Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2. การถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร

2. การถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร

Published by ปัญญา ภู่ขวัญ, 2021-07-18 04:42:57

Description: 2. การถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร

Search

Read the Text Version

การถา่ ยทอดค่มู ือปฏิบตั งิ านเจา้ หนา้ ที่ส่งเสริมการเกษตร เทคโนโลยกี ารเกษตร ISBN 978-974-403-946-0 กรมส่งเสรมิ การเกษตร

คมู่ อื ปฏิบัตงิ านเจา้ หน้าทีส่ ง่ เสริมการเกษตร การถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร ISBN 978-974-403-946-0 พิมพ์คร้งั ที่ 1 ปี 2556 จ�ำนวน 10,000 เลม่ พิมพ์ท ี่ โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำกดั

ค�ำน�ำ การท�ำงานส่งเสริมการเกษตร เป็นการท�ำงานท่ีมุ่งปรับปรุงคุณภาพชีวิตและ ความเป็นอยู่ของเกษตรกร โดยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร เป็นผู้น�ำความรู้และ เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม ถา่ ยทอดส่เู กษตรกรกลุม่ เปา้ หมาย ปี 2556 กรมสง่ เสรมิ การเกษตรได้จดั ท�ำ “คมู่ อื ปฏิบัตงิ านเจ้าหนา้ ท่สี ง่ เสริม การเกษตร” เพ่อื เป็นองคค์ วามรู้ใหเ้ จา้ หน้าท่ีส่งเสรมิ การเกษตร ไดใ้ ชเ้ ปน็ แนวทาง การปฏิบัติงานส่งเสริมการเกษตรในพ้ืนที่ โดยได้รวบรวมและเรียบเรียงเน้ือหา ตามหลักวิชาการทถี่ ูกต้อง สามารถอา้ งองิ ได้ และถอดบทเรียนจากหลกั ปฏิบตั ิจรงิ สามารถประยกุ ต์ใช้กับงานสง่ เสริมการเกษตรในแตล่ ะพ้ืนที่ จ�ำนวน 24 รายการ แบ่งเปน็ เนือ้ หา ด้านการเพิ่มประสิทธภิ าพการผลิตพืชเศรษฐกิจ ด้านเคหกิจเกษตร และการเพ่ิมมูลค่าสินคา้ เกษตร และดา้ นเทคนิคการท�ำงานส่งเสรมิ การเกษตร คู่มือปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร เร่ือง “การถ่ายทอดเทคโนโลยี การเกษตร” เลม่ นี้ ประกอบดว้ ยเนอ้ื หาทสี่ ำ� คญั ไดแ้ ก่ หลกั การสง่ เสรมิ และการถา่ ยทอด เทคโนโลยกี ารเกษตร กระบวนการ การออกแบบ รปู แบบ วธิ กี าร การปรบั ใชเ้ ทคโนโลยี การเกษตร เทคนคิ การถา่ ยทอดในพน้ื ที่ และกรณศี กึ ษาการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร ซง่ึ เจา้ หนา้ ทส่ี ง่ เสรมิ การเกษตร สามารถนำ� ไปปรบั ใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะการทำ� งาน ตามบทบาท และหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ และหวังให้เกดิ แนวคดิ การพัฒนาทักษะใน การทำ� งานส่งเสรมิ การเกษตร เพอื่ ประโยชนข์ องเกษตรกรต่อไป กรมสง่ เสรมิ การเกษตร ขอขอบคณุ ในความรว่ มมอื อยา่ งดยี งิ่ จากหนว่ ยงาน และ เจา้ หนา้ ทท่ี เ่ี กย่ี วขอ้ งในการใหข้ อ้ มลู และภาพประกอบสำ� หรบั การจดั ทำ� หนงั สอื เลม่ นี้ และหากเจ้าหน้าท่ีส่งเสริมการเกษตร มีข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ขอไดโ้ ปรดแจ้งมายัง กรมส่งเสริมการเกษตรให้ทราบดว้ ย ทง้ั น้ี เพื่อประโยชน์ในการปรบั ปรงุ สำ� หรับการ ใชง้ านครัง้ ต่อไป (นางพรรณพิมล ชญั ญานุวัตร) อธบิ ดีกรมส่งเสรมิ การเกษตร สิงหาคม 2556

สารบญั บทนำ� บทท่ี 1 หลักการส่งเสริมการเกษตร 2 1. แนวคิดและหลกั การส่งเสริมการเกษตร 2 2. นกั ส่งเสรมิ การเกษตรและกลมุ่ เปา้ หมายการ 20 ส่งเสริมการเกษตร 28 บทท่ี 2 แนวคดิ หลกั การ และทฤษฎกี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยี การเกษตร 28 34 1. แนวคดิ และหลักการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 2. ทฤษฎีทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั การถา่ ยทอดเทคโนโลยี 46 การเกษตร 47 บทที่ 3 กระบวนการและการออกแบบการถ่ายทอดเทคโนโลยี 74 การเกษตร 104 1. กระบวนการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 2. การออกแบบการถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร บทที่ 4 รูปแบบและวิธีการถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร 1. รปู แบบการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 104 2. วธิ ีการถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร 112

สารบญั บทท่ี 5 การปรบั ใชเ้ ทคโนโลยีการเกษตรและเทคนิคการถ่ายทอด 130 ในพนื้ ท่ี 1. การปรบั ใช้เทคโนโลยกี ารเกษตร 130 2. เทคนิคการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 139 เพอื่ การน�ำไปใช้ บทที่ 6 กรณีศึกษาการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 162 1. กรณศี ึกษา การใชก้ ารวิจัยเชิงปฏิบัตกิ ารแบบ 162 มีสว่ นรว่ ม (PAR) เป็นเครื่องมือในการถา่ ยทอด เทคโนโลยีการเกษตร ในงานส่งเสรมิ การเกษตร เรื่อง การทดลองการใช้ปุ๋ยในนาข้าวของกลุ่ม ศูนยข์ ้าวชุมชนบา้ นหนองกอง 165 2. กรณีศึกษา การใช้สอื่ วดิ ที ัศนเ์ ปน็ เคร่อื งมือ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ในงานส่งเสริม การเกษตร เร่ือง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการใช้ เครอ่ื งจักรกลขนาดเล็กในการผลิตมันสำ� ปะหลงั บทสรปุ 170 บรรณานกุ รม 172 รายช่อื คณะผจู้ ัดท�ำ 174 คู่มือปฏิบัตงิ านเจ้าหน้าทส่ี ่งเสริมการเกษตร การถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร

บทนำ� INTRO

บทนำ� การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร เปน็ เนอ้ื หาทกี่ รมสง่ เสรมิ การเกษตร ผลติ ข้นึ มาเพ่อื การเรยี นรู้ส�ำหรบั นักส่งเสรมิ การเกษตรท่ีมอี ยู่ท่ัวประเทศ โดย เนื้อหาประกอบด้วย แนวคิดและหลักการส่งเสริมการเกษตร กลุ่มเป้าหมาย รปู แบบและวธิ กี ารสง่ เสรมิ การเกษตร บทบาทและภารกจิ นกั สง่ เสรมิ การเกษตร หลกั การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร กระบวนการและวธิ กี ารถา่ ยทอดความ รทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั การพฒั นาการเกษตร โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ 1) เพอ่ื ใหน้ กั สง่ เสรมิ การเกษตร มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั แนวคดิ และหลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร กลมุ่ เปา้ หมาย รูปแบบ และวธิ กี ารสง่ เสริมการเกษตร และ 2) เพอื่ ใหน้ ักสง่ เสรมิ การเกษตร มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั หลกั การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับกระบวนการและวิธีการถ่ายทอดความรู้ และให้ ความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับการถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตรไปสู่กลมุ่ เปา้ หมาย ให้เหมาะสมกบั บริบทของพนื้ ที่ เนื้อหา ประกอบดว้ ย 6 เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ 1) หลกั การสง่ เสริมการเกษตร 2) แนวคดิ  หลกั การ และทฤษฎกี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 3) กระบวนการ และการออกแบบการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร 4) รูปแบบ และวิธีการ ถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 5) การปรบั ใชเ้ ทคโนโลยกี ารเกษตรและเทคนคิ การถ่ายทอดในพ้ืนที่ และ 6) กรณศี กึ ษาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร สำ� หรับงานส่งเสรมิ การเกษตรในพนื้ ท่ี มุ่งเนน้ เกษตรกรได้รบั ความรู้ที่จ�ำเปน็ และสำ� คญั ตอ่ อาชพี การเกษตร เพอ่ื ให้เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้ น�ำไปสู่ ครอบครัวเกษตรกรท่ีย่ังยืน บทเรียนต่อไปน้ีจะตอบค�ำถามว่านักส่งเสริม การเกษตรจะถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างไรใหม้ ีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล

extensionAgricultural THEO PROCESSTHEORCOMMUNICAPROCESS DIFFUSION pro INNOVAT การส่งเสริมการเกษตรมีจุดมุ่งหมายท่ีจะ พัฒนาประชาชนในชนบท โดยเฉพาะ เกษตรกรให้มีความสามารถในการท�ำการ เกษตรให้กา้ วหน้า และมรี ายไดเ้ พิ่มขึ้น สง่ ผลดตี อ่ ความเปน็ อยใู่ นครอบครวั โดยการนำ� เทคโนโลยกี ารเกษตรไปแนะนำ� เผยแพรใ่ หแ้ ก่ เกษตรกร แลว้ ตดิ ตามใหค้ ำ� แนะนำ� ชว่ ยเหลอื จนบรรลุผลสำ� เร็จตามความประสงค์

eVxAtCeCnUsMionEORYAgricultural THEORY PROCESSCATIONprocessPROCESS CPROOCEMSS DMIFFUUSINONICproAcesTs IO ORY THEORYATION INNOVATION บทที่ หลกั การ ส่งเสริมการเกษตร

บ1ทที่ หลักการ2 การถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร สง่ เสรมิ การเกษตร 1. แนวคดิ และหลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร แนวคดิ 1) การสง่ เสรมิ การเกษตรมจี ดุ มงุ่ หมายทจ่ี ะพฒั นา ประชาชนในชนบท โดยเฉพาะเกษตรกรให้มีความ สามารถในการทำ� การเกษตรใหก้ า้ วหนา้ และมรี ายได้ เพมิ่ ขนึ้ สง่ ผลดตี อ่ ความเปน็ อยใู่ นครอบครวั โดยการนำ� เทคโนโลยีการเกษตรไปแนะน�ำเผยแพร่ให้แก่เกษตรกร แลว้ ตดิ ตามใหค้ ำ� แนะนำ� ชว่ ยเหลอื จนบรรลผุ ลสำ� เรจ็ ตาม ความประสงค์ 2) งานสง่ เสรมิ การเกษตรมปี รชั ญาในการปฏบิ ตั ิ คือ เร่ิมงานจากสภาวการณจ์ ริงในทอ้ งถ่ิน มีทัศนคติ ทด่ี ตี อ่ บคุ คลเปา้ หมาย ชว่ ยใหเ้ ขาชว่ ยตวั เองได้ เผยแพร่ ความรู้ท่ีเป็นประโยชน์และเหมาะสมตรงกับความสนใจ และความตอ้ งการของสงั คมชนบทโดยมขี อบเขตของการ ปฏิบัติงานทชี่ ดั เจน

บทท่ี 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 3 3) งานส่งเสริมการเกษตรเป็นการให้การศึกษานอกระบบ โรงเรยี น ซง่ึ บุคคลเปา้ หมายเรยี นรู้จากเจา้ หน้าทส่ี ง่ เสรมิ โดยตรง หรอื ทางอ้อม โดยใหค้ วามรู้ สาธติ การทดลองและปฏิบตั ิจริง 1.1 แนวคิดการสง่ เสริมการเกษตร งานสง่ เสรมิ การเกษตรเมอื่ ตอนเรม่ิ แรกเปน็ การศกึ ษาแบบพเิ ศษ หรอื การศกึ ษาแบบเสรมิ จากมหาวทิ ยาลยั ไปสบู่ คุ คลภายนอก (extension education) เรม่ิ ขนึ้ ในประเทศอังกฤษ ประมาณ ค.ศ.1873 (พ.ศ.2416) เปน็ กจิ กรรมการสอนของมหาวิทยาลยั ทจ่ี ดั ใหก้ บั ประชาชนทวั่ ไป ณ ทอ้ งถน่ิ ทเ่ี ขาอยหู่ รอื ทำ� งานอยู่ ในวชิ าความรใู้ ดๆ กไ็ ด้ มไิ ดจ้ ำ� กดั เฉพาะวชิ าเกษตร ส่วนการส่งเสริมการเกษตร (agricultural extension) ไดแ้ พร่หลายใน สหรัฐอเมริกาประมาณ 20 ปี ภายหลังจากท่ีการศึกษาแบบเสริมหรือ ขยายไดก้ ำ� เนดิ ขนึ้ ในประเทศองั กฤษ จนกระทง่ั มกี ารตราเปน็ กฎหมาย ให้ งานสง่ เสรมิ การเกษตรเปน็ งานทส่ี ำ� คญั อกี งานหนง่ึ นอกเหนอื จากงานสอน และงานวิจัยของวิทยาลัยของรัฐที่เน้นการสอนด้านเกษตร (Land-grant Colleges) ท่วั ทุกมลรัฐของสหรัฐ ใน ค.ศ. 1914 (พ.ศ.2457) และใน

4 การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร ระยะตอ่ มาประเทศทกี่ ำ� ลงั พฒั นาหรอื พฒั นานอ้ ยกม็ กี ารตน่ื ตวั กนั มากขนึ้ ในเรื่องงานสง่ เสริมการเกษตรเพอื่ เพิ่มผลผลิตให้พอเพยี งกับการดำ� รงชีพ ของประชากรทเี่ พม่ิ ขนึ้ (Mosher,197 : 4) งานสง่ เสริมการเกษตรจงึ มี จดุ มงุ่ หมายแกป้ ญั หาทส่ี บื เนอื่ งจากปญั หาประชากร ทำ� ใหเ้ กอื บทกุ ประเทศ ตอ้ งเอาใจใส่กับการผลิตทางการเกษตร การสง่ เสรมิ การเกษตรมีรปู แบบ ทคี่ ลา้ ยกนั หรอื แตกตา่ งกนั ไปบา้ งแตม่ จี ดุ มงุ่ หมายสำ� คญั อนั ดบั แรกทต่ี รงกนั คอื เพื่อพฒั นาประชาชนในชนบทท่ปี ระกอบอาชีพทางเกษตร โดยเฉพาะ อยา่ งยง่ิ เกษตรกร ใหเ้ ขามคี วามสามารถในการทำ� การเกษตรใหเ้ กดิ ความ กา้ วหนา้ และมรี ายไดเ้ พมิ่ ขน้ึ ซง่ึ จะสง่ ผลดตี อ่ ความเปน็ อยใู่ นครอบครวั การ พฒั นาตวั เกษตรกรกก็ ระทำ� โดยการใหบ้ รกิ ารดา้ นการศกึ ษา คอื ถา่ ยทอด ความรตู้ า่ งๆ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ ทงั้ ทางเกษตรและทเ่ี กย่ี วขอ้ งใหแ้ กเ่ กษตรกร และครอบครวั ทำ� ใหเ้ ขาเกดิ ความสนใจและยอมรบั แนวความคดิ ใหมๆ่ ไป ปฏบิ ตั เิ พ่ือปรบั ปรุงกจิ การในฟารม์ หรือไรน่ าใหด้ ีข้ึนไดด้ ้วยตนเอง การสง่ เสรมิ การเกษตร หมายถงึ การนำ� ความรู้ วธิ กี ารและเทคนคิ ใหมๆ่ หรือเทคโนโลยีทีเ่ กี่ยวข้องกับการเกษตรไปแนะน�ำเผยแพรใ่ หแ้ กป่ ระชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกษตรกร แล้วติดตามให้ค�ำแนะน�ำช่วยเหลือในการ ปฏบิ ัตจิ นประสบผลส�ำเรจ็ ตามความมงุ่ หมาย เคลซยี ์ และเฮิรน์ (Kelsey and Hearne 1963 : 1) กล่าววา่ งาน ส่งเสรมิ เป็นการศึกษานอกระบบโรงเรียน ซึ่งผู้ใหญ่และเยาวชนเรยี นโดย การปฏิบัติ เป็นงานที่ประสานร่วมมือกันระหว่างรัฐบาล สถาบันศึกษา ทางเกษตรและประชาชน เพื่อใหก้ ารศกึ ษาและการบรกิ ารท่ีสอดคล้องกับ ความตอ้ งการของประชาชน วตั ถุประสงคท์ สี่ �ำคญั ของงานสง่ เสรมิ ก็เพอ่ื พฒั นาประชาชน

บทที่ 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 5 งานสง่ เสริมการเกษตรเป็นกระบวนการ เรียกกนั ว่ากระบวนการ ส่งเสริมการเกษตร (Agricultural extension process) คล้ายคลงึ กบั กระบวนการตดิ ต่อสอ่ื สาร (communication process) คือมแี หลง่ ความรู้ เชน่ กรมตา่ งๆ ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบนั การศกึ ษา สถาบนั วจิ ยั และแหล่งความรู้ทางเกษตรอ่ืนๆ มีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมท�ำหน้าท่ีถ่ายทอด ข่าวสารและความรูต้ า่ งๆ (โดยวธิ กี ารสง่ เสริมและใชส้ ือ่ ชนดิ ตา่ งๆ) ไปยัง จุดหมายปลายทางคอื ผูร้ ับ ได้แก่บคุ คลเปา้ หมายต่างๆ เชน่ เกษตรกร แม่บา้ น เยาวชน หรือบคุ คลอ่ืน ขณะเดียวกนั กร็ บั ฟงั ปัญหา ความคิดเหน็ จากบุคคลเป้าหมายด้วย ทั้งน้ีเพ่ือปรับปรุงกระบวนการส่งเสริมให้ได้ผล ตามที่มงุ่ หวงั จากท่ีกล่าวมาตั้งแต่ต้นสรุปได้ว่า งานส่งเสริมการเกษตรมี จดุ มงุ่ หมายทจ่ี ะพฒั นาประชาชนในชนบทโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เกษตรกร ใหเ้ ขามคี วามสามารถในการประกอบอาชพี การเกษตรใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ และมรี ายไดเ้ พม่ิ ขนึ้ อนั จะสง่ ผลดตี อ่ ระดบั ความเปน็ อยใู่ นครอบครวั ของ เขาเองและประเทศชาตโิ ดยสว่ นรวม งานสง่ เสรมิ การเกษตรเปน็ กระบวนการคลา้ ยคลงึ กบั กระบวนการ ตดิ ตอ่ สอื่ สารทม่ี กี ารถา่ ยทอดความรู้ วธิ กี าร หรอื เทคโนโลยกี ารเกษตร ไปยงั เกษตรกร ท�ำการติดตาม แนะนำ� ช่วยเหลือ ใหเ้ กดิ การปฏิบตั ิ จนบรรลคุ วามสำ� เร็จตามความมงุ่ หมาย

6 การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 1.1.1 หลักคิดและการปฏิบัติของงานส่งเสริมการเกษตรท่ีส�ำคัญ มดี ังตอ่ ไปนี้ 1) งานส่งเสริมต้องเร่ิมจากจุดท่ีจะเข้าไปพัฒนา คือ ทอ้ งถนิ่ เริม่ จากสมาชกิ ของครอบครัวเกษตรกรในสภาวะทีเ่ ป็นอย่จู รงิ ใน ท้องถิน่ นกั ส่งเสริมตอ้ งไปหาเขา ณ ทีบ่ า้ น หรอื เรอื กสวนไรน่ า ศึกษา ปัญหาและความต้องการที่แท้จรงิ จากเขาทน่ี น่ั จากส่ิงทเ่ี ขาท�ำอยู่ หากมี แนวคดิ อะไรใหม่ๆ กพ็ ูดคยุ กับเขาในภาษาทเ่ี ข้าใจกัน เป็นการแลกเปลี่ยน ความคดิ เหน็ ระหวา่ งกนั หลงั จากทเ่ี กดิ ความคนุ้ เคยและเกดิ ความเชอื่ มนั่ วา่ เจา้ หนา้ ทส่ี ง่ เสรมิ เปน็ ผทู้ สี่ ามารถชว่ ยเหลอื ใหค้ ำ� แนะนำ� ในปญั หาตา่ งๆ ได้ เขาจงึ จะไปปรกึ ษาหารอื ณ ทที่ ำ� งาน ทำ� ใหเ้ กดิ ความเชอื่ มโยงระหวา่ งกนั 2) งานส่งเสริมต้องตระหนักอยู่เสมอว่าเกษตรกรและ ครอบครวั เกษตรกรนนั้ เปน็ บคุ คลเปา้ หมายทสี่ ำ� คญั มใิ ชผ่ ดู้ อ้ ยปญั ญาและ ความคดิ ความสำ� เรจ็ ของงานสง่ เสรมิ จะมขี นึ้ ไดข้ น้ึ อยกู่ บั ความเหน็ อกเหน็ ใจ และความเขา้ ใจในบคุ คลอนื่ มที ศั นคตทิ ด่ี ตี อ่ กนั รปู้ ญั หาและทม่ี าแหง่ ปญั หา แลว้ ชว่ ยใหเ้ ขาแกป้ ัญหาของเขาเองในทางท่ถี กู ที่ควร 3) งานสง่ เสรมิ เปน็ งานทมี่ งุ่ พฒั นาบคุ คลเปา้ หมาย คอื เกษตรกรและสมาชิกในครอบครัวให้สามารถช่วยตัวเองได้ คือช่วยให้ เขาชว่ ยตวั เองเพอื่ ใหเ้ ขาคดิ เปน็ และทำ� เปน็ มใิ ชไ่ ปทำ� ใหเ้ ขาซง่ึ จะไมเ่ กดิ การ พัฒนาในตัวบุคคลเป้าหมายแต่อย่างใด ดังน้ันแทนท่ีจะท�ำให้เขาก็ให้เขา มามสี ว่ นรว่ มในการวเิ คราะหป์ ญั หาทเี่ ขาเผชญิ อยู่ รว่ มกนั พจิ ารณาแนวทาง ที่จะแกป้ ญั หาและดำ� เนินการแก้ปัญหาดว้ ยตัวของเขาเอง

บทท่ี 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 7 4) ความรวู้ ทิ ยาการใหมๆ่ หรอื แนวความคดิ ใหมๆ่ ทจ่ี ะ น�ำไปเผยแพร่ให้แก่บุคคลเป้าหมายน้ัน ต้องแน่ใจว่ามีประโยชน์และ เหมาะสมแก่บคุ คลเปา้ หมายทจ่ี ะน�ำไปปฏิบตั ไิ ดแ้ ละเข้ากบั สถานการณ์ ในท้องถิ่น เจ้าหน้าท่ีส่งเสริมเองต้องรู้และเข้าใจในเร่ืองท่ีจะช้ีแนะเป็น อย่างดมี ฉิ ะน้นั แล้วจะขาดความเชอื่ ถอื จากบุคคลเป้าหมาย 5) งานส่งเสริมจะต้องช่วยให้เกษตรกรและครอบครัว เกษตรกรไดร้ บั ความรแู้ ละทกั ษะใหมๆ่ ตามความสนใจและความตอ้ งการ ของเขา หากเขาพจิ ารณาไตรต่ รองแลว้ เหน็ วา่ ไมเ่ กดิ ประโยชนห์ รอื ไมต่ รง กบั ความตอ้ งการของเขาก็ควรละเว้นไว้ก่อน 6) งานส่งเสรมิ ในลักษณะการสรา้ งผนู้ ำ� การให้มีสว่ น รว่ มหรอื การรวมกลมุ่ สหกรณ์ จะสะดวกข้นึ ถา้ ไดอ้ าศยั โครงสร้าง หรอื สายโยงใยทม่ี อี ยแู่ ลว้ ในทอ้ งถนิ่ ชาวชนบทมชี วี ติ อยดู่ ว้ ยการทำ� มาหาเลยี้ งชพี มานาน มีความรู้จักมักคุ้นและเอ้ืออารีช่วยเหลือต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นการ ประกอบอาชีพหรือกิจกรรมของสังคมในชนบท มีการเชื่อมโยงกันอย่าง ใกลช้ ิด งานสง่ เสริมไดอ้ าศยั จดุ น้เี พ่ือสรา้ งผูน้ ำ� ทอ้ งถนิ่ หรืออาศัยบุคคลท่ี เปน็ ทเี่ ชอื่ ถอื ของทอ้ งถนิ่ ในการถา่ ยทอดความรโู้ ดยทางออ้ ม หรอื สรา้ งงาน กลุ่มตามสายโยงซ่งึ มอี ยแู่ ล้ว

8 การถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร 1.1.2 ขอบเขตความรบั ผิดชอบของงานสง่ เสรมิ การเกษตร งานสง่ เสรมิ การเกษตรเปน็ งานพฒั นาหรอื เปน็ ปจั จยั หนงึ่ ในหลายๆ ปัจจัย เชน่ ปจั จัยทางเศรษฐกจิ ปัจจยั ทางสังคม หรือการเมือง ทม่ี ่งุ หวังจะน�ำการเปล่ยี นแปลงมาสสู่ ังคมชนบท งานส่งเสรมิ การเกษตร มงุ่ หวงั ทำ� ใหก้ ารเกษตรเปลย่ี นแปลงไปในทางทดี่ ขี น้ึ คอื พฒั นาขนึ้ และเชน่ เดยี วกนั งานอ่นื ๆ ของรฐั กม็ งุ่ ทจ่ี ะเปล่ยี นแปลงในด้านอ่นื ที่เกยี่ วข้องกบั ชีวิตความเปน็ อยูข่ องชาวชนบทให้ดขี ้ึน หากหนว่ ยงานของรัฐ ขาดความ ร่วมมือในการวางแผนการท�ำงานในท้องถ่ิน ก็จะสร้างความสับสนให้แก่ ประชาชนและความสำ� เรจ็ จะเกิดขนึ้ ค่อนขา้ งยาก งานสง่ เสรมิ การเกษตรเปน็ เพยี งปจั จยั หนง่ึ ทจ่ี ะชว่ ยพฒั นา ชนบท ซง่ึ เปน็ งานใหญท่ ต่ี อ้ งอาศยั หลายฝา่ ยเขา้ ไปชว่ ยเหลอื ในการพฒั นา เชน่ การศึกษา สาธารณสขุ พัฒนาชุมชน ป่าไม้ ชลประทานและสหกรณ์ เป็นต้น ในส่วนของงานส่งเสริมการเกษตรเอง ก็มีหลายเร่ืองที่จะต้อง ดำ� เนนิ การ แตจ่ ะเปน็ เรอ่ื งใด ทศิ ทางใด ขน้ึ กบั นโยบายและขอบเขตความ รบั ผดิ ชอบของกรมสง่ เสรมิ การเกษตรภายใตก้ รอบของแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ

บทท่ี 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 9 หนว่ ยงานทที่ ำ� หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตรมภี ารกจิ หลกั ทตี่ อ้ ง รับผิดชอบคือ การยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้สูงข้ึน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การพฒั นาตวั เกษตรกร ใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถในการ ประกอบอาชพี เกษตรใหก้ า้ วหนา้ ท�ำใหม้ ีรายไดเ้ พ่ิมขนึ้ ซึ่งจะชว่ ยใหฐ้ านะ ความเปน็ อยดู่ ขี นึ้ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสงั คม จากท่ีกล่าวมาแล้วสรุปได้ว่า หลักคิดและปฏิบัติงาน ส่งเสริมการเกษตรให้ประสบความส�ำเร็จคือ จะต้องเริ่มงานจาก สภาพการณท์ เ่ี ปน็ จรงิ ของตวั เกษตรกรและครอบครวั ของเขา ตอ้ งถอื วา่ เป็นบคุ คลเป้าหมายท่สี �ำคญั ทีม่ คี วามรู้ ความคดิ ในระดับหน่งึ ตอ้ งมี ทศั นคตทิ ด่ี แี ละเขา้ ใจปญั หาทเ่ี ผชญิ อยู่ พยายามแกไ้ ขใหถ้ กู ทาง แนะนำ� ช่วยเหลือให้เขาช่วยตนเอง เทคโนโลยีท่ีน�ำเข้าไปต้องมีประโยชน์และ เหมาะสมตรงกบั ความสนใจและความตอ้ งการของเขา พยายามใหเ้ ขามี สว่ นรว่ ม อาจเปน็ ในลกั ษณะผนู้ ำ� กลมุ่ โดยอาศยั โครงสรา้ งหรอื สหสมั พนั ธ์ ทางสังคมท่ีมีอยแู่ ล้วในท้องถน่ิ ส่วนขอบเขตความรับผดิ ชอบของงาน สง่ เสรมิ ขน้ึ อยกู่ บั นโยบายและขอบเขตความรบั ผดิ ชอบของกรมสง่ เสรมิ การเกษตร และหนว่ ยงานอื่นๆ ท่เี กยี่ วขอ้ งทีก่ �ำหนดขึน้ ตามกรอบของ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ

10 การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 1.2 หลกั การสง่ เสริมการเกษตร ในงานสง่ เสริมการเกษตรจำ� เป็นตอ้ งอาศัยทฤษฏี หรือหลักการ ทางวิทยาศาสตร์หรือศิลปะด้านส่งเสริมการเกษตรซึ่งเป็นท่ียอมรับเป็น พน้ื ฐานในการบรหิ ารงานหรอื ปฏบิ ตั งิ าน ทสี่ ำ� คญั คอื ทฤษฏสี ญุ ญากาศใน ชนบท การแพร่กระจายและยอมรับแนวความคิดใหม่ ทฤษฏีการจูงใจ เกษตรทฤษฏีใหม่ 1.2.1 ทฤษฏสี ุญญากาศในชนบท โมเชอร์ (Mosher, 1978 : 5) กล่าวว่า เจ้าหนา้ ที่ส่งเสรมิ การเกษตรเปน็ บคุ คลทอ่ี าศยั อยใู่ นทอ้ งถน่ิ ของเกษตรกร มคี วามคนุ้ เคยกบั กิจกรรมต่างๆ ที่เกษตรกรท�ำอยู่และรู้ถึงปัญหาหรือส่ิงท่ีเป็นอุปสรรคใน การท�ำการเกษตรให้ก้าวหน้าและเขาก็ช่วยเหลือเกษตรกรในส่ิงท่ีจ�ำเป็น ต้องท�ำเพอ่ื ให้งานดำ� เนนิ ไปได้ สงิ่ ทจี่ ำ� เปน็ สำ� หรบั เกษตรกรอาจจะเปน็ ความรู้ ทกั ษะใหมๆ่ ทเ่ี จา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ ตอ้ งชว่ ยเขาในหลายๆ กรณี เชน่ ถา้ เขาตดิ ขดั ดา้ นสนิ เชอื่ เพื่อการเกษตร เจ้าหน้าที่ส่งเสริมก็ติดต่อแหล่งกู้ยืมให้ หรืออาจช่วยให้ เกษตรกรรวมตัวกันจัดตั้งสหกรณ์ขึ้น บางครั้งอาจมีปัญหาเก่ียวกับการ หาซอื้ ปยุ๋ เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ กพ็ ยายามชว่ ยใหห้ าซอื้ ปยุ๋ ไดท้ นั กาล เมอ่ื ผลติ ผล ออกมาแล้วเกษตรกรขายไปได้ราคาไม่ดีเพราะไม่รู้ราคาของตลาดกลาง เจ้าหน้าที่ก็ต้องแนะน�ำให้เขารู้โดยสม�่ำเสมอและกระจายข่าวให้รู้ท่ัวกัน นอกจากน้ียงั มปี ญั หาอืน่ ๆ อีกมาก ไม่มเี จา้ หน้าทสี่ ง่ เสรมิ คนใดท่ีสามารถ

บทท่ี 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 11 ท�ำได้ทุกอย่างในส่ิงท่ีเกษตรกรต้องการในท้องถ่ิน แต่เจ้าหน้าที่ส่งเสริม สามารถเลอื กวา่ จะทำ� อะไรทจ่ี ำ� เปน็ กอ่ นหรอื หลงั ได ้ อาจกลา่ วอกี นยั หนงึ่ วา่ ทฤษฏีสุญญากาศในชนบท หรือท้องถ่ินของการส่งเสริมการเกษตร (The Vacuum Theory) เป็นงานช่วยตอบสนองความต้องการของ เกษตรกรในท้องถ่ินชนบทในเรือ่ งต่างๆ ท่ีจำ� เป็น และสามารถกระทำ� ให้ก้าวหน้าไปได้ โดยที่ยังไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดให้ความช่วยเหลือมาก่อน เปรยี บเสมือนเป็นชอ่ งวา่ งหรอื สุญญากาศในชนบท 1.2.2 การแพร่กระจายและยอมรบั แนวความคิดใหม่ การแพร่กระจายแนวความคิดหรือวิธีการใหม่ๆ ที่เป็น ประโยชนไ์ ปยงั เกษตรกรเปน็ กระบวนการทสี่ ำ� คญั ของการสง่ เสรมิ การเกษตร เปน็ กระบวนการทเี่ ชอ่ื มโยงกบั กระบวนการยอมรบั การแพรก่ ระจาย ดำ� เนนิ การโดยหน่วยงานและเจ้าหน้าท่ีส่งเสริมการเกษตร ส่วนกระบวนการ ยอมรบั เกดิ ขึน้ ในตวั เกษตรกร จงึ แยกกล่าวเปน็ 2 สว่ นดงั น้ี 1) กระบวนการแพรก่ ระจายแนวความคดิ ใหม่ (diffusion process) เป็นกระบวนการทแี่ นวความคดิ ใหม่แพร่จากแหลง่ เกิด หรือ แหลง่ ท่มี าแห่งความคิดไปยงั ผู้รบั หรือแหลง่ ท่ีรบั ความคดิ นั้นไป แนวความคดิ ใหมห่ รอื บางทา่ นเรยี กวา่ “นวตั กรรม” ตรงกบั ภาษาองั กฤษวา่ innovation หมายถึงความคิด การกระทำ� หรือสง่ิ ตา่ งๆ ท่บี คุ คลรู้สกึ ว่าเป็นเรอ่ื งใหมส่ ำ� หรบั เขาคอื ไม่เคยรู้เคยเหน็ ไมเ่ คยได้ยนิ หรือไม่เคยปฏิบัติมาก่อน (Rogers ,1971:19) เช่นการปลูกพืชด้วย

12 การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร พันธ์ใหม่หรือด้วยวิธีการใหม่ เช่นการท�ำนาหว่านน�้ำตม การเลี้ยงปลา ในกระชัง การจัดตัง้ กล่มุ สหกรณ์ การใชป้ ุย๋ ทางใบ เป็นตน้ การแพร่กระจายแนวความคิดใหม่ เป็นกระบวนการท่ี เป็นไปตามข้นั ตอน ซ่งึ แนวความคดิ ใหม่จะถกู แพร่จากแหลง่ เกดิ หรอื แหล่งที่มาไปยังผู้รับ จุดส�ำคัญของกระบวนการนี้ก็คือ มีการสื่อสาร ระหวา่ งผูส้ ง่ และผู้รับสารหรือแนวความคิดใหม่ การตดิ ต่อส่ือสารระหว่างผ้สู ่งกบั ผ้รู บั สาร ผู้สง่ / แหล่งความรู้ ช่องทาง/สือ่ ผรู้ บั เจ้าหนา้ ที่ สง่ เสริมการเกษตร - เอกสาร - เกษตรกร - ภาพยนตร์ - แมบ่ ้าน - วทิ ยุ ฯลฯ - เยาวชน ผู้ส่งสารหรือผู้ถ่ายทอดความรู้ ได้แก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริม การเกษตรซึง่ มีความรู้เกยี่ วกับสาร (message หรือ innovation) ท่ีจะสง่ ไป และผรู้ บั สารซงึ่ อาจจะเปน็ เกษตรกรหรอื สมาชกิ ในครอบครวั ซง่ึ เปน็ บคุ คล เปา้ หมาย นอกจากนกี้ ม็ สี อื่ หรอื ชอ่ งทางทจี่ ะชว่ ยในการนำ� สารจากผสู้ ง่ ไปยงั ผรู้ ับ เชน่ เอกสาร สง่ิ พิมพ์ วิทยกุ ระจายเสียง ภาพยนตร์ โทรทัศน์ ฯลฯ การแพร่กระจายแนวความคิดใหม่เป็นกระบวนการท่ี เช่ือมโยงกับกระบวนการยอมรับ (adoption process) ซึ่งเกิดข้ึนในตัว บุคคลทรี่ บั สาร

บทที่ 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 13 2) กระบวนการยอมรบั แนวความคดิ ใหมไ่ ปปฏบิ ัตติ าม หรือ เรยี กส้นั ๆ ว่า กระบวนการยอมรบั (adoption process) เป็นกระบวน การทางจติ ใจของบคุ คล ซงึ่ เรมิ่ ตน้ ดว้ ยการเรม่ิ รหู้ รอื ไดย้ นิ เกย่ี วกบั แนว ความคิดใหม่ แล้วส้ินสดุ ลงด้วยการตัดสินใจยอมรบั ไปปฏบิ ัติ กระบวนการยอมรบั แตกตา่ งจากกระบวนการแพรก่ ระจาย แนวความคิดใหม่ กล่าวคือ กระบวนการแพร่กระจายนั้นเป็นการแพร่ แนวความคดิ ระหวา่ งบคุ คลตอ่ บคุ คล หรอื ระหวา่ งแหลง่ ทมี่ าของความคดิ กบั บคุ คลทจ่ี ะรบั แนวความคดิ นนั้ ซง่ึ เปน็ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผสู้ ง่ กบั ผรู้ บั โดยเฉพาะ กระบวนการยอมรับน้ัน แต่ละขั้นตอนของกระบวนการ เกดิ ข้ึนในตัวบคุ คลคนเดียว กระบวนการยอมรบั เป็นกระบวนการท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการ เรยี นร้แู ละการตดั สินใจ จากการวิจัยพบวา่ การที่บคุ คลจะรบั แนวความคดิ ใหม่ไปปฏิบตั ิ จะผ่านข้ันตอน 5 ขน้ั ตอนดว้ ยกันคือ (1) ขน้ั รเิ รม่ิ หรอื ขนั้ รบั รู้ ขน้ั นเ้ี ปน็ ขน้ั แรกทบี่ คุ คลเรม่ิ รเู้ กยี่ ว กับเรื่องใหม่หรือความคิดใหม่ แต่ขาดรายละเอยี ด คือร้วู ่าเรื่องนนั้ เรอื่ งน้ี เกดิ ขน้ึ แลว้ หรอื ทำ� ได้แล้วแต่เปน็ เรอ่ื งใหม่สำ� หรบั ตน เพราะไมเ่ คยไดย้ ิน หรือเคยเห็นมากอ่ น การรับรอู้ าจเกดิ ขึ้นโดยบงั เอิญดว้ ยการพบเหน็ ดว้ ย ตนเอง หรือโดยการเผยแพร่ของเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐบาลหรอื เอกชน

14 การถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร (2) ขนั้ สคู่ วามสนใจ ถา้ ในขน้ั แรกบคุ คลเพยี งแตร่ บั รใู้ นแนว ความคดิ ใหม่แต่ไม่สนใจ หรือไมถ่ ูกกระตุ้นให้เกดิ ความสนใจ ขน้ั ท่ี 2 และ ขน้ั ตอ่ ๆ ไป กจ็ ะถกู ทอดทงิ้ ไปคอื ไมเ่ กดิ ขน้ึ ขนั้ สคู่ วามสนใจนบี้ คุ คลมคี วาม สนใจในแนวความคดิ ใหม่ จงึ พยายามใฝ่หาความรู้ในรายละเอียด (3) ขนั้ ไตรต่ รอง ในข้ันนีบ้ ุคคลศกึ ษารายละเอยี ดเกี่ยวกบั แนวความคิดใหม่แลว้ คดิ เปรียบเทยี บดกู ับงานท่ที �ำอยู่ในปจั จุบันว่า ถ้ารบั เอาแนวความคดิ ใหมม่ าปฏบิ ตั จิ ะเกดิ ผลดหี รอื ไมด่ อี ยา่ งไรบา้ งในขณะนแ้ี ละ ในอนาคตควรหรอื ไมท่ จี่ ะทดลองดกู อ่ น ถา้ เขาตง้ั ใจไตรต่ รองดแู ลว้ รสู้ กึ วา่ ผลดีจะมากกวา่ ผลเสยี เขาก็จะต้องตดั สินใจทดลองดู (4) ขนั้ ทดลองท�ำ ขัน้ นเ้ี ปน็ ขนั้ ทีบ่ คุ คลทดลองท�ำตามแนว ความคดิ ใหม่ โดยทำ� การทดลองแตเ่ พียงเล็กนอ้ ย เพ่ือดวู ่าจะเข้ากนั หรอื ไมก่ บั สภาวการณใ์ นปจั จบุ นั ของตนและผลจะออกมาตามทคี่ าดคดิ ไวห้ รอื ไม่ (5) ขน้ั น�ำไปปฏิบัติ ขนั้ นำ� ไปปฏบิ ตั ิหรอื ขั้นยอมรับ เปน็ ข้นั ทบี่ คุ คลตดั สนิ ใจรบั แนวความคดิ ใหมไ่ ปปฏบิ ตั หิ ลงั จากทไี่ ดท้ ดลองปฏบิ ตั ดิ ู และทราบผลเปน็ ทพ่ี อใจแลว้ จุดสำ� คญั ของข้ันนเ้ี ปน็ การพจิ ารณาผลการ ทดลองในข้ันท่ี 4 และตัดสินใจแน่วแน่ท่ีจะปฏิบัติต่อไปเต็มรูปแบบตาม แนวความคดิ ใหม่

บทที่ 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 15 จากทก่ี ลา่ วมาจะเหน็ ไดว้ า่ กระบวนการยอมรบั แนวคดิ ใหมไ่ ป ปฏบิ ตั ติ ามนนั้ เกดิ ขนึ้ เปน็ ขนั้ ตอนในตวั บคุ คล ตง้ั แตข่ น้ั แรกคอื ขน้ั เรม่ิ รไู้ ป สคู่ วามสนใจ ไตร่ตรอง ทดลองท�ำ และขนั้ สดุ ท้ายคือการยอมรับและน�ำ ไปปฏิบัติ แม้ว่าขน้ั ตอนตามกระบวนการจะเกิดขนึ้ เปน็ ลกู โซเ่ ช่นน้ัน แตใ่ น ความเปน็ จรงิ แลว้ แตล่ ะขัน้ อาจท้ิงช่วงและบุคคลอาจปฏิเสธแนวความคิด ใหม่ได้ทกุ ข้นั ตอน หากแตล่ ะข้นั ตอนไม่ได้สรา้ งความประทับใจหรือความ มั่นใจให้เกิดขึน้ ในตวั เขา 1.2.3 ทฤษฏกี ารจงู ใจ แรงจูงใจท่ีน�ำไปสู่พฤติกรรมหรือการกระท�ำ การปฏิบัติ ต่างๆ อาจเป็นสงิ่ หนึ่งสงิ่ ใดท่คี นเราต้องการท่ีจะมี ทีจ่ ะรสู้ ึก หรอื ไดเ้ ปน็ อะไรตามทคี่ าดหวงั เชน่ ตอ้ งการจะมบี า้ นพกั อาศยั มคี วามรสู้ กึ ปลอดภยั หรือไดเ้ ปน็ เกษตรกรตัวอยา่ งตามทค่ี าดหวัง ฯลฯ แรงจงู ใจหรือเหตุจงู ใจ ของมนุษย์เรามหี ลายอยา่ ง มาสโล แนะน�ำว่าควรสังเกตดูความต้องการ ท่ีจ�ำเป็น (need) หรือความตอ้ งการพ้นื ฐาน (basic needs) ก่อน สว่ นความ ต้องการอื่นๆ จะมเี พิม่ หลังจากนัน้ ความตอ้ งการของมนษุ ย์เราน้นั มอี ยู่ 5 กลุ่มไว้เป็นขั้นๆ หรือเป็นระดับ เมื่อคนเราพอใจหรือบรรลุความต้องการในขั้นแรกหรือ ระดับแรกแล้วก็จะแสวงหาความตอ้ งการในข้นั ถัดไป ดงั น้ี

16 การถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร ความต้องการอยู่รอด ความต้องการในระดับพื้นฐานที่สุดมักเรียกว่า (survival needs) ความต้องการทางร่างกายหมายถึงสิ่งต่างๆ ที่ 1 รา่ งกายมนษุ ย์ ตอ้ งการเพอ่ื ความอยรู่ อด เชน่ เดยี ว กบั สง่ิ มชี ีวติ ท้ังหลาย สิง่ ทีต่ อ้ งการได้แก่ อาหาร นำ�้ ดมื่ อากาศหายใจ การขับถา่ ย การหลับนอน ทพี่ กั อาศยั ฯลฯ เปน็ ความตอ้ งการทจ่ี ะปอ้ งกนั ตนเอง หรอื ความต้องการความปลอดภัย ต้องการความปลอดภยั จากสงิ่ ตา่ งๆ (Security needs) 2 ความต้องการความรกั และการเข้าพวกเข้าหมู่ ในขั้นนี้คนเราต้องการความ (afilf iation needs) รกั จากคนอนื่ และเขา้ พวกเขา้ 3 หมู่กับเขาได้หรือเป็นสมาชิก ของสังคม อาจเรยี กวา่ เปน็ ทีย่ อมรับนบั ถือ หรอื การยกยอ่ ง ความตอ้ งการยกยอ่ ง ในตวั เราจะมมี ากนอ้ ยแคไ่ หนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ (esteem needs) ของคนอนื่ ถา้ บคุ คลไมไ่ ดร้ บั การยอมรบั โดยกลมุ่ 4 ทางสงั คม เขากไ็ ม่คอ่ ยหวงั เกีย่ วกับเรือ่ งเหลา่ นี้ คนเราจะตอ้ งการยกยอ่ งสรรเสรญิ กต็ อ่ เมอ่ื ความ ตอ้ งการใน 3 ขั้นแรกเป็นท่พี อใจแล้ว

บทที่ 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 17 ความต้องการทำ� ใหเ้ ป็นจริงตามท่ีปรารถนา 5 (self – actualization needs) ความต้องการข้ันสูงท่บี คุ คลต้องการทำ� ในส่งิ ท่ีตนมศี ักยภาพที่เป็นจริงข้ึน มา เพอื่ ใหต้ นมคี วามพงึ พอใจสงู สดุ เทา่ ที่จะเป็นไปได้ ในงานสง่ เสรมิ การเกษตร การเขา้ ใจเรอื่ งการจงู ใจ หรอื แรงจงู ใจ ของเกษตรกรถอื วา่ เปน็ เรอื่ งสำ� คญั เพราะสามารถชว่ ยงานสง่ เสรมิ อยา่ งนอ้ ย 2 ประการ คือ (1) กรณเี ราต้องไปช่วยเหลือเขา (2) เมื่อเราต้องการ ใหเ้ ขาเปลีย่ นพฤตกิ รรม ในส่วนของเจา้ หน้าทสี่ ง่ เสรมิ ตอ้ งพจิ ารณาว่ามี สง่ิ จงู ใจอะไรบา้ งในการทำ� งานของเขา เพราะเขากม็ คี วามตอ้ งการแตกตา่ ง กนั ไปในชีวติ สว่ นตวั และการท�ำงาน การจงู ใจใหเ้ กดิ การยอมรบั นนั้ เปน็ กระบวนการทางจติ ใจของบคุ คล เขาจะยอมรับหรือไม่นั้นเปน็ การตดั สนิ ใจด้วยตัวเขาเอง ปัญหาจึงมอี ยูว่ า่ ท�ำอย่างไรท่ีจะจูงใจให้เขายอมรับและน�ำไปปฏิบัติตามดังที่มุ่งหวัง หาก พจิ ารณาโดยถอ่ งแทจ้ ะเหน็ ไดว้ า่ การจงู ใจใหเ้ ขายอมรบั และปฏบิ ตั ติ ามนนั้ มิได้ข้ึนอยู่กับเทคนิคและศิลปะในการจูงใจของเจ้าหน้าท่ีส่งเสริมแต่เพียง อยา่ งเดยี ว แตย่ งั ขน้ึ อยกู่ บั ตวั แนวความคดิ หรอื วธิ กี ารใหมต่ ลอดจนปจั จยั อน่ื ๆ ดว้ ย

18 การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 1.2.4 เกษตรทฤษฏีใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแนะน�ำให้เกษตรกร จดั การไรน่ าทเี่ กษตรกรจะสามารถปลกู พชื เลย้ี งสตั ว์ และดำ� รงชวี ติ ฟนั ฝา่ สภาวะทางเศรษฐกจิ ท่ีแรน้ แคน้ ฝืดเคอื งได้ เกษตรกรควรจะปฏิบัติตาม เกษตรทฤษฏใี หมข่ องพระองค์ ซงึ่ ไดแ้ กก่ ารแบง่ พนื้ ทกี่ ารเกษตรของเกษตรกร ออกเปน็ 4 สว่ นดว้ ยกันคือ ส่วนแรก (ร้อยละ 30) จดั เป็นแหล่งน�้ำ ไดแ้ ก่ การขดุ บอ่ พกั คคู ลอง เกบ็ กกั นำ้� ไวส้ ำ� หรบั การเกษตร ตลอดจนการเลย้ี งปลา และผกั หญา้ ที่เจรญิ เติบโตได้ในน้�ำ ส่วนท่สี อง (รอ้ ยละ 30) จดั เป็นพนื้ ทปี่ ลกู ขา้ วโดยอาศยั น�้ำฝนและนำ�้ ท่เี กบ็ กักไวใ้ นกรณีที่ไมม่ นี �้ำฝนเพยี งพอ ส่วนทส่ี าม (รอ้ ยละ 30) จดั เปน็ พนื้ ทีป่ ลูกไม้ผล รวมทงั้ พชื ไรอ่ นื่ ๆ โดยการปลกู แซมกนั สลบั กนั ทงั้ นเี้ พอื่ ใชเ้ ปน็ รายไดแ้ กเ่ กษตรกร ตลอดปี สว่ นที่ส่ี (รอ้ ยละ 10) จัดเปน็ พ้นื ท่ีปลูกบ้าน ถนนเข้าบา้ น การปลกู พชื ผกั สวนครวั สำ� หรบั การบรโิ ภคและสว่ นทเ่ี หลอื กส็ ามารถจำ� หนา่ ย ได้ ตลอดจนคอกปศสุ ตั วข์ นาดเลก็ หากเกษตรกรประสงคจ์ ะเลย้ี งสตั วเ์ ชน่ ไกเ่ นอ้ื ไกไ่ ข่ คอกสกุ ร หรือโคเนอ้ื บา้ ง เป็นต้น

บทท่ี 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 19 จากทก่ี ลา่ วมาจะเหน็ ไดว้ า่ ทฤษฏสี ญุ ญากาศในชนบทนนั้ เปน็ การ เข้าไปช่วยตอบสนองความต้องการของเกษตรกรในท้องถ่ินที่ห่างไกล ความเจรญิ ยงั ไมม่ ผี ใู้ ดเขา้ ไปชว่ ยเหลอื มากอ่ น เปน็ ชอ่ งวา่ งทต่ี อ้ งอาศยั ความ ชว่ ยเหลอื ในเรอื่ งทจ่ี ำ� เปน็ จรงิ ๆ เพอื่ ใหก้ ารทำ� มาหาเลย้ี งชพี ของเขาเดนิ หนา้ ไปได้ สำ� หรบั การแพรก่ ระจายและยอมรบั แนวความคดิ ใหมเ่ ปน็ กระบวนการ ที่เชื่อมโยงต่อกัน เร่ิมจากเจ้าหน้าท่ีส่งเสริมเผยแพร่แนวความคิดใหม่ ไปยงั ตวั เกษตรกรและจะยงั ไมส่ มั ฤทธผ์ิ ลหากเกษตรกรไมย่ อมรบั ไปปฏบิ ตั ิ สว่ นการจงู ใจไดพ้ ดู ถงึ ความตอ้ งการของมนษุ ยไ์ ว้ 5 ขนั้ ในการจงู ใจใหเ้ กดิ การยอมรับและปฏิบัติท้ังนี้มิได้ข้ึนแต่เจ้าหน้าท่ีส่งเสริมฝ่ายเดียวแต่ข้ึนอยู่ กบั แนวความคดิ ใหม่ ตลอดจนปจั จยั อืน่ ๆ ดว้ ย ส�ำหรับเกษตรทฤษฏีใหม่ เปน็ การจดั ไรน่ าใหเ้ ขา้ สสู่ ภาวะเกษตรยงั่ ยนื จะไดผ้ ลผลติ และรายไดส้ มำ�่ เสมอ ถอื หลกั พอมพี อกนิ ไมเ่ รง่ การผลติ อนั จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสอื่ มโทรมแกไ่ รน่ า และสภาวะแวดล้อม

20 การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร 2. นกั สง่ เสรมิ การเกษตร และกลมุ่ เปา้ หมายการสง่ เสรมิ การเกษตร หลกั บางประการในงานสง่ เสรมิ การเกษตร โดยเฉพาะการทำ� งานของ เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตรในทอ้ งถน่ิ เปน็ เรอื่ งสำ� คญั มากเพราะเปน็ บคุ คล ทที่ ำ� งานในแนวหนา้ ของกรมสง่ เสรมิ การเกษตร ตอ้ งทำ� หนา้ ทห่ี ลายบทบาท ในท้องถ่ินจ�ำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เฉพาะตัว เมอื่ จะเลอื กบคุ คลเข้ามาเปน็ เจา้ หนา้ ทส่ี ง่ เสรมิ การเกษตรจำ� เปน็ ตอ้ งกำ� หนด เกณฑว์ า่ ควรมคี ณุ สมบตั อิ นั พงึ ประสงคอ์ นั ใดบา้ ง เพอื่ จะไดบ้ คุ คลเหมาะสม กับงาน 2.1 ภารกจิ และบทบาทของนกั สง่ เสรมิ การเกษตร การท�ำงานของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในชนบท ที่เข้าไป ปฏิบัติงานในชุมชนใดชุมชนหนึ่ง เปรียบเสมือนบุคคลภายนอกที่เข้าไป ปฏบิ ตั งิ านในชว่ งระยะเวลาหนงึ่ เขายงั ไมค่ นุ้ เคยกบั สภาวการณข์ องชมุ ชน ทกี่ อ่ ตง้ั มานาน ไมค่ นุ้ กบั ชาวบา้ นหรอื ประชาชนในทอ้ งถน่ิ นน้ั ๆ การบรหิ าร งานสว่ นท้องถิน่ ของทางราชการ การดำ� เนินอาชพี ของประชาชน สภาพ การณเ์ กษตร ฯลฯ เป็นไปอยา่ งไรไม่คอ่ ยมีความชัดเจนเมอื่ แรกๆ ที่เข้าไป ถงึ หรอื เมอ่ื รบั งานใหมๆ่ ฉะนนั้ เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ โดยเฉพาะเกษตรตำ� บล จำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งสรา้ งความคนุ้ เคยและสรา้ งงานใหช้ าวบา้ นยอมรบั โดย ตอ้ งศกึ ษาหาความรเู้ กย่ี วกบั ชมุ ชนนน้ั ๆ และชมุ ชนใกลเ้ คยี ง ตอ้ งสรา้ ง ความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลทุกกลุ่มทุกระดับในชุมชนที่เข้าไปท�ำงาน

บทท่ี 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 21 เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตร เปน็ บคุ คลสำ� คญั ในกระบวนการสง่ เสรมิ หรอื แพรก่ ระจายนวตั กรรมทางเกษตร ตอ้ งทำ� หนา้ ทหี่ ลายบทบาทเพอ่ื ปฏบิ ตั งิ าน ให้บรรลุผลส�ำเร็จตามความมุ่งหมาย ได้มีการแบ่งบทบาทหลักๆ ของ เจ้าหน้าทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตร ไว้ 4 ประการ คอื 1) บทบาทผู้นำ� การเปล่ียนแปลง 2) บทบาทครู 3) บทบาทที่ปรึกษา 4) บทบาทผปู้ ระสานงาน เม่ือเจ้าหน้าท่ีส่งเสริมต้องท�ำหน้าท่ีหลายบทบาท จึงมีข้อคิดว่า ควรจะหาเจ้าหน้าท่ที ม่ี คี วามรู้และประสบการณ์อย่างไรจงึ จะเหมาะสมกบั งานท่ีจะไปท�ำในสภาวการณ์และสภาพแวดล้อมท่ีเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ นอกจากจะมภี มู หิ ลงั ความรู้ และประสบการณต์ ามเกณฑท์ จ่ี ะกำ� หนดขนึ้ แลว้

22 การถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตรควรมคี ณุ สมบตั เิ ฉพาะตวั ทสี่ �ำคญั คอื 1) มีความสามารถในการติดต่อสื่อสาร 2) มีความคิดรเิ รม่ิ และเชือ่ ม่ันในตนเอง 3) มีความกระตือรือร้นในการท�ำงาน และกระท�ำด้วยความจรงิ ใจ 4) มคี วามรับผิดชอบและกระท�ำตนใหเ้ ปน็ ทเี่ ช่อื ถือศรัทธา 5) ร้จู กั ถ่อมตนและมที ัศนคติที่ดีต่อบุคคลอ่นื 6) มคี วามเขา้ ใจและเหน็ อกเหน็ ใจคนอ่ืน 7) มีความอดทนและความพยายาม 8) ไม่ถอื สันโดษและเต็มใจให้ความชว่ ยเหลือบุคคลอื่น 9) คิดถงึ ผู้อ่ืนมากกวา่ คดิ ถึงตนเอง 10) ปรับปรุงตนใหท้ ันเหตุการณโ์ ดยสมำ่� เสมอ 2.1.1 หลักเพ่ือการทำ� งานสง่ เสรมิ การเกษตรใหไ้ ดผ้ ล โมเชอร์ (Mosher,1978:35-41) ได้แนะน�ำหลักการ บางประการเปน็ ขอ้ สรปุ สน้ั ๆ เพื่อการท�ำงานสง่ เสรมิ การเกษตรให้ได้ผล ดงั นี้ 1) วัตถุประสงค์หลักของงานส่งเสริมการเกษตรก็คือการ ช่วยให้ครอบครัวเกษตรกรได้รับความรู้และทักษะใหม่ๆ ท่ีตรงกับความ สนใจกบั ความตอ้ งการของเขา เพอ่ื พฒั นาฟารม์ หรอื ไรน่ า ใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ และปรับปรงุ สภาพความเปน็ อยขู่ องครอบครัวใหด้ ขี น้ึ

บทที่ 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 23 2) งานสง่ เสรมิ การเกษตรควรเรม่ิ กจิ กรรมทค่ี รอบครวั ชาว ชนบท ณ ทอ้ งถนิ่ ทีเ่ ขาอยู่ 3) ในการทำ� งานส่งเสริมการเกษตร ตอ้ งถอื ว่าเกษตรกร ทกุ คนรวมทง้ั ภรรยาของเขาเปน็ ผู้ใหญท่ ่ีมเี หตุผล 4) แนวคดิ หรอื วธิ ปี ฏบิ ตั ใิ หมๆ่ ทส่ี ง่ เสรมิ ตอ้ งมคี วามถกู ตอ้ ง ทางวิชาการ 5) ควรสง่ เสรมิ แนะนำ� หรอื สาธติ วธิ กี ารเกษตรแผนใหมใ่ น เวลาซึง่ เหมาะสมที่จะนำ� ไปปฏิบตั ไิ ด้ทันฤดกู าล 6) วิธีการเกษตรแผนใหม่ที่จะน�ำไปส่งเสริมแนะน�ำแก่ เกษตรกรต้องท�ำเปน็ ขนั้ ตอนท่ีชัดเจน ทลี ะเร่ือง หรอื ทีละอยา่ งเพอ่ื สรา้ ง ความเข้าใจตอ่ เนื่อง เร่มิ จากเร่ืองง่ายไปหายาก ไม่ซบั ซ้อน 7) การสง่ เสรมิ การเกษตรท่ไี ดผ้ ลดคี อื การใช้วิธกี ารสอน หลายๆ อย่าง หรอื แบบผสมผสาน 8) การตดิ ตอ่ นดั หมายพบปะกบั เกษตรกรควรเปน็ ชว่ งเวลา ที่เกษตรกรว่างจากภารกิจตา่ งๆ 9) กิจกรรมการสง่ เสรมิ จะมผี ลกระทบต่อการเพม่ิ ผลผลติ ได้อย่างชัดเจน เฉพาะในท้องท่ีที่มีการใช้เทคโนโลยีท่ีมีอยู่เพื่อการเพ่ิม ผลผลิต 10) การสง่ เสรมิ เพอื่ เพม่ิ ผลผลติ จะสำ� เรจ็ ตอ้ งมคี วามสะดวก มีสินเชื่อ และมีงานทดสอบในท้องถน่ิ 11) จุดเน้นการส่งเสริมควรแปรผันไปตามความแตกต่าง ของแต่ละภมู ภิ าค

24 การถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 2.2 กลุ่มเปา้ หมายในการสง่ เสรมิ การเกษตร นอกจากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรแล้วในส่วนของบุคคล เปา้ หมาย คอื เกษตรกร ก็มเี รื่องสำ� คญั ทีต่ อ้ งกล่าวถงึ คือการท�ำงานเป็น กลมุ่ วธิ กี ารสง่ เสรมิ การเกษตรตามแนวทางทยี่ ดึ บคุ คลเปา้ หมายเปน็ หลกั ซ่งึ พอกำ� หนดไดด้ ังน้ี 1) การสง่ เสรมิ แบบรายบคุ คล 2) การส่งเสรมิ แบบกลมุ่ 3) การสง่ เสรมิ แบบมวลชน 4) การสง่ เสรมิ แบบผา่ นผ้นู ำ� วิธีการส่งเสริมรายบุคคล มุ่งส่งเสริมช่วยเหลือแนะน�ำเฉพาะ บคุ คลแต่ละรายในดา้ นเทคนคิ และรายละเอียดเฉพาะอยา่ ง เมือ่ เกษตรกร ตดั สนิ ใจรับวิธกี ารใหม่ๆ ไปปฏบิ ัติ (Adoption) เจา้ หนา้ ท่ีสง่ เสริมกต็ อ้ ง ช่วยเหลอื ตดิ ตามแนะนำ� เพอ่ื ใหง้ านเปน็ ไปอยา่ งถูกวธิ ี และแก้ปัญหาตา่ งๆ ทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ทง้ั นเ้ี พอื่ ใหเ้ ขาบรรลผุ ลสำ� เรจ็ และเกดิ ความพงึ พอใจเมอื่ งาน สำ� เรจ็ ตามทค่ี าดหวัง วธิ ีการส่งเสริมแบบกลุ่ม ประกอบดว้ ย การประชุมเกยี่ วกบั การ ส่งเสริมทางด้านพืช สัตว์ การประมง ซึ่งเกษตรกรอาจมีการประกอบ อาชีพในท้องถ่ินท่ีเหมือนกัน หรืออย่างเดียวกัน การสาธิต ทัศนศึกษา การจดั ฝึกอบรมพิเศษ การทดสอบในท้องถนิ่ และการจดั งานวันเกษตร

บทท่ี 1 หลกั การสง่ เสรมิ การเกษตร 25 วิธกี ารสง่ เสรมิ แบบกลุ่ม จะช่วยบุคคลเปา้ หมายให้ไดร้ ายละเอยี ดในเร่ือง ที่เขาสนใจมากขึน้ และน�ำไปส่กู ารไตรต่ รอง (Evaluation) ว่าจะลองท�ำดู (trial) หรือไม่ หากทดลองท�ำกเ็ ปน็ การพิสจู นด์ ้วยตนเองว่าผลจะออกมา ดหี รอื ไม่ดีอย่างไร วิธีการส่งเสริมแบบมวลชน มุ่งที่จะเผยแพร่สร้างการรับรู้ (Awareness) และความสนใจ (interest) ในเร่ืองใหม่ๆ แนวความคดิ ใหมๆ่ ใหบ้ ุคคลเปา้ หมายรวู้ า่ เรือ่ งน้ันเรอ่ื งน้เี กดิ ขน้ึ แลว้ หากสนใจกจ็ ะหาราย ละเอียดตอ่ ไป ซ่ึงต้องใชส้ อื่ ในการในการประชาสมั พนั ธ์ หรือการจดั งาน วนั สาธิต การจัดนิทรรศการ วธิ กี ารสง่ เสริมแบบผ่านผูน้ �ำ ประกอบดว้ ยวิธกี ารยอ่ ยดงั นี้ 1) ผู้น�ำทางการ เชน่ ก�ำนนั ผ้ใู หญ่บ้าน นายกองคก์ ารบริหาร ส่วนตำ� บล เปน็ ต้น 2) ผูน้ �ำธรรมชาติ เชน่ ผู้ทรงคณุ วุฒิ ปราชญท์ ้องถิน่ พระภกิ ษุ เปน็ ตน้ 3) เจา้ หนา้ ทพ่ี ฒั นา เชน่ เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตร พฒั นากร ประจำ� อบต. เปน็ ตน้

AwAareDneOssPTIONAppropriate OFSELF-DIRPTECeIrTnoclefaochrnreninmgsosalotOigo การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตรหมายถงึ การด�ำเนินการใดๆ เพ่ือให้เทคโนโลยี การเกษตร ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ข่าวสาร ข้อมูล แนวคิด ข้อแนะน�ำ ตัวอย่างหรือ ข้อปฏิบัติต่างๆ ไปยังผู้รับเป้าหมาย ปลายทาง คือ เกษตรกร และผ้สู นใจ

INTERESTAppropriate AwAareDneOssPTIONOF OFSELF-DIRECT learning OF ProcessSELFTechnology ogy TechnologyProcess tion InformationAwareness บทท่ี แนวคิด หลกั การ และทฤษฎกี ารถ่ายทอด 2เทคโนโลยกี ารเกษตร

28 การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร บท2ท่ี แนวคิด หลักการและทฤษฎกี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 1. แนวคิดและหลกั การถา่ ยทอดเทคโนโลยี การเกษตร 1.1 แนวคดิ ของการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ความหมาย การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร หมายถึง การดำ� เนนิ การใดๆ เพอื่ ใหเ้ ทคโนโลยกี ารเกษตร ไมว่ า่ จะ เป็นความรู้ ข่าวสาร ข้อมลู แนวคดิ ขอ้ แนะนำ� ตัวอย่าง หรือข้อปฏิบัติต่างๆไปยังผู้รับเป้าหมายปลายทาง คือ เกษตรกร และผสู้ นใจ ดำ� เนนิ การโดยนกั วชิ าการสง่ เสรมิ การเกษตร ด้วยวิธีการส่งเสริมการเกษตรเพื่อให้เกิด ผลหลกั ๆ 2 ประการ ได้แก่ 1) ตอบสนองความต้องการและความจ�ำเป็น เฉพาะของบุคคลเป้าหมายคือเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ 2) บคุ คลเปา้ หมายหลกั ไดแ้ ก่ เกษตรกร เกดิ การ เรยี นรแู้ ละสามารถนำ� เทคโนโลยกี ารเกษตร หรอื ความรู้ นั้นไปประยุกต์ใช้ภายใต้สถานการณ์ของตนเองให้เกิด

บทท่ี 2 แนวคิด หลักการ และทฤษฎกี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 29 ประสิทธิภาพสูงสุด ตามความหมายของการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าว ขา้ งตน้ จะเหน็ วา่ การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร มอี งคป์ ระกอบหลกั ๆ ได้แก่ - นกั วชิ าการสง่ เสรมิ การเกษตร เป็น ผถู้ า่ ยทอด - เกษตรกร เปน็ บุคคลเป้าหมายผู้รับการถ่ายทอด - เทคโนโลยีการเกษตร เป็น เนื้อหาของการถ่ายทอด เช่น ความรู้ ข่าวสาร ข้อมูล ฯลฯ ท่ีเกี่ยวข้องกับ การเกษตร - วิธีการถ่ายทอดเทคโนโลยี ในท่ีน้ีหมายถึงวิธีการส่งเสริมการเกษตรต่างๆ ที่ท�ำให้ เกษตรกรเรียนรู้เทคโนโลยีการเกษตรและสามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ได้ เช่น การให้ค�ำแนะน�ำ เกษตรกรเปน็ รายบคุ คล การฝกึ อบรมหรอื ศกึ ษาดูงานส�ำหรบั เกษตรกรกลุม่ เปา้ หมาย รวมถึง การให้ค�ำแนะน�ำขา่ วสาร ข้อมลู ความรู้ผา่ นสอ่ื ตา่ งๆ เพอื่ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรไปยัง เกษตรกรจ�ำนวนมาก (มวลชน) การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมในปัจจุบัน เป็นการถา่ ยทอด 2 ทาง ดงั แสดงในภาพองค์ประกอบของการถ่ายทอดเทคโนโลยี

30 การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร องค์ประกอบการถา่ ยทอดเทคโนโลยี เทคโนโลยีการเกษตร นักวชิ าการสง่ เสรมิ การเกษตร เกษตรกร วิธีการ จากองคป์ ระกอบดังกล่าว จะเกดิ ผลหลกั ๆ ตามท่กี ลา่ วขา้ งตน้ ได้ จำ� เป็นตอ้ งด�ำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรในเชิงระบบกล่าวคือ ตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั และใสใ่ จกนั ทกุ ขน้ั ตอนของกระบวนการถา่ ยทอดเทคโนโลยี เรมิ่ ตั้งแต่ปจั จัยนำ� เข้า (Input) กระบวนการเปล่ยี นแปลง (Process) ผลลพั ธ์ (Output) ขอ้ มลู ยอ้ นกลับ (Feed back) และสภาพแวดลอ้ ม แนวคดิ น้ีเน้น ประเด็นส�ำคัญว่า ถ้าต้องการผลลัพธ์คณุ ภาพกจ็ �ำเป็นต้องใส่ปัจจยั นำ� เข้า ท่ีสมบูรณ์และมีคุณภาพเข้าไปในระบบพร้อมดูแลให้ไปสู่กระบวนการ เปล่ยี นแปลง ดังน้ันการจัดการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร จึงควรจะต้อง พิจารณาทั้งกระบวนการวา่ มขี ั้นตอนและภารกิจท่ีจะต้องท�ำอะไรบ้าง ซึ่ง กระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ตามแนวคิดข้างต้นสามารถ เขยี นเปน็ แผนภมู ไิ ด้ดงั ภาพท่ี 1

บทที่ 2 แนวคดิ หลักการ และทฤษฎกี ารถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 31 ภาพที่ 1 : แผนภูมิกระบวนการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร ปจั จัยน�ำเขา้ กระบวนการเปล่ยี นแปลง ผลผลิต (Input) (Process) (Output) ทรพั ยากรต่างๆ กระบวน ผลสัมฤทธ์ิ ในการถ่ายทอด การถา่ ยทอด (Result = Output + Outcome) วเิ คราะห/์ สรุปความ วัตถปุ ระสงค์ จดั ท�ำหลักสตู ร จดั การถ่ายทอด ประเมินผล เนือ้ หาสาระ การดำ� เนินการ ตดิ ตามประเมินผล หลักการส่งเสริมการเกษตร มุ่งเน้นให้เกษตรกรมีความรู้ความ สามารถในการท�ำการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ บนพ้ืนฐานการ พ่ึงตนเองเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและชุมชนเกษตรอย่างย่ังยืน ซ่งึ การทีจ่ ะไปถึงเป้าหมายตามหลักการดังกลา่ วได้ จำ� เป็นตอ้ งสง่ เสรมิ ให้ เกษตรกรมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะสมกบั สถานการณแ์ ละปญั หา ของตนเองและชมุ ชนและสามารถประยกุ ตใ์ ชค้ วามรนู้ น้ั ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพ สูงสุด การส่งเสรมิ ดังกลา่ ว ไดแ้ ก่ การถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตรใน รปู แบบและวธิ กี ารตา่ งๆ เชน่ การฝกึ อบรม ศกึ ษาดงู าน การสอน การสาธติ ทดสอบ รวมถึงการให้ค�ำแนะน�ำและการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ซ่ึงเป็น สง่ิ สำ� คญั อยา่ งยง่ิ ในการสรา้ งความเขา้ ใจ ทกั ษะ และความเชอื่ มน่ั ใหเ้ กษตรกร เพ่ือผลในการพัฒนาการเกษตรและชุมชนเกษตรทยี่ ่งั ยนื

32 การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร 1.2 หลกั การถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร การถา่ ยทอดเทคโนโลยนี น้ั จดั ไดว้ ่าเปน็ ลกั ษณะหนง่ึ ของการสอื่ สาร หรอื อาจกลา่ วไดว้ า่ การถา่ ยทอดเทคโนโลยใี ชก้ ารสอ่ื สารเปน็ เครอื่ งมอื ทำ� งาน ทสี่ ำ� คญั องคป์ ระกอบหลกั ของการถา่ ยทอดเทคโนโลยจี งึ เปน็ องคป์ ระกอบ เช่นเดยี วกบั การส่ือสาร ไดแ้ ก่ ผสู้ ง่ ผรู้ ับ เน้อื หา (สาร) และชอ่ งทาง (วิธกี าร) โดยการถา่ ยทอดเทคโนโลยีนนั้ จะดำ� เนนิ การภายใตเ้ ป้าหมายท่ีชดั เจนเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของบคุ คลเปา้ หมาย โดยใชก้ ารถา่ ยทอดเทคโนโลยี ทเ่ี หมาะสม (Appropriate Technology) ซงึ่ บคุ คลเปา้ หมายไดร้ บั การถา่ ยทอด ไปแลว้ สามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชนต์ อ่ การประกอบอาชพี หรอื การดำ� รงชวี ติ ได้ อย่างแท้จรงิ กล่าวโดยสรุปได้ว่าหลักการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ประกอบด้วยสาระส�ำคญั ดงั ต่อไปนี้ 1) การถา่ ยทอดเทคโนโลยมี เี ปา้ หมายทช่ี ดั เจนเพอ่ื ตอบสนอง ความตอ้ งการและความจำ� เปน็ ฉพาะของบคุ คลเปา้ หมาย ไดแ้ ก ่ เกษตรกร และผู้สนใจ 2) องค์ประกอบการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรมีความ ครบถว้ นสมบูรณ์ ทั้งผู้สง่ ผู้รับ เนอื้ หาและช่องทาง 3) การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตรเปน็ การถา่ ยทอดเทคโนโลยี ท่ีเหมาะสม ท้งั ดา้ นเนื้อหาองคค์ วามรู้ ขา่ วสารทจี่ ะถ่ายทอด ความ พร้อมของผู้สง่ ผรู้ บั ตลอดจนชอ่ งทางวิธีการถ่ายทอด ท้ังหมดท่ีกล่าว มาต้องมคี วามสอดคล้องและเหมาะสมต่อสถานการณ์ เงอ่ื นไข ตลอดจน สภาพแวดล้อมและทรัพยากรทีม่ อี ยู่

บทที่ 2 แนวคดิ หลกั การ และทฤษฎีการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 33 4) เกษตรกรเป้าหมายสามารถน�ำเทคโนโลยีหรือความรู้นั้น ไปประยุกต์ใช้ได้จริง ภายใต้เง่ือนไขของเกษตรกรเป้าหมายให้เกิด ประสทิ ธิภาพสงู สุด การถ่ายทอดเทคโนโลยเี ปน็ สว่ นหนงึ่ ของการสง่ เสรมิ การเกษตร มิใช่เป็นเพียงการน�ำความรู้ไปถ่ายทอดให้แก่บุคคลเป้าหมายเท่าน้ัน แต่ ตอ้ งมงุ่ เนน้ ในดา้ นการเรยี นรู้ (Learning) ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรม ของบคุ คลเป้าหมายดา้ นต่างๆ ได้แก่ ความรู้ จากไมร่ ู้ ไมเ่ ข้าใจ เปน็ ร้แู ละเข้าใจ Knowledge ทศั นคติ จากเชงิ ลบ เป็น เชงิ บวก (Attitude) ทักษะ (Skill) หรือ จากทำ� ไม่ได้ เป็น ท�ำได้ การปฎบิ ตั ิ (Pratice) การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตรจงึ เปน็ สงิ่ ทต่ี อ้ งทำ� ควบคไู่ ปกบั งานวจิ ยั และงานพฒั นาทงั้ ระบบ เพอ่ื การพฒั นาการเกษตรและชมุ ชนเกษตร ให้เป็นฐานท่ีม่นั คงของสังคมไทย

34 การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 2. ทฤษฎที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร SELAFD-DOIPRLTEEAIOCRNPTNIrNoGcess 2.1 ทฤษฎีการเรยี นรู้ การเรียนรู้เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในลักษณะท่ี คอ่ นขา้ งถาวรภายใตส้ ถานการณแ์ ละเงอ่ื นไขทเ่ี หมาะสม อนั เปน็ ผลจาก ประสบการณ์ท่ีคนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม การเรียนรู้เกิดข้ึน ตลอดตงั้ แตเ่ กดิ จนตาย การเรียนรู้ของคนเราเกิดข้ึนได้ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ตราบใดท่ีคนเรายังมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมท้ังจากประสบการณ์ตรง และประสบการณอ์ ้อม และจากการฝกึ ฝน โดยไม่รวมการเปล่ยี นแปลงที่ เป็นผลจากวุฒิภาวะหรอื แนวโน้มการตอบสนองของเผา่ พันธ์ุ การเรยี นรู้ จะเกิดข้ึนได้มากน้อยเพียงใด ข้ึนอยู่กับเชาว์ปัญญาของแต่ละบุคคลและ แต่ละวัย การกำ� หนดชว่ งวัยของมนษุ ยเ์ ปน็ ความพยายามอยา่ งหนงึ่ ท่จี ะใช้ “ช่วงวยั ” เป็น “เกณฑ”์ ในการอธิบายการเรียนรู้และพฒั นาการของมนษุ ย์

บทท่ี 2 แนวคิด หลักการ และทฤษฎกี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร 35 2.2 ทฤษฏกี ารเรยี นร้ขู องผใู้ หญ่ การศึกษาทฤษฏีเก่ียวกับการปรับตัวของผู้ใหญ่และทฤษฏี พฤตกิ รรมทพ่ี ฒั นาตามวยั ทำ� ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ การเรยี นรขู้ องผใู้ หญล่ กั ษณะ หนง่ึ คอื การเรยี นรโู้ ดยการนำ� ตนเอง (Self-directed learning) เปน็ การ เรียนรู้ที่เน้นความเป็นปัจเจกบุคคลและการพัฒนาตนเองที่มีพื้นฐาน จากการยึดผเู้ รียนและประสบการณข์ องผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง ผเู้ รยี นเปน็ ผวู้ างแผนการเรยี นเอง ดงั นนั้ การจดั การเรยี นรแู้ ละการเรยี นการสอนผใู้ หญ่ เนน้ การจดั การทพี่ ยายามใหผ้ เู้ รยี นเปน็ ผนู้ ำ� ตนเอง เนอื่ งจากขอ้ สรปุ เกยี่ วกบั พัฒนาการของผู้ใหญ่ว่าเม่ือคนเรามีวุฒิภาวะมากข้ึน เราจะพัฒนาไปสู่ ความเปน็ ผนู้ ำ� ตนเองมากขน้ึ มคี วามเปน็ ตวั ของตวั เองมากขนึ้ ซง่ึ เปน็ พฒั นาการ ขน้ั สูงสุดของมนุษย์ การเรยี นรโู้ ดยการน�ำตัวเองน้ี มลั คมั โนลส์ กล่าววา่ เป็นกระบวนการท่ีบุคคลมีความคิดริเริ่มด้วยตนเองในการวินิจฉัยความ ตอ้ งการในการเรยี น กำ� หนดจดุ มงุ่ หมาย เลอื กวธิ กี ารเรยี น จนถงึ การประเมนิ ความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ การจดั การเรยี นรใู้ หแ้ กเ่ กษตรกรกลมุ่ เปา้ หมาย จำ� เปน็ ตอ้ งคำ� นงึ ถึงผู้เรยี นได้แก่เกษตรกรเปน็ ล�ำดบั แรก เกษตรกรสว่ นใหญ่ในปจั จุบนั เป็น ช่วงวัยผใู้ หญ่ ดงั น้ันการกำ� หนดรูปแบบวิธีการถ่ายทอด จงึ ควรใชล้ ักษณะ ของการจัดการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ โดยมุ่งเน้นให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลาง ของการเรยี นรู้

36 การถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 2.3 ทฤษฏกี ารยอมรบั กระบวนการยอมรับ (Adoption Process) “เป็นทฤษฏีหรอื กระบวนการทางจติ ใจของบคุ คลซง่ึ เรมิ่ ดว้ ยการเรมิ่ รหู้ รอื ไดย้ นิ เกยี่ วกบั แนวความคิดใหม่ แล้วไปส้ินสุดลงด้วยการตัดสินใจยอมรับไปปฏิบัติ” กระบวนการยอมรบั แตกตา่ งจากกระบวนการแพรก่ ระจายนวตั กรรมหรอื แนวคดิ ใหม่ (diffusion process) กล่าวคอื กระบวนการแพรก่ ระจายนนั้ เป็นการแพร่แนวความคิดระหว่างบุคคลต่อบุคคลหรือระหว่างแหล่งท่ีมา ของความคดิ กบั บคุ คลทจี่ ะรบั แนวคดิ นน้ั ซงึ่ เปน็ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผสู้ ง่ กบั ผรู้ บั โดยเฉพาะ สว่ นกระบวนการยอมรบั นนั้ แตล่ ะขน้ั ตอนของกระบวนการ เกิดขึน้ ในตัวบุคคลเดยี ว (บุญธรรม จิตต์อนันต์,2536) บญุ ธรรม จิตตอ์ นันต์ (2536) ไดใ้ หค้ �ำจำ� กดั ความของทฤษฏี การยอมรบั หรอื กระบวนการยอมรบั วา่ เปน็ กระบวนการทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การ เรียนรู้และการตัดสินใจของบุคคล ซ่ึงจากการวิจัยพบว่าการท่ีบุคคลจะ ยอมรับแนวความคิดใหมไ่ ปปฏบิ ัติจะผ่านข้ันตอนท่สี �ำคญั 5 ข้ันตอนดว้ ยกนั โดยเริ่มเปน็ ล�ำดับข้นั ตอนดงั นี้ คือ ขั้นท่ี 1 ขนั้ ตืน่ ตวั หรอื เริ่มรับรู้ ขัน้ ท่ี 2 ขั้นสนใจ ขั้นที่ 3 ข้นั ประเมินผลหรอื การไตรต่ รอง ขั้นท่ี 4 ขน้ั ทดลองทำ� และ ขัน้ ที่ 5 ขนั้ ยอมรบั นำ� ไปปฏบิ ตั ิ

บทท่ี 2 แนวคดิ หลักการ และทฤษฎกี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 37 ดิเรก ฤกษห์ ร่าย (2538) ไดอ้ ธบิ ายประเดน็ สำ� คญั ของ 5 ขน้ั ตอน กระบวนการยอมรบั ดงั กลา่ วในขา้ งตน้ โดยมเี นอ้ื หาทเ่ี กยี่ วขอ้ งดงั ตอ่ ไปนค้ี อื ขน้ั ที่ 1 การตน่ื ตัวหรอื เร่มิ รบั รู้ (Awareness) เป็นข้ันตอนแรกที่กลุ่มบุคคลเป้าหมายหรือเกษตรกรอาจต่ืนตัว เองหรอื นกั วชิ าการสง่ เสรมิ การเกษตรจะเปน็ ผกู้ ระตนุ้ กไ็ ด้ ผลของการตน่ื ตวั นนั้ เกษตรกรตอ้ งเกดิ ภาวะความไมส่ มดลุ (Imbalance) และมองหาสงิ่ ใหม่ ทด่ี ีกวา่ เขา้ มาทดแทนของเดิม การกระตุน้ ให้เกิดการต่นื ตัวโดยตนเองนั้น ส่ือและช่องทางการส่ือสารจะมีบทบาทส�ำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะส่ือวิทยุ โทรทศั น์ ขั้นท่ี 2 ความสนใจหาข้อมลู ข่าวสารเพิ่มเติม (Interest of Information) เม่ือเกษตรกรตื่นตัวเต็มที่ก็จะสนใจหาข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร จะมบี ทบาทมากในขัน้ ตอนน้ี ในการชี้แนะ แหล่งข้อมลู ท่ีมีใหเ้ พมิ่ เติม จากท่ีกลุ่มเป้าหมายรอู้ ยแู่ ต่เดิมแล้ว

38 การถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร ข้นั ที่ 3 การประเมินผลหรอื การไตร่ตรอง (Evaluation) เป็นการประเมินหรือการไตร่ตรองว่าจะยอมรับเทคโนโลยีหรือไม่ ขอ้ มลู ทน่ี กั วชิ าการสง่ เสรมิ การเกษตรจะตอ้ งใหใ้ นขน้ั ตอนนกี้ ค็ อื ขอ้ มลู ทจ่ี ะ ทำ� ใหเ้ กษตรกรเกดิ ความเชอ่ื มนั่ วา่ เมอื่ เกษตรกรรบั ไปแลว้ จะเกดิ ผลประโยชน์ แกเ่ ขาอยา่ งเตม็ ท่ี การทจ่ี ะรบั การเปลยี่ นแปลงนน้ั สามารถทจี่ ะระดมปจั จยั การผลติ หรือมีสินเชอ่ื และบรกิ ารอืน่ ๆ จากนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ในการสนับสนนุ ได้อยา่ งเต็มท่ี ขัน้ ที่ 4 การทดลอง (Trial) ข้ันตอนนี้เกษตรกรจะลองท�ำในพ้ืนที่ขนาดเล็กเพื่อดูว่าคุ้มกับการ ลงทนุ หรือไม่เพียงใด มีความเสยี่ งอย่างไร แคไ่ หนและจะก�ำจดั ความเสีย่ ง ในการประกอบการไดห้ รอื ไม่ การทดลองทำ� ในขน้ั ตอนนนี้ กั วชิ าการสง่ เสรมิ การเกษตรจะมีบทบาทในการช่วยยืนยันและจะต้องบ่งช้ีให้กลุ่มบุคคล เป้าหมายหรือเกษตรกรทราบอย่างชัดเจนได้ว่ามีความเป็นไปได้ในการ ประกอบการในพน้ื ทน่ี น้ั ตามสภาพแวดลอ้ มและสอดคลอ้ งกบั ปจั จยั การผลติ ทีม่ ีอยู่ ข้ันที่ 5 การยอมรบั น�ำไปปฏิบัติ (Adoption) การยอมรบั จะเกดิ ขนึ้ เตม็ ทแ่ี ละตอ่ เนอ่ื ง ขนึ้ อยกู่ บั ปรมิ าณผลประโยชน์ ทเ่ี กษตรกรไดร้ บั ในหว้ งเวลาหนงึ่ ๆ และตราบเทา่ ทไี่ มม่ นี วตั กรรมใดทด่ี กี วา่ สิ่งท่ยี อมรับอยูแ่ ล้วในปัจจุบัน

บทท่ี 2 แนวคิด หลักการ และทฤษฎกี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร 39 โดยสรุป กระบวนการยอมรับเป็นกระบวนการทางจิตใจของ บคุ คลแตล่ ะคนซงึ่ เรมิ่ ตง้ั แตก่ ารไดร้ บั รขู้ า่ วสารเกย่ี วกบั นวตั กรรมไปจน รับนวัตกรรมและนำ� ไปใช้ อกี ทงั้ ยงั เปน็ กระบวนการท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการ รบั รแู้ ละการตัดสินใจของบคุ คล ดังน้นั กระบวนการยอมรบั นวัตกรรม หรอื แนวคดิ ใหมไ่ ปปฏบิ ตั ติ ามนนั้ จะเกดิ ขนึ้ เปน็ ขน้ั ตอนในตวั บคุ คลหรอื เกษตรกรเรมิ่ ตงั้ แตข่ นั้ แรก คอื ขนั้ ตน่ื ตวั หรอื รบั รไู้ ปสขู่ น้ั สนใจหาขอ้ มลู ขนั้ ประเมนิ ผลหรอื การไตรต่ รอง ข้นั ทดลองทำ� และขัน้ สุดท้ายคอื การ ยอมรบั นำ� ไปปฏบิ ตั ิ แม้วา่ ขัน้ ตอนตามกระบวนการยอมรับ (adoption process) จะ เกิดข้ึนเป็นลูกโซ่ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วแต่ละขั้นตอนอาจทิ้งช่วง เวลา และบุคคลหรือเกษตรกรอาจปฏิเสธ (rejection) นวัตกรรมหรือ แนวคิดใหมไ่ ด้ในระหว่างทกุ ขัน้ ตอน โดยเฉพาะขั้นตอนท่ี 1 ถึงขน้ั ตอนที่ 4 หากแต่ละขั้นนั้นตัวนวัตกรรม (Innovation) ไม่ได้สร้างความประทับใจ จูงใจหรือสร้างความมน่ั ใจให้เกดิ ข้ึนในตวั เขา ขณะทใ่ี นข้ันตอนสุดท้ายคอื ขน้ั ตอนการยอมรบั บคุ คลหรอื เกษตรกรกอ็ าจจะมที ง้ั ทยี่ อมรบั นำ� ไปปฏบิ ตั ิ อย่างตอ่ เนือ่ ง (continue) และก็อาจจะมีบคุ คลหรอื เกษตรกรทีย่ อมรับนำ� ไปปฏบิ ตั แิ ลว้ เลกิ นำ� นวตั กรรมหรอื แนวความคดิ ใหมไ่ ปปฏบิ ตั อิ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง (discontinue) ก็ได้ เนื่องจากปจั จัยหรือคุณสมบัติของนวัตกรรมนน้ั มไิ ด้มี ประโยชน์ ไมส่ อดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมในสงั คมทจ่ี ะรบั มคี วามสลบั ซบั ซอ้ น มาก ไมส่ ามารถแบง่ ทดลองครั้งละน้อยๆ ได้ อกี ท้ังยังพบว่าไม่เขา้ ใจ ไม่ สามารถมองเหน็ หรอื เหน็ ผลไดโ้ ดยงา่ ยอยา่ งทนี่ กั วชิ าการสง่ เสรมิ การเกษตร ไดแ้ นะนำ� ในเบือ้ งตน้

40 การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร ดิเรก ฤกษ์หร่าย (2538) ได้กล่าวว่าการจ�ำแนกกลุ่มบุคคล เปา้ หมายในกระบวนการยอมรบั นน้ั ยงั จำ� เปน็ ตอ้ งวเิ คราะหอ์ ยา่ งมรี ะบบวา่ ใครเปน็ บคุ คลทีย่ อมรบั เรว็ ปานกลางหรือยอมรับชา้ การจ�ำแนกกลุ่มเป้าหมายในกระบวนการยอมรับนี้ กระท�ำเพื่อ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรจะได้ส่งเสริมเฉพาะบุคคลยอมรับเร็วเป็น อันดับแรก ในฐานะที่คนกลุ่มยอมรับเร็วน้ันจะเป็นตัวแทนของเกษตรกร และมอบหมายใหก้ ลมุ่ ยอมรบั เรว็ นนั้ เปน็ ผสู้ บื ทอด ขยายผลตอ่ ไปยงั กลมุ่ สมาชกิ ของตน การจ�ำแนกกลุ่มของผู้ยอมรับ ใช้เวลาในการตัดสินใจยอมรับ นวัตกรรมซงึ่ โรเจอร์ (Rogers, 1971) และเบอทรานด์ (Bertrand, 1976) ในดเิ รก ฤกษ์หร่าย (2538) ไดจ้ ำ� แนกไว้ 5 กลุ่มไดแ้ ก่ (1) กลมุ่ หวั กา้ วหนา้ หรอื พวกนำ� การเปลย่ี นแปลง (innovators) หรือ “หวั ไวใจสู”้ ยอมรับนวตั กรรมเร็วมาก มีลกั ษณะกลา้ เสยี่ ง กลา้ ได้ กลา้ เสยี มคี วามพรอ้ มในการคดิ รเิ รม่ิ นำ� สงิ่ ใหม่ แนวคดิ ใหมม่ าปรบั ใช้ เพอ่ื ประโยชน์สงู สดุ ลำ�้ หน้าคนอ่ืนๆในสงั คม (2) กล่มุ ยอมรบั เรว็ (early adopters) หรือ “ขอดทู ีทา่ ” เปน็ พวก ทยี่ อมรบั นวตั กรรมเรว็ แตใ่ ชร้ ะยะเวลาในการตดั สนิ ใจทจี่ ะยอมรบั นวตั กรรม มากกวา่ พวกหวั กา้ วหน้า เปน็ กล่มุ ทม่ี กี ารตน่ื ตัว มีความพรอ้ มในการรับ สงิ่ ใหมๆ่ และแนวคดิ ใหมม่ าปรบั ใชใ้ หท้ นั เหตกุ ารณแ์ ละทนั กบั ความตอ้ งการ ในชุมชน จัดเปน็ ผ้นู ำ� ชุมชน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook