Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คติความเชื่อกับงานศิลปะ

คติความเชื่อกับงานศิลปะ

Published by khansuwan.test, 2021-09-25 14:47:52

Description: คติความเชื่อกับงานศิลปะ

Search

Read the Text Version

เร่ืองยอ่ หนงั สือรวมบทความเร่ืองเมืองเชียงใหม่ : ศิลปะ สถาปัตยกรรมและความเชื่อ เล่มน้ี เป็ นหนงั สือที่เกิด จากความร่วมมือของคณาจารยค์ ณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ที่ต่างมีความเช่ียวชาญและ ทกั ษะเฉพาะทางท่ียอดเยีย่ ม และไดร้ ่วมกนั เขียนบทกวีและบทความ รวม ๗ เรื่องท่ีแสดงถึงความโดดเด่นของ ฐานความรู้ที่หลากหลาย ความสัมฤทธิผลของบทความท่ีสะทอ้ นออกมาน้นั แสดงให้เห็นถึงความพยายามใน การคน้ ควา้ ศึกษาวจิ ยั ศาสตร์ต่างๆ โดยนาโจทยท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั บริบทของพ้ืนที่เมืองเชียงใหม่เป็นหลกั คุณค่าของ ผลงานท่ีปรากฏ แสดงถึงการร้อยเรียงภูมิรู้ของคณาจารย์ ใน ๕ ประเด็นหลกั ได้แก่ ๑. ประวตั ิศาสตร์และ แนวคิดเรื่องเมือง ๒. กายภาพของเมืองเชียงใหม่และเวียงกุมกาม ๓. พลวตั รของผงั เมืองเชียงใหม่และการใช้ พ้ืนที่ในช่วงเวลาต่างๆ ๔. ระบบภูมินิเวศน์ ระบบปกป้องธรรมชาติ อนั เป็ นฐานคิดด้งั เดิมของผูค้ น ๕. การ วิเคราะห์ความน่าจะเป็ นของแบบแผนทางสถาปัตยกรรม และพลวตั รที่ไม่หยุดนิ่ง แนวคิดของคณาจารย์ มีความน่าสนใจ และต่างนาฐานคิดจากขอ้ มูลทางประวตั ิศาสตร์ มาเชื่อมโยงกบั วิธีคิด ความเชื่อจากศิลปะ วฒั นธรรม ปัญหาจากการพฒั นาของเมือง ซ่ึงนอกจากจะใชใ้ นการเรียนการสอนแลว้ ยงั เป็ นการต่อยอดทาง วชิ าการท่ีน่าชื่นชม และถือเป็ นเอกลกั ษณ์สาคญั ของคณาจารยค์ ณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ที่พยายามนาองค์ความรู้พ้ืนถิ่นมาต่อยอดสู่กระบวนการคิดแบบสากล อนั จะเป็ นประโยชน์มากต่อการ สร้างสรรคง์ านสถาปัตยกรรมที่จะเกิดข้ึนในอนาคต หากผสู้ ร้าง ไดอ้ ่านเรื่องราวท่ีมีการวิเคราะห์อยา่ งแยบยลใน รวมบทความเล่มน้ี จะสามารถสร้างแนวทางที่มีจุดยนื ร่วมกนั ระหวา่ งฐานคิดเดิมของเมืองเชียงใหม่และพลวตั ร แห่งการเปล่ียนแปลงไปของโลกได้อย่างลงตวั งดงาม และแฝงไวด้ ้วยกระบวนความคิดที่นาไปสู่การสร้าง สมดุลยร์ ะหวา่ งคาวา่ “การอนุรักษ”์ และ “การพฒั นา” อยา่ งยงั่ ยนื ตอ่ ไปในอนาคต























11 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื เกริ่นนำ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ชาญณรงค์ ศรสี วุ รรณ พฒั นาการและความเปลย่ี นแปลงของเมอื ง วฒั นธรรม ประเพณี เหตุการณ์สาคญั ตลอดจนถงึ เชยี งใหม่ ตลอดระยะเวลากว่า 700 ปีทผ่ี ่านมา มี งานสถาปตั ยกรรมทห่ี ลงเหลอื อยู่ในเมอื ง ลว้ นเป็น มูลเหตุและปจั จัยท่ีสาคัญ อยู่ 3 ประการ คือ หลกั ฐานชน้ิ สาคญั ทแ่ี สดงถงึ ความเจรญิ รุง่ เรอื งของ สงครามและการขยายอานาจ นโยบายเศรษฐกิจ เมอื งเชยี งใหม่ ตงั้ แต่แรกสรา้ งในปี 1839 ของชาติ และรสนิยมของผคู้ นในพน้ื ท่ี สงครามและ การขยายอานาจเป็นปจั จัยสาคัญอันดับแรกท่ี การร้ือฟ้ืนเมืองเชียงใหม่ หลังตกเป็น ก่อให้เกิดการตงั้ ถ่ินฐานในอดตี พญามงั ราย ซ่งึ เมอื งขน้ึ ของพม่ากว่า 200 ปี เป็นช่วงเวลาหวั เลย้ี ว เป็นกษัตรยิ ์เช้อื สาย ลวจกั ราชจากเมอื งเชยี งราย หวั ต่อของการเปล่ยี นแปลงท่สี าคญั ของเมอื ง เป็น ได้ขยายอานาจลงมาสู่แอ่งทร่ี าบ เชยี งใหม่-ลาพูน ความเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ จากบรบิ ทดา้ นการเมอื ง ด้วยการแผ่อทิ ธพิ ลลงมาครอบครองวฒั นธรรมท่มี ี การปกครอง ซ่งึ มาจากสองทาง ได้แก่ จากอานาจ อยเู่ ดมิ ไดแ้ ก่ หรภิ ุญไชย และชาวลวั วะ ซง่ึ เป็นคน ของรฐั บาลสยามซง่ึ แผ่ขน้ึ มาควบคุมเมอื งเชยี งใหม่ พน้ื เมอื ง การผสมผสานกนั ของวฒั นธรรมใหม่และ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และจากประเทศมหาอานาจ เก่าจงึ เรม่ิ ตน้ ขน้ึ เป็นการผสมผสานกนั อย่างลงตวั องั กฤษ ท่แี ผ่มาจากพม่า สองสถานการณ์น้ีทาให้ โดยมคี ตคิ วามเช่อื สรรพความรู้ รวมถงึ เทคโนโลยี เมอื งเชียงใหม่ เกิดการเปล่ียนแปลงทงั้ ทางด้าน จากสายวัฒนธรรมอ่ืนท่ีใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างสังคม การเมอื ง การปกครอง รวมถึง สุโขทยั พุกาม และกลุ่มคนไทในวฒั นธรรมจนี ตอน วฒั นธรรมบางส่วน ความเปล่ียนแปลงท่ีชดั เจน ใต้ มสี ่วนทาใหเ้ มอื งเชยี งใหม่ ก่อรปู ขน้ึ เป็นเมืองท่ี เกิดข้ึนตัง้ แต่สมัยพระยากาวิละจนถึงสมัยเจ้า มคี วามมนั่ คงและมพี ฒั นาการสืบเน่ืองจวบจนถึง แก้วนวรฐั โดยเรม่ิ จากการเป็นเมอื งประเทศราช สู่ สมยั ส้นิ สุดการปกครอง ในปี 2101 เชียงใหม่ การเป็นเขตการปกครองและรวมเป็นจงั หวัดใน ชว่ งเวลาดงั กลา่ วมคี วามเขม้ แขง็ ในฐานะเมอื งอสิ ระ ท่สี ุด เชยี งใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ในฐานะทงั้ มีความเจรญิ รุ่งเรืองสูงสุดในทุกด้านโดยเฉพาะ ยอมรบั ต่อตา้ น และจายอม และความเปลย่ี นแปลง อยา่ งยง่ิ ในชว่ งสมยั พญากอื นา และพญาตโิ ลกราช ดงั กล่าว มีผลต่อการกาหนดรูปแบบวถิ ีชีวิตและ ความเป็นอยขู่ องผคู้ นในปจั จบุ นั

12 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื เม่อื เชยี งใหม่อยู่ในฐานะของจงั หวดั ตาม ฐานะเมอื งหลวงของอาณาจกั รล้านนา ไปจนถึง นโยบายรวมอานาจสู่ศูนย์กลางของรฐั บาลไทย ช่วงเวลาท่ีมีความเจริญสูงสุด ก่อนจะตกเป็น ผคู้ น สงั คม และวฒั นธรรมประเพณี หลายอย่างถูก เมอื งขน้ึ ของพมา่ ในปี พ.ศ 2101 พฒั นาการ ปรบั เปล่ยี นต่อไป ความเปล่ยี นแปลง ดงั กล่าว ดาเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และ ล ัก ษ ณ ะ ด้ า น ก า ย ภ า พ ข อ ง เ มือ ง ใ น ช่ ว ง พอเหมาะพอควรแก่ผู้คนและสงั คมในช่วงแรกๆ ระยะเวลาดงั กล่าว เชยี งใหมเ่ ป็นเมอื งเกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม เม่ือรัฐบาลมีการกาหนดแผน ท่พี ่ึงพาตนเองได้ ภายใต้องค์ประกอบของเมอื ง เศรษฐกิจสงั คม ท่ีมองเมืองเชียงใหม่ เป็นพ้ืนท่ี แบบชนบท ท่มี ภี ูมทิ ศั น์วฒั นธรรมแบบผสมผสาน การค้าดา้ นวฒั นธรรม ความเปล่ยี นแปลงครงั้ ใหญ่ กนั ระหว่างธรรมชาติ วฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ี จงึ เกดิ ข้นึ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ หลงั ปี พศ. 2530 มี ชวี ติ ทส่ี งบ พอเพยี ง สามารถพ่งึ พาตนเองได้ การ โครงการใหญ่ๆ เกดิ ขน้ึ ซง่ึ สง่ ผลกระทบโดยตรงต่อ ใช้ท่ีว่างของเมือง อยู่ในขอบเขตท่ีจากัด ไม่ การพฒั นาดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมของเมอื ง ความ หนาแน่น ชุมชนและทอ่ี ย่อู าศยั ส่วนใหญ่อย่ใู นเขต เจรญิ เตบิ โตทางด้านท่อี ยู่อาศยั เป็นตวั ช้วี ดั สาคญั ส่เี หล่ยี มคูเมอื ง และชุมชนโดยรอบ ซง่ึ ไม่ไกลจาก ในช่วงระยะเวลาดงั กล่าว ซ่ึงความเปล่ียนแปลง ศูนยก์ ลางมากนกั ในขณะนนั้ ถงึ แมว้ ่าเชยี งใหมจ่ ะ ดงั กลา่ วทาใหว้ ถิ ชี วี ติ ของผคู้ นในเมอื งเปล่ียนแปลง เป็นศูนย์ทางด้านการเมอื งการปกครอง ศาสนา ไป รสนิยมใหม่ของคน รวมถึง ความหลากหลาย และการค้าท่สี ามารถเช่อื มต่อกบั อาณาจกั รอ่นื ๆ ของผคู้ นทเ่ี ขา้ มาอย่อู าศยั ในเมอื งเชยี งใหม่ เป็นตวั ได้โดยง่ายก็ตาม แต่โครงสร้างและกายภาพของ แปรท่สี าคญั อกี ประการหน่ึงทท่ี าใหเ้ มอื งเชยี งใหม่ เมอื งตลอดช่วงระยะเวลาของความเจรญิ นัน้ พบว่า เปลย่ี นแปลง พรอ้ มกบั การปรบั ตวั ในทส่ี ดุ เมอื งมกี ารขยายตวั ไปอยา่ งชา้ ๆ ทว่ี ่าง และพน้ื ท่สี ี เขยี วเป็นลกั ษณะเดน่ ของเมอื งในช่วงเวลาดงั กลา่ ว สาหรบั ดา้ นกายภาพของเมอื ง หากยดื ตาม แนวคดิ ของพฒั นาการของเมอื งทไ่ี ด้กล่าว ไปแล้ว 2. เชียงใหม่ ในฐำนะ เมืองประเทศรำช ขา้ งต้น กจ็ ะพบว่าเราสามารถแยกกล่าวออกมาได้ อยา่ งน้อย 3 ชว่ งสมยั เช่นเดยี วกนั ของสยำม หมายถงึ ช่วงระยะเวลาตงั้ แต่สมยั ฟ้ืนฟู 1. เชียงใหม่ในฐำนะศูนย์กลำงของ การปกครอง ราว ปี พ.ศ. 2327 จวบจนกระทงั่ ถงึ สมัยเปล่ียนแปลงการปกครองในปี 2475 ช่วง อำณำจกั รล้ำนนำ เป็นช่วงระยะเวลาตงั้ แต่สมยั ระยะเวลาดงั กล่าว เป็นช่วงสมยั หลงั จากท่ีเมือง เชียงใหม่ตกเป็นเมอื งข้นึ ของพม่า และถูกร้อื ฟ้ืน พญามังรายสถาปนา เมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. ข้นึ มาใหม่ หลังจากถูกท้ิงร้างไว้กว่า 200 ปี 1839 จว บจนถึงสมัยฟ้ื นฟู การปกครอ ง ซ่ึง เชยี งใหม่ในสมยั น้ี เป็นช่วงเวลาท่เี มอื งเรมิ่ ได้รบั ครอบคลุมระยะเวลาท่ีเชียงใหม่ มีพฒั นาการใน อิทธิพล ด้านการเมือง การปกครองจากรฐั บาล

13 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื สยาม ส่งผลต่อการปรบั เปลย่ี นวธิ คี ดิ และมโนทศั น์ ศูนยก์ ลางดา้ นเศรษฐกจิ การคา้ และการท่องเทย่ี ว บางประการของผคู้ นและสงั คม ของภาคเหนือ นโยบายดงั กล่าวส่งผลโดยตรงต่อ ก า ร ข ย า ย ตัว อ ย่ า ง ร ว ด เ ร็ว ข อ ง ธุ ร กิจ ด้า น ความเปล่ียนแปลงดงั กล่าวส่งผลต่อการ อสงั หารมิ ทรพั ย์ มโี ครงการขนาดใหญ่เกิดข้นึ ใน สร้างงานสถาปตั ยกรรมท่เี กิดข้ึนในช่วงเวลานัน้ เมืองเชียงใหม่ ซ่ึงมีผลกระทบโดยตรงต่อการ ตลอดจนถงึ การกาหนดรปู แบบโครงสรา้ งของเมอื ง ขยายตวั ของเมอื ง และระบบโครงสรา้ งการจดั การ ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ บทบาทของอานาจจากส่วนกลาง ท่ี เข้ามามอี ิทธิพลเหนือวฒั นธรรมเดิมท่สี บื ทอดมา การขยายตัวของเมืองดังกล่าว นามาซ่ึง ตงั้ แต่สมยั เรม่ิ สร้างเมอื ง อย่างค่อยเป็นค่อยไป ปญั หามลพิษ ปญั หาตึกสูง ปญั หาการจลาจล ศลิ ปสถาปตั ยกรรมอทิ ธพิ ลกรงุ เทพฯ และบางส่วน ปญั หาการจดั การพน้ื ท่สี เี ขยี ว ปญั หาด้านผงั เมอื ง จากอทิ ธิพลตะวนั ตก เขา้ มาบทบาทต่อการสร้าง และการอนุรกั ษ์ส่งิ แวดล้อม หลายปญั หามคี วาม สถาปตั ยกรรมในเมอื ง โดยเฉพาะอย่างยงิ่ อาคาร รุนแรงข้ึน ส่งผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม ต่อ ราชการ ส่ิงแวดล้อม เช่น ปญั หาน้าท่วม ปญั หาน้าเสีย ปญั หาหมอกควนั เป็นต้น ปญั หาของเมอื งเหล่าน้ี 3. เชียงใหม่ ในฐำนะศูนย์กลำง ของ ลว้ นเกดิ จากมโนทศั น์ รสนิยมใหม่ และเจตคตขิ อง กำรพัฒนำเศรษฐกิ จสังคมของภำคเหนื อ คนในสงั คมทเ่ี ปลย่ี นไป และการขาดจติ สานึกทด่ี ใี น เร่อื งของส่วนรวมและสงิ่ แวดลอ้ ม ดงั นัน้ เมอ่ื ปญั หา หมายถงึ ช่วงเวลาหลงั เปลย่ี นแปลงการปกครองปี เร่ืองเมืองเป็นเร่ืองของคนในสังคม การแก้ไข 2475 มาจนถึงปจั จุบัน เป็ นช่วงเวลาท่ีเมือง ปญั หาก็ควรจะต้องเร่ิมต้นจากสานึกของคนใน เชียงใหม่เกิดการขยายตัวจากเมืองและสังคม สงั คมเช่นเดยี วกนั เกษตรกรรมไปสู่เมอื งท่มี รี ะบบเศรษฐกิจแบบทุน นิยมอย่างเต็มรูปแบบ โดยปรากฏการณ์น้ีเรม่ิ ต้น ไมว่ า่ เมอื งเชยี งใหม่จะมพี ฒั นาการ ไดด้ ว้ ย อย่างค่อยเป็นค่อยไปภายหลงั รฐั บาลสยามได้มี เงอ่ื นไขและบรบิ ททส่ี ลบั ซบั ซอ้ นอย่างไร เราเช่อื ว่า นโยบายการปกครองแบบรวมอานาจสู่ศูนยก์ ลาง ดว้ ยวฒั นธรรม ประเพณี ทเ่ี ขม้ แขง็ ของเมอื ง ผู้คน และมพี ฒั นาการท่ชี ดั เจนมากยง่ิ ขน้ึ ภายหลงั จากมี สังคม ความเช่ือ และประวัติศาสตร์ ซ่ึงผ่าน การสร้างทางรถไฟเช่ือมมาถึงเชียงใหม่ การ กระบวนการขดั กรอง เลอื กสรร และผสมผสานมา คมนาคมท่ีสะดวกรวดเร็ว ทาให้สังคมแบบ อยา่ งยาวนาน จะทาใหเ้ มอื งเชยี งใหม่ และสงั คมทด่ี ี เศรษฐกิจพอเพียง เปล่ียนไปเป็นสังคมแบบทุน แห่งน้ี จะยงั จะสามารถดารงอยู่ และมพี ฒั นาการ นิยม และมคี วามเขม้ ขน้ มากทส่ี ุด ภายหลงั ปี พ.ศ. ต่อไปขา้ งหน้าไดอ้ ยา่ งมนั่ คง 2525 เป็นต้นมา ภายหลังจากท่ีเชียงใหม่ถูก ประกาศในแผนพฒั นาเศรษฐกจิ แห่งชาติ ให้เป็น



15 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื นาเรอ่ื ง: ความมชี วี ติ ของ สถาปตั ยกรรมลา้ นนาในเมอื งเชยี งใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.วฑิ รู ย์ เหลยี วรงุ่ เรอื ง อ ง ค์ ค ว า ม รู้ แ ล ะ ภู มิ ปัญ ญ า ข อ ง ประวตั ศิ าสตรแ์ ละพฒั นาการสถาปตั ยกรรมลา้ นนา สถาปตั ยกรรมล้านนา เป็นหวั ขอ้ หลกั หน่ึงท่ใี ช้ใน แนวคดิ คตคิ วามเช่อื ในงานสถาปตั ยกรรม และได้ การเรียนการสอนในคณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ ด า เ นิ น ก า ร เ ปิ ด ส อ น ใ น ร ะ ดับ ท่ีสู ง ข้ึน ใ น ร ะ ดับ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ตลอดระยะเวลา ๒๐ ปีท่ี บัณฑิต ศึกษา รวมทั้งการดาเนินการ ศูนย์ ผ่านมา เรมิ่ จากการเชญิ สถาปนิกและนักวชิ าการท่ี สถาปตั ยกรรมล้านนา และการผลติ บณั ฑติ ออกไป มอี ย่ใู นพน้ื ท่ี ในมหาวทิ ยาลยั และจากภายนอกท่มี ี ทางานกว่า ๕๐๐ คนในปจั จุบัน ในอนาคตคณะ ช่อื เสียง ขณะท่อี าจารย์ใหม่ส่วนใหญ่ยงั ไม่ได้รบั สถาปตั ยกรรมศาสตร์จะเปิดสอนในระดับดุษฎี การฝึกฝนให้เป็นผู้เช่ยี วชาญทางด้านน้ี ดงั นัน้ ใน บณั ฑติ และความร่วมมอื ระหว่างประเทศทงั้ ทาง ระยะแรกน้ี ความรู้ด้านสถาปตั ยกรรมล้านนาถูก วิจัย และ กา รเรียน การ สอ นท่ีเ ก่ีย ว ข้อ งกับ ส่งผ่านจากครูเพียงไม่ก่ีท่าน เช่น อาจารย์ศิรชิ ยั สถาปตั ยกรรมล้านนา น่ีคือระดับความมีชีวิตท่ี นฤมติ รเรขการ อาจารย์จุลทศั น์ กติ ิบุตร อาจารย์ กาลงั เจรญิ เตบิ โตในวงการศกึ ษาสาขาวชิ าน้ี วถิ ี พานิชพนั ธ์ อาจารย์สามารถ ศิรเิ วชพนั ธ์ ซ่งึ ถ่ายทอดในดา้ นการอนุรกั ษ์ การออกแบบประยุกต์ ความเปล่ียนแปลงของเมอื งเชียงใหม่ มี ความเขา้ ใจในภูมปิ ญั ญาและขนบประเพณีล้านนา ท่ีมาท่ีไม่ซับซ้อนเข้าใจได้ในการอธิบายแบบ จ า ก นั ้น ก า ร เ ติบ โ ต ข อ ง ค ว า ม รู้ใ น สิบ ปี ห ล ัง เ ม่ือ บรรยายเพยี งไม่ก่ีครงั้ โดยหวั เร่อื งประวตั ิศาสตร์ อาจารย์รุ่นใหม่ส่วนใหญ่ได้สะสมภูมิปญั ญาของ และพฒั นาการสถาปตั ยกรรมลา้ นนา ทุกปจั จยั แห่ง สถาปตั ยกรรมลา้ นนามากขน้ึ คณะสถาปตั ยกรรม การเปลย่ี นแปลงทาใหเ้ กดิ สถาปตั ยกรรมใหม่ๆ อยู่ ศาสตรจ์ งึ เขา้ ส่ยู ุคทเ่ี รม่ิ ผลดิ อกออกใบใหม่ หวั ขอ้ ท่ี เสมอและต่อเน่ืองตลอดระยะเวลากว่า ๗๐๐ ปี ใช้ในการเรียนการสอนมีแขนงมากมาย เช่ น อทิ ธพิ ลทางสถาปตั ยกรรมของ ลวั ะ ไทโยนกเมอื ง สถาปตั ยกรรมพ้ืนถ่ิน สถาปตั ยกรรมล้านนา เชียงแสน หรภิ ุญไชย-ลาพูน ชาติพนั ธ์ไตหรอื ไท ประยุกต์ อนุรักษ์สถาปตั ยกรรม อนุรักษ์เมือง และลาวกลมุ่ ต่างๆ สยาม จนี และฝรงั่ ในยุคหลงั ทมี ี การค้าไม้ การเผยแพร่ศาสนา การล่าอาณานิคม

16 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื การเขา้ มาปกครองของกรงุ เทพฯ และล่าสุดกระแส ทางกายภาพซง่ึ ประกอบไปดว้ ย 1) การรงั สรรค์ โลกาภิวัฒน์ การศึกษา การท่องเท่ียว การย้าย (Creations) 2) การเลอื กสรร_สงิ่ ทด่ี ที ส่ี ุด(Choices) ถนิ่ อาศยั ของชาวต่างถน่ิ ต่างชาติ ในปจั จุบนั พลวตั 3) การใหค้ ุณค่า_ค่านิยม (Values) 4) ความเช่อื _ เหล่าน้ีเป็นแรงผลกั และแรงดงึ ในการเปล่ยี นแปลง ศรทั ธา_ศาสนา(Beliefs) 5) ลกั ษณะรูปพรรณ _ ทงั้ มวลรวมถงึ ดา้ นงานสถาปตั ยกรรมในถนิ่ น้ี สารรปู _ท่วงท(ี Appearance) 6) เชอ้ื ชาต_ิ ชาตพิ นั ธุ์ (Ethnicity) 7) กจิ วตั ร_การฝึกฝน_หลกั ปฏบิ ตั ิ และ การเปรียบเทียบความเปล่ียนแปลงของ นิสยั _ความคุน้ ชนิ (Practices& Habits) 8) หน้าท่ี เมอื งเชยี งใหมก่ บั เมอื งอ่นื ๆ มกั จะเกดิ ความไมเ่ ป็น การงาน_ความพยายาม และการใช้เวลา_งาน ธรรมและความลาเอียง เช่น การเปรยี บเทยี บกบั อดเิ รก(Work & Hobbies) 9) เพ่อื นพอ้ งและผอง เมอื งหลวงพระบาง เมอื งเชยี งตุง เมอื งน่าน เพราะ ญาติ (Friends & Family) 10) (Interests) ความ ปจั จยั ของการเตบิ โตและความตอ้ งการของพลเมอื ง สนใจ_ส่วนไดเ้ สยี _ผลประโยชน์ 11) จุดหมาย_ นนั้ ๆต่างกนั หากการเตบิ โตเหล่าน้ีไดร้ บั การศกึ ษา สิ่งของและทรัพย์สมบัติท่ีมี (Objects & และวเิ คราะหแ์ ล้ว พลเมอื งเชยี งใหม่จะเข้าถงึ การ Possessions) สถาปตั ยกรรมของเมืองเชียงใหม่ ทบั ซ้อน กลนื กลม ประสมประสาน ประยุกต์ และ นัน้ มกี ารเติบโตและเปล่ียนแปลงไปตาม 11 ข้อ การต่อรองกาลงั ของอิทธพิ ลทางสถาปตั ยกรรมท่ี ปจั จยั ทผ่ี ู้อยู่อาศยั ในสงั คมและความเขา้ ใจใน “ถิ่น เป็นงานศลิ ปะแขนงหน่งึ ทม่ี จี านวนมากมายในเมอื ง ฐานสถานท่เี ฉพาะ” ดงั ท่เี กดิ กบั เมอื งพเิ ศษหลาย เก่าแห่งน้ี ด้วยท่ีว่า เชียงใหม่ เป็นบุคคลิกภาพ แห่งได้เปล่ยี นแปลงไปอย่างรวดเร็วจากผลผลิต เมอื งทร่ี กั ษาเอกลกั ษน์ดา้ นการทบั ซอ้ นฯของ พ้นื ที่ ของกิจกรรม อุตสาหกรรม อสงั หารมิ ทรพั ย์ การ ใหม่ เมืองใหม่ หรือ เจียงใหม่ จึงมีแรงจูงใจให้ ขยายการขนส่ง การเตบิ โตของเมอื ง การเพม่ิ ข้นึ ยอมรบั สงิ่ ใหม่ๆ อย่เู สมอ ความมขี องใหม่ในเมอื ง ของประชากรและการท่องเทย่ี ว ความเปลย่ี นแปลง น้ีอย่างต่อเน่ืองจงึ เป็นเสน่ห์หลกั ของเมอื งหลวง น้ีได้เปล่ียนจินตภาพ คุณลักษณะ และแม้แต่ ลา้ นนา ความหมายต่อคุณลักษณะแห่งเมืองนัน้ ได้ถูก ทาลายไป ต้องยอมรับว่าตลอดเวลาในอดีต ดว้ ยเหตุผลทส่ี ถาปตั ยกรรมลา้ นนาในเมอื ง เชยี งใหมไ่ ดส้ ญู เสยี องคป์ ระกอบหลกั ของอตั ลกั ษณ์ เชียงใหม่นัน้ มีชีวิต มวี ัฒนธรรม หมายถึงมกี าร บ า ง อ ย่ า ง แ ล ะ ไ ด้ พั ฒ น า อั ต ลัก ษ ณ์ ข อ ง เ มื อ ง พัฒนาท่ีไม่หยุดน่ิงตามความเป็นเมือง ความ บางอย่างในขณะเดยี วกนั เกดิ ความไรร้ ะเบยี บและ ภาคภูมิใจของชาวเชียงใหม่นั้นข้ึนอยู่กับการ การจดั ระเบยี บ มคี วามไม่ขาวสะอาดแต่มชี วี ติ ชวี า เปล่ยี นแปลงปรบั ปรุงตนและภาพลกั ษณ์ของตน ดงั นัน้ การรกั ษา “อตั ลกั ษณ์” ถูกนามาใช้กบั งาน ตลอดเวลา ชาวเชยี งใหม่นัน้ มมี รดกวฒั ธรรมท่ลี ้า ค่าทเ่ี ป็น อตั ลกั ษณ์ (Identity) ทางวฒั นธรรมและ

17 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื วางผงั ชุมชน งานภูมทิ ศั น์เมอื งและงานออกแบบ คุณค่าตนเอง ขอ้ ตระหนกั ของความมชี วี ติ ของเมอื ง สถาปตั ยกรรมท่มี ที งั้ การฟ้ืนฟูเมอื งประวตั ศิ าสตร์ ขน้ึ อยกู่ บั บคุ คลพลเมอื งทอ่ี ยอู่ าศยั ภายในทต่ี ้องการ เดมิ ทเ่ี ส่อื มโทรมและการสรา้ งชุมชนใหมใ่ หเ้ กดิ การ ลมหายใจเพ่อื ตนเอง เพ่อื ความเป็นตวั ของตนเอง ยอมรบั ความเป็นจรงิ ในปจั จยั สาคญั น้ี มิใช่กาหนดจาก ผู้มาเยือน นักลงทุน ผู้บริหาร เทา่ นนั้ ขณะท่เี มอื งมรดกโลกหลายแห่งพยายาม รกั ษาอตั ลกั ษณ์โดยปฏเิ สธการเปลย่ี นแปลงโดยใช้ ปิดท้ายบทความด้วย ความมีชีวิตใน กระบวนการจดั การโดยกฎเกณฑส์ ากลขององคก์ ร การศึกษาสาขาวิชาสถาปตั ยกรรมล้านนามี มรดกโลก โดยตอบสนองกระแสวัฒนธรรมใหม่ ความหมายไปทางเดียวกับ ความมีชีวิตของ โดยต้องการการยอมรบั จากองค์กร ประชาคมโลก สถาปตั ยกรรมลา้ นนาของเมอื งเชยี งใหม่ ทเ่ี รมิ่ ต้น นักท่องเท่ียวและการอภิวัฒน์ของโลกใบน้ี ซ่ึง จากครจู านวนหน่ึง สล่าตระกูลช่างเพยี งไมก่ ่ที ่านท่ี กระแสปจั จุบันของผู้มาเยือนท่ีโหยหาอดีตของ ได้สร้างเอกลักษณ์ให้กับงานของตน แต่เม่ือ “อาณาจกั รล้านนา” ท่เี ชียงใหม่เป็นศูนย์กลางถูก บ้านเมืองเปล่ียนแปลง ความรู้แตกฉาน ยุวชน นามาใชโ้ ดยการสรา้ งภาพจาลองในจติ นาการทเ่ี คย สถาปนิกรบั รถู้ งึ ปจั จยั ทเ่ี พม่ิ ขน้ึ อยา่ งรอบด้าน การ รา้ งและร่วงโรยไปแลว้ การสรา้ งฉากทส่ี วยงามและ ยดึ ถอื ในรูปแบบประเพณีท่จี ดจาไดน้ ัน้ ไม่สามารถ ขวนชน่ื ชมของนักลงทุนทเ่ี หน็ โอกาสของการลงทุน ทาให้รกั ษา “อัตลกั ษณ์” ได้อย่างยงั่ ยนื ได้เท่ากับ ทางวฒั นธรรมในรูปแบบเมอื งจาลองเป็นสถานท่ี การรกั ษาคุณค่า สถาบนั ทางสถาปตั ย์ไม่สามารถ พกั ตากอากาศและสถานบรกิ ารต่างๆ และการสรา้ ง ยึดแนวทางใดท่ีตายตัว เพราะเม่ือตายตัวเป็น นโยบายทง่ี ดงามของผบู้ รหิ ารทเ่ี หน็ โอกาสของการ กฎเกณฑก์ จ็ ะสน้ิ สุด เช่น โรงเรยี นสถาปตั ยโ์ บราณ กาหนดอนาคตทถ่ี ูกวางแผนเพ่อื สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม ในอดตี École des Beaux-Arts และ Frank Lloyd และเศรษฐกิจของเชียงใหม่ท่ีตอบสนองความ Wright school of architecture ท่คี ร่าครแึ ละสูญ ต้องการการยอมรบั จากภายนอก การปรบั แต่ง ความมชี วี ิตของเมอื งเชียงใหม่จาเป็นต้องถูกเฝ้า หายแม้ว่าจะมคี วามสาคญั ในระดบั หน่ึง คนเมอื ง มองและระมดั ระวงั ถึงความไร้ทิศทางและความ เชยี งใหม่ไมม่ ใี ครตอ้ งการให้สถาปตั ยกรรมลา้ นนา ส้ินเปลือง อีกทัง้ การสูญสลายของคุณค่าหลัก ของเมอื งเชยี งใหมถ่ งึ จดุ สน้ิ สดุ เชน่ กนั ของอัตลักษณ์เมือง ย่าน พลเมืองท่ีชาติพันธ์ท่ี ห ล าก ห ล า ย จะ เ ห็น ว่ าก ารพ ย าย ามรัก ษ า “อตั ลกั ษณ์” อาจจะเป็นการทาลายความมชี วี ติ ชวี า อย่างหน่ึงของเมืองได้หากผู้รักษานัน้ ไม่เข้าใจ

18 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื 12 3 ภาพท่ี 1 - 2 – 3 ภาพเมอื งประวตั ศิ าสตรเ์ ชยี งใหม่ มปี ระวตั ศิ าสตรข์ องพน้ื ทจ่ี ะรสู้ กึ ไดถ้ งึ ความเป็น “ถน่ิ ฐาน สถานทเ่ี ฉพาะ” อดตี และปจั จบุ นั (แสดงคตกิ ารสรา้ งเมอื ง และ แสดงผงั เมอื งรวมจงั หวดั 2555)

19 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื 45 6 ภาพท่ี 4 – 5 – 6 ภาพวหิ ารวดั ปราสาท ทรงวหิ ารเชยี งใหม่แบบปิด สรา้ งเม่อื ปี พ.ศ.2366 พระพุทธรูปในมณฑปปราสาท และ ศาลาวดั ปราสาท หลงั คาทรง chateau สรา้ งเม่อื ปี พ.ศ.2556 เชยี งใหม่ อตั ลกั ษณ์ของอดตี และปจั จบุ นั



21 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื เวยี งกุมกาม บทกวี / ภาพประกอบ โดย ชาญณรงค์ ศรสี วุ รรณ ภาพสนั นษิ ฐานวดั กานโถม  กุมกาม เวยี งงาม เลศิ ล้า เวยี งเก่า บา้ นก้า ก่วมปิง เวยี งคู่ เวยี งขวญั มนั่ มง่ิ คอู่ งิ คปู่ ิง เวยี งชยั กุมกาม เวยี งงาม เลศิ ฟ้า เวยี งก๊า เวยี งหน้า เวยี งไชย เวยี งเก๊า บอ่ นเบา้ เชยี งใหม่ ทวั ่ ไท้ ยอไหว้ มงั ราย  กอ่ คา่ ว ผกู เครอื เชอ้ื สาย  หน่อเน้ือ มงั ราย ลวจา้ ว รอ้ ยสาย เป็นขา้ นาเมอื ง บม่ เมด็ บม่ พนั ธุ์ ปนั้ ลาย ปกั กลา้ ผกู สาน งานศลิ ป์ เพาะแก่น ตอ่ กา้ น ลา้ นนา รอ้ ยถน่ิ รวมเหงา้ เหลา่ พนั ธุ์ รอ้ ยปิ่น รอ้ ยดา้ ย รอ้ ยดนิ สบื สรอ้ ย สบื ศรี ปญุ ไชย ปา่ วชยั เหนือภมู ิ กลุม่ พนั ธุ์  ขดุ คู ยกทาง ถางท่ี งามเปียง ลดชนั้ หลนั่ ไหล ยกหอ ยกธาตุ กาดใหญ่ เป็นใหญ่ ทวั่ แควน้ แดนทอง ธาตุคา ธาตุอู่ คเู่ วยี ง ปรุงใส่ วหิ าร กานโถม ธาตุหลกั องคร์ าช บาทไท ปา่ วโหม ปา่ วรอ้ ง กอ้ งไป หารแกว้ ตฆี อ้ ง กอ้ งไกล  แตง่ มา้ ขอ่ื บา่ ง ตา่ งไหม กกึ ไกล กลองขนุ อนุ่ เมอื ง  หน้าบนั ยกดอก ตอกโคม กุมกาม เวยี งงาม เลศิ แลว้ เดง็ ดงั กงั สดาล ขานให้

22 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื ภาพสนั นิษฐานการสรา้ ง ขวั กุมกามและตลาด ภาพสนั นษิ ฐานวดั หนานชา้ ง และเหตุการณ์น้าท่วมเวยี งกุมกาม  น้าเหนือ น้าผนั วรรษา น้าบา่ ไหลลอ้ ม ออ้ มเมอื ง ฉิบหาย วอดวาย ต่อเน่ือง ปราชญเ์ มอื ง แนะยา้ ย ถ่ายคน กุมกาม บา้ นลมุ่ เมอื งไหล ทา้ วไท ยา้ ยยก ปกฐาน เวยี งพงิ ค์ เวยี งขวญั เวยี งลาน ต่อสาน ตอ่ ยา่ น ลา้ นนา  เวยี งทอง เรม่ิ ลบั อบั แสง  ใตฟ้ ้า หมมู่ า่ น เมอื งหมอง หลงั แหง้ เวยี งหาย เวยี งจม น้าบา่ น้าหลาก น้าแรง เมอื งจม ใตผ้ นื แผน่ หลา้ น้าหลาก มอ่ นไหล เมอื งลม่ ถงึ ครา ลบชอ่ื ลมื นาม  เมอื งงาม เมอื งคู่ ลา้ นนา

23 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื ภาพสนั นษิ ฐานเวยี งกุมกามในอดตี  เจด็ รอ้ ยขวบปีผา่ นพน้ ผา่ นหน คนลบั ดบั หาย เมอื งเกา่ ใตภ้ พ กลบทราย เวยี งวาย พลกิ ฟ้ืน คนื นาม เวยี งเก่า นามคนื ต่นื แลว้ ตอ้ นรบั แขกแกว้ มาเยอื น ทอ่ งเทย่ี ว ทวั่ ไทย ไหลเลอ่ื น ชวั ่ เดอื น โหมหาว ปา่ วไป  วบู เดยี ว ผลานงบ กลบใช้  ไทยเทศ เดนิ ลอ่ ง ทอ่ งเทย่ี ว ชวั่ ไฟ ลว้ งกน้ ลนฟาง เมด็ เงนิ เทสุม ทมุ่ ไป เวยี งเกา่ คนกา้ ย หน่ายแหนง ผา่ นคนื มว่ นงนั สนั เลา้ ทา้ ยแลง้ คนรา้ ง หา่ งไกล  แรกคลงั่ ดงั่ ไฟ ไหมแ้ รง

24 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื  กุมกาม ยงั งาม เลศิ ฟ้า ภาพสนั นษิ ฐานวดั หนานชา้ ง คน้ ควา้ เสาะหา ตานาน ฝนั เหน็ วดั วา พลกิ ฟ้ืน สมคา่ เวยี งเกา่ เลา่ ขาน รฐั ราษฎร์ สรา้ งช่อื ลอื นาม ขบั ขาน กลอนป้อ ยอนาม ชวั่ คนื หมคู่ น ลน้ หลาม  ฝนั เหน็ อฐิ เสรมิ เตมิ แต่ง กุมกาม มว่ นซ่นื คนื เดมิ  คขู า้ ง ทางเดนิ ทวั่ แควน้ ซอ่ มแปลง ถกู แบบ ถูกแผน คนอยู่ คนมา คา้ มว่ น ฟ้ืนแผน ยกราก ฮอยเดมิ เสรมิ สาน ของเก่า ของดี จดั สว่ น บา้ นจอง ของท่ี ปดั สี สงิ่ มวั ่ ครวั ปลอม   กุมกาม จะงาม เลศิ หลา้ น้าฟ้า ประพรม ทวั่ ผนื ช่อื เสยี ง จะมา ขา้ มคนื คนต่นื แหห่ ม ชมเมอื ง ต่างชาติ จะมา เลา่ ขาน ดงู าน บา้ นเฮา ทวั่ ผนื หากรฐั จดั การยงั่ ยนื ขา้ มคนื เวยี งฟ้ืน แลเฮย ฯ 

25 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื



25 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื รอยตอ่ แหง่ ทศวรรษ การพฒั นาเวยี งกุมกาม ผศ.ดร.องนุ่ ทพิ ย์ ศรสี วุ รรณ

26 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื

27 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื รอยตอ่ แหง่ ทศวรรษการพฒั นาเวยี งกุมกาม ผศ.ดร.องนุ่ ทพิ ย์ ศรสี ุวรรณ บทนำ ประวตั ิศำสตรเ์ วียงกมุ กำม ในทศวรรษท่ีผ่านมา รฐั บาลไทยมคี วาม เวยี งกุมกามเดมิ มชี ่อื ปรากฏอยเู่ พยี งแต่ใน พยายามอยา่ งต่อเน่อื งทจ่ี ะรอ้ื ฟ้ืนเมอื งโบราณขน้ึ มา ตานานท่สี าคญั ของลา้ นนา เช่น ตานานมูลศาสนา ใหม้ ชี วี ติ เพ่อื อนุรกั ษ์และสบื สานประวตั ศิ าสตรช์ าติ ตานานชินกาลมาลีปกรณ์ และตานานพ้ืนเมือง ไทย เน่อื งดว้ ยเมอื งโบราณเป็นแหล่งสะสมและเป็น เชยี งใหม่ แต่ไมม่ ผี ใู้ ดทราบว่าเวยี งกุมกามนนั้ ทจ่ี รงิ ศูนยก์ ลางของศลิ ปวทิ ยาการของสงั คมไทยในอดตี แลว้ อยทู่ ใ่ี ดในพน้ื ทข่ี องลา้ นนา จนกระทงั่ ในปี พ.ศ. ภ า ค รัฐ ใ ช้ เ วีย ง โ บ ร า ณ ดัง ก ล่ า ว เ ป็ น ส่ือ ใ น ก า ร 2527 ชาวบา้ นขุดพบพระพมิ พด์ นิ เผาในวดั ชา้ งค้า ประชาสมั พนั ธป์ ระเทศไทยในเชงิ ของการท่องเทย่ี ว บริเวณสนามหญ้าหน้าโรงเรียนวัดช้างค้า เขต อนั จะนามาซง่ึ รายรบั ในรูปของเมด็ เงนิ ทงั้ ต่อชุมชน เทศบาลตาบลท่าวังตาล หน่วยศิลปากรท่ี 4 ในพน้ื ทแ่ี ละระดบั ชาตใิ นภาพรวม เชีย งใ ห ม่ ( ช่ือ เ ดิม ขอ ง ส านัก ศิล ป า กร ท่ี 8 เชียงใหม่) จึงเข้าระงบั การขุดของชาวบ้านและ เวียงกุมกามเป็นหน่ึงในพ้ืนท่ีเป้ าหมาย ดาเนินการขุดแต่งทางโบราณคดี พบว่าบรเิ วณ ดังกล่าวของรัฐบาลไทย หากแต่การจะประสบ ดงั กล่าว มรี อ่ งรอยของฐานวหิ ารวดั กานโถม ทาให้ ความสาเร็จในการปลูกจติ สานึกและตระหนักถึง เวยี งกุมกาม ปรากฏตวั ขน้ึ ว่าสถานท่ใี นตานานนัน้ ภูมปิ ญั ญาของไทยตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจของ มอี ยู่จรงิ มไิ ด้เป็นเพยี งเร่อื งเล่า หลงั จากนัน้ กรม ชาติทัง้ ระดับมหภาคและจุลภาคนั้น จาเป็นท่ี ศิลปากรได้ดาเนินการขุดค้นแหล่งอ่ืน ๆ ท่ี จะต้องมีการศึกษาประวัติศาสตร์การตัง้ ถิ่นฐาน ใกลเ้ คยี งอย่างต่อเน่ืองอกี หลายครงั้ โดยในปี พ.ศ. บ้านเรือนอย่างสหวิชาการ เพ่ือให้ได้ข้อมูลและ 2528-2529 ขุดค้นและขุดแต่งวัดกานโถม วัด รายละเอียดของการตัง้ ถิ่นฐานท่ีครบถ้วนจาก ธาตุน้อย วัดกุมกาม วัดอีค่าง วัดปูเป้ีย และวัด ฐานความรหู้ ลายสาขาร่วมกนั อกี ทงั้ การพฒั นาใน ธาตุขาว ในปี พ.ศ. 2531 – 2532 ขดุ แต่งวดั กู่ขาว อนาคตจาเป็นต้องมกี ารกาหนดกรอบการพฒั นา วดั กู่ไมซ้ ้ง วดั พระเจา้ องค์ดา วดั พญามงั ราย และ เวยี งกุมกามในอนาคตอยา่ งเป็นระบบและครบถว้ น

28 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื วดั หวั หนอง สาหรบั วดั โบสถ์ วดั กู่อ้ายหลาน วดั กลา่ วคอื เกดิ การเปลย่ี นแปลงการใชป้ ระโยชน์ทด่ี นิ กู่อ้ายสี วดั กู่มะเกลอื วดั กู่รดิ ไม้ วดั กู่จ๊อกป๊อก วดั จากเดิมท่ีเป็นเกษตรกรรมเป็นกิจกรรมอ่ืน เช่น กุมกามทปี ราม วดั กุมกาม วดั หนานชา้ ง วดั พนั เลา เป็นท่ีอยู่อาศัย เป็นสถานประกอบการโดยภาค วดั บ่อน้าทพิ ย์ วดั พระอุด วดั ก่อม่วงเขยี ว วดั มะจา ประชาชนและภาคเอกชน ส่งผลให้โบราณสถาน โฮง และวดั กู่ป้าดอ้ ม ขุดแต่งในปี พ.ศ. 2542-2548 ภายในเขตเวยี งกุมกามทอ่ี ยนู่ อกเขตการขุดคน้ ถูก (สหวฒั น์ 2548: หน้า 46) ท้ายท่สี ุดในปี พ.ศ. ทาลายอยา่ งต่อเน่อื ง ขอ้ มลู และหลกั ฐานสาคญั ทาง 2548 พบว่ามวี ดั รา้ งในเขตกาแพงเวยี งกุมกาม 24 ประวัติศาสตร์และศิลปะถูกทาลายลงอย่างมาก แห่ง และเวยี งกุมกาม 5 แห่ง(กรมศลิ ปากร 2548: ทงั้ น้ีเน่ืองจากการขาดความรู้และความเข้าใจถึง หน้า 48) อย่างไรก็ตามการขุดค้นดงั กล่าว ทาให้ ความสาคญั ทางประวตั ศิ าสตร์ของภาคประชาชน เ วี ย ง กุ ม ก า ม รู้ จัก กั น ใ น ว ง จ า กั ด เ ฉ พ า ะ ใ น ห มู่ และเอกชน ทาให้ไม่เกิดสานึกท่จี ะรกั ษาท้องถ่ิน นั ก วิ ช า ก า ร ท่ี ศึ ก ษ า ด้ า น ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ แ ล ะ เอาไว้ ส่วนหน่ึงเป็ นผลมาจากหลักฐานทาง โบราณคดี แต่ต่อมาในสมยั รฐั บาล พตท.ทกั ษิณ ประวัติศาสตร์ของเวียงกุมกามท่ียังไม่แข็งแรง ชนิ วตั ร ได้มมี ตจิ ดั สรรงบประมาณให้กบั โครงการ พอทจ่ี ะก่อใหเ้ กดิ ขอ้ สรปุ ร่วมกนั ระหว่างนกั วชิ าการ อนุรกั ษ์และพฒั นาเมอื งประวตั ศิ าสตรเ์ วยี งกุมกาม และนกั โบราณคดใี นหลายประเดน็ เน่ืองดว้ ยขอ้ มลู โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจาปี งบประมาณ และหลักฐานท่ีมีอยู่ในปจั จุบันมีทัง้ ท่ีสอดคล้อง พ.ศ. 2545 งบกลาง เพ่อื กระตุ้นเศรษฐกจิ จานวน สมั พนั ธ์และขดั แย้งกนั ซ่งึ เป็นท่มี าของการตงั้ ข้อ 40 ลา้ นบาท(สานักเลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี 2546: สนั นษิ ฐานของนกั วชิ าการทม่ี คี วามเหน็ แตกต่างกนั หน้า 17) โดยภายหลังเสร็จส้ินการขุดแต่งทาง ท่ขี าดความชัดเจนทงั้ เร่อื งปีท่ีสร้างเวียงกุมกาม โบราณคดี ไดม้ กี ารโหมประชาสมั พนั ธเ์ วยี งกุมกาม ความหมายช่อื กุมกาม ระยะเวลาในการเป็นเมอื ง ในปี พ.ศ. 2546 ใหเ้ ป็นแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทส่ี าคญั ของ ศู น ย์ก ล า ง ข อ ง อ า ณ า จัก ร ล้า น น า รูป แ บ บ เมืองเชียงใหม่ จากการให้งบสนับสนุ นและ สถาปตั ยกรรม ขอบเขตท่ีแน่ชัดของเมืองอัน ประชาสมั พนั ธจ์ ากภาครฐั ทาให้เวยี งกุมกามเป็นท่ี เน่ืองจากแนวกาแพงเมอื งดา้ นทศิ ตะวนั ตกทย่ี งั ไม่ รจู้ กั อยา่ งแพรห่ ลายในหมปู่ ระชาชนทงั้ ชาวไทยและ พบ ตลอดจนสาเหตุการลม่ สลายของเวยี งกุมกาม ชาวต่างชาติ ในขณะเดียวกันเมืองเชียงใหม่ท่ี เติบโตข้ึนก็มีการขยายตัวออกไปในทุกทิศทาง อย่างไรก็ตามเร่ือ งราว เวียงกุมกาม เวียงกุมกามซ่ึงเป็ นพ้ืนท่ีท่ีอยู่ห่างจากเมือง สามารถสรปุ ไดว้ ่า บรเิ วณทต่ี งั้ เวยี งกุมกามเคยเป็น เชียงใหม่เพียง 5 กิโลเมตรจึงพลอยได้รับ ชุมชนมาตัง้ แต่สมัยหริภุญไชย ประมาณพุทธ- ผลกระทบจากการขยายตวั ของเมอื งเชยี งใหม่ดว้ ย ศตวรรษท่ี 17 มฐี านะเป็นหมู่บ้านท่ขี น้ึ อยู่กบั การ ปกครองของเมอื งหรภิ ุญไชย (สรสั วด,ี 2543: หน้า

29 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื 48 และ หน้า 135) รุ่นเดียวกับชุมชนโบราณรมิ ด้วยกัน ความอุดมสมบูรณ์ในการทาการเกษตร น้าปิงแห่งอ่นื สมยั หรภิ ุญไชย เช่น เวยี งมโน เวยี ง และเสน้ ทางเช่อื มการคา้ ระหว่างเหนือสู่ใต้ของลุ่ม ท่ากาน เวยี งเถาะ (สรสั วด,ี 2543: หน้า 62-77) น้า กลบั เป็นปจั จยั ท่มี นี ้าหนักมากกว่าความเช่อื ใน เวียงกุ มกามสร้างข้ึนในปี พ.ศ . 1837 โดย การเลอื กพน้ื ทต่ี งั้ เมอื ง(Misha,Patit Paban, 2010: พญามงั รายซ่งึ ปกครองเมอื งในเขตลุ่มน้าโขงและ p.40) พญามงั รายประทบั อย่ทู เ่ี มอื งหลวงแห่งใหม่ ลุ่มน้ากก ตอ้ งการขยายดนิ แดนลงมาทางตอนใต้สู่ 5 ปี แต่เน่อื งจากภาวะน้าทว่ มเมอื งทม่ี ากในแต่ละปี ดินแ ดนขอ งช าว มอ ญท่ีมีศู นย์กล าง ท่ีเ มือ ง จงึ เป็นแรงจูงใจให้พระองค์หาพ้นื ท่ที ่จี ะเป็นเมอื ง หรภิ ุญไชย (ลาพูน) ตงั้ อยู่ เน่ืองจากตาแหน่งเมอื ง หลวงอกี ครงั้ และในปี พ.ศ. 1839 พญามงั รายทรง หรภิ ุญไชยท่เี ป็นศูนย์กลางเขตลุ่มแม่น้าปิง และมี ยา้ ยเมอื งหลวงจากเวยี งกุมกามมายงั เชยี งใหม่ ความมงั่ คงั่ อนั เกดิ จากการตดิ ต่อค้าขายของป่าใน ภมู ภิ าคกบั สนิ คา้ โพน้ ทะเลจากเมอื งท่าชายฝงั่ ทะเล ภายในเวียงกุมกาม มีผังเมืองเป็นรูป เช่น อู่ทอง(สุพรรณบุร)ี นครปฐม คูบัว(ราชบุรี) ส่ีเหล่ียมผืนผ้า โดยมีแนวกาแพงสามด้าน และ อู่ตะเภา(ชัยนาท) จันเสน(นครสวรรค์) ลพบุรี แมน่ ้าปิง(ปิงห่าง)เป็นแนวเขตของเมอื งทางดา้ นทศิ (สรสั วด,ี 2543 หน้า 40) พญามงั รายจงึ มคี วามคดิ เหนือ และผังเวียงกุมกามได้รับอิทธิพลจาก ท่จี ะรวมเอาบา้ นเมอื งในเขต 2 พ้นื ท่แี อ่งท่รี าบลุ่ม หรภิ ุญไชย(สรสั วด,ี 2546:52) โดยการขุดค้นทาง แม่น้าใหญ่ทงั้ สองเข้าด้วยกนั เพ่อื เพม่ิ ความมงั่ คงั่ โบราณคดี และภาพถ่ายทางอากาศ พ.ศ. 2497 ซง่ึ ใหก้ บั ลา้ นนา ภายหลงั ยดึ ครองเมอื งหรภิ ุญไชยแลว้ ทวศี กั ด(ิ ์ 2548, หน้า 65) เช่อื ว่ากาแพงเมอื งเวยี ง พญามงั รายทรงตอ้ งการสรา้ งเมอื งหลวงใหม่ เน่ือง กุมกามสร้างข้นึ เป็นแนวมลี กั ษณะเป็นกาแพง 2 ด้ว ย สิ่ง ปลูก ส ร้า งท่ีห น า แน่ น ภ า ย ใ น เ มือ ง ชนั้ และมคี ูน้าระหว่างกาแพงทงั้ สองชนั้ ส่วนแนว หริภุญไชย ไม่สามารถขยายเมืองออกไปได้ กาแพงทางด้านทศิ ตะวนั ตกยงั ไม่พบหลกั ฐานทาง ประกอบกับเมอื งหรภิ ุญไชยถูกเผาเสียหายมาก โบราณคดี อย่างไรกด็ ี ฟองสวาท(2547, หน้า 63- เกนิ ไป พญามงั รายจงึ สรา้ งเมอื งกุมกามบรเิ วณลุ่ม 65) ทาการขุดเจาะสารวจดินในแนวปิงห่างและ แม่น้าปิงข้นึ เป็นศูนย์กลางของอาณาจกั รล้านนา ภายในเวียงกุมกาม 64 หลุม โดยแต่ละหลุม ปจั จุบนั อยู่ในเขตอาเภอสารภี จงั หวัดเชียงใหม่ เจาะลกึ 10 เมตร เพ่อื สรา้ งแผนท่ตี ดั ขวางของชนั้ ถงึ แม้ว่าความเช่อื ในการเลือกสถานท่ตี งั้ เมอื งจะ ดินตะกอนของพ้นื ท่ีเวียงกุมกาม พบว่า แนวปิง เป็นเกณฑใ์ นการเลอื กพ้นื ท่ตี งั้ นครหลวงแห่งใหม่ ห่ า ง ท าง ด้า น เ ห นือ เ ป็ น แ น ว แ ม่น้ าปิ ง ใ น อ ดีต จ ริง แ ต่ ต า แ ห น่ ง ท่ีอ ยู่ก่ึง ก ล า ง ร ะ ห ว่ า ง แ ม่ น้ า ก ก แ ล ะ แ ล ะ สัน นิ ษ ฐ า น ว่ า พ้ื น ท่ีเ วี ย ง กุ ม ก า ม ใ น อ ดี ต มี แม่น้าปิงท่ีจะรวมพ้ืนท่ีเขตลุ่มน้าทัง้ สองเข้าไว้ แมน่ ้าปิงไหลผา่ นในลกั ษณะของแม่น้าประสานสาย (braided river) หมายความว่า ในพน้ื ทเ่ี วยี งกุมกาม

30 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื มแี ม่น้าปิงไหลผ่านมากกว่า 1 สาย และพบแนว วัดกู่ป้ าด้อม(รูปท่ี 1-2) จากร่องรอยท่ีปรากฏ ตะกอนทรายแม่น้าท่ีระดับความลึกตะกอน -4 ทางดา้ นเหนอื ดา้ นใต้ และดา้ นตะวนั ออกของเมอื ง เมตร ซง่ึ คาดว่าน่าจะมอี ายุเก่ากว่าพุทธศตวรรษท่ี พอจะอนุมานขนาดพ้นื ท่ีของเวยี งกุมกามได้ว่ามี 20 ลงไป และอาจเป็นชนั้ ดินในสมัยเร่มิ ต้นการ ขนาดความกว้างอย่างน้อย 640 เมตร และ ยาว สรา้ งเวยี งกุมกาม บรเิ วณพน้ื ทว่ี ดั หนานชา้ งถงึ 1,100 เมตร (รปู ท่ี 3) รปู ท่ี 1 รปู แนวตะกอนทรายแมน่ ้าในพน้ื ทเ่ี วยี งกมุ กามทงั้ 64 หลมุ ทม่ี า: ฟองสวาท สวุ คนธ์ สงิ หราชวราพนั ธ์ 2547: หน้า 63

31 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื รปู ท่ี 2 ชนั้ ตะกอนทรายแม่น้าทร่ี ะดบั ความลกึ ชนั้ ดนิ สมยั เรม่ิ ตน้ สรา้ งเวยี งกมุ กาม(-4 เมตร) ทแ่ี นว แม่น้าปิงไหลไปตามแนวปิงหา่ ง ซง่ึ เป็นขอบเขตทางดา้ นทศิ เหนอื ของเวยี งกมุ กาม ทม่ี า: ฟองสวาท สวุ คนธ์ สงิ หราชวราพนั ธ์ 2547: หน้า 52 รปู ท่ี 3 แนวสนั นษิ ฐานเวยี งกมุ กามขนาดกวา้ งราว 640 เมตร ยาว 1100 เมตร (วดั จากระยะขจดั จาก Google Earth)

32 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื จากการทเ่ี วยี งกุมกามสรา้ งโดยกษตั รยิ ท์ ม่ี ี กาแพงดา้ นตะวนั ออกทางดา้ นใต้ของวดั กู่มะเกลอื ประสบการณ์การสร้างในหลายแห่งมาก่อนใน วดั กู่อ้ายสี ผ่านวดั กานโถมด้านเหนือ วดั ธาตุน้อย บริเวณลุ่มน้ ากก อีกทัง้ เคยปกครองในเมือง วัดอีค่างไปจนสุดฝงั่ เมืองด้านตะวันตก และ หรภิ ุญไชยท่ีนับถือพุทธศาสนา โดยปรากฏจาก แนวแกนเหนือ-ใต้ โดยมแี นวผ่านพ้นื ท่กี ลางเวยี ง สถาปตั ยกรรมประเภทวดั ของพุทธศาสนาท่ีมอี ยู่ วัดกุมกามและวัดกานโถมลงไปทางใต้ จนสุด มากในเมอื งหรภิ ุญไชย ทาให้เวยี งกุมกามเกดิ การ กาแพงเมอื งดา้ นทศิ ใต(้ สรสั วดี 2546: หน้า 52 และ นาเอาความรู้ เทคโนโลยกี ารก่อสรา้ ง และคตคิ วาม ทวศี กั ดิ ์ 2548:หน้า 182-223)จากสาเหตุการย้าย เช่ือในพุทธศาสนามาสร้างในเมอื งกุมกาม และ ศูนย์กลางเมอื งเน่ืองจากภาวะน้าท่วมนัน้ แม้จะ พัฒ น า เ ป็ น วัฒ น ธ ร ร ม เ ฉ พ า ะ ต น เ ป็ น วัฒ น ธ ร ร ม ไม่ได้ทาให้เวียงกุมกามล่มสลาย หากแต่เป็นการ ล้า น น า โ ด ย ท วีศัก ดิ(์ 2 54 8 :ห น้ า 17 1 -1 7 7 ) ลดบทบาทของการเป็นศูนยก์ ลางทางการเมอื งการ สันนิษฐานว่าเวียงกุมกามเป็นการสร้างโดยการ ปกครองของเวยี งกุมกามลง ภายหลงั การยา้ ยเมอื ง ผสมผสานระหว่างวฒั นธรรมชาวยวนทม่ี คี วามเช่อื หลวงไปจากเวยี งกุมกาม เวยี งกุมกามยงั คงมกี าร เรอ่ื งผบี รรพบุรษุ และอานาจศกั ดสิ ์ ทิ ธกิ ์ บั วฒั นธรรม ตงั้ ถ่ินฐานอย่างเดมิ หากแต่คงบทบาทเพยี งเป็น หรภิ ุญไชยท่นี ับถือพุทธศาสนา โดยอ้างหลกั ฐาน เมอื งบรวิ ารทท่ี าหน้าทเ่ี ป็นเมอื งหน้าด่านทางดา้ น ถงึ การทดแทนไมเ้ ด่อื เกลย้ี งซง่ึ นับถอื เป็นไมส้ ร(ี ศร)ี ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ให้กับเมืองเชียงใหม่ เมอื ง หรอื ไม้เส้อื เมอื งในความเช่อื เร่อื งผขี องชน ตลอดจนทาหน้าท่เี ป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา พน้ื เมอื งเดมิ ดว้ ยต้นพระศรมี หาโพธจิ ์ ากลงั กา อนั ใหก้ บั อาณาจกั ร และสถานทพ่ี กั ผ่อนของบรมวงศา เป็นตัวแทนของพุทธศาสนา โดยการสร้างเวียง นุวงศ์ ดงั นัน้ จึงอาจสนั นิษฐานได้ว่าน้าท่วมเป็น กุ ม ก า ม มี แ น ว คิ ด ก า ร ว า ง ผั ง เ มือ ง อ ย่ า ง เ มื อ ง เพยี งปจั จยั หน่ึงท่รี ว่ มกบั ปจั จยั อ่นื ในการท่จี ะทาให้ หรภิ ุญไชย โดยมศี ูนย์กลางเมอื งท่วี ดั กุมกามและ เวยี งกุมกามล่มสลาย ทวศี ักดิ ์ (2548:หน้า 246- วัดประจาทิศท่ีมุมทัง้ ส่ีแห่งของเมือง ตามคติ 255) กล่าวว่า ปจั จยั ท่ที าให้เวยี งกุมกามล่มสลาย ศูนยก์ ลางจกั รวาลของพุทธศาสนา ประกอบดว้ ยวดั เกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน การท้ิงร้างไปของ กุมกามทปี าราม วดั กู่จอ๊ กป็อก วดั กู่ป้าดอ้ ม และวดั เมอื งไม่ได้เกิดขน้ึ อย่างฉับพลนั ณ ช่วงเวลาหน่ึง พระเจ้าองค์ดา โดยวดั เหล่าน้ีไม่สร้างขน้ึ ในคราว หากแต่ใช้ระยะยาวนานก่อนทเ่ี มอื งจะถูกทง้ิ รา้ งไป เดยี วกนั และมวี ดั กานโถมเป็นศูนยก์ ลางเมอื งตาม ปจั จัยประการแรก คือ การเปล่ียนแปลงอานาจ คตคิ วามเช่อื เรอ่ื งอานาจศกั ดสิ ์ ทิ ธขิ ์ องผขี องกลุ่มชน บทบาทและฐานะของเมอื งเป็นเพยี งเมอื งหน้าด่าน ชาวพน้ื เมอื ง โดยเมอื งกุมกามมแี นวแกนทส่ี าคญั 2 ของเชยี งใหม่ และในทส่ี ุดเป็นเพยี งชุมชนชานเมอื ง แกน ได้แก่ แนวแกนตะวนั ตก-ตะวนั ออก ตงั้ แต่ หลวงเพ่อื กจิ กรรมทางพุทธศาสนา ประการต่อมา

33 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื รปู ท่ี 4 แนวคดิ เรอ่ื งศนู ยก์ ลางเมอื ง วดั ประจาทศิ ทงั้ สข่ี องเวยี งกมุ กาม และแนวแกนของเมอื ง คอื การเปล่ยี นแปลงเส้นทางของแม่น้าปิง ทาให้ ดว้ ยกนั และประการสุดทา้ ย คอื ภยั จากสงคราม ท่ี เวยี งกุมกามไมม่ ศี กั ยภาพทางการสญั จรและการคา้ เวยี งกุมกามมกั ถูกโจมตแี ละมกี ารตงั้ ทพั ของกลุ่มผู้ เพยี งพอทจ่ี ะยงั คงฐานะความสาคญั อกี ต่อไป เน่ือง รุกราน มกี ารกวาดต้อนคนล้านนาไปเป็นเชลยท่ี ดว้ ยแม่น้าปิงไหลผ่านทร่ี าบโล่งซง่ึ ลาดต่า ส่งผลให้ เมืองพม่า(นพคุณ ตันติกุล, ม.ป. ป:หน้า 81) น้าปิงมีโอกาสท่ีจะเปล่ียนเส้นทางเดินได้ ซ่ึง ตลอดจนการมสี งครามอย่างต่อเน่ืองในช่วงพุทธ- สนับสนุนกับท่ีสรสั วดี(2543: หน้า 39) กล่าวว่า ศตวรรษท่ี 20 จงึ ทาให้เวยี งกุมกามไม่มเี วลาท่จี ะ แม่น้าปิงเคยเปล่ียนทางเดินอย่างน้อย 3 ครัง้ ฟ้ืนฟูสภาพบ้านเมอื ง และถูกท้งิ รา้ ง ผุพงั ไปตาม

34 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื กาลเวลา และภายหลงั การทง้ิ รา้ งของเมอื ง ไดเ้ กดิ และแหล่งท่องเท่ียวท่ีสาคญั และยงั่ ยืน โดยในปี น้าท่วมบนพ้นื ท่ขี องเวยี งกุมกามหลายครงั้ ทาให้ พ.ศ. 2546 ได้มีการจัดตัง้ พิพิธภัณฑ์และศูนย์ เวยี งกุมกามทงั้ หมดถูกฝงั อย่ใู ตพ้ น้ื ดนิ ราว 1.5-2.0 ขอ้ มูลเวยี งกุมกาม บรเิ วณถนนวงแหวนรอบนอก เมตร เวยี งกุมกามมสี ภาพเป็นชุมชนอกี ครงั้ หน่ึงใน ของจังหวัดเชียงใหม่ แม้ว่าจะมีความพยายาม สมยั รชั กาลท่ี 5 ภายใต้ช่ือบ้านช้างค้า(สรสั วดี, จดั การภายในพน้ื ท่ี หากแต่ยงั ขาดการประสานงาน 2543: หน้า136) ซ่ึงเป็นการตงั้ ถ่ินฐานจนถึง ของสง่ิ อานวยความสะดวกทด่ี ี เกดิ เป็นอุปสรรคต่อ ปจั จุบันยาวนานราว 3 ชัว่ คน คนรุ่นบุกเบิกใน การพฒั นา ได้แก่ การขาดระบบขนส่งมวลชนของ ขณะนัน้ ท้งิ ช่วงของการดารงอยู่จากเวยี งกุมกาม เมืองเชียงใหม่ ทาให้การเข้าถึงเวียงกุมกาม จงึ ทาให้เวยี งกุมกามไม่ถูกรบั รู้ถงึ การมอี ยู่ในอดตี สามารถทาได้วิธีเดียว คือ การขับรถยนต์เข้าสู่ พบเพยี งวดั รา้ ง และซ่อมแซมเจดยี ว์ ดั กานโถมเป็น พ้นื ท่ี ประกอบกบั ภายในพ้นื ท่ปี ระกอบขน้ึ ด้วย ภาพชา้ งค้า ทาใหเ้ วลาต่อมาเรยี กชุมชนดงั กล่าวว่า เสน้ ทางจานวนมากทค่ี ดเคย้ี วไปมาในลกั ษณะทาง ชุมชนวัดช้างค้า และเรยี กวดั ช้างค้าแทนวดั กาน ในหมบู่ า้ น ทาใหส้ ามารถเขา้ ถงึ ไดใ้ นหลายเสน้ ทาง โถม จนกระทงั่ มกี ารขุดคน้ ทางโบราณคดจี ากกรม แต่ไม่มกี ารควบคุมทางเขา้ ออกทาใหน้ ักท่องเทย่ี ว ศลิ ปากร เวยี งกุมกามจงึ เป็นเมอื งทม่ี กี ารรับรูว้ ่ามี ขาดขอ้ มลู เบ้อื งต้นเพ่อื การท่องเท่ยี ว ตลอดจนการ อยู่จริง ข้อประเด็นต่าง ๆ ท่ีถกกันระหว่าง เข้าถึงสงิ่ อานวยความสะดวก เช่น รถม้านาเท่ยี ว นักวิชาการ ผู้ท่สี นใจทางด้านประวตั ิศาสตร์และ รถราง การเช่าจกั รยาน ป้ายแสดงทาง และแผนท่ี โบราณคดี นัน้ เน่ืองมาจากการตัง้ ถ่ินฐานท่ีไม่ ของพ้นื ท่เี วยี งกุมกาม ท่จี ะนาสู่พ้นื ท่ี ล้วนกระจุก ต่อเน่ือง ทาให้ข้อมูล หลกั ฐานสง่ิ ปลูกสรา้ งต่างๆ ตัวท่ีศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม ผู้ท่ีเข้าสู่พ้ืนท่ีเวียง สูญหายไปบ้าง ส่งผลให้ยากต่อการปะติดปะต่อ กุมกามจากทิศทางอ่ืนไม่สามารถรับรู้ถึงทิศทาง เรอ่ื งราว ภายในพ้นื ท่ไี ดแ้ ละส่วนใหญ่มกั หลงทาง ตลอดจน โบราณสถานปะปนอยู่กบั บ้านเรอื นของประชาชน สภำพปัญหำภำยใน แ ล ะส ถ าน ท่ีท่อ ง เ ท่ีย ว แ ต่ ล ะ แ ห่ ง ไ ม่ต่ อ เ น่ื อ ง เ ป็ น เวียงกมุ กำมในปัจจบุ นั พ้นื ท่ีเดียวกัน เกิดความสับสนระหว่างท่ดี ินของ ชาวบ้านกบั โบราณสถาน แหล่งโบราณคดที ่ขี ดุ คน้ นอกเหนือไปจากงานขุดค้นในส่วนของ ขาดการดูแลจดั การอย่างต่อเน่ือง ทาใหเ้ กดิ วชั พชื กรมศลิ ปากรแลว้ การพฒั นาเวยี งกุมกามจาเป็นจกั ขน้ึ ปกคลุม อีกทงั้ การขุดลงไปในพ้นื ดนิ โดยไม่มี ต้องมีกรอบแห่งการพัฒนาเวียงกุมกาม เพ่ือให้ ระบบระบายน้า ทาใหโ้ บราณสถานกลายสภาพเป็น เวยี งกุมกามเป็นแหล่งศกึ ษาประวตั ศิ าสตรล์ า้ นนา บงึ กกั น้าในฤดฝู น ซง่ึ เป็นการเรง่ การผุสลายของสงิ่

35 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื ปลูกสรา้ งๆ ท่ขี ุดค้นพบ ภูมทิ ศั น์ภายในพ้นื ท่ขี าด ได้ซาลงไป จนกระทัง่ เม่ือวันท่ี 19 พฤษภาคม ความเป็นเอกเทศท่สี ่งเสรมิ ภาพลกั ษณ์ของเวียง 2556 เวียงกุมกามบรเิ วณวัดอีก้างได้ถูกใช้เป็น กุมกาม การเปล่ยี นแปลงการใชป้ ระโยชน์ท่ดี นิ ใน สถานทจ่ี ดั เลย้ี งผนู้ าประเทศในการประชุมผนู้ าดา้ น พน้ื ทเ่ี วยี งกุมกามเป็นบา้ นจดั สรร บา้ นหรอื อพารต์ - น้าเอเชีย-แปซิฟิก โดยหวังว่าจะเป็นการร้อื ฟ้ืน เมนท์ให้เช่า อันเป็นผลจากการขยายตัวเมือง โครงการพฒั นาเวยี งกุมกามใหเ้ ป็นแหล่งท่องเทย่ี ว เชยี งใหม่ การทบั ซอ้ นระหว่างเอกสารสทิ ธใิ ์ นท่ดี นิ ระดบั นานาชาติ อย่างไรกด็ จี ากการสนับสนุนจาก ชาวบ้านและโบราณสถาน ผลประโยชน์จากการ ภาครฐั ทไ่ี ม่ต่อเน่ือง ผนวกกบั การบรหิ ารงานแบบ พฒั นาอย่ใู นมอื ของนักธุรกจิ ต่างถนิ่ มากกว่าคนใน แยกส่วน ทม่ี ขี นั้ ตอนและวธิ ที างานทต่ี ่างคนต่างทา ท้องท่ี ขาดการบรหิ ารจดั การและประชาสมั พนั ธ์ ตลอดจนความขัดแย้งของกลุ่มผลประโยชน์บน อยา่ งต่อเน่อื ง และทส่ี าคญั คอื การขาดเจา้ ภาพทจ่ี ะ พน้ื ท่เี วยี งกุมกาม ทาใหเ้ วยี งกุมกามไมพ่ ฒั นาเป็น บริหารจัดการให้ต่อเน่ืองในระยะยาว การขาด แหล่งท่องเทย่ี วทย่ี งั่ ยนื ได้ งบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานของรฐั และ องค์การบรหิ ารส่วนท้องถนิ่ ท่ขี าดความพรอ้ มด้าน กรณีศึกษำกำรพฒั นำชมุ ชนโบรำณ งบประมาณ บคุ ลากรในการดแู ลรกั ษาต่อ เป็นอาทิ เป็ นแหล่งท่องเที่ยวท่ียงั ่ ยนื อยา่ งไรกด็ ี ในอดตี ภาครฐั จากส่วนกลางได้ เ วีย ง กุ ม ก า ม เ ป็ น เ มือ ง โ บ ร า ณ ท่ีอ ยู่ เข้ามาส่งเสรมิ ด้วยการประชาสัมพนั ธ์ภายใต้ช่ือ ท่ามกลางชุมชน แตกต่างไปจากเมอื งโบราณอ่ืน โครงการ เปิดประตูสู่เวยี งกุมกาม นครโบราณใต้ เช่น ศรีสชั นาลยั สุโขทยั เมอื งเชลยี ง ท่ีเป็นการ พภิ พ โดยจดั ให้มกี ารแสดงแสงสเี สยี ง ในช่อื เร่อื ง อนุรกั ษ์โบราณสถานเพียงอย่างเดียว โดยไม่มี “เมอื งแก้ว ขวญั เกล้า เวยี งกุมกาม” ระหว่างวนั ท่ี ชุมชนเขา้ มาอยรู่ ว่ มดว้ ย ดงั นนั้ เวยี งกุมกามจงึ น่าท่ี 18-19 มกราคม 2546 กิจกรรมเชงิ วฒั นธรรมและ จะมวี ธิ ีการจดั การท่ีแตกต่างไปจากเมอื งอนุรกั ษ์ พธิ กี รรม ในช่อื “ทศศรทั ธา เบกิ ฟ้าเวยี งกุมกาม” โบราณสถาน ซ่งึ สมั ฤทธผิ ์ ลจะเกดิ ขน้ึ จาเป็นตอ้ ง ตงั้ แต่วนั ท่ี 2 กุมภาพนั ธ์ – 6 เมษายน 2546 รวม พ่ึงพาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตลอดจน 10 สปั ดาห์ และโครงการสบื ศลิ ป์สานศรทั ธา สบื ค่า องค์การบรหิ ารส่วนตาบลเขตพ้นื ท่รี บั ผดิ ชอบ ใน เวียงกุมกาม เป็นการจัดกิจกรรมการแสดงเชิง การเป็นเจา้ ภาพจดั การ ศลิ ปวฒั นธรรม นาชมแหล่งโบราณสถาน เปิดบา้ น ลานหตั ถกรรมทุกวนั อาทติ ยต์ งั้ แต่วนั อาทติ ยท์ ่ี 13 แนวทางการพัฒนาท่องเท่ียวในปจั จุบัน เมษายน-29 มถิ ุนายน 2546 เป็นเวลา 12 สปั ดาห์ มกั นิยมพฒั นาเพ่อื ใหเ้ ป็นเมอื งมรดกโลก เน่ืองจาก หลงั จากเปลย่ี นรฐั บาล การสนบั สนุนจากภาครฐั จงึ การขน้ึ ทะเบยี นเป็นเมอื งมรดกโลก มกี ระบวนการ

36 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ท่ีจ ะ พิ จ า ร ณ า ต า ม เ ก ณ ฑ์ สถาปตั ยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือ มาตรฐานของการเป็นเมืองมรดกโลก ซ่ึงเป็น การตงั้ ถน่ิ ฐานของมนุษยซ์ ง่ึ เส่อื มสลาย เกณฑ์ด้านวัฒนธรรม 6 ประการด้วยกัน(ศูนย์ ไ ด้ ง่ า ย จ า ก ผ ล ก ร ะ ท บ จ า ก ก า ร ขอ้ มลู มรดกโลก, 2556: ออนไลน์) คอื เปล่ยี นแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรม ตามกาลเวลา 1. เป็นตวั แทนในการแสดงผลงานชน้ิ เอก 6. มคี วามคิดหรอื ความเช่ือท่ีเก่ียวข้อง ท่จี ดั ทาขน้ึ ด้วยการสรา้ งสรรคอ์ นั ชาญ โดยตรงกบั เหตุการณ์ หรอื มคี วามโดด ฉลาดของมนุษย์ เดน่ ยง่ิ ในประวตั ศิ าสตร์ จ า ก เ ก ณ ฑ์ ก า ร พิ จ า ร ณ า ข อ ง ก า ร ข้ึ น 2. เป็นส่ิงท่ีมีอิทธพิ ลยิง่ ผลักดันให้เกิด ทะเบยี นเป็นมรดกโลก ทาให้การได้รบั การยกย่อง ก า ร พัฒ น า สืบ ต่ อ ม า ใ น ด้า น ก า ร ใหเ้ ป็นเมอื งมรดกโลกการนั ตถี งึ คณุ ค่า ความสาคญั ออกแบบทางสถาปตั ยกรรม อนุสรณ์ ของสถานท่ีนัน้ ท่ีทรงไว้ซ่ึงคุณค่าของวฒั นธรรม สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิ ชาตนิ ัน้ ๆ ซ่งึ เป็นแหล่งดงึ ดูดนักท่องเทย่ี วได้เป็น ทศั น์ ตลอดจนการพฒั นาศิลปกรรมท่ี อย่างดี และหากเวียงกุมกามได้ข้นึ ทะเบียนเป็น เก่ียวข้อง หรือการพัฒนาการตัง้ ถิ่น มรดกโลก จะเป็นการขยายฐานของนักท่องเท่ยี วท่ี ฐา น ข อ ง ม นุ ษ ย์ ซ่ึง ไ ด้เ กิด ข้ึน ใ น ปจั จุบนั เป็นนักท่องเทย่ี วชาวไทยเป็นส่วนใหญ่ ให้ ช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง หรอื บนพน้ื ท่ใี ด ครอบคลมุ ถงึ นกั ท่องเทย่ี วชาวต่างชาติ อนั จะนามา ๆ ของโลกซง่ึ ทรงไวซ้ ง่ึ วฒั นธรรม ซง่ึ รายได้จากการท่องเทย่ี วทเ่ี พมิ่ ขน้ึ อกี ทงั้ ยงั เป็น การกรอบในการพฒั นาเมอื งท่กี าหนดทศิ ทางการ 3. เ ป็ น ส่ิ ง ยื น ยัน ถึ ง ห ลั ก ฐ า น ข อ ง พฒั นาโบราณสถานไปในทศิ ทางเดยี วกนั วฒั นธรรมหรอื อารยธรรมท่ปี รากฏให้ เกรียงไกร เกิดศิริ นันทวรรณ ม่วงใหญ่ เหน็ อยู่ในปจั จุบนั หรอื ว่าท่สี าบสูญไป และ สุพจน์ จิตสุทธิญาณ (เกรียงไกร, เกิดศิริ; แลว้ นนั ทวรรณ, มว่ งใหญ่; สุพจน์, จติ สุทธญิ าณ, 2556) เสนอผลการศึกษาในการเสนอกลยุทธ์ในการ 4. เป็นตวั อย่างอนั โดดเด่นของประเภท จดั การแหล่งมรดกทางวฒั นธรรมในภาคเหนือเพ่อื ของสงิ่ ก่อสรา้ งอนั เป็นตวั แทนของการ ขอรบั การจารกึ ชอ่ื เป็นแหล่งมรดกโลก โดยเสนอให้ พัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม เสนอแหล่งมรดกทางวฒั นธรรมในภาคเหนือแบบ ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รวมกลุ่ม (Serial Nomination) เพ่อื ใชศ้ กั ยภาพ อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของ มนุษยชาติ 5. เป็นตวั อย่างอนั โดดเด่นของวฒั นธรรม มนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่ง

37 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื ด้านต่างๆ ร่วมกัน เพ่ือเพ่ิมคุณค่าของความ (บรษิ ทั เอส. พ.ี พบั ลชิ ชงิ่ กรุ๊ป จากดั , 2013) เป็น สมบูรณ์แบบ (Integrity Value) ซง่ึ จะทาใหแ้ หล่ง อาทิ ซ่ึงในเดือนกันยายน พ.ศ. 2556 รอง วัฒ น ธ ร ร ม มีคุ ณ ค่ า โ ด ด เ ด่ น อัน เ ป็ น ส า ก ล ศาสตราจารย์วรลัญจก์ ได้ย่ืนเสนอแหล่งมรดก (Outstanding Universal Value: OUV) ตามเกณฑ์ วฒั นธรรมล้านนาใหเ้ ป็นมรดกโลกในสามประเดน็ ขององค์กรมรดกโลก โดยพ้ืนท่ีเวียงกุมกามถูก หลกั ได้แก่ 1) กาแพงเมอื งโบราณ วดั วาอาราม รวมกลุ่มตามบรบิ ทแวดล้อมท่สี มั พนั ธ์กนั โดยจดั ภายในสเ่ี หลย่ี มคเู มอื ง 2) เจดยี จ์ ามเทวกี บั เรอ่ื งราว อยู่ในกลุ่มของ แหล่งโบราณสถานและแหล่ง ของพระนางจามเทวีในลาพูน และ 3) เส้นทาง โ บ ร า ณ ค ดีเ มือ ง ร่ว ม วัฒ น ธ ร ร ม ล้า น น า ( Ancient สกั การะพระธาตุประจาปีเกิด โดยปจั จุบัน(พ.ศ. Monuments and Archaeological Sites in 2557) มรดกทางวฒั นธรรมดงั กล่าวไดถ้ ูกบรรจุช่อื Historic Towns of Lanna Culture) (เกรยี งไกร, ใน “บญั ชรี ายช่อื เบ้อื งต้น” (Tentative List) ซ่งึ 2554) ซ่งึ ภายในกลุ่มประกอบแหล่งโบราณสถาน จะต้องจดั ทาแผนการบรหิ ารจดั การ และนาเสนอ และแหล่งโบราณคดใี นแหล่งล้านนา ได้แก่ เมอื ง เพ่ือรอรบั การพิจารณา และประกาศยกย่องเป็น หรภิ ุญไชย เวยี งท่ากาน เวยี งเจด็ ลนิ เวยี งกาหลง แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในโอกาสต่อไป เมอื งเชยี งแสน เมอื งเชยี งราย เวยี งกุมกาม เมอื ง (วรลญั จก์, 2557) อน่ึงเวยี งกุมกาม แมจ้ ะถูกมี เชยี งใหม่ และเมอื งลาปาง ทงั้ น้ีเวยี งกุมกามได้รบั ศกั ยภาพโดดเด่นจากผลการวจิ ยั แต่กลบั ไม่ได้อยู่ การประเมนิ ศกั ยภาพในด้านต่างๆ (จานวนแหล่ง ในรายการเสนอขอมรดกโลกในรอบน้ี โ บ ร า ณ ค ดี คุ ณ ค่ า โ ด ด เ ด่ น อัน เ ป็ น ส า ก ล (Outstanding Universal Value) ความจรงิ แทข้ อง อย่างไรก็ดี การจะพฒั นาเวยี งกุมกามให้ ตัวเมือง(Authenticity) และความสมบูรณ์แบบ เป็นแหล่งท่องเทย่ี วในรายการของมรดกโลก เวยี ง (Integrity))ท่ีโดดเด่นร่วมกับเมืองเชียงใหม่และ กุมกามจาเป็นทจ่ี กั ตอ้ งพฒั นาในอกี หลายดา้ น เช่น เมอื งเชยี งแสน ก า ร ส นับ ส นุ น ทุ น ใ น ก า ร เ ปิ ด ห น้ า ดิน แ ห ล่ ง โบราณคดเี พมิ่ เติม ดูแลโบราณสถานท่ขี ุดค้นไป ในทางปฏบิ ตั ิ คณะวจิ ติ รศลิ ป์ นาโดยรอง แล้ว เพิ่มเติมการสบื ค้นประวตั ิศาสตร์การตงั้ ถ่ิน ศาสตราจารยว์ รลญั จก์ บุณยสุรตั น์ ทาการผลกั ดนั ฐานให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างย่งิ หลกั ฐานของ รณรงค์ และดาเนินการเมอื งเชยี งใหม่สู่มรดกโลก องค์ประกอบของเมอื งท่ที าใหเ้ วยี งกุมกามมคี วาม ทงั้ ในรูปของการบรรยายสู่สาธารณะ ( ภาควิชา สมบรู ณ์และมเี อกลกั ษณ์เป็นของตนเอง ศิลปะไทย , 2013) การประชุมเพ่อื ระดมความ คดิ เหน็ (วรลญั จก์, 2556) (Matichon Public Co., ความพยายามในการเป็นเมอื งโบราณใน Ltd., 2556) การให้สมั ภาษณ์แก่นิตยสารทอ้ งถนิ่ รายช่ือของมรดกโลก ทาให้นึกเทียบเคียงเมือง โบราณของโลกท่ไี ด้รบั การข้ึนทะเบยี นมรดกโลก

38 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื เพ่อื หาหนทางในการพฒั นาใหเ้ ป็นแหล่งท่องเทย่ี ว หลงเหลอื เลย มเี พยี งตานานท่กี ล่าวถึงสภาพบ้าง ท่ยี งั่ ยนื ผู้เขยี นมคี วามเหน็ ว่าเวยี งกุมกามน่าจะมี ซง่ึ นกั วชิ าการสว่ นใหญ่คาดว่าสงิ่ ปลูกสรา้ งเหล่านนั้ สภาพเร่อื งราวของการล่มสลายใกล้เคยี งกบั เมอื ง ทาขน้ึ ดว้ ยไม้ เม่อื เวลาผ่านไปประกอบกบั ไม่มกี าร ปอมเปอิ(Pompei) ทางภาคใต้ของประเทศอิตาลี อย่อู าศยั อย่างต่อเน่ือง วสั ดุเหล่านัน้ กผ็ ุพงั ไปตาม รมิ อ่าวเนเป้ิล เมอื งปอมเปอิ ก่อตงั้ ขน้ึ เมอ่ื ประมาณ กาลเวลา ในขณะท่ีเมืองปอมเปอิ มีซากของ 550 ปีก่อนครสิ ตศกั ราช ซง่ึ เดมิ อย่ใู ต้อทิ ธพิ ลของ สิ่งก่อสร้างท่ีประกอบกันเกิดข้ึนเป็นเมือง โดย กรกี ต่อมา 80 ปีก่อนครสิ ตกาล จึงตกเป็นเมอื ง ภายในซากเมอื งโบราณ ประกอบไปด้วย วดั บา้ น อาณานคิ มของโรมนั และกลายเป็นเมอื งตากอากาศ ร้านค้า เวทีกลางแจ้ง สถานเริงรมย์ โรงอาบน้า ของชาวโรมัน เมืองปอมเปอิในอดีตมัง่ คัง่ จาก สาธารณะ เป็นอาทิ ท่สี ะท้อนวถิ ชี ีวิตของผู้คนใน การค้าขาย โดยสนิ ค้าหลกั ของเมอื งปอมเปอิ คือ สมยั นัน้ ตลอดจนสงิ่ ประกอบของเมอื ง เช่น น้าพุ เหล้าองุ่นและผ้าขนสตั ว์ และล่มสลายลงจากการ สาธารณะ ทางเดนิ รถมา้ ทด่ี าดด้วยหนิ ทางระบาย ถูกฝงั โดยเถา้ ภูเขาไฟเวสุเวยี ส(Vesuvius) ลกึ 4-6 น้ า ป้ า ย บ อ ก ท า ง ใ น เ มือ ง ยัง ค ง อ ยู่ ท า ใ ห้ เมตรนับพนั ปี ส่งผลให้ผู้คนท่อี าศัยอยู่ในเมอื ง นักท่องเท่ยี วสามารถจนิ ตนาการถงึ ภาพของการ กลายเป็นซากศพโดยฉบั พลนั ใน พศ. 622(คศ. 79) ดารงอยู่ของเมอื งในสมยั นัน้ ได้ ตลอดจนปูนปนั้ ภายหลงั การขุดค้นทางโบราณคดีระหว่างปี พ.ศ. พลาสเตอรท์ ่หี ล่อลงในช่องว่างร่างกายของเหย่อื 2406 – พ.ศ. 2418 (คศ.1863-1875) โดยนัก ผเู้ คราะหร์ า้ ยจากผลของภูเขาไฟระเบดิ ทถ่ี ูกฝงั อยู่ โบราณคดีชาวอิตาลี ช่ือ จิอุเซปเป ฟิออเรลล่ี ใตพ้ น้ื ชนั้ เถา้ ภูเขาไฟ สรา้ งเร่อื งราวของการเกดิ ขน้ึ (Giuseppe Fiorelli) ทาใหเ้ มอื งปอมเปอเิ ผยใหเ้ หน็ ตัง้ อยู่และสูญสลายของเมืองให้กับผู้มาเยือนได้ สภาพเมอื ง รวมทงั้ ถนนหนทางและอาคารต่างๆ อยา่ งสมบรู ณ์ อกี ครงั้ มาจนถงึ ปจั จุบนั ต่อมาเมอื งปอมเปอไิ ดร้ บั การยกย่องให้เป็นมรดกโลก ในปี พ.ศ. 2540(คศ. อย่างไรก็ตาม เมอื งปอมเปอิ เป็นเมอื งทม่ี ี 1997) ซง่ึ แต่ละปีเมอื งปอมเปอริ องรบั นักท่องเทย่ี ว 2 เมอื ง คอื เมอื งเก่า ท่ถี ูกทบั ถมจากเถ้าภูเขาไฟ ปีละประมาณ 2.2 ลา้ นคน(Touring Club Italiano และเมอื งท่เี ป็นการตัง้ ถ่นิ ฐานในปจั จุบนั แยกจาก [online]: p.10) กนั จากเมอื งเก่า ทาให้ไม่มสี ภาพการอยู่ร่วมกัน ของโบราณสถานกับชุมชนดังเช่นเวียงกุมกาม ขอ้ แตกต่างระหว่างเวยี งกุมกามและเมอื ง กจิ กรรมท่องเท่ยี วภายในเมอื งปอมเปอเิ ก่า มกี าร ปอมเปอิ คอื เวยี งกุมกามไม่มสี ภาพของความเป็น จดั การท่ีดี กล่าวคือ จากัดทางเข้าออก มีเพียง เมืองท่ีหลงเหลืออย่างสมบูรณ์ ส่ิงท่ยี งั เหลือ คือ เส้นทางเดยี ว จดั โซนของสง่ิ บรกิ ารสาธารณะ เช่น ศาสนสถาน แต่วัง บ้านเรือนผู้คน ตลาด ไม่ ห้องน้า ร้านอาหาร ร้านค้าขายของท่ีระลึกอยู่

39 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื บริเวณเดียวกัน สามารถติดต่อเพ่ือหาไกด์เล่า กฎหมำยท่ีเกี่ยวข้องกบั เ ร่ือ ง ร า ว แ ล ะ ส ถ า น ท่ีท่ีน่ า ส น ใ จ ใ น ก า ร เ ข้า ช ม ใ น กำรพฒั นำเวียงกมุ กำม บรเิ วณจดุ ขายตวั ๋ สภาพภูมทิ ศั น์ตลอดจนเร่อื งราว ประวัติศาสตร์การตัง้ ถิ่นฐาน อาคารท่ีหลงเหลือ เวีย ง กุ ม ก า ม อ ยู่ใ น เ ข ต ผัง เ มือ ง ร ว ม บาทวิถีฯ ล้วนสะท้อนให้เห็นภาพของวิถีชีวิต เชยี งใหม่ ในพ้นื ท่ปี ระเภทอนุรกั ษ์เพ่อื ส่งเสรมิ ภายในเมอื งปอมเปอใิ นขณะนนั้ ซง่ึ สรา้ งความรสู้ กึ เอกลกั ษณ์ศลิ ปวฒั นธรรมไทย(กฎกระทรวง 2555: ประทบั ใจแก่ผมู้ าเยอื น หน้า 42-44) โดยหา้ มการใชป้ ระโยชน์ทด่ี นิ ประเภท โรงงาน คลังน้ามนั สถานท่ีบรรจุ/เก็บก๊าซ การ คาถามต่อไป คอื จะทาอย่างไรใหเ้ วยี งกุม เล้ยี งสตั ว์ สุสาน โรงแรม การจดั สรรท่ดี นิ อาคาร กาม มีสภาพการจดั การท่ีดี และแม้จะไม่ได้ข้ึน ชุดฯ และมีรายละเอียดของข้อกาหนดการใช้ ทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่สามารถสร้างความ ประโยชน์ท่ดี นิ คอื ความสูงอาคารในท่ดี นิ ไม่เกิน ประทบั ใจแก่นักท่องเท่ยี วท่มี าเยอื นเวยี งกุมกาม 12 เมตร โดยวดั จากระดบั พ้นื ดนิ ทก่ี ่อสร้างถงึ พ้นื ครงั้ แลว้ ครงั้ เล่า รปู ท่ี 5 ผงั บรเิ วณเมอื งมรดกโลกปอมเปอิ เมอื งเนเปิล ประเทศอติ าลี

40 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื ดาดฟ้า สาหรบั อาคารทรงจวั่ หรอื ปนั้ หยาใหว้ ดั จาก ในการพิจารณาคดียาว และอาจนาไปสู่ปญั หา ระดบั พ้นื ดนิ ท่กี ่อสร้างถงึ ยอดผนังของชนั้ สูงสุด มี ทางการเมอื ง ส่วนพระราชบญั ญตั สิ งิ่ แวดลอ้ มฯ ใน พ้นื ทป่ี ลูกต้นไมโ้ ดยรอบอาคารรวมกนั ไม่น้อยกว่า มาตรา 43 ได้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ร้อยละ 30 ของแปลงท่ีดินท่ีย่นื ขออนุญาต และ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดย กาหนดให้อาคารมลี กั ษณะของหลงั คาท่มี ภี าพทรง คาแนะนาของคณะกรรมการสง่ิ แวดลอ้ มแห่งชาตมิ ี ต า ม แ บ บ ส ถ า ปัต ย ก ร ร ม พ้ืน เ มือ ง ล้า น น า อานาจออกกฎกระทรวง กาหนดพน้ื ทค่ี ุม้ ครอง และ (กฎกระทรวง 2555: หน้า 10-12) รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีอานาจประกาศเขตพ้ืนท่ี นอกจากน้ีพ้ืนท่ีเวียงกุมกามยงั เข้าข่าย คุ้มครองสง่ิ แวดล้อมตามมาตรา 45 และกาหนด กฎหมายอีก 2 ฉบบั คือพระราชบญั ญัติโบราณ มาตรการคุ้มครองตามมาตรา 44 ในพ้ืนท่ีท่ีได้ สถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปวตั ถุ และพพิ ธิ ภณั ฑสถาน ประกาศกาหนดเป็นเขตอนุรกั ษ์ เขตผงั เมอื งรวม แห่งชาติ พ.ศ. 2504 และพระราชบญั ญตั ิส่งเสรมิ ผังเมืองเฉพาะ เขตควบคุมอาคาร เขตนิคม และรกั ษาคุณภาพสงิ่ แวดลอ้ มแห่งชาติ พ.ศ. 2535 อุตสาหกรรมหรอื เขตควบคมุ มลพษิ โดยในพระราชบญั ญัติโบราณสถาน ฯ มาตรา 7 กาหนดใหอ้ ธบิ ดกี รมศลิ ปากรประกาศขน้ึ ทะเบยี น จากกฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ งในการพฒั นาและ โบราณสถาน และกาหนดเขตท่ีดินให้เป็นเขต อนุรกั ษ์เวยี งกุมกาม จะพบว่ามกี ารควบคุมการใช้ โบราณสถาน มีอานาจตามมาตรา 7 ทวิ ท่ีจะ ประโยชน์ท่ดี นิ ในภาพกว้าง ๆ หากจะพฒั นาเวยี ง อนุญาตหรอื ไมอ่ นุญาตใหม้ กี ารปลูกสรา้ งอาคารอ่นื กุมกามในทศิ ทางท่สี ่งเสรมิ การท่องเท่ยี ว อนุรกั ษ์ ใดในเขตโบราณสถาน มอี านาจสงั่ ระงบั และรอ้ื ถอน มรดกทางวฒั นธรรม จงึ ควรจดั ทาแนวทางในการ ส่ิงปลูกสร้างในเขตโบราณสถานโดยไม่ได้รับ ปลกู สรา้ ง ซอ่ มแซมอาคาร เพ่อื ส่งเสรมิ ภาพลกั ษณ์ อนุญาต และมาตรา 9 ใหเ้ จา้ ของหรอื ผคู้ รอบครอง ของเวียงกุมกาม ซ่ึงการจะทาได้จักต้องช้ีให้ โบราณสถานทข่ี น้ึ ทะเบยี นแลว้ มหี น้าทด่ี แู ลเม่อื เกดิ ประชาชนในท้องท่ีเห็นถึงความสาคัญ ส่งเสริม ชารุดเสียหาย ต้องแจ้งเป็นหนังสอื ให้อธิบดีกรม อาชีพท่ีเก่ียวข้องกับการท่องเท่ียวให้กับชุมชน ศลิ ปากรทราบภายใน 30 วนั นับตงั้ แต่วนั ทช่ี ารุด ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รบั หากเวยี งกุมกามได้รบั หกั พงั หรอื เสยี หาย แต่ในทางปฏบิ ตั ิ กรมศลิ ปากร การพฒั นา เพ่อื ใหไ้ ดค้ วามรว่ มมอื จากประชาชน มกั ประกาศเขตโบราณสถานเท่าท่จี าเป็น และมี อาณาเขตโดยรอบห่างจากแนวเขตโบราณสถานไม่ มากนัก เน่ืองจากอาจจะกระทบต่อสิทธิของ ประชาชน ซ่งึ อาจเป็นคดคี วามท่ตี ้องใช้ระยะเวลา

41 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื ข้อเสนอแนะแนวทำง เหล่านัน้ และการท่องเท่ียวอย่างยงั่ ยืน จาเป็นท่ี จะตอ้ งลงทุน ในกำรพฒั นำเวียงกมุ กำม แ ล ะ เ น่ื อ ง ด้ ว ย ก า ร ดู แ ล ร ัก ษ า ซ า ก เ มือ ง จากความพยายามของทุกภาคส่วน ทัง้ โบราณเวียงกุมกามและขุดค้นทางโบราณคดี ภาครฐั และภาคประชาชนในการฟ้ืนฟูเวยี งกุมกาม เพมิ่ เตมิ ล้วนมตี น้ ทุนจานวนมาก ดงั นัน้ จงึ ควรเก็บ เพอ่ื เป็นแหลง่ ท่องเทย่ี วแห่งใหมข่ องเมอื งเชยี งใหม่ ค่าเขา้ ชม เพ่อื เป็นค่าใชจ้ า่ ยใหก้ บั ค่าบรหิ ารจดั การ นนั้ จาเป็นทร่ี ฐั ตอ้ งเขา้ มากากบั ประสานหน่วยงาน ค่าดูแลแหล่งโบราณสถานเวยี งกุมกาม ตลอดจน ต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องให้จัดสรรงบประมาณและ การขดุ คน้ แหล่งโบราณคดเี พม่ิ เตมิ ระยะเวลาดาเนินงานใหส้ อดคลอ้ งกนั อยา่ งต่อเน่อื ง สาหรบั การจดั การทางด้านกายภาพของ เวยี งกุมกามแมจ้ ะมขี อ้ ถกเถยี งถงึ ช่อื เมอื ง โบราณสถาน ทม่ี เี สน้ ทางถนนทซ่ี บั ซอ้ นวกวนแบบ ปีทส่ี รา้ ง ระยะเวลาของการตงั้ ถนิ่ ฐานในฐานะเมอื ง ทางในหมบู่ า้ นทช่ี าวบา้ นบรเิ วณนัน้ ใชส้ ญั จร ทาให้ หลวงแห่งอาณาจักร รูปแบบสถาปตั ยกรรมท่ี ไม่สามารถปิดกนั้ ใหเ้ ขา้ ออกทางเดยี วดงั เช่นเมอื ง ปรากฏ ตลอดจนขอบเขตท่แี น่ชดั ของเวยี งกุมกาม โบราณอ่ืน ๆ ได้ เห็นควรให้มีจุดบริการข้อมูล แต่อาจสรุปได้ว่ามกี ารสรา้ งเมอื งและเข้าอยู่อาศยั บริเวณทางเข้า และจัดทาป้ าย แผนท่ีท่ีแสดง อยรู่ ะยะหน่งึ ก่อนสรา้ งเมอื งเชยี งใหม่ ในการพฒั นา เส้นทางอย่างชดั เจน นอกจากน้ีการเข้าถึงแหล่ง เวียงกุมกามให้เป็นแหล่งท่องเท่ียวอย่างยงั่ ยืน โบราณสถาน อาจจัดให้มีบริการรถรับส่งจาก จาเป็ นต้องมีการขุดค้นเพ่ิมเติมเพ่ือเติมเต็ม บรเิ วณใดบรเิ วณหน่ึงของศูนยก์ ลางเมอื งเชยี งใหม่ องค์ประกอบของเมืองให้สมบูรณ์ ตลอดจนการ ไปเวยี งกุมกามเพ่อื อานวยความสะดวก อกี ทงั้ ควร บูรณะซากโบราณคดีบนฐานของวิชาการ อันจะ ออกแบบสภาพภูมทิ ศั น์ของพ้นื ท่โี ดยใชพ้ ชื พรรณ ก่อให้เกิดภาพรวมในจินตนาการของผู้มาเยือน ให้เกิดเอกภาพของพ้ืนท่ีท่ีจะส่งเสริมพ้ืนท่ีให้มี มากกว่าการมีภาพท่ีไม่ปะติดปะต่อ การสร้าง ความสวยงามอย่างเป็นเอกเทศจากบ้านเรอื นของ เร่ืองราวดังกล่าวมีความจาเป็ นสาหรับการ ชาวบา้ นทแ่ี วดลอ้ ม ท่องเท่ียว เพราะเพียงซากสถาปตั ยกรรมท่ี หลงเหลือไม่สามารถดึงดูดความสนใจให้กับคน การจดั ระเบยี บสงิ่ อานวยความสะดวกและ ทวั่ ไปได้นอกจากนักโบราณคดี และนักวชิ าการท่ี อาคารเสริมต่าง ๆ ภายในเวียงกุ มกาม เช่น เก่ียวข้อง ตลอดจนการดูแลแหล่งโบราณสถาน หอ้ งน้า รา้ นอาหาร รา้ นคา้ ขายของทร่ี ะลกึ เหน็ ควร เหล่านัน้ ภายหลงั การขุดค้น แม้จะใช้งบประมาณ ทจ่ี ะตอ้ งจดั โซนใหเ้ ป็นระเบยี บ ไมค่ วรปล่อยใหเ้ กดิ จานวนมาก แต่เพ่ืออนุรักษ์แหล่งโบราณสถาน ได้ในทุกพ้นื ท่ขี องโบราณสถาน เพ่อื ให้เกดิ ความ เป็ นระเบียบ และง่ายต่อการจัดการดังเช่น

42 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื กรณีศึกษา รวมถึงการจดั หาสาธารณูปโภคและ เขม้ งวดนับเป็นอกี สง่ิ ท่คี วรกระทาควบคู่ไปกบั การ สาธารณูปการทเ่ี พยี งพอต่อความต้องการ เช่น การ พฒั นาทางดา้ นกายภาพอ่นื ๆ จดั หาน้าสะอาด การจดั การขยะมลู ฝอยทจ่ี ะมคี วาม ตอ้ งการเพมิ่ มากขน้ึ เมอ่ื มนี กั ทอ่ งเทย่ี วเพมิ่ ขน้ึ ทา้ ยทส่ี ุด การทาใหเ้ วยี งกุมกามเป็นแหล่ง ท่องเท่ยี วเชงิ วัฒนธรรม แม้ว่าจะเป็นการแช่แขง็ สาหรบั การประชาสมั พนั ธ์ ยงั คงเป็นสง่ิ ท่ี วฒั นธรรมทไ่ี ม่ก่อให้เกดิ การววิ ฒั น์ของวฒั นธรรม ต้องกระทาอย่างต่อเน่ืองไปอีกสกั ระยะ จนกว่า แต่กน็ บั เป็นเครอ่ื งมอื ทด่ี ที ใ่ี ชบ้ อกเล่าเร่อื งราวความ เวยี งกุมกามจะถูกกล่าวขานเป็นแหล่งท่องเทย่ี วอกี เป็นมาของการตงั้ ถนิ่ ฐานของชาวลา้ นนาในวนั ทท่ี ุก แห่งหน่ึงของเชียงใหม่ท่ีไม่ควรพลาด ดังเช่น อย่างกาลงั จะสายเกนิ ไป และแมว้ ่าเวยี งกุมกามจะ พระธาตุดอยสุเทพ วัดเจดีย์หลวง วัดสวนดอก ไดข้ น้ึ ทะเบยี นเป็นมรดกโลกหรอื ไมน่ นั้ กไ็ มไ่ ดม้ ผี ล วดั เจด็ ยอด เป็นตน้ ต่อการอนุรักษ์โบราณสถาน หากคนในพ้ืนท่ี ตลอดจนผมู้ าเยอื นตระหนักในคุณค่าประวตั ศิ าสตร์ อน่ึง ผลการศึกษาของพวงเพชร์ ธนสิน ศลิ ปกรรมของเวยี งโบราณและปรารถนาทจ่ี ะส่งต่อ (2547: หน้า 145) พบว่า ประชาชนท่อี าศยั อยู่ใน สมบตั ขิ องชาตไิ ปยงั คนรนุ่ ต่อไป เวยี งกุมกามในระยะเวลาต่างกนั ไม่มผี ลต่อการมี ส่ ว นร่ว มใ นก า รพ ัฒน าเ วียง กุ มก า มใ ห้เ ป็ นแ ห ล่ ง ท่องเท่ยี ว ดงั นัน้ การมสี ่วนร่วมของประชาชนใน การช่วยกนั อนุรกั ษ์คุณค่าโบราณสถานจึงเกดิ จาก จติ สานกึ ลว้ นๆ อยา่ งไรกด็ ี หากการพฒั นาสามารถ ก่อให้เกิดการพฒั นาเวยี งกุมกามท่เี ปรยี บเสมอื น สภาพละแวกบ้านของชาวชุมชนรอบๆ เวียงกุม กามใหม้ สี ภาพทส่ี ะอาดสะอ้าน เป็นแหล่งท่องเทย่ี ว ทก่ี ลายเป็นแหล่งประกอบอาชพี ของชาวบ้าน เช่น การขายของท่ีระลึก บริการนวดแผนโบราณ บรกิ ารนาเทย่ี วภายในเวยี งกุมกามฯ ภายใตก้ ารจดั โซนท่เี หมาะสมและเป็นระเบยี บกน็ ่าจะทจ่ี ะกระตุ้น การมสี ่วนร่วมในการดูแล สอดส่อง ป้องกนั และ พฒั นาเวยี งกุมกามไปพรอ้ มๆ กนั ผนวกกบั กลไกล ทางด้านกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนาเวียง กุมกามไปปฏิบัติ และติดตามตรวจสอบอย่าง

43 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื ตาแหน่งเวยี งกมุ กาม รปู ท่ี 5 ตาแหน่งของเวยี งกุมกามภายใตข้ อ้ กาหนดการใชป้ ระโยชน์ทด่ี นิ ประเภทอนุรกั ษ์ เพอ่ื สง่ เสรมิ เอกลกั ษณ์ศลิ ปวฒั นธรรมของเวยี งกมุ กามในผงั เมอื งรวมเมอื งเชยี งใหม่ 2555

44 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื บรรณำนุกรม สหวฒั น์ แน่นหนา(บรรณาธกิ าร). (2548). โบราณคดสี ามทศวรรษทเี่ วยี งกุมกาม. กรงุ เทพฯ: ถาวรกจิ การ พมิ พ.์ สานกั เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตร.ี (2546). สรปุ ผลการประชุมคณะรฐั มนตร.ี 8 เมษายน 2546. ขา่ วท่ี 04/08- 1.กรงุ เทพ. สรสั วดี อ๋องสกุล. (2543). ชุมชนโบราณในแอ่งเชยี งใหม่ – ลาพนู . กรุงเทพ: บรษิ ทั อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนด์ พบั ลชิ ชงิ่ จากดั (มหาชน). Misha, Patit Paban. (2010). The history of Thailand. California: ABC-CLIO, LLC. สรสั วดี อ๋องสกุล. (2546). เวยี งกุมกาม : การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรช์ มุ ชนโบราณในลา้ นนา. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. เชยี งใหม่ : โรงพมิ พม์ งิ่ เมอื ง. ทวศี กั ดิ ์ เกยี รตวิ รี ะศกั ด.ิ ์ (2548). การศกึ ษาผงั เมอื งโบราณลา้ นนา: เวยี งกุมกาม อาเภอสารภี จงั หวดั เชยี งใหม.่ วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าประวตั ศิ าสตรส์ ถาปตั ยกรรม บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. ฟองสวาท สุวคนธ์ สงิ หราชวราพนั ธ.์ (2547). รายงานการศกึ ษาตะกอนวทิ ยาบรเิ วณเมอื งโบราณเวยี งกุม กาม. เชยี งใหม:่ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ นพคุณ ตนั ตกิ ุล. มปป. เวยี งกุมกามในมหามติ .ิ เชยี งใหม:่ ลา้ นนาคอมพวิ เตอรพ์ รน้ิ ตง้ิ . ศูนยข์ อ้ มลู มรดกโลก. (2556). หลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณาเป็นมรดกโลกมอี ะไรบา้ ง[ระบบออนไลน์]. แหล่งทม่ี า http://www.thaiwhic.go.th/faq.aspx [8 กรกฏาคม 2556] เกรยี งไกร เกดิ ศริ ิ นนั ทวรรณ มว่ งใหญ่ และ สพุ จน์, จติ สทุ ธญิ าน. (2556). ศกั ยภาพและแนวทางการจดั การ แหลง่ มรดกทางวฒั นธรรมและภมู ทิ ศั น์วฒั นธรรมในภาคเหนือ เพ่อื เสนอขอรบั การจารกึ ช่อื เป็น แหล่งมรดกโลก. หน้าจวั่ , 169-199. เกรยี งไกร เกดิ ศริ ิ (2554). ลา้ นนากบั การเป็นมรดกโลก. กรงุ เทพฯ: อุษาคเนย์ ภาควชิ าศลิ ปะไทย , ม. ค. (2013, พฤศจกิ ายน 28). สบื คน้ เมอ่ื สงิ หาคม 1, 2014, จาก Facebook: https://th-th.facebook.com/ThaiArtCMU/posts/726994560661956 วรลญั จก์ บุญยสุรตั น์. (2556, กรกฎาคม 16-17). โครงการประชมุ สมั มนาเชงิ ประชาพจิ ารณ์การนารอ่ งเมอื ง เชยี งใหม-่ เมอื งลาพนู ส่มู รดกโลก. เชยี งใหม,่ ไทย.

45 เมอื งเชยี งใหม่: ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรมและความเชอ่ื Matichon Public Co., Ltd. (2556, กนั ยายน 13). เดนิ หน้าผลกั ดนั เชยี งใหมส่ เู่ มอื งมรดกโลก. สบื คน้ เมอ่ื สงิ หาคม 1, 2557, จาก Matichon Online: http://www.matichon.co.th/news_detail.php? newsid=1379067526 บรษิ ทั เอส. พ.ี พบั ลชิ ชงิ่ กรุป๊ จากดั . (2013, กนั ยายน). มรดกโลก \"เชยี งใหม\"่ ไกลเกนิ ไปหรอื ใกลแ้ ค่ปลาย จมกู . สบื คน้ เม่อื สงิ หาคม 1, 2014, จาก COMPASS: http://www.compasscm.com /viewis sue.php?id=251&issue=124&lang=th วรลญั จก์ บญุ ยสรุ ตั น์. (2557, กรกฎาคม 16). ความคบื หน้าโครงการมรดกโลกเชยี งใหม-่ ลาพูน. (องนุ่ ทพิ ย์ ศรสี ุวรรณ ผสู้ มั ภาษณ์) Touring Club Italiano. (2009). Dossier Musei 2009(In Italian). [Online] June 2009. Available http://www.touringclub.it/iniziative/dettaglio/99/Dossier-Musei-2009. (11 July 2013) กฎกระทรวงผงั เมอื งรวมเมอื งเชยี งใหม่ 2555. (21 พฤษภาคม 2556). รำชกิจจำนุเบกษำ เลม่ 130 ตอน ท่ี 43 ก พวงเพชร์ ธนสนิ . (2547). ศกั ยภาพ ขอ้ จากดั และโอกาสของการพฒั นาเวยี งกุมกามเป็นแหล่งทอ่ งเทย่ี ว. เชยี งใหม:่ ภาควชิ าภมู ศิ าสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook