49
50 ปรับ เปล่ยี น และเรยี นรู้ “แกนนำ�ปีแรกมีอยู่ 12 คน ปีนี้เหลือพวกเราทำ� เมอ่ื ความคดิ วธิ กี ารท�ำ งานตกตะกอน พวกเขา หลักๆ กันอยู่ 5 คน แต่เรากไ็ ม่ทอ้ ถอยหรอื รูส้ ึกนอ้ ยใจ จึงวางแผนการทำ�งานระยะยาว โดยกำ�หนดเป็น เพราะเขา้ ใจไดว้ า่ ในปแี รกพวกเราไมไ่ ดเ้ ตรยี มความพรอ้ ม ปฏิทินกิจกรรม เพื่อช่วยแก้ปัญหาเร่ืองการบริหาร ของตัวเองดีพอ ไม่สามารถสื่อสารให้สมาชิกในกลุ่ม จัดการเวลา ทำ�ให้สมาชิกในกลุ่มกลับมาทำ�งาน เข้าใจการทำ�งานในทิศทางเดียวกันได”้ มาส เอย่ ขึ้น ร่วมกันได้อีกคร้ัง นอกจากนี้ ปฏิทินการทำ�งาน ยังช่วยให้พวกเขาแบ่งบทบาทหน้าที่กันง่ายข้ึน บทเรยี นจากการไมร่ บั ฟงั ผอู้ น่ื และไมท่ �ำ งานเปน็ ทมี ยง่ิ เมอ่ื เปดิ โอกาสใหส้ มาชกิ ทกุ คนชว่ ยคดิ และแสดง ท�ำ ให้เสียเวลา ทัง้ ขอ้ มูลท่ีได้ก็ยังไมม่ คี ุณภาพมากพอท่ี ความคิดเห็น งานจึงเดินหน้าได้อย่างเป็นระบบ จะนำ�มาใช้ประโยชน์เพ่อื สานต่อโครงการได้ ดว้ ยเหตุนี้ เพราะแตล่ ะคนรวู้ า่ ตวั เองมบี ทบาทหนา้ ทอี่ ะไร และ พวกเขาจึงนำ�ข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดท่ีเกิดขึ้นมา ต้องรับผดิ ชอบอะไรในแต่ละกจิ กรรม ทงั้ ยังจดั สรร เปน็ บทเรยี น เพอ่ื ปรบั ปรงุ ตวั เองและการท�ำ งานของทมี เวลาท�ำ โครงการและแบง่ เวลาใหก้ บั การเรยี นไดล้ งตวั “ปแี รกยอมรบั เลยวา่ ผมฉายเดย่ี ว ใชต้ วั เองเปน็ “ก่อนหน้าน้ีเวลาเรียกประชุมเราจะเรียกแบบ ศนู ยก์ ลาง ท�ำ อะไรไมร่ อ ไมถ่ ามใคร ปา่ ใหญข่ นาดนน้ั กะทนั หนั มาก จงึ ไมแ่ ปลกทหี่ ลายคนมารว่ มประชมุ ดว้ ย ผมคนเดยี วท�ำ อะไรไมไ่ ดห้ รอก เราตอ้ งชว่ ยกนั ” มาส ไมไ่ ด้ เพราะตดิ ธรุ ะส่วนตัว แต่พอเราวางแผนระยะยาว สะท้อนความคิด แล้วยำ้�ว่า การทำ�งานเป็นทีมต้อง วา่ เดอื นนจ้ี ะท�ำ กจิ กรรมอะไร อาทติ ยน์ ี้ วนั นจ้ี ะท�ำ อะไร แยกภาวะความเป็นผู้นำ�ออกจากการเป็นนักตัดสิน แตล่ ะคนจึงจดั สรรเวลาของตัวเองได้ ตอนไหนควรแบง่ ต้องวางระเบียบและข้อตกลงในกลุ่มให้ได้ โดยเฉพาะ เวลาใหก้ บั การเรยี น ตอนไหนออกมาท�ำ กจิ กรรม ถา้ งาน อยา่ งย่งิ ในกรณที ต่ี อ้ งทำ�งานรว่ มกันมากกวา่ 1 คน
51 “การประชมุ ” จึงไม่ใช่เร่อื งน่าขยาดส�ำหรับกลุ่มเยาวชนฮักบา้ นเกิดอกี ต่อไป พวกเขาสามารถพัฒนารปู แบบการประชุมใหม้ ปี ระสิทธภิ าพเพิ่มข้นึ ดว้ ยการ มอบหมายโจทยก์ ารบ้านหรือประเด็นการประชุมในวาระถดั ไป ให้สมาชกิ ท�ำการบา้ นมากอ่ นลว่ งหน้าจะไดไ้ ม่ใชเ้ วลาประชุมมากเกนิ ไป ส่วนกลวธิ ีที่ใช้ ในการสรา้ งสีสันและคน้ สาระท่ีต้องการในเชงิ ลึก พวกเขาน�ำวิธกี ารเขียน ลงกระดาษทีไ่ ด้เรยี นร้จู ากการอบรมจากพี่ๆ โครงการปลกู ใจรักษ์โลก มาประยุกตใ์ ชอ้ ย่างไดผ้ ล” โรงเรยี นและโครงการชนกนั จนเลอื่ นไมไ่ ดจ้ รงิ ๆ แกนน�ำ คนทวี่ า่ งกต็ อ้ งเขา้ มารบั ผดิ ชอบสานงานไปกอ่ น” มาส ย้�ำ ภาพการทำ�งานของทมี ขณะทอ่ี มุ้ ย�ำ้ วา่ ความเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการท�ำ งานของทมี หลงั มกี ารวางแผนงานระยะยาว อยา่ งชดั เจน คอื สมาชกิ กลมุ่ มาประชมุ กนั ไดอ้ ยา่ งพรอ้ มเพรยี ง เปน็ การสรา้ งโอกาสใหท้ มี ไดแ้ ลกเปลย่ี น ความคิดเหน็ กัน ย่ิงประชุมกย็ งิ่ ไดไ้ อเดียจากคนอน่ื การท�ำ งานกส็ นกุ และง่ายขน้ึ ด้วยเหตุนี้ “การประชมุ ” จึงไมใ่ ช่เรอ่ื งน่าขยาดสำ�หรับกล่มุ เยาวชนฮกั บา้ นเกดิ อีกต่อไป พวกเขา สามารถพัฒนารูปแบบการประชุมให้มีประสิทธิภาพเพ่ิมขึ้น ด้วยการมอบหมายโจทย์การบ้านหรือ ประเด็นการประชุมในวาระถัดไปให้สมาชิกทำ�การบ้านมาก่อนล่วงจะได้ไม่ใช้เวลาประชุมมากเกินไป ส่วนกลวธิ ที ใี่ ช้ในการสรา้ งสีสนั และค้นสาระที่ต้องการในเชิงลกึ พวกเขาน�ำ วธิ กี ารเขยี นลงกระดาษท่ีได้ เรยี นรู้จากการอบรมจากพ่ๆี โครงการปลูกใจรกั ษโ์ ลกมาประยกุ ต์ใช้อย่างไดผ้ ล การเขยี นสอ่ื สารสง่ิ ทต่ี อ้ งการแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ หรอื น�ำ เสนอลงในกระดาษ เปน็ การตกตะกอน สิ่งท่ีแต่ละคนคดิ ออกมาเป็นตวั อักษรแทนคำ�พูด ตัวอกั ษรทว่ี า่ มนี ำ้�หนกั ในการส่อื สารเชงิ ลกึ เน่ืองจาก ผเู้ ขียนมเี วลาคิดกอ่ นเขยี น มากกว่าคิดแล้วพดู “ไม่กลา้ พูด กลวั พูดไมถ่ ูก แตถ่ ้าเขียนจะมเี วลาคดิ เยอะกวา่ ไม่ตอ้ งเขินและเกรง็ ” แพรว กล่าว สรา้ ง “มลู คา่ ต้นไม้” ใหเ้ ป็นดชั นชี ้ีวดั เม่ือจดั ทพั จดั ทมี และวางแผนการท�ำ งานลงตวั คำ�ถามคือ “ข้อมลู ” ทีไ่ ด้มาจะสื่อสารให้คนใน ชมุ ชนเหน็ ถึงผลเสยี ของการตัดไมท้ �ำ ลายป่าอย่างเปน็ รปู ธรรมชัดเจนขน้ึ ได้อย่างไร การสร้างมลู คา่ ให้กบั ทรพั ยากรปา่ ไม้ท่ีถกู ทำ�ลายไป คือ คำ�ตอบของโจทยน์ ี้ “ถ้าเราพูดวา่ มคี นตัดตน้ ไมอ้ อกไป 2 ต้น ฟงั แลว้ กย็ ังรู้สกึ เฉยๆ ไม่ได้รู้สกึ ว่าสูญเสียอะไร แตถ่ ้าเรา แปลงคา่ ต้นไม้ 2 ตน้ เปน็ มลู คา่ ยกตัวอยา่ ง ต้นไม้ 2 ตน้ คิดเป็นมลู ค่า 2 หมน่ื บาท ความรู้สึกทเี่ กิดขนึ้ จากการรบั รขู้ อ้ มลู จะแตกตา่ งกนั ทนั ที ตน้ ไมห้ ายไป 2 ตน้ เทา่ กบั ชมุ ชนของเรา ปา่ ของเราจา่ ยเงนิ ออก ไปใหค้ นอน่ื ฟรๆี ” มาส อธบิ าย กลุ่มเยาวชนฮักบ้านเกดิ เนน้ ย้ำ�วา่ การสรา้ งความตระหนักรูต้ ้องทำ�ใหค้ นในชุมชนเหน็ ผลกระทบ ทเี่ กิดข้ึนกับตัวเอง ด้วยการฉายใหเ้ ห็นภาพใหญ่แลว้ ค่อยสาวมาถึงชวี ติ ประจำ�วนั ของคนในชุมชน
52 “เราบอกวา่ เดมิ ปา่ สมบรู ณ์ สามารถเกบ็ ของปา่ “การมีส่วนรว่ มของชมุ ชน” ออกมากนิ มาขายได้ กใ็ หค้ นในชมุ ชนลองคดิ ครา่ วๆ ปลายทางความส�ำเร็จ วา่ เหด็ โคน เหด็ น�้ำ ผงึ้ หนอ่ ไม้ ผกั กดู ผกั หวานทเ่ี กบ็ มาในปีๆ หนึ่งคิดเป็นเงินเท่าไร ตอนน้ีป่าไม่มีผัก ด้วยประเมินการทำ�งานของกลุ่มได้ว่ายังขาด ไมม่ เี หด็ ใหเ้ กบ็ แลว้ นน่ั หมายถงึ ตอ้ งใชเ้ งนิ ไปซอื้ พชื “การมีส่วนร่วมกับชุมชน” กลุ่มเยาวชนฮักบ้านเกิด ผกั เหล่าน้ันเป็นจำ�นวนเงนิ กี่บาท การอธบิ ายแบบนี้ จึงจัดการประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย เพ่ือแนะนำ� จะท�ำ ใหค้ นในชมุ ชนเหน็ ภาพวา่ เขาเคยไดอ้ ะไร และ โครงการ แนะนำ�ตัวเอง และเผยแพรค่ วามรู้เกย่ี วกบั ปา่ เสียอะไรไป” อุ้ม อธบิ ายต่อ ทุกวนั อังคาร วนั พฤหัสบดี และวันเสาร์ เวลา 18.30 น. โดยมเี ป้าหมายเพ่ือประชาสมั พนั ธก์ จิ กรรม สรา้ งความ มาส บอกวา่ เรอ่ื งทค่ี นทว่ั ไปมองวา่ เปน็ เรอ่ื งธรรมดา คุ้นเคยและให้ความรู้แก่คนในชุมชน อย่างการตัดไม้ไผ่จากป่ามาเหลาเพ่ือทำ�เป็นไม้ค้ำ�ยัน สำ�หรับปลูกไม้เล้ือยที่มีนายทุนเข้ามาส่งเสริมให้ปลูก “ผู้ใหญ่หลายคนก็มาทักมาถามว่าใช่กลุ่มพวกเรา เชน่ มะระ แตงกวา แตงโม และฟกั ทอง ก็สามารถนำ� หรอื เปลา่ ทไ่ี ปประชาสมั พนั ธ์ เขาบอกวา่ พดู จาชดั เจนดี มาแปลงเป็นมูลค่าได้ มีสาระ แตอ่ าจจะหลุดตลกข�ำ ๆ กันเองบ้าง เรากต็ ้อง ปรบั ปรุง” อุม้ กล่าว “ตา่ งคนต่างไปตัดไม้ออกมา เพียงเพราะคดิ ว่า มีอีกเยอะ สุดท้ายแม้แต่ไม้ไผ่ก็ยังลดลงอย่างเห็น นอกจากน้ียังใช้งานบุญรอยพระบาทของหมู่บ้าน ได้ชดั ” เป็นโอกาสในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการ ซ่ึง ได้รับการตอบรับจากเด็กและเยาวชน รวมถึงชาวบ้าน เปน็ อยา่ งดี
53 “ชอบการทำ� งานเปน็ ทมี เพราะมโี อกาสเรียนร้นู สิ ัยใจคอและมมุ มองความคิด ของคนอ่นื ทั้งยังได้ฝกึ ฝนทกั ษะการใช้ชีวติ ของตัวเอง ด้วยการปรบั ตัวเข้าหา ผอู้ ่นื ไดด้ ีข้นึ เห็นชดั เลยว่าขี้สงสัยมากข้ึน อยากรอู้ ยากถาม อยากเข้าไปคุยกบั คนอ่นื แลว้ เราเองก็ไดค้ วามรู้ท่เี ปน็ ประโยชน์กลบั มา” “เราไม่ไดจ้ ัดบูธให้ความรู้ แต่เราทำ�โปสการด์ รูปสถานทสี่ ำ�คัญในชมุ ชน ต้นไมป้ ระจ�ำ ถิน่ และให้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตน้ ไมท้ มี่ ปี ระโยชนใ์ นปา่ ลงไปในโปสการด์ ดว้ ย ภาพพวกนเี้ ปน็ ภาพทพี่ วกเราถา่ ยตอนไป ลงพ้ืนท่ี ท�ำ มา 120 แผ่นกห็ มด แล้วมคี นมาถามหาเพิม่ อีก” มาส กลา่ ว “สามัคค”ี คือ “พลัง” 2 ปขี องการทำ�โครงการ แม้จะเตม็ ไปด้วยปัญหาอุปสรรคมากมาย แตก่ ลุ่มเยาวชนกไ็ ดเ้ รียนรแู้ ละ พัฒนารปู แบบการทำ�กิจกรรมของตัวเอง แม้แกนน�ำ มีจำ�นวนนอ้ ยลง แต่ความสามคั คกี ลับมีมากข้ึน “แกนน�ำ หลักๆ มกี นั ไมก่ ค่ี น แต่เราคยุ กันได้ทัว่ ถึง พอจดั กิจกรรมก็ไดน้ อ้ งๆ มาช่วย ตอนนี้มนี ้อง 8 คนทไ่ี ว้ใจไดเ้ ขา้ มาชว่ ยงานลงพ้นื ท่เี กบ็ ข้อมูลครงั้ ต่อไป เปน็ น้องประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6 ที่เขา้ มาชว่ ย แบ่งเบางานด้านการจดบนั ทกึ ข้อมูล เพราะน้องๆ จดละเอียดและจับใจความเก่ง” มาส กล่าว ด้านอมุ้ สะท้อนวา่ จากเดิมที่เปน็ คนขีห้ งดุ หงดิ ไมช่ อบทำ�งานร่วมกบั ใคร แต่ตอนนีก้ ลับชอบ การท�ำ งานเปน็ ทมี เพราะมโี อกาสเรยี นรนู้ สิ ยั ใจคอและมมุ มองความคดิ ของคนอน่ื ทง้ั ยงั ไดฝ้ กึ ฝน ทักษะการใช้ชีวิตของตัวเอง ด้วยการปรับตัวเข้าหาผู้อื่นได้ดีขึ้น เห็นชัดเลยว่าขี้สงสัยมากข้ึน อยากรู้ อยากถาม อยากเขา้ ไปคุยกับคนอื่น แลว้ เราเองก็ไดค้ วามรู้ทเ่ี ปน็ ประโยชนก์ ลบั มา ส่วนความเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นในภาพรวมต่อชุมชน ถึงแม้จะไม่เห็นความสมบูรณ์ของป่าอย่าง ทันตา แต่กลุ่มเยาวชนฮักบ้านเกิดกล่าวอย่างม่ันใจว่า ชาวบ้านรับทราบข้อมูล แล้วหันมาสนใจ สอดส่องดแู ลปา่ มากขึ้น “เดย๋ี วนเี้ วลาชาวบา้ นเหน็ พริ ธุ วา่ ใครจะเขา้ มาตดั ไมใ้ นปา่ เขาจะบอกตอ่ ๆ กนั เอง อาจจะแจง้ ก�ำ นันหรอื ใครให้เข้ามาชว่ ยดู” แพรว กล่าว ด้าน แอล-ชิดชนก หล้าปาวงศ์ แม้จะเป็นแกนนำ�รุ่นใหม่ท่ีเพิ่งเข้ามาร่วมโครงการได้ไม่นาน แต่เพราะรุ่นพี่ทำ�งานให้เห็นเป็นตัวอย่าง เมื่อมีโอกาสได้เข้ามาร่วมกิจกรรม แอลจึงมุ่งม่ันต้ังใจเต็มท่ี ดว้ ยมคี วามอยากทำ�และมีความรกั ในทรพั ยากรธรรมชาติอย่แู ล้วเป็นทนุ เดิม “ถ้าพี่ๆ อยากให้ออกความคิดเห็นอะไร ถ้าเราพอคิดได้ก็จะช่วยเสนอ พ่ีๆ ทำ�อะไรก็อยากเข้า มาช่วย เพราะเหน็ ว่าส่งิ ที่ท�ำ เปน็ ประโยชน์ตอ่ ชุมชนของตัวเอง มาทำ�งานแบบนีม้ นั เหน่ือยก็จริง แต่ได้ สรา้ งประโยชน์ ถา้ อยบู่ า้ นเฉยๆ นอกจากการบา้ นการงานของตวั เอง เราก็ไม่ได้สร้างคุณค่าอะไร อีกอย่างถ้าเราสนุกไปกับการทำ�งาน มันก็ไม่เหน่ือย แต่ถ้ามีความขี้เกียจ ทำ�อะไรก็เหน่ือย ทำ�แบบ ขอไปที งานทอ่ี อกมากไ็ ม่มคี ุณภาพ กอ็ ย่าท�ำ ดกี วา่ ”
54 เช่นเดียวกับมาสที่ยอมรับว่า โครงการนี้ช่วยพัฒนาให้คนข้ีเกียจอย่างเขา มคี วามตน่ื ตวั รจู้ กั รบั ผดิ ชอบตอ่ ตวั เองและสว่ นรวมมากขนึ้ เมอื่ กอ่ นท�ำ อะไร กแ็ คท่ ำ�ให้เสร็จๆ ไป ไมเ่ คยคิดหรือมเี ป้าหมายวา่ จะท�ำ ไปเพ่ืออะไร ออกมาท�ำ กิจกรรมแต่ทำ�แบบคนข้ีเกียจ พอมาทำ�โครงการเราต้องคิดเอง ก่อนหน้าน้ีเรา ช่วยกันรักษาป่า แต่คนอื่นก็ยังตัดอยู่ ก็คิดได้ว่าทำ�ไมเราไม่ทำ�ให้คนที่ตัด เลกิ ตดั ดว้ ยการใหค้ วามรไู้ ปพรอ้ มๆ กบั ท�ำ ใหค้ นในชมุ ชนหวงแหนปา่ หนั มา ช่วยกันสอดส่องดูแล ตอนน้ีก็เริ่มเห็นความเปล่ียนแปลง แม้จะเล็กน้อย แตม่ ันกค็ มุ้ คา่ ทจ่ี ะทำ� “ตอ่ ใหค้ นตดั ปา่ ไปครง้ั ละเปน็ รอ้ ยตน้ แตส่ องมอื ปลกู ไดท้ ลี ะตน้ กต็ อ้ ง ท�ำ ...ท้อแตก่ ไ็ มถ่ อย” คำ�กลา่ วท่ีสะท้อนอยู่ในใจน้ีมาจากพระครสู ันตพิ นารักษ์
55 โครงการคนื ตน้ กลา้ ให้ผืนป่าม่อนตน้ ลาน ทป่ี รกึ ษาโครงการ พระครูสนั ติพนารกั ษ์ ทมี งาน วัชระพงษ์ สขุ พรรณ์ เกลด็ ตะวัน มีกำ�ไร กุลธดิ า ขยนั ดี ชิดชนก หล้าปาวงศ์
56
57 รูจ้ ัก ร้รู ักษ์ จว๊ ยกัน๋ ฮักษา ป่าตน้ นำ้ �บา้ นเฮา โครงการจ๊วยก๋นั ฮักษาปา่ ต้นน้�ำบา้ นเฮา
58 ภาพฝนตกหนักจนนำ้�เอ่อล้นตลิ่ง ไหลท่วมที่นาชาวบ้านบริเวณติดลำ�นำ้� และพ้ืนที่ข้างเคียง ขา้ วเนา่ ทงิ้ รวงยนื ตน้ ตาย ผลผลติ ทางการเกษตรหลายชนดิ ไดร้ บั ความเสยี หาย แมจ้ ะไมใ่ ชภ่ าพชนิ ตาท่ี เกิดขนึ้ ทกุ ปี แตก่ ลมุ่ เยาวชนละอ่อนอาสาพฒั นาสงั คม ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี นทาขุมเงนิ วิทยาคาร อ�ำ เภอแมท่ า จงั หวดั ล�ำ พนู บอกเป็นเสียงเดยี วกันว่า พวกเขายงั จ�ำ ภาพคร้งั น้ันไดต้ ดิ ตา จากหอ้ งเรียนสู่ชมุ ชน ย้อนกลับไปเมื่อคร้ังยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนโยบายจากส่วนกลางให้นักเรียนทำ� กจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณะประโยชนท์ งั้ ภายในและภายนอกโรงเรียน ปีการศึกษาละ 50 ชัว่ โมง คือใบเบิกทางท่ปี ลูกฝงั ใหน้ ักเรยี นรจู้ กั ค�ำ วา่ จิตอาสาและการพัฒนาชมุ ชน คอม-ชชั วาล ขนาดขจี แกนน�ำ กลุม่ เยาวชนละออ่ นอาสาพฒั นาสงั คม เล่าถึงท่มี าของกลุ่มว่า กิจกรรมดังกล่าว นำ�พาเขาออกไปทำ�กิจกรรมในชุมชน ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมกับ น้องๆ นกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษากลุ่มดอยคำ�รกั ษโ์ ลก จากจุดเริม่ ต้นครัง้ น้ัน “จดุ ประกาย” ใหค้ อมและ เพ่ือนร่วมชั้นเข้ามาจับงานด้านส่ิงแวดล้อมอย่างจริงจัง บวกกับเห็นว่าในชุมชนและผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ไม่เคยขับเคล่ือนงานด้านส่ิงแวดล้อม เพ่ืออนุรักษ์ป่าต้นนำ้�ในชุมชนเลย ท้ังที่ชุมชนแห่งน้ีมีป่าชุมชน อย่ไู มไ่ กลจากเขตเมอื งมากนกั
59 “ป่าชมุ ชนหว้ ยบวกแข้ เปน็ ป่าต้นน้�ำทไี่ หลลงสู่แมน่ ้ำ� แมข่ นาด ตั้งอยูใ่ นเขตพ้ืนที่ บ้านดอยยาว หมู่ 16 ต�ำบลทากาศ อำ� เภอแมท่ า จังหวดั ล�ำพูน ซ่งึ เปน็ ทีต่ ั้งของ ชุมชนกะเหรี่ยง กลุ่มเยาวชนบอกว่า หากไมไ่ ดเ้ ขา้ มาท�ำกิจกรรมดา้ นสิ่งแวดล้อม พวกเขาแทบไมร่ ู้จักและไมค่ นุ้ เคยกับผนื ป่าแห่งนี้เลย เรยี กไดว้ า่ เปน็ สิ่งใกล้ตวั ทถ่ี กู มองข้ามไปโดยสิ้นเชงิ ” ปา่ ชมุ ชนหว้ ยบวกแข้ เปน็ ปา่ ตน้ น�ำ้ ทไ่ี หลลงสแู่ มน่ �้ำ ความพยายามท่ีไมส่ ูญเปล่า แม่ขนาด ตงั้ อยูใ่ นเขตพ้ืนท่ีบา้ นดอยยาว หมู่ 16 ตำ�บล ทากาศ อำ�เภอแม่ทา จังหวัดลำ�พูน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ความผดิ หวังครั้งแลว้ ครง้ั เลา่ ที่ไมไ่ ด้รับความสนใจ ชุมชนกะเหรี่ยง กลุ่มเยาวชนบอกว่า หากไม่ได้เข้ามา และไมไ่ ดร้ บั การสนบั สนนุ ท�ำ ใหส้ มาชกิ หลายคนถอดใจ ทำ�กิจกรรมด้านส่ิงแวดล้อม พวกเขาแทบไม่รู้จักและ ถอนตัวออกไป แต่ความหวังก็เปล่งประกายข้ึนอีกครั้ง ไม่คุ้นเคยกับผืนป่าแห่งนี้เลย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งใกล้ตัว เม่ือได้รับการตอบรับจากโครงการปลูกใจรักษ์โลก ทถ่ี ูกมองขา้ มไปโดยสน้ิ เชิง บททดสอบด่านแรกจึงเริ่มต้นขึ้นเม่ือ ต้อม-พรนภา แสงแกว้ กาศ แนท-เพญ็ นภา เรอื นฝายกาศ และคอม แมจ้ ะตงั้ ใจขบั เคลอ่ื นงานเตม็ ที่ แตด่ ว้ ยความทเ่ี ปน็ ตอ้ งเปน็ ตัวแทนรว่ มอบรมการพัฒนาโครงการ นักเรียน ยังไม่มีรายได้อะไร แถมงบประมาณท่ีใช้จัด กจิ กรรมที่นับวนั ยงิ่ เพิ่มข้นึ ทง้ั คา่ อาหาร คา่ นำ�้ มันรถที่ แนท บอกวา่ บทเรยี นส�ำ คญั ทไ่ี ดร้ บั จากการอบรม ใช้ในการเดินทาง และค่าจัดหาวัสดุอุปกรณ์ พยายาม เพื่อพัฒนาโครงการ คือ การมองให้เห็นเป้าหมาย หาตัวช่วย ย่ืนจดหมายขอการสนับสนุนงบประมาณ อย่างชัดเจนแล้วลงมือวางแผนงาน และการทำ� จากหน่วยงานราชการอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการ โครงการดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มทต่ี อ้ งค�ำ นงึ ถงึ สภาพอากาศ ตอบรับใดๆ ฤดกู าล และต้นทุนท่ีมอี ยู่ในชุมชน “วันหนึ่งครูเอาโปสเตอร์โครงการปลูกใจรักษ์โลก “เดมิ ทเี ราคดิ กนั วา่ นา่ จะมกี จิ กรรมปลกู ปา่ กบั สรา้ ง มาให้ดู พวกเราประชุมแล้วตกลงกันว่าลองดูอีกสักตั้ง ฝาย แตช่ ว่ งท�ำ โครงการเปน็ หนา้ แลง้ ไมม่ นี �ำ้ ปลกู ตน้ ไม้ ไหนๆ เราก็ต้ังใจทำ�กิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ก็ตายแน่นอน จะสร้างฝายก็ไม่มีนำ้�ให้เก็บ เรา 3 คน น่าจะมีใครเห็นความพยายามและความตั้งใจของเรา เลยตอ้ งชว่ ยคดิ กนั ใหมว่ า่ จะท�ำ อะไรกนั บา้ ง” แนท กลา่ ว จริงๆ” คอม เอย่ ขนึ้ ในท่ีสุด คอม ต้อม และแนท ก็ทลายกำ�แพง โดยมคี รณู ฐั กานต์ นนั ตากาศ ทปี่ รกึ ษาโครงการ ความกดดัน คิดวางแผนโครงการจ้วยก๋ันฮักษาป่า โรงเรียนทาขุมเงินวิทยาคาร ช่วยดูแลเรื่องเอกสาร ตน้ น�ำ้ บา้ นเฮา เป็นผลสำ�เรจ็ โดยแผนประกอบไปด้วย เชน่ ในกรณที ตี่ อ้ งประสานงานกบั องคก์ รภายนอก หรอื 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.การสำ�รวจป่าเพ่ือเก็บรวบรวม ใหค้ �ำ ปรกึ ษาหากกลมุ่ เยาวชนขอความชว่ ยเหลอื เพราะ ขอ้ มลู พนั ธไุ์ มแ้ ละท�ำ แผนทปี่ า่ 2.การท�ำ หนงั สน้ั เพอื่ ทกุ คนตา่ งมคี วามรบั ผดิ ชอบทงั้ ในเรอ่ื งเรยี นและการท�ำ เผยแพรข่ อ้ มลู และความส�ำ คญั ของปา่ ใหแ้ กเ่ ดก็ และ กจิ กรรมพฒั นาชมุ ชนเปน็ อยา่ งดี คดิ สรา้ งสรรคก์ จิ กรรม เยาวชนในโรงเรยี น และผู้ใหญใ่ นชุมชนไดร้ ับรู้ และ ด้วยตัวเอง เราแค่ดูภาพรวมอยู่ห่างๆ เป็นท่ีปรึกษาที่ 3. การฟ้นื ฟพู ิธกี รรมปา่ สะดือ ความเช่ือด้งั เดิมของ ไม่ต้องเหนื่อยเลย เพราะเด็กจะคดิ วางแผนเอง ชาวกะเหร่ียงซ่ึงเป็นกุศโลบายที่ใช้รักษาต้นไม้ใหญ่ ในปา่ ให้คงอยูต่ ่อไป
60 ทัง้ นี้ กิจกรรมทั้ง 3 อย่างอยภู่ ายใตเ้ ป้าหมายหลกั เดียวกนั นน่ั คอื เพ่ือพฒั นาทักษะการทำ�งาน ของแกนน�ำ เยาวชนละออ่ นอาสาพฒั นาสงั คม และเพอ่ื จดุ ประกายใหม้ กี ารลงมอื ปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั การอนุรักษ์ธรรมชาติบริเวณผืนป่าต้นน้ำ�อย่างจริงจัง โดยเริ่มจากเด็กและเยาวชนในโรงเรียน ตา่ งๆ กอ่ น กล้าถามในสิ่งท่ีไมร่ ู้ และเพอื่ ให้พวกเขา “รู้จกั ป่า” มากข้ึน กลุม่ แกนน�ำ เยาวชนจึงลงพืน้ ทเ่ี ก็บขอ้ มูลพนั ธ์พุ ืช และทำ� แผนท่ปี ่าชมุ ชนหว้ ยบวกแข้ เพ่อื น�ำ มาเผยแพร่ใหน้ ้องๆ นกั เรียนในโรงเรียนไดร้ บั รู้ คอม บอกว่า ท่ีผ่านมาเวลาเขาทำ�ส่ิงใหม่ มักเกิดความกลัวข้ึนทุกครั้ง แต่คร้ังน้ีความกลัวไม่ผุด ขนึ้ มาอกี แลว้ เพราะเขาเปลยี่ นความกลวั เปน็ ความกลา้ การกลา้ ถามในสง่ิ ทไี่ มร่ ู้ เพอื่ ขอค�ำ ปรกึ ษา จากผรู้ ู้ “เราตอ้ งกลา้ ถามเพอื่ ใหง้ านออกมาดี อยา่ งการส�ำ รวจปา่ พวกเราไปกนั เองไมไ่ ดแ้ นๆ่ เราเลยตอ้ ง ขอความช่วยเหลอื จากพเี่ ลีย้ งโครงการใหช้ ่วยเข้าไปส�ำ รวจป่ากบั พวกเราก่อน” เส้นทางส�ำ รวจ 4 กิโลเมตรในปา่ ชมุ ชนหว้ ยบวกแข้ทล่ี ดั เลาะไปตามลำ�น้�ำ เปน็ เสน้ ทางเขา้ ออกปา่ เสน้ ทางเดียวทเ่ี ดนิ ส�ำ รวจได้งา่ ยที่สดุ และไมเ่ ป็นอันตราย เติ้ล-ศภุ โชค นันตากาศ บอกวา่ กอ่ นเข้าป่าพวกเขาวางแผนการทำ�งาน โดยแบง่ เพ่ือนสมาชกิ เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเน้นเก็บข้อมลู ไม้พุ่มและไมย้ ืนต้น อีกกลุ่มทำ�แผนท่ี เพื่อให้การทำ�งานสะดวกข้ึน และเพือ่ ปอ้ งกันการเกบ็ ขอ้ มลู ซำ้� ทง้ั ยังทำ�ใหเ้ กบ็ ขอ้ มลู ไดเ้ รว็ ขึน้ จากเดิมทีร่ จู้ ักตน้ ไมแ้ คไ่ มก่ ช่ี นิด เช่น จามจรุ ี หรอื ตน้ สกั แตห่ ลังจากไดส้ ำ�รวจปา่ แลว้ กลบั มาทำ�แผนท่ีเพ่ือระบุจุดของตน้ ไมพ้ บวา่ พวกเขา รจู้ กั ตน้ ไมเ้ พม่ิ ขนึ้ ถงึ 28 ชนดิ บางชนดิ คลา้ ยกนั มาก และพๆ่ี กส็ อนใหร้ วู้ ธิ สี งั เกตเพอ่ื แยกแยะประเภท ของตน้ ไม้ดว้ ย คอม ย�ำ้ วา่ การรจู้ กั ดกี วา่ ไมร่ ู้ เพราะการท�ำ ความรจู้ กั ชว่ ยใหเ้ กดิ ความสงสยั ใครร่ ู้ ซง่ึ เปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ของการเสาะหาความรเู้ พม่ิ เตมิ ถอื เปน็ การตอ่ ยอดความรทู้ อ่ี าจจะมปี ระโยชนต์ อ่ ไปในอนาคต ไมท่ างใด กท็ างหนึ่ง “ตอนแรกผมก็รู้แค่ว่าตรงน้ันเป็นป่าชุมชน พอคิดจะทำ�โครงการก็หาข้อมูลจนรู้ว่าป่าตรงน้ันเป็น ป่าเบญจพรรณผสมป่าเต็งรัง หลังจากเข้าไปสำ�รวจป่าก็ได้รู้ลึกข้ึนว่าในป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรังมี พรรณไมอ้ ะไรบ้าง ป่าชมุ ชนของเรามที ั้งต้นพญายา สมอไทย และสมอพเิ ภก ซงึ่ เปน็ ต้นไมท้ ีผ่ มไมเ่ คย รู้จกั และไมเ่ คยได้ยนิ ชื่อมาก่อน” หลากกลยุทธพ์ ลิกฟ้ นื ผนื ป่า คอม เลา่ ตอ่ วา่ เขตอ�ำ เภอแมท่ ามชี าวกะเหรย่ี งอาศยั อยเู่ ปน็ จ�ำ นวนมาก “ปา่ สะดอื ” เปน็ ความเชอ่ื ดงั้ เดิมอยา่ งหนง่ึ ของชาวกะเหรย่ี ง เขาเหน็ ตน้ ไม้ใหญท่ ้ายหมู่บา้ นยังคงยนื ต้นตง้ั เดน่ ตระหง่าน จงึ เกดิ ความสงสยั ว่า ท�ำ ไมต้นไมต้ น้ น้เี ปน็ ไมใ้ หญต่ น้ เดยี วทหี่ ลงเหลอื อยู่ในบริเวณน้นั จงึ คน้ หาค�ำ ตอบดว้ ย การถามจากลุงจันทร์ซงึ่ เปน็ ชาวบ้านในหมบู่ ้าน จนได้รับรู้เรอื่ งราวของตน้ ไมส้ ะดอื ตน้ ท่ียงั เหลืออยู่
61
62 ลุงจันทร์ เล่าว่า แต่เดิมเมื่อบ้านไหนคลอดทารก แต่เพราะรุ่นพ่ีที่จะเข้ามาให้ความรู้เรื่องเทคนิคการทำ� ทุกบ้านจะนำ�รกเด็กห่อผ้าไปแขวนไว้บนต้นไม้ใหญ่ หนงั สัน้ เรยี นจบชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ออกไปศกึ ษาตอ่ ท่ีเรียกขานกันว่าเป็นต้นไม้สะดือของหมู่บ้าน โดยมี นอกหมู่บ้านกันหมด การทำ�หนังสั้นท่ีคิดไว้จึงต้อง ความเชื่อว่าเทพารักษ์และต้นไม้จะช่วยปกปักรักษา พบั เก็บไว้กอ่ น ทุกคนให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ต้นไม้สะดือจึงเป็น ตน้ ไมใ้ หญท่ ค่ี นในชมุ ชนใหค้ วามเคารพและไมม่ ใี ครกลา้ แบ๋ม-ศศิธร ใจกาศ บอกว่า นอกจากโครงการ ตัดไปใช้ประโยชน์ พวกเขาจึงคิดฟ้ืนฟูความเช่ือเรื่อง ปลูกใจรักษ์โลกจะปลูกฝังเรื่องความรักธรรมชาติ และ ป่าสะดือขึ้นมาเพ่ือใช้เป็น “กุศโลบาย” ในการสร้าง สงิ่ แวดลอ้ มแลว้ ยังปลูกฝงั วิธีคดิ ให้พวกเขาดว้ ย ดังนัน้ ความรว่ มมอื ไมใ่ หค้ นในชมุ ชนตดั ไม้ แตด่ ว้ ยสภาพสงั คม เมื่อต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน แทนที่กลุ่มเยาวชนจะ ทเี่ ปลย่ี นแปลงไป ทกุ คนไปคลอดลกู ทโ่ี รงพยาบาล และ เครยี ดเหมอื นกอ่ น พวกเขากลบั มองไปทเี่ ปา้ หมายและ คงเปน็ เรอื่ งแปลกหากจะมใี ครสกั คนน�ำ รกเดก็ มาหอ่ ผา้ ปรับมมุ คิดใหม่ แลว้ น�ำ ไปแขวนไวก้ ับต้นไม้ “เราเหน็ เพอ่ื นหลายกลมุ่ ในโครงการปลกู ใจรกั ษโ์ ลก คอมจึงขอคำ�ปรึกษาจากลุงจันทร์และรองนายก จดั ค่ายเผยแพรข่ อ้ มลู ความรู้ กลมุ่ ของพวกเราจึงตกลง องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บลทากาศเหนอื จนไดข้ อ้ สรปุ วา่ กันใหม่ว่า งั้นเรามาจัดค่ายให้น้องๆ นักเรียนแทน ให้นำ�เล็บและเส้นผมมาใช้แทนรก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ เราไม่ได้เปล่ียนเป้าหมาย แค่เปล่ียนกิจกรรมเท่าน้ัน” แทนตัวบุคคล แบม๋ กล่าว สว่ นแผนท่วี างไวต้ ง้ั แตต่ น้ คอื การทำ�หนงั สน้ั เพื่อ ด้วยเหตุน้ี ค่ายละอ่อนอาสาปลูกใจน้องรักษ์ป่า เผยแพร่ข้อมูลจากการสำ�รวจป่า ทีมงานคิดว่าน่าจะ ตน้ น�ำ้ จงึ เกดิ ขนึ้ มาแทนทกี่ ารท�ำ หนงั สนั้ ใชเ้ วลาจดั คา่ ย สอดแทรกความเช่ือเร่ืองป่าสะดือลงไปในหนังด้วย แบบไม่คา้ งแรมท้งั หมด 2 วันคือ วนั เสาร์อาทติ ย์ เพ่อื เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองท่ีสนใจ เข้ามามีส่วนร่วมกับ
63 “นอกจากโครงการปลกู ใจรักษ์โลกจะปลกู ฝังเร่อื งความรกั ธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมแลว้ ยังปลกู ฝังวธิ คี ิดใหพ้ วกเขาด้วย ดังนัน้ เม่ือตอ้ ง เปลย่ี นแผนกะทนั หนั แทนทีก่ ลมุ่ เยาวชนจะเครียดเหมือนกอ่ น พวกเขากลบั มองไปทเี่ ป้าหมายและปรบั มุมคดิ ใหม”่ บุตรหลาน โดยกลุ่มแกนน�ำ เยาวชนประสานงานกับทางโรงเรยี นบา้ นป่าเลา โรงเรียนบ้านดอยค�ำ และ โรงเรยี นทาขุมเงินวิทยาคาร เพื่อขอนกั เรยี นมารว่ มกิจกรรมได้ทงั้ หมด 26 คน กจิ กรรมวนั แรก เปน็ การใหค้ วามรเู้ รอ่ื งปา่ ดว้ ยขอ้ มลู ทส่ี รปุ จากการส�ำ รวจปา่ ของกลมุ่ แกนน�ำ เยาวชน สว่ นระหวา่ งวนั จดั กจิ กรรมแบง่ ออกเปน็ 3 ฐานในหวั ขอ้ กนิ อยอู่ ยา่ งไรใหป้ า่ ยงั่ ยนื มผี รู้ ใู้ นชมุ ชนมาเปน็ วทิ ยากรประจำ�ฐาน ได้แก่ ฐานที่ 1 เรยี นรู้การนึ่งข้าวในกระบอกไม้ไผ่ โดยลงุ ชู ฐานท่ี 2 เรยี นรกู้ ารหลามปลาด้วยการก่อกองไฟตามธรรมชาติ โดยปา้ แสงหลา้ ฐานท่ี 3 เรียนร้กู ารท�ำ แกงแคจากวตั ถดุ บิ ทห่ี าได้ในปา่ โดยปา้ ขันทอง คอม เล่าต่อวา่ ที่เราจัดกจิ กรรมฐานเหล่าน้ีขนึ้ มา ก็เพื่อใหน้ อ้ งๆ ได้เรยี นรวู้ ่าอดีตทผี่ า่ นมาปยู่ า่ ตายายใชช้ วี ติ อยา่ งไร สะทอ้ นภาพใหเ้ หน็ ถงึ ประโยชนข์ องปา่ ทมี่ ผี ลตอ่ การด�ำ รงชวี ติ ความยากล�ำ บาก ของการหงุ หาอาหารมาโดยไมท่ �ำ ลายปา่ ตอ้ งท�ำ อยา่ งไร ทงั้ หมดนจ้ี ะมาขมวดจบตอนทา้ ยดว้ ยค�ำ แนะน�ำ จากเจา้ หนา้ ที่ หวั หนา้ หนว่ ยงานพทิ กั ษป์ า่ บา้ นปา่ เลา ทพ่ี วกเราเชญิ มาใหค้ วามรกู้ ารสรา้ งฝายธรรมชาติ และเรอ่ื งปา่ โดยเฉพาะสว่ นกจิ กรรมวนั ท่ี 2 กลมุ่ แกนน�ำ เยาวชนจะน�ำ นอ้ งๆ เขา้ ปา่ ไปเลอื กตน้ ไมส้ ะดอื ของตวั เอง แลว้ ใหแ้ ตล่ ะคนวัดขนาดรอบต้นไมไ้ ว้ เพือ่ บันทกึ การเจรญิ เติบโต โดยมจี ุดประสงคเ์ พ่ือให้ น้องๆ ได้มีส่วนร่วมอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ�ด้วย โดยวางแผนว่าจะพากลับมาวัดว่าต้นไม้ของน้องๆ โตขึ้น ขนาดไหน
64 “วันน้ันผมได้นั่งคุยกับน้องชั้น ม.3 เขาบอกว่า พวกเขาพูดเปน็ เสียงเดียวกนั วา่ การสรปุ งานหรอื การ อยากทำ�กิจกรรมแบบน้ีอีก แล้วจะเอาไปเผยแพร่ให้ ถอดบทเรียนเป็นส่ิงสำ�คัญท่ีช่วยให้เกิดการเรียนรู้ เพื่อนๆ ในโรงเรียนด้วย ถือเป็นความสำ�เร็จของเราท่ี เพือ่ พัฒนาตัวเองไดจ้ ริง ทำ�ใหน้ ้องคนหน่ึงรู้สกึ ผูกพันกับปา่ ได”้ คอม กลา่ ว คอม บอกว่า การถอดบทเรียนทำ�ให้เรารู้ปัญหา ส่วน เติล้ เล่าวา่ ก่อนแยกย้ายกลับบ้านในวันที่ 2 และรู้ท่ีมาของปัญหา เป็นส่ิงท่ีเราต้องมาช่วยกันคิด พวกเขาได้แจกกระดาษให้น้องๆ เขียนสรุปการเรียนรู้ ตอ่ วา่ แลว้ จะท�ำ อยา่ งไรไมใ่ หเ้ กดิ ปญั หาขน้ึ อกี ท�ำ ใหเ้ รา จากกจิ กรรมทง้ั 2 วนั ผลลพั ธท์ ป่ี รากฏบนกระดาษสรา้ ง คิดทำ�งานอย่างรอบคอบ และต้องวางแผนสำ�รองไว้ ความปล้ืมใจและภาคภูมิใจให้พวกเขาจนหายเหน่ือย การถอดบทเรยี นยงั ท�ำ ใหก้ ลมุ่ เยาวชนคน้ พบจดุ ออ่ น เปน็ ปลดิ ทงิ้ นอ้ งบางคนสะทอ้ นวา่ จะน�ำ ความรทู้ ไี่ ดร้ บั ของตัวเองว่า การทำ�งานท่ีผ่านมาโดยเฉพาะจากการ ไปบอกตอ่ กบั ผปู้ กครอง หลายคนบอกวา่ ชอบท�ำ กจิ กรรม จัดค่ายละอ่อนอาสาฯ มีข้อบกพร่องท่ีต้องปรับปรุง แบบนี้ แต่ไมเ่ คยมีใครชวนท�ำ มากที่สุด คือ เร่ืองการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อม ลว่ งหนา้ และการสรา้ งความเข้าใจการท�ำ งานใหเ้ ปน็ ไป ปั ญหาชว่ ยใหเ้ ติบโต ในทศิ ทางเดียวกัน ดูเหมือนโครงการจ๊วยกันฮักษาป่าต้นนำ้�บ้านเฮา “เราชอบมาประชุมตอนกระชั้นชิด โดยเฉพาะ จะบรรลผุ ลส�ำ เรจ็ ตามแผนทว่ี างไว้ แตป่ ญั หาเฉพาะหนา้ ครงั้ ทจ่ี ดั คา่ ยละออ่ นอาสาฯ เราประชมุ แบบเรง่ ดว่ นเลย และข้อผิดพลาดท่ีเกิดขึ้นระหว่างการทำ�กิจกรรม มากันไม่ครบ พอมาไม่ครบ การแบ่งบทบาทหน้าท่ีก็ เปน็ บทเรยี นใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ ไดเ้ รยี นรแู้ ละพฒั นาทกั ษะ เป็นการจับวาง ไม่ได้แบ่งตามความถนัด แล้วไม่มีการ ของตัวเองซ่ึงสอดคล้องตามเป้าหมายหลักท่ีวางไว้ สอ่ื สารทีช่ ดั เจน ทำ�ใหไ้ ม่เข้าใจกนั ” ตอ้ ม อธิบาย
65 “ชอบการทำ� งานเปน็ ทมี เพราะมีโอกาสเรียนรู้นสิ ัยใจคอและมุมมองความคิด ของคนอ่ืน ทง้ั ยงั ไดฝ้ กึ ฝนทกั ษะการใชช้ วี ติ ของตวั เอง ดว้ ยการปรบั ตวั เขา้ หาผอู้ ่นื ไดด้ ีข้ึน เหน็ ชัดเลยวา่ ขี้สงสัยมากข้ึน อยากรู้ อยากถาม อยากเขา้ ไป คยุ กบั คนอ่นื แลว้ เราเองกไ็ ด้ความรทู้ ี่เปน็ ประโยชน์กลบั มา” เตล้ิ ย�ำ้ วา่ การท�ำ งานตอ้ งมกี ารประชมุ วางแผนงานลว่ งหนา้ เพอื่ ใหส้ ามารถเตรยี มงานไดท้ นั หลงั จากนั้นจงึ ปล่อยให้แตล่ ะคนทำ�หนา้ ท่ขี องตัวเองดว้ ยความไวว้ างใจซ่งึ กันและกนั “เม่ือระบบรวนต้ังแต่แรกเพราะไม่ได้ประชุมกันอย่างชัดเจน เวลาทำ�งานจริงทำ�ให้ไม่เข้าใจ ภาพรวมของงาน เพราะมีคนรู้งานอยู่แค่กลุ่มเดียวคือคนที่เข้าประชุม กลายเป็นว่ากลุ่มท่ีรู้งานต้อง รบั ภาระท�ำ งานไป คนทไี่ มร่ กู้ ไ็ มร่ จู้ ะชว่ ยอะไร แลว้ คนทร่ี กู้ ไ็ มว่ างใจใหค้ นทไ่ี มร่ ทู้ �ำ งาน งานกเ็ ดนิ ไปแบบ ตดิ ๆ ขดั ๆ เพราะประสานการท�ำ งานกนั ไม่ได้” ส่วน แอม๋ -พิยดา ค�ำ กาศ เสรมิ วา่ หากจำ�เปน็ ตอ้ งประสานงานกบั องค์กรหรือบุคคลภายนอกให้ เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมควรหลีกเลี่ยงการติดต่องานแบบกระช้ันชิด เพราะองค์กรภายนอกเขามี ภาระงานอยแู่ ล้ว หากเราไมต่ ดิ ต่อล่วงหน้า เขาอาจไม่ว่างหรอื ไม่มีเวลาเพยี งพอส�ำ หรบั การเตรียมตวั มารว่ มงานกบั เรา นอกจากน้ี ปูเป้-ภัทรวดี แสงกาศ บอกว่า การทำ�งานเป็นทีมต้องช่วยเหลือกัน แต่ก็ต้อง ไมป่ ลอ่ ยปละละเลยหน้าที่ของตนเอง
66 “ค่ายวันแรก พวกเราไม่ได้เช็คอุปกรณ์ตามฐานต่างๆ ว่าพร้อมหรือเปล่า กลายเป็นว่าเตรียมกระบอกไม้ไผ่ไว้ไม่พอใช้ เพราะนบั จ�ำ นวนผิด สว่ นลุงจันทร์ วทิ ยากรฐานแรกกม็ าไมไ่ ด้ ใหล้ งุ ชมู าแทน แตล่ งุ ชอู ธบิ ายไมเ่ กง่ เราเลยตอ้ งอาศยั คอมมาชว่ ยเปน็ วทิ ยากรแทน เพราะคอมมคี วามรแู้ ละเคยท�ำ กจิ กรรมในฐานนนั้ มาก่อน พอคอมมาชว่ ยงานตรงนี้ กไ็ ม่ได้ทำ�หน้าทีข่ องตัวเอง” ต้อม สะท้อนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมค่ายละอ่อนอาสาฯ ใน ช่วงเปลย่ี นฐานวา่ เขารบั ผดิ ชอบดูแลฐานที่ 1 คือ การหุงขา้ วในกระบอกไม้ไผ่ แตต่ ดิ พนั กบั การท�ำ กจิ กรรมสนั ทนาการจนไมไ่ ดไ้ ปเตรยี มงานในฐานของตนเอง ด้วยเชน่ กนั แนท เสรมิ วา่ เธอรบั หนา้ ทใ่ี หอ้ ยฝู่ า่ ยสนั ทนาการทง้ั ทไ่ี มถ่ นดั พอเอาเขา้ จรงิ กไ็ ม่สามารถดึงความสนใจและสรา้ งความสนกุ ให้นอ้ งๆ ได้ เลยต้องขอแรงคอม และต้อมเข้ามาช่วย จนทำ�ใหร้ ะบบการท�ำ งานเสีย “แม้จะค้นพบข้อผิดพลาดมากมาย แต่ในสถานการณ์จริงการจัดกิจกรรม ต่างๆ ก็ผ่านมาได้อย่างราบร่ืนและเป็นท่ีน่าพอใจ แม้จะรู้ว่าการทำ�งานไม่เป็น ไปตามแผน แตพ่ อถามนอ้ งๆ กลบั บอกวา่ กจิ กรรมสนกุ เพราะไดล้ งมอื ท�ำ ตามฐาน ท่ีเราจัดให้ ถงึ เราจะรู้วา่ เบ้ืองหลังมนั ไม่สมบรู ณ์แบบ แตผ่ ลตอบรับจากน้องๆ ก็ ทำ�ให้เราคลายความกังวลใจ” เมย์-ปภาวดี ฝั้นกาศ กลา่ ว ความไม่ย่อท้อและไม่ถอดใจต้ังแต่ครั้งที่ไม่ได้งบประมาณสนับสนุน จากผใู้ หญใ่ นพนื้ ท่ี รวมถงึ ความมงุ่ มนั่ ตงั้ ใจดขี องเยาวชนกลมุ่ ละออ่ นอาสา พัฒนาสังคม ได้สร้างผลลัพธ์ท่ีน่าพอใจ นั่นคือ ความร่วมมือท่ีเกิดข้ึนกับ คนในชุมชน จากเดิมท่ีวางเฉยหากมีคนภายนอกเข้าไปลักลอบตัดไม้ ตอนน้ีหากมีใครพบเห็น ผู้ใหญ่จะช่วยกันพูดและห้ามปรามไม่ให้ทำ� แล้ว บอกตอ่ ๆ กัน เพราะเห็นเด็กๆ อาสาเข้าไปท�ำ กิจกรรมกับป่า ความผกู พัน นน้ั ยงั สง่ ตอ่ ไปถงึ พอ่ แมผ่ ปู้ กครองใหม้ คี วามรกั และหวงแหนปา่ มากขนึ้ ดว้ ย
67 โครงการจว๊ ยก๋นั ฮักษาป่าตน้ น�ำ้ บา้ นเฮา ทปี่ รกึ ษาโครงการ ณัฐกานต์ นันตากาศ ทมี งาน ศศธิ ร ใจกาศ พิยดา คำ�กาศ ปภาวดี ฝ้นั กาศ พรนภา แสงแก้วกาศ ชัชวาล ขนาดขจ ี ศภุ โชค นนั ตากาศ ภัทรวดี แสงกาศ เพญ็ นภา เรอื นฝายกาศ
68 ผืนปา่ ท่ขี อคนื โครงการนวตั กรรมสนั ปา่ ไร่
69
70 แมจ้ ะมกี ารประกาศใหพ้ น้ื ทป่ี า่ เบญจพรรณในบรเิ วณหมบู่ า้ นสนั ปา่ ไร่ ต�ำ บลแมจ่ ะเรา อ�ำ เภอแมส่ อด จงั หวดั ตาก เปน็ พน้ื ทอ่ี ทุ ยานแหง่ ชาตขิ นุ พระวอ ตง้ั แตป่ ี พ.ศ.2552 โดยครอบคลมุ พน้ื ท่ี 137,500 ไร่ ในอำ�เภอแม่สอดและอำ�เภอแม่ระมาด จังหวัดตาก และมีการผลักดันให้ประชาชนออกนอกพ้ืนท่ี แตเ่ มอื่ เวลาผา่ น การรกุ คบื ของพชื ผลในระบบเกษตรเชงิ เดย่ี ว เชน่ ขา้ วโพด ดงึ ดดู ใหช้ าวบา้ นขยายพน้ื ท่ี ทำ�กิน จนบุกรุกพ้ืนทีป่ า่ เพอ่ื ปลูกพชื เศรษฐกิจดังกลา่ ว หลังจากคณะ คสช. ให้ทหารเข้ามาสำ�รวจและขอคืนพ้ืนท่ีป่าท่ีถูกครอบครองโดยมิชอบ กลมุ่ เยาวชนจากโรงเรยี นแมจ่ ะเราวทิ ยาคมจงึ เหน็ “โอกาส” ทจ่ี ะเขา้ มามสี ว่ นรว่ มฟนื้ ฟปู า่ ใหค้ นื ความอดุ มสมบรู ณ์ เมอ่ื ครขู งิ -เนตรนภา สายเสอื แนะน�ำ โครงการปลกู ใจรกั ษโ์ ลก ช-ิ หมอ่ ซาชิ มนั่ คง ป๊อปป้-ี กฤษดา มั่นคง เมย์-สภุ าภรณ์ คำ�ออ่ น และ เวียร-์ สุรศักดิ์ แซ่ม้า จงึ รวมตวั กนั ท�ำ โครงการ นวัตกรรมสันป่าไร่ โดยรวบรวมน้องๆ ในโรงเรียนแม่จะเราวิทยาคม ตั้งเป็นกลุ่มเยาวชน อ้าซา่ ปาจงิ โกะ เมย์ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านสันป่าไร่ เล่าว่า ในหมู่บ้านไม่ได้มีป่าชุมชนเป็นป่าใช้สอย หากคนใน หมบู่ า้ นตอ้ งการหาอาหารหรอื ไมใ้ ชส้ อยจากปา่ ตอ้ งเดนิ ทางไปปา่ ชมุ ชนของต�ำ บลอนื่ ทอ่ี ยไู่ กลออกไป แต่เมื่อทหารขอคืนพื้นที่ป่า 15 ไร่ในหมู่บ้าน จึงคิดว่าน่าจะฟื้นฟูให้เป็นป่าของชุมชนที่ชาวบ้าน สามารถเขา้ ไปหาของปา่ ได้โดยไมถ่ กู จบั “พื้นท่ีนี้ไม่ได้เป็นป่าของชุมชน เป็นแค่พ้ืนท่ีท่ีไม่มีคนสนใจ เม่ือทหารขอคืนแล้วส่งให้อุทยานฯ ดูแล และป่านี้ก็อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนในเขตบ้านสันป่าไร่ซ่ึงเป็นบ้านเมย์ เลยอยากทำ�ให้มันดีขึ้น จึงประสานงานกบั ผูใ้ หญ่บา้ นและขออนุญาตอทุ ยานฯ เพื่อทำ�กิจกรรมปลูกปา่ ” เมย์ อธิบายท่ไี ปทม่ี า ของแนวทางการทำ�งาน
71 “ทีมเตรียมความพรอ้ มด้วยการให้ความรู้เพ่ือสรา้ งความตระหนกั ใหน้ อ้ งๆ เห็นความส�ำคญั ของป่า มวี ทิ ยากรจากเทศบาลทุ่งหลวงมาใหค้ วามรู้ นอกจากนยี้ งั ช่วยกันสืบคน้ ข้อมูลเกี่ยวกบั ประวัติความเปน็ มาของหมบู่ า้ น สันป่าไร่ รวมท้งั พัฒนาการของป่าและการใชป้ ระโยชนจ์ ากป่า ผสมผสานกับ ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากผใู้ หญบ่ า้ น นำ� มาเรียบเรียงเปน็ เอกสารประกอบการอบรม” เพราะเคยมีประสบการณจ์ ากการท�ำ งานโครงการ กอ่ นจะพานอ้ งๆ ไปปลกู ปา่ ทมี เตรยี มความพรอ้ ม ปลกู ใจรกั ษโ์ ลกปี 2 มากอ่ น ท�ำ ใหเ้ มยม์ องเหน็ เสน้ ทาง ดว้ ยการใหค้ วามรเู้ พอ่ื สรา้ งความตระหนกั ใหน้ อ้ งๆ เหน็ การท�ำ งาน แตส่ ำ�หรบั สมาชกิ คนอน่ื ๆ ล้วนเปน็ มือใหม่ ความสำ�คัญของปา่ มวี ทิ ยากรจากเทศบาลทงุ่ หลวงมา ที่อยากเรียนรู้ ชิในฐานะหัวหน้าทีม สารภาพว่า รู้สึก ให้ความรู้ นอกจากน้ียังช่วยกันสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับ ว่ายาก เพราะไม่เคยทำ�งานอย่างเป็นระบบที่มีการ ประวตั คิ วามเปน็ มาของหมบู่ า้ นสนั ปา่ ไร่ และพฒั นาการ วางแผนเป็นขัน้ เป็นตอนมาก่อน ตอ้ งมกี ารสรปุ งาน ของป่า รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากป่า ผสมผสานกับ เมอ่ื พบปญั หาเรง่ รบี จงึ ท�ำ อะไรไมค่ อ่ ยทนั แตย่ งั ดที ่ี ข้อมูลที่ได้จากผู้ใหญ่บ้าน นำ�มาเรียบเรียงเป็นเอกสาร มเี มย์มาคอยช่วย ประกอบการอบรม ส่วนเวียร์และป๊อปปี้ บอกว่า เข้ามาร่วมทีม ชิ อธิบายเบ้ืองหลังความคิดของการจัดอบรมว่า เพราะไมเ่ คยรจู้ กั ค�ำ วา่ “โครงการ” มากอ่ น จงึ อยาก เพราะทีมต้องการให้กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นน้องๆ หาประสบการณ์ ชั้น ป.5-ป.6 รับรู้ถึงความสำ�คัญของป่า รู้ว่าป่า เปน็ พื้นทีข่ องอุทยานฯ ไมค่ วรบุกรุก และเพ่อื ใหน้ อ้ งๆ ป่าตอ้ งรู้จัก...ความรตู้ อ้ งมี รู้เหตุผลของการทำ�โครงการนี้ เม่ือผู้ใหญ่ในชุมชนและทางอุทยานฯ เห็นชอบท่ี การอบรมจัดข้ึนที่หอประชุมโรงเรียนแม่จะเรา เด็กๆ จะช่วยกันฟื้นฟูป่า เมย์เป็นคนกลางทำ�หน้าท่ี วิทยาคม มีน้องๆ เข้าร่วมถึง 95 คน และเชิญชวน ประสานงานระหว่างทีมกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อพาทีมงาน ผู้ปกครองเข้าร่วมดว้ ย แมก้ ระบวนการอบรมทีเ่ นน้ การ ลงพืน้ ทีส่ �ำ รวจสภาพพื้นท่ปี ่า ก่อนวางแผนฟ้ืนฟู บรรยาย ได้ถูกทมี ประเมนิ ว่า ไมด่ ึงดูดใจกล่มุ เปา้ หมาย เทา่ ไร แตย่ งั ดที ท่ี มี จดั ใหม้ กี ารระดมความคดิ เหน็ ของ “ให้เขาพาไปดูพ้ืนที่ เพ่ือดูว่าพื้นที่ไหนทำ�ได้บ้าง ผู้เข้าร่วมอบรม โดยการแบ่งกลุ่มท้ังนักเรียนและ เขากช็ บี้ รเิ วณท่จี ะใหเ้ ราทำ�กจิ กรรม ซ่งึ ตอนนั้นมสี ภาพ ผปู้ กครอง เพอ่ื ขอความคดิ เหน็ เรอื่ งผลกระทบทเ่ี หน็ เปน็ ไร่เก่าท่เี รม่ิ มตี น้ ไมเ้ ลก็ ๆ ขนึ้ ” ชิเลา่ ทวั่ ไปเกยี่ วกบั ปา่ วธิ กี ารปอ้ งกนั การท�ำ ลาย และการ รกั ษาปา่ ทที่ �ำ ใหท้ มี ไดร้ บั รถู้ งึ เบอ้ื งหลงั ความคดิ ของ นอกจากเห็นสภาพพื้นท่ีแล้ว ส่ิงที่ทีมงานให้ ผู้เขา้ รว่ ม ความส�ำ คญั คอื สงั คมพชื ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในบรเิ วณนน้ั เพราะ คิดว่า หากจะนำ�ต้นไม้เข้าไปปลูกเพื่อฟื้นฟูความ ทมี งานเลา่ วา่ ขอ้ มลู ทแ่ี ตล่ ะกลมุ่ น�ำ เสนอคลา้ ยๆ กนั อดุ มสมบรู ณ์ พชื ทน่ี �ำ มาปลกู เสรมิ ควรเปน็ ชนดิ เดยี ว คือ ป่าถูกทำ�ลายเพราะคนปลอ่ ยปละละเลยปญั หา กับที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในบริเวณนั้น เช่น ไผ่ตง ชาวบา้ นตา่ งคดิ วา่ ตนเองไมม่ คี วามรใู้ นการรกั ษาปา่ กล้วยป่า จามจุรี ทง้ั ๆ ทใ่ี นอดตี ชมุ ชนมภี มู ปิ ญั ญาในการดแู ลปา่ อยแู่ ล้ว
72 เช่น ปลอ่ ยให้ปา่ ฟนื้ ฟตู วั เองโดยไมเ่ ขา้ ไปรบกวน การสรา้ งฝายเพือ่ สร้างความชมุ่ ชืน้ แตเ่ ม่อื วถิ ี ชวี ติ เปลย่ี นท�ำ ใหค้ วามสมั พนั ธข์ องคนกบั ปา่ เปลยี่ นไป นอ้ งๆ หลายคนบอกวา่ ไมร่ จู้ กั ปา่ เพราะ พอ่ แม่กนั ไมใ่ หล้ ูกหลานเข้าป่า ด้วยเกรงจะเกดิ อันตรายเพราะเปน็ พ้นื ทเ่ี ปลย่ี ว ขอ้ มูลจากผเู้ ขา้ ร่วมอบรม ถูกนำ�ไปหารอื กับผู้ใหญ่บ้าน พรอ้ มทัง้ ขอความร่วมมอื ประชาสมั พนั ธ์ โครงการผา่ นประกาศเสียงตามสายของหมู่บา้ น เพ่อื สรา้ งการรบั รู้รว่ มกนั “หลงั จากผ้ใู หญ่บา้ นประกาศ คนในชุมชนบางสว่ นใหค้ วามร่วมมอื ขณะท่พี อ่ แมบ่ างคนก็บอกวา่ ท�ำ ไปท�ำ ไม มนั ฟ้ืนไมไ่ ด้หรอก ต้องใช้เวลานานหลายปี บางคนก็บอกว่า เดก็ จะท�ำ ไดห้ รือ ผใู้ หญ่ระดับ หน่วยงานยังท�ำ ไม่ได้เลย ได้ยินแบบนี้ ยงิ่ อยากท�ำ เป็นแรงบนั ดาลใจ อยากท�ำ ใหเ้ ขาดู แต่เร่อื งนไ้ี ม่ได้ เลา่ ใหเ้ พอ่ื นฟงั (เลอื กไมเ่ ลา่ ) เพราะมนั บน่ั ทอนก�ำ ลงั ใจมาก” เมย์ เลา่ ถงึ ปฏกิ ริ ยิ าสะทอ้ นกลบั ของคนใน ชุมชนและความคดิ ในการรักษากำ�ลังใจของทมี งาน ระหว่างท่ีแผนงานบวชป่าและปลูกป่ายังค้างอยู่ รอการมาเยือนของฤดูฝนท่ีจะช่วยสร้างความ ชุ่มฉ่ำ�ลงบนผืนดินตามคำ�แนะนำ�ของชาวบ้าน ที่บอกให้ทีมงานรอก่อน เพราะหากปลูกป่าเสริมใน ช่วงแล้ง โอกาสท่ีต้นไม้จะรอดจนเติบใหญ่คงยาก ทีมงานจึงติดต่อขอพันธุ์ไม้จากชาวบ้านที่เพาะ ตน้ กล้วยและไผ่ไว้ รอวนั ท่ฟี า้ ฝนเป็นใจ จะไดพ้ ากนั ไปปลูกปา่ “เลอื กปลกู กล้วยกบั ไผ่ เพราะจากทีเ่ คยไปสำ�รวจในบรเิ วณนน้ั เหน็ มีกล้วยกบั ไผเ่ ปน็ อาหารใหค้ น และสัตว์ และพืชสองชนดิ นย้ี ังเป็นพชื เบกิ น้�ำ ที่ช่วยสร้างความชมุ่ ช่นื ให้พื้นที”่ เวียร์ บอกถึงชนิดของ พืชที่ปลูกเพอื่ ฟื้นฟูป่า “ประสบการณท์ ำ� งานโครงการนำ� มาซ่งึ การศึกษาหาความรทู้ ่ีตนเองไม่เคย สนใจมาก่อน โดยเฉพาะเร่อื งราวเกีย่ วกบั ป่า ที่ตอนน้ตี ระหนักแล้ววา่ การปลูกป่าไมใ่ ช่งานงา่ ยๆ การจะฟ้ ืนฟูป่าต้องใช้เวลากวา่ ทีป่ ่าจะสมบูรณ์ แต่การตัดไม้ท�ำลายป่านั้นใชเ้ วลาแค่ชั่วขณะเดยี ว” รู้จรงิ จากประสบการณ์ การทำ�งานท่ีแตกต่างจากส่ิงที่คุ้นชิน ได้สร้าง “การเรียนรู้” ให้ทีมงานเป็นอย่างมาก ป๊อปปี้ สะทอ้ นวา่ ประสบการณท์ �ำ งานโครงการน�ำ มาซง่ึ การศกึ ษาหาความรทู้ ตี่ นเองไมเ่ คยสนใจมากอ่ น โดยเฉพาะเร่อื งราวเกยี่ วกับปา่ ท่ตี อนน้ีตระหนักแลว้ ว่า การปลูกปา่ ไมใ่ ชง่ านง่ายๆ การจะฟ้นื ฟู ปา่ ต้องใช้เวลากว่าท่ีป่าจะสมบูรณ์ แตก่ ารตัดไม้ท�ำ ลายปา่ น้นั ใช้เวลาแคช่ ่วั ขณะเดียว สำ�หรับเมย์ เธอสัมผัสได้ถึงประโยชน์ของการทำ�งานที่เชื่อมโยงกับการเรียน “เดี๋ยวนี้นักเรียน ทกุ คนตอ้ งเขยี นโครงการหรอื โครงงานเปน็ แมจ้ ะไมเ่ จาะลกึ แตก่ ต็ อ้ งรวู้ า่ เขยี นอยา่ งไร วางแผนอยา่ งไร เพือ่ นบางคน ไมร่ อู้ ะไรเลย ก้อปปีจ้ ากอนิ เทอรเ์ น็ตมา แตเ่ ราจะรู้ลึกซง้ึ ทั้งการคดิ การวางแผนงานที่ รอบคอบขน้ึ จากเมือ่ กอ่ นคดิ แล้วทำ�เลย แลว้ ผลไม่เป็นอย่างที่ตอ้ งการ” การพัฒนาทักษะการวางแผนในการทำ�งานโครงการ กลายเป็น “ทักษะ” ที่สามารถนำ�ไป ปรับใชใ้ นการเรียน และการใชช้ ีวิต เพราะเด็กและเยาวชนยุคน้มี กี ิจกรรมทีต่ อ้ งท�ำ มากมาย
73
74 “ได้พัฒนาตวั เองในด้านการแสดงออก ผา่ นกระบวนการเรยี นรู้ โดยการถอดบทเรยี นรว่ มกับเพ่ือนๆ ทัง้ เพ่ือนในกลุม่ และเพ่ือนตา่ งถ่นิ ที่ได้สานสายใยความสัมพันธ์ แลกเปล่ยี นเรยี นรรู้ ะหวา่ งกนั ผ่านช่องทาง โซเชยี ลมีเดยี อย่างสม่ำ� เสมอ จงึ รู้สึกได้ว่า เส้นทางในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ใชเ่ ส้นทางที่โดดเดีย่ ว แตเ่ ปน็ เส้นทางทมี่ เี ยาวชนอีกหลายๆ พ้ืนที่เดนิ เคียงค่ไู ปด้วยกนั ” ส่วนเวียร์ บอกวา่ การท�ำ โครงการได้พลิกชวี ติ ของเขา ด้วยความกลา้ ท่เี พิ่มพนู ทำ�ให้ม่ันใจทจี่ ะ เปิดเผยตัวตนวา่ เปน็ เพศทางเลอื ก เหมือนยกภเู ขาออกจากอก แตเ่ ขายังคงใช้ชวี ติ ปกติ ท�ำ งานท่ไี ด้รบั มอบหมายอย่างต้ังใจต่อไป นอกจากน้ียังสัมผัสได้ถึงความเปล่ียนแปลงของตนเอง ปกติเป็นคน เขยี นได้ คดิ ได้ แตพ่ ดู บรรยายไมไ่ ด้ เพราะไมก่ ลา้ แตพ่ อไดผ้ า่ นกระบวนการในคา่ ยทพ่ี ๆ่ี โครงการ ปลกู ใจรกั ษโ์ ลกจดั ขน้ึ เพอ่ื พฒั นาศกั ยภาพในการสอ่ื สารใหแ้ กน่ อ้ งๆ จงึ เปน็ การฝกึ ฝนและเตมิ เตม็ เทคนคิ ทช่ี ว่ ยใหม้ น่ั ใจขน้ึ หลงั จากคา่ ยครง้ั นน้ั สง่ิ ทค่ี ดิ สง่ิ ทเ่ี ขยี น กส็ ามารถบรรยายไดอ้ ยา่ งตรงใจ ขณะท่ีชิซึ่งเป็นพี่ใหญ่ บอกว่า การเรียนรู้ในโครงการเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น โดยสง่ิ ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเอง มที ง้ั แรงบนั ดาลใจในการดแู ลรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ซึ่งเกิดจากการที่ได้เรียนรู้ เห็นตัวอย่างจากท่ีพ่ีๆ ในโครงการนำ�เสนอ เรียนรู้เรื่องการเขียนโครงการ รวมทงั้ วธิ ีการทำ�งาน เชน่ การตดิ ตอ่ ประสานงานกับคนท่ีอายมุ ากกว่า หรอื หนว่ ยงานตา่ งๆ
75 นอกจากนยี้ งั ไดพ้ ฒั นาตวั เองในดา้ นการแสดงออผา่ นกระบวนการเรยี นรโู้ ดยการถอดบทเรยี น ร่วมกับเพ่ือนๆ ทั้งเพ่ือนในกลุ่ม และเพ่ือนต่างถิ่น ท่ีได้สานสายใยความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยน เรยี นรู้ระหวา่ งกนั ผ่านชอ่ งทางโซเชยี ลมเี ดียอยา่ งสม�ำ่ เสมอ จงึ รสู้ กึ ไดว้ า่ เสน้ ทางในการอนรุ กั ษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มไมใ่ ชเ่ สน้ ทางทโ่ี ดดเดย่ี ว แตเ่ ปน็ เสน้ ทางทม่ี เี ยาวชนอกี หลายๆ พน้ื ท่ีเดินเคียงคไู่ ปด้วยกนั ระหว่างทางของการรอคอยและได้สัมผัสกับความเป็นไปในชุมชน ทำ�ให้ทีมงานเริ่มสังเกตเห็น เค้าลางของปญั หาท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะปญั หาเรอ่ื งการจดั การขยะ ท่วี นั น้รี วู้ า่ แม้แต่ อบต.ในพ้ืนท่ีก็ไม่สามารถจัดการได้ เพราะไม่มีท่ีทิ้ง บ่อท้ิงขยะท่ีเคยทิ้งก็เต็ม อบต.จึงไม่รับ จัดการขยะ แต่ให้ชาวบ้านจัดการกันเอง แม้จะไม่ได้ทำ�โครงการเกี่ยวกับการจัดการขยะ แต่ทีมงาน ก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์คัดแยกขยะ พร้อมกับรณรงค์ให้ใช้ป่ินโตในโรงเรียนอย่างแข็งขัน เพื่อลดการสร้างขยะให้น้อยที่สุด โดยหวังว่า แนวทางเหล่านี้จะเป็นความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมท่ี ติดตัวนักเรียน และนำ�กลบั ไปเผยแพรข่ ยายผลในชุมชนตอ่ ไป ครูผูเ้ อ้อื การเรยี นรู้ ดา้ นครขู งิ -เนตรนภา สายเนตร ในฐานะท่ปี รกึ ษากไ็ ด้เรยี นรวู้ ิธีการที่พ่ๆี ในโครงการปลกู ใจรักษโ์ ลกจดั กระบวนการเรยี นรใู้ ห้แก่น้องๆ จนเกิดการทบทวน ตนเองในบทบาททเี่ คยสอนแบบกำ�หนดเวลา กำ�หนดขอบเขต ก�ำ หนดเป้าหมาย ให้นักเรียน ก็ค่อยๆ ปรับตัว “เปิดพื้นที่” ให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านการคิด วเิ คราะห์ และลงมอื ท�ำ ดว้ ยตนเองมากขน้ึ ซงึ่ ครขู งิ ยอมรบั วา่ บางครง้ั กต็ อ้ งฝนื ตอ้ งรอ เพราะวา่ การเรยี นการสอนมรี ะยะเวลาก�ำ กบั ทที่ �ำ ใหค้ รตู อ้ งเรง่ สอนใหท้ นั ตามแผนการสอน “เห็นถึงความเปล่ียนแปลงของลูกศิษย์ โดยเฉพาะทักษะ การคดิ การวางแผนทีเ่ ปน็ ระบบ รวมทัง้ ประสบการณ์ชวี ิต ทีไ่ ด้ไปเปดิ หเู ปดิ ตาในโลกกว้าง ท่ีนำ� มาซ่ึงความมน่ั ใจ ในการดำ� เนนิ ชวี ิต” “ตอนแรกเราอยากให้เด็กเขา้ ร่วมโครงการ เพราะอยากให้เขาได้ประสบการณ์ ให้เขาไดเ้ จอเพอ่ื น ไปเจอคนข้างนอก เราเป็นครูบางครั้งเราไม่มีเวลาสอนเด็ก เขาก็ไปเรียนรู้กระบวนการต้ังแต่การคิด การแกป้ ัญหา การวเิ คราะห์ การประเมิน เพราะเวลาเราสอนกว่าเดก็ จะมาถงึ เราบางทีคาบหนึ่งเหลือ เวลา 40 นาที เราจะสอนกระบวนการแบบทพี่ ๆ่ี สอนกไ็ มไ่ ด้ เราไมร่ มู้ ากอ่ นวา่ โครงการเขาจะสอนเดก็ แบบน้ี แต่ผู้อำ�นวยการเขาเคยมีประสบการณ์ เขาบอกว่า ส่งเด็กไปเลย เด็กจะได้มีประสบการณ์ ผลจะเกดิ กับเดก็ และเด็กเราเป็นเด็กชนบทไดโ้ อกาสท่จี ะเปดิ หูเปดิ ตากเ็ ปน็ สงิ่ ที่ดี พัฒนาเด็กไดแ้ น่ๆ”
76 ส�ำ หรบั การสนบั สนนุ ของครทู ปี่ รกึ ษานน้ั สว่ นใหญจ่ ะมบี ทบาทใหค้ �ำ ปรกึ ษา แตบ่ างครงั้ กต็ อ้ งกระตนุ้ บา้ ง เชน่ กรณที พ่ี ๆี่ ใหส้ ง่ งาน ถา้ ไมเ่ หน็ งานกต็ อ้ งตดิ ตาม ถามไถ่ว่า นักเรียนทำ�หรือยัง หรือการประสานงานกับหน่วยงานในท้องถิ่น หากพบว่าเกินกำ�ลังของลูกศิษย์ก็จะช่วยอำ�นวยความสะดวก ซ่ึงหลังจากผ่าน การเรยี นรใู้ นโครงการมาระยะหนงึ่ ครขู งิ บอกวา่ เหน็ ถงึ ความเปลยี่ นแปลง ของลูกศิษย์โดยเฉพาะทักษะการคิด การวางแผนท่ีเป็นระบบ รวมท้ัง ประสบการณช์ วี ติ ทไี่ ดไ้ ปเปดิ หเู ปดิ ตาในโลกกวา้ ง ทนี่ �ำ มาซงึ่ ความมนั่ ใจใน การด�ำ เนนิ ชีวติ มากขึ้น “เรื่องการคดิ เองทำ�เอง แรกๆ ครูยอมรบั ว่าเด็กยงั ไมค่ ่อยมี แตเ่ รากไ็ มไ่ ด้ คาดหวังว่าเขาต้องทำ�ได้สมบูรณ์แบบ แต่หลังๆ เขาทำ�ได้มากขึ้น เพราะเวลา ท�ำ งานในคา่ ยจะเหน็ ว่าพๆ่ี ทป่ี รกึ ษาโครงการใจเยน็ มาก ใหเ้ วลาเดก็ คดิ ใชเ้ วลา เทา่ ไรก็ได้ แต่เราซึง่ เป็นครูจะรอ้ นร้นวา่ ทำ�ไมแคน่ ี้หนตู อบไมไ่ ด้ อยากจะบอก ไปวา่ ท�ำ อยา่ งนสี้ ิ จงึ กลายเปน็ วา่ ในฐานะครเู ราเรยี นรเู้ ยอะมาก โดยเฉพาะเรอื่ ง การใหเ้ วลากับเขา ขอบเขตงาน เปา้ หมายที่ตอ้ งการ ครกู ็นำ�มาปรบั ใช้ ให้เขาคดิ แก้ปญั หาเอง เราแคส่ นับสนนุ เปน็ ระยะๆ” ระยะเวลาของโครงการและฤดกู าลทด่ี เู หมอื นจะไมส่ อดคลอ้ งกนั ท�ำ ให้ ช่วงเวลาของการ “รอ” ทำ�กิจกรรมที่ค้างอยู่ จนล่วงเลยระยะเวลาส้ินสุด ของโครงการตามสญั ญา แตท่ มี งานยนื ยนั วา่ ยงั คงจะสานตอ่ ภารกจิ ทเ่ี รม่ิ ไว้ ใหเ้ สร็จส้ินอยา่ งต้ังใจ ดว้ ยเพราะ “สำ�นึก” ว่าเป็น “หนา้ ท”่ี ท่ีอาสามาท�ำ จงึ ตอ้ งท�ำ ใหส้ �ำ เรจ็ เพราะผลทจี่ ะเกดิ ขน้ึ จะเกดิ ประโยชนต์ อ่ สภาพแวดลอ้ ม และความเปน็ อย่ทู ด่ี ีข้นึ ของชมุ ชนทีต่ นรกั
77 โครงการนวตั กรรมสันปา่ ไร่ ทป่ี รึกษา เนตรนภา สายเสอื ทีมงาน หม่อซาชิ มัน่ คง พัศดี ชานวาทกิ ตระกูล สรุ ศักด์ิ แซ่มา้ ชากร เกศแกว้ พานกุล เชิดศักดิ์ ม่ันพฒั นาการ อนรุ ักษ์ ปติ แิ สงธรรม บุญชู นกยงู วไิ ล สมพิศ พิถีสะอาด กฤษดา มัน่ คง สภุ าภรณ์ คำ�ออ่ น
78
79 เรื่องว่นุ ๆ ของ วยั รุ่นรักป่า โครงการตน้ กล้ารักษป์ า่ ฮักนะ...โสกผีดบิ
80 จากถนนหลวงสายหลกั เขา้ ส่ทู างหลวงแผ่นดนิ สายเล็กพอใหร้ ถสองคนั วิง่ สวนกนั ได้ บรรยากาศ สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนา มุ่งหน้าสู่ตำ�บลโสกนกเต็น อำ�เภอพล จังหวัดขอนแก่น ปลายทางคือ “ปา่ ชมุ ชนโสกผดี บิ ” สถานทที่ เี่ ดก็ และเยาวชน กลมุ่ เยาวชนกลา้ ดี ก�ำ ลงั ท�ำ กจิ กรรมภายใต้ โครงการ ต้นกล้ารักษ์ปา่ ฮักนะ...โสกผดี บิ ท่ีมีเปา้ หมายเพอ่ื พฒั นาปา่ ชมุ ชนโสกผดี ิบให้เป็นแหลง่ เรยี นรู้ ทางพชื พรรณไมแ้ ละวัฒนธรรมของชุมชน และเพอ่ื ดแู ลรกั ษาป่าใหค้ งอยู่ค่ชู มุ ชนตอ่ ไป กล้าได้...แต่ต้องกล้าดี กลุ่มเยาวชนกล้าดี เป็นเด็กและเยาวชนจิตอาสาในตำ�บลโสกนกเต็น และจากชุมชนข้างเคียงท่ี รวมตัวกันมากว่า 5 ปีแล้ว มีเป้าหมายเพ่ือขับเคล่ือนกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์เพื่อพัฒนาตัวเองและ ชมุ ชน ภายใต้การหนุนเสริมขององค์การบรหิ ารสว่ นต�ำ บลโสกนกเต็น (อบต.โสกนกเตน็ ) ปจั จุบนั มกี าร ท�ำ กจิ กรรมตอ่ เนอ่ื งเปน็ รนุ่ ท่ี 3 เมอื่ เหน็ วา่ โครงการปลกู ใจรกั ษโ์ ลก มเี ปา้ หมายสอดคลอ้ งกบั กจิ กรรม ด้านสง่ิ แวดล้อมที่กลุ่มทำ�อยู่ จึงเห็นเป็นโอกาสดที จี่ ะได้พฒั นาศักยภาพการท�ำ งานของกลุม่ ใหเ้ ข้มแขง็ ย่ิงข้ึน “พวกเราได้รับแรงบันดาลใจและเห็นตัวอย่างดีๆ จากรุ่นพ่ีท่ีมีจิตอาสาเข้ามาทำ�งานเพื่อชุมชน จึงอยากทำ�ให้ได้เหมือนรุ่นพ่ี และส่งเสริมน้องๆ รุ่นต่อไปให้เข้ามามีบทบาทสานต่องานในชุมชน” คอื จดุ เริม่ ตน้ ที่ ม้นิ ท-์ อมรรัตน์ สิงห์สา พใี่ หญ่ของกล่มุ เยาวชนกล้าดี อาสาเข้ามาสานต่องานของ
81 “การวางแผนและแบ่งบทบาทหนา้ ทท่ี �ำให้งานเดนิ ไปได้ดว้ ยดี แมจ้ ะไมร่ าบร่ืน ท้งั หมด แต่มที ศิ ทางมากข้นึ เพราะทีมงานรบั รู้งานรว่ มกนั หากมสี ิ่งไหน ขาดตกบกพร่องจะได้ช่วยกนั ย้�ำเตอื นหรอื ทักท้วง ทำ� ใหภ้ าระไมใ่ ห้ตกที่ใคร คนใดคนหน่งึ ” รนุ่ พ่ี และไม่ผดิ หวงั เมื่อการเข้าร่วมกลุ่มคร้ังนี้ทำ�ใหเ้ ธอ เต-้ สทุ ธนิ นั ท์ ธรรมธร เลา่ วา่ สถานการณป์ ญั หาท่ี และเพอ่ื นๆ ในกลมุ่ มพี ฒั นาการดา้ นการท�ำ งานเปน็ ทมี เกิดขนึ้ กบั ป่าชมุ ชนโสกผีดิบมี 3 ส่วน ได้แก่ 1. ปา่ โดน ดีข้นึ เปน็ ลำ�ดับ โดยเฉพาะ “วธิ กี ารท�ำ งาน” ท่ีให้ความ บุกรุกแปลงเป็นพื้นที่ทำ�การเกษตร 2. การลักลอบ ส�ำ คัญกับ “การประชมุ ” แทนทจ่ี ะมองว่า การประชมุ ตัดต้นไม้ใหญ่ในป่า 3. ชาวบ้านนำ�ขยะไปท้ิงในป่า เปน็ เรอ่ื งนา่ เบอ่ื แตเ่ ปน็ เวลาทดี่ แี ละมคี วามสขุ ทท่ี มี งาน สร้างมลภาวะจนระบบนิเวศบางสว่ นเสียสมดลุ ได้มาพบปะพูดคุยกันแล้ว การประชุมยังช่วยให้งาน ขบั เคลอื่ นไปได้ด้วยดี อยา่ งไรกต็ ามเพอ่ื ใหป้ า่ กลายเปน็ แหลง่ เรยี นรทู้ าง พืชพรรณไม้และวัฒนธรรม ทีมงานจึงออกแบบ 5 “การทำ�งานที่ผา่ นมา เรามองกว้างๆ ว่าอยาก กจิ กรรม ไดแ้ ก่ การส�ำ รวจและเกบ็ ขอ้ มลู สภาพปา่ และ ให้คนในชุมชนรู้ว่าป่าดีอย่างไร อยากพัฒนาป่าให้ พืชพรรณไม้ การจัดเส้นทางศึกษาธรรมชาติในป่า เป็นแหล่งเรียนรู้ แต่ไม่เคยจัดกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้อง การประชาสมั พนั ธก์ จิ กรรมผา่ นหอกระจายเสยี งของ สมั พนั ธก์ บั ปา่ โดยตรง พอพๆ่ี พาคดิ วเิ คราะหใ์ หเ้ หน็ ชุมชน การออกบูธนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ความรู้ เปา้ หมายชดั เจน เรากค็ ดิ ตอ่ ไดว้ า่ จะท�ำ กจิ กรรมอะไร เรือ่ งสมุนไพรสชู่ มุ ชน และการจดั เวทคี ืนข้อมลู เพือ่ ควรดงึ ใครมามสี ว่ นรว่ ม และควรขอความชว่ ยเหลอื รายงานความคืบหน้าการทำ�กิจกรรมของเยาวชน จากใคร” มน้ิ ท์ กล่าว โดยงานนี้ทีมงานต้องสวมบทบาทการเป็นนักสำ�รวจ นักประสานงาน พเี่ ลี้ยง และนักประชาสมั พนั ธ์ แผนงาน “เขม็ ทิศ” น�ำทางสู่ ความส�ำเรจ็ น้ำ�ฝน-ศิวพร สุริยะพงษ์ ที่รบั บทบาทนักส�ำ รวจ บอกวา่ เธอน�ำ ประสบการณจ์ ากการศกึ ษาดงู านปา่ ชมุ ชน มะนาว-จันทมิ า แขง็ ฤทธ์ิ เลา่ ถงึ บทเรียนส�ำ คัญ ทีจ่ ังหวัดสรุ ินทร์ ซ่ึงมีสภาพปา่ และประวตั คิ วามเปน็ มา ท่ีเธอได้เรียนรู้จากการทำ�งานโครงการต้นกล้ารักษ์ป่า คลา้ ยกับปา่ ชุมชนโสกผีดบิ มาใช้ ฮกั นะ...โสกผดี บิ คอื การวางเปา้ หมาย การวางแผนงาน และการแบง่ บทบาทหน้าที่ ซ่ึงช่วยให้งานสำ�เรจ็ งา่ ยขนึ้ “ตอนนั้นคิดว่าถ้าเขาทำ�ได้เราก็ต้องทำ�ได้” น้ำ�ฝน เพราะการวางแผนจะเป็นเข็มทิศนำ�ทางให้ไปถึง กล่าว เป้าหมายได้ ต่อให้เดินหลงทางก็ยังวกกลับมาใหม่ได้ ทนั ท่วงที “พวกเราลงไปสำ�รวจป่าก่อนที่จะพาน้องๆ ใน ชุมชนเข้าไปศึกษาเส้นทางธรรมชาติ เราต้องรู้ด้วย ด้วยเหตุน้ีข้ันตอนการทำ�งานทั้งหมดของทีมจึง ตัวเองก่อนถึงจะพานอ้ งๆ ไปได”้ เต้ กลา่ ว เกดิ ขน้ึ จากการระดมความคดิ ของสมาชกิ ผา่ นการแสดง ความคิดเห็น ถกเถียง และยอมรับในมติ แล้วนำ�ไปสู่ แม้จะมีประสบการณ์มาบ้าง แต่ปัญหาก็มีมาให้ การเตรียมความพรอ้ ม การแบง่ บทบาทหน้าที่ จากนัน้ แกไ้ ข อาร์ต-จิรายุ ศรีทาสร้อย เลา่ ว่า ความไม่พรอ้ ม ลงมอื ท�ำ แต่ละงานดว้ ยความร้สู ึกรบั ผดิ ชอบร่วมกัน เพรยี งและขาดการสอื่ สารทด่ี ี ท�ำ ใหก้ ารท�ำ งานลา่ ชา้ และ ผิดพลาด
82 “เปน็ เพราะพวกเราไมป่ ระชุมสรปุ งานกันให้ชดั เจน วนั ที่ส�ำ รวจป่าพวกเรานดั กนั ตั้งแตเ่ ชา้ เพอื่ น บางคนมาไม่ไดก้ ไ็ ม่แจง้ ใหก้ ลุม่ รู้ ทกุ คนก็รอ จากทนี่ ัดตอนเช้ากวา่ จะได้สำ�รวจป่าจรงิ ๆ เวลาก็ล่วงเลย ไปตอนบ่าย ซึ่งวันนั้นเรานัดพี่ๆ โครงการปลูกใจรักษ์โลกและผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองบัวให้ช่วยนำ�ทาง โชคยังดที ี่บา้ นผ้ใู หญ่อย่ใู กลป้ ่าอยแู่ ลว้ เลยไมม่ ปี ัญหา” อารต์ กลา่ ว เหตทุ ท่ี มี งานขอใหผ้ ใู้ หญบ่ า้ นบา้ นหนองบวั เปน็ ผใู้ หค้ วามรู้ เพราะผใู้ หญค่ ลกุ คลอี ยกู่ บั ปา่ บรเิ วณน้ี มานาน จงึ สามารถใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั ประวตั คิ วามเปน็ มาของปา่ พชื พรรณดง้ั เดมิ ทสี่ ญู หายไป พชื พรรณ ที่ยังคงอยู่ รวมทั้งประเพณีไหว้ผีบรรพบุรุษในป่าหรือประเพณีสงกู่ ที่แสดงให้เห็นว่าป่าเป็นศูนย์รวม จติ ใจของคนในชุมชนมาช้านาน แม้กิจกรรมแรกจะผิดแผนไปบ้าง แต่ก็ทำ�ให้ทีมงานเห็นว่า การวางแผนงานเป็นสิ่งสำ�คัญ โดยแป-้ รุ่งอรณุ จนั ลี ย�ำ้ ว่า ย่งิ ทีมมกี ารวางแผนระยะยาวมากเท่าไร กจ็ ะส่งผลดตี อ่ การจดั สรรเวลา ของสมาชกิ ใหท้ ำ�งานไดเ้ ตม็ ประสิทธิภาพ เนื่องจากทมี งานศึกษาอยู่คนละโรงเรียน ตา่ งระดับช้ัน และ ตา่ งหมู่บา้ น เวลาจงึ เป็นปัจจยั ส�ำ คัญทีต่ อ้ งคำ�นึงถึง “หลังจากนั้นเราเรียกประชุมอย่างเป็นทางการในเฟซบุ๊ก แล้วก็โทรนัดย้ำ�อีกที พอมาประชุมได้ แผนงานระยะยาววา่ แตล่ ะเดอื นจะท�ำ อะไร ใครรบั ผิดชอบหน้าท่ไี หน ทำ�เปน็ ปฏิทินการทำ�งาน ระยะยาวเพื่อให้แต่ละคนบริหารจัดการเวลาของตนเอง หากเพื่อนไม่ว่างก็ขอให้บอก เพราะ ทุกอย่างสามารถยืดหยุ่นและปรับเปล่ียนได้ หรือไม่ก็ให้คนที่เหลือช่วยกันทำ�ต่อได้ การทำ�งาน จะได้ไมม่ ปี ัญหา” แปง้ อธิบาย มน้ิ ท์ เสรมิ วา่ การวางแผนและแบง่ บทบาทหนา้ ทท่ี �ำ ใหง้ านเดนิ ไปไดด้ ว้ ยดี แมจ้ ะไมร่ าบรน่ื ทง้ั หมด แตม่ ีทศิ ทางมากข้นึ เพราะทีมงานรับรงู้ านร่วมกัน หากมีส่ิงไหนขาดตกบกพรอ่ ง ทมี งานจะไดช้ ว่ ยกนั ย้ำ�เตอื นหรอื ทักท้วง ท�ำ ใหภ้ าระไม่ให้ตกท่ีใครคนใดคนหนึง่ “ป่าโสกผีดบิ ไม่ใชข่ องพวกเรา ถา้ เราไม่สรา้ งการตระหนักรู้ แลว้ ทำ� อย่กู ลมุ่ เดียว โดยไมด่ ึงคนอ่นื เข้ามามีส่วนร่วมคงยากท่ีจะ สรา้ งการเปลย่ี นแปลงได้ แต่หากทกุ ฝ่ายรบั รู้สภาพปัญหา ช่วยกันแก้ไข หลายๆ มือรว่ มกันยอ่ มดีกว่ามอื เดยี ว” เช่ือมร้อยชมุ ชนร่วม “รกั ป่า” เห็นได้ชัดเจนว่า การทำ�งานชุมชนน้ัน นักประสานงานเป็นบทบาทสำ�คัญไม่แพ้บทบาทอื่น ทีมงานจึงต้องประสานงานกับผู้ใหญ่บ้านและผู้รู้ในชุมชน เพื่อให้ช่วยนำ�ทางเก็บข้อมูลในป่า ท้ังยัง ต้องเก่ียวข้องสัมพันธ์กับภาคีเครือข่ายภายนอก เพ่ือออกไปศึกษาดูงานขยายขอบเขตความรู้ อาทิ ประสานงานกับ อบต. และโรงเรียนประจ�ำ หมบู่ ้าน 2 แหง่ ได้แก่ โรงเรียนบ้านหนองบัวและโรงเรียน โสกนกเต็นประชาอุปถัมภ์ เป็นต้น การสร้างสายสัมพันธ์ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ เขา้ มามีสว่ นรว่ มในการรกั ษาและฟน้ื ฟูป่าชุมชนทพ่ี วกเขารัก
83
84 “ป่าโสกผีดิบไม่ใช่ของพวกเรา ถ้าเราไม่สร้าง ต่างหมู่บ้านเข้ามาทำ�กิจกรรมด้วย ถือเป็นการขยาย การตระหนกั รู้ แลว้ ท�ำ อยกู่ ลมุ่ เดยี ว โดยไมด่ งึ คนอนื่ ขอบเขตกลุ่มเป้าหมาย และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มคงยากทจ่ี ะสรา้ งการเปลย่ี นแปลงได้ เรยี นรูแ้ ละท�ำ ความรจู้ ักกับป่า แต่หากทุกฝ่ายรับรู้สภาพปัญหา และช่วยกันแก้ไข หลายๆ มือร่วมกันย่อมดีกว่ามือเดยี ว” แป้ง กล่าว “พวกเราเขา้ ไปหาผอู้ ำ�นวยการโรงเรยี น เพอ่ื ชีแ้ จง ข้อมูล โดยโรงเรียนนัดนักเรียนกลุ่มเป้าหมายในระดับ “ถ้าเราไม่ชักชวนน้องๆ ในโรงเรียนมาด้วย ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1-2 และชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 เด็กรุ่นหลังอาจไม่ช่วยกันรักษาป่า เพราะไม่เห็น โรงเรียนละ 15 คน มารบั ฟังดว้ ย ซง่ึ น้องๆ กใ็ ห้ความ ความส�ำ คัญ” อารต์ เสริม สนใจดี” เต้ กลา่ ว ด้วยความชัดเจนของแผนงานและข้อมูลป่าที่ “รู้จัก รู้ใจ ให้ความสำ�คัญ” หลักคิดการเป็น ได้จากการลงมือสำ�รวจจริง ทำ�ให้ทีมงานได้รับการ พี่เลี้ยงท่ีดีเมื่อต้องผันตัวเองมารับบทบาท “พี่เลี้ยง” สนับสนุนงบประมาณจาก อบต.ทันทีท่ีเข้าไป ดแู ลนกั เรยี น 30 คน ในกจิ กรรมเดนิ ส�ำ รวจปา่ ดเู หมอื น ประสานงาน จะเปน็ ภาระหนกั เพราะนกั เรยี นกบั ทมี งานอายไุ มต่ า่ งกนั มากนกั พวกเขาจงึ น�ำ หลกั รจู้ กั รใู้ จ และใหค้ วามส�ำ คญั “จรงิ ๆ แลว้ ป่าชุมชนมี อบต.ดูแลภาพรวมอย่แู ลว้ มาใช้ โดยทีมงานจดั รูปแบบกจิ กรรมเดนิ สำ�รวจปา่ ออก กอ่ นหนา้ น้ี อบต.กพ็ ยายามขอคนื พน้ื ทป่ี า่ ทถ่ี กู บกุ รกุ จาก เป็น 2 ส่วน คือ ช่วงเช้านำ�ข้อมูลสำ�รวจป่าพร้อม ชาวบา้ น แตก่ ไ็ มไ่ ดม้ กี ารเขา้ ไปฟน้ื ฟู พวกเราท�ำ กจิ กรรม ภาพถ่าย วิดีโอ และคลิปวิดีโอละครเร่ท่ีเคยบันทึก กับ อบต.มาตลอด คร้ังนี้เลยเข้าไปเสนอแผนงาน ท้ัง การแสดงไว้ก่อนหน้านี้มานำ�เสนอ นอกจากน้ียังมี ปฏิทินการทำ�งานและวิดีโอสำ�รวจป่าครั้งแรกให้นายก กิจกรรมตั้งคำ�ถามชวนคิดจากภาพประกอบที่น่าสนใจ อบต.ด”ู น้�ำ ฝน อธิบาย จากปา่ โดยมน้ิ ทต์ งั้ ชอื่ กจิ กรรมในครงั้ นน้ั วา่ “เรอื่ งวนุ่ ๆ ของวยั รุ่นรกั ป่า” การประสานงานกบั โรงเรยี นกไ็ ดร้ บั ความรว่ มมอื จาก ผ้อู �ำ นวยการของทั้ง 2 โรงเรียนเปน็ อย่างดี มนี ักเรียน
85 “บทบาทพี่เล้ียงท่ีส�ำคัญคอื ตอ้ งประพฤตติ วั เปน็ แบบอย่างทดี่ แี กน่ อ้ งๆ เชน่ การทิ้งขยะใหล้ งถงั รุ่นพี่ต้องท�ำให้เห็นเปน็ ตวั อยา่ งกอ่ น หลงั จาก ท�ำกิจกรรมจบครง้ั หน่ึงกต็ ้องชักชวนนอ้ งๆ มาท�ำกิจกรรมร่วมกันอยา่ ง ต่อเน่อื ง เพ่ือปลกู ฝังจติ ส�ำนกึ และสร้างความผกู พันกับป่าให้เกดิ ข้ึนในใจ อย่างถาวร” “ตอนคิดกิจกรรม เราเอาตัวเองเป็นท่ีต้ังเลย เพราะวัยของเราไม่ต่างกันมาก เราไม่ชอบอะไรที่ วิชาการเกินไป เลยตั้งช่ือการนำ�เสนอให้คล้ายซีรีส์เกาหลี แล้วคิดคำ�ประกอบภาพท่ีให้ท้ังความรู้และ สรา้ งความบนั เทงิ ไปพรอ้ มกนั เลอื กเพลงและคดิ ค�ำ ประกอบภาพทใ่ี ชภ้ าษาดงึ ดดู ใจวยั รนุ่ ” มน้ิ ท์ อธบิ าย ส่วนกจิ กรรมศกึ ษาเส้นทางธรรมชาตใิ นภาคบ่าย ใชว้ ธิ แี บง่ นกั เรียนออกเปน็ 3 กล่มุ คละชน้ั เรยี น แตล่ ะกลุม่ จะมรี นุ่ พี่ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 รวมกบั นอ้ งมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1-2 พร้อมก�ำ หนดโจทยใ์ ห้ทุกคน จดบันทึกช่ือพนั ธพุ์ ชื และสัตวอ์ ยา่ งละ 10 ชนิดจากคำ�แนะน�ำ ของปราชญช์ าวบา้ น พรอ้ มทง้ั เก็บขยะ ท่เี จอระหว่างทางใสถ่ งุ ด�ำ กลมุ่ ไหนเก็บได้มากทส่ี ดุ จะมีรางวลั ให้ “พอรแู้ บบน้ี อบต.กส็ ง่ รถขนขยะมาชว่ ยขนขยะออกไปดว้ ย” แปง้ กลา่ วถงึ ความรว่ มมอื ทไ่ี ดร้ บั มะนาว บอกว่า สำ�หรับบทบาทพ่ีเล้ียงที่สำ�คัญคือ ต้องประพฤติตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี แก่น้องๆ เช่น การท้ิงขยะให้ลงถัง รุ่นพี่ต้องทำ�ให้เห็นเป็นตัวอย่างก่อน หลังจากทำ�กิจกรรม จบคร้ังหนึ่งก็ต้องชักชวนน้องๆ มาทำ�กิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อปลูกฝังจิตสำ�นึกและ สร้างความผูกพันกับปา่ ใหเ้ กิดข้นึ ในใจอย่างถาวร “เม่ือก่อนเห็นรุ่นพ่ีทำ�เป็นตัวอย่าง เราก็อยากมาทำ�กิจกรรมด้วย ถ้าน้องๆ เห็นเราทำ�เขาคงมี แรงใจอยากท�ำ อย่างเราบา้ ง แล้วคงยิง่ ดีใจและภูมใิ จถ้าเราไปชวนเข้ามาทำ�กิจกรรมเร่ือยๆ”
86 “จากเด็กทท่ี �ำอะไรไมเ่ ปน็ ชิ้นเปน็ อนั ติดเกมไปวนั ๆ ผลการเรียนไม่ดีเดน่ ไม่มคี วามรับผิดชอบ แต่เพราะมีเพ่ือนๆ พี่ๆ คอยสอน อารต์ จงึ น�ำผลการเรียน มาการนั ตี เพ่ือพิสูจน์ใหพ้ ่อแมเ่ หน็ วา่ ถงึ แมจ้ ะมาท�ำกิจกรรมเพ่ือชุมชนแต่ ผลการเรียนก็ไม่ตกต่ำ� แถมดีข้นึ อีกตา่ งหาก จากทพ่ี ่อแมไ่ ม่อยากให้มารวมกลมุ่ กับเพ่ือนๆ กย็ ิง่ ส่งเสริม เพราะเช่อื วา่ การทำ� กิจกรรมเหลา่ นเี้ ปลีย่ นแปลงลกู ได”้ กล้าเปล่ยี นแปลง หลังผ่านบทบาทนักสำ�รวจ นักประสานงาน ปา่ ในระยะยาวไดจ้ รงิ ...เมอื่ เหน็ แบบนท้ี �ำ ไมเขาจะไมใ่ ห้ และพี่เลี้ยงไปแล้ว ก็เข้าสู่บทบาทสุดท้ายน่ันคือ ความร่วมมือ” อาร์ต เอ่ยข้นึ นักประชาสัมพันธ์ คราวน้ีทีมงานขอใช้เวทีคืนข้อมูล ชุมชนให้ความรู้แก่คนในชุมชน และเป็นการรายงาน ไม่เฉพาะแค่ผู้ใหญ่ที่เปล่ียนมุมมองความคิดท่ี ความคืบหน้าการทำ�กิจกรรมในโครงการให้ผู้ใหญ่ใน มตี ่อเด็ก แม้แตท่ มี งานเองก็ได้พัฒนาความคดิ และ ชมุ ชนไดร้ ับรู้ พฤตกิ รรมของตนเองตลอดเสน้ ทางการท�ำ กจิ กรรม เพอื่ ชุมชน “วธิ เี ชญิ ชวนคนในชมุ ชนเขา้ รว่ มกใ็ ชว้ ธิ กี ระจายเสยี ง ประชาสัมพันธ์และประกาศทางเฟซบุ๊กชวนให้คนใน ม้ินท์ เล่าถึงพัฒนาการของทีมว่า จากเดิมการ ชุมชนทุกเพศทุกวัยเข้าร่วมเวที ผลตอบรับจากผู้ใหญ่ ท�ำ งานของกลมุ่ ตอ้ งอาศยั พเ่ี ลยี้ งคอยชแ้ี นะอยตู่ ลอด ทำ�ให้เราสัมผัสได้ว่า ผู้ใหญ่สนใจสิ่งท่ีเด็กอย่างเราทำ� แตป่ จั จบุ นั สามารถพดู ไดว้ า่ กจิ กรรมทงั้ หมดเกดิ ขนึ้ เพราะเราคดิ จรงิ ท�ำ จรงิ และกจิ กรรมทเี่ ราท�ำ กช็ ว่ ยฟน้ื ฟู จากความคดิ และการลงมอื ท�ำ ของกลมุ่ เยาวชนกลา้ ดี รอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์
87 “พอเราทำ�กิจกรรมเพ่ือชุมชนบ่อยๆ สิ่งท่ีเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ คือ เราจะนึกถึงคนอ่ืนมากขึ้น คดิ และอยากทำ�สง่ิ ที่เปน็ ประโยชนต์ อ่ สังคมอยู่เสมอ จากเดิมคิดแคว่ า่ เป็นหนา้ ที่ ตอนน้ีรสู้ กึ วา่ เราต้องรับผิดชอบตอ่ สงั คมร่วมกัน แลว้ ท�ำ หนา้ ท่ีของเราให้ดที ี่สุด” ขณะทม่ี ะนาว บอกว่า การท�ำ โครงการร่วมกบั เพอ่ื นๆ ทำ�ใหเ้ ธอเห็นประโยชนข์ องการทำ�งาน เป็นทีม และเห็นว่าอุปสรรคเป็นเร่ืองธรรมดา การร่วมมือกันทำ�ให้เราผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ การลงมอื ท�ำ คนเดียวอาจคิดได้ไม่ดีเท่าหลายๆ คนชว่ ยกนั คิด ชว่ ยกันท�ำ ดา้ นอารต์ มองวา่ การเขา้ มามสี ว่ นรว่ มท�ำ กจิ กรรมเปน็ เครอื่ งพสิ จู นต์ วั เอง เพอ่ื ใหพ้ อ่ แมย่ อมรบั และเหน็ วา่ เขากม็ ดี ี จากเดก็ ทท่ี �ำ อะไรไมเ่ ปน็ ชน้ิ เปน็ อนั ตดิ เกมไปวนั ๆ ผลการเรยี นไมด่ เี ดน่ ไมม่ ี ความรบั ผิดชอบ แตเ่ พราะมเี พ่อื นๆ พีๆ่ คอยสอน อาร์ตจงึ นำ�ผลการเรยี นมาการันตี เพอื่ พสิ จู น์ ใหพ้ อ่ แมเ่ หน็ วา่ ถงึ แมจ้ ะมาท�ำ กจิ กรรมเพอ่ื ชมุ ชนแตผ่ ลการเรยี นกไ็ มต่ กต�ำ่ แถมดขี น้ึ อกี ตา่ งหาก จากทีพ่ อ่ แม่ไม่อยากให้มารวมกลมุ่ กับเพ่อื นๆ กย็ ่ิงส่งเสริม เพราะเช่อื ว่าการทำ�กิจกรรมเหลา่ นี้ เปลยี่ นแปลงลกู ได้ “ผมรแู้ ต่ว่าผมตอ้ งทำ�ใหไ้ ด้ พสิ จู น์ตัวเองให้ได้ เพื่อใหท้ กุ คนยอมรบั ผม” อาร์ต เอย่ ขนึ้ ด้วย นำ้�เสียงสั่นเครือ ผลลพั ธจ์ ากความพยายามท�ำ ใหป้ จั จบุ นั อารต์ กลายเปน็ เดก็ ทม่ี คี วามรบั ผดิ ชอบ และไดร้ บั ความไวว้ างใจจากเพอื่ นๆ ให้ท�ำ หน้าที่รองประธานสภาเด็กและเยาวชนโสกนกเตน็ สว่ น เต้ บอกวา่ จากทเี่ คยเปน็ คนอยู่ไม่น่ิง ชอบแกลง้ แหยค่ นอื่น การทำ�งานขดั เกลานิสัยให้มี สมาธอิ ยกู่ บั สง่ิ ทท่ี �ำ “ผมถนดั งานศลิ ปะ ชอบท�ำ มากกวา่ ชอบคดิ เมอ่ื กอ่ นมาเพราะอยากท�ำ แตต่ อนน้ี ไมไ่ ด้แค่อยากท�ำ แต่คดิ จะทำ�มากข้นึ ดว้ ย”
88 ดา้ น นำ้�ฝน ยอมรบั วา่ เธอไม่ใช่เด็กในพ้ืนที่ แตเ่ ขา้ มาร่วมกิจกรรมเพราะ อยากมีผลงานไปใช้สมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัย แต่ความเสียสละและ ความอ่ิมใจท่ีเกิดขึ้นจากการได้ลงมือทำ�ประโยชน์ให้ผู้อ่ืนขัดเกลาความคิด ของเธอว่า ผลงานกลายเปน็ เพยี งผลพลอยได้เทา่ น้ัน เพราะผลตอบแทนที่ ยิ่งใหญก่ วา่ คอื ความภาคภมู ใิ จท่ีเกิดข้ึนอยู่เต็มหัวใจ จดุ เดน่ ของกลมุ่ เยาวชนกลา้ ดที เี่ หน็ ไดช้ ดั เจน คอื การมงุ่ มน่ั คดิ และท�ำ กจิ กรรมดว้ ยใจอาสา มองสง่ิ ใกลต้ วั เปน็ สง่ิ ทม่ี คี ณุ คา่ อยา่ งทพ่ี วกเขาบอกวา่ “ในเม่อื ชมุ ชนล้อมรอบด้วยป่า แลว้ จะไปทำ�โครงการอ่ืนทำ�ไม” และการใช้ ศกั ยภาพหรอื ตน้ ทนุ เดมิ ทต่ี วั เองมมี าขบั เคลอ่ื นกจิ กรรม รวมถงึ การผลกั ดนั รนุ่ นอ้ งใหเ้ ขา้ มาสานตอ่ งานแลว้ ยงั คดิ ดงึ ชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรม ด้วยแนวคิดเช่นนี้พวกเขาจึงไม่เคยทำ�ตัวแปลกแยกจากผู้ใหญ่ เข้าร่วม กิจกรรมงานประเพณีที่ผู้ใหญ่จัดข้ึน ทั้งยังเต็มใจช่วยกิจกรรมของ อบต. อยู่เสมอ ด้วยคิดว่าส่ิงท่ีทำ�ท้ังหมดน้ีก็เพ่ือสร้างสายสัมพันธ์ท่ีดีกับทุกฝ่าย ในชมุ ชน เพราะพวกเขาเชอื่ วา่ ป่าไม่ใชข่ องใครคนใดคนหน่ึง แต่เป็นของ ทุกคน
89 โครงการตน้ กลา้ รักป่า ฮักนะ...โสกผดี ิบ ทีป่ รกึ ษาโครงการ จิราภรณ์ ศรถี าพร ทมี งาน อมรรัตน์ สิงหส์ า จันทิมา แข็งฤทธิ์ ศิวพร สุรยิ ะพงษ์ จิรายุ ศรที าสร้อย สทุ ธนิ ันท์ ธรรมธร อมรฤทธ์ิ สงิ ห์สา รงุ่ อรุณ จันลี
90
91 รวมพลงั พทิ กั ษ์ป่าชุมชน โครงการสายลอ่ ฟ้า Top Ten Life ภาค 2
92 เมอื่ โรงเรียนอยู่กบั ป่า แล้วป่ากำ�ลงั เปล่ียนแปลงไปในทางทแ่ี ย่ลง ใครจะท�ำ อะไรได้บ้าง? โรงเรียนพลพัฒนศึกษา ตำ�บลหนองแวงนางเบ้า อำ�เภอพล จังหวัดขอนแก่น ตั้งอยู่ติดกับ ป่าชุมชนตำ�บลหนองแวงนางเบ้าท่ีขาดการดูแลรักษา และอยู่นอกเหนือความสนใจของคนในชุมชน จะว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ท่ีป่าแห่งนี้ถูกละเลย แต่ความละเลยของคนในชุมชนไม่ได้เป็น สง่ิ การนั ตีว่าจะไมม่ ใี ครเขา้ มาย่งุ วุ่นวายกบั ปา่ เม่ือพื้นทปี่ า่ กว่า 200 ไร่ ไมม่ ีเจ้าหนา้ ท่หี รือหนว่ ยงานใด เขา้ มาดแู ลอยา่ งเปน็ ทางการ จงึ เกดิ ชอ่ งวา่ งใหก้ ลมุ่ ผลู้ กั ลอบและคนในชมุ ชนบางกลมุ่ ใชโ้ อกาสนเ้ี ขา้ มา ลดิ รอนผนื ปา่ น�ำ ทรพั ยากรปา่ ไม้ ทง้ั เหด็ ของปา่ และพชื อน่ื ๆ รวมทงั้ ตน้ ไมใ้ หญอ่ อกไปใชแ้ ละขายเพอื่ ประโยชน์สว่ นตน “เราโตมากบั ปา่ เขา้ ปา่ ไปกบั ตายายตง้ั แตเ่ ลก็ ๆ โตขนึ้ มากย็ งั เขา้ ปา่ กบั เพอื่ น เหน็ ปา่ เปลยี่ นแปลง ไปจากเดิม เด๋ียวนี้ต้นไม้ใหญ่และสัตว์ต่างๆ น้อยลง เห็ดหายากขึ้น และส่ิงท่ีเพิ่มขึ้นมาก็คือขยะ” เต๋า-รัตนาภรณ์ ขวัญทอง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนพลพัฒนศึกษา พี่ใหญ่กลุ่ม เยาวชน P.P.พิทักษ์โลก สะท้อนสภาพความเปลี่ยนแปลงของป่า พร้อมบอกถึงเป้าหมายการทำ� โครงการสายลอ่ ฟ้า Top Ten Life คอื 1. ฟนื้ ฟู ปอ้ งกันและรกั ษาป่า 2.รวบรวมองคค์ วามรเู้ ร่อื ง ทรพั ยากรปา่ ไม้ สงิ่ มชี ีวิต และประโยชน์ของปา่ ชุมชน
93 “ป่า” คอื บ้านของเรา “พวกเราประสานงานกบั อบต. และผนู้ �ำ หมบู่ า้ น จัดเวทีประชาคมข้ึนมา โดยมีผู้ใหญ่เข้าร่วมจาก “เพราะสนใจเรอ่ื งปา่ และสง่ิ แวดลอ้ มอยแู่ ลว้ พอครู ทกุ หมบู่ า้ น เรากอ็ อกไปน�ำ เสนอขอ้ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวม นำ�รายละเอียดโครงการปลูกใจรักษ์โลกมาให้ดู ก็รู้สึก มาได้ หลงั จากนน้ั กลุม่ ผู้ใหญ่กร็ ่วมกนั วางกฎกติกา สนใจ จงึ รวมกลมุ่ เพอ่ื น 4 คน มาชว่ ยคดิ ชว่ ยท�ำ กจิ กรรม” ชุมชนในการดแู ลปา่ ขา้ งโรงเรยี นทนั ท”ี เต๋า เล่าถึงจุดเร่ิมต้นของการทำ�โครงการสายล่อฟ้า Top Ten Life ปที ี่ 1 และปที ่ี 2 โดยการทำ�กจิ กรรม กฎกตกิ าชุมชนเพื่อดูแลปา่ ทัง้ 5 ขอ้ 1 ถูกประกาศ ทผ่ี ่านมาท้งั 2 ปี มรี ปู แบบเหมอื นเดมิ คอื ลงพื้นทเ่ี ก็บ ใหค้ นในชมุ ชนรบั รผู้ า่ นเสยี งตามสายของแตล่ ะหมบู่ า้ น ขอ้ มลู พรรณไมใ้ นปา่ จดั เกบ็ และรวบรวมขอ้ มลู เกย่ี วกบั และมกี ารปกั ปา้ ยเตอื นบรเิ วณปา่ เพอื่ แจง้ คา่ ปรบั อยา่ ง พืชพรรณไม้ในชุมชนให้เป็นระบบ เพื่อให้คนในชุมชน เปน็ ทางการ เขา้ ถงึ ขอ้ มลู ไดง้ า่ ยมากขน้ึ จดั เวทเี พอื่ ดงึ คนในชมุ ชนให้ มาท�ำ กจิ กรรมปลกู ปา่ รว่ มกนั และกจิ กรรมคนื ขอ้ มลู แก่ กจิ กรรมทำ� เพ่ือป่า ชมุ ชน หลงั จากคนื ขอ้ มลู จากการส�ำ รวจเพอื่ ขบั เคลอ่ื นใน เมื่อได้ออกไปสำ�รวจป่าจนเห็นต้นตอของปัญหา ระดบั ผนู้ �ำ ชมุ ชนแลว้ ทมี งานยงั ปลกู ฝงั จติ ส�ำ นกึ รกั และ ทีมงานพบวิธีท่ีผู้ลักลอบตัดไม้ใช้เพ่ือนำ�ไม้ออกไป หวงแหนปา่ ใหแ้ กเ่ ดก็ เยาวชน ผปู้ กครอง และผใู้ หญ่ ใช้ประโยชน์ได้อย่างแนบเนียน โดยผู้ลักลอบมักใช้ ในชมุ ชนส่วนท่ีเหลอื ผา่ นกิจกรรม T Shift G Share ยาป้ายให้ต้นไม้ยืนต้นตายแล้ว จึงนำ�ออกจากป่าไป และการลงแขกปลกู ป่า โดย T ยอ่ มา Ten ผรู้ ่วมงาน ใช้ประโยชน์ โดยไมถ่ อื เปน็ ความผิด แต่ละคนที่สมัครใจเข้าไปปลูกป่าจะมีหน้าท่ีรับผิดชอบ กลา้ ไม้คนละ 10 ต้น 5 ตน้ เปน็ ไมก้ ินได้ สว่ นอกี 5 ตน้ “ในความเป็นจริงต้นไม้ไม่ได้ตายเอง คนต่างหาก เปน็ ไมป้ ระดู่ และต้นแดง ท่เี หมาะกับปา่ เต็งรัง สว่ น G ทีท่ �ำ ” เทย่ ์-กติ ตกิ ร ประสมบรู ณ์ แกนนำ�เยาวชนรุ่นที่ ยอ่ มาจาก Green ดงั นนั้ Green Share จงึ เปรยี บเสมอื น 3 เอย่ ขึ้น การมาพบปะพดู คยุ เพอ่ื แลกเปลย่ี นเรอ่ื งราวดๆี เกย่ี วกบั ปา่ ระหว่างคนทุกเพศทุกวัยในชุมชน นอกจากปญั หาเรือ่ งปา่ แลว้ ปัญหาขยะมูลฝอยที่ กองทับถมอยูเ่ ปน็ หย่อมๆ ในป่า เปน็ อกี ปญั หาหนง่ึ ที่ T Shift G Share เปน็ กิจกรรมใหญ่ทีจ่ ัดขนึ้ โดยมี ทำ�ลายระบบนิเวศ ทำ�ให้สมุนไพรและพรรณไม้ต้นเล็ก โรงเรียนพลพฒั นศกึ ษาเปน็ แม่งาน ครูทปี่ รกึ ษาชว่ ยทำ� ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เม่ือได้ข้อมูลสถานการณ์ จดหมายเชิญผู้นำ�ท้องถิ่น ผู้นำ�ชุมชนแต่ละหมู่บ้าน ปัญหาป่าท่ีเป็นรูปธรรม ทีมงานจึงนำ�ข้อมูลท่ีได้มา เผยแพรใ่ ห้ผนู้ ำ�ชมุ ชนและชาวบ้านรบั รู้ 1 กฎกตกิ าชมุ ชน 5 ขอ้ 1. หากจบั ไดว้ า่ ลกั ลอบตดั ไมอ้ อกมาจากปา่ ปรบั ตามวงปขี องตน้ ไม้ “เมื่อเราเห็น เรารู้ เราก็ต้องบอกให้คนในชุมชนรู้ วงละ 500 บาท แลว้ มารว่ มมือกบั เรา” เตา๋ กลา่ ว 2. หากจบั ไดว้ า่ น�ำ ขยะมาทง้ิ ในปา่ ปรบั ตามน�ำ้ หนกั กโิ ลกรมั ละ 500 บาท เม่อื มขี อ้ มูลมากพอ ทีมงานจึงขอใชโ้ อกาสในเวที 3. หากจบั ไดว้ า่ เผาปา่ และรกุ ลำ้�เขตแนวปา่ ปรบั 500 บาท ประชมคมหมู่บ้าน นำ�เสนอข้อมูลป่าให้คนในชุมชน 4. หากจบั ไดว้ า่ ลกั ลอบท�ำ ใหต้ น้ ไมย้ นื ตน้ ตาย ดว้ ยการปา้ ยยาตน้ ไม้ รบั รู้ โดยเตา๋ บอกวา่ ทผี่ า่ นมาทมี งานไมไ่ ดอ้ อกไปสรา้ ง ปรบั ตน้ ละ 500 บาท ความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชนภายนอกจงึ ไมม่ โี อกาสท�ำ กจิ กรรม 5. หากทำ�ลายป้ายประกาศแจ้งเตือนให้ได้รับความเสียหาย ปรับ ร่วมกับผู้ใหญ่ และไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้นำ�ในชุมชนเอง ปา้ ยละ 500 บาท ก็มีการจัดต้ังศูนย์ขึ้นมารับผิดชอบดูแลรักษาป่าไม้ใน ชมุ ชนเชน่ กนั
94 นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในตำ�บล และผู้ปกครองนักเรียน ส่วนทีมงานประสานงานให้ผู้ใหญ่ ช่วยประกาศเสยี งตามสายเชญิ ชาวบา้ นเข้าร่วมกิจกรรม ขอ้ มูลจากการสำ�รวจถูกนำ�เสนอในแงม่ ุมทเี่ ข้าใจง่ายข้ึน ผ่านบธู หรือฐานการเรยี นรู้ท่กี ล่มุ แกนนำ� เยาวชนจัดไว้ โดยมเี รอื่ งราวเก่ียวกับภยั จากการท�ำ ลายปา่ ประโยชนจ์ ากปา่ ต้นไมห้ ายากในป่า และ การปลูกต้นไม้ท่ีถูกวิธี เป็นต้น โดยขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าท่ีสวนพฤกษศาสตร์เมืองพล จังหวัด ขอนแก่น ให้เข้ามาช่วยเป็นวิทยากร เพื่อสร้างความน่าเช่ือถือให้กับข้อมูลท้ังหมดท่ีนำ�เสนอตามบูธ ต่างๆ “เรารู้จกั พๆ่ี จากสวนพฤกษศาสตรอ์ ยูแ่ ล้ว เพราะเข้าไปขอขอ้ มลู และต้นกล้า จนพๆี่ กลายเป็น พีเ่ ลยี้ งส�ำ รวจป่าใหพ้ วกเรา ปีก่อนโนน้ เราขอต้นไมจ้ ากสวนพฤกษศาสตรม์ าปลกู 1,500 ตน้ รอดจรงิ ไมถ่ งึ ครง่ึ เพราะปลกู ผดิ วธิ ี เหน็ วา่ แคเ่ รอื่ งการปลกู ตน้ ไมก้ เ็ ปน็ สง่ิ ทต่ี อ้ งเรยี นรู้ ปนี จ้ี งึ เนน้ ใหค้ วามรเู้ รอื่ ง การปลกู ป่าเปน็ ส�ำ คัญ เพื่อใหท้ กุ คนเตรียมตวั ส�ำ หรับการลงแขกปลูกตน้ ไม้ในครั้งตอ่ ไป” เตา๋ อธิบาย การจดั กจิ กรรมลงแขกปลกู ปา่ แตล่ ะครง้ั ใช้กลา้ ไม้กว่า 1,500 ต้น ปแี รกในขอบเขตพนื้ ที่ 40 ไร่ และขยายเพม่ิ ขน้ึ อกี เทา่ ตวั กลายเปน็ พน้ื ท่ี 80 ไรใ่ นปจั จบุ นั ซง่ึ กลา้ ไมท้ น่ี �ำ ไปปลกู กไ็ ดม้ าจากการเขา้ ไป ส�ำ รวจปา่ ทพี่ ๆี่ จากสวนพฤกษศาสตรแ์ นะน�ำ วธิ เี กบ็ เมลด็ พนั ธไุ์ มท้ หี่ ลน่ อยตู่ ามพน้ื มาเพาะเปน็ ตน้ กลา้ ส�ำ หรับใช้ในการปลกู ป่าตอ่ ไป การทำ�กิจกรรมต่อเน่ืองถึง 2 ปี ทำ�ให้ปีล่าสุด T Shift G Share ได้รับความร่วมมือและ เสยี งตอบรบั จากคนในชมุ ชนลน้ หลาม โรงเรยี นสง่ นกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาตอนปลายมารว่ มงาน เกนิ กวา่ ทค่ี าดไวเ้ ทา่ ตวั สว่ นในวนั ลงแขกปลกู ปา่ กไ็ ดร้ บั ความรว่ มมอื จากผปู้ กครองเกนิ คาดเชน่ กนั “เม่อื กอ่ นเปน็ คนไมฟ่ ังใครเลย และไมย่ ืดหยนุ่ หากมอบหมายงานให้ คนอ่นื ท�ำก็ตอ้ งใหไ้ ด้อย่างใจทุกอยา่ ง แตต่ อนน้เี รียนรทู้ จี่ ะไวใ้ จคนอ่ืน รับฟังมมุ มองความคดิ ของทีมงาน และใหเ้ ขาแสดงศักยภาพของตัวเอง” เม่อื “ป่าในใจ” งอกงาม เตา๋ บอกวา่ ตลอด 2 ปที ท่ี �ำ โครงการมาเหน็ ไดช้ ดั เจนวา่ ปา่ เกดิ ความเปลยี่ นแปลงไปในทาง ท่ดี ีขึ้นคอื มีการขยายขอบเขตพ้ืนท่ดี ูแลปา่ และเกิดความรว่ มมือของคนในชมุ ชนทุกเพศทุกวัย ที่เพ่ิมจำ�นวนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งกว่าที่พวกเขาจะผ่านกิจกรรมทั้ง 2 ปีมาได้ ต้องใช้ความอดทน และไม่ย่อท้อ โดยทีมงานแต่ละรุ่นจะมีการประชุมและให้กำ�ลังใจกันตลอดเวลาท่ีทำ�งานร่วมกัน ทกุ คนจงึ เหน็ ภาพรวมของการฟน้ื ฟปู า่ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั ทง้ั ระบบ กระบวนการเรยี นรทู้ เ่ี กดิ ขน้ึ ตลอดระยะเวลาการท�ำ โครงการ ท�ำ ใหท้ มี งานเหน็ ความเปลยี่ นแปลงของตวั เอง แกนน�ำ เยาวชน รนุ่ ท่ี 2 และ 3 ทเี่ ข้ามาสานตอ่ โครงการตา่ งมใี จรกั และหวงแหนทรพั ยากรธรรมชาติไมน่ ้อยไป กว่ากัน ท้ังยงั มคี วามคิดสร้างสรรค์ เพยี งแคข่ าดภาวะความเปน็ ผู้น�ำ เท่านน้ั เอง
95
96 “นอ้ งๆ จะไม่ค่อยพูด แตถ่ ้าใหล้ งแรงถึงไหนถึงกัน เท่ย์ ออ้ น-อาภสั รา ธรรมราช และ ครีม-ศศธิ ร บา้ พลงั กว่าพวกพ่ีๆ รนุ่ 1 อกี ไมค่ ิดวา่ จะมรี ่นุ น้องเขา้ ก้อนสีลา นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 คือแกนนำ� มาสานงานตอ่ เพราะงานทท่ี �ำ ตรงนท้ี งั้ เหนอ่ื ยและหนกั เยาวชนรนุ่ ท่ี 3 ทเี่ ดินตามรอยรุ่นพีอ่ ย่างแข็งขัน แตพ่ อเอาเข้าจริงๆ กลับมนี ้องๆ มัธยมศึกษาตอนตน้ ใหค้ วามสนใจมากขนึ้ เรอื่ ยๆ อาจเพราะเราเปน็ ตวั อยา่ ง เทย่ ์ บอกวา่ เขามาชว่ ยท�ำ โครงการเพราะเหน็ รนุ่ พ่ี ทด่ี ใี หน้ อ้ งเหน็ มากอ่ น” เตา๋ ยนื ยนั และกลา่ วตอ่ วา่ รสู้ กึ ท�ำ แลว้ นา่ สนกุ อยบู่ า้ นไมม่ อี ะไรท�ำ แตม่ าท�ำ กจิ กรรม พอใจและภาคภูมใิ จกบั กจิ กรรมตลอด 2 ปที ีผ่ ่านมา ตรงนไ้ี ดเ้ รยี นรสู้ ิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ไดร้ ู้จกั พนั ธ์ไุ ม้ ในชุมชนเพิ่มขึ้น ซ่ึงการปลูกต้นไม้ไม่ใช่เรื่องง่าย การพัฒนาภาวะความเป็นผู้นำ�ให้กับเยาวชน หากจะปลูกให้รอด แตก่ ็เขาท�ำ ได้ รุ่นน้อง คงต้องใช้เวลาและเปิดพื้นที่ให้พวกเขาได้ แสดงออกอย่างต่อเน่ือง แต่การทำ�กิจกรรมนอก ส่วนอ้อนและครีม บอกวา่ นอกจากได้รับความรู้ ห้องเรียนเหล่าน้ีช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กและ เรื่องทรัพยากรธรรมชาติท่ีได้เรียนรู้ระหว่างทำ�กิจกรรม เยาวชนใหม้ สี �ำ นกึ ความเปน็ พลเมอื งไดอ้ ยา่ งชดั เจน แล้ว โครงการน้ียังช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารได้ แม้จะยังไม่สามารถถ่ายทอดส่ิงที่ตัวเองเรียนรู้ได้ เป็นอย่างดี จากเดิมท่ีเป็นคนไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดง มากนัก แต่การเห็นตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ความคดิ เหน็ เพราะกลวั คนอน่ื ไมเ่ ขา้ ใจ ปจั จบุ นั ทงั้ 2 คน จนเกิดแรงจูงใจในการทำ�ประโยชน์ต่อส่วนรวม กล้าแสดงออกมากข้ึน มคี วามตนื่ เต้นนอ้ ยลง หากตอ้ ง ตามกำ�ลังที่แต่ละคนจะทำ�ได้ แสดงให้เห็นว่า แสดงความคิดเห็นในกลุ่มหรือต่อหน้าผู้คนจำ�นวนมาก “พวกเขามใี จ” เพราะรู้แล้วว่า หากไม่ยอมสื่อสารส่ิงที่คิดออกไป ใหค้ นอน่ื รบั รู้ ย่ิงไมม่ ที างทำ�ให้คนอื่นเขา้ ใจได้
97 ดา้ นเตา๋ กลา่ วถงึ แนวคดิ การท�ำ งานหลงั ท�ำ กจิ กรรมรว่ มกบั ชมุ ชนมาพกั ใหญว่ า่ ตอ้ งใจเยน็ ใหม้ าก และพรอ้ มตง้ั รบั กับสถานการณห์ รอื เหตกุ ารณเ์ ฉพาะหนา้ ไดด้ ี เมื่อก่อนเป็นคนไม่ฟังใครเลย และ ไม่ยืดหยุ่น หากมอบหมายงานให้คนอ่ืนทำ�ก็ต้องให้ได้อย่างใจทุกอย่าง แต่ตอนนี้เรียนรู้ท่ีจะไว้ใจ คนอ่นื รบั ฟังมมุ มองความคดิ ของทีมงาน และใหเ้ ขาได้แสดงศกั ยภาพของตวั เอง ครูผู้ “หนุนเสริม” การเรียนรู้ “การเรียนในหอ้ งเรียน “ถ้าไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ มนุษย์เราก็มี ทำ� ใหน้ กั เรียนรู้แค่ผวิ เผิน ชีวิตอยู่ไม่ได้” ชัยภร สีมาตร ผู้อำ�นวยการโรงเรียน ตามต�ำรา แตก่ ารท�ำ พลพัฒนศึกษา กล่าว และให้เหตุผลที่สนับสนุนการทำ� กิจกรรมนอกห้องเรยี นท�ำให้ โครงการด้านส่ิงแวดล้อมของนักเรียนมาอย่างเนื่องว่า นกั เรยี นเรยี นรู้ลกึ ข้ึนจาก การจัดการเรียนรู้และกระบวนการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึน ภายใตโ้ ครงการปลกู ใจรกั ษโ์ ลกชว่ ยดงึ ศกั ยภาพทซ่ี อ่ น ส่ิงแวดล้อมรอบตวั ” อยู่ในตัวของนักเรียนออกมาได้ เพราะโครงการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลองคิด ลองทำ� โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การท�ำ โครงการดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มทจี่ ะชว่ ยปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ เยาวชนรกั และหวงแหน ทรัพยากร ธรรมชาติซงึ่ เปรยี บเสมอื นลมหายใจของมนุษย์ ขณะทค่ี รยู พุ นิ ลนุ บง ทปี่ รกึ ษาโครงการ ยนื ยนั ถงึ ประโยชนท์ เี่ กดิ ขน้ึ จากการบรู ณาการหลกั สตู ร การเรยี นการสอนเข้ากบั โครงการปลูกใจรกั ษโ์ ลกว่า การเรียนในหอ้ งเรียนท�ำ ใหน้ กั เรยี นรู้แคผ่ วิ เผิน ตามตำ�รา แต่การทำ�กจิ กรรมนอกหอ้ งเรียนท�ำ ใหน้ กั เรยี นเรียนรลู้ กึ ขึน้ จากสงิ่ แวดลอ้ มรอบตวั “เดก็ ทน่ี อ่ี ยกู่ บั ธรรมชาติ อยกู่ บั ปา่ จนเฉยเมย ไมส่ นใจสง่ิ แวดลอ้ มรอบตวั เพราะเหน็ แบบนอ้ี ยทู่ กุ วนั แต่ครูช่วยดงึ ความสนใจเดก็ ในสว่ นนีไ้ ด้ ปลอ่ ยให้เขาออกไปทำ�กจิ กรรม ให้เขาได้ออกไปเหน็ ป่าจริงๆ เหน็ ตน้ ตอของปญั หาดว้ ยตวั เอง ไมใ่ ชร่ แู้ คว่ า่ ปา่ มกี ป่ี ระเภทตามทหี่ นงั สอื บอก แตไ่ มร่ วู้ า่ ปา่ ใกลโ้ รงเรยี น ของตัวเองเป็นป่าประเภทไหน โครงการนี้ไมไ่ ดท้ �ำ ให้งานของครูยุ่งยากขึ้น ครูแค่นำ�โครงการที่นกั เรยี น ท�ำ อยู่มาปรบั ใหเ้ ขา้ กับแผนการเรยี นการสอนภาคปกติเท่านน้ั ”
98 ครูยุพนิ เสริมวา่ กระบวนการเรียนรู้นอกหอ้ งเรยี น เปิดโอกาสเดก็ ให้ ได้เก็บองค์ความรู้ด้านพืชพรรณไม้ท้องถิ่น เม่ือเขาได้เข้าไปสำ�รวจและ ศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตวั เอง ความรเู้ หลา่ นกี้ จ็ ะไมส่ ญู หายไปไหน ทสี่ �ำ คญั เดก็ ๆ ชวนกนั ท�ำ ขอ้ มลู ออกมาในรปู แบบอนกุ รมวธิ าน เปน็ ขอ้ มลู ทเี่ ปน็ ลายลกั ษณ์ อักษรที่สามารถตรวจสอบไดเ้ พือ่ ให้ชุมชนใชป้ ระโยชนต์ อ่ ไป นอกจากน้ีครูยุพิน ยังสะท้อนความแตกต่างของการทำ�โครงการปลูกใจ รักษ์โลกปแี รกและปที ่ี 2 วา่ ปแี รกเน้นพัฒนาตวั เด็ก เพื่อสรา้ งลักษณะนิสัยใฝร่ ู้ และสร้างสำ�นึกของการทำ�ประโยชน์เพื่อส่วนรวม ส่วนปีท่ี 2 เม่ือกลุ่มแกนนำ� เยาวชนมีความเข้าใจในกระบวนการทำ�งานมากข้ึน แผนการทำ�งานจึงเน้นไปท่ี การสร้างความตระหนกั รูใ้ หค้ นในชุมชน “ถา้ ชมุ ชนไมร่ บั รู้ ไมม่ ใี ครชว่ ยเปน็ หเู ปน็ ตาสอดสอ่ งดแู ลปา่ กไ็ มม่ ปี ระโยชน์ ต่อให้เดก็ ๆ ปลูกต้นไม้เติบโตขนึ้ มา คนท่ตี ัดกต็ ดั ไปเรื่อยๆ อยดู่ ี...ปา่ ตรงน้เี คย ไรค้ วามเป็นเจ้าของ แตเ่ ด็กๆ ทำ�ใหผ้ ู้ใหญห่ นั กลบั มามอง และสนใจได”้ แมต้ น้ ไม้ 3,000 ตน้ ทปี่ ลกู ภายในระยะเวลา 2 ปี จะเหลอื รอดตายเพยี ง คร่ึงหนึ่ง แต่สิ่งที่งอกงามขึ้นมาคือ “สำ�นึกความเป็นเจ้าของผืนป่า” ที่อยู่ ในใจของคนในชุมชนทุกเพศทุกวัย จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของเยาวชนใน โรงเรียนใกล้ป่า กลับ “จุดประกาย” ให้ อบต.หันมาขับเคล่ือนนโยบาย อนรุ กั ษแ์ ละฟนื้ ฟปู า่ ในต�ำ บลจนออกเปน็ เทศบญั ญตั ิ ทงั้ ยงั หนนุ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เยาวชนท�ำ กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาปา่ ของชุมชนต่อไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248