Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ60-61V2

คู่มือ60-61V2

Published by qaudru, 2020-05-07 03:58:11

Description: คู่มือ60-61V2

Search

Read the Text Version

คู่มอื การประกันคณุ ภาพการศึกษาภายใน มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี ปกี ารศึกษา 2560 – 2561 (ฉบบั ปรับปรุง) มหาวิทยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี UDON THANI RAJABHAT UNIVERSITY

คานา มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี ไดด้ าเนินงานประกนั คุณภาพการศกึ ษาของมหาวทิ ยาลัยตาม นโยบาย หลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติในการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา และได้ให้ ความสาคัญกับการประกันคณุ ภาพการศึกษาตามที่กาหนดไว้ในพระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 เพ่อื ใหก้ ารประกันคุณภาพการศึกษาเป็นกระบวนการทจี่ ะสรา้ งบัณฑิตให้ เกิดการเรียนรู้และมีคุณภาพอย่างแท้จริง รวมทั้งสร้างผลผลิตท่ีสอดคล้องกับความต้องการของสังคม และ นาพาประเทศสู่การพัฒนาที่ย่ังยืน มหาวิทยาลัย จึงได้จัดทาคู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน มหาวิทยาลัยราชภัฏ อุดรธานี ประจาปีการศกึ ษา 2560-2561 (ฉบับปรับปรุง) โดยมีวัตถุประสงคใ์ ห้บุคลากรและหนว่ ยงานภายใน มหาวิทยาลัยใช้เป็นแนวทางปฏิบตั ิในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาได้อย่างชัดเจน และมีความต่อเน่อื ง โดยเนื้อหาสาระในคู่มือประกอบด้วย การประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา การประกันคุณภาพ การศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร คณะ และสถาบัน นิยามศัพท์ การประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับ หลักสูตร คณะ และสถาบนั จงึ หวังเปน็ อยา่ งย่ิงวา่ บุคลากร และหนว่ ยงานต่างๆ ของมหาวิทยาลยั จะชว่ ยกนั ดาเนนิ การ ให้การประกนั คุณภาพการศึกษาของมหาวทิ ยาลัยประสบความสาเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์ต่อไป มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี

สารบญั คานา ก สารบัญ ข บทที่ 1 บทนา 1 1 1. ประวัตคิ วามเปน็ มา 5 2. ปรชั ญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย 6 บทท่ี 2 การประกันคณุ ภาพการศกึ ษา ระดับอุดมศึกษา 6 1. เหตุผลและความจาเป็นของการประกนั คณุ ภาพการศึกษา ระดบั อดุ มศกึ ษา 8 2. กฎหมายท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การประกันคุณภาพการศึกษา 12 3. การประกนั คณุ ภาพการศึกษา 16 4. ความเชื่อมโยงระหว่างมาตรฐานการศึกษาการประกนั คณุ ภาพการศึกษา 18 5. ความเช่ือมโยงระหว่างการประกนั คุณภาพภายใน และการประเมินคุณภาพ บทท่ี 3 การประกนั คณุ ภาพการศึกษาภายใน 20 1. พัฒนาการของระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายใน 20 2. การประกันคณุ ภาพการศกึ ษาภายในรอบใหม่ (พ.ศ. 2557 – 2561) 21 3. กระบวนการและวิธกี ารประกันคุณภาพการศกึ ษาภายใน (ปกี ารศึกษา 2557 -2561) 24 29 บทท่ี 4 นิยามศัพท์ บทที่ 5 ระบบการประกนั คุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสตู ร 39 องค์ประกอบที่ 1 การกากบั มาตรฐาน 43 องค์ประกอบท่ี 2 บณั ฑิต 58 องคป์ ระกอบที่ 3 นกั ศึกษา 69 องค์ประกอบที่ 4 อาจารย์ 76 องค์ประกอบท่ี 5 หลักสูตร การเรยี นการสอน การประเมินผเู้ รยี น 88 องคป์ ระกอบที่ 6 สิง่ สนบั สนนุ การเรียนรู้ 97 บทท่ี 6 ระบบการประกันคุณภาพการศกึ ษาภายใน ระดับคณะ 100 องคป์ ระกอบท่ี 1 การผลติ บณั ฑิต 101 องค์ประกอบท่ี 2 การวจิ ยั 113 องค์ประกอบท่ี 3 การบริการวชิ าการ 123 องคป์ ระกอบที่ 4 การทานุบารงุ ศลิ ปะและวฒั นธรรม 125 องค์ประกอบท่ี 5 การบรหิ ารจัดการ 127

สารบัญ (ตอ่ ) บทที่ 7 ระบบการประกันคณุ ภาพการศึกษาภายใน ระดบั สถาบัน 131 องคป์ ระกอบท่ี 1 การผลติ บณั ฑิต 132 องค์ประกอบที่ 2 การวจิ ัย 139 องค์ประกอบที่ 3 การบรกิ ารวชิ าการ 144 องคป์ ระกอบท่ี 4 การทานุบารุงศลิ ปะและวฒั นธรรม 146 องคป์ ระกอบที่ 5 การบรหิ ารจดั การ 148 153 บทที่ 8 แนวทางการวิเคราะห์และสรุปผลการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายใน 159 180 ภาคผนวก 1 แนวทางในการประเมินตัวบง่ ช้ี 185 ภาคผนวก 2 ผกู้ ากับตัวบง่ ชี้ ผู้รบั ผิดชอบตวั บง่ ช้ี และค่าเป้าหมายตวั บ่งชี การประกัน คณุ ภาพการศึกษาภายใน ปกี ารศกึ ษา 2557 – 2561 บรรณานกุ รม

บทท่ี 1 บทนำ 1. ประวัติควำมเปน็ มำ มหาวิทยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี เดิมชื่อว่า “โรงเรียนฝกึ หัดครูกสกิ รรมมณฑลอุดร” ก่อต้ังเม่ือวันที่ 1 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2466 มรี าชบุรษุ เพมิ่ การสมศีล ทาหนา้ ท่ีแทนครูใหญ่ เปิดสอนหลกั สูตรครูประกาศนียบัตร มณฑล โดยรับนักเรียนชายที่จบประถมศึกษาปีที่ 4 เข้าศึกษาต่ออีก 2 ปี นักเรียนเหล่าน้ีเป็นนักเรียนทุนจาก จังหวัดต่างๆ ในมณฑลสถานท่ีตั้งเดิมอยู่ที่บริเวณสโมสรเสือปา่ มณฑลอุดร ซ่ึงเป็นท่ีต้ังช่ัวคราว ต่อมาจึงมีการ ก่อสร้างอาคารเรียนถาวรบริเวณห้วยโซ่ (มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ในปัจจุบัน) มีพ้ืนที่ประมาณ 350 ไร่ ต่อมาได้แบง่ พน้ื ทีบ่ างส่วนใหห้ นว่ ยงานอ่ืน ปัจจุบนั มีพนื้ ทท่ี ัง้ หมด 237 ไร่ 3 งาน 37 ตารางวา โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมมณฑลอุดรต่อมาได้เปลี่ยนช่ือเป็น “โรงเรียนฝึกหัดครูมณฑลอุดร” เปิด สอนหลักสูตรประกาศนียบัตรครูมูลเช่นเดิม ในปี พ.ศ. 2473 ทางการได้จัดต้ังโรงเรียนฝึกหัดครูสตรี ประกาศนียบัตรมณฑลอุดรขึ้น รับนักเรียนสตรีท่ีสอบไล่ได้ชั้นประถมศึกษา เข้าเรียนต่อในหลักสูตร ประกาศนียบตั รมณฑล ปี พ.ศ. 2477 ได้เปิดสอนหลักสตู รประกาศนียบตั รจังหวัด (ว.) โดยรับนักเรียนที่จบช้ันมัธยมศกึ ษา ปีที่ 3 หรือ ประโยคครูประชาบาล (ป.บ.) เข้าศึกษาต่ออีก 2 ปี และเปิดรับนักเรียนชายเข้าเรียน หลักสูตร ประกาศนียบัตรจังหวัด ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน พ.ศ. 2475 โรงเรียนฝึกหัดครูมณฑล อดุ รได้เปลยี่ นชอื่ ใหมเ่ ป็น “โรงเรียนฝกึ หัดครจู งั หวดั อดุ รธานี” ปี พ.ศ. 2482 มีประกาศกระทรวงธรรมการยุบโรงเรียนฝึกหัดครูจังหวัดอุดรธานี โอนไปสังกัด โรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดอุดรธานี กรมสามัญศึกษา กระทรวงธรรมการ เปิดสอนหลักสูตร มัธยมศึกษาพิเศษ 1 โดยรับนักเรียนท่ีจบชั้นประถมปีท่ี 4 เข้าศึกษาต่อเพื่อส่งไปเป็นครูในท้องถ่ินทุรกันดาร เพอื่ แกป้ ัญหาการขาดแคลนครู ปี พ.ศ. 2491 กรมสามัญศึกษาได้ส่งสาเนาประกาศกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งเร่ืองการเปล่ียนช่ือ โรงเรียนฝึกหัดครปู ระกาศนียบัตรจงั หวดั อุดรธานี เป็นโรงเรียนฝกึ หดั ครูอุดรธานี ปี พ.ศ. 2501 กรมการฝึกหัดครูได้จัดสรรงบประมาณจานวนหน่ึง ย้ายโรงเรียนสตรีฝึกหัดครู อุดรธานีมารวมกับโรงเรียนฝึกหัดครูอุดรธานี และให้ใช้ช่ือเรียกรวมกันว่า “โรงเรียนฝึกหัดครูอุดรธานี” และ แตง่ ตัง้ ให้ นายศิริ สขุ กจิ ศึกษานเิ ทศก์เอก ดารงตาแหนง่ อาจารยใ์ หญ่

ต่อมากระทรวงศกึ ษาธิการไดป้ ระกาศยกฐานะโรงเรยี นฝึกหัดครอู ุดรธานีเปน็ “วทิ ยาลยั ครูอุดรธานี” เม่ือวันท่ี 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 พร้อมกับเปิดสอนในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.สูง) ตง้ั แต่วนั ท่ี 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 เป็นต้นมา พระราชบัญญัติวิทยาลยั ครู พ.ศ. 2518 กาหนดให้วทิ ยาลัยครอู ุดรธานีเป็นสถาบนั อุดมศึกษา สังกัด กระทรวงศึกษาธิการเปิดสอนถึงระดับปริญญาตรี และเปิดสอนนักศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาครุศาสตร์ หลักสูตร สภาการฝึกหัดครู พ.ศ. 2519 ทาให้เกิดคณะวิชาครุศาสตร์ คณะวิชาวิทยาศาสตร์ และคณะวิชา มนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ ปี พ.ศ. 2520 วิทยาลัยครูอุดรธานีได้ร่วมกับวิทยาลัยครูอีก 7 แห่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดาเนินงานตา่ งๆ รว่ มกันในนามกลุ่มวทิ ยาลัยครูภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ซง่ึ ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 มีการแก้ไข เพ่ิมเติมพระราชบัญญตั ิวิทยาลัยครู พ.ศ. 2518 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2527 กาหนดให้วิทยาลัยครูรวมกันเป็นกล่มุ และสภาฝึกหัดครูได้ออกข้อบังคับว่าด้วยกลุ่มวิทยาลัยครู พ.ศ. 2528 เป็นผลให้วิทยาลัยครู 4 แห่ง ในภาค อสี านตอนบนรวมกันเปน็ สหวทิ ยาลัยอสี านเหนือ มสี านกั งานต้งั อยทู่ ี่วทิ ยาลัยครูอดุ รธานี และผลจากการแก้ไข พระราชบญั ญตั ิน้เี อง วทิ ยาลัยไดเ้ ปิดสอนระดบั ปรญิ ญาตรใี นสาขาอนื่ ๆ นอกเหนอื จากสาขาวิชาการศึกษาและ ได้จดั ตงั้ คณะวิทยาการจดั การข้ึนอีกคณะหน่ึง เม่ือวันท่ี 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “สถาบันราชภัฏ” ให้กับวิทยาลัยครูท่ัวประเทศ วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538 ทรงมี พระมหา กรุณาธิคุณต่อ ชาวราชภัฏเป็นล้นพ้นด้วยทรงพระเมตตาโปรดกล้าฯ พระราชทานพระราชลัญจกรประจา พระองค์ให้เป็น “สัญลักษณ์ประจาสถาบันราชภัฏ” นับเป็นมหาสิริมงคลอันควรที่ชาวราชภัฏทั้งมวลจักได้ ภาคภมู ใิ จและพรอ้ มใจกนั ปฏิบัตหิ นา้ ท่สี นองพระมหากรณุ าธคิ ณุ ใหเ้ ต็มความสามารถ ในอันที่จะพฒั นาสถาบัน ราชภัฏให้เป็นสถาบันอุดมศึกษา เพ่ือการพัฒนาท้องถ่ินอย่างแท้จริง สถาบันราชภัฏอุดรธานีได้เปิดสอนใน สาขาวชิ าการศึกษา สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์และสาขาวิชาศิลปศาสตร์ ตามหลกั สูตรวิทยาลยั ครู ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2536 และปรับปรุง พ.ศ. 2543 ในระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษา และมีภารกิจตาม พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏพ.ศ. 2538 มาตรา 7 คือ “ให้สถาบันราชภัฏเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพ่ือการ พัฒนาท้องถิ่น มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาวิชาการและวิชาชีพช้ันสูง ทาการวิจัยให้บริการวิชาการแก่สังคม ปรบั ปรงุ ถา่ ยทอดและพัฒนาเทคโนโลยี ทะนุบารุงศิลปวฒั นธรรม ผลติ ครแู ละส่งเสรมิ วิทยฐานะครู” วนั ที่ 10 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวภูมิพลอดุลยเดชทรงลงพระปรมาภิไธย พระราชบญั ญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 และประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เมือ่ วันที่ 14 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2547 ส่งผลใหส้ ถาบนั ราชภัฏอุดรธานี ไดร้ บั การยกฐานะและปรบั เปลย่ี นสถานภาพเปน็ “มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี” ต้งั แต่วนั ที่ 15 มถิ ุนายน พ.ศ. 2547 เป็นตน้ มา

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มีภารกิจตาม มาตรา 7 คือ “ให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบัน อุดมศึกษาเพอื่ การพฒั นาทอ้ งถิ่นทีเ่ สรมิ สร้างพลังปญั ญาของแผน่ ดนิ ฟื้นฟูพลังการเรียนรู้ เชิดชู ภูมปิ ัญญาของ ท้องถ่ิน สร้างสรรค์ ศิลปวิทยา เพ่ือความเจริญก้าวหน้าอย่างม่ันคงและยั่งยืนของปวงชนมีส่วนร่วมในการ จัดการ การบารุงรักษา การใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมอย่างสมดุล และยั่งยืน โดยมี วัตถุประสงค์ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทาการสอน วิจัย ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม ปรบั ปรุง ถา่ ยทอดและพฒั นาเทคโนโลยี ทานบุ ารุงศิลปะและวัฒนธรรม ผลติ ครูและส่งเสรมิ วทิ ยฐานะครู” ตรำสัญลักษณ์ ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัย เป็นรูปวงรี 2 วงซ้อนกัน ระหว่างวงรีส่วนบน เขียนเป็นภาษาไทยว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี” ส่วนล่างเขียนเป็น ภาษาอังกฤษวา่ “UDON THANI RAJABHAT UNIVERSITY” ภายใตว้ งรีดา้ น ในมีตราพระราชลญั จกรประจาพระองคพ์ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว รชั กาล ที่ 9 ซึง่ เปน็ รูปพระท่ีนง่ั อฐั ทศิ ประกอบด้วยวงจกั ร กลางวงจักรมอี ักขระอุหรือ เลข ๙ รอบวงจักรมีรัศมเี ปล่งออกโดยรอบ เหนือจักรเปน็ รปู เศวตฉตั รเจด็ ช้นั ต้ังอยบู่ นพระที่น่ังอัฐทศิ แปลความหมายว่า ทรงมีพระเดชานภุ าพในแผ่นดนิ สนี ้าเงิน แทนค่า สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ผใู้ หก้ าเนดิ และพระราชทานนาม “สถาบันราชภัฏ” สีเขียว แทนคา่ แหลง่ ทีต่ ้ังของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั 40 แห่ง ในแหล่งธรรมชาติและมี สภาพแวดล้อมทสี่ วยงาม สที อง แทนคา่ ความเจรญิ ร่งุ เรืองทางปญั ญา สีส้ม แทนค่า ความเจรญิ รงุ่ เรืองของศิลปวัฒนธรรมทอ้ งถิ่นท่ีก้าวไกลใน 40 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สขี าว แทนคา่ ความคิดอนั บรสิ ทุ ธขิ์ องนักปราชญแ์ ห่งพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ฯ

สีเขยี ว – สเี หลอื ง สีประจำมหำวิทยำลยั ดอกทองกวาว หรือ ดอกจาน ดอกไม้ประจำมหำวทิ ยำลัย พทุ ธสุภำษิตประจำมหำวิทยำลัยรำชภัฏอุดรธำนี สุวชิ าโน ภวฺ โหติ (ผมู้ ีความรูด้ ี เปน็ ผู้เจรญิ ) อตั ลักษณ์ เอกลักษณ์ อตั ลักษณ์ มจี ติ อาสาพฒั นาท้องถ่นิ เอกลักษณ์ แหล่งเรยี นร้ทู างวิชาการและบรกิ ารวชิ าการแกส่ ังคม

2. ปรชั ญำ วสิ ัยทัศน์ พนั ธกจิ และเป้ำหมำย ปรัชญำ (Philosophy) ผ้นู าทางปัญญา พัฒนาคน พฒั นาชาติ วสิ ัยทัศน์ (Vision) มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี เป็นศูนยก์ ลางการศึกษาและวิจยั ผลิตบณั ฑติ จติ อาสา พัฒนาทอ้ งถิน่ พันธกิจ (Mission) 1. จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาซ่ึงมุ่งผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพ สานึกความเป็นไทย และมีความรัก ความผูกพันในท้องถิ่น การพัฒนาระบบการเรียนการสอนในสาขาวิชาต่างๆ และหลักสูตรแนวใหม่ที่มี การบรู ณาการศาสตรส์ ากลและภมู ิปญั ญาไทยทง้ั ในปัจจบุ นั และอนาคต ให้สอดคลอ้ งกบั ความต้องการกาลังคน ของทอ้ งถิ่น ประเทศ ตลอดจนระดับภูมภิ าคอนิ โดจนี 2. สร้างสรรค์และพัฒนางานวิจัยเพ่ือพัฒนาองค์ความรู้และภูมิปัญญาไทย ให้สอดคล้องกับความ ต้องการในการพัฒนาประเทศ เสริมสร้างการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ท่ีมีคุณค่าและประโยชน์ต่อการพัฒนา คณุ ภาพบณั ฑิตและคุณภาพชีวติ ของประชาชน และเพ่มิ มูลค่าให้กับภมู ปิ ัญญาและเทคโนโลยีท้องถน่ิ 3. เสริมสร้างความมั่นคงและความเข้มแข็งของชุมชนในท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อแก้ไขปัญหาและความต้องการพัฒนาท้องถิ่น ดาเนินการศึกษาส่งเสริมสืบสาน โครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดาริและสรา้ งสรรคศ์ ลิ ปวัฒนธรรม 4. เสริมสร้างความเข้มแข็งของวิชาชีพครู ผลติ และส่งเสรมิ วทิ ยฐานะของครู ผลติ ครแู นวใหม่ พฒั นา ครู และบคุ ลากรทางการศึกษาให้มีคณุ ภาพตามเกณฑม์ าตรฐานวชิ าชีพครู และสอดคลอ้ งกบั แผนพัฒนาครแู ละ บคุ ลากรทางการศึกษา เปำ้ หมำย (Goal) 1. ผลิตบุคลากรทมี่ ีคณุ ภาพและปรมิ าณสอดคล้องกบั ความตอ้ งการกาลงั คนของประเทศและภมู ภิ าค 2. เพ่มิ งานวิจัยเพื่อพฒั นาองค์ความรู้ทเ่ี ปน็ ประโยชน์และสอดคล้องกับความต้องการของท้องถน่ิ และ ภูมภิ าค 3. สง่ เสริมและพัฒนาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ การผลิต 4. เพ่อื เปน็ ศูนยก์ ลางการเรยี นรแู้ ละถา่ ยทอดเทคโนโลยแี ละองค์ความรแู้ กป่ ระชาชนและองคก์ รใน ท้องถน่ิ 5. สร้างเครือข่ายความรว่ มมือในการพัฒนาการศกึ ษา การวจิ ยั และศลิ ปวัฒนธรรม 6. พัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา และโรงเรยี นสาธิตในสังกดั 7. เพมิ่ ประสิทธิภาพการบริหารจดั การให้มีศกั ยภาพในการแขง่ ขัน

บทที่ 2 กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ระดับอุดมศึกษำ 1. เหตผุ ลและควำมจำเป็นของกำรประกนั คุณภำพกำรศกึ ษำ ระดบั อุดมศกึ ษำ 1.1 ควำมจำเป็นของกำรประกนั คุณภำพกำรศกึ ษำ ภารกิจหลักที่สถาบันอุดมศึกษาจะต้องปฏิบัติ มี 4 ประการ คือ การผลิตบัณฑิต การวิจัยการ ใหบ้ ริการทางวิชาการแกส่ งั คมและการทานุบารงุ ศิลปะและวฒั นธรรม การดาเนนิ การตามภารกิจทง้ั 4 ประการ ดังกล่าว มีความสาคัญอย่างย่ิงต่อการพัฒนาประเทศท้ังระยะส้ันและระยะยาว ปัจจุบันมีปัจจัยภายในและ ภายนอกหลายประการที่ทาให้การประกันคุณภาพการศึก ษาในระดับอุดมศึกษาเป็นสิ่งจาเป็นท่ีจะต้องเร่ง ดาเนนิ การปัจจัย ดงั กลา่ วคอื 1) คณุ ภาพของสถาบันอดุ มศกึ ษาและบัณฑติ ภายในประเทศที่มีแนวโนม้ แตกตา่ งกนั มากข้ึน ซง่ึ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสียแก่สังคมโดยรวมของประเทศในระยะยาว 2) ความท้าทายของโลกาภิวัตน์ต่อการอุดมศึกษา ทั้งในประเด็นการบริการการศึกษาข้าม พรมแดนและการเคล่อื นยา้ ยนกั ศกึ ษาและบัณฑิต การประกอบอาชีพของบัณฑิตในอนาคต อนั เป็นผลจากการ รวมตัวของประเทศในภูมิภาคอาเซยี น ซึง่ ทงั้ สองประเด็นตอ้ งการการรับประกันของคุณภาพการศึกษา 3) สถาบันอุดมศึกษามีความจาเป็นที่จะต้องสร้างความมั่นใจแก่สังคมว่าสามารถพัฒนา องค์ความรู้ และผลิตบัณฑิต ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้มากข้ึน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างขีด ความสามารถในการแข่งขันระดับสากล การพัฒนาภาคการผลิตจริงทั้งอุตสาหกรรมและบริการ การพัฒนา อาชพี คุณภาพชีวติ ความเปน็ อยู่ระดับทอ้ งถิน่ และชมุ ชน 4) สถาบันอุดมศึกษาจะต้องให้ข้อมูลสาธารณะ (public information) ที่เป็นประโยชน์ต่อผมู้ ี สว่ นได้สว่ นเสยี ทัง้ นักศกึ ษาผู้จ้างงานผู้ปกครองรัฐบาลและประชาชนทัว่ ไป 5) สังคมต้องการระบบอุดมศึกษาที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วม(participation) มีความ โปร่งใส (transparency) และมีความรับผดิ ชอบซง่ึ ตรวจสอบได้ (accountability) ตามหลักธรรมาภิบาล 6) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 กาหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในรวมถึงให้มีสานักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพ การศึกษาทาหน้าท่ีประเมินคุณภาพภายนอก โดยการประเมินผลการจัดการศึกษาของ สถานศกึ ษา 7) คณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ประกาศใช้มาตรฐานการอุดมศึกษา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2549 เพ่ือเป็นกลไกกากับมาตรฐานระดับกระทรวง ระดับคณะกรรมการการอุดมศึกษา และระดับหน่วยงาน โดยทกุ หนว่ ยงานระดบั อุดมศกึ ษาจะได้ใชเ้ ป็นกรอบการดาเนินงานประกันคุณภาพ

8) กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2552 และคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ประกาศแนว ทางการปฏิบัติตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 เพ่ือให้การ จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นไปตามมาตรฐานการอุดมศึกษาและเพ่ือการประกันคณุ ภาพของบัณฑิตในแต่ละ ระดับคุณวุฒิและสาขาวิชา 9) กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องมาตรฐานสถาบันอุดมศึกษา เม่ือวันที่ 24 เมษายน 2554 เพ่ือเป็นกลไกส่งเสริมและกากับให้สถาบันอุดมศึกษาจัดการศึกษาให้มีมาตรฐาน ตามประเภทหรอื กลุ่มสถาบันอุดมศึกษา 4 กลุม่ 1.2 วตั ถุประสงคข์ องกำรพฒั นำระบบประกนั คุณภำพกำรศกึ ษำ สถาบันอุดมศึกษาร่วมกับต้นสังกัดจาเป็นต้องพัฒนาระบบและกลไกการประกันคุณภาพ การศกึ ษา โดยมีวัตถุประสงคด์ ังน้ี 1) เพ่ือให้สถาบนั ไดม้ กี ารพัฒนามุ่งส่วู สิ ัยทศั น์ และยกระดับขีดความสามารถในการแขง่ ขัน โดย ระบบ ดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พรบ. และเป็นไปตามกรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว มาตรฐานระดบั ชาติและนานาชาติ 2) เพื่อตรวจสอบและประเมินผลการดาเนินงานต้ังแต่ระดบั หลักสตู ร คณะวิชาหรือหน่วยงาน เทียบเท่า และสถาบันอุดมศึกษาในภาพรวม ตามระบบคุณภาพและกลไกที่สถาบันนั้น ๆ กาหนดขึ้นโดย วิเคราะห์เปรียบเทียบผลการดาเนินงานตามตวั บ่งช้ีในองค์ประกอบคุณภาพต่างๆ ว่าเป็นไปตามเกณฑ์และได้ มาตรฐาน 3) เพ่ือให้หลักสูตร คณะวิชาหรือหน่วยงานเทียบเท่าและสถาบันอุดมศึกษาทราบสถานภาพ ของตนเองอันจะนาไปสู่การกาหนดแนวทางในการพัฒนาคุณภาพไปสู่เป้าหมาย (targets) และเป้าประสงค์ (goals) ทตี่ ้งั ไวต้ ามจุดเนน้ ของตนเอง 4) เพ่ือให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนจุดแข็ง จุดท่ีควรปรับปรุง ตลอดจนข้อเสนอแนะในการพัฒนาการ ดาเนนิ งานเพือ่ นาไปปรับปรุงผลการดาเนนิ การในแตล่ ะระดับอย่างต่อเนื่อง เพ่อื ยกระดับขีดความสามารถของ สถาบนั 5) เพื่อให้ข้อมูลสาธารณะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทาให้มั่นใจว่าสถาบันอุดมศึกษา สามารถสรา้ งผลผลติ ทางการศกึ ษาท่มี คี ณุ ภาพและไดม้ าตรฐานตามทีก่ าหนด 6) เพอื่ ให้หนว่ ยงานต้นสงั กัดของสถาบันอุดมศึกษาและหนว่ ยงานที่เกยี่ วข้อง มขี อ้ มลู พ้นื ฐานที่ จาเป็น สาหรับการสง่ เสรมิ สนบั สนุนการจดั การอดุ มศึกษาในแนวทางทเ่ี หมาะสม

2. กฎหมำยท่ีเก่ียวข้องกับกำรประกันคณุ ภำพกำรศกึ ษำ 2.1 พระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ที่ เกีย่ วข้องกบั กำรประกันคณุ ภำพกำรศึกษำระดบั อุดมศกึ ษำ พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 ไดก้ าหนด จุดมุ่งหมาย และหลักการของการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นคุณภาพและมาตรฐาน โดยกาหนดรายละเอียดไว้ใน หมวด 6 มาตรฐานและการประกันคณุ ภาพการศกึ ษาซ่งึ ประกอบดว้ ย “ระบบการประกนั คณุ ภาพภายใน” และ “ระบบการประกันคุณภาพภายนอก” เพ่ือใช้เป็นกลไกในการผดุงรักษาคุณภาพและมาตรฐานของ สถาบนั อดุ มศึกษา การประกันคุณภาพภายใน เป็นการสร้างระบบและกลไกในการพัฒนา ติดตามตรวจสอบและ ประเมนิ การดาเนินงานของสถาบนั อุดมศึกษาให้เป็นไปตามนโยบาย เปา้ หมายและระดบั คุณภาพตามมาตรฐาน ที่กาหนดโดย สถานศึกษาและหรือหน่วยงานต้นสังกัด โดยหน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษากาหนดให้มี ระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหน่ึงของ กระบวนการบริหารการศกึ ษาที่ต้องดาเนินการอย่างต่อเนอื่ งมกี ารจดั ทารายงานประจาปีท่ีเปน็ รายงานประเมิน คณุ ภาพภายในเสนอต่อสภาสถาบัน หน่วยงานต้นสังกัด และหน่วยงานท่ีเกย่ี วข้องเพื่อพิจารณาและเปิดเผยต่อ สาธารณชนเพ่ือนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาและเพ่ือรองรับการประกันคุณภาพ ภายนอก การประกันคุณภาพภายนอก เป็นการประเมินคุณภาพการจัดการศึกษาเพื่อให้มีการติดตาม และตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา โดยคานึงถึงความมุ่งหมาย หลักการ และแนว การจัดการศึกษาในแต่ละระดับ ซึ่งประเมินโดย “สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือเรียกชื่อย่อว่า “สมศ.” พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี2) พ.ศ.2545 ได้กาหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกอย่างน้อย 1 คร้ัง ในทุกรอบ 5 ปีนับต้ังแต่การประเมินคร้ังสุดท้าย และเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องและ สาธารณชน 2.2 กรอบแผนอุดมศึกษำระยะยำว 15 ปีฉบับที่ 2 ( พ.ศ. 2551 - 2565 ) และแผนพัฒนำ กำรศกึ ษำ ระดับอดุ มศึกษำ ฉบบั ที่ 11 ( พ.ศ. 2555 – 2559 ) กรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปีฉบับท่ี 2 ( พ.ศ. 2551 - 2565 ) ได้กาหนดแนวทางการ พัฒนาและแก้ปัญหาอุดมศึกษาท่ีไร้ทิศทาง ซ้าซ้อน ขาดคุณภาพ และขาดประสิทธิภาพ โดยใช้กลไกการ ประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาเป็นกลไกหลักในการดาเนินการ กล่าวคือ ให้มีการสร้างกลไกการ ประเมินคุณภาพ สถาบันอุดมศึกษาตามพันธกิจของสถาบันในแต่ละกลุ่ม ซึ่งมีพ้ืนท่ีบริการและจุดเน้นระดับ

การศึกษาท่ีต่างกัน รวมท้ัง มีพันธกิจและบทบาทในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศต่างกันตาม ความหลากหลาย ทั้งการพัฒนาฐานราก สังคม เศรษฐกิจรวมถึงการกระจายอานาจในระดับท้องถ่ิน การขับเคลือ่ น ภาคการผลิตในชนบท ท้องถิ่นและระดับประเทศ จนถึงการแข่งขันในโลกาภิวัตน์ ซ่ึงระบบอุดมศึกษาแต่ละกลุ่ม เหล่านี้จะนาไปสู่การเปล่ียนแปลงอุดมศึกษา และส่งผลกระทบที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมีนัยสาคัญ อาทิ สามารถสร้างความเป็นเลศิ ไดต้ ามพันธกจิ ของตวั เอง สามารถตอบสนองต่อยทุ ธศาสตร์การพฒั นาประเทศ ดีข้ึน ส่งผลเชิงบวกต่อการผลิต พัฒนาและการทางานของอาจารย์สามารถปรับจานวนของบัณฑิตในสาขาที่ เปน็ ความตอ้ งการของสังคม ลดการว่างงาน โดยทสี่ ถาบันอดุ มศึกษาในกลมุ่ เหล่านี้มกี ลไกร่วมกันในการประกัน คณุ ภาพ เพอื่ ใหน้ ักศกึ ษาสามารถต่อยอด ถา่ ยโอน แลกเปล่ยี นกันไดร้ ะหวา่ งกลุ่ม และในระยะยาวการประเมิน คณุ ภาพควรนาไปสรู่ ะบบรบั รองวทิ ยฐานะ (accreditation) ที่นกั ศึกษาและสาธารณะใหค้ วามเช่ือถือ เปน็ ฐาน และเงอื่ นไขในการจดั สรรงบประมาณของรฐั และการสนบั สนนุ จากภาคเอกชน รวมทั้งการโอนย้ายหนว่ ยกิต จากกรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปีดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศ กระทรวงศกึ ษาธิการ เรื่อง มาตรฐานสถาบันอดุ มศึกษา ในปี 2551 กาหนดประเภทหรอื กล่มุ สถาบนั อุดมศกึ ษา เป็น 4 กลุ่ม คือ กลมุ่ ก วิทยาลัยชมุ ชน หมายความถึงสถาบันที่เนน้ การผลิตบัณฑิตระดบั ต่ากว่าปรญิ ญาตรีจัด ฝึกอบรม สนองตอบความต้องการของท้องถ่ิน เพ่ือเตรียมกาลังคนท่ีมีความรู้เข้าสู่ภาคการผลิตจริงในชุมชน สถาบนั สนบั สนุนรองรบั การเปล่ยี นอาชีพพื้นฐาน เชน่ แรงงานทอ่ี อกจากภาคเกษตร เป็นแหล่งเรยี นรู้ท่ีสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนได้มีโอกาสเรยี นรตู้ ลอดชวี ิตอนั จะนาไปสคู่ วามเข้มแข็งของชุมชนและการพฒั นาท่ยี ่ังยืน กลุ่ม ข สถาบันที่เน้นระดับปริญญาตรี หมายความถึง สถาบันท่ีเน้นการผลิตบัณฑิตระดับ ปรญิ ญาตรี เพื่อให้ไดบ้ ัณฑติ ทมี่ คี วามรคู้ วามสามารถเป็นหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาและการเปล่ยี นแปลง ในระดับภูมิภาค สถาบันมีบทบาทในการสร้างความเข้มแข็งให้กับหน่วยงาน ธุรกิจ และบุคคลในภูมิภาค เพื่อ รองรับการดารงชีพ สถาบันอาจมีการจัดการเรียนการสอนในระดับบัณฑิตศึกษา โดยเฉพาะระดับปริญญาโท ด้วยกไ็ ด้ กลุ่ม ค สถาบันเฉพาะทาง หมายความถึงสถาบันท่ีเน้นการผลิตบัณฑิตเฉพาะทางหรือเฉพาะ กลุ่มสาขาวิชา ท้ังสาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์กายภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สังคมศาสตร์หรือมนุษยศาสตร์ รวมทั้งสาขาวิชาชีพเฉพาะทาง สถาบันอาจเน้นการทาวิทยานิพนธ์หรือการวิจัย หรือเน้นการผลิตบัณฑิตที่มี ความรู้ ความสามารถ ทักษะและสมรรถนะในการประกอบอาชีพระดับสูง หรือเน้นทั้งสองด้าน รวมท้ังสถาบนั อาจมีบทบาทในการพัฒนาภาคการผลติ จริงทั้งอุตสาหกรรมและบริการ สถาบันในกลุ่มนี้อาจจาแนกไดเ้ ป็น 2 ลักษณะคือ ลักษณะท่ี 1 เป็นสถาบันท่ีเน้นระดับบัณฑิตศึกษา และลักษณะท่ี 2 เป็นสถาบันท่ีเน้นระดับ ปริญญาตรี กลุ่ม ง สถาบันท่ีเน้นการวิจัยข้ันสูงและผลิตบัณฑิตระดับบัณฑิตศึกษาโดยเฉพาะระดับ ปริญญาเอก หมายความถึง สถาบนั ท่ีเนน้ การผลิตบัณฑติ ระดับบณั ฑิตศกึ ษาโดยเฉพาะระดับปริญญาเอก และ

เน้นการทาวิทยานิพนธ์และการวิจยั รวมถึงการวจิ ัยหลงั ปรญิ ญาเอก สถาบันเน้นการผลติ บณั ฑิตท่ีเป็นผู้นาทาง ความคิดของประเทศ สถาบันมีศักยภาพในการขับเคลอ่ื นอุดมศกึ ษาไทยใหอ้ ย่ใู นแนวหน้าระดับสากล มุ่งสร้าง องค์ความรู้ทฤษฎี และข้อค้นพบใหม่ทางวิชาการ ดังน้ัน การประกันคุณภาพการศึกษาจึงต้องสร้างกลไกการ ประเมินคณุ ภาพใหส้ อดรับกับการแบ่งกล่มุ สถาบันอดุ มศึกษา 4 กลมุ่ ดงั กล่าว แผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555 – 2559) กาหนดให้อุดมศึกษา ไทยในช่วงปี 2555 -2559 ตอ้ งมกี ารพฒั นาอยา่ งกา้ วกระโดดเพอ่ื เป็นแหล่งความรูท้ ีต่ อบสนองการแก้ไขปัญหา วกิ ฤตแิ ละช้นี าการพฒั นาอย่างย่ังยนื ของชาติและท้องถ่นิ โดยเร่งสร้างภูมิคมุ้ กันในประเทศใหเ้ ข้มแขง็ ข้นึ ภายใต้ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและต้องส่งเสริมการพัฒนาประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในประชาคมอาเซียน และประชาคมโลกโดยให้ความสาคัญกับการพัฒนาคนและสงั คมไทยให้มีคณุ ภาพผลติ กาลงั คนท่ีมศี กั ยภาพตรง ตามความต้องการของตลาดแรงงาน สามารถทางานเพ่ือดารงชีพตนเอง และเพ่ือช่วยเหลือสังคมมีคุณธรรมมี ความรับผิดชอบและมีสุขภาวะ ทั้งร่างกายและจิตใจรวมท้ังพัฒนาอาจารย์ให้เป็นมืออาชีพและผู้เช่ียวชาญมอื อาชีพให้เป็นอาจารย์พัฒนาวิชาชีพ อาจารย์ให้เป็นที่ยอมรับของสังคม มีการจัดการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของ ประเทศไทยโดยใช้ความรู้เทคโนโลยีและ นวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์บนพ้ืนฐานการผลิตและการบริโภคที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซ่ึงจะนาไปสู่การพัฒนาเพื่อประโยชน์สุขที่ยั่งยืนของประเทศไทยท้ังน้ีโดยอาศัยการ บริหารจัดการอุดมศึกษาเชิงรุกและพระราชบัญญัติอุดมศึกษา เป็นเครื่องมือสาคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ ปี 2559 “อุดมศึกษาเป็นแหล่งองค์ความรู้และพัฒนากาลังคนระดับสูงท่ีมีคุณภาพเพื่อการพัฒนาชาติอย่าง ย่ังยืนสร้างสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) บนพื้นฐานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีบทบาทสูงในสังคมประชาคมอาเซียนและมุ่งสู่คุณภาพอุดมศึกษา ระดบั นานาชาติ” 2.3 มำตรฐำนกำรอดุ มศึกษำ ที่ปรากฏตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันท่ี 7 สิงหาคม 2549 ประกอบด้วยมาตรฐาน 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ มาตรฐานด้านคุณภาพบณั ฑติ มาตรฐานดา้ นการบรหิ ารจัดการการอดุ มศกึ ษา และมาตรฐานดา้ น การสร้างและพัฒนาสังคมฐานความรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ มาตรฐานย่อยทั้ง 3 ด้านนี้ อยู่ในมาตรฐาน การศึกษาของชาติท่ปี ระกอบดว้ ยมาตรฐานยอ่ ย 3 มาตรฐานเชน่ กัน คอื มาตรฐานท่ี 1 คณุ ลักษณะของคนไทย ที่พงึ ประสงค์ทงั้ ในฐานะพลเมืองและพลโลก มาตรฐานที่ 2 แนวการจดั การศกึ ษา มาตรฐานท่ี 3 แนวการสร้าง สังคมแห่งการเรียนรู้/สังคมแหง่ ความรู้ แต่ละมาตรฐานย่อยของมาตรฐานการอุดมศึกษาจะมีความสอดคลอ้ ง และสัมพันธ์กับมาตรฐานย่อยของมาตรฐานการศึกษาของชาติ เพ่ือให้การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน การศึกษาบรรลุตามจุดม่งุ หมายและหลักการของการจดั การศึกษาของชาติ นอกเหนือจากมาตรฐานการอุดมศึกษาที่เป็นมาตรฐานแม่บทแล้ว คณะกรรมการการ อุดมศึกษาได้จัดทา มำตรฐำนสถำบันอุดมศึกษำ ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2551 เพ่ือนาไปสู่

การพฒั นาสถาบนั อุดมศกึ ษา ตามกลมุ่ สถาบันทม่ี ปี รัชญา วตั ถปุ ระสงคแ์ ละพันธกจิ ในการจดั ตัง้ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล ประกอบดว้ ยมาตรฐานหลกั 2 ดา้ น คือ มาตรฐานด้านศักยภาพและความ พร้อมในการจัดการศึกษา และมาตรฐานด้านการดาเนินการตามภารกิจของสถาบันอุดมศึกษา และกาหนด กลมุ่ สถาบนั อดุ มศึกษาเป็น 4 กลมุ่ ไดแ้ ก่ กลุ่ม ก วทิ ยาลยั ชมุ ชน กลมุ่ ข สถาบันท่ีเนน้ ระดับปรญิ ญาตรี กล่มุ ค สถาบันเฉพาะทาง และกลมุ่ ง สถาบันท่ีเน้นการวิจยั ขัน้ สงู และผลิตบัณฑิตระดับบัณฑติ ศกึ ษาโดยเฉพาะระดบั ปริญญาเอก นอกจากน้ัน ยังได้จัดทากรอบมำตรฐำนคุณวุฒิระดับอุดมศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2552 เพื่อให้ เปน็ ไปตามมาตรฐานการอดุ มศึกษาและเพื่อเป็นการประกนั คณุ ภาพบัณฑติ ในแตล่ ะระดับคุณวุฒแิ ละสาขาวิชา โดยกาหนดให้คุณภาพของบัณฑิตทุกระดับคุณวุฒิและสาขาวิชา ต้องเป็นไปตามมาตรฐานผลการเรียนรู้อยา่ ง น้อย 5 ด้าน คือ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านความรู้ ด้านทักษะทางปัญญา ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลและความรับผิดชอบ และด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 2.4 กฎกระทรวงว่ำด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธกี ำรประกันคณุ ภำพกำรศึกษำ หลงั จากที่พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มีผลบังคบั ใช้สานักงานคณะกรรมการ การอดุ มศึกษา (ทบวงมหาวิทยาลัยเดิม) ในฐานะหน่วยงานตน้ สังกัดท่ีทาหน้าทกี่ ากับดูแลสถาบันอดุ มศึกษาได้ เสนอระบบการประกันคุณภาพการศึกษาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารม ณ์แห่ง พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว ซึ่งคณะรัฐมนตรีในการประชุมเม่ือวันที่ 21 มีนาคม 2543 ได้มีมติเห็นชอบกับ ระบบประกันคุณภาพการศึกษาของสานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ทบวงมหาวิทยาลัยเดิม) ซ่ึงตอ่ มา ได้จัดทาเป็นประกำศทบวงมหำวิทยำลัย เรื่อง ระบบ หลักเกณฑ์และวิธีกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ภำยในระดับอุดมศึกษำ พ.ศ. 2545 เพ่ือใช้เป็นแนวปฏิบัติสาระสาคัญของประกาศฉบับน้ีระบุให้ ทบวงมหาวิทยาลัยสนับสนุนและส่งเสริม สถาบันอุดมศึกษาจัดทาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ตามภารกิจหลักของสถาบันอุดมศึกษาให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมท้ังให้มีการประเมินผลและ ติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาจากภายใน หรือโดยหน่วยงาน ตน้ สงั กัดท่ีมีหนา้ ท่กี ากบั ดูแลสถาบันการศึกษาเพ่ือเตรียมความพร้อมสาหรบั การประเมนิ คณุ ภาพจากภายนอก รวมถึงสนับสนุนให้มีการแต่งต้ังคณะกรรมการประกันคุณภาพภายใน ระดับอุดมศึกษาข้ึนในแต่ละคณะวิชา หรือสถาบนั อุดมศึกษา เพ่อื กาหนดนโยบาย หลกั เกณฑแ์ นวทาง วิธกี าร ตรวจสอบและประเมนิ ระบบกลไกและ ประเมินผลการดาเนนิ งานการประกันคุณภาพการศึกษาภายในของแตล่ ะคณะวชิ าหรือสถาบันอุดมศึกษา

หลังจากดาเนินการตามประกาศฉบับปี พ.ศ. 2545 ไประยะหน่งึ สานักงานคณะกรรมการการ อุดมศึกษาจึง ได้จัดทากฎกระทรวงว่ำด้วยระบบหลักเกณฑ์และวิธีกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำภำยใน สถำนศึกษำ ระดับอุดมศึกษำพ.ศ. 2546 เพ่ือให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 ในมาตรา 5 และมาตรา 47 วรรคสองโดยสาระสาคัญเกี่ยวกบั ระบบและ กลไกการประกันคุณภาพการศึกษาภายในของกฎกระทรวงฉบับนี้ยังคงไว้ตามประกาศทบวงมหาวิทยาลัยฯ พ.ศ. 2545 ซ่ึงสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในปี 2553 กระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้ออกกฎกระทรวงวำ่ ด้วยระบบ หลกั เกณฑ์และวธิ ีกำรประกนั คณุ ภำพกำรศึกษำ พ.ศ. 2553 แทนฉบบั เดิม โดยรวมการประกนั คณุ ภาพภายในและภายนอกของการศกึ ษาทกุ ระดบั ไว้ในฉบับเดียวกนั โดยมีการปรับให้คณะกรรมการประกันคุณภาพภายใน ระดับอุดมศึกษาทาหน้าที่หลัก 2 ประการคือ 1) วาง ร ะ เ บี ย บ ห รื อ อ อ ก ป ร ะ ก า ศ ก า ห น ด ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ แ ล ะ แ น ว ป ฏิ บั ติ เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร ป ร ะ กั น คุ ณ ภ า พ ภ า ย ใ น ระดับอุดมศึกษา เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาการประกันคุณภาพภายใน ระดับอุดมศึกษา โดยความ เหน็ ชอบของคณะกรรมการการอุดมศึกษา และ 2) เสนอแนะแนวทางปรับปรงุ และพัฒนาคุณภาพการศึกษาแก่ สถานศึกษา โดยนาผลการประเมินคุณภาพท้ังภายในและภายนอกไปปรบั ปรงุ คุณภาพการศึกษาอย่างต่อเน่อื ง นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนให้ระบบการประกันคุณภาพภายในประกอบด้วย การประเมินคุณภาพการ ติดตามตรวจสอบคุณภาพ และการพัฒนาคุณภาพ และกาหนดให้หน่วยงานต้นสังกัดจัดให้มีการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพการศึกษาอย่างน้อยหน่ึงครั้งในทุกสามปีและแจ้งผลให้สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาทราบ รวมทัง้ เปดิ เผยผลการติดตามตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษาต่อสาธารณชน 3. กำรประกนั คุณภำพกำรศึกษำ ก่อนมีประกาศพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ทบวงมหาวิทยาลัยได้ตระหนักดีถึง ความสาคัญของการประกันคุณภาพการศึกษาและได้จัดทาประกาศทบวงมหาวิทยาลัยเรื่องนโยบายและแนว ปฏิบัติในการประกันคุณภาพการศึกษาระดบั อุดมศึกษามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เพื่อเป็นแนวทางในการประกนั คุณภาพการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาตามหลักการสาคัญ 3 ประการคือการให้เสรีภาพทางวิชาการ (academic freedom) ความมีอิสระในการดาเนินการของสถาบัน (institutional autonomy) และความ พร้อมของสถาบันท่ีจะรับการตรวจสอบคุณภาพจากภายนอกตามหลักการของความรับผดิ ชอบท่ีตรวจสอบได้ (accountability) ต่อมาพระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับ ที่ 3) พ.ศ. 2553 ได้ระบใุ หห้ นว่ ยงานต้นสังกดั และสถานศึกษาจดั ให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ประกอบกับ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวงแบ่ง

สว่ นราชการกาหนดใหส้ านักงานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษามีหนา้ ที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพฒั นา และ มาตรฐานการอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ สนับสนุนทรัพยากร ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยคานึงถึงความ เป็นอิสระและความเป็นเลิศทางวิชาการของสถานศึกษาระดับปริญญาตามกฎหมายว่าด้วยการจัดต้ัง สถานศึกษาแต่ละแห่งและกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจึงมีหน้าที่ร่วมกับ สถานศึกษาในการจัดให้มรี ะบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายใน โดยมรี ายละเอียดดังน้ี 3.1 แนวทำงกำรพฒั นำระบบและกลไกกำรประกันคณุ ภำพกำรศกึ ษำภำยใน 3.1.1 ระบบกำรประกนั คณุ ภำพกำรศกึ ษำ ด้วยกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553 ข้อ 33 ให้สถาบันอุดมศึกษาพัฒนาระบบประกันคุณภาพ โดยยึดหลักเสรีภาพทางวิชาการและความมี อิสระในการดาเนินการของสถานศึกษา เพื่อให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพัฒนาคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างต่อเนื่องและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ การ ประกันคุณภาพภายนอก สถาบัน จึงมีอิสระในการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในท่ีเหมาะสมสอดคล้องกับ ระดับการพัฒนาของสถาบัน โดยอาจเป็นระบบประกันคุณภาพท่ีใช้กันแพร่หลายในระดับชาติหรือนานาชาติ หรือเป็นระบบเฉพาะท่ีสถาบันพฒั นาขน้ึ เอง แต่ไมว่ ่าจะเป็นระบบคุณภาพแบบใดจะต้องมกี ระบวนการทางาน ทีเ่ รม่ิ ตน้ จากการวางแผน การดาเนนิ งานตามแผน การตรวจสอบประเมิน และการปรับปรุงพฒั นา ท้ังน้ี เพ่ือให้ การดาเนนิ ภารกิจของสถาบนั บรรลุเป้าประสงคแ์ ละมีพัฒนาการอยา่ งต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เปน็ หลักประกนั แก่สาธารณชนให้มนั่ ใจว่าสถาบันอุดมศึกษาสามารถสร้างผลผลิตทางการศึกษาท่ีมคี ุณภาพหลักการที่สาคัญใน การพัฒนาระบบการประกนั คณุ ภาพและตวั บ่งชก้ี ารประกนั คุณภาพการศกึ ษาภายในระดับอดุ มศกึ ษา หลกั การสาคญั ในการพัฒนาระบบประกนั คุณภาพการศกึ ษามีดังต่อไปน้ี 1) ส่งเสริมพันธกิจหลักและพันธกิจสนับสนุนของการอุดมศึกษาภายใต้ความ สอดคล้องกับ หลักเกณฑ์ท่ีกาหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพ การศกึ ษา พ.ศ. 2553 2) เปน็ ระบบประกันคณุ ภาพการศกึ ษาภายในท่คี รอบคลมุ ปัจจัยนาเข้า และกระบวนการ ซ่งึ สามารถส่งเสรมิ และนาไปส่ผู ลลพั ธข์ องการดาเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ 3) ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับอุดมศึกษารอบใหม่ประกอบ ด้วย การประกันคุณภาพระดบั หลักสูตร ระดบั คณะ และระดบั สถาบนั โดยจะเริ่มใช้ในปีการศกึ ษา 2557

- ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาระดับหลักสูตร มีการดาเนินการตั้งแต่การ ควบคุม คุณภาพ การติดตามตรวจสอบคุณภาพ และการพัฒนาคุณภาพ การพัฒนาตัวบ่งชี้และเกณฑ์การ ประเมินฯ จะมุ่งไปที่ระบบการประกันคุณภาพการศึกษามากกว่าการประเมินคุณภาพ เพ่ือให้สามารถส่งเสรมิ สนับสนุน กากับติดตามการดาเนินงานให้เป็นไปตามทก่ี าหนด สะท้อนการจัดการศึกษาอยา่ งมคี ุณภาพ - ระบบการประกันคุณภาพภายในระดับคณะและระดับสถาบัน เป็นการดาเนินการ ประกันคุณภาพการศึกษาภายในที่คณะและสถาบันพัฒนาระบบประกันคุณภาพ โดยยึดหลักเสรีภาพทาง วิชาการและความมีอสิ ระในการดาเนินการของสถานศึกษา ซึ่งจะประเมนิ ตามระบบประกนั คุณภาพการศึกษา ภายในท่ีคณะและ สถาบันต้องการให้คณะและสถาบันพัฒนาตามศักยภาพและประเภทของกลุ่มสถาบัน ซึ่ง เปน็ การประเมนิ ความเขม้ แข็งทางวชิ าการ 4) ใหอ้ สิ ระกับสถาบนั อดุ มศกึ ษาในการออกแบบระบบประกนั คุณภาพการศกึ ษาภายใน 5) เชื่อมโยงกับระบบคุณภาพอ่ืนที่กาหนดและเป็นนโยบายของ กกอ. โดยเฉพาะเร่ือง กรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดบั อุดมศึกษาแห่งชาติและการเช่ือมโยงกับการประกันคณุ ภาพภายนอกของ สมศ. เพื่อไม่ให้เป็นการทางานซา้ ซอ้ นเกินความจาเปน็ หรอื สรา้ งภาระการทางานของหน่วยงาน 3.1.2 มำตรฐำน ตวั บ่งชแี้ ละเกณฑป์ ระเมินคณุ ภำพ มาตรฐานท่ีเป็นกรอบสาคัญในการดาเนินงานของสถาบันอุดมศึกษา คือ มาตรฐานการ อุดมศึกษา ในขณะเดยี วกนั สถาบนั อุดมศึกษาต่าง ๆ ต้องดาเนินการให้เปน็ ไปตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์อ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้องอีกมาก เช่น เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติ มาตรฐานสถาบันอุดมศึกษา มาตรฐานเพื่อการประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ. หรือกรอบการ ปฏิบัติราชการตามมิติด้านต่าง ๆ ของสานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ในกรณี มหาวิทยาลยั ของรฐั เป็นต้น กาหนดตัวบง่ ชีเ้ ปน็ 2 ประเภท คือตัวบ่งชเ้ี ชงิ ปริมาณและตวั บ่งชเ้ี ชิงคณุ ภาพ ดังนี้ 1) ตวั บง่ ชีเ้ ชงิ คณุ ภาพจะระบเุ กณฑ์มาตรฐานเป็นขอ้ ๆ กาหนดเกณฑก์ ารประเมินตัวบง่ ช้ี เป็น 5 ระดับ มีคะแนนตั้งแต่ 1 ถึง 5 การประเมินเชิงคุณภาพนี้จะมีทั้งการนับจานวนข้อและระบุว่าผลการ ดาเนนิ งานไดก้ ข่ี ้อ ไดค้ ะแนนเท่าใด กรณที ี่ไมด่ าเนนิ การใดๆ หรือดาเนินการไม่ครบที่จะได้ 1 คะแนน ใหถ้ ือว่า ได้ 0 คะแนน และการประเมินโดยกาหนดการให้คะแนนตามที่ได้คณะหรือสถาบันดาเนินการ และกรรมการ ประเมิน (peer review) จะพิจารณาผลการดาเนินการนั้นๆ ร่วมกันก่อนท่ีจะบันทึกคะแนน โดยมีระดับ คะแนนอยู่ระหว่าง 0-5 2) ตัวบ่งช้ีเชิงปริมาณอยู่ในรูปของร้อยละหรือค่าเฉลี่ย กาหนดเกณฑ์การประเมินเป็น คะแนนระหว่าง 1 ถึง 5 โดยเป็นคา่ ตอ่ เนอื่ ง (มจี ดุ ทศนยิ ม) สาหรบั การแปลงผลการดาเนินงานตามตัวบ่งช้ี (ซึง่ อยู่ในรูปร้อยละหรือค่าเฉลี่ย) เป็นคะแนนทาโดยการเทียบบัญญัติไตรยางศ์ โดยท่ีแต่ละตัวบ่งชี้จะกาหนด ค่า รอ้ ยละหรอื คา่ เฉลี่ยที่คิดเปน็ คะแนนเต็ม 5 ไว้

คณะกรรมการประกันคุณภาพภายในระดับอุดมศึกษา ได้กาหนดให้มีระบบประกัน คุณภาพ การศึกษาระดับหลักสูตร คณะ และสถาบัน เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ นาไปใช้เป็นแนวทาง (Guideline) ในการจัดทาระบบการประกันคุณภาพภายในของแต่ละสถาบันตามความสมัครใจภายใต้การ กากับดูแลของสภาสถาบันอุดมศึกษา โดยระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในจะครอบคลุมพันธกิจหลัก 4 ประการของการอุดมศึกษา และพนั ธกิจด้านการบริหารจดั การ ไดแ้ ก่ (1) พันธกจิ ด้านการผลิตบัณฑิต (2) พนั ธกิจ ด้านการวิจัย (3) พันธกิจด้านการบริการวิชาการ (4) พันธกิจด้านการทานุบารุงศิลปะและวัฒนธรรม และ การบริหารจดั การ สาหรับการประกันคณุ ภาพระดับหลักสูตรจะเน้นพันธกิจในด้านการผลิตบัณฑิตเป็นสาคญั ส่วนพันธกิจด้านอ่ืนๆ จะเป็นการบูรณาการเข้าไว้ด้วยกัน หากเป็นตัวบ่งชี้ในระดับคณะและสถาบันจะ ครอบคลุมพันธกิจหลกั ของการอุดมศึกษารวมท้ังการบริหารจัดการได้ท้ังหมด ซ่ึงสามารถช้ีวัดคุณลักษณะท่ีพึง ประสงค์ตามมาตรฐานการอุดมศกึ ษา มาตรฐานและหลักเกณฑ์อื่นๆ ท่ีเก่ียวข้องกับพันธกิจเหล่านัน้ ได้ท้ังหมด ในบทท่ี 4 ถึงบทท่ี 6 ของคู่มือฉบับน้ีจึงได้พัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน เพ่ือให้ สถาบันอุดมศึกษานาไปเป็นกรอบในการดาเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายในต้ังแต่ระดับหลักสูตร ระดับคณะและระดับสถาบัน การพัฒนาตัวบ่งช้ีและเกณฑ์การประเมินจะมุ่งไปท่ีระบบการประกันคุณภาพ การศึกษามากกว่าการประเมินคุณภาพ เพ่ือให้สามารถส่งเสริม สนับสนุน กากับติดตาม การดาเนินงานให้ เป็นไปตามท่ีกาหนด สะท้อนการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ และตัวบ่งช้ีท่ีพัฒนาขึ้นควรเชื่อมโยงหรือเป็น เร่อื งเดียวกันกับการประเมนิ คุณภาพภายนอก โดยการประกนั คุณภาพการศกึ ษาภายในเน้นทปี่ จั จยั นาเข้า และ กระบวนการ ซ่ึงภายใต้ตัวบ่งช้ีท่ีเป็นกระบวนการให้สามารถสะท้อนผลลัพธ์ของการดาเนินการตาม กระบวนการ ดงั กลา่ วด้วย 3.1.3 กลไกกำรประกนั คุณภำพ ในด้านของกลไกการประกันคุณภาพ ผู้ที่มีความสาคัญส่งผลให้การดาเนินงานประสบ ความสาเร็จและนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง คือ คณะกรรมการระดับนโยบายและผบู้ ริหารสงู สดุ ของสถาบันท่ีจะต้องให้ความสาคัญและกาหนดนโยบายการประกันคุณภาพการศึกษาท่ีชัดเจนและเข้าใจ ร่วมกันทุกระดับ โดยมอบหมายให้หน่วยงานหรือคณะกรรมการรบั ผิดชอบในการติดตาม ตรวจสอบ ประเมิน และกระต้นุ ให้เกดิ การพฒั นาคุณภาพอย่างต่อเน่อื ง หน้าท่ีสาคญั ประการหนึง่ ของคณะกรรมการหรือหน่วยงาน น้ี คือ การจัดระบบประกันคุณภาพ พร้อมทั้งกาหนดตัวบง่ ชี้และเกณฑ์การประเมินคุณภาพที่เหมาะสมสาหรบั คณะและสถาบนั ระบบประกันคณุ ภาพท่ใี ชต้ อ้ งสามารถเชือ่ มโยงให้เกดิ คณุ ภาพของการปฏบิ ัตงิ าน ตั้งแต่ระดบั บุคคล ระดับหลักสูตร ระดับคณะวิชาไปจนถึงระดับสถาบัน โดยอาจจาเป็นต้องจัดทาคู่มือคุณภาพในแต่ละ ระดับเพ่ือกากับการดาเนินงาน แต่ท่ีสาคัญคณะกรรมการหรือหน่วยงานน้ีต้องประสานงานและผลกั ดันให้เกิด ระบบฐานข้อมูลและสารสนเทศท่มี ีประสิทธิภาพซ่ึงสามารถใชง้ านรว่ มกนั ไดใ้ นทุกระดับ

3.1.4 ระบบฐำนขอ้ มลู และระบบสำรสนเทศ การวดั และวเิ คราะหผ์ ลการดาเนนิ งานเปน็ สง่ิ จาเปน็ ในกระบวนการประกนั คณุ ภาพการวดั และวิเคราะห์ผลการดาเนินงานจะไม่สามารถทาได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพหากปราศจากฐานข้อมูล และระบบ สารสนเทศท่ีเป็นจริง ถูกต้องตรงกันทุกระดับตั้งแต่ระดับบุคคล ระดับหลักสูตร คณะวิชา แล ะ สถาบัน ตลอดจนเปน็ ขอ้ มลู ทสี่ ามารถเรยี กใช้ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ดังน้ัน ระบบสารสนเทศที่ดี มีประสิทธภิ าพจึงเปน็ ปจั จยั สาคญั ย่ิงที่จะส่งผลต่อความสาเร็จของการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา และสง่ ผลตอ่ คุณภาพในทกุ ขั้นตอน การดาเนนิ งานตง้ั แตก่ ารวางแผน การปฏบิ ัตงิ าน การตรวจสอบประเมิน ตลอดจนถึงการปรับปรุงและพัฒนา 4. ควำมเชื่อมโยงระหว่ำงมำตรฐำนกำรศึกษำกบั กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 ในหมวด 5 ทีว่ ่า ด้วย การบริหารและการจัดการศึกษา มาตรา 34 ได้กาหนดให้คณะกรรมการการอุดมศึกษามหี น้าท่ีพิจารณา เสนอมาตรฐาน การอุดมศึกษาท่ีสอดคลอ้ งกับความต้องการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ โดยคานึงถึงความเป็นอิสระและความเป็นเลิศทางวิชาการของ สถาบันอุดมศึกษา คณะกรรมการการอุดมศึกษาจึงได้จัดทามาตรฐานการอุดมศึกษาเพื่อใช้เป็นกลไกระดับ กระทรวง ระดับคณะกรรมการการอุดมศึกษา และระดับหน่วยงาน เพ่ือนาไปสู่การกาหนดนโยบายการ พัฒนาการอุดมศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาต่อไป มาตรฐานการอุดมศึกษาท่ีจัดทาข้ึนฉบับน้ีได้ใช้มาตรฐาน การศึกษาของชาตทิ ่ีเปรยี บเสมือนรม่ ใหญเ่ ปน็ กรอบในการพัฒนา โดยมีสาระสาคญั ที่ครอบคลุมเป้าหมายและ หลักการของการจัดการศึกษาระดบั อุดมศึกษาของไทยและเป็นมาตรฐานที่คานึงถึงความหลากหลายของกลมุ่ หรือประเภทของสถาบันอุดมศึกษา เพ่ือให้ทุกสถาบันสามารถนาไปใช้กาหนดพันธกิจ และมาตรฐานของการ ปฏบิ ตั ิงานได้ คณะกรรมการการอุดมศึกษายังได้กาหนดเกณฑ์มาตรฐานอื่น ๆ อาทิ เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร ระดับอุดมศึกษา หลักเกณฑ์การขอเปิดและดาเนินการหลักสูตรระดับปริญญาในระบบการศึกษาทางไกล หลักเกณฑ์การกาหนดชื่อปริญญา หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเก่ียวกับการพิจารณาประเมินคุณภาพการจัด การศึกษานอกสถานที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษา เพ่ือส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาได้พัฒนาด้านวิชาการและ วิชาชีพ รวมท้ังการพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานในการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้มีความ ทัดเทียมกันและพัฒนาสสู่ ากล ซ่ึงทาให้สถาบันอุดมศึกษาสามารถจัดการศึกษาได้อย่างยืดหยุ่น คล่องตัว และ ตอ่ เนือ่ งในทกุ ระดับการศกึ ษา ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานคณุ ภาพการจัดการศกึ ษาในระดับอุดมศกึ ษา เพื่อให้การจัดการศึกษาทุกระดับและทุกประเภทมีคุณภาพและได้มาตรฐานตามที่กาหนดท้ัง มาตรฐาน การศกึ ษาระดับชาติมาตรฐานการอุดมศึกษา มาตรฐานสถาบันอุดมศึกษา และสมั พันธก์ บั มาตรฐาน

และหลักเกณฑท์ ่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การจัดการศกึ ษาอื่น ๆ รวมถงึ กรอบมาตรฐานคณุ วุฒิระดับอดุ มศกึ ษาแห่งชาติ จึง จาเป็นต้องมีระบบประกัน คุณภาพท่ีพัฒนาขึ้นตามท่ีกาหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์และ วิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553 ทั้งนี้ ความเช่ือมโยงระหว่างมาตรฐานการศึกษา หลักเกณฑ์ท่ี เกีย่ วขอ้ ง และการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา สามารถแสดงในแผนภาพท่ี 1.1 แผนภำพท่ี 1.1 ความเชอ่ื มโยงระหว่างมาตรฐานการศกึ ษาและการประกันคณุ ภาพ มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ มาตรฐานท่ี 1 มาตรฐานท่ี 2 มาตรฐานท่ี 3 คุณลักษณะของคนไทยท่ีพึง แนวทางการจดั การศึกษา แนวการสร้างสงั คมแห่งการ ประสงค์ทัง้ ในฐานะพลเมอื ง เรียนร้/ู สังคมแหง่ ความรู้ และพลโลก มาตรฐานการ มาตรฐาน มาตรฐานดา้ นการบรหิ าร มาตรฐาน อุดมศกึ ษา ด้านคณุ ภาพบณั ฑติ จดั การการอดุ มศึกษา ดา้ นการสร้างและพัฒนา สังคมฐานความรู้และสงั คม หลักเกณฑก์ ากบั มาตรฐาน รวมถึง แหง่ การเรียนรู้ มาตรฐาน การประกันคณุ ภาพภายใน ภายใตต้ ัวบง่ ช้ตี ามพนั ธกิจของการอุดมศึกษาและการบริหารจัดการ สถาบนั อดุ มศึกษา ผลผลิตทางการศึกษาที่ไดค้ ุณภาพ และกรอบ มาตรฐานคณุ วฒุ ิ ระดบั อดุ มศึกษา แห่งชาติ

5. ควำมเชื่อมโยงระหวำ่ งกำรประกนั คณุ ภำพภำยในและกำรประเมนิ คณุ ภำพ การประกันคุณภาพการศึกษาภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาปกติที่ต้อง ดาเนินการอย่างต่อเน่ือง โดยมีการควบคุมดูแลปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องกับคุณภาพ มีการตรวจสอบ ติดตามและ ประเมินผลการดาเนินงาน เพ่ือนาไปสู่การพัฒนาปรับปรุงคุณภาพอย่างสม่าเสมอด้วยเหตุนี้ระบบประกัน คุณภาพภายในจึงต้องดูแลท้ังปัจจัยนาเข้า (input) กระบวนการ (process) และผลผลิตหรือผลลัพธ์ (output/outcome) ซึ่งต่างจากการประเมินคุณภาพภายนอก ที่เน้นการประเมินผลการจัดการศึกษา ดังนั้น ความเชื่อมโยงระหว่างการประกันคุณภาพภายในกับการประเมินคุณภาพภายนอกจึงเป็นส่ิงจาเป็น โดยได้ เชือ่ มโยงใหเ้ หน็ จากแผนภาพท่ี 1.2 แผนภำพที่ 1.2 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายในกับการประเมินคุณภาพภายนอก การประเมนิ คุณภาพภายใน การประเมินคณุ ภาพภายนอก การปฏิบตั งิ าน การประเมนิ รายงาน การตรวจเย่ียม รายงานผล การติดตามผล ของสถาบนั ตนเองของ ประจาปี การประเมนิ สถาบนั ตดิ ตาม ขอ้ มลู ปอ้ นกลับ ตรวจสอบโดย ต้นสังกัด ทกุ 3 ปี ข้อมลู ปอ้ นกลับ

จากแผนภาพท่ี 1.2 จะเห็นว่า เมื่อสถาบันอุดมศึกษามีการดาเนินการประกันคุณภาพภายในแล้ว จาเป็นต้องจัดทารายงานประจาปีที่เป็นรายงานประเมินคุณภาพภายในโดยใช้รูปแบบการจัดทารายงาน ประจาปีที่เป็นรายงานการประเมินคุณภาพภายในตามที่กาหนดในระบบฐานข้อมูลด้านการประกันคุณภาพ (CHE QA Online) ซึ่งเป็นการบนั ทกึ ผลการดาเนนิ งานประกนั คุณภาพการศกึ ษาผา่ นทางระบบออนไลน์ ตั้งแต่ การจัดเก็บข้อมูลพ้ืนฐาน เอกสารอ้างอิง การประเมินตนเอง การประเมินของคณะกรรมการประเมินคณุ ภาพ เพื่อนาเสนอสภาสถาบัน หน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เก่ียวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งข้ อมูล ดังกล่าวจะเป็นข้อมูลเชื่อมโยงระหว่าง การประกันคุณภาพภายในของสถาบัน การติดตามตรวจสอบของต้น สังกัด ดังน้ัน สถาบันอุดมศึกษาจาเป็นต้องจัดทารายงานการประเมินตนเองท่ีมีความลุ่มลึก สะท้อนภาพท่ี แท้จริงของสถาบันในการจัดการศึกษาตง้ั แต่ระดับหลกั สตู ร การดาเนินการของคณะและสถาบนั เพ่ือการผลติ บณั ฑติ ที่มีคุณภาพออกไป

บทที่ 3 กำรประกันคณุ ภำพกำรศึกษำภำยใน 1. พัฒนำกำรของระบบกำรประกนั คุณภำพกำรศกึ ษำภำยใน เป็นท่ีทราบกันดีว่าระบบการประกันคุณภาพการศึกษาจาเป็นต้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเน่ืองตาม ระดับการพัฒนาของสถาบันการศึกษา ตามความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สภาพสังคม เศรษฐกิจ ความรู้ และทักษะในอนาคตทีต่ ลาดงานต้องการและพฤตกิ รรมการเรียนร้ขู องผู้เรียน ดังน้ันระบบการประกันคณุ ภาพ การศึกษาภายในและระบบการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอกจึงมีการปรับปรุงมาโดยตลอดปัจจุบัน ระบบการประกันคณุ ภาพภายในเข้าสู่รอบที่สาม (2557-2561) และระบบการประเมนิ คุณภาพภายนอกเขา้ สู่ รอบทสี่ ี่ (2558-2562) ระบบการประกันคณุ ภาพภายในท่ีพัฒนาโดยสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เริ่มใชม้ าต้ังแต่ ปีการศึกษา 2550 เป็นระบบแรกท่ีให้สถาบันอุดมศึกษาทุกแหง่ ได้นาไปใช้ในการประเมินผลการดาเนนิ งานใน ทุกปกี ารศกึ ษาและให้สถาบันอุดมศกึ ษาเพม่ิ เติมประเด็นการประเมินทีส่ ะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละสถาบัน ใน รอบแรกนต้ี วั บ่งช้ีประเมนิ ผลการดาเนนิ งานมที ั้งตวั บ่งชที้ ่เี ปน็ ปจั จัยนาเข้ากระบวนการและผลผลติ หรือผลลัพธ์ โดยครอบคลุมองค์ประกอบคุณภาพตามกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพ การศึกษาภายในสถานศึกษาระดบั อดุ มศึกษา พ.ศ. 2546 ตอบสนองเจตนารมณแ์ ห่งพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรฐานการศึกษาของชาติ มาตรฐานการ อุดมศึกษาและมาตรฐานต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง รวมทั้งสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตัวบ่งช้ีการประเมิน คุณภาพภายนอกของสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. ภายใต้หลักการสาคัญคือไม่เป็นภาระซ้าซ้อนในการปฏิบัติงานของสถาบันอุดมศึกษา ตัวบ่งช้ีที่พัฒนาขึ้น สามารถประเมนิ ไดค้ รบทุกมิติของระบบการประกันคุณภาพ คือ ปัจจัยนาเข้า กระบวนการ และผลผลติ หรอื ผลลัพธ์ อีกท้ัง ยังมีความสมดุลระหว่างมุมมอง การบริหารจัดการท้ัง 4 ด้าน คือ ด้านนักศึกษาและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ด้านกระบวนการภายใน ด้านการเงิน และด้านบุคลากร การเรียนรู้และนวัตกรรม ในส่วนของเกณฑ์ การประเมนิ มีทัง้ เกณฑ์ทัว่ ไปท่ใี ช้กับทกุ สถาบันและทแี่ ยกใชเ้ ฉพาะกับสถาบันที่มจี ุดเนน้ ต่างกนั ไดแ้ ก่ สถานที่ เน้นการผลิตบัณฑิตและการวิจัย สถาบันที่เน้นการผลติ บัณฑิตและพัฒนาสังคม สถาบันที่เน้นการผลิตบัณฑติ และพัฒนาศิลปวัฒนธรรม และสถาบันที่เน้นการผลิตบัณฑิตเพียงอย่างเดียว เน่ืองจากในระยะแรกนี้ สถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งยังไม่มีกระบวนการทางานที่เน้นวงจรคุณภาพอย่างชัดเจนตัวบ่งชี้ส่วนใหญ่จึงเปน็ ตวั บง่ ช้ีทีเ่ น้นกระบวนการ

การพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพภายในรอบที่สอง พ.ศ. 2553 ยังคงยดึ หลกั การเดียวกับรอบแรก โดยนาแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) กฎกระทรวงว่าด้วย ระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553 มาตรฐานสถาบันอุดมศึกษา กรอบมาตรฐาน คณุ วุฒิระดับอุดมศกึ ษาแห่งชาติ เกณฑม์ าตรฐานหลักสูตรระดับอดุ มศึกษา มาตรฐานเพอื่ การประเมินคุณภาพ ภายนอกของ สมศ. กรอบการปฏิบัติราชการตามมิติด้านต่างๆ ของสานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบ ราชการ (ก.พ.ร.) ในกรณีมหาวิทยาลัยของรัฐมาเป็นกรอบในการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายใน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาตัวบง่ ช้ีและเกณฑ์การประกันคณุ ภาพภายใน รอบที่สองจะมุ่งเน้นการประเมนิ เฉพาะ ปัจจัยนาเข้าและกระบวนการสาหรบั การวดั ผลผลิตหรือผลลัพธ์น้ัน สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ นาตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสามของสมศ. มาใช้โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของตัวบ่งชี้และ เกณฑ์การประกันคุณภาพภายในที่สถาบันอุดมศึกษาต้องดาเนินการให้ครบถ้วนทุกมิติของระบบ ประกัน คุณภาพคือปัจจัยนาเข้า กระบวนการ ผลผลิตหรอื ผลลัพธ์ ทั้งนี้ เกณฑ์ท่ีพัฒนาข้ึนในรอบนี้ยังมีความแตกตา่ ง จากรอบแรก คือ มีการกาหนดประเภทเกณฑ์มาตรฐานท่ัวไปท่ีใช้กับทุกกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาและเกณฑ์ มาตรฐานเพิ่มเตมิ เฉพาะกลุ่มสถาบนั อุดมศึกษา ไดแ้ ก่ กลมุ่ ข สถาบันทีเ่ นน้ ระดบั ปริญญาตรีกลมุ่ ค 1 สถาบัน เฉพาะทางที่เน้นระดับบัณฑิตศึกษา กลุ่ม ค 2 สถาบันเฉพาะทางท่ีเน้นระดับปริญญาตรีและกลุ่ม ง สถาบันที่ เน้นการวิจัยขั้นสูงและผลิตบัณฑิตระดับบัณฑิตศึกษา โดยเฉพาะระดับปริญญาเอกตามนิยามที่กาหนดใน ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอ่ื ง มาตรฐานสถาบนั อุดมศกึ ษา 2. กำรประกนั คณุ ภำพกำรศกึ ษำภำยในรอบใหม่ (พ.ศ. 2557-2561) ในปี พ.ศ. 2557 สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาโดยคณะกรรมการประกันคุณภาพภายใน ระดับอุดมศึกษา ได้ตระหนักถึงความสาคัญของหน่วยย่อยของการอุดมศึกษาท่ีทาหน้าท่ีผลิตบัณฑิตให้มี คุณภาพจึงได้กาหนดกรอบแนวทางการพัฒนาระบบการประกันคณุ ภาพการศึกษาภายในระดบั อุดมศึกษาโดย ให้พิจารณาเพิ่มเติมในสาระที่เก่ียวข้องในกรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2551-2565) แผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2555-2559) มาตรฐานการอุดมศึกษา มาตรฐาน สถาบันอุดมศึกษา เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา พ.ศ. 2548 รวมท้ังกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ท้ังน้ี ได้กาหนดให้มีการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน 3 ระดับ คือ ระดับหลักสูตร ระดับคณะ และระดับสถาบัน โดยมี องค์ประกอบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในตาม พันธกิจ 4 ด้านของสถาบันอุดมศึกษา และเพิ่มเติมดา้ นอื่นๆ ท่ีจาเป็นสาหรับการพัฒนาตัวบ่งชี้และเกณฑก์ าร ประกันคุณภาพการศึกษาภายในท้ังระดับหลกั สตู ร คณะ และสถาบนั ดาเนินการไปพร้อมกัน หากเป็นตัวบ่งชท้ี ี่ เน้นกระบวนการจะต้องมีการประเมินผลลัพธ์ภายใต้การดาเนินก ารตามตัวบ่งชี้กระบวนการดังกล่าวด้วย (process performance) ซงึ่ ได้กาหนด หลกั การพัฒนาไว้ ดังนี้

การประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลักสูตร ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบท่ี 1 การกากับมาตรฐาน องค์ประกอบท่ี 2 บณั ฑติ องคป์ ระกอบที่ 3 นกั ศึกษา องค์ประกอบที่ 4 อาจารย์องค์ประกอบที่ 5 หลักสูตรการเรียนการสอน การประเมินผู้เรียน และองค์ประกอบท่ี 6 สิ่งสนับสนุน การเรียนรู้ตัวบ่งช้ีและเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลักสูตรครอบคลุม เรื่องการส่งเสริม พัฒนานักศึกษา การวางระบบกระบวนการจัดการเรียนการสอน จานวนอาจารย์ต่อนักศึกษาในระดับ บัณฑิตศึกษา (โดยเฉพาะการคุมวิทยานิพนธ์ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร) ผลงานทางวิชาการ ผลงานวิจัยของคณาจารย์ สื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน ห้องสมุด และแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ การดาเนินการ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ รวมทั้งคุณภาพบัณฑิต ซ่ึงจะพิจารณาจากการมีงานทา หรือประกอบอาชีพอิสระ คุณภาพผลงานตีพิมพ์และเผยแพร่ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา การประกัน คุณภาพการศึกษาภายในระดับคณะ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบที่ 1 การผลิตบัณฑิต องค์ประกอบที่ 2 การวิจัย องค์ประกอบท่ี 3 การบริการวิชาการ องค์ประกอบท่ี 4 การทานุบารุงศิลปะและ วัฒนธรรม และองค์ประกอบที่ 5 การบริหาร จัดการตัวบ่งช้ีและเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับคณะให้ครอบคลุมการดาเนินงานของคณะเพ่ือสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนของแต่ละหลักสูตรท่ี คณะดแู ล รวมทง้ั กจิ กรรมนักศึกษา การบริการนักศกึ ษา การให้บริการทางวชิ าการ การวจิ ัย การบริหารจดั การ และการประกนั คุณภาพของคณะ การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับสถาบัน ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบท่ี 1 การผลิตบัณฑิต องค์ประกอบที่ 2 การวิจัย องค์ประกอบท่ี 3 การบริการวิชาการ องค์ประกอบท่ี 4 การทานุบารุงศิลปะและวัฒนธรรม และองค์ประกอบท่ี 5 การบริหารจัดการตัวบ่งชี้ และ เกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับสถาบัน พิจารณาให้เป็นไปตามมาตรฐานสถาบันอุดมศึกษา ได้แก่ มาตรฐานด้านศกั ยภาพและความพร้อมในการจัดการศึกษาประกอบด้วยด้านกายภาพ ด้านวชิ าการ ด้าน การเงินด้านการบริหารจัดการมาตรฐาน ด้านการดาเนินการตามภารกิจของสถาบันอุดมศึกษา ประกอบด้วย ด้านการผลิตบัณฑิต ด้านการวิจัย ด้านการให้บริการทางวิชาการแก่สังคม ด้านการทานุบารุงศิลปะและ วัฒนธรรมทั้งน้ี ควรมุ่งเน้นการประกันคุณภาพการดาเนินการของสถาบัน เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการ สอนของแต่ละคณะ โดยครอบคลุมในด้านกายภาพและภารกิจของสถาบัน รวมถึงการประกันคุณภาพใน ภาพรวมจดุ มุ่งหมายของการประกันคณุ ภาพการศึกษาภายในแตล่ ะระดับ เพ่อื การควบคมุ คุณภาพ การติดตาม ตรวจสอบคุณภาพและการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาในระดับหลกั สูตร ระดับคณะ และระดบั สถาบนั ให้ ได้ข้อมูลที่ช้ีผลการบริหารจัดการหลักสูตรท่ีได้คุณภาพตามมาตรฐานการอุดมศึกษาของแต่ละคณะและ ภาพรวมของสถาบนั อันจะนาไปสกู่ ารกาหนดแนวทางและพฒั นาคุณภาพตามเกณฑ์และมาตรฐานที่ตงั้ ไว้อย่าง ต่อเน่ือง เพอื่ จัดทารายงานประจาปที ่เี ปน็ รายงานประเมินคณุ ภาพภายใน เสนอต่อสานักงานคณะกรรมการการ อุดมศึกษาทุกปีการศึกษา ตลอดจนเพ่ือรองรับการติดตามตรวจสอบ อย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกสามปีตาม กฎกระทรวงฯ รวมทั้งการสร้างความมั่นใจต่อสังคมในเรื่องคุณภาพ บัณฑิตโดยผู้เรียนมีงานทา ผู้เรียนมี

คุณภาพตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติและเพื่อประกอบการพิจารณาข้ึนทะเบียน หลักสูตรตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 อย่างไรก็ตามระบบการประกัน คุณภาพการศึกษาภายในรอบใหม่น้ี จะมุ่งเน้นท่ีการประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลักสูตรให้มีการ ดาเนินการตัง้ แตก่ ารวางระบบคณุ ภาพการควบคมุ คณุ ภาพ การติดตามตรวจสอบคณุ ภาพการประเมนิ คุณภาพ และการพัฒนาคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บัณฑิตและส่งเสริมสนับสนุนกากับติดตามการ ดาเนินงานของคณะ และสถาบัน ให้เป็นไปตามมาตรฐาน และวิสัยทัศน์ท่ีสถาบันอุดมศึกษากาหนด โดยให้ สะท้อนผลการจดั การศึกษาไดอ้ ยา่ งมีคณุ ภาพมกี ารควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนของการผลติ บัณฑิตในแต่ละปี การศึกษาโดยคณะกรรมการประจาหลักสูตรมีการตรวจสอบติดตามคุณภาพผลการผลิตบัณฑิตโดย คณะกรรมการประจาคณะและคณะกรรมการระดับสถาบันในทุกปีการศึกษา มีความเชื่อมโยงกับระบบการ ประเมินคุณภาพภายนอก ที่จะมีการรับรองคุณภาพการศึกษาระดับชาติ รวมทั้งมีการประเมินคุณภาพเพ่ือให้ ได้ข้อมูลเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพท่ีสะท้อนผลของการผลิตบัณฑิตในแต่ละปีการศึกษา เพื่อสร้างความ เชื่อมน่ั ในคณุ ภาพของบัณฑิตทสี่ าเรจ็ การศึกษาจากสถาบนั อุดมศกึ ษา อนงึ่ คณะกรรมการประกนั คณุ ภาพภายในระดบั อดุ มศกึ ษาได้ออกประกาศ เรอ่ื ง หลักเกณฑ์และแนว ปฏิบัติเกี่ยวกบั การประกันคุณภาพภายในระดบั อุดมศึกษา พ.ศ. 2557 โดยระบุให้สถาบนั อุดมศึกษามีอสิ ระใน การเลือกพัฒนาระบบประกนั คุณภาพการศกึ ษาภายในโดยยึดหลกั เสรีภาพทางวชิ าการและความมอี ิสระในการ ดาเนินการของสถานศึกษาเพ่ือให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน การศึกษาของสถานศึกษาระดบั อดุ มศกึ ษาอย่างต่อเนอ่ื ง สอดคล้องกับบรบิ ทของสถาบนั อุดมศึกษา และเป็นไป ตามมาตรฐานการอุดมศึกษาเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและเตรียมความพร้อมเพ่ือรองรับการประกัน คุณภาพภายนอก ทั้งนี้ ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในท่ีสถาบันอุดมศึกษาเลือกใช้ต้องสนองต่อ เจตนารมณ์ของสถาบันอุดมศึกษาและกฎกระทรวงว่าด้วยระบบหลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพ การศึกษา พ.ศ. 2553 อาจเป็นระบบท่ีคณะกรรมการประกันคุณภาพภายในระดับอุดมศึกษาพัฒนาข้ึน หรือ เป็นระบบที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลท่ีสามารถประกันคุณภาพได้ต้ังแต่ระดับหลักสูตร คณะ และสถาบัน เช่น ระบบ AUN - QA หรอื ระบบ EdPEx หรอื เป็นระบบที่สถาบันอดุ มศึกษาพัฒนาข้ึนเอง ทั้งนี้ โดยผา่ นการ พิจารณาจากสภาสถาบันและเสนอคณะกรรมการประกันคุณภาพภายในระดับอุดมศึกษาพิจาร ณาให้ความ เหน็ ชอบ ซ่งึ สถาบนั อุดมศึกษาตอ้ งรายงานผลการประเมินคุณภาพภายในตอ่ ตน้ สังกดั เพอ่ื พจิ ารณาและเปดิ เผย ต่อสาธารณะ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 และข้อ 6 แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยระบบหลักเกณฑ์ และ วธิ กี ารประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553

3. กระบวนกำรและวิธกี ำรประกันคุณภำพกำรศกึ ษำภำยใน (ปีกำรศกึ ษำ 2557-2561) เพื่อให้การประกันคุณภาพการศึกษาเกิดประโยชน์จึงควรมีแนวทางการจัดกระบวนการประกัน คุณภาพการศึกษาภายในตามวงจรคุณภาพ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ การวางแผน (Plan) การดาเนินงาน และเก็บข้อมูล (Do) การประเมินคุณภาพ (Check/Study) และการเสนอแนวทางการปรับปรุง (Act) โดยมี รายละเอยี ด ดงั นี้ P = เรมิ่ กระบวนการวางแผนการประเมนิ ตัง้ แตต่ น้ ปีการศกึ ษา โดยนาผลการประเมินปีก่อนหน้านมี้ า ใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนโดยต้องเก็บข้อมูลต้ังแต่เดือนมิถุนายน กรณีใช้ระบบเปิด-ปิด ภาคการศึกษา แบบเดิม หรือต้งั แตเ่ ดือนสิงหาคม กรณใี ชร้ ะบบเปดิ -ปิดภาคการศึกษาตามอาเซียน D = ดาเนินงานและเก็บข้อมูลบันทึกผลการดาเนินงานต้ังแต่ต้นปีการศึกษา คือ เดือนที่ 1-เดือนที่ 12 ของปกี ารศึกษา (เดอื นมถิ ุนายน-พฤษภาคม ปถี ัดไป หรอื เดอื นสิงหาคม-กรกฎาคม ปถี ัดไป) C/S = ดาเนินการประเมินคุณภาพในระดับหลักสูตร คณะ และสถาบัน ระหว่างเดือนมิถุนายน- สงิ หาคม หรอื เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ของปกี ารศึกษาถดั ไป A = วางแผนปรับปรุงและดาเนินการปรับปรุงตามผลการประเมิน โดยคณะกรรมการบริหารระดับ หลักสูตร ระดับคณะ และระดับสถาบัน โดยนาข้อเสนอแนะและผลการประเมินของคณะกรรมการประเมิน คุณภาพภายในมาวางแผนปรับปรุงการดาเนินงาน (รวมทั้งข้อเสนอแนะของสภามหาวิทยาลัย) มาจัดทา แผนปฏิบัติการประจาปีและเสนอตั้งงบประมาณปีถัดไป หรือจัดทาโครงการพัฒนาและเสนอใช้ งบประมาณ กลางปหี รอื งบประมาณพเิ ศษก็ได้ วิธกี ารประกันคณุ ภาพภายใน กาหนดไว้ ดงั นี้ 1) สถาบนั วางแผนการประกันคุณภาพการศึกษาภายในประจาปกี ารศึกษาใหม่ 2) สถาบนั เก็บขอ้ มูลระยะ 12 เดือนตามตัวบ่งชท้ี ่ีได้ประกาศใช้บนระบบ CHE QA Online และใหม้ ี การประเมินคณุ ภาพการศึกษาภายในเป็นประจาทกุ ปีทั้งระดบั หลักสูตร คณะวชิ า และสถาบัน 3) หลักสูตรเตรียมการประเมินตนเองระดับหลักสูตรและจัดทารายงานการประเมินตนเองระดับ หลกั สูตรผ่านระบบ CHE QA Online 4) คณะหรอื หน่วยงานเทยี บเท่านาผลการประเมนิ ระดับหลกั สตู รมาจดั ทารายงานการประเมนิ ตนเอง ระดบั คณะ 5) คณะหรือหน่วยงานเทียบเท่าประเมินตนเองบนระบบ CHE QA Online และยืนยันผลการ ประเมนิ หลักสูตรทีไ่ ด้ประเมนิ ไปแลว้

6) สถาบันนาผลการประเมินระดับหลักสูตรผลการประเมินระดับคณะวิชามาจัดทารายงานการ ประเมินตนเองระดับสถาบนั 7) สถาบันประเมินตนเองบนระบบ CHE QA Online และยืนยันผลการประเมินตนเองระดับ หลักสูตรคณะวิชา พร้อมนาผลการประเมินเสนอสภาสถาบันเพื่อพิจารณาวางแผนพัฒนาสถาบัน ในปี การศึกษาถดั ไป 8) ผบู้ รหิ ารสถาบนั อดุ มศึกษานาผลการประเมนิ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการประเมนิ คุณภาพ ภายในที่สถาบันแต่งต้ัง (รวมทั้งข้อเสนอแนะของสภาสถาบัน) มาวางแผนปรับปรุงการดาเนินงานแผนปฏิบัติ การประจาปี และแผนกลยทุ ธ์ 9) สง่ รายงานประจาปที เี่ ป็นรายงานการประเมินคุณภาพภายใน ผ่านระบบ CHE QA Online ภายใน 120 วนั นับจากสิ้นปกี ารศึกษา สถาบันอุดมศึกษาต้องมีการประเมินตนเองตามตัวบ่งช้ีและเกณฑ์การประกันคุณภาพภายในทุกปี การศึกษา ทั้งระดับหลักสูตร ระดับคณะ และระดับสถาบัน ตามลาดับ โดยสถาบันอุดมศึกษาเป็นผู้แต่งต้ัง คณะกรรมการประเมิน และส่งผลการประเมินให้สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาทราบผ่านระบบ ฐานข้อมูลด้านการประกันคุณภาพ (CHE QA Online) ท้ังนี้ คณะกรรมการประเมินคุณภาพภายในระดับ หลักสูตร 1 ชุด อาจประเมินได้มากกว่าหนึ่งหลักสูตรหากเป็นหลักสูตรในสาขาวิชาเดียวกันเช่นหลักสูตร สาขาวชิ าเดยี วกันท้งั ในระดบั ปริญญาตรีและบัณฑติ ศึกษา สำหรับแนวทำงกำรดำเนินกำรประกันคุณภำพภำยในระดับหลักสูตรท่ีสถำบันอุดมศึกษำต้อง ดำเนินกำรเป็นประจำทุกปี คือ หลักสูตรสำมำรถแต่งต้ังอำจำรย์ประจำหลักสูตร หรือผู้ประเมินคุณภำพ กำรศึกษำภำยในของสถำบันอุดมศึกษำ หรือผู้ทรงคุณวุฒิที่ข้ึนทะเบียนของ สกอ. และเป็นคนก้ำวทันควำม ทันสมัยของหลักสูตรมำประเมนิ หลักสูตร และรำยงำนผำ่ นระบบ CHE QA ONLINE ในกรณีท่ีต้องการเผยแพร่หลักสูตรท่ีมีคุณภาพและมาตรฐานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 องค์ประกอบของคณะกรรมการประเมนิ คุณภาพการศกึ ษาภายใน ระดับ หลกั สูตร กาหนดไวด้ ังนี้ - ผู้ประเมินคุณภำพภำยในจำนวนอย่ำงน้อย 3 คน ซึ่งมีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับสำขำวิชำท่ีขอรบั กำรประเมิน โดยเกินกว่ำก่ึงหน่ึงเป็นผู้ทรงคุณวุฒิภำยนอกสถำบัน และอย่ำงน้อยหน่ึงคนของ

ผู้ทรงคุณวุฒภิ ำยนอกน้ันต้องมีคุณวุฒิตรงกับสำขำวิชำที่ขอรบั กำรประเมิน ท้ังนี้ประธำนกรรมกำร ต้องเปน็ ผทู้ รงคณุ วุฒิจำกภำยนอกสถำบนั - คณะกรรมกำรทกุ คนตอ้ งเป็นผทู้ ่ีขึ้นทะเบียนผปู้ ระเมนิ คณุ ภำพภำยในระดับหลักสูตรของสำนักงำน คณะกรรมกำรกำรอดุ มศึกษำ คณุ สมบัตเิ ฉพาะของคณะกรรมการประเมนิ คณุ ภาพภายใน ระดบั หลักสูตรของแต่ละระดับการศกึ ษา เปน็ ดังน้ี - ระดับปริญญาตรี คณะกรรมการมีคุณวุฒิปริญญาโทขึ้นไปหรือดารงตาแหน่งทางวิชาการระดับ ผู้ช่วยศาสตราจารยข์ ึ้นไป - ระดับปริญญาโท คณะกรรมการมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือดารงตาแหน่งทางวิชาการระดับรอง ศาสตราจารยข์ ึ้นไป - ระดับปริญญาเอก คณะกรรมการมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือดารงตาแหน่งทางวิชาการระดับ ศาสตราจารยข์ น้ึ ไป ในกรณที ปี่ ระสงค์นาผลการประกันคณุ ภาพการศึกษาภายในระดับอดุ มศึกษาในระดบั สถาบนั ไปใช้ใน การประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคารับรองการปฏิบัติราชการของสถาบันอุดมศึกษาของสานักงาน คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ องค์ประกอบของคณะกรรมการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับอุดมศึกษา ระดับสถาบนั กาหนดไวด้ งั นี้ - ผ้ทู รงคุณวุฒิ จานวนอย่างนอ้ ย 5 คน ทง้ั นี้ ขนึ้ อยกู่ บั ขนาดของสถาบนั - ประธานกรรมการประเมินฯ เป็นผู้ประเมินจากภายนอกสถาบันท่ีขึ้นทะเบียนประธาน คณะกรรมการประเมินคณุ ภาพการศึกษาภายในของสานักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา - กรรมการประเมินฯ เป็นผู้ประเมินจากภายนอกสถาบันท่ีผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ประเมินของ สกอ. อย่างน้อยร้อยละ 50 ส่วนผู้ประเมินจากภายในสถาบันต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร ผู้ประเมินของ สกอ. หรือที่สถาบันจัดฝกึ อบรมให้โดยใช้หลักสูตรของสานักงานคณะกรรมการการ อุดมศกึ ษา

คณุ สมบตั เิ ฉพาะของคณะกรรมการประเมินคณุ ภาพภายในระดับสถาบัน เปน็ ดงั น้ี 1) ประธานกรรมการ - ผู้ที่เป็นหรือเคยเปน็ ผบู้ ริหารระดับคณบดีหรือเทียบเท่าขึ้นไปและมปี ระสบการณ์เป็นผู้ประเมิน คุณภาพการศกึ ษาระดบั อุดมศึกษา ในระดบั คณะหรอื เทียบเทา่ หรือ - ผู้ที่มีตาแหน่งทางวิชาการระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ขึ้นไป และมีประสบการณ์เป็นผู้ประเมิน คณุ ภาพการศกึ ษาระดับอุดมศึกษา ในระดับคณะหรอื เทียบเท่าข้นึ ไป หรือ - ผู้ทสี่ านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาพจิ ารณาแล้วว่ามคี วามเหมาะสม 2) กรรมการ - กรณีเป็นอาจารย์ ตอ้ งทาหน้าที่เป็นอาจารย์ประจามาแล้วไมน่ ้อยกวา่ 2 ปี - กรณีเป็นฝ่ายสนับสนุน ต้องทาหน้าที่ในระดับผู้อานวยการหน่วยงานขึ้นไปมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี สานักงานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษาจะดาเนินการตดิ ตามตรวจสอบความก้าวหน้าของการปฏิบตั ิ ตามแผนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา อย่างน้อยหน่ึงครั้งในทุกสามปี และแจ้งผลให้สถานศึกษาทราบรวมท้งั เปิดเผยผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาตอ่ สาธารณชน เพื่อให้เป็นไปตามข้อ 36 แห่งกฎกระทรวง ว่าดว้ ยระบบ หลักเกณฑ์ และวธิ กี ารประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. 2553 หมายเหตุ : 1. แนวทำงกำรดำเนนิ กำรสำหรบั หลักสตู รที่ขอปิดดำเนินกำร หรืองดรบั นกั ศึกษำ หรือไม่มีนักศึกษำ มำสมัครเรยี นที่กำหนดไว้ คือ กรณีหลกั สูตรท่ีสภำสถำบันอุดมศกึ ษำเหน็ ชอบ/อนุมัตใิ หป้ ิดดำเนินกำรต้องแจ้ง ให้ สกอ. รับทรำบ หำกหลักสูตรยังมีนักศึกษำคงค้ำงอยู่ อำจำรย์ประจำหลักสูตรดังกล่ำวยังต้องทำหน้ำที่ อำจำรย์ประจำหลักสูตรต่อไปและจัดกำรเรียนกำรสอนจนกว่ำนักศึกษำคนสุดท้ำยจะสำเร็จกำรศึกษำ ท้ังนี้ สถำบันอุดมศกึ ษำยงั ตอ้ งดำเนินกำรประเมนิ ตนเองระดับหลกั สตู รเป็นประจำทุกปี โดยประเมินองคป์ ระกอบท่ี 1 กำรกำกับมำตรฐำน และองค์ประกอบท่ีเก่ียวข้อง เฉพำะตัวบ่งช้ีที่มีกำรดำเนินกำร เพ่ือนำผลที่ได้มำ ประกอบกำรพจิ ำรณำปรับปรงุ กระบวนกำรหรือพิจำรณำดำเนินกำรอ่ืนๆ ต่อไป โดยคำนงึ ถงึ ประโยชน์จำกกำร ประเมิน เพื่อให้เกิดกำรพัฒนำคุณภำพและมำตรฐำนของหลักสูตรเป็นสำคัญ อน่ึงกำรประเมินตนเองดังกลำ่ ว เป็นกำรดำเนินกำรภำยในของหลักสูตร คณะ หรือสถำบัน โดยรำยงำนผลกำรดำเนินงำนของหลักสูตรเฉพำะ ตัวบ่งชี้ที่มีกำรดำเนินงำน ในกำรคำนวณค่ำคะแนนของหลักสูตรให้คิดเฉพำะตัวบ่งชี้ที่มีกำรประเมินเท่ำน้ัน และดำเนนิ กำรผ่ำนระบบ CHE QA Online

2. หลักในกำรพิจำรณำสำหรับตัวบ่งช้ีกำรประเมินคุณภำพภำยในระดับหลักสูตรท่ีเป็นตัวบ่งชี้ กระบวนกำร (3.1, 3.2, 4.1, 5.1, 5.2, 5.3 และ 6.1) กำรพิจำรณำตัดสินผลกำรประเมินตัวบ่งชี้เชิงคุณภำพในระดบั หลักสตู รที่เน้นกระบวนกำร เพ่ือให้ผู้ ประเมินนำไปใช้ในกำรตัดสินผลกำรประเมนิ ให้เป็นมำตรฐำนเดียวกัน ให้ยึดหลกั กำร คือ หลักสตู รควรกำหนด ผลลัพธซ์ ึ่งแสดงคณุ ภำพทีต่ ้องกำรจำกกระบวนกำรท่ีได้ออกแบบ โดยอธบิ ำยวิธีกำรดำเนนิ งำนท่ีนำไปสผู่ ลลัพธ์ ที่ต้องกำร มีกำรทบทวน/ประเมิน/ศึกษำ ผลกำรดำเนินงำนท่ีเทียบกับผลลัพธ์ที่กำหนดหำกหลักสูตรไม่ได้ ผลลพั ธต์ ำมท่ีต้องกำรให้อธิบำยว่ำมกี ำรปรบั ปรุงวิธีกำรทำงำนอยำ่ งไร เพ่ือนำไปสผู่ ลลพั ธ์ท่ีต้องกำร (หมำยเหตุ : ให้พิจำรณำผลกำรดำเนินงำนในภำพรวม ไม่ควรพิจำรณำแต่ละประเด็นย่อย และกรณีจะให้คะแนนระดบั 4 หรือ 5 ตอ้ งมีคำอธบิ ำยทีเ่ หน็ เปน็ รูปธรรม)

บทท่ี 4 นยิ ำมศัพท์ กำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) หมายถึง การรวบรวมองค์ความรทู้ ่ีมอี ยูใ่ นองคก์ รซ่ึง กระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคล หรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพ่ือให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึง ความรู้ และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมท้ังปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมี ความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด โดยทค่ี วามรมู้ ี 2 ประเภท คอื 1. ควำมรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ท่ีได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์หรือ สัญชาตญาณของแต่ละบุคคลในการทาความเข้าใจในสิ่งต่างๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็น คาพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทางาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์บางครั้งจงึ เรียกว่าเป็นความร้แู บบนามธรรม 2. ควำมรทู้ ่ีชัดแจง้ (Explicit Knowledge) เปน็ ความร้ทู สี่ ามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธี ต่างๆ เช่น การบนั ทกึ เป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มอื ตา่ งๆ และบางคร้ังเรียกว่าเป็นความรูแ้ บบรูปธรรม นพ. วิจารณ์ พานิช ได้ให้ความหมายของคาว่า “การจัดการความรู้” คือ เคร่ืองมือเพื่อการบรรลุ เป้าหมายอย่างน้อย 4 ประการไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ บรรลุเป้าหมายของงาน บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคน บรรลุเป้าหมายการพฒั นาองคก์ รไปเป็นองค์กรเรียนรู้ และบรรลุความเปน็ ชุมชน เป็นหมู่คณะ ความเอ้ืออาทร ระหว่างกนั ในที่ทางาน กำรจัดกำรควำมรูเ้ ปน็ กำรดำเนนิ กำรอย่ำงน้อย 6 ประกำรต่อควำมรู้ ได้แก่ (1) การกาหนดความรู้หลักที่จาเปน็ หรอื สาคญั ต่องานหรือกจิ กรรมของกลุ่มหรอื องค์กร (2) การเสาะหาความรทู้ ีต่ อ้ งการ (3) การปรบั ปรงุ ดดั แปลง หรือสรา้ งความรูบ้ างสว่ นใหเ้ หมาะตอ่ การใชง้ านของตน (4) การประยุกต์ใช้ความรใู้ นกจิ การงานของตน (5) การนาประสบการณ์จากการทางาน และการประยุกต์ใช้ความรู้มาแลกเปล่ียนเรียนรู้ และสกัด “ขมุ ความรู้” ออกมาบันทกึ ไว้ (6) การจดบันทึก “ขุมความรู้” และ “แก่นความรู้” สาหรับไว้ใช้งาน และปรับปรุงเป็นชุดความรู้ท่ี ครบถ้วน ลมุ่ ลกึ และเช่อื มโยงมากขน้ึ เหมาะตอ่ การใช้งานมากยง่ิ ข้ึน โดยที่การดาเนินการ 6 ประการนี้บูรณาการเป็นเน้ือเดียวกัน ความรู้ที่เก่ียวข้องเป็นทั้งความรู้ท่ีชัด แจ้งอยู่ในรูปของตัวหนังสือหรือรหัสอย่างอื่นที่เข้าใจได้ท่ัวไป (Explicit Knowledge) และความรู้ฝังลึกอยู่ใน สมอง (Tacit Knowledge) ท่ีอยู่ในคน ท้ังที่อยู่ในใจ (ความเชื่อ ค่านิยม) อยู่ในสมอง (เหตุผล) และอยู่ในมือ และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย (ทักษะในการปฏิบัติ) การจัดการความรู้เป็นกิจกรรมที่คนจานวนหนึ่งทาร่วมกัน ไม่ใชก่ ิจกรรมท่ที าโดยคนคนเดียว

กำรตพี ิมพใ์ นลกั ษณะใดลักษณะหนง่ึ หมายถงึ การตีพิมพผ์ ลงานวิชาการฉบับสมบรู ณใ์ นลักษณะของรายงาน สบื เน่อื งจากการประชุมวิชาการ วารสารวิชาการ หรอื สิง่ พิมพท์ างวิชาการในระดับมหาวทิ ยาลยั หรือระดับคณะ และต้องเป็นผลงานที่ผ่านการกลั่นกรอง (Peer review) โดยมีบุคคลภายนอกสถาบันร่วมเป็นกรรมการ พิจารณาดว้ ย กำรเทียบเคียงผลกำรดำเนินงำน (Benchmarking) หมายถึง วิธีการในการวัดและเปรียบเทียบผลผลิต บริการ และวิธีการปฏิบัติกับองค์กรที่สามารถทาได้ดีกว่า เพื่อนาผลการเปรียบเทียบมาใช้ในการปรับปรุง องคก์ รของตนเพอื่ มุ่งความเป็นเลิศทางธุรกิจ กำรบูรณำกำร (Integration) หมำยถึง การผสมกลมกลืนของแผน กระบวนการ สารสนเทศ การจัดสรร ทรัพยากร การปฏิบัติการ ผลลัพธ์ และการวิเคราะห์ เพื่อสนับสนุนเป้าประสงค์ที่สาคัญของสถาบัน (organization-wide goal) การบูรณาการที่มีประสิทธิผลเป็นมากกว่าความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน (Alignment) ซ่ึงการดาเนินการของแต่ละองค์ประกอบภายในระบบการจัดการ ผลการดาเนินการ มีความ เช่ือมโยงกนั เปน็ หนึ่งเดียวอยา่ งสมบูรณ์ กำรเผยแพร่งำนสร้ำงสรรค์ในระดับควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศ หมายถึง โครงการรว่ มมอื ระหว่างประเทศ ไทยกบั ประเทศอืน่ กำรเผยแพร่งำนสร้ำงสรรค์ในระดับนำนำชำติ หมายถึง การเผยแพร่ที่เปิดกว้างสาหรับทุกประเทศ (อย่าง น้อย 5 ประเทศ ท่ไี ม่ไดอ้ ยู่ในกลมุ่ อาเซยี น) กำรเผยแพร่งำนสร้ำงสรรค์ในระดบั ภมู ภิ ำคอำเซียน หมายถึง การเผยแพรเ่ ฉพาะในกล่มุ อาเซียน 10 ประเทศ (อย่างน้อย 5 ประเทศนบั รวมประเทศไทยด้วย) และการให้คะแนนตามแหลง่ เผยแพร่ ไมจ่ าเป็นตอ้ งไปแสดงใน ต่างประเทศ อำเซียน หมายถึง สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East Asian Nations) มี 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวยี ดนาม

กำรเผยแพร่ผลงำนวิจัยในท่ีประชุมวิชำกำรระดับชำติ หมายถึง การนาเสนอบทความวิจัยในท่ีประชุม วิชาการ และบทความฉบับสมบูรณ์ (Full paper) ได้รับการตีพิมพ์ในรายงานสืบเนื่องจากการประชุม (Proceedings) โดยมีกองบรรณาธิการจัดทารายงานการประชุม หรือคณะกรรมการจัดประชุมประกอบด้วย ศาสตราจารย์ หรือผู้ทรงคุณวุฒิระดับปริญญาเอก หรือผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมีผลงานเป็นท่ียอมรับในสาขาวิชานั้นๆ จากนอกสถาบันเจ้าภาพ อย่างน้อยร้อยละ 25 โดยต้องมีผู้ประเมินบทความที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นดว้ ย และมบี ทความทมี่ าจากหน่วยงานภายนอกสถาบนั อย่างนอ้ ย 3 หนว่ ยงาน และรวมกนั แล้วไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 25 กำรเผยแพร่ผลงำนวิจยั ในท่ีประชมุ วิชำกำรระดับนำนำชำติ หมายถึง การนาเสนอบทความวิจัยในทป่ี ระชมุ วิชาการ และบทความฉบับสมบูรณ์ (Full paper) ได้รับการตีพิมพ์ในรายงานสืบเนื่องจากการประชุม (Proceedings) โดยมีกองบรรณาธิการจัดทารายงานฯ หรือคณะกรรมการจัดประชุม ประกอบด้วย ศาสตราจารย์ หรือผู้ทรงคุณวุฒิระดับปริญญาเอก หรือผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมีผลงานเป็นที่ยอมรบั ในสาขาวิชานัน้ ๆ จากตา่ งประเทศอยา่ งนอ้ ยร้อยละ 25 และมผี ปู้ ระเมินบทความทีเ่ ปน็ ผ้เู ชีย่ วชาญในสาขานน้ั และบทความที่มา จากต่างประเทศ อย่างน้อย 3 ประเทศ และรวมกนั แลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 25 **บทความในการประชมุ วชิ าการทง้ั ระดับชาตแิ ละนานาชาติ ทน่ี าเสนอให้กองบรรณาธิการหรอื คณะกรรมการ จัดประชมุ พิจารณาคัดเลอื ก ต้องเปน็ ฉบับสมบูรณ์ (Full Paper) และได้รับการตพี มิ พ์ ซึ่งสามารถอย่ใู นรปู แบบ เอกสารหรอื ส่อื อิเลก็ ทรอนกิ สไ์ ด้ งำนวิจัย หมายถึง กระบวนการที่มีระเบียบแบบแผนในการค้นหาคาตอบของปัญหา หรือการเสาะแสวงหา ความรู้ใหม่ ตลอดจนถึงการประดิษฐค์ ิดค้นท่ีผ่านกระบวนการศกึ ษา ค้นคว้าหรือทดลอง วิเคราะหแ์ ละตคี วาม ขอ้ มูลตลอดจนสรปุ ผลอยา่ งเป็นระบบ งำนสร้ำงสรรค์ หมายถึง ผลงานศิลปะและสิ่งประดษิ ฐ์ทางศิลปะประเภทต่างๆ ที่มีความเป็นนวัตกรรมโดยมี การศึกษาค้นควา้ อย่างเป็นระบบทีเ่ หมาะสมตามประเภทของงานศลิ ปะซงึ่ มแี นวทางการทดลองหรือการพัฒนา จากแนวคิดสร้างสรรค์เดิมเพ่ือเป็นต้นแบบหรือความสามารถในการบุกเบิกศาสตร์ อันก่อให้เกิดคุณค่าทาง สุนทรีย์และคุณประโยชน์ท่ีเป็นท่ียอมรับในวงวิชาชีพตามการจัดกลุ่มศิลปะ ของอาเซียน งานสร้างสรรค์ทาง ศิลปะ ไดแ้ ก่ (1) ทัศนศลิ ป์ (Visual Art) ประกอบดว้ ย ผลงานดา้ นจิตรกรรม ประติมากรรมภาพพิมพ์ ภาพถา่ ย ภาพยนตร์ ส่อื ประสม สถาปตั ยกรรมและงานออกแบบประเภทอืน่ ๆ (2) ศิลปะการแสดง (Performance Arts) ประกอบด้วย ดุริยางคศิลป์ นาฏยศิลป์ รวมท้ังการแสดงรูปแบบต่างๆ และ (3) วรรณศิลป์ (Literature) ซ่ึง ประกอบด้วยบทประพนั ธแ์ ละกวนี ิพนธร์ ูปแบบตา่ งๆ

แนวโน้ม (Trends) หมำยถึง สำรสนเทศที่เป็นตัวเลข ซ่ึงแสดงให้เห็นทิศทำงและอัตรำกำรเปล่ียนแปลงของ ผลลัพธ์ของสถำบัน หรือควำมคงเส้นคงวำของผลกำรดำเนินกำรในแต่ละช่วงเวลำ แนวโน้มแสดงผลกำร ดำเนินกำรของสถำบันตำมลำดับเวลำ โดยท่ัวไปกำรแสดงแนวโน้มได้จะต้องมีข้อมูลในอดีตอย่ำงน้อยสำมจุด (ไม่รวมค่ำคำดกำรณ์) ท้ังนี้ ในทำงสถิติ อำจจำเป็นต้องแสดงจำนวนข้อมูลมำกกว่ำนี้เพื่อยืนยันแนวโน้ม ระยะห่ำง ระหว่ำงจุดข้อมลู ท่ีแสดงแนวโน้มขนึ้ กับรอบเวลำของกระบวนกำรท่ีนำเสนอ หำกรอบเวลำส้ันต้องมี กำรวัดถ่ีขึ้น ในขณะที่รอบเวลำที่ยำวกว่ำ อำจต้องใช้ช่วงเวลำนำน จึงจะทรำบแนวโน้มที่สื่อควำมหมำยได้ ชดั เจน แนวปฏิบตั ิทด่ี ี หมายถงึ วธิ ปี ฏิบัติหรอื ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิท่ีทาใหส้ ถาบนั ประสบความสาเร็จหรือสู่ความเปน็ เลศิ ตามเป้าหมาย เป็นทยี่ อมรับในวงวชิ าการหรือวิชาชีพนั้นๆ มหี ลกั ฐานของความสาเรจ็ ปรากฏชดั เจน โดยมีการ สรุปวิธีปฏิบัติ หรือข้ันตอนการปฏิบัติ ตลอดจนความรู้และประสบการณ์ บันทึกเป็นเอกสาร เผยแพร่ให้ หนว่ ยงานภายในหรือภายนอกสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้ ประสบกำรณ์ดำ้ นกำรทำวจิ ัย หมายถงึ มีประสบการณ์ด้านการทาวิจัยเปน็ ผลสาเรจ็ มาแลว้ โดยมีหลักฐานเป็น ผลงานที่นาเสนอในที่ประชุมวิชาการที่มีรายงานการประชุม (Proceedings) ที่มีกรรมการภายนอกมาร่วม กล่ันกรอง (Peer Review) หรือตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์ทางวิชาการที่มีกรรมการภายนอกมาร่วม กล่ันกรอง (Peer Review) หรือเป็นผลงานที่เป็นรูปเล่มซ่ึงนาเสนอแหล่งทุนวิจัยหรือ นาเสนอผู้ว่าจ้างในการ ทาวิจัยนั้นๆ และเป็นผลงานท่แี หลง่ ทุนวิจัยหรอื ผ้วู ่าจ้างวจิ ัยได้ตรวจรับงานเรียบร้อยแลว้ ซ่ึงเป็นผลงานวจิ ัยที่ ไม่ใช่ส่วนหนง่ึ ของการศึกษาเพ่ือรับปรญิ ญาของอาจารย์ประจาหลักสตู ร โดยให้รายงานผลงานวจิ ยั ของอาจารย์ ประจาหลักสูตรทุกคนไว้ในเอกสารหลักสูตร ทั้งนี้ การรายงาน ผลงานวิจัยท่ีตีพิมพ์ให้รายงานในลักษณะของ การเขยี นบรรณานกุ รม หรือการเขียนเอกสารอา้ งองิ ทางวชิ าการ กลา่ วคอื ระบชุ ื่อเจ้าของผลงาน ชอ่ื ผลงาน ปี ทีพ่ ิมพแ์ ละแหล่งตีพิมพ์เผยแพรผ่ ลงาน ผลงำนท่ีได้รับกำรตีพิมพ์ในวำรสำรวิชำกำรระดับชำติ หมายถึง บทความจากผลงานวิจัยหรือบทความ วิชาการทีไ่ ด้รับการตพี มิ พ์ในวารสารวชิ าการ (Journal) ท่ีมีช่อื ปรากฏอยใู่ นฐานขอ้ มลู Thai-Journal Citation Index Centre (TCI) หรือวารสารวชิ าการระดับชาติตามประกาศของคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา ผลงำนทีไ่ ดร้ ับกำรตีพิมพ์ในวำรสำรวิชำกำรระดบั นำนำชำติ หมายถึง บทความจากผลงานวจิ ยั หรือบทความ วิชาการท่ีได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ (Journal) ที่ปรากฏในฐานข้อมูลสากล ได้แก่ ฐานข้อมูลการจัด อันดับวารสาร SJR (SCImago Journal Rank : www.scimagojr.com) หรอื ฐานข้อมลู ISI Web of Science (Science CitationIndex Expand, Social Sciences Citation Index, Art and Humanities Citation

Index) หรือฐานข้อมูล Scopus หรือวารสารวิชาการระดับนานาชาติตามประกาศของคณะกรรมการการ อุดมศกึ ษา แผนกลยุทธ์ หมายถึง แผนระยะยาวของสถาบันโดยทว่ั ไปมักใช้เวลา 5 ปี เป็นแผนที่กาหนดทศิ ทางการพัฒนา ของสถาบนั แผนกลยทุ ธป์ ระกอบไปด้วยวิสัยทัศน์ พนั ธกจิ เป้าประสงค์ วตั ถุประสงค์ ผลการ วเิ คราะหจ์ ุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและภัยคุกคาม กลยุทธ์ต่างๆ ของสถาบันควรครอบคลุมทุกภารกิจของสถาบัน ซึ่งต้องมีการ กาหนดตัวบ่งชี้ความสาเร็จของแต่ละกลยุทธ์และค่าเป้าหมายของตัวบ่งชี้เพื่อวัดระดับความสาเร็จของการ ดาเนนิ งานตามกลยุทธ์ โดยสถาบนั นาแผนกลยุทธ์มาจัดทาแผนดาเนินงาน หรือแผนปฏิบตั ิการประจาปี แผนกลยุทธ์ทำงกำรเงิน หมายถึง แผนระยะยาวที่ระบทุ ่ีมาและใช้ไปของทรัพยากรทางการเงินของสถาบันท่ี สามารถผลกั ดันแผนกลยุทธ์ของสถาบันใหส้ ามารถดาเนินการได้ แผนกลยุทธ์ทางการเงนิ จะสอดรบั ไปกบั แผน กลยุทธข์ องสถาบัน สถาบนั ควรประเมนิ ความต้องการทรัพยากรท่ีต้องจดั หาสาหรบั การดาเนินงานตามกลยุทธ์ แตล่ ะกลยทุ ธแ์ ละประเมินมูลค่าของทรัพยากรออกมาเป็นเงินทุนทต่ี ้องการใชซ้ ่ึงจะเปน็ ความต้องการเงนิ ทุนใน ระยะยาวเท่ากับเวลาท่ีสถาบันใช้ในการดาเนินการให้กลยุทธ์น้ันบังเกิดผล จากน้ันจึงจะกาหนดให้เห็นอย่าง ชัดเจนถึงท่ีมาของเงนิ ทนุ ท่ีตอ้ งการใช้วา่ สามารถจดั หาไดจ้ ากแหล่งเงินทนุ ใด เช่นรายได้คา่ ธรรมเนียมการศกึ ษา งบประมาณแผน่ ดินหรอื เงินอุดหนุนจากรัฐบาล เงินทุนสะสมของหนว่ ยงานเงินบรจิ าคจากหน่วยงานภายนอก หรอื ศิษย์เก่า หรือสถาบันจะตอ้ งมีการ ระดมทุนด้วยวิธกี ารอ่ืนๆ อีกเพ่ิมเตมิ เช่น การแปลงทรพั ย์สินทางปัญญา เป็นมลู ค่า รวมทง้ั มีการวิเคราะห์ต้นทนุ ของการดาเนินงานดว้ ย เช่น ต้นทนุ ต่อหน่วยในการผลิตบณั ฑติ ในแตล่ ะ หลกั สูตรโดยทรี่ ะยะเวลาของแผนกลยุทธท์ างการเงินจะเทา่ กบั ระยะเวลาของแผนกลยุทธ์ของสถาบนั แผนปฏิบัติกำรประจำปี หมายถึง แผนระยะสั้นท่ีมีระยะเวลาในการดาเนินงานภายใน 1 ปี เป็นแผนที่ ถ่ายทอดแผนกลยุทธ์ลงสู่ภาคปฏิบัติ เพ่ือให้เกิดการดาเนินงานจริงตามกลยุทธ์ ประกอบด้วย โครงการ หรือ กิจกรรมต่างๆ ท่ีจะต้องดาเนินการในปีนั้นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนกลยุทธ์ตัวบ่งชี้ความสาเร็จของ โครงการหรือกิจกรรม คา่ เปา้ หมายของตัวบ่งชเ้ี หล่านน้ั รวมทั้งมกี ารระบผุ ้รู บั ผิดชอบหลักหรือหวั หน้าโครงการ งบประมาณในการดาเนินการ รายละเอยี ดและทรพั ยากรทต่ี ้องใชใ้ นการดาเนนิ โครงการที่ชดั เจน พหุวิทยำกำร หรือ สหวทิ ยำกำร หลกั สูตรพหุวทิ ยำกำร พหุวิทยำกำร (Multidisciplinary) หรือ สหวิทยำกำร (Interdisciplinary) หมายถึง การใช้องค์ความรู้ หลายสาขาวิชา หลายศาสตรห์ รือหลายอนุศาสตร์ มาผสมผสานใช้ในการวิเคราะห์ วิจัยและสงั เคราะห์ขึน้ เป็น องคค์ วามรูใ้ หมแ่ ละพัฒนาเป็นศาสตรใ์ หมข่ ึ้น

หลักสูตรพหุวิทยำกำร (Multidisciplinary) หมายถึง หลักสูตรท่ีนาเอาความรู้หลายศาสตร์หรือหลายอนุ ศาสตร์เข้ามาใช้ในการเรียนการสอน เพ่ือประโยชน์ในการวิเคราะห์ วิจัย จนกระท่ังผู้เรียนสามารถพัฒนา ความรู้ องคค์ วามรู้เปน็ ศาสตรใ์ หม่ข้ึนหรอื เกดิ อนศุ าสตรใ์ หม่ขนึ้ ตัวอย่างหลกั สตู รท่ีเปน็ พหุวิทยาการ เช่น วิศวกรรมชีวการแพทย์ (วิศวกรรมศาสตร์+แพทย์ศาสตร)์ ภูมิศาสตร์สารสนเทศ (ภูมิศาสตร์ + เทคโนโลยีสารสนเทศ) วิศวกรรมนาโน (วิศวกรรมศาสตร์+วิทยาศาสตร์- เคมี) ตัวอย่างหลักสูตรท่ีไม่ใช่พหุวิทยาการ เช่น คอมพิวเตอร์ธุรกิจ การศึกษาเพื่อการพัฒนา (ที่มา : คณะอนุกรรมการปรบั ปรุงเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา ในการประชุมครง้ั ท่ี 7/2549 เม่อื วนั ที่ 18 ตุลาคม 2549) พิชญพิจำรณ์ (Peer review) หมายถึง การตรวจเย่ียมโดยผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมีความรู้ ความสามารถ และ ประสบการณ์ ซึ่งสามารถให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเชิงพัฒนาแก่สถาบันอุดมศึกษาในการพัฒนา กระบวนการจัดการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพและสอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานท่ีกาหนดโดยมี วตั ถุประสงค์ เพ่อื ใหข้ ้อเสนอแนะในเชิงพฒั นาแกส่ ถาบนั อุดมศกึ ษา ระบบและกลไก ระบบ หมายถึง ข้ันตอนการปฏิบัติงานท่ีมีการกาหนดอย่างชัดเจนว่าต้องทาอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลออกมา ตามท่ีต้องการ ขั้นตอนการปฏิบัติงานจะต้องปรากฏให้ทราบโดยท่ัวกันไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเอกสารหรือส่ือ อิเล็กทรอนิกส์หรือโดยวิธีการอื่นๆ องค์ประกอบของระบบ ประกอบด้วย ปัจจัยนาเข้า กระบวนการ ผลผลติ และข้อมูลป้อนกลบั ซ่งึ มีความสมั พันธ์เช่อื มโยงกัน กลไก หมายถึง ส่ิงที่ทาให้ระบบมกี ารขับเคลอ่ื นหรือดาเนินอย่ไู ด้ โดยมีการจดั สรรทรพั ยากร มีการจัดองคก์ าร หนว่ ยงาน หรือกลมุ่ บุคคลเปน็ ผู้ดาเนนิ งาน สำขำวิชำทสี่ ัมพันธ์กนั หมายถงึ สาขาวชิ าตามคุณวฒุ ิหรือตาแหน่งทางวชิ าการที่สมั พันธ์กบั ศาสตร์ ทเี่ ปดิ สอน มิใช่สมั พนั ธก์ ับรายวชิ าที่เปดิ สอนในหลกั สตู ร เชน่ เปน็ ศาสตร์ในกลุม่ สาขาวิชา (Field of Education) เดียวกนั ตาม ISCED 2013 (คณะกรรมการการอุดมศึกษาในการประชุมคร้ังที่ 12/2554 เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2554 หนังสือเวยี นที่ ศธ 0506(2)/ว506 ลงวนั ท่ี 22 ธนั วาคม 2554)

หน่วยงำนหรือองค์กำรระดับชำติ หมายถึง หน่วยงานภายนอกสถาบันระดับกรมหรือเทียบเท่าขึ้นไป (เช่น ระดับจังหวัด) หรือรัฐวิสาหกิจ หรือองค์การมหาชน หรือบริษัทมหาชนท่ีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ องคก์ ารกลางระดบั ชาตทิ ัง้ ภาครัฐและเอกชน (เช่น สภาอุตสาหกรรม สภาหอการคา้ สภาวชิ าชพี ) หลักธรรมำภิบำล หมายถึง การปกครอง การบริหาร การจัดการ การควบคุม ดูแลกิจการต่างๆ ให้เป็นไปใน ครรลองธรรม นอกจากนี้ ยังหมายถึงการบริหารจดั การที่ดี ซึ่งสามารถนาไปใช้ได้ท้ังภาครัฐและเอกชน ธรรมที่ ใช้ในการบริหารงานนี้มีความหมายอย่างกว้างขวาง กล่าวคือ หาได้มีความหมายเพียงหลักธรรมทางศาสนา เท่านั้น แต่รวมถึงศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมและความถูกต้อง ชอบธรรมท้ังปวง ซ่ึงวิญญูชนพึงมีและพึง ประพฤติปฏบิ ตั ิ อาทิ ความโปรง่ ใสตรวจสอบได้ การปราศจากการแทรกแซงจากองคก์ ารภายนอก เป็นต้น หลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี (Good Governance) ที่เหมาะสมจะนามา ปรบั ใชใ้ นภาครัฐมี 10 องคป์ ระกอบ ดงั นี้ 1) หลักประสิทธิผล (Effectiveness) คือ ผลการปฏิบัติราชการท่ีบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ของแผนการปฏิบัติราชการตามท่ีได้รับงบประมาณมาดาเนินการ รวมถึงสามารถเทียบเคียงกับส่วนราชการ หรือหน่วยงานที่มภี ารกิจคล้ายคลงึ กนั และมีผลการปฏบิ ัตงิ านในระดับชั้นนาของประเทศ เพ่ือให้เกิดประโยชน์ สุขต่อประชาชน โดยการปฏิบัติราชการจะต้องมีทิศทางยุทธศาสตร์ และเป้าประสงค์ท่ีชัดเจน มีกระบวนการ ปฏิบัติงานและระบบงานท่ีเป็นมาตรฐาน รวมถึงมีการติดตามประเมินผลและพัฒนา ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบ 2) หลักประสิทธิภาพ (Efficiency) คือ การบริหารราชการตามแนวทางการกากับดูแลท่ีดีที่มีการ ออกแบบกระบวนการปฏิบัติงานโดยใช้เทคนคิ และเคร่ืองมือการบริหารจัดการที่เหมาะสมให้องค์การ สามารถ ใช้ทรัพยากรท้ังดา้ นตน้ ทุน แรงงานและระยะเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสดุ ตอ่ การพัฒนาขีดความสามารถในการ ปฏบิ ัติราชการตามภารกิจเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนและผมู้ ีสว่ นได้สว่ นเสียทกุ กลมุ่ 3) หลักการตอบสนอง (Responsiveness) คือ การให้บริการที่สามารถดาเนินการได้ภายใน ระยะเวลาที่กาหนด และสร้างความเชื่อม่ัน ความไว้วางใจ รวมถึงตอบสนองความคาดหวังหรือความต้องการ ของประชาชนผรู้ บั บรกิ าร และผ้มู ีส่วนไดส้ ่วนเสยี ที่มีความหลากหลายและมคี วามแตกตา่ ง 4) หลักภาระรับผิดชอบ (Accountability) คือ การแสดงความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าท่ี และ ผลงานต่อเปา้ หมายที่กาหนดไว้ โดยความรบั ผดิ ชอบนน้ั ควรอยูใ่ นระดับทส่ี นองต่อความคาดหวงั ของสาธารณะ รวมทัง้ การแสดงถงึ ความสานกึ ในการรับผิดชอบตอ่ ปญั หาสาธารณะ

5) หลักความโปรง่ ใส (Transparency) คือ กระบวนการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ชีแ้ จงไดเ้ มือ่ มีข้อ สงสัยและสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอันไม่ต้องห้ามตามกฎหมายได้อย่างเสรี โดยประชาชนสามารถรู้ทุก ข้นั ตอนในการดาเนินกจิ กรรมหรือกระบวนการตา่ งๆ และสามารถตรวจสอบได้ 6) หลักการมีส่วนร่วม (Participation) คือ กระบวนการที่ข้าราชการ ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วน เสียทุกกลุ่มมีโอกาสได้เข้าร่วมในการรับรู้ เรียนรู้ ทาความเข้าใจ ร่วมแสดงทัศนะ ร่วมเสนอปัญหา หรือ ประเด็นที่สาคัญที่เก่ียวข้อง ร่วมคิดแนวทาง ร่วมการแก้ไขปัญหา ร่วมในกระบวนการตัดสินใจ และร่วม กระบวนการพัฒนาในฐานะหุน้ ส่วนการพฒั นา 7) หลกั การกระจายอานาจ (Decentralization) คือ การถ่ายโอนอานาจการตดั สนิ ใจ ทรพั ยากรและ ภารกิจจากส่วนราชการส่วนกลางให้แก่หน่วยการปกครองอ่ืนๆ (ราชการบริหารส่วนท้องถ่ิน) และภาค ประชาชนดาเนินการแทนโดยมีอิสระตามสมควร รวมถึงการมอบอานาจและความรับผิดชอบในการตัดสินใจ และการดาเนินการให้แกบ่ คุ ลากร โดยมงุ่ เนน้ การสร้างความพงึ พอใจในการให้บรกิ ารต่อผู้รบั บรกิ ารและผ้มู สี ว่ น ไดส้ ่วนเสีย การปรับปรงุ กระบวนการ และเพิม่ ผลติ ภาพเพ่อื ผลการดาเนินงานท่ีดีของส่วนราชการ 8) หลักนิติธรรม (Rule of Law) คือ การใช้อานาจของกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับในการบรหิ าร ราชการดว้ ยความเปน็ ธรรม ไม่เลือกปฏิบตั ิ และคานึงถงึ สทิ ธิเสรีภาพของผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสีย 9) หลักความเสมอภาค (Equity) คือ การไดร้ บั การปฏิบัติและไดร้ บั บรกิ ารอย่างเทา่ เทยี มกัน โดยไมม่ ี การแบ่งแยกด้านชายหรือหญิง ถิ่นกาเนิด เช้ือชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกาย หรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจและสงั คม ความเช่ือทางศาสนา การศกึ ษา การฝกึ อบรม และอ่ืนๆ 10) หลักมุ่งเน้นฉันทามติ (Consensus Oriented) คือ การหาข้อตกลงทั่วไปภายในกลุ่มผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ซ่ึงเป็นข้อตกลงท่ีเกิดจากการใช้กระบวนการเพื่อหาข้อคิดเห็นจากกลุ่มบุคคลที่ ได้รับ ประโยชน์และเสียประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงซ่ึงต้องไม่มีข้อคัดค้านที่ยุติไม่ได้ใน ประเด็นท่สี าคัญ โดยฉันทามตไิ ม่จาเปน็ ตอ้ งหมายความวา่ เปน็ ความเห็นพ้องโดยเอกฉนั ท์ อำจำรย์ หมายถึง คณาจารย์ ซึ่งจะมีตาแหน่งทางวิชาการที่ประกอบด้วย อาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รอง ศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ อำจำรย์ประจำ หมายถึง บุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาท่ีมีหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัย และ ปฏิบตั ิหน้าที่เต็มเวลาตามภาระงานที่รบั ผดิ ชอบในหลกั สตู รทีเ่ ปดิ สอน (มิใช่เต็มเวลาตามเวลาทาการ) (ประกาศ กระทรวงศกึ ษาธิการ เร่ือง แนวทางการบริหารเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดบั อุดมศกึ ษา พ.ศ. 2548)

สาหรับอาจารย์ที่สถาบันจ้างเขา้ มาเป็นอาจารย์ประจาด้วยเงินรายไดห้ น่วยงานจะตอ้ งมสี ัญญาจ้างที่ มีการระบุระยะเวลาการจ้างอยา่ งชัดเจนและไม่น้อยกวา่ 9 เดือน ในสัญญาจา้ งจะต้องระบุหน้าที่ ภาระงานให้ ชดั เจนไมน่ อ้ ยกวา่ หนา้ ทีข่ องอาจารยป์ ระจาตามท่กี าหนดตามประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรื่อง แนวทางการ บริหารเกณฑม์ าตรฐานหลักสูตรระดบั อดุ มศึกษา พ.ศ. 2548 การนับจานวนอาจารยป์ ระจาและนกั วจิ ยั ใหน้ บั ระยะเวลาการทางานสาหรบั อาจารยท์ ่ีบรรจใุ หม่ในปี ทป่ี ระเมิน ดงั นี้ 9-12 เดอื น คิดเปน็ 1 คน 6 เดือนขึ้นไปแต่ไม่ถงึ 9 เดอื น คดิ เป็น 0.5 คน นอ้ ยกว่า 6 เดือน ไม่สามารถนามานบั ได้ อำจำรย์ประจำหลักสูตร หมายถึง อาจารย์ประจาเต็มเวลาที่มีภาระหน้าที่ในการบริหารหลกั สตู ร และจัดการ เรียนการสอน โดยวางแผน ติดตาม ทบทวนการดาเนินงานหลกั สตู ร และปฏิบัตงิ านประจาหลกั สูตรน้ันตลอด ระยะเวลาท่ีจัดการศึกษาตามหลักสูตรน้ัน มีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชาท่ีเปิดสอนไม่น้อยกว่า 5 คน และทุกคนเป็นอาจารย์ประจาเกินกว่า 1 หลักสูตรในเวลาเดียวกันไม่ได้ ยกเว้นอาจารย์ประจาหลักสูตรระดบั ปริญญาโทและปรญิ ญาเอกในสาขาวชิ าเดียวกันได้ หรือเป็นอาจารย์ประจาหลกั สูตรในหลักสตู รพหวุ ิทยาการได้ อีก 1 หลักสูตร โดยต้องเป็นหลักสูตรท่ีตรงหรือสัมพันธ์กับ หลักสูตรท่ีได้ประจาอยู่แล้ว (คณะกรรมการการ อุดมศึกษาในการประชุมคร้ังท่ี 2/2549 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2549) ท้ังนี้ กรณีบัณฑิตศึกษาอนุโลมให้เป็น อาจารย์ประจาหลักสูตรได้มากที่สุดเพียง 2 หลักสูตรเท่าน้ัน หากมีการเปล่ียนแปลงอาจารย์ประจาหลักสูตร ขอให้นาเสนอโดยดาเนินเช่นเดียวกับการ นาเสนอหลักสูตรปรับปรุงเลก็ น้อย โดยนาเสนอต่อสภาสถาบันเพอ่ื พิจารณาอนุมัติหรือให้ความเหน็ ชอบ และเสนอให้คณะกรรมการการอุดมศกึ ษารับทราบตามแบบฟอร์ม สมอ. 08 ภายใน 30 วัน ทั้งนี้ อำจำรย์ประจำหลักสูตรท่ีมีคุณวุฒิในสำขำที่ตรงหรือสัมพันธ์กับสำขำวิชำที่เปิดสอน ให้ พิจำรณำวำ่ - คณุ วุฒิตรงหรอื สัมพนั ธ์กับสำขำของหลกั สตู รนั้นหรือไม่ ตำมกำรแบง่ สำขำวิชำของ ISCED2013 (UNESCO) - กรณีมีตำแหน่งทำงวิชำกำรให้พิจำรณำจำกผลงำนทำงวิชำกำรและประสบกำรณ์กำรทำงำน วิจัยด้วย

นิยามตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสตู ร ฉบับ พ.ศ.2558 อำจำรย์ประจำ หมายถึง บุคคลท่ีดารงตาแหน่งอาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และ ศาสตราจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาท่ีเปิดสอนหลักสูตรน้ัน ท่ีมีหน้าที่รับผิดชอบตามพันธกิจของการอุดมศึกษา และปฏิบัตหิ นา้ ทเ่ี ตม็ เวลา อำจำรย์ประจำหลักสูตร หมายถึง อาจารย์ประจาท่ีมีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชาของหลักสูตรที่เปิด สอน ซ่ึงมีหน้าที่สอนและค้นคว้าวิจัยในสาขาวิชาดังกล่าว ท้ังน้ี สามารถเป็นอาจารย์ประจาหลักสูตรหลาย หลักสูตรได้ในเวลาเดียวกัน แต่ต้องเป็นหลักสูตรท่ีอาจารย์ผู้นั้นมีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชาของ หลักสูตร อำจำรย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร หมายถึง อาจารย์ประจาหลักสูตรที่มีภาระหน้าที่ในการบริหารและพัฒนา หลกั สตู รและการเรยี นการสอน ตัง้ แตก่ ารวางแผน การควบคุมคณุ ภาพ การตดิ ตามประเมนิ ผล และการพฒั นา หลักสูตร อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้องอยู่ประจาหลักสูตรน้ันตลอดระยะเวลาที่จัดการศึกษาโดยจะเป็น อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรเกินกว่า 1 หลักสูตรในเวลาเดียวกันไมไ่ ด้ ยกเว้น พหุวิทยาการหรือสหวิทยาการ ใหเ้ ปน็ อาจารยผ์ รู้ บั ผิดชอบหลักสตู รได้อีกหน่งึ หลกั สูตร และเปน็ อาจารยผ์ รู้ บั ผดิ ชอบหลักสตู รสามารถซ้าไดเ้ กนิ 2 คน อำจำรยพ์ ิเศษ หมายถงึ ผู้สอนท่ไี ม่ใช้อาจารย์ประจา ท้ังนี้ หากหลักสูตรใดใช้คาพิจารณาตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับ ปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา พ.ศ.2558 นิยามอาจารย์ประจาหลักสูตรในตัวบ่งช้ีการประกันคุณภาพ ภายในระดับหลักสูตรจะหมายถึงอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรตามความหมายที่ปรากฏในประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ เรือ่ ง เกณฑ์มาตรฐานหลักสตู รระดับปรญิ ญาตรี และระดับบัณฑิตศกึ ษา พ.ศ. 2558

บทที่ 5 ระบบกำรประกนั คุณภำพกำรศึกษำภำยใน ระดบั หลกั สูตร ระบบกำรประกนั คณุ ภำพกำรศกึ ษำภำยใน ระดับหลกั สูตร ในการผลิตบัณฑิตเพื่อให้บัณฑิตมีคณุ ลักษณะพึงประสงค์และเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพการดาเนินงาน และการบริหารงานระดับหลักสตู รถือว่าสาคัญที่สุด ซึ่งควรมีระบบการประกันคณุ ภาพการศึกษาภายในระดบั หลักสูตร ซึ่งมีหลกั การ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) การประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลกั สูตร เป็นการประกันคุณภาพการจัดการศึกษาว่า หลักสูตรได้ดาเนินการเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษาและเกณฑ์มาตรฐานอ่ืนๆ ท่ี เก่ียวข้องโดยให้พิจารณาองค์ประกอบทส่ี าคัญ ไดแ้ ก่ การกากับมาตรฐาน บัณฑติ นกั ศกึ ษา อาจารย์ หลกั สตู ร การเรียนการสอน การประเมนิ ผเู้ รยี น และส่งิ สนับสนุนการเรียนรู้ เพ่ือใหส้ ามารถผลติ บัณฑิตให้มคี ณุ ภาพ 2) ในการประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดบั หลกั สูตร ให้เช่ือมโยงกับตัวบ่งช้ีการดาเนินการตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 เพื่อประโยชน์ในการเผยแพรห่ ลักสูตรท่มี คี ุณภาพ และมาตรฐาน ซึ่ง สกอ. ได้กาหนดแนวทางการเผยแพร่หลักสูตรไว้ในประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เร่ือง แนวทางการปฏบิ ตั ิตามกรอบมาตรฐานคุณวฒุ ิระดบั อดุ มศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2552 3) ตัวบ่งชี้การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในสว่ นที่เก่ียวข้อง ตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา และตัวบ่งชี้เชิงปริมาณในส่วนที่เก่ียวข้องกับคุณวุฒิ ตาแหน่ง ทางวิชาการ และผลงานทางวิชาการของอาจารย์ สาหรับตวั บ่งชี้เชิงคุณภาพที่เน้นกระบวนการ จะประเมินใน ลักษณะของพิชญพิจารณ์ (peer review) ซึ่งจะมีรายละเอียดของคาถามท่ีจะเป็นแนวทางให้แก่ผู้ประเมิน เพ่ือให้สามารถนาไปพิจารณาตามบรบิ ทของสถาบันได้ และได้กาหนดแนวทางในการให้คะแนนในแต่ละระดับ สาหรบั ผู้ประเมินและผู้รับการประเมนิ ไดใ้ ชใ้ นการพิจารณา 4) สถาบันอุดมศึกษาสามารถจัดทาระบบการประกันคณุ ภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสตู รโดยมี การดาเนินงานได้ตามมาตรฐานเทียบเคียงกับมาตรฐานของสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ท้ังนี้ ทุก ระบบต้องได้รับการเห็นชอบจากสภาสถาบันและเสนอคณะกรรมการประกันคุณภาพภายในระดับอุดมศึกษา พจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบ และให้มกี ารจัดสง่ ผลการประเมินพรอ้ มข้อมลู พื้นฐานใหก้ บั สานกั งานคณะกรรมการ การอุดมศึกษาเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะตัวอย่างการประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลักสูตร ที่ เทียบเคียงได้ เช่น ผลการประเมินหลักสูตรของ AUN QA ผลการประเมินหลักสูตรวิชาชีพที่ได้รับการรับรอง จากองค์การวิชาชีพระดับนานาชาติ เช่น AACSB (สาหรับหลักสูตรทางด้าน บริหารธุรกิจ) ABET (สาหรับ หลักสูตรทางด้านวิศวกรรมศาสตร์) และหลักสูตรที่ไดร้ ับการตรวจประเมินเป็นประจาและผ่านการรบั รองโดย สภาวชิ าชีพ

กรอบกำรประกนั คุณภำพกำรศึกษำภำยใน ระดบั หลักสตู ร องค์ประกอบ ตวั บ่งชี้ อธิบำยกระบวนกำรหรอื แสดง ในกำรประกนั คณุ ภำพ ผลกำรดำเนินงำนในประเด็นทีเ่ ก่ียวขอ้ ง หลกั สตู ร 1. การกากับมาตรฐาน 1.1 การบริหารจดั การ - ผลการบรหิ ารจดั การหลกั สตู รตามเกณฑม์ าตรฐาน หลักสูตรตามเกณฑ์ หลกั สตู ร ฉบบั พ.ศ. 2548 มาตรฐานหลักสูตรท่ี ปริญญาตรี เกณฑ์ 3 ข้อ กาหนดโดย สกอ. บัณฑิตศกึ ษา เกณฑ์ 11 ข้อ - ผลการบริหารจัดการหลักสูตรตามเกณฑ์มาตรฐาน หลักสูตร ฉบับ พ.ศ. 2558 ปรญิ ญาตรี เกณฑ์ 5 ขอ้ บณั ฑิตศกึ ษา เกณฑ์ 10 ขอ้ 2. บัณฑิต 2.1 คณุ ภาพบณั ฑิต - ผลประเมินคุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิ ตามกรอบมาตรฐาน ระดบั อุดมศกึ ษาแหง่ ชาติ คุณวฒุ ิระดบั อดุ มศกึ ษา (โดยผู้ใชบ้ ัณฑติ /ผ้มู สี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย) แห่งชาติ 2.2 การไดง้ านทาหรอื - ผลบัณฑิตปรญิ ญาตรีที่ได้งานทาหรือประกอบอาชพี อสิ ระ ผลงานวจิ ัยของ - ผลงานของนักศึกษาปริญญาโท/เอก ที่ตีพิมพ์หรือ ผู้สาเรจ็ การศกึ ษา เผยแพร่ 3. นักศกึ ษา 3.1 การรบั นักศกึ ษา - การรับนักศึกษา - การเตรยี มความพร้อมก่อนเข้าศึกษา 3.2 การส่งเสริมและ - การควบคมุ การดูแลการใหค้ าปรึกษาวชิ าการ พฒั นานักศกึ ษา และแนะแนวแกน่ ักศึกษาในระดบั ปรญิ ญาตรี - การควบคมุ ดแู ลการใหค้ าปรกึ ษาวิทยานิพนธ์ และการคน้ ควา้ อิสระในระดบั บณั ฑิตศกึ ษา - การพัฒนาศักยภาพนักศึกษาและการเสรมิ สร้างทกั ษะ การเรยี นร้ใู นศตวรรษที่ 21 3.3 ผลท่ีเกิดกบั - อตั ราการคงอย่ขู องนักศึกษา นกั ศกึ ษา - อัตราการสาเร็จการศึกษา - ความพึงพอใจและผลการจัดการข้อร้องเรียนของ นกั ศกึ ษา

องค์ประกอบ ตวั บง่ ชี้ อธบิ ำยกระบวนกำรหรือแสดง ในกำรประกันคณุ ภำพ ผลกำรดำเนินงำนในประเด็นที่เก่ียวข้อง หลกั สูตร 4. อาจารย์ 4.1 การบริหารและ - การรับและแตง่ ตั้งอาจารยป์ ระจาหลักสูตร พฒั นาอาจารย์ - การบริหารอาจารย์ - การสง่ เสริมและพฒั นาอาจารย์ 4.2 คณุ ภาพอาจารย์ - รอ้ ยละอาจารยท์ ม่ี คี ุณวุฒปิ รญิ ญาเอก - รอ้ ยละอาจารยท์ ีม่ ตี าแหน่งทางวชิ าการ - ผลงานทางวิชาการของอาจารย์ - จานวนบทความของอาจารย์ประจาหลักสูตรปริญญา เอกที่ได้รับการอ้างอิงในฐานข้อมูล TCI และ Scopus ต่อจานวนอาจารย์ประจาหลักสูตร 4.3 ผลทีเ่ กดิ กับ - อตั ราการคงอยู่ของอาจารย์ อาจารย์ - ความพึงพอใจของอาจารย์ 5. หลักสูตรการเรียน 5.1 สาระของรายวิชา - หลักคิดในการออกแบบหลักสูตร ข้อมูลท่ีใช้ในการ การสอนการประเมิน ในหลกั สตู ร พัฒนาหลกั สตู รและวตั ถุประสงคข์ องหลกั สตู ร ผูเ้ รียน - การปรับปรงุ หลักสตู รให้ทันสมัยตามความก้าวหน้า ในศาสตรส์ าขาน้นั ๆ - การพิจารณาอนุมัติหัวข้อวิทยานิพนธ์และการค้นคว้า อิสระในระดบั บณั ฑติ ศึกษา 5.2 การวางระบบ - การพิจารณากาหนดผู้สอน ผสู้ อนและ - การกากับ ตดิ ตาม และตรวจสอบการจัดทา มคอ.3 กระบวนการ และ มคอ.4 จัดการเรียนการสอน - การแต่งตั้งอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ และการ คน้ คว้าอสิ ระในระดบั บณั ฑติ ศึกษา - การกากบั กระบวนการเรียนการสอน - การจดั การเรยี นการสอนท่ีมกี ารฝกึ ปฏบิ ัตใิ นระดบั ปรญิ ญาตรี - การบูรณาการพันธกิจต่างๆ กับการเรียนการสอนใน ระดบั ปริญญาตรี - การช่วยเหลอื กากบั ตดิ ตาม ในการทาวิทยานิพนธ์ และการคน้ คว้าอสิ ระและการตีพมิ พผ์ ลงานในระดับ บัณฑติ ศกึ ษา

องคป์ ระกอบ ตวั บ่งช้ี อธิบำยกระบวนกำรหรือแสดง ในกำรประกันคุณภำพ ผลกำรดำเนินงำนในประเด็นท่เี ก่ียวขอ้ ง 5.3 การประเมนิ หลกั สูตร ผู้เรยี น - การประเมินผลการเรยี นรตู้ ามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ - การตรวจสอบการประเมินผลการเรยี นรู้ของนักศกึ ษา 6. ส่งิ สนับสนนุ การ 5.4 ผลการดาเนนิ งาน - การกากับการประเมินการจัดการเรียนการสอนและ เรียนรู้ หลักสตู รตามกรอบ ประเมินหลักสูตร (มคอ.5 มคอ.6 และ มคอ.7) มาตรฐานคณุ วุฒิ - การประเมินวทิ ยานิพนธ์และการคน้ คว้าอสิ ระ ระดบั อุดมศึกษา ในระดับบณั ฑติ ศึกษา แห่งชาติ - ผลการดาเนินงานตามตัวบ่งชี้ตามกรอบมาตรฐาน 6.1 ส่ิงสนับสนุนการ คุณวฒุ ิระดบั อดุ มศกึ ษาแห่งชาติ เรียนรู้ - ระบบการดาเนินงานของภาควชิ า/คณะ/สถาบัน โดยมี ส่วนร่วมของอาจารย์ประจาหลักสูตรเพื่อให้มีส่ิง สนับสนนุ การเรียนรู้ - จานวนสง่ิ สนบั สนนุ การเรยี นรู้ที่เพยี งพอและเหมาะสม ตอ่ การจดั การเรยี นการสอน - กระบวนการปรับปรุงตามผลการประเมินความพึง พอใจของนักศึกษาและอาจารย์ต่อส่ิงสนับสนุนการ เรยี นรู้

องคป์ ระกอบท่ี 1 กำรกำกับมำตรฐำน คณะกรรมการการอุดมศึกษามีหน้าท่ีหลักสาคัญประการหน่ึงคือการพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนาและมาตรฐานการอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนการ ศึกษาแห่งชาติ โดยคานึงถึงความเป็นอิสระและความเป็นเลิศทางวิชาการของสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษา โดยได้จัดทามาตรฐานการอดุ มศึกษาและเกณฑม์ าตรฐานตา่ งๆ ท่เี กย่ี วข้อง เพอ่ื ส่งเสริมใหส้ ถาบนั อุดมศึกษาได้ พัฒนาด้านวิชาการและวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานในการจัดการศึกษา ระดับอุดมศึกษาใหม้ ีความทดั เทียมกนั และได้ประกาศใช้เกณฑ์มาตรฐานหลกั สตู รระดบั ตา่ งๆ มาอย่างตอ่ เน่อื ง ซ่ึงปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานหลักสตู รระดับต่างๆ พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2558 เพ่ือประโยชน์ในการรักษามาตรฐานวิชาการและวิชาชีพ เป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การรับรองวิทยฐานะ และมาตรฐานการศึกษา โดยสถาบันอุดมศึกษาท่ีเปิดดาเนินการหลักสูตรใหม่หรือหลักสูตรปรับปรุงต้องใช้ เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร พ.ศ. 2548 และ พ.ศ.2558 เป็นหลักในการพัฒนาหลักสูตรและดาเนินการใหเ้ ปน็ ไป ตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสตู รดังกล่าว ในการควบคุมกากับมาตรฐานจะพิจารณาจากการบริหารจัดการหลักสตู รทุกหลักสตู รให้เป็นไปตาม ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา พ.ศ. 2548 และ 2558 ตามที่ได้ประกาศใช้ในขณะนั้น เกณฑ์มาตรฐานหลักสตู รท่ีไดป้ ระกาศใช้เม่ือ พ.ศ. 2548 และพ.ศ. 2558 รวมทั้งกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดบั อุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ตลอดระยะเวลาที่มกี ารจดั การเรียน การสอนในหลกั สตู รดงั กลา่ ว โดยหลักสูตรที่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลกั สตู รทไ่ี ดป้ ระกาศใช้เม่อื พ.ศ. 2548 ในระดบั ปรญิ ญาตรจี ะพจิ ารณาตามเกณฑ์ 3 ขอ้ และระดบั บณั ฑิตศึกษาจะพิจารณาตามเกณฑ์ 11 ขอ้ สาหรับ หลักสูตรทเ่ี ปน็ ไปเกณฑ์มาตรฐานหลกั สูตรท่ไี ดป้ ระกาศใช้เม่ือ พ.ศ. 2558 น้ัน ในระดับปริญญาตรีจะพิจารณา ตามเกณฑ์ 5 ข้อ และหลักสตู รระดับบณั ฑติ ศึกษาจะพจิ ารณาตามเกณฑ์ 10 ข้อ โดยมีรายละเอียด ดังน้ี

ตัวบง่ ชที้ ี่ 1.1 กำรบริหำรจัดกำรหลักสูตรตำมประกำศกระทรวงศึกษำธิกำร เรื่อง เกณฑ์ มำตรฐำนหลักสตู รระดบั ปริญญำตรี และบณั ฑิตศกึ ษำ พ.ศ. 2548 กำรคิดรอบปี ปีการศึกษา ผูร้ ับผิดชอบ สานกั ส่งเสรมิ วชิ าการและงานทะเบยี น/บณั ฑติ วทิ ยาลยั ผู้กำกบั ดูแล รองอธิการบดี / คณบดีบณั ฑติ วิทยาลยั เกณฑก์ ำร ตรี โท เอก หมำยเหตุ ประเมิน 1. จานวน ไม่นอ้ ยกวา่ 5 คน ไม่น้อยกวา่ 5 คน ไมน่ ้อยกวา่ 5 คนและ บันทึกข้อความที่ ศธ 0506(2)/ อาจารยป์ ระจา และเปน็ อาจารย์ และเป็นอาจารย์ เปน็ อาจารย์ประจา ว569 ลงวันที่ 18 เม.ย. 2549 หลักสตู ร ประจา เกนิ กวา่ 1 ประจา เกินกวา่ 1 เกินกวา่ 1 หลกั สตู ร กาหนดวา่ หลกั สตู รไม่ได้และ หลักสตู รไมไ่ ด้ และ ไมไ่ ด้ และประจา ประจาหลกั สตู ร ประจาหลกั สูตร หลักสตู รตลอด • อาจารย์ประจาสามารถ ตลอดระยะเวลาท่ี ตลอดระยะเวลาที่ ระยะเวลาทจี่ ัด เป็นอาจารย์ประจาหลักสูตรที่ จดั การศึกษาตาม จดั การศกึ ษาตาม การศกึ ษาตาม เ ป็ น ห ลั ก สู ต ร พ หุ วิทย า ก า ร หลกั สตู รนนั้ หลกั สูตรนัน้ หลักสูตรนนั้ ( Multidisciplinary) ไ ด้ อี ก 1 หลักสูตร โดยต้องเป็นหลักสูตรท่ี ตรงหรือสัมพันธ์กับหลักสูตรท่ีได้ ประจาอยแู่ ล้ว • อาจารย์ประจาหลักสูตร ในระดับบัณฑิตศึกษา สามารถ เป็นอาจารย์ประจาหลักสูตรใน ระดับปริญญาเอกหรอื ปริญญาโท ในสาขาวิชาเดียวกันได้อีก 1 หลกั สูตร บันทึกข้อความที่ ศธ 0506(4)/ว 254 ล ง วั น ท่ี 11 มี . ค . 2557 กาหนดวา่ • กรณีหลักสูตรปริญญาตรี ที่ มี แ ข น ง วิ ช า / ก ลุ่ ม วิ ช า ชี พ กาหนดให้ต้องมีอาจารย์ประจา หลักสูตรจานวนไม่น้อยกว่า 3 คน ให้ครบทุกแขนงวิชา/กลุ่ม วิชาของหลักสูตร โดยมีคุณวุฒิ ครอบคลุมแขนงวิชา/กลุ่มวิชาที่ เปดิ สอน

เกณฑก์ ำร ตรี โท เอก หมำยเหตุ ประเมิน 2. คุณสมบตั ขิ อง คณุ วฒุ ริ ะดับ มคี ณุ สมบัติเปน็ มคี ณุ สมบัตเิ ปน็ หลักสูตรปริญญาโท ตามบันทึก อาจารย์ประจา อาจารยผ์ ู้รับผดิ ชอบ ข้อความที่ ศธ 0506(4)/ว867 หลกั สูตร ปรญิ ญาโทหรอื อาจารย์ หลกั สตู ร หรอื ลงวนั ที่ 18 ก.ค. 2555 กาหนดวา่ อาจารย์ทปี่ รึกษา ให้ อ า จ า รย์ที่มีคุณวุฒิระดับ 3. คณุ สมบัตขิ อง เทยี บเท่าหรอื ดารง ผรู้ ับผิดชอบ วิทยานพิ นธ์ หรอื ปริญญาเอกเป็นอาจารย์ผู้สอนใน อาจารย์ อาจารยผ์ ูส้ อบ หลักสูตรระดับปริญญาโทได้ แม้ ผูร้ ับผิดชอบ ตาแหน่งทาง หลกั สูตร หรอื วทิ ยานพิ นธ์ หรอื จะยังไม่มีผลงานวิจัยหลังจาก หลกั สูตร อาจารย์ผ้สู อน สาเร็จการศึกษา ท้ังนี้ ภายใน วิชาการไม่ต่ากวา่ อาจารย์ทป่ี รึกษา ระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่เร่ิม 4. คณุ สมบัติของ คณุ วุฒิไม่ต่ากว่า สอนจะต้องมีผลงานวิจัยจึงจะ อาจารย์ผู้สอน ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ วิทยานพิ นธห์ รอื ปรญิ ญาเอกหรอื สามารถเป็นอาจารย์ผู้สอนใน เทียบเทา่ หรือดารง ร ะ ดั บ ป ริ ญญ า เ อ ก แ ละ เป็ น ในสาขาที่ตรง อาจารยผ์ สู้ อบ ตาแหน่ง อาจารย์ประจาหลักสตู ร อาจารย์ ศาสตราจารย์ข้ึนไป ท่ี ป รึ ก ษ า วิทย า นิพ นธ์ แ ละ หรือสมั พันธก์ ับ วิทยานพิ นธ์ หรอื ในสาขาวชิ านน้ั อาจารย์ผู้สอบวิทยานิพนธ์ใน หรอื สาขาวชิ าท่ี สาขาวิชาท่ีเปิดสอน อาจารยผ์ ู้สอน สัมพนั ธ์กนั จานวน อยา่ งนอ้ ย 3 คน อยา่ งนอ้ ย2คน 1. อาจารย์ประจา หรอื ผู้ทรงคณุ วุฒิ คณุ วุฒิไมต่ ่ากวา่ ภายนอกสถาบนั มีคณุ วุฒปิ ริญญาเอก ปรญิ ญาเอก หรอื ดารงตาแหนง่ ทางวิชาการไมต่ ่ากวา่ หรือเทยี บเทา่ รองศาสตราจารย์ ในสาขาวิชานน้ั หรอื ดารงตาแหน่ง หรือสาขาวชิ าที่ สมั พันธ์กัน และ รองศาสตราจารย์ 2. มีประสบการณ์ ด้านการสอน และ ขึน้ ไปในสาขาวิชา 3. มีประสบการณ์ใน การทาวจิ ัยท่ไี มใ่ ช่ นัน้ หรือสาขาวชิ าที่ สมั พนั ธก์ นั จานวน อย่างน้อย 3 คน 1. อาจารยป์ ระจา หรอื ผ้ทู รงคณุ วุฒิ ภายนอกสถาบันมี คุณวฒุ ิปริญญาโท หรอื ดารงตาแหน่ง ทางวิชาการไม่ต่า กว่าผชู้ ว่ ย ศาสตราจารย์ ในสาขาวิชาน้ัน หรือสาขาวชิ าที่ สมั พันธ์กนั และ 2. มีประสบการณ์ ด้านการสอน และ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook