มม. ปลายอับเรณูทั้งสองเชื่อมติดกัน และมีขนหยิกยาวสีขาวถึงสีน�้ำตาล ปกคลุมหนาแน่นที่ด้านล่าง อบั เรณู เกสรเปน็ หมันมี 3 เกสร ติดหา่ งจากโคนหลอดกลีบดอก 5-10 มม. มี 2 เกสร ยาวประมาณ 3 มม. และอีก 1 เกสร ยาวประมาณ 1 มม. เกลี้ยง เกสรเพศเมียยาว 1.1-1.5 ซม. มีขนทมี่ แี ละไม่มีต่อม หนาแนน่ รังไขร่ ูปเรียวยาว ยาว 4-6 มม. เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 0.8-1.5 มม. กา้ นยอดเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยาว 7-9 มม. ยอดเกสรเพศเมียแยก เปน็ 2 พู ชัดเจน ผลแบบแคปซลู แหง้ แลว้ แตก 2 เสยี่ ง รปู ทรงกระบอกเรียวยาว ไม่บดิ เป็นเกลยี ว ยาว 3-7 ซม. เส้น ผ่านศูนยก์ ลาง 1.7-2 มม. ปลายผลเรียวแหลม ผลมขี นปกคลุมหนาแนน่ และมีวงกลีบเลยี้ งตดิ คงทน เมล็ดเล็กมาก รปู กระสวย ยาว 0.2-0.3 มม. ประเทศไทย พบเฉพาะในจงั หวดั เลย และขอนแกน่ หรอื ในกลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว-นำ้� หนาว ดา้ นตะวันออก เฉียงเหนือ ตง้ั แต่อทุ ยานแห่งชาติภผู ามา่ นขึน้ ไป การกระจายพนั ธ ์ุ เวียดนามเหนือ จงั หวัด Lang Son และนา่ จะพบในประเทศลาวด้วย นเิ วศวิทยา เป็นพืชท่ีขึ้นเฉพาะตามซอกหินปูนท่ีเปียกช้ืน ในป่าผลัดใบ หรือป่าดิบ ตามท่ีร�ำไร ท ค่ี วามสงู จากระดบั ทะเล 200-500 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นสงิ หาคมถงึ พฤศจกิ ายน เปน็ ผลชว่ งเดอื นกนั ยายนถงึ ธนั วาคม หมายเหตุ หยาดสะออน มีความคล้ายคลึงกับหยาดสะอาง (Microchirita tubulosa (Craib A. Weber & D. J. Middleton) แตกต่างกนั เพยี งหยาดสะออนมีดอกสีม่วงเข้ม การกระจายพันธ์ใุ นภาคตะวันออก เฉยี งเหนอื ถงึ ประเทศเวยี ดนามตอนบน ขณะทห่ี ยาดสะอางมดี อกสขี าวและการกระจายพนั ธใ์ุ นภาคกลางถงึ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 197
198 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
เทียนฤาษี Gesneriaceae Microchirita hamosa (R. Br.) Y. Z. Wang ชื่อพ้อง Chirita hamosa R. Br., Didymocarpus pygmaeus C. B. Clarke, Roettlera hamosa (R. Br.) Kuntze, Roettlera pygmaea Kuntze ไม้ลม้ ลกุ อายุปีเดยี ว สูง 5-30 ซม. ล�ำตน้ อ่อนนุม่ มกั มสี ีน�้ำตาลแดง ท่วั ทั้งต้นมีขนประปรายถึงหนาแน่น มแี ละไมม่ ตี อ่ มสขี าวทปี่ ลายเสน้ ขน ใบเดย่ี ว ใบทโี่ คนออกเรยี งสลบั ใบบนเรยี งตรงขา้ ม (ถา้ ม)ี รปู ไขห่ รอื รปู ไขก่ วา้ ง กว้าง 1.5–13 ซม. ยาว 2.5-20 ซม. ปลายมนถึงแหลม ขอบเรยี บ โคนกลมถงึ เวา้ รปู หวั ใจ แผ่นใบบางและอ่อนนมุ่ มขี นส้ันประปรายถึงหนาแน่นท้ัง 2 ดา้ น มีเส้นแขนงใบข้างละ 4-22 เสน้ ก้านใบยาว 0.2-0.9 ซม. ชอ่ ดอกแบบ ช่อกระจกุ ออกที่ปลายก้านใบ มดี อกยอ่ ยได้ 1-8 ดอก ไมพ่ บใบประดบั กา้ นดอกยอ่ ย ยาว 0.3-1 ซม. โคง้ งอ ตัง้ ข้นึ วงกลบี เลยี้ ง มี 5 กลีบแยกถึงโคน สีเขยี วออ่ น รปู ขอบขนาน กว้าง 0.3-1 มม. ยาว 3-7 มม. ปลายแหลม มเี ส้นกลบี 3 เสน้ มขี นท้งั ดา้ นในและด้านนอก วงกลีบดอก สขี าว ที่ทอ้ งหลอดดา้ นในมขี ดี ตรงกลางสีเหลอื ง และ จดุ สเี หลอื ง 2 จดุ ขนาบทั้ง 2 ข้างที่โคนขีด วงกลีบดอกรปู ทอ่ ปลายค่อยแผก่ ว้าง ยาว 5-10 มม. โคนกลบี เชือ่ มติด กันเป็นหลอด ยาว 3-7 มม. โคนหลอดแคบ กลางหลอดไม่ป่องออก เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางทีป่ ากหลอด 3-4 มม. ดา้ น นอกวงกลีบดอกมีขนไม่มีต่อมกระจายปานกลาง ด้านในหลอดเกล้ียงถึงมีขนมีต่อมก้านส้ันประปราย และหนา แนน่ ทปี่ ากหลอด ปลายหลอดแยกเป็น 5 แฉกขนาดใกล้เคยี งกัน รูปคอ่ นข้างกลมถงึ รปู ไขก่ ลับ เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 1-3 มม. ปลายกลมหรือมตี งิ่ หนามดว้ ย แบ่งเปน็ แฉกบน 2 พู ต้ังข้นึ แฉกขา้ ง 2 พู และแฉกล่าง 1 พู (ขนาดใหญ่ ท่สี ุด) เกสรเพศผู้มี 5 เกสร แบ่งเปน็ เกสรเพศผู้ท่สี มบูรณ์ 2 เกสร ติดหา่ งจากโคนหลอดกลีบดอก 2-4 มม. ก้าน ชูอับเรณูสีขาว ยาว 1.5-3 มม. โค้งเลก็ นอ้ ยและเกล้ยี ง อบั เรณสู ขี าว รปู ขอบขนาน มี 2 พูและแผก่ างออก กว้าง 1-1.8 มม. หนา 0.1-0.3 มม. เกล้ียง ปลายอับเรณทู ัง้ สองเชอ่ื มติดกัน เกสรเป็นหมนั มี 2 เกสร ตดิ ห่างจากโคน หลอดกลบี ดอก 1-3 มม. ยาว 0.8-1.5 มม. เกลีย้ ง เกสรเพศเมียยาว 5-7 มม. มขี นหนาแนน่ รงั ไข่รปู เรยี วยาว ยาว 2-5 มม. เส้นผา่ นศูนย์กลาง 0.5-1 มม. กา้ นยอดเกสรเพศเมีย เรยี วยาว ยาว 3-4 มม. ยอดเกสรเพศเมียคอ่ น ขา้ งกลมถึงแยกเปน็ 2 พู ผลแบบแคปซูล แห้งแล้วแตก 2 เสี่ยง รปู ทรงกระบอกเรียวยาว ตรงหรือโคง้ เล็กนอ้ ย ไม่บิดเป็นเกลียว ยาว 0.7-3 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 มม. ปลายผลเรียวแหลม ผลมีขนส้ันปกคลุม หนาแน่น และมกี ลบี เลย้ี งตดิ คงทน เมลด็ เล็กมาก รูปกระสวย ยาวประมาณ 0.1 มม. ประเทศไทย พบทวั่ ทกุ ภาคของประเทศ แตค่ อ่ นขา้ งหายากและมปี ระชากรขนาดเล็ก รวมถงึ ใน พื้นทีก่ ลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว-น�ำ้ หนาวดว้ ย การกระจายพนั ธ ์ุ อนิ เดีย (ด้านตะวันตก) เมยี นมา จีนตอนใต้ ลาวเหนือ เวยี ดนามเหนือ และเกาะ ลังกาวี ประเทศมาเลเซีย นเิ วศวทิ ยา เป็นพืชที่ขึ้นเฉพาะตามซอกหินปูนท่ีเปียกช้ืน ในป่าผลัดใบ หรือป่าดิบ ตามที่มี แสงร�ำไร ทีค่ วามสงู จากระดับทะเล 100-1,500 ม. ออกดอกช่วงเดอื นสงิ หาคมถงึ พฤศจิกายน เป็นผลชว่ งเดือน กันยายนถงึ ธนั วาคม พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มป่าภเู ขียว-น้ำ� หนาว 1 199
200 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ม่วงเทศนา Gesneriaceae Microchirita tetsanae C.Puglisi ชื่ออื่น - ไม้ลม้ ลุกอายุปเี ดยี ว สูง 20-50 ซม. ไมม่ ีเนือ้ ไม้ ล�ำต้นมีขนสนั้ ไม่มตี อ่ มประปรายถึงเกลยี้ ง ใบเดยี่ ว ใบท่ี โคนออกเดยี่ ว ใบบนเรียงตรงข้าม (ถา้ ม)ี รปู ไข่ รปู รถี งึ รปู ขอบขนาน กวา้ ง 2-13 ซม. ยาว 4-25 ซม. ปลายแหลม ถึงเรียวแหลม ขอบเรยี บ โคนกลมถงึ เว้ารปู หวั ใจ หรอื เบีย้ วเลก็ นอ้ ย แผ่นใบบางและออ่ นนุม่ ทั้ง 2 ดา้ นมีขนสั้นมี ตอ่ มกา้ นส้นั และไมม่ ตี ่อมกระจายปานกลางถึงประปราย มีเสน้ แขนงใบข้างละ 7-22 เส้นใน กา้ นใบยาว 0.2-1.1 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจุก ออกบนก้านใบช่วงกลางถงึ ปลายก้านใบ มดี อกย่อยได้ 1-21 ดอก ไม่พบใบประดบั กา้ นดอกยอ่ ย ยาว 0.5-2 ซม. โคง้ งอต้ังขึน้ วงกลีบเลยี้ ง มี 5 กลบี แยกถงึ โคน สีเขยี วออ่ น รูปใบหอกแคบ กวา้ ง 0.7-3 มม. ยาว 5-15 มม. ปลายแหลม มเี สน้ กลีบ 3 เสน้ ด้านนอกมขี นมตี ่อมกา้ นยาวหรือไม่มตี ่อมปกคลมุ หนา แนน่ ดา้ นในมขี นมตี อ่ มกา้ นสนั้ และไมม่ ตี อ่ มปกคลมุ หนาแนน่ วงกลบี ดอก สมี ว่ งออ่ นถงึ เขม้ โคนสขี าว รปู ทอ่ ปลาย คอ่ ยแผ่กวา้ ง ยาว 2-2.5 ซม. วงกลีบเชื่อมติดกนั เป็นหลอด ยาว 7-15 มม. โคนหลอดแคบ กลางถึงปลายหลอด ไม่ป่องออก เส้นผ่านศูนย์กลางที่ปากหลอด 4-5 มม. ที่ท้องหลอดด้านในมีแต้มสีเหลือง และมีรอยพับนูนและ มีร่องกลาง 1 ร่องตามแนวยาวลงมาถึงโคนแฉกลา่ ง ปากหลอดดา้ นบนเหนอื ต�ำแหนง่ อบั เรณมู สี มี ่วงอมน้ำ� เงินเข้ม และสีขาวที่ด้านล่างต�ำแหน่งอับเรณู หรือเป็นสีม่วงอมน�้ำเงินอย่างเดียวก็ได้ ด้านนอกวงกลีบดอกมีขนไม่มีต่อม หนาแนน่ หรืออาจมขี นมตี ่อมก้านยาวดว้ ยกไ็ ด้ ด้านในหลอดมีขนมตี ่อมกา้ นสั้นประปราย ส่วนท่ีต�ำแหนง่ ดา้ นบน อับเรณูมีขนยาวไม่มีต่อมหรือขนมีต่อมก้านส้ันถึงก้านยาวปกคลุมหนาแน่น ปลายหลอดแยกเป็น 5 แฉก สีม่วง อมนำ�้ เงนิ อ่อนถงึ เข้ม รูปคอ่ นข้างกลม เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 4-7 มม. ปลายกลม แบ่งเปน็ แฉกบน 2 พมู ขี นาดเล็ก ที่สุด แฉกขา้ ง 2 พู และแฉกลา่ ง 1 พู มีขนาดใหญท่ ่ีสดุ โคนพเู กยซ้อนกนั เกสรเพศผสู้ มบูรณ์ 2 เกสร ติดห่างจาก โคนหลอดกลบี ดอก 8-10 มม. มีก้านชอู บั เรณสู ีขาว ยาว 2-3 มม. มีขนมีต่อมกา้ นสนั้ ประปรายถงึ เกลี้ยง อับเรณู สีขาวครีม รูปขอบขนาน มี 2 พแู ละแผ่กางออก กว้าง 2-3 มม. หนา 1-1.5 มม. ปลายอับเรณูทง้ั สองเชือ่ มติดกัน และมขี นยาวหยกิ งอสนี �้ำตาลหรอื สมี ่วงตดิ ทีป่ ลาย เกสรเป็นหมนั มี 3 เกสร ตดิ ห่างจากโคนหลอดกลีบดอก 4.5-8 มม. ยาว 0.1-1 มม. เกสรเพศเมีย สขี าวปลายสีขาวถึงสีม่วง ยาว 1.5-2.4 ซม. มีขนสนั้ หนาแนน่ จานฐานดอกรูป วงแหวนมีขนมีต่อมกา้ นส้นั และขนไม่มีตอ่ มหนาแน่น รงั ไขร่ ปู เรียวยาว ยาว 6-12 มม. เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 1-1.5 มม. ท่ีโคนมีเฉพาะขนมีต่อมก้านสัน้ ปกคลุมหนาแนน่ กา้ นยอดเกสรเพศเมียเรยี วยาว ยาว 4-8 มม. ยอดเกสรเพศ เมียแยกเปน็ 2 พูชดั เจน ผลแบบแคปซูล แหง้ แลว้ แตก 2 เส่ยี ง รูปทรงกระบอกเรยี วยาว ตรงหรอื โคง้ เลก็ น้อย ไมบ่ ิดเปน็ เกลยี ว ยาว 4-5 ซม. เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 1-2 มม. ปลายผลเรยี วแหลม ผลมีขนปกคลุมหนาแนน่ และมี วงกลีบเลยี้ งตดิ คงทน เมลด็ เล็กมาก รปู กระสวย ยาว 0.3-0.5 มม. นเิ วศวทิ ยา เป็นพชื ท่ีขน้ึ เฉพาะตามซอกหนิ ปูนท่ีเปยี กช้ืน ในปา่ ผลดั ใบ หรือปา่ ดิบ ตามทร่ี �ำไร ทคี่ วามสงู จากระดบั ทะเล 150-500 ม. ออกดอกช่วงเดอื นสงิ หาคมถึงพฤศจกิ ายน เปน็ ผลชว่ งเดือนกันยายนถึง ธันวาคม หมายเหต ุ ม่วงเทศนา เป็นพืชชนิดใหม่ของโลก (new species) มีการกระจายพันธุ์เฉพาะ ตามภูเขาหินปูนในพ้ืนที่ครึ่งล่างของกลุ่มป่าภูเขียว-น�้ำหนาว พบในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผ้ึง จังหวัดชัยภูมิ เขตรักษาพันธุส์ ตั วป์ า่ ตะเบาะ-ห้วยใหญ่ ทัง้ ฝั่งจังหวัดเพชรบรู ณ์ และจงั หวดั ชยั ภูมิ และกลมุ่ ภเู ขาหินปนู ถ�้ำน้ำ� บงั จงั หวดั เพชรบรู ณ์ คำ� ระบชุ นดิ tetsanae ตงั้ เพอ่ื เปน็ เกยี รตใิ ห้ ดร.นยั นา เทศนา ผเู้ กบ็ ตวั อยา่ งตน้ แบบ (holotype) ของพชื ชนดิ นี้ พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 201
202 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
หยาดสะอาง Gesneriaceae Microchirita tubulosa (Craib) A. Weber & D. J. Middleton ชอื่ พอ้ ง Chirita tubulosa Craib ชอื่ อน่ื หยาดสะอางขาว ไมล้ ม้ ลกุ อายปุ เี ดยี ว ลำ� ตน้ สงู ไดถ้ งึ 80 ซม. ปลอ้ งยาวไดถ้ งึ 16 ซม. ออ่ นนมุ่ และฉำ�่ นำ้� ลำ� ตน้ มขี นมแี ละไมม่ ี ตอ่ มสขี าว ประปราย ใบเดยี่ ว ใบลา่ งสดุ เรยี งสลบั ใบดา้ นบนตดิ ตรงกนั ขา้ ม รปู ไข่ รปู รถี งึ รปู รแี คบ กวา้ ง 1.5-10.5 ซม. ยาว 5.5-19 ซม. ปลายเรยี วแหลม โคนกลมหรอื เวา้ รปู หวั ใจ ขอบเรยี บหรอื จกั ฟนั เลอ่ื ยเลก็ นอ้ ย แผน่ ใบบางเนอื้ ออ่ นนมุ่ มขี นสน้ั สขี าวประปรายถงึ หนาแนน่ ทงั้ 2 ดา้ น เสน้ แขนงใบขา้ งละ 10-19 เสน้ กา้ นใบยาว 0.6-1 (-3) ซม. มี ขนประปรายถงึ หนาแนน่ ชอ่ ดอกแบบกระจกุ เกดิ บนกา้ นใบ ชว่ งกลางถงึ ปลายกา้ นใบ มดี อกยอ่ ย 1-10 ดอกตอ่ ชอ่ ไมม่ ใี บประดบั กา้ นดอกยอ่ ยยาว 0.5-3 ซม. วงกลบี เลยี้ ง สเี ขยี วออ่ น มี 5 กลบี แยกถงึ โคน รปู ใบหอก กวา้ ง 1.6-3 มม. ยาว 1-1.8 ซม. ปลายเรยี วแหลม มเี สน้ กลบี 5 เสน้ ดา้ นนอกมขี นยาวมหี รอื ไมม่ ตี อ่ มปกคลมุ หนาแนน่ หรอื เฉพาะ เสน้ กลาง ดา้ นในมขี นสน้ั หนาแนน่ วงกลบี ดอก สขี าวหรอื สคี รมี (จดุ ตา่ งจากหยาดสะออน) รปู ปากแตรโคง้ ลงเลก็ นอ้ ย ยาว 2.5-3.2 ซม. กลบี เชอื่ มตดิ กนั เปน็ หลอด ยาวประมาณ 2 ซม. โคนหลอดแคบ ชว่ งกลางถงึ ปลายหลอดปอ่ งชดั เจน ปากหลอดกวา้ งประมาณ 1 ซม. ดา้ นในดา้ นลา่ งมแี ถบสเี หลอื ง 1 แถบ และปกตจิ ะขนาบขา้ งดว้ ยแถบสนี ำ�้ ตาลอมมว่ ง เขม้ 2 แถบ หรอื หายากทไี่ มม่ ี มขี นหนาแนน่ ดา้ นนอก และมขี นตอ่ มมกี า้ นสน้ั ถงึ ยาว ปกคลมุ ประปรายทป่ี ากหลอด ดา้ นบนตำ� แหนง่ เหนอื อบั เรณู วงกลบี ดอกดา้ นนอกมขี นหนาแนน่ ปลายวงกลบี ดอกแยกเปน็ 5 แฉก ขนาดคอ่ นขา้ ง ใกลเ้ คยี งกนั รปู ไขก่ วา้ งหรอื ครง่ึ วงกลม ยาว 0.4-0.8 ซม. ปลายมนถงึ กลม โคนซอ้ นเหลอื่ มกนั เลก็ นอ้ ย แบง่ เปน็ แฉก บน 2 พู ตงั้ ขนึ้ แฉกขา้ ง 2 พู และแฉกลา่ ง 1 พู (ขนาดใหญท่ สี่ ดุ ) เกสรเพศผทู้ ส่ี มบรู ณ์ 2 เกสร ตดิ หา่ งจากโคนหลอด กลบี ดอก 8-15 มม. กา้ นชอู บั เรณสู อี อกเขยี วหรอื ขาว ยาว 4-6 มม. โคง้ งอขนึ้ เกลย้ี ง อบั เรณสู ขี าว รปู ขอบขนาน มี 2 พแู ละแผก่ างออก กวา้ ง 2.5-3 มม. ปลายอบั เรณทู งั้ สองเกสรเชอ่ื มตดิ กนั มขี นหยกิ ยาวสขี าวปกคลมุ หนาแนน่ เกสรเพศผเู้ ปน็ หมนั 3 เกสร เกลย้ี ง ตดิ หา่ งจากโคนหลอดกลบี ดอก 6.5-9 มม. มี 2 เกสร ยาวประมาณ 1 มม. และ 1 เกสร ยาวประมาณ 0.5 มม. เกสรเพศเมยี ยาว 1.3-2.6 ซม. มขี นประปรายถงึ หนาแนน่ รงั ไขร่ ปู เรยี วยาว กวา้ ง 0.6-1 มม. ยาว 4-8 มม. กา้ นยอดเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยาว 6-18 มม. ยอดเกสรเพศเมยี แยกเปน็ สองแฉกชดั เจน ผลแบบแคปซลู แหง้ แลว้ แตก 2 เสยี่ ง รปู ทรงกระบอกเรยี วยาวและโคง้ ขนึ้ ยาว 4-10 ซม. เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-3 มม. ปลายเรยี วแหลม มขี นสนั้ ประปราย กลบี เลยี้ งตดิ คงทนแนบกบั โคนผล เมลด็ ขนาดเลก็ สนี ำ้� ตาลเขม้ รปู กระสวย ยาว 0.3-0.5 มม. ประเทศไทย พบในจงั หวดั สระบรุ ี ลพบรุ ี นครสวรรค์ และเลย สำ� หรบั กลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว-นำ้� หนาว พบเลก็ นอ้ ยบนเขาหนิ ปนู ในวนอทุ ยานผางาม และวนอทุ ยานภผู าลอ้ ม จงั หวดั เลย การกระจายพนั ธ ์ุ เปน็ พชื ถนิ่ เดยี วของประเทศไทย นเิ วศวทิ ยา เป็นพืชท่ีข้ึนเฉพาะบนหินปูน ในป่าดิบ หรือป่าผลัดใบ ขึ้นในที่มีแสงร�ำไรหรือ กลางแจง้ ตามซอกหนิ ปนู ทเี่ ปยี กชนื้ ทคี่ วามสงู จากระดบั ทะเล 50-600 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นสงิ หาคมถงึ พฤศจกิ ายน เปน็ ผลชว่ งเดอื นกนั ยายนถงึ ธนั วาคม พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มป่าภเู ขียว-นำ้� หนาว 1 203
204 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
กระบองเวสวัณ Gesneriaceae Ornithoboea wildeana Craib ช่อื อน่ื - ไมล้ ม้ ลกุ อายหุ ลายปี หรอื ปีเดียว สงู 20-100 ซม. ท่ัวทัง้ ต้นมขี นมีต่อมหนาแนน่ และเหนยี วตดิ มือ สี ขาวออกมว่ งแดงเรื่อ ใบเด่ียว เรียงตรงข้ามสลบั ต้งั ฉาก แผ่นใบคตู่ รงข้ามมขี นาดตา่ งกันมากถงึ น้อย รูปไข่หรอื รปู ไขแ่ คบ กว้าง 4.1-12.2 ซม. ยาว 6.5-17.5 ซม. ปลายแหลมหรอื เรียวแหลม ขอบหยักมนหรือหยักซฟ่ี นั 1-2 ช้นั โคนเบี้ยวและเว้ารูปหัวใจ แผ่นใบบางและอ่อนนุ่ม ด้านบนและด้านล่างมีขนหนาแน่นโดยเฉพาะตามเส้นใบและ เส้นกลางใบ มเี ส้นแขนงใบ 6-10 เส้นในแต่ละขา้ ง กา้ นใบยาว 3.2-19 ซม. มีขนหนาแนน่ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุก แยกแขนง ออกตามซอกใบใกล้ปลายก่ิง ยาว 3.5-12 ซม. กา้ นช่อดอกยาว 2-5 ซม. มีใบประดับรูปแถบหรอื รปู ใบหอกแคบ ยาว 0.5-15 มม. ก้านดอกยาว 2-15 มม. วงกลบี เลี้ยง มี 5 กลีบแยกถงึ โคน สขี าวปลายอมม่วงแดง เรอ่ื หรือสมี ่วงแดงอ่อน รปู ไขแ่ กมรูปใบหอกหรอื รูปไข่ กวา้ ง 3-3.5 มม. ยาว 8-9 มม. มีเสน้ กลีบ 3 เสน้ มขี นทง้ั ดา้ นในและดา้ นนอก วงกลีบดอก รูปปากเปดิ (bilabiate) ยาว 14-16 มม. โคนกลบี เชือ่ มติดกนั เป็นหลอด ยาว 5.5-7.5 มม. มขี าวอมมว่ งชมพถู ึงสีขาว ดา้ นนอกเกลีย้ งถงึ คอ่ นขา้ งเกล้ยี ง ดา้ นในมีขนประปราย ปลายหลอดแยก เป็นสองแฉกบนและล่าง ปลายแฉกสีม่วงอมนำ้� เงนิ ถึงสขี าว โคนสีขาว แฉกบนมี 2 พู ตง้ั ขึน้ แต่ละพู ยาว 0.2-0.8 มม. ปลายเวา้ ตื้นหรอื กลม แฉกลา่ งมี 3 พู หกั เอียง ยาว 8-9 มม. แตล่ ะพรู ปู ขอบขนานถงึ รปู ไขก่ ลับ กว้าง 2.5-4 มม. ยาว 3-5.5 มม ปลายกลมถึงเวา้ ตนื้ พูกลางซ้อนเหล่อื มกับพขู า้ งมากถึงนอ้ ย รอบปากหลอดกลบี ดอกและที่ โคนแฉกล่างด้านในมีขนรูปตะบองสีขาวหรือสีม่วงอ่อนปกคลุมหนาแน่น เกสรเพศผู้ติดบริเวณกึ่งกลางตามแนว ยาวหลอดกลบี ดอก สมบรู ณ์ 2 เกสร มกี า้ นชอู บั เรณู ยาว 0.5-1.3 มม. และมปี ลายก้านเกสรงอหกั ศอกกลับข้นึ ไปเรยี กวา่ pronounced sterile projection (ชว่ งต่อจากปลายกา้ นเกสรถงึ โคนอบั เรณ)ู ยาว 1.2-1.7 มม. ท่ีขอ้ พบั (อบั เรณเู ทียม) มสี เี หลือง ก้านเหนอื ขอ้ พับมีสีขาวหรือมว่ ง อับเรณสู ขี าว รูปทรงรี มี 2 พู กว้าง 2-3 มม. ยาว 1.3-2 มม. ปลายอบั เรณทู ง้ั สองเชอื่ มตดิ กนั และมขี นยาวคลา้ ยหนวดประปรายถงึ หนาแนน่ เกสรเปน็ หมนั มี 3 เกสร ติดห่างจากโคนหลอดกลบี ดอกขึ้นมา 1.5-3 มม. มี 2 อนั ยาว 1.5-2 มม. และอกี 1 อันสัน้ กว่า ยาว 0.2-0.5 มม. เกสรเพศเมียยาว 9-11 มม. มีขนหนาแน่น รงั ไข่รปู ไข่ ยาวประมาณ 2 มม. กา้ นยอดเกสรเพศเมียคลา้ ยเสน้ ด้าย ยาว 7-9 มม. ยอดเกสรเพศเมยี ค่อนขา้ งกลมหรือกลม ผลแบบแคปซูล แหง้ แลว้ แตก 2 เส่ียง รปู ขอบขนาน ยาว 10-18 มม. เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 2-3 มม. บิดเป็นเกลียว 3-6 เกลียว มีขนปกคลุมหนาแนน่ และมีวงกลีบเลยี้ งตดิ คงทน เมล็ดเลก็ มาก รปู กระสวย ยาว 0.3-0.4 มม. ประเทศไทย ภาคเหนือ และด้านตะวันตกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลย หนองบัวล�ำภู ขอนแกน่ และลงไปถึงบริเวณถ�ำ้ วัวแดง ในเขตรักษาพนั ธส์ุ ัตว์ป่าตะเบาะ-ห้วยใหญ่ จังหวัดชัยภมู ิ การกระจายพนั ธ ์ุ พมา่ มณฑลยนู านของประเทศจนี ลาวตอนบน และเวียดนามเหนอื นิเวศวทิ ยา ขน้ึ เฉพาะตามซอกหนิ ปนู ทเ่ี ปยี กชนื้ ในปา่ ผลดั ใบ หรอื ปา่ ดบิ ตามทรี่ ำ� ไร ทคี่ วามสงู จากระดบั ทะเล 200-700 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นสิงหาคมถงึ พฤศจกิ ายน เปน็ ผลช่วงเดือนกนั ยายนถงึ ธันวาคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 205
206 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ขา้ วตอกไหม้ Gesneriaceae Paraboea amplexicaulis (Parish ex C. B. Clarke) C. Puglisi ชอ่ื พอ้ ง Trisepalum amplexicaule (C. B. Clarke) B. L. Burtt ชอื่ อนื่ กา้ นระยา้ ไมล้ ม้ ลกุ อายปุ เี ดยี วถงึ หลายปี ลำ� ตน้ สงู 20-40 ซม. เปน็ ลำ� เดย่ี วตงั้ ตรงและหนา เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-1.5 ซม. ลำ� ตน้ ชว่ งโคนมเี นอ้ื ไมแ้ ขง็ มขี นยาวสานเปน็ พดื (matted hairs) สขี าวหนาแนน่ ปลอ้ งยาว 0.5-2 ซม. มใี บ เกา่ แหง้ ตดิ คาโคนตน้ ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ มสลบั ตง้ั ฉาก ใบคตู่ รงขา้ มมขี นาดเทา่ กนั และใบคลู่ า่ งสดุ ทม่ี ชี อ่ ดอกเกดิ มขี นาดยาวประมาณ 70 % ถงึ ยาวใกลเ้ คยี งกบั ใบทไ่ี มม่ ชี อ่ ดอกเกดิ ใบรปู ใบหอกกลบั ถงึ รปู ไขก่ ลบั กวา้ ง 4-8 ซม. ยาว 10-30 ซม. ปลายแหลม ขอบหยกั ซฟ่ี นั หา่ ง โคนรปู ลม่ิ หรอื มน แลว้ คอดฉบั พลนั คลา้ ยปกี ของกา้ นใบ ชว่ งทคี่ ลา้ ย ปกี กวา้ งขา้ งละ 0.5-1 ซม. ยาวไดถ้ งึ 6 ซม. โคนของแผน่ ใบโอบรอบลำ� ตน้ แลว้ เชอ่ื มตดิ กบั โคนใบคตู่ รงขา้ ม แผน่ ใบ บางเนอ้ื ออ่ นนมุ่ แผน่ ใบดา้ นบนมขี นสน้ั หนาแนน่ ดา้ นลา่ งมขี นยาวสานเปน็ พดื หนาแนน่ เสน้ แขนงใบขา้ งละ 11-22 เสน้ ไมม่ กี า้ นใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบใกลป้ ลายกง่ิ ซอกละ 1 ชอ่ ชอ่ ดอกยาว 8-22 ซม. แตล่ ะ ชอ่ มดี อกยอ่ ย 13-22 ดอก ดอกยอ่ ยตดิ 1-2 ดอกตอ่ ขอ้ และมใี บประดบั สเี ขยี วออ่ นรองรบั ขอ้ ละ 1 คู่ ตดิ ตรงกนั ขา้ ม รปู กลมคลา้ ยถว้ ย เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 8-12 มม. ปลายกลม ดา้ นนอกมตี มุ่ สวิ (pustulate) และขนใยแมงมมุ (arachnoid hairs) ประปราย ดา้ นในมตี มุ่ สวิ ประปราย กา้ นชอ่ ดอกยาว 3-9 ซม. มขี นสานเปน็ พดื หนาแนน่ แกน ชอ่ ดอกยาว 5-12 ซม. มขี นใยแมงมมุ สขี าวประปรายถงึ หนาแนน่ กา้ นดอกยอ่ ยยาว 5-8 มม. วงกลบี เลยี้ ง สเี ขยี ว ออ่ น ยาว 6-9 มม. แยกถงึ โคน 2 แฉก รปู ขอบขนานถงึ รปู ใบหอก ยาว 5-9 มม. ปลายมน และทโ่ี คนเชอ่ื มตดิ กนั อกี 3 แฉก แตล่ ะแฉกรปู ไข่ ยาว 3-5 มม. ปลายมน เกลย้ี งถงึ มตี มุ่ สวิ สขี าวใสประปราย วงกลบี ดอก สขี าวลว้ น รปู ระฆงั แกมรปู ปากเปดิ ยาว 10-16 มม. วงกลบี เชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด ยาว 8-9 มม. ปากหลอดกวา้ ง 8-9 มม. ดา้ นนอกและ ดา้ นในหลอดมขี นสนั้ และตมุ่ สวิ ประปราย ปลายวงกลบี ดอกแยกเปน็ 2 แฉก โดยแบง่ เปน็ แฉกบนมี 2 พู ขอบมว้ น กลบั และแฉกลา่ งมี 3 พู ทง้ั 5 พมู ขี นาดใกลเ้ คยี งกนั รปู คอ่ นขา้ งกลมแบน ปลายกลมและหยกั มนไมส่ มำ�่ เสมอ กวา้ ง 8-9 มม. ยาวประมาณ 4 มม. เกสรเพศผู้ สขี าว เกสรทสี่ มบรู ณ์ 2 เกสร ตดิ หา่ งจากโคนหลอดกลบี ดอกประมาณ 0.5 มม. กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 6 มม. โคง้ ขน้ึ เขา้ หากนั และเกลย้ี ง อบั เรณสู ขี าวเหลอื ง รปู รี กวา้ งประมาณ 2.5 มม. ยาวประมาณ 3.5 มม. มขี นสน้ั และตมุ่ สวิ เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั 3 เกสร แบง่ เปน็ 2 เกสร ยาวประมาณ 2 มม. เกลยี้ ง ตดิ หา่ งจากโคนหลอดกลบี ดอกประมาณ 0.5 มม. และ 1 เกสร ยาวประมาณ 0.3 มม. เกลย้ี ง ตดิ หา่ งจาก โคนหลอดกลบี ดอกประมาณ 1 มม. เกสรเพศเมยี สขี าว ยาว 8-10 มม. โคง้ ขน้ึ และยาวพน้ หลอดกลบี ดอก เกลยี้ ง รงั ไขร่ ปู ไข่ ยาว 2-3 มม. เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-2.5 มม. กา้ นยอดเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยาวประมาณ 5 มม. ยอด เกสรเพศเมยี รปู ลน้ิ ยาวประมาณ 3 มม. ผลแบบแคปซลู แหง้ แลว้ แตก 2 เสย่ี ง รปู ไขแ่ กมรี ยาว 8-10 มม. เสน้ ผา่ น ศนู ยก์ ลาง 3-5 มม. เรยี บและเกลย้ี ง บดิ เปน็ เกลยี วเลก็ นอ้ ยไมเ่ กนิ 0.5 รอบ ปลายผลเรยี วแหลม ผลแกม่ กี ลบี เลย้ี ง และกา้ นยอดเกสรเพศเมยี ตดิ ทน เมลด็ ขนาดเลก็ สนี ำ�้ ตาล รปู รยี าว ยาว 0.3-0.5 มม. ผวิ มสี นั ตามยาวและมตี มุ่ สวิ กระจายทวั่ ประเทศไทย ภาคตะวนั ออก: ชยั ภมู ;ิ ภาคตะวนั ตกเฉยี งใต:้ กาญจนบรุ ี การกระจายพนั ธ ์ุ เมยี นมา นเิ วศวทิ ยา เปน็ พชื ทข่ี น้ึ บนซอกหนิ ปนู ตามหนา้ ผาหรอื ปากถำ�้ ทเ่ี ปยี กชน้ื และมแี สงรำ� ไร ในปา่ ดบิ หรอื ปา่ ผลดั ใบ ทคี่ วามสงู จากระดบั ทะเล 280-400 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นสงิ หาคมถงึ พฤศจกิ ายน เปน็ ผลชว่ งเดอื น พฤศจกิ ายนถงึ มกราคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลมุ่ ป่าภเู ขียว-นำ้� หนาว 1 207
208 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
โลหะโมลี Gesneriaceae Paraboea glabrisepala B. L. Burtt ชอื่ พอ้ ง Boea glabrisepala (B. L. Burtt) Barnett ไม้ล้มลุกอายุหลายปี ล�ำต้นส้ัน ยาวไม่เกิน 5 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-1 ซม. เป็นล�ำเดี่ยว ต้ังตรง มีขนยาวสานเป็นพืด สีเหลืองอมน�้ำตาลอ่อนหนาแน่นตามล�ำต้น ก้านใบและท้องใบ ใบเด่ียว เรียง เป็นกระจุกใกล้ผิวดิน ใบรูปไข่กว้าง รูปรีกว้าง หรือรูปขอบขนาน กว้าง 3.5-14.2 ซม. ยาว 8-21.5 ซม. ปลายแหลม มนถึงกลม โคนรูปหัวใจโคนซ้อนเกย รูปตัด รูปมนถึงรูปลิ่ม ขอบหยักซี่ฟัน แผ่นใบค่อนข้าง หนา เนื้ออ่อนนุ่ม แผ่นใบด้านบนมีรอยกดตามเส้นแขนงใบและเส้นใบมากถึงน้อย แผ่นใบด้านบนสีเขียว เข้มเป็นมันเงา และมีขนคล้ายใยแมงมุมสีขาวประปรายถึงค่อนข้างเกลี้ยง ด้านล่างมีขนสานกับเป็นพืด หนาแน่นและแนบติดกับผิวใบ เส้นแขนงใบข้างละ 5-8 เส้น ก้านใบยาว 10-19 ซม. ไม่มีปีก ช่อดอกแบบ ช่อกระจุกแยกแขนง ตั้งข้ึน ออกซอกใบสุดท้ายติดปลายกิ่ง (subterminal) ยาวเท่ากับหรือยาวมากกว่าใบ ช่อดอกยาว 25-45 ซม. ค่อนข้างเกล้ียงถึงเกล้ียง มีใบประดับติดตรงข้ามข้อละ 1 คู่ รูปค่อนข้างกลม เส้น ผ่านศูนย์กลาง 1-2 ซม. เกลี้ยง ก้านช่อดอกยาว 20-40 ซม. ก้านช่อดอกย่อย ยาว 1-5 ซม. ก้านดอกย่อย ยาว 5-6 มม. เกลี้ยง วงกลีบเล้ียง สีเขียวอ่อน เชื่อมติดที่โคนเป็นหลอดยาว ประมาณ 1 มม. ปลายแยก 5 แฉก รูปไข่ กว้าง 0.5-1 มม. ยาวประมาณ 1 มม. ปลายมนถึงเว้าตื้น ด้านในเกล้ียงถึงมีขนประปราย ด้านนอกเกล้ียง วงกลีบดอก สีม่วงอ่อน รูประฆัง ยาว 4-7 มม. วงกลีบเช่ือมติดกันเป็นหลอด ยาว 3-5 มม. ปากหลอดกว้าง 4-6 มม. ด้านนอกเกลี้ยง ด้านในหลอดเกล้ียงถึงมีขนมีต่อมก้านสั้นประปรายช่วงโคน ปลายวงกลีบดอกแยกเป็น 5 พู มีขนาดใกล้เคียงกัน รูปค่อนข้างกลมแบน ยาว 2-3 มม. ปลายกลมและ ม้วนกลับ เกสรเพศผู้ท่ีสมบูรณ์ 2 เกสร สีขาว ติดชิดโคนหลอดกลีบดอกมาก ก้านชูอับเรณู ยาว 1.5-2 มม. โค้งเข้าหากันและที่โคนมีขนมีต่อมก้านสั้นประปราย รูปรี กว้าง 1.5-2 มม. ยาวประมาณ 3 มม. มีขนสั้น ประปราย อับเรณูท้ังสองเกสรเชื่อมติดกัน เกสรเพศผู้ท่ีเป็นหมัน 3 เกสร ติดชิดโคนหลอดกลีบดอกมาก แบ่ง เป็น 2 เกสร ยาว 1.5-2 มม. และ 1 เกสร ยาวประมาณ 0.75 มม. มีขนสั้นที่โคนเล็กน้อย เกสรเพศเมีย สี ขาว ยาว 7-9 มม. เกล้ียง ย่ืนยาวพ้นหลอดกลีบดอกเล็กน้อย รังไข่รูปทรงกระบอก ยาว 3-4 มม. เส้นผ่าน ศูนย์กลางประมาณ 1 มม. ก้านยอดเกสรเพศเมียเรียวยาว ยาว 4-5 มม. ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่มกลม ผล แบบแคปซูลแห้งแล้วแตก 2 เสี่ยง รูปทรงกระบอก ยาว 3.5-5 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 มม. เกลี้ยงเป็น มันเงา บิดเป็นเกลียว 6-10 รอบ ปลายผลเรียวแหลม ผลแก่มีกลีบเล้ียงติดทน เมล็ดขนาดเล็ก สีน้�ำตาล รูปรียาว ยาว 0.3-0.6 มม. ประเทศไทย พบในภาคเหนอื การศกึ ษาครง้ั นพ้ี บวา่ เปน็ เขตการกระจายพนั ธใ์ุ หม่ (new locality record) ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ดา้ นตะวนั ตก หรอื บรเิ วณกลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว-นำ�้ หนาว ซงึ่ พบในวนอทุ ยานผางาม จังหวดั เลย และเขตรกั ษาพนั ธ์ุสตั ว์ป่าผาผง้ึ จงั หวดั ชัยภูมิ การกระจายพนั ธ ์ุ เป็นพืชถน่ิ เดยี วของประเทศไทย นิเวศวิทยา เปน็ พชื ทขี่ นึ้ อยตู่ ามซอกหนิ ปนู ในทม่ี แี สงรำ� ไร ในปา่ ดบิ หรอื ปา่ ผลดั ใบ ทรี่ ะดบั ความ สงู จากระดับทะเล 600-1,000 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นสงิ หาคมถึงตุลาคม เปน็ ผลชว่ งเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุม่ ป่าภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 209
210 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ถวิลบปุ ผา Gesneriaceae Paraboea swinhoei (Hance) B. L. Burtt ชอ่ื พอ้ ง Boea swinhoei Hance, Boea kerrii Craib ไมล้ ม้ ลกุ อายหุ ลายปี ลำ� ตน้ สงู 30-100 ซม. เปน็ ลำ� เดย่ี วตง้ั ตรงหรอื แตกกง่ิ ตำ�่ ลำ� ตน้ ชว่ งโคนมเี นอื้ ไมแ้ ขง็ มขี นยาวสานเปน็ พดื สเี หลอื งอมนำ้� ตาลออ่ นหนาแนน่ แนบตดิ ผวิ ตามลำ� ตน้ กา้ นใบ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง และชอ่ ดอก ลำ� ตน้ แกค่ อ่ นขา้ งเกลย้ี ง ปลอ้ งยาว 1-5 ซม. ใบเดยี่ ว เรยี งตรงขา้ มสลบั ตง้ั ฉาก ใบคตู่ รงขา้ มมขี นาดเทา่ กนั ใบรปู รี รปู รแี กมรปู ใบหอก หรอื รปู ไข่ กวา้ ง 2-7 ซม. ยาว 4-14 ซม. ปลายแหลมถงึ เรยี วแหลม โคนรปู ลมิ่ มนถงึ ตดั ขอบ จกั ฟนั เลอ่ื ยมากถงึ นอ้ ย แผน่ ใบบางเนอ้ื ออ่ นนมุ่ แผน่ ใบอายนุ อ้ ยดา้ นบนมขี นคลา้ ยใยแมงมมุ สขี าวประปราย เมอ่ื แก่ คอ่ นขา้ งเกลย้ี ง ดา้ นลา่ งมขี นสานกบั เปน็ พดื หนาแนน่ และแนบตดิ กบั ผวิ ใบ เสน้ แขนงใบขา้ งละ 5-14 เสน้ กา้ นใบ ยาว 1-3 ซม. มกั พบปกี ทงั้ 2 ขา้ งกวา้ งไดถ้ งึ 1 มม. โคนปกี ไมโ่ อบรอบลำ� ตน้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง 3-4 ชนั้ ออกทปี่ ลายกงิ่ และตามซอกใบใกลป้ ลายกง่ิ ใบทตี่ ดิ ตามกง่ิ ชว่ งทมี่ ชี อ่ ดอกเกดิ มขี นาดคอ่ ย ๆ เลก็ ลงจนถงึ ยอด ชอ่ ดอกยาว 2-4 ซม. มใี บประดบั ตดิ ตรงขา้ มขอ้ ละ 1 คู่ รปู ไขถ่ งึ รปู รี ยาวไดถ้ งึ 3 มม. กา้ นชอ่ ดอกยาว 1-3 ซม. กา้ น ดอกยอ่ ยยาว 2-5 มม. วงกลบี เลยี้ งสเี ขยี วออ่ น มี 5 แฉกแยกถงึ โคน รปู ขอบขนานอวบหนา กวา้ ง 0.5-1 มม. ยาว 1.5-2.5 มม. ปลายมน ดา้ นในเกลย้ี งถงึ มขี นมตี อ่ มกา้ นสนั้ ประปราย ดา้ นนอกเกลยี้ งถงึ มขี นประปราย วงกลบี ดอก สขี าวลว้ น รปู ระฆงั ยาว 6-7 มม. วงกลบี เชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด ยาว 4-5 มม. ปากหลอดกวา้ ง 4-6 มม. ดา้ นนอก เกลยี้ ง ดา้ นในหลอดเกลย้ี งถงึ มขี นมตี อ่ มกา้ นสน้ั ประปรายชว่ งโคน ปลายวงกลบี ดอกแยกเปน็ 5 พู มขี นาดใกลเ้ คยี ง กนั รปู คอ่ นขา้ งกลมแบน ยาว 1.5-2 มม. ปลายกลมและมว้ นกลบั เกสรเพศผทู้ ส่ี มบรู ณ์ 2 เกสร สขี าว ตดิ ชดิ โคน หลอดกลบี ดอกมาก กา้ นชอู บั เรณู ยาว 2-3 มม. โคง้ เขา้ หากนั และมขี นมตี อ่ มกา้ นสน้ั ประปราย อบั เรณรู ปู ไต กวา้ ง ประมาณ 1 มม. ยาวประมาณ 3 มม. เกลยี้ ง อบั เรณทู ง้ั สองเกสรเชอ่ื มตดิ กนั เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั 3 เกสร ตดิ ชดิ โคนหลอดกลบี ดอกมาก แบง่ เปน็ 2 เกสร ยาวประมาณ 2 มม. และ 1 เกสร ยาวประมาณ 1 มม. มขี นประปราย เกสรเพศเมยี สขี าว ยาว 6-10 มม. เกลยี้ ง ยนื่ ยาวพน้ หลอดกลบี ดอก รงั ไขร่ ปู ทรงกระบอก ยาว 3-7 มม. เสน้ ผา่ น ศนู ยก์ ลาง 0.5-3 มม. กา้ นยอดเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยาว 2-4 มม. ยอดเกสรเพศเมยี เปน็ ตมุ่ กลม ผลแบบแคปซลู แหง้ แลว้ แตก 2 เสยี่ ง รปู ทรงกระบอก ยาว 1.5-2 ซม. เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-2 มม. เกลยี้ ง บดิ เปน็ เกลยี ว 5-11 รอบ ปลายผลเรยี วแหลม ผลแกม่ กี ลบี เลยี้ งตดิ ทน เมลด็ ขนาดเลก็ สนี ำ�้ ตาล รปู รยี าว ยาว 0.2-0.5 มม. ประเทศไทย พบในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก หรือบริเวณกลุ่มป่า ภเู ขยี ว-นำ้� หนาว ซงึ่ พบในวนอทุ ยานผางาม จงั หวดั เลย อทุ ยานแหง่ ชาตภิ ผู ามา่ น จงั หวดั ขอนแกน่ และเขตรกั ษา พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ผาผง้ึ จงั หวดั ชยั ภมู ิ การกระจายพนั ธ ์ุ เมยี นมาตอนบน เวยี ดนามเหนอื จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั ฟลิ ปิ ปนิ ส์ เกาะบอรเ์ นยี ว จนถงึ เกาะชวา นเิ วศวทิ ยา เปน็ พชื ทม่ี กั พบขน้ึ อยตู่ ามซอกหนิ ปนู แตก่ พ็ บไดบ้ า้ งทข่ี นึ้ อยบู่ นหนิ แกรนติ ในทมี่ แี สง รำ� ไร ในปา่ ดบิ หรอื ปา่ ผลดั ใบ ทคี่ วามสงู จากระดบั ทะเล 600-1,000 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นสงิ หาคมถงึ พฤศจกิ ายน เปน็ ผลชว่ งเดอื นกนั ยายนถงึ ธนั วาคม พรรณไมเ้ ขาหินปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 211
212 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ชาฤาษเี ลก็ Gesneriaceae Paraboea sp. ชอ่ื อนื่ เนยี มฤาษี ฝอยหนิ หนาดหนิ ไมล้ ม้ ลกุ อายหุ ลายปี ลำ� ตน้ สงู 20-40 ซม. มกั แตกกงิ่ ตำ่� และมเี นอื้ ไมแ้ ขง็ มขี นยาวสานเปน็ พดื สเี หลอื ง อมนำ้� ตาลออ่ นหนาแนน่ แนบผวิ ตามลำ� ตน้ กา้ นใบ ทอ้ งใบ และชอ่ ดอก ปลอ้ งยาว 0.5-2.5 ซม. ใบเดยี่ ว เรยี งตรง ขา้ มสลบั ตงั้ ฉาก ใบรปู รแี คบ รปู ขอบขนาน หรอื รปู ใบหอกกลบั และมกั จะโคง้ รปู เคยี วหรอื ไมส่ มมาตรเลก็ นอ้ ย กวา้ ง 1-6 ซม. ยาว 5-15 ซม. ปลายแหลมถงึ เรยี วแหลม โคนรปู ลม่ิ มน หรอื อาจเบยี้ วดว้ ย ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย แผน่ ใบคอ่ น ขา้ งหนา เนอ้ื ออ่ นนมุ่ แผน่ ใบอายนุ อ้ ยดา้ นบนมขี นคลา้ ยใยแมงมมุ สขี าวประปราย เมอ่ื แกค่ อ่ นขา้ งเกลย้ี งและมรี อย กดหรอื เปน็ คลนื่ ตามแนวเสน้ แขนงใบ ดา้ นลา่ งมขี นสานกนั เปน็ พดื หนาแนน่ และแนบตดิ กบั ผวิ ใบ เสน้ แขนงใบขา้ งละ 10-13 เสน้ ปลายเสน้ โคง้ จรดกนั ชดั เจนถงึ ไมช่ ดั เจน กา้ นใบยาว 1-5 ซม. มปี กี ทงั้ 2 ขา้ งกวา้ งไดถ้ งึ 1 มม. โคนปกี โอบรอบลำ� ตน้ บาง ๆ และเชอ่ื มตดิ กบั ปกี ของโคนกา้ นใบคตู่ รงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง 3-4 ชน้ั ออก ซอกใบสดุ ทา้ ยตดิ ปลายกง่ิ (subterminal) ชอ่ ดอกยาว 15-50 ซม. มใี บประดบั ตดิ ตรงขา้ มขอ้ ละ 1 คู่ รปู รแี คบ ยาวไดถ้ งึ 2 ซม. กา้ นชอ่ ดอกยาว 12-40 ซม. กา้ นดอกยอ่ ยยาว 2-10 มม. วงกลบี เลยี้ ง สเี ขยี วออ่ น มี 5 แฉกแยก ถงึ โคน รปู ขอบขนาน กวา้ ง 0.5-0.8 มม. ยาว 2.5-4 มม. ปลายมนและโคง้ กลบั เลก็ นอ้ ย ดา้ นในเกลยี้ งถงึ มขี นมตี อ่ ม กา้ นสนั้ ประปราย ดา้ นนอกมขี นสานกนั เปน็ พดื สขี าว วงกลบี ดอก สมี ว่ งอมฟา้ ออ่ น โคนหลอดดา้ นในดา้ นลา่ งมแี ตม้ สเี หลอื งออ่ น รปู ระฆงั ยาว 8-12 มม. วงกลบี เชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด ยาว 3-5 มม. ปากหลอดกวา้ ง 3-5 มม. ดา้ น นอกและดา้ นในหลอดเกลยี้ ง ปลายวงกลบี ดอกแยกเปน็ 5 พู รปู คอ่ นขา้ งแบน ปลายมว้ นกลบั เลก็ นอ้ ย แบง่ เปน็ 2 พู ดา้ นบน ยาว 2-3 มม. ทโ่ี คนระหวา่ งพมู เี ดอื ย 3 อนั ยาว 1-1.5 มม. 3 พดู า้ นลา่ ง มขี นาดใหญก่ วา่ ยาว 2.5-3.5 มม. เกสรเพศผทู้ สี่ มบรู ณ์ 2 เกสร สขี าว ตดิ ชดิ โคนหลอดกลบี ดอกมาก กา้ นชอู บั เรณู ยาว 2-2.5 มม. คอ่ นขา้ งตรงและ มขี นมตี อ่ มกา้ นสนั้ ประปราย อบั เรณรู ปู ไต กวา้ งประมาณ 1.5 มม. ยาวประมาณ 3 มม. มขี นสน้ั ประปราย อบั เรณู ทงั้ 2 เกสรเชอ่ื มตดิ กนั เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั 3 เกสร ยาวประมาณ 0.5 มม. เกลยี้ ง แบง่ เปน็ 2 เกสร ตดิ ชดิ โคน หลอดกลบี ดอกมาก และ 1 เกสร ตดิ หา่ งจากโคนหลอดประมาณ 0.5 มม. เกสรเพศเมยี สขี าว ยาว 7-8 มม. มขี น มตี อ่ มกา้ นสน้ั ยน่ื ยาวพน้ หลอดกลบี ดอก รงั ไขร่ ปู ไขแ่ กมทรงกระบอก ยาว 3-4 มม. เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-1.2 มม. กา้ นยอดเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยาว 3-4 มม. ยอดเกสรเพศเมยี เปน็ ตมุ่ กลม ผลแบบแคปซลู แหง้ แลว้ แตก 2 เสยี่ ง รปู ทรงกระบอก ยาว 2-4 ซม. เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-2 มม. เกลยี้ ง บดิ เปน็ เกลยี ว 5-7 รอบ ปลายผลเรยี วแหลม ผลแกม่ กี ลบี เลย้ี งตดิ ทน เมลด็ ขนาดเลก็ สนี ำ้� ตาล รปู รยี าว ยาว 0.4-0.5 มม. นเิ วศวทิ ยา เปน็ พชื ทม่ี กั พบขน้ึ อยตู่ ามซอกหนิ ปนู แตก่ พ็ บไดบ้ า้ งทข่ี น้ึ อยบู่ นหนิ ทราย ในทมี่ แี สง รำ� ไร ในปา่ ดบิ หรอื ปา่ ผลดั ใบ ทค่ี วามสงู จากระดบั ทะเล 300-1,100 ม. ออกดอกชว่ งเดอื นสงิ หาคมถงึ พฤศจกิ ายน เปน็ ผลชว่ งเดอื นกนั ยายนถงึ ธนั วาคม หมายเหต ุ ชาฤาษเี ลก็ ยงั ไมส่ ามารถวนิ จิ ฉยั ชนดิ ได้ แตค่ าดวา่ อยา่ งนอ้ ยนา่ จะเปน็ พชื ชนดิ ใหม่ ของประเทศไทย จากการส�ำรวจคร้ังน้ีพบว่ามีการกระจายพันธุ์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง อุทยานแห่งชาติ ภกู ระดงึ วนอทุ ยานภผู าลอ้ ม และวนอทุ ยานผางาม จงั หวดั เลย พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 213
214 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ช่อม่วง Gesneriaceae Rhynchoglossum obliquum Blume ช่ืออ่ืน ไอ้เบ้ียว โคมสายกระดิง่ เฉวียนฟา้ ไมล้ ้มลกุ อายุ 1 ปี สูง 0.3-1.5 ม. ล�ำตน้ อ่อนนมุ่ และอวบนำ�้ เกลีย้ งถึงมขี นประปราย ใบเด่ียว เรยี งสลบั รูปไขแ่ ละไมส่ มมาตร กว้าง 1-6 ซม. ยาว 3-14 ซม. ปลายแหลมถงึ เรียวแหลม โคนแหลมถึงมนและเบยี้ ว ขอบ เรยี บ แผน่ ใบบางและออ่ นนุ่ม เกลยี้ งถงึ มขี นสัน้ ประปรายท้ัง 2 ดา้ น เสน้ แขนงใบข้างละ 10-12 เสน้ ก้านใบยาว 1-5 ซม. ชอ่ ดอกแบบกระจะ มีดอกยอ่ ยเรยี งดา้ นเดยี วคล้ายหนวดปลาหมึก ออกที่ปลายกง่ิ หรือซอกใบ ยาวถึง 20 ซม. มีดอกย่อยไดถ้ งึ 24 ดอก ก้านชอ่ ดอกยาวถึง 5 ซม. กา้ นดอกยาว 2-5 มม. วงกลบี เลีย้ งรปู ระฆงั เกลย้ี ง ถงึ มีขนส้นั หลอดกลบี เลยี้ งยาว 3-5 มม. ปลายแยก 5 แฉก รูปสามเหลีย่ ม ยาว 1-2 มม. วงกลบี ดอกรูปปากเปิด ยาว 10-16 มม. เกล้ยี งท้งั 2 ด้าน โคนกลีบเชอื่ มเปน็ หลอด ยาว 3-8 มม. สีม่วงเขม้ ถึงสมี ว่ งอมชมพู ปลายแยก 2 แฉก ด้านบนมี 2 พู ยาว 1-2 มม. และด้านลา่ งมี 3 พู ยาว 6-8 มม. และมีจุดสีขาวถึงสเี หลอื ง 1 จุด ท่กี ลาง แฉกลา่ ง เกสรเพศผูม้ ี 4 เกสร ติดบนหลอดกลบี ดอก แบ่งเป็นเกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์ 2 เกสร ก้านชอู ับเรณยู าว ประมาณ 3 มม. เกลยี้ ง อับเรณูสขี าวถงึ สีมว่ งอมชมพู และเกสรเพศผ้ทู ี่เปน็ หมัน 2 เกสร ยาวประมาณ 1 มม. รงั ไข่รปู ไข่ ยาวประมาณ 1 มม. มสี ันตามยาว ก้านยอดเกสรเพศเมยี ยาว 5-10 มม. เกลย้ี ง ยอดเกสรเพศเมีย เป็นตุ่ม ผลแบบแคปซลู รปู ไข่ ยาว 3-5 มม. ผวิ เกลย้ี ง มกี ลบี เลี้ยงหอ่ หุม้ เมลด็ ขนาดเล็กมาก สนี �้ำตาลเขม้ ประเทศไทย พบทว่ั ทกุ ภาคของประเทศไทย ในกลุ่มป่าภูเขียว-น�ำ้ หนาวพบได้ท่ัวไป การกระจายพนั ธ ์ุ พบตง้ั แตภ่ มู ิภาคเอเชยี ใต้ จีนตอนใต้ อนิ โดจนี ไต้หวนั จนถึงภมู ภิ าคมาเลเซีย นเิ วศวทิ ยา เปน็ พชื ทชี่ อบขนึ้ บนหนิ ปนู ทเี่ ปยี กชน้ื หรอื อาจพบไดบ้ า้ งบนหนิ ชนดิ อนื่ ขน้ึ ในปา่ ดบิ หรอื ปา่ ผลดั ใบ ตามท่มี แี สงร�ำไรหรือชายปา่ ที่ความสงู ระดบั ทะเลไม่เกนิ 2,000 ม. ออกดอกและติดผลชว่ งเดอื น สงิ หาคมถึงธันวาคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลมุ่ ปา่ ภเู ขียว-นำ้� หนาว 1 215
malpighiaceae Hiptage calcicola Sirirugsa
218 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
โนรปี ราณ Malpighiaceae Hiptage calcicola Sirirugsa ช่ืออ่ืน - ไม้เถาอายุหลายปี ก่ิงก้านอ่อนมีขนสีเหลืองหรือเกือบเกลี้ยง ใบเด่ียว เรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปไข่ กว้าง 1-4.5 ซม. ยาว 3-10.5 ซม. โคนมนถึงรูปหัวใจ ขอบสีน�้ำตาล ปลายเรียวแหลม เป็นต่ิงหนามหรือมน ใบอ่อนปกคลุมด้วยขนส้ันนุ่มสีเหลือง ใบแก่ผิวใบด้านบนเกลี้ยงเป็นมัน ด้านล่างเกล้ียงหรือเกือบเกลี้ยง ไม่มี ต่อมสีน�้ำตาลด�ำ มีเฉพาะต่อมที่โคนใบหรือขอบใบ 1-2 คู่ เส้นแขนงใบข้างละ 5-7 เส้น ก้านใบไม่หนา ยาว 6-10 มม. ปกคลุมด้วยขนสีเหลืองหรือเกือบเกล้ียง ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายยอด ยาว ไม่เกิน 12 ซม. ปกคลุมด้วยขนสีเหลือง ก้านช่อดอกยาว 1-2.5 ซม. ใบประดับรูปใบหอก ยาวประมาณ 2 มม. ปกคลุมด้วยขนสั้นนุ่มสีน�้ำตาล หลุดร่วงง่าย ใบประดับย่อย ยาวประมาณ 1 มม. ปลายแหลม ก้านดอกมีขน ส้ันนุ่มปกคลุม ยาว 0.4-1.5 ซม. ดอกสีขาว สมมาตรตามแนวรัศมี กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน 5 กลีบ รูปรี โคนตัด ปลายมน กว้างประมาณ 0.8 มม. ยาวประมาณ 1.5 มม. ด้านนอกปกคลุมด้วยขนสีน�้ำตาลทอง ด้านในเกล้ียง กลีบดอกสีขาว 5 กลีบ รูปกลม โคนตัดหรือรูปติ่งหู ขอบหยักกลมมีขน ปลายมน ก้านกลีบยาว 1-2 มม. เกสร เพศผู้ 10 เกสร ขนาดเท่า ๆ กัน ก้านชูอับเรณูสีขาว ยาว 1-2.5 มม. อับเรณูสีเหลืองยาว 0.5-1 มม. รังไข่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 มม. ก้านยอดเกสรเพศเมียเกลี้ยง ยาวประมาณ 4 มม. โค้ง เรียว สีเขียวอ่อน ยอดเกสรเพศเมียแหลม ผลแบบแยกแล้วแตก ปกคลุมด้วยขนสีเหลือง ก้านยาว 1.5-2 ซม. มี 3 ปีก ปีกกลาง รูปขอบขนานปลายมนหรือแยกเป็นสองแฉก กว้าง 0.5-0.8 ซม. ยาว 2-2.5 ซม. ปีกข้างรูปขอบขนาน กว้าง 0.3-0.5 ซม. ยาว 1-1.2 ซม. ประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย; ภาคตะวันตกเฉียงใต้: ประจวบคีรีขันธ์; ภาคใต้: พังงา พัทลุง การกระจายพนั ธ ์ุ เป็นพชื ถิน่ เดียวของไทย นเิ วศวทิ ยา พบตามพืน้ ท่เี ขาหนิ ปนู หรือชายป่าดบิ แล้ง ท่คี วามสูงจากระดบั ทะเล 10-500 ม. ออกดอกและเป็นผลในชว่ งเดือนกันยายนถึงธันวาคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลุ่มป่าภเู ขยี ว-นำ้� หนาว 1 219
220 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
โนรีน�้ำพรม Malpighiaceae Hiptage gracilis Sirirugsa ช่ืออ่ืน - ไมเ้ ถาล้มลุกอายุหลายปี ใบเดีย่ ว เรยี งตรงข้าม รูปขอบขนานแกมรูปรี กวา้ ง (2.5-)3-4.5 ซม. ยาว 7-12 ซม. โคนตัดหรือเป็นรูปลิ่ม ขอบม้วนเข้าเล็กน้อย ปลายเรียวแหลมหรือเป็นต่ิงหนาม ใบอ่อนปกคลุมด้วยขนสี น�้ำตาล ใบแก่ผวิ ใบดา้ นบนเกลีย้ งเปน็ มนั ดา้ นล่างเกล้ียงหรอื เกือบเกลี้ยง โคนแผ่นใบมตี ่อม 1 คู่ เสน้ ใบข้างละ 4-10 เส้น กา้ นใบเกอื บเกลี้ยง ยาว 5-8 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกท่ซี อกใบหรือปลายยอด ยาว 4-5 ซม. ปกคลุมด้วยขนสนั้ นมุ่ สีน�้ำตาล ก้านช่อดอกยาว 1.5-2 ซม. ใบประดบั รปู ไข่ถึงรปู สามเหลีย่ ม ยาว 1-2 มม. ปกคลุม ดว้ ยขนส้ันนุม่ สีนำ้� ตาล หลุดรว่ งงา่ ย ใบประดับยอ่ ย ยาวประมาณ 1 มม. ปลายแหลม ก้านดอกมขี นสั้นนุ่มปกคลมุ ยาว 0.7-1 ซม. ดอกสขี าว สมมาตรดา้ นขา้ ง กลีบเลี้ยงสเี ขยี วอ่อน 5 กลบี รปู ใบหอกหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข ่ โคนตัด ปลายแหลม กวา้ งประมาณ 1 มม. ยาวประมาณ 2 มม. ดา้ นนอกปกคลุมดว้ ยขนสขี าวเหลือบทอง ด้าน ในเกลีย้ ง กลบี ดอกสีขาว 5 กลีบ รปู ขอบขนานแกมรปู รี โคนตดั ขอบมีขน ปลายมน กา้ นกลบี สขี าวอมชมพู ยาว 0.5-0.8 มม. เกสรเพศผู้ 10 เกสร ขนาดไมเ่ ท่ากนั กา้ นชอู ับเรณูสขี าว ยาว 1.5-4 มม. อบั เรณูสีเหลอื งยาว 0.7-1 มม. รงั ไข่มเี ส้นผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 0.5 มม. มี 3 ชอ่ ง ก้านยอดเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1 มม. โคง้ เรียว สขี าว ยอดเกสรเพศเมยี แหลม ผลแบบแยกแลว้ แตก ปกคลุมด้วยขนสีเหลือง มี 3 ปีก ปีกกลางรปู ขอบขนานแกม รปู รี ปลายมน ปกี ข้างรปู ขอบขนาน ประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื : ขอนแกน่ ; ภาคตะวนั ออก: ชัยภูมิ การกระจายพนั ธ ์ุ เป็นพืชถ่ินเดยี วของไทย นเิ วศวทิ ยา พบตามปา่ ดบิ แลง้ รอบพนื้ ทเ่ี ขาหนิ ปนู หรอื ทอดเลอ้ื ยตามโขดหนิ ปนู ทค่ี วามสงู จาก ระดับทะเล 400-650 ม. ออกดอกในชว่ งเดอื นกมุ ภาพันธถ์ งึ มีนาคม เป็นผลในชว่ งเดือนเมษายนถงึ พฤษภาคม พรรณไมเ้ ขาหินปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1 221
oleaceae Jasminum simense Craib
224 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
มะลิวัลยเ์ ถา Oleaceae Jasminum siamense Craib ช่อื อืน่ ไขไ่ ก่ (เลย) ดอกเสยี้ ว มะลิเมา มะลสิ ยาม (ท่ัวไป) เสี้ยวดิน (ภาคเหนอื ) ไสไ้ ก่ (เลย) ไม้เถาเล้ือย ยาวได้มากกว่า 0.25 ม. บริเวณโคนมีเนื้อไม้ ต้นอ่อนมีขนประปราย ใบเดี่ยว เรียง ตรงข้าม รูปรีถึงรูปรีกว้างหรือรูปใบหอก กว้าง (0.8-)1-1.5(-5) ซม. ยาว (1-)3-5(-10) ซม. โคนสอบมายัง ก้านใบ ขอบเรียบ ปลายแหลมหรือเป็นต่ิงหนามขนาดเล็ก แผ่นใบเกล้ียงท้ัง 2 ด้าน ยกเว้นใบอ่อนมีขนประปราย บริเวณโคนเส้นกลางใบด้านล่าง เส้นใบค่อนข้างนูน แต่ละข้างมี 3-4 เส้น ไม่มีตุ่มใบ ก้านใบยาว 2-5 มม. มี ขนส้ันประปราย ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกที่ปลายยอดหรือซอกใบ มี 1-3 ดอก เกลี้ยง ก้านช่อดอกยาว 3-15 มม. กลีบเลี้ยงเชื่อมเป็นหลอด ยาวประมาณ 2 มม. แฉกกลีบรูปรี กว้าง 1-4 มม. ยาว (4-)5-15 มม. มี เส้นกลางใบและเส้นแขนงใบ 2 เส้น มีขนส้ันประปรายถึงเกล้ียง กลีบดอกสีขาว เช่ือมเป็นหลอด ยาว 10-18 มม. แฉกกลีบรูปรีแคบ ปลายแหลม กว้าง 2-4 มม. ยาว 12-20 มม. อับเรณูยาวประมาณ 4 มม. มีหรือไม่มี ก้าน ปลายมีรยางค์สั้น ๆ รังไข่รูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 1 มม. ผลทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 6-8 มม. เม่ือสุกสีส้มหรือสีแดง ประเทศไทย ภาคเหนือ: แมฮ่ ่องสอน เชียงใหม่ ล�ำพนู ล�ำปาง อุตรดติ ถ์ แพร่ ตาก นครสวรรค;์ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื : เพรชบูรณ์ เลย หนองบัวลำ� ภู ขอนแก่น; ภาคตะวันออก: ชยั ภมู ิ นครราชสมี า; ภาค ตะวันตกเฉียงใต:้ อทุ ัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขนั ธ;์ ภาคกลาง: สุพรรณบุรี การกระจายพนั ธ ์ุ เปน็ พืชถน่ิ เดียวของไทย นเิ วศวิทยา พบตามปา่ ละเมาะ ปา่ ไผแ่ ลง้ ปา่ ผลดั ใบ พบบอ่ ยตามพน้ื ทเี่ ขาหนิ ปนู ทคี่ วามสงู จาก ระดับทะเล 50-1,000 ม. ออกดอกในชว่ งเดอื นมกราคมถงึ พฤษภาคม เป็นผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงกนั ยายน พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลมุ่ ปา่ ภเู ขียว-นำ้� หนาว 1 225
rubiaceae Argostemma lobbii Hook. f.
228 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
ประดบั หนิ ใบเข็ม Rubiaceae Argostemma lobbii Hook. f. ชื่ออน่ื - ไม้ล้มลุกสูงได้ถึง 8 ซม. ล�ำต้นเกล้ียง หูใบติดทน ใบเด่ียว เรียงรอบข้อ รูปแถบหรือรูปใบหอก โคนรปู ลมิ่ เบยี้ ว ขอบเรยี บ ปลายมน ใบมี 2 ขนาด ใบยาว ยาว 1-2 ซม. กา้ นใบยาวประมาณ 0.3 ซม. ใบสั้น ยาวประมาณ 0.8 ซม. ก้านใบส้ัน ดอกเด่ียวหรือช่อดอกแบบช่อกระจุก 1-3 ดอก ออกตามปลายกิ่งหรือ ซอกใบ ก้านดอกยาวประมาณ 1 ซม. ใบประดับคลา้ ยใบ กลีบเล้ียงและกลีบดอกมีอยา่ งละ 5 กลีบ กลีบเลี้ยง รปู สามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 0.1 ซม. กลบี ดอกรูปดาว เกลยี้ ง หลอดกลีบส้นั กลบี รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 2.5 มม. เกสรเพศผู้ 5 เกสร ติดท่ีโคนหลอดกลีบ ก้านชอู บั เรณูยาวประมาณ 1.5 มม. แยกกัน อับเรณยู าวประมาณ 0.2 ซม. รังไข่กลม 2 ช่อง ขนาดเล็ก ก้านยอดเกสรเพศเมียยาวประมาณ 0.3 ซม. ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่ม ผลแบบแคปซูล กลม แตกดา้ นบน เมล็ดจำ� นวนมาก ประเทศไทย ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื : ชยั ภมู ิ เลย; ภาคตะวันตกเฉยี งใต:้ กาญจนบรุ ี ราชบุรี การกระจายพนั ธ ์ุ เมยี นมา นเิ วศวิทยา พบขึ้นตามเขาหินปูนที่มีร่มเงา หรือโขดหินใกล้ล�ำธาร ท่ีความสูงจากระดับทะเล 100-500 ม. ออกดอกและเป็นผลในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกลมุ่ ป่าภเู ขียว-น้ำ� หนาว 1 229
เอกสารอา้ งอิง กรมวิชาการเกษตร. 2557. พฤกษาผกาภริ มย์ เทิดไท้สยามบรมราชกมุ ารี. โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตร แหง่ ประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร. คณะวนศาสตร.์ 2555. รายงานฉบบั สมบรู ณ์ โครงการศกึ ษาความเหมาะสมในการจดั ทำ� แนวเชอ่ื มตอ่ ทางนเิ วศวทิ ยาของ ผนื ปา่ ในกลมุ่ ปา่ ทสี่ ำ� คญั ของประเทศไทย. มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ ระบบจดั การฐานความรดู้ า้ นความหลากหลายทางชวี ภาพ สำ� นกั งานความหลากหลายทางชวี ภาพดา้ นปา่ ไม้ กรมปา่ ไม.้ “ขา้ วสารคา่ ง”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: biodiversity.forest.go.th. [16 ม.ี ค. 2015]. ส�ำนักงานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องค์การมหาชน). 2556. บัญชรี ายการทรพั ยส์ นิ ชวี ภาพพชื วงศ์ขงิ . ศูนย์ราชการเฉลมิ พระเกียรติ 80 พรรษา อาคารรัฐประศาสนภักดี ช้นั ท่ี 9, กรุงเทพมหานคร. สุรวิช วรรณไกรโรจน.์ 2540. ปทมุ มาและกระเจียว (Curcuma) ไม้ดอกไม้ประดับ (พิมพค์ ร้ังที่ 2). ส�ำนกั พมิ พ์ บา้ นและสวน. กรุงเทพมหานคร. หนงั สอื สมนุ ไพรพน้ื บา้ นลา้ นนา. (ภาควชิ าเภสชั พฤกษศาสตร์ คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล). “ขา้ วสารคา่ ง”. หนา้ 60. Boyce, P. C., Sookchaloem, D., Hetterscheid, W. L. A., Gusman, G., Jacobsen, N., Idei, T. and N. van Du. 2012. Araceae. In: T. Santisuk, and K. Larsen. Flora of Thailand 11, 2: 101-321. Prachachon Co. Ltd., Bangkok. Bransgrove, K. and Middleton D. J. 2015. A Revision of Epithema (Gesneriaceae), Gardens’ Bulletin Singapore 67(1): 159-229. Brigitta, E. E. and P. Inthachub. 2011. Stemonaceae. In: T. Santisuk and K. Larsen (eds.), Flora of Thailand 11, 1: 74-79. Bunpha, K., Pedersen, H. A. and Sridith, K. 2013. Establishing species distributions in large tropical plant genera: insights from twelve new Thai records of Oberonia (Orchidaceae). Blumea 58(1): 71-76. Bunwong, S. Chantaranothai, P. & Keeley, S. C. 2014. Revision and key to the Vernonieae (Compositae) of Thailand. PhytoKeys 37: 25-101. de Wilde, W. J. J. O. & Duyfjes, B. E. E. 2008. Cucurbitaceae. In: T. Santisuk and K. Larsen (eds.). Flora of Thailand 9(4): 411-546. Prachachon Co. Ltd., Bangkok. Forman, L. L. 1962. Aetheolirion, a new genus of Commelinaceae from Thailand, with notes on allied genera. Kew Bulletin 16: 209-222. Green, P. S. 2000. Oleaceae. In: T. Santisuk and K. Larsen (eds.), Flora of Thailand 7(2): 271-340. Diamond printing., Bangkok. Huang, S. and Murata, J. 2003. Balanophoraceae. In: Z. Wu and P. H. Raven (eds.), Flora of China 5: 272-276. Missouri Botanical Garden Press (St. Louis). Imlay, J. B. 1938. The Taxonomy of The Siamese Acanthaceae. Doctor of Philosophy, University of Aberdeen, Scotland. Kidyue, M., Thaithong, O. Bookerd, T. and Seelanan, T. 2007. Variations in the Hoya verticillata complex in Thailand. Gardens’ Bulletin Singapore 58(2): 179-198. Larsen, K. 1972. Studies in The Genus Globba in Thailand, Notes from The Royal Botanic Garden Edinburgh 31(2): 229-241. Larsen, K. & S. S. Larsen. 2003. A new species of Spatholirion (Commelinaceae) from Thailand and further notes on S. ornatum. Thai Forest Bulletin 31: 39-43. Middleton, D. J. & Triboun P. 2013. New Species of Microchirita (Gesneriaceae) from Thailand, Thai Forest Bulletin 41: 13-22. Mood, D. J., Prince, M. L. Veldkamp, J. E. and Dey, S. 2013. The History and Identity of Boesenbergia longiflora (Zingiberaceae) and Describtions of Five Related New Taxa. Gardens’ Bulletin Singapore 65(1): 47-95. 230 พรรณไม้เขาหินปนู ในกล่มุ ปา่ ภเู ขยี ว-น้ำ� หนาว 1
Pattharahirantricin, N. 2014. The genus Rhynchoglossum Blume (Gesneriaceae) in Thailand. Thai Forest Bulletin 42: 24-34. Phuphathanaphong, L. 2006. New taxa of Aristolochia (Aristolochiaceae) from Thailand. Thai Forest Bulletin 34: 179-194. Phutthai, T. 2011. The genus Begonia L. (Begoniaceae) in Thailand. A Thesis Submitted in Fulfillment of the Requirements for the Degree of Doctor of Philosophy in Biology, Prince of Songkla University. Rodda, M., The Bach Tran, N. Simonsson Juhonewe and Ly Ngoc Sam. 2013. Hoya thuathienhuensis and Hoya graveolens (Apocynaceae, Asclepiadoideae), a new species and a new record for the Flora of Vietnam. Blumea 57: 243-247. Santisuk, T., Chayamarit, K. Pooma, R. and Suddee, S. 2006. Thailand Red Data: Plants. Office of Natural Resources and Environmental Policy and Planning (ONEP), Thailand. Scott, S. M. and Middleton, D. J. 2014. A Revision of Ornithoboea (Gesneriaceae), Gardens’ Bulletin Singapore 66(1) : 73-119. Shimizu, T. 1970. Contributions to the Flora of Southeast Asia, Impatiens of Thailand and Malaya. Tonan Ajia Kenkyu (The Southeast Asian Studies) Vol. 8(2): 187-217. Sirirugsa, P. 1987. Three new species of Hiptage (Malpighiaceae) from Thailand. Nordic Journal of Botany. 7(3): 277-280. Sirirugsa, P. 1992. A Revision of The Genus Boesenbergia Kuntze (Zingiberaceae) in Thailand. Natural History Bulletin of the Siam Society. 40: 67-90. Sirirugsa, P. 1992. Taxonomy of The Genus Kaempferia (Zingiberaceae) in Thailand. Thailand. Thai Forest Bulletin. 19: 1-15. Suksathan, P. and Triboun, P. 2009. Ten New Species of Impatiens (Balsaminaceae) from Thailand, Gardens’ Bulletin Singapore 61 (1) 159-184. Techaprasan, J. , Klinbunga, S., Ngamriabsakul, C. and Jenjittikul, T. 2010. Genetic Variation of Kaempferia (Zingiberaceae) in Thailand Based on Chloroplast DNA (psb A-trnH and petA-psbJ) Sequences. Genetics and Molecular Research 9 (4): 1957-1973. Tetsana, N., Pedersen, H. A. and Sridith, K. 2013. Five species of Liparis (Orchidaceae) newly recorded for Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 41: 48-55. Theilade, I. 1999. A Synopsis of The Genus Zingiber (Zingiberaceae) in Thailand. Nordic Journal of Botany. 19: 389-410. Thiv, M. 2003. A Taxonomic Revision of Canscora, Cracosna, Duplipetala, Hoppea, Microrphium, Phyllocyclus and Schinziella (Gentianaceae-Canscorinae). Blumea 48: 1-46. Triboun, P., Larsen, K. and Chantaranothai, P. 2014. A key to the genus Zingiber (Zingiberaceae) in Thailand with description of 10 new taxa. Thai Journal of Botany 6(1): 53-77. Wang Fa-tsuan & Tang Tsin, eds. 1978-1980. Liliaceae. Flora Reipublicae Popularis Sinicae. 15: 1-280; 14: 1-308. Wilmot-Dear, C. M. 1992. A Revision of Mucuna (Leguminosae Phaseoleae) in Thailand, Indochina and the Malay Peninsula. Wood, D. 1974. A Revision of Chirita (Gesneriaceae), Notes from the Royal Botanic Garden, Edinburgh. vol. 33 No.1 : 1-205. Zhaoran, X., Burtt, B. L., Skog, L. E. and Middleton, D. J. 2008. A Revision of Paraboea (Gesneriaceae). Edinburgh Journal of Botany. 65(2): 161-347. พรรณไม้เขาหนิ ปนู ในกล่มุ ปา่ ภเู ขียว-น้ำ� หนาว 1 231
กระเจียวขาว, 93 ดัชนชี ือ่ พนื้ เมือง เอื้องดนิ ปากพดั เมืองกาญจน,์ 55 กระชาย, 91 เอ้อื งแพนใบกลม, 69 กระชายขาว, 97 โนรนี �ำ้ พรม, 221 เอือ้ งแพนใบใหญ่, 71 กระเช้าถงุ ทอง , 135 โนรปี ราณ, 219 เอื้องโมกกุหลาบ, 75 กระเชา้ ใบแคบ, 133 บวบขน, 175 เอื้องหนวดพราหมณ์ 77 กระทือ, 109 บอนเตา่ , 33 ไอยริศ, 105 กระบองเวสวัณ, 205 บกุ กาบหนาม, 31 กะเรกะร่อนดา้ มขา้ ว, 57 ประดบั หนิ ใบเขม็ , 229 กากหมาก, 145 ปดั แดง, 65 กากหมากตาฤาษ,ี 143 เปร้ยี วแดง , 157 ขาวดงอสั สัม , 79 ผกั กาดหินจันทบรู , 193 ขา้ วตอกไหม้, 207 ผกั ปลาบใบหวั ใจ, 45 ข้าวสารค่าง, 167 ผีเสื้อ, 183 ขิงสดากร, 103 พรมตีนสูง, 29 เขา้ พรรษาขาว, 95 มะลวิ ลั ย์เถา, 225 เขา้ พรรษาเหลืองหางสัน้ , 99 ม่วงเทศนา , 201 เครือปงุ , 83 รองเทา้ นารีเหลอื งปราจีน, 73 เครืออเี ฒา่ ตนี เหยี่ยว, 121 โลมาซอจี , 37 เครอื อีเฒ่ายอดขจ,ี 119 โลหะโมลี, 209 ช่อมว่ ง, 215 วา่ นจงู นางหลวง, 61 ชา้ งงาผา, 139 วา่ นนำ�้ ค้างดอย, 47 ชาฤาษีเล็ก, 213 วา่ นเปรยี้ วคอลลนิ ซ,์ 89 ซงั แกเถา, 171 ว่านลาวัลย,์ 101 ตะขา่ ป่า, 107 ว่านหวั สืบ, 39 ตนี ต่งั เต้ยี , 115 ส้มก้งุ , 161 แตงกลม, 179 ส้มกงุ้ ผา, 163 แตงหนาม , 177 ส้มกุ้งหินปนู , 159 ถวิลบุปผา, 211 สะบ้าลาย, 185 เถาวลั ย์ด้วน, 123 สนั พรา้ , 113 เทียนเชยี งดาว, 151 หญ้าเปราะนกน้อย, 67 เทยี นบุนนาค, 149 หญ้าแพรกหนิ , 41 เทียนยงู ทอง, 153 หนอนตายหยากดอกสนั้ , 85 เทียนฤาษ,ี 199 หมูกลิง้ , 59 นมต�ำเลยี โกเมน, 127 หยาดสะออน , 197 นมตำ� เลียดอกฉนุ , 125 หยาดสะอาง, 203 นมพจิ ิตร, 129 หเู ลยี งผา, 195 นางอ้ัวปากสอ้ ม, 63 โหมหดั เขา, 189 อว้ั , 53 เอื้องขา้ วเหนยี วลิง, 51 232 พรรณไมเ้ ขาหนิ ปนู ในกลุ่มป่าภเู ขียว-นำ้� หนาว 1
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242