Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย 6221148005

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย 6221148005

Published by mwone.pen, 2022-01-10 01:43:50

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย 6221148005

Search

Read the Text Version

1 แผนการจดั การเรียนรู้

2 วชิ าภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๒ เสนอ อาจารย์ ดร. พัชรภี รณ์ บางเขียว จดั ทำโดย นางสาวเพญ็ พิสุทธิ์ หมึกกลม เลขท่ี ๔ รหสั ๖๒๒๑๑๔๘๐๐๕ หมเู่ รยี น D๔ รายงานฉบบั นเี้ ปน็ สว่ นหนึง่ ของรายวิชา วธิ ีวิทยาการจดั การเรียนรู้ สาขาการวดั ประเมินและวจิ ัยทางการศกึ ษา ( ครศุ าสตรบ์ ัณฑิต ๔ ปี ) คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔

3 คำนำ รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่งึ ของวชิ า วธิ วี ิทยาการจัดการเรยี นรโู้ ดยมจี ุดประสงคเ์ พื่อศึกษากระบวนการ เขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ กล่าวคอื การจัดการเรยี นการสอน โดยเน้นผ้เู รยี นเป็นสำคัญ มีจุดเนน้ เป็นความเข้าใจ สามารถนำองคค์ วามรู้ไปประยุกตืใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้ อย่างเหมาะสม เนือ้ หาของแผนการจัดการเรียนรูป้ ระกอบดว้ ย แผนการจัดการเรียนรู้ โครงสรา้ งรายวิชา แผนการ จดั การเรียนรทู้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ แผนการ จัดการเรียนร้ทู ่ี ๕ โดยแต่ละส่วนของแผนการจัดการเรยี นรู้รายหนว่ ยจะประกอบดว้ ย ๑๐สว่ น ไดแ้ ก่ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด ๒.สาระสำคญั ๓.สาระการเรียนรู้ ๔.สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ๕.ช้ินงาน/ภาระ งาน ๖.กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๗. สือ่ และแหลง่ เรยี นรู้ ๘.สอื่ การสอน ๙.แหลง่ เรียนรูใ้ นหรอื นอกสถานท่ี ๑๐.การ วดั และประเมนิ ผล ผจู้ ัดทำไดเ้ ลอื กจดั ทำแผนการจดั การเรียนรู้ในระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๒ เน่ืองจากระดับชั้นนี้เป็น ระดบั ชัน้ ทผ่ี เู้ รยี นรสู้ ึกสนใจ และเป็นช่วงทผี่ ู้เรียนเรมิ่ รู้จกั การอยูร่ ่วมกนั ในสงั คม จงึ สามารถจดั การเรียนรไู้ ด้ หลากหลาย รวมถึงการเลือกจดั ระดบั ช้นั นเี้ กย่ี วข้องกับการเรยี นการสอนในรายวชิ าการจัดการเรียนร้แู ละการ จดั การช้ันเรยี น สามารถนำความรกู้ ารเขยี นแผนการจดั การเรียนรู้ไปปรับใชใ้ นอนาคตได้ ทง้ั นตี้ ้องขอขอบคุณ ผ้ใู หค้ วามรแู้ ละแนวทางการศึกษา ผจู้ ดั ทำหวงั ว่ารายงานฉบบั น้ีจะให้ความรู้และเป็นประโยชน์แก่ผู้อา่ นทกุ ๆ ทา่ น นางสาวเพ็ญพิสุทธ์ิ หมึกกลม ผู้จดั ทำ

สารบัญ 4 เรอื่ ง หนา้ คำนำ สารบัญ ๕ แผนการจัดการเรยี นรู้ ๑๐ โครงสร้างรายวชิ า ๑๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ท๑่ี ๔๔ แผนการจดั การเรียนรู้ที่๒ ๘๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓ ๑๒๔ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๔ ๑๕๖ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ ๑๘๖ เอกสารอา้ งอิง

5 แผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รหสั ท๑๒๐๑ รายวชิ าภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ เวลา ๒๐๐ ชว่ั โมง ครูผ้สู อน นางสาวเพ็ญพสิ ุทธิ์ หมกึ กลม ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชี้วัด สาระ สาระท่ี ๑ การอ่าน สาระที่ ๒ การเขยี น สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษา สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานที่ ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคดิ เพือ่ นนำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนนิ ชวี ติ และ มีนิสัยรักการอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี นเร่อื งราวใน รปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรสู้ ึก ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของ ภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาต มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่าและ นำมาประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จรงิ ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ , ป.๒/๓ , ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗, ป.๒/๘ ท ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔ ท ๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗ ท ๔.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕ ท ๕.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ รวม ๒๗ ตัวชีว้ ดั

6 จุดประสงค์การเรียนรู้ (ภาพรวมท้งั หมด) ๒.๑ ความรู้ ( k ) ๑. นกั เรียนสามารถบอกคำคลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบท ( k ) ๒.นกั เรยี นสามารถอธิบายความหมายของคำและขอ้ ความทีอ่ ่านได้ (K) ๓.นักเรียนสามารถบอกวิธกี ารตัง้ คำถามและตอบคำถามเกี่ยวกับเร่อื งที่อา่ นได้ (K) ๔.นกั เรยี นสามารถระบุใจความสำคัญและรายละเอยี ดจากเรอ่ื งที่อ่านได้ (K) ๕.นกั เรยี นสามารถบอกหนงั สือตามความสนใจอย่างสมำ่ เสมอและนำเสนอเรื่องท่ีอ่านได้ (K) ๖.นกั เรยี นสามารถบอกข้อเขียนเชิงอธบิ าย และปฏบิ ัตติ ามคำส่งั หรือข้อแนะนำได้ (K) ๗. นกั เรียนสามารถบอกเรือ่ งส้ันๆเกย่ี วกับเหตุการณไ์ ด้ (K) ๘. นกั เรียนสามารถบอกเร่อื งส้ันๆ ตามจินตนาการได้(K) ๙. นกั เรยี นสามารถบอกคำแนะนำคำส่งั ทซ่ี บั ซ้อน และปฏิบัตติ ามได้ (K) ๑๐. นกั เรยี นสามารถบอกเร่อื งที่ฟงั และดูท้ังทเี่ ปน็ ความร้แู ละความบนั เทิงได้ (K) ๑๑.นกั เรียนสามารถบอกสาระสำคัญของเร่ืองท่ีฟังและดูได้ถกู ต้อง (K) ๑๒.นกั เรียนสามารถตั้งคำถามและตอบคำถามเกย่ี วกับเร่ืองทฟ่ี ังและดู (K) ๑๓. นักเรียนสามารถบอกพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และเลขไทย (K) ๑๔.นักเรยี นสามารถบอกความหมายของคำได(้ K) ๑๕. นักเรยี นสามารถบอกคำเปน็ ประโยคได้ตรงตาม เจตนาของการส่ือสารได้อยา่ งถูกต้อง (K) ๑๖. นักเรียนสามารถบอกลักษณะคำคล้องจองได้ (K) ๑๗.นกั เรียนสามารถเลอื กใชภ้ าษาไทยมาตรฐานและภาษาถนิ่ ไดเ้ หมาะสมกับกาลเทศะ(K) ๑๘.นกั เรียนสามารถระบุข้อคิดท่ไี ดจ้ ากการอา่ นหรอื การฟังวรรณกรรมสำหรบั เดก็ เพ่อื นำไปใช้ ใน ชวี ติ ประจำวนั ได้(K) ๑๙.นกั เรยี นสามารถบอกบทรอ้ งเลน่ สำหรับเด็กในท้องถิน่ ได้ (K) ๒๐.นักเรยี นสามารถบอกบทอาขยานตามท่ีกำหนด และบทร้อยกรองท่ีมคี ุณคา่ ตามความสนใจได้ (K)

7 ๒.๒ ดา้ นทักษะ (P) ๑.นกั เรยี นสามารถอ่านคำคล้องจอง ขอ้ ความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถกู ต้อง (P) ๒.นักเรียนสามารถอา่ นความหมายของคำและข้อความทอ่ี ่านได้(P) ๓.นกั เรียนสามารถตั้งคำถามและตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องทอี่ า่ นได้ (P) ๔.นักเรยี นสามารถอ่านใจความสำคญั และรายละเอยี ดจากเรือ่ งท่ีอา่ นได้ (P) ๕. นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นและคาดคะเนเหตุการณ์จากเรือ่ งท่ีอ่านได้ (P) ๖.นักรียนสามารถอา่ นหนังสือตามความสนใจอย่างสมำ่ เสมอและนำเสนอเร่ืองท่ีอา่ นได้ (P) ๗. นักเรียนสามารถอา่ นข้อเขียนเชงิ อธบิ าย และปฏิบัตติ ามคำสัง่ หรือข้อแนะนำได้ (P) ๘.นกั เรยี นสามารถคดั ลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดได้ (P) ๙. นักเรียนสามารถเขยี นบันทกึ เร่ืองส้นั ๆ เก่ยี วกับประสบการณไ์ ด้ (P) ๑๐.นกั เรียนสามารถเขยี นเร่ืองสนั้ ๆตามจินตนาการได้ (P) ๑๑.นกั เรียนสามารถฟังคำแนะนำ คำสัง่ ที่ซับซ้อน และปฏิบัติตามได้ ( P ) ๑๒.นกั เรยี นสามารถเลา่ เรื่องท่ีฟังและดูท้งั ที่เป็นความรแู้ ละความบันเทิงได้ ( P ) ๑๓.นกั เรียนสามารถเขียนสาระสำคัญของเร่ืองที่ฟังและดูไดถ้ กู ต้อง ( P ) ๑๔.นกั เรียนสามารถมีส่วนร่วมในการต้งั คำถามและตอบคำถามเกี่ยวกบั เรือ่ งท่ฟี ังและดูได้ ( P ) ๑๕.นกั เรยี นสามารถพดู แสดงความคิดเห็นและความรสู้ ึกจากเร่อื งท่ฟี งั และดู ( P ) ๑๖.นักเรียนสามารถพูดสื่อสารได้ชัดเจนตรงตามวตั ถุประสงคไ์ ด้( P ) ๑๗.นกั เรยี นสามารถเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกตแ์ ละเลขไทย (P) ๑๘.นกั เรียนสามารถเขยี นสะกดคำและบอกความหมายได้ (P) ๑๙.นกั เรียนสามารถเขยี นเรยี บเรยี งคำเป็นประโยคไดต้ รงตามเจตนาของการสื่อสารได้ถูกตอ้ ง (P) ๒๐.นกั เรยี นสามารถเขยี นลกั ณะคำคลอ้ งจองได้ (P) ๒๓.นกั เรียนสามารถอ่านข้อคิดท่ไี ดจ้ ากการอา่ นหรือ การฟังวรรณกรรมสำหรับเด็ก เพ่ือนำไปใช้ ใน ชวี ิตประจำวนั ได้ (P) ๒๔.นกั เรียนสามารถรอ้ งบทร้องเลน่ สำหรบั เด็กในทอ้ งถน่ิ ได้ (P) ๒๕.นักเรยี นสามารถท่องจำบทอาขยานตามทก่ี ำหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณคา่ ตามความสนใจ (P) ๒.๓ ทัศนคติ (A) ๑.นักเรยี นเหน็ คุณคา่ ถงึ การออกเสยี งคำคล้องจองข้อความ และบทร้อยกรองงา่ ยๆได้ (A) ๒. นกั เรียนเหน็ คณุ ค่าของความหมายของคำและข้อความทอี่ ่าน (A) ๓.นกั เรยี นเลอื กอ่านหนังสือตามความสนใจอยา่ งสมำ่ เสมอและนำเสนอเร่ืองท่ีอา่ น ( A ) ๔. นักเรยี นตระหนกั ถงึ การอ่านข้อเขียนเชิงอธบิ าย และปฏิบัติตามคำสงั่ หรือข้อแนะนำ ( A ) ๕. นักเรยี นมีมารยาทในการอ่าน ( A )

8 ๖. นกั เรียนเหน็ คุณค่าของการเขยี น ( A ) ๗.นกั เรยี นเหน็ คุณค่าของการเขียน ( A ) ๘.นกั เรียนเหน็ คณุ คา่ ของการเขยี น ( A ) ๙.นกั เรียนมีมารยาทในการอ่าน ( A ) ๑๐.นักเรียนเห็นคุณค่าถงึ การฟังและการดู ( A ) ๑๑. นกั เรยี นเหน็ คณุ ค่าของการฟังและดู ( A ) ๑๒.นักเรยี นตระหนงั ถึงการพูดส่ือสารในชวี ติ ประจำวัน (A) ๑๓. นักเรียนมีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด (A) สาระสำคัญ ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติ เปน็ สมบัติทางวฒั นธรรมอนั กอ่ ใหเ้ กิดความเปน็ เอกภาพและ เสริมสรา้ งบคุ ลกิ ภาพของคนในชาตใิ หม้ ีความเปน็ ไทย เปน็ เครอ่ื งมือในการติดต่อสอ่ื สารเพื่อสร้างความเข้าใจ และความสมั พนั ธ์ท่ดี ตี ่อกนั ทำให้สามารถประกอบธุรกจิ การงานและดำรงชวี ิตร่วมกนั ในสงั คมประชาธิปไตย ได้อยา่ งสันติสขุ และเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมลู สารสนเทศตา่ งๆ เพื่อ พฒั นาความรู้ พฒั นากระบวนการคิด ทัง้ การคดิ วิเคราะห์ วิจารณ์ และสรา้ งสรรคใ์ ห้ทนั ต่อการเปล่ียนแปลง ทางสังคม และความก้าวหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนำไปใชใ้ นการ พฒั นาอาชีพให้มีความมนั่ คงทางเศรษฐกจิ นอกจากนยี้ งั เป็นสื่อแสดงภมู ิปญั ญาของบรรพบรุ ุษด้าน วฒั นธรรม ประเพณี และสนุ ทรยี ภาพเปน็ สมบัติล้ำคา่ ควรแกก่ ารเรียนรูแ้ ละอนุรักษ์และสืบสานใหค้ งอยู่คชู่ าติ ไทยตลอดไป สาระการเรียนรู้ - การอา่ น - การเขียน - หลักการใชภ้ าษาไทย - การฟัง การดู และการพดู - วรรณคดแี ละวรรณกรรม

9 คำอธิบายรายวชิ า ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ เวลา ๒๐๐ ชว่ั โมง จำนวน ๕ หน่วยกติ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อ่านออกเสียงคำ คำคล้องจอง ข้อความ และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ อธบิ ายความหมายของคำและขอ้ ความท่ี อา่ น คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด บอกและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขยี นสะกดคำและ บอกความหมายของคำ พูดสื่อสารได้ตามวัตถุประสงค์ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด ฟังคำแนะนำ คำสงั่ ท่ซี ับซ้อน อ่านหนงั สอื ตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอและนำเสนอเรื่องที่อา่ น มีมารยาทในการอ่าน ระบุ ข้อคิดทไี่ ดจ้ ากการอา่ นหรือการฟังวรรณกรรมสำหรบั เด็ก เพ่อื นำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั โดยการแสดงความคดิ เหน็ และคาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเรื่องทอี่ า่ น เขยี นเรื่องสั้นๆ เกย่ี วกับประสบการณ์ เรียบเรยี งคำเปน็ ประโยค ตัง้ คำถามและตอบคำถามเก่ยี วกับเร่อื งท่ีอา่ น ฟัง และดู ระบใุ จความสำคัญและ รายละเอยี ดของเรอื่ งที่อ่าน ฟัง และดู พูดแสดงความคดิ เห็นและความร้สู ึกจากเร่ืองท่ีฟังและดู ปฏบิ ตั ิตาม คำสัง่ หรือข้อแนะนำเม่ืออ่านข้อเขียนเชงิ อธิบาย เลา่ เรื่องท่ีฟังและดูทัง้ ท่ีเป็นความรูแ้ ละความบนั เทงิ บอก ลกั ษณะคำคลอ้ งจอง ท่องจำบทอาขยานตามท่ีกำหนดและบทรอ้ ยกรองตามความสนใจ เขยี นเรอื่ งสัน้ ๆ ตาม จนิ ตนาการ มมี ารยาทในการเขียน เลือกใชภ้ าษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นไดเ้ หมาะสมกับกาลเทศะ ร้องบท รอ้ งเล่นสำหรับเดก็ ที่มใี นท้องถิน่ โดยใชก้ ระบวนการทางภาษา ได้แก่ กระบวนการอา่ น กระบวนการเขยี น กระบวนการฟัง กระบวนการพูด และการดู การคดิ เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถสอื่ สารสิ่งท่ีเรยี นร้แู ละนำ ความรูไ้ ปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวัน มีจิตสำนึกรกั ภาษาไทย และมีคา่ นยิ มท่ีดีตอ่ ภาษาไทย

10 ตารางโครงสร้างรายวชิ า รายวิชาพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔จำนวน ๒๐๐ ช่ัวโมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ เวลา (ช่วั โมง) ภาคเรียนท่๑ี ๑๐๐ ๑ อักษรไทยน่าค้นหา ๑๖ ๒ พยญั ชนะไทย ๒ อกั ษร 3 หมู่ ๓ สระไทย ๒ วรรณยกุ ต์ ๓ คำในภาษาไทย ๒ วรรณกรรม เรื่องแม่ปูกบั ลูกปู คดั ลายมือ ๒ ๒ ตัวสะกดนา่ จดจำ ๒๐ ๕ ตัวสะกด ๕ อา่ นสะกดคำ ๕ วรรณกรรม เร่อื ง กบน้อยจอมดอื้ ๕ พดู จา ฉะฉาน ๒๓ ๓ กง กม กก กน น่าสนใจ ๙ กง กม กก กน ผนั วรรณยุกต์ ๕ วรรณกรรม เรือ่ งความกล้า ๕ ฟังคำสัง่ และคำแนะนำ ๔ ๔ กบ เกย เกอว กด นา่ รู้ ๒๒ กบ เกย เกอว กด _๘ ผันวรรณยกุ ต์ ๕

11 ตารางโครงสรา้ งรายวิชา รายวิชาพืน้ ฐาน ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔จำนวน ๒๐๐ ชว่ั โมง หน่วยที่ เวลา (ช่วั โมง) วรรรณกรรม เร่อื ง หนา้ ที่ของเด็ก อ่านยำ้ ให้เกดิ ปญั ญา ๕ ๕ ผันวรรณยุกต์แสนสนกุ ๔ ผันวรรณยกุ ตอ์ ักษรต่ำ ๒๐ คำควบกลำ้ ๔ อักษรนำ ๔ เพลนิ ใจลองลอยในนทิ าน ๔ รกู้ ารคาดคะเน ๔ ๔ สอบปลายภาค ๑ รวม ๑๐๐ ๑๐๐ ภาคเรียนท่ี ๒ ๒๐ ๖ ประโยคน่าค้นหา ๔ ๒ ประโยคนา่ รู้ ๒ จดจำคำถาม ๒ เรอ่ื งเลา่ ชวนพศิ วง ๒ ฝกึ หัดปฏิเสธ ๔ กลมุ่ คำ ๔ วรรณกรรม เร่ือง ความสามัคคี ๑๙ บนั ทึกแสนสนุก ชวนนึกคิด ๕ ๗ การันต์หรรษา ๕ ตัวการันต์ ๔_ เพลนิ ตาด้วย ร หัน ๕ นกั เลา่ ตัวน้อย จดจำใจความ

12 ตารางโครงสร้างรายวิชา รายวชิ าพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔จำนวน ๒๐๐ ช่วั โมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนว่ ยที่ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ เวลา (ชวั่ โมง) ๘ ความหมายของคำ จดจำไว้ ๒๐ ความหมายของคำ ๖ นทิ านอีสป เร่อื งสุนขั กบั เงา ๕ เชญิ มาอ่านคำอธบิ าย ๔ เลา่ เรอ่ื งมหาสนุก ๕ ๙ คำคลอ้ งจองท่องจำได้ ๑๘ ท่องจำคำคล้องจอง ๗ วรรณกรรมเร่ือง เดือนเอ๋ยเดือน ๕ บทอาขยาน ๖ ๑๐ เรียนรภู้ าษาถิ่น ๒๐ ภาษาถนิ่ ๖ วรรณกรรมออกเสยี งเรื่อง พดู จานา่ ฟงั ๔ รอ้ งเลน่ เพลง รีรีข้าวสาร ๕ เขยี นร้อยแก้ว ๕ สอบปลายภาค ๑ รวม ๑๐๐ รวมทั้งหมด ๒๐๐

13 แผนการจัดการเรยี นรูร้ ายหน่วย หนว่ ยที่ ๑ เร่ือง อกั ษรไทยน่าค้นหา แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายหนว่ ย หน่วยท่ี ๑ เรื่อง อักษรไทยนา่ ค้นหา

14 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ๑่ี กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย วิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๒๑๐๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรียนท๑่ี ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ ช่อื หน่วย อกั ษรนา่ คน้ หา เวลา ๑๖ ชั่วโมง .................................................................................................................................................................. ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด สาระที่ สาระที่ ๑ การอ่าน สาระที่ ๒ การเขียน สาระที่ ๔ หลกั การใชภ้ าษา มาตรฐาน มาตรฐานที่ ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคิดเพื่อนนำไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหาในการดำเนินชีวติ และ มีนิสยั รักการอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเร่ืองราว ในรปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและ พลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาต ตวั ช้ีวัด ท ๑.๑ ป.๒/๑อ่านออกเสียงคำคล้องจอง ขอ้ ความ และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ได้ถูกต้อง ท ๑.๑ ป.๒/๒อธิบายความหมายของคำและข้อความทอ่ี ่าน ท ๒.๑ ป.๒/๑ คดั ลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทดั ท ๔.๑ ป.๒/๑บอกและเขียนพยัญชนะ สระวรรณยกุ ต์และเลขไทย ท ๔.๑ ป.๒/๒ เขียนสะกดคำและบอกความหมาย ของคำ ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนสามารถบอกพยัญชนะ สระ ข้อความ และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ ได้ถูกต้อง -นกั เรียนสามารถบอกพยญั ชนะ สระ วรรณยุกต์และเลขไทย -นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของคำได้ ๒.๒ ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ (P) -นกั เรียนสามารถอา่ นคำคลอ้ งจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกต้อง

15 - นักเรียนสามารถคดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั ได้ - นกั เรียนสามารถเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์และเลขไทย - นักเรยี นสามารถเขยี นสะกดคำและบอกความหมายได้ ๒.๓ ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) -นักเรียนเห็นคุณค่าถงึ การออกเสียงพยัญชนะสระ และบทร้อยกรองงา่ ยๆได้ - นกั เรียนเหน็ คุณคา่ ของการเขยี น ๓.สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด อักษรไทย เปน็ สญั ลักษณ์ที่ใช้แทนเสยี งในภาษาไทย ประกอบด้วย พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และ ตัวเลขไทย การอ่านเขยี นอักษรไทย และการประสมคำจึงเป็นพน้ื ฐานสำคัญของการอ่านเขียนภาษาไทย ๔. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ อกั ษรไทย การอ่านสะกดคำท่ีไมม่ ีตวั สะกด และการอา่ นเปน็ คำ วรรณกรรมเรื่อง ลูกปกู บั แม่ปู การคดั ลายมือ ทกั ษะ/กระบวนการ การฟงั สิ่งทค่ี รูและเพ่ือนพูด การพดู ตอบคำถาม และการพดู แสดงความคดิ การอ่านออกเสียงสะกดคำ การเขียนสะกดคำ การคดิ วเิ คราะห์ การคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ เห็นคุณค่าของการใช้ภาษาไทยในชวี ติ ประจำวัน มคี วามกระตือรือร้น สนใจใฝร่ ู้ มคี วามรับผิดชอบในงานของตน และมีสว่ นรว่ มในการทำกจิ กรรม มนี ิสยั รกั การอา่ นและเขียน ๕.สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน √√ ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต √ ความสามารถในการคิด ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี √ ความสามารถในการแกป้ ัญหา

16 ๖. ชิน้ งานหรือภาระงาน ๑. แบบฝึกเสรมิ ทักษะ ๒.สมดุ ๗. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยย่อยท่ี ๑ เรือ่ ง พยัญชนะไทย ช่วั โมงท่ี ๑-๒ ( ใชร้ ูปแบบการสอนตรง) ช่ัวโมงที่ ๑ ๑) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑.นักเรยี นสามารถบอกพยัญชนะ สระ ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ได้ถกู ต้อง(K) ๒.นกั เรียนสามารถอา่ นคำคล้องจอง ข้อความ และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ได้ถูกตอ้ ง (P) ๓.นกั เรียนเหน็ คุณค่าถึงการออกเสียงพยัญชนะสระ และบทรอ้ ยกรองง่ายๆได้ (A) ๒) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี ๑ ทบทวนความรู้ท่ีไดเ้ รียนมาก่อน ครูทบทวนความร้เู รือ่ งสระ และพยญั ชนะโดยการยกตัวอย่างคำให้นักเรยี น 2 คำคือ คำวา่ มะลิ กบั สาคู ให้นักเรยี นทุกคนชว่ ยคณุ ครูอ่าน ขน้ั ท่ี ๒ นำเสนอข้อมลู ความรใู้ หม่ทีละข้ันโดยใช้ตัวอย่าง ครสู อนนักเรียนอา่ นออกเสยี ง พยญั ชนะ รูปสระ ชือ่ สระ ทีละขนั้ โดยการใช้ยกตัวอย่างและสอน นกั เรยี นอา่ นไปทลี ะตวั ขนั้ ที่ ๓ ให้แนวทางในการปฏิบัติ ครสู อนนกั เรยี นเร่อื ง พยญั ชนะ ตามลำดับขั้นในแตล่ ะส่วนสมั พันธ์กนั ทลี ะขั้นตอนตามวัตถุประสงค์ และมาใช้ตอบคำถามในคาบหนา้ ชั่วโมงท่ี ๒ ขั้นท่ี ๔ ฝึกตามแบบและให้ข้อมูลย้อนกลับ ครใู หน้ กั เรียนตอบคำถาม และใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั แกน่ ักเรยี นในการปรบั ปรุงแก้ไข ขั้นที่ ๕ ให้ผเู้ รียนฝึก โดยอสิ ระและนำความรไู้ ปประยุกตใ์ ช้ ครูทบทวนความรนู้ ักเรียนโดยการทำแบบฝึกหดั หลังเรยี น โดยใหน้ ักเรยี นนำความรูท้ ไี่ ด้เรียนมาไป ประยกุ ต์ใชใ้ นการทำแบบฝกึ หัดหลังเรียน ขน้ั ที่ ๖ ทบทวนความรเู้ ปน็ ระยะ พร้อมกับ ให้ข้อมูลยอ้ นกลบั เพอ่ื ปรับปรุงแก้ไข ตามความจำเปน็ ครูทบทวนความรู้นักเรียนในเร่อื ง พยญั ชนะ สระ การอา่ นออกเสียงสระ พร้อมให้ขอ้ มูลย้อนกลับและ ปรับปรุงแก้ไข หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ เรอื่ งอักษรสามหมู่ ชวั่ โมงท่ี ๓ - ๔ ( ใช้รูปแบบการเรยี นร้โู ดยการใช้ Game )

17 ชว่ั โมงที่ ๓ ๑) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑.นักเรียนสามารถจดั หมวดอักษรสามหมู่ได้ (K) ๒. นกั เรียนสามารถเขียนอักษรสามหมไู่ ด้ (P) ๓. นกั เรยี นให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรม (A) ๒) กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ ๑ ผูส้ อนนำเกมชีแ้ จงวิธีการเล่นเกมและกตกิ าการเลน่ ครูใหน้ ักเรยี นเลน่ เกมอกั ษรสามหมู่ โดยใหน้ ักเรยี นหยบิ บตั รคำพยัญชนะภาษาไทยท่อี ยู่ตรงหนา้ แลว้ ใหเ้ รียนบอกคุณครูว่าพยัญชนะท่ีนกั เรียนหยบิ ได้เปน็ อักษรสามหมู่ในหมู่ไหน ไนอกั ษรสูง อักษรกลาง และ อักษรต่ำ ขน้ั ที่ ๒ ให้ผูเ้ ลน่ เกมตามกติกา ครูวางบัตรคำแลว้ ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนเลือก พยญั ชนะคนละ ๑ ใบ จากน้ันใหน้ กั เรียนเลือกหยิบบัตร คำพยัญชนะขึ้นมา แลว้ ตอบคำถามคุณครวู ่าพยญั ชนะนั้นอยู่ในหมวดหมไู่ หน ชั่วโมงท่ี ๔ ๑) จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.นักเรยี นสามารถจัดหมวดอักษรสามหมู่ได้ (K) ๒. นกั เรียนสามารถเขียนอักษรสามหมู่ได้ (P) ๓. นกั เรยี นให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม (A) ๒) กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ ๓ ผสู้ อนและผูเ้ ล่นอภิปรายผล ครสู อบถามนกั เรยี นว่านักเรยี นแต่ละคนมวี ิธกี ารตอบคำถามคุณครูอยา่ งไร ครอู ธบิ ายวิธกี ารดพู ยัฐ ชนะ อักษรสูง อกั ษรกลาง อักษรตำ่ ท่ีถูกต้อง ขน้ั ที่ ๔ ผสู้ อนประเมินผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รียน ครแู ละนักเรยี นอภิปรายร่วมกนั ว่าเกมดังกลา่ วมปี ระโยชนอ์ ย่างไร จากนั้นครูให้นกั เรยี นทำแบบฝึก ทักษะเร่อื ง อักษรสามหมู่ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๓ เรือ่ ง สระไทย ชวั่ โมงท่ี ๕-๗ ( ใช้รปู แบบการเรียนรู้โดยการใช้คำถาม Questioning Method ) ชว่ั โมงที่ ๕ ๑) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรยี นสามารถตอบคำถามรูป และเสยี ง ของสระในภาษาไทยได้ (k) ๒. นักเรยี นสามารถอ่านรูป และเสยี งของสระในภาษาไทยได้ (P) ๓.นักเรยี นใหค้ วามร่วมมือในการทำกจิ กรรม (A) ๒) กิจกรรมการเรียนรู้

18 ขั้นท๑่ี วางแผนการใชค้ ำถาม ครวู างแผนการใชค้ ำถามวา่ รปู สระที่ติดอยบู่ นกระดานเปน็ สระอะไร ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการสุ่ม เรยี กช่ือ เพ่ือให้เรยี นเกดิ ความคิดและเขา้ ใจในสระภาษาไทย จากนั้นให้นักเรยี นทำแบบฝกึ ทกั ษะ ขัน้ ท่ี ๒ ขนั้ เตรียมคำถาม ครเู ตรียมถามคำถามดังน้ี สระทค่ี รตู ิดไวบ้ นกระดานคือสระอะไร และเป็นสระเสียงสนั้ หรือเสียงยาว ชว่ั โมงที่ ๖ ๑) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนสามารถตอบคำถามรปู และเสยี ง ของสระในภาษาไทยได้ (k) ๒. นักเรยี นสามารถอา่ นรูป และเสยี งของสระในภาษาไทยได้ (P) ๓.นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมือในการทำกิจกรรม (A) ขั้นท่ี ๓ การใช้คำถาม ๑. ครูให้นักเรยี นเลน่ กิจกรรมโดยการสุ่มนักเรียนท่ีละคน คนไหนที่โดยส่มุ ให้เรยี นคนน้ันออกมาหนา้ ชั้นเรยี น ๒.ให้นักเรยี นท่ีโดนสุ่มชื่อ เลอื กแผน่ ปา้ ยบนกระดาน ๓.หลังจากน้ันให้เรยี นตอบคำถามในแผ่นป้ายท่ีนักเรยี นสุม่ ได้ ๔.ครแู ละนักเรยี นในห้องรว่ มกนั เฉลยคำตอบที่ถกู ต้อง ชัว่ โมงที่ ๗ ๑) จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถตอบคำถามรูป และเสยี ง ของสระในภาษาไทยได้ (k) ๒. นักเรียนสามารถอ่านรูป และเสียงของสระในภาษาไทยได้ (P) ๓.นกั เรยี นให้ความร่วมมือในการทำกจิ กรรม (A) ขัน้ ท่ี ๔ สรปุ ผลและประเมนิ ผล ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลในแตล่ ะประเด็น สระมกี ร่ี ปู กี่เสยี ง สระไหนเป็นเสียงยาวและเสยี งส้ัน บา้ ง ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหดั เร่ือง สระ เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจของผ้เู รียน หน่วยย่อยท่ี ๔ เร่ือง วรรณยุกต์ ชั่วโมงท่ี ๘-๙ ( ใชร้ ปู แบบการเรยี นรู้โดยการใชค้ ำถาม Questioning Method ) ช่วั โมงที่ ๘ ๑) จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรยี นสามารถตอบคำถามวรรณยุกต์ในภาษาไทยได้ (k)

19 ๒. นักเรียนสามารถอ่านออกเสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทยได้ (P) ๓.นกั เรยี นให้ความร่วมมือในการทำกจิ กรรม (A) ๒) กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ท่ี ๑ เตรียมคำถาม ครวู างแผนว่าจะใช้ประโยคท่ไี มม่ ีวรรณยุกต์ มาสอนในช่ัวโมงนี้ โดยการตัง้ คำถาม ถามนักเรยี น เกยี่ วกับเรือ่ งนี้ และให้นักเรียนตอบคำถามปากเปลา่ จากนั้นใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หดั เสรมิ ทักษะ ขัน้ ท่ี ๒ ข้นั เตรียมคำถาม ครูเตรยี มคำถามท่จี ะใชถ้ ามนกั เรียน ดังนี้ ๑.แมเปิดรานขายกวยจบั (แม่เปิดรา้ นขายก๋วยจ๊บั ) ๒.ส้มในกระเปาหลนลงไปใตโตะ (สม้ ในกระเปา๋ หลน่ ลงไปใตโ้ ต๊ะ) ๓.โปะแตกชามนนั ใสเกลือเค็มปี (โป๊ะแตกชามนนั้ ใสเ่ กลือเคม็ ป)ี๋ ๔.แกงสมรอนจีนากินนากนิ (แกงสม้ ร้อนจีน๋ ่าก๊นิ น่ากิน) ๕.กวยเตยี วเจานไี มมโี ตะว่าง (ก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้ไม่มโี ตะ๊ วา่ ง) ๖.ลองจุนเลียงแมวตัวดำปี (ลอ่ งจุ๊นเลยี้ งแมวตัวดำป)๋ี ๗.โกะตีกินขาวไขเจียว (โกะ๊ ตี๋กนิ ข้าวไข่เจียว) ๘.กระปองนำหลนเสยี งดังเปง! (กระป๋องน้ำหล่นเสยี งดังเปง๊ !) ข้ันท่ี ๓ การใช้คำถาม ๑.ครใู หน้ ักเรียนแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ 4 กลุ่ม แล้วครแู จกบัตรคำรปู วรรณยุกต์ให้แต่ละกลุ่ม โดยกล่มุ หนง่ึ จะได้บัตรรูปวรรณยกุ ตจ์ ำนวน 1 แผน่ แตล่ ะกลุม่ จะไดร้ ปู วรรณยุกตไ์ มซ่ ้ำกนั ๒.ครูเขยี นประโยคบนกระดานทลี ะประโยค โดยประโยคที่เขยี นนน้ั ไม่มวี รรณยกุ ต์ จากน้นั ครูให้ นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ นำบัตรคำรูปวรรณยกุ ต์มาติดตรงตำแหน่งของวรรณยุกต์ทห่ี ายไป ครูและเพื่อนนักเรียน ชว่ ยกนั ตรวจคำตอบ ประโยคทีใ่ ชใ้ นกจิ กรรม ๓.ครสู ลบั บตั รรปู วรรณยุกตข์ องแตล่ ะกลมุ่ และทำกิจกรรมนซ้ี ำ้ หลายๆ คร้ัง จนนักเรยี นสามารถติด บตั รคำได้คลอ่ ง ขน้ั ท่ี ๔ สรุปและประเมนิ ผล ครูและนักเรียนสรปุ ความรู้ร่วมกนั เกีย่ วกับ ประโยควรรณยุกตท์ ่หี ายไป และให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัด เสรมิ ทักษะ เร่อื ง วรรณยุกต์ เพ่ือทบทวนความร้เู ดิม ชวั่ โมงที่ ๙ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรียนสามารถตอบคำถามวรรณยุกตใ์ นภาษาไทยได้ (k) ๒. นกั เรียนสามารถอา่ นออกเสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทยได้ (P) ๓.นกั เรยี นใหค้ วามร่วมมือในการทำกิจกรรม (A) ๒) กิจกรรมการเรยี นรู้

20 ข้นั ที่ ๓ การใช้คำถาม ๑.ครใู ห้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ ออกเป็น 4 กลมุ่ แล้วครแู จกบตั รคำรปู วรรณยุกต์ให้แต่ละกลุ่ม โดยกลมุ่ หนง่ึ จะได้บัตรรูปวรรณยุกตจ์ ำนวน 1 แผน่ แต่ละกล่มุ จะได้รปู วรรณยกุ ตไ์ ม่ซ้ำกัน ๒.ครูเขยี นประโยคบนกระดานทลี ะประโยค โดยประโยคที่เขยี นนนั้ ไม่มวี รรณยกุ ต์ จากนน้ั ครูให้ นกั เรยี นแต่ละกลุม่ นำบตั รคำรูปวรรณยุกต์มาตดิ ตรงตำแหนง่ ของวรรณยุกต์ทห่ี ายไป ครูและเพ่ือนนักเรียน ช่วยกนั ตรวจคำตอบ ประโยคที่ใชใ้ นกิจกรรม ๓.ครสู ลบั บัตรรูปวรรณยุกตข์ องแต่ละกลุ่ม และทำกิจกรรมนีซ้ ำ้ หลายๆ คร้ัง จนนักเรยี นสามารถติด บตั รคำได้คล่อง ขน้ั ท่ี ๔ สรปุ และประเมนิ ผล ครูและนักเรยี นสรุปความร้รู ่วมกันเกีย่ วกับ ประโยควรรณยกุ ตท์ ่ีหายไป และให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัด เสรมิ ทักษะ เรอ่ื ง วรรณยกุ ต์ เพ่ือทบทวนความรู้เดิม หน่วยยอ่ ยที่ ๕ เร่ือง คำในภาษาไทย ช่ัวโมงที่ ๑๐-๑๒ ( ใช้รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้ Game) ๑) จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนสามารถตอบบอกคำในภาษาไทยได้ (k) ๒. นกั เรยี นสามารถอ่านออกเสยี งคำในภาษาไทยได้ (P) ๓.นักเรยี นให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม (A) ๒) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันที่ ๑ ผสู้ อนนำเสนอเกมช้แี จงวธิ ีการเล่นและกตกิ าการเล่นเกม ครใู ห้นักเรียนเลน่ กิจกรรม“สนุกกบั คำ” โดยครอู ธิบายวิธีการเล่นเกมให้นักเรยี นฟงั ว่า ครูจะแจกบตั รคำที่มีพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ให้นกั เรียนคนละ 1 แผ่น บตั รคำแตล่ ะแผน่ จะ มภี าพแทนพยัญชนะ หรือรูปสระ หรือรปู วรรณยุกต์อยา่ งใดอย่างหน่งึ และมีเพียง 1 ตัว เทา่ นั้นเมอ่ื นักเรียนได้บัตรคำท่มี ีตัวอักษรใด ให้นกั เรยี นสมมตติ ัวเองเปน็ ตัวอกั ษรนั้น และเมื่อ ครูบอกคำทีใ่ ห้นักเรยี นสะกด นักเรยี นทม่ี ีตวั อกั ษรในคำนน้ั ให้ออกมาติดบัตรคำของตนเอง เรยี งกันบนกระดานใหเ้ ป็นคำตามที่ครูบอก คำท่ีครูใหน้ ักเรยี นสะกด ขั้นที่ ๒ ผู้เรียนเลม่ เกมตามกติกา ครแู จกบตั รคำให้นกั เรียนคนละ ๑ แผน่ เพื่อทจี่ ะเล่นเกม ครูส่งสญั ญาณเริ่มเลน่ ใหน้ กั เรยี น ทกุ คนสมมตติ ัวเองเปน็ ตัวอักษรนนั้ และเม่ือครบู อกคำท่ีใหน้ ักเรยี นสะกด นักเรยี นที่มีตัวอักษร ในคำน้ันใหอ้ อกมาติดบัตรคำของตนเองเรียงกนั บนกระดานใหเ้ ป็นคำตามท่ีครูบอกคำทีค่ รู ให้นักเรียนสะกด ข้ันท่ี ๓ ผสู้ อนและผู้เรียนอภปิ ราย ครูสอบถามนกั เรยี นว่าการนักเรยี นไดบ้ ตั รคำที่แตกต่างกนั และใหน้ ักเรยี นสมมุติตัวเอง

21 เป็นอักษรนั้น มีหลักการใด และเหตผุ ลใดในการเล่นเกมนี้ได้ ครูอภบิ ายหลกั เกณฑ์การสมมตุ ิ ตวั เองเป็นตวั อักษรนัน้ ในการเล่มเกมทถ่ี ูกต้อง ขั้นที่ ๔ ผสู้ อนประเมินผลการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น ครแู ละนกั เรียนอภปิ รายร่วมกนั วา่ เกมดังกลา่ วมปี ระโยชน์อย่างไร จากนนั้ ครูใหน้ ักเรยี นทำ แบบเสริมทักษะ เรื่อง สนุกกับคำ หนว่ ยย่อยที่ ๖ เรอื่ ง วรรณกรรมเรอ่ื ง ลกู ปกู บั แม่ปู ชว่ั โมงที่ ๑๓-๑๔ ( ใชร้ ูปแบบการเรยี นรโู้ ดยใชค้ ำถาม Questioning Method) ช่ัวโมงท่ี ๑๓ ๑) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นักเรียนสามารถตอบคำถามเรื่อง ลกู ปูกบั แมป่ ูได้ (k) ๒. นกั เรยี นสามารถแปลความหมายวรรณกรรม เร่ือง ลกู ปกู ับแม่ปู ได้ (P) ๓.นกั เรยี นใหค้ วามร่วมมอื ในการทำกจิ กรรม (A) ๒) กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ ๑ วางแผนการใช้คำถาม ครวู างแผนวา่ จะวรรณกรรม เร่อื ง ลกู ปกู บั แม่ปู มาสอนในชวั่ โมงน้ี โดยการใช้ถาม ถามนักเรียน เกี่ยวกบั วรรณกรรมเรื่องน้ี ครูนำคำในวรรณกรรมมาวเิ คราะหห์ น้าช้ันเรียนแล้วใชค้ ำถาม จากน้ันครกู ระต้นุ นกั เรยี นเพ่ือใหน้ ักเรียนเกิดความคิดและเขา้ ใจ วรรณกรรม จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นทำแบบเสริมเสริมทักษะ ข้นั ท่ี ๒ เตรยี มคำถาม ครูเตรยี มคำถามดังนี้ เร่อื ง ลกู ปูกับแมป่ ู วนั หนึ่งนำ้ ลง ปูหลงออกมา เพลดิ เพลนิ อุรา แมพ่ าเดินไป แน่แทต้ วั ใหญ่ ลูกปแู ละแม่ หัวใจเบิกบาน ออกหากินไป พนั ผกู มานาน อาจหาญยุบไป แม่เดินหลังลกู สับสนกันใหญ่ ใจทีเ่ บกิ บาน ไมไ่ ดต้ รงท่ี ลกู จา๋ ดูซี เมือ่ เหน็ ลูกตน เดินดีมากนัก เดนิ โซเซไป แม่จ๋าร้จู กั จึงรอ้ งไปวา่ ดูแม่เร็วร่ี ลูกรอ้ งไปวา่

22 สง่ั สอนลูกนกั ไม่พักสักวนั เดินใหล้ ูกดู ไดร้ กู้ ันพลนั เดินนนั้ อย่างไร จะไดร้ ู้กนั ลูกปูวา่ ใช่ แมเ่ ดินใหด้ ู มใิ ชต่ ามสอน รู้ใหด้ ีก่อน แต่มนั เซไป และค่อนเขาเอย. สอนใจเร่อื งนี้ (จากหนังสอื รอ้ ยกรองของเด็ก) แลว้ จงึ คอ่ ยสอน - วรรณกรรม เรื่อง แมป่ กู ับลูกปู มีความหมายว่าอย่างไร - วรรณกรรมกรรมเร่ือง แม่ปกู ับลูกปู เปน็ วรรณกรรมประเภทอะไร - คตสิ อนใจที่ไดจ้ ากวรรณกรรมเรือ่ ง ลกู ปูกับแม่ปู คืออะไร ชั่วโมงท่ี ๑๔ ๑) จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรียนสามารถตอบคำถามเรื่อง ลูกปูกบั แม่ปูได้ (k) ๒. นักเรยี นสามารถแปลความหมายวรรณกรรม เรื่อง ลูกปูกบั แม่ปู ได้ (P) ๓.นกั เรียนใหค้ วามร่วมมอื ในการทำกจิ กรรม (A) ๒) กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี ๓ การใชค้ ำถาม ๑. ให้นักเรียน เล่นกจิ กรรม วรรณกรรมหรรษา ครูอา่ นวรรณกรรมใหเ้ รยี นฟงั ๑ รอบ จาก นักเรียนใหเ้ รียนอา่ นตามพร้อมกนั แลว้ ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามเกี่ยวกบั วรรณกรรมเรือ่ งนี้ปากเกลา่ ๒. เม่อื นกั เรียนตอบถามคำครูแล้ว ครูทบทวนเร่ือง วรรณกรรมใหน้ ักเรยี นฟังอีกครั้ง โดยการใช้ คำถามกระต้นุ นกั เรยี นใหเ้ ขา้ ใจความรู้เดมิ ขั้นที่ ๔ ขัน้ สรุปผลและประเมินผล ครแู ละนกั เรยี นสรุปความรูร้ ่วมกันเกี่ยวกบั วรรณกรรม เร่อื ง ลกู ปูกบั แมป่ ู และนักเรยี นทำแบบ ฝึกเสริมทกั ษะเรื่อง วรรณกรรม ลุกปูกบั แมป่ ู เพื่อทบทวนความรเู้ ดมิ หนว่ ยย่อยท่ี ๗ เรือ่ ง วรรณกรรมเรื่อง ไม้ม้วนหรรษา ชั่วโมงที่ ๑๕-๑๖ ( ใช้รูปแบบการเรยี นร้โู ดยใชค้ ำถาม Questioning Method) ช่ัวโมงท่ี ๑๕ ๑) จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถตอบคำถามทบร้อยกรอง เร่ือง สระไม้ม้วนหรรษาได้ (k)

23 ๒. นักเรยี นสามารถเขียนบทร้อยกรอง เร่ือง สระไม้มว้ นหรรษาได้ (P) ๓.นกั เรียนใหค้ วามร่วมมือในการทำกจิ กรรม (A) ๒) กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ ๑ วางแผนการใชค้ ำถาม ครูวางแผนวา่ จะใชบ้ ทรอ้ ยกรอง เร่อื ง ยีส่ บิ ม้วน มาสอนในชั่วโมงนี้ โดยการตัง้ คำถามนักเรยี น เก่ียวกับเรื่องน้ี และให้นักเรียนเขียนตอบคำถามลงในสมุด และขดั ลายมือใหส้ วยงาม จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นทำ แบบฝกึ ทกั ษะ ขน้ั ที่ ๒ เตรยี มคำถาม ครูเตรียมคำถามท่ีจะให้นักเรียนตอบลงในสมดุ ดังน้ี - วรรณกรรม เร่อื ง ยส่ี บิ มว้ น มคี วามหมายว่าอย่างไร - วรรณกรรมกรรมเรื่อง ย่ีสบิ มว้ นเปน็ วรรณกรรมประเภทอะไร - คตสิ อนใจทไ่ี ดจ้ ากวรรณกรรมเรอื่ ง ยสี่ ิบมว้ น คืออะไร ชัว่ โมงท่ี ๑๖ ๑) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรยี นสามารถตอบคำถามทบร้อยกรอง เรื่อง สระไม้มว้ นหรรษาได้ (k) ๒. นกั เรยี นสามารถเขียนบทรอ้ ยกรอง เรื่อง สระไม้ม้วนหรรษาได้ (P) ๓.นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม (A) ๒) กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นท่ี ๓ การใชค้ ำถาม ๑. ให้นักเรียน เลน่ กจิ กรรม ยี่สบิ ม้วน ครูอ่านวรรณกรรมใหเ้ รียนฟัง ๑ รอบ จากนกั เรียนใหเ้ รียนอา่ น ตามพร้อมกนั แล้วให้นักเรยี นตอบคำถามเกี่ยวกบั วรรณกรรมเรอ่ื งนีป้ ากเกล่า ๒. เม่อื นกั เรียนตอบถามคำครแู ลว้ ครทู บทวนเร่ือง วรรณกรรมใหน้ ักเรียนฟังอีกครั้ง โดยการใช้ คำถามกระตนุ้ นกั เรยี นใหเ้ ขา้ ใจความรเู้ ดิม ขั้นที่ ๔ ขัน้ สรปุ ผลและประเมินผล ครูและนกั เรยี นสรุปความรู้ร่วมกนั เก่ียวกบั วรรณกรรม เรอื่ ง ย่สี ิบมว้ น และนักเรยี นทำแบบฝึกเสริม ทักษะเรอื่ ง ย่ีสบิ มว้ น ๘. สือ่ การสอน ชว่ั โมงที่ ๑-๒ ๑.แบบฝกึ หดั เรื่องพยญั ชนะ สระ ๒. power point ๓. vander go ๔.แบบฝึกเสรมิ ทักษะ เรื่อง พยัญชนะ

24 ชั่วโมงท่ี ๓ - ๔ ๑. บัตรคำ พยัญชนะ ก-ฮ ๒. power point ชั่วโมงท่ี ๕ – ๗ ๓.แบบฝึกเสริมทกั ษะ เร่ือง อักษรสามหมู่ ชวั่ โมงที่ ๘-๙ ๑.บตั รคำรปู สระ ๒.แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง สระไทย ช่ัวโมงที่ ๑๐-๑๒๙ ๑.บตั รคำ ช่วั โมงที่ ๑๓-๑๔ ๒. ประโยค วรรณยกุ ต์ท่ีหายไป ชั่วโมงท่ี ๑๕-๑๖ ๓. แบบฝกึ ทักษะ เรื่อง วรรณยกุ ต์ ๑.บตั รคำ ๒. แบบฝึกเสรมิ ทักษะ เร่ือง สนกุ กับคำ ๑. วรรณกรรม เรื่อง ลูกปูกบั แม่ปู ๒. แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะ เร่ือง วรรณกรรม ลกู ปูกับแมป่ ู ๑.บทรอ้ ยกรองย่สี ิบม้วน ๒. แบบฝึกทกั ษะ เรื่อง ยี่สิบม้วน ๙. แหล่งเรียนรใู้ นหรือนอกสถานที่ - ๑๐. การวัดและประเมนิ ผล ตัวชี้วดั จากจดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารให้ เกณฑก์ ารประเมิน การเรยี นรู้ คะแนน ๑.นกั เรียนสามารถบอก ตรวจแบบฝกึ แบบฝึกทักษะ เร่ือง 4 คะแนน ตอบ ประเมนิ โดย พยญั ชนะ และสระ ถูกต้องท้งั หมด นกั เรยี นสามารถ พยัญชนะ สระ ทกั ษะ เรือ่ ง 3 คะแนน ตอบถูก ตอบคำถามไดร้ ้อย บางข้อ ละ80 ถือว่าผา่ น ข้อความ และบทร้อย พยัญชนะ และ 2 คะแนน ตอบไม่ ถูกเลย กรองง่ายๆ ได้ถูกต้อง สระ (k)

25 ๒.นกั เรียนสามารถอ่าน ตรวจแบบฝึก แบบฝกึ ทักษะ เร่ือง 4 คะแนน ตอบ ประเมินโดย พยญั ชนะ และสระ ถูกต้องทงั้ หมด นกั เรยี นสามารถ คำคลอ้ งจอง ข้อความ ทกั ษะ เร่ือง 3 คะแนน ตอบถูก ตอบคำถามไดร้ ้อย บางขอ้ ละ80 ถือวา่ ผ่าน และบทร้อยกรองงา่ ยๆ พยัญชนะ และ 2 คะแนน ตอบไม่ ถูกเลย ประเมนิ โดย ไดถ้ ูกต้อง (P) สระ 4 คะแนน ตอบ นักเรียนสามารถ ถกู ต้องทั้งหมด ตอบคำถามไดร้ อ้ ย ๓.นกั เรียนสามารถจดั ตรวจแบบฝึก แบบฝกึ ทกั ษะ เร่ือง 3 คะแนน ตอบถูก ละ80 ถือว่าผา่ น หมวดอกั ษรสามหมู่ได้ ทกั ษะ เรื่อง อกั ษรสามหมู่ บางข้อ (K) อักษรสามหมู่ 2 คะแนน ตอบไม่ ประเมินโดย ถกู เลย นกั เรยี นสามารถ ๔. นักเรยี นสามารถ ตรวจแบบฝกึ แบบฝึกทกั ษะ เรื่อง 4 คะแนน ตอบ ตอบคำถามไดร้ อ้ ย เขียนอักษรสามหมู่ได้ ทักษะ เรื่อง อกั ษรสามหมู่ ถกู ต้องทัง้ หมด ละ80 ถือว่าผา่ น (P) อักษรสามหมู่ 3 คะแนน ตอบถูก บางข้อ ประเมนิ โดย ๕.นักเรียนสามารถตอบ ตรวจแบบฝึก แบบฝกึ ทกั ษะ เรื่อง 2 คะแนน ตอบไม่ นักเรยี นสามารถ คำถามรูป และเสียง ทกั ษะ เร่ือง สระ สระไทย ถกู เลย ตอบคำถามได้ร้อย ของสระในภาษาไทยได้ ไทย 4 คะแนน ตอบ ละ80 ถือว่าผ่าน (k) ถกู ต้องทง้ั หมด 3 คะแนน ตอบถูก ประเมนิ โดย ๖.นกั เรียนสามารถอา่ น ตรวจแบบฝึก แบบฝึกทกั ษะ เร่ือง บางขอ้ นกั เรียนสามารถ 2 คะแนน ตอบไม่ ตอบคำถามได้ร้อย รปู และเสียงของสระใน ทักษะ เรอ่ื ง สระ สระไทย ถูกเลย ละ80 ถือว่าผ่าน 4 คะแนน ตอบ ภาษาไทยได้ (P) ไทย ถูกต้องท้งั หมด 3 คะแนน ตอบถูก บางขอ้ 2 คะแนน ตอบไม่ ถูกเลย

26 ๗.นกั เรยี นสามารถตอบ ตรวจแบบฝึก แบบฝกึ ทักษะ เรื่อง 4 คะแนน ตอบ ประเมนิ โดย วรรณยุกต์ ถูกต้องท้ังหมด นักเรยี นสามารถ คำถามวรรณยุกต์ใน ทักษะ เรือ่ ง 3 คะแนน ตอบถูก ตอบคำถามได้ร้อย แบบฝึกทกั ษะ เร่ือง บางข้อ ละ80 ถือวา่ ผ่าน ภาษาไทยได้ (k) วรรณยกุ ต์ วรรณยุกต์ 2 คะแนน ตอบไม่ ถกู เลย ประเมินโดย ๘.นักเรยี นสามารถ ตรวจแบบฝกึ 4 คะแนน ตอบ นักเรียนสามารถ อา่ นออกเสยี ง ทักษะ เรือ่ ง ถูกต้องทั้งหมด ตอบคำถามได้รอ้ ย วรรณยุกตใ์ นภาษาไทย วรรณยุกต์ 3 คะแนน ตอบถูก ละ80 ถือวา่ ผา่ น ได้ (P) บางขอ้ 2 คะแนน ตอบไม่ ถกู เลย ๙.นักเรยี นสามารถตอบ ตรวจแบบฝึก แบบฝกึ ทกั ษะ เรื่อง 4 คะแนน ตอบ ประเมนิ โดย บอกคำในภาษาไทยได้ ทกั ษะ เรือ่ ง คำใน คำในภาษาไทย ถกู ต้องท้ังหมด นักเรยี นสามารถ (k) ภาษาไทย 3 คะแนน ตอบถูก ตอบคำถามได้ร้อย บางข้อ ละ80 ถือวา่ ผา่ น 2 คะแนน ตอบไม่ ถูกเลย

27 ๑๐.นักเรยี นสามารถ ตรวจแบบฝกึ แบบฝกึ ทกั ษะ เรื่อง 4 คะแนน ตอบ ประเมินโดย อา่ นออกเสียงคำใน ทักษะ คำใน คำในภาษาไทย ถกู ต้องท้งั หมด นกั เรียนสามารถ ภาษาไทยได้ (P) ภาษาไทย 3 คะแนน ตอบถูก ตอบคำถามไดร้ ้อย บางขอ้ ละ80 ถือวา่ ผ่าน 2 คะแนน ตอบไม่ ถกู เลย ๑๑.นักเรยี นสามารถ ตรวจแบบฝึก แบบฝึกทกั ษะ เรื่อง 4 คะแนน ตอบ ประเมนิ โดย ตอบคำถามเร่ือง ลกู ปู ทักษะ เรื่อง วรรณกรรม เร่อื ง ลูก ถูกต้องทั้งหมด นกั เรียนสามารถ กับแม่ปูได้ (k) วรรณกรรม เร่ือง ปกู ับแมป่ ู 3 คะแนน ตอบถูก ตอบคำถามได้รอ้ ย ลกู ปูกับแม่ปู บางข้อ ละ80 ถือว่าผา่ น ๑๒.นกั เรียนสามารถ 2 คะแนน ตอบไม่ แปลความหมาย ตรวจแบบฝกึ แบบฝกึ ทกั ษะ เร่ือง ถูกเลย ประเมินโดย วรรณกรรม เรอ่ื ง ลกู ปู ทักษะ เร่ือง วรรณกรรม เรอ่ื ง ลูก 4 คะแนน ตอบ นกั เรียนสามารถ กับแมป่ ู ได้ (P) วรรณกรรม เร่ือง ปกู บั แมป่ ู ถูกต้องทงั้ หมด ตอบคำถามได้ร้อย ลูกปู กบั แม่ปู 3 คะแนน ตอบถูก ละ80 ถือวา่ ผา่ น บางข้อ 2 คะแนน ตอบไม่ ถูกเลย

28 ๑๓.นกั เรียนสามารถ ตรวจแบบฝึก แบบฝกึ ทกั ษะ เรื่อง 4 คะแนน ตอบ ประเมนิ โดย ตอบคำถามทบร้อย ทักษะ เรอื่ ง บท บทร้อยกรอง สระไม้ ถูกต้องทั้งหมด นักเรียนสามารถ กรอง เรื่อง สระไมม้ ้วน รอ้ ยกรอง สระไม้ มว้ น 3 คะแนน ตอบถูก ตอบคำถามได้ร้อย หรรษาได้ (k) บางขอ้ ละ80 ถือว่าผ่าน มว้ น 2 คะแนน ตอบไม่ ถกู เลย ๑๔.นกั เรยี นสามารถ ตรวจแบบฝึก แบบฝึกทกั ษะ เรื่อง 4 คะแนน ตอบ ประเมนิ โดย ถกู ต้องทัง้ หมด นักเรยี นสามารถ เขยี นบทรอ้ ยกรอง เรอ่ื ง ทักษะ เร่ือง สระ บทร้อยกรอง สระไม้ 3 คะแนน ตอบถูก ตอบคำถามไดร้ อ้ ย บางขอ้ ละ80 ถือวา่ ผา่ น สระไม้ม้วนหรรษาได้ ไม้ม้วน มว้ น 2 คะแนน ตอบไม่ ถูกเลย นักเรียนเหน็ คณุ ค่าถึง สังเกตการมสี ่วน แบบสังเกตพฤติกรรม 4 คะแนน ตอบ ประเมินโดย การออกเสยี งพยัญชนะ รว่ มของนักเรยี น ถกู ต้องทั้งหมด นกั เรยี นสามารถ สระ และบทร้อยกรอง 3 คะแนน ตอบถูก ตอบคำถามไดร้ ้อย ง่ายๆได้ (A) บางข้อ ละ80 ถือวา่ ผา่ น 2 คะแนน ตอบไม่ ถกู เลย ลงชอ่ื เพ็ญพิสุทธ์ิ หมึกกลม (นางสาวเพ็ญพสิ ุทธิ์ หมกึ กลม) 8 / ธันวาคม / 2564

29 การประเมิน วิธกี ารวัด เครือ่ งมอื ที่ใช้ เกณฑก์ ารประเมิน สมรรถนะ ๑.ความสามารถในการคดิ - แบบประเมนิ แบบประเมนิ ความการ 5 = มคี วามสามารถในการ อา่ นและคิดวเิ คราะห์ คดิ ที่ดมี าก รายบคุ คล 4 = มคี วามสามารถในการ แบบประเมินการ คิดท่ดี ี ๒.ความสามารถในการ - แบบประเมนิ แก้ปญั หา 3 = มคี วามสามารถในการ คิดปานกลาง แกป้ ัญหา รายบคุ คล 2 =มีความสามารถในการ คิดทน่ี ้อย 1 =มคี วามสามารถในการ คิดทน่ี ้อยทสี่ ุด 5 = มคี วามสามารถในการ แกป้ ญั หาที่ดมี าก 4 = มคี วามสามารถในการ แกป้ ัญหาที่ดี 3 = มคี วามสามารถในการ แกป้ ัญหาปานกลาง 2 =มคี วามสามารถในการ แกป้ ัญหาท่ีน้อย 1 =มคี วามสามารถในการ แกป้ ญั หาท่ีน้อยที่สุด

๓.ความสามารถในการ - แบบประเมนิ แบบประเมนิ 30 สอ่ื สาร รายบคุ คล ความสามารถในการ ส่ือสาร 5 = มีความสามารถในการ ส่ือสารทด่ี ีมาก 4 = มคี วามสามารถในการ สือ่ สารทด่ี ี 3 = มีความสามารถในการ สอื่ สารปานกลาง 2 =มีความสามารถในการ สอื่ สารท่ีน้อย 1 =มีความสามารถในการ แก้ปัญหาที่น้อยทส่ี ุด แบบบนั ทึกการสงั เกตและประเมินผลพฤติกรรมรายบคุ คล ครงั้ ที่ ………… เรื่อง ................................................................ รหสั วิชา .......................... ภาคเรยี นที่…....ปกี ารศึกษา………… ช้ัน................ โรงเรยี น .................................. พฤติกรรม / ระดับคะแนน ความ การมสี ว่ น การตอบ การ ทำงาน ลำดบั ชือ่ – สกลุ สนใจใน รว่ มใน คำถาม ยอมรบั ตามที่ รวม ท่ี การทำ การแสดง ฟังความ ไดร้ ับ กิจกรรม ความ คดิ เห็น มอบหมาย คดิ เหน็ ผ้อู ่นื 321321321321321

31 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนเตม็ 15 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดับ ดี คะแนน 13 - 15 หมายถงึ ดี คะแนน 9 - 12 หมายถงึ ระดบั 2 หมายถงึ มพี ฤติกรรมในระดับ ปานกลาง ปานกลาง คะแนน 5 - 8 หมายถึง ระดับ 1 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปรับปรงุ ลงชือ่ ................................................ ปรับปรุงเกณฑก์ ารผา่ น ร้อยละ 60 ( 9 คะแนน ) () ครูผูส้ อน / ผปู้ ระเมนิ สมรรถนะท่ีประเมิน ระดับคะแนน 3210 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1.1 มคี วามสามารถในการรับ – สง่ สาร 1.2 มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ

32 ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม 1.3 ใช้วธิ ีการสือ่ สารทเี่ หมาะสม 1.4 วิเคราะห์แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตุผล 1.5 เขียนบนั ทกึ เหตุการณป์ ระจำวนั แล้วเล่าใหเ้ พ่ือนฟงั ได้ สรุปผลการประเมนิ 2. ความสามารถในการคดิ 2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ 2.2 มีทกั ษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์ 2.3 สามารถคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 2.4 มคี วามสามารถในการคิดอยา่ งมีระบบ 2.5 ตดั สินใจแก้ปัญหาเกย่ี วกับตนเองได้ สรุปผลการประเมนิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3.1 สามารถแกป้ ัญหาและอุปสรรคตา่ ง ๆ ทเ่ี ผชญิ ได้ 3.2 ใชเ้ หตุผลในการแกป้ ญั หา 3.3 เข้าใจความสัมพันธ์และการเปล่ยี นแปลงในสงั คม 3.4 แสวงหาความรู้ ประยกุ ตค์ วามรู้มาใชใ้ น การปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหา 3.5 สามารถตัดสนิ ใจได้เหมาะสมตามวัย สรปุ ผลการประเมิน 3 คะแนน หมายถึง ดีมาก 2 คะแนน หมายถึง ดี 1 คะแนน หมายถึง พอใช้

33 0 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรุง แบบประเมินการส่งงาน เกณฑ์การใหค้ ะแนน สง่ ตรงเวลาให้ 2 คะแนน ส่งเหรดให้ 1 คะแนน ไมส่ ง่ งานให้ 0 คะแนน เลขที่ ชื่อ- นามสกลุ คะแนน สรปุ 2 1 0 รวม ผ่าน ไม่ผ่าน บันทึกหลังสอน 1.ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของหวั หน้าสถานศกึ ษาหรอื ผ้ทู ไ่ี ด้รบั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………...................................... …………………………………………………………………………………………………………………………...................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2.ปญั หาอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................

34 ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ 3. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................................... ......... ......................................................................................................................... ..................................................... ลงชอื่ ....................................................... (นางสาวเพ็ญพสิ ทุ ธ์ิ หมกึ กลม) ๑๒ ความคิดเหน็ / ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระหรือผทู้ ่ไี ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ............................................... .. ลงชอ่ื ....................................................... (.............................................................) หวั หน้ากลุ่มสาระ.................................. ขอ้ เสนอแนะคณะผู้บริหาร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ....................................................... (.............................................................) รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ

35 ข้อเสนอแนะผบู้ ริหาร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ....................................................... (.............................................................) ผอู้ ำนวยการโรงเรียน ใบงาน/ แบบฝึกหัดตา่ งๆ หนว่ ยการเรยี นรู้ท๑ี่ ช่ัวโมงท่ี ๑-๒ ช่ือ......................................................... นามสกุล..........................................ชนั้ ...............เลขที.่ .............. พยญั ชนะ ๔๔ ตวั ข จ ก ง จฉช ญ ด ณด ธน

บปผ 36 พ ฟ มยร ลว ห ฬ ยฮ ใบงาน/ แบบฝึกหัดต่างๆ หน่วยการเรยี นรทู้ ๑่ี ช่ัวโมงท่ี ๓-๔ เรอื่ ง อักษรสามหมู่ คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นระบายสแี ดงในอักษรสงู สีเขยี วอักษรกลาง และสีฟ้าอักษรต่ำ และนำพยญั ชนะ ด้านบนมาใส่ในชอ่ งด้านลา่ งให้ถูกต้อง กขฃคฅฆงจฉชซ ฌญฎ ฏ ฐฒฒณด ต ถ ทธนบปผฝพฟภม ย ร ล ว ศษสหฬอ ฮ อกั ษรสงู อกั ษรกลาง

37 ใบงาน/ แบบฝึกหัดตา่ งๆ หนว่ ยการเรียนรทู้ ๑ี่ ช่ัวโมงท่ี ๕-๗ ใบงาน เรือ่ ง สระ ชอ่ื – นามสกลุ .......................................................................... ชั้น ป.2 / ............ เลขท่ี ............ คำสงั่ เขียนสระลงในช่องว่างดา้ นขวา แล้วเขียนคำที่มสี ระเดียวกนั ด้าน ซา้ ยมือ ลงในกรอบ 1. ..................................................... ..................................................... 2. ..................................................... ..................................................... 3. ..................................................... .....................................................

38 ใบงาน/ แบบฝึกหัดต่างๆ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่๑ี ช่ัวโมงที่ ๘-๙

39 ใบงาน/ แบบฝึกหัดตา่ งๆ หน่วยการเรยี นรทู้ ๑่ี ช่ัวโมงท่ี ๑๐-๑๒ ใบงานท่ี 3 การเขียนคา และวาดภาพประกอบ ชื่อ – นามสกุล .......................................................................... ชั้น ป.2 / ............ เลขที่ ............ คาส่ัง เขียนคำลงในช่องวา่ งด้านซ้าย แล้ววาดภาพประกอบคำ 1. ลงในกรอบ ..................................................... ..................................................... 2. ..................................................... ..................................................... 3. ..................................................... ..................................................... 4. ..................................................... ..................................................... การ5ป.ระเมินผลงาน : ระบายสใี นสญั ลกั ษณร์ ูปใบหนา้ ตามความเป็นจรงิ ตนเ.อ...ง........☺......................................... ผปู้ กครอง ☺   ..............ด..ี............พ...อ..ใ..ช...้ ......ค..ว..ร..ป...รบั ปรุง ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง เพื่อน ☺   คณุ ครู ☺  

40 ใบงาน/ แบบฝกึ หดั ต่างๆ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี๑ ชั่วโมงท่ี ๑๓-๑๔ ช่ือ – นามสกุล .......................................................................... ชั้น ป.2 / ............ เลขที่ ............ เรือ่ ง ลกู ปกู บั แม่ปู วนั หนึง่ นำ้ ลง ปหู ลงออกมา เพลดิ เพลินอรุ า แม่พาเดนิ ไป ลกู ปแู ละแม่ แนแ่ ทต้ ัวใหญ่ ออกหากินไป หวั ใจเบกิ บาน แม่เดนิ หลังลกู พันผูกมานาน ใจทเ่ี บกิ บาน อาจหาญยบุ ไป เมอ่ื เห็นลกู ตน สบั สนกันใหญ่ ไม่ไดต้ รงที่ เดินโซเซไป จึงรอ้ งไปว่า ลูกจา๋ ดูซี ดูแมเ่ รว็ ร่ี เดินดีมากนัก ลูกร้องไปวา่ แมจ่ ๋ารูจ้ กั สั่งสอนลูกนกั ไมพ่ ักสักวัน เดนิ ใหล้ กู ดู ได้รูก้ ันพลัน จะไดร้ ู้กัน เดนิ นน้ั อย่างไร แมเ่ ดนิ ใหด้ ู ลกู ปวู ่าใช่ แตม่ นั เซไป มิใชต่ ามสอน สอนใจเร่ืองนี้ รูใ้ หด้ ีก่อน แลว้ จึงค่อยสอน และคอ่ นเขาเอย. (จากหนงั สือรอ้ ยกรองของเดก็ )

41 1. คำว่า “อุรา” หมายถึง 2. คำว่า “อาจหาญ” หมายถึง 3. คำว่า “โซเซ” หมายถงึ 4. คำว่า “คอ่ น” หมายถงึ 5. ขอ้ ความ “สอนใจเรื่องน้ี รใู้ ห้ดีก่อน แลว้ จงึ ค่อยสอน” หมายถึง

42 ใบงาน/ แบบฝกึ หัดต่างๆ หน่วยการเรียนรทู้ ๑่ี ช่ัวโมงที่ ๑๕-๑๖ ชื่อ – นามสกุล .......................................................................... ช้ัน ป.2 / ............ เลขท่ี ............ คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด ย่สี ิบมว้ น ผใู้ หญห่ าผา้ ใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ ใฝใ่ จเอาใสห่ ่อ มหิ ลงใหลใครขอดู จะใคร่ลงเรือใบ ดูน้ำใสและปลาปู สงิ่ ใดอยู่ในตู้ มใิ ชอ่ ย่ใู ต้ต่ังเตยี ง บ้าใบ้ถือใยบัว หตู ามัวมาใกล้เคยี ง เล่าทอ่ งอย่าละเล่ียง ยสี่ บิ มว้ นจำจงดี

43 แผนการจัดการเรยี นรู้รายหนว่ ย หนว่ ยท่ี ๒ ตวั สะกดน่าจดจำ แผนการจดั การเรียนรูร้ ายหน่วย

44 แผนการจดั การเรียนร้ทู ี๒่ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย วิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๒๑๐๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรยี นที่๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๒ ชื่อหน่วย ตัวสะกดน่าจดจำ เวลา ๒๐ ชัว่ โมง ................................................................................................................................................................ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระที่ สาระท่ี ๑ การอ่าน สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพดู สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษา มาตรฐาน มาตรฐานท่ี ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคดิ เพ่อื นนำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนนิ ชวี ิต และ มีนิสยั รกั การอ่าน มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลงั ของ ภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ตวั ชว้ี ัด ท ๑.๑ ป.๒/๑อา่ นออกเสียงคำคล้องจอง ขอ้ ความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถกู ต้อง ท ๑.๑ ป.๒/๒อธบิ ายความหมายของคำและข้อความท่ีอ่าน ท ๓.๑ ป.๒/๖ พูดส่ือสารไดช้ ดั เจนตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ ท ๓.๑ ป.๒/๗ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด ท ๔.๑ ป.๒/๒ เขียนสะกดคำและบอกความหมาย ของคำ ๒.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถบอกคำคลอ้ งจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ไดถ้ ูกต้อง(K) ๒.นักเรียนสามารถอา่ นคำคลอ้ งจอง ข้อความ และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ ูกต้อง (P) ๓.นักเรยี นเหน็ คุณคา่ ถึงการออกเสียงคำคลอ้ งจองข้อความ และบทร้อยกรองงา่ ยๆได้ (A) ๔.นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของคำและขอ้ ความทอี่ า่ นได้ (K) ๕. นกั เรยี นสามารถอ่านความหมายของคำและข้อความทอี่ า่ นได้(P) ๖. นักเรยี นเหน็ คณุ คา่ ของความหมายของคำและขอ้ ความทีอ่ ่าน (A) ๗.นกั เรยี นสามารถพูดสอ่ื สารได้ชดั เจนตรงตามวตั ถุประสงค์ได้( P ) ๘.นักเรียนตระหนังถงึ การพดู สอื่ สารในชีวติ ประจำวนั (A)

45 ๙.นักเรียนมีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู (A) ๑๐. นักเรียนสามารถบอกความหมายของคำได้(K) ๑๑.นักเรยี นสามารถเขียนสะกดคำและบอกความหมายได้ (P) ๓. สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด ตัวสะกด เปน็ พยัญชนะที่ประสมอยู่ท้ายพยางค์หรือคำ อันเป็นองค์ประกอบหน่งึ ของคำในภาษาไทย การ เรยี นรู้เร่อื ง มาตราตัวสะกด การอ่านสะกดคำ และอ่านเปน็ คำ จะทำใหอ้ ่านและเขยี นคำไดถ้ กู ต้อง ๔.สาระการเรยี นรู้ ความรู้ - มาตราตัวสะกด - การอ่านสะกดคำที่มตี วั สะกด และการอ่านเป็นคำ - วรรณกรรมเรอ่ื ง กบนอ้ ยจอมด้ือ - การพดู ขอร้อง และพูดขอความชว่ ยเหลือ มารยาทในการพูด ทกั ษะ/กระบวนการ -การฟงั ส่ิงท่คี รูและเพื่อนพูด -การพดู ขอร้อง และพดู ขอความชว่ ยเหลอื -การอา่ นออกเสียงสะกดคำ -การเขียนสะกดคำ -การคิดวเิ คราะห์ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ -เหน็ คุณค่าของการใชภ้ าษาไทยในชีวติ ประจำวนั -มคี วามกระตือรอื ร้น สนใจใฝร่ ู้ -มีความรับผิดชอบในงานของตน และมีส่วนรว่ มในการทำกิจกรรม -มนี สิ ัยรักการอ่านและเขียน

46 ๕.สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ √ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี √ ความสามารถในการคิด √ ความสามารถในการแก้ปญั หา ๖. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน สมุด / ใบงานตา่ งๆ ๗.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยย่อยที่ ๑ เรอื่ งตัวสะกด ชวั่ โมงที่ ๑- ๕ ( ใชร้ ูปแบบการเรยี นรโู้ ดยใช้ Game) ช่วั โมงที่ ๑ ๑) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถตอบคำถามเรื่องตัวสะกดได้ ( k) ๒. นกั เรียนสามารถเขยี นตวั สะกดได้ (P) ๓. นกั เรียนใหค้ วามรว่ มอื ในการเรียนรู้ (A) ๒) กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ท่ี ๑ ผสู้ อนนำเสนอเกมช้แี จงวิธีการเลน่ และกตกิ าการเล่นเกม ครใู หน้ ักเรยี นเล่นกจิ กรรม“ตวั สะกด นา่ จดจำ” โดยครูอธิบายวิธกี ารเล่นเกมว่าให้นักเรยี น แบง่ กลมุ่ ออกเป็น 4 กลุม่ แตล่ ะกลมุ่ จะได้บัตรคำทม่ี ตี ัวสะกดมาตราแม่กง กม กก และกน จำนวนมาตราละ 3 คำ บตั รคำของแต่ละกล่มุ จะมสี ีตา่ งกัน ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ สังเกตคำท่ีมีตวั สะกดมาตราแมต่ ่างๆ แล้วชว่ ยกนั นำบัตรคำมาตดิ ท่หี นา้ กระดานใหถ้ ูกต้องตาม มาตราตัวสะกด คำท่ีใช้ในกจิ กรรมเกมตวั สะกด นา่ จดจำ ข้ันท่ี ๒ ผู้เรียนเล่มเกมตามกติกา ใหน้ ักเรยี นแบง่ กล่มุ ออกเปน็ 4 กลมุ่ แตล่ ะกลมุ่ จะไดบ้ ัตรคำที่มตี วั สะกดมาตราแม่กง กม กก และกน จำนวนมาตราละ 3 คำ บัตรคำของแต่ละกลมุ่ จะมีสตี า่ งกนั ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สงั เกตคำที่ มีตัวสะกดมาตราแม่ตา่ งๆ แล้วชว่ ยกันนำบตั รคำมาติดทีห่ นา้ กระดานให้ถูกต้องตามมาตรา ตัวสะกด คำท่ีใชใ้ นกิจกรรมเกมตัวสะกด ข้ันท่ี ๓ ผสู้ อนและผู้เรยี นอภปิ ราย ครูสอบถามนักเรยี นวา่ การนกั เรยี นได้บัตรคำที่แตกต่างกัน และให้นัและถามนกั เรียนเรื่องการ สะกดคำนน้ั มีหลักการใด และเหตุผลใดในการเล่นเกมน้ไี ด้ ครอู ภบิ ายหลักเกณฑ์การสมมุติ

47 ตวั เองเป็นตวั อักษรนน้ั ในการเลม่ เกมทถี่ ูกต้อง ขน้ั ท่ี ๔ ผสู้ อนประเมินผลการเรียนรูข้ องผู้เรียน ครแู ละนักเรียนอภปิ รายร่วมกันวา่ เกมดังกล่าวมปี ระโยชน์อยา่ งไร ชัว่ โมงท่ี ๒ ( ใชร้ ปู แบบการเรยี นรโู้ ดยใช้คำถาม Questioning Method) ๑) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นสามารถตอบคำถามเรื่องตัวสะกดได้ ( k) ๒. นักเรยี นสามารถเขียนตวั สะกดได้ (P) ๓. นกั เรยี นให้ความรว่ มอื ในการเรียนรู้ (A) ๒) กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ท่ี ๑ วางแผนการใชค้ ำถาม ครวู างแผนว่าจะใช้ เร่อื ง นักเรียนออกมาเขยี นตวั อย่างคำทมี่ ตี วั สะกดมาตราต่างๆ มาสอนในชัว่ โมง น้ี โดยการตงั้ คำถามนักเรยี นเกย่ี วกับเรอื่ งนี้ และให้นักเรยี นเขยี นตอบคำถามลงในสมุด จากน้ันให้นกั เรยี นทำ แบบฝึกทักษะ ข้ันที่ ๒ เตรียมคำถาม ครูเตรียมคำถามท่จี ะใหน้ ักเรยี นตอบลงในสมดุ ดังน้ี -ให้นกั เรยี นเติมคำลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง มีด เปด็ แรด รถ อูฐ อฐิ เหด็ พดั ขวด มด ขั้นที่ ๓ การใชค้ ำถาม ๑. ใหน้ กั เรียน เล่นกิจกรรม ตัวสะกดมาตราต่างๆ จากนกั เรยี นใหเ้ รียนอา่ นตามพรอ้ มกัน แล้วให้ นักเรียนตอบคำถามเกีย่ วกบั ตัวสะกดมาตราต่างๆปากเกลา่ ๒. เม่อื นักเรยี นตอบถามคำครูแลว้ ครทู บทวนเรื่อง มาตราตัวสะกดใหน้ กั เรียนฟังอีกครง้ั โดยการใช้ คำถามกระตนุ้ นกั เรียนให้เข้าใจความรู้เดมิ ขั้นที่ ๔ ขน้ั สรุปผลและประเมินผล ครูและนักเรยี นสรุปความรู้ร่วมกันเกย่ี วกบั มาตราตัวสะกดตา่ งๆและนักเรียนทำแบบฝกึ เสริมทักษะ มาตราตัวสะกด ชั่วโมงที่ ๓ ( ใช้รปู แบบการเรยี นรโู้ ดยใช้คำถาม Questioning Method) ๑) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรยี นสามารถตอบคำถามเรื่องตวั สะกดได้ ( k) ๒. นักเรียนสามารถเขยี นตัวสะกดได้ (P)

48 ๓. นกั เรียนใหค้ วามรว่ มือในการเรยี นรู้ (A) ๒) กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั ท่ี ๑ วางแผนการใชค้ ำถาม ครวู างแผนว่าจะสอนนกั เรยี น อ่านออกเสียงสะกดคำ พร้อมทัง้ บอกว่าเป็นคำในมาตราใด จากน้ันครู และนกั เรียนร่วมกนั เฉลยคำตอบ โดยบตั รภาพท่ใี ชป้ ระกอบด้วยภาพค้อน สนุ ัข สม้ ทเุ รียน ชมพู่ แตงโม พริก มีด ปากกา ดนิ สอ แกว้ หมอน ตกุ๊ ตา หมวก กระดาษ หลงั จากนั้นทำแบบฝึกทักษะ ขน้ั ท่ี ๒ เตรยี มคำถาม ครเู ตรียมคำถามท่ีจะใหน้ ักเรียนตอบลงในสมุด ดังนี้ -ครถู ามคำถาม วา่ คำแต่ละคำเขยี นสะกดอย่างไร จากนน้ั ครูให้นักเรยี นอา่ นออกเสียงสะกดคำ และ บอกมาตราตวั สะกดของคำนั้นๆ ขน้ั ที่ ๓ การใชค้ ำถาม ๑. ใหน้ กั เรียน บอกตัวสะกดมาตราต่างๆ จากนักเรียนให้เรยี นอา่ นตามพร้อมกัน แลว้ ให้นักเรยี นตอบ คำถามเกยี่ วกบั ตัวสะกดมาตราตา่ งๆปากเกลา่ ๒. เมอ่ื นกั เรียนตอบถามคำครูแล้ว ครูทบทวนเรื่อง มาตราตวั สะกดใหน้ กั เรยี นฟังอีกคร้งั โดยการใช้ คำถามกระต้นุ นกั เรยี นให้เขา้ ใจความร้เู ดมิ ช่วั โมงท่ี ๔ ๑) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถตอบคำถามเรื่องตัวสะกดได้ ( k) ๒. นักเรยี นสามารถเขยี นตัวสะกดได้ (P) ๓. นกั เรียนให้ความรว่ มือในการเรียนรู้ (A) ๒) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ ๔ ขนั้ สรุปผลและประเมินผล -ครูและนกั เรยี นสรุปความรูร้ ่วมกันเกยี่ วกบั มาตราตวั สะกดต่างๆและครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝกึ ทักษะ ตวั สะกด นา่ จดจำ ทค่ี รูแจก โดยคิดและเขียนคำทีม่ ตี ัวสะกดมาตราแม่กง กม เกย เกอว กก กบ กน และกด มาตราละ 6 คำ - ครใู ห้นกั เรยี นอาสาสมัครออกมาเขยี นคำทีม่ ีตัวสะกดมาตราต่างๆ ตามใบงานของตน แลว้ ครกู ับ นักเรยี นคนอ่ืนๆ ชว่ ยกนั ตรวจคำตอบ ชัว่ โมงท่ี ๕ ๑) จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรียนสามารถตอบคำถามเร่ืองตัวสะกดได้ ( k) ๒. นักเรยี นสามารถเขยี นตัวสะกดได้ (P) ๓. นกั เรยี นให้ความรว่ มอื ในการเรยี นรู้ (A) ๒) กจิ กรรมการเรียนรู้

49 ขน้ั ท่ี ๑ วางแผนการใช้คำถาม ครวู างแผนวา่ จะสอนนักเรียน โดยให้นักเรยี นคดิ และเขยี นคำที่อยู่ในแม่ ก กา ตามหวั ขอ้ ทก่ี ำหนด โดยตอ้ งบอกว่าคำท่เี ขียนคือคำวา่ อะไร อา่ นออกเสียงอยา่ งไร โดยครแู ละเพื่อนคนอ่นื ชว่ ยกันตรวจคำตอบหลัง จากนัน้ ทำแบบฝึกทักษะ ข้นั ที่ ๒ เตรยี มคำถาม ครเู ตรยี มคำถามทีจ่ ะให้นกั เรยี นตอบลงในสมุด ดังนี้ -ครถู ามคำถาม ว่าคำท่ีอยู่ในแม่ ก กา ตามหัวข้อที่กำหนดเขียนคอื คำวา่ อะไร อา่ นออกเสยี งอยา่ งไร ขน้ั ที่ ๓ การใช้คำถาม ๑. ใหน้ ักเรียน บอกตัวสะกดมาตราต่างๆ จากนักเรียนใหเ้ รยี นอ่านตามพร้อมกัน แลว้ ใหน้ ักเรียนตอบ คำถามเกี่ยวกบั ตัวสะกดมาตราตา่ งๆปากเกล่า ๒. เม่อื นกั เรยี นตอบถามคำครแู ล้ว ครทู บทวนเรื่อง มาตราตัวสะกดใหน้ ักเรียนฟังอีกครง้ั โดยการใช้ คำถามกระต้นุ นกั เรียนให้เขา้ ใจความรเู้ ดมิ ขน้ั ท่ี ๔ ข้ันสรุปผลและประเมินผล ครใู ห้นกั เรยี นอาสาสมัครออกมานำเสนอผลงานของตนเองทีห่ นา้ ชัน้ เรียน โดยตอ้ งบอกว่าคำทเ่ี ขยี น คือคำว่าอะไร อ่านออกเสียงอยา่ งไร โดยครูและเพื่อนคนอ่ืนชว่ ยกันตรวจคำตอบ หน่วยย่อยท่ี ๒ เรอื่ ง อา่ นสะกดคำ ชั่วโมงที่ ๑- ๕ ( ใช้รูปแบบ Game) ช่วั โมงท่ี ๑ ๑) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นกั เรียนสามารถบอกวิธีการอา่ นสะกดคำได้ได้ ( k) ๒. นกั เรยี นสามารถอ่านสะกดคำได้ (P) ๓. นักเรียนให้ความรว่ มอื ในการเรยี นรู้ (A) ๒) กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ ๑ ผสู้ อนนำเสนอเกมชี้แจงวธิ ีการเล่นและกตกิ าการเลน่ เกม ๑.ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเปน็ 2 กลุ่ม ทำกิจกรรมเกม “อ่านสะกดคำ” โดยครูอธิบายวธิ กี าร เลน่ เกมว่าให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ คดิ คำท่ีมตี ัวสะกดมาตราต่างๆ แลว้ นำบัตรภาพพยัญชนะและบตั รคำสระ วรรณยกุ ต์ มาประสมกันเป็นคำ ตดิ บนกระดาน ๒.เมื่อนักเรียนประสมคำเรยี บร้อยแลว้ ให้นักเรียนสลบั กันอา่ นสะกดคำของกลมุ่ ตรงข้าม โดยครู และนกั เรียนรว่ มกันตรวจความถูกต้อง แลว้ ครูให้คะแนนการประสมคำ และการอ่านสะกดคำของ แต่ละกล่มุ ๓.ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ ว่า การอา่ นสะกดคำท่ีมีตวั สะกด จะใช้วิธกี ารอา่ นเชน่ เดยี วกบั การอา่ นสะกดคำทไี่ มม่ ีตวั สะกด เพียงแต่เพิ่มการอา่ นตวั สะกดเขา้ มาเทา่ น้นั

50 ขั้นที่ ๒ ผู้เรยี นเล่มเกมตามกติกา - ครใู หน้ กั เรยี นแบ่งกล่มุ ออกเป็น 2 กลมุ่ ทำกจิ กรรมเกม “อ่านสะกดคำ” โดยครอู ธบิ ายวิธกี าร เลน่ เกมวา่ ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มคดิ คำทีม่ ีตัวสะกดมาตราต่างๆ แล้วนำบตั รภาพพยัญชนะและบัตรคำสระ วรรณยุกต์ มาประสมกนั เป็นคำ ตดิ บนกระดาน -เมือ่ นักเรียนประสมคำเรียบร้อยแลว้ ให้นักเรียนสลับกันอา่ นสะกดคำของกลุ่มตรงข้าม โดยครู และนกั เรียนร่วมกนั ตรวจความถกู ต้อง แล้วครูให้คะแนนการประสมคำ และการอ่านสะกดคำของ แตล่ ะกล่มุ ข้ันที่ ๓ ผสู้ อนและผเู้ รยี นอภปิ ราย ครูสอบถามนกั เรยี นว่าการนักเรียนไดบ้ ตั รคำที่แตกต่างกนั และถามนักเรยี นเร่อื งการ อา่ นสะกดคำ มีหลกั การใด และเหตุผลใดในการเล่นเกมนไี้ ด้ ครูอภิบายหลักเกณฑก์ ารสมมตุ ิ ตวั เองเป็นตัวอักษรนัน้ ในการเลม่ เกมที่ถูกต้อง ข้ันที่ ๔ ผสู้ อนประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ครูและนกั เรยี นอภิปรายรว่ มกนั วา่ เกมดังกลา่ วมีประโยชน์อยา่ งไร ช่ัวโมงท่ี ๒ ( ใชร้ ูปแบบการเรยี นรูโ้ ดยใช้คำถาม Questioning Method) ๑) จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถบอกวธิ ีการอา่ นสะกดคำได้ได้ ( k) ๒. นักเรยี นสามารถอา่ นสะกดคำได้ (P) ๓. นกั เรียนใหค้ วามร่วมือในการเรียนรู้ (A) ๒) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั ที่ ๑ วางแผนการใชค้ ำถาม ครูวางแผนวา่ จะสอนนักเรยี น การอ่านสะกดคำที่มีตวั สะกด และการอ่านเป็นคำ โดยครูอธิบายว่า การอ่านสะกดคำที่มีตัวสะกด จะเรม่ิ จากการอ่านพยัญชนะตน้ สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกด จากน้นั จงึ อ่านคำ ที่สะกดได้ สว่ นการอ่านเปน็ คำจะตอ้ งมีทักษะในการสะกดคำได้คลอ่ งแคลว่ จงึ จะสามารถอ่านเป็นคำได้อย่าง ถูกต้อง ขนั้ ท่ี ๒ เตรยี มคำถาม ครเู ตรียมคำถามทจี่ ะใหน้ กั เรียนตอบลงในสมุด ดังนี้ ครถู ามคำถาม การอา่ นสะกดคำท่ีมีตวั สะกด จะเริ่มจากการอ่านพยญั ชนะต้น สระ วรรณยกุ ต์ และ ตัวสะกด จากนน้ั จึงอา่ นคำท่ีสะกดไดอ้ ย่างไร ขน้ั ท่ี ๓ การใชค้ ำถาม ๑. ให้นกั เรยี น บอกคำทีม่ ตี วั สะกด จากนกั เรยี นให้เรียนอา่ นตามพร้อมกนั แลว้ ให้นกั เรยี นตอบคำถาม เก่ียวกบั ตัวสะกดมาตราต่างๆปากเกล่า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook