บนั ทึกหลงั การสอน/การเรยี นรู้ ผลการใชแ้ ผนการสอน/การเรยี นรู้ 13. คาบสอนเหมาะสม 14. เน้ือหาสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมเหมาะสม 15. กิจกรรมการสอนหรือวธิ สี อนในข้นั ตอนการสอน กิจกรรมของผเู้ รยี นเหมาะสม ผลการเรยี นของนกั เรียน 13. นกั เรียนสว่ นใหญ่ใหค้ วามสนใจเรียน เมอื่ จดั การเรียนการสอนโดยมีการแข่งขนั และ กล่าวชมเชยเมอื่ สามารถทางานดว้ ยตนเองอยา่ งซ่ือสัตย์ ตั้งใจเรยี นมากข้นึ ดูไดจ้ ากการตอบ คาถามได้ถูกตอ้ งชดั เจน กลา้ แสดงออกมากขน้ึ 14. ผลคะแนนเฉลยี่ การสอบหลงั เรยี นสงู กวา่ ก่อนเรยี น นักเรยี นทาแบบฝกึ หดั กิจกรรม ส่งเสริมการเรยี นรู้ และใบงาน ด้วยตนเองได้ถูกต้อง 15. นักเรยี นมกี ิจนิสัยที่ดี มคี วามสามคั คี ยอมรบั เหตผุ ลผูอ้ นื่ ผลการสอนของครู 9. สอนเนื้อหาได้รวดเร็ว โดยใชส้ ่ือพาวเวอร์พอยต์ และเอกสารประกอบการสอนหน่วยท่ี 5 10. สอนได้ ตามเวลาทกี่ าหนด จากผลของการคละกลุ่มผเู้ รยี น ลดการใชเ้ วลาสอนเสริมโดย ครูผูส้ อน ดว้ ยการเรยี นรแู้ บบเพอ่ื นช่วยเพื่อน ลงชือ่ ....................................................ผู้สอน () ลงช่ือ........................................ผู้ชว่ ยฝาุ ยวิชาการ ()
แผนการสอน หนว่ ยที่ 6 สอนครัง้ ท่ี 12-13 ชอื่ วิชา วสั ดแุ ละวิธกี ารก่อสร้างงานโครงสรา้ ง ชอ่ื หน่วย บันได เวลา 4 ช่วั โมง หวั ข้อเรื่อง 1. ดา้ นความรู้ 29. ความหมาย และความสาคัญของบนั ได 30. ประเภทของบนั ได 31. สว่ นประกอบของบนั ได 32. หลกั การข้อกฎหมายเรื่องบันได 33. หลักการประกอบแบบ และติดต้ังบันไดคอนกรีตเสรมิ เหล็ก 34. หลักการประกอบ การตดิ ตง้ั ไมบ้ นโครงสรา้ งพน้ื คอนกรีต และโครงสรา้ งเหลก็ 35. หลกั การวธิ กี ารผสมคอนกรตี และเทคอนกรีตบนั ได 2. ด้านทักษะ 8. การใช้วสั ดุ เครอ่ื งมือและอุปกรณ์ในงานบนั ได 3. ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและคุณลักษณะ 3D 1. เตรียมความพร้อมด้านวัสดุ อุปกรณ์สอดคล้องกบั งานไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและใชว้ สั ดุอปุ กรณ์อย่าง คุ้มค่าประหยัด ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและคณุ ลกั ษณะ 3D (ความรบั ผดิ ชอบ ความ ประหยัด ความขยัน ความอดทน แบ่งปนั ) 2. ปฏบิ ตั ิงานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง และสาเรจ็ ภายในเวลาท่ีกาหนดอย่างมีเหตแุ ละผลตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียงและคุณลกั ษณะ3D สาระสาคัญ/แนวคิดสาคัญ บันได เป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเช่ือมต่อระหว่างจุดยืนที่ระดับความสูง แตกต่างกนั การออกแบบหรอื สร้างบนั ได สงิ่ ท่ีควรคานงึ ถึง คือโครงสร้างของบันได โดยทั่วไปบันไดจะมี ลักษณะเป็นเส้นตรง หรืออาจจะออกแบบบันไดให้เข้ากับพ้ืนที่ที่มีอยู่ เช่น บันไดทางตรง บันไดหักฉาก บันไดหักกลบั เป็นต้น
แผนการสอน หนว่ ยท่ี 6 สอนครัง้ ท่ี 12-13 ชื่อวิชา วัสดุและวิธกี ารก่อสรา้ งงานโครงสร้าง เวลา 4 ชวั่ โมง ชือ่ หน่วย บันได สมรรถนะอาชพี ประจาหนว่ ย (สิ่งทีต่ ้องการใหเ้ กดิ การประยกุ ต์ใช้ความรู้ ทักษะ คุณธรรม เขา้ ด้วยกัน) 1. แสดงความรู้การก่อสรา้ งบันได 2. เลอื กใช้วสั ดแุ ละอุปกรณ์ในงานก่อสรา้ งบันได จดุ ประสงคท์ ัว่ ไป เพ่ือให้ผู้เรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจ เก่ยี วกับการกอ่ สร้างบันได และเลอื กใชว้ ัสดุและอปุ กรณ์ในงาน ก่อสรา้ งบนั ไดได้ จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม 24. บอกความหมาย และความสาคัญของบนั ไดได้ 25. บอกประเภทของบันไดได้ 26. บอกสว่ นประกอบของบนั ไดได้ 27. อธิบายหลักการข้อกฎหมายเรอ่ื งบันไดได้ 28. อธิบายหลกั การประกอบแบบ และติดตง้ั บนั ไดคอนกรีตเสริมเหลก็ ได้ 29. อธิบายหลักการประกอบ การติดต้ังไม้บนโครงสร้างพ้ืนคอนกรีต และโครงสรา้ งเหล็กได้ 30. เลือกใช้วสั ดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ในงานบนั ไดได้ 31. อธบิ ายหลักการวิธกี ารผสมคอนกรตี และเทคอนกรีตบันไดได้
แผนการสอน หน่วยที่ 6 สอนครั้งท่ี 12 - 13 ชื่อวิชา วสั ดแุ ละวิธกี ารก่อสร้างงานโครงสรา้ ง เวลา 4 ช่ัวโมง ชื่อหน่วย บนั ได การบรู ณาการกับปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และคณุ ลักษณะ 3D • หลักความพอประมาณ 1. ผเู้ รียนจดั สรรเวลาในการฝกึ ปฏบิ ตั ิทากจิ กรรมและแบบฝึกหดั ท้ายหน่วยเรียนได้อย่างเหมาะสม 2. กาหนดเน้ือหาเหมาะสมกบั เกณฑ์การประเมนิ การใชเ้ ครือ่ งมืออย่างถูกตอ้ งและเหมาะสมกบั งาน 3. ผเู้ รยี นร้จู กั ใช้และจดั การวัสดุอปุ กรณต์ า่ ง ๆ อยา่ งประหยัดและคมุ้ ค่า 4. ผู้เรียนปฏิบัติตนเปน็ ผู้นาและผูต้ ามท่ีดี 5. ผู้เรียนเป็นสมาชิกทด่ี ขี องกล่มุ เพื่อนและสังคม • หลกั ความมีเหตผุ ล 1. เหน็ คุณคา่ ของการใช้วัสดุและอุปกรณใ์ นงานบนั ได 2. จัดแสดงเน้ือหาของงานบันได ได้อย่างถูกต้อง มีเหตุผล และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการ ดาเนินธุรกิจ และในชีวิตประจาวนั ได้ กลา้ แสดงความคดิ อย่างมเี หตุผล 3. กล้าทกั ทว้ งในส่ิงทไ่ี มถ่ ูกต้องอยา่ งถูกกาลเทศะ 4. กลา้ ยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อนื่ 5. ใช้วัสดุถกู ตอ้ งและเหมาะสมกบั งาน 6. ไมม่ เี รอ่ื งทะเลาะวิวาทกับผ้อู ืน่ 7. คิดสิ่งใหม่ ๆ ทเ่ี กดิ ประโยชนต์ อ่ ตนเอง และสงั คม 8. มีความคิดวิเคราะหใ์ นการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ • หลักความมีภมู ิคมุ้ กัน 1. มที กั ษะทางหลักความปลอดภยั อีกทง้ั สือ่ ความหมายไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ 2. ผูเ้ รยี นไดร้ ับความรูท้ ี่ถกู ตอ้ ง พร้อมท้ังกาหนดเนือ้ หาไดค้ รบถ้วนถกู ต้อง ตามหลักความปลอดภยั ท่ี ดีและมสี าระสาคญั ทส่ี มบรู ณ์ 3. มีการเตรยี มความพร้อมในการเรยี นและการปฏิบตั ิงาน 4. กลา้ ซกั ถามปัญหาหรือข้อสงสัยตา่ ง ๆ อย่างถูกกาลเทศะ 5. แกป้ ญั หาเฉพาะหน้าได้ดว้ ยตนเองอย่างเป็นเหตุเป็นผล 6. ควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ 7. ควบคมุ กริ ยิ าอาการในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
แผนการสอน หน่วยท่ี 6 สอนครง้ั ที่ 12 - 13 ช่ือวิชา วัสดแุ ละวธิ ีการก่อสรา้ งงานโครงสรา้ ง เวลา 4 ช่ัวโมง ชอ่ื หน่วย บันได การตดั สนิ ใจและการดาเนนิ กิจกรรมตา่ งๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพียงหรือตามปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงนนั้ ต้องอาศยั ทั้งความรแู้ ละคุณธรรมเปน็ พนื้ ฐาน ดงั น้ี • เง่อื นไขความรู้ 1. ผูเ้ รียนได้ใชก้ ระบวนการคดิ ในงานบนั ได (ความสนใจใฝรุ ู้ ความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง) 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจในงานบันได 3. ใช้วัสดอุ ยา่ งประหยัดและคุม้ ค่า 4. ปฏิบตั งิ านด้วยความละเอียดรอบคอบ 5. มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง • เง่อื นไขคณุ ธรรม 1. ปฏิบัติงานท่ีไดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ตามกาหนด (ความรับผดิ ชอบ) 2. ใช้วสั ดุอุปกรณ์อยา่ งคุ้มค่า ประหยดั (ความประหยัด) 3. มคี วามเพียรพยายาม และกระตือรือร้นในการเรียนและการปฏบิ ัติงาน (ความขยัน ความอดทน) 4. ให้ความร่วมมือกบั การทากจิ กรรมของส่วนรวม อาสาชว่ ยเหลอื งานครูและผู้อน่ื (แบง่ ปนั )
เน้อื หาสาระ ดา้ นความรู้ 1. ความหมาย และความสาคญั ของบันได บันได เป็นส่วนหน่ึงของอาคาร ท่ีใช้เป็นทางขึ้นลงระหว่างชั้นต่าง ๆ ในอาคาร จาเป็นต้องมีสัดส่วน พอเหมาะ ใช้ประโยชน์ได้เพียงพอ และปลอดภัย และเป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่สาคัญอย่างหน่ึง เพราะนอกจากบันไดจะใชเ้ ปน็ ทางสัญจรทางตั้งท่ีเชื่อมต่อระหว่างช้ันต่างๆ ของบ้านเข้าด้วยกัน บันไดยังเป็น ส่วนหนึ่งของบ้านที่สามารถแสดงออกด้านความงาม และความประทับใจให้แก่ผู้อยู่อาศัย และผู้ที่มาเยี่ยม เยือน การออกแบบหรอื สร้างบันได สง่ิ แรกทคี่ วรคานึงถึง คือโครงสรา้ งของบันได จากน้ันจึงค่อยเลือกรูปทรง ของบันไดให้เขา้ กับพน้ื ทท่ี มี่ ีอยู่ เชน่ บันไดทางตรง บันไดหกั ฉาก บนั ไดหกั กลับ หรือบันไดเวียน เป็นต้น 2. การจาแนกประเภทของบันได โดยท่ัวไปบันไดแบ่งออกเปน็ 3 ประเภทหลกั ๆ คือ บันไดโครงสรา้ งคอนกรีตเสริมเหล็ก บันไดโครงสร้าง ไม้ และบันไดโครงสร้างเหล็ก โดยท่ีบันไดโครงสร้างไม้ และบันไดโครงสร้างเหล็กจะมีลักษณะการก่อสร้างที่ ใกลเ้ คียงกนั 3. ส่วนประกอบของบนั ได บนั ไดโครงสร้างไม้ และบนั ไดโครงสร้างเหลก็ เป็นโครงสร้างบนั ไดท่เี กิดจากการประกอบกันของ ชิ้นส่วนรับแรงต่าง ๆ ที่ทาจากไม้หรือเหลก็ โดยโครงสรา้ งของบนั ไดประกอบไปดว้ ย ดงั น้ี 1. แม่บนั ได (STRINGER) 2. ลกู ต้ัง (Riser) 3. ลกู นอน (Thread) 4. พุกบนั ได (Bearer or Cleat) 5. เสาบันได (Post) 6. ราวบนั ได (Handrail) 7. ลูกกรงบันได (Buluster) 8. ชว่ งบนั ได (Flight) 9. พักบันได(Landing) 10. จมูกบนั ได (Nosing) 4. ขอ้ กฎหมายเรื่องบันได กฎหมายควบคุมอาคารได้กาหนดให้บันไดต้องก่อสร้างเป็นไปตามเกณฑ์ โดยกาหนดทั้งความกว้าง บันได ช่วงความสงู บนั ได ความกวา้ งและความสูงของขั้นบันได (ลูกนอนและลูกตั้ง) นอกจากน้ันยังกาหนดให้ บ้านหรืออาคารที่มีความสูงถึงระดับหนึ่ง ต้องมีบันไดหนีไฟเพ่ิมอีกหนึ่งบันได ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการ อยู่อาศัยหรือใช้งาน มีกาหนดไว้ใน กฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ข้อ 23 ซ่ึงกาหนดบันไดสาหรับ อาคารอยอู่ าศัยไวด้ ังน้ี ข้อ 23 บันไดของอาคารที่อยู่อาศัยถ้ามีต้องมีอย่างน้อยหน่ึงบันไดที่มีความกว้างสุทธิไม่น้อยกว่า 80 เซนตเิ มตร ช่วงหน่ึงสูงไมเ่ กนิ 3 เมตร ลูกตงั้ สูงไมเ่ กิน 20 เซนตเิ มตร ลกู นอนเมื่อหักส่วนท่ีข้ันบันไดเหลื่อมกัน ออกแลว้ เหลอื ความกว้างไม่ น้อยกวา่ 22 เซนติเมตร และตอ้ งมีพน้ื หน้าบันไดมีความกวา้ งและยาวไมน่ ้อยกวา่ ความกวา้ งของบันได บันไดท่สี งู เกิน 3 เมตร ต้องมีชานพักบันไดทุกช่วง 3 เมตร หรือน้อยกว่าน้ัน และชานพักบันไดต้องมี
ความกวา้ งและยาวไม่น้อยกว่าความกวา้ งของบันได ระยะด่ิงจากข้ันบันไดหรือชานพักบันไดถึงส่วนต่าสุดของ อาคารที่อยู่เหนือข้ึนไปต้องสูงไม่ น้อยกว่า 1.90 เมตร ข้อกาหนดน้ีใช้สาหรับบันไดท่ีใช้งานปกติโดยท่ัวไป สาหรับบ้าน ไม่ใช้กับบันไดหนีไฟหรือบันไดสาหรับผู้พิการ ทุพพลภาพหรือคนชรา ซึ่งมีกฎหมายกาหนดไว้ อกี โดยเฉพาะ จากข้อกฎหมายขา้ งต้นสามารถสรปุ และขยายความ ได้ ดังนี้ 1) บนั ไดบ้าน ถ้ามี ต้องมีอย่างน้อยหนึง่ บันไดทีม่ กี ว้างสุทธไิ ม่น้อยกว่า 80 เซนติเมตร 2) บนั ไดช่วงหน่งึ ตอ้ งสูงไมเ่ กิน 3 เมตร หากสูงเกนิ ตอ้ งมีชานพัก 3) พ้นื หนา้ บนั ได และชานพกั บันได ต้องมีความกว้างและยาวไม่น้อยกวา่ ความกว้างบนั ได 4) ระยะด่ิงจากข้ันหรือชานพักถึงสว่ นตา่ สุดต้องสงู ไม่นอ้ ยกว่า 1.90 เมตร 5) ลูกต้ังบันไดต้องสูงไม่เกิน 20 เซนติเมตร และลูกนอนบันไดต้องกว้างไม่น้อยกว่า 22 เซนติเมตร 5. การประกอบแบบ และการตดิ ตั้งบนั ไดคอนกรตี เสรมิ เหลก็ การประกอบแบบ และการตดิ ต้งั บันไดคอนกรีตเสรมิ เหลก็ ทัว่ ไป มขี ้ันตอนการประกอบแบบหล่อบันได โดยดังต่อไปนี้ 1) ก่อนเริ่มทางานก่อสร้างบันได ต้องทาการศึกษาแบบโครงสร้างบันได ลักษณะของบันได และระยะลกู ตั้งลกู นอน 2) ตรวจสอบจานวนขนาดของลูกตั้งและลูกนอน ก่อนประกอบแบบบันไดเสมอ โดยพิจารณา จากสตู ร (2 x ลูกต้งั ) + ลกู นอน ควรมีคา่ ระหวา่ ง 0.60 – 0.625 โดยให้จดุ ปลายใตท้ ้องคานเปน็ จุดเริม่ ต้น 3) ตดิ ตัง้ แบบท้องบนั ได ประกอบไม้ค้ายัน และไม้ตงรองรับให้ต่ากวา่ ระดับทอ้ งบันไดประมาณ 5 มลิ ลิเมตร ประกอบแบบขา้ งบนั ได โดยการตัดแบบหลอ่ ให้เปน็ รูปร่างบันได หรือทาไม้แบบทม่ี คี วามสงู มากกวา่ ลกู ต้ัง เขียนเสน้ ลูกต้ัง และลูกนอนทแ่ี บบขา้ งบันได 4) จัดวางผกู เหลก็ หลัก และเหล็กเสรมิ รองใส่เหลก็ เสริม ลูกตง้ั และลกู นอน สร้างแบบหล่อ สาหรับค่ันลกู ตง้ั โดยตัดแบบหล่อใส่ค่นั ระหว่างแบบด้านข้างบนั ได หรอื ใส่แบบหล่อวางประกบกบั แบบหล่อ รูปรา่ งข้นั บันได หากบันไดมีระยะความกว้างมากพอควรใช้ไม้ 1 1/2 x 3 นว้ิ ยึดตดิ กับแบบค่ันลูกตัง้ ทช่ี ่วง ระยะกงึ่ กลางบันได เพือ่ ชว่ ยคา้ ยนั ไม่ให้แบบหล่อลูกตัง้ เกิดการโกง่ ตวั ขณะเทคอนกรตี 5) ก่อนเทคอนกรีตควรทาความสะอาดแบบบันได และราดนา้ หรือน้าปูนกอ่ นเทคอนกรตี จากนนั้ เทคอนกรีต และใชเ้ ครอื่ งส่ันคอนกรตี ทาให้คอนกรีตแน่นตัว และแต่งผิวคอนกรีตบันไดใหเ้ รยี บร้อย เป็นการเสรจ็ ส้นิ การเทคอนกรตี บันได 6. การประกอบ และการตดิ ตงั้ ไม้บนโครงสรา้ งพ้ืนคอนกรีต และโครงสร้างเหล็ก เทคนคิ การตดิ ตั้งบันไดไมท้ ่ชี ่างบนั ไดนิยมใชก้ นั คือ วธิ ีการติดตงั้ ไมบ้ นโครงสร้างพ้ืนคอนกรีต และ วธิ กี ารตดิ ตัง้ ไมบ้ นโครงสร้างเหลก็ 6.1 วิธกี ารติดต้งั ไม้บนโครงสรา้ งพน้ื คอนกรตี 1) ปรับระดับและทาความสะอาดพ้ืนบันไดให้ปราศจากฝนุ แล้วเริม่ ตดิ ต้งั ลกู ตัง้ แผ่นแรกจากชน้ั ลา่ งสดุ ด้วยกาวซีเมนต์ แต่ละข้นั ที่ติดตัง้ ต้องทาการตรวจวัดใหไ้ ดร้ ะดบั ทุกขน้ั 2) ใชเ้ กรียงปาดกาวซเี มนตท์ ี่ผสมแลว้ ปาดบนบนั ไดคอนกรตี ให้เตม็ หน้าตัดบริเวณท่ีจะติดตั้ง แผ่นลูกต้ังให้เสมอกัน 3) วางแผน่ ลูกต้งั ไมล้ งไปโดยกดให้แนบสนทิ กบั บนั ไดคอนกรตี และติดตง้ั ข้ันถัดไปดว้ ยวิธี เดยี วกัน 4) ตดิ ต้ังลูกนอนขัน้ ท่ี 1 ด้วยวธิ กี ารเดียวกันกบั การติดลูกตงั้ จนถึงชานพกั
5) ทาการติดต้ังลกู ขั้นแรกของชน้ั ที่ 2 เพ่ือนามาใช้ในการวดั คานวณ ในการตัดแต่งไมช้ านพัก ให้มีขนาดพอดี ในการติดตั้งชานพกั ใชเ้ กรยี งปาดกาวซีเมนต์ให้เต็มหน้าตัดบรเิ วณทจ่ี ะตดิ ตง้ั พื้นชานพัก จากนั้นใชเ้ กรียงหวีปาดปรับระดบั ใหก้ าวซีเมนตม์ ีความสมา่ เสมอกัน ตดิ ตั้งแผน่ พน้ื ชานพักให้เต็ม โดยแผน่ พนื้ ชานพกั ท่ตี ิดกับลกู ตั้งขัน้ แรกของชั้นทส่ี องต้องตดั แต่งให้ไดข้ นาด วางแลว้ สนทิ เรียบร้อย 6) ทาการติดต้ังไม้บนั ไดลกู ต้ัง ลกู นอนชัน้ 2 ตอ่ ไปจนครบ โดยใช้วธิ ีการติดตงั้ เดียวกนั กบั ช้ัน ท่ี 1 และเก็บงานให้เรียบร้อย สวยงาม 6.2 การตดิ ตง้ั ลูกกรงบนั ไดไม้บนโครงสร้างพนื้ คอนกรตี 1) กาหนดตาแหน่ง และวดั ระยะสาหรบั การตดิ ตง้ั ลกู กรงบันไดไม้กับไม้บันไดลกู นอน นาไม้ บันไดลกู นอนมาเจาะรูตามระยะ และขนาดของลูกกรงบันไดไม้เตรียมไวก้ ่อนติดตงั้ 2) ติดตัง้ ลูกกรงไม้กบั บันไดลูกนอน โดยการนาลกู กรงบนั ไดไม้เสยี บลงไปในรอ่ งทเี่ จาะไว้ แล้ว ยงิ ยึดดว้ ยตะปูเกลยี วในลกั ษณะการยิงแบบไขว้กนั แต้มสีเกบ็ หัวสกรูให้เรียบรอ้ ยสวยงาม 6.3 วธิ กี ารตดิ ตั้งไม้บนโครงเหล็ก 1) ตรวจสอบโครงสรา้ ง และความแข็งแรงแมบ่ ันไดเหล็กใหเ้ รยี บรอ้ ยแล้วเร่มิ ติดตั้งลูกตงั้ แผน่ แรกจากชนั้ ล่างสุด โดยแต่ละขั้นที่ติดต้ังต้องทาการตรวจวัดให้ไดร้ ะดับทุกข้นั 2) ยิงกาวตะปูเปน็ เส้นยาวตามแนวเหลก็ ที่รับลกู ต้ังแลว้ วางแผ่นไมบ้ ันไดลูกตง้ั ลงไป ให้ได้ ระยะกงึ่ กลางของแมบ่ ันได 3) ยงิ ตะปูเกลียวปลายแหลม ยดึ แผน่ บนั ไดเข้ากับแม่บันไดตามตาแหนง่ ยิงตะปูเกลียว แล้ว ตดิ ตง้ั ลูกตง้ั ในขน้ั ถัดไปดว้ ยวิธกี ารเดียวกนั 4) ตดิ ต้งั ลกู นอนดว้ ยวิธีเดียวกันกบั ลูกต้งั โดยการใช้ตะปูเกลยี วปลายแหลมยดึ แผ่นบันไดเข้า กับแม่บันไดตามตาแหน่งที่กาหนด 5) ตดิ ต้ังลูกตงั้ และลกู นอนจนเต็มในชั้นท่ี 1 จนถึงชานพัก แล้วทาการติดต้ังลูกต้ัง ข้ันแรกของ ชั้นท่ี 2 เพื่อนามาใช้ในการวัดคานวณในการตัดแต่งไม้พื้นชานพักให้มีขนาดพอดี ยิงกาวตะปูเป็นเส้นตาม แนวเหล็กท่ีรบั พน้ื ชานพกั เพื่อตดิ ต้งั ไม้พนื้ ชานพกั กบั โครงชานพักเหล็ก 6) ยงิ ตะปเู กลียวปลายแหลมตามตาแหนง่ ที่กาหนด และทิศทางการยงิ ยดึ เพือ่ ยดึ แผ่นพื้น ชานพกั เขา้ กบั ชนิ้ เหลก็ ฉากที่เชื่อมติดไว้กับตงเหล็ก 8) ตดิ ต้ังแผ่นพนื้ ชานพกั ให้เต็ม โดยแผ่นพ้ืนชานพักท่ตี ิดกับลกู ตั้งขั้นแรกของชั้นท่สี องต้องตัด แตง่ ให้ได้ขนาด วางแล้วสนิทเรยี บรอ้ ย ทาการติดต้ังไมบ้ นั ไดขัน้ ตอ่ ไปจนครบและเก็บงานให้เรียบรอ้ ย สวยงาม 6.4 การตดิ ต้ังลกู กรงบนั ไดโลหะบนโครงเหลก็ 1) กาหนดตาแหนง่ และวดั ระยะสาหรบั การตดิ ตั้งลูกกรงบนั ไดโลหะกับแมบ่ ันได และไม้บันได ลกู นอน 2) นาไมบ้ ันไดลกู นอนมาเจาะรูตามระยะ และขนาดของลูกกรงบนั ไดโลหะเตรยี มไวก้ อ่ นติดต้ัง 3) นาราวบนั ไดโลหะเสียบผา่ นรทู ่ีเจาะไว้ของไม้บนั ไดลกู นอน จากนนั้ เชือ่ มราวบันไดโลหะตดิ กับแม่บนั ไดด้วยลวดเชือ่ ม แลว้ จงึ ตดิ ตั้งแผน่ ไมบ้ ันไดลูกนอนตามปกตติ ่อไป 4) ตดิ ต้ังลกู กรง และราวบันไดสว่ นทเี่ หลอื ใหแ้ ลว้ เสร็จ เกบ็ งานใหเ้ รียบร้อยสวยงาม 7. วสั ดุ เครอ่ื งมือและอปุ กรณใ์ นงานบนั ได 7.1 วสั ดุงานคอนกรีต 1) ปนู ซีเมนต์ ปนู ซเี มนตเ์ ป็นส่วนผสมสาคัญในการผลิตคอนกรีต เปน็ วสั ดทุ ีใ่ ช้ในการเคลือบ
วสั ดลุ ะเอยี ด และวสั ดหุ ยาบ ให้เปน็ เนื้อเดยี วกนั 2) วสั ดผุ สมหยาบ วสั ดุหยาบโดยมากเปน็ หินย่อย กรวด 3) วัสดุผสมละเอียด วสั ดลุ ะเอยี ดจะใช้ทราย ทรายจะต้องเป็นทรายน้าจืด เมด็ คมและสะอาด ปราศจากสารอินทรยี ์ 4) นา้ น้าเปน็ สารท่ที าปฏกิ ิริยาเคมีกบั ปนู ซีเมนต์ทาให้เกดิ ความร้อน นา้ ทีใ่ ช้ควรเป็นนา้ สะอาด หรอื อาจถงึ สามารถดืม่ ได้ 5) สารตวั เติมคอนกรีต เป็นสารทใี่ ช้ผสมลงไปในคอนกรตี เพ่ือใหค้ อนกรีตใช้งานไดด้ ีขน้ึ (workability) 7.2 วัสดุงานไม้ 1) งานไม้แบบหลอ่ คอนกรตี จะใชไ้ มก้ ะบากในการทาแบบหล่อไม้ มีความหนาที่ 1- 1 ½ น้ิว มี หนา้ กว้างตัง้ แต่ 6 8 หรอื 10 นว้ิ 2) ไมเ้ ครา่ ยึดไม้แบบ ไม้ที่ใช้สว่ นมากนยิ มใช้ ไม้ยาง จะใชไ้ มม้ ีความหนาท่ี 1 ½ นว้ิ มหี นา้ กวา้ ง 3 นว้ิ 3) ไมบ้ นั ได สว่ นมากเป็นไมป้ ระเภทเนอ้ื แขง็ เท่านนั้ โดยทัว่ ไปมขี นาด 2” x 6” , 2” x 8” ,2” x 10” ชนิดไมท้ ่ีนิยมนามาใช้ เชน่ ไม้แดง ไม้เต็ง ไม้รงั ไม้ประดู่ ไม้มะคา่ โมง เป็นตน้ 7.3 วสั ดุงานโลหะ 1) เหล็กเสน้ กลม (Round Bars ; RB) ตามมาตรฐาน มอก. 20 – 2543 ไดก้ าหนดให้ เหล็กเส้นกลมมชี น้ั คุณภาพเดียว ใช้สัญลกั ษณ SR24 2) เหล็กข้อออ้ ย (Deformed Bars ; DB) โดยผวิ ของเหล็กมีลักษณะเป็นปล้องๆ คล้ายอ้อย จึงเรยี กว่าเหลก็ ข้ออ้อย ตามมาตรฐาน มอก. 24 – 2548 3) ลวดผกู เหลก็ (Binding Wire) เปน็ ลวดทใ่ี ช้ในการผูกเหลก็ เสน้ ในงานคอนกรีตเหลก็ เพอื่ ใหอ้ ยูใ่ นรูปของเสาหรือคาน หรืออยู่ในรปู ของตะแกรงพื้นอยู่ได้ โดยตามมาตรฐาน มอก. 138 - 2518 ได้กาหนดให้เป็นลวดเบอร์ 18 7.4 เครอื่ งมือ และอุปกรณใ์ นงานบันได 1) ถังเปลผสมปนู 2) จอบและพลัว่ 3) ถงั น้าหรือถังใส่ปนู 4) คอ้ นหงอน 5) คมี ผกู เหลก็ 6) ฉากเหลก็ 7) ระดับนา้ 8) ตลับเมตร 9) เกรียงใบโพธิ์ 10) เกรยี งหวี 11) ค้อนยาง 12) ระดับน้า 13) สวา่ นไฟฟาู 14) ตู้เชือ่ ม
15) ตะปู 16) ตะปูเกลียวปลายแหลม 17) ตะปูเกลียว 18) กาวซีเมนต์ 19) ธปู เช่ือม 20) กาวตะปู 21) เลื่อยเจาะรู (Hole Saw) 7.5 สตี กแตง่ พ้นื (Floor Plank Paint) 1) สรี องพืน้ ไม้บันได ช่วยเพิม่ ลวดลายใหก้ ับไม้พืน้ ให้โดดเด่นข้ึน เปน็ สีน้าอะครลิ ิค สูตรกนั การ ไหล เนือ่ งจากงา่ ยต่อการทาสีแนวตง้ั 2) สยี ้อมไม้พื้น ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ฟิล์มสีมคี วามเงางาม ทนตอ่ ทกุ สภาวะอากาศ ทน รงั สี UV ให้การยดึ เกาะดเี ย่ียม กวา่ สูตรทั่วไป แข็งแรง ไม่ลอกลอ่ น ชว่ ยปกปอู งผิวจากการใชง้ านได้เป็นอย่าง ดี มีสารปอู งกันเช้ือราและตะไครน่ ้า ทาได้ทันทีไมต่ ้องผสมน้า แหง้ ไว ไม่มสี ่วนผสมของสารปรอทและสาร ตะกวั่ และไม่มกี ลิน่ ฉุน 3) สีเคลือบใสไม้พนื้ มสี ่วนผสมของสารเพิ่มความเสยี ดทาน ช่วยกันลืน่ เพ่ิมความปลอดภยั ใน การ ขน้ึ ลงบนั ได เพมิ่ ความทนทาน กนั รอยขดู ขีดได้มากข้ึน 8. การผสมคอนกรตี และเทคอนกรีตบันได 8.1 วสั ดุในการผสมของคอนกรีต คอนกรตี ทใ่ี ชใ้ นงานโครงสรา้ งบนั ได สว่ นใหญ่จะกาหนดส่วนผสมของคอนกรตี โดยปรมิ าตร เช่น 1: 2 : 4 อัตราสว่ นที่กลา่ วถึงน้ี คอื ใชป้ ูนซเี มนต์ 1 ส่วน ทราย 2 ส่วน หิน 4 สว่ น โดยปริมาตร 31.3 การผสมคอนกรตี บนั ได สว่ นของผสมคอนกรตี คอนกรีตจะมีสมบัติทด่ี ี จะต้องระมัดระวังเกี่ยวกบั ความสะอาดของวสั ดุ สมบัติของวสั ดุ ชนดิ ของปูนซิเมนต์ อัตราส่วระหวา่ งนา้ กับปูนซิเมนต์ เพื่อไม่ให้คอนกรีตข้นหรือเหลวเกินไป การผสมใหว้ ัสดุต่างๆ เขา้ กนั จนเป็นเนื้อเดยี ว อัตราส่วนผสมของวัสดุน้ันอาจใช้ได้ 2 วธิ คี ือ 1) อัตราส่วนผสมโดยน้าหนกั ของวัสดุผสมชนิดต่างๆ 2) อัตราสว่ นผสมโดยปรมิ าตรของวสั ดขุ องส่วนผสม สาหรับงานคอนกรีตเสรมิ เหล็กทัว่ ๆไปนนั้ มสี ว่ นผสมคือ ปูนซิเมนต์ : ทราย: หินย่อย ซึ่งตวง โดยปรมิ าตรดังน้ี อัตราสว่ น 1: 1 ½: 3 ใชใ้ นกรณที ี่หล่อเสาและส่วนของโครงสรา้ งอาคารที่ตอ้ งการให้แนน่ กับ น้า อตั ราส่วน 1: 2: 4 ใชใ้ นกรณที ่ตี ้องการคอนกรีตเสริมเหล็กท่เี ป็นโครงสรา้ งทัว่ ไปเช่น เสา พน้ื คาน บนั ได อตั ราสว่ น 1: 3: 5 ใชใ้ นกรณที ่ีหล่องานคอนกรตี ขนาดใหญ่ เชน่ ฐานรากขนาดใหญ่ หรอื ผนัง หนาๆ 8.3 การเทคอนกรีต การเทคอนกรตี จะตอ้ งระวงั อย่าให้ส่วนแยกออกจากกัน เพราะจะทาให้คอนกรีตเสียกาลัง เช่น ในกรณที ี่เทคอนกรีตในระยะที่สูงมาก ๆ อาจทาให้วัสดุผสมแยกตัวกัน ตามปกติในเสาขนาดใหญ่นั้น ถ้าการ
เทสูงกว่า 2 เมตร จะต้องทาท่อลาเลียงลงไป ขณะเทจะต้องใช้เคร่ืองเขย่าคอนกรีตที่เรียกว่า เครื่องสั่น (Vibrator) การใชเ้ ครื่องนจี้ ะตอ้ งให้สนั่ พอสมควร ถ้าสั่นมากจะทาให้น้าปนู ลอยขึน้ มาหนา้ ผวิ คอนกรีต 8.4 การถอดแบบหล่อคอนกรตี บนั ได ระยะเวลาในการถอดแบบหล่อคอนกรีตบันได หลังจากบ่มคอนกรีตเสร็จจนแข็งตัวดี จะใช้ สามารถถอดแบบหลอ่ คอนกรีตบนั ไดไดเ้ หมอื นกับการถอดแบบหลอ่ คาน 8.5 การบม่ คอนกรีต การบม่ อาจทาไดโ้ ดยวิธตี า่ งๆ ดังต่อไปน้ี 1) ใช้กระสอบปุาน เช่น กระสอบขา้ วสารชุบนา้ ใหช้ ่มุ ใชค้ ลุมและรดน้าอย่าให้กระสอบ แหง้ ได้ ในกรณีทเ่ี ป็นเสาหรือคาน ค.ส.ล. 2) แบบไม้ถา้ ไมจ่ าเปน็ จริง ๆ ไม่ต้องรีบถอด เพราะแบบไม้เปน็ เคร่ืองปูองกนั ความรอ้ นได้ เปน็ อยา่ งดี 3) ถ้าเป็นพนื้ หรอื ถนน อาจใช้ดนิ เหนียวปน้ั ตัง้ เปน็ ขอบโดยรอบ แลว้ ขงั นา้ ไวบ้ นพ้นื หรือ ถนนน้นั 4) ถา้ เป็นพื้นหรอื ถนน อาจใชข้ ี้เล่ือยหรือทรายเกลย่ี ใหท้ ัว่ ผิวหนา้ แลว้ รดน้าให้ชุ่ม ตลอดเวลาทบ่ี ่ม 5) ใชแ้ ผน่ พลาสติกคลุมการระเหยของน้าในคอนกรตี 6) ถา้ เปน็ เสาหรือคานทไ่ี ม่มีกระสอบคลุม อาจใช้วธิ ฉี ีดน้าวันละหลายๆ คร้ังเพื่อให้ คอนกรีตภายนอกช่มุ ชืน้ อยู่เสมอ
แผนการสอน หน่วยที่ 6 แบบฝกึ หดั หนว่ ยท่ี 6 สอนครั้งท่ี 12-13 เวลา 4 ชวั่ โมง ชอ่ื วิชา วสั ดแุ ละวิธกี ารก่อสรา้ งงานโครงสรา้ ง ช่อื งาน บนั ได คาสั่ง จงตอบคาถามต่อไปน้ี 3. บนั ได แบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. หน้าทข่ี องบันได คือ ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สว่ นประกอบของบันไดมีอะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ตรวจสอบจานวนขนาดของลกู ตั้งและลกู นอน หาได้จากสูตรใด ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. บนั ไดท่ีสูงเกนิ 3 เมตร ตอ้ งมชี านพักบนั ไดทุกช่วงกเ่ี มตร ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. การติดต้งั แบบท้องบนั ได ประกอบไม้คา้ ยัน และไม้ตงรองรบั ควรให้ตา่ กว่าระดับท้องบนั ไดประมาณ เทา่ ไร ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ไม้ทนี่ ิยมนามาทาลกู นอนบนั ไดสว่ นใหญ่ เป็นไม้ประเภทใด ……………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………
8. ขัน้ ตอนในการติดตั้งไม้บนโครงสร้างพื้นคอนกรตี ควรทาอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. วิธกี ารตดิ ตง้ั ลูกกรงไม้กบั บนั ไดลกู นอนมขี ้ันตอนการทาอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. อัตราสว่ นผสมโดยปรมิ าตรทีเ่ หมาะสมของคอนกรีตบันได คือเท่าใด ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนการสอน หนว่ ยท่ี 6 แบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยท่ี 6 สอนครงั้ ท่ี 12-13 เวลา 4 ชัว่ โมง ชื่อวิชา วสั ดแุ ละวิธกี ารก่อสร้างงานโครงสร้าง ช่อื งาน บนั ได จงเลือกคาตอบท่ีถูกท่ีสุดเพยี งข้อเดียวจากคาถามต่อไปน้ี 1. บันได มีหน้าที่อย่างไร ก. ใชเ้ ป็นทางขึน้ ลงระหว่างชัน้ ต่าง ๆ ในอาคาร ข. เป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมด้านความงาม ค. เช่อื มตอ่ ระหว่างจุดยนื ท่ีระดบั ความสงู แตกตา่ งกนั ง. ถูกทกุ ขอ้ 2. บันไดทย่ี ่นื เฉพาะลกู นอนบันไดออกมาจากผนัง คอื ขอ้ ใด ก. บันไดท้องเรียบ ข. บันไดพับผา้ ค. บนั ไดลอย ง. บนั ไดพับผ้าแบบมีแม่บันได 3. ส่วนประกอบของบันได ทาหน้าท่ีเหมือนคานรับน้าหนกั คอื ข้อใด ก. พักบนั ได ข. แม่บันได ค. ลูกตง้ั ง. ลกู นอน 4. ลูกนอนบนั ไดตอ้ งกวา้ งไมน่ อ้ ยกวา่ เท่าไร ก. เซนติเมตร ข. เซนตเิ มตร ค. เซนติเมตร ง. เซนตเิ มตร 5. ระยะดงิ่ จากขั้นหรอื ชานพักถึงสว่ นต่าสุดต้องสงู ไม่น้อยกว่าเท่าใด ก. เมตร ข. เมตร ค. เมตร ง. เมตร
แผนการสอน หน่วยที่ 6 แบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยที่ 6 สอนครง้ั ที่ 12-13 เวลา 4 ชั่วโมง ชอ่ื วิชา วสั ดแุ ละวธิ ีการก่อสร้างงานโครงสร้าง ชอ่ื งาน บนั ได 6. การประกอบแบบบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ท่ีมีระยะความกว้างมาก ควรใช้ไม้ยึดแบบค่ันลูกต้ังที่ ช่วงระยะใด ก. ชว่ งระยะด้านบนบนั ได ข. ชว่ งระยะก่งึ กลางบันได ค. ช่วงระยะด้านล่างบนั ได ง. ชว่ งระยะขอบบนั ได 7. การติดต้งั ลกู กรงไม้ ควรติดตัง้ กับส่วนใดของบนั ได ก. ลกู ตัง้ ข. ลูกนอน ค. แม่บันได ง. จมูกบันได 8. วธิ ีการตดิ ต้ังราวบันไดโลหะตดิ กับลูกกรงโลหะ ควรทาอย่างไร ก. เชอื่ มดว้ ยลวดเชอื่ มยึดตดิ ข. ยดึ ตะปูเกลียวปลายแหลมยึดตดิ ค. ยดึ ดว้ ยตะปเู กลยี วยดึ ตดิ ง. ยดึ ด้วยกาวซเี มนต์ยึดตดิ 9. วัสดุที่ใช้ในการยิงตะปเู กลียวเพื่อยดึ แผน่ บันไดเข้ากับแม่บนั ได คือข้อใด ก. เล่ือยเจาะรู ข. สวา่ นกระแทก ค. คอ้ นยาง ง. สว่านไฟฟูา 10. ขอ้ ใด คือ วิธที ีถ่ ูกต้องในการทาให้คอนกรตี แทรกตวั เข้าไปในแบบหล่อได้ท่วั ถึงและแน่น ก. ใช้เครอื่ งเขยา่ คอนกรตี ข. ใชค้ อ้ นเคาะข้างแบบหลอ่ ค. ใช้ไม้กระทุ้งเน้ือคอนกรตี ง. ใชท้ ่อประปากระทุ้งเนื้อคอนกรีต
แผนการสอน หน่วยท่ี 6 กจิ กรรมท้ายหนว่ ยเรยี นที่ 6 สอนคร้งั ท่ี 12-13 ชอื่ วิชา วสั ดแุ ละวิธกี ารก่อสร้างงานโครงสร้าง เวลา 4 ชว่ั โมง ชื่องาน บนั ได 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่มศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบ และการ ติดตั้งบันไดแต่ละประเภท แล้วส่งตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอ พร้อมการแสดงรูปภาพประกอบ ตาม กลมุ่ ดงั นี้ กลมุ่ ที่ 1 บันไดไมบ้ นโครงสร้างคอนกรตี กลุ่มท่ี 2 บันไดไมบ้ นโครงสรา้ งเหล็ก กลุ่มที่ 3 โครงสรา้ งคอนกรีตเสรมิ เหลก็ 2. ให้นักเรียนนาประสบการณ์เกี่ยวกับการดาเนินงานก่อสร้างการประกอบ และการติดต้ัง บันได แต่ละประเภท ท่ีพบเห็นในชีวิตประจาวันมาเล่าให้เพื่อนฟังหน้าชั้นเรียน เพ่ือแลกเปลี่ยนการ เรยี นรู้กนั พรอ้ มช่วยระดมความคดิ เพ่ือนาเทคโนโลยใี หม่มาพัฒนาให้งานก่อสร้างอาคารมีความก้าวหน้า ทนั สมัย
แผนการสอน หน่วยท่ี 6 แบบประเมินผลกจิ กรรมสงั เกตพฤติกรรมการทางาน รายบุคคลและรายกลมุ่ ชอ่ื วิชา วสั ดุและวธิ กี ารก่อสร้างงานโครงสรา้ ง สอนครัง้ ท่ี 12-13 ชือ่ งาน บนั ได เวลา 4 ช่วั โมง ชื่อเร่ือง ................................................................................................................................... หวั ข้ออภิปราย ......................................................................................................................... ชอ่ื กลุ่ม ..................................................................................................................................... สมาชิกกลุ่ม 1. ................................................ 2. ................................................ 3. ............................................... 4. ................................................ 5. ................................................ 6. ................................................ รายการประเมิน คะแนนเตม็ ผลคะแนน หมายเหตุ 51. การเตรียมความพร้อมในการนาเสนอ 10 ………….. ผล/คะแนน 52. การมอบหมายหนา้ ท่ีกลุ่ม 10 ………….. ดมี าก = 80 – 100 53. ความรบั ผดิ ชอบ 10 ………….. ดี = 70 – 79 54. การทางานเป็นทมี 10 ………….. ปานกลาง = 60 – 69 55. การแต่งกาย/บคุ ลิกภาพ 10 ………….. พอใช้ = 50 – 59 56. ความชัดเจนในการนาเสนอ 10 ………….. ปรบปรงุ = 0 – 49 57. การอภิปรายกลุ่ม 10 ………….. คะแนนเต็ม 58. ความชดั เจนในการนาเสนอ 10 ………….. รวม 100 คะแนน 59. การตอบข้อซักถาม 10 ………….. 60. การจัดเก็บเครื่องมือ อุปกรณ์ 10 ………….. รวมคะแนนทีไ่ ด้ ลงชอ่ื ………………………………ผปู้ ระเมิน (……………………………………..) ………../…………………/………………
แผนการสอน หนว่ ยที่ 6 ชอ่ื วิชา วัสดุและวิธกี ารก่อสรา้ งงานโครงสรา้ ง สอนคร้ังท่ี 12-13 จานวน 4 ชว่ั โมง ชื่อหน่วย บนั ได 7. กจิ กรรมการเรียนการสอน ข้ันตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้นั ตอนการเรยี นรูห้ รือกิจกรรมของนักเรียน ข้นั เตรียม (20 นาท)ี ขน้ั เตรยี ม (20 นาท)ี 1. จดั เตรยี มเอกสาร ส่ือการเรียนการสอน 1. จัดเตรียมเอกสาร ส่ือการเรียนการสอนตามที่ ตัวอย่าง งานโครงสร้างบันได การมอบหมายงาน และ ครูผู้สอนและบทเรียนกาหนด เตรียมตัวทดสอบก่อน วธิ ีวัดผลประเมินผล เรยี นเรือ่ ง เสา 2. ทดสอบก่อนเรียนเรื่อง บันได แล้วให้นักศึกษา 2. ทาแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง บันได แล้วสลับกัน สลับกันตรวจคาตอบ และใหค้ ะแนน ตรวจคาตอบ 3. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นของหนว่ ยที่ 6 และการให้ 3. ทาความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์การเรียนของ ความรว่ มมอื ของนักศกึ ษาในการทากจิ กรรม หน่วยที่ 6 และการให้ความร่วมมือในการทากิจกรรม ขน้ั การเรยี นการสอน (200 นาที) ข้ันการเรยี นการสอน (200 นาที) 1. ครูอธิบาย และยกตัวอย่างถึง ความหมาย และ 1. นักศึกษาฟงั และคิดตามพร้อมท้ังจดบันทึกเก่ียวกับ ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง บั น ไ ด ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง บั น ไ ด ความหมาย และความสาคัญของบันได ประเภทของ ส่วนประกอบของบันได หลักการข้อกฎหมายเร่ือง บันได ส่วนประกอบของบันได หลักการข้อกฎหมาย บันได หลักการประกอบแบบ และติดต้ังบันไดคอนกรีต เร่ืองบันได หลักการประกอบแบบ และติดตั้งบันได เสรมิ เหล็ก หลักการประกอบ การติดตั้งไม้บนโครงสร้าง คอนกรีตเสรมิ เหลก็ หลักการประกอบ การติดตั้งไม้บน พื้นคอนกรีต และโครงสร้างเหล็ก การเลือกใช้วัสดุ โครงสร้างพื้นคอนกรีต และโครงสร้างเหล็ก การ เครอ่ื งมือและอุปกรณ์ในงานบนั ได หลักการวิธีการผสม เลือกใช้วัสดุ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ในงานบันได คอนกรีต และเทคอนกรีตบันได พร้อมกับแจกใบความรู้ หลักการวิธีการผสมคอนกรีต และเทคอนกรีตบันได ประกอบการเรียนการสอน โดยใช้ใบความรู้ท่ี 6 เร่ือง พร้อมกับศึกษาใบความรู้ประกอบการเรียนการสอน โดยใช้ บันได ใบความรู้ที่ 6 เรอ่ื ง บันได 2. ครูให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มนักศึกษา กลุ่มออกเป็น 3 2. นักศึกษาเข้ากลุ่มตามที่ครูจัดแบ่ง แล้วปฏิบัติ กลุ่ม แล้วมอบหมายให้นักศึกษาปฏิบัติกิจกรรมท้าย กิจกรรมทา้ ยหนว่ ยที่ 6 เรอ่ื ง บนั ได โดยนักศึกษาแต่ละ หน่วยที่ 6 เร่ือง บันได โดยให้นักศึกษาแต่ละกลุ่ม กลุ่มอภิปรายแนวคิดเกี่ยวกับการประกอบแบบ และ อภิปราย แนวคิดเกี่ยวกับการประกอบแบบ และการ การติดตั้งบันไดแต่ละประเภท โดยดูตัวอย่างจากใบ ตดิ ตง้ั บันไดแตล่ ะประเภท โดยดูตวั อย่างจาก ใบความรู้ ความรทู้ ่ี 6 เรื่อง บันได ที่ 6 เร่ือง บันได
แผนการสอน หนว่ ยท่ี 6 ชอื่ วิชา วัสดุและวธิ ีการก่อสรา้ งงานโครงสรา้ ง สอนครงั้ ท่ี 12-13 จานวน 4 ชวั่ โมง ชอื่ หน่วย บันได 6. กิจกรรมการเรียนการสอน (ต่อ) ขั้นตอนการสอนหรอื กจิ กรรมของครู ขั้นตอนการเรียนรหู้ รอื กิจกรรมของนกั เรียน จากนน้ั ใหน้ กั ศึกษาร่วมกันสรุป “การประกอบแบบ จากน้ันนักศึกษาร่วมกันสรุป “การประกอบแบบ และการติดตั้งบันไดแต่ละประเภท” ให้บันทึกผลและ และการติดต้ังบันไดแต่ละประเภท” ให้บันทึกผลและ รายงานหน้าช้ันเรียนได้อย่างอิสระ โดยจัดทาส่ือ รายงานหน้าชั้นเรียนได้อย่างอิสระ ให้จัดทาสื่อ ประกอบการรายงานด้วย เมื่อรายงานหน้าชั้นเรียน ประกอบการรายงานด้วย เมื่อรายงานหน้าชั้นเรียน แล้วให้ผู้ฟังซักถามปัญหา ข้อสงสัยเก่ียวกับ “การ แล้วให้ผู้ฟังซักถามปัญหา ข้อสงสัยเกี่ยวกับ “การ ประกอบแบบ และการติดตั้งบันไดแต่ละประเภท ” ประกอบแบบ และการติดต้ังบันไดแต่ละประเภท” จากนั้นใหผ้ ้รู ายงานตงั้ คาถาม เพื่อถามผู้ฟังอย่างน้อย จากน้นั ให้ผู้รายงานต้ังคาถาม เพื่อถามผู้ฟังอย่างน้อย 2 คาถาม โดยให้ผู้ฟังแสดงความคิดเห็นภายในช้ัน 2 คาถาม โดยให้ผู้ฟังแสดงความคิดเห็นภายในช้ัน เ รี ย น ไ ด้ อ ย่ า ง อิ ส ร ะ (Democracy ด้ า น เ รี ย น ไ ด้ อ ย่ า ง อิ ส ร ะ (Democracy ด้ า น ประชาธปิ ไตย:3D) ประชาธปิ ไตย:3D) ขน้ั สรุป (20 นาที) ขัน้ สรปุ (20 นาที) 1. ครูสรุปจากท่ีนักศึกษานาเสนอข้อมูลพร้อม 1. นักศึกษารับฟังคาสรุปและข้อแนะนาจากครู ทง้ั อธิบายเพิ่มเตมิ และสรุปเนื้อหาตามจุดประสงค์เชิง พร้อมท้ังจดบันทึกข้อมูล และซักถามหรือตอบคาถาม พฤตกิ รรม ตามหัวขอ้ สาระสาคัญพรอ้ มทงั้ ปลกู ฝงั ให้ หรอื แสดงความคิดเห็น ในหวั ขอ้ ท่ียังไม่เข้าใจพร้อมทั้ง นักศึกษาเอาใจใส่ในการเรียนรู้ ดูหนังสืออย่าง รับฟังการปลูกฝงั จากครผู สู้ อนเรือ่ งการเอาใจใส่ในการ สม่าเสมอ และส่งเสริมให้เล่นกีฬาอยู่เสมอเพื่อให้ เรียนรู้ ดูหนังสืออย่างสม่าเสมอ และส่งเสริมให้เล่น ร่างกายแข็งแรงความจาดี เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็น กฬี าอยูเ่ สมอเพือ่ ใหร้ า่ งกายแขง็ แรงความจาดี เป็นการ ประโยชน์ (ส่งผลทาให้ห่างไกลจากยาเสพติดอย่าง ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ (ส่งผลทาให้ห่างไกลจาก แท้จริง Drug-Free ดา้ นภูมคิ ้มุ กันภัยจากยาเสพติด : ยาเสพติดอย่างแท้จริง Drug-Free ด้านภูมิคุ้มกันภัย 3D ) จากยาเสพติด : 3D )
แผนการสอน หน่วยที่ 6 ชื่อวิชา วัสดแุ ละวธิ ีการก่อสรา้ งงานโครงสร้าง สอนครั้งท่ี 12 - 13 ช่อื หน่วย บันได จานวน 4 ช่ัวโมง 1. กจิ กรรมการเรยี นการสอน (ต่อ) ขน้ั สรุป (20 นาที) (ตอ่ ) 2. ทาแบบทดสอบหลังเรยี น ขน้ั สรุป (20 นาที) (ต่อ) 3. นักศึกษานาคะแนนจากแบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. แจกแบบทดสอบหลงั เรยี น และหลงั เรยี นมาเปรียบเทยี บกันว่าเปน็ อย่างไรมี 3. ครตู รวจแบบทดสอบพรอ้ มกับบันทึก ผลตา่ งกนั อยา่ งไร เพื่อดูความกา้ วหนา้ ของตนเอง 4. นักศึกษาทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียน คะแนน 4. ใหน้ ักศกึ ษาทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบทเรียน (รวม 240 นาที หรือ 4 คาบเรียน) (รวม 240 นาที หรือ 4 คาบเรยี น)
2. งานทม่ี อบหมายหรือกิจกรรมการวดั ผลและประเมินผล กอ่ นเรยี น 1. จดั เตรยี มเอกสาร สื่อการเรียนการสอนตามที่อาจารยผ์ สู้ อนและบทเรยี นกาหนด 2. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนเร่ือง บันได แลว้ สลบั กันตรวจคาตอบ 3. ทาความเขา้ ใจเกีย่ วกับจดุ ประสงค์การเรยี นของหนว่ ยที่ 6 และการใหค้ วามร่วมมือใน การทากจิ กรรมในหน่วยท่ี 6 ขณะเรยี น 1. ปฏบิ ัติตามกิจกรรมทา้ ยหนว่ ยที่ 6 เรือ่ ง บันได 18. ดูตัวอย่างใบความรูท้ ่ี 6 เร่ือง บันได 19. รว่ มกันสรุป “การประกอบแบบ และการตดิ ตง้ั บนั ไดแตล่ ะประเภท ” เป็น แผนภาพแสดง โครงสรา้ งบนั ได 20. จัดทาสอื่ ประกอบการรายงาน 21. รายงาน หนา้ ชัน้ เรียนเร่ือง “การประกอบแบบ และการติดต้ังบันไดแตล่ ะประเภท ” หลังเรยี น 1. ทาแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ทาแบบฝึกหดั ท้ายบทเรียน 3. ทากิจกรรมท้ายหนว่ ยเรยี น 3. ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเรจ็ ของผ้เู รียน 1. ผลสาเร็จจากการปฎบิ ัตงิ านกจิ กรรมทา้ ยหน่วยเรยี นตามทไี่ ด้มอบหมายในหนว่ ยท่ี 6 เรื่องบนั ได 2. ผลสาเร็จจากการปฎบิ ตั งิ านจากแบบฝึกหัดท้ายหนว่ ยเรยี นตามทไ่ี ด้มอบหมายในหน่วย ที่ 6 เรื่อง บนั ได 4. ส่ือการเรียนการสอน/การเรยี นรู้ สอ่ื ส่งิ พิมพ์ 9. หนังสือเรียนวชิ า วสั ดุก่อสร้าง ของ พงศพนั วรสุนทโรสถและวรพงศ์ วรสุนทโรสถ 10.หนงั สือเรยี นวิชา เทคนิคก่อสร้าง ของ พิภพ สุนทรสมยั 3. แบบทดสอบก่อนเรยี น 4. ใบความรู้ท่ี 6 เร่ือง บันได 5. กจิ กรรมท้ายหน่วยที่ 6 เรอื่ ง บนั ได 6. แบบทดสอบหลงั เรยี น 7. แบบฝึกหัดท้ายบทเรยี น
8. แบบเฉลยทดสอบกอ่ นเรียน - หลงั เรียน และแบบฝกึ หดั ท้ายบทเรยี น ใช้ประกอบใน ขน้ั เตรยี มและขน้ั สรุป 9. แบบประเมินผลกิจกรรมสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคลและรายกลุ่ม 5. สอื่ โสตทศั น์ (ถ้ามี) เครื่องฉายภาพ 6. สือ่ ของจรงิ ตวั อย่างของจรงิ “ โครงสรา้ งงานบันได” 7. แหล่งการเรยี นรู้ ในสถานศึกษา 9. ห้องสมุดวิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี ศึกษาข้อมูลเรื่อง บันได จากหนังสือเก่ียวกับ วัสดุก่อสร้าง และเทคนิคก่อสร้าง เช่น วัสดุก่อสร้าง ผู้แต่ง พงศพัน วรสุนทโรสถ และวรพงศ์ วรสนุ ทโรสถ, เทคนคิ ก่อสร้าง ผู้แต่ง พิภพ สุนทรสมัย และวัสดุวิศวกรรมก่อสร้าง ผู้แต่ง กวี หวัง นิเวศกุล 10.ร้านบรกิ ารอินเทอร์เน็ต หรืออินเทอรเ์ นต็ ในที่พักอาศยั ศึกษาค้นควา้ หาข้อมลู เร่อื ง วัสดกุ ่อสร้าง และเทคนคิ ก่อสร้าง จากเวบ็ ไซด์ http://www.google.co.th หรอื http://elearn.utc.ac.th/moodle/course/view.php?id=26 นอกสถานศกึ ษา ผูป้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่น จังหวดั อบุ ลราชธานี 8. การบรู ณาการ/ความสัมพนั ธก์ บั วิชาอนื่ 1. บรู ณาการกบั วิชาชวี ติ และวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการ ฝกึ ปฏิบัตติ นทางสังคมด้านการเตรียมความพร้อม ความรับผิดชอบ และความสนใจใฝุรู้ 2. บูรณาการกับวิชาความปลอดภยั ในงานอาชพี ดา้ นความปลอดภยั ในการปฎิบัตงิ าน 3. บูรณาการกับวิชากีฬาเพ่ือพัฒนาสุขภาพและบุคลิกภาพ ด้านบุคลิกภาพในการ นาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น 4. บรู ณาการกบั วชิ าการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรและส่งิ แวดลอ้ มในงานอาชีพ ด้านการเลือกใช้ ทรพั ยากรอยา่ งประหยัด 9. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ หลักการประเมนิ ผลการเรียนรู้ กอ่ นเรยี น ตรวจความพร้อมก่อนเรยี น ตามแบบประเมนิ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ขณะเรยี น
13. สังเกตและบันทกึ ผลตามแบบประเมนิ คุณลักษณะพึงประสงค์ 14. แบบฝึกหัดหน่วยที่ 6 15. กจิ กรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้ หน่วยที่ 6 หลังเรียน บันทึกผลคะแนน จากการตรวจงานทไี่ ด้รับมอบหมาย 13. แบบฝกึ หัดหนว่ ยท่ี 6 14. กิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้ หน่วยที่ 6 15. แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยท่ี 6
บรรณานุกรม คานวณ คุณาพร. บ้านแสนรกั . กรงุ เทพมหานคร: บริษทั วทิ ยพฒั น์ จากัด. 2547. เจรญิ เสาวภาณี. สร้างบ้านด้วยตนเอง. กรงุ เทพมหานคร: บริษทั สกายบุ๊กส์จากดั . 2550. ชมรมวิศวฯจุฬา 07.รายละเอียดเหล็กเสริมงานคอนกรตี .พมิ พ์ครงั้ ท่ี 7.กรุงเทพมหานคร : 2533. ชยั มกุ ตพนั ธ์.ปฐพีกลศาสตร์ และวศิ วกรรมฐานราก.พิมพ์คร้ังที่ 4.กรงุ เทพมหานคร: ศูนยก์ ารพมิ พ์ดวงกมล.2540. พิภพ สุนทรสมยั .เทคนคิ การสรา้ งอาคารเบอ้ื งต้น.กรุงเทพมหานคร : โปรเฟรสชั่นแนล พับลชิ ชิ่ง.2524. มนสั กลอ่ งเพชร.เทคนคิ ก่อสรา้ ง 1. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั สานกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ จากดั .2543 วิทวัส สทิ ธกิ ุล.เทคนิคก่อสร้าง. กรุงเทพฯ: คณะวิชาช่างโยธา สถาบนั เทคโนโลยี ราชมงคลวิทยาเขตอุเทนถวาย. 2544. วีระเดช พะเยาศริ ิพงศ์ .รวมกฎหมายก่อสร้าง .กรุงเทพมหานคร:เทพนิมิตการพิมพ์.ม.ป.ป. อวยชัย สภุ าพจน์ . การควบคุมงานกอ่ สร้าง . กรุงเทพมหานคร : สานกั พิมพ์ศูนย์สง่ เสรมิ วชิ าการ.ม.ป.ป. เอกสทิ ธ์ิ ล้ิมสวุ รรณ. แบบหล่อคอนกรตี .พิมพ์ครงั้ ที่ 7.กรงุ เทพมหานคร: สานกั พิมพ์เอเซีย เพรส.2539. อรุณ ชัยเสร.ี เกรด็ ความร้เู กย่ี วกบั การควบคุมงานกอ่ สรา้ งอาคาร คอนกรตี เสริมเหลก็ . กรงุ เทพมหานคร : วงศ์สวา่ งการพมิ พ์.2528.
บันทึกหลงั การสอน/การเรียนรู้ ผลการใช้แผนการสอน/การเรียนรู้ 16. คาบสอนเหมาะสม 17. เนือ้ หาสอดคลอ้ งกับจุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมเหมาะสม 18. กิจกรรมการสอนหรือวิธีสอนในข้ันตอนการสอน กจิ กรรมของผเู้ รยี นเหมาะสม ผลการเรียนของนกั เรยี น 16. นกั เรยี นสว่ นใหญใ่ หค้ วามสนใจเรยี น เมื่อจัดการเรียนการสอนโดยมกี ารแขง่ ขัน และ กลา่ วชมเชยเมอ่ื สามารถทางานดว้ ยตนเองอย่างซื่อสตั ย์ ตัง้ ใจเรยี นมากขนึ้ ดูไดจ้ ากการตอบ คาถามไดถ้ ูกต้องชดั เจน กลา้ แสดงออกมากขนึ้ 17. ผลคะแนนเฉล่ียการสอบหลงั เรยี นสงู กวา่ ก่อนเรียน นักเรยี นทาแบบฝกึ หดั กจิ กรรม ส่งเสรมิ การเรียนรู้ และใบงาน ด้วยตนเองได้ถกู ต้อง 18. นกั เรยี นมกี จิ นสิ ยั ที่ดี มีความสามัคคี ยอมรบั เหตุผลผู้อ่ืน ผลการสอนของครู 11. สอนเนื้อหาได้รวดเร็ว โดยใชส้ ่อื พาวเวอร์พอยต์ และเอกสารประกอบการสอนหนว่ ยท่ี 6 12. สอนได้ ตามเวลาทีก่ าหนด จากผลของการคละกลมุ่ ผู้เรยี น ลดการใช้เวลาสอนเสรมิ โดย ครูผู้สอน ด้วยการเรียนรูแ้ บบเพอื่ นช่วยเพื่อน ลงช่ือ....................................................ผ้สู อน () ลงชอ่ื ........................................ผู้ชว่ ยฝุายวชิ าการ ()
แผนการสอน หน่วยท่ี 7 สอนคร้ังที่ 14-15 ชือ่ วิชา วสั ดแุ ละวธิ ีการก่อสร้างงานโครงสร้าง ชือ่ หน่วย พ้ืน เวลา 4 ช่ัวโมง หวั ข้อเรื่อง 1. ดา้ นความรู้ 36. ความหมาย และความสาคัญของพืน้ 37. ประเภทของพน้ื 38. หลักการประกอบ และติดต้ังพืน้ ไม้ 39. หลักการประกอบ และตดิ ตั้งพน้ื เหลก็ 40. หลกั การประกอบแบบ และติดต้ังพื้นคอนกรีตเสรมิ เหล็ก 41. วิธีการผสมคอนกรีต และเทคอนกรตี พนื้ 2. ด้านทักษะ 9. การใชว้ ัสดุ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ในงานพื้น 3. ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและคุณลกั ษณะ 3D 1. เตรยี มความพร้อมด้านวัสดุ อุปกรณส์ อดคลอ้ งกบั งานได้อย่างถูกตอ้ งและใชว้ ัสดุอุปกรณ์อยา่ ง ค้มุ คา่ ประหยัด ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและคณุ ลกั ษณะ 3D (ความรบั ผดิ ชอบ ความ ประหยดั ความขยนั ความอดทน แบ่งปัน) 2. ปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งถูกต้อง และสาเรจ็ ภายในเวลาท่ีกาหนดอยา่ งมีเหตุและผลตามหลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งและคุณลักษณะ3D สาระสาคญั /แนวคดิ สาคัญ พ้ืน เป็นองค์อาคารที่อยู่ในแนวราบ มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ใช้บรรทุกน้าหนักตัวมันเอง น้าหนัก วัสดุตกแต่ง ตลอดจนน้าหนักบรรทุกจร เช่น ผู้อยู่อาศัย ยวดยานพาหนะ (กรณีพื้นอาคารจอดรถหรือ สะพาน) และถา่ ยนา้ หนักลงส่คู านรองรับซึ่งอยู่ท่ีขอบ หรือโดยรอบพน้ื
แผนการสอน หนว่ ยท่ี 7 สอนครั้งท่ี 14-15 ชอ่ื วิชา วสั ดุและวธิ กี ารก่อสร้างงานโครงสรา้ ง เวลา 4 ชั่วโมง ชอื่ หน่วย พนื้ สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย (สิ่งที่ตอ้ งการให้เกิดการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ คุณธรรม เข้า ดว้ ยกนั ) 1. แสดงความรู้การก่อสรา้ งพ้นื 2. เลือกใชว้ สั ดุและอุปกรณ์ในงานก่อสรา้ งพื้น จดุ ประสงคท์ ั่วไป เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ เกย่ี วกบั การก่อสร้างพน้ื และเลือกใช้วสั ดุและอุปกรณ์ในงาน กอ่ สร้างพื้นได้ จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม 32.บอกความหมาย และความสาคัญของพืน้ ได้ 33. บอกประเภทของพ้นื ได้ 34.อธิบายหลักการประกอบ และติดต้งั พ้นื ไมไ้ ด้ 35. อธิบายหลกั การประกอบ และติดตั้งพื้นเหล็กได้ 36.อธิบายหลกั การประกอบแบบ และติดตั้งพ้นื คอนกรตี เสรมิ เหล็กได้ 37.เลอื กใช้วสั ดุ เครอื่ งมือและอปุ กรณใ์ นงานพ้นื 38.บอกวธิ ีการผสมคอนกรีต และเทคอนกรีตพืน้ ได้
แผนการสอน หน่วยที่ 6 สอนคร้ังท่ี 12 - 13 ชอื่ วิชา วัสดุและวธิ กี ารก่อสร้างงานโครงสรา้ ง เวลา 4 ชวั่ โมง ชอื่ หน่วย บนั ได การบรู ณาการกับปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และคณุ ลกั ษณะ 3D • หลกั ความพอประมาณ 1. ผู้เรยี นจดั สรรเวลาในการฝกึ ปฏิบตั ิทากจิ กรรมและแบบฝกึ หัดท้ายหนว่ ยเรยี นได้อยา่ งเหมาะสม 2. กาหนดเน้อื หาเหมาะสมกบั เกณฑ์การประเมิน การใช้เครอ่ื งมืออย่างถูกตอ้ งและเหมาะสมกบั งาน 3. ผู้เรยี นร้จู กั ใช้และจัดการวัสดุอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ อย่างประหยดั และคุ้มค่า 4. ผู้เรียนปฏิบตั ติ นเป็นผ้นู าและผตู้ ามท่ดี ี 5. ผู้เรยี นเปน็ สมาชิกที่ดีของกลมุ่ เพื่อนและสังคม • หลกั ความมเี หตุผล 1. เหน็ คุณคา่ ของการใช้วัสดุและอุปกรณใ์ นงานพนื้ 2. จัดแสดงเนอื้ หาของงานพ้ืน ได้อย่างถูกต้อง มีเหตุผล และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการดาเนิน ธุรกจิ และในชีวิตประจาวันได้ กล้าแสดงความคิดอยา่ งมีเหตผุ ล 3. กลา้ ทกั ทว้ งในสิง่ ทไี่ มถ่ ูกตอ้ งอย่างถูกกาลเทศะ 4. กลา้ ยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผู้อ่นื 5. ใช้วัสดถุ กู ตอ้ งและเหมาะสมกับงาน 6. ไมม่ เี รอ่ื งทะเลาะวิวาทกบั ผอู้ นื่ 7. คดิ ส่งิ ใหม่ ๆ ท่เี กดิ ประโยชนต์ ่อตนเอง และสงั คม 8. มคี วามคดิ วเิ คราะหใ์ นการแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ • หลักความมีภมู ิคมุ้ กนั 1. มที กั ษะทางหลักความปลอดภัยอกี ทัง้ ส่อื ความหมายไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 2. ผเู้ รยี นไดร้ บั ความร้ทู ่ีถกู ตอ้ ง พรอ้ มทงั้ กาหนดเน้อื หาได้ครบถ้วนถกู ต้อง ตามหลักความปลอดภัยที่ ดีและมสี าระสาคญั ที่สมบูรณ์ 3. มีการเตรียมความพร้อมในการเรยี นและการปฏบิ ตั ิงาน 4. กลา้ ซกั ถามปัญหาหรือขอ้ สงสัยต่าง ๆ อยา่ งถูกกาลเทศะ 5. แกป้ ญั หาเฉพาะหน้าได้ด้วยตนเองอย่างเปน็ เหตเุ ปน็ ผล 6. ควบคมุ อารมณ์ของตนเองได้ 7. ควบคมุ กิรยิ าอาการในสถานการณต์ ่าง ๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
แผนการสอน หน่วยท่ี 7 สอนครง้ั ท่ี 14 - 15 ชอ่ื วิชา วัสดุและวิธีการก่อสรา้ งงานโครงสรา้ ง เวลา 4 ชว่ั โมง ชื่อหน่วย พ้ืน การตัดสินใจและการดาเนินกจิ กรรมต่างๆ ให้อยใู่ นระดบั พอเพยี งหรอื ตามปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งนนั้ ต้องอาศยั ทง้ั ความร้แู ละคุณธรรมเป็นพน้ื ฐาน ดงั นี้ • เงื่อนไขความรู้ 1. ผู้เรียนไดใ้ ช้กระบวนการคิดในงานพืน้ (ความสนใจใฝุรู้ ความรอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวัง) 2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในงานพื้น 3. ใช้วัสดุอย่างประหยัดและคมุ้ ค่า 4. ปฏบิ ตั งิ านดว้ ยความละเอียดรอบคอบ 5. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง • เงื่อนไขคุณธรรม 1. ปฏบิ ัตงิ านท่ไี ด้รบั มอบหมายเสร็จตามกาหนด (ความรบั ผิดชอบ) 2. ใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์อย่างคุ้มค่า ประหยัด (ความประหยัด) 3. มีความเพยี รพยายาม และกระตอื รือรน้ ในการเรียนและการปฏิบตั งิ าน (ความขยัน ความอดทน) 4. ให้ความร่วมมือกับการทากิจกรรมของส่วนรวม อาสาช่วยเหลืองานครแู ละผู้อน่ื (แบ่งปนั )
เน้ือหาสาระ ดา้ นความรู้ 1. ความหมาย และความสาคญั ของพน้ื พ้นื (Floor) คอื โครงสรา้ งทว่ี างในแนวราบ สาหรับน้าหนกั บรรทกุ โดยตรง แล้วถา่ ยนา้ หนักที่ได้ลง ส่คู านหรอื เสา พน้ื บางชนดิ ยังทาหนา้ ท่เี ปน็ ตัวโครงสร้างสาคัญช่วยยึดระบบโครงสร้างของอาคารท้ังหลังให้มี ความมัน่ คงแขง็ แรง 2. การจาแนกประเภทของพ้ืน พื้นทีใ่ ชก้ ับอาคารบ้านเรือนท่ัว ๆ ไป สามารถแบ่งประเภทตามวสั ดุทาพ้นื ออกได้เป็นประเภทใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ พื้นไม้ พนื้ เหลก็ และพนื้ คอนกรีตเสริมเหล็ก มีรายละเอียดดังน้ี 2.1 พื้นไม้ พืน้ ไม้เปน็ โครงสร้างของพ้ืนแบบงา่ ยๆ โดยใชค้ านทาดว้ ยไม้ ปูดว้ ยไม้แผน่ พ้ืนเรียงกนั โดยวิธีเขา้ ลนิ้ แลว้ ตอกตะปูยึดไว้ มักจะใช้ไม้เนอ้ื แขง็ ที่ให้ความแขง็ แรง เช่น ไม้แดง ไม้มะคา่ ไม้สกั ไม้เต็ง เป็นตน้ ข้อดีคอื ทางา่ ย ประหยดั เวลา ขอ้ เสยี คือ รับนา้ หนักได้น้อย อาจมเี สียงดงั เวลาใชง้ านเน่ืองจากไม้หดตวั และ มีราคาแพง 2.2 พื้นเหล็ก พน้ื เหลก็ (Steel deck) ประกอบดว้ ยระบบตงเหล็ก วางบนคานเหล็ก หรอื คานคอนกรตี ระยะหา่ งของตงจะข้นึ กับความหนาของแผน่ ไม้ท่ใี ช้ทาพื้นเพอื่ ให้สามารถรบั นา้ หนักบรรทุกได้ตามที่ ตอ้ งการ ตงเหล็กนามาใช้กบั อาคารพกั อาศัยไดด้ ี คือ ตงเหล็กไลทเ์ กจ และนยิ มใช้ตงถัก (Open web joist) ในกรณที ี่ต้องการพาดช่วงกว้างขน้ึ ตงเหลก็ อาจวางบนคานเหลก็ หรือยึดติดกบั ด้านขา้ งของคาน เหล็ก ขึน้ อยู่กบั ระดับพื้น (Finish floor level) และระดับคาน 2.3 พ้ืนคอนกรีตเสรมิ เหลก็ พน้ื คอนกรีตเสริมเหลก็ สามารถแบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ ใหญ่ ๆ ตามลักษณะการผลติ และการใช้ งาน ไดแ้ ก่ 1) พนื้ คอนกรตี เสรมิ เหล็กแบบหลอ่ กบั ที่ 2) พน้ื ก่งึ สาเร็จรูป 3. การประกอบ และติดตงั้ พ้ืนไม้ พน้ื ไมป้ ระกอบด้วยโครงสรา้ ง 2 สว่ น คือ ไมแ้ ผ่นกระดานที่มคี วามหนาไมน่ ้อยกว่า 1 นว้ิ หน้ากว้าง 4 น้วิ , 6 นวิ้ , 8 นว้ิ และ 10 น้ิว ทาหนา้ ท่รี ับนา้ หนักโดยตรง และไม้ตง ทาหนา้ ทร่ี องรับไม้พืน้ แล้วจึงถ่าย นา้ หนักให้คาน ตงมขี นาด นวิ้ , 2 x 6 นิ้ว, นิว้ และ 2 x 8 นว้ิ วางห่างกันประมาณ 50 เซนตเิ มตร รูปแบบของการปูพ้นื ไม้ทีน่ ิยมในปัจจบุ ัน ข้ึนอยู่กับวตั ถุประสงค์ และความเหมาะสมของการใช้ งาน 3.1 พื้นไมบ้ นตงเหล็ก การนาพน้ื ไมม้ าใชก้ ับเหล็กไลทเ์ กจ หรือเหล็กข้นึ รปู เยน็ แทนตงไม้ทาไดโ้ ดยตรง แต่ในการยึดพ้ืน ไมเ้ ข้าล้นิ ติดกับตงเหลก็ ไม่สามารถตอกตะปไู ด้โดยตรงเหมือนกบั ตงไม้ จึงตอ้ งมีไม้ขนาด หรอื รองเหนอื ตงเหล็ก หรือออกแบบให้ตงเป็นองคป์ ระกอบระหว่างไม้กบั เหล็กเพ่ือใหส้ ามารถตอกตะปู
ยดึ ไม้ได้ พื้นไม้ชนดิ ตอ่ ชนหรือบังใบ อาจใชห้ มุดเกลียวหรอื สกรชู นิดพเิ ศษ ยึดแผน่ ไม้ติดกบั ตงเหลก็ พ้ืน ระเบียงภายนอกที่ใช้ไมข้ นาดใหญ่ (Wood plank) มีความหนามากใชส้ ลกั เกลยี วทใ่ี ชก้ ับงานไม้ (Agricultural bolts) ยึดติดกับตงเหลก็ ตงเหลก็ ท่นี ามาใช้กับอาคารพักอาศัยได้ดี คือ ตงเหล็กไลท์เกจ และ นยิ มใชต้ งถัก (Open web joist) ในกรณที ตี่ ้องการพาดชว่ งกว้างข้นึ ตงเหลก็ อาจวางบนคานเหล็ก หรอื ยดึ ติดกับด้านข้างของคานเหล็ก ขน้ึ อย่กู ับระดบั พื้น (Finish floor level) และระดบั คาน 3.2 พื้นไม้บนตงไม้ เมอ่ื ตัง้ เสาไมก้ บั คานไม้เสรจ็ เรยี บร้อย ทาการวางตงกอ่ นการปพู นื้ ไม้ สาหรบั ตงไม้ขนาดท่ีนิยม จะใชไ้ มห้ นา นว้ิ กวา้ ง 6 นว้ิ ใชไ้ มเ้ นอื้ แขง็ เช่น เตง็ รงั มะคา่ แดง วางพาดระหว่างช่วงคาน ในการวาง ตงไม้ ควรให้มีระยะห่าง 40 - 50 เซนตเิ มตร 1) การตดิ ตง้ั ตงไม้ การติดตัง้ ตงตัวแรกใหว้ างแนบขา้ งเสาด้านในบนหลงั คาน ให้ความโค้งของตงขนึ้ ด้านบน เสมอ ตอกตะปู นวิ้ ตอกทแยงทามมุ 60 องศา ยดึ ท้องตงสว่ นท่ีอยู่หลังคานให้ตดิ กับคาน แลว้ ตดิ ต้ังตง ตวั ท้าย เม่ือตงตวั แรก และตัวสดุ ทา้ ยวางยดึ แน่นให้ตอกตะปู 1 ตวั ทหี่ ลังตงให้อยูใ่ นบริเวณใกลก้ บั เสาห่าง จากแนวคานไมเ่ กิน 30 เซนติเมตร ตอกตะปูท่หี ัวตงตวั ทา้ ย ใช้เชือกเอ็นขึงจากตะปูที่ตอกตงตัวแรกมาหาตง ตัวท้ายให้ขนานกบั แนวคาน เชอื กสงู กวา่ หลงั ตง 1 นว้ิ ทาการวางตงตวั อนื่ ๆ ให้ระดับหลังตงอย่ใู นแนว เมอื่ ติดต้งั ตงอยู่ในตาแหน่งแล้วควรใช้ไม้เคร่า นว้ิ วางพาดบนหลังตงให้ห่างกนั ประมาณ 1.00 เมตร ตอกตะปู 3 นิว้ ยึดตงให้ตั้งฉากตลอดแนว ทาการปรบั หลงั ตงทุกตวั ให้ได้ระดับ หากตงแอ่นตัวควรหนุนให้ได้ ระดบั ก่อนปพู น้ื 2) การประกอบ และตดิ ตั้งไม้พ้นื รางล้ิน ไมพ้ ้นื รางลิน้ คอื ไม้ปพู ืน้ ทมี่ คี วามกวา้ งตง้ั แต่ 4 น้ิว ขน้ึ ไป และความยาวเกินกว่า 1.00 เมตร ขึ้นไป ชนิดของไมพ้ น้ื ทน่ี ยิ มใช้ได้แก่ ไมส้ กั ไมม้ ะค่า ไมป้ ระดู่ สว่ นไมแ้ ดงไม่นิยมใช้เน่ืองจากมีอัตราการยืดหด ตวั สูงการใชไ้ มพ้ ื้นต้องมกี ารเตรียมพ้ืนก่อนปูเสมอ โดยมี 2 วธิ ดี ังน้ี (1.1) การวางตงไม้ จะใช้ไม้เน้ือแข็ง เช่น ไม้แดง ไม้เต็ง ไม้เบญจพรรณ เป็นต้น ไส เรียบ ให้มีขนาด 3 x 3 เซนติเมตร ข้ึนไป วางเป็นโครงโดยยึดไว้กับพื้นปูนด้วยตะปูคอนกรีต แล้วอาจจะเท ปูนขน้ึ มาเพ่ือให้เสมอกับไม้ตงเพ่ือกันเสียงดังเวลาเดิน จากน้ันปูไม้พ้ืนลงบนตงไม้โดยใช้กาวลาเท็กซ์ และใช้ ตะปู หรอื ลูกแมก็ ยิงตรงลิน้ ของไม้ใหย้ ึดตดิ ลงไปบนตงไม้ เว้นชอ่ งวา่ งระหว่างไม้พ้ืน และผนังห้องไว้ประมาณ 5 - 10 มลิ ลเิ มตร และปดิ ชอ่ งว่างด้วยไมบ้ วั พนื้ (1.2) รองพื้นด้วยไม้อัด หนา 10 มิลลิเมตร ปูไม้อัดหนา 10 มิลลิเมตร ด้วยตะปู คอนกรตี แลว้ จงึ ปไู มพ้ ้ืน ลงบนไมอ้ ดั โดยใชก้ าวลาเทก็ ซ์ และใช้ตะปู หรือลูกแม็กยิงตรงลิ้นของไม้ ให้ยึดติดลง ไปบนแผ่นไม้อัดด้านล่าง เว้นช่องว่างระหว่างไม้พ้ืน และผนังห้องไว้ ประมาณ 5 -10 มิลลิเมตร และปิด ชอ่ งว่างดว้ ยไม้บวั พนื้ หากพื้นมีความช้ืนมากสามารถทาได้โดยการปูพลาสติกกันความชื้นหนา 0.5 มิลลิเมตร ลงบนพ้นื ปูนเดิมแลว้ ปไู มอ้ ดั หนา 10 มลิ ลเิ มตร 4. การประกอบ และตดิ ต้ังพนื้ เหลก็ พืน้ เหล็ก (Steel deck) จะประกอบด้วยตงเหล็ก วางบนคานเหล็ก หรือคานคอนกรตี แลว้ ปปู ดิ ทับ ด้วยแผ่นเหลก็ ผวิ เรยี บ หรอื ผิวมีลวดลายผลติ จากโรงงาน การประกอบ และติดตัง้ ทาไดด้ ังน้ี 4.1 พืน้ เหล็กบนตงเหลก็
พ้นื เหลก็ สว่ นมากจะใชก้ ับโครงสรา้ งเหลก็ การประกอบติดตง้ั พืน้ เหลก็ กับตงเหล็ก โดยใชแ้ ผน่ เหลก็ พ้ืนวางพาดบนตงเหล็กทาการเชอ่ื มด้วยวิธีการเชือ่ มดว้ ยไฟฟูา (Electric – Arc Welding) กระแสไฟฟูา ผ่านชิน้ งาน และธูปเชอ่ื ม ทาให้เกดิ การอารค์ (Are) ข้นึ เกดิ ความร้อนหลอมละลายธปู เช่ือมติดกัน รอยต่อ ระหว่างพ้นื กบั ตงเหล็กจะถาวร ไม่สามารถถอดออกหรือนาไปประกอบใหม่ได้ ธูปเชื่อมมีหลายขนาดตาม สภาพความหนาของช้ินงาน ปกติจะมีขนาด 1/16 นิว้ ถึง 3/8 นวิ้ ความยาวของธปู เชื่อมประมาณ 14 ถงึ 18 นว้ิ 4.2 พ้นื คอนกรตี รองรับดว้ ยคานเหลก็ หรือตงเหล็ก การประกอบติดต้ัง ทาโดยใชแ้ ผน่ เหล็กพบั ขนึ้ รปู เป็นลอนลกั ษณะต่าง ๆ แผ่นเหลก็ จะวางพาด บนคาน หรือตงเหล็ก มีหวั หมดุ เหลก็ (Shear stud) ยดึ รบั แรงเฉอื นตรงแนวคานเหลก็ หรือตงเหลก็ เปน็ ระยะ ๆ มัน่ คงแข็งแรงดีกว่าการใช้สลักเกลียวปกติ แผ่นเหล็กจะเปน็ ทัง้ แบบ และเหล็กเสริมไปในตัว เมอื่ ประกอบเสร็จเรียบรอ้ ย ผสมคอนกรีตเททับหนา้ แผ่นเหล็ก พน้ื ชนดิ น้เี หมาะกับโครสร้างขนาดใหญ่ 5. การประกอบ และติดตั้งพ้ืนคอนกรีตเสรมิ เหล็ก 5.1 พ้ืนวางบนดนิ พืน้ ประเภทนนี้ ิยมใช้กบั งานท่ีอย่ใู นระดบั พน้ื ดิน เช่น ทางเดินเทา้ พน้ื อาคาร บ้านพกั อาศยั และ โครงสร้างรบั น้าหนักมาก เชน่ พน้ื คลังสินค้า โรงงาน ถนน เปน็ ตน้ ขั้นตอนการก่อสร้างพื้นวางบนดิน 1) การเตรียมพ้ืนท่สี าหรับวางเหล็กเสรมิ ส่วนทเ่ี ปน็ ที่ตา่ เชน่ แอ่ง ท้องรอ่ ง บริเวณท่เี ปน็ หลุม เปน็ บอ่ ตอ้ งถม และทาการบดอัดใหแ้ น่น หากพ้นื คอนกรีตขวางทางน้าไหลต้องทาทางระบายนา้ ออกก่อนบด อดั ดิน โดยการบดอดั ดนิ ต้องอดั แน่นตามแบบกอ่ สรา้ งระบุ 2) สาหรบั พื้นอาคารทม่ี เี สาอาคาร ควรทาแบบหลอ่ ก้นั แยกรอยต่อระหว่างเสากบั พ้ืน เพอ่ื ปูองกันการแตกร้าวของพ้ืน จากการทรุดตวั พร้อมทั้งทาระดับใหไ้ ดต้ ามแบบกอ่ สร้าง 3) ค่ันแผ่นพ้ืนด้วยวัสดุประเภทโฟมให้แยกออกจากผนัง หรือคานประมาณ 1.5 - 2.5 เซนติเมตร และปรับระดับให้ลาดเอียงลงไปบริเวณประตูทางเข้า เพื่อระบายน้าฝนหรือน้าจากการทาความ สะอาด 4) การวางเหลก็ ไม่ควรวางบนดิน ควรใช้แผน่ พลาสติกปูรองพ้นื ก่อนเพือ่ ปูองกนั ดินด้านล่างดูด นา้ ปนู และปูองกนั ความชนื้ จากพนื้ ดนิ ซึมผ่านแผน่ พน้ื คอนกรีตขน้ึ มา 5) จัดวางเหลก็ เสริมใหไ้ ด้ขนาด ตาแหนง่ และระยะถกู ต้องตามแบบก่อสรา้ ง วางเหลก็ เสริม ด้านบน 6) ติดต้ังแบบหลอ่ ดา้ นขา้ งพนื้ ควรเคลอื บผวิ แบบหล่อด้วยน้ามนั หรอื น้ายาเคลือบแบบหล่อ เพอื่ ใหส้ ามารถถอดแบบได้งา่ ย รวมทง้ั การทาความสะอาดแบบหลอ่ ก่อนการเทคอนกรตี 5.2 พื้นคอนกรีตเสรมิ เหลก็ หลอ่ ในที่ พนื้ คอนกรีตเสรมิ เหล็กหล่อในทส่ี ามารถก่อสร้างได้ 2 ลักษณะ คอื การก่อสรา้ งพ้นื ร่วมกับ คาน หรือการก่อสร้างพนื้ หลังการเทคานเสรจ็ การกอ่ สรา้ งพืน้ พร้อมคานจะช่วยเพิ่มความสามารถในการรบั นา้ หนกั บรรทกุ ของคานได้ เพราะพฤติกรรมของคานจะเปล่ยี นจากรปู สเ่ี หล่ยี มผืนผา้ ไปเป็นรปู ตัวที หรือตวั ไอ การกอ่ สร้างพืน้ หลอ่ ในท่ี มีขั้นตอนดังนี้ 1) ตรวจสอบระดับหลงั คาน ระดบั ท้องพ้ืนใหถ้ กู ต้องตามแบบกอ่ สร้าง 2) การติดตั้งน่งั รา้ นเพ่ือก่อสร้างพ้นื โดยตนี ั่งร้านยึดวางตงรับพนื้ ระหวา่ ง 0.40 – 0.50 เมตร
วางแผ่นพนื้ ไมอ้ ดั ตีตะปูท่ตี งจะรบั นา้ หนักของคานคอนกรีตได้ดีไมแ้ บบต้องตดี ้วยไม้ขนาด โดยรอบ หรอื อาจกอ่ สรา้ งคานใหเ้ สร็จกอ่ นแลว้ ค่อยติดตง้ั ท้องพ้นื โดยมคี า้ ยนั ที่เพยี งพอ แขง็ แรงสามารถรบั น้าหนัก ของคอนกรีต ไม้แบบ และนา้ หนักจรของคนงานขณะปฏิบัตงิ านได้ 3) จัดวางเหล็กเสริมคาน พ้ืน ให้ได้ขนาด ตาแหน่ง และระยะถูกต้องตามแบบก่อสร้าง ทา การเขา้ แบบคาน และพ้ืน พร้อมทงั้ คา้ ยนั แบบหล่อใหแ้ ขง็ แรงสามารถรับแรงดันคอนกรีตได้ และหาระดับการ เทคอนกรตี 4) ตรวจสอบแบบหล่อว่ามีรอยร่ัว หรือเข้าแบบสนิท ถ้าติดตั้งแบบหล่อสนิทแล้ว ทาความ สะอาดแบบหล่อ และฉีดนา้ หรือราดน้าปูนกอ่ นเทคอนกรีต เพื่อปอู งกันไม่ใหไ้ ม้แบบดดู น้าจากคอนกรตี 5.3 การกอ่ สร้างพื้นสาเรจ็ รูป การกอ่ สร้างพื้นสาเร็จรูป มขี นั้ ตอนดังน้ี 1) คานจะต้องมีการวางแนว (Alignment) ทถ่ี กู ต้อง คา่ ความคลาดเคลื่อนไม่น้อยกวา่ ± 2 เซนติเมตร และคานจะต้องมีระดับ (Level) หลงั คานท่ถี ูกต้อง และราบเรียบ 2) ในกรณีที่แผ่นพ้ืนมีความยาว และน้าหนักมาก ต้องมีค้ายันแผ่นพื้นเพ่ือไม่ให้เกิดการโก่งตัว ขณะติดตั้ง และเทคอนกรีต การวางแผ่นพื้นสาเร็จท่ีมีความยาวเกินกว่า 2.00 เมตร ใช้ไม้ค้ายันขนาด ค้ายันอย่างน้อย 2 จุด ระยะ 1 ส่วน 3 ของความยาวคานถ้าคานช่องไม่ยาวมาก เพ่ือความ ประหยัดใหจ้ ดุ เดียวระยะ 1 ส่วน 2 ของความยาวคาน และใช้ไม้ขนาด ทาแผ่นคานรับท้องคาน หรือใช้เหล็ก ค้ายัน (Tosts หรือ Pop) เมื่อค้ายันเรียบร้อยแล้วเรียงพ้ืนสาเร็จรูประบบคานที ระหว่างคานทีคว่า วาง ตะแกรงเหลก็ และเข้าแบบดา้ นข้าง เพื่อเตรียมเทคอนกรตี 3) กอ่ นทาการวางแผน่ พ้ืนสาเร็จรปู ผู้ก่อสร้างควรท่ีจะเช็ค และตรวจสอบปรับระดับหลังคาน ที่จะวางแผ่นพ้ืนให้ได้ระดับ และสะอาดเรียบร้อยเสียก่อน เพ่ือจะวางแผ่นพ้ืนได้สะดวกรวดเร็ว และเพ่ือ ปูองกันการแตกร้าวของแผ่นพ้ืนด้วย ในการก่อสร้างที่ใช้ระบบพ้ืนสาเร็จในการก่อสร้างคานที่รองรับแผ่นพ้ืน จะตอ้ งเสยี บเหล็กหนวดก้งุ ไว้ เพ่ือเป็นเหล็กปูองกนั การรา้ วเน่อื งจากโมเมนตล์ บ และเพม่ิ แรงยึดเหน่ียวตาม 4) ในการยกต้องระวงั เพราะแผน่ พ้นื อาจเสียหายได้ นาแผ่นพ้นื สาเรจ็ รปู มาจดั วางพาดในชว่ ง สั้นของคานเรยี งชดิ กนั โดยตลอดตามแบบทรี่ ะบุไว้ในแบบก่อสร้าง ให้กาหนดการถ่ายระดบั ทีจ่ ะต้องเท คอนกรีตผวิ พนื้ ไวท้ ี่เสาทุกต้น ความหนาให้ดทู ี่แบบขยายความหนาของคอนกรตี ผิวพืน้ ประมาณ 3 - 5 เซนติเมตร กับแบบไม้ ตีรดั เสาโดยรอบ และใช้ไม้คา้ ยนั ตีห่างกันประมาณ 0.40 – 0.50 เซนติเมตร กับแบบไม้ ในกรณีเปน็ แผ่นพื้นสาเร็จรปู แบบมรี ูกลวง ใหว้ างเหมือนกับการวางแผน่ พื้นธรรมดา ใน การวางแผน่ พืน้ สาเรจ็ รูปแบบมีรูกลวง หากไม่ได้ทารอยบากรองรับแผ่นพื้น ควรวางโฟมรองทีร่ องรับแผน่ พืน้ ก่อน และทาการยารอ่ งดว้ ยมอร์ตา้ 5) ผูกเหล็กตะแกรงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตร วางเป็นตะแกรงบนพื้นสาเร็จรูป ระยะห่าง ใหถ้ ูกตอ้ งตามแบบก่อสรา้ ง 6) เม่ือทาการจัดวางแผ่นพื้นสาเร็จรูป วางเหล็กตะแกรง และเหล็กเสริมพิเศษอื่น เรียบร้อยแล้ว ควรปัดกวาดเศษวัสดุท่ีอยู่บนพ้ืนออกให้หมด แล้วฉีดน้าแบบหล่อ ก่อนทาการเทคอนกรีตทับ หนา้ 6. วสั ดุ เคร่อื งมือและอปุ กรณใ์ นงานพนื้ 6.1 วสั ดุงานคอนกรีต
1) ปูนซเี มนต์ ( Cement) 2) หิน ( Rock) 3) ทราย ( Sand) 4) นา้ (Water) 5) สารเคมีผสมเพิม่ 6.2 วสั ดุงานไม้ 1) งานไม้แบบหล่อคอนกรตี จะใช้ไม้กะบากในการทาแบบหล่อไม้ มคี วามหนาท่ี 1- 1 ½ นวิ้ มีหนา้ กว้างตงั้ แต่ 6, 8 หรอื 10 น้ิว 2) ไม้เคร่ายดึ ไมแ้ บบ ไมท้ ี่ใชส้ ่วนมากนิยมใช้ ไม้ยาง จะใช้ไม้มีความหนาที่ 1 ½ น้ิว มี หนา้ กวา้ ง 3 น้วิ 3) ไมก้ ระดาน (planks) เปน็ ลกั ษณะของแผน่ ไมแ้ บนๆ ใชส้ าหรบั ทาเป็นพื้นบา้ น ซง่ึ มี ขนาด 1” x 4”, 1” x 6”, 1” x 8” ไม้ท่นี ิยมนามาใช้ เช่น ไม้แดง, ไม้เตง็ , ไมต้ ะเคียนทอง, ไมย้ าง ขาว เปน็ ตน้ 6.3 วสั ดุงานโลหะ 1) เหลก็ เส้นกลม (Round Bars ; RB) ตามมาตรฐาน มอก. 20 – 2543 ได้กาหนดให้ เหลก็ เสน้ กลมมีชั้นคุณภาพเดียว ใชส้ ญั ลกั ษณ SR24 2) เหลก็ ข้ออ้อย (Deformed Bars ; DB) โดยผวิ ของเหล็กมีลักษณะเป็นปลอ้ งๆ คล้ายอ้อย จงึ เรียกว่าเหลก็ ข้ออ้อย ตามมาตรฐาน มอก. 24 – 2548 3) ลวดผูกเหลก็ (Binding Wire) เป็นลวดที่ใชใ้ นการผกู เหลก็ เส้นในงานคอนกรีตเหลก็ เพือ่ ให้อยูใ่ นรูปของเสาหรอื คาน หรืออยูใ่ นรปู ของตะแกรงพนื้ อยู่ได้ โดยตามมาตรฐาน มอก. 138 - 2518 ไดก้ าหนดใหเ้ ปน็ ลวดเบอร์ 18 6.4 เครอ่ื งมือ และอุปกรณใ์ นงานบันได 1) ถังเปลผสมปูน 2) จอบและพลวั่ 3) ถงั นา้ หรอื ถังใสป่ นู 4) ค้อนหงอน 5) คีมผกู เหลก็ 6) ฉากเหลก็ 7) ระดับน้า 8) ตลับเมตร 9) เกรยี งใบโพธิ์ 10) เกรยี งหวี 11) ค้อนยาง 12) ระดบั นา้ 13) สวา่ นไฟฟูา 14) ตูเ้ ช่อื ม 15) ตะปู 16) ตะปเู กลียวปลายสวา่ น
17) กาวซีเมนต์ 18) ธูปเช่อื ม 6.5 สตี กแต่งพน้ื (Floor Plank Paint) 1) สรี องพืน้ ไม้บันได ชว่ ยเพิ่มลวดลายให้กับไม้พนื้ ให้โดดเดน่ ข้ึน เปน็ สนี า้ อะครลิ คิ สูตรกนั การ ไหล เน่ืองจากงา่ ยต่อการทาสีแนวต้งั 2) สียอ้ มไม้พื้น ให้ความร้สู กึ เป็นธรรมชาติ ฟลิ ม์ สมี ีความเงางาม ทนต่อทุกสภาวะอากาศ ทน รงั สี UV ใหก้ ารยดึ เกาะดีเย่ียม กวา่ สตู รทวั่ ไป แขง็ แรง ไม่ลอกลอ่ น ชว่ ยปกปอู งผวิ จากการใช้งานได้เป็นอยา่ ง ดี มีสารปูองกันเชือ้ ราและตะไครน่ า้ ทาได้ทนั ทีไมต่ ้องผสมน้า แหง้ ไว ไม่มสี ่วนผสมของสารปรอทและสาร ตะกว่ั และไม่มกี ลิ่นฉุน 3) สเี คลอื บใสไม้พืน้ มีส่วนผสมของสารเพิม่ ความเสยี ดทาน ชว่ ยกนั ลนื่ เพิ่มความปลอดภยั ใน การ ข้นึ ลงบันได เพ่มิ ความทนทาน กนั รอยขูดขดี ได้มากข้ึน 7. การผสมคอนกรีต และเทคอนกรตี พื้น 7.1 การเตรยี มวสั ดผุ สมคอนกรีต คอนกรีตท่ีใช้ในงานโครงสร้างพ้ืน จะกาหนดส่วนผสมของคอนกรีตโดยปริมาตร เช่น 1: 2 : 4 อัตราส่วนที่กล่าวถึงนี้ คือ ใช้ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน ทราย 2 ส่วน หิน 4 ส่วน โดยปริมาตร ซ่ึงประกอบด้วย สว่ นผสม ดังน้ี 4) ปูนซเี มนต์ ปนู ซเี มนต์เป็นสว่ นผสมสาคญั ในการผลติ คอนกรตี เป็นวสั ดุท่ีใชใ้ นการเคลือบวัสดุ ละเอยี ด และวัสดุหยาบ ให้เป็นเนือ้ เดยี วกัน 5) วสั ดุผสมหยาบ วัสดุหยาบโดยมากเป็นหินย่อย กรวด 6) วัสดุผสมละเอยี ด วสั ดุละเอยี ดจะใชท้ ราย ทรายจะต้องเป็นทรายน้าจืด เม็ดคมและสะอาด ปราศจากสารอนิ ทรยี ์ 7) น้า น้าเป็นสารท่ีทาปฏิกิริยาเคมีกับปูนซีเมนต์ทาให้เกิดความร้อน น้าที่ใช้ควรเป็นน้าสะอาด หรืออาจถงึ สามารถด่ืมได้ 5) สารตัวเติมคอนกรีต เป็นสารที่ใช้ผสมลงไปในคอนกรีต เพื่อให้คอนกรีตใช้งานได้ดีขึ้น (workability) 38.3 การผสมคอนกรีต ส่วนผสมคอนกรีตกาหนดเป็นอัตราส่วนท่ีใช้ 1 : 2 : 4 หมายถึง การใช้ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน ทราย หยาบ 2 ส่วน และหิน 4 ส่วน คนงานท่ีร่วมกันผสมคอนกรีต มีหน้าท่ีต่างกันไป ล้างหิน ขนหิน ทรายและ ปนู ซเี มนต์ ขึ้นไปวางเตรยี มบนโตะ๊ คนผสมคอนกรตี นาวสั ดใุ สใ่ นโมผ่ สมคอนกรตี การผสมคอนกรีตทยอยวัสดุ ผสมลงในโม่ผสมตามข้ันตอน ใส่หิน และตามด้วยทราย เม่ือใส่หิน และทรายแล้ว สามารถใส่น้าก่อนหรือปูน ก่อน ควรพิจารณาความเหลวของคอนกรีต ถ้าเทพื้นท่ีวางบนดิน โดยให้ดินรับน้าหนักควรใส่น้าให้มีความ เหลวแตอ่ ย่าใหเ้ หลวมาก เพราะจะทาใหค้ อนกรีตขาดความแขง็ แรง การผสมคอนกรตี ควรใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที นับตงั้ แตภ่ ายหลังเทวสั ดทุ ุกชนิดลงครบตาม อัตราส่วน ถ้าใช้เวลามากคอนกรีตจะสญู เสียกาลงั อัด และทาใหเ้ สยี เวลาในการทางาน 7.3 การเทคอนกรีต การเทคอนกรีตพื้น มวี ิธีการเทพ้ืนแตล่ ะประเภทดังน้ี 1) พนื้ วางบนดนิ
การเทคอนกรีตเร่ิมตน้ จากมมุ ดา้ นในออกมาสู่ดา้ นนอกแบ่งการเทคอนกรีตทีละส่วนสลับกับ การปาดแตง่ เน้ือคอนกรตี ให้เสมอกัน และไดร้ ะดับทต่ี ้องการ ใชเ้ ครื่องส่นั คอนกรตี ช่วยทาให้เนื้อคอนกรีตแน่น พร้อมทั้งปาดแต่งผิวหน้าให้เรียบสวยงาม ทาการบ่มคอนกรีตต่อเนื่องอย่างน้อย 7 วัน เพื่อให้คอนกรีต สามารถพัฒนากาลังไดเ้ ต็มที่ 2) พน้ื คอนกรตี เสรมิ เหล็กหล่อในที่ เทคอนกรตี และใชเ้ ครื่องสนั่ คอนกรีตทาให้คอนกรีตแน่นตัว พร้อมท้ังเก็บตัวอย่างคอนกรีต เพื่อนาไปทดสอบหากาลังอัด เมื่อคอนกรีตแข็งตัวประมาณ 1-2 วัน ถอดแบบด้านข้าง และทาการบ่ม คอนกรตี ส่วนค้ายนั ท้ิงไว้อกี 14 วันแล้วจึงถอดออก 3) พ้ืนสาเร็จรปู หาระดับเทคอนกรีต และทาการเทคอนกรีต พร้อมกับใช้เครื่องส่ันคอนกรีตทาให้คอนกรีต แน่นตวั ในกรณที ตี่ ้องหยุดเทคอนกรีตพนื้ ให้หยุดเทกง่ึ กลางพ้ืน และเกบ็ ตวั อยา่ งคอนกรีตเพ่ือนาไปทดสอบหา กาลังอัด แต่งผิวหน้าคอนกรีตให้เรียบ และสวยงาม เม่ือคอนกรีตแข็งตัวแล้วทาการบ่มคอนกรีตทันทีอย่าง นอ้ ย 7 วัน สว่ นค้ายันท้ิงไว้ 14 วัน จึงคอ่ ยถอดออก
แผนการสอน หน่วยท่ี 7 แบบฝกึ หัดหนว่ ยที่ 7 สอนครง้ั ที่ 14-15 เวลา 4 ชั่วโมง ช่อื วิชา วัสดแุ ละวิธีการก่อสร้างงานโครงสร้าง ชือ่ งาน พนื้ คาสง่ั จงตอบคาถามต่อไปน้ี 4. พื้นแบ่งออกเป็นกีป่ ระเภท อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. พื้นวางบนดนิ มหี นา้ ทอี่ ะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การเสริมเหลก็ สองช้ันจะอยู่บริเวณส่วนใดของตวั อาคาร ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. การหลอ่ พ้นื ควรใหเ้ หล็กเสียบไว้ในคานเพราะอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. เคร่ืองมือตรวจสอบระดับ มอี ะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ไม้คา้ ยนั ทีใ่ ชย้ นั คานทคี ว่ามีขนาดเท่าใด ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. รอยต่อเพ่ือการเคล่อื นตัวอย่างอสิ ระ เป็นรอยตอ่ ท่ีทาขนึ้ เพ่ืออะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. การก่อสร้างคานท่รี องรบั แผน่ พืน้ จะต้องเสียบเหลก็ หนวดกุ้งไวเ้ พ่ืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ลวดทีใ่ ชผ้ กู เหลก็ ตะแกรงใชล้ วดผกู เหลก็ เบอรอ์ ะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. โมผ่ สมคอนกรตี จะบรรจุวัสดไุ ด้กล่ี กู บาศก์เมตร ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนการสอน หน่วยท่ี 7 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 7 สอนครง้ั ท่ี 14-15 เวลา 4 ช่ัวโมง ช่อื วิชา วสั ดแุ ละวิธกี ารก่อสร้างงานโครงสร้าง ช่ืองาน พ้ืน จงเลือกคาตอบทถ่ี ูกทีส่ ุดเพยี งข้อเดยี วจากคาถามต่อไปน้ี 1. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกีย่ วกับความสาคัญของพ้นื ก. โครงสร้างทวี่ างในแนวราบสาหรบั นา้ หนกั บรรทกุ โดยตรง ข. โครงสร้างทชี่ ่วยยึดระบบโครงสรา้ งให้มคี วามม่ันคงแข็งแรง ค. โครงสร้างทถ่ี า่ ยนา้ หนักที่ไดล้ งสคู่ านหรือเสา ง.ถกู ทุกข้อ 2. ข้อใดคือ ไม้ท่นี ิยมนามาทาพ้ืนไม้ ก. ไม้กระท้อน ข. ไม้แดง ค. ไมส้ ะยาขาว ง. ไมต้ ะกู 3. แผน่ พนื้ ชนดิ ใด สามารถใชก้ อ่ สร้างพืน้ ทีท่ กี่ ว้างมาก ก. พ้ืนทางเดียว ข. พื้นสองทาง ค. พื้นระบบตง ง. พ้นื กระทง 4. แผน่ พ้นื ชนดิ ใดทีส่ ามารถลดความสูงอาคารลงไดม้ ากที่สุด ก. พ้ืนทางเดียว ข. พื้นสองทาง ค. พืน้ ไร้คาน ง. พ้ืนระบบตง 5. ระยะหา่ งการวางตงไม้ทีว่ างพาดคาน ควรมรี ะยะหา่ งเท่าใด ก. ระยะหา่ งไมเ่ กนิ 50 เซนติเมตร ข. ระยะหา่ งไม่เกนิ 60 เซนตเิ มตร ค. ระยะหา่ งไม่เกิน 70 เซนติเมตร ง. ระยะห่างไมเ่ กิน 80 เซนตเิ มตร
แผนการสอน หน่วยท่ี 7 แบบทดสอบหลงั เรียนหนว่ ยที่ 7 สอนครั้งท่ี 14-15 เวลา 4 ชัว่ โมง ช่อื วิชา วสั ดุและวธิ กี ารก่อสร้างงานโครงสรา้ ง ชื่องาน พน้ื 6. การเว้นชอ่ งวา่ งระหว่างไม้พ้ืน และผนงั ห้อง ควรมรี ะยะเทา่ ใด ก. 10 มิลลิเมตร ข. 20 มิลลิเมตร ค. 30 มลิ ลิเมตร ง. 40 มิลลิเมตร 7. ข้อใดคือ วธิ กี ารประกอบตดิ ตง้ั พืน้ เหล็กกับตงเหล็ก ก. วธิ กี ารยดึ ด้วยสกูรเกลยี ว ข. วธิ ีการเชื่อมด้วยไฟฟูา ค. วิธกี ารยึดดว้ ยตะปเู กลยี ว ง. วิธีการยดึ ดว้ ยลูกแม็กยิง 8. ก่อนทาการวางแผน่ พนื้ สาเรจ็ รูป ควรทาอย่างไร ก. วางเหล็กตะแกรงบนพื้นสาเรจ็ รปู ข. นาแผน่ พืน้ สาเรจ็ รูปมาจัดวางพาดบนคาน ค. ตรวจสอบปรบั ระดบั หลังคาน ง. ทาความสะอาดแผน่ พ้นื สาเรจ็ รปู 9. อปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการยดึ พืน้ ไมเ้ ขา้ ลิน้ ติดกบั ตงเหล็ก คอื ข้อใด ก. ตะปู น้ิว ข. ตะปคู อนกรตี ค. หมุดเกลียว ง. สกรู เกลียวปลายสว่าน 10. การหยดุ เทคอนกรตี พ้ืนให้หยุดเทตรงบรเิ วณใด ก. บริเวณด้านลา่ งของพื้น ข. บรเิ วณด้านบนของพนื้ ค. บรเิ วณขอบพ้ืน ง. บริเวณกึ่งกลางพ้ืน
แผนการสอน หน่วยที่ 7 กิจกรรมทา้ ยหน่วยเรียนท่ี 7 สอนครั้งที่ 14-15 ชื่อวิชา วสั ดุและวธิ ีการก่อสร้างงานโครงสร้าง เวลา 4 ชัว่ โมง ช่อื งาน พื้น 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่มศึกษาค้นคว้าข้อมูลเก่ียวกับการประกอบแบบ และ การตดิ ต้ังพน้ื แตล่ ะประเภท แล้วส่งตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอ พร้อมการแสดงรูปภาพประกอบ ตาม กลุ่มดังน้ี กลมุ่ ท่ี 1 พ้นื ไม้ กลมุ่ ที่ 2 พน้ื เหลก็ กลุ่มท่ี 3 พื้นคอนกรีตเสริมเหลก็ 2. ให้นักเรียนนาประสบการณ์เกี่ยวกับการดาเนินงานก่อสร้างการประกอบแบบ และการ ติดตั้งพ้นื แตล่ ะประเภท ที่พบเห็นในชีวิตประจาวันมาเล่าให้เพื่อนฟังหน้าช้ันเรียน เพ่ือแลกเปล่ียนการ เรียนรู้กัน พร้อมช่วยระดมความคิดเพ่ือนาเทคโนโลยี ใหม่มาพัฒนาให้งานก่อสร้างอาคารมี ความกา้ วหนา้ ทันสมยั
แผนการสอน หน่วยท่ี 7 แบบประเมนิ ผลกิจกรรมสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบุคคลและรายกลุ่ม ชื่อวิชา วัสดุและวธิ ีการก่อสร้างงานโครงสรา้ ง สอนครัง้ ที่ 14-15 ชือ่ งาน พ้ืน เวลา 4 ช่ัวโมง ชอ่ื เร่อื ง ................................................................................................................................... หวั ข้ออภิปราย ......................................................................................................................... ชื่อกลุ่ม ..................................................................................................................................... สมาชิกกลุ่ม 1. ................................................ 2. ................................................ 3. ............................................... 4. ................................................ 5. ................................................ 6. ................................................ รายการประเมนิ คะแนนเต็ม ผลคะแนน หมายเหตุ 61. การเตรียมความพร้อมในการนาเสนอ 10 ………….. ผล/คะแนน 62. การมอบหมายหนา้ ที่กลมุ่ 10 ………….. ดมี าก = 80 – 100 63. ความรบั ผิดชอบ 10 ………….. ดี = 70 – 79 64. การทางานเป็นทีม 10 ………….. ปานกลาง = 60 – 69 65. การแตง่ กาย/บคุ ลิกภาพ 10 ………….. พอใช้ = 50 – 59 66. ความชดั เจนในการนาเสนอ 10 ………….. ปรบปรุง = 0 – 49 67. การอภิปรายกลุ่ม 10 ………….. คะแนนเต็ม 68. ความชัดเจนในการนาเสนอ 10 ………….. รวม 100 คะแนน 69. การตอบข้อซักถาม 10 ………….. 70. การจัดเกบ็ เครือ่ งมอื อุปกรณ์ 10 ………….. รวมคะแนนท่ไี ด้ ลงชอื่ ………………………………ผู้ประเมิน (……………………………………..) ………../…………………/………………
แผนการสอน หน่วยท่ี 7 ช่ือวิชา วัสดแุ ละวิธกี ารก่อสร้างงานโครงสร้าง สอนคร้งั ท่ี 14-15 จานวน 4 ช่ัวโมง ชือ่ หน่วย พื้น 8. กจิ กรรมการเรียนการสอน ข้นั ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้นั ตอนการเรยี นร้หู รอื กิจกรรมของนักเรยี น ขั้นเตรียม (20 นาท)ี ข้ันเตรียม (20 นาท)ี 1. จัดเตรียมเอกสาร สอื่ การเรยี นการสอน 1. จัดเตรียมเอกสาร สื่อการเรียนการสอนตามท่ี ตัวอย่าง งานโครงสร้างพ้ืน การมอบหมายงาน และวิธี ครูผู้สอนและบทเรียนกาหนด เตรียมตัวทดสอบก่อน วดั ผลประเมนิ ผล เรียนเร่อื ง พ้นื 2. ทดสอบก่อนเรยี นเรอื่ ง พ้ืน แล้วให้นกั ศึกษาสลับกัน 2. ทาแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง พื้น แล้วสลับกัน ตรวจคาตอบ และใหค้ ะแนน ตรวจคาตอบ 3. แจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นของหนว่ ยท่ี 7 และการให้ 3. ทาความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์การเรียนของ ความรว่ มมือของนกั ศกึ ษาในการทากิจกรรม หนว่ ยที่ 7 และการใหค้ วามร่วมมอื ในการทากิจกรรม ขั้นการเรียนการสอน (200 นาที) ขัน้ การเรียนการสอน (200 นาที) 1. ครูอธิบาย และยกตัวอย่างถึง ความหมาย และ 1. นกั ศกึ ษาฟัง และคิดตามพร้อมท้ังจดบันทึกเกี่ยวกับ ความสาคัญของพ้ืน ประเภทของพื้น หลักการประกอบ ความหมาย และความสาคัญของพื้น ประเภทของพื้น และติดตัง้ พื้นไม้ หลักการประกอบ และติดตั้งพื้นเหล็ก หลักการประกอบ และติดต้ังพ้ืนไม้ หลักการประกอบ หลักการประกอบแบบ และติดต้ังพื้นคอนกรีตเสริม และติดต้ังพื้นเหล็ก หลักการประกอบแบบ และติดต้ัง เหล็ก การเลือกใช้วัสดุ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ในงานพ้ืน พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก การเลือกใช้วัสดุ เครื่องมือและ หลักการวิธีการผสมคอนกรตี และเทคอนกรีตพื้น พร้อม อุปกรณ์ในงานพ้ืน หลักการวิธีการผสมคอนกรีต และ กับแจกใบความรู้ประกอบการเรียนการสอน โดยใช้ใบ เทคอนกรีตพื้น พร้อมกับศึกษาใบความรู้ประกอบการ เรยี นการสอน โดยใชใ้ บความรู้ท่ี 7 เร่อื ง พืน้ ความรู้ที่ 7 เร่อื ง พนื้ 2. ครูให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มนักศึกษา กลุ่มออกเป็น 3 2. นักศึกษาเข้ากลุ่มตามท่ีครูจัดแบ่ง แล้วปฏิบัติ กลุ่ม แล้วมอบหมายให้นักศึกษาปฏิบัติกิจกรรมท้าย กิจกรรมท้ายหน่วยท่ี 7 เร่ือง พื้น โดยนักศึกษาแต่ละ หน่วยท่ี 7 เร่ือง พ้ืน โดยให้นักศึกษาแต่ละกลุ่ม กลุ่มอภิปรายแนวคิดเกี่ยวกับการประกอบแบบ และ อภิปราย แนวคิดเก่ียวกับการประกอบแบบ และการ การติดต้ังพ้ืนแต่ละประเภท โดยดูตัวอย่างจากใบความรู้ ตดิ ตง้ั พื้นแต่ละประเภท โดยดูตัวอย่างจาก ใบความรู้ที่ ท่ี 7 เรื่อง พน้ื 7 เร่ือง พนื้
แผนการสอน หน่วยที่ 7 ช่ือวิชา วัสดแุ ละวิธีการก่อสรา้ งงานโครงสร้าง สอนครัง้ ท่ี 14-15 จานวน 4 ชั่วโมง ชอ่ื หน่วย บนั ได 7. กจิ กรรมการเรียนการสอน (ตอ่ ) ขนั้ ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขนั้ ตอนการเรยี นรหู้ รอื กิจกรรมของนกั เรยี น จากนน้ั ให้นักศกึ ษาร่วมกันสรุป “การประกอบแบบ จากนั้นนักศึกษาร่วมกันสรุป “การประกอบแบบ และการติดตั้งพ้ืนแต่ละประเภท” ให้บันทึกผลและ และการติดต้ังพื้นแต่ละประเภท” ให้บันทึกผลและ รายงานหน้าช้ันเรียนได้อย่างอิสระ โดยจัดทาสื่อ รายงานหน้าชั้นเรียนได้อย่างอิสระ ให้จัดทาส่ือ ประกอบการรายงานด้วย เมื่อรายงานหน้าช้ันเรียน ประกอบการรายงานด้วย เมื่อรายงานหน้าชั้นเรียน แล้วให้ผู้ฟังซักถามปัญหา ข้อสงสัยเกี่ยวกับ “การ แล้วให้ผู้ฟังซักถามปัญหา ข้อสงสัยเก่ียวกับ “การ ประกอบแบบ และการติดต้ังพ้ืนแต่ละประเภท ” ประกอบแบบ และการติดตั้งพื้นแต่ละประเภท” จากนัน้ ใหผ้ รู้ ายงานต้ังคาถาม เพื่อถามผู้ฟังอย่างน้อย จากนัน้ ให้ผูร้ ายงานตง้ั คาถาม เพื่อถามผู้ฟังอย่างน้อย 2 คาถาม โดยให้ผู้ฟังแสดงความคิดเห็นภายในช้ัน 2 คาถาม โดยให้ผู้ฟังแสดงความคิดเห็นภายในช้ัน เ รี ย น ไ ด้ อ ย่ า ง อิ ส ร ะ (Democracy ด้ า น เ รี ย น ไ ด้ อ ย่ า ง อิ ส ร ะ (Democracy ด้ า น ประชาธิปไตย:3D) ประชาธิปไตย:3D) ขน้ั สรุป (20 นาที) ข้นั สรปุ (20 นาที) 1. ครูสรุปจากที่นักศึกษานาเสนอข้อมูลพร้อม 1. นักศึกษารับฟังคาสรุปและข้อแนะนาจากครู ทง้ั อธบิ ายเพิ่มเตมิ และสรุปเน้ือหาตามจุดประสงค์เชิง พร้อมท้ังจดบันทึกข้อมูล และซักถามหรือตอบคาถาม พฤตกิ รรม ตามหัวข้อสาระสาคัญพร้อมทัง้ ปลูกฝงั ให้ หรือแสดงความคดิ เหน็ ในหวั ข้อที่ยังไม่เข้าใจพร้อมท้ัง นักศึกษาเอาใจใส่ในการเรียนรู้ ดูหนังสืออย่าง รบั ฟังการปลูกฝงั จากครูผ้สู อนเร่ืองการเอาใจใส่ในการ สม่าเสมอ และส่งเสริมให้เล่นกีฬาอยู่เสมอเพ่ือให้ เรียนรู้ ดูหนังสืออย่างสม่าเสมอ และส่งเสริมให้เล่น ร่างกายแข็งแรงความจาดี เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็น กีฬาอยเู่ สมอเพ่ือให้ร่างกายแขง็ แรงความจาดี เป็นการ ประโยชน์ (ส่งผลทาให้ห่างไกลจากยาเสพติดอย่าง ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ (ส่งผลทาให้ห่างไกลจาก แทจ้ รงิ Drug-Free ด้านภูมคิ ุม้ กันภัยจากยาเสพติด : ยาเสพติดอย่างแท้จริง Drug-Free ด้านภูมิคุ้มกันภัย 3D ) จากยาเสพติด : 3D )
แผนการสอน หน่วยท่ี 7 ช่ือวัสดุและวธิ กี ารก่อสรา้ งงานโครงสรา้ ง สอนคร้ังท่ี 14 - 15 ชอื่ หน่วย พ้ืน จานวน 4 ช่ัวโมง 1. กจิ กรรมการเรยี นการสอน (ตอ่ ) ขนั้ สรุป (20 นาที) (ต่อ) 2. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ขัน้ สรปุ (20 นาที) (ต่อ) 3. นกั ศึกษานาคะแนนจากแบบทดสอบก่อนเรียน 2. แจกแบบทดสอบหลงั เรียน และหลงั เรียนมาเปรียบเทียบกนั ว่าเป็นอยา่ งไรมี 3. ครตู รวจแบบทดสอบพรอ้ มกบั บนั ทึก ผลต่างกนั อย่างไร เพ่ือดูความกา้ วหนา้ ของตนเอง 4. นกั ศึกษาทาแบบฝึกหัดทา้ ยบทเรยี น คะแนน 4. ใหน้ ักศกึ ษาทาแบบฝึกหดั ท้ายบทเรยี น (รวม 240 นาที หรือ 4 คาบเรียน) (รวม 240 นาที หรือ 4 คาบเรียน)
2. งานทม่ี อบหมายหรือกจิ กรรมการวัดผลและประเมินผล ก่อนเรียน 1. จัดเตรยี มเอกสาร สื่อการเรียนการสอนตามที่อาจารย์ผูส้ อนและบทเรียนกาหนด 2. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี นเรื่อง บนั ได แล้วสลับกนั ตรวจคาตอบ 3. ทาความเข้าใจเกย่ี วกบั จุดประสงค์การเรยี นของหนว่ ยท่ี 7 และการให้ความร่วมมือใน การทากิจกรรมในหน่วยท่ี 7 ขณะเรยี น 1. ปฏิบัติตามกิจกรรมทา้ ยหน่วยท่ี 7 เร่อื ง พน้ื 22. ดตู วั อย่างใบความร้ทู ่ี 7 เรอ่ื ง พื้น 23. รว่ มกันสรปุ “การประกอบแบบ และการตดิ ตง้ั พนื้ แตล่ ะประเภท ” เปน็ แผนภาพ แสดง โครงสร้างบนั ได 24. จดั ทาส่ือประกอบการรายงาน 25. รายงาน หน้าชั้นเรยี นเร่ือง “การประกอบแบบ และการติดตง้ั พ้นื แตล่ ะประเภท ” หลังเรียน 1. ทาแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ทาแบบฝึกหดั ท้ายบทเรียน 3. ทากิจกรรมท้ายหน่วยเรียน 3. ผลงาน/ช้ินงาน/ความสาเร็จของผ้เู รยี น 1. ผลสาเรจ็ จากการปฎิบัติงานกิจกรรมทา้ ยหน่วยเรยี นตามทไ่ี ด้มอบหมายในหน่วยที่ 7 เรอ่ื ง พน้ื 2. ผลสาเรจ็ จากการปฎิบัตงิ านจากแบบฝึกหดั ท้ายหนว่ ยเรียนตามทไ่ี ด้มอบหมายในหนว่ ย ท่ี 7 เรอ่ื ง พน้ื 4. ส่อื การเรียนการสอน/การเรยี นรู้ ส่ือส่งิ พมิ พ์ 11.หนงั สือเรยี นวิชา วัสดุก่อสรา้ ง ของ พงศพนั วรสุนทโรสถและวรพงศ์ วรสนุ ทโรสถ 12.หนงั สือเรียนวิชา เทคนิคกอ่ สรา้ ง ของ พภิ พ สุนทรสมัย 3. แบบทดสอบก่อนเรียน 4. ใบความรู้ท่ี 7 เร่ือง พ้ืน 5. กจิ กรรมทา้ ยหน่วยที่ 7 เร่อื ง พนื้ 6. แบบทดสอบหลงั เรียน 7. แบบฝกึ หัดทา้ ยบทเรยี น 8. แบบเฉลยทดสอบก่อนเรียน - หลังเรยี น และแบบฝกึ หัดท้ายบทเรยี น ใชป้ ระกอบใน ขั้นเตรียมและข้นั สรปุ 9. แบบประเมินผลกิจกรรมสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคลและรายกลุ่ม
5. ส่อื โสตทัศน์ (ถา้ มี) เคร่ืองฉายภาพ 6. สื่อของจรงิ ตวั อย่างของจริง “ โครงสรา้ งงานพ้ืน” 7. แหลง่ การเรยี นรู้ ในสถานศึกษา 11.ห้องสมุดวทิ ยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี ศึกษาข้อมูลเรื่อง พ้ืน จากหนังสือเกี่ยวกับวัสดุ ก่อสร้าง และเทคนิคก่อสร้าง เช่น วัสดุก่อสร้าง ผู้แต่ง พงศพัน วรสุนทโรสถ และวรพงศ์ วรสุนท โรสถ, เทคนคิ ก่อสรา้ ง ผู้แต่ง พภิ พ สุนทรสมัย และวัสดวุ ศิ วกรรมก่อสรา้ ง ผแู้ ต่ง กวี หวงั นเิ วศกลุ 12.ร้านบริการอินเทอรเ์ นต็ หรืออนิ เทอร์เน็ตในที่พกั อาศัย ศึกษาคน้ ควา้ หาข้อมูล เรื่อง วัสดุกอ่ สร้าง และเทคนคิ ก่อสร้าง จากเวบ็ ไซด์ http://www.google.co.th หรอื http://elearn.utc.ac.th/moodle/course/view.php?id=26 นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่น จังหวดั อุบลราชธานี 8. การบรู ณาการ/ความสัมพนั ธ์กับวชิ าอื่น 1. บูรณาการกบั วิชาชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการ ฝกึ ปฏิบัติตนทางสงั คมด้านการเตรยี มความพร้อม ความรบั ผิดชอบ และความสนใจใฝุรู้ 2. บรู ณาการกับวิชาความปลอดภยั ในงานอาชพี ดา้ นความปลอดภัยในการปฎิบัตงิ าน 3. บูรณาการกับวิชากีฬาเพื่อพัฒนาสุขภาพและบุคลิกภาพ ด้านบุคลิกภาพในการ นาเสนอหน้าชั้นเรียน 4. บูรณาการกับวิชาการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรและสงิ่ แวดล้อมในงานอาชพี ดา้ นการเลือกใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด 9. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ หลักการประเมนิ ผลการเรียนรู้ กอ่ นเรียน ตรวจความพร้อมก่อนเรยี น ตามแบบประเมินลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ ขณะเรยี น 16. สังเกตและบนั ทกึ ผลตามแบบประเมนิ คุณลกั ษณะพึงประสงค์ 17. แบบฝกึ หดั หน่วยที่ 7 18. กิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 7 หลังเรยี น
บันทกึ ผลคะแนน จากการตรวจงานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 16. แบบฝึกหัดหนว่ ยที่ 7 17. กจิ กรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 7 18. แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยท่ี 7
บรรณานุกรม คานวณ คุณาพร. บ้านแสนรกั . กรงุ เทพมหานคร: บริษทั วทิ ยพฒั น์ จากัด. 2547. เจรญิ เสาวภาณี. สร้างบ้านด้วยตนเอง. กรงุ เทพมหานคร: บริษทั สกายบุ๊กส์จากัด. 2550. ชมรมวิศวฯจุฬา 07.รายละเอียดเหล็กเสริมงานคอนกรตี .พมิ พ์ครงั้ ท่ี 7.กรุงเทพมหานคร : 2533. ชยั มกุ ตพนั ธ์.ปฐพีกลศาสตร์ และวศิ วกรรมฐานราก.พิมพ์คร้ังที่ 4.กรงุ เทพมหานคร: ศูนยก์ ารพมิ พ์ดวงกมล.2540. พิภพ สุนทรสมยั .เทคนคิ การสรา้ งอาคารเบอ้ื งต้น.กรุงเทพมหานคร : โปรเฟรสชัน่ แนล พับลชิ ชิ่ง.2524. มนสั กลอ่ งเพชร.เทคนคิ ก่อสรา้ ง 1. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั สานกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ จากดั .2543 วิทวัส สทิ ธกิ ุล.เทคนิคก่อสร้าง. กรุงเทพฯ: คณะวิชาช่างโยธา สถาบนั เทคโนโลยี ราชมงคลวิทยาเขตอุเทนถวาย. 2544. วีระเดช พะเยาศริ ิพงศ์ .รวมกฎหมายก่อสร้าง .กรุงเทพมหานคร:เทพนิมิตการพิมพ์.ม.ป.ป. อวยชัย สภุ าพจน์ . การควบคุมงานกอ่ สร้าง . กรุงเทพมหานคร : สานกั พิมพ์ศูนย์สง่ เสรมิ วชิ าการ.ม.ป.ป. เอกสทิ ธ์ิ ล้ิมสวุ รรณ. แบบหล่อคอนกรตี .พิมพ์ครงั้ ที่ 7.กรงุ เทพมหานคร: สานกั พิมพ์เอเซีย เพรส.2539. อรุณ ชัยเสร.ี เกรด็ ความร้เู กย่ี วกบั การควบคุมงานกอ่ สรา้ งอาคาร คอนกรตี เสริมเหลก็ . กรงุ เทพมหานคร : วงศ์สวา่ งการพมิ พ์.2528.
บันทึกหลงั การสอน/การเรียนรู้ ผลการใช้แผนการสอน/การเรียนรู้ 19. คาบสอนเหมาะสม 20. เนือ้ หาสอดคลอ้ งกับจุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมเหมาะสม 21. กิจกรรมการสอนหรือวิธีสอนในขั้นตอนการสอน กิจกรรมของผเู้ รยี นเหมาะสม ผลการเรยี นของนกั เรยี น 19. นกั เรยี นสว่ นใหญใ่ หค้ วามสนใจเรยี น เม่อื จัดการเรียนการสอนโดยมกี ารแขง่ ขัน และ กลา่ วชมเชยเม่อื สามารถทางานดว้ ยตนเองอย่างซื่อสัตย์ ต้ังใจเรยี นมากขนึ้ ดูไดจ้ ากการตอบ คาถามไดถ้ ูกต้องชดั เจน กลา้ แสดงออกมากขึน้ 20. ผลคะแนนเฉล่ียการสอบหลงั เรยี นสูงกว่ากอ่ นเรียน นักเรียนทาแบบฝกึ หัด กจิ กรรม ส่งเสรมิ การเรียนรู้ และใบงาน ด้วยตนเองได้ถูกต้อง 21. นักเรยี นมกี จิ นสิ ยั ที่ดี มีความสามคั คี ยอมรับเหตุผลผูอ้ ่นื ผลการสอนของครู 13. สอนเนื้อหาได้รวดเร็ว โดยใชส้ อื่ พาวเวอร์พอยต์ และเอกสารประกอบการสอนหนว่ ยท่ี 7 14. สอนได้ ตามเวลาทีก่ าหนด จากผลของการคละกลมุ่ ผู้เรียน ลดการใช้เวลาสอนเสรมิ โดย ครูผู้สอน ด้วยการเรียนรูแ้ บบเพือ่ นช่วยเพ่ือน ลงช่อื ....................................................ผ้สู อน () ลงชือ่ ........................................ผู้ชว่ ยฝุายวชิ าการ ()
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227