การผ่าตัดครัง้ นี้ เม่อื มปี ระสบการณผ์ ่านมาเพยี งไมก่ ีเ่ ดอื น ผมก็ คาดการณ์ลว่ งหนา้ ไดแ้ จ่มชดั เราจะหลับไป ทีมแพทย์จะผ่าตดั ทีมวิสัญญีแพทย์จะคอยเฝ้าดูสัญญาณชีพของเรา จะมีท่อช่วย หายใจใสอ่ ยู่ เมอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารผา่ ตดั เสรจ็ สนิ้ ถา้ เรายงั หายใจดว้ ยตวั เองไม่ได้เต็มที่ เราก็จะได้ท่อช่วยหายใจน้ันช่วยปอดท�ำหน้าที่ หายใจเขา้ และออก ถา้ ทอ่ นนั้ ยงั คาอยู่ กย็ งั พดู ไมไ่ ด้ และพยาบาล จะมาชว่ ยดดู เสมหะออกจากหลอดลมเป็นระยะๆ ผมเดินเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัดครั้งหลังน้ีอย่างพร้อมท้ัง กายและใจ ตา่ งจากครง้ั แรกทเี่ ปน็ เหตกุ ารณฉ์ กุ เฉนิ ผมคาดการณ์ ทุกอย่างทอ่ี าจเกิดขนึ้ และพร้อมท่จี ะเผชญิ สงิ่ ส�ำคญั ทสี่ ดุ คอื ผม คดิ ทกุ อย่างในเชงิ บวก เพอ่ื ให้เกิด “ทัศนคตทิ ีด่ ”ี ต่อทุกสิง่ ทกุ อยา่ งท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการผา่ ตัดครัง้ น้ี ท้ังสถานที่ บุคลากร และ อปุ กรณเ์ ครอื่ งมือทุกชิ้น ผมม่ันใจว่า การผ่าตัดครั้งนี้กระท�ำขึ้นเพื่อจะช่วยให้ผมมีชีวิต ทด่ี ขี น้ึ ปอดขา้ งขวาของผมจะมพี นื้ ทขี่ ยายตวั มากขน้ึ ผมจะหายใจ ไดโ้ ล่งขน้ึ อย่างแนน่ อน หลงั จากการผา่ ตดั ผมมีบุญที่ได้เข้ารับการผ่าตัดในโรงพยาบาลรามาธิบดีท่ีมีช่ือเสียง เปน็ โรงพยาบาลชั้นน�ำของประเทศ พร้อมสรรพด้วยเครือ่ งมอื และ อปุ กรณก์ ารแพทยท์ ่ที นั สมยั 150
ผมโชคดีท่ีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทรวงอก คือ รอง ศาสตราจารย์ นายแพทยม์ ณเฑยี ร งดงามทวสี ขุ และ ผเู้ ชย่ี วชาญ การผ่าตัดนว่ิ คือ รองศาสตราจารย์ นายแพทยส์ าวิตร โฆษติ ชยั วฒั น์ รบั ชว่ ยกนั ผา่ ตดั ครง้ั นี้ (ผมขอกราบขอบพระคณุ อาจารย์ ทง้ั สอง และขอจดจ�ำพระคุณของทา่ นตลอดไป) ผมรู้สึกตัว และถูกน�ำเข้ามาอยู่ในห้องไอซียู โดยยังใส่ท่อช่วย หายใจอยู่ แตค่ ราวน้ผี มเตรียมใจไวพ้ รอ้ มแลว้ จึงไมร่ สู้ กึ ทรมาน แต่อยา่ งใด กลับรู้สกึ ว่าทอ่ นมี้ บี ุญคุณท่ีชว่ ยใหเ้ ราหายใจได้ ผม ทนการดดู เสมหะได้ เพราะร้วู า่ การทำ� เช่นนนั้ จะช่วยใหห้ ายใจได้ สะดวก ไม่ตดิ ขดั คราวนี้ ท่อช่วยหายใจยงั คาอยู่ในหลอดลมของ ผมอีกเพยี งคืนเดยี ว พอวันทส่ี อง ก็เอาท่อออกได้ ร่างกายของผมฟื้นสภาพจากการผา่ ตัดคราวหลงั นีเ้ ร็วมาก เพียง หน่ึงสัปดาห์หลังวันผ่าตัด ผมก็ออกจากโรงพยาบาลได้ในสภาพ เหมือนคนปกติ เหมือนเตรยี มตัวตาย การผ่าตัดครั้งน้ีท�ำให้ผมได้ข้อคิดเกี่ยวกับการเตรียมตัวเตรียมใจ พรอ้ มทจ่ี ะเผชญิ เหตกุ ารณส์ ำ� คญั ครงั้ สดุ ทา้ ยของชวี ติ “ความตาย” 151
เป็นสิ่งท่ีคนเราทุกคนไม่มีใครหลีกเล่ียงได้ แม้คนเราจะพยายาม ยืดชวี ิตให้ยนื ยาวออกไป แต่ในทสี่ ดุ แล้วย่อมหนีไม่พน้ ความตาย ผมได้คุยกับเพ่ือนวัยเดียวกันหลายคน พวกเรายอมรับความจริง ว่าทุกคนต้องตายไม่วันใดก็วันหนึ่ง ขณะน้ีพวกเรามีอายุ 60 กวา่ ปี จะมีอายุอยตู่ อ่ ไปโดยเฉลี่ยอีก 20 กวา่ ปี ดเู หมอื นพวกเรา จะเห็นพอ้ งกนั ว่าความตายนั้นไม่นา่ กลัว แตเ่ ร่อื งนา่ กลวั คือความ ทกุ ขท์ รมานดว้ ยโรคภยั ไขเ้ จบ็ กอ่ นตาย ทกุ คนไมอ่ ยากอยใู่ นสภาพ ทช่ี ว่ ยตวั เองไม่ได้ และเป็นภาระให้ผอู้ ื่นต้องดแู ล เราอยากหลบั และจากโลกน้ีไปด้วยอาการสงบ ไมเ่ จบ็ ปวดทรมานและยดื เยอื้ จะเป็นไปได้ไหมหนอที่เราจะเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมเผชิญกับ ความตายอย่างองอาจ เราควรเตรียมร่างกายให้สมบูรณ์ที่สุด ออกก�ำลังกาย เลือกกินอาหารที่มีคุณภาพตามหลักโภชนาการ ปรบั เปลยี่ นพฤติกรรมไมใ่ หเ้ สี่ยงมากนัก สิ่งท่ีส�ำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเตรียมกาย คือ การเตรียมใจ เราควรตระหนกั วา่ ความตายเปน็ ธรรมชาติ คนเราเกดิ มาแลว้ ยอ่ ม หลีกหนีความตายไม่พ้น ทุกคนต้องตาย เมื่อหลีกเล่ียงไม่ได้ เราจึงควรท�ำใจให้พร้อมเผชิญหน้ากับความตายโดยไม่หว่ันไหว เพ่ือนของผมคนหนึ่งบอกลูกๆ ก่อนสิ้นใจว่า “ไม่ต้องเสียใจ คดิ ว่าพ่อไปต่างประเทศ และจะไปอยทู่ ่นี ่นั นานสกั หนอ่ ย” คนที่ 152
ผมรู้จักหลายคนเขียนบันทึกข้อความที่แสดงว่าไม่เกรงกลัวความ ตายทกี่ �ำลงั มาเยอื น ผมกำ� ลังเตรียมกายและใจ เพื่อวนั สดุ ท้ายของชวี ิต ให้เหมอื นกับ ทไ่ี ด้เตรียมตัวกอ่ นเขา้ รับการผ่าตดั ครัง้ ล่าสดุ น้ี 153
๑๗เคยเลา่ เรอ่ื งน้ไี วเ้ ม่อื ตน้ ปี 2555 บ้านเมอื งในฝันเมอ่ื ยามแก่ ประชากรและการพัฒนา ปที ี่ 32 ฉบบั ท่ี 4 เมษายน-พฤษภาคม 2555
ฝันถงึ ยามแก่ ตง้ั ชื่อเรอ่ื งไวก้ ่อนที่จะลงมอื เขียนในวันนี้วา่ “บ้านเมอื งในฝนั เม่ือ ยามแก่” ผมต้ังใจที่จะเขียนว่า “เม่ือยามแก่” จริงๆ นะครับ ไมใ่ ชอ่ ยากจะเขยี นคำ� วา่ “ผสู้ งู อาย”ุ แลว้ เผลอไปเขยี นคำ� วา่ “แก”่ เดีย๋ วนี้ ผมเป็นผสู้ ูงอายุแล้วตามกฎหมายไทย แต่ผมยงั ไมค่ ดิ วา่ ตัวเองแก่ ไม่ใชเ่ พราะใจท่ไี ม่ยอมแก่ หรือยงั อยากเปน็ หนุ่ม แต่ ผมรู้สึกว่ากายของผมก็ยังไม่น่าจะเรียกว่าแก่ แม้ร่างกายของผม จะไม่เปล่งปล่ังสดใส ท่าทางเคลื่อนไหวจะไม่แคล่วคล่อง กระฉบั กระเฉง เหมอื นเมือ่ ยังเปน็ หนมุ่ แตท่ ง้ั กายและใจของผม กย็ ังไมเ่ ช่ืองชา้ งมุ่ งา่ ม และหลงลืมเหมอื นคนแก่ อยา่ งไรก็ตาม ผมตระหนกั ดวี า่ อกี ไมน่ านสงั ขารของตวั เองกจ็ ะเสอื่ มโทรมลงจน อยใู่ นสภาพที่เรยี กวา่ เปน็ คนแก่อยา่ งสมบรู ณ์ เมื่อสังขารของผมแก่จริงๆแล้ว ผมก็จะยอมรับว่าเป็นคนแก่ ไม่ต้องมาเรียกผมอยา่ งเอาใจว่าเปน็ ผู้สูงอายุหรือผมู้ ีวัยอาวุโส ผม คดิ ว่าอีกไม่นาน ถา้ ไมต่ ายเสียกอ่ น ยงิ่ เวลาผ่านไปรวดเรว็ อยา่ งที่ เป็นอยทู่ กุ วนั น้ี เผลออกี แผลบ็ เดยี ว ผมกจ็ ะแก่จรงิ ๆ แล้ว ก่อนจะแก่ ผมก็มีสิทธิที่จะฝนั ไวก้ ่อน อะไรๆ ที่เราอยากใหเ้ กดิ ข้นึ กับตัวเราหรอื สิ่งรอบๆ ตัวเรา เราก็คดิ ๆ ฝนั ๆ เอาไว้ ฝนั น้ัน จะเปน็ จรงิ หรือจะเปน็ เพยี งแค่ความฝนั ลมๆ แลง้ ๆ ย่อมข้ึนกบั 156
โชควาสนา และชะตาชวี ติ ในอนาคต ผมเดนิ ทางผา่ นชวี ติ มาคอ่ น ทางแล้ว เคยเปน็ ทารก เด็ก วยั รนุ่ เปน็ หนมุ่ เปน็ ผ้ใู หญ่ จน กลายเป็นผสู้ ูงอายุอยูใ่ นปัจจบุ นั ยงั ขาดอีกขัน้ ตอนเดียวท่ียังไม่ได้ เปน็ คอื เปน็ คนแก่ จากนั้น ผมกจ็ ะตาย ผมคงไมค่ วรต้องเสยี เวลาจนิ ตนาการวา่ ตายแลว้ จะไปไหน อยากจะเปน็ อยา่ งไร เพราะ ตายย่อมหมายความว่า “ไม่เปน็ ” อีกตอ่ ไป ดงั นน้ั ผมจงึ เหลอื อีกช่วงเดียวของชวี ติ ทผี่ มจะฝันอยากให้เป็นได้คือเมอื่ ยามแก่ ผมตั้งช่ือเร่ืองว่า “บ้านเมืองในฝันเมื่อยามแก่” ส�ำหรับค�ำว่า “บา้ นเมอื ง” นนั้ ผมขอแยกออกเปน็ สองค�ำ “บ้าน” คำ� หนึ่ง และ “เมือง” อีกค�ำหนึ่ง เพราะถ้าพูดค�ำว่าบ้านเมืองรวมกันก็จะมี ความหมายครอบคลมุ ทงั้ ประเทศ รวมท้ังการเมือง การปกครอง เศรษฐกจิ และสังคมด้วย แตผ่ มไมอ่ ยากฝันใหก้ วา้ งไกลถึงขนาด นนั้ ผมขอฝนั ถงึ บา้ นทอ่ี ยากจะอยเู่ มอื่ ยามแก่ และเมอื งทอี่ ยากจะ เห็นเมอื่ ตัวเองชรา แค่นัน้ ก็พอ บา้ นในฝนั เมอื่ แก่ ชวี ิตท่ผี า่ นมาค่อนทาง ท�ำให้ผมพอจะประมาณความต้องการของ ตัวเองได้ บา้ นท่ีผมอยู่ทกุ วันน้ี ผมใชพ้ น้ื ทไี่ ม่น่าจะถงึ หนึง่ ในย่สี บิ ของทม่ี อี ยู่ ผมลองนกึ ดู วนั ๆ หนงึ่ ผมจะเดนิ ไปตามทางทเี่ คยชนิ 157
จะนงั่ อยทู่ บ่ี างจดุ เปน็ ประจำ� รวมพนื้ ทใ่ี นบา้ นทใ่ี ชอ้ ยแู่ ลว้ กไ็ มม่ าก เลย ชีวติ แต่ละวนั วนเวียนอยูเ่ ฉพาะพื้นทีบ่ างแห่งในบา้ นเทา่ น้นั บา้ นในฝนั เมอ่ื ยามแกข่ องผมเปน็ หลงั เลก็ ๆ ตง้ั อยเู่ สมอื นเปน็ เรอื น บรวิ ารของบา้ นหลงั ใหญ่ ซงึ่ มพี น่ี อ้ งหรอื ลกู หลานทผี่ มพอจะพง่ึ ได้ เรอ่ื งอาหารการกิน ซกั เส้อื ผ้า ดูแลทำ� ความสะอาดบ้าน และคอย ดูแลชว่ ยเหลอื เมือ่ ยามเจ็บปว่ ยหรือจ�ำเปน็ ผมไม่ฝนั ทีจ่ ะอยอู่ ยา่ ง สันโดษและห่างไกลผู้คน ผมหวังท่ีจะพ่ึงผู้อื่นอยู่เหมือนกัน บา้ นในฝนั ของผมไมใ่ หญน่ ัก เป็นบ้านช้นั เดียว ยกพ้นื สงู จากพืน้ ดนิ ประมาณหน่งึ เมตร พ้ืนเปน็ กระเบือ้ งที่ไม่ลนื่ มีบนั ไดข้ึนบา้ น ทม่ี ีราวจบั มที างลาดเผ่อื วา่ ตอ้ งใช้รถเข็น บ้านมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน�้ำ มรี ะเบยี งไวน้ ง่ั ตากลมชมววิ และทำ� งาน ห้องนอนของ ผมกวา้ งและโลง่ ไมเ่ ลก็ ๆ แคบๆ เหมอื นหอ้ งโรงแรม มแี สงสวา่ ง จากภายนอกให้อ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวัน ห้องนอนเป็นห้องท�ำงานด้วย จึงมีโต๊ะเขียนหนังสือ พื้นที่วาง คอมพิวเตอร์ ชั้นและโต๊ะวางหนังสือ ห้องท�ำงานในฝันของผมจะต้องมีระบบรับสัญญาณอินเตอร์เน็ต หรอื WiFi (ไวไฟ) เพอ่ื ผมจะไดต้ ดิ ตอ่ กบั โลกภายนอก รบั รขู้ า่ วสาร ทง้ั ทวั่ โลกและภายในประเทศ ผมจะตดิ ตอ่ กบั เพอื่ นฝงู และคนอนื่ ๆ ทางอเี มล์และเฟซบ๊คุ หรือชอ่ งทางอินเตอรเ์ น็ตอื่นๆ ทีจ่ ะเปิดขนึ้ 158
ใหม่ในอนาคต ผมฝันถึงวิธีการติดต่อส่ือสารท่ีทันสมัยในบ้าน ของผม โตะ๊ ทำ� งานของผมนา่ จะมสี กั สองโตะ๊ บนโตะ๊ ผมฝนั เหน็ กระดาษ เครื่องเขียนต่างๆ เช่น ยางลบ ดินสอ ปากกาไม้บรรทัด พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พจนานุกรมไทย-อังกฤษ อังกฤษ-ไทย อังกฤษ-อังกฤษ บ้านของผมไม่จ�ำเป็นต้องมีครัว แต่อาจมีเคาน์เตอร์หรือโต๊ะเล็กๆ วางไมโครเวฟ เผ่ือไว้หาก ต้องการตม้ นำ�้ รอ้ น หรอื อนุ่ อาหาร เครือ่ งไฟฟา้ อยา่ งอื่นไมต่ ้อง มีมาก พัดลมสัก 2-3 ตวั ไม่ตอ้ งติดเครื่องปรับอากาศให้เปลือง ไฟ โทรทัศน์ วทิ ยุ ตูเ้ ย็นขนาดเล็ก อยา่ งละเคร่อื งก็เพยี งพอแลว้ มีห้องน้�ำอยใู่ นหอ้ งนอน ห้องน้ำ� ในฝันตอ้ งไม่คบั แคบ สวา่ ง และ โปรง่ อากาศถา่ ยเทได้ดี ผมจะใช้หอ้ งน้�ำเปน็ สถานทีอ่ ่านหนังสือ บา้ งเปน็ บางครง้ั ประตหู อ้ งนำ้� กวา้ งพอรถเขน็ เขา้ ออกได้ เปดิ ปดิ โดยเลอ่ื นออกดา้ นขา้ ง ปพู น้ื ดว้ ยกระเบอ้ื งไมล่ น่ื มรี าวจบั ทโี่ ถสว้ ม และที่อาบน้ำ� ต้องมีเครือ่ งท�ำน�้ำอุ่นในห้องน้ำ� 159
เมอื งในฝันเมอื่ แก่ ฝันถึงบ้านยามแกแ่ ลว้ คราวนีม้ าฝันถึงเมอื งเมอื่ ผมแก่บ้าง เมือง ในทน่ี ี้ ผมอยากจะหมายถงึ ชมุ ชนทล่ี อ้ มรอบบา้ นหลายๆ ประเภท รวมตัง้ แตเ่ มืองใหญม่ ากๆ เชน่ กรงุ เทพฯ หวั เมืองตา่ งๆ เทศบาล และชุมชนเลก็ ๆ เมอ่ื คดิ ถึงเมอื ง ผมไมไ่ ดห้ มายความถึงเมืองหรือชมุ ชนตามความ ต้องการส่วนตัวของผมคนเดียว ไม่เหมือนเมื่อคิดถึงบ้านส่วนตัว ในฝนั ทีเ่ ราจะฝันอยากให้บ้านของเราเปน็ อยา่ งไรก็ได้ แตเ่ มอื ง ในฝัน ผมคงต้องฝันเผ่ือคนแก่อ่ืนๆ เรียกว่าเมืองในฝันส�ำหรับ สังคมสูงอายุ ความจริงผมไม่อยากฝันว่าคนแก่ควรจะอยู่ใน เมืองใหญ่ๆ เมืองใหญ่ที่มีคนอยู่กันมากๆ ไม่น่าเป็นที่อยู่อาศัย ของคนแก่ ชวี ติ ทเี่ รง่ รบี ผคู้ นทอี่ ยกู่ นั อยา่ งแออดั การจราจรทหี่ นา แน่น มลภาวะในเมอื งลว้ นเป็นสภาพทไ่ี มเ่ หมาะสมสำ� หรับคนแก่ แตผ่ มกอ็ ยากจะฝนั เหน็ เมอื งใหญม่ นี ำ�้ ใจกบั คนแกบ่ า้ ง ถนนหนทาง บาทวถิ ี ทางเดนิ ขา้ มถนน ทางขนึ้ สถานีรถไฟฟา้ รา้ นค้าอาคาร สถานทตี่ า่ งๆ ควรออกแบบใหค้ นแกไ่ ดใ้ ชบ้ า้ ง ถา้ ออกแบบเผอื่ คน แก่ คนพกิ ารก็ไดใ้ ชป้ ระโยชนด์ ว้ ย 160
ผมฝนั เหน็ เมอื งในฝนั สำ� หรบั คนแกท่ มี่ สี วนสาธารณะมากๆ คนแก่ จะไดไ้ ปนง่ั เลน่ บ้าง ถ้าไปเองไม่ได้ ลกู หลานพาไปก็ยงั ดี ฝนั เหน็ คนหนุม่ สาวและคนท่ียงั ไมแ่ ก่ใจดี มีน้�ำใจ เอ้อื เฟ้ือเมตตาคนแก่ คนขับรถสาธารณะรอคอยจนคนแก่ข้ึนรถเรียบร้อยจึงออกรถ พนกั งานเกบ็ สตางคไ์ ม่ร�ำคาญคนแก่ หนุ่มสาวช่วยดูแลคนแก่ข้ามถนน แต่ก็น่ันแหละ จะไปฝันอะไร มากถึงเมืองใหญ่ๆ คนแก่ถ้าจ�ำเป็นต้องอยู่ในเมืองใหญ่ก็ไม่ควร ออกจากบา้ นบอ่ ยนัก ผมอยากอยู่ในชมุ ชนเล็กๆ เม่ือยามแก่ ชุมชนท่ีมีบ้านเรือนอยู่กนั ไมห่ นาแนน่ นกั ไมม่ รี ถวงิ่ พลกุ พลา่ น ไมม่ เี ดก็ แวน้ ซซ์ ง่ิ มอเตอรไ์ ซค์ ให้กวนใจ อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย บ้านผมอยู่ไม่ไกล จากร้านคา้ ร้านอาหาร รา้ นตัดผม ในชมุ ชน พอจะรจู้ ักกนั บา้ ง วา่ ใครเปน็ ใคร ท่ีส�ำคัญคือเมืองในฝันเมื่อยามแก่ของผมต้องอยู่ในพื้นท่ีท่ีไม่เสี่ยง ตอ่ สาธารณภัยตา่ งๆ ไม่วา่ จะเป็นภัยธรรมชาติ หรือภยั ที่มนษุ ย์ สร้างข้ึน เชน่ น้ำ� ท่วม ดินถล่ม ภเู ขาทลาย อัคคีภัย วาตภัย การสู้รบ การระเบดิ หรอื พิบัตภิ ัยอ่นื ๆ 161
บา้ นเมอื งในฝนั กบั ร่างกายจรงิ ๆ ไม่วา่ ผมจะฝันฟงุ้ เฟ่ืองอยา่ งไรก็ตาม แต่ถา้ สังขารของตวั เองเม่ือ แกไ่ มส่ มประกอบ เชน่ ไมส่ ามารถชว่ ยตวั เองไดใ้ นกจิ กรรมพน้ื ฐาน หรือสมองเสอ่ื มจนไมร่ เู้ รื่องอะไรแลว้ แม้ฝนั นั้นจะเป็นจรงิ ก็ไม่มี ประโยชน์อนั ใด ผมอยากจะฝันถงึ รา่ งกายและประสาทสมองของ ตัวเองทีม่ ีสภาพสมบรู ณ์ ไม่เปน็ อมั พฤกษอ์ ัมพาต สมองไมเ่ ส่อื ม ความจ�ำยังพอจะดีอยู่บ้างแม้ไม่แจ่มแจ๋วเหมือนเม่ือยังหนุ่มก็ยังดี หูตายังพอใช้การได้ ฟนั ยงั มอี ยู่พอเคย้ี วอาหาร แขนยังพอส่งั มอื จบั ปากกาขดี เขยี นได้ ขายังใช้ยืนเดินได้ บ้านเมอื งในฝันก็ตอ้ งไปด้วยกันกับร่างกายยามแก่ในฝนั ในท่ีสุด ผมฝันว่าตัวเองนอนหลับอย่างมีความสุขในบ้านและชุมชน สิ่งแวดลอ้ มในฝนั แลว้ ไมต่ ่นื ข้ึนมาอกี เลย 162
๑๘เคยเล่าเร่อื งนี้ไวเ้ มื่อตน้ ปี 2557 เผลออีกประเดยี๋ วเดยี ว เวลาชีวิตของเราก็ไม่เหลอื แลว้ ประชากรและการพัฒนา ปีที่ 34 ฉบบั ที่ 3 กมุ ภาพันธ-์ มีนาคม 2557
มีคนทักผมว่า ผมพูดถึง “เวลาที่ผ่านไปเร็วมาก” บ่อยเกินไป เขยี นซ�้ำแล้วซ�้ำเลา่ เหมือนคนแกข่ ้ีบน่ “เวลาผ่านไปเรว็ เหมือนตดิ ปกี บนิ ” บา้ ง “เผลอแพลบ้ เดยี ว...เผลอประเดยี๋ วเดยี ว...เวลากผ็ า่ น ไปอกี ปหี นึ่งแล้ว” บ้าง ผมยอมรับว่าใจของผมตดิ อย่กู ับเรื่องความเร็วของกาลเวลาทผ่ี า่ น ไปจริงๆ ระยะหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าเวลาล่วงไปเร็วมาก เหมือนกับวา่ เมือ่ ย่ิงมีอายสุ งู ข้นึ เวลากไ็ หลล่นื ผา่ นไปด้วยอตั รา เรง่ เรว็ ย่งิ ขน้ึ เพอื่ นทีเ่ รียนมารุ่นเดยี วกับผม ถึงบดั นไี้ ด้กลายเป็น ส.ว. สูงวัยกันหมดทุกคน หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลอื เกนิ ประเดีย๋ ววัน ประเดีย๋ วเดือน เพงิ่ ขึ้นปีใหม่มาไม่นาน นี่ก็ถึงเทศกาลสงกรานต์รดน้�ำขอพรผู้ใหญ่ เลน่ สาดนำ้� กนั สนกุ สนาน เดย๋ี วกถ็ งึ วนั เพญ็ เดอื นสบิ สองชวนพช่ี วน น้องไปลอยกระทง แล้วก็มีงานส่งท้ายปีเก่าฉลองปีใหม่กันอีก ผมเรมิ่ เขา้ ใจแลว้ วา่ ทำ� ไมคนแกช่ อบพดู ถงึ ความหลงั ประสบการณ์ ของตวั เองและคำ� บอกเล่าของเพื่อน เป็นขอ้ มูลยนื ยนั วา่ พออายุ มากขน้ึ จนไดส้ ถานภาพเป็นผูส้ ูงอายุ อดีตทผี่ า่ นพน้ มา 40-50 ปี กบ็ รรเจดิ แจม่ ใสเหมอื นเปน็ เหตกุ ารณท์ เ่ี พง่ิ เกดิ ขน้ึ เมอ่ื ไมน่ านมานี้ เมือ่ ยงั เปน็ เด็กเคยนึกว่าระยะเวลา 50 ปีหรือคร่ึงศตวรรษน้ันนาน แสนนาน แต่พอได้ผ่านเวลายาวนานขนาดนี้มาด้วยชีวิตของ ตวั เอง ก็พดู ไดเ้ ตม็ ปากวา่ ระยะเวลา 50 ปี เป็นเวลาท่ไี มน่ าน 164
ภาพเหตุการณ์ในอดีตเม่ือคนรุ่นราวคราวเดียวกันยังเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือเป็นหนุ่มสาวยังสดใสชัดเจน เรื่องดีๆ คิดถึงแล้วก็ อดยม้ิ ไมไ่ ด้ เรื่องรา้ ยๆ ก็ท�ำให้ใจหดหลู่ งบา้ งเป็นธรรมดา คนรนุ่ เดยี วกับผมกำ� ลังมีอายุมากข้ึนเรอื่ ยๆ ถา้ ดตู ามสถติ ิแลว้ คนไทยที่มอี ายถุ งึ 60 ปี กค็ าดว่าจะมีชวี ิตอยู่ต่อไปโดยเฉลี่ยอีก 21-22 ปี ในเมือ่ ผา่ นชวี ิตมากว่า 60 ปี ยงั รูส้ กึ ว่าเป็นเวลาทีไ่ ม่ นาน พูดได้วา่ เป็นเวลาประเดี๋ยวเดียว ดงั นนั้ เวลาที่เหลืออยู่อกี เพียงหนง่ึ ในสามของชวี ติ ท่ผี า่ นมา จงึ ดูจะเป็นเวลาท่ีสัน้ อีกยี่สบิ ปีกอ็ กี ประเดีย๋ วเดยี วเทา่ นั้น น้องๆ รุน่ หลงั กเ็ ถดิ ท่ียงั อายุเพียง 40-50 ปีในตอนนีเ้ หน็ หนา้ อ่อนๆ ยังเปน็ หนมุ่ เปน็ สาวกนั อยอู่ ยา่ งนี้ อีกประเดี๋ยวกจ็ ะทยอย เข้าเป็นสมาชิกใหม่ของชมรม ส.ว. ขอย�้ำซ้�ำแล้วซ้�ำอีกว่าอีก 10-20 ปี เป็นเวลาไม่นาน เวลาติดปีกบินอย่างนี้ เผลออีก แพลบ้ เดยี ว กจ็ ะเปน็ ผ้สู งู อายุเหมอื นกบั พี่ๆ แลว้ (ไชโย) ท�ำไมเวลาจึงผ่านไปเรว็ นกั ที่จริง เวลาคงผ่านล่วงไปด้วยอัตราความเร็วเท่าเดิม ถ้าเราใช้ มาตรวัดเวลาด้วยหน่วยมาตรฐาน เป็นวินาที นาที ชั่วโมง วัน 165
เดือน และปี แต่ละหน่วยย่อมต้องมีระยะเวลายาวนานเท่าเดิม ไมว่ า่ จะเป็นเวลากี่รอ้ ยก่ีพนั ปมี าแล้ว แต่ละวันมี 24 ช่วั โมง และ แต่ละชั่วโมงมี 60 นาทีเท่ากัน จะต่างกันก็แต่เพียงว่าในบาง ฤดกู าล ระยะเวลาของกลางวนั ทนี่ บั ตง้ั แตพ่ ระอาทติ ยโ์ ผลพ่ น้ ขอบ ฟ้าจนตกลับโลกไป อาจสนั้ หรอื ยาวนานแตกต่างกนั ไปบา้ ง ดงั นนั้ วนั เวลาทบ่ี างคนบอกวา่ ผา่ นไปชา้ บา้ ง เรว็ บา้ ง จงึ เปน็ เรอื่ ง ของ “ความร้สู ึก” คนทีม่ ีความทกุ ข์ อาจจะรสู้ ึกว่า วนั เวลาช่าง ผ่านไปช้าเสียเหลอื เกิน ตรงข้ามกับคนทีม่ คี วามสขุ เวลาจะผ่าน ไปเร็วมาก เร็วจนบางคร้งั เวลาผ่านไปโดยไมร่ ูต้ ัว เราจะพดู ไดไ้ หมวา่ เวลาผา่ นไปเรว็ หรอื ชา้ ขน้ึ อยกู่ บั ความรสู้ กึ ของ เราว่าต้องการให้เวลาผา่ นไปอยา่ งไร ความเรว็ ของเวลาที่ผา่ นไป ดเู หมอื นจะตรงกนั ขา้ มกบั ความรสู้ กึ ของเราทอี่ ยากใหเ้ วลาผา่ นไป ลองสังเกตดู บางคร้ังเม่ือเราอยากให้เวลาผ่านไปเร็วเรากลับจะ รู้สึกว่าเวลาผา่ นไปชา้ และในทางกลบั กนั บางคร้งั ที่เราอยากให้ เวลาผ่านไปช้า เราก็จะรสู้ กึ วา่ เวลาผ่านไปเร็ว ทดลองดูกไ็ ด้ เวลาเดนิ ทาง ถา้ เราใจรอ้ น เร่งรบี อยากให้ไปถงึ ท่ี หมายไวๆ เราก็จะรู้สึกว่าการเดินทางเท่ียวน้ันช่างช้าเหลือเกิน ไมท่ นั ใจเสยี เลย ในทางกลบั กนั ถา้ เราไมเ่ รง่ รบี เดนิ ทางตามสบาย 166
เราจะรสู้ ึกวา่ ใชเ้ วลาไมน่ านเลย อาจประหลาดใจดว้ ยซำ�้ วา่ เผลอ แพลบ้ เดยี วกถ็ งึ ทห่ี มาย ลองดนู ะครบั เมอื่ เดนิ ทางไปทไี่ หนสกั แหง่ ลองตัดกังวลเรื่องเวลาของการเดินทาง เอาใจไปคิดถึงเรื่องอ่ืน รบั รองไดว้ า่ การเดนิ ทางของเรา ไมว่ า่ จะครง้ั ใด จะใชเ้ วลาไมน่ าน บางครัง้ อาจรู้สกึ วา่ ถึงทีห่ มายโดยยงั ไม่รตู้ ัวเสยี ดว้ ยซ้�ำ อายยุ ืนยาวขนึ้ แตช่ ีวิตสนั้ ลง “เอะ๊ ! มันเป็นอยา่ งไร อายขุ องคนยืนยาวขน้ึ แล้วทำ� ไมจึงมาบอก ว่าชวี ิตของคนเราส้ันลง” ทจ่ี รงิ ผมกไ็ มไ่ ดต้ อ้ งการประดษิ ฐส์ ำ� นวนชวนใหค้ ดิ อะไรกนั มากมาย เพียงแต่อยากจะโยงเร่ืองอายุของคนให้ไปเก่ียวกับเวลาที่ผ่านไป เท่านน้ั เรารกู้ ันแล้ววา่ ชีวิตของคนไทยยนื ยาวข้นึ เมอ่ื 100 ปกี อ่ น คน ไทยมีอายุคาดเฉลี่ยไม่ถึง 50 ปี ปัจจุบันคนไทยอายุยืนข้ึน โดยเฉล่ียมีอายุถึง 73 ปี แต่ลองมาคิดดูอีกทีหน่ึง...ชีวิตของ คนไทยเม่ือ 100 ปีก่อนกับชีวิตคนไทยสมัยน้ีด�ำเนินไปช้าเร็ว แตกต่างกัน 167
ในอดีต ชีวิตของคนไทยด�ำเนินไปอย่างเชื่องช้า ซึ่งเป็นไปตาม สภาพสังคม และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการสื่อสาร คมนาคม ในสมยั นน้ั การเดนิ ทางจากตำ� บลหนง่ึ ไปยงั อกี ตำ� บลหนง่ึ ทำ� ไดแ้ ตโ่ ดยทางนำ�้ และทางบก การคมนาคมทางนำ�้ ไปไดเ้ รว็ ทสี่ ดุ แต่ก็ยังใช้แรงคนเป็นหลัก เครื่องยนต์มีใช้กันแล้ว แต่ก็ใช้ เฉพาะกบั เรอื เดนิ ทะเลขนาดใหญ่ เรอื แพทใี่ ชอ้ ยตู่ ามแมน่ ำ�้ ลำ� คลอง ภายในประเทศยงั ใช้ก�ำลังแรงคนเป็นหลกั การเดินทางทางบกใช้ สตั วพ์ าหนะ เช่น ชา้ ง ม้า ววั เทียมเกวยี นหรอื ไมก่ ็ใช้วธิ ีเดนิ เท้า ผมไดอ้ า่ นหนงั สอื เรอ่ื ง “ลา้ นนาไทยในแผน่ ดนิ พระพทุ ธเจา้ หลวง” ของพษิ ณุ จันทรว์ ิทนั (2539) บรรยายถึงการเดนิ ทางในประเทศ สยามเม่ือร้อยกว่าปีก่อน ปิแอร์ โอร์ต นักกฎหมายหนุ่มชาว เบลเย่ียมที่เข้ามารับราชการช่วยเจ้าพระยาอภัยราชา (โรลัง จักแมงส์) ในสมัยรัชกาลท่ี 5 ได้บันทกึ การเดินทางจากกรงุ เทพฯ ถงึ เชยี งใหมโ่ ดยทางเรอื ใชแ้ รงคนแจวในแมน่ ำ้� พน้ื ทภ่ี าคกลาง ใช้ แรงคนถอ่ เรอื ไปในแมน่ ำ�้ ตน้ื และลากจงู ไปในลำ� นำ้� สว่ นทเ่ี ปน็ เกาะ แก่งและน้�ำเชี่ยวในภาคเหนือ คณะเดินทางของปิแอร์ โอร์ต ออกจากบางกอก (หนา้ สถานเอกอคั รราชทตู อเมรกิ นั ) ตง้ั แตเ่ วลา เช้า 8.45 น. ของวนั ที่ 3 สิงหาคม 2440 ใชเ้ วลาวันคร่งึ ถงึ อ่างทอง จากอ่างทองถึงชัยนาท ใช้เวลา 10 ช่ัวโมง (5.10 น.-15.15 น.) ชยั นาทถงึ ปากน�้ำโพ 10 ช่ัวโมง (6.30 น.- 16.30 น.) จากนครสวรรคถ์ ึงก�ำแพงเพชร ใชเ้ วลา 4 วัน อกี 168
2 วนั ถึงเมืองระแหง (ตาก) จากระแหงถึงเมอื งฮอด ล�ำน้�ำเปน็ เกาะแก่งและเช่ียวมาก ต้องใช้เวลาถึง 9 วัน อีกหน่ึงวันถึง จอมทอง และอีก 2 วันถึงเมืองเชียงใหม่ เรือเทียบท่าท่ีจวน ขา้ หลวงใหญ่ เมอื งเชยี งใหมเ่ วลา 11.00 น. ของวนั ท่ี 28 สงิ หาคม 2440 ปแิ อร์ โอร์ต บันทกึ ไวว้ ่า “เราใชเ้ วลาเดนิ ทางมาแลว้ 25 วันเต็มๆ (จากบางกอกถึงเชียงใหม่) เท่ากับระยะเวลาการเดิน ทางจากบรสั เซลล์ (เบลเยยี่ ม) ไปบางกอก ขา้ พเจา้ คำ� นวณครา่ วๆ วา่ เราเดนิ ทางมาแล้วในราว 800 กโิ ลเมตร” บันทึกการเดนิ ทางจากกรงุ เทพฯ ถึงเชยี งใหม่เมอ่ื 113 ปีกอ่ นที่ นำ� มาแสดงไวข้ า้ งตน้ คงทำ� ใหเ้ ราเหน็ ภาพความชา้ ของชวี ติ คนไทย ในอดีตเป็นอยา่ งดี ปแิ อร์ โอร์ต นับเปน็ ข้าราชการคนส�ำคัญ การ เดินทางใช้เรือขนาดใหญ่ท่ีสะดวกสบายและมีก�ำลังแรงคนพรั่ง พร้อม ถ้าพาหนะในการเดนิ ทางมสี มรรถภาพด้อยกวา่ นี้ การนำ� เรือแล่นจากกรุงเทพฯ รวดเดียว ไปถึงเชียงใหม่ตามเส้นทาง คมนาคมทางนำ�้ สายน้ี โดยเฉพาะตอนทเี่ หนอื เมอื งปากนำ�้ โพขนึ้ ไป ก็อาจช้าออกไปอีก หรอื แมก้ ระทงั่ อาจเปน็ ไปไม่ได้เลย อยากให้เราลองเปรียบเทียบการเดินทางเมื่อร้อยปีก่อนกับใน สมยั น้ี เวลาในการเดนิ ทางโดยรถยนตจ์ ากกรงุ เทพฯ ถงึ อยุธยา อา่ งทอง สิงห์บรุ ี ชัยนาท นครสวรรค์ เรือ่ ยไปจนถึงก�ำแพงเพชร ไปจนถึงเชียงใหม่ ระหว่างเมืองแต่ละเมืองใช้เวลานับเป็นนาที 169
และชั่วโมงเท่านน้ั จากกรงุ เทพฯ ถึงเชียงใหม่ใช้เวลาเดนิ ทางทาง บกไมถ่ งึ 10 ชว่ั โมง เรียกวา่ ออกเดินทางตอนเช้า เยน็ ก็ถึงแลว้ แตถ่ า้ ไปทางอากาศโดยเครอื่ งบนิ กใ็ ชเ้ วลาเพยี งชว่ั โมงเดยี ว อยา่ ง ที่เขาโฆษณาวา่ “เพยี งงีบหนง่ึ กถ็ ึงแล้ว” ความรวดเร็วในการเดินทางสมัยนี้แตกต่างจากเม่ือร้อยปีก่อน ลิบลับ เดี๋ยวน้ีมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯไปยังเมืองใหญ่ในทุกภาค ของประเทศวันละหลายๆ เที่ยว ไม่ว่าจะเป็นหาดใหญ่ ภูเก็ต สรุ าษฎรธ์ านใี นภาคใต้ เชยี งใหม่ เชยี งราย พษิ ณโุ ลกในภาคเหนอื ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ย่ิงไปกว่านั้น มีรถโดยสารจากเมอื งหลวงไปยังเมอื งใหญ่ทุกเมือง ของประเทศ โดยใช้เวลาเดินทางถึงแต่ละเมืองเพยี งชั่วขา้ มคนื ลองคดิ ดตู อ่ ไปอกี ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยใี นการสอ่ื สาร โดย เฉพาะการใชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื ประจำ� ตวั บคุ คล และการถา่ ยทอดสด เหตุการณ์ทัว่ ประเทศและท่ัวโลก ท้งั ทางโทรทัศนแ์ ละวิทยโุ ดยสง่ สญั ญาณผา่ นดาวเทยี ม เทคโนโลยเี หลา่ นด้ี เู หมอื นจะยอ่ ขนาดของ โลกใหเ้ ล็กลง และยน่ เวลาในการติดต่อสื่อสารให้ส้นั ลงเหลือเพยี ง ไมถ่ งึ อดึ ใจ การเดินทาง คมนาคม และติดต่อส่ือสารที่เป็นไปโดยรวดเร็ว เช่นนี้กระมงั ทที่ ำ� ใหเ้ รารสู้ ึกว่าวนั เวลาในปัจจุบนั ผา่ นไปเรว็ มาก 170
ผมมานัง่ คิดดู (เล่นๆ) เมื่อเวลาผา่ นไปเร็ว เวลาชีวิตของผมท่ี เหลอื อยอู่ กี ประมาณ 20 ปี ทจี่ รงิ แลว้ อาจจะสนั้ ลงกไ็ ด้ ลองเปรยี บ เทยี บกบั ผูส้ ูงอายชุ าวพม่า ลาว กัมพชู า เมื่ออายุ 60 ปีแลว้ พวก เขาจะมชี วี ติ ทเ่ี หลอื อยอู่ กี โดยเฉลยี่ ราวๆ 10 ปกี วา่ เทา่ นน้ั แตช่ วี ติ ของพวกเขาดำ� เนนิ ไปอยา่ งชา้ ๆ ไมเ่ รง่ รบี ชวี ติ ทเ่ี หลอื อยขู่ องพวก เขาจึงอาจยาวนานเมื่อเปรียบเทียบกับเวลาชีวิตท่ีเหลืออยู่ของคน ไทยท่ีผ่านไปอยา่ งรวดเรว็ จนจะหมดไปในอกี ประเด๋ียวเดยี ว เม่อื เผลออกี ประเดี๋ยวเดียว ชีวิตของผ้สู ูงอายวุ ยั ตน้ เช่น คนรนุ่ ราวคราวเดยี วกบั ผมกจ็ ะหมดสน้ิ ไป เหน็ จะตอ้ งมาคดิ พจิ ารณากนั อย่างจรงิ จงั วา่ จะท�ำอยา่ งไรใหช้ วี ติ ที่ยงั เหลอื ยูอ่ กี ราว 20 ปีเป็น ชีวติ ที่มคี ณุ คา่ และมีคณุ ภาพที่สุด 171
๑๙เคยเลา่ เรื่องน้ไี ว้เมอ่ื กลางปี 2557 สังขาร และสงั คม ท่ีกำ�หนดความแก่ ประชากรและการพัฒนา ปีท่ี 34 ฉบับที่ 5 มิถนุ ายน-กรกฎาคม 2557
ผมเพ่ิงกลับมาจากมหาวิทยาลัย หลังจากท่ีไปเดินออกก�ำลังกาย ยามเย็นมาเป็นเวลา 45 นาที ไม่ได้เดินนอกบ้านเสียนานกว่า 6 เดือน การเดินเม่ือเย็นน้ีให้ความรู้สึกเหมือนคืนสู่บ้านเดิมท่ี เคยอยู่ คนื สเู่ พอื่ นเกา่ ทคี่ นุ้ กนั เมอ่ื เชา้ ผมไมม่ โี อกาสไดอ้ อกกำ� ลงั กายกับ “เคร่อื งเดนิ ลอย” ในบ้าน ผมต้องออกจากบา้ น(นอก) เขา้ กรงุ (เทพมหานคร) แตเ่ ชา้ เพอ่ื ไปประชมุ ผมเลอื กออกจากบา้ น ต้ังแตเ่ ช้าตรกู่ อ่ นทจี่ ราจรในเมอื งกรงุ จะติดแนน่ วนั นี้ ผมจึงขอ เดินนอกบ้านเวลาเย็นเพ่ือทดแทนการเดินอยู่กับท่ีภายในบ้าน ตอนเช้าสกั วัน ทางเดินในมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ยังคงร่มรื่นน่าอภิรมย์ เหมือนเดิม ผมออกเดินจาก “อาคารประชาสังคมอุดมพัฒน์” เวลา 17.30 น. ท่รี ะบเุ วลาไวอ้ ยา่ งละเอยี ดกเ็ พื่อจะบอกวา่ เวลา ประมาณน้ีเมือ่ ราวปลายเดือนมีนาคม ดวงตะวนั กลมแดงท่กี �ำลงั ลอยต�่ำใกล้จะลับทิวไม้ทางด้านหลังของมหาวิทยาลัย เป็นภาพ อาทิตย์อัสดงทปี่ ระทบั อยู่ในดวงใจของผมอกี ภาพหนงึ่ ผมเดินไป ตามทางเท้าที่เรียงรายด้วยต้นพิกุล ประดู่ ตะแบก แคนา มงุ่ หน้าตรงไปท่ีดวงตะวันสแี ดงดวงนนั้ ยามเยน็ แดดร่มลมตก ผคู้ นเดนิ กนั ขวักไขวบ่ นถนนทจี่ ดั ไว้เฉพาะ คนเดินและจักรยาน ส่วนมากเป็นคนวัยหนุ่มสาวที่อยู่ในชุดออก 174
กำ� ลงั กาย บรรยากาศในบรเิ วณวทิ ยาเขตศาลายาของมหาวทิ ยาลยั มหิดลยามนี้ช่างมชี ีวติ ชีวาจรงิ ๆ เดนิ นอกบ้าน ไดพ้ บผู้คน แม้อาทิตย์จะลับตาไปแล้ว แต่ฟ้ายังไม่มืดมิด ผมเข้าไปเดินใน สนามกฬี า มผี คู้ นมากมายมาเดิน ว่ิง และออกกำ� ลงั กายกันอยู่ น่ายินดีท่ีกิจกรรมการออกก�ำลังกายเป็นท่ีนิยมในหมู่บุคลากรของ มหาวิทยาลัย อยา่ งที่ไดก้ ล่าวไว้แต่ตน้ ว่าการออกมาเดินนอกบ้าน วันนเี้ สมอื นไดก้ ลับมาเยอื นถ่นิ เดมิ ทค่ี ุ้นเคยมาก่อน ไดพ้ บคนเกา่ ทร่ี จู้ กั กนั มาแตค่ รง้ั ยงั เดนิ เปน็ ประจำ� อยทู่ นี่ ่ี หนมุ่ คนหนงึ่ ยกมอื ไหว้ “หายไปไหนเสียหลายวันครับ” (ที่จริง ผมหายไปหลายเดือน) เรายิ้มใหก้ ัน “เดี๋ยวนเี้ ดนิ บนเครอื่ งอยู่ในบา้ นครบั ” ผมตอบโดย ไมต่ อ้ งหยุดเดิน ขณะทีเ่ ขานง่ั ท�ำท่ายกและเหยียดขาอยู่ในสนาม ผมทกั ทายกับอีกหลายคน เราตา่ งยินดีท่ไี ดพ้ บกันอกี ผูค้ นและ มติ รภาพเชน่ นเี้ ป็นขอ้ ดขี องการออกกำ� ลังกายนอกบ้าน “อาจารยย์ งั แขง็ แรงอยนู่ ะครบั ” ประโยคนีย้ อ่ มเป็นค�ำชม ไมใ่ ช่ ค�ำถาม คงเห็นผมเดนิ เร็วด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง กริ ยิ าท่าทาง บง่ บอกความชราของคนเราไดเ้ หมอื นกนั ผมเคยเหน็ ผใู้ หญท่ ม่ี อี ายุ 175
มากเกนิ เจด็ สบิ แปดสบิ หลายคนทเ่ี ดนิ อยา่ งสงา่ ไมใ่ ชเ่ ดนิ เรว็ หาก แตเ่ ดินอย่างมัน่ คง ไมต่ อ้ งมคี นช่วยคอยประคับประคอง อย่างน้ี ถงึ อายุมากแต่กด็ ไู ม่แก่ ผิดกบั เพอื่ นรุน่ เดยี วกันบางคนทผี่ มสงสยั ว่าท�ำไมเพื่อนจึงดูเฒ่าชแรแก่ชราได้ถึงขนาดน้ัน ไม่เฉพาะรปู ร่าง หนา้ ตาทด่ี แู กเ่ กนิ วยั แลว้ แตอ่ ากปั กรยิ าไมว่ า่ จะเดนิ จะนงั่ กด็ ไู มม่ ี เรีย่ วแรงจนท�ำใหด้ แู ก่ไดส้ นิท อนั ท่ีจรงิ ในชว่ ง 2-3 ปีที่ผ่านมาน้ี มีคนชมบอ่ ยอยู่เหมอื นกันวา่ ผมยังดูแขง็ แรงดี บางครงั้ เมือ่ ได้ยินคนชมอยา่ งนน้ั ผมก็เถยี งอยู่ ในใจว่า “จะไม่ให้แข็งแรงได้อย่างไร ก็เรายังไม่แก่นี่ (หว่า)” แตเ่ มือ่ คิดดอู กี ที ทีค่ นเขาพดู เชน่ น้ันมีความหมายเปน็ นัยว่า แม้ ผมจะมีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังมีสุขภาพดีอยู่ คือเขาเอาสุขภาพ ร่างกายของเราไปเทียบกับอายุ หรือพูดใหม่ได้ว่าผู้ท่ีมีอายุ สูงประมาณผมน่ี ร่างกายน่าจะมีสภาพทรุดโทรมหรืออ่อนแอ มากกว่านี้ เพราะฉะนัน้ การทผี่ มดแู ข็งแรงไม่สมวัยน้ันคือค�ำชม สกั วนั หนงึ่ ผมกจ็ ะไมไ่ ดย้ นิ คำ� ชมวา่ ผมยงั ดแู ขง็ แรงอกี แลว้ อวยั วะ ตา่ งๆ ที่ประกอบเปน็ รา่ งกายของคนเราเม่ือใชง้ านมานานกย็ อ่ ม เสื่อมสภาพไป ผวิ หนงั ก็จะเห่ียวยน่ หตู าจะฝ้าฟาง เหงือกฟนั จะ สึกกรอ่ นหลุดรว่ งไปบา้ ง กระดูกจะเปราะบางขนึ้ ภมู ติ า้ นทานตอ่ โรคภัยไข้เจ็บจะลดน้อยลง และความทรงจ�ำก็อาจเลอะเลือนไป 176
บา้ ง เมอ่ื คดิ ปลงไดด้ งั นนั้ ตอ่ ไปน้ี ผมจะทำ� อะไรคงตอ้ งมสี ตเิ ตอื น ตัวเองให้ “เจียมสงั ขาร” สกั หน่อยแล้ว จะตอ้ งเปน็ ผใู้ หญใ่ หเ้ ขารดน�ำ้ การเดินอยู่ในหมู่คนหลายวัยที่มาออกก�ำลังกายด้วยกันนับเป็น ความสุข พ้ืนท่ดี ้านทศิ ตะวันตกของมหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ศาลายา จัดไว้เพ่ือกิจกรรมกีฬาและสันทนาการ ยามเย็นแดดร่มลมตก อยา่ งนม้ี ผี คู้ นหลายรนุ่ หลายวยั มาออกกำ� ลงั กายกนั อยใู่ นบรเิ วณนนั้ แมจ้ ะไมเ่ หน็ คนยม้ิ ระรน่ื หวั เราะเรงิ รา่ แตผ่ มกไ็ มเ่ หน็ ใครมหี นา้ ตา เคร่งเครียดบ้ึงตึง การออกก�ำลังกายคงเท่ากับเป็นการออกก�ำลัง ใจไปในตวั ผมจะพดู ไดไ้ หมวา่ การออกกำ� ลงั กายเปน็ ประจำ� ทำ� ให้ เรามสี ขุ ภาพดที ัง้ กายและใจ ผมเดินช่ืนชมธรรมชาติและผู้คน เปดิ ใจใหค้ ิดแตส่ ่ิงที่สวยงาม ไม่ พยายามทจี่ ะคดิ ถงึ เรอื่ งทจี่ ะทำ� ใหเ้ ครยี ด ปลอ่ ยอารมณใ์ หล้ อ่ งลอย ไปในสถานท่โี ลง่ กวา้ ง... ปลายเดือนมีนาคมแลว้ อกี สองอาทติ ยก์ จ็ ะถงึ วนั สงกรานต์ เม่ือ สองวันกอ่ น น้องผรู้ ับหน้าทจ่ี ัดกจิ กรรมพเิ ศษของสถาบนั ฯมาเชิญ ให้ผมร่วมพิธีฉลองสงกรานต์ที่สถาบันฯจัดข้ึนเป็นประเพณีทุกปี 177
ปีนี้เราจะจัดงานในวันพฤหัสที่ 10 เมษายน ผมต้องไปนั่งเป็น “ผู้ใหญ่” เรยี งตามลำ� ดับอาวุโสให้น้องๆ รดน้ำ� ขอพร เม่อื กอ่ น ตอนทมี่ อี ายเุ พง่ิ ขนึ้ หลกั หกสบิ ตน้ ๆ ผมยงั ขอเลอื กทจี่ ะเปน็ คนรดนำ้� ผู้อาวุโสท่านอื่นมากกว่าท่ีจะไปน่ังให้คนอื่นมารดน�้ำ ตอนนั้น คิดว่าตัวเองยังไม่แก่ ยังเคอะเขินท่ีจะไปน่ังให้ศีลให้พรใคร แต่ ระยะสองสามปีหลังมานี้ เริ่มคุ้นชินกับการแสดงบทบาทของ “ผู้ใหญ่” ที่ต้องน่ังย่ืนมือรับน�้ำและพวงมาลัยท่ีน้องๆ ลูกๆ หลานๆ น�ำมามอบให้ ผมลองคิดทบทวนดูแล้ว คุณค่าส�ำคัญของผู้สูงอายุในสังคมไทย คอื “พร” ทีจ่ ะให้กบั คนอื่น ผู้สงู วยั มีระยะเวลาสะสมพลงั ชีวิตมา ยาวนาน ความปรารถนาดีท่ีกลั่นจากใจผู้สูงอายุสู่ผู้อื่นจึงมีพลัง ผสู้ งู อายจุ งึ ควรทำ� หนา้ ทใ่ี หก้ ำ� ลงั ใจ เปน็ แรงบนั ดาลใจ และอวยพร แก่คนรุ่นหลงั ผมโชคดที มี่ โี อกาสรบั พรจากผเู้ ฒา่ ผแู้ กอ่ ยบู่ อ่ ยๆ อยา่ งนอ้ ยผมตอ้ ง ได้รับพรจากผู้มีอายุร้อยปีข้ึนไปปีละสองสามคน ผมช่วย มหาวทิ ยาลยั มหดิ ลจัดการประกวด “แม่ร้อยป”ี มานานนับสบิ ปี แตล่ ะปี ผมจะตอ้ งหาโอกาสไปพบผไู้ ดร้ บั การเสนอชอื่ สองสามทา่ น หลังจากคุยกับท่านเป็นเวลาพอสมควรแล้วก่อนลากลับ ผมจะ กราบลาท่าน และดูเหมือนเป็นประเพณีท่ีแม่ร้อยปีทุกคนยึดถือ ปฏบิ ตั ิ ทา่ นจะใหพ้ รโดยที่เราไม่ตอ้ งขอ แม่ร้อยปีทีย่ ังมีสุขภาพดี 178
ทกุ คน ไม่ว่าจะมฐี านะทางเศรษฐกจิ เป็นเชน่ ไร จะร้จู ักการให้พร แกผ่ อู้ อ่ นวยั กวา่ อยา่ งคลอ่ งแคลว่ ไมม่ ตี ดิ ขดั ดเู หมอื นวา่ แตล่ ะคน จะมีบทให้พรประจ�ำตัว ผมคิดว่าสังคมไทยก�ำหนดให้ผู้สูงอายุ มีหน้าท่ีส�ำคัญอย่างหน่ึง คือการให้ศีลให้พรหรือมอบความ ปรารถนาดใี หผ้ อู้ ่อนวยั สงสยั ว่าผมต้องไปคดิ ค�ำอวยพรประจำ� ตวั เอาไว้บา้ งแลว้ ผมถอื วา่ การไดร้ บั พรจากผใู้ หญเ่ ปน็ มงคลแกช่ วี ติ เวลากราบลาแม่ ร้อยปที ี่ผมไปเยยี่ ม แลว้ ฟังทา่ นใหพ้ รทีไร ผมจะรู้สกึ เหมอื นไดร้ ับ พรจากผู้ทรงศลี นั่นทีเดยี ว คิดถึงเมื่อวันคล้ายวันเกิดปีน้ี ผมกราบแม่ แล้วบอกแม่ว่าวันนี้ วันเกิด พรท่ีได้รับวันนั้นเป็นของขวัญท่ีมีค่า และให้ความสุขใจ มากกว่างานฉลองใดๆ แปลก! ท่ีเรามีอายุมากปานนี้ เป็น ผู้สูงอายุเต็มตัวแล้ว แต่เมื่ออยู่กับแม่ เราก็รู้สึกว่ายังเป็นเด็ก ผมโชคดีที่ยังมีแม่คอยให้พรในวันเกดิ เราจะเดินต่อไปไกลอีกสักเทา่ ไร ผมอยากเดินต่อไปเร่ือยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินนอกบ้านหรือใน บา้ น แตผ่ มกร็ ู้ดีว่าร่างกายของคนเราย่อมมขี ีดจำ� กัด เมื่อถงึ วนั หน่ึงในอนาคต ผมคงต้องหยุดออกก�ำลังกายไม่ว่าจะด้วยวิธีใด 179
กต็ าม เม่ือวันนัน้ มาถงึ และถา้ สมองของผมยงั พอทำ� งานไดด้ อี ยู่ ผมคงจะคิดถึงการเดินออกก�ำลังกายเป็นประจ�ำของผมต้ังแต่ปี 2543 อย่างมาก คงคิดถึงสถานที่ต่างๆ ทเ่ี คยเดนิ ผ่าน คดิ ถงึ ตน้ ไม้ ดอกไม้ ทิวทศั น์ ทง้ั ทะเลและภูเขา ตลาดยามเชา้ ชีวติ ผ้คู น และคดิ ถึงคนที่คุ้นเคยกัน วันนี้ ผมใชเ้ วลาเดนิ ประมาณ 45 นาที คงได้ระยะทางไม่น้อย กวา่ 3 กโิ ลเมตร เมอ่ื ผมหยดุ เดนิ ดวงอาทติ ยล์ บั ฟา้ ไปสกั ครใู่ หญ่ แลว้ ฟ้าเริ่มมืด ไฟฟ้าตามถนนหนทางชว่ ยท�ำให้ศาลายามชี ีวติ อีกแบบหน่ึงยามราตรี แม้ไม่สว่างไสวและไม่อึกทึกคร้ืนเครง แต่กไ็ ม่มดื สลัวและไมเ่ งียบเหงาวงั เวง ผมจะยงั คงมงุ่ หนา้ เดนิ ตอ่ ไปอกี จนกวา่ สงั ขารจะไมเ่ ออื้ อำ� นวย ถา้ ผมเดินทกุ วนั ตอ่ ไปไดอ้ ีกสกั 10 ปี วันละประมาณ 3 กโิ ลเมตร กจ็ ะไดร้ ะยะทางอกี อยา่ งนอ้ ยหนง่ึ หมน่ื กโิ ลเมตร ผมยงั มรี ะยะทาง เดินได้อีกไกลโข วนั นี้ ผมไปเดนิ นอกบา้ นมาแลว้ พรงุ่ นเี้ ชา้ ผมกจ็ ะกลบั มาเดนิ บน เคร่ืองภายในบ้าน หนทางยงั ทอดไปขา้ งหนา้ อกี ยาวไกล ดว้ ยใจ ท่ีมุ่งม่นั ผมจะเดนิ ต่อไปใหไ้ กลสดุ 180
๒๐เคยเล่าเร่ืองน้ไี ว้เมอื่ ปลายปี 2557 คดิ คำ�นงึ เมอ่ื ปลายฝน ต้นหนาว ปี 2557 ประชากรและการพัฒนา ปที ่ี 35 ฉบับที่ 2 ธันวาคม 2557-มกราคม 2558
เวลาบ่ายแก่ๆ ของวันจันทรท์ ่ี 6 ตุลาคม 2557 ผมนัง่ มองดูฟา้ ท่มี ดื ทะมนึ ทางทิศเหนอื จากหอ้ งทำ� งาน ช้ัน 6 ของอาคาร “ประชาสังคมอดุ มพฒั น”์ ฝนคงจะตกหนักในไม่ช้า สองสามวันมาน้ีฝนตกหนกั มากทกุ วนั เหมอื นกบั จะส่งั ลาฤดฝู นที่ ยดื เย้ือมากวา่ 6 เดือน ฟ้ามืดคร้ึมอยา่ งนที้ �ำให้ใจหมองลงไดบ้ า้ ง เหมือนกัน ผมนงั่ ดฝู นกระหนำ่� หนักจากหน้าต่างห้องท�ำงาน เดอื นน้ี ตลุ าคม เป็นเดือนแรกที่ผู้เกษียณอายุจากราชการและรัฐวิสาหกิจจะหยุด ชีวิตการท�ำงานอันยาวนานนับสิบปี ต้องหยุดท�ำงานเพราะอายุ ครบหกสบิ ปีแลว้ ท้งั ๆ ทสี่ รีระร่างกายของหลายคนยงั ดูแขง็ แรง ไม่แก่ ใจยังพร้อมท่ีจะท�ำงานต่อไป มีเพียงตัวเลขอายุเท่าน้ัน ทเ่ี พม่ิ ขน้ึ จนถงึ เกณฑ์ เดยี๋ วนี้ สขุ ภาพอนามยั ของคนไทยดขี นึ้ มาก อายหุ กสบิ ปีแล้วกย็ ังมโี อกาสมีชวี ติ อยตู่ อ่ ไปอกี ราว 22-23 ปีโดย เฉลี่ย หลายคนจะมอี ายถุ งึ 90 ปี และจำ� นวนไม่นอ้ ยจะมีอายถุ งึ 100 ปี ผมโชคดีทีอ่ ายุเกนิ 65 ปแี ล้ว แต่กย็ ังมหี ้องทำ� งานให้ นงั่ ดฝู น ถ้านบั เกณฑ์ 60 ปเี ป็นอายุเกษยี ณ ผมกเ็ ลยเกณฑ์มานานกว่า 6 ปี บางครัง้ รสู้ กึ ไมอ่ ยากจะเช่ือวา่ ตัวเองมชี ีวติ ยืนยาวมาถงึ อายุ นี้ อายุท่เี ห็นเลข 70 อยไู่ ม่ไกล เมอื่ ยงั เปน็ เด็ก และแมแ้ ตเ่ ม่ือยงั 182
เปน็ หนมุ่ เห็นคนอายุ 60-70 ปี กด็ ูวา่ แกม่ ากจริงๆ แต่ท�ำไม เมอ่ื ตวั เองมอี ายุใกล้ 70 ปเี ข้าจรงิ ๆ กลบั ไม่รู้สกึ ตัววา่ แก่ เพียง แตร่ สู้ กึ วา่ มอี ายมุ าก ผมยงั มสี ตพิ อทจ่ี ะรตู้ วั วา่ บดั นเ้ี รามอี ายสุ งู ขนึ้ จนอย่ใู นช่วงปลายของชีวิตแลว้ คิดถงึ กว๋ ยเตีย๋ วเรือชามละบาททร่ี งั สติ เม่ือยังเป็นเด็ก ผมชอบฟังผู้เฒ่าผู้แก่คุยกัน หัวข้อสนทนาที่ผม ไดย้ นิ อยบู่ อ่ ยๆ คอื เรอ่ื งในอดตี คณุ ตาชอบคยุ ใหฟ้ งั ถงึ คา่ เงนิ สมยั ทา่ นยงั เปน็ หนมุ่ กว๋ ยเตย๋ี วชามละหา้ สตางคส์ บิ สตางค์ ขา้ วเกวยี นละ ไม่ก่ีสิบบาท ในขณะที่ผมนั่งฟังอยู่น้ันเป็นเวลาก่อนก่ึงพุทธกาล สกั สามสป่ี ี กว๋ ยเตย๋ี วชามละหกสลงึ กาแฟแกว้ ละหนง่ึ บาท โอเลยี้ ง สองสลงึ โคลา่ ทย่ี งั ไมเ่ รยี กวา่ โคก้ เปบ๊ ซท่ี ยี่ งั ไมม่ แี บบกระปอ๋ ง นำ�้ ซาสี่ เซเวน่ อพั ทผ่ี มเขา้ ใจวา่ นำ้� อดั ลมจำ� พวกนท้ี ำ� มาจากตน้ ตะไคร้ ขวดละหนง่ึ บาท ผมยังได้ใช้เหรยี ญหา้ สตางค์ เหรยี ญสิบสตางค์ เหรยี ญยส่ี ิบสตางค์สีด�ำมีรูตรงกลาง เหรียญสลึง ยงั ไมม่ เี หรียญ บาท มแี ตธ่ นบัตรท่ีเรียกวา่ แบง๊ คบ์ าท แบง๊ ค์สบิ แบ๊งคย์ ่สี ิบ และ สูงสดุ แค่แบ๊งค์ร้อย คงเพราะก๋วยเต๋ียวชามละหกสลึงสมัยผมเรียนชั้นประถมกระมัง ที่ท�ำให้คุณปู่คุณตาสนุกกับการคุยย้อนอดีตไปเมื่อก๋วยเต๋ียว 183
ชามละไม่กสี่ ตางค์เมือ่ 20-30 ปกี อ่ น ผมไมแ่ นใ่ จวา่ เรอ่ื งราวใน อดีตท่ีผู้เฒ่าผู้แก่คุยกันอยู่ใ่นช่วงเวลาใด แต่น่าจะเป็นเวลาก่อน ปี 2470 เม่ือผมยังเป็นเด็ก มีหน่วยเงินหลายอยา่ งทีไ่ มม่ ใี ชก้ ันอีก แล้ว เชน่ เบ้ยี โสฬส อฐั ไพ เฟื้อง หน่วยทเี่ รยี กเปน็ สตางคค์ ง นำ� มาใชใ้ นสมยั หลงั ๆ 100 สตางคเ์ ปน็ หนง่ึ บาท ผมคนุ้ กบั เหรยี ญ หนึง่ สตางค์ ท่เี รยี กว่า “สตางคแ์ ดง” ทมี่ รี ตู รงกลาง แม้ไมเ่ คย ไดใ้ ช้ แตก่ เ็ คยนำ� มาเลน่ ลอ้ ตอ๊ ก ราคาของเงนิ ทสี่ งู ขน้ึ มากคงทำ� ให้ เหลา่ ผเู้ ฒา่ สนกุ กบั การคยุ ถงึ อดีตสมยั เมอ่ื มีเงนิ เพียงหนง่ึ ชั่ง หรือ 80 บาทก็นบั วา่ มั่งมีแลว้ ความรูส้ ึกของคณุ ตาตอนนน้ั อาจเหมอื นความรสู้ กึ ของผมตอนน้ที ี่ เห็นราคาสินคา้ ของกนิ ของใชท้ เี่ ปน็ อยแู่ ลว้ กน็ กึ ขำ� กว๋ ยเตยี๋ วราคา ต�่ำสุดชามละ 30 บาท ราคาสูงเท่าน้ีแต่ปริมาณเพียงแค่เอา ตะเกยี บคบี เขา้ ปากสองครง้ั เทา่ นน้ั ปรมิ าณพอๆ กบั กว๋ ยเตย๋ี วเรอื ราคาชามละบาทใตส้ ะพานรงั สติ ทผี่ มหนโี รงเรยี นไปแขง่ กนั กนิ เมอ่ื 53 ปีกอ่ น เดยี๋ วน้ี ก๋วยเตย๋ี วปกตกิ ็ชามละ 30-40 บาท พเิ ศษ 50 บาท แตถ่ า้ ไปกนิ กว๋ ยเตยี๋ วเนอ้ื บางรา้ นทใ่ี ชเ้ นอ้ื ดๆี สง่ั เกาเหลา ราคาก็สงู ถึงชามละ 70-80 บาทน่ันทีเดียว ดรู าคาของกินอย่างอนื่ บา้ ง เด๋ยี วนี้ น้ำ� อัดลมขวดละ 12 บาท ข้นึ จากเมอ่ื ผมเปน็ เดก็ 12 เทา่ กาแฟเย็นใส่ถ้วยกระดาษทใี่ หญ่ ข้นึ แต่ราคากเ็ พิ่มขนึ้ จากบาทเดยี วเป็น 20 บาท แก้วกาแฟเย็น 184
หรือแก้วโอเล้ียงอย่างที่ผมเคยเห็นเม่ือยังเด็กไม่มีให้เห็น อีกแลว้ ขนมหวาน เช่นขา้ วเหนียวหนา้ กงุ้ หน้าปลา หนา้ สงั ขยา แต่ก่อนห่อด้วยใบตอง กลัดเป็นห่อด้วยไม้กลัด ราคาห่อละ 2 สลงึ หรือ 50 สตางค์ เดย๋ี วนีใ้ ส่ถุงพลาสตกิ ชดุ ละ 5 บาท ผมเคยกินลอดช่องน้�ำกะทิที่ยายปานวางหาบขายท่ีตลาดถ้วย เบ้อเร่อ ถ้วยละสลึงเดียว เดี๋ยวน้ี ลอดช่องราคาถ้วยละ 10-20 บาท ผมจะไมพ่ ดู ถงึ ราคาสนิ คา้ อยา่ งอน่ื ๆ พดู ไปกเ็ ปน็ ประเดน็ เดยี วกนั วา่ ราคาสนิ คา้ ทกุ วนั นก้ี บั ในอดตี เมอื่ ครง่ึ ศตวรรษกอ่ นแตกตา่ งกนั มาก และความแตกตา่ งกนั นที้ ำ� ใหผ้ มรสู้ กึ สนกุ เมอื่ นกึ ถงึ อดตี เมอ่ื นกึ มาถึงตรงน้ี ผมกร็ ำ� พงึ กบั ตวั เองว่า “โลกเราทกุ วนั นี้ แพงข้นึ มากจรงิ ๆ” คิดถงึ ทางรถยนตใ์ นอดตี : แคบแต่คลอ่ ง อีกเรอ่ื งหน่งึ ท่ผี มชอบฟังผ้เู ฒา่ ผแู้ ก่คยุ กันเมื่อตอนเดก็ ๆ คอื เรอ่ื ง ความเจริญของบ้านเมือง บ้านผมเป็นบ้านนอก แม้จะห่างจาก กรุงเทพฯ ไม่ถึง 100 กิโลเมตร แตเ่ ม่อื ผมยงั เปน็ เดก็ กรุงเทพฯ กด็ หู ่างไกลเสยี เหลือเกิน 185
คณุ ตาเล่าเรื่องการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยทางเรือ จากต�ำบล ท่ีผมอยู่ใช้เรือแจวมาทางคลองส�ำโรงก็ได้ หรือจะออกทะเลที่ ปากนำ�้ บางปะกง แลว้ เลย้ี วขวาเลยี บชายฝง่ั มาเขา้ แมน่ ำ�้ เจา้ พระยา ทปี่ ากน�้ำ สมทุ รปราการ แล่นมาถึงกรุงเทพฯเลยกไ็ ด้ จำ� ได้คลับ คล้ายคลับคลาว่าคุณตาบอกใช้เวลาเปน็ วนั กว่าจะถงึ กรุงเทพฯ เส้นทางคลองส�ำโรงนี้ เม่ือร้อยกว่าปีก่อนท่านสุนทรภู่เคยใช้เดิน ทางมาเยย่ี มพอ่ ทเ่ี มอื งแกลง ทา่ นลอ่ งเรอื มาตามคลองสำ� โรง ผา่ น บางพลี บางบ่อ บางสมัคร บางววั มาออกแมน่ ้�ำบางปะกงทปี่ าก ตะคลองท่ใี กล้ๆ กบั บ้านผมเอง ในขณะทน่ี ง่ั ฟงั คณุ ตาคยุ เรอ่ื งการเดนิ ทางสมยั เมอ่ื ทา่ นยงั เปน็ หนมุ่ ที่ต้องอาศัยเรือและเกวียนเป็นพาหนะหลัก ผมเดินทางเข้า กรุงเทพฯด้วยรถโดยสารได้แล้ว โดยมาตามถนนสุขุมวิท ผ่าน คลองด่าน บางป้ิง ปากนำ้� (สมุทรปราการ) ส�ำโรง บางนา และ พระโขนง ถนนสุขมุ วทิ ตอนน้ันยังเป็นถนนสองเลน กว้างเพียงให้ รถสวนไปมา ถงึ แมถ้ นนจะแคบ และรถไม่ได้วงิ่ เรว็ นกั แต่สมัย น้ันรถยังน้อย การจราจรไม่ติดขัด จึงใช้เวลาเดินทางราวสอง ชวั่ โมง หกสิบปีผ่านไป บ้านนอกของผมเหมือนจะกลายเป็นชานเมือง กรุงเทพฯ ไปแลว้ ถนนบางนา-ตราด ช่วยใหไ้ มต่ ้องออ้ มไปทาง 186
ปากน�ำ้ หลายบ้านหลายตำ� บล เช่น บางพลี บางบ่อ บางววั ท่ี เคยเขา้ ถงึ ไดเ้ ฉพาะทางนำ้� เดยี๋ วนม้ี ถี นนกวา้ งนบั สบิ เลนผา่ น แถม ท�ำเป็นทางยกระดับผ่านตลอดเลยไปถึงชลบุรีอีกด้วย แล้วยังมี มอเตอรเ์ วยต์ ดั ผา่ นใกลบ้ า้ น ถนนหนทางสรา้ งเพมิ่ ขน้ึ มากมายเปน็ เครือข่ายอย่างกับใยแมงมุม ไม่น่าเช่ือว่าเด๋ียวน้ีคนแถวบ้านผม เขา้ มาทำ� งานในกรงุ เทพฯ โดยเดนิ ทางแบบไปเชา้ เยน็ กลบั ไดอ้ ยา่ ง สบาย เคยนง่ั รถรางไปโรงเรียน ผมเข้ามาอยูก่ รงุ เทพฯ เมื่อปี 2503 ห้าสิบสีป่ ีมาแลว้ ผมมโี อกาส น่ังรถรางไปโรงเรียน ต้นทางอยู่ตรงสะพานเฉลิมโลก ประตูนำ้� รถรางแลน่ ไปทางสแี่ ยกราชประสงค์ เลย้ี วขวาไปตามถนนพระราม หนึ่ง ผ่านกรมต�ำรวจ วัดปทุมวนาราม ผ่านสนามศุภชลาศัย ตลาดเจริญผล แล้วไปสุดทางทีิ่เชิงสะพานกษัตริย์ศึกฝั่งที่ข้าม คลองผดุงกรุงเกษมไปแล้ว รถรางมโี บกเี้ ดยี วแตแ่ บง่ ทน่ี ง่ั ออกเปน็ สองสว่ น ชนั้ หนงึ่ อยสู่ ว่ นหนา้ มีเบาะรองท่ีนั่งไม้เป็นแถวยาวติดต่อกันตามแนวสองข้างของโบกี้ หันหน้าเข้าหากัน ที่นั่งช้ันหน่ึงกับชั้นสองแบ่งกันตรงกลางโบก้ี 187
ด้วยฉากลูกกรงไม้ท่ีกั้นเฉพาะท่ีนั่ง ค่าโดยสารช้ันหนึ่งสลึงเดียว ค่าโดยสารชัน้ สองที่นัง่ ไม้แขง็ ไมม่ ีเบาะนุม่ รองนัง่ เพยี งสิบสตางค์ รถรางวง่ิ ไปตามรางโดยใชไ้ ฟฟา้ จากสายไฟทพี่ าดเหนอื รางรถ ผม คดิ ถึงเสยี ง แกง๊ แก๊ง แก๊ง ท่พี นกั งานขบั รถรางส่นั ระฆงั ให้เกดิ เสยี งสญั ญาณเหมอื นจะบอกว่า “มาแล้ว มาแลว้ กรุณาหลีกให้ ทางรถรางด้วยครบั ” รถรางไม่ต้องกลับล�ำเพราะทั้งสองด้านสามารถเป็นหัวเป็นท้ายรถ ไดเ้ หมอื นกนั เมอื่ สดุ ทางจะวง่ิ ยอ้ นกลบั คนขบั เพยี งสลบั มาขบั อกี ดา้ นหนง่ึ ทา้ ยรถขามากก็ ลายเปน็ หวั รถขากลบั ทนั ที พนกั งานเกบ็ ค่าโดยสารท�ำหน้าที่ย้ายเบาะรองนั่งมาไว้ส่วนหน้าเพื่อให้เป็นท่ีนั่ง ชัน้ หนงึ่ ไดร้ าคาคา่ เบาะเพ่มิ อีกเท่าตัว คา่ โดยสารรถรางส�ำหรับ นักเรียนยิ่งถูกลงไปอีกถ้าซ้ือคูปองนักเรียน หน่ึงเล่มร้อยใบ เพยี ง 5 บาทเท่ากับราคาใบละ 5 สตางค์ ถา้ อยากนั่งชน้ั หน่ึง กใ็ ช้คูปอง 2 ใบ ผมนึกสงสารตัวเองเม่ือนึกถึงเหตุการณ์วันหนึ่ง วันที่ผมไม่มีเงิน เหลือติดกระเป๋าเลยแม้แต่สลึงเดียว คูปองรถรางก็หมดไปหลาย วันแล้ว ผมตอ้ งเดนิ จากยศเสกลบั บ้านทีป่ ระตูนำ�้ เดินไปก็มองดู รถรางผ่านไปอย่างวังเวงใจ คูปองรถรางใบละ 5 สตางค์เราก็ ไมม่ ีจริงๆ หรอื โอ้...ชะตาชวี ติ 188
ผมมเี ร่ืองในอดีตให้คดิ ถงึ อกี มากมาย เหตกุ ารณ์ต่างๆ ท่เี กิดข้นึ ในชว่ งหกสบิ กวา่ ปขี องชวี ติ เปน็ เรอ่ื งมากพอทผี่ มจะคดิ ถงึ ไปตลอด ชีวิตทีเ่ หลืออยู่ ค�ำกล่าวที่ว่า “คนแก่ชอบเลา่ ความหลงั ” เหน็ จะ จริง แต่... ตอนน้ีผมยังไมแ่ ก่น่นี า 189
๒๑เคยเล่าเรอ่ื งนีไ้ ว้เมอื่ ปลายปี 2558 ยอ้ นรอยพฤติกรรม ความคดิ ของผู้สงู วยั ประชากรและการพัฒนา ปที ่ี 36 ฉบับท่ี 1 ตลุ าคม-พฤศจิกายน 2558
เสาร์หน่ึง กลางเดือนสิงหาคม 2558 เพ่ือนร่วมรุ่นท่ีเข้า มหาวิทยาลยั พรอ้ มกันในปี 2509 นดั ไปรับประทานอาหารฉลอง วันเกิดใหเ้ พือ่ น 2-3 คน ท่เี กิดในเดือนนี้ 4-5 ปีท่ีผา่ นมาน้ี พวก เรา มกั นัดชุมนุมกนั ตอนกลางวัน เพราะไมส่ ะดวกท่ีจะกลับบ้าน ตอนกลางคนื คนที่เข้ามหาวทิ ยาลยั ต้ังแตเ่ มือ่ 49 ปีมาแลว้ ย่อม สบายใจกว่าทีจ่ ะเดนิ ทางกลบั บ้านในขณะพระอาทิตยย์ งั ไม่ตกดนิ เพือ่ นๆ ไปร่วมงานกันราว 30 คน พวกเราจองหอ้ งเฉพาะ เพอ่ื ความเป็นส่วนตัว แม้จะจบมหาวิทยาลัยมานานกว่าส่ีทศวรรษ มาแลว้ กใ็ ช่วา่ พวกเราจะสงบเสงย่ี ม การรวมกลุ่มกนั ในหอ้ งแยก ต่างหากจะท�ำให้พวกเราสนุกสนานเฮฮากันได้โดยไม่รบกวนใคร คนอายุมากๆ แต่เมือ่ เขา้ กลุม่ เข้าพวกรุ่นราวคราวเดยี วกัน อายุก็ ไม่สามารถปิดปากพวกเราไม่ให้ส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจเหมือนนก กระจอกเขา้ รังได้ เพลงพาเรายอ้ นอดีต เพอ่ื นคนหนง่ึ สอู้ ตุ สา่ หน์ ำ� กตี า้ รต์ ดิ มอื ไปดว้ ย เครอื่ งดนตรเี พยี งชน้ิ เดียวก็ช่วยท�ำให้บรรยากาศของงานสนุกสนานขึ้นมาก วันน้ัน เพื่อนที่เป็นดนตรีได้เล่นกีต้าร์ประกอบการร้องเพลงของเพ่ือนๆ ผมว่าการมีคนเล่นเครื่องดนตรีให้เราร้องเพลงดีกว่าร้องเพลงกัน 192
สดๆ โดยไมม่ ีเครอื่ งดนตรีประกอบ และอาจจะดกี ว่าเปิดเครอื่ ง คาราโอเกะ (เปิดคาราโอเกะท่ีรา้ นนัน้ ต้องเสียเงนิ พิเศษเปน็ พันๆ บาท) เราเลน่ ดนตรเี อง จะรอ้ งเพลงอะไรกไ็ ด้ คาราโอเกะอนญุ าต ใหเ้ ราร้องเฉพาะเพลงทมี่ ีอยใู่ นรายการเทา่ น้นั คนรนุ่ ราวคราวเดยี วกบั ผม เปน็ วยั รนุ่ เรยี นชนั้ มธั ยมประมาณปลาย ทศวรรษ 2500 และเร่มิ เปน็ หนุ่มสาวเมอื่ ตน้ ทศวรรษ 2510 น้นั คุ้นชินกับเพลงสุนทราภรณ์ ฟังเพลงลูกกรุงโดยนักร้อง ชรินทร์ (งามเมอื ง) นนั ทนาคร สุเทพ วงศ์ก�ำแหง รวงทอง ทอง ล่นั ทม เป็นอาทิ นักรอ้ งเพลงลูกท่งุ ท่ฟี งั กันอยใู่ นสมัยนั้น กเ็ ช่น สุรพล สมบัติเจรญิ พร ภริ มย์ ไวพจน์ เพชรสพุ รรณ นกั รอ้ ง เพลงฝรั่งท่ีพวกเราคล่ังไคล้คงไม่มีใครเกิน เอลวิส เพรสลีย์ จะเรยี กคนรุ่นผมตามเสยี งเพลงรว่ มสมยั วา่ เป็น “รุ่นสุนทราภรณ”์ หรอื “รุน่ เอลวิส เพรสลีย์” กค็ งพอจะได้ งานวนั นน้ั เรารอ้ งเพลงสมยั ทเ่ี รม่ิ เปน็ หนมุ่ สาวกนั อยา่ งสนกุ สนาน พวกเราคุ้นชินกบั ทุกเพลง พอจะรอ้ งตามกันได้ และท่สี นกุ ย่ิงขนึ้ คอื พวกเราเอาเพลงเชียร์ของคณะ เพลงเชียร์-เพลงซง้ึ ๆ ของ มหาวิทยาลยั มาร่วมรอ้ งกัน เพลงเชยี รแ์ ละเพลงประจ�ำสถาบนั เหลา่ น้ี ชวนให้ร�ำลกึ ถึงความหลงั เมื่อเกอื บ 50 ปีกอ่ น คิดถึง บรรยากาศเมอื่ เราใชช้ วี ติ อยรู่ ว่ มกนั ในรว้ั มหาวทิ ยาลยั เหตกุ ารณ์ ในอดตี เหมอื นเพงิ่ เกดิ ขึน้ เมอื่ ไมน่ านมาน้เี อง 193
ผมกำ� ลงั ตดิ ตามความรสู้ กึ นกึ คดิ และพฤตกิ รรมของตวั เองเมอื่ อายุ มากข้ึน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยปลายของชีวิต ผมสังเกตว่า เมื่อเพ่ือนๆ รุ่นเดียวกันมาพบปะสังสันทน์กัน แม้อายุจะสูงขึ้น จนเรยี กวา่ เปน็ ผสู้ งู วยั ไดอ้ ยา่ งเตม็ ปากแลว้ กต็ าม กย็ งั มพี ฤตกิ รรม ไม่ต่างไปจากเดิมเม่ือสมัยยังเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือ หนุ่มสาว สนุกสนานกันอย่างไรก็จะยังคงเป็นอย่างน้ัน ยกเว้นบางคนท่ี ประสบการณ์ชวี ติ ทำ� ให้เปลย่ี นบุคลกิ ไปบา้ ง เม่อื อายมุ ากขน้ึ สงั ขารก็เสอ่ื มลง ผมคดิ อยเู่ สมอวา่ ผสู้ งู อายเุ ปลย่ี นพฤติกรรมไปเพราะ “สังขาร” และ “สงั คม” เป็นปจั จยั กำ� หนด แมค้ วามรู้สึกนึกคิดจะเหมือน เดมิ แตผ่ สู้ งู อายกุ ท็ ำ� ตามใจไมไ่ ด้ เพราะสงั ขารหรอื สภาพรา่ งกาย ของตวั เองเปน็ กรอบบงั คบั ไวป้ ระการหนง่ึ และยงั มสี งั คมทก่ี ำ� หนด บทบาทของผู้สงู วัยไว้อกี ประการหนง่ึ สมองเป็นสว่ นหนง่ึ ของสงั ขาร ผมสงั เกตตัวเองวา่ สมองของผมท�ำ หน้าที่ถดถอยไปบ้างแล้ว เคยเป็นคนท่ีจ�ำอะไรได้ไวและแม่นย�ำ กก็ ลบั กลายเป็นคนขีห้ ลงข้ลี มื บทโคลงกลอนอาขยานที่ท่องจำ� ได้ ตั้งแต่เด็ก ก็ได้อยู่แค่น้ัน อยากจะจ�ำกลอนเพราะๆ อีกสักบท สองบท สมองก็ไม่รับเอาเสียเลย ผมเคยท่องบทสวดมนตภ์ าษา 194
บาลไี ด้หลายบทในเวลาอนั รวดเร็วเม่อื สมัยยงั หนุ่ม แตเ่ ดี๋ยวน้ี แค่ บทสวดสนั้ ๆ ทอ่ งแลว้ ทอ่ งอกี กจ็ ำ� ไมไ่ ด้ ผมลมื ชอื่ คนอยา่ งนา่ เจบ็ ใจ กระทง่ั คนทเี่ คยสนทิ คนุ้ เคยกนั เหน็ หนา้ กนั แตก่ น็ กึ ชอ่ื ไมอ่ อก ผม ถามเพื่อนๆ รุ่นเดียวกนั ได้ความว่าา หลายคนประสบปญั หา ความเส่อื มของสมองเหมือนๆ กัน พวกเราจึงลงความเหน็ ว่าอายุ สงู ข้นึ สมองย่อมมีความเสอื่ มลงบ้างเป็นธรรมดา หลงๆ ลมื ๆ ไปบ้างกย็ ังดีกว่าเป็นโรคสมองเสือ่ ม อลั ไซเมอร์ คนแกข่ ี้หลงข้ีลมื จงึ เป็นเรื่องปกติ นอกจากสงั ขารสว่ นสมองจะเสอื่ มแลว้ สรรี ะรา่ งกายของผมกเ็ สอ่ื ม ไปด้วย ตัวผมเองเคยเป็นคนแคล่วคล่องว่องไวเมื่อยังเป็นหนุ่ม เดย๋ี วนี้ สงั ขารไมอ่ ำ� นวยใหผ้ มไววอ่ งคลอ่ งแคลว่ เหมอื นเดมิ อกี แลว้ เม่ืออายมุ ากข้นึ อวัยวะตา่ งๆ ก็เรม่ิ เสอ่ื มสภาพลง บางคร้ังใจสู้ แตก่ ายไมไ่ หว คำ� สอนของใครต่อใครจงึ ออกมาเป็นเสยี งเดียวกนั ว่า “แก่แล้วต้องเจียมสังขาร” อายุมากแล้วต้องรู้จักประมาณ สมรรถนะร่างกายตน ส่งิ ท่ีทำ� ไดง้ ่ายๆ เมอ่ื กอ่ น อาจจะกลายเป็น เรอื่ งยากไปเสยี แลว้ ครง้ั หนง่ึ ไมน่ านมาน้ี ผมขน้ึ ไปยนื บนเกา้ อเ้ี พอ่ื เปลีย่ นหลอดไฟซงึ่ เป็นเรอื่ งทผ่ี มเคยท�ำอยบู่ อ่ ยๆ แต่คราวน้ี การ ทรงตวั ของผมกลบั ไมม่ น่ั คงเหมอื นกอ่ น พลาดตกจากเกา้ อี้ ซวนเซ ล้มลงไม่เป็นท่า ดีแต่ว่าร่างกายไม่เป็นอะไร แต่ก็ได้บทเรียนว่า เราต้องเจยี มสังขารเสียแลว้ การข้ึนไปยนื บนเก้าอี้ ไตบ่ ันได ปนี 195
ต้นไม้ ออกแรงยกของหนกั เล่นชักคะเยอ่ เลน่ กีฬาทต่ี ้องใช้แรง หรือความเร็ว ฯลฯ เหลา่ นตี้ ้องระวงั อยา่ อวดเกง่ ทำ� เองเลย สังคมกำ� หนดบทบาทใหผ้ สู้ งู วยั ผู้สูงวัยจะประพฤติปฏิบัติตนอย่างไรนั้นบางทีก็ต้องดูสังคมด้วย เหมอื นกัน ผมคดิ วา่ ทุกสงั คมกำ� หนดบทบาทใหก้ ับผู้สงู อายุ โดย ทว่ั ไป สงั คมจะมองผสู้ งู อายวุ า่ เปน็ ผอู้ าวโุ ส เปน็ ผมู้ ี “วยั วฒุ ”ิ เรยี ก แบบลำ� ดบั ญาติก็เปน็ ปยู่ า่ ตายาย หรืออาจเปน็ ถงึ ทวด เรยี กแบบ ไมล่ ำ� ดบั ญาตกิ เ็ ปน็ ถงึ แมเ่ ฒา่ พอ่ เฒา่ ในสงั คมไทยใหค้ วามเคารพ นับถือผู้สูงวัย จึงเหมือนว่าสังคมได้วางกรอบให้ผู้สูงวัยประพฤติ ปฏิบตั ิตนอย่แู ล้ว คนไทยมีประเพณีขอพรจากผ้สู งู วยั สังคมไทยก�ำหนดใหผ้ ู้สูงวยั มี บทบาทในการใหศ้ ลี ใหพ้ รแกผ่ อู้ อ่ นวยั ใครทม่ี อี ายมุ ากเขา้ ขา่ ยเปน็ ผสู้ ูงวัยแล้ว กต็ อ้ งเตรียมพรไว้อวยใหผ้ เู้ ยาว์วัยไดเ้ ลย เพราะต้อง มโี อกาสใชอ้ ยา่ งแนน่ อน ผมเขยี นแนะนำ� ใหผ้ กู้ ำ� ลงั จะสงู วยั เตรยี ม ค�ำอวยพรไว้ให้คนรุ่นเยาว์ แต่ตัวเองกลับยังไม่ได้เตรียมพรไว้ให้ อย่างเปน็ ชิน้ เปน็ อัน สองสามปีที่ผ่านมา เด็กๆ มาขอพรจากผม ผมกร็ อ้ งอวยพรเปน็ เพลงวา่ “ใหส้ ขุ กายสขุ ใจเหมอื นดงั นำ้� ในคงคา ให้สุขกายสุขตาเหมือนดังพระจันทร์วันเพ็ญ สดชื่นเหมือนดัง 196
ดอกไม้ เม่ือยามน�้ำค้างพร่างพรม ให้ทรัพย์สินอุดม ให้พบแต่ ความรม่ เย็น” (ถ้านึกสนุกขึ้นมา ผมก็จะร้องเพลงอวยพรใหฟ้ งั ถงึ 3 เท่ยี ว) เมือ่ ผมมีอายมุ ากข้นึ จนเรยี กไดว้ า่ เปน็ ผู้สงู อายุเตม็ ตวั แลว้ ผมก็ พยายามประพฤตติ นให้เหมาะสมกบั บรรทดั ฐานของสงั คม ผมไม่ อยากไดร้ ับบทลงโทษจากสังคม เช่นการถกู ประณามหรอื ถูกแอบ นนิ ทาลบั หลงั วา่ เปน็ “เฒา่ หวั ง”ู “ตาแกบ่ า้ กาม” “ตาแกข่ เ้ี มา” ฯลฯ ผมอยากเป็นผู้สูงอายุที่มีพรศักด์ิสิทธิ์ท่ีจะให้แก่ผู้เยาว์ ตอนนี้ ผมกพ็ ยายามยดึ “พรหมวหิ าร 4” อนั ไดแ้ ก่ เมตตา กรณุ า มทุ ติ า อุเบกขา เปน็ หลกั ธรรมประจำ� ใจ ในชว่ งเวลาสบิ กวา่ ปที ผ่ี า่ นมา ในฐานะประธานคณะกรรมการคดั เลอื ก แมร่ ้อยปขี องมหาวทิ ยาลัยมหิดล ผมมีโอกาสพบ “แม่อายรุ อ้ ยปี” ปีละ 2-3 คน ได้พูดคุยกับท่าน และก่อนลาจากกันทุกครั้ง ผมจะได้รับพรจากคุณยายผู้มีอายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป และทุกคร้ัง ที่ผมกราบที่ตกั ทา่ น รบั พรจากทา่ น ผมรู้สึกปิตเิ หมือนกบั ได้รับ พรจากพระผูท้ รงศลี อยา่ งไรอย่างน้นั “ขอใหพ้ ระคุม้ ครอง บญุ รักษา ขอใหจ้ ำ� เริญ จำ� เริญ ทรัพยส์ นิ เงินทองไหลมาเทมา” 197
198
ความคดิ คำ�นึง ขณะเดนิ ยามเช้า ท่ีชายหาดพทั ยา ทกุ ครงั้ ทผี่ มไปประชมุ ตา่ งจงั หวดั ผมจะถอื โอกาสเดนิ ออกกำ� ลงั กาย ยามเช้าในพื้นท่ีน้ัน เมื่อคราวไปประชุมคณะกรรมการสมาคม วางแผนครอบครัวแหง่ ประเทศไทย (สวท) ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี ณ โรงแรมเอวัน พัทยา 28-30 สงิ หาคม 2558 ผมกอ็ อกเดินยามเชา้ เชน่ เคย 199
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242