Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน้าที่ สว.

หน้าที่ สว.

Description: ทีมงานได้ดึงงานบางส่วน ทั้งการผลักดันกฎหมาย การติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ การเสนอแนะให้คำปรึกษา รวมถึงงานอื่นๆ ตามบทบาทหน้าที่ของ สว. ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562-มีนาคม 2564 ยกเว้นงานตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ด้วยการตั้งกระทู้ถาม ปรึกษาหารือ อภิปรายซักถาม และการเสนอรายงาน ได้แยกทำหนังสือต่างหาก

การจัดทำเป็นอีบุ๊ค ลำดับ 8/2564 เล่มนี้ เพื่อบันทึกไว้เป็นฐานข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และพัฒนางานสาธารณะตามสมควรต่อไป

Keywords: อำพล จินดาวัฒนะ

Search

Read the Text Version

| 151

| 152

| 153 วันน้ี (9 มค.63) ประชุม กมธ.พิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 63 ของ สว.นัดท้ายๆแล้ว เพื่อพิจารณารา่ งรายงาน กอ่ นเสนอทป่ี ระชุมวุฒสิ ภา วนั ท่ี 20 มค.63 วุฒิสภามีหน้าที่และอำนาจ “รับหรือไม่รับ” ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่ผ่าน มาจากสภาผู้แทนราษฎรเท่านัน้ ไมม่ ีสิทธิพิจารณาปรบั แก้รายมาตราเหมอื นสภาผูแ้ ทนฯ งานที่ กมธ.ชุดนี้ทำ จึงเป็นเพียงการพิจารณาศึกษาเพื่อส่งให้วุฒิสภาใช้ ประกอบการพจิ ารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณทงั้ ฉบบั เท่านนั้ ประโยชน์ที่เกิดจากการทำงานของ กมธ. คือ การที่ได้ซักถาม แลกเปลี่ยน ท้วงติง และเสนอแนะการทำงานและการใช้งบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งหลายอย่างเป็นการแลกเปลี่ยนกันในที่ประชุม หลายอย่างบันทึกอยู่ใน รายงาน หากหน่วยงานต่างๆนำไปพิจารณาเรื่องท่ีดีๆประกอบการทำงาน ก็ จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาตไิ ดม้ าก ผมเคยนั่งใน กมธ.พิจารณางบประมาณปี 2550/51 รวม 2 คร้ัง สมัยเป็น สนช. คราวนั้นทำบทบาททั้ง สส. และ สว. ไปพร้อมกัน คราวนี้นั่งใน บทบาทของ สว. ในมุมมองสว่ นตวั เหน็ วา่ หนึ่ง งบประมาณแผ่นดินสูงขึ้นมากตามลำดับ ถ้าถูกนำไปใช้อย่างตรงเป้า และมปี ระสทิ ธภิ าพ ประเทศจะพัฒนากา้ วหน้าไปได้มาก สอง ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐมีจำนวนมากขึ้น การทำงานยังแยก ส่วนแบบรายสาขา (function based) ตามกฎหมายของแต่ละส่วน มีการ

| 154 ใช้คำว่า “บูรณาการ” อยู่มาก แต่การทำจริงยังบูรณาการน้อย เพราะ ระบบ โครงสร้าง การบริหาร งบประมาณและตัวชี้วัด ยังแยกส่วนกันอยู่ เหมือนๆเดิม ยังไม่เห็นการลด-ละ-เลิก งาน/หน่วยงานที่ล้าสมัยและไม่ควรทำ/ไม่ควรมี ต่อไป เรียกวา่ “ของเก่ายงั คงอยู่” และมี “ของใหม่เพ่ิมข้ึน” สาม มีความพยายามให้เน้นการทำงานแบบเน้นพื้นท่ี (area based) และ เน้นยุทธศาสตร์ (strategic based) เพื่อแก้จุดอ่อนการทำงานแบบราย สาขา แตย่ งั ให้ความสำคัญกับบทบาทของชมุ ชนทอ้ งถ่นิ (พ้ืนท)ี่ นอ้ ย งานยัง รวมศูนย์อย่างเข้มข้น ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของสังคมและโลกท่ี เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่ี มีความคิดส่งเสริมบทบาทของท้องถิ่นอยู่บ้าง เช่น การสนับสนุนให้พื้นที่ (กลุ่มจังหวัด) และ อปท.ตั้งงบประมาณทำงานเอง การจัดหาแหล่งน้ำขนาด เล็ก จะให้เป็นบทบาทของ อปท. เป็นต้น แต่ก็ยังเป็นส่วนน้อยและยังไม่ เข้มแข็ง ระบบตรงนี้ควรได้รับการส่งเสริมการพัฒนาอย่างจริงจัง พร้อมกับ ลดบทบาทหน้าที่ของราชการส่วนกลางและภูมิภาคให้น้อยลงอย่างเป็น รูปธรรม อะไรที่พื้นที่/ท้องถิ่น/ชุมชนทำกันเองได้ ควรส่งเสริมสนับสนุน จรงิ จัง สำหรับปีนี้เป็นปีแรก อบจ.มีสิทธิตั้งงบประมาณเองส่วนหนึ่ง และต้องมา ชี้แจงการตั้งงบประมาณในร่าง พ.ร.บ.เอง และตั้งแต่ปีหน้าเทศบาลและ อบต.ทุกแห่งตอ้ งช้ีแจงงบประมาณเองดว้ ย ห้า การคิดงาน การทำงบประมาณ การทำงานและใช้งบประมาณ ส่วน ใหญย่ ังราชการยงั คงคดิ เองทำเอง (คดิ แทน-ทำแทน)เหมอื นร้อยๆปีทีผ่ ่านมา (governance by state) ซึ่งควรจะปรับมาสู่การคิดและทำด้วยกัน (governance by partnership) ให้มากขนึ้ แตก่ ย็ งั ไกลความหวงั

| 155 ประเทศไทยยังคงเปน็ ลกั ษณะ “รฐั ใหญ่-ประชาชนเลก็ ” งบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ยังคงใช้กันเองโดยราชการมาก ประชาชน และชุมชนมีโอกาสร่วมใช้น้อยเหมือนเดิม อย่างมากก็แค่เป็น “ตัวประกอบ” หรือ “ไมป้ ระดับ” ของงานราชการ หก มีการคิดงาน ตั้งงบประมาณซ้ำซ้อนกันอยู่ในส่วนราชการต่างๆอยู่ไม่ น้อย มีความพยายามมองภาพรวม และปรับการบรหิ ารจัดการอยูเ่ หมือนกนั เช่น การบริหารจัดการน้ำ โดยหวังให้เกิดเอกภาพทางนโยบายและพยายาม ให้มีการบูรณาการแผนและการปฏิบัติมากขึ้น แต่ยังต้องมีความพยายามทำ ใหเ้ กิดการบูรณาการจริงอีกมาก เจ็ด มีการกำหนดให้ทุกส่วนราชการปรับการทำงานและตั้งงบประมาณให้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ซ่ึง ส่วนราชการส่วนใหญ่ก็จับ “งานเดิม” ของตัวเองใส่กล่องยุทธศาสตร์ให้ ตามใจที่รัฐบาลสั่ง แต่โครงการและวิธีการทำงานยังคงเป็นแบบเดิมๆ เช่น การจัดอบรม ประชุมสัมมนา การจัดอีเว้นท์ โครงการนำร่อง ศึกษาต่างๆ ....ซึ่งดูไม่มีพลังเพียงพอในการสนองต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่ง ต้องการการคดิ “ยุทธวิธีทำงานใหม่ๆ” ให้ทันสมัยกว่าเดมิ แปด การตั้งงบประมาณยังไม่มีการคำนึงถึงการจัดสรรงบประมาณเพื่อลด ความเหลื่อมล้ำ เพิ่มความเป็นธรรมเชิงพื้นที่ที่ชัดเจน ยังเป็นไปในทิศทางที่ ทำให้ “ไหใหญ่ล้น ไหน้อบบเ่ ต็ม” เหมือนๆเดิม เรื่องนี้สำคัญ กมธ.ฯ จึงได้ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ให้รัฐบาลนำไปพิจารณาให้ ความสำคัญ “ควรให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณที่นำไปสู่การลด ความเหลื่อมล้ำ เพิ่มความเป็นธรรมเชิงพื้นที่ โดยมีหลักเกณฑ์วิธีการที่ เหมาะสม ใหส้ อดคล้องกบั แนวทางการพฒั นาทย่ี ั่งยนื และยทุ ธศาสตร์ชาต”ิ เก้า นอกจากเงินงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ยังมีส่วนราชการ หน่วยงานรัฐต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก จัดหา เก็บและใช้เงินนอกงบประมาณ ตามกฎหมายตา่ งๆที่ให้อำนาจไว้

| 156 ที่จริงส่วนราชการต้องรายงานให้ตรวจสอบได้ แต่ในความเป็นจริง ยังหลบ ซ่อนกันไวม้ าก ทำใหห้ ลายองคก์ รมเี งินใช้หลายทาง เช่น สตง.ได้งบประมาณ แผ่นดินไปทำงานแล้ว ยังไปเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแพงๆจากหน่วยงานที่ไป ตรวจ เอาเงินไปใช้จ่ายกันเองอีกต่างหาก นี่ยังไม่นับรวมอีกหลายส่วน ราชการที่นำสมบัติสาธารณะในครอบครองไปทำมาหากิน ได้เงินนอก งบประมาณมาใช้จา่ ยกันเองอกี มาก ในอนาคตฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ต้องทำช่วยกันระบบที่เกี่ยวข้องกับเงิน นอกงบประมาณให้โปร่งใสและตรวจสอบไดจ้ รงิ “ถ้างบประมาณเหมือนไอติมแท่งล่ะก็ ไอติมแท่งนี้ใหญ่มาก แต่มีเจ้าของ มี คนดูดกินประจำมากมาก เมื่อถึงปลายทาง ไอติมก็เหลือติดไม้ให้ชาวบ้านดูด กนิ นดิ ๆหนอ่ ยๆเอง” บนั ทกึ สว.(123) 9 มค. 63

| 157 วันน้ี (20 มค.63) ประชุมวุฒิสภา พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจา่ ย ประจำปี 2563 ซงึ่ สภาผแู้ ทนฯผา่ นความเห็นชอบมาแล้ว วฒุ สิ ภามอี ำนาจเพยี งเห็นชอบหรือไมเ่ หน็ ชอบเท่านั้น ไดค้ ิวอภิปรายคนที่ 19 หลงั เคารพธงชาติ 18.00 น. พอดี ได้ฝากขอ้ สังเกตและข้อเสนอแนะต่อรฐั บาลไว้ 3 ประเดน็ ดงั นี้ หน่งึ งบประมาณลดความเหล่อื มล้ำเชิงพน้ื ท่ี สอง รวมแสงเลเซอร์เพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำ สาม งบประมาณรับมือสงั คมสูงวยั ให้ครอบคลุมทุกมิติ คำอภปิ รายทงั้ หมด ปรากฏตามภาพถา่ ยลายมือตน้ ฉบับครับ บันทกึ สว.(130) 20 มค. 63

| 158

| 159

| 160 ประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (4 กพ.63) กมธ.แก้จนลดเหลื่อมล้ำ นำเสนอ รายงาน “การศึกษา ข้อเสนอเชิงนโยบาย การบริหารหาบเร่แผงลอยใน กทม. เพ่อื สรา้ งเสรมิ เศรษฐกจิ ฐานราก ชวี ติ และชุมชน” โดยประธาน ดร.สังศิต พิรยิ ะรังสรรค์ เปน็ ผูน้ ำเสนอ งานชิน้ น้ีเปน็ รายงานช้ินแรกของ กมธ.ชุดนี้ เป็นผลงานเล็กๆของคณะอนุ กมธ.แก้จนลดเหลื่อมล้ำด้านสังคม ที่ผมเป็น ประธาน ในรายงานนี้ มีการเขียนว่า “หาบเร่แผงลอย คือ ส่วนหนึ่งของชีวิตกรุงเทพ ถ้าขาดหาบเร่แผงลอยแล้ว ไม่เพียงแต่กรุงเทพจะขาดเสน่ห์ แต่อาจหมายถึง กรุงเทพกำลังจะหมดลม หายใจในดา้ นวถิ ชี ีวิตและวฒั นธรรมไปอยา่ งน่าเสียดาย” ต้องขอบคุณคณะทำงานชุดหนึ่งที่ช่วยศึกษาและทำรายงานนี้ ซึ่งมีคุณ ไชยณัฐ เจติยานุวัตร และคุณณัติกาญจน์ สูติพันธ์วิหาร เป็นกำลังสำคัญ ม่งุ ม่นั ทำงานอย่างตง้ั อกตงั้ ใจ ขอบคุณเพื่อน สว.จำนวน 10 ท่าน ที่อภิปรายให้ข้อคิดเห็น ข้อห่วงใย และ ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื ปรับปรงุ รายงาน ที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบให้ส่งรายงานไปยังรัฐบาล เพื่อพิจารณาดำเนินการ ตามอำนาจหน้าท่ีตอ่ ไป ถ้ารฐั บาลนำไปทำจริงสกั 50 % กจ็ ะเกดิ ประโยชน์มากแล้ว จากนีไ้ ปก็เป็นภาคตดิ ตามการปฏบิ ัติละ่ ครับ บนั ทกึ สว.(144) 5 กพ. 63

| 161

| 162 วนั น้ี (4 สค.63) ประชมุ รว่ มรฐั สภา ท่านชวน หลีกภยั เปน็ ประธาน อภิปรายสนับสนุนรบั หลกั การร่าง พ.ร.บ.เข้าชือ่ เสนอกฎหมายของประชาชน เป็นการปรับปรุงกฎหมายเดิม ปี 2542 และปี 2556 ให้สอดคล้องกับ รธน. 2560 พฒั นาดขี ึ้นกว่ากฎหมาย 2 ฉบบั เดมิ ประชาชน 1 หมื่นคน เข้าชื่อเสนอกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของ ประชาชน และเก่ยี วกับหน้าทขี่ องรัฐ โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นหน่วยงานหลักในการ ช่วยเหลอื ประชาชนเสนอกฎหมาย ประชาชนร่วมเสนอกฎหมายผ่านหนังสือและส่อื อีเลก็ ทรอนิกส์กไ็ ด้ ได้เสนอแนะให้เขียนกฎหมายให้ชัดเจนและครอบคลุม ให้สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนฯสนับสนุนงบประมาณในการทำงาน และประสานงาน ของภาคประชาชนผู้เสนอกฎหมายด้วย ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าไปร่วมเป็น1ในคณะกรรมาธิการ 49 คน พิจารณา วาระ 2 ร่างกฎหมายฉบบั น้ีต่อไปด้วย บันทึก สว.(245) 4 สค. 63

| 163

| 164 วันนี้ (7 สค.63) ประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอ กฎหมาย ของรัฐสภา (สส.+สว.) นดั แรก เลือก กมธ.ตำแหน่งตา่ งๆ และกำหนดแนวทางการทำงาน ท่ีประชุมเลอื ก พล.ต.อ.ชชั วาลย์ สขุ สมจิตร์ เป็นประธาน รองประธาน 5 คน สว.กาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เป็นเลขานกุ าร มีโฆษก 6 คน ในนนั้ มผี มอยู่ด้วยคนหนึ่ง ไดพ้ บเพือ่ น สส.หลากหลายพรรค สส.สมศักดิ์ คุณเงิน, สส.สรอรรถ กลิ่นประทุม 2 ท่านนี้เคยเป็นผู้บังคับ บญั ชาสมัยที่อยู่ กสธ., สส.เชดิ ชัย ตันติศริ นิ ทร์ รนุ่ พี่ท่คี ุ้นเคยกัน เปน็ ตน้ งานชนิ้ แรกทีท่ ำคอื ขอใหม้ กี ารถ่ายรปู หมู่ กมธ.ไว้! บันทึก สว.(247) 7 สค. 63

| 165 บ่ายวนั น้ี (25 สค.63) นำทีมโฆษกแถลงข่าวความคืบหน้าการทำงานของ กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอกฎหมายภาคประชาชน พ.ศ....ของรัฐสภา (สส.+ สว.) ทห่ี ้องแถลงขา่ วสภาผูแ้ ทนราษฎร ร่วมกับโฆษกกรรมาธิการอีก 2 ท่าน คือ อดีต สส.สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล และคุณณฏั ฐา มหทั ธนา ร่าง พ.ร.บ.นี้ เสนอโดยสภาผู้แทนฯและรัฐบาล รับหลักการวาระ 1 ในท่ี ประชมุ รว่ ม 2 สภา ไปเม่ือวนั ที่ 4 สค.63 บนั ทึก สว.(263) 25 สค. 63

| 166 บ่ายวนั น้ี (26 มค.64) @ อาคารรฐั สภา ฝั่ง สส. ร่วมกับคุณณัฏฐา มหัทธนา กรรมาธิการ เป็นตัวแทนทีมโฆษก คมธ. วิสามัญพจิ ารณา พ.ร.บ.การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.... ของรัฐสภา สรุป งานให้ประชาชนทราบ สาระสำคัญตามเอกสารขา่ วท่ีแนบครับ บนั ทกึ สว.(367) 26 มค. 64

| 167

| 168 เมื่อวานนี้ (2 กพ.64) ร่วมประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การเขา้ ชอ่ื เสนอกฎหมาย พ.ศ....ของรัฐสภา (สส.+สว.) นดั สดุ ท้าย งานจบแล้ว รา่ ง พ.ร.บ.มีการแก้ไขมากพอสมควร มีกรรมาธิการขอสงวนความเห็นหลายคน หลายมาตรา มีผู้ขอแปรญัตติ 1 คน เม่ือเข้าพิจารณาในวาระ 2-3 ในรัฐสภา คงอภปิ รายกนั อกี พอสมควรทีเดยี ว สิ่งสำคัญๆที่ประชาชนจะได้มากขึ้นกว่าในกฎหมายเข้าชื่อเสนอกฎหมายฉบับ เดมิ ไดแ้ ถลงขา่ วไปแล้ว เม่ือวันที่ 26 มค.64 แล้ว บนั ทึก สว.(375) 2 กพ. 64

| 169 บ่ายวันนี้ (18 มีค.64) รัฐสภาพิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเสนอ กฎหมาย พ.ศ....วาระ 3 ด้วยคะแนน 518 ไม่เหน็ ด้วย 0 งดออกเสยี ง 1 เป็นอีกงานหนึ่งในหน้าที่กรรมาธิการฯและโฆษกกรรมาธิการคนที่ 1 เสร็จ สมบรู ณแ์ ล้ว บันทึก สว.(406) 18 มคี . 64

| 170 เปดิ ประชมุ รฐั สภาตง้ั แต่ 09.30 น. พิจารณาญตั ติขอแก้ รธน. รวม 6 ฉบบั 2 ฉบับ จากพรรคร่วมฝ่ายค้าน และพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล เสนอต้ัง สสร. ยกร่าง รธน.ใหม่ อกี 4 ฉบบั เสนอแก้ไขรายมาตรา วนั นเี้ ปิดใหอ้ ภิปรายกนั ถึงตหี นึ่ง พรุ่งนอี้ ภิปรายต้ังแตเ่ ช้า ถึง 18.00น. แลว้ ให้ส่งมตแิ บบเปดิ เผย พร้อมกนั ทั้ง 6 ฉบบั ไม่วา่ ฉบบั ไหน กไ็ ล่ สว.ท้ังน้ัน เอาไงดคี รบั ? บันทกึ สว.(292) 23 กย. 63

| 171 วันน้ี (24 กย.63) ประชุมรัฐสภาเป็นวันท่ี 2 พิจารณาญัตติการแก้ รธน. 6 ฉบบั ตัดสินใจเตรยี มโหวตรบั 2 ฉบับ ไม่รบั 4 ฉบับ ดว้ ยเหตผุ ลที่ไตรต่ รองไว้แลว้ แตท่ า้ ยที่สดุ ยงั ไมไ่ ด้โหวต ทีป่ ระชมุ ให้ตง้ั กรรมาธกิ าร 1 ชดุ พจิ ารณาศึกษา กอ่ นลงมติ 30 วัน ซึ่งก็ดีนะ ถ้าเห็นว่าการแก้ รธน.มาตรา 256 ควรไปทำประชามติก่อน ก็ไป ทำเสีย ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการให้ตั้ง สสร.มาเขียน รธน.ใหม่ ก็ดำเนินการต่อไป อยา่ คดิ ว่าเสยี เวลา ชา้ นดิ แตช่ ัวรว์ ่าไม่ผิด รธน. พรรคฝา่ ยค้าน 3-4พรรค ไม่เห็นด้วย ไมส่ ง่ คนรว่ มเป็นกรรมาธกิ ารฯ พรรคฝ่ายคา้ นบางพรรค อภปิ รายก้าวร้าวมาก ไม่นา่ รกั เอาเสียเลย เสียดาย ทมี่ ีใจเชียรค์ นรนุ่ ใหม่ ม็อบนอกสภาที่เกี่ยวเนื่องกันก็ก้าวร้าวมาก จาบจ้วง คุกคามและข่มขู่ ล้ำ เส้นสิทธิเสรีภาพเกินพอดี รุ่นเราก็เคยลงถนนกันมาแล้วตั้งแต่เป็นนักศึกษา จนอายุมาก แตก่ ไ็ มเ่ คยกา้ วรา้ วกันขนาดนี้ เสร็จประชุม กว่าจะฝ่าม็อบออกจากสภาได้ ก็ใช้เวลาไม่น้อย บางส่วน ออกมาทางรถ บางส่วนต้องลงเรือ ทุลักทุเล สังคมไทยเรา ไม่น่าไถลไปไกล อย่างน้ี ขอบคณุ เจ้าหนา้ ทท่ี ด่ี ูแลชว่ ยเหลอื เปน็ อยา่ งดคี รับ บันทกึ สว.(294) 24 กย. 63

| 172

| 173 วันนี้ 23-24 กย.2563 ประชุมรัฐสภา (สส.+สว.) พิจารณาการแก้ไข รธน. 2560 เดมิ คาดว่าจะมีการลงมติ 6 ญตั ติ ตงั้ ใจว่า (1) จะโหวต “เห็นด้วย” กับการแก้ไข รธน.มาตรา 256 ให้ตั้งสสร.แก้ไข รธน.ทงั้ ฉบบั ตามท่พี รรครว่ มรฐั บาลเสนอ (2) จะโหวต “เห็นด้วย” กับการแก้ไข รธน.มาตรา 159 และ 272 ตัด อำนาจ สว. รว่ มเลอื กนายกรฐั มนตรที งิ้ ดว้ ยเหตผุ ล (1) ประชาธิปไตยตอ้ งมกี ารพฒั นาเป็นพลวัต หยุดน่ิงอย่กู ับทน่ี านเกนิ ไปไมด่ ี (2) ไม่มีรธน.ที่ดีที่สุดหรือเลวที่สุด รธน.จึงต้องมีการพัฒนา ดีเอาไว้-ไม่ดี ตัดทิง้ ไป (3) การเมืองเป็นส่วนประกอบสำคัญของการพัฒนาบ้านเมือง มีการดึงกัน ไปมา ซา้ ย-ขวา สลบั กันตามจงั หวะเวลาเป็นธรรมดา เหมือน “ลูกตุ้มนาฬิกา เหวี่ยงไปซ้าย-ขวา ไม่มีหยุดนิ่ง” ถ้าหยุดนิ่งเมื่อไร นาฬิกาตายทนั ที (4) การแก้ไข รธน.เป็นสิ่งที่ควรทำได้ โดยให้คนทุกภาคส่วนร่วมคิดร่วมแก้ ไม่ควรผกู ขาดอยู่กบั ฝา่ ยใดฝา่ ยเดียว เหมือนพยายามจบั ลกู ตุ้มนาฬกิ าใหห้ ยุด นิ่งอยกู่ ับที่ด้านใดดา้ นหน่ึงนานเกนิ ไป เป็นการฝืนธรรมชาติ ไมด่ ี (5) “การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน” ผู้ทำหน้าที่อยู่ในระบบตัวแทน ไม่ว่ามา จากเส้นทางใด ต้องฟังเสียงของสังคมตลอดเวลา (แต่ไม่ควรใช้วิธีก้าวร้าว

| 174 กดดัน ละเมิดสิทธิของคนอื่น) และต้องนำมาประกอบการพิจารณาในการ ทำหน้าที่ ด้วยวิจารณญาณเพื่อส่วนรวม แต่ในท่ีสุด ยงั ไม่ไดโ้ หวต เนื่องจากที่ประชุมรัฐสภามีมติให้ตั้งกรรมาธิการ 45 คน ไปศึกษาร่างแก้ไข รธน.ท้งั 6 ฉบับ 1 เดือน แล้วค่อยกลับมาพจิ ารณาในสมยั ประชุมหนา้ ก็ตอ้ งใจเย็น รออีกนดิ นงึ่ บันทึก สว.(295) 25 กย. 63

| 175 ประชมุ วุฒสิ ภา 21 กย. 63 ไดค้ วิ อภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 คนแรก ได้เวลาอภิปรายเพียงคนละ 12 นาที เพื่อเสนอแนะเกี่ยวกับงบประมาณ แผ่นดนิ 3.28 ล้านลา้ นบาท เศรา้ จัง!! เตรยี มอภิปราย 4 เรอ่ื ง พูดได้แค่ 2 เรือ่ ง หนึ่ง ระบบราชการไขมันเพยี บ!! งบประมาณบคุ ลากรภาครฐั (ม.38) = 776,887 ลา้ นบาท บวกกบั ท่ีซอ่ นอยู่ ที่งบกลาง (ม.7) = 465,290 ล้านบาท เท่ากับ 1,242,177ล้านบาท คิดเป็น 37.8% ของงบประมาณทง้ั หมด (3.285 ลา้ นล้านบาท) ที่จริงยังมีแฝงอยู่ในงบประมาณส่วนอื่นๆและของ อปท.อีก น่าจะเกิน 40 % ถึง 45 % เขา้ ไปแลว้ ถ้าไม่ปรับระบบบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ลดกำลังคนภาครัฐ อย่างเป็น รูปธรรม อีกไม่นานจะไมม่ ีเงินพัฒนาประเทศ!?! ในยทุ ธศาสตรช์ าติ ในแผนปฏริ ูป ในนโยบายรฐั บาลมพี ูดถงึ การลดไขมนั แต่ในทางปฏิบัติจริง ดูว่ายังห่างไกล ยิ่งปฏิรูป กำลังคนภาครัฐ (ส่วนกลาง และภมู ภิ าค) ยิ่งเพม่ิ !!! สอง งบรายจ่ายบูรณาการ (ม.37)=250,742 ล้านบาท หลักคิดดี ให้ส่วน ราชการร่วมคิดขาขึน้ แล้ววางงบประมาณไวท้ ่หี น่วยเจา้ ภาพ แต่หลักปฏิบัติก็ยังแยกกันทำอยู่ดี งบประมาณนี้เลยกลายเป็นเงินก๊อก 2 ของส่วนราชการตา่ งๆ

| 176 ไดเ้ สนอให้ใช้ “ตำบล” เปน็ พ้นื ท่บี รู ณาการ คิดแผนงานโครงการจากล่างขึ้น บน แบบ 4 ประสาน (1) สว่ นราชการส่วนกลาง (2) ส่วนภูมภิ าค (3) อปท. และ (4) ประชาสงั คม/สภาองค์กรชมุ ชนตำบล เมื่อวางงบประมาณในส่วนราชการใดก็ตาม เวลาปฏิบัติจริง ก็ต้องให้ทั้ง 4ส่วนร่วมปฏบิ ตั ิ ร่วมใช้งบประมาณ โดยเนน้ บรู ณาการงานในพ้ืนท่ีเดยี วกัน เป็นการทำงานแบบ “หุน้ สว่ น” ไมไ่ ชแ่ ยกทำโดยหน่วยตา่ งๆอยา่ งเดมิ สาม งบประมาณ อปท. (ม.33) = 90,978 ลา้ นบาท เสนอแนะ 2 เร่ือง (1) ควรกำหนดสัดส่วนงบประมาณ อปท.: งบประมาณส่วนราชการ ใน ลักษณะขาขึ้น คือ เพิ่มงบประมาณให้ อปท. ลดงบประมาณส่วนราชการ ส่วนกลาง/ภูมภิ าคลงให้ชดั เจน (2) ควรเน้นให้ อปท. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อบจ. ตั้งงบประมาณสนับสนุน การจัดหาแหล่งนำ้ ขนาดเล็กใหค้ รอบครัว/ชุมชน ในสดั ส่วนทีส่ งู อย่างมีนยั ยะ สำคัญ ลดสัดสว่ นงบประมาณทำถนนหนทางลง ส่ี งบประมาณอดุ มศกึ ษาฯ (ม.13) = 47,139 ลา้ นบาท เสนอแนะใหก้ ำหนด นโยบายใหส้ ถาบนั อดุ มศกึ ษา ปรบั สัดส่วนงานใหมเ่ ป็น 4 ด้าน = 1:1:1:1 คือ ผลิตและพัฒนาคน : วิจัย พัฒนาความรู้เทคโนโลยี : สนับสนุนการ พฒั นาชมุ ชนทอ้ งถ่ิน : อ่นื ๆ นั่นคือ เพิ่มบทบาททำงานสนับสนุนการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้ชัดเจน มี งบประมาณไปทำงานด้านนน้ั ใหม้ ากขนึ้ เป็นรปู ธรรมชัดเจน บันทึก สว.(290) 21 กย. 63

| 177

| 178 วนั นี้ (26 ตค.63) มปี ระชมุ รัฐสภาสมัยวสิ ามญั อภิปรายทัว่ ไป ไดใ้ หข้ ้อคดิ เหน็ แก้วิกฤตชาติ 3 ประเดน็ หนง่ึ หลักคิดการแก้ปญั หา สอง ปรากฏการณ์ & ความจริง สาม ทางออก คำอภิปราย ตามนคี้ รบั เรียน ท่านประธานรฐั สภาท่เี คารพ ผม นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ขอขอบพระคุณท่านประธานที่ให้โอกาสผมอภิปรายทั่วไปตามเรื่องด่วนท่ี ครม.เสนอในวันนี้ เพื่อให้ข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและต่อทุกภาค ส่วนในสงั คม เพื่อรว่ มกนั ฝ่าวิกฤตของประเทศไทยไปด้วยกนั ผมขออภิปรายในภาพรวม 3 ประเด็น ดงั น้ี คอื 1. หลกั คิดการแก้ปัญหา 2. สถานการณ์ & ความจริง 3. ทางออก 1. หลกั คดิ การแกป้ ัญหา ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ประเทศของเราได้เดินเข้าสู่จุดวิกฤตรุนแรงครั้งสำคัญ อีกครั้งหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุใดก็ตาม วิกฤตครั้งนี้ซ้ำเดิมเข้ากับ

| 179 วิกฤตสุขภาพ วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตสิ่งแวดล้อม และวิกฤตความเหลื่อมล้ำ ทีม่ มี ายาวนาน ถ้าเราออกจากวิกฤตได้เร็วก็ดีตอ่ ประเทศชาติ ถา้ เราตกอยใู่ นวกิ ฤตนานกไ็ มเ่ ปน็ คณุ กับใครเลย ประเทศของเราเปน็ ส่วนประกอบเล็กๆของโลก โลกทุกวันนี้ก็เต็มไปด้วยวิกฤต กลายเป็นโลกโกลาหล บ้านเราก็กำลังเป็น สังคมโกลาหล เม่อื มีความโกลาหล โดยธรรมชาติจะเกิดการจัดระเบยี บใหม่ การจัดระเบียบ ใหม่เปน็ ไปได้ท้งั ทางดีและทางร้าย เราจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อให้สังคมเปลี่ยนผ่านไปในทางที่ดีกว่าเดิม มีวุฒิ ภาวะเจรญิ กา้ วหนา้ กว่าเดิม การจัดระเบียบหลังความโกลาหล “ควรใช้ปัญญา ความรัก ความ ประนีประนอม รอมชอม สานประโยชน์ เพือ่ อยดู่ ้วยกันได้ ไปดว้ ยกันได้” ไดบ้ ้าง เสียบ้าง แต่ภาพรวม ส่วนรวมต้องดีกวา่ เดมิ การหันหนา้ เขา้ คุยกนั ลดการช้หี น้าด่าทอ ประณาม แบ่งเขาแบ่งเรา เปล่ียน จาก “การทอนกำลังกัน” มาเป็น “การสานพลังกัน” จะเปน็ ทางออกที่ดี นี่คือหลักการ ทิศทาง แนวทางที่ควรกำหนดขึ้นร่วมกัน เพื่อเดินไปด้วยกัน ด้วยระบบและกระบวนการสรา้ งสรรค์ทร่ี ่วมกันกำหนดข้ึน

| 180 2. สถานการณ์และความจรงิ บ้านเมืองเป็นของเราทุกคน มีระบอบ ระบบ โครงสร้างสืบต่อมายาวนาน มี พัฒนาการตามลำดับ ดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วแต่ช่วงเวลาและยุคสมัย ซึ่งต้องมี พฒั นาการต่อไป ประชาธิปไตย ก็คือ การแบ่งสรรอำนาจและผลประโยชน์เพื่ออยู่ร่วมกัน อย่างสงบสุข มีความเป็นธรรมเหลื่อมล้ำน้อย ซึ่งต้องมีการปรับปรุง เปล่ยี นแปลงตลอดเวลา เพอ่ื พยายามหาจดุ สมดุลท่เี หมาะสม เหมือนลูกตุ้มหน้าปัดนาฬิกาที่ต้องเหวี่ยงไปมาซ้ายขวา เข้าหาจุดสมดุลไม่ หยดุ นง่ิ เมอ่ื ใดทีส่ ังคมเสียสมดลุ มากๆก็จะเกดิ วิกฤต ถ้ามองเชงิ การเมือง บ้านเรามีวกิ ฤตทางการเมืองมาหลายคร้ังหลายครา แต่ ทุกคร้ังเรากพ็ ากันผา่ นมาได้ วิกฤตครั้งนี้ เรากต็ อ้ งพากนั ผ่านให้ไดค้ รบั ย้อนไป 40-50 ปี ตุลาคม 2516 เราผ่านการเมืองขวาสุด ลูกตุ้มนาฬิกา ประชาธิปไตยเหวี่ยงมาซ้ายสุด ไม่กี่ปีถัดมาก็เหวี่ยงกลับทางขวา ยืดเยื้อ ยาวนานหลายปี เราเคยผ่านยุคบุฟเฟ่คาบิเนต ผ่านพฤษภา 2535 แล้วก็เหวี่ยงขวามาซ้าย ปี 2540 เราได้ รธน. ฉบับที่เรียกว่า ฉบับประชาชน จากนั้นลูกตุ้มนาฬิกา ประชาธิปไตยก็เหวี่ยงต่อขวา-ซ้าย , ซ้าย-ขวา ผ่าน 2549 และ 2557 เหวี่ยงมาขวาสุดอีก หลังจากที่สังคมแตกออกเป็น 2 ขั้ว เกิด คสช. เข้ามา หยา่ ศกึ พยายามยุติวิกฤตคืนความสงบ รัฐบาล คสช. ได้ทำประโยชน์แก่ประเทศหลายประการ ไม่มีเวลาจะกล่าวถึง ในที่นี้

| 181 แต่เมื่อเวลาเนิ่นนานไป 6-7 ปี จากรัฐบาล คสช.สู่รัฐบาบหลังเลือกตั้งตาม รธน. 2560 ที่ให้สังคมเข้าใจว่า เป็นความพยายามหยุดลูกตุ้มนาฬิกา ปชต. ไว้ทางขวา ไมย่ อมให้เหวี่ยงหาสมดุล จงึ เกิดแรงกระชากกลับเปน็ ธรรมดา เกดิ แนวโนม้ - เกิดรัฐราชการรวมศูนย์ ราชการนิยม ความเช่ือมั่นในทิศทางรัฐบาล อำนาจมาก (state governance) - ลดทอนพลงั การกระจายอำนาจส่ชู ุมชนท้องถ่นิ - ลดทอนการมสี ่วนร่วมของสังคมลงไปมาก - โครงสร้างและระบบที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมยังไม่ได้ รบั การปฏริ ูปเทา่ ทค่ี วร จึงเป็นธรรมดาที่ลูกตุ้มนาฬิกา ปชต. จะเหวี่ยงกลับแรง ถ้าลูกตุ้มนาฬิกา หยดุ อยู่กบั ท่ีจดุ ใดจุดหนึ่งนาน กเ็ ท่ากับนาฬิกาตาย แต่สังคมมีชีวิต ลูกตุ้มนาฬิกา ปชต.จึงต้องเหวี่ยงซ้าย-ขวา , ขวา-ซ้าย ตลอดเวลา - ปรากฎการณ์นักเรียน นักศึกษา ประชาชนเคลื่อนไหวทางการเมือง เรียกร้องการมีส่วนร่วม เรียกร้องรัฐบาลในเรื่องต่างๆ เสนอความคิด ความ ฝนั ความต้องการในฐานะทเ่ี ป็นสว่ นหน่ึงของสงั คม จึงเป็นความงดงาม -ปรากฎการณ์ที่รัฐบาลรับฟัง มีท่าทีประนีประนอม รอมชอม ยืดหยุ่น ก็ เปน็ ความงดงามเชน่ กัน เราจึงน่าจะเดนิ ไปดว้ ยกันได้ด้วยสันตวิ ิธี - ถ้าต้องการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง ก็จะเกิดความ ขัดแย้งรุนแรง

| 182 - ถ้าต้องการรวบอำนาจมาก แช่แข็งนาน ไม่ปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้ สอดคล้องกับสังคมและโลกที่เปลี่ยนไป ก็จะเกิดความขัดแย้งรุนแรงไม่รู้จบ เชน่ เดยี วกัน เหล่านคี้ อื สถานการณค์ วามจรงิ ทข่ี อกล่าวไว้ 3. ทางออกจากวกิ ฤต เป็นการดีที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ต้องใช้วิธีการแก้วิกฤตในเชิงระบบ วันนี้จึง มกี ารเปิดรฐั สภาอภปิ รายทั่วไป เพือ่ แสวงหามรรควธิ ีที่สนั ติ ฝ่าวกิ ฤตรว่ มกัน เราต้องหันมาทก่ี ารแก้ไข รธน. ทีเ่ ปน็ กติกาสงู สดุ ของประเทศ รธน.ทุกฉบับที่ผ่านมามีทั้งข้อดีข้อเสีย ฉบับปี 2560 ก็มีดีมีด้อย ก็ควร ปรับปรุงแก้ไขได้ จึงไม่แปลกใจเลยที่จะให้มี สสร. มายกร่าง รธน.ใหม่กัน เปิดให้ทุกภาคส่วน เขา้ รว่ ม จะใช้วิธีการตั้งคณะกรรมการมาทำงานคู่ขนานกับกระบวนการ สสร.ก็ได้ กอ่ นปี 2540 เรากเ็ คยทำมาแลว้ จนนำมาสกู่ ารมี รธน. ปี 2540 จัดกระบวนการรับฟังความเห็น ความฝัน ความคิด ความต้องการของทุก ฝ่าย ทุกเพศวัย ทุกหมู่เหล่า นำมาสังเคราะห์ยกร่าง รธน. ใหม่ อะไรดีใน ของเก่ากค็ งไว้ อะไรไม่ดกี ต็ ดั ท้งิ อะไรใหมท่ ่ดี กี เ็ ติมเขา้ มา เม่อื วนั ที่ 24 กย. 63 ตั้งใจจะโหวตให้ตั้ง สสร. อย่แู ลว้ แตย่ งั ไม่ได้โหวต อีกไม่กี่วันเมื่อรัฐสภาพิจารณาถึงการแก้ไข รธน. รัฐสภาก็ควรให้ความ เห็นชอบให้ตั้ง สสร.ยกร่าง รธน.ฉบับใหม่ เปิดช่องให้ทุกฝ่ายเข้าร่วมกันด้วย วธิ ีทางสันติ ไม่ต้องเสียเวลาขัดแยง้ ลกุ ลามบานปลาย เอาพลงั คนไทยมาร่วมกันออกแบบ รธน. ที่ดีท่ีสุดสำหรบั สังคมไทยกนั ดีกวา่

| 183 การเขียน รธน.ใหม่ ต้องไม่เป็นการซื้อเวลา แต่ควรเป็นโอกาสนรวมพลังคน ทงั้ ชาติ หันหนา้ เขา้ หากัน รอมชอมอำนาจและผลประโยชน์ หาสมดลุ ปชต. ใหม่ สังคมของเราก็จะมีพัฒนาการไปในทางที่ดี เติบโตทางปัญญา เป็นสังคมที่มี วุฒิภาวะ เป็นแบบอย่างการแก้ปัญหาวิกฤตอย่างสันติให้โลกเห็น เหมือนกับ ที่เราร่วมกนั รบั มอื วกิ ฤตโควดิ จนเปน็ ทก่ี ล่าวขวญั ไปทว่ั โลก - เป็นการร่วมกนั ใชส้ มองส่วนสรา้ งสรรค์ที่เปน็ ความงดงามของมนุษย์ - แทนการใช้สมองส่วนสญั ชาตญาณที่ม่งุ ทำลายลา้ งและรุนแรง “เปน็ การพลกิ วิกฤตให้เปน็ โอกาส” ให้ประเทศของเรากา้ วไปขา้ งหน้าครบั บนั ทกึ สว.(309) 26 ตค. 63

| 184

| 185 วันนี้ (อังคาร 17 พย.63) มีประชุมร่วมรัฐสภา (สส.+สว.) พิจารณาญัตติ แก้รัฐธรรมนูญ 7 ฉบบั น่าจะลงมตพิ ร่งุ น้ี อุณหภูมิสังคมร้อนฉา่ ทา่ มกลางอากาศหนาวเยน็ สงั คมไทยแตกแยก เหมอื นแผลเกา่ ทเี่ ย็บไวห้ ลายครง้ั หลายหน แตกปริซ้ำอีก แผลใหญ่ข้นึ อาการหนกั ขน้ึ ตอ้ งต้งั “สต”ิ และใช้ “ปัญญา” ไมพ่ ากันแตกไปใหญ่ คิดเหมอื น คดิ ต่างกนั ได้ แต่ไมไ่ ช่ศตั รูกนั ไม่จำเปน็ ต้องแตกแยกกไ็ ด้ “เมอื่ สตมิ า ปญั ญาเกดิ ” บันทึก สว.(328) 17 พย. 63

| 186 วนั นี้ (18 พย.63) รฐั สภาโหวตร่างแก้ไขรฐั ธรรมนูญ 7 ฉบับ โหวตเห็นด้วย 4 ฉบับ ไม่เห็นด้วย 2 ฉบับ งดออกเสียง 1 ฉบับ เพื่อให้ ลูกตุ้มนาฬิกาประชาธิปไตยเหวี่ยงต่อไปได้ ไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ก็ไม่เห็นด้วย กับการพลิกฟา้ พลิกแผ่นดิน ร้ือนาฬิกาทั้งเรือน ดังน้ี 1) เห็นด้วยฉบับท่ี 1 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ให้ตั้ง สสร.ยกร่างแก้ไข รธน. ไม่แก้หมวด 1 และ 2 2) เห็นด้วยฉบับท่ี 2 ของพรรคร่วมรัฐบาล ให้ตั้ง สสร.ยกร่างแก้ไข รธน. ไม่แก้หมวด 1 และ 2 (เหมือนฉบับที่ 1 แตกต่างกันในรายละเอียด กระบวนการทำงาน) 3) เห็นด้วยฉบับที่ 4 ของพรรคเพื่อไทย แก้มาตรา 159 ยกเลิกมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาล ตัดอำนาจ สว.เลอื กนายกรัฐมนตรี 4)เห็นด้วยฉบับท่ี 6 ของพรรคเพื่อไทย แก้มาตราต่างๆเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้ง และการนบั คะแนน เหตุผลที่โหวตเห็นด้วยฉบับ 1 และ 2 เพื่อให้มีการแก้ไข รธน.ปี 60 ให้ เหมาะสมกับสังคมที่เปลี่ยนไป โดยกระบวนการแบบมีส่วนร่วมมากขึ้น และ ต้องมกี ารทำประชามตถิ ามประชาชนด้วยนาฬิกาจะไดไ้ ม่ตาย โหวตเห็นด้วยฉบับ 4 เพื่อตัดอำนาจ สว.ที่เป็นส่วนเกินในตามบทเฉพาะกาล ทิ้งไป และโหวตเห็นด้วยกับฉบับที่ 6 แก้ไขระบบบัตรเลือกตั้งและการนับ คะแนนทแี่ ปลกประหลาด

| 187 โหวตไม่เห็นดว้ ยฉบับ 3,5 ของพรรคเพ่อื ไทย แก้ไขยกเลกิ อำนาจ สว.ในการ ติดตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูป และการคุ้มครองการกระทำของ คสช. โหวตงดออกเสียงฉบับ 7 ซึง่ เป็นฉบับประชาชนเข้าชื่อเสนอ นี่เรื่องใหญ่ ทำไมโหวตไม่รับหลักการแก้ รธน.ฉบับที่เสนอโดยภาค ประชาชน? (จะเขยี นเหตุผลในบนั ทกึ สว.330) สรุปผลการลงคะแนนของรัฐสภา รับหลักการ 2 ฉบับ คือ ฉบับท่ี 1 และท่ี 2 แก้ รธน.โดยใหม้ ี สสร.มายกรา่ ง รธน. ท่ีประชมุ ได้ตง้ั กมธ.พจิ ารณาวาระ 2 จำนวน 45 คน ฉบบั อนื่ ๆ เปน็ อันตกไป บนั ทึก สว.(329) 18 พย. 63

| 188 เมอ่ื วนั ที่ 18 พย.63 โหวตร่างแก้ไข รธน. 7 ฉบบั เขยี นไปแลว้ งดออกเสียง ฉบับท่ี 7 ท่เี สนอโดยภาคประชาชนมไี อลอว์เป็นแกน วนั น้ี (22 พย.63) ขอเขียนต่อใหจ้ บ ในอดีต ทำงานกับเครือข่ายภาคประชาชนมาไม่น้อย เคยร่วมกันสนับสนุน และขับเคลื่อนการเข้าชือ่ เสนอมาอยา่ งนอ้ ย 3-4 ฉบบั รวู้ า่ เปน็ งานยาก เขา้ ใจความมุ่งมัน่ ต้ังใจและเจตนารมณ์ของภาคประชาชนดี และขอชน่ื ชม เมอื่ ภาคประชาชนเข้าชื่อเสนอ ก็ “มีใจ” ใหเ้ ตม็ ๆ แตพ่ อดูหลกั คิดและเนือ้ หา แล้ว เกิดความ “หนกั ใจ” ด้วยเหตผุ ลดงั น้ี หนึ่ง หลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายฉบับนี้ มุ่งรื้อทิ้งระบบและ โครงสร้างเดิมอย่างมีอคติและสุดโต่งเกินไป โดยไม่สนใจว่าของเกา่ มีอะไรดี- ควรคงไว้บา้ ง อะไรไม่ดี-ควรปรับแกบ้ ้าง แตอ่ อกแนวตอ้ งการทุบทง้ิ ให้หมด สอง หลักการและเหตุผล ระบุการได้มาซึ่ง สสร.แบบสุดโต่ง ซึ่งมีโอกาสถูก ยึดและครอบงำได้ง่ายดายโดยคนบางกลุ่ม เพื่อให้เข้ามายกร่าง รธน.ใหม่ได้ ทกุ หมวด ท้งั ฉบบั สาม บอกว่าจะให้เป็นการทำตามความฝันของประชาชน แต่กลับเขียน หลักการรื้อทิง้ และกำหนดระบบและโครงสรา้ งไว้หลายอย่างที่เปน็ การตั้งธง ไวก้ ่อน และเปิดชอ่ งใหท้ ะลไุ ปเปล่ยี นแปลงอะไรทไี่ กลกว่านั้นอกี ด้วย จุดเด่นงานนี้คือ การเสนอฯโดยภาคประชาชน แต่เม่ือชั่งน้ำหนักกับเนื้อหา หลักการและเหตุผล (ซึ่งจะผูกพันหลังลงมติ แก้หลักการไม่ได้แล้ว) ทำใจ ลำบากเลย

| 189 6 ฉบับแรก ผมรับหลักการ 4 ไม่รับ 2 ฉบับนี้ ถ้าดูเฉพาะหลักการและ เหตุผลลว้ นๆ ก็ตอ้ งไมร่ บั หลกั การ แตเ่ นอ่ื งจากมเี ครดิตทป่ี ระชาชนเข้าชือ่ เสนอ จงึ ตัดสินใจ “งดออกเสยี ง” บนั ทกึ สว.(330) 22 พย. 63

| 190

| 191 เมอ่ื ไมก่ ่ีวันกอ่ น มคี นสง่ ขอ้ มลู น้มี าให้ พรอ้ มกบั ถามว่าจริงหรือไม่? ผมเปิดเข้าไปอ่านข้อมูลในสื่อสังคมบางแห่ง เห็นคนเข้าไปเขียนด่ากันตรึม! 555-55 เมื่อวาน (30 ตค.62) ผู้แทนสำนักงาน กพ.มาเล่าความคืบหน้าการ ดำเนินงานตามแผนปฏิรูป ขยายอายุเกษียณราชการ รองรับสังคมสูงวัย ใน ท่ปี ระชมุ อนุกมธ.ตสร.ปฏริ ปู ด้านสังคม จงึ ถือโอกาสถามถงึ ขา่ วนี้ ผ้แู ทน กพ.บอกว่า “เปน็ ความเข้าใจผิด” นั่นเป็นเพียงการแก้กฎ กพ.ให้ส่วนราชการอนุมัติต่ออายุราชการไม่เกิน 70 ปี ได้เฉพาะบางตำแหน่งที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะ ตามความ ตอ้ งการของหน่วยงาน ซ่งึ กฎหมายเปิดให้ทำได้มาร่วม 10 ปีแล้ว ท่ีผ่านมามี

| 192 ส่วนราชการอนุมัติต่ออายุเพียงเล็กน้อย ทั้งประเทศ ทุกกระทรวงรวมกันแค่ 80 กว่าคนเทา่ นั้น งานครั้งนี้ กพ.ขยายตำแหน่งให้ครอบคลุมกว้างขึ้น แต่ก็ยังเน้นที่ตำแหน่ง วชิ าการเชย่ี วชาญพเิ ศษขน้ึ ไป เพอื่ เปดิ ชอ่ งทางใหส้ ว่ นราชการพิจารณาขยาย อายรุ าชการบางตำแหน่งที่มคี วามจำเป็นไดม้ ากขึน้ เทา่ นนั้ เรียกว่าเป็นการ “เจาะรูเล็กๆ” ให้ขยายอายุเกษียณราชการได้บ้าง แต่ไม่ไช่ การขยายอายเุ กษยี ณราชการโดยรวม สาเหตุที่มีส่วนราชการทำกันนอ้ ย เพราะมีข้อจำกัดทัง้ เรื่อง (1) ตำแหน่ง (2) ตัวบุคคล และ (3)เงินเดือนที่สูง ทำให้ส่วนราชการนั้นๆต้องคิดมาก เพราะ ถ้าอนุมัติต่ออายุใครสักคน ก็จะไม่สามารถใช้ตำแหน่งและเงินเดือนส่วนน้ัน ไปใช้รับข้าราชการใหม่ๆเข้ามาทำงานเพิ่มได้ เพราะถูกควบคุมจำนวน ตำแหนง่ ประเภทตำแหน่ง และวงเงินเดือนรวมอยแู่ ล้ว นั่นเป็นเรื่องที่มีกฎหมายรองรับให้ทำได้อยู่แล้ว แต่เป็นการรองรับการขยาย เฉพาะตำแหน่งส่วนน้อยเท่านั้น และมีข้อจำกัดข้างต้น จนไม่เกิดผลในทาง ปฏบิ ตั ิจรงิ จงั มากนัก ส่วนความคืบหน้าเรื่องการเตรียมขยายอายุเกษียณของราชการตามแผน ปฏิรูปรองรับสังคมสูงวัย มีข้อมูลน่าสนใจมาก จะเล่าต่อตอน2-3-4 ต่อไป ครับ บนั ทกึ สว.(73) 31 ตค. 62

| 193 2 ข้าราชการไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเห็นได้ชัด ข้าราชการสูงอายุมี สดั สว่ นสงู มากเมื่อเทียบกบั ข้าราชการอายุนอ้ ย (ข้อมูลรวม 20 กระทรวง สัดส่วนข้าราชการอายุต่ำกว่า 30 ปี = 12 %,อายุ 31-50 ปี = 59 %, อายมุ ากกวา่ 50 ปี = 29 %) ส่วนอายุคาดเฉลี่ยของคนไทยก็สูงขึ้นมาก เมื่อก่อนอยู่ถึงเกษียณ 60 ปีก็เก่ง แล้ว หลังเกษียณรับบำนาญกินเปล่าอีกไม่กี่ปีก็กลับบ้านเก่า แต่ปัจจุบันและ อนาคต ข้าราชการเกษียณแลว้ ยังนัง่ กนิ นอนกินบำนาญโดยไมต่ อ้ งทำงานอีก ต้งั 20-30 ปี (อายุคาดเฉลี่ยคนเกิดปี 2494 = 44 ปี, อายุคาดเฉลี่ยคนเกิดปี 2561 ขยับ ขึ้นเปน็ = 76 ปี) แล้วทนี จ้ี ะทำยงั ไงกนั ดี? ข้าราชการใหม่ๆก็เข้าไม่ได้หรือได้น้อย เพราะส่วนราชการถูกคุมจำนวน ตำแหนง่ ประเภทตำแหนง่ และวงเงินรวม (ที่สงู มาก)

| 194 จะทำอย่างไรที่มีระบบเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นข้าราชการในสัดส่วนท่ี เหมาะสม เพื่อทำงานสร้างอนาคตของชาติให้รุ่งเรือง ไม่ไช่มีแต่ข้าราชการ รุ่นเก่าๆมากขึ้น แต่ข้าราชการเก่าที่เกษียณแล้วก็ยังมีกำลังวังชา มีประสบการณ์ทำงานให้ ประเทศชาติได้ แทนทีจ่ ะปลอ่ ยเปน็ “ภาระของชาติ” ก็ควรพลกิ กลับมาเป็น “พลังของชาติ” ที่เรียกว่า active ageing (ไม่ไช่ปล่อยทิ้งให้กินบำนาญโดย ไม่มงี านใหท้ ำอกี เป็นสบิ ๆป)ี จะดีไหม? ในแผนปฏิรูปด้านสังคม เสนอขยายอายุเกษียณราชการจาก 60 ปีออกไป เป็น 63 ปีแบบขั้นบันได คือ เริ่มขยายเป็น 61 ปี เว้นไป 2 ปี ขยายเป็น 62 ปี เว้นไปอีก 2 ปี ขยายเป็น 63 ปี (และขยายเฉพาะข้าราชการสาย งานที่ไม่ต้องใช้พละกำลังแรงงาน) ซึ่งสำนักงาน กพ.กำลังศึกษาเรื่องนี้เพ่ือ ทำตามแผนดังกล่าว ผมคิดว่าถา้ ทำตามนัน้ จะเกิดปัญหาใหญต่ ามมาอย่างนอ้ ย 3-4 ประเดน็ ในขณะท่ีนา่ จะมีทางเลือกของเร่ืองนี้ดกี ว่าขยายอายุเกษยี ณราชการตามแผน ดงั กลา่ ว เช่น การเปิดระบบจ้างงานข้าราชการเกษียณให้ทำงานที่เหมาะสมแทนการ ขยายอายเุ กษยี ณ น่าจะดีกวา่ ไหม? ทราบวา่ เรือ่ งนี้ วฒุ ิสภาสมยั หนง่ึ เคยศกึ ษาและเสนอไวแ้ ล้วดว้ ย ตอนหนา้ จะขยายตอ่ ครบั ท่านใดมคี วามคิดเห็นประการใด แลกเปล่ียนกนั ดว้ ยนะครับ หมายเหต:ุ ข้อมูลทเี่ ขียนไวข้ ้างต้นแอบเก็บมาจากเอกสารของสำนักงาน กพ. บนั ทึก สว.(74) 1 พย. 62

| 195 3 ตามแผนขยายอายุเกษียณราชการที่สำนักงาน กพ.กำลังศึกษาและทำตาม แผนปฏิรูปประเทศด้านสงั คม รองรบั สังคมสูงวยั คือ จะเสนอแก้กฎหมายขยายให้ข้าราชการเกษียณท่ี 63 ปี (โดยทำแบบ ข้ันบนั ได 2 ปี ขยาย 1 ปี ใช้เวลา 6 ปี) จะไม่ครอบคลุมกลุ่มตำแหน่งผู้บริหาร และตำแหน่งที่ต้องใช้สมรรถนะทาง กายหรือตรากตรำหรอื เสยี่ งสูง จะครอบคลุมเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใช้สมรรถนะทางกาย กลุ่มที่ใช้วิชาการ/ความ เชย่ี วชาญ โดยจะให้ใช้อายุราชการที่ 60 ปีเป็นจุดคำนวณบำเหน็จบำนาญ แต่ให้เป็น ข้าราชการอยู่ในตำแหน่งเดิม ทำงานต่อไปได้อายุไม่เกิน 63 ปี ขี้นเดือนข้ึน ไดต้ ามแท่งเงนิ เดอื นปกติ มีการศึกษา รับฟังความเห็นกลุ่มย่อยต่างๆ ตามลำดับ มีการวางแผน ดำเนินการไว้พอสมควร รวมไปถึงแผนพัฒนาศักยภาพข้าราชการสูงวัยให้ พัฒนาเทา่ ทันยุคสมัยทเี่ ปลีย่ นแปลงด้วย เม่ือไดร้ ับทราบขอ้ มลู เหล่านี้ ทำใหเ้ กิดข้อหว่ งใยใหญ่ 3 ประการ คอื หนึ่ง จะทำให้ราชการมีตำแหน่งว่างมาใช้รับข้าราชการใหม่ลดลงอย่างมาก ทำให้สถานการณ์สักส่วนข้าราชการอายุน้อยที่ต่ำอยู่แล้วต่ำลงไปอีก เพราะ จำนวนและตำแหน่งข้าราชการรวมถกู คมุ กำเนิดอยู่แลว้ สอง เงินเดือนที่มีกรอบใหญค่ มุ ภาพรวมอยู่แลว้ จะถกู ดึงไปจา่ ยให้ขา้ ราชการ ที่ขยายอายุราชการเป็นจำนวนมาก (คือเกษียณช้าลงและมีเงินเดือนสูง) ก็ จะไมม่ ีเงนิ มาให้กับขา้ ราชการใหม่ทจ่ี ะเข้าสูร่ ะบบ

| 196 สาม การที่ต้องจำแนกตำแหน่งว่าตำแหนง่ ใดเข้าข่าย-ไม่เข้าข่ายขยายอายฯุ จะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในหมู่ข้าราชการทั้งประเทศ กลุ่มไหน สายไหน เสยี งดัง มีอำนาจกจ็ ะมีโอกาสได้ต่ออายมุ ากกว่า ประกอบกับการพิจารณาว่าใช้หรือไม่ใช้สมรรถนะทางกายหรือไม่ ไม่ไช่เรื่อง จะทำได้โดยงา่ ย ตวั อย่างเชน่ ตำแหน่งพยาบาล ถา้ ทำงานเป็นพยาบาลดูแล ผู้ป่วยใน รพ.(bed side care) ต้องสลับอยู่เวร ทำงานหนัก อายุ 45-50 ปี ก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว ซึ่งอย่างนี้จะจำแนกว่าพยาบาลเป็นตำแหน่งใช้ สมรรถนะทางกายหรือไม่ แต่ถ้าพยาบาลทำงานด้านส่งเสริมสุขภาพ งาน ดูแลสุขภาพครอบครัวชุมชน ยิ่งสูงอายุ ยิ่งมีประสบการณ์มากและทำงานได้ ดมี าก ตำแหน่งอย่างนีจ้ ะจำแนกใหไ้ ด้ต่อหรือไมไ่ ดต้ อ่ อายุ? เปน็ ต้น จากเหตุผล 3 ข้อข้างต้น จะมีผลกระทบทำให้ระบบราชการอ่อนแอลง หรอื ไม่? จะทำให้เกิดความขัดแย้งและความไม่เป็นธรรมขึ้นมากมายในระบบราชการ เดมิ หรือไม่? เป็นคำถามใหญ่ที่สังคมต้องการคำตอบ เพื่อเป็นหลักประกันที่เชื่อมั่นได้ ก่อนทีจ่ ะมกี ารลงมอื แก้กฎหมายเดินไปตามเส้นทางข้างต้น

| 197 ข้อเสนอแนะท่สี ำคญั คือ ควรมีการคิดระบบอื่นที่ดีกว่า ที่เปิดโอกาสให้ข้าราชการอายุเกิน 60 ปี ยัง ทำงานให้กับประเทศชาติได้ โดยไม่ต้องขยายอายุเกษียณ ไม่บั่นทอน ประสิทธิภาพของระบบ (ที่มีคนเขาบอกว่าไม่ค่อยดีอยู่แล้ว) ให้แย่ลงไปอีก และไม่สรา้ งความขดั แยง้ แตกแยกที่จะตามมา หรือไม่? สำนักงาน กพ.ควรศึกษาเพื่อสร้างทางเลือกทางนโยบายควบคูไ่ ปด้วย ดีกว่า เลือกเดินทางเดียวหรือไม?่ แผนและข้นั ตอนปฏริ ูปไมไ่ ชค่ ัมภรี ์ หรือคำส่ังเบ็ดเสรจ็ เดด็ ขาด สามารถแก้ไข ปรับเปลยี่ นไดห้ ากมเี หตุผลความจำเปน็ และมีทางเลือกทด่ี กี วา่ ท่ีสำคัญ ควรเปดิ ช่องให้สังคมเขา้ มารว่ มคิดด้วยดีหรอื ไม่? ตอนท่ี 4 จะเสนอแนะทางเลือกครับ บันทึก สว.(75) 2 พย. 62

| 198 4 ถาม: ถ้าไม่ต้องขยายอายุราชการจาก 60 ปี เป็น 63 ปี แต่ทำให้ ข้าราชการอายุเกิน 60 ปี ที่เกษียณแล้ว ซึ่งมีเงินบำนาญเลี้ยงชีพเป็น พื้นฐานแล้ว มีงานสาธารณะทำ เป็นพลังของชาติ มีรายได้เพิ่ม ตัวระบบ ราชการก็ไม่ติดขัด ข้าราชการใหม่ก็ไหลเข้ามาเติมได้ตามเดิม ไม่ต้องติดขัด ชะงกั งนั และไม่ก่อใหเ้ กดิ ความแตกแยก ทำไดห้ รือไม่? ตอบ: ทำได้ ทำได้ง่ายกว่าด้วย ผู้แทนสำนักงาน กพ.ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมี ระบบจ้างงานคนเกษียณอายุแล้วมาทำงานได้อยู่แล้ว อาจใช้เงินนอก งบประมาณหรือขอตั้งงบประมาณมาใช้จ้างก็ได้ แต่ทำได้จำกัดเฉพาะงาน ราชการบางประเภทเทา่ น้นั ซึง่ ยังเป็นเสน้ ทางเลก็ ๆเทา่ นั้น ตัวอย่างที่ผมรู้ ในระบบราชการสาธารณสุข ข้าราชการแพทย์ที่เกษียณอายุ ราชการแล้ว สมัครใจไปทำงานตรวจรักษาผู้ป่วย ปัจจุบันมีระบบสมัครเข้า ทำงานได้อยู่แล้ว โดยมีระบบ/ระเบียบค่าตอบแทนตามปริมาณงาน ก็ สามารถทำงานให้ประเทศชาติได้ เป็นพลังแทนภาระ มีรายได้เพิ่มเติมจาก บำนาญดำรงชวี ิตไดด้ ี

| 199 แต่พยาบาลที่เกษียณแล้ว ไม่มีระบบจ้างงานหลังเกษียณ ทั้งๆที่มี ความสามารถสูงในการทำงานบริการวิชาชีพส่งเสริมสุขภาพ ดูแลผู้ป่วยท่ี บ้านที่ชุมชน (ซึ่งมีความต้องการมาก) และพยาบาลในระบบมีไม่เพียงพอ เพ่มิ ไม่ได้ ตดิ ขดั ที่จำนวนตำแหนง่ และเงินเดอื น ช่องทางแนวนี้ที่มีอยู่แล้ว แต่ยังต้องการการพัฒนาและขยาย เพื่อเปิดให้มี “ระบบจ้างงานหลังเกษียณ” สำหรับงานสาขาต่างๆให้กว้างขวาง มีระบบ การเงินการคลังรองรับการจ้าง อาจใช้เงินทั้งในและนอกงบประมาณก็ได้, มี ระบบ matching งานกับคน, มีระบบพัฒนาศักยภาพให้สอดคล้องกับงาน ใหม่ๆ, มีระบบประเมนิ /ประกนั คุณภาพไมใ่ หเ้ กดิ ภาวะเช้าชามเย็นชาม ฯลฯ โดยไม่ต้องขยายอายุราชการ ไม่ต้องก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อระบบ ราชการปกติ ข้าราชการคนใดที่เกษียณอายุ 60 ปีแล้วไม่อยากทำงานต่อ ก็ไม่บังคับ, ใคร อยากทำงานต่อ ก็มีงานที่เหมาะสมกับสมรรถนะ ให้เลือกสมัคร, อยากทำ เต็มเวลาหรือบางเวลาก็เลือกได้, มีการจ่ายค่าตอบแทนตามลักษณะงาน ปริมาณงาน และผลงาน งานบริการสาธารณะก็จะมีคุณภาพและมี ประสทิ ธภิ าพ อยา่ งน้ีจะดีกวา่ แก้กฎหมายขยายอายุเกษยี ณราชการไหมครบั ท่าน? บนั ทึก สว.(76) 3 พย. 62

| 200 วันน้ี (จันทร์ 18 พย.62) ตั้งกระทู้ถามด้วยวาจา ในการประชุมวุฒิสภา เรือ่ ง “การขยายเกษียณอายุราชการ” ตามท่ีเปน็ ข่าวในช่วงเดือนทผ่ี า่ นมา ท่านรองนายกรัฐมนตรี (ดร.วิษณุ เครืองาม) ได้รับมอบหมายจาก นายกรฐั มนตรีมาตอบกระทูน้ ้ี ไดต้ ง้ั ถามไป 2 ขอ้ ใหญ่ (ตามภาพถา่ ยโน้ตลายมอื ) ท่านรองนายกรฐั มนตรตี อบ โดยสรปุ ดงั น้ี ข้อ 1) ข่าวที่มีการเผยแพร่กัน คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ปกติตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 108 ให้ส่วนราชการ ขออนุมัติขยายการเกษียณอายุราชการบางตำแหน่ง รวม 8 ตำแหน่งได้อยู่ แล้ว 4 ปี + 3 ปี + 3 ปี คือ ขยายได้ไม่เกิน 70 ปี ที่เป็นข่าวนั้น เป็นการ อนุมัติแก้กฎ กพ. เพิ่มตำแหน่งอีก 28 ตำแหน่ง รวม 36 ตำแหน่งในส่วน ราชการบางแหง่ ไมไ่ ช่การขยายอายเุ กษียณราชการทัง้ หมด (ข้อมูลเพิ่มเติม: เป็นการขยายได้เฉพาะข้าราชการในตำแหน่งสูงๆที่ต้อง อาศัยความเชี่ยวชาญพิเศษหรือเฉพาะ, มีส่วนราชการขออนุมัติขยายน้อย เพราะตอ้ งใชต้ ำแหนง่ เดมิ และส่วนใหญ่มเี งนิ เดือนสงู ) ข้อ 2) การเตรียมขยายการเกษียณอายุราชการจาก 60 ปี เป็น 63 ปี แบบขั้นบันได เป็นการเตรียมดำเนินการตามแผนและขั้นตอนปฏิรูปประเทศ ดา้ นสงั คม สำนักงานกพ.ทำการศึกษาวิจัยและเสนอต่อ กพ.แล้ว 3 รอบ มีการรับฟัง ความคดิ เห็นต่อเนื่อง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook