Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่่ ม2

ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่่ ม2

Published by Piyada Muangmool, 2021-07-23 05:14:19

Description: ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่่ ม2

Search

Read the Text Version

การแกป้ ญั หาความรุนแรงในโรงเรียน ครอบครัว เป็นจดุ เร่มิ ตน้ ของการแก้ปัญหาตา่ ง ๆ เพราะอยู่ใกล้ชิดกบั เดก็ มากทีส่ ดุ  พ่อแมจ่ าํ เปน็ ต้องเรยี นรู้ และเขา้ ใจความต้องการของลูกในแตล่ ะชว่ งวัย เพือ่ รบั ร้ถู งึ อารมณ์ และความเปลีย่ นแปลงทเี่ กดิ ข้ึนกบั ลูก  ให้เวลาทํากิจกรรม ใช้เวลาว่างอยู่กับลูก เช่น ทําอาหารหรือเล่นกีฬา เพ่ือช่วยสร้าง บรรยากาศของครอบครวั มสี ขุ แสดงออกถงึ ความรกั ความอบอุ่น ให้การอบรมและสร้างวินัยให้กับลูก อยา่ งเหมาะสมเพือ่ ลกู จะไมต่ อ้ งพง่ึ พาสิ่งเรา้ ภายนอก เชน่ เพอ่ื น เกม หรอื ส่ืออน่ื ๆอันจะซึมซับให้ เกดิ ความรุนแรงตามมา  การกระทาํ ทเ่ี ป็นความรนุ แรงมกั มจี ดุ เรมิ่ ตน้ มาตง้ั แตว่ ยั เด็กเล็ก การปลูกฝังให้มีจิตใจ อ่อนโยน มเี มตตาตอ่ สตั ว์ เป็นวธิ หี น่ึงทช่ี ว่ ยลดปัญหาความรนุ แรงลงได้  วางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีใหก้ ับลูกไมม่ ว่ั สุมสง่ิ เสพติดหรอื หมกมนุ่ อบายมุข  แก้ไขความขดั แย้งในครอบครัวอยา่ งสนั ติ ไม่ทะเลาะดา่ ทอหรอื ตบตีกนั เพราะเม่ือลกู รับรู้ เปน็ ประจาํ จนเหน็ เป็นเร่อื งธรรมดากจ็ ะลอกเลยี นแบบพฤตกิ รรมรนุ แรงดงั กลา่ ว  ไม่ลงโทษหรอื ใช้วธิ ที ี่รนุ แรงแบบไรเ้ หตุผล ควรใชว้ ิธีการพูดคุย แลกเปลย่ี นต้งั กตกิ าร่วมกัน กับลูกแทน  ไม่ตามใจลกู มากเกินไป จะทาํ ให้เด็กเปน็ คนเอาแตใ่ จตนเอง ขี้นอ้ ยใจ ทําให้ปญั หาเลก็ ๆ กลายเปน็ เรื่องใหญโ่ ต  ให้คาํ ปรึกษา หรอื เปดิ โอกาสให้ลกู ไดร้ ะบายความทกุ ขท์ ีอ่ ยใู่ นใจ ใหก้ ําลังใจกับลูกเมอื่ ลูก ทําผิด เมอ่ื เกดิ ปัญหาลกู จะไดก้ ล้าบอก เพอ่ื ช่วยกันหาทางออก  สอนลกู เสมอวา่ ไมค่ วรเอาปมดอ้ ยของเพอ่ื นมาลอ้ เลยี น เพราะจะทาํ ให้เพอื่ นเสยี ใจ ตรงกนั ขา้ มควรเหน็ ใจและเปน็ กาํ ลงั ใจใหก้ บั เพอื่ น โรงเรยี น มบี ทบาทสาํ คัญในการแกป้ ญั หา โดยเฉพาะ “ครู” ผเู้ ปน็ พ่อแมค่ นทสี่ อง ทีส่ ําคัญ กค็ ือครอบครวั ตอ้ งมีสว่ นร่วมกบั โรงเรียน  ตอ้ งใหค้ วามรัก ความเขา้ ใจต่อเดก็ ๆ ทกุ คน อย่างเท่าเทยี มกันไม่เลือกปฏิบตั ิ  มีความรคู้ วามเขา้ ใจตอ่ เดก็ ในแตล่ ะชว่ งวยั ทแ่ี ตกตา่ งกนั  รจู้ ักเด็กเป็นรายบคุ คล ใหค้ วามชว่ ยเหลือในเรือ่ งท่ีจาํ เป็นประสานความรว่ มมอื กับผปู้ กครอง ในการปฺองกันและแก้ปัญหาความรนุ แรงทีเ่ กิดกบั เดก็  เปิดใจกว้าง รบั ฟงั ความคิดของเดก็ ใหเ้ ดก็ มสี ว่ นร่วมในการแก้ไขปญั หา  ไมใ่ ช้ความรุนแรงตอ่ เด็กทงั้ ในประเดน็ “วิธกี าร” และ “สาเหตุ” ของ การลงโทษ  สอดสอ่ งดแู ลเดก็ ภายในโรงเรียนตามจดุ ตา่ งๆ และเดนิ ตรวจตราตามรอบโรงเรียน เพอ่ื ปฺองกนั และลดปัญหาแดก็ รังแกกนั 1ค4ู่ม2ือส่งเสรชคิมูม่นั้ แอืมลกธั ะายพรมจัฒศดั กึนกษาิจากกปิจรีทกรมี่ร2รลมกู เลสูกอื เเสสอืริมทสักรษ้าะงชทวี ักติ ษใะนชสีวถิตาปนระศเกึภษทาลูกลเูกสเอื สสอื าสมาัญมรัญุ่นรใหนุ่ ญให่ เญค่รชอ่ื ัน้งหมมัธายยมลศูกกึ เสษือาชปัน้ ีทพ่ี 2ิเศษ 149

นกั เรยี นเปน็ ผมู้ ีบทบาทสงู สุดในการแกป้ ัญหา เพราะท้งั ครอบครัวและโรงเรยี นต้องยดึ นกั เรยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง ในการนํามาตรการทุกอยา่ งมาใช้ตอ้ งเกดิ ประโยชนส์ ูงสุดแกน่ กั เรยี น  ตระหนกั ถงึ ผลเสยี ของการแกล้งและหยอกลอ้ กนั จนเกนิ ขอบเขตและมีวิธีการสือ่ สารเพอ่ื แกไ้ ขปัญหา  รูจ้ ักเอาใจเขามาใสใ่ จเรา ไมท่ าํ ในส่ิงทแี่ ม้ตัวเราเองก็ไมช่ อบ เช่นไม่ลอ้ จดุ ออ่ นและปมดอ้ ย ของเพอ่ื น ไมแ่ กลง้ เพ่ือน หรอื เล่นจนเกนิ ขอบเขตของความสนุกสนาน  รู้จักเลอื กรับสอ่ื ท่ีเหมาะสม ไมก่ ระตนุ้ ความรนุ แรง  รูเ้ ทา่ ทันและหลีกเลยี่ งคา่ นยิ มและพฤติกรรมทน่ี ําไปส่คู วามรนุ แรง หากทกุ ฝูายรว่ มมอื กนั สร้างความเข้าใจกับอารมณค์ วามต้องการและการเปลยี่ นแปลงของ เดก็ ความรุนแรงทอ่ี าจจะเกดิ ข้ึนกจ็ ะคอ่ ยๆ ลดลงและหายไปในท่ีสดุ ... 150 คคู่ม่มู ืออื สกง่าเรสจรดั ิมกแิจลกะรพรมัฒลนูกาเสกือิจเกสรรริมมสลร้ากู งเทสกัือษทะักชษวี ะิตชปีวริตะใเภนทสลถกูาเนสศือกึสษามาัญลรกู นุ่ เใสหอื ญส่าเมคญัรอ่ื รงุ่นหใมหาญยล่ ชกู ้ันเสมือธั ชย้ันมพศเิ ศกึ ษษาปีท่ี 2 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 143

เรอื่ งเล่าทเี่ ป็นประโยชน์ ไก่ฟาฺ กับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเลห่ ์ สนุ ขั จิ้งจอกเจา้ เลห่ ต์ วั หนึง่ เดนิ ผ่านมาเหน็ ไกฟ่ าฺ เกาะอยูบ่ นกงิ่ ไม้ สงู ข้างทางมันอยากจะกนิ ไกฟ่ าฺ เปน็ ยิ่งนกั จึงคิดหาอุบายเเล้วเอย่ ขึน้ ว่า\"ไก่ฟ้าเอย๋ ท่านชา่ งเปน็ สัตวท์ ีง่ ดงามนกั ปกี ของทา่ นมี สีสัน สดใสหลายสปี ากก็งดงามไมเ่ หมอื นใคร อยากรจู้ ังวา่ ถา้ ท่าน หลับตาเเล้วยงั จะงามอยหู่ รอื ไม\"่ ไกฟ่ าฺ ไดฟ้ งั คาํ ยกยอกห็ ลงเคลิบเคลิ้ม รีบหลับตาอวดทันทสี ุนัขจิง้ จอกกร็ ีบฉวยโอกาสนนั้ กระโดดงับ ตวั ไก่ฟาฺ ไวไ้ ด้เมื่อไก่ฟาฺ พลาดทา่ เเตก่ ็ยงั มสี ติ จงึ เอย่ ข้ึนวา่ \"จ้งิ จอกเอย๋ ก่อนตายขา้ อยากฟงั เสยี งอัน ไพเราะของทา่ น อกี ครั้งไดไ้ หม\"สนุ ขั จิ้งจอกไดฟ้ งั คาํ ปอฺ ยอก็หลงกล รบี อา้ ปากเหา่ คาํ ราม ไกฟ่ าฺ จงึ รีบ บนิ หนีจากไปทันที เร่ืองนส้ี อนให้รูว้ ่าคาํ ยกยอปอป้ันทาํ ใหค้ นหลงเคลิบเคลมิ้ จนไม่ระวงั ตนไดเ้ สมอ ลกู ชาวนากับมรดก เมอื่ ผเู้ ป็นพ่อตายเเล้ว ลูกชาวนาท้ังสองกช็ วนกนั ไปขุดหา สมบัติในสวนองุ่นเพราะพ่อได้ส่ัง เสยี ไว้กอ่ นตายว่า ทรัพยส์ มบตั ิ ของพอ่ อยู่ในสวนองุ่น “น้องไปขุดตรงนั้นนะ พีจ่ ะขุดตรงน้ี\" ลูกชาวนาชว่ ยกนั ขดุ ดินตามทตี่ ่างๆไปจนท่ัวสวนกย็ ังไม่พบ สมบตั ิที่คดิ ว่าพ่อจะฝังไว้เเต่สวน องุ่นที่ถูกขดุ ถูกพรวนดนิ จนทั่วนัน้ ก็กลับย่งิ เจริญงอกงาม ดีจนลูกชาวนาสองพี่น้องสามารถขายองุ่น จนได้เงินทองมากมายท้งั สองจึงเพง่ิ ตระหนักไดว้ า่ ทรัพย์สมบตั ิทพี่ อ่ ทิ้งไว้ให้เป็นมรดก นั้นท่เี เท้คือสิ่งใด เรอ่ื งนสี้ อนให้ร้วู ่าความขยนั พากเพยี รสามารถก่อให้เกดิ ทรพั ย์ 1คู่ม4อื4ส่งเสรคชิมู่ม้นั แือมลกธั ะายพรมัฒจศดั นกึ กษาจิ กากปจิ รกที รรม่ี 2รลมูกลเสูกือเสเสอื รทมิ กัสษร้าะงชทวี ักติ ษใะนชสีวถิตาปนรศะเึกภษทาลูกลเูกสเอืสสอื าสมาญั มรัญุน่ รในุ่หใญห่ ญเค่ รชื่อน้ั งมหัธมยายมลศกู กึ เสษือาชปนั้ที พ่ี 2เิ ศษ 151

แผนการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุ่นใหญ่(เครือ่ งหมายลูกเสือชน้ั พิเศษ) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 หนว่ ยที่ 6 บรกิ าร เวลา 2 ช่ัวโมง แผนการจัดกจิ กรรมที่ 18 การปฐมพยาบาล 1.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลูกเสอื สามารถบอกความหมายของการปฐมพยาบาลและการปฏบิ ตั ติ นเม่ือเกิดเหตุฉกุ เฉนิ ได้ 2. เนื้อหา 2.1 ความหมายของคาํ วา่ ปฐมพยาบาล 2.2 หลักท่วั ไปของการปฐมพยาบาล 2.3 ขอ้ ควรระมัดระวังในการปฐมพยาบาล 2.4 วธิ ีการช่วยเหลือผู้ทเ่ี กดิ อาการชอ๊ ค 2.5 วิธีการในการปฐมพยาบาลบาดแผลทว่ั ไป 2.6 วธิ กี ารปฏบิ ตั ิตนเมอ่ื เกิดภยั ธรรมชาตติ า่ ง ๆ 3. สอื่ การเรียนรู้ 3.1 เกม แข่งม้า 3.2 เกม ห้ามเดนิ สามกา้ ว 3.3 ใบงาน เร่อื ง หลักการปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ 3.4 ใบงาน เรอ่ื ง การปฐมพยาบาลบาดแผลทั่วไปและอาการช๊อค 3.5 ใบงาน เร่ือง การปฏิบตั ติ นเมอ่ื เกิดภัยธรรมชาติ 3.6 ใบความรู้ เร่อื ง การปฐมพยาบาลและการปฏบิ ตั ติ นเม่อื เกดิ เหตุฉุกเฉิน 3.7 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์เร่อื ง แมวกับสนุ ขั จงิ้ จอก 3.8 เร่อื งสัน้ ท่เี ป็นประโยชน์เรื่อง สิงโตกบั หนเู จา้ ปัญญา 4. กิจกรรม 4.1 กจิ กรรมครง้ั ที่ 1 1) พธิ เี ปิดประชมุ กอง (ชักธงข้นึ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เกม แข่งมา้ 3) กิจกรรมตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (1) ผูก้ ํากับลูกเสือและลูกเสอื สนทนา และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปฐม พยาบาลชว่ ยเหลอื ผอู้ ื่น (2) ผูก้ าํ กับลกู เสือแบง่ ลูกเสือ ออกเปน็ 3 กลุม่ โดยการรวมหมู่ลกู เสอื พรอ้ มแจกใบ งานใหก้ ลมุ่ ลกู เสอื ศกึ ษาคน้ คว้า ดังนี้ กลุ่มท่ี 1เรอื่ งความหมายของคาํ วา่ ปฐมพยาบาล กลมุ่ ที่ 2เรื่อง หลกั ทว่ั ไปของการปฐมพยาบาล กลุม่ ท่ี 3เรอ่ื ง ขอ้ ควรระมดั ระวังในการปฐมพยาบาล 152 คู่มคอื ูม่ สือ่งกเสารรจมิ ดั แกลิจะกพรฒัรมนลากู กเจิสกือเรสรรมิมลสูกรเ้าสงอืททกั ษักษะชะวีชติวี ปติ รใะนเสภถทาลนูกศเสกึ ือษสาามลัญกู รเสนุ่ อืใหสญาม่ เัญครรือ่่นุ งใหหมญา่ยชลัน้ กู มเสธั อื ยชมน้ั ศพึกเิ ษศษาปีที่ 2 145 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2

(3) ผ้กู ํากบั ลกู เสือ ให้ลูกเสือแตล่ ะกลุม่ นําเสนอผลงานทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาค้นคว้า ใน ท่ปี ระประชมุ ใหญ่ โดยผู้กาํ กับลูกเสอื เพมิ่ เตมิ ในส่วนท่ไี มส่ มบรู ณ์ (4) ผู้กาํ กับลูกเสอื และลกู เสือรว่ มกนั สรปุ ถงึ องคค์ วามรทู้ ี่ได้รับจากการศึกษาคน้ ควา้ มา 4) ผ้กู ํากบั ลูกเสอื เล่าเรอ่ื งส้นั ทีเ่ ป็นประโยชน์เรอ่ื ง แมวกบั สนุ ัขจิ้งจอก 5) พิธปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 4.2 กิจกรรมครั้งท2่ี 1) พธิ ีเปดิ ประชมุ กอง (ชักธงขนึ้ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เกม หา้ มเดินสามกา้ ว 3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (1) ผ้กู าํ กับลูกเสือชี้แจงข้ันตอนการปฏิบตั กิ จิ กรรมในแต่ละฐาน พรอ้ มทง้ั แบง่ ลกู เสอื ออกเป็น 3 กลุ่ม โดยการรวมหม่ลู กู เสอื (2) จดั ฐานการเรียน 3 ฐาน ดังนี้ ฐานที่ 1 เร่ือง วิธีการชว่ ยเหลอื ผทู้ ่เี กดิ อาการช๊อค ฐานที่ 2 เร่ือง วิธีการในการปฐมพยาบาลบาดแผลทว่ั ไป ฐานที่ 3 เร่อื งวธิ กี ารปฏิบัติตนเม่ือเกดิ ภยั ธรรมชาติตา่ ง ๆ (3) จัดลูกเสอื เขา้ ประจาํ ฐาน โดยมรี องผกู้ าํ กับลูกเสอื เปน็ ผู้สาธิตและให้ลกู เสอื ฝึก ปฏิบัติ (4) ใหล้ ูกเสือเวยี นฐานกจิ กรรม จนครบทง้ั 3 ฐาน (5) ผกู้ าํ กบั ลูกเสือและลูกเสือรว่ มกันสรุปความรู้และทกั ษะท่ีไดจ้ ากการฝึกปฏิบัติ 4) ผู้กํากบั ลูกเสอื เล่าเรือ่ งส้ันท่เี ป็นประโยชน์เรอื่ ง สิงโตกับหนเู จา้ ปัญญา 5) พธิ ีปดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล 5.1 อธบิ ายความหมายของการปฐมพยาบาลและการปฏิบตั ติ นเมือ่ เกดิ เหตุฉกุ เฉนิ 5.2 แบบประเมนิ การเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่มของลกู เสอื 14ค6่มู อื ส่งเสชคมู่ร้ันมิอืมแกธั าลยรมะจพศดั กึัฒกษนิจากาปรกีทรจิ ม่ี ก2ลรูกรเมสลอื ูกเสเรสิมอื สทรัก้าษงทะักชษีวิตะชในวี ติสปถราะนเภศทกึ ลษกูาเสลอืกู สเสามือัญสารม่นุ ญัใหรญุ่น่ใเหคญร่อื ่ งชห้นั มมาธั ยยลมกู ศเสกึ อื ษชาั้นปพีทิเศี่ 2ษ 153

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี18 เกม แข่งม้า วธิ เี ลน่ 1. ให้ลกู เสือเขา้ แถวตอนหมู่ 2. ใหล้ ูกเสอื 2 คน เปน็ ม้า โดยให้คน 1 ยืนตรงเป็นหัวม้า คนที่ 2 ก้มหลังลงเอาศีรษะ ดนั หลังคนยนื มือท้งั สองข้างของคนทั้งสองจบั กนั แนน่ ใหค้ นท่ี 3 หลังม้า 3. เมือ่ ไดย้ นิ สญั ญาณเริ่ม ให้ม้าว่งิ พาคนขี่ไปส่งทีเ่ สน้ ชยั แลว้ วง่ิ กลบั ไปรับคนในหมู่ ไป ส่งใหม่ หมใู่ ดหมดก่อนรบี นั่งลง หมู่ใดเสรจ็ ก่อนชนะ ม้าและหัวม้าจะเปลี่ยนคนขี่ไปแล้วแทนกันก็ได้ เมื่อเห็นว่าม้าเหน่ือย หรือจะเปล่ียน ทุกเท่ยี ววงิ่ กไ็ ด้ ห้ามเดนิ สามก้าว วธิ เี ล่น ให้ลูกเสือทกุ คนยนื ทวั่ ๆ สนาม ห้ามเคล่ือนไหวจนกว่าจะได้ยินคําส่ัง เลือกผู้เล่นคนหนึ่ง มาผูกตา ใหเ้ คลอ่ื นไหวไปตามสนามพยายามจับผูเ้ ลน่ ถา้ ผู้เล่นคนใดใกล้จะถูกจับ หรือเห็นว่าจะ ถูกจบั แนน่ อน มีสทิ ธหิ นีได้ 3 ก้าว เมอ่ื กา้ วได้ 3 กา้ วแล้ว ไม่มีสิทธิกา้ วตอ่ ไป ในก้าวที่หน่ึงให้เอามือ ซ้ายแตะสะโพกตนเองเมื่อก้าวท่ีสองให้เอามือขวาแตะ ก้าวท่ีสามเอามือกอดอกยืนน่ิง และรอ ความหวังวา่ จะถูกจบั เมอ่ื ไหร่ ถ้าคนใดถูกจบั ให้คนน้นั ผกู ตาและเปน็ คนไล่จบั คนอน่ื ตอ่ ไป 154 คคูม่ ู่มอื ือสก่งาเรสจรดั ิมกแิจลกะรพรมฒั ลนกู าเสกือิจเกสรรรมิ มสลร้าูกงเทสกัอื ษทะกั ชษีวะิตชปวี รติ ะใเภนทสลถกูาเนสศอื กึสษามาัญลรูกุ่นเใสหอื ญส่าเมคัญรอ่ื รงุ่นหใมหาญยล่ ชกู ้นัเสมือธั ชยั้นมพศิเศกึ ษษาปีที่ 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 147

ใบความรู้ เร่ือง การปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาล คอื การใหค้ วามชว่ ยเหลือผูป้ ูวยฉุกเฉิน หรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับบาดเจบ็ ใน ข้นั แรก กอ่ นส่งโรงพยาบาล หรือก่อนจะถึงมอื แพทย์ ทุกคนควรมคี วามรู้ในการปฐมพยาบาล เพอื่ ทีจ่ ะใช้เวลาทุกวนิ าทใี ห้เป็นประโยชน์ทีส่ ดุ เพอ่ื ชว่ ยเหลือตวั เองและผูอ้ ่ืน การปฐมพยาบาลนนั้ ต้องทาํ ดว้ ยความรวดเรว็ และถกู ตอ้ ง ขน้ั แรกต้องระงบั ความตืน่ เตน้ ตกใจ ตง้ั สตใิ ห้ดี ไมว่ า่ คนทค่ี ุณตอ้ งชว่ ยเหลอื จะเปน็ คนในครอบครวั เพอ่ื น คนรกั หรือแม้แตค่ นแปลกหน้า พยายามอยา่ ใหค้ นมงุ เพอื่ ใหค้ นเจ็บได้รบั อากาศบรสิ ทุ ธิ์ ปลอดโปร่ง มีแสงสวา่ งเพียงพอ และ สะดวกในการปฐมพยาบาล โทรเรยี กรถพยาบาลก่อน แลว้ รบี ตรวจดูคนเจบ็ และปฐมพยาบาล เบอ้ื งตน้ กรณีทคี่ นเจบ็ ยังมสี ติ ควรแนะนาํ ตวั เอง สอบถามชื่อนามสกุลของคนเจ็บ และสอบถามอาการ กรณที ค่ี นเจ็บหมดสติ ให้ตรวจดวู า่ ยงั หายใจหรือไม่ อาการชอ็ ค อาการเริ่มแรกจะเหมอื นกบั เป็นลม คือ มอี าการหน้ามืด ตาลาย วิงเวียน มอื เทา้ ออ่ นแรง ออ่ นเพลีย ใจหวิวๆ หรอื กลา้ มเนอื้ เกร็ง เป็นตะคริว ตัวซีดหรือเขยี วจนถงึ เขยี วคล้าํ เหง่อื ออก กระสบั กระสา่ ย กระหายนา้ํ คลน่ื ไส้ อาเจยี น ชพี จรเตน้ เร็วแตเ่ บา ความดนั เลอื ดตก หายใจหอบ อาการขัน้ รนุ แรง คอื ตามตัวเปน็ รอยจา้ํ สดี ํา มา่ นตาขยาย หากชอ็ คอยู่นานสมองจะขาดเลอื ดมาก ทาํ ใหห้ มดสตไิ ด้ ผู้ปูวยอาจมีอาการไมค่ รบทุกอยา่ งดงั ที่กล่าวมา แลว้ แต่ความรนุ แรงของอาการ อยา่ งไรก็ ตาม แม้ว่าผู้ปวู ยจะไม่แสดงอาการอะไรใหเ้ หน็ แต่หากผูป้ วู ยได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดมาก ควร สังเกตอาการและดูแลอยา่ งใกล้ชดิ สาเหตุ อาการช็อคเกดิ ได้จากหลายสาเหตุ สาเหตสุ ําคญั สว่ นใหญเ่ กดิ จากการเสยี เลือดมาก ถูกไฟ ไหม้ นํ้าร้อนลวก อยู่ในทที่ ่อี ากาศร้อนจดั นานเกนิ ไป อาเจียนหรือท้องเสยี อยา่ งรนุ แรง ไฟฟาฺ ช็อต โรคหัวใจกาํ เริบ ได้รบั ยาเกินขนาดหรอื แพย้ า การสัมผัสสารพิษ และการติดเช้อื อยา่ งรนุ แรง เป็นต้น การปฐมพยาบาล เม่ือผูป้ วู ยช็อค ใหร้ บี นําสง่ โรงพยาบาลโดยเร็วทีส่ ดุ ระหว่างนั้นให้ปฐมพยาบาลเพื่อใหก้ าร ไหลเวียนเลอื ดดขี ้นึ ดงั น้ี -ให้ผู้ปวู ยนอนราบ ไมต่ อ้ งใชห้ มอนหนนุ ศรี ษะ เพื่อให้เลอื ดไปเล้ยี งสมองได้อยา่ งเพยี งพอ และทาํ ใหห้ ัวใจทาํ งานนอ้ ยลงด้วย ควรยกเทา้ ให้สงู ข้ึน แตไ่ มค่ วรให้นอนศีรษะตา่ํ เพราะจะทาํ ให้ 1ค4มู่ 8ือส่งเสรคชมิ ู่ม้ันแือมลกัธะายพรมจฒั ศดั กึนกษาิจากกปิจรทีกรมี่ร2รลมูกเลสูกอื เเสสอืรมิทสกั รษ้าะงชทวี ักิตษใะนชสวี ถิตาปนระศเกึภษทาลูกลเกูสเือสสอื าสมาัญมรญั ุ่นรใหุ่นญให่ เญค่รชื่อัน้งหมมธั ายยมลศูกึกเสษอื าชปัน้ ีทพ่ี 2ิเศษ 155

อวยั วะในชอ่ งทอ้ งดันกะบังลมเขา้ มาเบยี ดทอ่ี ก ทําใหห้ ายใจไมส่ ะดวก -คลายเสือ้ ผ้าผู้ปวู ยใหห้ ลวม -หา้ มเลอื ดกรณีที่มเี ลอื ดออก -หากผู้ปวู ยอาเจยี น ใหน้ อนตะแคงข้าง -ห่มผา้ ให้ความอบอุ่นกบั รา่ งกายผปู้ ูวย -หากผ้ปู ูวยกระหายน้ํามาก ใหห้ ยดนา้ํ ทีร่ มิ ฝีปากในปรมิ าณเลก็ น้อย และหยดุ ใหน้ า้ํ หาก ผู้ปูวยอาเจียน ยกเวน้ ผู้ปวู ยทไี่ ดร้ บั บาดเจบ็ ที่ทอ้ ง ควรงดให้นา้ํ ข้อควรระวัง - หากผู้ปูวยมอี าการบาดเจบ็ ทก่ี ระดกู สนั หลงั ห้ามเคลอ่ื นยา้ ยผ้ปู วู ย ควรโทรเรียก รถพยาบาล ระหวา่ งนั้นให้ผปู้ วู ยนอนราบ ยกขาสูง - หากผปู้ ูวยไดร้ ับบาดเจ็บทศี่ ีรษะ อย่ายกขาผู้ปวู ยขนึ้ และอย่าใหอ้ วยั วะใดอยสู่ งู เกนิ ศรี ษะ - หากผูป้ วู ยได้รับบาดเจบ็ ทใี่ บหนา้ ใหผ้ ปู้ ูวยนอนตะแคงขา้ ง เพื่อปฺองกันไมใ่ หเ้ ลือดไหลเขา้ ปากและจมกู เพราะจะทาํ ใหห้ ายใจลําบากหรอื หายใจไมอ่ อก - หากผูป้ ูวยถกู สัตวม์ พี ิษกดั ตอ่ ย ใหแ้ ผลน้ันอยตู่ าํ่ กวา่ ระดบั ของหวั ใจ การปฐมพยาบาลบาดแผลทว่ั ไป บาดแผลจากอุบตั ิเหตมุ ตี งั้ แตบ่ าดแผลเลก็ ๆ นอ้ ยๆ ไปจนถึงบาดแผลขนาดใหญ่ทอ่ี าจลกึ ลงไปถึง กลา้ มเนอ้ื เสน้ เอน็ หรือเส้นเลือด ซง่ึ อาจทาํ ให้เสียเลือดมากจนหมดสตแิ ละเสยี ชวี ิตได้ วิธกี ารปฐม พยาบาลบาดแผลชนิดต่างๆ ประเภทของบาดแผล แบ่งได้เป็นบาดแผลเปิดและบาดแผลปิด 1.บาดแผลเปิด คอื บาดแผลทผ่ี ิวหนังฉีกขาดจนเหน็ เน้อื ขา้ งใน เชน่ - แผลถลอกทีเ่ กดิ จากการขีดข่วน จะเหน็ รอยขีดข่วนตามผิวหนงั เป็นแนวยาว อาจมเี ลือดซึม ออกมาเล็กน้อย - แผลทเ่ี กดิ จากการเจาะ การแทง การกระแทก บาดแผลชนดิ นจี้ ะไมใ่ หญ่มาก อาจเหน็ รอย เพยี งนดิ เดียว แตบ่ างกรณอี าจจะชํ้าในเพราะถกู กระแทกอย่างรุนแรง ทําใหเ้ น้ือเยอื่ ภายในบอบชา้ํ มากก็เปน็ ได้ - แผลถกู ของมคี มบาด เช่น มดี เศษแกว้ บาดแผลอาจไม่ใหญ่ แต่บางคร้งั อาจมีเลอื ดออกมาก - แผลฉีกขาดเนอื่ งจากวัตถุมคี ม บาดแผลชนิดนี้จะรา้ ยแรงกว่าการถกู ของมีคมธรรมดามาก แผลอาจลกึ ลงไปถึงเนอ้ื เยอื่ เสน้ เอ็น ทําใหเ้ สยี เลือดมาก - แผลฉีกขาดของอวัยวะ เช่น แขนขาขาดจากอบุ ัติเหตทุ างรถยนต์ ถูกสตั วด์ ุรา้ ยกดั หรอื ถกู ยงิ บาดแผลเหล่านี้จะเสยี เลอื ดมากและอาจทําให้เสยี ชีวิตได้ 156 คคมู่ ู่มอื ือสกง่าเรสจรดั ิมกแจิ ลกะรพรมัฒลนกู าเสกือจิ เกสรรริมมสลร้ากู งเทสกัือษทะักชษวี ะิตชปีวริตะใเภนทสลถกูาเนสศอื กึสษามาัญลรูกุ่นเใสหือญส่าเมคัญรือ่ รงนุ่ หใมหาญยล่ ชูก้ันเสมอื ธั ชยนั้ มพศิเศึกษษาปีที่ 2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 149

2.บาดแผลปิด คือบาดแผล ทีไ่ มม่ รี อยแผลให้เห็นบนผิวหนงั ภายนอก อาจเห็นเพียงแคร่ อย เขยี วชํ้า แต่บางกรณีเนอื้ เย่ือ ภายในอาจถกู กระแทกอย่างแรง ทาํ ใหเ้ ลือดตกใน บางคร้งั อวัยวะ ภายในได้รบั ความเสยี หายมาก เช่น มา้ มแตก ตับแตก หรอื เลือด คั่งในสมอง ระยะแรกอาจไมแ่ สดง อาการใดๆ แตเ่ มอื่ เวลาผ่านไป คนเจบ็ อาจอาเจยี น เลือดออกปาก หรือจมกู หนาวสั่น ตวั ซดี เจบ็ ปวดรนุ แรง หมดสติ และอาจเสียชีวิตเนอ่ื งจากเสียเลอื ดมาก การห้ามเลือด บาดแผลน้ันลกึ แคไ่ หน ใหส้ งั เกตว่าแผลนนั้ มีเลือดออกมากนอ้ ยเพยี งใด หากเลอื ดออกไม่หยดุ หลงั จากได้หา้ มเลอื ดอย่างถูกวิธแี ล้ว ให้ถอื ว่าเป็นแผลใหญ่ แมจ้ ะเหน็ วา่ แผลมขี นาดเล็กก็ตาม หาก ปากแผลกว้างมากจะหายช้า ควรเย็บแผลเพื่อปฺองกนั การอกั เสบจากการติดเชอ้ื หากเปน็ บาดแผลท่ี ลึกถงึ เส้นเอน็ กระดูก เส้นเลอื ด ควรปฐมพยาบาลแล้วรีบนําส่งแพทย์ การปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้ สาํ หรบั บาดแผลท่ีมเี ลือดออกก็คอื การห้ามเลอื ด โดยหลกี เล่ียงการ สัมผัสกบั เลือดของคนเจ็บโดยตรง แต่หากหลกี เลย่ี งไมไ่ ดใ้ ห้รบี ลา้ งมอื ดว้ ยสบู่ รวมทง้ั บริเวณทเี่ ป้ือน เลือดให้เร็วท่สี ดุ เท่าทจ่ี ะทําได้ ไมค่ วรถอดหรือเปลย่ี นเส้อื ผา้ ของคนเจ็บ แมว้ า่ จะเปือ้ นเลอื ดจนชุ่ม แล้ว เพราะอาจยิง่ ทาํ ให้เลอื ดออกมาก หากสามารถทาํ ได้ ควรทําความสะอาดแผลก่อนเพอื่ ปฺองกนั การตดิ เชือ้ โดยล้างแผลดว้ ยนา้ํ สะอาด แล้วใชผ้ ้ากอ๊ ซหรอื ผา้ สะอาดกดไวต้ รงบาดแผล ยกเว้นเมอ่ื เกดิ บาดแผลทดี่ วงตา เพราะอาจมี สิ่งแปลกปลอมทาํ ให้ดวงตาได้รับบาดเจ็บมากขน้ึ แลว้ ใชผ้ า้ สะอาดพันปิดแผลไว้ อย่าให้แนน่ จนชา หากไม่มผี ้าพันแผล สามารถดดั แปลงสิ่งของใกล้ตวั มาใชไ้ ด้ เช่น ผ้าเชด็ หนา้ ชายเส้ือ ชายกระโปรง หรือเนคไท แผลที่แขนหรอื ขาให้ยกสูง จะช่วยใหเ้ ลอื ดไหลช้าลง ปกตเิ ลือดจะหยดุ ไหลภายในเวลาประมาณ 15 นาที หากเลอื ดไหลไมห่ ยดุ ใหก้ ดเสน้ เลอื ดแดงใหญท่ ่ีไปเลยี้ งแขนขา โดยกดบริเวณเหนือ บาดแผล ถา้ เลือดออกท่แี ขนให้กดแขนด้านใน ชว่ งระหวา่ งขอ้ ศอกและหวั ไหล่ ถา้ เลอื ดออกทข่ี า ให้ กดท่หี น้าขาบริเวณขาหนบี การห้ามเลอื ดโดยการกดเสน้ เลอื ดแดงใหญค่ วรทํากต็ ่อเมื่อใชว้ ธิ กี ารห้ามเลอื ดโดยการกด บาดแผลหรอื ใชผ้ ้าพนั แผลแล้วไมไ่ ดผ้ ล เพราะจะทาํ ใหอ้ วยั วะทตี่ ํ่ากวา่ จดุ กดขาดเลอื ดไปเลีย้ ง หาก กดนานๆ กลา้ มเนือ้ อาจตายได้ จึงไม่ควรกดเสน้ เลือดแดงใหญ่เกนิ กว่าครั้งละ 15 นาที สําหรบั บาดแผลทศ่ี ีรษะ ไมค่ วรใชน้ ํา้ ลา้ งแผล เพราะจะทาํ ใหป้ ดิ ขวางทางออกของแรงดนั 1ค5ู่ม0ือส่งเสรชคมิ มู่้ันแอืมลกธั ะายพรมจัฒศดั กึนกษาจิ ากกปิจรีทกรมี่ร2รลมูกเลสูกือเเสสือริมทสกั รษ้าะงชทวี ักิตษใะนชสีวถิตาปนระศเึกภษทาลกู ลเกูสเือสสือาสมาัญมรญั ุน่ รใหุ่นญให่ เญค่รชือ่ น้ังหมมัธายยมลศกู ึกเสษือาชปนั้ ที พ่ี 2ิเศษ 157

ภายใน และสมองอาจติดเชือ้ โรคทอี่ ยู่ในน้ําได้ หากมเี ลอื ดไหลออกจากปาก จมกู หรอื หู อยา่ พยายาม ห้ามเลือด เพราะจะปิดกน้ั ทางออกของแรงดันในสมองเช่นกนั การทาความสะอาดบาดแผลเล็กนอ้ ย วิธกี ารปฐมพยาบาลบาดแผลเลก็ น้อย ทาํ ไดโ้ ดยล้างมอื ใหส้ ะอาดทุกคร้ังกอ่ นท่จี ะทาํ แผล ใช้น้ํา สะอาดลา้ งแผล ใช้สบู่อ่อนๆ ลา้ งผิวหนงั ท่ีอยรู่ อบๆ บาดแผล แล้วลา้ งด้วยนํ้าสะอาดอีกครง้ั หลีกเลี่ยง การกระทบบาดแผลโดยตรง ใชผ้ า้ ก๊อซหรือผา้ สะอาดซบั แผลให้แหง้ แล้วใส่ยาสําหรับแผลสด เชน่ โพวโิ ดนไอโอดีน ซงึ่ จะชว่ ยลดการตดิ เชอ้ื ได้ จากน้ันปิดแผลด้วยผ้าพันแผล การปฐมพยาบาลบาดแผลฟกชา้ ไมม่ ีเลือดออก บาดแผลฟกชํา้ จะไมม่ ีเลือดออกมาภายนอก แตเ่ กดิ อาการบวม ผวิ เปลยี่ นสี และมรี อยชา้ํ ซ่ึงเกดิ จากเสน้ เลือดบริเวณนน้ั แตกแตผ่ ิวหนงั ไม่ฉกี ขาด จงึ ทาํ ใหเ้ ลอื ดซมึ อยู่ใต้ผวิ หนัง ระยะแรกจะมสี แี ดง แล้วเปลี่ยนเปน็ สมี ่วงคล้ําในเวลาต่อมา คนสว่ นใหญม่ กั ไมใ่ ส่ใจกับแผลฟกชาํ้ แตค่ วามจรงิ แล้วแผลฟกชา้ํ ก็มีวิธีการดแู ลท่ถี กู ตอ้ ง เช่นกนั กอ่ นอ่ืนให้ตรวจดูวา่ ไมม่ ีบาดแผล หรอื อาการอ่ืนๆ หรอื กระดูกหักรว่ มด้วย ใหค้ นเจบ็ นั่งในท่า ทส่ี บาย แลว้ ประคบแผลด้วยถงุ นํ้าแขง็ หรอื ถุงนา้ํ เย็นเพอ่ื ลดอาการบวม หากเปน็ แผลทแ่ี ขนใหใ้ ช้ผ้า สามเหลยี่ มคล้องแขนให้อยกู่ บั ที่ หากเปน็ แผลทขี่ าให้นอนหนนุ ขาใหส้ ูง หากเปน็ ท่ลี าํ ตวั ให้นอน ตะแคงหนนุ หมอนที่ศีรษะและไหล่ การปฏบิ ตั ิตนเมื่อเกิดภัยธรรมชาติตา่ ง ๆ ภัยจากธรรมชาติ เชน่ เฮอรร์ ิเคน ทอร์นาโด แผ่นดนิ ไหว คลืน่ ยกั ษ์สนึ ามิ นาํ้ ท่วม ไฟปูา พายุหิมะ หรือโรคระบาด เป็นสง่ิ ท่มี นษุ ยเ์ ราตอ้ งเผชญิ อยา่ งหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมทัง้ ภัยคุกคารามมจจากาก ผู้ก่อการร้าย เช่น ระเบดิ พลชี ีพ ตกึ ถล่ม อาวุธเคมี อาวธุ เชื้อโรค หรืออาวธุ นวิ เคลยี ร์ อาจเกดิ ขน้ึ ได้ ทกุ ขณะ โดยไมเ่ ลอื กวนั เวลา สถานที่ ซึ่งเมอื่ เกดิ ขึ้นในแตล่ ะครัง้ ยงั ผลเสยี หายตอ่ ชีวติ ทรัพยส์ ินเปน็ จํานวนมากมายมหาศาลไม่อาจประเมินคา่ ได้ อย่างไรกด็ ี มีสงิ่ หนงึ่ ทพ่ี วกเราทาํ ไดเ้ พือ่ ผอ่ นหนกั ใหเ้ ปน็ เบา น่ันคอื การเตรยี มรบั มอื กับภยั พบิ ตั ไิ ว้ ล่วงหน้า กอ่ นเหตกุ ารณ์จะเกดิ ขึ้น โดยทั่วไปแลว้ การเตรียมการรับมือภัยธรรมชาตแิ ละภัยจาก ผกู้ ่อการรา้ ยจะไมแ่ ตกต่างกนั นกั เริ่มจาก 1. วางแผนส่ิงท่คี วรปฏบิ ตั เิ มอื่ เกิดเหตกุ ารณ์ในแต่ละประเภท  ศึกษาลักษณะ ขอ้ ควรปฏิบัติ และขอ้ หลีกเล่ยี ง ของภยั พบิ ัตแิ ตล่ ะประเภท ยกตวั อยา่ งเชน่ เมอ่ื เกดิ ไฟปูา ควรสวมหนา้ กากกันควันไฟและอพยพไปในทศิ เหนอื ลม หรือ เมอื่ เกดิ ทอร์นาโด ควร อยหู่ า่ งจากหน้าตา่ งหรอื หนหี ลบลงไปห้องใตด้ นิ เปน็ ตน้  ให้ความรู้แก่ เพอ่ื น ญาตพิ ีน่ อ้ ง ครอบครัว 158 คคู่มู่มอื อื สก่งาเรสจรดั ิมกแจิ ลกะรพรมฒั ลนูกาเสกือิจเกสรรรมิ มสลร้าูกงเทสกัอื ษทะกั ชษีวะติ ชปีวรติ ะใเภนทสลถูกาเนสศอื ึกสษามาัญลรูกุ่นเใสหอื ญส่าเมคัญรอ่ื รงนุ่ หใมหาญยล่ ชกู ัน้เสมือัธชย้นั มพศเิ ศกึ ษษาปที ่ี 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 151

 เตรียมพรอ้ มประเมนิ สถานการณ์ เพ่อื ตดั สินใจที่จะอพยพหรอื อยหู่ ลบภยั ในท่ีพกั  ในบางสถานการณ์ การอย่หู ลบภยั ในทีพ่ กั จะปลอดภยั กวา่ เช่น เม่อื เกดิ ภายหุ มิ ะหรอื อากาศ ภายนอกเปน็ พษิ ให้พจิ ารณาเลอื กหอ้ งภายในตัวอาคารทมี่ นั่ คงแขง็ แรง ปิดมดิ ชดิ มีเสบยี ง เพยี งพอ  ในกรณที ่ตี อ้ งอพยพ ใหก้ าํ หนดจุดนัดพบไว้หลายแหง่ ท้ังในระยะใกล้ทสี่ ามารถเดินไปได้ จนถึง ระยะไกลขา้ มรฐั โดยกําหนดไวใ้ นทุกทศิ ทาง คอื เหนอื ใต้ ตะวันออก และตะวันตก อนึ่ง สาํ หรับคนท่ีมรี ถยนต์ ควรเติมนํา้ มนั ให้เหลอื อยา่ งนอ้ ยครึง่ ถังอยู่เสมอ  วางแผนทีจ่ ะตดิ ตอ่ สอ่ื สารถงึ เพ่ือน ญาตพิ ีน่ อ้ ง หรือครอบครัว เผ่อื ไวห้ ลายๆ รูปแบบ หาก โทรศัพท์บา้ นหรอื โทรศัพท์มอื ถอื ใช้การไม่ได้ ก็อาจใชอ้ ีเมลแทน อนึ่งการติดตอ่ ข้ามเมอื งหรอื รฐั อาจทาํ ได้สะดวกกว่าการติดตอ่ ในเมืองทพี่ กั อยู่ เนอ่ื งจากเมืองในตา่ งรัฐอาจไมไ่ ด้รับผลกระทบ จากเหตกุ ารณ์  ควรวางแผนเผอ่ื ไว้ กรณเี กดิ เหตกุ ารณ์ขณะท่ีอยทู่ ี่สถานศกึ ษาหรอื ทท่ี ํางาน  มัน่ ซักซ้อมและปรบั ปรงุ แผนทีว่ างไวอ้ ยเู่ สมอ 2. เตรยี มรวบรวมส่งิ ของเครือ่ งใช้ท่ีจาเปน็ ในกรณฉี กุ เฉนิ  เอกสารสาํ คัญประจาํ ตวั เชน่ หนงั สอื เดนิ ทาง ใบขบั ขี่ บตั รประกันสุขภาพ และอื่นๆ ควรเก็บไว้ ในถุงพลาสตกิ หรอื แฟมฺ ทก่ี ันนํา้ ได้  อุปกรณก์ รองอากาศ เชน่ หนา้ กากกันแกส๊ พษิ เชื้อโรค  นํา้ สะอาดสําหรับใชด้ ่ืม อย่างนอ้ ย 3 วนั  อาหารแหง้ สําเร็จรูป เครอื่ งกระป๋อง ให้เพียงพอ อยา่ งน้อย 3 วัน  เครือ่ งน่งุ หม่ เสื้อกันฝน เสอ้ื กนั หนาว ถงุ มอื ถงุ นอน  ไฟฉายพรอ้ มถ่านไฟฉายสาํ รอง  วิทยทุ ่ีใช้ถ่านไฟฉาย  เงนิ สด หรือเช็คเดินทาง  First Aid Kit - ผา้ พนั แผล ยาฆ่าเชื้อโรค ยารกั ษาโรคทว่ั ไป ยาประจาํ ตวั  ไม้ขดี ไฟแบบกนั นาํ้  เข็มทศิ  นกหวีด สําหรับเปาู เรยี กความชว่ ยเหลอื  รองเทา้ ทคี่ งทนและสวมใส่สบาย  กระดาษชาํ ระ  ถงุ ขยะพลาสตกิ สาํ หรับใส่สงิ่ ปฏกิ ลู 15ค2ูม่ ือสง่ เสคชมู่รนั้ ิมอืมแกัธาลยรมะจพศดั ึกัฒกษนจิ ากาปรกีทริจมี่ ก2ลรูกรเมสลอื ูกเสเรสมิ อื สทรัก้าษงทะักชษีวติะชในีวิตสปถราะนเภศทึกลษกูาเสลือูกสเสามือญัสารมุน่ ญัใหรญ่นุ ่ใเหคญร่อื ่ งชหน้ั มมาธั ยยลมูกศเสกึ ือษชา้ันปพีทิเศี่ 2ษ 159

3. ติดตามข่าวสาร การเตอื นภัย หรือการประกาศภาวะฉกุ เฉนิ ในเขตพื้นทท่ี ีพ่ กั อาศยั อยแู่ ละ ละแวกใกลเ้ คียง  ควรรับฟงั ขา่ วสาร ประกาศเตอื น จากทางสอ่ื วิทยุ โทรทศั น์ อนิ เตอรเ์ นท็ เปน็ ประจําทกุ วนั  พรอ้ มทจ่ี ะปรับใช้แผนทเี่ ตรยี มไว้ เข้ากบั สถานะการณ์ทีเ่ กดิ ขนึ้ ได้อยา่ งเหมาะสม  เม่อื เกดิ เหตกุ ารณ์ข้ึน ควรปฏิบตั ติ ามคําแนะนาํ ของเจา้ หน้าท่ีทอ้ งถนิ่ หรือเจา้ หน้าท่รี ฐั อยา่ ง เครง่ ครัด  และท่ีสําคัญทสี่ ดุ มสี ติ อดทน และตรึกตรองกอ่ น 160 คคู่ม่มู ืออื สก่งาเรสจรดั ิมกแิจลกะรพรมฒั ลนูกาเสกือจิ เกสรรริมมสลร้ากู งเทสกัอื ษทะกั ชษวี ะติ ชปีวริตะใเภนทสลถกูาเนสศอื กึสษามาญั ลรูก่นุ เใสหอื ญส่าเมคญัร่อื รงนุ่ หใมหาญยล่ ชูกั้นเสมอื ธั ชยนั้ มพศิเศกึ ษษาปีที่ 2 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 153

เรอื่ งส้นั ทเ่ี ป็นประโยชน์ เร่ือง ลูกแมวกับสนุ ขั จงิ้ จอก วนั หน่งึ แมวได้พบกับสุนัขจงิ้ จอก ทงั้ สองเป็นเพ่ือนกนั และแลกเปล่ียนความเห็นในการ ดํารงชวี ติ อย่างสันติ แมวบอกสนุ ัขจ้งิ จอกว่า \"ฉนั เบ่อื หนา่ ยเหลอื ที่ตอ้ งคอยวิ่งหนีศัตรู\" สุนัขจิ้งจอก ถามวา่ \"ทาไมล่ะ\" แมวบอกวา่ \"ถ้าฉนั ไม่หนพี วกมนั กฆ็ า่ ฉันตายนะซี\" สุนัขจ้ิงจอกก็บอกว่า \"ฉันไม่ รสู้ กึ กงั วลกับพวกมันแม้แต่น้อย ฉนั มอี ุบายมากมายที่จะใชก้ บั ศตั รทู ีม่ าทารา้ ยฉัน\" ขณะท่ีมันเดินเข้า ไปในปาู ลกึ มีนกหลายตวั อย่บู นตน้ ไม้ สง่ เสียงรอ้ งอยา่ งมีความสุข สนุ ขั จ้งิ จอกร้องบอกแมวว่า \"ฉัน จะแสดงอุบายของฉันใหแ้ กท่ ่านสกั สองสามอยา่ ง\" แต่กอ่ นท่ีสุนัขจิ้งจอกจะเร่ิมแสดง เสือตัวหนึ่งเดิน ผา่ นมา แมวรีบว่งิ หนีข้นึ ไปบนต้นไม้ สุนัขจงิ้ จอกไม่รู้จะใช้อุบายอะไรในการหลบหนี ในที่สุดมันก็ถูก เสือจับกินเป็นอาหาร กอ่ นทม่ี นั จะใช้อุบายทีม่ อี ยูอ่ ย่างมากมาย เรือ่ งนสี้ อนใหร้ ูว้ า่ : รู้เพยี งอยา่ งเดียวแตข่ อให้รแู้ น่ ท่ีมาของเรือ่ ง : www.kwamruk.com/ลูกแมวกบั สุนขั จงิ้ จอก/ เรอื่ ง สิงโตกบั หนูเจ้าปญั ญา ในปูาใหญ่แห่งหน่ึงมีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่รวมกัน สัตว์ทั้งหลายต่างอยู่กันอย่างมี ความสุข วนั หนึง่ สงิ โตไดเ้ ข้ามาอยู่ มันมนี สิ ัยดรุ า้ ยมาก ชอบจับสัตว์อ่ืนกินเป็นอาหาร มันชอบจับวัว กวาง มา้ ลาย กินเป็นอาหารเมื่อเวลามันหิว สัตว์ทั้งหลายต่างหวาดกลัวมาก เจ้าหมีซ่ึงเป็นตัวแทน ของบรรดาสัตว์ได้รอ้ งตะโกนขอรอ้ งให้สงิ โตไปอยทู่ อ่ี ืน่ สิงโตโมโหมาก มนั ร้องบอกวา่ \"ถ้าสัตว์ตัวใดสามารถเล่านิทานที่ไม่รู้จบได้ ข้าจะยอมไปอยู่ท่ีอ่ืน แต่ถ้าไม่มีใครเล่าได้ ขา้ ก็จะจับพวกเจข้า้ากินไปเรอื่ ย ๆ ฮ่ะฮ่ะ……..\" สตั ว์ทงั้ หลายตา่ งจนปญั ญา และพากนั หวาดกลวั วา่ จะถูกจบั กินไม่วนั ใดก็วนั หน่ึง ยังมีหนูตวั หนึ่งได้รับอาสาขน้ึ ว่า \"เอาละ ข้ามีวิธีแล้ว ข้าจะไปเล่านิทานไม่รู้จบให้สิงโต ฟัง\" ว่าแลว้ มนั ก็ไปหาสงิ โต สิงโตคดิ วา่ หนูคงเลา่ ไมไ่ ด้ แตห่ นูได้เรม่ิ เรอื่ งว่า \"กาลครงั้ หนงึ่ มีตากับยายออกไปทอดแหหาปลาในแม่น้า ขณะที่ทอดแหออกไป แหไป ติดหินที่ใตน้ า้ แหขาดเป็นรใู หญ่ ตาจงึ ดานา้ ลงไปดู ตาเห็นปลาตัวหน่ึงว่ายน้าลอดรูแหไป…..\" สิงโต จึงขัดขนึ้ วา่ \"เท่านเ้ี องหรือ……….จบแล้วหรอื ……\" หนูตอบว่า \"ยัง\" แล้วก็เล่าต่อ\"ตาก็เห็นปลาตัวที่สองลอดรูแหไปอีก\" สิงโตถามว่า \"จบ หรือยัง\" หนูตอบวา่ \"ยัง\" แลว้ กเ็ ลา่ \"ตากเ็ หน็ ปลาตัวทีส่ ามวา่ ยน้าลอดรูแหไปอกี \" สิงโตก็ถามอีกว่า \"จบหรอื ยัง\" หนูก็ตอบว่า \"ยงั \" แล้วก็เล่าต่อไปว่าเห็นตัวที่ส่ี ห้า หกุุุ. พอสิงโตถามหนูก็ตอบ เรอ่ื ยจนไปถึงรอ้ ยท่ีรอ้ ยุพนั สงิ โตจึงบอกวา่ 1ค5ู่ม4ือส่งเสรชคมิ มู่้ันแอืมลกัธะายพรมจัฒศดั กึนกษาจิ ากกปจิรทีกรมี่ร2รลมูกเลสูกือเเสสอืริมทสักรษา้ ะงชทวี กั ติ ษใะนชสีวถติ าปนระศเึกภษทาลูกลเูกสเือสสือาสมาัญมรญั ่นุ รให่นุ ญให่ เญค่รช่ือ้นังหมมัธายยมลศูกึกเสษือาชปั้นีทพี่ 2ิเศษ 161

\"เอาละ เอาละ ขา้ ยอมแพ้นิทานของเจ้าแลว้ เพราะถ้าให้เล่าต่อเจา้ คงมปี ลาตัวที่หม่ืน ตัว ที่แสน นทิ านของเจ้าไมร่ ู้จบจรงิ ๆ และขา้ กต็ กลงวา่ จะไปอยู่ทอ่ี ื่น\" แล้วสิงโตก็จากไป สัตว์ทั้งหลาย ต่างดใี จและชน่ื ชมในความฉลาดของหนเู จ้าปญั หาเป็นอยา่ งมาก เรือ่ งน้ีสอนใหร้ ู้ว่า: จงแก้ปัญหาดว้ ยปญั ญา และอยา่ ตตี นไปกอ่ นไข้ ทีม่ าของเรอ่ื ง: www.nithan.in.th.com 162 คคมู่ มู่ อื ือสก่งาเรสจรัดิมกแจิ ลกะรพรมัฒลนูกาเสกือจิ เกสรรมิ มสลรา้กู งเทสกัือษทะกั ชษวี ะติ ชปวี ริตะใเภนทสลถกูาเนสศอื ึกสษามาญั ลรกู ุน่ เใสหือญส่าเมคญัรือ่ รงนุ่ หใมหาญยล่ ชกู ้ันเสมือัธชยนั้ มพศิเศึกษ าปที ี่ 2155 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2

แบบประเมินการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ ของลกู เสอื เร่ือง...................................................................................... กลุ่มท่ีุุุุ..ช้ันุุุุุุ รายการประเมินการเขา้ ร่วมกิจกรรม ลาดบั ชื่อ-สกุล ความสามคั คี การแสดง ความมี ความตั้งใจ อธบิ าย รวม ผลการ ที่ ความคิดเห็น ระเบยี บวนิ ยั ในการ หลักการ ประเมิน ทางาน ปฐมพยาบาล 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 ผา่ น ไม่ เกณฑ์ ผา่ น เกณฑ์ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน (........................................................) เกณฑ์การประเมินคณุ ภาพคะแนน ประเมนิ การเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ของลกู เสือผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ 80 ขน้ึ ไป ผ่านเกณฑ์ รายการประเมิน คณุ ภาพ 4321 การเขา้ ร่วมกิจกรรม อธบิ ายเนอื้ หาได้ อธบิ ายเน้อื หาได้ อธบิ ายเนอื้ หาได้ตาม ไม่สามารถ กลุ่มของลูกเสือ ตามประเดน็ ตามประเด็นที่ ประเดน็ ทก่ี าํ หนด อธิบายเนอ้ื หาได้ ทก่ี าํ หนดครบถว้ น กาํ หนดไดบ้ างส่วน บางสว่ นแต่ยงั ไม่ ตามประเด็นที่ และให้ความรว่ มมือ และใหค้ วามร่วมมอื ชดั เจนและใหค้ วาม กาํ หนดและไม่ให้ ในการทํากจิ กรรม ในการทํากจิ กรรม ร่วมมือในการทาํ ความร่วมมอื ในการ โดยไมต่ ้องตักเตือน โดยมกี ารตกั เตอื น กิจกรรมโดยมีการ ทํากิจกรรม เปน็ บางครง้ั ตกั เตอื นเปน็ บางคร้งั แผนการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญ(่ เครื่องหมายลูกเสอื ช้นั พเิ ศษ) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 คมู่ 1อื 5ส6ง่ เสรมิ แคชลมู่้นั ะือมพกธั ฒัายรมนจศาัดึกกกษจิจิ ากกปรรีทรรมมี่ 2ลลูกูกเเสสอื ือเทสรักิมษสะรช้าวี งิตทใักนษสะถชาวี นติ ปศรกึ ะษเภาทลลกู ูกเเสสืออื สสาามมัญัญรรุ่นุน่ ใใหหญญ่่ เชค้ันรือ่มงัธหยมมาศยึกลษกู เาสปือีทช่ี น้ั 2พเิ ศษ 163

แผนการจัดกิจกรรมลกู เสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ (เครือ่ งหมายลกู เสอื ชัน้ พเิ ศษ) ช้นั มัธยมศึกษาทปี ี่ 2 หน่วยที่ 6 บรกิ าร เวลา 1 ชัว่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 19 การรายงานการให้บริการ 1.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ลกู เสือสามารถปฏิบตั ิตนเพอ่ื ให้การบรกิ ารชุมชน และการพฒั นาชมุ ชนได้ 2. เน้ือหา 2.1 ความหมายของคาํ วา่ การบริการชุมชน และการพฒั นาชมุ ชน 2.2 ประโยชน์ทีล่ ูกเสือได้รบั จากการใหบ้ ริการ 2.3 กิจกรรมท่ีลกู เสือสามารถปฏิบตั ิได้ในการให้บรกิ ารชมุ ชน 2.4 กิจกรรมทล่ี ูกเสือสามารถปฏบิ ัติไดเ้ ก่ียวกบั การพัฒนาชมุ ชน 2.5 กฎลกู เสือทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับการใหบ้ ริการ 3. ส่อื การเรียนรู้ 3.1 เกม กระตา่ ย กระแต 3.2 ใบความรูเ้ ร่ือง ลกู เสอื กบั การใหบ้ ริการ 3.3 ใบงาน กลมุ่ ท่ี 1 เรือ่ งความหมายของคาํ ว่า การบริการชมุ ชน การพัฒนาชุมชนและ ประโยชนท์ ีล่ ูกเสอื ไดร้ บั จากการใหบ้ รกิ าร กลมุ่ ท่ี 2 เรือ่ ง กจิ กรรมท่ีลูกเสอื สามารถปฏิบตั ิไดใ้ นการให้บริการชมุ ชน กลุม่ ท่ี 3 เร่ือง กิจกรรมท่ีลกู เสือสามารถปฏบิ ตั ิได้เกี่ยวกบั การพัฒนาชมุ ชน 3.4 เร่อื งสนั้ ที่เป็นประโยชน์เรือ่ ง กระต่ายกับกบ 4. กจิ กรรม 4.1 พิธเี ปิดประชุมกอง (ชักธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 4.2 เกมกระตา่ ย กระแต 4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผู้กาํ กบั ลูกเสอื และลกู เสอื สนทนา และแลกเปล่ยี นประสบการณ์ในการบรกิ ารให้ความ ชว่ ยเหลือผู้อน่ื 2) ผู้กาํ กับลูกเสอื แบง่ ลูกเสอื ออกเปน็ 3 กลุ่ม โดยการรวมหมลู่ กู เสือ พรอ้ มแจกใบ ความรู้ และใบงานให้กลมุ่ ลกู เสอื ศึกษาคน้ ควา้ ดังนี้ กล่มุ ที่ 1 เรอื่ งความหมายของคาํ ว่า การบริการชุมชน การพฒั นาชุมชนและ ประโยชนท์ ่ีลกู เสือไดร้ ับจากการใหบ้ รกิ าร กลมุ่ ที่ 2 เรอื่ ง กิจกรรมทีล่ ูกเสอื สามารถปฏิบัตไิ ด้ในการให้บริการชุมชน กลุ่มที่ 3 เร่อื ง กิจกรรมท่ีลูกเสอื สามารถปฏบิ ัติได้เกย่ี วกับการพฒั นาชุมชน 3) ผกู้ าํ กับลูกเสอื ใหล้ กู เสอื แตล่ ะกลมุ่ นําเสนอผลงานที่ไดจ้ ากการศึกษาค้นคว้าในที่ ประชุมใหญ่ โดยผกู้ าํ กับลกู เสอื เพม่ิ เติมในสว่ นทไี่ มส่ มบูรณ์ 164 ค่มู ือการจดั กจิ กรรมลูกเสือเสริมสร้างทกั ษะชีวิตประเภทลกู เสอื สามญั รุ่นใหญ่ เครือ่ งหมายลูกเสอื ชัน้ พเิ ศษ 2 157 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือสามญั รุ่นใหชญ้ัน่มชธั ั้นยมมัธศยกึ ษมาศปึกที ษี่ า2ปที ี่

4) ผกู้ าํ กบั ลกู เสือและลูกเสือร่วมกันสรุปถึงองค์ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาค้นคว้ามา ซึง่ ตรงกบั คําปฏิญาณของลูกเสอื ข้อ 2 “ขา้ จะช่วยเหลอื ผอู้ ื่นทกุ เมอ่ื ” 5) ผ้กู าํ กับลกู เสอื แจกใบงานให้หมลู่ ูกเสอื ไปจดั ทาํ โครงการ/กิจกรรมการให้บริการแก่ ชมุ ชน และดําเนนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรม กาํ หนดเวลา ไม่นอ้ ยกวา่ 10 ช่วั โมง ภายในเวลา 2 เดือน และ เขียนรายงานการใหบ้ รกิ าร เพอ่ื นําเสนอตอ่ ไป 4.4 ผกู้ ํากบั ลูกเสอื เลา่ เรอ่ื งสน้ั ท่เี ป็นประโยชน์เร่ือง กระตา่ ยกบั กบ 4.5 พิธปี ดิ ประชมุ กอง(นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลิก) 5. การประเมินผล 5.1 ตรวจผลงานการปฏิบัติตนเพ่อื ใหก้ ารบรกิ ารชมุ ชน และการพัฒนาชุมชน 5.2 แบบประเมินการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่มของลูกเสือ ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 19 เกม กระต่าย กระแต 15ค8ู่มอื สง่ เสคชมู่รนั้ ิมือมแกัธาลยรมะจพศดั กึฒั กษนิจากาปรกีทรจิ ม่ี ก2ลรูกรเมสลือูกเสเรสมิ อื สทรักา้ ษงทะกัชษวี ติะชในีวติสปถราะนเภศทกึ ลษูกาเสลือกู สเสามือญัสารมุ่นญัใหรญนุ่ ่ใเหคญร่อื ่ งชห้นั มมาธั ยยลมกู ศเสกึ ือษชาั้นปพีทิเศ่ี 2ษ 165

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 19 เกม กระตา่ ย กระแต คู่มือสง่ เสร1มิ .วแธิลแะีเบลพัฒ่น่งลนูกากเิจสกือรอรมอลกูกเเปสอื ็นทัก2ษะชฝีวูาติ ยในจสําถานนวศนึกเษทา่าลๆูกเสกอื ันสาฝมัญูายร่นุ หใหนญ่ึงเ่ ชป้ัน็นมกัธยรมะศตึก่าษยาปอที ีก่ี 2ฝูายหน1่ึง6เป5็น กระแต ทง้ั สองแถวยืนหา่ งกันประมาณ 2 เมตร 2. ให้ทงั้ สองฝูายหนั หนา้ เขา้ หากัน และทางด้านหลังของแต่ละฝูายจะมีเส้นอีกเส้นหน่ึงห่าง ออกไปประมาณ 6-10 เมตร เปน็ เสน้ ท่ปี ลอดภยั 3. ผู้กํากบั ลกู เสือจะเปน็ คนขานชอ่ื สมมติว่า ขานว่า “กระต่าย” แถวท่ีเป็นกระต่ายจะรีบว่ิง ไปแตะแถวกระแต ถ้าฝูายหนีไปถงึ เสน้ ปลอดภยั กอ่ น ฝาู ยกระแตจะแตะไมไ่ ด้ 4. ทั้งสองแถวกลับมาเข้าแถวท่ีเดิม ผู้กํากับลูกเสือจะเร่ิมขานอีก สมมติว่า ถ้าขานเป็น “กระแต” ฝาู ยกระแตตอ้ งรบี ว่ิงไปแตะฝูายกระตา่ ยเช่นเดียวกัน 5. ฝาู ยใดเหลือสมาชิกมากกว่าเป็นฝูาย “ชนะ” คูม่ อื การจัดกจิ กรรมลูกเสอื เสริมสรา้ งทักษะชวี ิตประเภทลกู เสือสามญั รุน่ ใหญ่ เครอ่ื งหมายลูกเสอื ชัน้ พเิ ศษ 159 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2

ใบความรู้ เรื่อง ลกู เสอื กับการบรกิ าร ความหมายของการบริการ - คาํ ว่า “บรกิ าร” หมายถงึ การช่วยเหลอื หรอื การบาํ เพญ็ ประโยชน์ต่อตนเองตอ่ ผู้อ่ืนและตอ่ ชมุ ชนลูกเสือจะตอ้ งมคี วามเลอ่ื มใสศรทั ธาในคาํ วา่ “บริการ” และลงมอื ปฏบิ ตั เิ รือ่ งนอ้ี ย่างจริงจังด้วย ความเขา้ ใจและโดยมที กั ษะหรือความสามารถในการให้บรกิ ารนน้ั ด้วยความชาํ่ ชอง วอ่ งไว คือไว้ใจ ไดห้ รอื เชอื่ ได้ - ความเหน็ ของ บี.พี. เก่ยี วกับ “บริการ” บ.ี พี. เหน็ ว่าการศกึ ษาทเ่ี ดก็ ไดร้ ับจากทางบ้าน ทางโรงเรียน ทางวดั และอืน่ ๆ ยงั มี ช่องโหวอ่ ยู่ 4 ประการ ซ่งึ การลูกเสอื มุ่งหมายท่ีจะอดุ ชอ่ งโหว่เหลา่ น้ันโดยเนน้ การฝึกอบรมลูกเสือ ในเร่อื งตอ่ ไปนี้ คือ 1) ลกั ษณะนิสยั และสตปิ ัญญา 2) สขุ ภาพและทกั ษะ 3) การฝมี ือและทกั ษะ 4) หน้าที่พลเมืองและการบําเพ็ญประโยชนต์ อ่ ผ้อู ืน่ การลกู เสือมุ่งหมายทจี่ ะฝกึ อบรมลกู เสอื ทง้ั ในทางรา่ งกาย สติปัญญา ศลี ธรรม จติ ใจและ สังคม เพอื่ ให้เปน็ พลเมืองดี รจู้ กั หน้าท่ีรับผิดชอบและบําเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชน์แกช่ มุ ชน ตลอดจน ประเทศชาติ ตามคตขิ องลกู เสอื พลเมอื งดี คอื บุคคลที่มีเกยี รตเิ ชื่อถือได้ มรี ะเบยี บวนิ ัย สามารถบังคบั ใจตนเอง สามารถพงึ่ ตนเอง ทัง้ เต็มใจและสามารถท่จี ะชว่ ยเหลือชมุ ชนและบาํ เพ็ญประโยชนต์ ่อผูอ้ ่ืน - ความมงุ่ หมายโดยเฉพาะของกิจการลกู เสอื 1) เพื่อให้ลูกเสือได้เข้าร่วมในขบวนการลูกเสือซ่ึงมีผู้ใหญ่เป็นผู้ช้ีแจง แนะนํา และทํา หนา้ ทเ่ี ปน็ ทป่ี รึกษา จะโดยให้ลกู เสอื ในกองปกครองกันเอง ประกอบกิจกรรมต่าง ๆและเรียนรู้โดย การกระทาํ 2) เพอ่ื ใหล้ ูกเสือไดม้ โี อกาสฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารตามที่ตนถนัด 3) เพ่ือให้ลูกเสือได้ฝึกหัดรับผิดชอบต่อตนเองและเพิ่มการฝึกให้กว้างขวางยิ่งข้ึน โดย อาศัยระบบหมู่ 4) เพอื่ ให้ลูกเสอื มโี อกาสแสดงสมรรถภาพของตนเองด้วยความพงึ พอใจและความภาคภูมใิ จ โดยการใช้ระบบเครอ่ื งหมายวิชาพเิ ศษ 5)เพอ่ื ให้ลูกเสอื รู้จักอดทน นิยมชีวติ กลางแจง้ และการบรกิ ารอยา่ งมชี วี ติ จติ ใจ โดยเฉพาะ การบรกิ ารชมุ ชน 6) เพอื่ สง่ เสรมิ การแสวงหาอาชพี ที่เหมาะสม - การบริการหรอื การบําเพญ็ ประโยชนข์ องลูกเสือในเรอื่ งการบริการนี้มีจดุ มุ่งหมายเพอ่ื ให้ 1ค6ู่ม0ือสง่ เสรคชมิ มู่ัน้ แือมลกธั ะายพรมจฒั ศดั กึนกษาิจากกปิจรทีกรม่ีร2รลมกู เลสูกือเเสสือรมิทสักรษา้ ะงชทวี กั ติ ษใะนชสีวถิตาปนระศเกึภษทาลูกลเูกสเอื สสือาสมาญั มรญั ุ่นรใหนุ่ ญให่ เญค่รชอื่ ้นังหมมธั ายยมลศูกึกเสษอื าชป้นั ที พี่ 2ิเศษ 167

ลกู เสอื ทกุ คนได้เข้าใจความหมาย รวู้ ธิ กี ารในการบริการ รู้หลักในการจดั กจิ กรรมดา้ นบริการ และมี ความเขา้ ใจ สามารถปฏบิ ตั ิดว้ ยตนเองได้ การลกู เสอื ตอ้ งการผู้เสยี สละ ผู้มจี ิตใจเปน็ ลกู เสืออยา่ ง แทจ้ ริง (Scouting Spirit) ไมเ่ ป็นคนเหน็ แก่ตัว ไม่ทาํ อะไรโดยหวังผลสว่ นตนเปน็ ที่ตั้งอยตู่ ลอดเวลา ในเวลาเดียวกนั การเสียสละประโยชน์และความสุขส่วนตวั เพอื่ บริการตามความหมายของการ ลกู เสือนกี้ ็ต้องให้คาํ นึงถึงสภาวะแวดลอ้ ม และสถานภาพของตนเองอยู่เสมอ ๆ เพื่อจะไดต้ ระหนัก ถึงขีดความสามารถของตนเอง จะไดไ้ มก่ ่อใหเ้ กิดความเดอื ดร้อนแกต่ นเองและครอบครวั ประเภทหรอื ข้นั ตอนในการบรกิ าร 1) บรกิ ารแกต่ นเองก่อน เปน็ การเตรยี มตวั เองใหพ้ ร้อมเสยี ก่อน เพราะถ้าหากเรายงั ไมพ่ รอ้ ม เรากไ็ มอ่ าจจะไปให้บริการแกผ่ อู้ ื่นได้ หรือไดก้ ็ไมด่ ีเท่าทค่ี วร การบริการแกต่ นเองกอ่ นน้นั เปน็ การ ฝกึ ในเร่อื งการบริการไปดว้ ย เพราะคําวา่ การบริการแกต่ นเองนนั้ หมายถงึ ตวั เรา ครอบครวั ของเรา ผู้บังคบั บญั ชา ผู้ใตบ้ งั คบั บญั ชา เพอ่ื นร่วมงาน ญาติสนิทมติ รสหาย กล่าวโดยสรปุ ไดว้ า่ กอ่ นทเ่ี รา จะออกไปให้บริการแกผ่ ู้อืน่ นนั้ จาํ เป็นต้องสร้างความพรอ้ มใหแ้ ก่ตวั เองเสียกอ่ น เพราะตราบใดทเี่ รา ยงั ตอ้ งขอความอปุ การะ ตอ้ งอย่ภู ายใต้การโอบอุ้มคาํ้ ชขู องผอู้ น่ื ต้องขอให้ผอู้ นื่ ชว่ ยเหลอื เรา แสดงวา่ เรายังไมพ่ ร้อม ฉะนนั้ ลูกเสอื วสิ ามัญต้องเตรียมตัวใหพ้ ร้อมในทกุ ๆ ดา้ น ไมว่ ่าการเงนิ สุขภาพ เวลาวา่ ง สติปญั ญา ฯลฯ 2) บริการแก่หมู่คณะและขบวนการลูกเสอื เม่ือเราฝกึ บรกิ ารตนเองแล้ว ตอ่ ไปกข็ ยายการ ให้บริการแก่หมู่คณะของเรากอ่ น เปน็ การหาประสบการณห์ รอื ความชาํ นาญ ด้วยการบริการเปน็ รายบคุ คล บรกิ ารแกก่ องลกู เสือของเราในการงานต่างๆ อนั เปน็ ส่วนรวมและรวมไปถึงการใหบ้ รกิ าร แก่กองลกู เสืออ่นื ซ่ึงถือเปน็ ขบวนการของเรา ลกู เสือวิสามัญทุกคนควรไดร้ ับการสง่ เสรมิ ใหช้ ว่ ยเหลือ การดําเนินกจิ การของกองลกู เสอื สามญั หรือกองลกู เสอื สาํ รอง ในทกุ วถิ ที าง ทง้ั นี้ เพ่อื จะไดม้ ี ประสบการณ์ภาคปฏิบัตใิ นการฝกึ อบรมลกู เสอื ซง่ึ จะช่วยใหเ้ ขาเหมาะสมท่จี ะเปน็ ผกู้ ํากับลกู เสอื และ เปน็ หวั หนา้ ครอบครวั ในอนาคต ลูกเสอื ควรไดร้ ับมอบหมายความรับผิดชอบในงานทม่ี กี ําหนด แนน่ อนในการช่วยเหลอื ผกู้ ํากับลูกเสอื ประเทศชาตติ อ้ งการอาสาสมคั รเป็นจาํ นวนมาก เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ใน เรือ่ งการศกึ ษา มีเรือ่ งอ่นื ๆอีกมากมายนอกเหนอื ไปจากการอา่ น การเขียน และการคดิ เลข ซง่ึ เป็น ส่ิงจาํ เป็นท่เี ดก็ สมัยนจี้ ะตอ้ งเรียนรูเ้ พอ่ื จะไดป้ ระสบความสาํ เรจ็ ในชวี ิต การท่เี วลาเรยี นมรี ะยะสั้นและ ครูกม็ จี าํ นวนจาํ กดั ยอ่ มทาํ ใหเ้ ดก็ ไมม่ โี อกาสไดเ้ รยี นรู้สิ่งต่าง ๆเหลา่ นดี้ งั น้ัน ความชว่ ยเหลือของชาย หนมุ่ รนุ่ พที่ ี่เป็นอาสาสมัครจงึ เปน็ ส่ิงทป่ี ระเทศชาตติ อ้ งการอยา่ งยงิ่ ลกู เสอื สามัญผู้ซ่ึงใหค้ วามชว่ ยเหลือในการฝึกอบรมหรือในการดําเนินงานของกองลูกเสอื สามัญ หรือกองลกู เสอื สาํ รอง และโดยเฉพาะในการอยูค่ ่ายพกั แรม นบั ไดว้ ่าเปน็ ผู้ใหบ้ ริการทมี่ คี ณุ คา่ อยา่ งย่งิ ในเวลาเดียวกนั งานนี้ยอ่ มนําความพอใจมาให้ลูกเสอื เอง เพราะการฝกึ อบรมเด็กนนั้ จะได้ เหน็ เขาสนุกสนาน มลี กั ษณะนสิ ัยทดี่ ขี ้ึน ย่อมทาํ ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั รู้สกึ วา่ ไดท้ ําอะไรบางอย่างทคี่ ุ้มคา่ การฝึกอบรมแกร่ ุ่นนอ้ งนน้ั ลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญจ่ ะตอ้ งทาํ ตนให้เป็นตวั อย่างทดี่ เี พอ่ื ให้รุน่ นอ้ งทาํ ตาม ด้วยการปฏบิ ตั ติ นให้เปน็ คนสนุกสนาน ร่าเรงิ เปน็ มติ รกับคนทกุ คน ซอื่ สัตยส์ จุ ริต มีกริ ิยาสภุ าพ และ ใชว้ าจาสุภาพไม่หยาบโลน 168 คคู่มู่มืออื สกง่าเรสจรดั มิ กแจิ ลกะรพรมัฒลนูกาเสกือจิ เกสรรริมมสลร้าูกงเทสักอื ษทะกั ชษีวะติ ชปีวริตะใเภนทสลถูกาเนสศือึกสษามาญั ลรูก่นุ เใสหอื ญส่าเมคญัรอ่ื รงนุ่ หใมหาญยล่ ชูกนั้เสมอื ัธชยัน้ มพศเิ ศึกษษาปีที่ 2 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 161

3) บริการแก่ชมุ ชนเม่อื ฝกึ บริการแก่ตนเอง แก่ขบวนการลกู เสอื แลว้ กส็ มควรที่จะไปบรกิ าร แกช่ มุ ชนตามสตปิ ญั ญา ประสบการณ์ และความสามารถ แนวคิดในการบรกิ ารแกช่ ุมชน คอื การชาํ ระหนแี้ ก่ชุมชนดว้ ยการรว่ มมอื กนั เสยี สละ ร่วมกนั เพ่ือดาํ เนนิ การจัดกิจกรรมอันเปน็ สาธารณประโยชนเ์ ช่น การพฒั นาอาคารสถานที่ บา้ นเมอื งในชมุ ชนนัน้ การสร้างสาธารณสถานการ จดั งานรืน่ เรงิ งานสงั คมเพอ่ื ประโยชนข์ องสังคมนัน้ ๆ ซึง่ จะทาํ ให้ลกู เสอื ไดป้ ระสบการณจ์ ากชวี ติ จรงิ หลงั จากที่เขาพน้ วัยจากการเปน็ ลูกเสอื ตอ่ ไปเขาจะสามารถปรบั ตัวเข้ากับสงั คมที่เขาอาศยั อยู่ได้ สามารถประกอบอาชพี ไดโ้ ดยปกตสิ ขุ เพราะเขารูจ้ ักเสยี สละเพื่อบรกิ ารแก่ชุมชนทก่ี องลกู เสอื ตง้ั อยู่ เสยี กอ่ น แล้วจึงคอ่ ยๆ ขยายวงกวา้ งออกไปตามความสามารถการบรกิ ารแกช่ มุ ชนทาํ ได้ด้วยการ ให้บริการในเรอ่ื งต่างๆ เชน่ ทาํ ความสะอาด ความชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบอบุ ัติเหตุ การควบคมุ การจราจร การดบั เพลิง เป็นต้น ทส่ี ําคญั อกี ประการหนึง่ คอื การพัฒนาชมุ ชน หลักของการใหบ้ ริการ 1) เปน็ กจิ กรรมท่จี าํ เป็น เห็นความจาํ เป็นทตี่ ้องให้บรกิ ารคือตอ้ งดวู ่าจาํ เป็นแกไ่ หนสาํ หรับ เรือ่ งนั้นทจี่ ะต้องไดร้ บั การบรหิ าร 2) ใหบ้ ริการดว้ ยความสมัครใจ เตม็ ใจทจ่ี ะใหบ้ รกิ าร 3) ใหบ้ ริการอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ คือ มีทักษะในการบริการ เช่น การปฐมพยาบาล เทคนคิ ในการช่วยชวี ติ ฯลฯ 4) ใหบ้ ริการแกผ่ ูท้ ่ตี อ้ งการรับบรกิ าร เชน่ คนทกี่ าํ ลงั จมนาํ้ หวงั จะไดค้ นช่วย การพฒั นา ชุมชน ใหบ้ ริการแก่ผู้ท่ีถกู ทอดทงิ้ เชน่ คนชรา คนปวู ยและผู้ไม่สามารถช่วยตนเองได้ 5) บรกิ ารดว้ ยความองอาจ ต้ังใจทาํ งานให้เสร็จดว้ ยความมน่ั ใจ ด้วยความรบั ผดิ ชอบ โดย ใชค้ วามรู้ทม่ี อี ยู่ใหเ้ กิดประโยชนอ์ ย่างแทจ้ รงิ อุทิศเวลาใหแ้ ก่งานอยา่ งจรงิ จังในขณะนั้นรจู้ ักแบง่ เวลา แบ่ง ลักษณะงาน มีความมุมานะในการทํางานใหเ้ ปน็ ผลสําเรจ็ ตามเปฺาหมายทกี่ าํ หนดไว้ใหจ้ งได้ ย่อมจะ ไดร้ ับความสําเรจ็ เรยี บรอ้ ยในการทาํ งาน จะทาํ ให้เรารูส้ กึ ภมู ใิ จ งานบรกิ าร ท่ลี ูกเสอื แต่ละคนหรือกองลูกเสอื จะทําไดน้ ั้นมหี ลายประการ เชน่ - โครงการใชผ้ กั ตบชวาทําปยุ๋ หมัก โครงการนเ้ี ปน็ โครงการทยี่ ิงนกสองตัวในเวลา เดียวกัน คือ เปน็ การกําจดั ผกั ตบชวา และเปน็ การทาํ ปุ๋ยหมัก เพ่อื ใชป้ ระโยชน์ในการปลกู พชื ผัก ต่างๆ ให้ได้ผลดยี ่งิ ขึ้น โครงการนเี้ สียค่าใชจ้ า่ ยนอ้ ย สอดคล้องกบั นโยบายของรฐั บาล และอยู่ในวสิ ยั ทก่ี องลูกเสือวสิ ามัญจะทาํ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ - โครงการให้บริการแก่ชุมชน เชน่ โครงการให้ความปลอดภัยในการจราจรหางานใหค้ น พิการทํา จดั ทําสนามเดก็ เลน่ สาํ หรบั เดก็ เยาวชน พกิ าร โครงการบรกิ ารแก่ผู้ประสบอบุ ตั ิเหตุดว้ ย การพยายามศกึ ษาหาความรใู้ นเรื่องการปฐมพยาบาล เพ่อื จะได้ช่วยเหลือผ้ปู ระสบอบุ ตั เิ หตุอยา่ งมี สมรรถภาพ การดบั เพลงิ ดว้ ยการเขา้ รบั การอบรมวิชาบรรเทาสาธารณภยั ฯลฯ - โครงการพัฒนาชมุ ชน โดยทําการสาํ รวจความต้องการของทอ้ งถน่ิ แล้ววางแผนและลงมอื ปฏิบตั ิตามโครงการน้นั 1ค6มู่ 2ือสง่ เสรชคิมมู่น้ั แอืมลกัธะายพรมจฒั ศดั ึกนกษาิจากกปจิรีทกรม่ีร2รลมูกเลสูกือเเสสอืรมิทสักรษา้ ะงชทวี กั ติ ษใะนชสวี ถติ าปนระศเึกภษทาลกู ลเูกสเือสสือาสมาญั มรญั ุ่นรใหุ่นญให่ เญค่รชอ่ื ้นังหมมัธายยมลศกู กึ เสษอื าชปั้นีทพี่ 2ิเศษ 169

- โครงการให้บรกิ ารแก่กจิ กรรมลกู เสอื เชน่ ปฏบิ ตั ิตามหน้าทที่ ไ่ี ด้รับมอบหมายทําหนา้ ท่ี กรรมการของกองทาํ หนา้ ทพี่ เี่ ลย้ี งชว่ ยดแู ลลกู เสอื และช่วยเหลือในการฝกึ อบรมลกู เสือประเภท อ่ืนๆ ในวิชาทีต่ นถนดั เชน่ การผูกเงอ่ื นเชอื ก การปฐมพยาบาล แผนท่เี ข็มทศิ ระเบียบแถว เป็นตน้ การปฏิบัติตนตามคตพิ จน์ของลูกเสอื วิสามัญ คตพิ จน์ “บรกิ าร” นัน้ เป็นเสมือน “หัวใจ” ของการลกู เสอื วิสามญั วา่ จะตอ้ งยึดมนั่ การ เสยี สละด้วยการบรกิ าร แต่การบรกิ ารนม้ี ไิ ด้หมายถงึ เปน็ ผู้รบั ใชห้ รอื คนงานอย่างที่บางทา่ น เข้าใจ การบริการในความหมายของการลกู เสอื วสิ ามญั น้ี เรามุง่ ทจ่ี ะอบรมบ่มนสิ ยั และจิตใจให้ได้ รจู้ กั เสยี สละ ได้รจู้ กั วธิ ีหาความร้แู ละประสบการณ์ อนั จะเปน็ ประโยชนต์ ่อไปในอนาคต และใน ทีส่ ดุ กจ็ ะทาํ ใหส้ ามารถประกอบอาชพี โดยปกตสิ ุขในสังคม การบริการหมายถงึ ใหป้ ระกอบ คณุ ประโยชนแ์ ก่มนษุ ยชาติ ด้วยการถือว่าเปน็ เกียรตปิ ระวัติสงู สดุ แหง่ ชวี ติ ของเรา ในการทร่ี ้จู ัก เสยี สละความสขุ สว่ นตัวเพือ่ บาํ เพญ็ ประโยชนแ์ กผ่ ้อู ่นื ท้ังนี้ เพือ่ จดุ มุ่งหมายใหส้ งั คมสามารถดํารง อยไู่ ด้โดยปกติ เปน็ การสอนใหล้ ูกเสอื วสิ ามัญตงั้ ตนอยใู่ นศีลธรรมไมเ่ อารดั เอาเปรยี บผู้ท่ยี ากจนหรอื ดอ้ ยกวา่ นอกจากนนั้ การบรกิ ารแกผ่ ูอ้ นื่ เปรยี บเสมอื นเปน็ การชาํ ระหน้ที ไ่ี ดเ้ กดิ มาแลว้ อาศัยอย่ใู น โลกน้กี ด็ ว้ ยความมุ่งหวังจะใหท้ กุ คนเข้าใจการใชช้ ีวิตอยรู่ ว่ มกันในสังคม มองเหน็ ความจาํ เปน็ ของ สังคมวา่ ไมม่ ใี ครสามารถดาํ รงชีวติ อยไู่ ดโ้ ดยลาํ พงั ทุกคนจําเปน็ ต้องพึง่ พาอาศัยกันไม่วา่ ดา้ นอาหาร การกิน ด้านเครอ่ื งนุ่งหม่ ทีอ่ ยอู่ าศัย ยารกั ษาโรค หรืออื่น ๆ กต็ าม เราตา่ งคนตา่ งมีความถนัด ในการงานอาชพี ของแต่ละคน แล้วจึงนําผลงานของตนไปแลกเปล่ยี นกัน ทั้งนี้ เพอ่ื ความอยรู่ อด ของทา่ นและของสังคม ฉะนน้ั ทา่ นจงึ เปรยี บเทยี บการบริการหรือการเสยี สละน้นั เสมือนเปน็ การ ชําระหน้ี ท่ีเราได้เกดิ มาและอาศยั อยู่ในสงั คมนน้ั ๆ เพราะเราตอ้ งพงึ่ ผู้อน่ื อยูต่ ลอดเวลานบั แต่เราเกดิ ลกู เสือเกี่ยวข้องกับชุมชนอย่างไร - กองลกู เสอื ตั้งอยูใ่ นชมุ ชน บตุ รหลานของสมาชกิ ในชมุ ชนเปน็ ลูกเสอื ในกองนนั้ - กองลกู เสอื เป็นส่วนหนงึ่ ของชุมชน เกีย่ วข้องกบั ชุมชนอยา่ งใกลช้ ดิ - ถ้ากองลกู เสือทาํ ประโยชน์ให้แก่ชมุ ชนชมุ ชนนั้นจะยอมรบั นับถือกองลูกเสอื นน้ั และจะเข้า ช่วยเหลือกิจการของกองลกู เสอื นน้ั - กองลูกเสอื มคี วามสัมพันธอ์ นั ดีกับหน่วยงานทมี่ ีอยู่ในชุมชนนนั้ ตลอดจนหน่วยงานอืน่ ท่ี มิใช่เปน็ หน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะตอ้ งมคี วามสมั พันธอ์ ันดกี บั องค์การเยาวชนอนื่ ดว้ ย ความหมายของคาวา่ ชุมชน ชมุ ชน หมายถงึ กลุ่มของประชาชนซ่งึ อาศยั อย่รู วมกนั ภายในอาณาเขตอนั จาํ กัดมี ขนบธรรมเนยี มประเพณี มีความเป็นอยคู่ ล้ายคลึงกัน และมคี วามสนใจร่วมกนั ในการดาํ รงชวี ติ เรา จงึ เขา้ ใจไดว้ า่ หมู่บ้าน ตําบล อาํ เภอหรอื จงั หวัดเป็นชุมชน ขอบเขตของหม่บู ้านหรอื ตาํ บลดังกลา่ ว อาจถอื ได้ว่าเป็นขอบเขตของชุมชนนนั้ ๆ นักวชิ าการบางทา่ นอาจกลา่ วว่า ชุมชน คือบุคคลทมี่ ีจาํ นวนตัง้ แต่ 2 คนขน้ึ ไป ซึ่งรวมอยู่ ด้วยกันในอาณาบรเิ วณแหง่ หน่งึ บุคคลดงั กล่าวมที ัง้ หญงิ และชาย มหี ลายวัยและหลายอาชพี 170 คคู่มู่มอื อื สก่งาเรสจรดั ิมกแิจลกะรพรมฒั ลนกู าเสกอื จิ เกสรรรมิ มสลร้ากู งเทสักอื ษทะักชษวี ะิตชปีวรติ ะใเภนทสลถกูาเนสศือกึสษามาัญลรกู ุ่นเใสหือญส่าเมคัญรอ่ื รง่นุ หใมหาญยล่ ชกู นั้เสมอื ัธชยั้นมพศเิ ศึกษษาปที ่ี 2 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 163

ปรปะกระอกบอดบ้วดย้วบยุคบคุคลคทลม่ี ทฐี ่มี านฐี าะนแะตแกตตก่าตงก่างนั กเนั ชน่เชรน่ ่าํ รว่ํารยวปยาปนากนลกาลงแางลแะลยะายกาจกนจบนุคบคุคลคในลใชนมุ ชชมุ นชอนาอจาจ แตแกตตกา่ ตงกา่ งันกใันใเรนอ่ื เรงือ่ขงอขงอคงวคาวมารมู้ รคู้ วคาวมาปมรปะพระฤพตฤิ ตคิ วคาวมาขมยขนั ยหันมหน่ั มเพนั่ เียพรยีแรลแะลกะากรปารปะกระอกบออบาอชาพี ชพี ปัญปหญั าหขาอขงอชงมุ ชชมุ นชน 1. 1ป. ญั ปหญั าหทาาทงสางั สคังมคมกากรเาปรลเปยี่ ลนย่ี แนปแลปงลสงั สคังมคทมาทงดาง้าดน้าวนตั วถัตุ ถแุ นแวนคววคาวมาคมิดคแิดลแะลสะภสาภวาะวแะวแดวลดอ้ ลมอ้ ม เปลเป่ียลนย่ี ไนปไตปาตมากมากลาเวลลเวาลาซึ่งซปึ่งรปะชระาชานชสน่วสน่วในหใญหป่ ญรป่ับรตับวั ตตัวาตมาไมไ่ทมนั ท่ นั 2. 2ป.ญั ปหญั าหกากรบารบหิ ราิหรงาารนงาขนอขงอทงาทงราางชรากชากรใานรใรนปู รกปู ากรบารบิหราหิ รงาารนงาโนดโยดกยรกะทระรทวรงวทงบทวบงกวงรกมรตมา่ ตง่าๆง ๆ ในใสนว่ สนว่ กนลกาลงเาพงเอื่ พก่อื รกะจระาจยาบยรบิกราิกรขารอขงอรฐังไรปฐั ไสปู่ชสนชู่ บนทบทยงั ยขงัาขดาแดคแลคนลเจนา้เจหา้นหา้ นทา้ซ่ี ทึง่ ซี่จงึ่ะจไปะไรป่วมรว่ ปมฏปิบฏตั บิ งิ ัตานิงาแนลแะละ เปน็เปสน็ ื่อสปื่อรปะสระาสนากนับกปบั รปะชระาชานชนจึงจทึงาํ ทใหําใบ้ หร้บกิ ราิกรขารอขงอรฐังไรมัฐไ่ถมึง่ถมึงอื มปอื รปะชระาชานชไนดไอ้ ดยอ้ ่ายงส่างะสดะวดกวกแลแะละ ทั่วทถัว่ ึงถึงแลแะลโดะโยดบยันบทนั กึ ทตกึ าตมาเจมตเจนตานรมารณม์ ณ์ 3. 3ป. ัญปหัญาหดา้ ดน้าปนรปะชระาชานชนเราเตราอ้ ตง้อยงอยมอรมับรวับ่าวป่ารปะเรทะศเทไศทไยทเปย็นเปปน็ รปะเรทะศเททศก่ี ทาํ กี่ลําังลพังฒั พนัฒานาหรหือรยืองั ยัง ดอ้ ดย้อพยัฒพนัฒานจางึ มจึงีปมญั ปี หญั าหทาพี่ ทอพ่ี จอะกจะาํ กหาํนหดนไดไ้ ด4้ 4ปรปะกระากรารคือคอื 3.13.ป1ญั ปหัญาหคาวคาวมายมายกาจกนจซนึ่งซม่งึอี มยอี ทู่ ยว่ั ทู่ ไปัว่ ไทปงั้ ทใน้ังใเมนอืเมงอืแงลแะลชะนชบนทบหทรหือรอือาอจาคจดิ คเปิดน็เป็น727.52%.5% ขอขงอปงรปะชระาชการกทรั้งทป้ังรปะเรทะศเทศ 3.23.ป2ญั ปหญั าหคาวคาวมาไมไร่ มู้ ข่ราู้ ขดาคดวคาวมารมทู้ ราทู้งกางากรเากรษเกตษรตแรผแนผในหใมห่เชม่นเชก่นากรใาชรป้ใชยุ๋ ป้ บุ๋ยาํ บรงุําดรงุนิ ดกินากราร ปลปูกลพกู ชื พหชื มหนุ มเวุนยี เวนยี นกากรใาชรพ้ใชชื พ้ พชื นั พธนั ์ทุ ธีม่ ุท์ คี ีม่ ณุ คี ภณุ าภพาพควคาวมาไมไร่ มหู้ ่รนหู้ งั นสังอื สอื ตลตอลดอจดนจคนวคาวมาหมลหงลใหงใลหเชลอื่เชถอื่ อื ถในอื ใน สิ่งสทิ่งี ทม่ีงมายงาไยร้เไหรต้เหุผตลุผลฯลฯลฯ 3.33.3ปญั ปหัญาหโราคโรภคัยภไยัขไ้เจข็บ้เจเมบ็ ่ือเมปอ่ื รปะชระาชการกมรีโมรคโี รภคยั ภไยัขไ้เจขบ็เ้ จเ็บปน็เปอน็ ปุ อสปุ รสรครรตคอ่ ตกอ่ ากรพารฒั พนฒั านทากุ ทกุ ดา้ ดน้าน 3.43.4ปญั ปหัญาหคาวคาวมาสมงสบงเรบียเรบียรบอ้ รย้อปยรปะชระาชการกทรง้ั ทในง้ั ใเมนอืเมงอืแงลแะลชะนชบนทบยทังยขงัาขดาคดวคาวมาอมุ่นอในุ่จในจใน ด้าดน้าคนวคามวาปมลปอลดอภดยั ภทยั งั้ ทชงั้ีวชติ ีวแิตลแะลทะรทัพรยัพ์สยินส์ จนิ ึงจเปงึ น็เปอน็ ุปอสปุ รสรครรในคใกนากรพารฒั พนัฒานหานหา้ นทา้แ่ี ทล่แีะลคะวคามวารมับรผบั ิดผชดิ อชบอขบอขงอง ลูกลเสกู ือเสวอืิสวาสิมาญั มทญั ม่ี ทตี มี่ อ่ ีตชอ่ ุมชชุมนชนทาํ ทไดาํ ไ้โดโ้ยดกยากรชารว่ ชยว่เหยลเหือลชือุมชชมุ นชนบรบกิ ราิกรชารุมชชมุ นชแนลแะลพะัฒพนฒั านชามุ ชชุมนชน ลกู ลเสูกอืเสมอื บี มทบี บทาบทาใทนใกนากราชรว่ ชย่วเหยเลหือลชือุมชชุมนชน - -ตาตมาวมตั วถัตุปถรุปะสระงสคงห์ ครห์ือรออืดุ อมดุ กมากรณาร์ขณอ์ขงอลงกู ลเสกู ือเสือลูกลเสูกือเสจือะจชะว่ ชย่วสยรส้างรส้างรสรครร์สคัง์สคงัมคชมมุ ชชมุ นชทน่ีตทนีต่ อนยอู่ ยู่ ใหใด้ หขี ้ดน้ึ ีขน้ึ แลแะลมะคี มวีคาวมาสมงสบงสบุขสุข - ล- ูกลเสกู ือเสออืาอจาชจ่วชยว่เหยลเหอื ลสอืังสคังมคหมรหอื รชอื มุ ชชุมนชเกนย่ีเกวยี่กวบั กเรบั ื่อเรง่ือเดง็กเดหก็ รหือรคือนคพนิกพากิราร - ล- กู ลเสกู ือเสออืาอจาเขจ้าเขไปา้ ไเกปย่ีเกวย่ีขว้อขง้อกงับกชบั มุ ชชุมนชโนดยโดกยากราร - ใ-หใ้บหร้บิกรากิรชารมุ ชชมุ นชนเชน่เช่นช่วชยว่ในยใกนากรรากัรรษักาษคาวคาวมาสมะสอะาอดาดชว่ ชยว่คยวคบวคบมุ คกุมากรจารจาจรารจชร่วชย่วย บรบรเรทราเท- าส- าสธารธณารภณัยยภฯัยฯลลฯฯลฯ - ช- ว่ ชย่วในยใกนากรพารฒั พนัฒานชามุ ชชมุ นชนเชน่เชน่ โคโรคงกรงากรบาราํ บรุงาํ พรงุ ันพธันุ์ปธลุป์ าลาฯลฯลฯ กากราบรรบกิ ราิกราชรมุ ชชุมนชนคือคกือากรทารลี่ ทูกล่ี เสกู ือเสเขอื ้าเขไป้าไชป่วชย่วเหยลเหือลชือุมชชมุ นชในใโนอกโอากสาตส่าตงๆา่ งเๆป็นเปคน็ รค้งั คร้งัรคาวราเชว่นเชน่ กากรบารําบเพําเ็ญพป็ญรปะโรยะชโยนชด์ น้วด์ ยว้กยากรทาราํ ทคาํวคามวาสมะสอะาอดาถดนถนนหนนหทนาทงาวงดั วัดาวอาอรามราโมรงโพรงยพายบาาบลาตลลตาลดาสดดสด คคู คลคู อลงอแงมแน่ ม้าํ น่ ฯาํ้ ลฯลโฯดโยดชยมุ ชชุมนชมนไิ มดไิข้ ดอข้ รอ้ รงอ้แงลแะลเขะ้าเขมา้ มรว่ามร่วมมือมในือใกนากรบารบิกราิกรแารตแ่เปตน็่เปก็นากรปารฏปบิ ฏตั บิ ขิ ัตอขิ งอลงกู ลเสูกอืเสอื ดว้ ดยว้คยวคาวมาศมรศัทรธทั าธอาาอสาสามสคั มรัคตราตมาอมดุ อมดุ คมตคิ แตลิ แะลเพะเ่อื พกื่อากรโาฆรโษฆณษาณเผายเผแยพแรพก่ ริจก่กจิ ากรลารกู ลเสกู อืเสเขอื ้าเขส้าูป่ สรู่ปะชระาชานชน ค่มู 1คอื 6่มูส4ง่ือเสส่งรเิมสแรคชลมิ ู่มั้นะแือมพลกธั ัฒะายพรมนจฒั ศาัดึกกนกษิจาิจกากปริจรรีทกรมม่ีร2ลรลมูกกู เเลสสูกอือื เเทสสอืักรมิทษสกัะรชษา้ วี ะงิตชทใีวกั นิตษสใะนถชาสวี นถิตศาปนึกระษศเกึาภษทลาลูกกูเลสเูกสือเือสสาอื ามสมัญาญั มรรญันุ่ ุ่นใรใหหนุ่ ญญให่่ ชเญคั้น่รชมอ่ื นั้ธงหมยมมัธายศยมึกลษศูกึกาเสปษอื ทีาชปี่ 2ัน้ ีทพ่ี 2เิ ศษ 17171

การพฒั นาชมุ ชน คาํ ว่า พัฒนาชมุ ชนน้ัน เปน็ คาํ สองคําผสมกนั อยู่ คือ “พัฒนา” และ “ชุมชน” คําว่า “พัฒนา” มผี ูใ้ หค้ วามหมายไวว้ า่ “คือการเปลี่ยนแปลงให้ดีข้ึน” หมายถงึ ส่งิ ใดคนใดหรอื กจิ กรรมใด ทม่ี กี ารเปลี่ยนแปลง และเปลีย่ นแปลงไปในทางทดี่ ีขึน้ เช่น เดก็ เปลยี่ นจากคลานเป็น ยนื ไดห้ รือเดนิ ได้ บา้ นสกปรกเปลีย่ นเปน็ บ้านสะอาด ทางเดนิ เทา้ เปล่ียนเป็นถนน ดังน้ีเปน็ ต้น คาํ วา่ “ชมุ ชน”กห็ มายถึง “กลุม่ ของประชาชนซง่ึ อาศัยอย่รู วมกนั ” รวมทง้ั สองคําเข้าด้วยกันเปน็ “พฒั นาชมุ ชน” ก็หมายถงึ การเปล่ียนแปลงชมุ ชนหรอื หมู่บ้าน ตาํ บลให้ดีขน้ึ น่นั คือ การเปล่ยี นแปลงคน สงิ่ แวดลอ้ มตัวคน เชน่ บา้ น ถนน เสื้อผ้า ปัจจยั 4 การทาํ มาหากิน ความเปน็ อยู่ จุดม่งุ หมายของงานพฒั นา 1. มุ่งทจ่ี ะแปรเปลี่ยนทศั นคตขิ องประชาชนจากสภาวะ หรอื สถานการณเ์ กา่ แก่ลา้ สมัยให้ ทันสมยั มีความคิดก้าวหนา้ 2. มงุ่ ท่จี ะให้ประชาชนมคี วามสํานกึ ในการท่ตี นเปน็ สมาชกิ ของชมุ ชน 3. มงุ่ ท่จี ะใหป้ ระชาชนมคี วามรับผดิ ชอบ 4. มุง่ ทจี่ ะใหป้ ระชาชนรูจ้ ักชว่ ยตนเองไดต้ ลอดไป หลกั เกณฑ์การพัฒนาชุมชน 1. ปลูกฝังความเช่ือมน่ั ในการชว่ ยเหลอื ตนเองและการทาํ งานรว่ มกนั 2. ยึดการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน 3. ใชท้ รพั ยากรในท้องถ่นิ ให้มากทส่ี ดุ 4. รัฐบาลใหค้ วามสนบั สนนุ ทางดา้ นวชิ าการและวัสดุ ลูกเสือกับการพัฒนาชมุ ชน ในปจั จบุ นั สํานกั งานลกู เสอื โลก และสมาคมลูกเสือของประเทศต่างๆ ได้ใหค้ วามสนใจ สนับสนนุ สง่ เสริมในเร่อื งนเี้ ป็นพิเศษ เพราะไดค้ าํ นงึ ถึงความสาํ คัญของกจิ การลูกเสอื โดยเฉพาะตวั ลูกเสอื ซงึ่ เป็นสว่ นหน่ึงของชุมชน จะช่วยเหลอื ต่อชมุ ชนซง่ึ ตนอาศยั อยู่ไดเ้ ป็นอยา่ งดียงิ่ และในการ ประชมุ สมัชชาลูกเสอื โลก คร้งั ท่ี 28 ระหว่างวันที่ 10-14 สิงหาคม 2524 ณ เมืองดาการ์ ประเทศ เซเนกลั อาฟรกิ า กไ็ ด้เนน้ เร่ืองน้ไี วเ้ ป็นอยา่ งมาก สาํ หรบั ประเทศไทยกไ็ ดด้ าํ เนนิ การในเรอ่ื งนอ้ี ยู่แล้ว โดยไดแ้ ต่งตง้ั คณะอนกุ รรมการลูกเสือพัฒนาชมุ ชนขึ้น และแต่งตัง้ นายชลอ ธรรมศริ ิ ผู้ตรวจ ราชการประจาํ สาํ นกั นายกรัฐมนตรี (ขณะน้นั ) เปน็ ผ้ตู รวจการลกู เสอื ฝาู ยพฒั นาชมุ ชน พรอ้ มทั้งได้ จัดทําหลกั สตู รลูกเสอื พฒั นาชมุ ชน เพื่อทาํ การอบรมใหล้ ูกเสือไดเ้ รยี นรู้ทจี่ ะดําเนินการเขา้ ช่วยเหลอื ในการพฒั นาชุมชนตอ่ ไป การอนรุ ักษ์ การอนุรักษส์ ่งิ แวดลอ้ ม เปน็ บทบาทของลูกเสอื วิสามัญทกุ คนอกี ประการหนงึ่ 172 คคู่มูม่ ืออื สก่งาเรสจรัดมิ กแจิ ลกะรพรมฒั ลนูกาเสกอื จิ เกสรรรมิ มสลร้าูกงเทสกัือษทะกั ชษวี ะิตชปวี ริตะใเภนทสลถกูาเนสศือกึสษามาญั ลรกู นุ่ เใสหอื ญส่าเมคญัร่ือรงุ่นหใมหาญยล่ ชูกน้ัเสมอื ธั ชยนั้ มพศเิ ศกึ ษษาปีที่ 2 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 165

ส่งิ แวดลอ้ มทอี่ ยรู่ อบตัวเรามีคณุ ประโยชนต์ ่อการดาํ รงชวี ิตในสังคมเปน็ อย่างดี ถา้ มนุษยไ์ ม่ รู้จกั ปรบั ปรงุ อนรุ ักษ์สิ่งแวดลอ้ มทอี่ ยู่รอบตัวเราใหอ้ ยูใ่ นสภาพทดี่ ี หรือไมร่ จู้ กั ใช้ทรัพยากรและ สิง่ แวดลอ้ มใหถ้ ูกวิธแี ล้วจะก่อให้เกดิ การเสยี หายตามมาภายหลังหลายประการ ได้แก่ สิง่ แวดล้อม เป็นพิษ ซง่ึ เปน็ การบอ่ นทาํ ลายชีวติ มนุษยส์ ัตว์ พืช เปน็ ตน้ การอนุรักษ์ดนิ 1. ไมค่ วรปลกู พชื ชนิดเดยี วซา้ํ ๆซาก ๆ ในที่เดมิ ยอ่ มจะทําใหด้ นิ เส่ือมคณุ ภาพได้ผลผลติ นอ้ ย 2. ใสป่ ยุ๋ หรือปลกู พืชสลับและหมนุ เวียน 3. ปลูกพชื คลมุ ดนิ หรือหญ้า เพือ่ ปอฺ งกนั การกดั เซาะพังทลายใหน้ อ้ ยลง 4. ลดการทาํ ลายหญ้าทีป่ กคลมุ 5. ระงบั การระบายนาํ้ ออกและลดการใช้นา้ํ ที่ดดู ซึมจากดนิ ฯลฯ การอนุรักษ์น้า 1. ให้การศึกษาแก่ประชาชนใหเ้ ขา้ ใจถึงประโยชนใ์ นการปฺองกนั รกั ษาแหล่งน้ําใหส้ ะอาด และโทษทเี่ กิดจากแหลง่ นา้ํ 2. สนบั สนุนใหม้ ีการค้นคว้าวิจัย หาสงิ่ ใหมท่ เี่ หมาะสมในการคน้ คว้าหาสารเคมีทจ่ี ะมาแทน สารพิษอนั ตรายตา่ ง ๆ เช่น ด.ี ด.ี ที. หรือยาฆา่ แมลง 3. ไม่ท้ิงขยะและปฏกิ ูลลงในแม่นา้ํ ลาํ คลอง 4. จัดระบบการกาํ จดั นาํ้ โสโครกจากครัวเรอื นและโรงงานอตุ สาหกรรมใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ จึงปล่อยลงส่แู มน่ าํ้ 5. รฐั บาลจะต้องกําหนดนโยบายและวางแผนในการปฺองกนั และแกไ้ ขปัญหาน้าํ เนา่ ให้ แนน่ อนและมปี ระสิทธภิ าพ การอนุรักษ์สตั วป์ าู พระราชบัญญัติสงวนและคมุ้ ครองสตั ว์ปูา พ.ศ. 2503 ได้ให้คาํ นยิ ามศัพท์ในพระราชบัญญตั ิ ไวด้ ังน้ี สตั วป์ ูาไม่หมายรวมถงึ แมลงและไขข่ องแมลง สัตว์สงวน หมายความถึงสตั ว์ทหี่ ายาก สตั วป์ าู คมุ้ ครอง หมายความถึงสตั ว์ปาู คมุ้ ครองประเภท 1 และสัตวป์ าู คมุ้ ครองประเภท 2 สตั วป์ ูาคุ้มครองประเภทที่ 1 หมายความถึงสตั ว์ปูาซงึ่ โดยปกตไิ มใ่ ช้เนอ้ื เป็นอาหาร หรือไม่ ลา่ เพือ่ การกีฬา หรือสัตว์ปูาทที่ าํ ลายศตั รูพืช หรอื กาํ จัดสงิ่ ปฏกิ ูล หรือสตั ว์ปาู ทคี่ วรสงวนไว้ประดับ ความงามตามธรรมชาติ หรอื สงวนไวม้ ิให้ลดจาํ นวนลง ทั้งน้ีตามทีร่ ะบใุ นกฎกระทรวง สัตวป์ าู คมุ้ ครองประเภทที่ 2 หมายความถึงสัตว์ซงึ่ ตามปกตคิ นใช้เนอื้ เป็นอาหาร หรอื ลา่ เพื่อการกฬี าตามท่ีระบุไวใ้ นกฎกระทรวง 1ค6ู่ม6ือสง่ เสรชคมิ ู่ม้นั แือมลกัธะายพรมจัฒศดั ึกนกษาิจากกปิจรทีกรม่ีร2รลมูกเลสูกอื เเสสือริมทสักรษ้าะงชทีวกั ติ ษใะนชสวี ถติ าปนระศเึกภษทาลูกลเกูสเอื สสอื าสมาัญมรัญนุ่ รใหุ่นญให่ เญค่รชือ่ ั้นงหมมัธายยมลศูกึกเสษือาชปน้ั ีทพ่ี 2เิ ศษ 173

ลา่ หมายถงึ ยิง ดัก จบั หรอื ฆ่าสตั ว์ หรอื ทาํ อันตรายด้วยประการใดแกส่ ัตว์ และหมายความ ตลอดถึงการไล่ การตอ้ น การเรยี กและการล่อ เพือ่ การกระทาํ ดงั กลา่ วแล้วดว้ ย เนอ้ื หมายความถงึ เนอื้ ของสตั วไ์ ม่ว่าจะได้ป้ิง ยา่ ง รมหรอื ตากแหง้ หรือทาํ อย่างอืน่ เพื่อ ไมใ่ ห้เน่าเป่ือย และไมว่ า่ จะอยใู่ นร่างของสัตว์นั้น หรอื ชําแหละแล้ว พระราชบัญญตั ินไ้ี ดก้ าํ หนดขอ้ ความท่ีลูกเสือควรทราบมีดังน้ี 1. นอกจากพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ หรอื เจา้ พนกั งานอ่ืนใดซงึ่ ตอ้ งเข้าไปปฏิบัตกิ ารตามหนา้ ที่ หา้ มมใิ หผ้ ู้ใดเข้าไปในเขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ าู เวน้ แตจ่ ะไดร้ ับอนญุ าตจากพนกั งานเจ้าหน้าที่ 2. ในเขตรักษาพนั ธสุ์ ัตว์ปาู ห้ามมิใหผ้ ้ใู ดเข้าไปครอบครองยดึ ถอื ที่ดนิ หรอื ตดั โคน่ แผ้ว ถาง เผา ทําลายตน้ ไม้ หรือพฤษชาตอิ ่ืน หรอื ขุดแร่ ดิน หนิ สัตว์ หรอื เปลีย่ นแปลงทางนา้ํ หรือ ทําใหแ้ ม่นาํ้ ในลํานํ้า ลาํ ห้วย หนอง บึง ทว่ มทน้ หรือเหอื ดแหง้ หรือเป็นพษิ ตอ่ สัตว์ปาู 3. ห้ามมิให้ผใู้ ดล่าสตั ว์ ไมว่ า่ จะเปน็ สตั วป์ าู สงวน หรือสตั ว์ปูาคมุ้ ครอง หรือมีใช้หรือเก็บ หรือทําอนั ตรายแก่ไข่ในรังของสัตว์ปูา ซึ่งห้ามมใิ หล้ า่ สัตว์นนั้ ในบริเวณวดั หรือในบรเิ วณสถานทซี่ ่งึ จดั ไวเ้ พอื่ ประชาชนใหเ้ ปน็ ทป่ี ระกอบพิธีกรรมทางศาสนา 4. ผใู้ ดซ่อนเรน้ ช่วยจําหนา่ ย ชว่ ยพาเอาไปเสยี ซือ้ รบั จํานําหรอื รับไว้ ประการใด ซอ้ื สัตว์ปูาหรือเน้อื ของสัตวป์ ูา อนั ไดม้ าโดยกระทาํ ความผิดตามพระราชบญั ญัติน้ี ต้องระวางโทษจําคกุ ไม่เกนิ 1 เดอื น ความจาเป็นในการอนรุ ักษ์ธรรมชาติ ความสําคัญของธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มทอี่ ยรู่ อบตัวเรา มีคณุ ประโยชนต์ อ่ การดํารงชวี ติ ใน สังคมอย่างย่งิ ถา้ มนุษย์ไมร่ จู้ ักใชท้ รัพยากรและสิง่ แวดลอ้ มให้ถกู วธิ ีแล้ว จะก่อใหเ้ กิดการเสยี หาย ตามมาหลายประการ ได้แก่ ส่งิ แวดล้อมเปน็ พษิ ซ่งึ เป็นการบอ่ นทาํ ลายชีวิตของมนษุ ย์ พืช และ สัตวอ์ น่ื ๆ ได้แก่ การขาดแคลนทรพั ยากรธรรมชาติ เช่น ดิน นาํ้ ปูาไม้ แรธ่ าตุ สตั วป์ ูา และ แหลง่ เสริมสร้าง นนั ทนาการ การอนุรกั ษ์สถานทีส่ าคญั ทางประวัติศาสตร์ โบราณสถาน หมายความว่า อสังหารมิ ทรัพย์ ซงึ่ โดยอายหุ รอื โดยลกั ษณะแห่งการกอ่ สร้าง หรอื โดยหลกั ฐาน เกยี่ วกบั ประวตั ิของอสังหารมิ ทรัพยน์ ัน้ เปน็ ประโยชน์ในทางศิลปะประวตั ศิ าสตร์ หรอื โบราณคดี โบราณวตั ถุ หมายความวา่ สังหาริมทรพั ยเ์ ป็นของโบราณ ไม่ว่าจะเปน็ ส่ิงประดษิ ฐ์หรอื เปน็ สง่ิ ท่เี กดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ หรอื เป็นสว่ นหนง่ึ ส่วนใดของโบราณสถาน ซากมนุษยห์ รือซากสัตว์ ซงึ่ โดยอายุ หรอื โดยลกั ษณะการประดิษฐ์ หรือโดยหลกั ฐานเกย่ี วกบั ประวตั ขิ องสงั หารมิ ทรพั ยน์ ้ัน เปน็ ประโยชน์ในทางศิลปะ ประวตั ศิ าสตร์หรือโบราณคดี ศลิ ปวัตถุ หมายความว่า สงิ่ ท่ีทาํ ดว้ ยฝมี ือ และเป็นสงิ่ ที่นยิ มกนั ว่ามคี ุณคา่ ในทางศิลปะ พระราชบัญญัตนิ ้ี มีสาระสาํ คญั ดงั น้ี 1. ห้ามมใิ ห้ผู้ใดทําการคา้ โบราณวตั ถุ หรอื ศลิ ปวัตถุ หรอื แสดงโบราณวตั ถุ หรือศลิ ปวัตถใุ ห้ บคุ คลชม โดยเรียกเกบ็ คา่ ชมเป็นปกติธรุ ะ เว้นแต่จะไดร้ บั ใบอนญุ าตจากอธิบดี 174 คคู่มู่มอื อื สกง่าเรสจรดั มิ กแจิ ลกะรพรมฒั ลนกู าเสกอื ิจเกสรรรมิ มสลรา้กู งเทสกัือษทะกั ชษีวะติ ชปีวรติ ะใเภนทสลถกูาเนสศือกึสษามาญั ลรูกุน่ เใสหอื ญส่าเมคญัร่อื รงุ่นหใมหาญยล่ ชูก้นัเสมอื ัธชย้ันมพศเิ ศึกษษาปีที่ 2 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 167

2. ผูไ้ ด้รบั ใบอนญุ าตใหท้ ําการค้าโบราณวัตถหุ รือศิลปวตั ถุ แสดงโบราณวัตถุหรอื ศลิ ปวตั ถุ ให้บคุ คลชม ตอ้ งแสดงใบอนุญาตนั้นไว้ ณ ทเ่ี หน็ ได้งา่ ยในสถานการคา้ หรอื สถานการแสดงของตน และตอ้ งมบี ัญชแี สดงรายการโบราณวตั ถุ และศลิ ปวตั ถุที่อยูใ่ นครอบครองของตนตามแบบท่อี ธบิ ดี กําหนดใหถ้ กู ตอ้ งตามความเป็นจริง และรักษาบัญชีน้นั ไวใ้ นสถานการคา้ หรอื สถานแสดง โบราณวตั ถหุ รือศิลปวตั ถนุ น้ั 3. ห้ามมิใหผ้ ู้ใดส่งหรอื นําโบราณวตั ถหุ รอื ศลิ ปวตั ถุ ไมว่ ่าโบราณวัตถหุ รือศิลปวตั ถนุ ั้นจะ เปน็ โบราณวตั ถุหรอื ศลิ ปวตั ถทุ ไ่ี ดข้ ึน้ ทะเบียนแล้วหรอื ไม่ ออกนอกราชอาณาจกั ร เวน้ แต่จะไดร้ ับ ใบอนุญาตจากอธิบดี 4. โบราณวตั ถหุ รอื ศิลปวัตถุท่ซี อ่ น หรอื ฝงั หรือทอดท้งิ อยู่ ณ ทใี่ ด โดยพฤตกิ ารณซ์ ึง่ ไม่มี ผใู้ ดสามารถอ้างเป็นเจ้าของ ไม่วา่ ที่ซอ่ น หรอื ฝงั หรือทอดท้งิ ไว้ จะอยู่ในกรรมสทิ ธหิ์ รือครอบครอง ของบุคคลใดหรอื ไม่ ใหต้ กเป็นทรพั ยส์ ินของแผน่ ดนิ ผู้เก็บไดต้ อ้ งส่งมอบแก่พนกั งานเจา้ หน้าท่ี หรอื พนักงานฝูายปกครองหรอื ตาํ รวจ ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา แล้วมีสิทธไิ ดร้ บั รางวัลหนงึ่ ในสามแหง่ คา่ ของทรัพย์สนิ นนั้ 5. ผู้ใดเกบ็ ได้โบราณวัตถุหรอื ศิลปวตั ถทุ ซ่ี ่อน หรอื ฝังไว้ หรอื ทอดทงิ้ อยู่ ณ ทใ่ี ด ๆ โดย พฤติการณ์ซ่ึงไม่มผี ู้ใดสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ และเบยี ดบังเอาโบราณวตั ถุหรือศลิ ปวตั ถนุ ัน้ เป็นของตน หรอื ของผอู้ ่ืน ต้องโทษจาํ คกุ ไม่เกนิ สองปี หรือปรบั ไม่เกนิ สีพ่ นั บาท หรอื ทัง้ จาํ ทัง้ ปรับ 6. ผู้ใดทําใหเ้ สยี หาย ทําลาย หรือทาํ ใหเ้ สอ่ื มคา่ หรือทาํ ใหไ้ รป้ ระโยชน์ ซึ่งโบราณวตั ถุ ต้องระวางโทษจาํ คกุ ไม่เกนิ หนง่ึ ปีหรอื ปรับไมเ่ กนิ สองพันบาท หรอื ทั้งปรบั ท้ังจํา การอนุรกั ษ์ศลิ ปะและวฒั นธรรมไทย ศลิ ปวัฒนธรรมไทยเป็นสญั ลักษณ์แสดงถงึ ความเปน็ ไทย เปน็ หนา้ ทข่ี องคนไทยทกุ คนตอ้ ง ช่วยกนั อนุรกั ษ์ เพราะเปน็ ส่ิงทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กดิ ความภาคภมู ใิ จในฐานะท่ีเปน็ ชาติเกา่ แก่ มศี ิลปะ วฒั นธรรมของเราซึง่ แตกต่างจากชาตอิ ื่น ๆ อนั ไดแ้ ก่ - ดนตรีไทย เพลงไทย การละคร การฟอฺ นราํ ไทย - งานศลิ ปกรรมไทย เชน่ ภาพปลายไทย งานป้ัน การหาเคร่อื งเขิน เครอื่ งถมลงยา การ แกะสลักไม้ การจักสาน การทอ การชา่ งโลหะ เครื่องปั้นดนิ เผา - ศลิ ปะทางอกั ษรศาสตร์ - สถาปัตยกรรมไทย - งานประเพณไี ทยของภาคต่าง ๆ ในฐานะที่เราเปน็ ชนรนุ่ หลัง มหี นา้ ที่ต้องรกั ษามรดกทางวฒั นธรรมไทยท่ีบรรพชน ไดส้ ร้างไว้ ใหค้ งอยตู่ ลอดไป 1ค6มู่ 8ือส่งเสรชคมิ มู่น้ั แอืมลกัธะายพรมจฒั ศดั ึกนกษาิจากกปิจรทีกรม่ีร2รลมูกเลสูกอื เเสสือริมทสักรษา้ ะงชทวี กั ิตษใะนชสวี ถิตาปนระศเกึภษทาลกู ลเกูสเือสสือาสมาญั มรญั ุ่นรใหุ่นญให่ เญค่รช่ือนั้งหมมธั ายยมลศกู กึ เสษอื าชป้นั ที พ่ี 2ิเศษ 175

เรื่องสนั้ ท่ีเปน็ ประโยชน์ เรื่อง กระตา่ ยปูากับกบ กระต่ายปาู ฝูงหนึ่งไม่อยากมีชีวิตอยู่ พวกมันคิดว่าตัวเองเป็นสัตว์ที่อ่อนแอและขี้ขลาดซ่ึง ไม่รจู้ ะทาํ อะไรนอกเหนือจากการวงิ่ หนเี ทา่ นั้น พวกมันจึงตกลงใจจะไปกระโดดน้ําในท่ีมืดๆ ให้ตาย ไปเสยี เม่ือกระต่ายฝูงน้ันเดินเข้าไปใกล้ฝ่ังแม่น้ํา ฝูงกบต่างพากันตกใจพากันกระโดดลงไปใน โคลน เมอื่ เป็นเช่นน้ี กระต่ายกห็ ยดุ ชะงกั และมีความกลา้ หาญพอทีจ่ ะพูดว่า “พวกเราจงกลบั กนั เถอะ เราไม่ต้องการตายกนั แล้ว เพราะยงั มีสตั วช์ นดิ อนื่ ที่ออ่ นแอกว่าพวกเราอกี ” เรือ่ งน้สี อนให้รู้วา่ : จงอย่าอ่อนแอ ยังมคี นท่อี ่อนแอกวา่ เรา ท่มี าของเรื่อง: www.chulabook.com 176 คค่มู มู่ ือือสก่งาเรสจรดั ิมกแิจลกะรพรมัฒลนกู าเสกอื ิจเกสรรรมิ มสลร้ากู งเทสักือษทะักชษวี ะติ ชปีวรติ ะใเภนทสลถูกาเนสศอื กึสษามาัญลรูกุ่นเใสหอื ญส่าเมคัญรอ่ื รงนุ่ หใมหาญยล่ ชกู นั้เสมือธั ชยน้ั มพศเิ ศกึ ษษาปที ่ี 2 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 169

แบบประเมินการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่มของลกู เสอื เร่อื ง...................................................................................... กลุ่มทีุุุุ่..ชน้ั ุุุุุุ รายการประเมินการเข้าร่วมกจิ กรรม ลาดับ ชอ่ื -สกุล ความสามคั คี การแสดง ความมี ความตงั้ ใจ อธิบายการ รวม ผลการ ท่ี ความคดิ เห็น ระเบยี บวนิ ยั ในการ ปฏิบตั ิ ประเมนิ ทางาน ใหบ้ ริการแก่ ชุมชน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 ผ่าน ไม่ เกณฑ์ ผา่ น เกณฑ์ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลงชอื่ .................................................ผปู้ ระเมิน (........................................................) เกณฑ์การประเมินคณุ ภาพคะแนน ประเมินการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ ของลกู เสอื ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ 80 ข้นึ ไป ผ่านเกณฑ์ รายการประเมิน คุณภาพ 4321 การเข้ารว่ มกจิ กรรม อธิบายเนอื้ หาได้ตาม อธิบายเน้ือหาไดต้ าม อธิบายเน้อื หาได้ตาม ไมส่ ามารถ กลุ่มของลกู เสอื ประเด็น ประเดน็ ทีก่ ําหนดได้ ประเดน็ ทกี่ าํ หนด อธบิ ายเนอ้ื หาไดต้ าม ที่กาํ หนดครบถ้วน และ บางส่วนและใหค้ วาม บางส่วนแต่ยงั ไมช่ ัดเจน ประเด็นทีก่ ําหนดและ ให้ความรว่ มมอื ในการ รว่ มมอื ในการทํา และให้ความรว่ มมือใน ไมใ่ หค้ วามรว่ มมือใน ทาํ กิจกรรมโดยไมต่ อ้ ง กิจกรรมโดยมกี าร การทํากิจกรรมโดยมีการ การทํากจิ กรรม ตกั เตอื น ตกั เตือนเป็นบางครง้ั ตกั เตอื นเปน็ บางครงั้ แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญ่(เครอ่ื งหมายลูกเสือชนั้ พเิ ศษ) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ค1ู่ม7ือส0ง่ เสรมิ ชคแูม่้นั ลอืมะกธัพายัฒรมจนศดั ากึ กกษิจจิากกปรรที รรมี่ ม2ลลูกูกเสเสอื อืเสทรกัิมษสระา้ชงีวทติ ักใษนะสชถีวาติ นปศรกึะษเภาทลลกููกเเสสอืือสสาามมญั ัญรรนุ่ นุ่ ใใหหญญ่ เ่ คชรน้ั ่ือมงธัหยมมายศลึกูกษเสาปอื ชีทัน้ ี่ 2พเิ ศษ 177

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื สามญั ร่นุ ใหญ่ (เคร่ืองหมายลกู เสือชนั้ พเิ ศษ) ชน้ั มัธยมศกึ ษาทปี ี่ 2 หนว่ ยท่ี 6 บรกิ าร เวลา 2 ชว่ั โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 20 บญั ชชี วี ติ 1. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลูกเสอื สามารถทบทวนการดาํ เนนิ ชีวติ ทผ่ี ่านมา เพือ่ พัฒนาตนเองใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อสังคมได้ 2. เน้ือหา การท่คี นเราไดม้ ีโอกาสวเิ คราะห์และทบทวนการดาํ เนนิ ชีวิตของตนเองในบรรยากาสท่ี เหมาะสม จนทาํ ใหไ้ ดเ้ ห็นส่งิ ที่ควรปรบั ปรงุ และพัฒนาเพอื่ ประโยชน์ในการดาํ เนนิ ชวี ติ อยู่ในสังคม อย่างมีความสุข 3. สอื่ การเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบงาน 3.3 เรือ่ งที่เปน็ ประโยชน์ 4. กจิ กรรม 4.1 กิจกรรมครงั้ ท่ี 1 1) พธิ ีเปิดประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 2) เพลง หรอื เกม 3) กิจกรรมตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (1) ผู้กํากับลูกเสือสนทนาเก่ียวกับความสัมพันธ์ในชุมชนวัยรุ่นมักชอบแยกตัวและมี ความสัมพนั ธก์ ับคนในชมุ ชนน้อยลง (2) หมู่ลูกเสือน่ังล้อมวง ผู้กํากับลูกเสือให้แต่ละคนหลับตา นึกทบทวนการดําเนิน ชีวติ ของตนเองใน 1 เดือนทผี่ ่านมา 2 เร่ือง ต่อไปน้ี แลว้ เขยี นลงในตารางท่ี 1 ในใบงาน -สิง่ ดีๆ ท่ีชมุ ชนหรือสังคมทาํ ใหฉ้ ันแม้เพียงเล็กนอ้ ย - ส่งิ แยๆ่ ท่ีฉันทํากบั ชมุ ชนและสังคมโดยไม่ได้ตง้ั ใจ (3) ลกู เสอื แตล่ ะคนวิเคราะหส์ ง่ิ ท่ีตนเองเขียนลงในตาราง แล้วประเมินตนเองวา่ ควร จะปรบั ปรุงตวั อยา่ งไร เพื่อตอบแทนชุมชนทอี่ ยอู่ าศยั เขยี นลงตารางที่ 2 ในใบงาน (4) ลูกเสือแต่ละคนผลดั กนั เล่าผลการทบทวนทั้ง 2 เรื่อง คือการประเมินตนเองและ คดิ ว่าจะปรับปรุงตนเองอย่างไร แลกเปลีย่ นกบั สมาชิกในหมู่ (5) รวมกอง ผกู้ าํ กับลกู เสือนาํ อภปิ รายประเดน็ ตอ่ ไปน้ี - ได้ค้นพบอะไรบ้างท่ีนําไปสู่การปรับปรุง / เปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อชุมชน และให้ หมู่ลกู เสือเลือกเรือ่ งที่เหมาะสมทีส่ ุดเตรยี มจดั กิจกรรมในสปั ดาหต์ ่อไป 4) ผกู้ ํากบั ลูกเสือเลา่ เรื่องท่เี ป็นประโยชน์ 5) พิธปี ดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชกั ธง เลิก) 4.2 กิจกรรมคร้ังที่ 2 178 ค่มู อื การจัดกิจกรรมลกู เสือเสริมสร้างทักษะชีวติ ประเภทลกู เสอื สามัญรุน่ ใหญ่ เครอ่ื งหมายลกู เสอื ชน้ั พิเศษ 171 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื สามญั รนุ่ ชใหัน้ ญมัธ่ ชยมั้นศมกึ ัธษยามปศีทึก่ี ษ2าปที ่ี 2

4.2 กิจกรรมครง้ั ที่ 2 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชักธง สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เพลง หรือ เกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (1) ผกู้ ํากับลกู เสอื ทบทวนกับลกู เสือว่าแตล่ ะหมู่เลือกเร่อื งใดเพือ่ จัดกิจกรรมในครง้ั น้ี (2) ให้ลูกเสือนํากิจกรรม 1 กิจกรรมของเพ่ือนในหมู่มาวางแผนร่วมกันเพ่ือจะทํา ประโยชน์ต่อชมุ ชน เช่น ลูกเสือบางคนอาจเห็นวา่ ตนเองมีสิง่ แย่ๆ ต่อชมุ ชน คือชอบท้ิงขยะ ลูกเสือก็ ช่วยกนั คิดกจิ กรรรมที่จะชว่ ยทาํ ความสะอาดชุมชน หรอื กจิ กรรมทจ่ี ะช่วยใหช้ มุ ชนสะอาดอย่างยงั่ ยนื เปน็ ต้น (3) ลกู เสอื แต่ละหม่นู ําเสนอผลงานของหมู่ (4) ผูก้ าํ กับลกู เสอื และลกู เสือรว่ มกนั สรปุ 4) ผ้กู ํากบั ลูกเสอื เล่าเรอื่ งทเ่ี ปน็ ประโยชน์ 5) พธิ ปี ดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชักธง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 อธบิ ายถงึ การดําเนนิ ชีวิตท่ีผา่ นมา เพือ่ พฒั นาตนเองใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อสงั คม 5.2 สงั เกตการมสี ว่ นรว่ มทํากิจกรรม การแสดงออก และการแลกเปลี่ยนในหมเู่ พ่ือน 6. องค์ประกอบทักษะชีวิตจากกิจกรรม คือ ความคดิ วิเคราะห์ ความคิดสรา้ งสรรค์ ความตระหนกั รใู้ นตนเองความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและสงั คม ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 10 179 17ค2่มู อื สง่ เสชคมู่รนั้ ิมอืมแกัธาลยรมะจพศดั ึกฒั กษนิจากาปรกที รจิ มี่ ก2ลรกู รเมสลือูกเสเรสมิ อื สทรัก้าษงทะกัชษีวิตะชในวี ติสปถราะนเภศทกึ ลษูกาเสลือกู สเสามอื ญัสารม่นุ ญัใหรญนุ่ ่ใเหคญรอ่ื ่ งชห้ันมมาัธยยลมกู ศเสกึ อื ษชาัน้ ปพีทเิ ศี่ 2ษ

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 10 เพลง เพลงปรบมอื 5 ครงั้ ปรบมอื 5 ครั้ง ( 1 2 3 4 5 ) ปรบให้ดังยง่ิ กว่านี้ ( 1 2 3 4 5 ) กระโดดขา้ งหนา้ 5 ที ( 1 2 3 4 5 ) แล้วกลบั เขา้ ท่ีเหมอื นเดิม ( 1 2 3 4 5 ) กระโดดไปทางซา้ ย ( 1 2 3 4 5 ) แล้วย้ายมาทางขวา ( 1 2 3 4 5 ) ส่ายสะโพกไปมา ( 1 2 3 4 5 ) หัวเราะ ฮ่าฮา่ ใหด้ ัง ๆ ( 1 2 3 4 5 ) ใบงาน 180 คคมู่ มู่ือกือาสร่งจเดัสกรจิิมกแรลระมพลัฒกู เนสาือกเสิจรกิมรสรรม้าลงูกทเกั สษอื ะทชกั วี ษิตะปชรีวะเิตภใทนลสกู ถเสานอื สศาึกมษัญารลุ่นูกใหเสญอื ่ สเคารมื่อญั งหรชนุ่มน้ั าใมหยัธลญยกู ่มเชสศ้นั ือึกมชษธั้นั ายพปมิเที ศศ่ี ษ2ึกษาปที 1่ี 723

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 10 ตารางที่ 1 สิ่งดี ๆ ทีช่ ุมชนหรือสงั คม ทาให้ฉัน สงิ่ แย่ ๆ ทฉ่ี นั ทากับชุมชนหรอื สงั คม แม้เพียงเล็กนอ้ ย แม้โดยไม่ตงั้ ใจ 1. 1. 2. 2. 3. 3. ตารางที่ 2 สง่ิ ท่ฉี ันคิดจะปรับปรุงตนเองเพ่ือชุมชนหรือสังคม 1. 2. 3. 4. เร่ืองส้นั ทเี่ ปน็ ประโยชน์ 181 ค1่มู 7อื ส4่งเสริมคชแมู่นั้ ลอืมะกัธพายัฒรมจนศัดาึกกกษิจิจากกปรรที รรม่ี ม2ลลูกูกเสเสอื ือเสทรกัิมษสระา้ชงวี ทิตักใษนะสชถวี าิตนปศรกึะษเภาทลลูกกู เเสสอืือสสาามมัญญั รรุ่นุน่ ใใหหญญ่ เ่ คชร้ันือ่ มงัธหยมมายศลึกูกษเสาปือชที ั้น่ี 2พิเศษ

เรอื่ งสัน้ ท่ีเปน็ ประโยชน์ คนหาปลากบั พราน วนั หนึง่ คนหาปลาเดินสวนกับนายพรานเเละเห็นว่านายพราน มีเน้ือสัตว์มากมายจึงถามว่า \"ท่านพรานปาู ข้าขอเอาปลาเเลกกบั เนือ้ สตั วบ์ า้ งไดห้ รอื ไม\"่ นายพรานเหน็ คนหาปลามีปลาหลายตัวก็ นึกอยากจะลองกิน เนอ้ื ปลา วันต่อๆ มาคนหาปลากบั พรานกน็ ัดพบเพ่ือเเลกเปลีย่ นอาหารกัน ทุกวนั จนกระท่ังวันหนงึ่ คน หาปลากเ็ อย่ ขนึ้ ว่า\"ท่านยังอยากจะเเลกเนอื้ กับปลาอย่หู รือไม\"่ นายพรานกต็ อบว่าตนเริ่มเบอ่ื ปลาเเละ อยากกินเนื้อดงั เดมิ เเลว้ ทัง้ สองจงึ ตกลงเลกิ เเลกเปลี่ยนอาหารกนั อกี ต่อไป เรื่องน้สี อนใหร้ ู้ว่า คนเรามกั อยากล้ิมลองของใหม่ เเต่ไมน่ านก็ต้องเหน็ คา่ ของ ของเกา่ สุนขั ชัว่ สุนขั ตัวหน่งึ มนี สิ ัยชอบขโมยและกดั ใครต่อใครท่ีมันพบเหน็ อย่เู สมอ เพราะฉะน้ันเจ้าของจึง เอากระด่ิงแขวนไวท้ คี่ อ เพือ่ เตอื นใหค้ นรู้ว่ามันเขา้ ไปใกลผ้ ใู้ ด แต่สุนัขตัวน้ันกลับมีความนิยมชมชอบในกระด่ิงท่ีเจ้าของแขวนคอมัน มันเดินไปตามถนน หนทางดว้ ยความภาคภูมิใจในเสียงกระดิ่งท่ีคอของมัน จนกระทั่งสุนัขแก่ตัวเมียตัวหน่ึงพูดว่า “เจ้า หน่มุ ซ่ึงหาความดีอะไรไม่ได้ ทําไมเจ้าแสดงกิริยาท่าทีเช่นน้ัน กระดิ่งนั้นไม่ใช้เคร่ืองหมายแห่งคุณ งามความดขี องเจา้ เลย แต่เป็นเคร่อื งหมายของความเลวทรามของเจ้าตา่ งหาก” เรอ่ื งน้สี อนใหร้ ้วู า่ คนชั่วยอ่ มไมเ่ คยมองเหน็ ความผดิ ของตนเอง แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่(เคร่ืองหมายลูกเสอื ชน้ั พเิ ศษ) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 182 คคู่มูม่ อื ือสก่งาเรสจรดั ิมกแิจลกะรพรมัฒลนูกาเสกือิจเกสรริมมสลร้ากู งเทสกัอื ษทะักชษีวะิตชปีวรติ ะใเภนทสลถูกาเนสศือกึสษามาญั ลรกู นุ่ เใสหือญส่าเมคญัร่ือรงนุ่ หใมหาญยล่ ชูกนั้เสมอื ัธชยัน้ มพศิเศึกษ าปที ่ี 2175 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2

แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ (เคร่อื งหมายลูกเสือช้ันพิเศษ) ช้ันมัธยมศกึ ษาทีป่ี 2 หน่วยที่ 6 บริการ แผนการจัดกิจกรรมที่ 21 ปูมชวี ิตปราชญช์ าวบา้ น เวลา 2 ช่วั โมง 1.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ลกู เสือสามารถอธบิ ายเกยี่ วกับปูมชวี ิตของปราชญ์ชาวบ้านทคี่ ดิ ค้น บกุ เบกิ ภมู ปิ ญั ญา ทอ้ งถ่ิน เปน็ ตวั อยา่ งทด่ี ี และทาํ ประโยชน์แกส่ ว่ นรวมได้ 2. เนือ้ หา การเรยี นรู้จากปมู ชีวติ ของปราชญ์ชาวบา้ น 3. สือ่ การเรียนรู้ 3.1 เพลงเรามาสนกุ กนั , 3.2 เกม พรมวิเศษ 3.3 ใบความรู้ เรื่อง ปราชญ์ชาวบา้ น 3.4 ใบงานเรือ่ งปูมชีวิตของปราชญช์ าวบา้ น 3.5 เร่ืองสน้ั ทีเ่ ปน็ ประโยชน์เร่อื งการเปลยี่ นชอื่ ประเทศจาก \"สยาม\" เป็น \"ไทย\" 3.6 เรื่องสน้ั ท่เี ป็นประโยชน์เร่อื งสาํ นวนไทย ตดั หางปลอ่ ยวดั 4. กิจกรรม 4.1 กจิ กรรมครั้งที่ 1 1) พิธเี ปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก) 2) เพลง เรามาสนกุ กัน 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 ผกู้ าํ กับลูกเสอื มอบใบความรู้ เรื่อง ปราชญ์ชาวบ้าน ให้หมู่ลูกเสือศึกษา ค้นคว้า ว่ามีวิถีชีวิตอย่างไร คิดค้น บุกเบิกในเร่ืองอะไร ต้องผ่านความยากลําบากอะไรมาบ้าง ภูมิ ปัญญานัน้ เป็นประโยชนอ์ ยา่ งไร 3.2 ผู้กํากับลูกเสือมอบหมายหมู่ลูกเสือให้ทํากิจกรรมใบงาน เร่ือง ปูมชีวิตของ ปราชญ์ชาวบ้าน 4) ผกู้ ํากบั ลูกเสอื เลา่ เรือ่ งส้ันท่เี ปน็ ประโยชน์เรอ่ื งการเปลย่ี นชอื่ ประเทศจาก \"สยาม\" เปน็ \"ไทย\" 5) พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชักธงลง เลิก) 4.2 กิจกรรมครั้งที่ 2 1) พธิ ีเปดิ ประชุมกอง (ชักธงข้ึน สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 2) เกม พรมวเิ ศษ 3) กจิ กรรมตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (1) ลกู เสอื รายงานทลี ะหมจู่ นครบ 1ค7มู่ 6อื สง่ เสรชคมิ ู่มั้นแอืมลกธั ะายพรมจัฒศดั กึนกษาจิ ากกปิจรทีกรม่ีร2รลมูกเลสูกอื เเสสอืริมทสักรษา้ ะงชทวีกั ติ ษใะนชสวี ถิตาปนระศเึกภษทาลูกลเูกสเอื สสอื าสมาญั มรัญนุ่ รใหุ่นญให่ เญค่รช่อื ัน้งหมมธั ายยมลศูกกึ เสษือาชปัน้ ที พ่ี 2ิเศษ 183

(2) ผกู้ าํ กบั ลูกเสอื นาํ อภิปรายสรปุ ข้อคดิ ทไี่ ดแ้ ละสิ่งท่ีได้เรยี นร้จู ากปมู ชีวติ ของ ปราชญช์ าวบ้านทลี ะคนจนครบทกุ คน 4) ผู้กํากบั ลูกเสอื เล่าเรื่องสน้ั ที่เป็นประโยชน์เรอื่ ง สํานวนไทย ตัดหางปล่อยวดั 5) พธิ ปี ดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล 5.1 อธิบายเกย่ี วกับปมู ชีวติ ของปราชญ์ชาวบ้านที่คดิ ค้น บกุ เบกิ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น เปน็ ตัวอยา่ งท่ดี ี และทาํ ประโยชนแ์ ก่สว่ นรวม 5.2 แบบประเมินการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่มของลกู เสอื 6. เคร่ืองมือการประเมินผล แบบประเมินการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่มของลกู เสอื 184 คคู่มูม่ อื ือสกง่าเรสจรัดมิ กแจิ ลกะรพรมัฒลนูกาเสกือจิ เกสรรมิ มสลรา้กู งเทสกัือษทะักชษวี ะติ ชปีวรติ ะใเภนทสลถูกาเนสศือกึสษามาัญลรกู นุ่ เใสหือญส่าเมคญัร่ือรงนุ่ หใมหาญยล่ ชกู ้ันเสมอื ธั ชยัน้ มพศเิ ศกึ ษ าปีท่ี 2177 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 21 เพลง เรามาสนกุ กัน ชะชะชา่ …………. ประกอบท่าทาง มาเถิดเรามามารว่ มร้องเพลงกนั พวกเราทง้ั น้ันลกุ ข้นึ พลนั ทนั ที แล้วเรามาหันหนา้ มาหากันยกมอื ไหวก้ ันแลว้ ตบมือสามที (เอ้า 1..2..3) เสรจ็ พลันแลว้ ก็หนั กลบั มาสนกุ หนกั หนาแล้วสา่ ยเอว 5 ที (เอา้ 1..2ุ3..4..5) เกม พรมวิเศษ วิธเี ล่น 1. ลกู เสือแตล่ ะหมมู่ ีจํานวนเท่ากัน ข้นึ ไปยนื บนผ้ายางของแตล่ ะหมทู่ เี่ ตรยี มไว้ ขนาด 2 x 2 เมตร ท่ีจุดเรม่ิ ตน้ 2. เม่ือไดย้ ินสัญญาณเรมิ่ เลน่ ให้แตล่ ะหมู่เคลอื่ นยา้ ยตวั เองและผา้ ยางท่ยี ืนเหยยี บไว้ไปยงั จดุ ทก่ี ําหนด โดยไม่ให้ตวั ออกจากผืนผา้ 3. หมู่ใดถึงเสน้ ชยั กอ่ นเปน็ ฝาู ยชนะ 1ค7มู่ 8อื ส่งเสรคชิมมู่้ันแอืมลกัธะายพรมจัฒศัดกึนกษาิจากกปจิรีทกรมี่ร2รลมกู เลสูกอื เเสสอืริมทสักรษ้าะงชทวี กั ติ ษใะนชสีวถติ าปนระศเึกภษทาลูกลเกูสเอื สสอื าสมาญั มรัญุ่นรใหุ่นญให่ เญค่รชือ่ น้ังหมมัธายยมลศูกกึ เสษือาชปั้นีทพ่ี 2ิเศษ 185

ใบความรู้ เร่อื ง ปราชญ์ชาวบ้าน บคุ คลคลผเู้ ปน็ เจา้ ของภมู ิปัญญาชาวบา้ นและนาํ ภูมปิ ญั ญามาใชป้ ระโยชน์ในการดาํ รงชวี ติ จนประสบผลสาํ เรจ็ สามารถถา่ ยทอดเช่ือมโยงคุณค่าของอดีตกับปจั จบุ นั ได้อย่างเหมาะสมความ เหมอื นกันระหวา่ งผู้ทรงภมู ปิ ญั ญาไทยกบั ปราชญช์ าวบา้ นคือ บทบาทและภารกิจในการนาํ ภมู ิปัญญา ไปใช้แกป้ ัญหา และการถา่ ยทอดเพอื่ ให้เกดิ ความเชอ่ื มโยงจากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สว่ นความแตกตา่ งกนั นั้นขน้ึ อยู่กับระดบั ภมู ปิ ัญญาท่จี ะนําไปแกป้ ญั หาและถา่ ยทอดกล่าวคอื ผู้ทรงภมู ปิ ัญญาไทยยอ่ มมี ความสามารถหรอื ภารกจิ ในการนาํ ภมู ิปญั ญาระดบั ชาติไปแกป้ ัญหา หรอื ถ่ายทอด หรือผลิตผลงาน ใหม่ๆ ท่ีมคี ณุ ค่าต่อประเทศชาตโิ ดยส่วนรวม สว่ นปราชญ์ชาวบ้านมีความสามารถหรอื ภารกจิ ในการนาํ ภมู ิปญั ญาชาวบา้ นหรอื ภมู ปิ ญั ญา ทอ้ งถ่ินไปแก้ปัญหาหรือถา่ ยทอดในทอ้ งถิ่นสามารถนํามาใช้ปฏิบัติไดจ้ ริง ทหี่ ลายคนยกยอ่ งกนั ว่า เป็น ปราชญ์ชาวบ้าน มสี าขาองคค์ วามรู้ทห่ี ลากหลาย ตามความถนดั และการปฏิบตั ขิ องแต่ละคน ซึง่ มีองคค์ วามรทู้ ม่ี กี ารหลอ่ หลอม ซึมซับ บม่ เพาะ คน้ ควา้ ทดลองโดยใช้วิถชี วี ิตของตนเองเปน็ หอ้ งทดลองขนาดใหญ่ เพอื่ ทดสอบความถูกผิด คิดสรรกลนั่ กรองสิง่ ทม่ี ีคณุ คา่ แกช่ ีวติ แกผ่ นื แผ่นดนิ แล้วถา่ ยทอดให้ผอู้ น่ื ได้สบื สานต่อ ทงั้ ทีเ่ ป็นมรดกและท้งั ท่เี ปน็ สมบตั ทิ างปญั ญา ดังน้นั ประสบการณค์ วามคดิ และวถิ กี ารดํารงชวี ิตของทา่ นๆ เหลา่ นี้ ล้วนเปน็ ขนุ ทรพั ย์ทาง ปัญญาท่สี าํ คญั ยิ่งของแผน่ ดนิ ซึ่งมกี ลมุ่ งานภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ ได้แนะนาํ ปราชญ์ท่นี ่าสนใจและเรียนรู้ วถิ ีชีวติ การปฏบิ ัตงิ านไวห้ ลายทา่ น รวมปราชญ์ชาวบ้านครูบาสทุ ธนิ นั ท์ ปรัชญพฤทธ์ิ ผเู้ รียกตนเอง วา่ ” คนนอกระบบ ” เป็นครภู ูมปิ ญั ญาไทย รนุ่ 1 ดา้ นเกษตรกรรม ( การปรับใชเ้ ทคโนโลยีที่ เหมาะสม ) เจา้ กรมราษฎรส่งเสรมิ บ้านปากช่อง ตําบลสนามชยั อําเภอสตกึ จังหวดั บุรีรัมย์ เป็น หนึง่ ในจอมยทุ ธ์ปราชญ์ชาวบ้านพหภุ าคอี สี านใต้ นายแสง รักษาภกั ดี ที่ บ้านใหม่น้ําเงนิ หมู่ 12 ตาํ บลงมิ อาํ เภอปง จังหวัดพะเยา เปน็ ตน้ แบบการดําเนนิ ชวี ติ แบบเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยใชบ้ รเิ วณ บา้ นท่อี ยอู่ าศัยของตนเอง เลย้ี งกบ ปลกู พชื ผักสวนครัว ทาํ ปยุ๋ หมัก เพอ่ื บรโิ ภคในครอบครวั เหลอื ก็ นําออกจําหนา่ ยเปน็ รายได้ของครอบครวั ทําให้ครอบครัวอยไู่ ดแ้ บบพอเพยี ง ครอบครวั อบอนุ่ และมี ความสขุ ตามสมควร โดยอาชีพเสรมิ ด้านการเล้ียงกบ ทําใหฐ้ านของเขาพน้ ขดี ความยากจนได้ นายจนั ทร์ที ประทุมภา เกษตรกรบา้ นโนนรงั ตาํ บลตลาดไทร อาํ เภอชมุ พวง จงั หวัดนครราชสมี า เปน็ อกี หนึ่ง เกษตรกรทไี่ ดด้ าํ เนนิ ชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยี ง ซง่ึ เปน็ ปรัชญาทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว ไดพ้ ระราชทานเป็นแนวทางการดําเนนิ ชวี ิตแกช่ าวไทยทกุ หมู่เหลา่ โดยการดาํ เนนิ ทางสายกลางในการดาํ รงชีวิตที่เหมาะสม กับสถานการณเ์ ศรษฐกิจโลกในปจั จุบนั ได้รับการแตง่ ต้งั ให้เป็นปราชญ์ชาวบา้ นประจําจงั หวดั นครราชสมี า และเป็นผทู้ ไ่ี ดร้ บั รางวัลชนะเลิศด้านเกษตร ทฤษฎี ใหมจ่ ากการประกวดผลงานตามปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงครั้งท่ี 1 จัดโดยสํานักงาน คณะกรรมการพเิ ศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเน่อื งมาจากพระราช ดําริ (สํานกั งาน กปร.) 186 คคมู่ มู่ ืออื สก่งาเรสจรัดมิ กแิจลกะรพรมฒั ลนกู าเสกือจิ เกสรรริมมสลร้ากู งเทสักอื ษทะักชษวี ะติ ชปีวรติ ะใเภนทสลถูกาเนสศือกึสษามาญั ลรูก่นุ เใสหือญส่าเมคญัรือ่ รง่นุ หใมหาญยล่ ชูกนั้เสมือัธชยนั้ มพศิเศึกษษาปีที่ 2 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 179

นายสงวน มงคลศรพี นั เลศิ ปราชญช์ าวบ้าน ในฐานะประธานศูนยเ์ รยี นรู้เศรษฐกิจพอเพยี ง บา้ นเขากลม ตาํ บลหนองทะเล อาํ เภอเมอื ง จงั หวัดกระบ่ี เล่าถงึ การทาํ การเกษตรผสมผสานจาก 1 เรอื่ งใน 22 เรอ่ื งท่ีคดิ คน้ และพฒั นาเนน้ การพึ่งพาตนเอง การปลกู พืชตีกลบั เป็นชื่อเรยี กการปลุก กล้วยแบบเอารากขนึ้ บนแตเ่ อาปลายลงดนิ ผเู้ ขยี นขออภยั หากไม่ได้เอย่ ช่ือท่านทีม่ ีชื่อเสยี งทน่ี ่ายก ยอ่ งวา่ เปน็ ปราชญ์ไดค้ รบทกุ ทา่ นไวใ้ นที่นดี้ ้วย แกน่ แท้ของความเปน็ ปราชญ์ หลักคิด และวธิ กี าร ท่ี ปราชญช์ าวบา้ นเสนอ ไม่วา่ จะเปน็ บุคคล หรือ ระดับชมุ ชนเบอ้ื งตน้ สดุ เรมิ่ จาก การรู้จกั ตวั เองใหไ้ ด้ นั่นคือ ต้องรวู้ า่ ปัญหาที่เราเผชญิ อยูเ่ กดิ จากอะไร ใครทาํ ให้เกดิ ปญั หา เราสร้างปญั หาเอง หรือ คน อน่ื สรา้ งปัญหา เช่น เพราะนโยบายของรฐั บาล หรือ เพราะใคร วเิ คราะหต์ นเอง ชมุ ชน ตง้ั แตอ่ ดตี จนถึงปัจจบุ นั รากฐาน ประวัตศิ าสตร์ความเปน็ มา มที รัพยากรอะไรบ้าง มที นุ ปัญญา ทุนทางสงั คม ทุนวัฒนธรรม และ ทนุ ทรพั ย์อยหู่ รอื ไม่ ถา้ มจี าํ นวนเทา่ ไหร่ ชีวิต หรอื ชมุ ชน ต้องการอะไร อะไรคอื สิ่งท่จี าํ เปน็ อะไรคอื สิง่ ทต่ี อ้ งการ การวิเคราะหต์ ัวเอง ทําให้เราได้เขา้ ใจตวั เอง ทราบถึงความจาํ เป็น และความตอ้ งการที่แทจ้ ริง ทําใหช้ วี ติ หรอื ชมุ ชน สามารถจดั ความสมั พนั ธ์ หรือ กาํ หนดท่าทีตอ่ สง่ิ ทม่ี าจากภายนอก ท่ีเขา้ มา เป็นผูเ้ ลือก คดั สรร อะไรควรรับ หรอื ควรปฏเิ สธ รบั แลว้ ควรปรับใหเ้ ข้ากับชีวิตหรอื ชุมชน ไดอ้ ย่างไร เป็นการรเู้ ทา่ ทนั สงิ่ ภายนอก เปรียบเสมือนชุมชนท่ี มภี ูมติ า้ นทานโรครา้ ยที่เข้ามา ใชป้ ญั ญาทาํ งานแทนเงินตรา เน้นการสร้างกระบวนการเรยี นรู้ พัฒนา คนใหเ้ กิดปญั ญา มีความคดิ ท่ีจะแก้ปญั หาดว้ ยตัวเอง การระดมทนุ ระดมทรพั ยากรมาทีหลัง มีความ เชื่อมน่ั วา่ ถ้ามนษุ ยเ์ กิดปญั ญา จะสามารถแกป้ ญั หาได้ การทาํ งานรว่ มกัน จึงต้องตระหนกั เสมอวา่ เป็นกระบวนการในการสร้างคนข้ึนมา สรา้ งการมสี ่วนรว่ มแทนอาํ นาจส่งั การ ใชว้ ิธีการทาํ งานโดย ชกั ชวนคนเขา้ ร่วมจากกล่มุ เลก็ ๆ กอ่ น ทําให้เกดิ ผลงานเหน็ ชัดเจน มีตวั อยา่ งรปู ธรรมพสิ จู นไ์ ด้ จน เกดิ การยอมรับวา่ สามารถทาํ ได้จรงิ จึงขยายผลไปสวู่ งกว้าง ชักชวน สรา้ งแนวรว่ มใหค้ นเข้ารว่ ม กระบวนการมากขนึ้ เรอื่ ยๆ มหี ลกั ในการระดมความคดิ รว่ มกนั ไมใ่ ช่ตา่ งคนตา่ งคดิ ตา่ งคนตา่ งทํา แต่จะให้ร่วมคดิ กนั ดงั ๆ ในที่ประชุม นําแนวคดิ ของแต่ละคน มาปรับปรงุ พัฒนาร่วมกัน เม่อื เกดิ ความ ชัดเจนทางความคิด กห็ าแนวทางในการปฏบิ ัติ ถามถึงวิธกี ารการทํา? มีใครตอ้ งรับผิดชอบ? ต้องใช้ ทรัพยากรอะไรบ้าง? ใช้งบประมาณเท่าไหร?่ ตอนนม้ี อี ยู่เทา่ ไหร?่ ต้องกู้มาเทา่ ไหร่? จะค้มุ คา่ หรอื ไม?่ ต้งั คาํ ถาม หาคาํ ตอบ ทกุ ประเด็น ใหช้ ดั เจน เมอ่ื คดิ แล้ว ตอ้ งลงมอื ทําด้วยตวั เอง แตถ่ ้าเพียงแต่คิด เพอื่ เสนอใหค้ นอน่ื ทํา จะไมไ่ ด้ผล ยึดถอื คติคดิ แลว้ ต้องลงมอื ทํา ชมุ ชน ต้องมีบทบาทหลัก ไมใ่ ช่หน่วยงานราชการ งานพัฒนาชมุ ชนทผี่ า่ นมา เปน็ งานของหน่วยงานราชการ เป็นหลัก ชุมชนเป็นเพียงผ้เู ขา้ รว่ ม ถกู ขอรอ้ งใหช้ ว่ ยทาํ เพอื่ ใหเ้ กดิ ผลงาน ทหี่ น่วยงานราชการจะได้ นําไปรายงานตามลําดบั ช้นั จนถึงระดับกระทรวง เปาฺ หมายของราชการ จึงไม่ไดอ้ ยูท่ จี่ ะเกดิ ผลต่อ การพฒั นาชาวบ้านแต่อยา่ งใด แตอ่ ยู่ทีจ่ ะมอี ะไรไปรายงานเป็นผลงานของหน่วยงานราชการเอง จึง ต้องเปลี่ยนกลบั กนั เป็น ตอ่ ไปนี้ ชุมชนตอ้ งมีบทบาทหลกั หน่วยงานราชการเป็นเพยี งผเู้ ข้าร่วม ส่งเสรมิ สนับสนนุ ชาวบ้านจะต้องเปน็ พระเอก ข้าราชการตอ้ งลดบทบาทตวั เองลง เม่อื หนว่ ยงาน ราชการถอนตวั ชมุ ชนก็สามารถดาํ เนินการด้วยตวั เองไปได้ ไมใ่ ชเ่ หมอื นการพฒั นาทผ่ี า่ นมา เมื่อ หนว่ ยงานราชการถอนตวั หมดงบประมาณ ไมม่ าส่งเสรมิ โครงการนัน้ ก็ล้มหายตายจากไปพรอ้ มกับ 1ค8มู่ 0อื สง่ เสรชคิมู่มัน้ แอืมลกธั ะายพรมจัฒศัดึกนกษาจิ ากกปจิรทีกรมี่ร2รลมูกเลสูกอื เเสสอืริมทสักรษ้าะงชทีวกั ติ ษใะนชสีวถิตาปนระศเึกภษทาลกู ลเูกสเือสสือาสมาัญมรัญ่นุ รใหุ่นญให่ เญค่รชอื่ ้นังหมมัธายยมลศูกึกเสษือาชป้นั ที พี่ 2ิเศษ 187

หน่วยงานราชการนนั้ ทาํ ตัวเปน็ แบบอยา่ ง คนยอมรบั นับถอื วถิ ีชวี ติ ของปราชญช์ าวบ้าน เปน็ วถิ ีที่ เรยี บง่าย ไม่ฟงฺุ เฟฺอ ใชช้ ีวิตแบบสมถะ มีความซ่ือสตั ย์ เป็นคนมีคณุ ธรรม ยึดหลกั พทุ ทธรรม ไมม่ ี ปญั หาทางดา้ นการเงนิ ทกุ คนใหก้ ารยอมรับนบั ถือ ใช้ชีวติ อยา่ งคนท่พี ออยพู่ อกิน ไมท่ ะยานอยากไป ตามกิเลสฝาู ยตาํ่ ใช้ชวี ิตแบบมสี ติ ปฏเิ สธสงั คมบรโิ ภคนยิ มวตั ถุ แตเ่ นน้ มติ ิทางจติ ใจ เปน็ กลั ยาณมิตร อยู่ร่วมกับธรรมชาติ หลักคดิ และวถิ ชี ีวิตของปราชญ์ เป็นสิง่ ทค่ี นในยุคสมยั นี้ ควรได้เรยี นรู้ และนาํ ไปเปน็ แบบอย่างในการดาํ รงชีวติ ภมู ิปัญญา วธิ กี ารในการทาํ งาน สามารถนาํ ไปใชป้ ฏบิ ัตใิ นระดบั บคุ คลและ ชุมชนได้เป็นอยา่ งดี การแกป้ ญั หา ไมว่ า่ เปน็ ปญั หาความยากจน หรือปัญหาอะไรกต็ าม ทีเ่ รากําลัง เผชญิ อยู่ ต้องใชป้ ัญญา มีความรคู้ วามเขา้ ใจกบั สิง่ นัน้ และมวี ธิ กี าร ความสามารถในการบรหิ าร จดั การ ขอ้ เสนอที่ผา่ นการเรยี นรู้ตลอดชีวติ ของปราชญ์ชาวบา้ น เปน็ ขุมทรัพย์ทางปญั ญา ที่ตอ้ ง นาํ มาใชใ้ นการพฒั นาสังคมไทย จงึ จะสามารถฝาู วกิ ฤตการณ์ทกุ อยา่ ง ท่เี รากาํ ลงั เผชิญอยไู่ ด้ ทม่ี า: http://biodiversity.forest.go.th/TK/index.php?option=com_zoo&view=category&Itemid=25 : http://www.kasetorganic.com/ 188 คมู่ คอื มู่ สือ่งกเสารรจิมดั แกลจิ ะกพรฒัรมนลากู กเจิสกือเรสรรมิมลสูกรเา้ สงือททักษกั ษะชะีวชติีวปิตรใะนเสภถทาลนกู ศเสึกอื ษสาามลัญูกรเสนุ่ ือใหสญาม่ เญั ครร่ือุ่นงใหหมญา่ยชลนั้ ูกมเสธั ือยชมน้ั ศพึกิเษศษาปที ่ี 2 181 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2

ใบงาน เร่อื งปมู ชีวติ ของปราชญช์ าวบา้ น เมอื่ หม่ลู กู เสอื ของทา่ นไดศ้ กึ ษาใบความร้เู รื่องปราชญ์ชาวบ้านแลว้ ขอให้หมู่ลกู เสอื ของท่าน ไปดาํ เนนิ คน้ ควา้ ปูมชวี ิตของปราชญ์ชาวบา้ นในทอ้ งถนิ่ ของตนเองโดยร่วมกนั วางแผน แบ่งงาน และ กําหนดหนา้ ท่ีผู้รบั ผิดชอบหมลู่ ะ 1 คน แล้วมานําเสนอในกองลกู เสอื ครงั้ ตอ่ ไป ตามหัวข้อต่อไปน้ี 1. เรอื่ งท่ีปราชญช์ าวบ้านคดิ ค้นบุกเบิก ในเรอ่ื งอะไร 2. ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ทที่ าํ แลว้ กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์แกส่ ว่ นรวมอย่างไร 3. การเปน็ ตวั อย่างทีด่ ีแกค่ นทวั่ ไป มีวถิ ชี ีวิตอย่างไร ตอ้ งผ่านความยากลาํ บากอะไรมาบ้าง 4. ลกู เสือสามารถนาํ ความรู้เรอ่ื งปมู ชวี ติ ของปราชญ์ชาวบา้ นไปปรบั ประยกุ ต์ใชก้ ับการ ดาํ เนินชวี ติ ในอนาคตไดอ้ ย่างไรบ้าง 18ค2ู่มือสง่ เสชค่มูร้ันิมือมแกัธาลยรมะจพศัดึกฒั กษนจิ ากาปรกที รจิ ม่ี ก2ลรูกรเมสลือูกเสเรสมิ ือสทรกั ้าษงทะักชษีวติะชในีวติสปถราะนเภศทกึ ลษกูาเสลือกู สเสามือัญสารมนุ่ ญัใหรญนุ่ ่ใเหคญร่อื ่ งชหัน้ มมาัธยยลมูกศเสึกอื ษชา้นั ปพที ิเศี่ 2ษ 189

เรื่องสั้นท่ีเปน็ ประโยชน์ เรื่อง การเปลย่ี นช่ือประเทศจาก \"สยาม\" เป็น \"ไทย\" ปี พ.ศ. 2482จอมพล ป. พบิ ลู สงครามเป็นนายกรฐั มนตรี มีนโยบายสรา้ งชาติโดยอาศัยเชือ้ ชาตไิ ทยเปน็ หลัก คิดเปลยี่ นนามประเทศจาก \"สยาม\" เป็น \"ไทย\" โดยยดึ หลักวา่ ประเทศสว่ นใหญม่ ัก ต้ังชื่อประเทศตามเชอื้ ชาตขิ องตนโดยเร่ิมประกาศใชเ้ ป็นรฐั นิยมก่อน แลว้ จึงประกาศใชร้ ัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิม่ เติมนามประเทศในภายหลงั โดยใหเ้ หตผุ ลความไม่สะดวกในการใช้คาํ ว่า \"สยาม\" ดังน้ี (1) คนไทยมีสัญชาติและบังคบั ไมต่ รงกนั กล่าวคือคนไทยทกุ คนในเวลานี้มสี ญั ชาติไทยแตอ่ ยู่ใน บังคบั สยาม (2) ชอื่ ภาษา ชื่อคน กบั ชื่อประเทศไมต่ รงกนั กล่าวคือเป็นประเทศสยาม แตค่ นพนื้ เมอื งพดู ภาษาไทยเป็นอาณาจักรสยาม แต่พลเมืองเปน็ คนไทย (3) การที่เอาคาํ ว่า \"สยาม\" กลับมาใช้เป็นนามประเทศนั้น เปน็ การฝืนใจคนไทยโดยท่วั ไป ดงั น้นั คาํ วา่ สยามจงึ มแี ตใ่ นภาษาหนังสอื แต่ใช้พดู กนั วา่ \"เมืองไทย\" เป็นสว่ นมาก การเปลยี่ นช่อื ประเทศสยามเปน็ ประเทศไทยแล้ว จะมผี ลดังน้ี (1) ไดช้ อ่ื ประเทศทตี่ รงตามชือ่ เชือ้ ชาตขิ องพลเมือง (2) ชนชาตไิ ทยจะมสี ญั ชาติและอยใู่ นบังคบั อันเดยี วกนั (3) ชอ่ื ประเทศ ชอื่ ภาษาพนื้ เมอื ง ชือ่ รฐั บาลกบั ชอื่ ประชาชน จะเป็น \"ไทย\" เหมอื นกนั หมด (4) ทําใหพ้ ลเมอื งรักประเทศเพ่มิ มากข้ึนและมจี ติ ใจเขม้ แข็ง รสู้ ึกระลกึ ถึงความเป็นไทยมากขน้ึ (5) ก่อใหเ้ กิดความสามคั คีและเกีย่ วพันอยา่ งสนทิ สนม ระหว่างชาวไทยทอ่ี ยู่ในประเทศ ไทย และชาวไทยทกี่ ระจดั กระจายในประเทศอนื่ ๆ มากย่งิ ข้ึนจึงเป็นอนั ว่า \"ประเทศสยาม\"กก็ ลายเปน็ เพยี งตํานานนับจากนนั้ เร่อื งนีส้ อนใหร้ วู้ ่า การเปล่ียนแปลงอยา่ งมเี หตุผลสมควร ควรไดร้ บั การยอมรับ ที่มาของเรือ่ ง: www.sarakadee.com 190 คู่มคอื มู่ สือง่ กเสารรจิมัดแกลจิ ะกพรัฒรมนลากู กเจิสกอื เรสรรมมิ ลสูกรเา้ สงือททกั ษักษะชะวีชิตีวปิตรใะนเสภถทาลนกู ศเสึกอื ษสาามลญั ูกรเสุน่ อืใหสญาม่ เัญครรอ่ืนุ่ งใหหมญา่ยชลนั้ ูกมเสธั อื ยชมน้ั ศพึกิเษศษาปีที่ 2 183 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2

สานวนไทย ตัดหางปลอ่ ยวดั “ตัดหางปลอ่ ยวดั ”เป็นสาํ นวนหมายถึง ตดั ขาดไมเ่ ก่ียวข้องไม่เอาเป็นธุระอกี ต่อไปเชน่ เด็กคน นี้ถูกพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัดเพราะประพฤติตัวเกกมะเหรกเกเรไม่เชื่อฟังคําส่ังสอนของผู้ใหญ่ สํานวนนี้มที ่ีมาจากการตดั หางไกแ่ ลว้ นาํ ไปปลอ่ ยเพือ่ สะเดาะเคราะหห์ รอื แกเ้ คราะห์ในสมัย โบราณมีหลักฐานในกฎมณเทียรบาลว่า เม่ือเกิดสิ่งท่ีเป็นอัปมงคลเช่นมีวิวาทตบตีกันถึงเลือดตกใน พระราชวงั ต้องทําพธิ สี ะเดาะเคราะหโ์ ดยเอาไก่ไปปล่อยนอกเมอื ง เพ่อื นําเสนยี ดจญั ไรไปใหพ้ น้ ในสมัยรชั กาลท่ี๔ มปี ระกาศกลา่ วถงึ การนําไกไ่ ปปลอ่ ยท่ีวัดเพือ่ สะเดาะเคราะหส์ ันนษิ ฐานวา่ ไกท่ ี่จะนาํ ไปปลอ่ ยทีว่ ัดจะตัดหางเพือ่ เปน็ เครือ่ งหมายวา่ เป็นไกท่ ีป่ ล่อยเพือ่ การสะเดาะเคราะหด์ ้วย เร่อื งนีส้ อนให้ร้วู ่า: การเช่ือสิ่งใด หากไมก่ อ่ ให้เกิดความเสยี หายไมท่ ําให้ใครเดอื นรอ้ น แต่จะทําให้ ผเู้ ชอ่ื สบายใจก็สามารถทําให้ ท่มี าของเรื่อง : www.สุภาษิต.net/ตดั หางปลอ่ ยวัด/ 1ค8ู่ม4อื ส่งเสรชคิมู่มนั้ แอืมลกัธะายพรมจัฒศัดึกนกษาิจากกปิจรีทกรมี่ร2รลมูกเลสูกอื เเสสอืรมิทสักรษา้ ะงชทวี กั ติ ษใะนชสวี ถิตาปนระศเึกภษทาลกู ลเูกสเือสสือาสมาญั มรญั ุน่ รใหุ่นญให่ เญค่รช่ือ้ันงหมมธั ายยมลศูกกึ เสษือาชป้ันีทพ่ี 2เิ ศษ 191

แบบประเมินการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่มของลกู เสอื เรอ่ื ง...................................................................................... กลุ่มทีุุุุ่..ชั้นุุุุุุ รายการประเมนิ การเขา้ ร่วมกจิ กรรม ความต้งั ใจ อธิบายปูม ผลการ การแสดง ความมี ในการ ชวี ิตของ รวม ประเมนิ ลาดับ ชอ่ื -สกลุ ความสามคั คี ความคดิ เหน็ ระเบยี บวินัย ทางาน ปราชญ์ ที่ ชาวบา้ น 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 ผา่ น ไม่ เกณฑ์ ผา่ น เกณฑ์ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลงชอื่ .................................................ผ้ปู ระเมิน (........................................................) เกณฑก์ ารประเมินคณุ ภาพคะแนน ประเมินการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ ของลูกเสือผา่ นเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป ผ่านเกณฑ์ รายการประเมนิ คณุ ภาพ 4321 การเขา้ รว่ มกจิ กรรม อธบิ ายเนอื้ หาไดต้ าม อธิบายเนอื้ หาไดต้ าม อธบิ ายเนื้อหาได้ตาม ไมส่ ามารถ กลุ่มของลกู เสือ ประเดน็ ประเด็นทก่ี าํ หนดได้ ประเดน็ ทก่ี ําหนด อธบิ ายเนื้อหาได้ตาม ทก่ี าํ หนดครบถ้วน และ บางส่วนและให้ความ บางส่วนแต่ยงั ไมช่ ดั เจน ประเด็นทกี่ าํ หนดและ ให้ความรว่ มมอื ในการ รว่ มมือในการทํา และให้ความรว่ มมือใน ไม่ใหค้ วามร่วมมือใน ทํากจิ กรรมโดยไมต่ อ้ ง กิจกรรมโดยมกี าร การทาํ กิจกรรมโดยมกี าร การทํากจิ กรรม ตักเตอื น ตักเตือนเปน็ บางครั้ง ตกั เตอื นเป็นบางคร้ัง 192 คมู่ อื คสู่มง่ เือสกรามิ รจแัดลกะพจิ กัฒรนรมาลกูกิจเกสรอื รเมสรลมิ กู สเสรา้ืองททกั กั ษษะะชชวี วี ติ ติ ใปนรสะเถภาทนลศูกกึ เสษือาสลามกู ัญเสรือนุ่ สใาหมญญั ่ เรคุ่นรใอื่ หงญหม่ ชายัน้ ลมกู ธั เยสมือชศั้นกึ พษเิาศปษที ี่ 2 185 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่(เครือ่ งหมายลูกเสือชนั้ พิเศษ) ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 หน่วยที่ 6 บรกิ าร เวลา 1 ชั่วโมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 22 เสียหายเพราะอะไร 1. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลูกเสือสามารถปฏบิ ัตติ นใหม้ ีความรกั และหวงแหนสาธารณสมบตั ขิ องชมุ ชน ชาติได้ 2. เน้อื หา การสาํ รวจสอดแนม ความเสยี หายของสาธารณสมบตั ิวา่ เกดิ จากสาเหตใุ ดเพ่ือหาทางปอฺ งกัน แกไ้ ข การแสดงออกถงึ ความรกั และหวงแหนสาธารณสมบตั ิของชุมชน ชาติ ลกู เสอื สามารถทาํ ได้โดย การร่วมมือกันรับผิดชอบ ดูแล และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ 3. สือ่ การเรียนรู้ 3.1 แผนภมู ิเพลง 3.2 เรือ่ งเล่าท่ีเปน็ ประโยชน์ 4. กจิ กรรม 4.1 พธิ เี ปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรือเกม 4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) ผู้กาํ กับลูกเสอื สนทนาเรอื่ งสาธารณสมบัตใิ นชุมชนของลกู เสอื มอี ะไรบา้ ง ปัจจบุ นั มี สภาพอยา่ งไร 2) ลกู เสือนําเสนอชอื่ สถานที่ สภาพของสาธารณสมบตั ิในชุมชนของตนเอง 3) ผู้กาํ กบั ลูกเสอื และลกู เสอื ร่วมกนั เลอื กสาธารณสมบัตใิ นแต่ละชมุ ชน หมู่ละ 1 แห่งเช่น วัด หอกระจายข่าว ทอี่ ่านหนังสอื พิมพห์ ม่บู ้าน หอ้ งสมุด สถานท่ที อ่ งเทย่ี ว ประปา อนามยั สวนสาธารณะ ฯลฯ เพือ่ วางแผนในการปฏบิ ัตงิ านในการชว่ ยกันดูแลรักษา 4) ผกู้ ํากบั ลูกเสือและลกู เสอื ร่วมกันสร้างแบบสาํ รวจข้อมลู สาธารณะสมบตั ิตามทีห่ ม่ลู ูกเสือ เลือกหวั ขอ้ - ชอ่ื สถานท่ี ท่ีตง้ั - สภาพทเ่ี ปน็ อย่ปู จั จบุ นั - ผดู้ แู ล หน่วยงานที่รับผดิ ชอบ - ขอ้ เสนอแนะในการดูแล/ ปรบั ปรุง/การส่งเสรมิ เพือ่ ให้เกดิ การใช้ประโยชน์ 5) ผกู้ ํากบั ลูกเสอื มอบหมายให้ลูกเสอื แต่ละหมจู่ ดั ทําแผนการจดั กิจกรรมปฏิบัตงิ าน ภายในระยะเวลา 1 เดือนเพ่ือทาํ กิจกรรมตามรายการตอ่ ไปนี้ - รายการการดแู ล รักษา ปรบั ปรงุ สง่ เสริมการใชป้ ระโยชน์ - การประสานงานกับผู้ดูแล ผ้รู ับผดิ ชอบสถานท่ี - กําหนดวนั เวลาปฏิบตั กิ จิ กรรม 1ค8ูม่ 6ือส่งเสรคชมิ ูม่ัน้ แอืมลกัธะายพรมจฒั ศัดึกนกษาจิ ากกปิจรีทกรมี่ร2รลมูกเลสูกือเเสสือริมทสกั รษา้ ะงชทวี กั ิตษใะนชสีวถติ าปนระศเกึภษทาลูกลเูกสเือสสอื าสมาญั มรัญุ่นรใหุน่ ญให่ เญค่รชอ่ื ้ันงหมมัธายยมลศูกกึ เสษอื าชปัน้ ที พ่ี 2ิเศษ 193

- ประชาสมั พนั ธ์การปฏิบัตกิ ิจกรรม - ลงมอื ปฏิบัติงานตามแผน - สรปุ ผลรายงาน 4.4 ผู้กาํ กบั ลกู เสือเลา่ เรอื่ งท่ีเปน็ ประโยชน์ 4.5 พธิ ีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธง เลิก) หมายเหตุ–ผกู้ ํากบั ลูกเสอื นัดหมายลูกเสอื ออกสํารวจข้อมลู ตามแบบสาํ รวจและรายงานในชัว่ โมงตอ่ ไป 5. การประเมินผล สังเกตจากการปฏิบตั งิ านตามโครงการดูแลสาธารณสมบัติของโรงเรยี น/ชมุ ชนอยา่ งน้อย 1 โครงการ 6.องค์ประกอบทักษะชวี ิตสาคญั ทเ่ี กิดจากกจิ กรรม คือ ความคดิ วิเคราะห์ ความคดิ สรา้ งสรรค์และเกิดความตระหนกั ถงึ ความสําคัญในการรักและ หวงแหนสาธารณสมบตั ิของชุมชนและของชาติ ความรับผดิ ชอบตอ่ สว่ นรวม 194 คค่มู ูม่ อื ือสก่งาเรสจรดั ิมกแิจลกะรพรมัฒลนกู าเสกอื ิจเกสรรรมิ มสลร้ากู งเทสกัือษทะักชษวี ะติ ชปีวรติ ะใเภนทสลถูกาเนสศอื ึกสษามาญั ลรูกนุ่ เใสหือญส่าเมคัญรอ่ื รงุน่ หใมหาญยล่ ชกู ั้นเสมอื ัธชยนั้ มพศิเศึกษษาปีที่ 2 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 187

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 22 เพลง อยธุ ยาเมืองเก่า อยุธยาเมอื งเก่าของเราแตก่ อ่ นจติ ใจอาวรณ์มาเล่าสู่กนั ฟัง อยุธยาแตก่ ่อนนี้ยงั เปน็ ดงั เมอื งทองของพี่นอ้ งเผ่าพงศไ์ ทย เดีย๋ วนีซ้ เิ ป็นเมอื งเกา่ ชาวไทยแสนเศร้าถูกข้าศกึ รุกราน ชาวไทยทกุ คนหัวใจร้าวรานขา้ ศึกเผาผลาญแหลกราญวอดวาย เราชนชน้ั หลังมองแลว้ เศรา้ ใจอนุสรณ์เตอื นให้ชาวไทยจงมนั่ สมคั รสมานร่วมใจสามคั คีคงจะไมม่ ใี ครกลา้ ราวีชาติไทย ใตร้ ม่ ธงไทย ใต้ร่มธงไทยร่มเยน็ เหมือนดัง่ อยใู่ นรม่ โพธิ์ร่มไทรทีม่ กี ่ิงใบแนน่ หนา ชาตไิ ทยใหญห่ ลวงแตกกระจดั กระจายถกู แบ่งแยกยา้ ยไปอยหู่ ลายสาขา เชญิ พวกพ้องพนี่ ้องมาพร้อมกันเชิญอยู่ใต้รม่ ธงไทย เลือดเนอื้ เผ่าไทยน้คี วรจะมสี มานฉนั ท์ เหมอื นน้องพ่เี ลือดเนอื้ เรามีสายเดยี วเกย่ี วพนั ใตร้ ม่ ธงไทยร่มเหมือนดงั โพธไิ์ ทรใต้ร่มธงไทยเย็นเหมอื นใตแ้ สงจนั ทร์ 1ค8มู่ 8ือสง่ เสรคชมิ มู่ัน้ แอืมลกัธะายพรมจฒั ศัดึกนกษาิจากกปจิรทีกรม่ีร2รลมกู เลสูกือเเสสอืริมทสักรษา้ ะงชทีวกั ิตษใะนชสวี ถติ าปนระศเึกภษทาลกู ลเกูสเือสสอื าสมาญั มรญั นุ่ รใหุ่นญให่ เญค่รชอ่ื ัน้งหมมธั ายยมลศกู ึกเสษอื าชปั้นที พ่ี 2เิ ศษ 195

เรอื่ งส้ันท่เี ปน็ ประโยชน์ ลูกสาวกับพ่อ พอ่ คนหนง่ึ ไปเยีย่ มลูกสาวคนโตท่เี เต่งงานกบั ชาวสวน \"ลกู สบายดหี รอื ไม่ ตอ้ งการอะไรหรอื เปลา่ \"พอ่ ถามอย่างห่วงใย ลูกสาวคนโตจงึ ตอบวา่ \"สบายดจี ้ะพอ่ ลูกไม่เคยตอ้ งการอะไรอกี นอกจาก อยาก ใหฝ้ นตกมามากๆ พืชผลในสวนจะได้งอกงามด\"ี เมอื่ ไปเยย่ี มลกู สาวคนเล็ก พอ่ ก็ถามเช่นเดยี วกนั กับทถ่ี ามลกู สาวคนโตลกู สาวคนเล็กซง่ึ เปน็ เมยี ชา่ งป้ันหมอ้ กต็ อบวา่ \"ลกู สบายดจี ะ้ พอ่ เเตต่ ้องการอย่างเดียวคอื อยากให้ฝนไม่ตกเลย ถ้ามเี เดด จ้า หมอ้ ดนิ ท่ีตากไวก้ จ็ ะเเหง้ เรว็ จะ้ พอ่ \" เรอื่ งนี้สอนให้ร้วู ่าคนเรามกั ตอ้ งการเเต่ส่ิงทเ่ี ปน็ ผลประโยชนเ์ เก่ตน ไหวพรบิ วนั หนง่ึ เบนจามินไปเลน่ เรือใบกับเพื่อน ซึ่งเพ่อื นของเบนรู้ดีว่าเบนมีความชํานาญในการถือ ใบเรือได้ดีกว่าตน แต่เพ่ือนจะอวดเบนว่าตัวก็เก่ง จึงได้ถือใบเรือเสียเอง พอแล่นเรือเล่นกันไปได้ สักครู่ใหญ่ เบนก็มองเหน็ เมฆดาํ ทะมึนอย่ทู างดา้ นตะวันออกเฉียงใต้ เบนรู้ทันทีว่าน่ันหมายถึงอะไร เบนร้องบอกเพอื่ นซ่งึ แล่นเรอื ใบไม่ถูกวา่ “พายุกาลงั มา ดูเมฆนน่ั ซิ ! เราต้องกลับแลว้ ” เพื่อนของเบนมองดกู ้อนเมฆแล้วพยายามกลับเรือ แต่ก็ทําไม่สําเร็จ ลมพัดจดั ใบกนิ ลมอู้ เรอื แลน่ ปราดไปบนพน้ื นา้ํ แล่นหา่ งออกไปจากฝ่งั ทกุ ที “ให้กนั ถอื ใบแทนแกเถอะเพอื่ น” เบนเอ่ย “ไมเ่ อา กันบงั คบั เรือลานีไ้ ด้” เพอื่ นของเบนตอบ เมฆดําทะมึนมากเข้า ลมแรงเข้า เรือย่ิงแล่นเร็ว หันหัวออกมาสู่มหาสมุทรท่ีกําลังเป็นบ้า ตอนนีเ้ บนกร็ ูว้ า่ ควรจะทาํ อย่างไร ไม่มปี ระโยชน์แล้วท่จี ะมัวพดู กบั เพื่อนที่โง่เขลา เพราะถ้าช้าไปนั่น หมายถึงการจมนํ้าตาย เบนเดินไปหาเพ่ือนอย่างเงียบๆ แล้วใช้กําป้ันที่แข็งแกร่งชกพรวดเข้าให้ ยังผลให้เพื่อนของเขาล้มฮวบลงบนพื้นเรือ และกว่าจะลุกข้ึนได้เบนก็เอาเชือกผูกเท้าเขาไว้ แล้ว ตอ่ จากนน้ั เบนก็คอยระวังเรอื ไม่ให้ลม่ ต้องคอยหันดใู บเรอื และหนั หัวเรือให้ถูกต้องตามลมด้วยความ ชํานาญ ในท่ีสุดก็มองเห็นฝั่งและข้ึนฝั่งได้ตามความปรารถนา พอถึงฝ่ังเบนก็แก้เชือกเพื่อน ฝูาย เพ่ือนเม่ือเป็นอิสระและเพิ่งสํานึกผิด ก็ตรงเข้าขอบใจเบนเป็นการใหญ่ท่ีได้ช่วยชีวิตเขาให้รอดพ้น จากอนั ตรายมาไดอ้ ย่างหวดุ หวดิ เรอื่ งนสี้ อนให้รูว้ า่ การไมร่ ู้จักประมาณตนเอง อาจนาํ ความเสียหายมาสู่ตนและผอู้ ืน่ ได้ 196 คคู่มู่มืออื สก่งาเรสจรัดิมกแิจลกะรพรมัฒลนูกาเสกือจิ เกสรรรมิ มสลรา้กู งเทสักอื ษทะักชษวี ะิตชปวี ริตะใเภนทสลถกูาเนสศอื กึสษามาญั ลรกู ุน่ เใสหือญส่าเมคญัรื่อรงุ่นหใมหาญยล่ ชูกนั้เสมอื ัธชย้นั มพศิเศกึ ษษาปที ี่ 2 ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2 189

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื สามัญรนุ่ ใหญ่(เครอื่ งหมายลูกเสอื ชั้นพเิ ศษ) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 หนว่ ยที่ 6 บริการ แผนการจัดกิจกรรมท่ี 23 โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ เวลา 2 ชว่ั โมง 1.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลูกเสอื เกดิ ความสํานกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ุณของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวรชั กาลที่ 9 ที่ มตี ่อพสกนกิ รชาวไทย ในโครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดาํ ริได้ 2. เนื้อหา โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาํ ริ ทท่ี รงมีพระวิรยิ ะอุตสาหะ ตลอดการครองราชย์ กว่า 60 ปี เพอ่ื ปวงชนชาวไทย 3. ส่อื การเรยี นรู้ 3.1 เพลงตอ้ งเชิญแลว้ หนา 3.2 เพลง ภูมิแผ่นดนิ นวมนิ ทร์มหาราชา 3.3 ใบความรู้ เร่ือง “โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดําริ” 3.4 เรอ่ื งสัน้ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์เรอ่ื ง ความหมายของคําวา่ สปิริต 4. กิจกรรม 4.1 กจิ กรรมครง้ั ที่ 1 1) พธิ เี ปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 2) เพลง ต้องเชญิ แลว้ หนา 3)กิจกรรมตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ผู้กาํ กบั ลูกเสอื นาํ สนทนาในหัวขอ้ - โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดําริ คืออะไร - ทราบไหมว่า จาํ นวนโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาํ ริ ในปัจจุบันมี ประมาณกโ่ี ครงการ 3.2 ผกู้ ํากบั ลูกเสือแจกใบความรู้เรอ่ื ง “โครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดําริ” 3.3 ผกู้ ํากับลูกเสือแจกใบงานเรือ่ ง “โครงการอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาํ ริ” 4) ผ้กู ํากับลกู เสอื เล่าเรื่องสนั้ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์เรอ่ื งความหมายของคาํ ว่า สปิริต 5) พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธงลง เลิก) 4.2 กจิ กรรมครั้งท่2ี 1) พธิ ีเปดิ ประชุมกอง (ชักธงข้นึ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 2) เพลงภูมิแผ่นดนิ นวมนิ ทรม์ หาราชา 3) กจิ กรรมตามจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ลกู เสอื แตล่ ะหมู่รายงาน ผกู้ ํากับลูกเสอื และลูกเสือหมอู่ นื่ ร่วมกันซกั ถาม เพอื่ ความเขา้ ใจ จนครบทกุ หมู่ 1ค9มู่ 0ือส่งเสรชคมิ มู่น้ั แือมลกธั ะายพรมจัฒศัดกึนกษาิจากกปจิรทีกรม่ีร2รลมกู เลสูกือเเสสอืริมทสักรษา้ ะงชทีวักิตษใะนชสวี ถิตาปนระศเกึภษทาลูกลเกูสเอื สสอื าสมาัญมรัญนุ่ รใหุน่ ญให่ เญค่รช่อื ้นังหมมัธายยมลศูกกึ เสษอื าชป้นั ที พี่ 2เิ ศษ 197

3.2 ผู้กํากับลูกเสือนําอภิปราย และสรุป ในประเด็น “ ข้อคิดท่ีได้จากกิจกรรม และ การนําไปใช้ในชีวิตประจําวัน” 4) ผกู้ ํากับลูกเสอื เล่าเรอ่ื งสน้ั ที่เป็นประโยชน์เรอ่ื งเต่ากับนกอนิ ทรี 5) พธิ ปี ดิ ประชุมกอง(นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล แบบประเมนิ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ ของลกู เสอื 198 คู่มคือู่มสอื ่งกเสารรจิมัดแกลจิ ะกพรัฒรมนลาูกกเิจสกือเรสรรมมิ ลสูกรเ้าสงอืททกั ษักษะชะวีชติีวปิตรใะนเสภถทาลนูกศเสกึ อื ษสาามลัญูกรเสุ่นอืใหสญาม่ เัญครร่ือุ่นงใหหมญา่ยชลนั้ กู มเสธั อื ยชม้นั ศพึกิเษศษาปีท่ี 2 191 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook