- 98 - หนว่ ยท่ี 2 ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ
- 99 - แผนจัดการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 ชื่อหนว่ ย ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต ช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง การทาการบ้าน เวลา 1 ชว่ั โมง 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1มคี วามร้คู วามเขา้ ใจ เกี่ยวกบั ความละอายต่อการทจุ ริต 1.2ปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้ไมท่ นและละอายต่อการทจุ ริตทุกรปู แบบ 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1นักเรยี นสามารถปฏิบัตติ นในการทาการบ้านส่งครูตามเวลาทีก่ าหนดและไมค่ วรลอกเพื่อน 2.2 นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผไู้ มท่ นและละอายต่อการทจุ ริตทุกรปู แบบ 3.สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ การทาการบ้านถือว่าเป็นการฝกึ ฝนและทบทวนบทเรยี นทีเ่ รียนมา และการแลกเปลยี่ น เรียนรู้ เพือ่ ชว่ ยป้องกันและแกไ้ ขการลอกการบ้านกัน แต่ถ้าหากลอกการบา้ นถอื ว่าเปน็ การกระทาที่ ทุจรติ ท่กี ่อใหเ้ กดิ ผลเสยี ต่อตนเองและผู้อน่ื ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ ๑) ทกั ษะกระบวนการคดิ ๒) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ ๓) ความสามารถในการแก้ปัญหา ๓.๓ คณุ ลกั ษณะพงึ ประสงค์ / ค่านิยม ๑) มงุ่ มั่นในการทางาน 4.กจิ กรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรยี นรู้ ช่วั โมงที่ ๑ ๑. นกั เรยี นดภู าพยนตรส์ น้ั เรอ่ื งความลับ ซงึ่ มีเน้อื หาเก่ยี วกับการลอกขอ้ สอบ ๒. นักเรียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับภาพยนตร์ส้ันเรื่องความลับว่า การกระทาของคนในเร่ือง ถูกต้องหรือไมเ่ พราะอะไร ถา้ เป็นนกั เรียนจะกระทาเหมอื นคนในเรอื่ งหรือไม่ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 3 – 5 คน แล้วร่วมกันเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาเก่ียวกับการส่งการบ้าน ช้าและไม่ลอกการบ้านของเพ่อื น ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานของตนเอง แล้วร่วมกันสรุปแนวทางในการแก้ปัญหาเก่ียวกับ การสง่ การบา้ นช้าและไม่ลอกการบา้ นของเพื่อน ๕. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุป ”การลอกการบ้านเป็นจุดเริ่มต้นของการทุจริตซ้ึงเป็นการกระทาท่ีไม่ ถกู ตอ้ ง” แมว้ ่าเปน็ ความผิดเล็กน้อยนกั เรียนก็ควรมคี วามละอายในการลอกการบา้ นของผู้อน่ื
- 100 - ๔.๒ สือ่ การเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑.) ภาพยนตรส์ น้ั เรื่อง ความลบั 5. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมนิ 1.) ตรวจผลงานนกั เรยี น ๒.) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการทากจิ กรรมกลุ่ม ๕.๒ เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ในการประเมนิ 1.) แบบบนั ทึกการตรวจผลงานนักเรยี น 2.) แบบสังเกตการณ์พฤติกรรมของนักเรียนในการทากิจกรรมกลุม่ ๕.๓ เกณฑก์ ารตดั สนิ 1. เกณฑก์ ารประเมินพฤติกรรมของนักเรียนในการทากจิ กรรมกลุม่ 16 – 20 คะแนน = 4 หมายถึง (ดีมาก) 11 – 15 คะแนน = 3 หมายถงึ (ด)ี 6 – 10 คะแนน = 2 หมายถึง (พอใช)้ 0–5 คะแนน = 1 หมายถงึ (ควรปรบั ปรุง) 6. บันทึกหลงั สอน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ......................................................................................................................................................... ....... ลงชือ่ .........................................................ครผู สู้ อน (.............................................................) 7. ภาคผนวก - ภาพยนตร์ส้ันเรือ่ ง ความลับ - แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการทากจิ กรรมกลุ่ม
- 101 - แบบสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนในการทากจิ กรรมกลุม่ เร่ือง.................................................................. ข้อ รายการประเมนิ ระดบั คะแนนแตล่ ะกล่มุ 1 ตอบคาถาม กลุม่ กลุม่ กลมุ่ กลุม่ กลุ่ม กลุ่ม กล่มุ กลมุ่ กลมุ่ 2 กลา้ ออกมาสรุป 1 2 3 4 567 8 9 3 ทากิจกรรมร่วมกนั 4 ความสนใจเรียน 5 อภิปรายเรื่องไดถ้ ูกต้องตรงประเดน็ รวม ประเดน็ 1. เกณฑ์การประเมนิ หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมไดถ้ ูกตอ้ งคล่องแคลว่ ระดบั 4 หมายถงึ นักเรยี นแสดงพฤตกิ รรมได้ถูกตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ระดับ 3 หมายถงึ นกั เรยี นแสดงพฤติกรรมได้ หมายถงึ นักเรียนแสดงพฤตกิ รรมไดเ้ ล็กน้อย ระดบั 2 ระดบั 1
- 102 - แบบประเมนิ ผลงานนักเรยี น ชือ่ – นามสกลุ …………………………………………………………………………………………..ชน้ั …………………………. หน่วยการเรียนรู้………กิจกรรม…………………………………………………………………………………………………….. คาชแี้ จ้ง ใหผ้ ู้ประเมินใส่เครื่องหมาย ลงในช่องทีต่ รงกับระดบั คะแนน ประเดน็ ทป่ี ระเมนิ ผปู้ ระเมิน ตนเอง เพื่อน ครู 12341234123 4 1.ตรงจุดประสงค์ท่ีกาหนด 2. มีความถูกต้อง 3. มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ 4. มคี วามเป็นระเบยี บ รวม รวมทุกรายการ เฉลีย่ ลงชื่อผู้ประเมนิ ……………………………………………… (ตนเอง) ลงชอ่ื ผ้ปู ระเมิน……………………………………(เพื่อน) ลงช่อื ผ้ปู ระเมิน…………………………………………………… (ครู)
- 103 - 2. เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน ประเด็นท่ีประเมนิ คะแนน 4 3 21 1. ผลงานตรงกับจดุ ประสงค์ท่ี ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่ กาหนด จุดประสงค์ทุก จุดประสงคเ์ ปน็ จุดประสงค์บาง สอดคล้องกับ ประเด็น สว่ นใหญ่ ประเดน็ จดุ ประสงค์ 2. ผลงานที่มคี วามถูกต้องสมบรณู ์ เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้องเป็น ผลงานถูกต้อง ผลงานไมถ่ ูกต้อง ครบถ้วน สว่ นใหญ่ เปน็ บางประเดน็ เปน็ สว่ นใหญ่ 3. ผลงานมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคดิ ผลงานมคี วาม ผลงานไมแ่ สดง 4. ผลงานมีความเปน็ ระเบยี บ ถงึ ความคิด แปลกใหมแ่ ต่ยังไม่ นา่ สนใจ แตย่ ังไม่ แนวคดิ ใหม่ สรา้ งสรรค์แปลก เปน็ ระบบ มี ใหม่และเปน็ ผลงานส่วนใหญ่ ระบบ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานสว่ นใหญ่มี ไม่เปน็ ระเบยี บ ความเป็นระเบียบ ความเป็นระเบียบ และมีข้อบกพร่อง ผลงานมีความ แตย่ ังมีข้อบกพร่อง แต่มีข้อบกพรอ่ ง เป็นระเบียบ บางสว่ น แสดงออกถึง ความประณตี เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ นักเรียนได้คะแนน 13 คะแนนขึ้นไปร้อยละ 80 ถือวา่ ผ่าน
- 104 - แบบสังเกตพฤตกิ รรม “มวี ินัย” คาชี้แจง ทาเครื่องหมาย ในชอ่ งทตี่ รงกบั ความเป็นจรงิ ตามเกณฑ์การประเมิน ตรงตอ่ เวลาในการ ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง ปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ผลการประเมิน กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ในชวี ติ ประจาวนั และ รวม ข้อบังคบั ของโรงเรยี น รบั ผิดชอบในการ คะแนน เลขที่ ชอ่ื - สกลุ และสงั คมไม่ละเมิดสิทธิ ทางาน ของผู้อืน่ ผา่ น ไมผ่ า่ น ๓ ๒ ๑ ๐๓๒๑ ๐ เกณฑ์การประเมิน ระดบั 3 หมายถึง ปฏบิ ัติไดด้ ีเปน็ ประจา ระดบั 2 หมายถึง ปฏบิ ัติไดด้ ีบางครั้ง ระดบั 1 หมายถงึ ปฏิบัติไดบ้ ้าง ระดบั 0 หมายถงึ ไม่ปฏิบัติ/ปฏบิ ัติไมไ่ ด้ (ลงช่อื )...................................ครผู สู้ ังเกต (…………………………………………………) ............../................./............
- 105 - ชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เวลา 1 ช่วั โมง แผนจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ 2 ช่อื หนว่ ย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 เร่อื ง การทาเวร/การทาความสะอาด 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 มีความรคู้ วามเข้าใจ เก่ียวกบั ความไม่ทนและความละอายตอ่ การทุจริต 1.2ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้ไมท่ นและละอายต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 นกั เรียนสามารถทาเวรและทาความสะอาดตามสถานที่ต่างๆท่ีได้รับมอบหมายดว้ ยความ เตม็ ใจ 3. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ การทาเวรและการทาความสะอาดเปน็ หนา้ ทีท่ รี่ ักเรียนทุกคนต้องรับผิดชอบและต้องปฏิบัติ เปน็ ประจาหากนักเรยี นคนใดหลกี เลีย่ งไม่ปฏบิ ัตงิ านตามท่ีไดร้ ับมอบหมายถือวา่ เป็นผู้ที่ไมล่ ะอายและ เป็นผ้ทู ุจริตต่อหนา้ ที่ ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ ๑.) ความสามารถในการแก้ปัญหา ๒.) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ ๓.๓ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ / คา่ นิยม ๑. มวี ินยั 4. กิจกรรมการเรียนรู้ / การจัดประสบการณ์ ๔.๑ ขนั้ ตอนการเรยี นรู้ ๖. นกั เรยี นออกมาเล่าประสบการณใ์ นการชว่ ยเหลอื ครอบครัวทางานบ้านวา่ ชว่ ยทางานอะไรบา้ ง ๗. นักเรียนเขียนงานที่ตนเองได้รับมอบหมาย เม่ืออยู่ท่ีบ้านและโรงเรียนลงในสมุด ครูสุ่มตัวอย่าง นักเรียนให้ออกมานาเสนองานของตนเอง ๘. แบ่งกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมทาความสะอาดห้องเรียนและสังเกตว่ามีนักเรียนคนใดหลีกเล่ียงในการ ทางาน หรือมคี รอบรับผิดชอบน้อยเพยี งใด กลุ่มที่ 1 และกลุ่มท่ี 2 สารวจโต๊ะเก้าอ้ีมีรอยขีดข่วนหรือชารุดเสียหายถูโต๊ะ เก้าอ้ี จดั โตะ๊ เกา้ อ้ี กลุ่มที่ 3 และกลมุ่ ท่ี 4 ปัดกวาดหอ้ งเรียน และถูพ้นื กลุ่มที่ 5 และกลุ่มท่ี 6 ปัดฝุ่น เช็ดโต๊ะครู ช้ันวางของ ช้ันวางหนังสือ จัดหนังสือใน ชั้นเรยี นใหเ้ รียบรอ้ ย
- 106 - ๙. หลังจากทาความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ครูร่วมกับนักเรียนสรุปว่า การทาเวรและทาความสะอาด ทั้งในและนอกห้องเรียนเป็นหน้าท่ีของนักเรียนทุกคนเพราะห้องเรียนและโรงเรียนเป็นของ นกั เรียนทุกคนหากนักเรียนหลีกเล่ียงการช่วยกันทาเวรและการทาความสะอาดจะถือว่านักเรียน เปน็ คนที่เอาเปรียบคนอื่นหรือทจุ รติ ต่อหนา้ ท่ี ๔.๒ สือ่ การเรยี นรู้ ๑) อุปกรณ์ตา่ งๆ ในห้องเรียน เชน่ โตะ๊ เก้าอี้ ไม้กวาด ไมถ้ ู เศษผ้า เป็นตน้ ๕ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมนิ 1) ตรวจผลงานนกั เรียน ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการทากิจกรรมกลมุ่ ๕.๒ เครือ่ งมอื ที่ใชใ้ นการประเมนิ 1) แบบบันทกึ การตรวจผลงานนกั เรียน 2) แบบสังเกตการณ์พฤติกรรมของนกั เรยี นในการทากจิ กรรมกลมุ่ ๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสิน 1. เกณฑก์ ารประเมินพฤติกรรมของนักเรยี นในการทากจิ กรรมกลมุ่ 16 – 20 คะแนน 4 หมายถงึ ดีมาก 11 – 15 คะแนน 3 หมายถึง ดี 6 – 10 คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ 0–5 คะแนน 1 หมายถงึ ควรปรับปรุง 6. บันทกึ หลังสอน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ลงชือ่ .........................................................ครูผู้สอน (.............................................................) 7. ภาคผนวก - แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการทากิจกรรมกล่มุ
- 107 - แบบสังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในการทากจิ กรรมกลุ่ม เรอ่ื ง.................................................................. ขอ้ รายการประเมนิ ระดับคะแนนแต่ละกล่มุ 1 จาการตอบคาถาม กลมุ่ กลุ่ม กลมุ่ กลมุ่ กลุ่ม กลุ่ม กล่มุ กลมุ่ กลมุ่ 2 จากการกล้าออกมาสรปุ 1 2 3 4 567 8 9 3 การทากิจกรรมร่วมกัน 4 ความสนใจเรียน 5 อภปิ รายเรือ่ งไดถ้ ูกต้องตรงประเดน็ รวม ประเด็น 2. เกณฑก์ ารประเมิน หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมไดถ้ ูกตอ้ งคล่องแคลว่ ระดับ 4 หมายถงึ นกั เรยี นแสดงพฤตกิ รรมไดถ้ ูกตอ้ งเปน็ ส่วนใหญ่ ระดบั 3 หมายถงึ นกั เรียนแสดงพฤตกิ รรมได้ถูกตอ้ ง หมายถึง นักเรียนแสดงพฤตกิ รรมได้ถูกตอ้ งเล็กน้อย ระดับ 2 ระดับ 1
- 108 - แบบประเมนิ ผลงานนักเรยี น ชอ่ื – นามสกุล …………………………………………………………………………………………..ชน้ั …………………………. หนว่ ยการเรียนรู้………กจิ กรรม…………………………………………………………………………………………………….. คาชีแ้ จ้ง ใหผ้ ปู้ ระเมนิ ใส่เครื่องหมาย ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ ผปู้ ระเมิน ตนเอง เพื่อน ครู 12341234123 4 1.ตรงจดุ ประสงค์ท่ีกาหนด 2. มคี วามถูกต้อง 3. มคี วามคิดสร้างสรรค์ 4. มีความเปน็ ระเบียบ รวม รวมทกุ รายการ เฉล่ยี ลงชื่อผปู้ ระเมิน……………………………………………… (ตนเอง) ลงชอ่ื ผ้ปู ระเมิน……………………………………(เพื่อน) ลงชื่อผูป้ ระเมิน…………………………………………………… (ครู)
- 109 - 2. เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน ประเด็นท่ปี ระเมิน คะแนน 4 3 21 1. ผลงานตรงกบั จุดประสงค์ที่ ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่ กาหนด จุดประสงคท์ ุก จุดประสงคเ์ ปน็ จุดประสงค์บาง สอดคล้องกับ ประเดน็ สว่ นใหญ่ ประเดน็ จดุ ประสงค์ 2. ผลงานท่มี ีความถูกต้องสมบรณู ์ เนื้อหาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้องเป็น ผลงานถูกต้อง ผลงานไมถ่ ูกต้อง ครบถว้ น สว่ นใหญ่ เปน็ บางประเดน็ เปน็ สว่ นใหญ่ 3. ผลงานมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคดิ ผลงานมคี วาม ผลงานไมแ่ สดง 4. ผลงานมีความเปน็ ระเบียบ ถงึ ความคิด แปลกใหมแ่ ต่ยังไม่ นา่ สนใจ แตย่ ังไม่ แนวคดิ ใหม่ สรา้ งสรรคแ์ ปลก เปน็ ระบบ มี ใหมแ่ ละเปน็ ผลงานส่วนใหญ่ ระบบ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานสว่ นใหญ่มี ไม่เปน็ ระเบยี บ ความเป็นระเบียบ ความเป็นระเบียบ และมีข้อบกพร่อง ผลงานมคี วาม แตย่ ังมีข้อบกพร่อง แต่มีข้อบกพรอ่ ง เป็นระเบยี บ บางสว่ น แสดงออกถึง ความประณตี เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ นกั เรียนได้คะแนน 13 คะแนนขึ้นไปร้อยละ 80 ถือวา่ ผ่าน
- 110 - แบบสังเกตพฤตกิ รรม “มวี ินัย” คาชีแ้ จง ทาเครื่องหมาย ในชอ่ งทตี่ รงกับความเปน็ จรงิ ตามเกณฑ์การประเมนิ ตรงตอ่ เวลาในการ ปฏิบัตติ ามข้อตกลง ปฏบิ ัติกิจกรรมต่างๆ ผลการประเมนิ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ในชีวิตประจาวนั และ รวม ขอ้ บงั คบั ของโรงเรียนและ รับผิดชอบในการ คะแนน เลขที่ ชอ่ื - สกลุ สังคมไม่ละเมิดสทิ ธขิ องผู้ ทางาน อายน ผา่ น ไมผ่ ่าน ๓ ๒ ๑ ๐๓๒๑ ๐ เกณฑ์การประเมนิ ระดบั 3 หมายถึง ปฏบิ ตั ิได้ดีเป็นประจา ระดบั 2 หมายถึง ปฏบิ ัติไดด้ ีบางครง้ั ระดบั 1 หมายถงึ ปฏบิ ัติไดบ้ ้าง ระดบั 0 หมายถงึ ไม่ปฏิบัต/ิ ปฏบิ ตั ิไมไ่ ด้ (ลงช่ือ)...................................ครผู ้สู ังเกต (…………………………………………………) ............../................./..........
- 111 - แผนจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 ชื่อหนว่ ย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที1่ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เรอื่ ง การสอบ เวลา ๒ ชัว่ โมง 1.ผลการเรยี นรู้ 1.1ปฏิบัตติ นตามหน้าที่พลเมือง และมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม 2.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.2 นักเรียนบอกบทบาทและหน้าท่ีของเยาวชนทม่ี ตี ่อสังคมได้ 2.3 นกั เรยี นปฏิบัติตนตามกฎ ระเบยี บของสงั คมได้ 2.4 เสนอแนวทางการปฏิบัติตนในการทาประโยชน์ตอ่ สังคม 3.สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ บทบาทและหนา้ ทขี่ องเยาวชนที่มีตอ่ สังคม 1) เคารพกติกาของสงั คม 2) ปฏิบตั ติ นตามกฎระเบียบของสังคม 3) มรี ะเบียบวนิ ยั 4) มีคณุ ธรรม จริยธรรม ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกดิ ) ๑) ความสามารถในการส่ือสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน) ๒) ความสามารถในการคดิ (วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรุป) 3) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ๓.๓ คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ / ค่านยิ ม ๑) มีวินัย ๒) ซ่อื สัตย์ 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขัน้ ตอนการเรยี นรู้ 1. ครูนา เรอ่ื ง รับสินบน ให้นักเรียนชม และใหน้ กั เรยี นตอบคาถาม ในประเด็นตอ่ ไปน้ี 1) นกั เรียนคิดวา่ คนทย่ี ่ืนเงินใหก้ บั เจา้ หน้าท่เี ป็นคนดีหรอื ไม่ อยา่ งไร 2) ถ้านักเรียนเป็นเจา้ หน้าท่ี นกั เรยี นจะรับเงนิ หรือไม่ เพราะเหตุใด 3) ถ้าเจ้าหนา้ ที่รบั เงินสินบน นักเรียนคดิ วา่ จะมผี ลกระทบอย่างไรบ้าง
- 112 - 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับเนื้อหาอีกคร้ังเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าการกระทาดังกล่าวว่า เหมาะสมหรือไม่ อยา่ งไร 3. แบ่งกลุ่มนักเรียน ออกเป็นกลุ่มละ 5-7 คน ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันคิดเก่ียวกับคุณธรรมท่ีได้จาก การชม เช่น ความซื่อสตั ยข์ องเจา้ หนา้ ที่ ความไมโ่ ลภ การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าการ เห็นแกต่ ัว ฯลฯ 4. แตล่ ะกลุม่ นาเสนอขอ้ มูลจากการระดมความคดิ ภายในกลมุ่ พร้อมท้ังใหเ้ หตผุ ลประกอบ 5. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายขอ้ มูลจากการนาเสนอของแตล่ ะกลุ่ม ว่าถกู ตอ้ งหรอื ไมอ่ ย่างไร 6. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ จากการชม เพ่อื ใหน้ ักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับคุณธรรมเรื่อง ความซื่อสัตย์ 7. ครูสร้างสถานการณ์จาลอง “การสอบของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1” โดยครูได้คัดเลือกและ มอบหมายหน้าที่ให้นักเรียน 1 คน ทาการทุจริตในการสอบ (สมมติให้เป็นเด็กชาย เดชา) ซึ่งมี เพียงครูและเด็กชายเดชาเทา่ น้ันทร่ี ู้ความจรงิ โดยจดั การจัดสถานการณ์ดงั น้ี -ครูทาการทดสอบนักเรยี นทงั้ ชน้ั เรียนตามปกติ -ครูให้เดก็ ชายเดชา นากระดาษคาตอบทจี่ ดใสก่ ระดาษข้นึ มาแอบดู -ครจู ับได้ว่า เดก็ ชายเดชาทจุ ริตในการสอบ 8. ครูให้เพ่ือนๆในห้องช่วยกันบอกว่าพฤติกรรมของเด็กชายเดชา ว่าทาถูกต้องหรือไม่ เพราะอะไร ถ้าไมถ่ ูกต้อง มวี ธิ กี ารแกไ้ ขอยา่ งไร( โดยครสู ่มุ เรียกนกั เรยี นทลี ะคน) 9. ครูจดบนั ทกึ พฤตกิ รรมและแนวทางแก้ไขของเด็กชายเดชา ทเี่ พ่อื นๆแตล่ ะคนได้เสนอความคิดมา 10. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายพฤติกรรมและแนวทางแก้ไขแต่ละข้อว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไร โดยครูคอยใหค้ าแนะนา เพื่อใหน้ กั เรียนมคี วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั -บทบาทหนา้ ที่ของตนเองในการสอบ -การปฏิบตั ิตนตามกฎ ระเบียบ ในการสอบ 11. ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ทาใบงาน เร่ือง การสอบ(ความซ่อื สตั ย์) 12. ให้แตล่ ะกลุม่ นาเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี น โดยครูคอยให้คาแนะนา 13. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเพ่ือให้นักเรียนมีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตน การปฏิบัติตน ตามระเบยี บวินยั และการกระทาตนใหเ้ ป็นประโยชนต์ อ่ สงั คมได้ ๔.๒ สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑.) วดี ีโอ เร่อื ง รบั สนิ บน ๒.) ใบงาน เรอื่ ง การสอบ(ความซือ่ สตั ย์) 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมิน 1.) การสังเกต
- 113 - - การอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น และตอบคาถามของนกั เรียน - สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๒.) ตรวจใบงาน ๕.๒ เคร่อื งมือทใ่ี ช้ในการประเมนิ 1.) แบบสงั เกต 2.) แบบประเมนิ ใบงาน ๕.๓ เกณฑ์การตัดสิน นกั เรยี นผ่านการประเมนิ ร้อยละ 80 ข้นึ ไป 6. บนั ทึกหลังสอน ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ......................................................................................................................................................... ....... ลงช่ือ.........................................................ครูผ้สู อน (.............................................................) 7. ภาคผนวก - ใบงาน - แบบสงั เกต
- 114 - แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียนในการทากิจกรรม ชอ่ื นักเรียน..................................................ชนั้ ................ ท่ี รายการ ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏิบตั ิ 1 เริม่ ต้นงานท่ีไดร้ ับมอบหมายทันที 2 ทางานเสร็จเรยี บร้อยตามเวลาทีก่ าหนด 3 ขอคาแนะนาจากครูหรือเพ่อื นเมอ่ื ไม่เข้าใจ 4 ทากจิ กรรมด้วยความสนกุ สนานและเต็มใจ 5 มสี ว่ นร่วมในการทากิจกรรมอยา่ งสม่าเสมอ 6 ช่วยเหลอื แนะนาเพ่ือนในการทากิจกรรมตามสมควร 7 สนใจศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมดว้ ยตนเอง หมายเหตุ 1. ข้อใดทีน่ ักเรยี นปฏบิ ัติ ไดค้ ะแนน 1 คะแนน ไม่ปฏิบตั ิ ได้คะแนน 0 คะแนน 2. เกณฑ์การประเมนิ จากแบบสังเกต 7 คะแนน ดีมาก 5-6 คะแนน ดี 3-4 คะแนน พอใช้ 1-2 คะแนน ควรปรับปรงุ
- 115 - ใบงาน เร่อื ง การสอบ(ความซ่ือสตั ย์) ช่ือ......................................................................................................................... ................. ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามจากภาพท่ีกาหนดให้ 1. จากภาพ นกั เรียนคดิ วา่ เดก็ ชายกาลงั ทาอะไร ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ . 2. นกั เรียนคดิ ว่า การกระทาของเด็กชายคนนี้ถูกต้องหรอื ไม่อย่างไร ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... 3. ถ้านกั เรยี นเปน็ เด็กชายคนน้นั นักเรียนจะทาตามแบบเด็กชายคนนัน้ หรือไม่ เพราะอะไร ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ 4. ถ้านักเรยี นลอกข้อสอบเพื่อน แลว้ ไดค้ ะแนนสูงๆ นักเรยี นมีความภาคภมู ิใจหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ........................................................................................................ ........................................................ ............................................................................................................................. ................................... 5. ถ้านกั เรยี นมีการสอบ นักเรียนควรปฏบิ ัติตนอย่างไร ............................................................................................................................. ................................... ....................................................................................... ......................................................................... เกณฑ์การให้คะแนน (ขอ้ ละ 2 คะแนน) 2 คะแนน อธบิ ายได้ชดั เจน ถูกต้อง ตรงประเด็น 1 คะแนน อธิบายได้ถูกต้อง แต่ยงั ไมช่ ัดเจน/ อธบิ ายได้บา้ ง ตรงประเด็น 0 คะแนน อธิบายไม่ถูกต้อง สรุปผลการประเมิน นกั เรยี นได้คะแนน 8-10 คะแนนจึงจะผา่ น
- 116 - แผนจัดการเรียนรู้ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 หน่วยที่ 2 ชือ่ หนว่ ย ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจรติ เวลา ๒ ชัว่ โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 เร่อื ง การแตง่ กาย/การเขา้ แถว ๑. ผลการเรยี นรู้ 1.1 ปฏิบตั ติ นตามหนา้ ที่พลเมอื ง และมีความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 นักเรยี นปฏบิ ัตติ นในเรอ่ื งการแตง่ กายให้ถูกต้องตามระเบียบของสถานศกึ ษา 2.2นกั เรยี นปฏบิ ตั ติ นตามการเขา้ แถวได้ถูกต้อง และมคี วามอายในการแซงคิวผู้อนื่ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ 1) ปฏบิ ัติตนตามกฎระเบยี บของสังคม ในเร่ืองการแตง่ การและการเขา้ แถว 2) มรี ะเบยี บวินยั 3) มีคุณธรรม จรยิ ธรรม ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กิด) ๑) ความสามารถในการส่ือสาร (อา่ น ฟัง พดู เขยี น) ๒) ความสามารถในการคดิ (วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรุป) 3) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ๓.๓ คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ / ค่านยิ ม 1) มีวินัย ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบโฟรแ์ มทซิสเต็ม (4 MAT’S Learning) ๔.๑ ข้นั ตอนการเรียนรู้ ๑๐.ครูนา เรอ่ื งการเข้าแถวรบั บริการ/การเข้าแถวข้ึนรถประจาทางของนักเรียน โรงเรียนหนองไผ่ อ. หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ให้นักเรียนชม และให้นักเรียนช่วยกันคิดวิเคราะห์ว่า บุคคลดังกล่าวมี การกระทาที่แสดงว่าเป็นพลเมืองดีอย่างไร เป็นประโยชน์ต่อสังคมหรือไม่อย่างไร โดยให้เขียน เปน็ แผนผังความคดิ รายบคุ คล ๑๑.นักเรียนยกตัวอย่าง การแต่งกาย/การเข้าแถว ของคนในสังคมปัจจุบันว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร และหาแนวทางการแก้ปัญหา ๑๒.นักเรียนลองนึกถึงการกระทาของตนในอดีตท่ีผ่านมาว่า เคยแสดงออกถึงการเป็นสมาชิกที่ดีของ สงั คมอยา่ งไรบา้ ง เชน่
- 117 - - การเขา้ แถวรับบรกิ าร - การรณรงค์ให้เพ่ือนนักเรยี น / ชาวบา้ น เข้าใจถงึ สิทธิ มารยาทในการเขา้ รับบริการ - การเข้าใจถงึ ความสาคัญของระเบียบข้อปฏบิ ตั ใิ นสงั คม - การแต่งกายในชุดเครอ่ื งแบบนักเรียนในสังคมปจั จบุ ัน ๑๓.นักเรียนอภิปรายร่วมกันถึงเหตุผลท่ีแสดงว่าการกระทาของนักเรียนดังกล่าว เป็นการปฏิบัติตน ตามหนา้ ทีพ่ ลเมอื ง และมีความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม เชน่ การเขา้ แถวรับบริการอาหารกลางวัน ทา ให้เกดิ ความมรี ะเบยี บ รวดเร็ว ฝกึ ความมีระเบียบในตนเอง สานึกในหน้าท่ี อดทน อดกล้ัน สร้าง วินัย ท้ังน้ีเพื่อนาไปสู่การแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบในสังคมการดารงชีวิต ของมนษุ ย์ ๑๔.ครูอธิบายใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจถงึ บทบาทหน้าท่ีของเยาวชนที่มีตอ่ สงั คมและให้แบง่ นกั เรียนออกเปน็ กลุ่มๆละ 5-7 คน ช่วยกนั ศึกษาคน้ ควา้ หาแนวทางการปฏิบตั ติ นของเยาวชนตอ่ สังคมเกี่ยวกับ การเขา้ แถวและการแต่งกาย และสรุปความคิดลงในใบงานท่ี 1 เร่ือง แนวทางการปฏบิ ัตติ นของ เยาวชนตอ่ สังคมเกยี่ วกับการเข้าแถวและการแต่งกายโดยเนน้ จติ สาธารณะ กลา่ วคือ การกระทา ตา่ งๆ ต้องคานึกถงึ ประโยชนข์ องสว่ นรวม เช่น เคารพกติกาของสังคม และ มีระเบียบวินัย ๑๕.แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มๆละ 5-7 คน แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั คิดละครส้ันเก่ียวกับบทบาทหน้าท่ีของ เยาวชนที่มีต่อสังคมเก่ียวกับการแต่งกายและระเบียบแถว โดยมีครูช่วยเสนอแนะเพิ่มเติม และ แสดงละครส้นั ตามกลุ่มท่รี ับผดิ ชอบ ๑๖. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ชว่ ยกันวเิ คราะห์ตวั ละครแต่ละตัวในเร่ืองโดยวิเคราะหใ์ นแต่ละดา้ นดังนี้ 1) การเคารพกติกาของสังคม 2) การแตง่ กายถูกระเบียบ 3) การเข้าแถวถกู ระเบยี บและนาเสนอผลงาน ๔.๒ สอื่ การเรียนรู้ / แหลง่ การเรยี นรู้ 1) เรอื่ ง การเข้าแถวรับบริการ/การเขา้ แถวข้ึนรถประจาทางของนักเรยี น โรงเรยี นหนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ 1.) การสงั เกต -การปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบการแต่งกายและการเขา้ แถวของนกั เรยี น ๒.) ตรวจใบงาน ๕.๒ เครอื่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการประเมนิ 1.) แบบสงั เกตการแตง่ กายและการเข้าแถวของนักเรียน 2.) แบบใหค้ ะแนนการตรวจใบงาน
- 118 - ๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสิน 1.) แบบประเมินพฤติกรรมการทางานกล่มุ 18-20 คะแนน = ดีมาก 14-17 คะแนน = ดี 10-13 คะแนน = พอใช้ ตา่ กว่า 10 คะแนน = ปรบั ปรุง 2.) การประเมินใบงาน ประเมินความเหมาะสมของเนือ้ หาใบงาน 40 คะแนน = ดมี าก 30-39คะแนน = ดี 20-29 คะแนน = พอใช้ ตา่ กว่า 19 คะแนน = ปรบั ปรงุ ๖. บันทกึ หลังสอน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ.........................................................ครผู สู้ อน (.......................................................) ๗. ภาคผนวก - แบบสงั เกต - ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง แนวทางการปฏิบัตติ นของเยาวชนตอ่ สังคมเกย่ี วกบั การเข้าแถวและการ แตง่ กาย
- 119 - แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ลาดบั ช่อื – สกุล ความรว่ มมือ การแสดง การรบั ฟงั การต้งั ใจ การแก้ไขปัญหา รวม ที่ ของผรู้ ับการประเมนิ กนั ทากิจกรรม ความคดิ เห็น ความคดิ เหน็ ทางาน หรอื ปรบั ปรุง 20 ผลงานกล่มุ คะแน 43214321432143214321 น ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ระดบั 4 หมายถึง ปฏิบัติได้ดีมาก ชว่ งคะแนน ระดบั ระดบั 3 หมายถงึ ปฏบิ ัติได้ดี ระดับ 2 หมายถึง ปฏบิ ตั ิได้ คณุ ภาพ ๔๐ ดมี าก ระดับ 1 หมายถงึ ปฏิบัติไม่ได้ ๓๐ – ๓๙ ดี ๒๐ – ๒๙ เกือบดี ๑๐ – ๑๙ ปานกลาง ๙ ปรบั ปรงุ หมายเหตุ ครอู าจใช้วธิ กี ารมอบหมายให้หัวหน้ากลมุ่ เป็นผูป้ ระเมนิ หรอื ใหต้ ัวแทนกลุ่มผลัดกนั ประเมิน หรอื ให้มกี ารประเมนิ โดยเพือ่ น โดยตวั นักเรียนเอง ตามความเหมาะสมกไ็ ด้
- 120 - ใบงานที่ 1 เรือ่ ง แนวทางการปฏบิ ัติตนของเยาวชนต่อสงั คมเกยี่ วกบั การเข้าแถวและการแตง่ กาย การเข้าแถว แนวทางการปฏบิ ตั ิตนของ เยาวชนตอ่ สังคมเกี่ยวกบั การ เข้าแถวและการแตง่ กาย ก การต่างกาย กลุ่มที่……………………................................................... ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................
- 121 - แบบประเมนิ ใบงานท่ี 1 เร่ือง แนวทางการปฏบิ ตั ิตนของเยาวชนตอ่ สังคมเก่ียวกับการเข้าแถวและการแต่งกาย ลาดับที่ รายการประเมิน คุณภาพผลงาน คะแนนเตม็ ๑. เขียนอธบิ ายได้อย่างชัดเจน พร้อมให้เหตผุ ลที่หนักแน่น ตรงประเดน็ ๒ ๒. เขียนอธิบายได้ ใหเ้ หตุผลเพียงพอ ๓. เขยี นอธิบายไม่ตรงประเดน็ ๑ ๐ รวม ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๗-๒๐ ดมี าก ๑๔-๑๖ ดี ๑๑-๑๓ พอใช้ ต่ากวา่ ๑๐ ปรับปรุง
- 122 - แผนการจดั การเรยี นรู้ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 หนว่ ยท่ี 2 ชอ่ื หน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต แผนการจดั การเรยี นรู้ ๕ เรือ่ งการเลือกตั้ง เวลา 1 ชง่ั โมง 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับความไม่ทนและความไม่ละอายต่อการทุจริต 1.2 ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้ไม่ทนและละอายตอ่ การทจุ รติ ทุกรปู แบบ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2.1นักเรียนบอกความหมายของการเลือกต้งั ได้ 2.2นกั เรยี นมีความตระหนกั ถึงความสาคัญของการเลือกต้อง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ 1) การเลอื กตง้ั หมายถึง การที่ราษฎรใชส้ ิทธขิ องตนเองลงคะแนนเสียงเลือกต้ัง ตัวแทน เพอ่ื ทาหน้าที่แทนตน ในการปกครองแตร่ ะดับของประเทศ 2) ความสาคัญของการเลือกตั้ง ประชาชนเป็นผ้มู อี านาจในการปกครองประเทศ จงึ มีความจาเปน็ ต้องเลือกผู้แทนของตวั เองเขา้ ไปทาหน้าท่แี ทนตน 3) การเลือกตั้งประธานนักเรียน คือการเลือกต้ังนักเรยี นท่ีทาหนา้ ทเี่ ปน็ ผู้ ประสานงานระหวา่ งนักเรียนและครู และยังผลักดันใหน้ ักเรยี นมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาโรงเรยี นให้ ดีเดน่ ดังพร้อมคณุ ธรมอยา่ งย่ังยนื 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ ทักษะกระบวนการคิดวเิ คราะห์ 3.3 คณุ ลกั ษณะอนั พง่ึ ประสงค/์ ค่านยิ ม ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1ข้ันตอนการเรียนรู้ 1. ครอู ธิบายถงึ การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยว่า สิ่งทส่ี าคญั ที่สุดคือการเลอื กตั้ง เพราะ การเลือกตงั้ เป็นการสรรหาตัวแทนของเราเพือ่ ไปเป็นปากเป็นเสียงในการทางานเพื่อ ประเทศชาติและเพอื่ จังหวดั ของเรา 2. ครชู วนสนทนาถงึ การเลือกต้งั ในปัจจุบนั วา่ มกี ารทุจรติ ติดสินบนคอ่ นข้างมากนกั เรยี นจะทา อย่างไร จะมวี ธิ ปี ้องกันอย่างไร 3. แบง่ กลมุ่ นักเรียนออกเปน็ 5 กลุม่ ในแต่ละกลุ่มระดมสมองคดิ หาสาเหตุที่ทาให้เกิดการ ทุจริต เขยี นลงในกระดาษ Flip chart 4. ในแต่ละกลุ่มนามาออกเสนอผลงานของตนเองหน้าช้ันเรยี น แลว้ นาผลงานไปติดแสดงท่ีปา้ ย นเิ ทศเพ่ือใหน้ ักเรียนช้นั ตา่ งๆได้ศึกษา
- 123 - 5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ถึงความสาคัญของการเลือกตงั้ ว่า ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตงั้ ใน ระดบั ใด ก็มีความสาคญั ต่อประเทศชาติเรา ถ้าเราทจุ รติ ในการเลอื กต้ัง ตง้ั แตร่ ะดบั โรงเรียน แล้วอนาคตภายหน้าเมื่อมีการเลอื กต้ังในระดบั ประเทศยอ่ มเสย่ี งท่ีจะมกี ารทุจรติ ได้มาก ยิ่งขนึ้ ประเทศชาตขิ องเราคงล่มจมแนน่ อน 4.2 สอื่ การเรยี นร้/ู แหลง่ การเรยี นรู้ 1) กระดาษ Flip chat 2) สไี ม้ 5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมนิ 1) ประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 2) สังเกตพฤติกรรมทางการปฏบิ ัติงาน 3) การตรวจนาเสนอผลงาน 5.2 เคร่ืองมือทใ่ี ช้มนการประเมนิ 1) แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 2) แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิงานกลมุ่ 3) แบบประเมินการนาเสนอผลงาน 5.3 เกณฑ์การตัดสนิ นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดบั ดีขึ้นไป 6. บนั ทกึ หลังการสอน ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ (ลงชื่อ)...................................ครผู ปู้ ระเมนิ (…………………………………………………) ............../................./.............
- 124 - แบบสงั เกตพฤติกรรม “ซือ่ สัตย์สุจรติ ” คาช้แี จง ทาเครือ่ งหมาย ในชอ่ งทต่ี รงกับความเป็นจรงิ ตามเกณฑก์ ารประเมิน 2.ปฏิบัตติ าม 1.ใหข้ ้อมูลที่ โดยคานงึ ถงึ 3.ปฏบิ ตั ติ น 4.ไมห่ า ผลการประเมนิ ถกู ตอ้ งและ ความถูกตอ้ ง ต่อผูอ้ ืน่ ด้วย ผลประโยชน์ เลขที่ ชื่อ - สกุล เป็นจรงิ ละอาย เกรง ความซือ่ สัตย์ ในทางทไี่ ม่ รวม กลัว ตอ่ การ คะแนน กระทาผดิ ถูกต้อง ผ่าน ไม่ผ่าน ๓๒๑๐๓๒๑๐๓๒๑๐๓๒๑๐ (ลงชอ่ื )...................................ครูผู้ประเมิน (…………………………………………………) ............../................./.............
- 125 - แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ 2 ชอ่ื หนว่ ย ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจรติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 เร่อื ง กจิ กรรมนักเรียน เวลา 1 ชวั่ โมง 1. ผลการเรียนรู้ 1.1 มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับความไมท่ นและความละอายต่อการทจุ รติ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 บอกความสาคัญของกจิ กรรมนกั เรียนได้ 2.2 อธิบายความหมายของกิจกรรมนักเรยี นได้ 2.3 ปฏบิ ตั ิตามกฎระเบยี บไม่ทุจริตตอ่ กิจกรรมที่ทา 2.4 ระบุประโยชน์ของกจิ กรรมนักเรียนได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ ความสาคญั ของกิจกรรมนักเรียนน้ันเปน็ การเสริมให้การจัดการเรียนการสอนบรรลตุ าม จุดมงุ่ หมายของการศึกษา โดยจะช่วยเสรมิ ในดา้ นการเรียนรทู้ างด้านทัศนคติ ค่านยิ ม ความสนใจ ความ ซาบซ้งึ เกิดทักษะประสบการณ์และสามารถไปอยใู่ นสงั คมอย่างเป็นสขุ ถ้าปฏบิ ัติตามกฎระเบียบ ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ (ความสามารถในการคิด) ๓.๓ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ / คา่ นิยม (มีวนิ ยั ) 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 ขั้นตอนการเรียนรู้ 1) ครูสนทนาและซกั ถามนักเรยี นเกยี่ วกบั กิจกรรมนักเรยี นว่ามคี วามสาคญั อยา่ งไร 2) ครูอธบิ ายความสาคัญของกิจกรรมนักเรยี นน้ันเป็นการเสรมิ ใหก้ ารจัดการเรยี นการสอน บรรลตุ ามจุดมุ่งหมายของการศกึ ษา โดยจะชว่ ยเสรมิ ในด้านการเรยี นรทู้ างดา้ นทัศนคติ ค่านยิ ม ความ สนใจ ความซาบ๙งความไม่ทนและความละอายตอ่ การทุจรติ ตอ่ กิจกรรมนนั้ ๆ 3) ครอู ธิบายถึงความหมายของกจิ กรรมนักเรยี น ปจั จุบันกิจกรรมนกั เรียนอาจจะแบ่ง ออกเป็น 3 สว่ นใหญ่
- 126 - - กิจกรรมการเรียนการสอน หมายถึง กจิ กรรมที่ครผู สู้ อนและผทู้ เ่ี ก่ยี วข้องจัดขนึ้ เพ่ือสง่ เสริมใหผ้ เู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้และเขา้ ใจเน้ือหาของบทเรยี นวชิ าต่างๆท่ดี ีย่งิ ขนึ้ กจิ กรรมลักษณะ น้อี าจจะจดั ข้นึ ในห้องเรียนหรือนอกหอ้ งเรียนก็ได้ - กจิ กรรมนกั เรยี นหมายถึง กิจกรรมท่จี ดั ขึน้ นอกเวลาเรียนหรือนอกเหนือจาก ตารางสอนวิชาตา่ งๆ เพ่ือสนองความสนใจความสามารถและความถนัดของนักเรยี นอันเป็นการ ส่งเสริมให้นกั เรียนมโี อกาสแสวงหาความรู้ใหแ้ ตกฉานมากข้ึน - กิจกรรมอน่ื ๆ เชน่ กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมโฮมรูม ซ่ึงเป็นกิจกรรมท่ีมุ่งหมาย เฉพาะเก่ียวกบั การแนะหรอื ปกครองนกั เรียนโดยปกตคิ รจู ะมีบทบาทในการดาเนนิ งานเอง 4) แบง่ กลมุ่ นักเรียนประมาณ 4 – 6 คน ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มคิดกจิ กรรมทีส่ ามารถทา ประโยชนใ์ หแ้ กโ่ รงเรียน แล้วเขียนเป็นกจิ กรรมกลมุ่ เชน่ กิจกรรมชวนน้องเลา่ นิทานเป็นต้น 5) นักเรียนนาเสนอกจิ กรรมของกลุม่ ตนเองหน้าชั้นเรียน 6) ครสู รปุ ส่งิ ท่นี กั เรยี นนาเสนอว่ากิจกรรมนักเรยี นทุกกจิ กรรมน้ันมปี ระโยชน์ กจิ กรรมจะ สรา้ งใหน้ กั เรียนอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสขุ ถา้ หากนักเรยี นทาตามกฎระเบียบในแตล่ ะกิจกรรม ท่ตี ้งั ไว้และฝกึ ให้นักเรยี นมีทักษะต่างๆ ในแต่ละกจิ กรรมทีป่ ฏิบตั ถิ ้านกั เรยี นอยู่ในสังคมนักเรยี นไม่ ทุจริต ทาตามกฎระเบียบในสังคมนกั เรียนจะอยู่ในสงั คมอย่างมคี วามสขุ 7) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปประโยชน์ของกิจกรรมนักเรียนไดน้ าเสนอว่า - การจัดกจิ กรรมนักเรยี นนบั ว่าเป็นงานสาคญั อย่างหนึง่ เป็นกิจกรรมท่ีทางโรงเรยี น จดั ขน้ึ เพื่อเสริมทักษะประสบการณข์ องนักเรียนให้กว้างขวางและสมบรูณ์ ชว่ ยเสริมในดา้ นการเรยี นรทู้ ัศนคติ ค่านิยม ความสนใจ ตลอดจนให้ดารงชวี ติ อยใู่ นสังคมอย่างมีความสขุ ๔.๒ สอ่ื การเรียนรู้ / แหลง่ การเรยี นรู้ - 5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ สงั เกตการนาเสนอผลงาน ๕.๒ เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการประเมนิ แบบสังเกตการนาเสนอผลงาน ๕.๓ เกณฑ์การตัดสนิ นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ 80
- 127 - 6. บันทกึ หลังสอน ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... .............................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ลงช่ือ.........................................................ครูผสู้ อน (.............................................................) 7. ภาคผนวก - ใบงาน
- 128 - แบบสงั เกตพฤติกรรม “มวี นิ ัย” คาช้ีแจง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งท่ีตรงกับความเป็นจรงิ ตามเกณฑ์การประเมิน ตรงตอ่ เวลาในการ ปฏิบัติตามข้อตกลง ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ ผลการประเมนิ ผ่าน ไมผ่ ่าน กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ในชีวิตประจาวนั และ รวม คะแนน เลขท่ี ชื่อ - สกุล ขอ้ บงั คบั ของโรงเรยี นและ รับผดิ ชอบในการ ทางาน สงั คมไม่ละเมดิ สิทธิของผู้ อายน ๓ ๒ ๑ ๐๓๒๑ ๐ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับ 3 หมายถงึ ปฏิบตั ิไดด้ ีเป็นปกติ ระดับ 2 หมายถงึ ปฏบิ ตั ิไดด้ ีบางครัง้ ระดับ 1 หมายถงึ ปฏบิ ตั ิได้บ้าง ระดับ 0 หมายถงึ ปฏิบัติไมไ่ ด้ (ลงชื่อ)...................................ครูผู้สงั เกต (…………………………………………………)
- 129 - หนว่ ยที่ ๓ STRONG / จิตพอเพยี งตา้ นการทจุ รติ
- 130 - ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 เวลา 1 ชัว่ โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยท่ี ๓ ช่ือหน่วย STRONG / จิตพอเพยี งตา้ นการทจุ รติ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง ความพอเพียง 1. ผลการเรยี นรู้ มคี วามรู้ ความเข้าใจ STRONG / จิตพอเพยี งตา้ นการทุจริต ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 นกั เรียนสามารถอธบิ ายความหมายของความพอเพียง ความซือ่ สัตยแ์ ละความดีได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถสรุปองค์ความรู้ เช่อื มโยงพฤตกิ รรมในชวี ติ ประจาวันกบั หลกั แนวคิดของ เศรษฐกิจพอเพยี งไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ๒.๓ เพอื่ ให้ตระหนักถงึ ความพอเพียง พอดีกับตนเอง 2.๔ เพือ่ สร้างจิตสานึกในการไม่คดโกงผูอ้ ื่น ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ในเรอื่ งความพอประมาณ ความมเี หตุผล มภี ูมิคมุ้ กันในตัวทีด่ ี เง่ือนไขความรู้และเงื่อนไขคุณธรรมสู่มติ เิ ศรษฐกิจ สังคม สงิ่ แวดล้อมและวฒั นธรรม คาว่า พอเพยี ง หมายถงึ ความมพี อสาหรบั ดารงชีวติ เชน่ เขาใช้ชวี ิตแบบพอเพยี ง มีการส่งเสรมิ ระบบ การผลิตแบบพอเพยี งท่เี กษตรกรสามารถเลยี้ งตัวเองได้ STRONG (S=sufficient) บคุ คลและหน่วยงานน้อมนาปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาปรบั ประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็นหลักในการทางานและการดารงชีวติ รวมถงึ เปน็ ตัวอยา่ งในการเผยแพร่แนวคดิ การนาปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาเป็นเครอ่ื งมือในการป้องกนั การทุจริต 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ ๓.๒.1. ความสามารถในการส่อื สาร ใชภ้ าษาถ่ายทอดความคิดในนาเสนอผลการสรปุ องค์ ความรู้ ๓.2.๒. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความร้เู พอื่ การตัดสนิ ใจ เกยี่ วกับตนเองและสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม ๓.๒.3. ความสามารถในการแกป้ ัญหาอุปสรรคตา่ ง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องบนพื้นฐานของ หลักเหตผุ ล คุณธรรม โดยคานึงถึงผลกระทบท่เี กิดขนึ้ ต่อตนเอง สงั คมและสิ่งแวดล้อม ๓.๒.4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ ในการดาเนินชวี ิตและรจู้ กั หลกี เล่ียงพฤติกรรมไม่พงึ ประสงคท์ สี่ ่งผลกระทบตอ่ ผู้อื่นและตนเอง 3.3 คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ / ค่านิยม ๑. เห็นคุณค่าของตนเองและผู้อ่ืนตระหนักในความสาคัญของการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงและใชห้ ลักปรัชญาพฒั นาตนเอง กลุ่ม สังคม ๒. มีความพอเพียง ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 ขนั้ ตอนการเรียนรู้
- 131 - 1. นักเรยี นและครสู นทนาเก่ียวกบั กจิ กรรม ในการดารงชีวิต ของตนเอง เชน่ เรื่องการใช้จ่าย ในชีวติ ประจาวนั ๒. แบ่งกลมุ่ นกั เรียนคละความสามารถ ชาย - หญิง กลุม่ ละ 5 – 6 คน ครูให้นกั เรยี นดูวี ดที ัศน์ เร่ือง“พอเท่ากับดี” ให้นกั เรียนอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ พฤติกรรมของตัวละครในเรอื่ งวา่ มี จดุ เดน่ จุดดอ้ ยในเร่ืองใดและได้รับแง่คิดคตธิ รรมใดจากเรอื่ งท่ดี ู ๓. นักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรื่องหลกั ของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ในเร่ืองความพอประมาณ ความมเี หตุผล มีภูมคิ ้มุ กนั ในตัวท่ีดี เงื่อนไขความรแู้ ละเงื่อนไขคุณธรรมสู่มติ ิเศรษฐกิจ สงั คม ส่ิงแวดลอ้ มและวัฒนธรรม ๔. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ สรปุ องคค์ วามรู้ เชอื่ มโยงพฤติกรรมของตัวละครในเรื่องกับหลักแนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในเร่ืองของความพอประมาณ ความมเี หตุมีผล การมภี มู ิค้มุ กันในตัวทด่ี ี ความรคู้ คู่ ุณธรรม มาเปน็ เครื่องมือในการป้องกนั การทจุ ริต ๕. นาเสนอผลงาน 4.2 ส่ือการเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ 1) ใบความรู้ท่ี 1 เรอื่ ง หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ในเรอ่ื งความพอประมาณ ความมี เหตุผล มภี มู ิคุ้มกนั ในตวั ทดี่ ี เงือ่ นไขความรู้และเง่ือนไขคุณธรรมสมู่ ติ ิเศรษฐกจิ สังคม ส่งิ แวดลอ้ ม และวัฒนธรรม 2) วีดีโอ พอเท่ากับดี ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.1วธิ กี ารประเมนิ - สังเกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ัติงานของนักเรียนแต่ละกลุ่ม - ตรวจผลงานบนั ทึกการสรปุ องค์ความรู้ของแต่ละกลมุ่ - สังเกตพฤติกรรมการนาเสนอผลงานของแตล่ ะกลุ่ม ๕.๒ เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ในการประเมิน ๕.๒.๑ แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานของนักเรยี น ในการเข้าร่วมกลมุ่ - มคี วามสามัคคีและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น - มคี วามกระตือรือรน้ ในการทางาน - รับผิดชอบในงานที่ไดร้ ับมอบหมาย - มขี ัน้ ตอนในการทางานอยา่ งเป็นระบบ - ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม - มคี วามซ่อื สตั ย์สุจรติ ในการทางานดว้ ยตนเอง ๕.๒.๒ เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลการสรุปองค์ความรู้ เช่ือมโยงพฤตกิ รรมของตัวละครในเร่อื งกับ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๕.๒.๓ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงานของแตล่ ะกลุ่ม
- 132 - - การเตรยี มความพร้อม - กจิ กรรมที่นาเสนอตรงประเดน็ ตามเนื้อหาตามที่กาหนด - ความชัดเจนในการนาเสนอสามารถมองเห็นได้ชัดเจน - ตอบข้อสงสัยได้ตรงประเดน็ - มคี วามพอพียง ไมท่ จุ ริต 5.3 เกณฑก์ ารตัดสนิ - เกณฑ์การประเมนิ กิจกรรมสรุปองค์ความรู้ - เกณฑ์การประเมนิ กิจกรรมวธิ ีการนาเสนอผลงานของแต่ละกลุม่ 6 บนั ทกึ หลังสอน ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. .................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ ................................................ ครูผู้สอน (.................................................)
- 133 - ใบความรู้ เร่อื ง หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาในการดาเนินชีวิตที่ต้ังอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ ประมาท โดยคานงึ ถึงลักษณะ 3 ประการ ดังนี้ 1. พอประมาณ คอื ความพอดี ไมน่ ้อยเกินไป ไม่มากเกินไป หรือไม่สุดโต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง และตอ้ งไม่เบียดเบียนตนเองและผูอ้ นื่ 2. มีเหตุผล คือ การตัดสินใจ การกระทา การลงทุนทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล คานงึ ถงึ เหตุปจั จยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ งและผลที่คาดว่าจะเกิดขนึ้ อย่างรอบคอบ 3. มภี มู ิคุ้มกนั ในตวั ทดี่ ี คอื การเตรยี มตัวให้พร้อมท่ีจะเผชิญผลกระทบ และการเปล่ียนแปลง ดา้ นต่างๆ ท่อี าจเกดิ ขึน้ จากท้ังภายในและภายนอก เงือ่ นไข 2 ประการ ดงั นี้ 1. เงื่อนไขความรู้ คือ มีความรอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวังในการนาความรู้ วิทยาการ เทคโนโลยีตา่ งๆ มาใช้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม คือ มีความตระหนัก มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทน มีความเพียร และใชส้ ตปิ ัญญาในการดาเนินชวี ิต นาไปสู่ 4 มติ ิ ดงั น้ี 1. เศรษฐกิจ 2. สงั คม 3. ส่ิงแวดล้อม 4. วัฒนธรรม
- 134 - เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงาน รายการประเมนิ คะแนน 1. ผลงานตรงกบั 432 1 จดุ ประสงค์ ที่กาหนด ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานไม่ กบั จดุ ประสงค์ กับจุดประสงค์ กับจุดประสงค์ สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์ 2. ผลงานมีความ ทุกประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ บางประเดน็ ถกู ต้องสมบรู ณ์ เนอ้ื หาสาระของ เน้อื หาสาระของ เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของผลงานไม่ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง เปน็ ผลงานถกู ต้อง เป็น ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ 3. ผลงานมี ครบถ้วน สว่ นใหญ่ บางประเด็น ความคดิ ผลงานมคี วามคิด ผลงานมีความคิด ผลงานมคี วาม ผลงานไมน่ ่าสนใจไมม่ ี สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ แต่ยัง น่าสนใจ แต่ยงั ไม่มี ความคิดสรา้ งสรรค์แปลก แปลกใหม่ ไมเ่ ป็นระบบ ความคิดสรา้ งสรรค์ ใหม่ 4. ผลงานมีความ และเปน็ ระบบ แปลกใหม่ เป็นระเบียบ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญ่ มี ผลงานมีความเปน็ ผลงานสว่ นใหญไ่ ม่เปน็ ระเบยี บ แสดงออก ความเป็นระเบยี บ ระเบียบ แตม่ ีขอ้ ระเบียบและ 5. ผลงานเสร็จ ถึงความประณีต แต่ยงั มขี ้อบกพร่อง บกพร่องบางสว่ น มขี อ้ บกพร่อง ตามเวลาท่ี เล็กนอ้ ย กาหนด ส่งผลงานตามเวลา ส่งผลงานชา้ กว่า ส่งผลงานชา้ กวา่ สง่ ผลงานช้ากวา่ เวลาที่ ทีก่ าหนด เวลาทก่ี าหนด เวลาท่ีกาหนด กาหนด 1-2 วัน 3-5 วนั เกิน 5 วนั ข้นึ ไป เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรับปรงุ
- 135 - แบบประเมนิ การนาเสนองาน หัวขอ้ - การเตรียม - ตอบขอ้ -ความ - มคี- วามพอพี รวมสรุป ความพรอ้ ม สงสัยไดต้ รง ชัดเจนใน -ตอบข้องสยั ได้ ยง ประเด็น การนาเสนอ ตรงประเด็น สามารถ ไมท่ จุ รติ มองเหน็ ได้ ขอ้ ท่ี ชื่อ / กลุม่ ผ้นู าเสนองาน ชัดเจน ๑ 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 15 ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ คะแนน13-15 ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก คะแนน9-12 ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถงึ ดี คะแนน5-8 ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ พอใช้ คะแนน0-4 ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑก์ ารผา่ นต้งั แตร่ ะดับคุณภาพพอใช้ข้ึนไป สรปุ ผ่าน ไม่ผา่ น ลงชอื่ ..........................................................ผู้ประเมนิ (........................................................)
- 136 - ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เวลา ๒ ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี ๓ ชอื่ หน่วย STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทจุ ริต แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒ เร่ือง ความโปรง่ ใส 1. ผลการเรียนรู้ มีความรู้ ความเข้าใจ STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจรติ ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 นักเรียนเข้าใจความหมาย เร่ืองความโปร่งใส ๒.๒ นักเรยี นสามารถแยกแยะผลกระทบจากพฤติกรรมความโปร่งใสและความไม่โปรง่ ใส ๒.๓ นกั เรยี นมีจิตสานึก การไม่คดโกงผู้อ่นื มีความโปรง่ ใสในการปฏบิ ตั ิงาน ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ ความโปรง่ ใส (Transparency) หมายถึง การกระทาการใด ๆ ของภาครัฐทงั้ ในระดบั บคุ คลและองค์กรท่ีผู้อนื่ สามารถมองเห็นได้ คาดเดาได้ และเข้าใจได้ ครอบคลุมถงึ ทกุ การกระทาที่ เปน็ ผลจากการตัดสนิ ใจของผู้บรหิ าร การดาเนนิ งานทางธรุ กจิ และงานสาธารณประโยชนต์ า่ ง ๆ เช่น การมีระบบงานและขนั้ ตอนการทางานท่ชี ัดเจน (ซึ่งจะดูได้จาก กฎระเบยี บ หรือประกาศ) การมี หลักเกณฑป์ ระเมินหรือการใหค้ ุณให้โทษท่ีชดั เจน การเปิดเผยข้อมลู ข่าวสารที่ถกู ต้องอย่าง ตรงไปตรงมา ความโปร่งใสจึงเปน็ เครื่องมอื ทสี่ าคัญในการตรวจสอบความถูกตอ้ ง และชว่ ยปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกดิ การทุจริต รวมท้ังนาไปสู่การสร้างความไวว้ างใจซ่งึ กนั และกนั ท้ังระหว่างผู้ปฏบิ ตั ิร่วมกนั ใน องค์กรเดียวกนั ระหวา่ งประชาชนตอ่ รัฐไปจนถงึ ระหวา่ งคนในชาตดิ ว้ ยกนั ดังนน้ั ทกุ องค์กรไมว่ า่ จะ เปน็ หนว่ ยงานภาครัฐหรือภาคเอกชนควรปรับปรงุ กลไกการทางานให้มีความโปรง่ ใส มกี ารเปดิ เผย ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่เข้าใจงา่ ย เพื่อประชาชนจะไดเ้ ขา้ ถึง ข้อมูลขา่ วสารได้โดยสะดวก และช่วยตรวจสอบความถูกต้องในการทางานได้ 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกดิ ) ๓.๒.1. ความสามารถในการสื่อสาร ใชภ้ าษาถ่ายทอดความคดิ ๓.2.๒. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เพือ่ นาสู่การสร้างองคค์ วามรู้ ตัดสนิ ใจในการ เลอื กปฏบิ ัติหรือไม่ปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับเรื่องราวเหตุการณต์ ่างๆได้อยา่ งเหมาะสม ๓.๒.3. ความสามารถในการแกป้ ัญหาอปุ สรรคต่าง ๆ ที่เผชิญไดอ้ ย่างถูกต้องบนพนื้ ฐานของ หลกั เหตผุ ล คุณธรรม โดยคานงึ ถึงผลกระทบทเ่ี กิดขนึ้ ต่อตนเอง สังคมและสง่ิ แวดล้อม ๓.๒.4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ ในการดาเนนิ ชีวติ และรู้จกั หลกี เล่ียงพฤติกรรมไม่ พึงประสงค์ที่สง่ ผลกระทบต่อผอู้ ่นื และตนเอง 3.3 คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ / คา่ นยิ ม ๓. ความซอ่ื สตั ย์ ๔. มีจติ สานึกทีด่ ตี ่อการมีความซ่อื สตั ย์สจุ ริตไมค่ ดโกงทุจรติ
- 137 - ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1 ข้นั ตอนการเรียนรู้ ชว่ั โมงที่ 1 1. นักเรยี นอ่านข่าวการทุจริตคอรร์ ับชันจากหนงั สือพิมพ์แล้วร่วมกันสนทนากบั เพ่อื นๆ ถึง ผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ ๒. แบง่ กลุ่มนกั เรียนคละความสามารถ ชาย - หญงิ กลมุ่ ละ 5 – 6 คน นักเรียนดูวีดที ศั น์ เรือ่ ง“พลงั ปลกู สานึก - ภาพยนตร์สัน้ คุณคือพลัง หยดุ ยั้งคอรร์ ปั ชน่ั ” แล้วให้นักเรยี นอภิปรายแสดง ความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั พฤติกรรมของตวั ละครในเร่ืองท่สี ง่ ผลตอ่ ตนเอง ตอ่ ผู้อื่น ๓. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม นาเสนอผลงาน แลกเปลยี่ นเรียนรตู้ ่อกนั ช่ัวโมงที่ ๒ ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มสารวจปญั หาความไม่โปรง่ ใสในชุมชนของตนเองแลว้ ร่วมกันวิเคราะห์ ผลกระทบที่เกดิ ข้ึน กับตนเอง ชุมชน สงั คมและประเทศชาติ สรปุ สู่แนวทางปฏิบัติการป้องกันการ ทุจริต การปฏิบัตกิ จิ กรรมด้วยความโปรง่ ใส ๕. ตัวแทนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการสารวจปัญหาและแนวทางการปฏบิ ตั เิ พ่ือป้องกนั การ ทุจริตของกลมุ่ ตนเอง สรปุ เป็น Mind Mad เป็นรายบคุ คล 4.2 สอ่ื การเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ 1) ใบความรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง ความโปร่งใส 2) วีดโี อ “พลงั ปลูกสานกึ - ภาพยนตรส์ นั้ คุณคือพลงั หยดุ ยัง้ คอร์รปั ชนั่ ” ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ 6.1วิธกี ารประเมิน - สงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ัติงานกลุม่ ของนักเรียน - ตรวจผลงานจากการทาใบงาน - ประเมินพฤติกรรมคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๕.๒ เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ในการประเมนิ ๕.๒.๑ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบตั ิงานของนักเรยี น ในการเขา้ ร่วมกล่มุ - มีความสามัคคีและมสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็น - มีความกระตือรือรน้ ในการทางาน - รบั ผดิ ชอบในงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย - มีข้นั ตอนในการทางานอย่างเปน็ ระบบ - ใชเ้ วลาในการทางานอย่างเหมาะสม - ความซอ่ื สตั ย์สุจริต ในการทางานดว้ ยตนเอง ๕.๒.๒ เกณฑ์การให้คะแนนผลการนกั เรียนอภปิ รายแสดงความคดิ เห็นพฤติกรรมของตัวละคร
- 138 - ๕.๒.๓ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงานของแตล่ ะกลมุ่ - การเตรยี มความพร้อม - กิจกรรมที่นาเสนอตรงประเดน็ ตามเน้ือหาตามที่กาหนด - ความชดั เจนในการนาเสนอสามารถมองเห็นไดช้ ดั เจน - ตอบข้อสงสัยได้ตรงประเด็น - มีความพอพียง ไมท่ ุจริต 5.3 เกณฑ์การตดั สนิ - เกณฑ์การประเมินกิจกรรมพฤติกรรมการปฏิบตั งิ านของนักเรยี น ระดบั คณุ ภาพดี - เกณฑ์การประเมนิ กิจกรรมวธิ กี ารนาเสนอผลงานของแตล่ ะกลมุ่ ระดบั คุณภาพดี 7 บันทกึ หลังสอน ........................................................... .............................................................................................. ....... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. .................................................................... ......................... ลงชอื่ ................................................ ครูผ้สู อน (.................................................)
- 139 - ใบความรู้ ความโปร่งใสความโปร่งใส (Transparency) หมายถึง การกระทาใดๆของรัฐ ท้ังในระดับบุคคล และองค์กรท่ีผู้อ่ืนสามารถมองเห็นได้ คาดเดาได้ และเข้าใจได้ ครอบคลุมถึงการกระทาที่เป็นผลมา จากการตัดสินใจของผู้บริหาร ต่อการดาเนินงานตามภารกิจ และงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ โดยมี ระบบงานและขั้นตอนการทางานท่ีชัดเจน ซึ่งจะดุได้จากกฎระเบียบหรือประกาศของทางราชการมี หลักเกณฑ์การประเมินหรือการให้คุณให้โทษท่ีชัดเจน การเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง และช่วยป้องกัน ไม่ให้เกิดการทุจริต รวมท้ังนาไปสู่การสร้างความไว้วางใจซ่ึงกันและกันทั้งระหว่างผู้ร่วมในองค์กร เดียวกัน ระหว่างประชาชนต่อรัฐไปจนถึงระหว่างคนในชาติเดียวกัน ดังนั้น ทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรเอกชนควรปรับปรุงกลไกลการทางานที่มีความโปร่งใส มีการเปิดเผล ขอ้ มลู ข่าวสารท่เี ปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งตรงไปตรงมาด้วยภาษท่ีเข้าใจง่าย เพอื่ ประชาชนจะได้เข้าถึงข้อมูล ข่าวสารได้โดยสะดวก และช่วยตรวจสอบความถูกต้องในทางานได้ โดยมีหลักปฏิบัติใน ๓ เรื่อง คือ การให้และเปดิ เผยข้อมูลในการจดั ซ้อื จัดจ้าง มาตรฐานการปฏบิ ตั ิงาน และการจัดการข้อรอ้ งเรียน
ประเมนิ - 140 - แบบบนั ทึกพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม กล่มุ ท่ี (ชอ่ื กลมุ่ ) .......................................................................................................... สมาชิกในกลุ่ม 1. 2....................................................................... ...................................................................... 3. 4....................................................................... ...................................................................... 5. ...................................................................... คาชแ้ี จง: ใหน้ ักเรียนทาเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งทีต่ รงกบั ความเป็นจริง พฤติกรรมท่ีสังเกต คะแนน 1 32 1. มีความสามคั คีและมีส่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็น 2. มีความกระตือรือร้นในการทางาน 3. รับผดิ ชอบในงานทไี่ ด้รับมอบหมาย 4. มีขัน้ ตอนในการทางานอย่างเปน็ ระบบ 5. ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม 6. ความซ่ือสตั ยส์ จุ ริต ในการทางานด้วยตนเอง รวม เกณฑ์การใหค้ ะแนน คะแนน พฤตกิ รรมท่ีทาเปน็ ประจา ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทท่ี าเป็นบางครั้ง ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทที่ าน้อยคร้งั ให้ 1 ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
- 141 - แบบประเมนิ การนาเสนองาน หวั ข้อ - การเตรียมความ -ความชดั เจนใน --มีความพอ - ผลงานเสรจ็ สรปุ พรอ้ ม การนาเสนอ เพยี ง สมบูรณ์ตามเวลาท่ี สามารถมองเหน็ - ตอบข้อสงสยั ได้ ไม่ทุจริต กาหนด ไดช้ ดั เจน ตรงประเด็น ข้อท่ี ช่ือ / กลุ่ม ผนู้ าเสนองาน ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ 20 ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ เกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ดมี าก ระดับ 4 หมายถงึ มคี วามพร้อม ถกู ต้อง ชดั เจน สมบูรณ์ คะแนน 17-20 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดี ระดับ 3 หมายถึง มคี วามบกพรอ่ งเล็กนอ้ ย แก้ไขด้วยตนเองได้ คะแนน 13-16 ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถงึ พอใช้ ระดบั 2 หมายถงึ มีความบกพร่องตอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลือ คะแนน 9-12 ระดับคุณภาพ 2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ ระดบั 1 หมายถึง มีความบกพรอ่ ง ไมถ่ กู ต้อง ไมส่ มบรู ณ์ คะแนน 5-8 ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ เกณฑก์ ารผา่ น ตง้ั แตร่ ะดับคุณภาพพอใช้ขนึ้ ไป สรุป ผา่ น ไมผ่ า่ น ลงชือ่ ..........................................................ผ้ปู ระเมิน (........................................................)
- 142 - ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยที่ ๓ ชื่อหน่วย STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจริต แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรอื่ ง ตนื่ รู้ 1. ผลการเรียนรู้ มคี วามรู้ ความเข้าใจ STRONG / จติ พอเพียงตอ่ ต้านการทจุ ริต ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 นักเรียนอธบิ ายความหมาย ตืน่ รู้ได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถคิดวิเคราะห์ แยกแยะการกระทาใดทม่ี ีการตืน่ รไู้ ด้ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ ต่นื คือตืน่ จากความหลง ความไมร่ ู้ (อวิชชา) มสี ติอยู่กบั สิ่งท่ีเกิดขนึ้ ส่ิงที่อยู่ตรงหน้า คนทอี่ ยู่ ตรงหนา้ คอื อยู่กับสิ่งทท่ี า คาพูด อยู่กับอริยบทท่ีเคล่ือนไหว รู้ คอื รู้ความจริงของชีวิตว่าสรรพส่งิ ไม่แน่ สรรพสงิ่ ไม่ได้ดังใจ สรรพสงิ่ ไม่มีอะไรสมบูรณ์ คือไม่เทยี่ ง ไมท่ นไม่แท้ หรืออกี ความหมายหนง่ึ คือรูว้ า่ อะไรคือความทุกข์ อะไรคือการดบั ทกุ ข์ และอะไรคือเหตุแห่งทกุ ข์ รู้วธิ ีดับทกุ ข์ และรูว้ ธิ กี ารจัดการความทุกขน์ ้นั ต่นื รคู้ ือ การมีสติ รูค้ วามจริงว่าอะไร เป็นเหตุ อะไรคือผลทีเ่ กิด และอยู่กบั ส่งิ ที่เกดิ ขึน้ ที่อยตู่ รงหน้า รูแ้ ละมีสตใิ นการจัดการเหตุท่ีเกดิ ข้นึ น้นั ๆว่าต้องทาอยา่ งไร 3.2 ทักษะ / กระบวนการ ๓.๒.1. ความสามารถในการสอื่ สาร ใช้ภาษาถา่ ยทอดความคดิ ๓.2.๒. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพ่ือนาไปสกู่ ารสร้างองค์ความรูใ้ นการตัดสนิ ใจ เก่ยี วกบั ตนเองและสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม ๓.๒.3. ความสามารถในการแก้ปัญหาอปุ สรรคตา่ ง ๆดว้ ยความตื่นรู้ ท่เี ผชญิ ได้อย่างถกู ต้องบน พื้นฐานของหลกั เหตแุ ละผล ตามหลกั คุณธรรม โดยคานึงถึงผลกระทบทเี่ กดิ ขึ้นตอ่ ตนเอง สังคมและ สว่ นรวม ๓.๒.4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิตในการดาเนนิ ชีวติ และรจู้ ักหลีกเลย่ี งไมใ่ หเ้ กดิ ปัญหาที่ ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่นื 3.3 คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ / คา่ นิยม ๕. ม่งุ มั่นในการทางาน จนสาเร็จ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 ขน้ั ตอนการเรียนรู้ 1. นักเรียนอ่านนิทานเรอื่ ง การมสี ตติ ่ืนรู้ แลว้ รว่ มกันอภิปรายถึงการแก้ปญั หาของชายหนุม่ กับ โจรว่าใครมีสติตน่ื รมู้ ากกวา่ กัน ถ้าเป็นนกั เรยี นประสบปญั หาลักษณะนจ้ี ะทาอย่างไร และใครมีวธิ แี กไ้ ขปญั หา ทีด่ อี ย่างไรได้อีก 2. ครหู าขา่ วทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การทุจรติ เช่น คดีทจุ รติ จัดซ้ือรถแลละเรอ่ื งเรือดับเพลิงของ กรงุ เทพมหานคร มาใหน้ กั เรียนอ่าน
- 143 - ๒. ครูซักถามนักเรียน ใครเคยรขู้ ่าวนี้มากอ่ น และใครไมเ่ คยรู้ข่าวนี้มาก่อน ครสู รปุ วา่ คนทร่ี ู้ขา่ วเรือ่ งนี้ แสดงวา่ เป็นผู้รู้ในเรอื่ งการทจุ ริต สว่ นนักเรียนที่ไมเ่ คยรู้ข่าวเรื่องน้มี าก่อน แสดงว่าเป็นผูไ้ ม่ตน่ื ร้ใู นเรือ่ ง การ ทจุ ริต ๓. นักเรียนแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับขา่ วการทุจริตนี้ ๔. นกั เรยี นสบื ค้นข้อมูลขา่ วจากอินเตอรเ์ นต็ เกย่ี วกับการทุจริตเพ่อื นามาวิเคราะห์ตามความเปน็ จริงมาก ขึน้ แล้วนาข้อมูลท่ีค้นควา้ มาจัดทาป้ายนิเทศ 4.2 สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้ 1) ใบความรู้ นิทานเร่ือง การมีสตติ นื่ รู้ 2) ข่าวเร่อื ง คดีทุจรติ จัดซื้อรถและเรือดับเพลงิ ของกรงุ เทพมหานคร ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7.1วธิ ีการประเมิน - ตรวจผลงานการทางานของนักเรียน - แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ๕.๒ เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการประเมนิ ๕.๒.๑ แบบบันทกึ การให้คะแนนผลงาน 5.3 เกณฑก์ ารตดั สนิ - เกณฑ์การให้คะแนนการตรวจผลงานนกั เรยี น - เกณฑ์การให้คะแนนการสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ - เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมตามคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์. 8 บันทึกหลังสอน ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ ................................................ ครผู ูส้ อน (.................................................)
- 144 - ใบความรู้ นทิ านเรือ่ ง การมสี ติต่นื รู้ ชายหนุ่มคนหน่ึงเกิดมาในครอบครัวท่ียากจนมาก แถมยังไม่มีงานทาอีกด้วย เพราะเศรษฐกิจใน ประเทศไทยตกต่า กาลังเผชิญปัญหาหาว่างงาน แต่เขาเป็นคนมีปัญญาใฝ่รู้ เขาจึงขวนขวายไปทางานท่ี ต่างประเทศ งานดีเงินดี เขาเป็นคนขยันมัธยัสถ์อดออม สามารถเก็บสะสมเงินก้อนโตได้ในเวลาไม่นานจึง ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนเพ่ือตั้งตัว ระหว่างเดินทางกลับบ้านในชนบท เขาโดนโจรใช้ปืนจึ้เอา เงิน เขานึกสลดสังเวชใจว่า อุตสาห์ทางานเหนื่อยยากเก็บหอมรอมริบในต่างประเทศ แต่กลับมาเป็นปลาตาย น้าต้นื ถูกจบ้ี า้ นเราเอง อย่างไรก็ตามเพ่ือความปลอดภัย เขาจาใจมอบเงินทั้งก้อนของเขาให้โจรไป ... แต่เขา จะไมย่ อมเสียเงนิ ไปงา่ ยๆหรอก.... เขาตัง้ สตคิ ดิ หาเงินคนื จากโจร...... ชายหนุ่ม “พี่ครบั ผมอุตสาห์ลงทุนลงแรงเดนิ ทางไปทางานเมืองนอกนนู่ เปน็ ปๆี เหนอ่ื ยยากแสน สาหัสเพอ่ื หาเงินมาเลย้ี งครอบครวั ผมบอกทางบ้านวา่ ผมหาเงินมาได้เยอะแยะ ทนี่ ี้พ่ีมาเอาเงินผมไปหมดอย่าง นี้ ผมกลบั ถึงบ้านผมคงแย่แน่ๆ ทุกคนต้องคดิ ว่าผมโกหก คงไม่มีใครเช่อื หรอกวา่ ผมไปทางานประสบ ความสาเร็จจนรวย ไหนๆ...พ่เี อาเงนิ ผมไปแลว้ ...ผมกไ็ มร่ ูจ้ ะวา่ ยงั ไง...แต่พช่ี ว่ ยผมบา้ งแล้วกัน.....ชว่ ยรักษาหน้า ผมหนอ่ ย ชว่ ยยิงปนื ใสก่ ระเป๋าใส่เงินใบนส้ี ักสองนดั เถิดครับ ทางบา้ นผมเขาจะได้เช่อื วา่ ผมถกู จ้จี รงิ ๆไม่ได้ โกหก” โจรอารมณด์ ีมาก เพราะจค้ี ร้ังนไี้ ด้เงนิ ก้อนโตเกินคาด โจร “เอาส!ิ ”วา่ แล้วกย็ ิง ปัง! ปงั ! ใสก่ ระเป๋าของชายหนมุ่ จนเป็นรู ชายหนุ่ม “ขอบคณุ มากครับ แต่เอ้อ! ถ้าที่หมวกก็โดนลูกกระสูนซักนัดสองนัด มันก็น่าจะดูสมจริงสม จงั มากข้ึนนะพี่” โจร “กด็ า้ ย...ไม่มปี ญั หา” ว่าแล้วก็ยงิ ปงั ! ปัง! ทาให้หมวกเป็นรู ชายหนุ่ม “อกี สักสองนดั ทีเ่ ส้ือแจก๊ เก็ตผมดว้ ยครบั ” โจรกาลังตื่นเตน้ ดีใจจนประมาท ขาดสตสิ มั ปชัญญะ ยกปนื ยงิ เสอ้ื แจ๊กเก็ตชายหนุม่ ทะลุ ขาดเปน็ รู สองร.ู ...กระสนุ หกนดั ในกระบอกปนื หมดเกลย้ี งพอดี.... ชายหนุ่มผู้มีสติตั้งม่ัน คิดหาอุบายให้โจรยิงอะไรก็ได้ท่ีไม่ใช่ตัวเขาจนหมดกระสุน ทันทีท่ีกระสุนหมด และกอ่ นท่โี จรจะสานึกได้ เขากว็ ง่ิ เขา้ ใสโ่ จร จูโ่ จมอยา่ งรวดเรว็ จนสามารถจับโจรได้ และเขาก็ได้เงินของเขาคืน มาทั้งหมด ท่านอาจารย์ว่านิทานเร่ืองนี้สอนว่า คนที่สามารถต้ังสติสงบอารมณ์ได้ ย่อมมีปัญญาแก้ไขปัญหาได้ ดีกว่าคนเจ้าอารมณ์ สาหรับบางคนถ้าโดนโจรจี้หมดเงินหมดทอง ก็มักจะโอดครวญโทษเวรโทษกรรม หมด กาลงั ใจเสียใจจนไมค่ ดิ หาทางแกไ้ ข คติคาสอน สติ จาเปน็ ในท่ที ้งั ปวง สติ สพฺพตฺถ ปตฺถิยา
- 145 - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ รายบคุ คล ความ การแสดงความ การตอบ การยอม ทางานตามท่รี บั รวม ท่ี ชือ่ -สกลุ สนใจ คิดเหน็ คาถาม รับฟังคนอน่ื มอบหมาย คะแนน ผลการ 55 55 5 20 ประเมนิ *หมายเหตุ ไดค้ ะแนน 11 ข้ึนไป ผา่ นเกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การวดั ผล ให้คะแนนระดับคุณภาพของแตล่ ะพฤติกรรมดังนี้ ดมี าก = 18-20 สนใจฟัง ไม่หลับ ไม่พดู คยุ ในชน้ั มีคาถามท่ีดี ตอบคาถามถูกต้อง ทางานสง่ ครบตรง เวลา ดี = 15-17 การแสดงออกอยู่ในเกณฑป์ ระมาณ 70% ปานกลาง = 11-14 การแสดงออกอยู่ในเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 0-10 เขา้ ช้ันเรยี น แตก่ ารแสดงออกน้อยมาก ส่งงานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา ลงชื่อ……………………………….ผู้ประเมนิ (……………………………….) …………/…………/………
- 146 - แบบประเมนิ ผลงาน ผลงานตรง ผลงานตรงกับ ผลงานมี ผลงานมี ผลงานมีความ รวม กับ จุดประสงค์ ความคิด ความ เป็น เป็นระเบียบ คะแนน จุดประสงค์ ทก่ี าหนด สรา้ งสรรค์ ระเบียบ ท่ี ชื่อ -สกุล ท่ีกาหนด ผลการ 5 5 5 5 5 20 ประเมนิ *หมายเหตุ ได้คะแนน 11 ข้ึนไป ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การวดั ผล ให้คะแนนระดบั คุณภาพของแตล่ ะพฤติกรรมดังนี้ ดมี าก = 18-20 สนใจฟงั ไมห่ ลบั ไมพ่ ูดคยุ ในชั้น มีคาถามทด่ี ี ตอบคาถามถกู ต้อง ทางานส่งครบตรงเวลา ดี = 15-17 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 11-14 การแสดงออกอยู่ในเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 0-10 เขา้ ชน้ั เรียน แตก่ ารแสดงออกน้อยมาก สง่ งานไมค่ รบ ไม่ตรงเวลา ลงชื่อ……………………………….ผู้ประเมิน (……………………………….) …………/…………/………
- 147 - เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน รายการประเมนิ 5 4 คะแนน 2 1 0 ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานไม่ ไม่ทาผลงาน 1. ผลงานตรง จดุ ประสงค์ กับจุดประสงค์ 3 กับจดุ ประสงค์ สอดคลอ้ งกบั ไมท่ าผลงาน กับจดุ ประสงค์ ทกุ ประเด็นมากทสี่ ดุ ทุกประเด็น ผลงานสอดคลอ้ งกับ บางประเด็น จดุ ประสงค์ ไม่ทาผลงาน ทก่ี าหนด เนอ้ื หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ จดุ ประสงค์ เนอ้ื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกตอ้ ง เป็นส่วนใหญ่ ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานไม่ถูกตอ้ ง ไม่ทาผลงาน 2. ผลงานมี ครบถ้วนดเี ยยี่ ม ครบถว้ น เนือ้ หาสาระของ เปน็ บางประเดน็ เปน็ ส่วนใหญ่ ความถูกต้อง ผลงานมีความคิด ผลงานมีความคดิ ผลงานถกู ต้อง เปน็ ผลงานมคี วาม ผลงานไมน่ ่าสนใจ ไมท่ าผลงาน สมบูรณ์ สรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์ สว่ นใหญ่ น่าสนใจ แต่ยงั ไมม่ ี ไมม่ คี วามคิด แปลกใหม่ แปลกใหม่ ผลงานมคี วามคดิ ความคิดสรา้ งสรรค์ สร้างสรรค์ 3.ผลงานมี และเป็นระบบมาก และเป็นระบบ สร้างสรรค์ แต่ยงั แปลกใหม่ แปลกใหม่ ความคิด ท่สี ุด ไมเ่ ป็นระบบ สรา้ งสรรค์ ผลงานมีความเปน็ ผลงานมีความเปน็ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญ่ ระเบยี บ แสดงออก ระเบียบ แสดงออก ผลงานส่วนใหญ่ มี ระเบียบ แต่มขี อ้ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ 4. ผลงานมี ถึงความประณีต ถึงความประณีต ความเปน็ ระเบยี บ บกพรอ่ งบางส่วน และ ความ เป็น แตย่ งั มีขอ้ บกพรอ่ ง มีข้อบกพรอ่ ง ระเบียบ สง่ ผลงานตามเวลาที่ ส่งผลงานตามเวลา เล็กนอ้ ย ส่งผลงานช้ากว่า สง่ ผลงานช้ากวา่ กาหนดทส่ี ดุ ที่กาหนด สง่ ผลงานชา้ กวา่ เวลาทก่ี าหนด เวลาทีก่ าหนด 5. ผลงานเสรจ็ เวลาทก่ี าหนด 3-5 วัน เกนิ 5 วันขึ้นไป ตามเวลาที่ 1-2 วัน กาหนด เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 17 – 20 ดมี าก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5 – 8 ปรับปรงุ ลงช่ือ..........................................................ผู้ประเมิน (........................................................)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243