๑๐๐ แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ หน่วยท่ี ๓ เด็กไทยใฝด่ ี หน่วยย่อยท่ี ๓ พาจติ แจม่ ใส ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนทำเครอ่ื งหมำย X ทับอักษรหนำ้ คำตอบท่ีถูกทสี่ ุดเพยี งขอ้ เดยี ว ๑. กำรไหวพ้ ระและสวดมนตส์ ่งผลใหน้ ักเรียนไดร้ ับสิ่ง ๖. ขอ้ ใดคอื ประโยชน์ของกำรใช้สตกิ ำกับกำรเลน่ กฬี ำ ใดมำกที่สุด ก. เลน่ ไดเ้ ร็วกว่ำเพอ่ื น ก. จติ ใจนิ่งมีสมำธิ ข. เข้ำใจกติกำกำรเลน่ ข. มีควำมสนุกสนำน ค. ตัดสินใจได้เร็ว ค. มคี วำมคิดกว้ำงไกล ง. ได้รบั เสยี งเชยี รม์ ำก ง. มองกำรณ์ไกลตัดสนิ ใจถกู ต้อง ๒. กำรแผ่เมตตำเกิดผลดอี ย่ำงไร ๗. ข้อใด คือ ประโยชนข์ องกำรฝกึ สมำธใิ นกำรอ่ำน ก. ช่วยเพมิ่ ควำมทุกข์ใหต้ น หนงั สอื ข. ช่วยลดควำมเหน็ แก่ตวั ก. ทำใหใ้ จเย็นลง ค. ไดร้ บั กำรชมเชยจำกผู้อืน่ ข. ทำให้อ่ำนหนงั สอื ได้ชำ้ ลง ง. ลด ละ เลกิ ควำมชั่วท้ังหลำย ค. ทำใหเ้ กดิ ควำมกังวลใจในตนเอง ง. ทำใหจ้ บั ประเดน็ สำคัญของเรือ่ งได้ดี ๓. ข้อใด คือ จดุ มงุ่ หมำยของกำรฝึกสมำธิ ๘. ขอ้ ใดแสดงว่ำเรำมีสติ ก. เพ่อื ให้มีบุคลิกภำพดี ก. รบี วิ่งใหท้ นั เพ่ือน ข. เพอ่ื ให้มีสขุ ภำพแข็งแรง ข. คิดเรอ่ื งต่ำงๆขณะเรียน ค. เพ่อื ใหม้ ีควำมจำแม่นยำ ค. ขณะทน่ี อนก็รูวำ่ กำลังนอน ง. เพื่อใหจ้ ติ ใจมีควำมสขุ สงบมน่ั คง ง. อ่ำนหนังสอื และฟงั เพลงพรอ้ มกัน ๔. ข้อใดไม่ใช่กำรเตรยี มกำยกอ่ นปฏบิ ัติสมำธิ ๙. กำรทำสมำธจิ ะสำมำรถทำไดเ้ ม่ือใ่ ด ก. อำบน้ำชำระร่ำงกำยให้ สะอำด ก. นงั่ ข. เลอื กเส้ือผ้ำทสี่ วมใสแ่ ลว้ สบำยตัว ข. เดิน ค. ไม่ควรใส่เคร่ืองประดบั รำ่ งกำย ค. นอน ง. ใส่นำ้ หอมกลิน่ อ่อนๆ ง. ทำได้ทุกเวลำ ๕. กำรฝกึ ใหม้ สี มำธิในกำรฟงั กำรคิด กำรถำมและกำร ๑๐. กำรทำส่ิงใดถ้ำไม่มีสติแล้วอำจเกดิ ผลเสยี มำก เขยี น มปี ระโยชน์ตอ่ ตวั เรำในด้ำนใดมำกทีส่ ุด ท่สี ดุ ก. กำรร้จู ักผูอ้ ื่น ก. อำ่ นหนังสือ ข. กำรเรียน ข. ดโู ทรทศั น์ ค. กำรปฏบิ ัติตนเปน็ คนดี ค. ขบั รถ ง. กำรปอ้ งกันไม่ใหเ้ กิดอุบัตเิ หตุ ง. ฟงั เพลง
แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยท่ี ๕ โลกสวยด้วยมือเรา หนว่ ยย่อยท่ี ๑ รอบตวั น่ารู้ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ******************************** คาชีแ้ จง ให้นักเรียนทำเครอ่ื งหมำย X ทบั ตวั อกั ษรหน้ำขอ้ ควำมทีเ่ ป็นคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งท่สี ดุ เพยี งข้อเดียว ๑. ลักษณะทำงกำยภำพของภำคเหนือมีลกั ษณะอยำ่ งไร ก. มลี ักษณะเปน็ ทร่ี ำบสูง ข. มลี ักษณะเปน็ ภเู ขำมีท่ีรำบระหว่ำงภเู ขำ ค. มลี ักษณะเป็นท่ีรำบลมุ่ ง. มีลักษณะเปน็ ชำยฝ่ังทะเล ๒. จำกภำพเปน็ ลักษณะทำงกำยภำพของภูมิภำคใด ก. ภำคกลำง ข. ภำคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ค. ภำคเหนือ ง. ภำคใต้ ๓. ขอ้ ใดไม่จัดเป็นลกั ษณะทำงกำยภำพ ก. แรธ่ ำตุ ข. อำกำศ ค. บ้ำนเรือน ง. ป่ำไม้ ๔. สญั ลักษณ์ ที่ปรำกฏในแผนท่ีหมำยถงึ ส่งิ ใด ก. อำเภอ ข. จงั หวดั ค. เมอื งหลวง ง. ประเทศ ๕. กำรเดนิ ทำงไปจงั หวดั ตำ่ ง ๆ ควรใชแ้ ผนทใี่ ด ก. แผนท่ีแสดงเสน้ ทำงรถไฟ ข. แผนท่ภี ูมิประเทศ ค. แผนทีภ่ มู ิอำกำศ ง. แผนทีร่ ัฐกจิ ๖. เครอื่ งมือใดสำคญั ทีส่ ุดสำหรับนักเดนิ เรอื ทะเล ก. กล้องส่องทำงไกล ข. แผนที่ดำว ค. แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ ง. เข็มทิศ ๗. สนี ำตำลในแผนทห่ี มำยถึงสง่ิ ใด ก. ป่ำไม้ ข. ทะเล ค. ทร่ี ำบสงู ง. ภเู ขำ
๘. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ เครอ่ื งมอื ทำงภูมศิ ำสตร์ ก. ลกู โลก ข. นำฬิกำ ค. เขม็ ทศิ ง. ภำพถ่ำยทำงอำกำศ ๙. เครือ่ งมือทำงภมู ศิ ำสตร์ท่จี ะบอกถึงควำมแตกต่ำงกันทังทำงด้ำนภูมิศำสตร์กำยภำพ พชื พรรณธรรมชำติท่ี จะเปลยี่ นไปตำมฤดกู ำล คือเคร่ืองมือในขอ้ ใด ก. แผนท่ีรฐั กิจ ข. ภำพถำ่ ยดำวเทียม ค. ภำพถ่ำยทำงอำกำศ ง. ลกู โลกจำลอง ๑๐. เครื่องมือทำงภูมศิ ำสตร์ใดท่ีใชค้ ลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟำ้ ในกำรบนั ทกึ ขอ้ มูล ก. ภำพถำ่ ยทำงอำกำศ ข. ภำพถ่ำยดำวเทียม ค. ลูกโลกจำลอง ง. แผนที่รฐั กจิ
บ ๕.๑/ผ ๑-๐๑ ใบงานที่ ๐๑ ลกั ษณะทางกายภาพของประเทศ คาชแ้ี จง ๑. วำดภำพลักษณะทำงกำยภำพทสี่ ำคัญในประเทศและระบำยสภี ำพให้สวยงำม ๒. เขยี นสรุปลกั ษณะทำงกำยภำพท่ีสำคัญในประเทศ ๓. นำเสนอผลงำนหน้ำชนั ลกั ษณะทางกายภาพท่ีสาคัญของประเทศไทย ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... สมำชกิ กลุ่ม ๑. ชื่อ.............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท.่ี .............. ๒. ชื่อ.............................................สกุล.............................................ชนั ...............เลขท.่ี .............. ๓. ชือ่ .............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท่.ี .............. ๔. ชอ่ื .............................................สกุล.............................................ชัน...............เลขที่...............
ใบงานที่ ๐๒ บ ๕.๑/ผ ๑-๐๒ ลกั ษณะทางกายภาพทส่ี าคญั คาช้ีแจง ๑. ใหน้ ักเรียนสรปุ องคค์ วำมรู้ท่ีได้ศึกษำจำกใบควำมรู้ที่ ๑ ๒. จัดทำแผนผงั ควำมคิด ๓. นำเสนอผลงำนหน้ำชัน สมำชิก ๑. ชื่อ.............................................สกลุ .............................................ชนั ...............เลขที.่ .............. ๒. ชื่อ.............................................สกุล.............................................ชัน...............เลขท่ี............... ๓. ช่ือ.............................................สกุล.............................................ชัน...............เลขท.่ี .............. ๔. ชอ่ื .............................................สกุล.............................................ชนั ...............เลขท่.ี ..............
ใบความรสู้ าหรบั นักเรยี น หนว่ ยย่อยที่ ๑ รอบตวั นา่ รู้ เร่อื ง ลักษณะทางกายภาพ ************************ ลักษณะทำงกำยภำพ หมำยถงึ สง่ิ ตำ่ ง ๆทอี่ ยรู่ อบตัวเรำ สำมำรถมองเหน็ จับ ตอ้ งสัมผัสได้ มคี วำมสำคัญตอ่ ควำมเปน็ อยูข่ องชวี ติ เปน็ อยำ่ งยงิ่ เป็นส่งิ ทเ่ี กิดขนึ เองตำม ธรรมชำติ ไดแ้ ก่ ดนิ หิน แรธ่ ำตุ ป่ำไม้ อำกำศ ซ่งึ เรำควรเรยี นรูถ้ ึงควำมสำคัญ ชนดิ ประโยชน์ ตลอดจนรจู้ กั ใช้และดแู ลรกั ษำ เพอื่ ใหค้ งสภำพท่ดี สี ำมำรถใช้ประโยชนไ์ ด้นำน ๆ เปน็ ปฏสิ ัมพันธใ์ นทำงทด่ี ีและเหมำะสม แต่บำงทอ้ งถนิ่ มกั เกดิ ปัญหำส่ิงแวดลอ้ มทมี่ ำจำก ควำมมักงำ่ ย หรอื นำมำใช้มำกเกนิ ไป ไมร่ ู้จักดูแลรักษำ จงึ เกิดมลพษิ ท่ีมีผลเสยี หำยอยำ่ ง รุนแรงตอ่ ควำมเป็นอยขู่ องชีวิต เปน็ ปฏสิ มั พันธท์ ี่ไม่ดี มีปัญหำตำมมำ ดงั นันเรำต้อง ตระหนักในคุณค่ำของสิง่ แวดลอ้ มและร่วมมือร่วมใจในกำรใชอ้ ย่ำงถกู ตอ้ งเหมำะสม รวมทัง ช่วยกันดูแลรักษำอยำ่ งต่อเนือ่ ง สิง่ แวดลอ้ มทำงกำยภำพทีส่ ำคัญ
ภาพลักษณะทางกายภาพ ภาพลักษณะทางกายภาพ
ใบงานที่ ๐๑ บ ๕.๑/ผ ๒-๐๑ การจดั ทาแผนที่ คาช้แี จง ๑. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่มดูแผนท่ปี ระเทศไทยและค้นหำจังหวดั ของตนเองว่ำอยูภ่ ำคไหน ของประเทศไทยและอภิปรำยรว่ มกัน ๒. ศึกษำใบควำมรู้เรอื่ ง ควำมสมั พนั ธข์ องทรัพยำกรธรรมชำติกบั ทอ้ งถ่นิ ๓. วำดภำพแผนทจ่ี ังหวดั ของตนเองท่ีแสดงควำมสมั พนั ธ์ของส่ิงต่ำงๆ ทม่ี อี ยู่ในจังหวัด พร้อมระบำยสใี ห้สวยงำม ๔. ตัวแทนออกมำนำเสนอผลงำนหนำ้ ชันเรียน สมาชิกกล่มุ ๑ ชื่อ..........................................สกุล........................................ชนั ..........เลขท่.ี .......... ๒ ช่อื ..........................................สกลุ ........................................ชนั ..........เลขท่ี........... ๓ ชื่อ..........................................สกุล.........................................ชนั .........เลขท.่ี .......... ๔ ชอ่ื ..........................................สกุล.......................................ชัน............เลขที่..........
ความหมายของแผนท่ี แผนที่ (Map) หมำยถึง กำรแสดงลักษณะพนื ผวิ โลกลงบนแผน่ รำบ โดยกำรย่อสว่ นและกำรใช้ สัญลักษณไ์ มว่ ำ่ เครอื่ งหมำยหรือสี แทนสิ่งต่ำง ๆ บนพืนผิวโลก แผนที่จึงตำ่ งจำกลกู โลกและแผนผงั เครื่องหมายแผนที่ คือ เครื่องหมำยหรือสญั ลักษณท์ ใี่ ชแ้ ทนสงิ่ ต่ำง ๆ บนพนื พภิ พ ท่เี กดิ ขนึ เองและ ตำม ธรรมชำติ นอกจำกเครื่องหมำยแล้ว เรำยังใช้สีเปน็ กำรแสดงลกั ษณะภูมิประเทศอกี ดว้ ย คอื ๑. สดี ำ หมำยถึง ภมู ปิ ระเทศสำคญั ทำงวัฒนธรรมท่มี นษุ ยส์ รำ้ งขึน เช่น อำคำร สุสำน วัด สถำนท่ี รำชกำรตำ่ ง ๆ เป็นต้น ๒. สีนำเงนิ หมำยถึง ลักษณะภมู ปิ ระเทศที่เป็นนำ เช่น ทะเล แม่นำ หนอง บึง เปน็ ตน้ ๓. สนี ำตำล หมำยถงึ ลกั ษณะภูมิประเทศที่มีควำมสงู โดยท่ัวไป เช่น เสน้ ชันควำมสูง ๔. สีเขียว หมำยถงึ พชื พันธ์ไุ ม้ตำ่ ง ๆ เช่น ป่ำ สวน ไร่ ๕. สีแดง หมำยถึง ถนนสำยหลกั พนื ท่ีย่ำนชมุ ชนหนำแนน่ และลักษณะภมู ิประเทศสำคญั
สญั ลักษณท์ ใ่ี ชแ้ ทนสิ่งต่างๆ ในแผนที่ สีเขียวแทนภมู ปิ ระเทศทรี่ ำบ สีเหลืองแทนภมู ปิ ระเทศทดี่ อน สีนำตำลแทนภมู ปิ ระเทศภูเขำ เปน็ ตน้ ลกั ษณะของส่งิ ที่แสดงปรากฏบนแผนทป่ี ระกอบดว้ ย ๑. ลักษณะของสิ่งที่เกิดขึนเองตำมธรรมชำติ เช่น ทะเล มหำสมุทร ทะเลสำบ แมน่ ำ ภูเขำ ท่ีรำบ ที่รำบสงู เกำะ เป็นตน้ ๒. ลักษณะของสงิ่ ที่มนุษย์สรำ้ งขึน เช่น เส้นกันอำณำเขต เมือง หมูบ่ ้ำน สถำนท่รี ำชกำร ศำสนสถำน เส้นทำงคมนำคม พืนทเี่ กษตรกรรม เปน็ ต้น องคป์ ระกอบทส่ี าคญั ดังน้ี ๑. ช่ือแผนท่ี เป็นสิ่งที่มีควำมจำเป็นสำหรับให้ผู้ใชไ้ ดท้ รำบว่ำเป็นแผนท่ีเร่ืองอะไร แสดงรำยละเอียด อะไรบำ้ ง เพือ่ ให้ผู้ใชไ้ ดอ้ ย่ำงถกู ต้อง และตรงควำมตอ้ งกำร เชน่ แผนที่ประเทศไทยแสดงเนอื ทปี่ ำ่ ไม้ แผนท่ี ประเทศไทยแสดงกำรแบง่ ภำคและเขตจังหวดั เป็นตน้ ๒. ขอบระวาง แผนทีท่ ุกชนดิ จะมขี อบระวำง ซ่ึงเป็นขอบเขตของพืนที่ในภูมิประเทศที่แสดงบนแผน ท่ีแผน่ นนั มักจะแสดงดว้ ยเสน้ ขนำนเพ่ือแสดงตำแหน่งละตจิ ูดกับเส้นเมริเดยี นเพอื่ แสดงตำแหน่งลองจิจูด และจะแสดงตัวเลขเพอ่ื บอกคำ่ พกิ ดั ภมู ิศำสตร์ของตำแหนง่ ต่ำง ๆ ๓. ทิศทาง มีควำมสำคญั ต่อกำรคน้ หำตำแหน่งทต่ี งั ของส่งิ ต่ำง ๆ โดยในสมัยโบรำณใช้วธิ ีดูทิศทำง ตำมกำรขนึ และตกของดวงอำทิตย์ในเวลำกลำงวนั และกำรดทู ศิ ทำงของดำวเหนอื ในเวลำกลำงคืน ในแผนที่ จะต้องมภี ำพเขม็ ทศิ หรือลูกศรชีไปทำงทศิ เหนอื เสมอ ถ้ำหำกแผนท่ีใดไม่ไดก้ ำหนดภำพเขม็ ทิศหรือลกู ศรไวก้ ็ ให้เข้ำใจว่ำดำ้ นบนของแผนท่คี ือทิศเหนือ ๔. สญั ลกั ษณ์ เป็นเครอ่ื งหมำยที่ใชแ้ ทนส่ิงตำ่ ง ๆ ในภมู ิประเทศจริง เพอ่ื ช่วยให้ผ้ใู ชส้ ำมำรถอ่ำน และแปลควำมหมำยจำกแผนทไ่ี ดอ้ ย่ำงถกู ตอ้ ง ทงั นีในแผนท่ีจะตอ้ งมีคำอธิบำยสัญลกั ษณป์ ระกอบไวด้ ว้ ย เสมอ
๕. มาตราสว่ น เปน็ อตั รำส่วนระหว่ำงระยะทำงที่ย่อสว่ นมำลงในแผนท่กี บั ระยะทำงจรงิ ใน ภมู ิ ประเทศ มำตรำส่วนชว่ ยใหผ้ ู้ใช้ทรำบว่ำแผนทีน่ นั ๆ ยอ่ สว่ นมำจำกสภำพในภมู ิประเทศจริง ในอตั รำสว่ น เท่ำใด กำรเขียนมำตรำส่วนเขียนได้หลำยวธิ ี เชน่ ๕๐,๐๐๐ หรอื ๑/๕๐,๐๐๐ หรอื ๑ : ๕๐,๐๐๐ กำรคำนวณระยะทำงบนแผนท่ี ๖. เส้นโค้งแผนท่ี เปน็ ระบบของเสน้ ขนำนและเส้นเมรเิ ดยี น ทส่ี ร้ำงขึนเพื่อกำหนดตำแหน่งพกิ ัด ภูมิศำสตรใ์ ห้เปน็ มำตรฐำนไว้ใช้อำ้ งอิงรว่ มกนั ซ่ึงประกอบด้วย เสน้ ขนำน เปน็ เส้นสมมตทิ ่ีลำกจำกทิศตะวนั ออก สร้ำงขนึ จำกกำรวัดมุมเร่ิมจำก เส้นศนู ยส์ ตู รซง่ึ มีคำ่ มมุ ๐ องศำ ไปยงั ขวั โลกทงั สองดำ้ นๆ ละไมเ่ กิน ๙๐ องศำ เสน้ ขนำนทสี่ ำคัญ ประกอบด้วย พกิ ัดภูมศิ ำสตร์ เป็นระบบท่ีบ่งบอกตำแหนง่ ทต่ี ังอยู่จุดตำแหนง่ ต่ำง ๆ บนพืนผวิ โลก โดยอำศยั โครงขำ่ ยของเสน้ โครงแผนที่ซึง่ ประกอบด้วยเสน้ เมริเดียนกบั เสน้ ขนำนตดั กันเป็น “จดุ ” ๑. ละตจิ ูด (Latitude) เป็นค่ำของระยะทำงเชิงมุม โดยนบั ๐ องศำ จำกเสน้ ศูนย์สตู รไป ทำงเหนือหรือ ใตจ้ นถงึ ๙๐ องศำที่ขวั โลกทงั สอง ๒. ลองจิจูด (Longitude) เป็นค่ำของระยะทำงเชงิ มุม โดยนับ ๐ องศำ จำกเสน้ เมริเดียนไป ทำงทิศ ตะวันออกและทศิ ตะวันตกจนถงึ ๑๘๐ องศำ ปัจจุบันกำรบ่งบอกจุดตำแหน่งบนพนื ผิวโลก สำมำรถทรำบไดง้ ่ำยและถกู ต้อง โดยใช้จีพเี อส เครื่องมือกำหนดตำแหน่งบนพืนผิวโลก (GPS : Global Positioning System) มขี นำดเล็กพกพำไดส้ ะดวก และให้ขอ้ มูลตำแหนง่ บนพนื ผิวโลกไดต้ รงกับควำมเปน็ จริง ความสาคัญและประโยชน์ของแผนท่ี ความสาคญั ๑. ทำให้ทรำบลกั ษณะทำงธรรมชำตขิ องพืนผวิ โลก รวมทงั กิจกรรมทำงเศรษฐกจิ บนพนื ผิวโลก ๒. ทำให้ทรำบขอ้ มลู สถิติตำ่ ง ๆ เพอ่ื กำรเปรยี บเทียบ กำรพัฒนำกำรวำงแผนในด้ำนต่ำง ๆ รวมทังด้ำน ยทุ ธศำสตร์ ประโยชน์ของแผนท่ี ๑. ประโยชน์ในกำรศกึ ษำลกั ษณะภูมิประเทศ แผนทีจ่ ะทำให้ผูศ้ ึกษำทรำบว่ำพนื ท่ีใดมลี กั ษณะภูมิประเทศ แบบใดบำ้ ง ๒. ประโยชนต์ ่อกำรศกึ ษำธรณีวิทยำ เพือ่ ใหท้ รำบควำมเปน็ มำของแหล่งทรัพยำกร ดนิ หิน แร่ธำตุ ๓. ประโยชนด์ ำ้ นสมุทรศำสตร์และกำรประมง เพือ่ ใหท้ รำบสภำพแวดลอ้ มชำยฝงั่ ทะเล ๔. ประโยชน์ด้ำนทรัพยำกรนำ รู้ข้อมูลเกย่ี วกับแม่นำและกำรไหล อ่ำงเก็บนำ ระบบกำรชลประทำน
๕. ประโยชน์ด้ำนปำ่ ไม้ เพ่ือใหท้ รำบคณุ ลักษณะของป่ำไมแ้ ละกำรเปลี่ยนแปลงพืนทป่ี ำ่ ๖. ประโยชนด์ ำ้ นกำรใชท้ ี่ดิน เพ่ือใหท้ รำบปัจจัยกำรใช้ประโยชนท์ ด่ี ินด้ำนตำ่ ง ๆ ๗. ประโยชนด์ ำ้ นกำรเกษตร กำรเกษตรมีผลตอ่ กำรพัฒนำประเทศ เพ่อื รู้วำ่ บรเิ วณใดควรพัฒนำ ๘. ประโยชนด์ ้ำนส่งิ แวดล้อม โดยเฉพำะกำรจดั กำรทรัพยำกรบริเวณต่ำง ๆ ๙. ประโยชน์ในกำรวำงผงั เมอื ง เพ่อื ใชข้ อ้ มลู ทำงธรรมชำติในกำรจัดวำงผังเมอื งใหเ้ หมำะสม ๑๐. ประโยชน์ต่อกำรศึกษำโบรำณคดี เพอ่ื คน้ หำแหลง่ ชุมชนโบรำณและควำมรอู้ ื่น ๆ ๑๑. ประโยชน์ดำ้ นอตุ นุ ยิ มวิทยำ เพอ่ื ประโยชน์ในกำรเพำะปลกู อุตสำหกรรม ประมง กำรปอ้ งกนั อุทกภัย
แผนท่แี สดงล่มุ นา้
ใบความรู้สาหรับนักเรียน เรื่อง ความสัมพนั ธ์ของทรัพยากรธรรมชาติกบั ท้องถน่ิ ทรัพยำกรธรรมชำติ เปน็ สง่ิ ที่เกิดขนึ เองตำมธรรมชำติ และมปี ระโยชนต์ ่อกำรดำรงชีวติ ของคนในทอ้ งถิ่น นนั ๆ เพรำะสำมำรถสนองควำมต้องกำรของคนในด้ำนต่ำงๆ โดยนำมำทำเปน็ ผลผลติ ต่ำงๆ ทรพั ยำกรธรรมชำตจิ งึ มคี ุณคำ่ ทำงเศรษฐกิจ ทรพั ยำกรธรรมชำติ ควำมสัมพันธ์กับทอ้ งถ่นิ ดนิ ดิน เป็นแหลง่ เพำะปลูกและเลียงสัตวต์ ำ่ งๆ ซึง่ ถือเปน็ แหลง่ ผลติ อำหำรของคนในท้องถิน่ นอกจำกนีดินยงั เปน็ แหล่งท่อี ยู่อำศัยของคน นำ เป็นแหลง่ ที่คนใชป้ ระโยชน์ในชีวติ นำ ประจำวัน เช่น ด่มื ซักล้ำง นอกจำกนคี น ในท้องถิ่นยงั ใชน้ ำทำกำรเกษตร เลียงสตั ว์ ใช้ในอุตสำหกรรมบำงประเภท เปน็ ต้น ปำ่ ไม้ ปำ่ ไม้ เปน็ แหล่งท่ีอยู่อำศยั ของสัตวป์ ำ่ เป็นแหล่งวตั ถุดิบ ช่วยป้องกนั นำท่วม ปอ้ งกนั กำรพังทลำยของดนิ ในท้องถ่ิน อำกำศ เปน็ ทรัพยำกรธรรมชำตทิ มี่ ีผล ตอ่ สภำพร่ำงกำยของคนในท้องถ่นิ ถ้ำใน อำกำศ ท้องถน่ิ ใดมีอำกำศบรสิ ุทธิ์กจ็ ะทำให้คน ในทอ้ งถน่ิ นนั มีสุขภำพดี หินและแร่ธำตุ เป็นทรัพยำกรท่มี คี วำมสำคัญ หนิ แร่ กับคนในทอ้ งถ่นิ และมีประโยชนต์ อ่ กำรพฒั นำ อำชีพและเศรษฐกจิ ของคนในทอ้ งถิน่ เพรำะ เป็นวัตถดุ ิบท่ีสำคัญในอตุ สำหกรรมตำ่ งๆ
15 บ ๕.๑/ผ ๓-๐๑ ใบงานที่ ๐๑ เร่อื ง เครอื่ งมอื ทางภูมิศาสตร์น่ารู้ คาชแี้ จง ๑. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มคละชัน ศกึ ษำใบควำมรู้ เร่อื ง เคร่อื งมือทำงภูมิศำสตร์ ๒. ให้นักเรียนบนั ทึกขอ้ มลู ๓. ส่งตวั แทนออกมำนำเสนอผลงำนหน้ำชนั เรียน ช่อื เคร่ืองมอื ........................................ ช่อื เคร่ืองมอื ..................................... บอกข้อมูลจำกเคร่ืองมือมำพอสงั เขป บอกข้อมูลจำกเคร่ืองมือมำพอสงั เขป .......................................................... .......................................................... .......................................................... .......................................................... ชอื่ เครอื่ งมือ........................................ ช่อื เครอื่ งมอื ..................................... บอกขอ้ มูลจำกเครื่องมอื มำพอสงั เขป บอกขอ้ มลู จำกเครือ่ งมือมำพอสงั เขป .......................................................... .......................................................... .......................................................... .......................................................... สมาชกิ กลมุ่ ๑ ช่ือ.....................................................สกุล.............................................ชนั ...............เลขที่............... ๒ ช่อื .....................................................สกุล.............................................ชัน...............เลขท.ี่ .............. ๓ ชอื่ .....................................................สกลุ .............................................ชนั ...............เลขที่............... ๔ ชอื่ .....................................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท่ี...............
16 บ ๕.๑/ผ ๓-๐๒ ใบงานที่ ๐๒ เร่ือง ลักษณะของแผนท่ี คาชแี้ จง จับคูป่ ระเภทแผนท่ีใหต้ รงกบั ลักษณะกำรใช้ แผนที่ทว่ั ไป แสดงอำคำรบ้ำนพัก และตัวเมอื ง แผนทโี่ ฉนดท่ีดนิ แสดงถนนสำยสำคญั แผนท่ผี ังเมอื ง แสดงรำกำรทำงสถิติตำ่ งๆ แผนที่ทำงหลวง แสดงเขตอตุ สำหกรรม เกษตรกรรม อน่ื ๆ แผนที่เศรษฐกิจ แสดงเขตปกครองและพรมแดน แผนที่รฐั กจิ นยิ มใช้สแี สดงควำมแตกต่ำง แผนทก่ี ำรใช้ท่ดี นิ แสดงระยะขอบเขตทด่ี นิ แผนทส่ี ถิติ เปน็ รำกฐำนในกำรทำแผนที่อ่นื ๆ แผนทเ่ี ฉพำะเรอ่ื ง แสดงอำณำเขตสมัยตำ่ งๆ ชำตพิ นั ธุ์ แผนที่ทรวดทรง เพอ่ื โฆษณำ และนิทรรศกำรต่ำงๆ แผนทเ่ี พือ่ นิเทศ แสดงเรอื่ งต่ำงๆ แผนทปี่ ระวตั ิศำสตร์ แสดงรปู รำ่ งผวิ พนื พภิ พ สงู ตำ่ อย่ำงไร สมาชิก ๑. ชอ่ื .............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท.ี่ .............. ๒. ช่อื .............................................สกลุ .............................................ชนั ...............เลขที.่ ..............
17 บ ๕.๑/ผ ๓-๐๓ ใบงานท่ี ๐๓ เร่ือง เคร่ืองมอื ภูมิศาสตร์ คาช้ีแจง ๑. ใหน้ กั เรียนสรุปองค์ควำมรทู้ ่ีได้ศึกษำเร่ือง เคร่อื งมือทำงภมู ิศำสตร์ ๒. เขยี นแผนผงั ควำมคิด ตำมหวั ข้อขอ้ ดงั นี ประเภทเครือ่ งมอื ทำงภมู ิศำสตร์ ควำมสำคญั ของเคร่อื งมือศำสตร์ ประโยชนจ์ ำกเครอื่ งมือทำงภูมศิ ำสตร์ ชือ่ ..........................................................สกลุ...................................................ชัน............เลขท่ี.......
18 ใบความรสู้ าหรับนักเรยี น เร่อื ง เคร่ืองมอื ทางภูมิศาสตร์ ๑. แผนท่ี คือ ภำพของสงิ่ ตำ่ ง ๆ ทแ่ี สดงรำยละเอียดท่ปี รำกฏอยู่บนพืนผิวโลก ทงั ส่ิงท่ี เกดิ ขนึ ตำมธรรมชำตแิ ละสงิ่ ที่มนษุ ย์ปรงุ แตง่ ขนึ โดยแสดงบนพืนผวิ ที่แบนรำบ เปรยี บเสมือน กำรมองดูลักษณะภูมปิ ระเทศบนผวิ โลกลงมำจำกเบืองบน โดยกำรย่อขนำดใหเ้ ล็กลง และใชเ้ ครอื่ งหมำย กบั สญั ลักษณ์แทนของจรงิ ในภมู ปิ ระเทศต่ำง ๆ ทังนีเพอ่ื ควำมสะดวกในกำรบนั ทึกขอ้ มูลของสง่ิ ตำ่ ง ๆ ท่ี ปรำกฏอยู่บนผิวโลก (ท่ีมำ: http://ecurriculum.mv.ac.th/social/...) ความสาคัญของแผนท่ี แผนทีม่ ีควำมสำคัญ คือ เป็นเคร่อื งชว่ ยในกำรดำเนินงำนหรือประกอบกจิ กำรตำ่ ง ๆ มนุษยร์ จู้ ักใช้ แผนที่มำตังแต่โบรำณ ประโยชน์ของแผนท่ใี นสมัยนนั คือ ใช้เป็นเคร่ืองแสดงเสน้ ทำงเดิน ถ่ินท่อี ย่อู ำศยั แหล่งอำหำรในทำงภมู ิศำสตร์ ถือว่ำแผนทเ่ี ปน็ ศูนย์รวมขอ้ มูลทำงภูมิศำสตร์ มี ควำมสำคญั ตอ่ กำรศกึ ษำข้อมูลเพอื่ ประโยชนท์ ังทำงเศรษฐกิจ ทำงสังคม และทำงกำรเมอื ง ปจั จบุ ันแผนที่ ถูกนำไปใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชน์ อยำ่ งกว้ำงขวำงตำมควำมเจริญกำ้ วหน้ำในดำ้ นเทคโนโลยจี ำกกำรทีจ่ ำนวน ประชำกรเพมิ่ จำนวนขึนอย่ำง รวดเร็ว ควำมจำเปน็ ในกำรวำงผังเมืองให้เหมำะสมกับกำรขยำยตัวของชุมชน และกำรอนรุ ักษท์ รัพยำกรธรรมชำตจิ งึ เพ่มิ ขึน แผนที่จึงมคี วำมสำคญั ต่อกำรนำขอ้ มูลไปคิดวเิ ครำะห์เพอื่ หำ ศกั ยภำพภมู ิประเทศ ภูมิอำกำศตลอดจนทรัพยำกรท่ีมอี ยเู่ พ่อื กำรพฒั นำท่ียัง่ ยืน
19 ชนิดของแผนที่ กำรแบ่งประเภทของแผนท่ี แบ่งออกเป็น ๓ ประเภทใหญ่คือ ๑. แผนทแ่ี บบแบนรำบ ไดแ้ ก่ แผนทถี่ ึงแสดงรำยละเอยี ดทั่วไปของพืนผวิ พิภพในทำงรำบ ให้ ประโยชน์ในทำงดำ้ นกำรแสดงตำแหนง่ และกำรหำระยะทำงในทำงรำบ ๒. แผนทีภ่ มู ปิ ระเทศไดแ้ ก่ แผนทซี่ ่ึงแสดงรำยละเอยี ดทว่ั ไปรวมทังลักษณะสงู ต่ำของภมู ปิ ระเทศ ซึ่ง อำจเปน็ แผนที่ทีม่ ีมำตรำส่วนใหญแ่ ละปำนกลำงแต่เสยี เวลำ แรงงำนในกำรจัดทำมำก ๓. แผนท่ภี ำพถำ่ ย เปน็ แผนที่ ทีท่ ำจำกภำพถำ่ ยทำงอำกำศ ซงึ่ อำจไดเ้ ปน็ สหี รอื ภำพขำวดำก็ได้ แลว้ นำมำจดั ในลักษณะของโมเซค ซ่งึ มีโครงสรำ้ งพิกัดศัพทท์ ำงภมู ศิ ำสตร์ และรำยละเอยี ดประจำของ ระวำง แผนท่มี ปี ระโยชน์มำก สำมำรถจดั ทำได้อยำ่ งรวดเร็ว กำรแบ่งแผนทต่ี ำมลกั ษณะกำรใชง้ ำน เป็น ๑๒ ชนิด ๑. แผนท่ที ั่วไป เป็นรำกฐำนในกำรทำแผนทอี่ นื่ ๆ ๒. แผนที่โฉนดท่ีดนิ แสดงระยะขอบเขตท่ดี นิ ๓. แผนทีผ่ งั เมอื ง แสดงอำคำรบ้ำนพกั และตัวเมอื ง ๔. แผนทท่ี ำงหลวง แสดงถนนสำยสำคัญ ๕. แผนทเ่ี ศรษฐกจิ แสดงเขตอุตสำหกรรม เกษตรกรรม อ่ืนๆ ๖. แผนที่สถติ ิ แสดงรำกำรทำงสถิตติ ำ่ งๆ ๗. แผนที่กำรใช้ที่ดิน นิยมใช้สแี สดงควำมแตกต่ำง ๘. แผนท่รี ัฐกิจ แสดงเขตปกครองและพรมแดน ๙. แผนที่ประวตั ศิ ำสตร์ แสดงอำณำเขตสมัยตำ่ งๆ ชำตพิ ันธุ์ ๑๐. แผนที่เพื่อนิเทศ เพื่อโฆษณำ และนทิ รรศกำรต่ำงๆ ๑๑. แผนที่เฉพำะเร่ือง แสดงเรอ่ื งตำ่ งๆ ๑๒. แผนที่ทรวดทรง แสดงรปู ร่ำงผวิ พนื พภิ พ สงู ต่ำอยำ่ งไร ๒. ลูกโลกจาลอง ลกู โลกจำลอง คอื เครอื่ งมือทำงภูมศิ ำสตร์ อยำ่ งหน่งึ ท่มี ีลักษณะคลำ้ ยแผนทแ่ี ตเ่ ปน็ รปู ทรงกลม ลูกโลกจำลองแสดงถึงขอบเขตที่ตงั ของพืนดินท่เี ป็นทวีป และเกำะตำ่ ง ๆ ขอบเขตของพืนนำท่ีเปน็ ทะเลและ มหำสมทุ ร ลูกโลกจำลองจะตังอย่บู นฐำนแกนของลูกโลก จะเอียงยส่ี บิ สำมเศษหน่งึ ส่วนสององศำ นอกจำกจะแสดง
20 ทต่ี งั และขอบเขตของพืนที่บนพืนโลกแล้ว ลกู โลกยังแสดง ถงึ กำรหมนุ รอบตวั เองของโลก ทำใหเ้ กิดกลำงวนั กลำงคืน และกำรหมุนรอบดวงอำทิตยข์ องโลกที่ทำให้เกิดฤดตู ำ่ ง ๆ ซ่งึ ทำให้เขำ้ ใจย่งิ ขึน ๓. ภาพถา่ ยทางอากาศ หมำยถงึ รปู ถ่ำยของภูมิประเทศทไี่ ดจ้ ำกกำรถ่ำยรูปโดยนำกล้องถ่ำยรูป ขนึ ไปกบั อำกำศยำน แลว้ เปดิ หน้ำกล้องปล่อยให้แสงสะท้อนจำกสิ่งทงั หลำยทีป่ รำกฏอยูเ่ บืองล่ำงเขำ้ สเู่ ลนส์ กลอ้ งถ่ำยรปู และผำ่ นกรรมวธิ ีล้ำงและอดั ภำพ จะไดร้ ปู ถ่ำยทีม่ ภี ำพของรำยละเอียดอยูบ่ นพืนผิวภมู ปิ ระเทศ ควำมเข้มของสง่ิ ต่ำงๆ ในรูปถ่ำยทำงอำกำศ จะบอกถึงควำมแตกตำ่ งกันทังทำงดำ้ นภมู ศิ ำสตรก์ ำยภำพ พชื พรรณธรรมชำติ และก็จะเปลี่ยนไปตำมฤดูกำล ๔. ภาพถ่ายจากดำวเทียม หมำยถงึ ภำพถำ่ ยทีไ่ ด้จำกกำรบนั ทึกข้อมูลของดำวเทียม ด้วยอุปกรณ์ บันทึก ข้อมูล ด้วยกำรใช้คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟำ้ เปน็ สอ่ื บนั ทกึ ข้อมูลในลกั ษณะ ของชว่ งคลน่ื ข้อมลู ที่ได้ จำกภำพถำ่ ย ดำวเทียมจะมปี ระโยชนต์ อ่ กำรพฒั นำประเทศ และสำมำรถนำไป ประยกุ ตใ์ ช้ได้ในหลำย ๆ สำขำ เช่น ลกั ษณะภูมิประเทศ ธรณีวิทยำ กำรเกษตร สิ่งแวดลอ้ ม กำรวำงผังเมอื ง โบรำณคดี อตุ ุนยิ มวิทยำ กำร แก้ไขแผนที่ และระบบสำรสนเทศภูมศิ ำสตร์ ตัวอย่างแผนทีช่ นิดต่าง ๆ
21
22 แผนทแี่ สดงลกั ษณะทางกายภาพ
23 แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ ๕ โลกสวยด้วยมอื เรา หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ รอบตัวนา่ รู้ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ******************************** คาชี้แจง ให้นักเรียนทำเคร่ืองหมำย X ทับตัวอักษรหน้ำข้อควำมท่ีเปน็ คำตอบทีถ่ ูกตอ้ งทสี่ ุด เพยี งขอ้ เดียว ๑. ลกั ษณะทำงกำยภำพของภำคเหนือมลี กั ษณะอยำ่ งไร ก. มลี ักษณะเป็นทรี่ ำบสูง ข. มลี ักษณะเป็นภเู ขำมที ่ีรำบระหว่ำงภูเขำ ค. มีลกั ษณะเป็นท่รี ำบลุม่ ง. มีลักษณะเป็นชำยฝ่ังทะเล ๒. จำกภำพเปน็ ลักษณะทำงกำยภำพของภมู ภิ ำคใด ข. ภำคกลำง ข. ภำคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ค. ภำคเหนอื ง. ภำคใต้ ๓. ขอ้ ใดไม่จัดเป็นลักษณะทำงกำยภำพ ก. แร่ธำตุ ข. อำกำศ ค. บ้ำนเรอื น ง. ป่ำไม้ ๔. สัญลกั ษณ์ ทป่ี รำกฏในแผนท่หี มำยถึงสิง่ ใด ก. อำเภอ ข. จงั หวัด ค. เมืองหลวง ง. ประเทศ ๕. กำรเดนิ ทำงไปจังหวดั ตำ่ ง ๆ ควรใช้แผนท่ีใด ก. แผนทีแ่ สดงเส้นทำงรถไฟ ข. แผนที่ภมู ิประเทศ ค. แผนทภ่ี มู ิอำกำศ ง. แผนทีร่ ัฐกจิ ๖. เครือ่ งมอื ใดสำคัญท่สี ุดสำหรับนักเดนิ เรือทะเล ก. กล้องสอ่ งทำงไกล ข. แผนทดี่ ำว ค. แผนท่ภี ูมิประเทศ ง. เข็มทิศ ๗. สีนำตำลในแผนท่หี มำยถึงส่ิงใด ก. ป่ำไม้ ข. ทะเล ค. ทรี่ ำบสูง ง. ภูเขำ
24 ๘. ข้อใด ไมใ่ ช่ เครอ่ื งมอื ทำงภูมศิ ำสตร์ ก. ลูกโลก ข. นำฬิกำ ค. เข็มทิศ ง. ภำพถ่ำยทำงอำกำศ ๙. เครือ่ งมือทำงภูมศิ ำสตรท์ จ่ี ะบอกถงึ ควำมแตกต่ำงกนั ทังทำงด้ำนภูมศิ ำสตร์กำยภำพ พืชพรรณธรรมชำติท่ี จะเปล่ยี นไปตำมฤดูกำล คือเครื่องมือในข้อใด ก. แผนท่ีรฐั กิจ ข. ภำพถ่ำยดำวเทยี ม ค. ภำพถ่ำยทำงอำกำศ ง. ลกู โลกจำลอง ๑๐. เครือ่ งมือทำงภูมศิ ำสตร์ใดท่ใี ชค้ ลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้ำในกำรบันทกึ ขอ้ มูล ก. ภำพถ่ำยทำงอำกำศ ข. ภำพถ่ำยดำวเทียม ค. ลกู โลกจำลอง ง. แผนที่รัฐกิจ แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยที่ ๕ โลกสวยดว้ ยมอื เรา หนว่ ยย่อยที่ ๒ มองดธู รรมชาติ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ คำชแี จง ให้กำ ทบั ตวั อกั ษรหนำ้ ข้อควำมทีเ่ ป็นคำตอบท่ีถกู ทส่ี ดุ เพยี งขอ้ เดยี ว
25 ๑. ข้อใดเปน็ แหลง่ นำจืดในภำคกลำง ก. แม่นำปิง ข. แม่นำโขง ค. แม่นำ โก-ลก ง. บึงบอระเพ็ด ๒. ลักษณะกำรประกอบอำชีพของประชำกรในภมู ปิ ระเทศภเู ขำสูง ข้อใดเดน่ ชัดทสี ดุ ก. กำรเพำะปลูกพืชเมืองหนำว ข. กำรทำโรงงำนอุตสำหกรรม ค. กำรทำประมง ง. กำรทำไร่ ๓. เหตใุ ดชำวภำคกลำงจงึ นยิ มสรำ้ งบ้ำนเรอื นท่ีมใี ต้ถุนสงู มำก ก. ป้องกนั สัตว์ปำ่ ข. ใช้ทำคอกสตั ว์ ค. ปอ้ งกันนำท่วม ง. ใช้เก็บผลผลิตทำงกำรเกษตร ๔. ลักษณะภูมปิ ระเทศแบบใดทคี่ นมกั ตังบำ้ นเรอื นอำศยั อย่หู นำแนน่ ก. ภเู ขำ ข. ท่รี ำบสูง ค. ภูเขำและทร่ี ำบสงู ง. ทร่ี ำบและชำยฝ่ังทะเล ๕. ข้อใดคอื ลักษณะภูมิประเทศท่เี ด่นชัดทสี่ ุดของภำคใต้ ก. ภูเขำและท่ีรำบระหวำ่ งภูเขำ ข. ทีร่ ำบกวำ้ งใหญม่ ีแม่นำไหลผำ่ น ค. ทะเลทงั สองด้ำนทรี่ ำบตลอดแนวชำยฝงั่ ง. เปน็ แอ่งท่ีรำบสงู ตอนกลำง ๖. แม่นำปงิ วงั ยม และนำ่ น ไหลรวมกันกลำยเปน็ แมน่ ำใด ก. แมน่ ำแม่กลอง ข. แมน่ ำป่ำสกั ค. แมน่ ำเจ้ำพระยำ ง. แม่นำโขง
26 ๗. ภูมปิ ระเทศท่ีเป็นชำยฝั่งทะเลส่งผลให้เกิดชมุ ขนแบบใด ก. ชุมชนชำวนำ ข. ชุมชนชำวเล ค. ชุมชนชำวไร่ ง. ชุมชนชำวสวน ๘. เหตผุ ลที่ต้องศกึ ษำลักษณะทำงกำยภำพของประเทศไทย ข้อใดกล่ำวถูกตอ้ งทส่ี ุด ก. เพ่อื เกิดควำมรกั ควำมภูมใิ จในชำติ ข. เพอื่ ชว่ ยกันรักษำสภำพแวดล้อม ค. เพอ่ื เกิดควำมเขำ้ ใจในธรรมชำติ ง. เพ่อื ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ และปรับตวั ใหด้ ำรงชีวิตอย่ำงปลอดภัย ๙. จงั หวัดลำปำงเป็นแหล่งผลิตเคร่อื งปั้นดนิ เผำและเครอื่ งเคลอื บที่มชี ่ือเสียงมำก เพรำะเหตผุ ล ในข้อใด ก. มดี นิ เหนียวมำก ข. มีดินขำวมำก ค. มีหินปนู มำก ง. มีหนิ ดินดำนมำก ๑๐. ภำคใตแ้ ละภำคตะวันตกมีภูมิประเทศทเี่ หมือนกันอย่ำงไร ก. มภี ูเขำทั่วทุกพนื ที่ ข. มีพืนท่ีตดิ กบั ชำยฝ่งั ทะเล ค. พนื ที่ส่วนใหญเ่ ปน็ ท่รี ำบลุ่ม ง. พืนท่ีสว่ นใหญเ่ ปน็ ทร่ี ำบสูง
27 เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ช้ัน ป.๖ หน่วยย่อยท่ี ๒ มองดธู รรมชาติ ขอ้ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เฉลย ง ก ค ง ค ค ข ง ข ข
28 บ ๕.๒ / ผ๑ – ๐๑ ใบงานท่ี ๐๑ ลกั ษณะภมู ิลกั ษณ์ คาชีแ้ จง ๑ . ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ ๕ – ๖ คน แล้วศึกษำใบควำมรู้ เร่ือง ภมู ิลกั ษณ์ ของภำคตำ่ งๆ ๒. ให้นักเรียนตอบคำถำมทก่ี ำหนดต่อไปนี ๓. นำเสนอผลงำนหน้ำชันเรียน ๑. ลักษณะภมู ลิ กั ษณ์ของภำคตะวันออกเฉียงเหนอื มีลกั ษณะอย่ำงไร ๒. ลักษณะภูมิลักษณข์ องภำคใต้และภำคเหนอื มีควำมแตกต่ำงกันหรอื ไม่ อย่ำงไร ๓. แหลง่ นำทส่ี ำคัญในภำคเหนอื มอี ะไรบำ้ ง ๔. ลักษณะภมู ลิ กั ษณข์ องภมู ภิ ำคใด ที่มีควำมแตกตำ่ งกันอย่ำงเห็นไดช้ ัด สมำชกิ ๑. ชื่อ.............................................สกลุ .............................................ชนั ...............เลขท.ี่ .............. ๒. ช่อื .............................................สกลุ .............................................ชนั ...............เลขท่.ี .............. ๓. ชื่อ.............................................สกุล.............................................ชนั ...............เลขท่ี............... ๔. ชอ่ื .............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท่.ี ..............
29 ใบงานที่ ๐๒ บ ๕.๒ / ผ๑ – ๐๒ จบั คลู่ ักษณะภมู ลิ กั ษณ์ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนโยงเสน้ จับคภู่ มู ภิ ำคให้ตรงกับรูปภำพลกั ษณะภมู ลิ กั ษณ์ของภำคนัน ภาค ลกั ษณะภูมลิ ักษณ์ เหนือ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตะวันออก ตะวนั ตก กลาง ใต้ ช่อื .............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท.ี่ ..............
30 บ ๕.๒/ ผ๑–๐๓ ใบงานที่ ๐๓ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศท่ฉี นั ชอบ คาชแ้ี จง ๑. ให้นกั เรยี นวำดภำพลกั ษณะภูมลิ ักษณ์ทน่ี กั เรียนชอบและประทับใจ ๒. เขยี นบรรยำยใตภ้ ำพ พรอ้ มบอกเหตผุ ลทช่ี อบ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ช่อื .............................................สกุล...........................................ชัน...............เลขที่...............
31 ใบความรสู้ าหรบั นักเรยี น ลกั ษณะภมู ิลักษณภ์ มู ิภาคต่างๆ ความหมายของภมู ลิ กั ษณ์ ภมู ลิ ักษณ์ ในพจนำนกุ รมศพั ท์ธรณีวิทยำ ฉบบั รำชบัณฑิตยสถำน ระบุตรงกับคำศพั ท์ ภำษำอังกฤษว่ำ Topographyโดยรำชบณั ฑิตยสถำน อธบิ ำยควำมหมำยของภูมิลักษณ์ไว้ว่ำ “ภูมลิ ักษณ์ : สภำพทั่ว ๆ ไปของผิวโลก ซึง่ ประกอบด้วยสิง่ ทเี่ ปน็ อยตู่ ำมธรรมชำติและท่ีมนษุ ย์ดัดแปลงขึน อนั ไดแ้ ก่ ควำมสงู ตำ่ ของผวิ โลก ทำงนำและแหลง่ นำ ถนน เมือง เปน็ ต้น ส่ิงทอ่ี ยู่บน ผวิ โลกแต่ละอย่ำงเป็นตน้ ว่ำ ภเู ขำ หรอื หบุ เขำก็เรียกว่ำ ภมู ิลักษณ์” ลกั ษณะสภาพทางภูมศิ าสตร์ของภาคตา่ ง ๆ สภำพทำงภมู ิศำสตร์ในภำคตำ่ ง ๆ ของประเทศไทยมลี ักษณะแตกตำ่ งกนั ดงั นี ๑. ภาคเหนอื ลกั ษณะภมู ิประเทศ เปน็ เขตภเู ขำและทรี่ ำบระหวำ่ งภูเขำ มีป่ำไม้มำก จงึ เปน็ แหลง่ กำเนดิ ของ แมน่ ำทีส่ ำคัญหลำยสำย เชน่ แม่นำปงิ วงั ยม น่ำน ทวิ เขำท่สี ำคญั ในภำคเหนือ ไดแ้ ก่ ทิวเขำแดน ลำว ซึ่งกนั พรมแดนระหวำ่ งประเทศไทยกับพมำ่ ตังแตจ่ ังหวดั เชยี งใหม่ถงึ จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน ทวิ เขำถนน ธงชยั เป็นทิวเขำท่ตี ่อจำกทวิ เขำแดนลำวทอดลงไปทำงใต้ กันพรมแดนระหวำ่ งไทยกับพมำ่ ตงั แต่เขต จงั หวดั ตำกถึงจังหวัดกำญจนบุรี ทิวเขำผปี ันนำอยูท่ ำงตอนกลำงของภำคเหนอื ทิวเขำหลวงพระบำงกนั พรมแดนระหว่ำงประเทศไทยกบั ลำว ลักษณะภูมิอากาศ เนอ่ื งจำกภมู ปิ ระเทศส่วนใหญ่เปน็ ภูขำสูงสลบั กับแอง่ หุบเขำ ทำให้ในฤดูหนำว มีอำกำศหนำวจดั สว่ นในฤดูรอ้ นจะมอี ณุ หภูมคิ ่อนขำ้ งสงู เพรำะอยู่ไกลจำกทะเล 2. ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ลักษณะภมู ปิ ระเทศ เปน็ ท่ีรำบสงู มีทิวเขำเป็นขอบอยู่ทำงด้ำนตะวันตกและด้ำนใต้ ทำให้ทำง ตะวันตกเปน็ ท่ีรำบสูงชันและลำดเยอื งมำทำงตะวันออก มพี รมแดนติดต่อกับประเทศลำวและกมั พูชำ ทิว เขำท่สี ำคัญ คือ ทิวเขำเพชรบรู ณ์และทวิ เขำดงพญำเย็น ซง่ึ กนั ระหว่ำงภำคกลำงกบั ภำค ตะวันออกเฉียงเหนอื ทวิ เขำสันกำแพงและทวิ เขำพนมดงรัก กนั อำณำเขตระหว่ำงไทยกบั กัมพูชำและ ลำว พืนดนิ ส่วนใหญ่เป็นดินปนทรำย ไมอ่ ุ้มนำ จงึ ทำให้ภำคนแี ห้งแลง้ ไมเ่ หมำะกับกำรเพำะปลูก แม่นำ ในภำคนสี ว่ นใหญไ่ หลลงสู่แม่นำโขง เชน่ แมน่ ำชี แมน่ ำมูล เปน็ ต้น บริเวณทร่ี ำบลุม่ แม่นำจึงทำใหเ้ กษตรกรรมไดเ้ ป็นบริเวณกวำ้ ง
32 ลักษณะภมู ิอากาศ ฤดหู นำวอำกำศหนำวจดั ฤดรู ้อนจะรอ้ นจดั และแหง้ แล้ง ฤดูฝนมกั จะพบปญั หำ ฝนทงิ ชว่ งอยู่เสมอ บำงพืนท่ีมภี ูเขำกันฝนไว้จึงทำใหฝ้ นตกน้อย ๓. ภาคกลาง ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ ส่วนใหญเ่ ปน็ ทีร่ ำบลุ่มทเี่ กดิ จำกกำรทับถมของเศษหิน เศษดิน กรวด ทรำย และตะกอน มีแมน่ ำสำคญั ไหลผำ่ นหลำยสำยเช่น แม่นำเจ้ำพระยำ แม่นำท่ำจนี แมน่ ำสะแก กรงั แม่นำลพบุรี แม่นำป่ำสกั เปน็ ตน้ จงึ ทำใหพ้ ืนดนิ บริเวณนมี คี วำมอุดมสมบูรณ์ จงึ เหมำะแกก่ ำรทำ เกษตรกรรม ลักษณะภมู ิอากาศ ในฤดูฝนมฝี นตกชุก ฤดหู นำวจะไม่หนำวเย็นเท่ำภำคเหนอื หรือภำค ตะวันออกเฉยี งเหนอื สว่ นในฤดูรอ้ นอำกำศจะไมร่ ้อนจดั เพรำะมีลมทะเลช่วย ๔. ภาคตะวนั ออก ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ เปน็ ทวิ เขำ มีท่ีรำบลูกฟกู สลับกับเนินเขำเตีย ๆ และชำยฝ่งั ทะเลท่ีมีควำม สวยงำม มแี ม่นำไหลผำ่ นจำกด้ำนเหนือไปใต้ เชน่ แม่นำจนั ทบรุ ี แมน่ ำระยอง เป็นต้น ลักษณะภูมอิ ากาศ มอี ำกำศคอ่ นขำ้ งรอ้ น ฝนตกชุก แตไ่ ด้รบั อิทธิพลของลมทะเล จึงทำให้ อำกำศในฤดูร้อนไม่รอ้ นจัด และอำกำศในฤดหู นำวไมห่ นำวจดั แตจ่ ะมีอำกำศเยน็ สบำย ๕. ภาคตะวันตก ลักษณะภมู ปิ ระเทศ ทำงด้ำนตะวันตกเป็นทวิ เขำสลบั กบั หุบเขำแคบ ๆ และลำดตำ่ สทู่ ำงดำ้ น ตะวันออก ทิวเขำสำคญั คือ ทวิ เขำถนนธงชยั ทิวเขำตะนำวศรี และแม่นำสำละวิน กันพรมแดนระหวำ่ งประเทศไทยกับพม่ำ แมน่ ำสำยสำคญั ได้แก่ แม่นำแมก่ ลอง ซงึ่ รบั นำจำกแม่นำแคว ใหญ่ และแม่นำแควนอ้ ย ลักษณะภูมิอากาศ ทำงตอนเหนือของภำคมีอำกำศรอ้ นอบอ้ำว ทำงตอนใต้จะไมร่ อ้ นจดั เพรำะมี ลมมรสมุ พดั ผ่ำน มีฝนตกชุก ฤดูหนำวทำงตอนบนของภำคอำกำศจะหนำว แตท่ ำงตอนลำ่ งของภำค อำกำศจะไมห่ นำวมำก ๖. ภาคใต้ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ เป็นชำยฝ่ังทะเลด้ำนอำ่ วไทย และชำยฝงั่ ด้ำนทะเลอนั ดำมัน มที วิ เขำอยู่ทำงตอนกลำงและมที ร่ี ำบทำงตะวันออกและทำงตะวันตก ทวิ เขำทีส่ ำคญั คือ ทวิ เขำภูเก็ต ทิว เขำนครศรีธรรมรำชและทวิ เขำสันกำลำคีรี ซ่ึงกนั พรมแดนระหว่ำงประเทศไทยกับประเทศมำเลเซีย แม่นำ ทำงภำคใตจ้ ะเป็นแม่นำสำยสัน ๆ เชน่ แม่นำตำปี แม่นำปัตตำนี เปน็ ต้น ภำคใต้เป็นภำคท่มี ชี ำยฝ่งั ทะเลยำวท่ีสุดในประเทศไทย
33 ลักษณะภมู อิ ากาศ เนอื่ งจำกลักษณะภูมปิ ระเทศมีทะเลขนำบทัง 2 ดำ้ น ทำใหไ้ ดร้ บั ลมทะเล มี ควำมชุ่มชืน ฝนตกชุกตลอดปี มีฤดทู ี่เดน่ ชดั เพยี ง 2 ฤดู คอื ฤดูฝนและฤดูรอ้ น สว่ นฤดรู ้อนอำกำศไม่รอ้ น จดั เพรำะไดร้ บั ลมทะเลจำกทงั สองฝัง่ ทะเล http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/2๑๑2-๐๐/ ภาพประกอบการนาเข้าสบู่ ทเรยี น เกาะปันหยี จงั หวัดพงั งา เกาะปันหยี จังหวดั พงั งา สะพานแม่น้าแคว จังหวดั กาญจนบุรี
34 ภาพประกอบการนาเขา้ สบู่ ทเรยี น บึงบอระเพ็ด จงั หวัดนครสวรรค์ บงึ บอระเพ็ด จงั หวัดนครสวรรค์ แมน่ ้าแควน้อย จังหวดั กาญจนบรุ ี
35 เฉลย ใบงานท่ี ๐๑ ลกั ษณะภมู ลิ ักษณ์ คาชีแ้ จง ๑ . ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ ๕ – ๖ คน แล้วศึกษำใบควำมรู้ เร่ือง ภูมิลักษณ์ ของภำคตำ่ งๆ ๒. ให้นกั เรยี นตอบคำถำมท่กี ำหนดต่อไปนี ๓. นำเสนอผลงำนหน้ำชนั เรียน ๑. ลกั ษณะภูมิลกั ษณข์ องภำคตะวันออกเฉียงเหนือ มีลกั ษณะอย่ำงไร มลี กั ษณะเปน็ แอง่ ทร่ี าบขนาดใหญท่ างตอนกลาง คือ แอง่ โคราชและแอง่ สกลนคร ๒. ลักษณะภมู ิประเทศของภำคใต้และภำคเหนือ มีควำมแตกตำ่ งกันหรือไม่ อย่ำงไร มคี วามแตกต่างกัน โดยภาคใตม้ ลี กั ษณะเป็นทิวเขาและทีร่ าบชายฝ่งั ทะเลทงั้ ฝัง่ อา่ วไทย และฝ่ังอนั ดามนั ส่วนภาคเหนือมลี กั ษณะส่วนใหญ่เปน็ ภเู ขากระจายอยู่ทว่ั ทง้ั ภมู ิภาค ๓. แหลง่ นำท่สี ำคญั ในภำคเหนอื มอี ะไรบำ้ ง แหล่งน้าท่สี า้ คญั ในภาคเหนอื ได้แก่ แมน่ ้าปิง แม่น้าวัง แม่น้ายม แม่นา้ น่าน ๔. ลักษณะภูมิลักษณข์ องภูมภิ ำคใด ทมี่ คี วำมแตกต่ำงกนั อย่ำงเห็นไดช้ ดั ภาคตะวันออก คือ มีภมู ปิ ระเทศทแี่ ตกตา่ งอยา่ งชดั เจน ๓ ลกั ษณะ คอื ลกั ษณะเป็นทวิ เขา ที่ ราบลมุ่ แม่น้า และทีร่ าบชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะ
36 เฉลย ใบงานท่ี ๐๑ เรยี นรภู้ มู ิศาสตร์ ๑. พืนทท่ี ตี่ งั อยู่ใกล้กบั เสน้ ศูนยส์ ูตรจะมลี ักษณะภมู ิอำกำศอย่ำงไร และอยู่ในภมู ภิ ำคใด มีลักษณะภมู ิอากาศท่ีร้อนชน้ื และมฝี นตกชกุ ซง่ึ เปน็ ลักษณะภูมิอากาศทป่ี รากฏในภาคใต้ ๒. กำรประกอบอำชพี ของภำคตะวันออกเฉียงเหนือ มลี ักษณะอย่ำงไร อาชีพหลกั คอื อาชีพเกษตรกรรม ซึง่ สว่ นใหญม่ กั จะประสบปัญหาแห้งแล้ง ท้าการเพาะปลูก ได้ผลผลติ น้อย ๓. ลักษณะนสิ ยั ทเ่ี ดน่ ชัดและเป็นเอกลักษณข์ องคนในภำคใต้ มีลักษณะอย่ำงไร มลี กั ษณะนสิ ัยที่เข้มแข็ง อดทน ส้าเนยี งภาษาจะมีลกั ษณะหว้ นสั้น และเร็ว ๔. เหตุใดภำคเหนือจึงจดั ได้วำ่ เป็นภูมภิ ำคท่ีมีภูมปิ ระเทศสวยงำม เพราะ เปน็ พืน้ ทท่ี ี่มภี เู ขาสงู สลับกบั ทร่ี าบระหวา่ งหบุ เขา และมีปา่ ไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ท้าให้อากาศเย็น เป็นปจั จัยสา้ คญั ทเี่ อื้อให้ภูมิประเทศมีความสวยงาม ๕. ภำคใดของประเทศไทยจัดว่ำมีประชำกรอำศัยอยู่อย่ำงหนำแน่น เพรำะเหตุใด ภาคกลาง มีประชากรอาศัยอยู่อยา่ งหนาแน่น เพราะเป็นพื้นทที่ เ่ี ป็นศูนยก์ ลางของกิจกรรมต่างๆ
37 ใบความรู้สาหรับนักเรียน ลักษณะทางกายภาพกับการดารงชีวติ ลกั ษณะทางกายภาพกบั การดารงชีวิตของผู้คนในภมู ภิ าคตา่ งๆ ของประเทศไทย จำกกำรท่ีประเทศไทยมีสภำพภูมิประเทศ ภมู อิ ำกำศ และทรัพยำกรธรรมชำตทิ ่ีแตกต่ำงกนั ออกไป ในแต่ละภำค จึงมีควำมแตกต่ำงกนั ในกำรดำรงชีวติ ของประชำกรทังดำ้ นวัฒนธรรม ประเพณี และกำร ประกอบอำชพี ดังนี ๑. ภาคเหนอื สืบเนอ่ื งจำกพืนท่ภี ำคเหนอื สว่ นใหญ่เป็นเทอื กเขำสงู สลบั ซับซอ้ นทอดตวั ในแนว เหนอื ใต้ พนื ที่ระหว่ำงหุบเขำเปน็ ที่รำบแคบๆ และมแี มน่ ำไหลผ่ำน จึงเปน็ พนื ทีท่ ่ีเหมำะสมตอ่ กำรตงั ถ่นิ ฐำน และทำกำรเกษตร แต่เนื่องจำกกำรคมนำคมไมส่ ะดวกจงึ ทำใหช้ ุมชนของภำคเหนือพฒั นำค่อนขำ้ งอิสระ สร้ำงสงั คมขนึ มำตำมแนวคิดควำมเชื่อของตน ชมุ ชน และหมบู่ ้ำน นยิ มควำมเรยี บงำ่ ย ใฝ่สันติ ชว่ ยเหลือ แบง่ ปัน ไม่เอำเปรยี บกัน และมีหลำยกจิ กรรมเกย่ี วขอ้ งสัมพันธก์ บั กำรพ่งึ พำธรรมชำติและเพื่อนบ้ำนร่วม ชุมชนหมู่บำ้ นใกลเ้ คียง เช่น กำรใช้ระบบเหมืองฝำย เพอื่ กำรแบ่งปันนำอยำ่ งยุติธรรม และเพ่ือควำมรว่ มมอื จดั กำรระบบนิเวศระหวำ่ งชมุ ชนและหมบู่ ้ำนต่ำงๆ นอกจำกนยี ังมคี วำมเช่ือผีแห่งธรรมชำติ (ผเี หมือง ผีฝำย ผีหว้ ยหรอื ผีขนุ นำ เปน็ ผที ี่เฝ้ำดูแลใหน้ ำแก่ไรน่ ำ เน่อื งจำกภำคเหนอื อำศยั นำจำกตน้ นำบนภเู ขำมำใชใ้ น หมู่บ้ำนและชมุ ชน) ควำมเชอ่ื ดังกลำ่ วเปน็ ผลใหช้ ำวบ้ำนต้องละเว้นกำรเข้ำไปทำลำยต้นไมแ้ ละสง่ิ แวดลอ้ มใน ป่ำ บริเวณเหมอื ง ฝำย นอกจำกนรี ะหว่ำงหมบู่ ้ำนกับหม่บู ำ้ นยังมีกำรประกอบประเพณี พิธีกำรต่ำงๆ เพอ่ื เป็นกำรสืบทอดวัฒนธรรม ๒. ภาคใต้ เนอื่ งจำกลกั ษณะของพืนทีข่ องภำคใตเ้ ปน็ คำบสมุทร ทำให้บำงพนื ท่ีในภำคใต้เป็นเมือง ท่ำและเปน็ ศูนยก์ ลำงกำรแลกเปลี่ยนในอดตี เชน่ เมืองตะกั่วปำ่ สงขลำ ตรัง นครศรธี รรมรำช ประกอบกับ ชุมชนของภำคใตใ้ ช้เส้นทำงทะเลติดต่อกับโลกภำยนอก จงึ ทำให้ชุมชนของภำคใต้มีควำมสัมพนั ธ์ใกลช้ ิดกัน มกี ำรติดต่อพ่งึ พำอำศัยและแลกเปลีย่ นผลผลิตกัน เชน่ ชมุ ชนทอี่ ยู่ในบรเิ วณเทือกเขำตอนใน จะเดนิ ทำงตำม ลำนำเพื่อนำสนิ คำ้ มำแลกเปล่ยี นกับชุมชนท่ีอยู่อำศัยตำมชำยฝ่งั ทะเลและปำกแมน่ ำ สินคำ้ ท่ีแลกเปล่ียนกนั เชน่ ผลไม้ ของป่ำ สมุนไพร ฟนื ยำงไม้ ข้ำว เกลือ กะปิ กุง้ แห้ง ปลำ เปน็ ต้น ดังนันชุมชนในภำคใตจ้ ึงแบ่งได้ เปน็ ๓ สว่ น คือ ชำวเหนือคอื ชมุ ชนท่อี ยตู่ ำมหบุ เขำและเทอื กเขำของคำบสมุทร ชำวเลคือชมุ ชนที่อย่ตู ำม ปำกแม่นำและชำยฝัง่ ทะเล และชำวทงุ่ หรอื ชำวนำคือชุมชนที่อยอู่ ำศัยบริเวณท่รี ำบชำยฝ่ังทะเลและที่รำบ เชงิ เขำ ควำมสมั พนั ธ์ที่ได้พบปะพดู คุยแลกเปลยี่ นสินคำ้ ทำให้เกดิ ควำมรักใคร่พวกพ้อง รกั ถิน่ และทรพั ยำกร ของตนเอง เช่น ชำวบ้ำนคีรีวง อำเภอลำนสกำ จังหวัดนครศรธี รรมรำช มปี ระสบกำรณ์ท่ีพบกบั อุทกภยั และ
38 วำตภยั หลำยตอ่ หลำยครงั ทำใหช้ ุมชนตอ้ งรักษำสภำพธรรมชำตขิ องป่ำไว้เพือ่ รกั ษำสมดลุ ของระบบนเิ วศ ด้วยกำรทำสวนผลไมผ้ สมผสำนกับปำ่ ดบิ สว่ นศลิ ปวัฒนธรรมก็มคี วำมสมั พนั ธ์กับชำวคำบสมุทรมลำยู เช่น กำรละเลน่ โนรำ หนังตะลุง เปน็ ตน้ ๓. ภาคกลาง เน่อื งจำกภำคกลำงมพี นื ที่เปน็ ท่รี ำบลมุ่ ใกล้แมน่ ำ คนในภำคกลำงจึงนยิ มสรำ้ งบำ้ น ใตถ้ ุนสูงเพือ่ ป้องกันนำทว่ ม ประชำชนจึงมีวถิ ีชวี ติ สัมพันธก์ บั นำ และมีประเพณเี กยี่ วขอ้ งกับนำ เช่น ประเพณีแข่งเรอื จังหวัดพิจิตร นอกจำกนียังมีประเพณเี กย่ี วกบั พระพทุ ธศำสนำ เชน่ ประเพณตี กั บำตร ดอกไม้ จงั หวดั สระบุรี ส่วนภำษำจะมีสำเนียงใกล้เคียงกบั ภำษำทำงรำชกำร ลักษณะกำรแต่งกำยก็จะนิยมใช้ ผ้ำฝำ้ ยสเี ข้ม ซึง่ ระบำยควำมร้อนไดด้ ี ในภำคนีจงึ เป็นศนู ยก์ ลำงของวัตถดุ ิบกำรตลำด กำรคมนำคมขนสง่ และ ภูมิประเทศเปน็ ที่รำบ ซ่ึงก็เป็นปจั จัยสง่ เสรมิ กำรอตุ สำหกรรม จึงทำใหภ้ ำคกลำงเปน็ ภำคทม่ี กี ำร อุตสำหกรรมมำกทส่ี ุดในประเทศ ๔. ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ เป็นภำคท่มี พี ืนท่ีใหญท่ ี่สุด แต่สภำพแวดลอ้ มไมค่ ่อยอดุ มสมบูรณ์ จึงไม่ เอืออำนวยต่อกำรประกอบอำชีพ โดยเฉพำะฤดูแล้งจะขำดแคลนนำเพื่ออปุ โภคบรโิ ภคอยเู่ สมอ อีกทังยงั ประสบปญั หำดินเค็ม แต่ประชำชนในภำคนกี ็พยำยำมปรับตัวให้เขำ้ กับสภำพแวดล้อม โดยกำรประกอบ อำชพี เกษตรกรรม เลยี งสัตว์ ปลกู ขำ้ วไวบ้ ริโภคในครวั เรือน หรือปลกู พชื ทนแลง้ เชน่ ขำ้ วโพด มนั สำปะหลงั ออ้ ย ปอ เปน็ ตน้ ในสว่ นท่ีอยู่อำศัยส่วนใหญจ่ ะปลูกบ้ำนใตถ้ นุ สูง เพ่ือใหล้ มพดั ผำ่ น และมพี นื ทีใ่ นกำรทำ กจิ กรรมต่ำงๆ เชน่ ทอผ้ำ เก็บเครื่องมือกำรเกษตร หรอื ใช้เปน็ ทีเ่ ลียงสัตว์ ๕. ภาคตะวนั ออก ภมู ิประเทศส่วนใหญ่จะเป็นเนนิ เขำ สลบั กับทีส่ งู ซ่ึงลำดเอียงลงสู่อ่ำวไทย ส่วน ทรี่ ำบมอี ยูบ่ ้ำง ได้แก่ ท่ีรำบเชิงเขำ ท่ีรำบลมุ่ แม่นำ และทร่ี ำบชำยฝั่งทะเล แต่เปน็ บรเิ วณแคบๆ และมี ภมู ิอำกำศรอ้ นและฝนตกชกุ ทำใหภ้ ำคนเี หมำะแกก่ ำรประกอบอำชีพประมง กำรทำเหมืองแร่รัตนชำติ เชน่ ไพลิน บุษรำคัม ทับทมิ เป็นตน้ และเนอ่ื งจำกคนในภำคนนี ิยมตังถิ่นฐำนอยู่ตำมที่รำบชำยฝงั่ จึงมกี ำรนำ อำหำรทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู ปลำ เปน็ ต้น มำรับประทำนและแปรรูปอำหำร ๖. ภาคตะวนั ตก มีภูมปิ ระเทศเป็นภูเขำซ่ึงเปน็ แหล่งทรพั ยำกรธรรมชำติ เชน่ แร่ธำตุ ปำ่ ไม้ และ ต้นนำลำธำร จึงไมเ่ หมำะกบั อำชพี เกษตรกรรม แต่ดว้ ยมีกำรสร้ำงเข่ือนในเขตภเู ขำและระบบชลประทำนท่ี ค่อนข้ำงทั่วถึง จงึ ทำให้ประชำชนในภมู ิภำคนีสำมำรถใชน้ ำในระบบชลประทำนเข้ำชว่ ยได้มำก แตผ่ ลผลิตท่ี ไดใ้ นแตล่ ะปีไม่มำกนัก พืชสำคญั ได้แก่ ข้ำว ออ้ ย สับปะรด และมนั สำปะหลงั http://www.maceducation.com/e-knowledge/๒๓๖๓๑๐๔๑๐๐/๐๕.htm
บ ๕.๒ /ผ.๓ – ๐๑ คาช้ีแจง ใบงานที่ ๐๑ เร่ือง แผนผังความคิด ๑. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ ออกเป็น ๓ กลมุ่ จับฉลำกศกึ ษำจำกใบควำมรู้ ตำมประเดน็ ตอ่ ไปนี กลุ่มท่ี ๑ ศึกษำเรือ่ ง สภำพแวดล้อมทำงกำยภำพกับกำรประกอบอำชีพ กลุ่มท่ี ๒ ศกึ ษำเร่อื ง สภำพแวดล้อมทำงกำยภำพกับลักษณะทอี่ ยอู่ ำศยั กลมุ่ ท่ี ๓ ศึกษำเร่ือง สภำพแวดล้อมทำงกำยภำพกบั กำรบริโภค ๒. สรุปควำมร้เู ปน็ แผนผังควำมคิด ๓. ตวั แทนนำเสนอผลงำนหน้ำชนั เรื่อง................................................................................................ ชอื่ กล่มุ ................................................. สมำชกิ ๑. ชือ่ .............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท่.ี .............. ๒. ชอื่ .............................................สกุล.............................................ชนั ...............เลขท.่ี .............. ๓. ช่ือ.............................................สกุล.............................................ชัน...............เลขท.่ี .............. ๔. ช่ือ.............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท.่ี ..............
บ ๕.๒ /ผ.๓ – ๐๒ ใบงานที่ ๐๒ ความสมั พนั ธ์ของทรพั ยากรธรรมชาตกิ ับคนในจงั หวัด คาชแี้ จง ๑. ใหน้ ักเรียนอธบิ ำยควำมสัมพนั ธข์ องทรพั ยำกรธรรมชำติกบั คนในจงั หวัด ตำมหัวข้อ ที่กำหนดให้ ๒. พรอ้ มวำดภำพหรือตดิ ภำพประกอบ นำ ........................................................................... ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. (ภำพแหลง่ นำ) ปำ่ ไม้ ....................................................................... ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................ ๑. ชอื่ .............................................สกุล.............................................ชัน...............เลขที่............... ๒. ชอื่ .............................................สกุล.............................................ชนั ...............เลขท่.ี ..............
บ ๕.๒ /ผ.๓ – ๐๓ ใบงานที่ ๐๓ การปรับตวั เขา้ กับสภาพแวดลอ้ มของมนุษย์ คาชี้แจง ๑. ใหน้ ักเรียนวำดภำพอำหำรของคนในชมุ ชน และระบำยสีตกแตง่ ใหส้ วยงำม ช่อื .................................................สกุล.................................................ชัน...............เลขที่...............
ใบความรสู้ าหรับนกั เรยี น ลกั ษณะทางกายภาพกับการดารงชีวิตของผูค้ นในภมู ิภาคต่างๆ ของประเทศไทย จำกกำรทป่ี ระเทศไทยมสี ภำพภมู ิประเทศ ภมู ิอำกำศ และทรพั ยำกรธรรมชำติท่ีแตกต่ำงกันออกไปในแตล่ ะภำค จงึ มีควำมแตกต่ำงกันในกำรดำรงชีวิตของประชำกรทังด้ำนวฒั นธรรม ประเพณี และกำรประกอบอำชีพ ดังนี ๑. ภาคเหนือ สบื เนื่องจำกพนื ท่ีภำคเหนอื ส่วนใหญ่เปน็ เทือกเขำสงู สลับซบั ซ้อนทอดตวั ในแนวเหนือใต้ พืนทีร่ ะหวำ่ ง หุบเขำเปน็ ทร่ี ำบแคบๆ และมีแม่นำไหลผำ่ น จงึ เปน็ พนื ท่ที เี่ หมำะสมต่อกำรตงั ถ่ินฐำนและทำกำรเกษตร แต่เนื่องจำกกำร คมนำคมไมส่ ะดวกจงึ ทำใหช้ มุ ชนของภำคเหนือพัฒนำคอ่ นขำ้ งอิสระ สร้ำงสังคมขึนมำตำมแนวคิดควำมเชื่อของตน ชมุ ชน และหม่บู ้ำน นิยมควำมเรยี บง่ำย ใฝ่สนั ติ ช่วยเหลอื แบ่งปัน ไม่เอำเปรียบกนั และมีหลำยกจิ กรรมเกี่ยวขอ้ งสัมพันธก์ ับกำร พง่ึ พำธรรมชำติและเพือ่ นบ้ำนร่วมชมุ ชนหม่บู ้ำนใกล้เคยี ง เช่น กำรใช้ระบบเหมืองฝำย เพอ่ื กำรแบง่ ปันนำอยำ่ งยุตธิ รรม และเพ่ือควำมร่วมมอื จัดกำรระบบนเิ วศระหวำ่ งชมุ ชนและหมบู่ ำ้ นต่ำงๆ นอกจำกนียงั มีควำมเช่ือผีแห่งธรรมชำติ (ผีเหมอื ง ผีฝำย ผหี ้วยหรอื ผขี นุ นำ เป็นผที เ่ี ฝ้ำดแู ลให้นำแก่ไรน่ ำ เนื่องจำกภำคเหนืออำศัยนำจำกต้นนำบนภูเขำมำใช้ในหมู่บ้ำนและ ชมุ ชน) ควำมเชอ่ื ดงั กลำ่ วเปน็ ผลใหช้ ำวบำ้ นต้องละเว้นกำรเขำ้ ไปทำลำยตน้ ไมแ้ ละส่ิงแวดล้อมในปำ่ บรเิ วณเหมือง ฝำย นอกจำกนรี ะหว่ำงหมบู่ ้ำนกบั หมู่บ้ำนยังมกี ำรประกอบประเพณี พิธีกำรตำ่ งๆ เพ่ือเป็นกำรสืบทอดวฒั นธรรม
๒. ภาคใต้ เนอื่ งจำกลักษณะของพืนท่ีของภำคใต้เป็นคำบสมุทร ทำให้บำงพืนที่ในภำคใต้เปน็ เมอื งท่ำและเป็น ศนู ยก์ ลำงกำรแลกเปล่ยี นในอดีต เช่น เมืองตะกัว่ ปำ่ สงขลำ ตรัง นครศรธี รรมรำช ประกอบกบั ชุมชนของภำคใตใ้ ช้ เส้นทำงทะเลติดตอ่ กับต่ำงประเทศ จงึ ทำใหช้ มุ ชนของภำคใต้มีควำมสมั พันธใ์ กล้ชิดกัน มีกำรตดิ ต่อพ่งึ พำอำศยั และ แลกเปลยี่ นผลผลติ กัน เชน่ ชมุ ชนท่อี ยู่ในบรเิ วณเทอื กเขำตอนใน จะเดินทำงตำมลำนำเพื่อนำสนิ คำ้ มำแลกเปล่ยี นกบั ชมุ ชนท่อี ยอู่ ำศยั ตำมชำยฝ่ังทะเลและปำกแมน่ ำ สินคำ้ ที่แลกเปล่ียนกนั เชน่ ผลไม้ ของป่ำ สมุนไพร ฟนื ยำงไม้ ข้ำว เกลือ กะปิ กุ้งแหง้ ปลำ เปน็ ต้น ดงั นนั ชมุ ชนในภำคใตจ้ ึงแบง่ ได้เปน็ ๓ สว่ น คือ ชำวเหนือคอื ชุมชนทีอ่ ยู่ตำมหุบเขำและ เทอื กเขำของคำบสมทุ ร ชำวเลคอื ชุมชนทีอ่ ยู่ตำมปำกแมน่ ำและชำยฝ่งั ทะเล และชำวทงุ่ หรือชำวนำคือชุมชนที่อยูอ่ ำศัย บริเวณทร่ี ำบชำยฝั่งทะเลและที่รำบเชงิ เขำ ควำมสัมพันธท์ ่ีไดพ้ บปะพดู คุยแลกเปล่ียนสินคำ้ ทำใหเ้ กิดควำมรักใคร่พวกพอ้ ง รกั ถิ่น และทรัพยำกรของตนเอง เชน่ ชำวบ้ำนครี วี ง อำเภอลำนสกำ จังหวัดนครศรธี รรมรำช มปี ระสบกำรณ์ท่พี บกบั อุทกภยั และวำตภัยหลำยต่อหลำยครัง ทำใหช้ มุ ชนตอ้ งรกั ษำสภำพธรรมชำตขิ องป่ำไว้เพื่อรักษำสมดลุ ของระบบนิเวศดว้ ย กำรทำสวนผลไมผ้ สมผสำนกับปำ่ ดิบ ส่วนศิลปวฒั นธรรมกม็ คี วำมสัมพันธก์ ับชำวคำบสมุทรมลำยู เช่น กำรละเล่นโนรำ หนังตะลุง เปน็ ต้น
๓. ภาคกลาง เน่อื งจำกภำคกลำงมีพนื ที่เป็นทร่ี ำบลมุ่ ใกล้แมน่ ำ คนในภำคกลำงจงึ นิยมสรำ้ งบำ้ นใต้ถุนสูงเพ่ือ ป้องกนั นำท่วม ประชำชนจงึ มวี ถิ ีชีวติ สัมพนั ธก์ ับนำ และมีประเพณเี กี่ยวข้องกับนำ เช่น ประเพณแี ข่งเรอื จงั หวดั พิจิตร นอกจำกนียังมีประเพณเี ก่ยี วกบั พระพุทธศำสนำ เชน่ ประเพณีตักบำตรดอกไม้ จังหวัดสระบรุ ี สว่ นภำษำจะมสี ำเนียง ใกล้เคียงกับภำษำทำงรำชกำร ลักษณะกำรแต่งกำยกจ็ ะนยิ มใช้ผ้ำฝำ้ ยสีเขม้ ซึ่งระบำยควำมร้อนได้ดี ในภำคนีจึงเป็น ศนู ยก์ ลำงของวัตถุดิบกำรตลำด กำรคมนำคมขนส่งและภมู ิประเทศเป็นที่รำบ ซึ่งกเ็ ปน็ ปัจจยั สง่ เสริมกำรอตุ สำหกรรม จงึ ทำให้ภำคกลำงเป็นภำคที่มีกำรอตุ สำหกรรมมำกทีส่ ดุ ในประเทศ
๔. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นภำคที่มีพืนที่ใหญ่ที่สุด แต่สภำพแวดล้อมไมค่ ่อยอุดมสมบูรณ์ จึงไม่เอืออำนวย ต่อกำรประกอบอำชีพ โดยเฉพำะฤดูแล้งจะขำดแคลนนำเพ่ืออุปโภคบริโภคอยู่เสมอ อีกทังยังประสบปัญหำดินเค็ม แต่ ประชำชนในภำคนีก็พยำยำมปรับตัวให้เข้ำกับสภำพแวดล้อม โดยกำรประกอบอำชีพเกษตรกรรม เลียงสัตว์ ปลูกข้ำวไว้ บริโภคในครัวเรือน หรือปลูกพืชทนแล้ง เช่น ข้ำวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ปอ เป็นต้น ในส่วนท่ีอยู่อำศัยส่วนใหญ่จะปลูก บำ้ นใต้ถุนสูง เพ่ือให้ลมพัดผำ่ น และมีพืนทใ่ี นกำรทำกิจกรรมต่ำงๆ เชน่ ทอผ้ำ เก็บเคร่อื งมอื กำรเกษตร หรือใช้เป็นที่เลียง สัตว์ ๕. ภาคตะวนั ออก ภมู ปิ ระเทศสว่ นใหญ่จะเปน็ เนินเขำ สลบั กบั ทีส่ งู ซ่ึงลำดเอียงลงสู่อำ่ วไทย สว่ นทีร่ ำบ มีอยบู่ ำ้ ง ได้แก่ ทีร่ ำบเชงิ เขำ ท่รี ำบลุม่ แม่นำ และทร่ี ำบชำยฝั่งทะเล แตเ่ ปน็ บรเิ วณแคบๆ และมีภมู ิอำกำศร้อน และฝนตกชุก ทำให้ภำคนีเหมำะแก่กำรประกอบอำชพี ประมง กำรทำเหมืองแร่รัตนชำติ เช่น ไพลิน บษุ รำคัม ทบั ทิม เป็นตน้ และเนื่องจำกคนในภำคนนี ยิ มตังถิน่ ฐำนอยู่ตำมท่รี ำบชำยฝ่งั จึงมีกำรนำอำหำรทะเล เช่น กุ้ง
หอย ปู ปลำ เปน็ ต้น มำรบั ประทำนและแปรรปู อำหำร ๖. ภาคตะวนั ตก มีภูมิประเทศเป็นภเู ขำซึ่งเป็นแหลง่ ทรพั ยำกรธรรมชำติ เช่น แรธ่ ำตุ ป่ำไม้ และต้นนำลำธำร จึงไมเ่ หมำะ กับอำชีพเกษตรกรรม แต่ดว้ ยมีกำรสรำ้ งเข่ือนในเขตภเู ขำและระบบชลประทำนทีค่ ่อนข้ำงทั่วถงึ จงึ ทำใหป้ ระชำชนใน ภมู ภิ ำคนีสำมำรถใชน้ ำในระบบชลประทำนเข้ำชว่ ยได้มำก แตผ่ ลผลติ ทไ่ี ด้ในแต่ละปีไมม่ ำกนัก พืชสำคัญ ไดแ้ ก่ ข้ำว อ้อย สับปะรด และมนั สำปะหลงั
แหล่งทม่ี ำ http://www.maceducation.com/e-knowledge/๒๓๖๓๑๐๔๑๐๐/๐๕.htm บริษัท สำนกั พิมพ์แม็ค จำกัด ๙/๙๙ ซอยลำดพรำ้ ว ๓๘ แขวงจันทรเกษม เขตจตจุ ักร กทม. ๑๐๙๐๐ Tel. (๐๒) ๙๓๘- ๒๐๒๒-๗ FAX: (๐๒) ๙๓๘-๒๐
ใบงานท่ี ๐๑ บ ๕.๒ / ผ.๔– ๐๑ การตง้ั ถิน่ ฐานของประชากร คาช้แี จง ๑. ใหน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ คละชนั แต่ละศกึ ษำใบควำมรู้เรือ่ ง “กำรตงั ถน่ิ ฐำนของประชำกร ในภูมิภำคตำ่ ง ๆ” ๒. สรุปควำมรู้เปน็ แผนผงั ควำมคดิ ๓. ตวั แทนนำเสนอผลงำนหน้ำชัน เรอ่ื ง...................................... ชื่อกล่มุ ................................................. สมำชกิ กล่มุ ๑. ชอ่ื .............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท.่ี .............. ๒. ช่อื .............................................สกุล.............................................ชนั ...............เลขท.่ี .............. ๓. ชือ่ .............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขที่............... ๔. ชื่อ.............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขที.่ ..............
บ ๕.๒ / ผ.๔– ๐๒ ใบงานท่ี ๐๒ การย้ายถิ่นฐาน คาชแี้ จง ๑. ให้นักเรียนศึกษำใบควำมรเู้ รือ่ ง “กำรย้ำยถิ่นฐำนของประชำกร” ๒. ให้นกั ร่วมกันสรปุ ปัจจัยท่มี อี ทิ ธพิ ลตอ่ กำรย้ำยถิ่นฐำนของประชำกร และผลกระทบที่เกดิ จำกกำรย้ำยถนิ่ ฐำน ปจั จัยที่มีอิทธพิ ลต่อการย้ายถิ่นฐาน ผลกระทบท่เี กิดจากการยา้ ยถิ่นฐาน ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ๑. ช่อื .............................................สกลุ .............................................ชนั ...............เลขท่.ี .............. ๒. ชื่อ.............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท่ี............... ๓. ชอ่ื .............................................สกลุ .............................................ชัน...............เลขท.่ี .............. ๔ ชอ่ื .............................................สกุล.............................................ชัน...............เลขที.่ ..............
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229