- ๒๔๘ - หนว่ ยท่ี ๔ พลเมอื งกับความรบั ผิดชอบต่อสงั คม
- ๒๔๙ - แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี ๔ ช่อื หนว่ ย พลเมอื งกับความรับผดิ ชอบต่อสงั คม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เวลา ๒ ชว่ั โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การเคารพสทิ ธหิ น้าที่ตอ่ ตนเองและผู้อื่น ๑.ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั พลเมืองและมีความรบั ผิดชอบ ๑.๒ ปฏิบตั ิตนตามหน้าที่พลเมืองและมคี วามรบั ผิดชอบต่อสังคม ๒.จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 นกั เรียนอธบิ ายและยกตวั อย่างการเป็นพลเมืองทดี่ ีได้ ๒.๒ นักเรียนบอกวธิ ีการปฏิบตั ติ นตามสทิ ธิของตนเองและผอู้ ่นื ได้ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ 1) ความหมายของพลเมืองดี 2) ตัวอย่างพฤตกิ รรมการเปน็ พลเมืองดี 3) วิธีการปฏบิ ตั ิตน ตามสทิ ธหิ นา้ ทีท่ ้ังต่อตนเอง และผู้อื่น 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กิด) 1) ความสามารถในการสอ่ื สาร 2) ความสามารถในการคดิ ๓) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 3.3 คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ / คา่ นยิ ม 1) มีวนิ ัย ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1ข้นั ตอนการเรยี นรู้ ช่ัวโมงที่ 1-2 1. ครชู ้แี จงจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ ักเรียนทราบ 2. แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 5-6 คน (ตามความเหมาะสม) 3. มอบหมายให้สมาชิกภายในกลุม่ คัดเลือก ประธาน รองประธาน เลขานุการฯ ตามกระบวนการ กลมุ่ 4. แต่ละกล่มุ ตัง้ ช่ือกลมุ่ โดยครสู ังเกตกระบวนการกลุ่ม ในประเด็นการยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของ สมาชิกภายในกลุม่ 5. เมอ่ื ไดช้ ือ่ กลุ่มแตล่ ะกลุม่ นาเสนอ ชือ่ กลุ่ม ทลี ะกลมุ่ จนครบ 6. ครู นกั เรียน รว่ มกันสนทนา อภปิ รายกระบวนการท่ีได้มาซงึ่ ชอ่ื กลุ่มแตล่ ะกลุม่ โดยครชู ้ีแนะให้ นักเรียนพบวา่ การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของสมาชกิ ภายในกลุ่มเปน็ การเคารพสิทธิของผ้อู ่ืน
- ๒๕๐ - 7. สนทนาอภปิ รายเกย่ี วกับ “สิทธหิ นา้ ท่ีทง้ั ต่อตนเองและผู้อ่ืน” 8. ครตู ดิ กระดาษชารต์ หน้าชนั้ เรยี น จากนัน้ ให้นักเรียนชว่ ยกันระดมสมอง ชว่ ยกนั เขยี นสทิ ธิ หนา้ ท่ีต่อตนเองและผู้อืน่ 9. สนทนาอภิปรายสรุป สทิ ธหิ นา้ ทท่ี ่พี ึงปฎิบัตติ อ่ ตนเองและผ้อู ่นื ทงั้ ในครอบครวั โรงเรียน ชุมชน ประเทศ โลก 4.2สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ 1) กระดาษชารต์ 5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วิธีการประเมิน - การสงั เกต 5.2 เครื่องมอื ท่ีใช้ในการประเมนิ 2.1 แบบประเมินการทางานกลมุ่ 2.2 แบบประเมนิ การเสวนา 5.3 เกณฑ์การตัดสนิ 3.1 ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ การทางานกลุ่ม 17 คะแนนขน้ึ ไป 3.2 ผเู้ รียนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ การเสวนา 7 คะแนนข้นึ ไป 7. บนั ทึกหลงั สอน ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอื่ ................................................ ครูผู้สอน (.................................................)
- ๒๕๑ - แบบประเมินการทางานเป็นกล่มุ กลุ่มที่……………ชนั้ ………………………เรอ่ื ง……………………………..……………………………. ผ้ปู ระเมนิ ครผู สู้ อน นักเรียน อ่ืนๆ คาช้แี จง เมอื่ ผปู้ ระเมินอ่านข้อความแต่ละขอ้ แลว้ ให้ตอบในเรือ่ งทต่ี รงกับการปฏบิ ตั ิของนักเรียนมากทส่ี ุดคือ - ไมป่ ฏิบัติเลยใหท้ าเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 1 - ปฏิบัติเพยี งเลก็ น้อยใหท้ าเครื่องหมาย ลงในช่องคะแนน 2 - ปฏบิ ตั เิ ป็นคร้ังคราวใหท้ าเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 3 - ปฏิบัตบิ ่อยๆใหท้ าเคร่ืองหมาย ลงในช่องคะแนน 4 - ปฏิบัตเิ ป็นประจา ใหท้ าเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 5 พฤติกรรมทตี่ ้องประเมนิ 54 3 2 1 1. การวางแผนการทางานรว่ มกัน 2. การแบ่งหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบในกลุม่ 3. การให้ความรว่ มมือของสมาชิก 4. การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผู้อ่ืนและการแสดงความ คิดเหน็ 5. การแกป้ ญั หาภายในกลุ่ม รวม เกณฑ์การประเมนิ ไดค้ ะแนน 17 คะแนนขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ลงชือ่ ……………………………..……..ผู้ประเมนิ
- ๒๕๒ - แบบประเมนิ ผลการเสวนา กลมุ่ ที่……………ช้นั ……………………… เรือ่ ง……………………………..……………………………. ผ้ปู ระเมิน ครผู ้สู อน นักเรียน อน่ื ๆ ที่ รายการประเมิน คะแนนที่ได้ เกณฑ์การประเมนิ 1 เนอ้ื หา (4 คะแนน) คะแนน 4 มีครบทุกขอ้ 1. เนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์ คะแนน 3 มี 3 ข้อ ขาด 1 ข้อ 2. เน้อื หาถกู ต้อง คะแนน 2 มี 2ข้อ ขาด 2ข้อ 3. เนอ้ื หาตอ่ เน่อื ง คะแนน 1มี 1ขอ้ ขาด 3ขอ้ 4. มกี ารคน้ คว้าเพิ่มเติม 2 กระบวนการทางาน (2 คะแนน) คะแนน 2 มีครบทุกข้อ 1. มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ คะแนน 1 มี ไมค่ รบ 4 ข้อ 2.การปฏบิ ัติตามแผน คะแนน 0 ไมป่ รากฏ 3.ตดิ ตามประเมนิ ผล กระบวนการทางานท่ีชดั เจน 4.การปรับปรุงพฒั นางาน 3 การนาเสนอ (2 คะแนน) คะแนน 2 มคี รบทุกข้อ 1. การใชส้ านวนภาษาดถี กู ต้อง คะแนน 1.5 มี 3 ขอ้ ขาด 1 ข้อ 2. การสะกดและไวยากรณ์ถูกตอ้ ง คะแนน 1 มี 2 ข้อ ขาด 2 ข้อ 3. รปู แบบนา่ สนใจ คะแนน 0.5 มี 1 ข้อ ขาด 3 ข้อ 4. ความสวยงาม 4 คณุ ธรรม(2 คะแนน) คะแนน 2 มคี รบทกุ ข้อ 1. ตรงตอ่ เวลา คะแนน 1.5 มี 3 ขอ้ ขาด 1 ขอ้ 2. ซ่ือสตั ย์ คะแนน 1 มี 2 ข้อ ขาด 2 ข้อ 3. ความกระตือรอื รน้ คะแนน 0.5 มี 1 ข้อ ขาด 3 ขอ้ 4. ความมนี า้ ใจ คะแนนเต็ม 10 คะแนน รวม เฉลยี่ ลงชื่อ……………………………..……..ผปู้ ระเมิน
- ๒๕๓ - แบบสงั เกตให้คะแนนพฤติกรรมการแสดงบทบาทสมมตขิ องนกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ คาชี้แจง: ครใู หค้ ะแนนการตรวจผลงานนกั เรียนแล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน รายการประเมนิ รวม 16 รูปแบบการ ภาษา เนอื้ หา เวลา คะแนน ลาดับที่ ชื่อ – สกลุ นาเสนอ 1234123412341234 ลงชอ่ื ……………………………..……..ผูป้ ระเมิน (..........................................) ........../..................../............. เกณฑ์การตดั สนิ คะแนน 14 – 16 คะแนน หมายถงึ ดเี ยี่ยม คะแนน 10 – 13 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 5– 9คะแนน หมายถงึ ผ่าน คะแนน 1– 4 คะแนน หมายถึง ไมผ่ ่าน
- ๒๕๔ - แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยที่ ๔ ช่อื หนว่ ย พลเมอื งและความรบั ผิดชอบต่อสังคม ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2เรือ่ ง ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย เวลา ๒ ช่วั โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั พลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สังคม ๑.๒ ปฏิบตั ติ นตามหน้าท่พี ลเมอื งและมคี วามรับผิดชอบต่อสังคม ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 บอกความหมายของคาวา่ ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมายได้ 2.2 บอกความสาคัญของคาวา่ ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมายได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ 1) ระเบียบ คือการมีวินยั รจู้ กั หน้าที่ 2) กฎ หมายถงึ ทกุ อยา่ งท่ีกล่าวมาแต่ขา้ งต้นออกโดยหน่วยงานทางปกครอง มีผลบงั คับ 3) กติกา หมายถงึ สงิ่ ทีบ่ คุ คลหรือคณะสรา้ งข้นึ เพ่ือให้เป็นแบบแผนปฏิบัตใิ นเรื่องใดเร่ืองหน่งึ 4) กฎหมาย หมายถงึ กฎทส่ี ถาบนั หรอื ผู้มอี านาจสูงสดุ ในรัฐ ตราขน้ึ เพื่อใช้ในการบรหิ ารประเทศ 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่เี กิด) 1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พดู เขยี น) 2) ความสามารถในการคิด (วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรปุ ) 3.3 คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ / ค่านยิ ม 1) มวี นิ ัย 2) มีความรับผิดชอบ ๔.กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 ขัน้ ตอนการเรยี นรู้ ชัว่ โมง 1 1) ครซู กั ถามนกั เรียนถงึ ระเบียบ กฎ กตกิ า ในการเข้าไปใช้บรกิ ารห้องสมุดโรงเรยี น วา่ มขี ้อหา้ ม อะไรบา้ งให้นักเรียนชว่ ยกันตอบและแสดงความคิดเห็นเชน่ - แตง่ กายสภุ าพ - นากระเป๋าหรือส่ิงของไปไว้ท่ีช้ันวางกระเป๋า - ห้ามนาอาหารหรือเคร่ืองด่ืม ขนมเขา้ มารับประทานในห้องสมุด - หา้ มพดู คุยเสียงดัง - ฯลฯ
- ๒๕๕ - 2) ครอู ธิบายถึงความหมายของระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย ขอ้ บงั คบั ทุกสถานท่หี รอื การเลน่ กีฬา ตา่ งๆตอ้ งมี กฏ กติกา มีระเบียบ ข้อบงั คบั ตา่ งๆ เชน่ คาว่ากตกิ า หมายถึง สง่ิ ที่บุคคลหรือคณะ สร้างข้นึ เพื่อให้เป็นแบบแผนปฏิบัตใิ นเรอ่ื งใดเร่ืองหน่ึง โดยได้รบั การยอมรับในสังคม 3) ครแู บง่ กลมุ่ นักเรยี นศึกษาใบความรู้ เรือ่ ง ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย และเขยี นสรุปลงในใบ งานเรอ่ื ง ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย ช่ัวโมง 2 4) ครูเปดิ คลิปวิดโี อ เร่อื ง ระเบยี บ กฎ กตกิ า ใหน้ ักเรยี นดู จากนนั้ แตล่ ะกลมุ่ เขยี นแสดงความ คดิ เห็น บทบาทหน้าท่ีของตัวละครแตล่ ะคนเปน็ ไป ตาม ระเบียบ กฎ กตกิ า กฎหมาย อย่างไร โดย เขียนลง ในใบงานท่ี 2 สง่ ครตู รวจ 5) ตัวแทนกลุม่ ออกมาอภปิ รายจากการแสดงความคิดเห็น นักเรียนช่วยกนั เสนอแนะ 6) ครูและนักเรยี นชว่ ยกันสรุปวธิ กี ารปฏิบัตติ ามกฎ ระเบยี บ กติกา กฎหมาย เพ่ือนาไปใช้ในการ ปฏบิ ัตติ นไดถ้ ูกต้อง ในชีวิตประจาวนั 4.2 สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 1) คลิปวดิ ีโอ “กฎ ระเบียบ กติกา” http://www.youtube.com/watch?v=jcRJim_e9Sw 2) ใบความรเู้ ร่อื ง ระเบยี บ กฎ กตกิ า 3) ใบงานเรอ่ื ง ระเบียบ กฎ กติกา 4) ใบงานที่ 2 เรอื่ ง บทบาทหนา้ ท่ี ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมนิ ๑) สังเกตกระบวนการทางานกลุ่ม ๒) การนาเสนอผลงาน ๓) ตรวจผลงาน ๕.๒ เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการประเมิน ๑) แบบสังเกตกระบวนการทางานกลุ่ม ๒) แบบบันทึกผลการนาเสนอผลงาน 5.3 เกณฑ์การตดั สิน นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในระดบั ดีขึน้ ไป 6. บนั ทกึ หลังสอน ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ................................................ ครผู ้สู อน (.................................................)
- ๒๕๖ - ใบความรู้ เรื่อง ระเบียบ กฎ กติกา ระเบยี บ หมายถึง แบบแผนท่ีวางไว้เป็นแนวปฏิบัตหิ รอื ดาเนนิ การ เชน่ ระเบียบวินัย ระเบยี บข้อบังคบั ตอ้ ง ปฏบิ ัตติ ามระเบียบ \" ระเบยี บวนิ ยั \" คือ คุณสมบัติทส่ี าคัญในการดาเนนิ ชีวิต ความสามารถของบคุ คลในการควบคุมอารมณ์ และ พฤติกรรมของตนเอง ให้เป็นไปตามที่มุ่งหวัง โดยเกิดจากการสานึก ซึ่งต้องไม่กระทาการใดๆ อันเป็นผลทา ให้เกิดความยุ่งยากแก่ตนเองในอนาคต หากแต่ต้องเป็นส่ิงท่ีก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองแก่ตนเองและผู้อื่น โดยไม่ขัดต่อระเบียบของสังคมและไม่ขัดต่อสิทธิของผู้อื่น ความมีวินัยในตนเอง สามารถควบคุมตนเองให้ ปฏบิ ตั ิตนตามระเบียบขอ้ ตกลงของสงั คมสว่ นรวมดว้ ยความสมัครใจของผู้ปฏิบัติเอง เพ่ือความสงบสุขในชีวิต และความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อยของสงั คม การอยูร่ ว่ มกนั เป็นหมู่เหล่า ถ้าขาดระเบียบวนิ ัย ตา่ งคนตา่ งทาตามอาเภอใจ ความขดั แยง้ และลกั ล่นั กจ็ ะเกิดข้นึ ย่งิ มากคนกย็ ง่ิ มากเรอื่ ง ไม่มีความสงบสขุ การงานท่ีทากจ็ ะเสยี ผล
- ๒๕๗ - “กฎ”ตามความหมายโดยท่วั ไปหมายถึง จดไวเ้ ป็นหลกั ฐาน ตรา คาบงั คบั หรอื ขอ้ กาหนดหรือข้อบัญญัติท่ี บังคับใหต้ ้องมีการปฏบิ ตั ิตาม1ส่วน “กฎ” ตามความหมายของกฎหมายปกครองหมายความถึง พระราช กฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวงขอ้ บัญญตั ิท้องถิ่น ระเบียบ ข้อบงั คับ หรอื บทบญั ญตั ิอนื่ ท่มี ผี ล บงั คบั เป็นการทวั่ ไปโดยไมม่ ่งุ หมายใหใ้ ช้บงั คบั แก่กรณีใดหรือบคุ คลใดเปน็ การเฉพาะ2 ในทางปฏิบัติไม่ค่อยมี ปัญหามากนักในการวนิ ิจฉัยว่าอะไรเปน็ “กฎ” ในสว่ นทเี่ ปน็ พระราชกฤษฎกี า กฎกระทรวง ข้อบัญญตั ิ ทอ้ งถิน่ ประกาศกระทรวง แต่มปี ระกาศ ระเบยี บ ข้อบงั คับ หรือบทบัญญัตบิ างฉบับท่ีอาจทาใหฝ้ า่ ยปกครอง และประชาชนเขา้ ใจสับสนว่าเป็น “กฎ” หรือ “คาส่ังทางปกครอง”3 เน่อื งจากบทนิยามได้ให้ความหมาย ของคาว่า “กฎ” หมายความรวมถึงบทบญั ญัติอนื่ ท่มี ผี ลบงั คบั เปน็ การทั่วไปโดยไม่มุ่งหมายใหใ้ ชบ้ ังคับแก่ กรณีใดหรือบคุ คลใดเปน็ การเฉพาะ อกี ด้วย กฎ (Law) หมายถึง ทฤษฎีทีส่ ามารถอธบิ ายปรากฏการณในธรรมชาติไดอ้ ย่างกว้างขวาง เปน็ เวลานานจนเปน็ ทยี่ อมรับสามารถทดสอบผลไดเ้ หมือนเดมิ ทกุ ๆ ครงั้ โดยไมม่ ีข้อโตแ้ ยง้ ใดๆ เพราะเปน็ ความจรงิ ทีไ่ มเปล่ยี นแปลงการวเิ คราะหข์ ้อมลู และสรปุ ผล ใบความรู้ที่ ๓ เรอื่ ง มารจู้ กั กติกากันเถอะ กติกา ในทางสงั คมวิทยาถือวา่ คนเป็นสตั วส์ ังคม (Social Animal) คอื รวมกนั อยู่เปน็ กลมุ่ เป็นชุมชน เปน็ เมือง และเปน็ ประเทศ ในทานองเดยี วกับสตั ว์ท่รี วมกนั อยู่เป็นฝูงแตถ่ งึ แม้วา่ คนเป็นสตั ว์กติกา ในทางสงั คม วทิ ยา แต่ในทางจรยิ ศาสตรค์ นมีขอ้ แตกตา่ งจากสตั ว์ในด้านหลกั คือ 1. ทางด้านรา่ งกาย คนมีโครงสร้างรา่ งกายสูงข้ึนในแนวดิ่งของโลก ส่วนสตั ว์มีโครงสร้างรา่ งกายยาวไป ตามแนวนอนขนานกบั พ้ืนโลก หรือถ้าจะพูดตามนยั แห่งคาสอนในพระพุทธศาสนาว่า ดิรจั ฉาน หรอื เดรจั ฉาน แปลว่า ไปทางขวาง ซง่ึ เปน็ ทีม่ าของคาด่าคนช่ัว คนเลววา่ เปน็ คนขวางโลก อันหมายถงึ เปน็ สัตว์ นัน่ เอง 2. ทางดา้ นจิตใจ คนใชเ้ หตผุ ล หลักการ คณุ ธรรม และจริยธรรม ควบคุมพฤติกรรมทแ่ี สดงออกทาง กาย และวาจา สว่ นสตั วม์ เี พยี งสญั ชาตญาณเท่านนั้ ควบคุมพฤติกรรม ด้วยเหตุทคี่ นตา่ งจากสัตวใ์ นทางดา้ นจติ ใจน้ีเอง ทาใหส้ ังคมของคนมกี ารพัฒนาเจริญรงุ่ เรืองในทกุ ด้าน
- ๒๕๘ - เม่อื กาลเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในการกาหนดกติกาข้นึ มาเพ่ือควบคุมพฤติกรรมผู้คนในสังคมใหอ้ ยู่ รวมกันอย่างสงบสุขกติกาทางสังคมของคนในยุคตน้ เร่ิมจากการมคี วามเชื่อร่วมกัน หรอื ที่เรยี กวา่ ลัทธิ และ ความเชื่อในยุคแรกได้แก่ความเชื่อเกย่ี วกบั วิญญาณประจาธรรมชาติ ภูเขา ตน้ ไม้ หรือแม้กระทง่ั สัตว์บางชนิด ความเชื่อในลักษณะนี้นักวชิ าการด้านศาสนาเรียกวา่ วญิ ญาณนยิ ม และความเชือ่ ในเรอื่ งทรงเจ้าเขา้ ผกี จ็ ัดอยู่ ในประเภทเดียวกันน้ี กตกิ า แปลวา่ ขอ้ ความทไ่ี ดท้ าความตกลงกันแล้ว หมายถึง กฎเกณฑ์หรือข้อตกลงที่บุคคลต้ังแต่ ๒ ฝ่ายข้ึน ไป กาหนดขนึ้ เป็นหลกั ปฏิบัติ เชน่ ในการเลน่ กฬี า หรอื การเล่นเกมตา่ ง ๆ มีกติกาทผ่ี ูเ้ ล่นตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามทัง้ ในการเล่น การแพช้ นะ การปรับ การลงโทษ เปน็ ต้น ผู้ที่แพ้ก็ต้องยอมรับ ความพ่ายแพ้ อาจถูกลงโทษ หรอื ถูกปรบั ตามกติกาทต่ี กลงกนั แล้ว เช่น นกั ฟุตบอลที่ทาให้คตู่ ่อสู้เจ็บ ไม่ว่าจะ โดยตั้งใจหรือไม่ต้ังใจก็ตาม จะต้องถูกลงโทษได้ใบเหลือง หรือใบแดงซ่ึงทาให้ต้องออกจากการเล่น คน เชียร์ฟุตบอลท่ีฝ่ายของตนแพ้แล้วไม่ยอมแพ้จัดว่าเป็นคนท่ีไม่ปฏิบัติตามกติกา คนที่ไม่ปฏิบัติตามกติกาจะ ถูกสังคมประณามว่าเป็นอันธพาล เป็นคนเกเร กติกาเป็นข้อตกลงท่ีช่วยให้คนในสังคมทากิจกรรมร่วมกัน ไดอ้ ยา่ งเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย และทาใหท้ กุ คนอยู่รว่ มกนั ได้อยา่ งสันตสิ ขุ ทีม่ า : บทวทิ ยรุ ายการ “รู้ รกั ภาษาไทย” ออกอากาศทางสถานวี ทิ ยกุ ระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อ วนั ที่ ๖ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๓
- ๒๕๙ - กฎหมายคืออะไร กฎหมาย เปน็ กฎเกณฑ์ ขอ้ บงั คบั ท่ใี ชค้ วบคมุ ความประพฤติของมนุษย์ในสังคม กฎหมาย มีลักษณะ เป็นคาสั่ง ข้อห้าม ท่ีมาจากผู้มีอานาจสูงสุดในสังคมใช้บังคับได้ทั่วไป ใครฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษหรือสภาพ บงั คบั อย่างใดอยา่ งหนึง่ ระบบกฎหมายในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 4 ระบบ ได้แก่ ระบบกฎหมาย ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร ระบบกฎหมายสังคมนิยม และระบบกฎหมายศาสนา กฎหมายแต่ละ ระบบย่อมมีท่ีมาแต่งต่างกันการแบ่งประเภทของกฎหมายอาจแบ่งได้หลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับว่าจะยึดอะไร เปน็ หลกั เกณฑ์ในการแบง่ มนษุ ย์จาเปน็ ตอ้ งมกี ฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ในการอยรู่ ว่ มกนั เพอื่ ให้สังคม เกิดความ เป็นระเบียบเรียบร้อยและสงบสขุ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เพื่อให้สังคมเป็นระเบียบเรียบร้อยสงบสุข กฎเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่าน้ี เรียกว่า บรรทัดฐานทางสังคม (Social Norms) ประกอบด้วย 1. วิถีชาวบ้าน (Folkways) เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติที่อยู่ในรูปของประเพณีนิยม ที่สมาชิกในสังคม ปฏิบัติสืบต่อกันมา ถ้าใครไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกติฉินนินทาว่าร้าย เช่น การแต่งกาย กิริยามารยาททางสังคม ในโอกาสตา่ ง ๆ เป็นต้น 2. จารตี (Mores) เปน็ กฎเกณฑ์ความประพฤติที่ยึดหลักความดีความช่ัว กฎเกณฑ์ทางศาสนา เป็นเร่ืองของ ความรู้สึกว่าสิ่งใดผิดส่ิงใดถูก หากใครละเมิดฝ่าฝืนจะได้รับการต่อต้านจากสมาชิกในสังคมอย่างจริงจัง อาจ ถูกกีดกันออกจากสังคม หรือไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย เช่น การลักเล็กขโมยน้อย การเนรคุณบิดามารดา หรอื ผู้มพี ระคุณ เป็นตน้ 3. กฎหมาย (Laws) เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติท่ีมีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจน แน่นอน ว่ากระทาอย่างไร เปน็ ความผิดฐานใด จะได้รับอยา่ งไร เช่น ผใู้ ดฆา่ ผอู้ น่ื ต้องระวางโทษประหารชีวติ เป็นตน้ กฎเกณฑ์ของความประพฤติทั้งสามประการดังกล่าว สองประการแรกไม่ได้มีการบัญญัติไว้อย่าง ชัดเจน การลงโทษผ้ลู ะเมดิ ฝา่ ฝนื ก็ไมร่ นุ แรง ประการทีส่ าม กฎหมายจึงเป็นสิ่งทีส่ าคัญท่ีสุด ใช้ได้ผลมากท่ีสุด ในการควบคมุ ความประพฤติของมนษุ ย์ ดังนน้ั สงั คมมนษุ ย์ทุกสังคมจงึ จาเป็นตอ้ งมีกฎหมาย เป็นกฎเกณฑ์ใน การอย่รู ่วมกนั ดังคากลา่ วทว่ี ่า “ที่ใดมสี งั คมที่นัน่ มกี ฎหมาย” กฎหมาย หมายถงึ คาสิ่งหรอื ขอ้ บงั คับของรฐั ซ่งึ บญั ญตั ิขึ้นเพอ่ื ใช้ควบคุมความประพฤติของบุคคล ซึง่ อยูใ่ นรัฐหรอื ในประเทศ ของตนหากผู้ใดฝา่ ฝนื ไม่ประพฤตปิ ฏบิ ัตติ าม ก็จะมคี วามผิดและถูกลงโทษหรือไดร้ ับผลเสียหายนนั้ ดว้ ย
- ๒๖๐ - ใบงานท่ี 1 เรื่อง ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนเขียนสรุปเปน็ ผงั ความคิดจากการศกึ ษาใบความรู้เร่ือง ระเบยี บ กฎกติกา ใบงานที่ 2
- ๒๖๑ - ใบงานท่ี 2 เรอ่ื งบทบาทหน้าที่ คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนสรุปแสดงความคดิ เหน็ บทบาทหนา้ ที่ของตัวละคร
- ๒๖๒ - แบบประเมนิ การทางานเปน็ กล่มุ กล่มุ ท่ี……………ชั้น………………………เรื่อง……………………………..……………………………. ผ้ปู ระเมนิ ครผู ูส้ อน นกั เรียน อนื่ ๆ คาชีแ้ จง เมอ่ื ผู้ประเมนิ อ่านข้อความแต่ละขอ้ แล้วให้ตอบในเรอื่ งทีต่ รงกบั การปฏิบัติของนักเรียนมากทสี่ ดุ คือ - ไมป่ ฏบิ ัติเลยให้ทาเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 1 - ปฏิบัติเพียงเล็กน้อยใหท้ าเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 2 - ปฏิบัติเปน็ ครัง้ คราวใหท้ าเคร่ืองหมาย ลงในช่องคะแนน 3 - ปฏบิ ัติบอ่ ยๆให้ทาเครื่องหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 4 - ปฏบิ ตั ิเปน็ ประจา ให้ทาเครือ่ งหมาย ลงในช่องคะแนน 5 พฤติกรรมท่ตี ้องประเมิน 54 3 2 1 1. การวางแผนการทางานร่วมกนั 2. การแบ่งหน้าทีร่ ับผิดชอบในกลมุ่ 3. การใหค้ วามรว่ มมอื ของสมาชิก 4. การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผู้อืน่ และการแสดงความ คดิ เห็น 5. การแก้ปญั หาภายในกลุ่ม รวม เกณฑก์ ารประเมิน ได้คะแนน 17 คะแนนขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ลงช่อื ……………………………..……..ผู้ประเมิน (......................................................)
- ๒๖๓ - แบบการประเมนิ ผลการนาเสนองาน เร่อื ง ……………………………………. ท่ี รายการประเมนิ ผู้ประเมิน รวม เกณฑ์การประเมิน ตนเอง เพ่อื น ครู 1 เน้ือหา ( 4 คะแนน ) คะแนน 4 : มีครบทุกขอ้ 17. เนอ้ื หาครบถ้วนสมบรู ณ์ คะแนน 3 : มี 3 ข้อ ขาด 1 ขอ้ 18. เนอ้ื หาถูกต้อง คะแนน 2 : มี 2 ข้อ ขาด 2 ข้อ 19. เนอ้ื หาต่อเนื่อง คะแนน 1 : มี 1 ข้อ ขาด 3 ขอ้ 20. มกี ารคน้ คว้าเพม่ิ เติม 2 กระบวนการทางาน(2คะแนน ) คะแนน 2: มคี รบทุกขอ้ 17. มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ คะแนน 1 : มี ไมค่ รบ 4 ขอ้ 18. การปฏิบัตติ ามแผน คะแนน 0 : ไม่ปรากฏกระบวน 19. ติดตามประเมินผล 20. การปรบั ปรุงพัฒนางาน การทางานทช่ี ดั เจน 3 การนาเสนอ ( 2 คะแนน ) คะแนน 2 : มีครบทุกขอ้ คะแนน 1.5: มี 3 ข้อ ขาด 1 ข้อ 13. การใชส้ านวนภาษาดี คะแนน 1 : มี 2 ขอ้ ขาด 2 ข้อ ถูกต้อง คะแนน 0.5 : มี 1 ขอ้ ขาด 3 ขอ้ 14. การสะกดคาและไวยากรณ์ คะแนน 2 : มีครบทุกขอ้ ถกู ต้อง คะแนน 1.5: มี 3 ข้อ ขาด 1 ขอ้ คะแนน1 : มี 2 ข้อ ขาด 2 ข้อ 15. รูปแบบน่าสนใจ คะแนน 0.5 :มี 1 ข้อ ขาด 3 ขอ้ 4. ความสวยงาม คะแนนเตม็ 10 คะแนน 4 คุณธรรม ( 2 คะแนน ) 17. ตรงตอ่ เวลา 18. ซอื่ สัตย์ 19. ความกระตอื รือรน้ 20. ความมนี า้ ใจ รวม เฉลีย่ ลงชอ่ื ผปู้ ระเมิน…………………………….. ตนเอง ลงชื่อผู้ประเมิน…………………………….. เพื่อน ลงชอ่ื ผปู้ ระเมิน…………………………….. ครู
- ๒๖๔ - แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๔ ชอื่ หนว่ ย พลเมอื งและความรับผดิ ชอบตอ่ การทุจริต ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3เร่อื ง ความรับผดิ ชอบต่อตนเองและผอู้ ืน่ เวลา ๒ ช่วั โมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสงั คม ๑.๒ ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมอื งและมีความรับผิดชอบต่อสงั คม ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 นกั เรียนบอกความหมายของคาว่าความรับผิดชอบ 2.2 นกั เรยี นระบุพฤตกิ รรมทมี่ ตี ่อความรับผิดชอบต่อตนเองและผูอ้ ื่น ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ 1) ความหมายของคาว่าความรบั ผิดชอบ 2)แนวทางปฏบิ ัตติ อ่ ตนเองในความรบั ผดิ ชอบต่อหน้าท่ี 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กิด) 1) ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ / คิดอย่างมีวิจารณญาณ - ทักษะกระบวนการคดิ เชงิ สร้างสรรค์ 3.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ / คา่ นิยม 1) มวี นิ ยั 2) มุ่งม่ันในการทางาน ๔.กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 ข้นั ตอนการเรียนรู้ ชวั่ โมง 1 1) ครูต้ังประเด็นคาถามนักเรียนชว่ ยกันตอบถงึ หนา้ ทร่ี บั ผิดชอบของนกั เรยี นท่ีมตี ่อโรงเรยี น / บ้าน / สังคมชุมชนโดยมปี ระเด็นคาถาม เชน่ นกั เรียนมีหนา้ ที่ใดบ้าง ตอ่ ตนและผอู้ ืน่ ขณะอยบู่ ้าน โรงเรยี น สังคม 2) ครูและนักเรยี นอภปิ รายเพ่อื หาความหมายของความรับผิดชอบ ตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื 3) ครูนกั เรียนแตล่ ะคนเขียนบทบาทความรับผิดชอบงานใดบา้ งในโรงเรยี นใหเ้ ปน็ ไปอย่างราบรื่น โดยเขยี นลงในกระดาษที่ครแู จกใหแ้ ล้วสง่ ครู 4) ครแู จกใบงานที่ 1เรอื่ ง ความรบั ผิดชอบ/ใหน้ ักเรยี นออกไปสมั ผัสกบั ปัญหาต่างๆของชุมชนทีอ่ ยู่ รอบๆโรงเรยี นหรือในหมู่บ้านของนักเรยี น
- ๒๖๕ - ช่วั โมง 2 5) แบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ 4 – 5 คน โดยใชก้ ระบวนการกลุม่ จะทาให้เกิดการเรยี นร้ทู ่ีจะยอมรับความ แตกตา่ ง เคารพสิทธแิ ละรจู้ กั การแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ ทางานรว่ มกับผู้อ่ืน วิเคราะห์ปญั หา หา สาเหตุ และเสนอวธิ ีการแกป้ ัญหาลงในกระดาษบรู๊ฟท่แี จกให้กลุ่มละ 1 แผ่นจากทไี่ ดล้ งพนื้ ท่ี 6) ครูคอยดูแนะนาและให้คาปรกึ ษา 7) นกั เรียนแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอผลงาน 8) ครสู รุปเพิม่ เติมถงึ การทางานโดยใช้กระบวนการกล่มุ จะทาใหเ้ กิดการเรียนรทู้ จ่ี ะยอมรบั ความ แตกต่าง เคารพสิทธิและรจู้ กั การทางานร่วมกบั ผอู้ น่ื สาหรับการลงมือปฏบิ ตั ิจะทาใหเ้ กิดจติ สานกึ ท่ี จะเป็นสว่ นหน่งึ ของสังคม และพฒั นาไปส่กู ารเปน็ พลเมืองทีร่ ่วมกนั รบั ผิดชอบต่อสงั คม 4.2 สื่อการเรยี นรู้ / แหล่งเรยี นรู้ ๑. ใบงานท่ี 1 เร่อื ง ความรบั ผดิ ชอบ ๒. กระดาษชารต์ ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมิน ๑) สังเกตกระบวนการทางานกลมุ่ ๒) การนาเสนอผลงาน ๓) ตรวจผลงาน 4) ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๕.๒ เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการประเมนิ ๑) แบบสงั เกตกระบวนการทางานกล่มุ ๒) แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.3 เกณฑก์ ารตัดสิน นกั เรยี นไดค้ ะแนนในระดับดีขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน 6.บนั ทึกหลงั สอน ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. .......................................................................................................................................................................... . ลงชือ่ ................................................ ครผู ูส้ อน (.................................................)
- ๒๖๖ - ใบงานท่ี 1 เร่อื ง....ความรบั ผิดชอบ.... คาช้ีแจง ให้นักเรียนใช้เวลาวา่ งในวันเสาร์ – อาทติ ย์ ออกไปสัมผัสกับปญั หาต่างๆของชุมชนที่อยรู่ อบๆ โรงเรยี นหรือในชุมชนหมู่บา้ นของตนเองโดยต้ังคาถามวา่ 1. พบเห็นปญั หาอะไรบ้าง ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. .......................................................................................................................................................................... . ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ......................................................................................................................................................................... .. ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................ ... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ....................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ...................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ..................................................................................................................................................................... ...... ............................................................................................................................. ..............................................
- ๒๖๗ - แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ “มวี นิ ัย” คาชี้แจง ทาเคร่อื งหมาย √ ลงในช่องที่ตรงกับความเปน็ จริงตามเกณฑ์การประเมนิ ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง ตรงตอ่ เวลาในการ กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบ ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ผลการ ครอบ โรงเรยี นและ เลขที่ ชอื่ – สกลุ สงั คม ไมล่ ะเมดิ สิทธิ ในชวี ติ ประจาวนั รวม ประเมิน ของผู้อนื่ และรับผิดชอบใน คะแนน ๓๒๑๐ การทางาน ๓ ๒๑๐ ผา่ น ไม่ผ่าน ลงชอื่ ........................................... ครูผปู้ ระเมนิ () ............../..................../................
- ๒๖๘ - แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึง ประสงค์ “มงุ่ มั่นในการทางาน” ช่ือนัก เรยี น........................................................... ชนั้ .................ภาคเรียนท.ี่ ........ปกี ารศึกษา............... คาชี้แจง การบันทกึ ให้กาเครื่องหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั พฤติกรรมทีเ่ กิดข้นึ จริง ที่ พฤตกิ รรม เป็นประจา ระดับการปฏิบตั ิ ไม่ทาเลย/ไม่ (๓) บางครั้ง นอ้ ยครัง้ ชดั เจน (๐) ๑ ตงั้ ใจเอาใจใส่และมีความเพียรพยายามในการเรยี นรู้ ๒ สนใจเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ (๒) (๑) ๓ ศกึ ษาค้นควา้ หาความรู้จากหนงั สอื เอกสาร สิง่ พมิ พ์ ส่ือ เทคโนโลยีต่าง ๆ แหลง่ เรียนรทู้ ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น และเลือกใช้สื่อไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๔ สามารถบนั ทกึ สรปุ ความรูว้ เิ คราะห์ ข้อมลู จากสิง่ ทเ่ี รยี นรสู้ รุป เปน็ องคค์ วามรู้ ๕ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ด้วย วธิ กี ารต่าง ๆและ นาไปใชใ้ น ชีวติ ประจาวัน รวมคะแนน/ระดบั คุณภาพ ผู้ประเมนิ ครู พอ่ แม/่ ผปู้ กครอง ตนเอง เพ่ือน เกณฑ์การประเมิน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน (.................................................) ระดบั คณุ ภาพ ดีเยยี่ ม เกณฑ์การตดั สิน ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๓-๑๕ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมินข้อใดข้อหน่ึงต่ากว่า ๒ ดี คะแนน ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๙-๑๒ คะแนน และไม่มผี ลการประเมนิ ขอ้ ใดข้อหนึ่งต่ากว่า ๐ ผ่าน คะแนน ไม่ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๕-๘ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมนิ ข้อใดข้อหนึ่งตา่ กว่า ๐ คะแนน ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๔ คะแนน
- ๒๖๙ - แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๔ ชื่อหน่วย พลเมอื งกับความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 เรื่อง ความเปน็ พลเมือง เวลา ๒ ชวั่ โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม ๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นตามหน้าท่พี ลเมืองและมีความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม 1.3 ตระหนกั และเห็นถึงความสาคัญของการต่อต้านและปอ้ งกนั การทจุ รติ ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 นกั เรียนบอกความหมายของพลเมืองได้ 2.2 นักเรียนสามารถระบุพฤติกรรมของความเปน็ พลเมืองทีด่ ีได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ พลเมือง หมายถึง ชาวเมอื ง ชาวประเทศ ประชาชน การเปน็ สมาซิกของสงั คมท่ีมอี ิสรภาพควบคูก่ บั ความรบั ผิดชอบ และมีสทิ ธิ เสรีภาพ ควบคู่กบั หน้าท่ีโดยมีความสามารถในการยอมรบั ความแตกต่างและ เคารพกติกาในการอยรู่ ว่ มกนั 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด) 1) ความสามารถในการสอื่ สาร (ฟัง พดู อ่าน เขียน) 2)ความสามารถในการคดิ (วิเคราะห์ จดั กลมุ่ สรุป) ๓) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 3.3 คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ / ค่านิยม 1) จิตสาธารณะ 2) ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต ๔.กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 ขัน้ ตอนการเรยี นรู้ ชว่ั โมง 1 1) ครูใหน้ ักเรยี นชมคลิปวดิ ีโอ เรื่อง “พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย ” และเรอื่ ง “ค่าของคน” 2) แบง่ นกั เรียนกลมุ่ ละ 4 – 5 คน ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั วางแผนและสนทนาเก่ยี วกับคลิปวดิ โี อ ท่ี ชมจากนั้นครตู ั้งประเด็นเชื่อมโยงเข้าสู่ปญั หาทีต่ ้องแกไ้ ขภายในโรงเรยี น นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ ในปญั หาตา่ งๆ แลว้ เลือกประเดน็ ปญั หาที่นักเรียนสามารถร่วมกนั แก้ไขปัญหานั้นๆได้ โดยเขียนลงใน กระดาษบรู๊ฟและคัดเลือกมา 1 ประเด็นปญั หา เพื่อร่วมคิดวางแผนทีจ่ ะดาเนนิ การ ชว่ั โมง 2 3) ใหต้ วั แทนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรม 4) ครูสรุปให้นกั เรยี นรู้ถึงการกระทาที่นักเรียนไดร้ ่วมกันวางแผน เพือ่ ปฏบิ ตั ใิ ห้เกิดประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น ถอื วา่ เปน็ การสร้างคณุ ลักษณะนสิ ัยของการเปน็ พลเมืองดีของสงั คม
- ๒๗๐ - 5) ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มทางานตามทวี่ างแผนตามระยะเวลาท่กี าหนด จากน้ันนามาเผยแพรโ่ ดย การจัดป้ายนเิ ทศเป็นแบบอย่างให้แก่นักเรียนระดับชนั้ ตา่ งๆเพือ่ เป็นแรงจงู ใจในการทาประโยชน์ เพื่อสังคม 4.2 ส่อื การเรยี นรู้ / แหลง่ เรียนรู้ 1) คลปิ วดิ โี อ “เร่ืองพลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย ” เรือ่ ง ค่าของคน (https://www.youtube.com/watch?v=-ac0X5AAZ44) 2) กระดาษชาร์ต ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ 5.1 วธิ ีการประเมนิ ๑) สังเกตกระบวนการทางานกลุม่ ๒) การนาเสนอผลงาน ๓) ตรวจผลงานท่นี าเสนอ 4) สงั เกตการทางานเปน็ รายบคุ คล ๕.๒ เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในการประเมิน ๑) แบบสังเกตกระบวนการทางานกลุม่ ๒) แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 3) แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏบิ ัตงิ านรายบุคคล 4) แบบประเมินผลงานผเู้ รียน 5.3 เกณฑก์ ารตดั สิน 1) นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ การทางานเปน็ กลุ่ม 17 คะแนนขึ้นไป 2) นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินผลงาน ๕.๔ บันทึกหลังสอน ............................................................................................. .............................................................................. ............................................................................................................................. .............................................. .................................................................................................................................... ....................................... ลงช่ือ ................................................ ครูผู้สอน (.................................................)
- ๒๗๑ - แบบประเมินการทางานเป็นกล่มุ กลุ่มที่……………ชนั้ ………………………เรอ่ื ง……………………………..……………………………. ผ้ปู ระเมนิ ครผู ูส้ อน นักเรียน อ่ืนๆ คาช้แี จง เมอื่ ผปู้ ระเมินอ่านข้อความแต่ละขอ้ แลว้ ให้ตอบในเรือ่ งทต่ี รงกับการปฏบิ ตั ิของนักเรียนมากทส่ี ุดคือ - ไมป่ ฏิบัติเลยใหท้ าเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 1 - ปฏิบัติเพยี งเลก็ น้อยใหท้ าเครื่องหมาย ลงในช่องคะแนน 2 - ปฏบิ ตั เิ ปน็ คร้ังคราวใหท้ าเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 3 - ปฏิบัตบิ ่อยๆใหท้ าเครื่องหมาย ลงในช่องคะแนน 4 - ปฏิบัตเิ ป็นประจา ใหท้ าเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 5 พฤติกรรมทตี่ ้องประเมนิ 54 3 2 1 1. การวางแผนการทางานรว่ มกัน 2. การแบ่งหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบในกลุม่ 3. การให้ความรว่ มมือของสมาชิก 4. การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผู้อ่ืนและการแสดงความ คิดเหน็ 5. การแกป้ ญั หาภายในกลุ่ม รวม เกณฑ์การประเมนิ ไดค้ ะแนน 17 คะแนนขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ลงชือ่ ……………………………..……..ผู้ประเมนิ
- ๒๗๒ - แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ัติงานรายบุคคล พฤตกิ รรม ความสนใจ การแสดง การตอบ การยอมรบั ทางาน คาถาม ท่ี ความ ฟังคนอื่น ตามท่ีไดร้ บั หมาย คิดเห็น มอบหมาย เหตุ ชอ่ื -สกุล 43214321432143214321 เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดับคณุ ภาพของแตล่ ะพฤตกิ รรมดังน้ี ดีมาก = 4 สนใจฟัง ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชั้น มีคาถามท่ีดี ตอบคาถามถูกต้อง ทางานส่งครบ ตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยูใ่ นเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 1 เข้าช้ันเรยี น แตก่ ารแสดงออกน้อยมาก สง่ งานไมค่ รบ ไมต่ รงเวลา ลงช่ือ……………………………….ผู้สังเกต (……………………………….)
- ๒๗๓ - แบบประเมินผลงานผู้เรยี น ชื่อ - นามสกลุ .................................................................................. ช้นั …………………........ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ................................ กิจกรรม ……………….………………...................... คาช้ีแจง: ใหผ้ ้ปู ระเมนิ ขีด ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน ผู้ประเมิน ประเดน็ ท่ีประเมนิ ตนเอง เพ่ือน ครู 432143214321 1. ตรงจดุ ประสงค์ทกี่ าหนด 2. มคี วามถูกต้องสมบูรณ์ 3. มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ 4. มคี วามเป็นระเบียบ รวม รวมทกุ รายการ เฉลยี่ ผูป้ ระเมิน ................................................................ (คร)ู (……………………………….)
- ๒๗๔ - เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงาน ประเดน็ ทีป่ ระเมนิ คะแนน 1. ผลงานตรงกบั 4 321 จดุ ประสงค์ท่ีกาหนด ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานไม่ 2. ผลงานมีความถกู ต้อง สมบูรณ์ กบั จุดประสงค์ กบั จุดประสงค์ กับจุดประสงค์ สอดคล้องกับ 3. ผลงานมคี วามคดิ ทกุ ประเดน็ เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเดน็ จดุ ประสงค์ สร้างสรรค์ เนื้อหาสาระของ เน้ือหาสาระของ เนอื้ หาสาระของ เนอื้ หาสาระของ 4. ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้องเปน็ ผลงานไมถ่ ูกต้อง ระเบียบ ครบถว้ น เป็นส่วนใหญ่ บางประเดน็ เปน็ สว่ นใหญ่ ผลงานแสดงออก ผลงานมแี นวคิด ผลงานมคี วาม ผลงานไม่แสดง ถงึ ความคิด แปลกใหมแ่ ตย่ งั น่าสนใจ แตย่ งั ไม่ แนวคดิ ใหม่ สรา้ งสรรค์ ไมเ่ ป็นระบบ มแี นวคิดแปลก แปลกใหม่ ใหม่ และเป็นระบบ ผลงานมคี วามเป็น ผลงานสว่ นใหญ่มี ผลงานมคี วาม ผลงานส่วนใหญ่ ระเบียบแสดงออก ไม่เปน็ ระเบยี บ ถงึ ความประณีต ความเปน็ เป็นระเบียบแต่มี และมีข้อ บกพร่องมาก ระเบียบแตย่ ังมี ข้อบกพร่อง ข้อบกพร่อง บางส่วน เลก็ นอ้ ย เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ นกั เรียนไดค้ ะแนน 13 คะแนนขึน้ ไป หรือร้อยละ 80 ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
- ๒๗๕ - แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ “ความซื่อสัตยส์ จุ รติ ” คาชแี้ จง ทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งที่ตรงกับความเปน็ จรงิ ตามเกณฑก์ ารประเมนิ ใหข้ อ้ มลู ท่ีถูกต้องและ ไม่ถอื เอาสิ่งของหรือ เปน็ จริง ผลงานของผู้อ่นื มา ผลการ เลขที่ ชื่อ – สกลุ เปน็ ของตนเอง รวม ประเมนิ ๓ ๒ ๑ ๐ ๓ ๒ ๑ ๐ คะแนน ผา่ น ไม่ผา่ น ลงช่อื ........................................... ครูผู้ สังเกต () ............../..................../....................
- ๒๗๖ - แบบสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน เพื่อการประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ “จติ สาธารณะ” ชือ่ นกั เรยี น........................................................ ช้นั ................ภาคเรียนที.่ ..................ปีการศกึ ษา.................. คาช้แี จง การบันทึกให้กาเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งที่ตรงกบั พฤตกิ รรมทเ่ี กิดข้นึ จริง ท่ี พฤติกรรม เปน็ ประจา ระดบั การปฏิบัติ ไมท่ าเลย/ไม่ (๓) ชัดเจน (๐) ๑ ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง ครทู างานด้วยความเตม็ ใจ บางครงั้ น้อยครง้ั ๒ อาสาทางานให้ผ้อู นื่ ดว้ ยกาลงั กาย กาลังใจ และ (๒) (๑) กาลงั สติปญั ญา โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ๓ แบ่งปนั ส่งิ ของ ทรัพย์สิน และชว่ ยแกป้ ญั หาให้กับผู้อ่ืน ๔ ดแู ล รกั ษาสาธารณสมบัติและสงิ่ แวดลอ้ มด้วยความเต็ม ใจ ๕ เขา้ รว่ มกิจกรรมทเ่ี ปน็ ประโยชน์ตอ่ โรงเรียน ชุมชนและ สงั คม ๖ เขา้ ร่วมกจิ กรรมเพื่อแกป้ ัญหาหรอื ร่วมสรา้ งสงิ่ ทีด่ งี าม ของสว่ นรวม ตาม สถานการณท์ เ่ี กดิ ขนึ้ ด้วย ความเต็มใจ รวมคะแนน/ระดบั คณุ ภาพ ผู้ประเมนิ ครู พอ่ แม/่ ผปู้ กครอง ตนเอง เพื่อน เกณฑ์การประเมนิ ลงช่ือ ...................................................ผูป้ ระเมนิ ระดบั คณุ ภาพ (.................................................) ดีเยีย่ ม เกณฑ์การตดั สิน ดี ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ผี ลการ ประเมนิ ข้อใดขอ้ หนึ่งตา่ กว่า ๒ คะแนน ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๑-๑๔ คะแนน และไมม่ ีผลการ ประเมนิ ข้อใดข้อหนึ่งต่ากวา่ ๐ คะแนน ไมผ่ า่ น ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มผี ลการประเมิน ขอ้ ใดขอ้ หนึ่งตา่ กว่า ๐ คะแนน ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน
- ๒๗๗ - แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี ๔ ชอ่ื หนว่ ย พลเมืองกับความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา ๒ ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรอื่ ง ความเป็นพลโลก ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั พลเมืองและมีความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม ๑.๒ ปฏบิ ัติตนตามหนา้ ท่ีพลเมอื งและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม 1.3 ตระหนักและเหน็ ถึงความสาคัญของการต่อตา้ นและป้องกนั การทุจริต 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 นกั เรียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั การเปน็ พลเมืองโลก 2.2 นกั เรยี นคิดวเิ คราะห์เกี่ยวกบั สถานการณ์ ความจริงใกลต้ ัว และสถานการณโ์ ลกปจั จบุ ันได้ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ พลโลก หมายถึง ทุกคน ทุกบ้าน ทกุ ตาบล ทกุ อาเภอ และทุกประเทศ ทุกคน ทกุ เผ่า ทกุ ช้นั วรรณะไม่ มกี ารแบง่ แยก ความรู้ ความเข้าใจ การมบี ทบาทหน้าที่เก่ียวข้องในฐานะสมาชิกสังคม 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กดิ ) 1) ความสามารถในการสื่อสาร (วเิ คราะห์ ฟงั พูด เขยี น) 2)ความสามารถในการคิด (วเิ คราะห์ จัดกลมุ่ สรุป) 3.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ / คา่ นยิ ม 1) รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 2) ความมวี ินยั ๔.กิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 ขั้นตอนการเรียนรู้ ชวั่ โมง 1 1) ครูอธบิ ายความหมายของคาว่า ความเป็นพลโลก และอธิบายบทบาทหน้าท่ีทีเ่ กี่ยวข้องในฐานะ สมาชิกของสงั คม ครซุ ักถามนักเรยี นว่า เราจะทาอยา่ งไรให้พลเมืองอยู่กันอยา่ งมคี วามสุข นกั เรยี น ชว่ ยกนั แสดงความคดิ เหน็ 2) ครเู ปดิ คลิปวิดีโอเรื่อง “สร้างจติ สานกึ ของการเป็นพลโลกทดี่ ี” ชัว่ โมง 2 3) นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 – 5 คน ชว่ ยกันวเิ คราะห์คณุ คา่ ตรวจสอบข้อมลู จากการชมคลปิ วิดโี อ ว่าเป็นข้อมูลลกั ษณะใด มีข้อเทจ็ จรงิ มากน้อยเพียงใด ให้แต่ละกลุม่ ชว่ ยกนั ออกแบบชิน้ งานแล้วเขียนลง ในกระดาษชาร์ต 4) ครูให้แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลการวเิ คราะห์ ประเด็นสาคญั ของสถานการณป์ ญั หาและแนวทาง แกป้ ัญหา
- ๒๗๘ - 5) ครแู นะนาเพิม่ เตมิ ในแตล่ ะกล่มุ และให้นกั เรียนประเมินผลงานแต่ละกลุ่มเพื่อหาจดุ เดน่ และ ขอ้ บกพร่องและนาไปปรับใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน 6) ครซู กั ถามนักเรยี นวา่ จากการทด่ี ูคลปิ วิดีโอและนาเสนองานท่ที า นกั เรียนแตล่ ะคนมีความรู้ อะไรบ้าง จะนาความรู้ไปใชไ้ ด้อย่างไร ในชวี ติ ประจาวนั โดยให้นกั เรียนแต่ละคนเขยี นตอบลงใน กระดาษ เอ 4 ทีค่ รูแจกและส่งครู 4.2 ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งเรยี นรู้ 1) คลิปวิดีโอ “เร่ืองสร้างจิตสานึกของการเปน็ พลโลกท่ีดี” (https://www.youtube.com/watch?v=8ciyd9FYIiI&t=868s) 2) กระดาษชารต์ ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ 5.1 วิธกี ารประเมนิ ๑) สงั เกตกระบวนการทางานกลุ่ม ๒) การนาเสนอผลงาน ๓) ตรวจผลงานท่นี าเสนอ 4) สังเกตการทางานเป็นรายบคุ คล ๕.๒ เคร่ืองมือทใี่ ช้ในการประเมนิ ๑) แบบสงั เกตกระบวนการทางานกล่มุ ๒) แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 3) แบบประเมินการทางานรายบุคคล 4) แบบประเมนิ ผลการระดมพลงั ความคิด สร้างจติ สานึกของการเป็นพลโลกทด่ี ี 5.3 เกณฑ์การตดั สนิ 1) ผูเ้ รยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ การทางานเป็นกลุ่ม 17 คะแนนขึน้ ไป 2) ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินผลงาน 6. บันทึกหลงั สอน ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. .......................................................................................................................................................................... . ลงชอ่ื ................................................ ครูผู้สอน (.................................................)
- ๒๗๙ - แบบประเมนิ ผลการระดมพลังความคิด สรา้ งจติ สานึกของการเปน็ พลโลกทดี่ ี คาชี้แจง: ครูให้คะแนนการตรวจผลงานนักเรียนแล้วขีด ลงในช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน เกณฑ์การประเมิน 4 หมายถงึ ดมี าก 3 หมายถงึ ดี 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง รายการประเมนิ รวม ลาดับท่ี ชอื่ – สกลุ สมาชกิ ทุกคน มีการ ข้อสรุปของ ในกลุ่มร่วม กลน่ั กรอง กลมุ่ เหมาะสม 1. 1. แสดงความ ความคดิ รวบ แสดงใหเ้ หน็ 2. คดิ เหน็ อย่าง กนั โดยยดึ หลัก ถึงการละลาย 3. หลากหลาย เหตแุ ละผล และไมท่ นต่อ 4. 5. การทจุ ริตใน การสอบ 2. 123412341234 ลงช่ือ……………………………..……..ผู้ประเมิน (..........................................) ........../..................../.............
- ๒๘๐ - แบบประเมินการทางานเป็นกล่มุ กลุ่มที่……………ชนั้ ………………………เรอ่ื ง……………………………..……………………………. ผ้ปู ระเมนิ ครผู ูส้ อน นักเรียน อ่ืนๆ คาช้แี จง เมอื่ ผปู้ ระเมินอ่านข้อความแต่ละขอ้ แลว้ ให้ตอบในเรือ่ งทต่ี รงกับการปฏบิ ตั ิของนักเรียนมากทส่ี ุดคือ - ไมป่ ฏิบัติเลยใหท้ าเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 1 - ปฏิบัติเพยี งเลก็ น้อยใหท้ าเครื่องหมาย ลงในช่องคะแนน 2 - ปฏบิ ตั เิ ปน็ คร้ังคราวใหท้ าเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 3 - ปฏิบัตบิ ่อยๆใหท้ าเครื่องหมาย ลงในช่องคะแนน 4 - ปฏิบัตเิ ป็นประจา ใหท้ าเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งคะแนน 5 พฤติกรรมทตี่ ้องประเมนิ 54 3 2 1 1. การวางแผนการทางานรว่ มกัน 2. การแบ่งหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบในกลุม่ 3. การให้ความรว่ มมือของสมาชิก 4. การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผู้อ่ืนและการแสดงความ คิดเหน็ 5. การแกป้ ญั หาภายในกลุ่ม รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ไดค้ ะแนน 17 คะแนนขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ลงชือ่ ……………………………..……..ผู้ประเมนิ
- ๒๘๑ - แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ัติงานรายบุคคล พฤตกิ รรม ความสนใจ การแสดง การตอบ การยอมรบั ทางาน คาถาม ท่ี ความ ฟังคนอื่น ตามท่ีไดร้ บั หมาย คิดเห็น มอบหมาย เหตุ ชอ่ื -สกุล 43214321432143214321 เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดับคณุ ภาพของแตล่ ะพฤตกิ รรมดังน้ี ดีมาก = 4 สนใจฟัง ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชั้น มีคาถามท่ีดี ตอบคาถามถูกต้อง ทางานส่งครบ ตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยูใ่ นเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 1 เข้าช้ันเรยี น แตก่ ารแสดงออกนอ้ ยมาก สง่ งานไมค่ รบ ไมต่ รงเวลา ลงช่ือ……………………………….ผู้สังเกต (……………………………….)
- ๒๘๒ - แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ “รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์” คาช้แี จง ทาเครอ่ื งหมาย √ ลงในชอ่ งที่ตรงกับความเป็นจริงตามเกณฑ์การประเมิน ยนื ตรงเคารพธงชาติ ปฏบิ ตั ติ นตามสิทธิ ร้องเพลงชาติ และ และหนา้ ท่ีพลเมืองดี ผลการ เลขท่ี ช่ือ – สกลุ อธิบาย ความหมาย ของชาติ รวม ประเมิน ของเพลงชาติได้ คะแนน ถกู ต้อง ๓ ๒ ๑ ๐ ๓ ๒๑๐ ผา่ น ไม่ผา่ น ลงชื่อ........................................... ครูผูส้ ังเกต () ............../..................../....................
- ๒๘๓ - แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ “ความมีวินยั ” คาชีแ้ จง ทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งทต่ี รงกับความเปน็ จริงตามเกณฑ์การประเมนิ ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง ตรงต่อเวลาในการ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ผลการ เลขที่ ชือ่ – สกลุ ขอ้ บังคับของครอบ ในชีวติ ประจาวนั รวม ประเมิน ครอบ โรงเรยี นและ และรบั ผิดชอบใน คะแนน สังคม ไม่ละเมิดสิทธิ การทางาน ของผู้อน่ื ๓ ๒ ๑ ๐ ๓ ๒๑๐ ผ่าน ไมผ่ า่ น ลงชือ่ ........................................... ครผู ้สู ังเกต () ............../..................../....................
- ๒๘๔ - ภาคผนวก
- ๒๘๕ - คาส่ังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท.ี่ . 646/2560 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนกุ รรมการจัดทาหลักสูตรหรือชดุ การเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการป้องกนั การทจุ ริต ---------------------------------------- ด้วย คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 855-26/2560 เม่ือวันท่ี 11 เมษายน 2560 ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการ ปอ้ งกันการทจุ ริต เพือ่ ดาเนนิ การจัดทาหลักสตู รหรอื ชดุ การเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกัน การทุจริต สาหรับใช้เป็นเนื้อหามาตรฐานกลางให้สถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนาไปพิจารณา ปรับใช้ในการเรียนการสอนให้กับกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกระดับช้ันเรียน เพื่อปลูกฝังจิตสานึกในการ แยกแยะประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม จิตพอเพียง และสร้างพฤติกรรมท่ีไม่ยอมรับและไม่ทนต่อการ ทจุ รติ อันเปน็ การดาเนนิ งานตามยุทธศาสตรช์ าติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยุทธศาสตร์ที่ 1 “สร้างสังคมไม่ทนต่อการทุจริต” กลยุทธ์ที่ 1 ปรับฐานความคิดทุกช่วง วัย ต้ังแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และกลยุทธ์ท่ี 3 ประยกุ ตห์ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเคร่ืองมือตา้ นทจุ รติ ฉะนั้น อาศัยอานาจตามมาตรา 19 (16) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2559 จึงขอแต่งตั้ง คณะอนกุ รรมการจดั ทาหลักสตู รหรือชดุ การเรยี นรู้และส่อื ประกอบการเรยี นรู้ ด้านการปอ้ งกนั การทุจริต โดย มีองคป์ ระกอบ ดังน้ี 1. รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธรี านวุ ัฒศิริ ประธานอนกุ รรมการ 2. รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนกุ รรมการ (นายประหยัด พวงจาปา) 3. ผู้ชว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนกุ รรมการ (นายกติ ติ ล้ิมพงษ)์ 4. ผ้ชู ว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนกุ รรมการ (นายอุทศิ บวั ศร)ี 5. ผอู้ านวยการสานักป้องกันการทุจรติ ภาคการเมือง อนกุ รรมการ 6. ผอู้ านวยการสานักป้องกันการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ อนุกรรมการ และธรุ กิจเอกชน 7. ผู้อานวยการสานกั ป้องกันการทุจริตภาคประชาสงั คม อนุกรรมการ และการพฒั นาเครือขา่ ย
- ๒๘๖ - 8. ผแู้ ทนสานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร อนุกรรมการ (ด้านการสรา้ งหลกั สูตรและสอื่ การเรียนรู้) 9. ผ้แู ทนสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน อนกุ รรมการ (ด้านการสร้างหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้) 10. ผแู้ ทนสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา อนุกรรมการ (ดา้ นการสร้างหลกั สตู รและสอ่ื การเรยี นร)ู้ 11. ผู้แทนสานกั งานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา อนกุ รรมการ (ด้านการสร้างหลกั สูตรและสอื่ การเรียนร)ู้ 12. ผู้แทนสานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา อนุกรรมการ (ดา้ นการสรา้ งหลักสูตรและสอื่ การเรียนรู้) 13. ผู้แทนสานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและ อนุกรรมการ การศึกษาตามอัธยาศยั (ด้านการสรา้ งหลักสูตรและสอื่ การเรียนรู้) 14. ผแู้ ทนสานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ อนกุ รรมการ (ดา้ นการสรา้ งหลักสูตรและส่อื การเรยี นร)ู้ 15. ผแู้ ทนท่ีประชุมอธิการบดแี ห่งประเทศไทย อนกุ รรมการ (ดา้ นการสรา้ งหลักสูตรและสอ่ื การเรยี นร)ู้ 16. ผู้แทนทป่ี ระชมุ อธิการบดมี หาวิทยาลัยราชภฏั อนุกรรมการ (ดา้ นการสร้างหลกั สตู รและส่อื การเรยี นรู)้ 17. ผู้แทนคณะกรรมการอธกิ ารบดมี หาวิทยาลัย อนกุ รรมการ เทคโนโลยีราชมงคล (ดา้ นการสรา้ งหลกั สตู รและสื่อการเรยี นรู้) 18. ผู้แทนสถาบันวชิ าการป้องกนั ประเทศ อนกุ รรมการ กองบัญชาการกองทัพไทย (ด้านการสรา้ งหลักสตู รและส่อื การเรียนรู้) 19. ผู้แทนกรมยทุ ธศึกษาทหารบก อนกุ รรมการ (ด้านการสรา้ งหลักสูตรและสือ่ การเรียนร)ู้ 20. ผแู้ ทนกรมยทุ ธศึกษาทหารเรอื อนุกรรมการ (ดา้ นการสรา้ งหลักสตู รและสอื่ การเรยี นร)ู้ 21. ผ้แู ทนกรมยทุ ธศกึ ษาทหารอากาศ อนกุ รรมการ (ด้านการสรา้ งหลักสูตรและสอ่ื การเรยี นรู้) 22. ผแู้ ทนกองบัญชาการศกึ ษา สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ อนกุ รรมการ (ดา้ นการสร้างหลักสตู รและสื่อการเรยี นรู้) 23. พลโท ดร.ชยั ฤกษ์ แก้วพรหมมาลย์ อนุกรรมการ 24. นายเสฏฐนนั ท์ อังกูรภาสวิชญ์ อนุกรรมการ 25. นายสเุ ทพ พรหมวาศ อนกุ รรมการ 26. ผู้อานวยการสานักป้องกนั การทจุ ริตภาครฐั อนกุ รรมการและเลขานกุ าร
- ๒๘๗ - 27. นายสมพจน์ แพง่ ประสิทธิ์ ผู้ชว่ ยเลขานุการ 28. นางสาวกลั ยา สวนโพธิ์ ผู้ชว่ ยเลขานุการ 29. นายสราวฒุ ิ เศรษฐกร ผู้ช่วยเลขานุการ 30. นายกาญจน์บณั ฑติ สนนชุ ผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร 31. นายเทอดภูมิ ทศั นพิมล ผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร 32. นายธนวัฒน์ มะแม้น ผู้ชว่ ยเลขานุการ โดยคณะอนกุ รรมการฯ มีอานาจหน้าท่ีดงั น้ี 1. ศึกษา วิเคราะห์ และรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ และสอื่ ประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการปอ้ งกันการทุจริต 2. กาหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจรติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 “สรา้ งสังคมไม่ทนต่อการทุจริต” 3. พจิ ารณายกรา่ งและจดั ทาเนอ้ื หาหลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นรู้และสือ่ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจรติ โดยกาหนดโครงสร้างหลักสตู ร วตั ถปุ ระสงค์ของหลักสูตร จุดประสงค์ของรายวิชา เนอ้ื หาสาระ จดั ระเบียบ/ลาดับของเนอื้ หาสาระ วิธกี ารประเมินผลการเรยี นรู้ รวมท้ังอนื่ ๆ ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 4. พิจารณาให้ความเห็นเพ่ิมเติมเก่ียวกับการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต เพ่ือให้มีเน้ือหาที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ พร้อมท้ังนาเสนอ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาให้ความเห็นชอบ ท้ังน้ี ให้ดาเนินการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2560 5. กาหนดแผนหรือแนวทางการนาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการป้องกนั การทุจรติ ไปใชใ้ นหน่วยงานทเี่ ก่ยี วข้อง 6. ดาเนนิ การอ่ืนๆ ตามทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย ท้ังน้ี ต้ังแต่บัดน้ีเป็นต้นไป สัง่ ณ วันที่ 26 เดอื น เมษายน พ.ศ. 2560 พลตารวจเอก (วัชรพล ประสารราชกิจ) ประธานกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ
- ๒๘๘ - รายช่อื คณะทางาน จดั ทาหลักสตู รหรือชุดการเรียนรู้ และส่อื ประกอบการเรยี นรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต กลุม่ การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน -------------------------------- ท่ปี รึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน 1. นายบญุ รักษ์ ยอดเพชร รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 2. นางสาวอษุ ณยี ์ ธโนศวรรย์ ผอู้ านวยการสานกั พัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา 3. นายสรุ ศกั ดิ์ อินศรีไกร ผู้ช่วยเลขาธกิ ารคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 4. นายอุทิศ บวั ศรี คณะทางาน กลมุ่ ท่ี 1 หลกั สตู รปฐมวัย 1. นางธารณี พรมหนู ครู โรงเรยี นอนบุ าลเสาไห้ สพป.สระบรุ ี เขต 1 2. นางสมบตั ร สบื ศักดิ์ ครู โรงเรียนอนุบาลบอ่ พลอย สพป.กาญจนบุรี เขต 4 3. นางสาวนภสั สร ภิรมย์รกั ษ์ ครู โรงเรียนอนบุ าลบ่อพลอย สพป.กาญจนบุรี เขต 4 4. นางสาวลกั ขณา โคบตุ ร ครู โรงเรียนอนบุ าลบอ่ พลอย สพป.กาญจนบุรี เขต 4 5. นางสมใจ จนี เทห่ ์ ครู โรงเรยี นวัดเกา้ ชั่ง สพป.สิงห์บรุ ี 6. นางสาวกชกร จนี เทห์ ครู โรงเรยี นวัดระนาม สพป.สิงหบ์ ุรี 7. นางสุพิกา ตน้ สอน ครู โรงเรียนวดั บ้านป้องน้อย สพป.ราชบุรี เขต 2 8. นายพัฒนา พวงมาลี ครู โรงเรยี นอนบุ าลเดมิ บางนางบวช (วัดทา่ ชา้ ง) สพป.สพุ รรณบรุ ี เขต 3 9. นางสุภคั ษร พรอดุ มประเสรฐิ ครู โรงเรยี นวัดบอ่ กรุ “ครุ ปุ ระชาสรรค์” สพป.สพุ รรณบุรี เขต 3 10. นางฐิติพร ศรแี จ่ม ครู โรงเรยี นวัดบอ่ กรุ “ครุ ุประชาสรรค์” สพป.สุพรรณบุรี เขต 3 11. นางอารียว์ รรณ เขม็ เงิน ครู โรงเรยี นวดั นา้ พุ สพป.สุพรรณบุรี เขต 3 กลุ่มที่ 2 หลกั สูตรประถมศึกษาตอนตน้ 1. นางสาวสภุ ัสสร สุภาพ ครู โรงเรียนชลประทานอนุเคราะห์ สพป.พระนครศรอี ยุธยา เขต 1 2. นางสาวกนกนพ วรัฏธร ครู โรงเรยี นชลประทานอนุเคราะห์ สพป.พระนครศรอี ยุธยา เขต 1 3. นางอารี พวงวรนิ ทร์ ผู้อานวยการโรงเรยี นวัดทุ่งคอก (สวุ รรณสาธกุ จิ ) สพป.สุพรรณบรุ ี เขต 2 4. นางละเอียด สะอ้ิงทอง ครู โรงเรยี นวัดทงุ่ คอก (สวุ รรณสาธกุ จิ ) สพป.สพุ รรณบรุ ี เขต 2 5. นางสาวเรณู กุศลวงษ์ ครู โรงเรียนอนุบาลวัดอา่ งทอง สพป.อา่ งทอง 6. นางสจุ ริ า อาบู ครู โรงเรยี นบ้านนาดา สพป.นราธิวาส เขต 1 7. นางสาววไิ ลวรรณ ทองไหม ครู โรงเรยี นเมอื งนราธวิ าส สพป.นราธิวาส เขต 1 8. นางสาวนติ ยา อาหมาด ครู โรงเรียนบ้านมะนังกาหยี สพป.นราธิวาส เขต 1 9. นางสาวกสั มานี มามะ ครู โรงเรียนบา้ นบอื เจ๊าะ สพป.นราธิวาส เขต 1 10. นางสาวนิสรนิ เทพลกั ษณ์ ครู โรงเรียนบา้ นโคกพนอม สพป.นราธิวาส เขต 1 11. นายยกู ฟิ ลี มาหะ ครู โรงเรยี นบา้ นฮแู ตยอื ลอ สพป.นราธวิ าส เขต 1 12. นางสาวซาฮาเราะ เจะยิ ครู โรงเรียนบ้านยอื สาแม สพป.นราธวิ าส เขต 1
- ๒๘๙ - กลมุ่ ที่ 3 หลักสูตรประถมศกึ ษาตอนปลาย 1. นายกิตติพงศ์ ศรัทธาวาณิชย์ ผอู้ านวยการโรงเรยี นวัดนางแกว้ สพป.ราชบุรี เขต 2 2. นางพรทพิ ย์ อมิ่ ศลิ ป์ ครู โรงเรียนวดั สมถะ (สมถวทิ ยาคาร) สพป.ราชบุรี เขต 2 3. นางอจั ฉราวดี บุญโต ครู โรงเรียนวดั นางแกว้ สพป.ราชบุรี เขต 2 4. นางสาวศิริเพ็ญ จนั ทร์ทอง ครู โรงเรียนวัดนางแกว้ สพป.ราชบุรี เขต 2 5. นางสาวเสาวรส แสนแซว ครู โรงเรียนวัดนางแก้ว สพป.ราชบรุ ี เขต 2 6. นางสมพร คานชุ ครู โรงเรยี นวัดนางแก้ว สพป.ราชบุรี เขต 2 7. นางรุสนานี ยะโก๊ะ ครู โรงเรยี นบ้านกูวา สพป.นราธิวาส เขต 1 8. นางซีเตาะห์ นมิ ะ ครู โรงเรียนบา้ นยะหอ สพป.นราธวิ าส เขต 1 9. นางสนุ ทรี ทองชิตร์ ครู โรงเรียนสายนา้ ทพิ ย์ สพป.กรงุ เทพมหานคร 10. นางสาวพชิ ญดา ไชยดี ครู โรงเรียนสายน้าทิพย์ สพป.กรุงเทพมหานคร 11. นางสาวศศธิ ร คานึง ครู โรงเรยี นสายนา้ ทิพย์ สพป.กรุงเทพมหานคร 12. นางสาวณชิ นันทน์ สุวรรณาภัย ครู โรงเรยี นสายนา้ ทพิ ย์ สพป.กรุงเทพมหานคร กล่มุ ท่ี 4 หลกั สูตรมัธยมศกึ ษาตอนตน้ 1. นางสาวสุธรี า ศิรพิ ริ ุณ ครู โรงเรยี นวัดนางแกว้ สพป.ราชบรุ ี เขต 2 2. นางสลิตตา มะโนวฒั นา ครู โรงเรยี นวัดนางแก้ว สพป.ราชบรุ ี เขต 2 3. นางทิวาพร อุณยเกยี รติ ครู โรงเรียนวดั ดอนกระเบ้ือง สพป.ราชบรุ ี เขต 2 4. นางสาววรรณดี ศรอี นิ สวัสด์ิ ครู โรงเรียนชุมชนวัดบา้ นเลอื ก สพป.ราชบรุ ี เขต 2 5. นางสาวฉวีวรรณ หอธรรมกุล ครู โรงเรยี นบ้านลาดวิถี สพป.ประจวบครี ีขันธ์ เขต 2 6. นางสาวชนาธิป เทยี นวรรณ ครู โรงเรียนบา้ นตะพานหนิ (ประชาสามัคคี) สพป.ชัยนาท 7. นายวิทยา ศริ ิดารง ครู โรงเรยี นบา้ นไพรนกยูง (วนั ชยั ประชาสรรค)์ สพป.ชัยนาท 8. นางสาวขจร สังขป์ ระเสรฐิ ครู โรงเรยี นบ้านหนองตอ่ สพป.ชยั นาท 9. นายเมธา สรุ ะจติ ร ครู โรงเรียนวดั บางปนู สพป.สงิ ห์บรุ ี 10. นายนพรตั น์ บุญอน้ ครู โรงเรียนบ้านบ่อกะปุง สพป.นครสวรรค์ เขต 2 11. นางสาวบุษยพรรณ พรหมวาทย์ จนั ทรา ครู โรงเรียนสุรศักดิม์ นตรี สพม. เขต 2 12. นางสาวลกั ษิกา มกี ุศล ครู โรงเรยี นสาคลีวทิ ยา สพม. เขต 3 กล่มุ ท่ี 5 หลกั สตู รมธั ยมศึกษาตอนปลาย 1. นายภธู ร จันทะหงษ์ ปณุ ยจรสั ธารง ผูอ้ านวยการกลุ่มวจิ ยั และพฒั นาองค์กรแหง่ การเรียนรู้ สนก. 2. นายจักรพงษ์ วงคอ์ ้าย นักวชิ าการศึกษา สนก. 3. นายฐาปณฐั อดุ มศรี นักวชิ าการศึกษา สนก. 4. นายศุภกร มรกต ศกึ ษานเิ ทศก์ สพป.ราชบรุ ี เขต 2 5. นายสพลกติ ติ์ สงั ขท์ ิพย์ ครู โรงเรยี นตากฟา้ วชิ าประสิทธิ์ ช่วยราชการ สนก. 6. นางสาวพรรณราย ธนสัตย์สถติ ย์ ครู โรงเรียนเสาไห้ “วมิ ลวทิ ยานกุ ลู ” สพม. เขต 4 7. นายวรนิ ทร ตันติรตั น์ ครู โรงเรียนหนองแคสรกจิ วิทยา สพม. เขต 4 8. นางเยาวลักษณ์ หงสห์ ิรญั เรอื ง ครู โรงเรยี นสายนา้ ผง้ึ ในพระอปุ ถัมภ์ สพม. เขต 2 9. นางสาวขวัญวิภา ภแู่ ส ครู โรงเรยี นอนิ ทร์บุรี สพม. เขต 5 10. นายธรรมสรณ์ สศุ ิริ ครู โรงเรียนอนิ ทร์บรุ ี สพม. เขต 5
- ๒๙๐ - 11. นางสาววภิ า ทวีวงศ์ ครู โรงเรียนชมุ ชนวดั ใหญ่โพหกั สพป.ราชบรุ ี เขต 2 12. นางสาวดวงจันทร์ บวั เบา ครู โรงเรียนชมุ ชนวดั ใหญ่โพหัก สพป.ราชบรุ ี เขต 2 คณะทางานสว่ นกลาง 1. นายไชยวฒั น์ สุคนั ธวภิ ตั ิ ข้าราชการบานาญ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2. นางสาธุพร สคุ นั ธวภิ ัติ ขา้ ราชการบานาญ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 3. นางสาวสรรเสริญ สวุ รรณ์ ข้าราชการบานาญ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 4. นางสุณสิ าห์ ม่วงคราม ขา้ ราชการบานาญ กระทรวงศึกษาธิการ 5. นางสจุ ิตรา พิชยั เจ้าพนักงานธุรการชานาญงาน สนก. 6. นางสาวณฐั รดา เนตรสวา่ ง นักจัดการงานท่ัวไป สนก. 7. นางสาวมณฑาทพิ ย์ ศริ สิ มุ ทุม นกั จดั การงานทั่วไป สนก. 8. นางสาวศรญั ญา โชติ พนักงานบนั ทึกขอ้ มลู สนก. 9. นายสหัสพล ษรบัณฑิต เจ้าหน้าทีบ่ รหิ ารท่วั ไป สนก. 10. นายภูริตะ ปราศกาเมศ เจ้าหนา้ ที่บรหิ ารท่วั ไป สนก. 11. นางสาวอรอมุ า เสือเฒา่ เจ้าหนา้ ทบี่ รหิ ารทวั่ ไป สนก. ***************************
- ๒๙๑ - รายช่ือคณะบรรณาธิการกิจ หลกั สตู รหรือชุดการเรยี นร้แู ละสอื่ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกนั การทุจรติ กลมุ่ การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน -------------------------------- ทีป่ รกึ ษา เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน 1. นายบญุ รักษ์ ยอดเพชร รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน 2. นางสาวอษุ ณีย์ ธโนศวรรย์ ผอู้ านวยการสานกั พัฒนานวตั กรรมการจัดการศกึ ษา 3. นายสรุ ศกั ดิ์ อนิ ศรไี กร ผู้ชว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 4. นายอทุ ิศ บัวศรี คณะทางาน 1. นางสาวสรรเสรญิ สุวรรณ์ ข้าราชการบานาญ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2. นางจานงค์ ศรีมงั กร ข้าราชการบานาญ กระทรวงศึกษาธกิ าร 3. นายธนบดีพพิ ัฒน์ ดานิล ศึกษานเิ ทศก์ ศกึ ษาธกิ ารจังหวัดชยั นาท 4. นางณัฐพร พว่ งเฟอื่ ง ศกึ ษานิเทศก์ สพป.พิษณุโลก เขต 3 5. นายศุภกร มรกต ศึกษานเิ ทศก์ สพป. ราชบรุ ี เขต 2 6. นายวินยั อสณุ ี ณ อยุธยา ศกึ ษานเิ ทศก์ สพป. อดุ รธานี เขต 1 7. นายณฐั พล คุม้ วงศ์ ศึกษานิเทศก์ สพป. มหาสารคาม เขต 3 8. นางเพ็ญจา เสมอเหมือน ศกึ ษานิเทศก์ สพป.นนทบุรี เขต 2 9. นางบังอร ควรประสงค์ ศกึ ษานิเทศก์ สพม. เขต 17 10. นางนริ มล บัวเนียม ผู้อานวยการโรงเรยี นสายนา้ ทิพย์ สพป.กรงุ เทพมหานคร 11. นายวชิรเมษฐ์ บารุงผดุงวทิ ย์ ผอู้ านวยการโรงเรยี นบา้ นหนองปลาตอง (ประชาวทิ ยาคาร) สพป. สกลนคร เขต 1 12. นายไกรสร พิมพ์ประชา ผอู้ านวยการโรงเรยี นบา้ นแบง สพป.หนองคาย เขต 2 13. นายธนกฤติ พรมบตุ ร ผู้อานวยการโรงเรยี นบ้านโคกเฟอื ง สพป.บุรรี มั ย์ เขต 3 14. นายบุณยพงศ์ โพธิวัฒน์ธนัต ผู้อานวยการโรงเรียนบางมดวิทยา “สสี กุ หวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 15. นางนนั ทนา ชมชน่ื ผอู้ านวยการโรงเรียนผักไห่ “สทุ ธาประมขุ ” สพม. เขต 3 16. นางสาวปิยนุช เปีย่ มวิรยิ วงศ์ ผอู้ านวยการโรงเรยี นบ้ารับร่อ สพป.ชมุ พร เขต 1 17. นางทพิ าภรณ์ หญีตศรคี า ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนิ กบ สังกดั สพป.ชุมพร เขต 1 18. นางสจุ ติ รา จรรยา ครู โรงเรยี นอนุบาลลพบรุ ี สพป.ลพบุรี 19. นางสาวภัณฑลิ า บ้านด่าน ครู โรงเรียนคิชฌกูฏวทิ ยา สพม. เขต 17 20. นางสุวรรณี ศักดิช์ ยั สมบรู ณ์ ครู โรงเรยี นวดั บางปูน สพป.สงิ หบ์ ุรี 21. นางลดั ดา คาวิจติ ร ครู โรงเรยี นวดั โบสถ์ สพป.สงิ ห์บุรี 22. นางสาวชญั ญานชุ รตั นวิชยั ครู โรงเรยี นบางมดวทิ ยา “สสี กุ หวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 23. นางสาวอรสา อิษฐเจรญิ ครู โรงเรียนบางมดวทิ ยา “สีสกุ หวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 24. นางสาวรตั นากร ศรคี ณุ ครู โรงเรียนบางมดวทิ ยา “สสี กุ หวาดจวนอุปถมั ภ์” สพม. เขต 1 25. นางสาวกัญญาพชั ร หมมู่ ่วง ครู โรงเรียนบางมดวิทยา “สีสุกหวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1
- ๒๙๒ - 26. นางสาวประภาลักษณ์ เพียมะครู โรงเรยี นบางมดวิทยา “สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์” สพม. เขต 1 27. นางสาวณัฐทิตา รักษา ครู โรงเรียนบางมดวทิ ยา “สีสกุ หวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 28. นางสาวเบญจวรรณ ศริ หิ ตั ถ์ ครู โรงเรียนบางมดวิทยา “สสี กุ หวาดจวนอปุ ถัมภ์” สพม. เขต 1 29. นางสาวรังสมิ า ไกรนรา ครู โรงเรียนบางมดวทิ ยา “สีสุกหวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 30. นางสาวสุวรรณี สมประเสริฐ ครู โรงเรยี นบางมดวทิ ยา “สีสกุ หวาดจวนอุปถัมภ์” สพม. เขต 1 31. นายบรบิ รู ณ์ พรหมสวา่ ง ครู โรงเรยี นบางมดวิทยา “สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์” สพม. เขต 1 32. นางนิตยา ภริ มยก์ จิ นกั ทรัพยากรบุคคล สพร. 33. นายภูธร จนั ทะหงษ์ ปุณยจรสั ธารง ผอู้ านวยการกลมุ่ บริหารทั่วไป สนก. 34. นายจกั รพงษ์ วงค์อ้าย นักวิชาการศกึ ษา สนก. 35. นายสพลกิตติ์ สงั ขท์ พิ ย์ ครู โรงเรียนตากฟา้ วิชาประสทิ ธิ์ ช่วยราชการ สนก. 36. นายฐาปณฐั อดุ มศรี นักวชิ าการศกึ ษา สนก. 37. นางสุจติ รา พชิ ัย เจ้าพนักงานธุรการ สนก. 38. นางสาวณฐั รดา เนตรสว่าง นักจดั การงานท่วั ไป สนก. 39. นางสาวศรัญญา โชติ พนกั งานบันทึกขอ้ มูล สนก. 40. นายสหสั พล ษรบัณฑติ เจา้ หน้าทบี่ รหิ ารทั่วไป สนก. 41. นางสาวอรอมุ า เสอื เฒา่ เจ้าหน้าท่บี รหิ ารท่วั ไป สนก. ***************************
- ๒๙๓ - รายชอ่ื คณะผู้ประสานงาน การจัดทาหลักสตู รหรือชดุ การเรยี นรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ รติ กลุ่มการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน สานักงาน ป.ป.ช. -------------------------------- ทีป่ รึกษา 1. นายวรวทิ ย์ สุขบุญ เลขาธกิ ารคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 2. นายประหยดั พวงจาปา รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 3. นายกิตติ ลิม้ พงษ์ ผูช้ ว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 4. นายอทุ ศิ บัวศรี ผู้ชว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 5. นางสาวจินตนา พลอยภัทรภิญโญ ผู้อานวยการสานกั ปอ้ งกันการทุจรติ ภาครัฐ คณะผปู้ ระสานงาน เจ้าพนักงานป้องกันการทุจรติ ชานาญการพิเศษ เจา้ พนักงานปอ้ งกนั การทจุ รติ ชานาญการ 1. นายสมพจน์ แพ่งประสิทธ์ิ เจ้าพนักงานปอ้ งกนั การทจุ รติ ชานาญการ 2. นายสราวุฒิ เศรษฐกร เจ้าพนักงานป้องกนั การทุจริตปฏิบัติการ 3. นายธนวฒั น์ มะแมน้ นักศกึ ษาฝึกงาน มหาวิยาลัยราชภฎั จนั ทรเกษม 4. นายณฐั พงศ์ มณีจักร์ นกั ศกึ ษาฝกึ งาน มหาวิยาลัยราชภฎั จนั ทรเกษม 5. นางสาว จิดาภา แสงหริ ญั 6. นางสาววัลภา บุญชู ***************************
สานักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ เลขที่ 361 ถนนนนทบุรี ตาบลทา่ ทราย อาเภอเมืองนนทบุรี จังหวดั นนทบรุ ี 11000 โทรศพั ท์ 0 2528 4800 - 01 สายด่วน ป.ป.ช. 1205 www.nacc.go.th
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297