ใบงาน เร่อื งความแตกตา่ งระหวา่ งสงิ่ มชี ีวติ เซลล์เดียวและหลายเซลล์ คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนบอกความแตกต่างระหว่างส่ิงมีชีวติ เซลล์เดยี วและหลายเซลล์ สง่ิ มชี วี ติ เซลล์เดียว สง่ิ มชี วี ิตหลายเซลล์
เฉลยใบงาน คำช้แี จง จงตอบคำถามใหถ้ ูกตอ้ ง 1.สง่ิ มชี ีวติ หลายเซลล์มลี ักษณะอยา่ งไร ส่ิงมชี วี ติ หลายเซลล์มโี ครงสรา้ งสลับซับซ้อนและประกอบด้วยเซลลห์ ลายเซลล์ โดยแตล่ ะเซลลท์ ำ หน้าทเ่ี ฉพาะอยา่ ง ซ่ึงแต่ละชนดิ กจ็ ะทำหนา้ ที่แตกตา่ งกันไป 2.ยกตัวอยา่ งส่งิ มชี ีวติ หลายเซลล์ เซลล์เมด็ เลือดแดง เซลล์ประสาท 3.เซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดงขาดโครงสรา้ งใด นิวเคลยี ส 4.เซลลค์ ุมทาํ หนา้ ที่อะไร เซลล์คุมมีหน้าทปี่ ิดและเปิดปากใบ เพ่ือควบคุมปริมาณนำ้ ในตน้ พชื 5.วาดภาพสง่ิ มชี วี ติ หลายเซลลท์ ี่นกั เรียนสนใจ (ตวั อย่าง)
สิง่ มชี วี ติ เซลลเ์ ดยี ว สิ่งมีชวี ติ หลายเซลล์ -เป็นสงิ่ มีชีวติ ท่มี ีเพียงเซลล์เดียว -เปน็ ส่งิ มชี ีวิตทม่ี มี ากกว่า 1 เซลล์ -มโี ครงสรา้ งและรปู รา่ งทไ่ี ม่ซับซอ้ น -มีโครงสรา้ งและรูปรา่ งที่ซบั ซ้อน -กจิ กรรมตา่ ง ๆ เช่น การย่อยอาหาร การขับถ่าย -มีโครงสร้างและรูปรา่ งแตกต่างกัน เพื่อไปทำ การสบื พันธุ์ การหายใจ ฯลฯ ภายในเซลล์เดียว หน้าที่ท่ีจำเพาะเจาะจง ท้ังหมด -เช่น อะมีบา พารามเี ซยี ม ยูกลีนา ยีสต์ แบคทีเรยี -เช่น เซลลค์ ุม เซลลเ์ มด็ เลอื ดแดง เซลล์รากหอม เป็นตน้ เปน็ ต้น
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 17 ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 หน่วยพ้ืนฐานของสง่ิ มชี ีวิต เวลา 2 ชัว่ โมง แผนการจัดการเรียนรเู้ ร่อื ง เซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์ 1 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 ผู้สอนนางสาวจนั จริ า ธนนั ชัย 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ท่ีทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน สมั พนั ธก์ ัน รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วดั เปรียบเทียบรูปร่าง ลักษณะ และโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ รวมทั้งบรรยาย ว 1.2 ม.1/1 หน้าที่ของผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึม นิวเคลียส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ ว 1.2 ม.1/3 อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งรูปรา่ ง กบั การทำหน้าทีข่ องเซลล์ ว 1.2 ม.1/4 อธิบายการจัดระบบของส่ิงมีชีวติ โดยเริม่ จากเซลล์เนื้อเยือ่ อวัยวะ ระบบอวัยวะ จนเป็น ส่งิ มีชวี ติ 3. สาระสำคัญ กำเนิดเซลล์ เกิดจากการทำปฏกิ ิรยิ ากันของสารเคมใี นทะเล เกิดเป็นสารประกอบพวกโปรตนี กรดอะ มิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเล ต่อมาสารประกอบอินทรีย์รวมตัวกันเป็นโมเลกุลอินทรียสารขนาดใหญ่ และวิวัฒนาการต่อไปจนเกิดเป็นโปรโตเซลล์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเซลล์ เซลล์สัตว์ มีรูปร่างหลายลักษณะ เซลล์บางชนิดอาจมีรูปร่างกลมรี บางชนิดมีรูปร่างยาวเป็นเส้นหรือรูปร่างอื่นๆ และเซลล์พืช มีลักษณะเป็น เหลี่ยม มีส่วนประกอบสำคัญคือผนังเซลล์(Cell Wall)ที่แข็งแรงที่ห่อหุ้มชั้นนอกสุดของเซลล์(Cell) มีรูปร่าง เซลล์(Cell)เป็นเหลี่ยม และเซลล์มีคลอโรพลาสต์(Chloroplast) เป็นออร์แกแนลล์(Organelle)ที่เป็น องคป์ ระกอบสำคัญของพชื 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (1) นักเรยี นสามารถอธิบายลักษณะของเซลล์พชื จากการทดลองได้ (K) (2) นักเรียนสามารถทำการทดลองเพื่อศึกษาเก่ียวกับเซลล์พชื ได้ (P) (3) นักเรยี นใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน และมวี ินยั ในการเรียน (A) 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (1) ความสามารถในการสอ่ื สาร - การอธิบาย การเขียน การตอบคำถาม
(2) ความสามารถในการคดิ - การสังเกต การสำรวจ การคดิ วเิ คราะห์ การสรา้ งคำอธิบาย การอภปิ ราย การส่ือความหมาย การทำกจิ กรรมโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื คน้ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (3) ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา - สามารถแก้ปัญหาท่ีเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - มวี ินยั - มุ่งมน่ั ในการทำงาน - ใฝ่เรียนรู้ 7. สาระการเรยี นรู้ กำเนดิ เซลล์ กำเนิดเซลล์-->เกิดจากการทำปฏิกิริยากันของสารเคมีในทะเล เกิดเป็นสารประกอบพวกโปรตีน กรดอะมิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเล ต่อมาสารประกอบอินทรีย์รวมตัวกนั เป็นโมเลกลุ อนิ ทรียสารขนาด ใหญ่ (macromolecules)และววิ ัฒนาการตอ่ ไปจนเกดิ เปน็ โปรโตเซลล์ (Protocell)ซ่งึ เป็นจดุ เริ่มตน้ ของเซลล์ เซลล์ คือหน่วยโครงสร้างพ้ืนฐานที่มีชีวิตท่ีเล็กที่สุดของส่ิงมีชีวิต โดยเซลล์แต่ละชนิดจะมีรูปร่างและขนาด แตกตา่ งกนั มาก การจัดระบบภายในของสิ่งมชี วี ิต เรียงลำดับจากหนว่ ยเลก็ ไปหาหนว่ ยใหญ่ เซลล์ เน้ือเยื่อ อวยั วะ ระบบอวยั วะ ส่งิ มชี ีวิต ขนาดและรปู ร่างของเซลล์ เซลลม์ ขี นาดแตกตา่ งกนั มาก เซลลส์ ่วนใหญ่มขี นาดเล็กไม่สามารถมองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่าต้องใช้กล้อง จุลทรรศน์ส่องดู ซึ่งสามารถเห็นเซลลแ์ บคทีเรีย ,โพรโทซัว ,เซลล์ร่างกายทั่วไป แต่ก็มีเซลล์บางชนิดที่มีขนาด ใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เช่นเซลล์ไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์ไข่ของสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ปกี ซง่ึ มเี สน้ ผ่านศูนยก์ ลางหลายเซนตเิ มตร หน่วยทใี่ ช้วดั เซลล์จึงต้องมขี นาดเลก็ ด้วย รปู รา่ งของเซลลแ์ ต่ละชนดิ จะแตกตา่ งกนั ไปตามชนิด หน้าท่ี ตำแหนง่ ที่อยขู่ องเซลล์ ดังนน้ั จงึ พบเซลล์ ที่มีรูปร่างไม่แน่นอน เช่น เซลล์อะมีบา เซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิด เซลล์ที่มีรูปร่างยาว เช่นเซลล์ประสาท เซลลอ์ สจุ ิ เซลล์ทีม่ ีรูปร่างแหลมหวั แหลมทา้ ย เช่น เซลลก์ ล้ามเนอื้ เรยี บ เซลล์ทมี่ ีรปู ร่างแบน เช่นเซลลเ์ ยอ่ื บุผวิ เซลลเ์ ม็ดเลือดแดง เปน็ ตน้
เซลล์สัตว์ คอื หนว่ ยของสงิ่ มชี วี ิตทเี่ ลก็ ทส่ี ดุ ของสัตว์มรี ูปร่างกลมๆ มนๆ มีความอ่อนน่มุ ไมเ่ ป็นเหลยี่ ม ไม่มี คลอโรพลาสต์ และไม่มีผนังเซลล์แบบที่มีอยู่ในพืช ไม่มีแวคิวโอลหรือมีแต่ขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ ชดั หรอื จะมอี ย่ใู นเซลลส์ ตั วช์ ั้นต่ำ มักจะพบในเซลล์สัตว์ช้ันสูง ในเซลลส์ ัตว์มักจะพบไลโซโซม ซึ่งแตกต่างจาก พืช เซลลพ์ ชื เซลล์พืช คือ หน่วยของสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดของพืช มีส่วนประกอบสำคัญคือผนังเซลล์(Cell Wall)ที่ แข็งแรงที่ห่อหุ้มชั้นนอกสุดของเซลล์(Cell) มีรูปร่างเซลล์(Cell)เป็นเหลี่ยม และเซลล์มีคลอโรพลาสต์ (Chloroplast) เป็นออร์แกแนลล์(Organelle)ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของพืช นอกนั้นเซลล์พืชก็มี องค์ประกอบคล้ายๆกับเซลล์ทัว่ ไป คอื มีเย่ือห้มุ เซลล(์ Cell Membrane), นวิ เคลียส(Nucleus), ไซโทพลาซึม( Cytoplasm) ที่ประกอบไปด้วยออร์แกแนลล์(Organelle)ต่างๆ เช่น กอลจิ คอมเพล็กซ์ (Golgi Complex), ไรโบโซม (Ribosome), เอนโดพลาสมิกเรติคูลัม (Endoplasmic Reticulum, ER), ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)เป็นต้น นอกนั้นเซลล์พืชก็จะมีออร์แกแนลล์(Organelle) ที่ชื่อ แวคิวโอล (Vacuole) ที่มี ขนาดใหญก่ ว่าของเซลลส์ ัตวม์ าก ที่ผนังเซลล์(Cell Wall)ของเซลล์พืช จะมีช่องพลาสโมเดสมาตา (Plastmodesmata)(รูปเอกพจน์ใช้ พลาสโมเดสมา, Plasmodesma) ทีเ่ ป็นช่องว่างขนาดเล็กจำนวนมาก มขี นาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 50- 60 นาโนเมตร ช่วยในการทำหน้าที่เชื่อมต่อเซลล์(Cell)ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อช่วยในการขนส่งแลกเปลี่ยนส่ิง ต่างๆระหวา่ งเซลล์พชื
ส่วนประกอบของเซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ 1. สว่ นประกอบของเซลล์สตั ว์ มีดงั นี้ เซนทรโิ อล รา่ งแหเอนโดพลาซึม ไมโทคอนเดรยี ไซโทพลาซมึ นิวเคลยี ส กอลจบิ อดี เยื่อหุ้มเซลล์ และแวควิ โอล 2. เซนทริโอล (centriole) เป็นส่วนที่อยู่ใกล้นิวเคลียส พบในเซลล์สัตว์และโพรทิสต์บางชนิด มี ขนาดเลก็ ใส มีรัศมแี ผ่ออกมาโดยรอบมรี ปู ร่างคลา้ ยท่อทรงกระบอก ในแตล่ ะเซลลจ์ ะมีเซนทริโอล 2 อัน เรยี ง ในลักษณะตั้งฉากกัน หน้าที่ของเซนทริโอล คือ ช่วยในการเคลื่อนที่ของโครโมโซมในขณะที่มีการ แบง่ เซลล์ ชว่ ยในการเคล่อื นท่ีของเซลล์บางชนิด 3. ร่างแหเอนโดพลาซึม (Endoplasmic Reticulum, ER) แบ่งออกเป็นชนิดผิวเรียบและผิว ขรขุ ระ ชนดิ ผวิ เรยี บ (Smooth Endoplasmic Recticulum, SER) จะไม่มีไรโบโซมเกาะ ทำหน้าทีส่ ร้างไขมัน กำจัดสารพิษ ส่วนชนดิ ผิวขรุขระ (Rough endoplasmic recticulum, RER) จะมีไรโบโซมเกาะอยู่ ทำหน้าที่ สร้างโปรตนี และสง่ โปรตนี ออกนอกเซลล์ 4. ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) เป็นแหล่งผลิตสารพลังงานสูง คือ ATP เกี่ยวข้องกับการสลาย อาหารหรือการหายใจระดับเซลล์แบบใช้ออกซิเจน เป็นออร์แกเนลล์ที่ประกอบด้วยเยื่อหุ้ม 2 ชั้น มีของเหลว ภายในเรยี กวา่ matrix ภายในมี DNA และไรโบโซมเปน็ ของตัวเอง 5. ไซโทพลาซึม (cytoplasm) มีลักษณะเป็นของเหลวคล้ายเจลลี่ซึ่งมีน้ำ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และเกลอื แรต่ า่ งๆ เป็นองคป์ ระกอบ ไซโทพลาซมึ เปน็ ศูนย์กลางการทำงานของเซลล์ท่ีทำหน้าท่ี เก่ยี วกบั เมแทบอลซิ มึ (metabolism) ท้งั กระบวนการสร้างและการสลายอนิ ทรียสาร เป็นแหลง่ ท่ีเกิดปฏกิ ิริยา เคมีต่างๆ ท่ีจะชว่ ยใหเ้ ซลลด์ ำรงชวี ติ อยไู่ ด้ 6. นิวเคลียส (nucleus) อยู่ในไซโทพลาซึม เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของเซลล์ นิวเคลียสทำ หน้าที่ควบคุมเมแทบอลิซึมของเซลล์ ควบคุมการสังเคราะห์โปรตนี และเอนไซม์ ควบคุมการถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูกหลาน ควบคุมกิจกรรมต่างๆ ภายในเซลล์ ควบคุมการเจริญเติบโต และ ควบคมุ ลกั ษณะต่างๆ ของส่ิงมีชีวติ
7. กอลจิบอดี (Golgi Body) หรือกอลจิคอมเพล็กซ์ (Golgi Complex) มีลักษณะเป็นถุงแบน ๆ วางซอ้ นกัน ทำหน้าทีร่ ับสาร เก็บสารต่าง ๆ ภายใน ตดั แตง่ หรอื ต่อเติมโปรตีนให้สมบูรณ์ แล้วเคลื่อนย้ายไปสู่ จุดหมายปลายทางตา่ ง ๆ ทงั้ ภายในเซลลแ์ ละภายนอกเซลล์ 8. เยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ อยู่ล้อมรอบเซลล์ ประกอบด้วยสาร ประเภทโปรตีนและไขมัน มีหน้าที่ช่วยให้เซลล์คงรูปและควบคุมการแลกเปลี่ยนสารระหว่างภายในและ ภายนอกเซลล์ เย่ือหุม้ เซลล์พบไดท้ ้งั ในเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ัตว์เป็นสว่ นท่ีมชี วี ติ มคี วามยืดหยุน่ สามารถยืดหดได้ มีลักษณะเปน็ เยอ่ื บางๆ มีรพู รนุ สำหรับให้สารละลายผา่ นเขา้ ออกได้ 9. แวคิวโอล (vacuole) มขี นาดเล็กกวา่ ในเซลล์พชื เปน็ ออร์แกเนลล์ ท่ีมเี ย่อื หุม้ ชั้นเดียว มีลักษณะ เปน็ ถุง มีเมมเบรน ซ่งึ เรยี กว่า โทโนพลาสต์ ( tonoplast) ห่อหมุ้ ภายในมสี ารต่างๆ บรรจอุ ยู่ โดยท่วั ไป แวคิว โอลในสตั วเ์ ปน็ สว่ นสำคญั ในกระบวนการเอกโซไซโตซสิ และ เอนโดไซโตซสิ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (ใช้รูปแบบการสอนสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry cycle) (5Es) 8.1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (10 นาที) (1) กระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนดูรูปภาพเซลล์สัตว์ที่ครูนำมาเป็นสื่อ ประกอบการเรียนรู้และยกให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนถามเกี่ยวกับภาพที่เห็น และครูคอยถามนำเพื่อโยงสู่ สาระการเรียนรู้ เช่น ถามวา่ -ภาพที่เห็นมีส่วนประกอบใดของเซลล์บ้าง (แนวการตอบ ไซโทพลาสซึม เยื่อหุ้มเซลล์ และ นิวเคลียส) (2) ครชู แี้ จงให้นักเรียนว่า วนั นค้ี รจู ะสอนเกีย่ วกบั เซลลส์ ัตว์ 8.2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (95 นาท)ี (1) ครูอธิบายความรู้เรื่องเซลล์สัตว์ให้นักเรียนฟัง โดยใช้สื่อการสอน PowerPoint และให้ นกั เรียนศึกษาความรู้เพ่ิมเติมในหนังสือหนา้ 93-99 (2) นกั เรียนแบ่งกลุ่มเป็น 6 กลุม่ และอา่ นกจิ กรรมในหน้า 89-91 ให้เข้าใจ (3) นกั เรยี นรับใบกจิ กรรม เร่อื งเซลลพ์ ืชจากครู และทำการทดลองตามข้นั ตอนในหนงั สอื (4) สุ่มตัวแทนกลุ่มที่ 4 ออกมาสรุปผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน พร้อมเฉลยคำถามท้าย กิจกรรม 8.3 ขั้นอภปิ รายและลงข้อสรุป (Explain) (5 นาที) (1) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปความรู้ดังนี้ (เซลล์พืชมีรูปร่างเป็นเหลี่ยม มี โครงสร้างพื้นฐานที่เหมือนกันได้แก่ผนังเซลล์เยื่อหุ้มเซลล์ไซโทพลาสซึมและนิวเคลียส ในเซลล์บางเซลล์อาจ พบคลอโรพลาสต์) 8.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (5 นาท)ี (1) ครเู พ่มิ เตมิ ความรู้ใหน้ ักเรียนดงั นี้ ผกั กาด ไส้เดือน หนอน ดอกกุหลาบ ปลากัดเมลด็ แตงโมและพารามีเซียม เปน็ ส่งิ มีชีวติ จึงมีเซลล์ เป็น ส่วนประกอบ ส่วนน้ำตาล โปรตนี และทรายไม่ใชส่ ่งิ มีชวี ิต จงึ ไมม่ ีเซลลเ์ ป็นส่วนประกอบ (2) นกั เรียนรบั ใบงาน เรอื่ งโครงสรา้ งหน้าท่แี ละสว่ นประกอบของเซลล์พชื จากครู และเอาไป ทำเป็นการบา้ น
8.5 ขั้นประเมิน (Evaluation) (5 นาที) (1) ครูตัง้ คำถามเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี น (2) นกั เรยี นถามในส่งิ ทส่ี งสยั และยังไม่รู้และครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ (3) สังเกตความสนใจและความกระตอื รอื รน้ ของนักเรียน 9.ส่ือการเรียนรู้ (1) สือ่ การสอน PowerPoint (2) หนงั สอื วิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน ม.1 เลม่ 1 (สสวท) (3) ใบกจิ กรรม เร่อื งเซลล์พืช (4) ใบงาน เรือ่ งโครงสรา้ งหน้าท่ีและสว่ นประกอบของเซลลพ์ ืช (5) วสั ดุ/อุปกรณใ์ นการทำกจิ กรรม ไดแ้ ก่ วสั ดุและอุปกรณท์ ่ใี ช้ตอ่ หอ้ ง 1. สารละลายไอโอดีน ความเขม้ ขน้ 1% 1 ขวด 2. น้ำเกลือ ความเขม้ ขน้ 0.85% 50 cm3 3. กระดาษเย่อื 1 มว้ น วสั ดแุ ละอุปกรณ์ท่ีใช้ตอ่ กลมุ่ 1. สาหร่ายหางกระรอก 1 ช่อ 2. หัวหอมแดงหรอื หัวหอมใหญ่ 1 หวั 3. น้ำ 100 cm3 4. ปากคีบ 1 อนั 5. ก้านสำลี 1 อัน 6. หลอดหยด 1 อนั 7. เขม็ เข่ีย 1 อนั 8. ใบมดี โกน 1 เลม่ 9. สไลดแ์ ละกระจกปิดสไลด์ 3 ชุด 10. กลอ้ งจลุ ทรรศน์ใชแ้ สง 1 กล้อง
10. การวัดผลและประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวดั ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ ผ้ปู ระเมิน ครูผ้สู อน 1.ดา้ นความรู้ (K) ค ว า ม ถ ู ก ต ้ อ ง ข อ ง ใบกจิ กรรม ผ้เู รียนผา่ นเกณฑ์ ครูผสู้ อน ระดับพอใชข้ น้ึ ไป นักเรียนสามารถอธิบาย คำตอบในใบกิจกรรม ครผู สู้ อน ผูเ้ รยี นผ่านเกณฑ์ ลกั ษณะของเซลลพ์ ชื จาก ระดับพอใชข้ ้ึนไป การทดลองได้ 2.ด ้ า น ท ั ก ษ ะ / ดูทักษะการ ท ำ ก า ร แบบประเมินทักษะ กระบวนการ (P) ท ด ล อ ง เ พ ื ่ อ ศ ึ ก ษ า การทำการทดลองเพ่ือ นักเรียนสามารถทำการ เก่ยี วกับเซลล์พชื ศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ ทดลองเพื่อศึกษา พืช เก่ยี วกับเซลล์พืชได้ 3.ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A) ประเมินความตั้งใจ แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ผู้เรียนผา่ นเกณฑ์ ระดบั พอใช้ขึน้ ไป นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ัน เรียน ตั้งใจ ในการ พ ฤ ต ิ ก ร ร ม บ ่ ง ชี้ ในการทำงาน และมีวินยั ทำงาน และความตรง คุณลักษณะอัน พึ ง ในการเรียน ตอ่ เวลาในการส่งงาน ประสงค์
เกณฑ์การประเมนิ เกณฑป์ ระเมินดา้ น K รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) น ั กเ ร ี ย น ส า ม า ร ถ นักเรียนสามารถอธิบาย นักเรียนอธิบายลักษณะของ นักเรียนอธิบายลักษณะ อธิบายลักษณะของ ลักษณะของเซลล์พืชจาก เซลล์พืชจากการทดลองได้ ของเซลล์พืช จา ก ก า ร เ ซ ล ล ์ พ ื ช จ า ก ก า ร การทดลองได้ อยา่ งถูกต้อง ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่(5- ทดลองได้เพียงส่วนน้อย ทดลองได้ แ ล ะ ค ร บ ถ ้ ว น ( 8- 7คะแนน) (ตำ่ กวา่ 5คะแนน) 10คะแนน) *หมายเหตุ นกั เรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ขนึ้ ไป เกณฑก์ ารตดั สนิ ระดบั คุณภาพด้านคณุ ลักษณะ (K) 8-10 คะแนน อยู่ในระดับ 3 หมายถึง ดี 5-7 คะแนน อยใู่ นระดับ 2 หมายถึง พอใช้ ตำ่ กวา่ 5 คะแนน อย่ใู นระดับ 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง เกณฑ์ประเมนิ ด้าน P รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถทำ นักเรียนสามารถทำการ นักเรียนทำการทดลองเพ่ือ นักเรียนทำการทดลองเพอ่ื การทดลองเพื่อศึกษา ทดลองเพื่อศึกษาเกี่ยวกับ ศึกษาเกี่ยวกับเซลล์พืชได้ ศึกษาเกี่ยวกับเซลล์พืชได้ เกย่ี วกับเซลลพ์ ืชได้ เซลล์พืชได้อย่างถูกต้อง ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ( 5-7 เพียงส่วนน้อย (ต่ำกว่า 5 แ ล ะ ค ร บ ถ ้ ว น ( 8 - 1 0 คะแนน) คะแนน) คะแนน) *หมายเหตุ นกั เรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมินระดับ 2 ขน้ึ ไป เกณฑก์ ารตดั สนิ ระดบั คุณภาพดา้ นคณุ ลกั ษณะ (P) 8-10 คะแนน อยใู่ นระดับ 3 หมายถงึ ดี 5-7 คะแนน อยู่ในระดับ 2 หมายถงึ พอใช้ ตำ่ กวา่ 5 คะแนน อยูใ่ นระดบั 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
เกณฑ์ประเมนิ ด้าน A รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง (1) พอใช้ (2) นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน ไม่มีความตั้งใจเรียน ไม่ มุ่งมั่นในการทำงาน การทำงาน และส่งงานตรง การทำงาน และส่งงานตรง ตั้งใจในการทำงาน และส่ง และมวี ินยั ในการเรียน เวลาทกุ ครง้ั (4คะแนน) เวลาบางครัง้ (2-3 คะแนน) งานไม่ตรงเวลา(ต่ำกว่า2 คะแนน) *หมายเหตุ นักเรยี นต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั 2 ข้ึนไป เกณฑก์ ารตดั สินระดับคณุ ภาพด้านคณุ ลักษณะ (A) 4 คะแนน อยใู่ นระดับ 3 หมายถึง ดี 2-3 คะแนน อย่ใู นระดับ 2 หมายถึง พอใช้ ต่ำกวา่ 2 คะแนน อยู่ในระดับ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ……………… เรื่อง ……………………………………………………………….. แผนการเรียนรทู้ ี่ ………………… เรือ่ ง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้นั …………………………. รหัสวชิ า ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหนง่ …………………………………… เวลาที่ใช้ ……… ชวั่ โมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางแก้ไข ทีม่ กี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนร่วมของ ผเู้ รยี น ลงชอื่ …..........………….......................…….. ครผู จู้ ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ) ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย
11. ผลการประเมิน นักเรยี นทงั้ หมด………………คน ดา้ น (K) นักเรียนสามารถอธบิ ายลักษณะของเซลล์พืชจากการทดลองได้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ุณภาพอย่ใู นระดับดี จำนวน……………….คน คิดเป็นร้อยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คิดเป็นร้อยละ…………….. ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คิดเป็นร้อยละ……………. ด้าน (P) นักเรียนสามารถทำการทดลองเพือ่ ศึกษาเกยี่ วกับเซลล์พชื ได้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี จำนวน……………….คน คิดเป็นรอ้ ยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยู่ในระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คิดเป็นร้อยละ…………….. ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คิดเป็นร้อยละ……………. ด้าน (A) นักเรยี นใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน และมวี ินัยในการเรยี น ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับดี จำนวน……………….คน คดิ เป็นร้อยละ…………… ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยู่ในระดบั พอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เปน็ ร้อยละ…………….. ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ จำนวน………...........คน คิดเปน็ ร้อยละ……………. รายชอ่ื นกั เรียนท่ีไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมิน สาเหตุ-ปัญหา แนวทางแก้ไข ลำดบั ชอ่ื -สกุล ลงช่ือ...............................................(ผ้สู อน) (..............................................)
ใบกจิ กรรม เรือ่ งเซลลพ์ ืช ตอนท่ี 1 เซลล์พชื เซลลเ์ ย่อื หอมแดง เซลล์สาหรา่ ยหางกระรอก คำถามทา้ ยกจิ กรรม 1. เซลล์พืชทั้ง 2 ชนิด มีรปู ร่างลักษณะเป็นอย่างไร และมีโครงสร้างอะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เซลลพ์ ชื ท้งั 2 ชนิด เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จากกิจกรรม สรปุ ไดว้ า่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงาน เรอื่ งโครงสร้างหนา้ ทแ่ี ละส่วนประกอบของเซลล์พืช คำชีแ้ จง ให้นักเรียนเตมิ คำตอบลงในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง 1.ส่วนประกอบใดบ้างท่ีพบเฉพาะในเซลล์พชื .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2.ส่วนประกอบใดของเซลล์พชื ที่ทำหน้าท่ีห่อหุ้มเซลล์และควบคุมปริมาณ และชนดิ ของสารทผี่ ่านเข้าออกจาก เซลล์ คอื .............................................................................................................................................................. 3.สารสเี ขยี วที่อยใู่ นพืช ทเี่ รยี กว่า คลอโรฟิลล์ พบได้ในส่วนประกอบใดของพชื ........................................สาร นีท้ ำหน้าท.ี่ .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ 4.ส่วนประกอบใดของพืชที่เปรียบเสมือนรั้วบ้าน ...................................................ที่เปรียบเทียบเช่นนี้เพราะ เปน็ สว่ นท่ีมคี วามแขง็ แรง ทำหนา้ ท.ี่ ................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ 5.ส่วนประกอบของเซลล์พืชส่วนใดที่ทำหน้าที่คลา้ ยหัวใจ คือ...........................................................ทำหน้าท่ี ............................................................................................................................................................................ 6.สว่ นประกอบใดที่เป็นแหลง่ สรา้ งโปรตนี แบ่งออกเป็นแบบผวิ เรยี บและผวิ ขรุขระ คือ...................................................................................................... .................................................ทำหนา้ ท่ี ........................................................................................................................................................................... 7.ส่วนประกอบใดบ้างที่ มีขนาดใหญ่ มีรูปร่างยาว กลมรี คือ.............................................................ทำหน้าท่ี ............................................................................................................... .................................. (กระบวนการที่ น้ำตาลกลูโคสถูกเปล่ยี นเป็น ATP ซง่ึ เป็นพลังงานที่เซลลน์ ำไปใช้ในการทำกจิ กรรมต่าง ๆ) 8.กอลจิบอดี (Golgi Body) มลี กั ษณะ................................................................................................. ทำหน้าที่ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 9.ส่วนประกอบใดเป็นถุงขนาดใหญ่ที่พบในเซลล์พืช มีเยื่อหุ้มเพียงชั้นเดียว ทำหน้าที่เก็บของเหลว น้ำ สารอนิ ทรยี แ์ ละอนินทรีย์ คอื ................................................................................................................................ 10.ไซโทพลาซมึ (Cytoplasm) เป็นของเหลวที่อยู่ภายในเซลล์ ประกอบด้วย..................................................... ..............................................................................................................................................................................
เฉลยใบกจิ กรรม
1.สว่ นประกอบใดบา้ งท่ีพบเฉพาะในเซลลพ์ ชื ผนงั เซลล์ และคลอโรพลาสต์ 2.ส่วนประกอบใดของเซลล์พชื ที่ทำหน้าท่ีห่อหุ้มเซลล์และควบคุมปริมาณ และชนิดของสารทผ่ี ่านเข้าออกจาก เซลล์ คอื เยื่อหุ้มเซลล์ 3.สารสีเขยี วท่ีอย่ใู นพืช ทีเ่ รยี กว่า คลอโรฟิลล์ พบไดใ้ นส่วนประกอบใดของพชื คอื คลอโรพลาสต์ สารน้ที ำหน้าที่ ชว่ ยในการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื 4.สว่ นประกอบใดของเซลล์พืชทีเ่ ปรียบเสมือนร้วั บา้ น คอื ผนังเซลล์ ที่เปรียบเทยี บเช่นน้ีเพราะ เป็นส่วนที่ มีความแข็งแรง ทำหน้าที่ เพิ่มความแข็งแรง ค้ำจุนโครงสร้างของเซลล์ ทำให้เซลล์คงรูป และป้องกันการ สญู เสียน้ำของเซลลพ์ ืช 5.ส่วนประกอบของเซลล์พืชส่วนใดที่ทำหน้าที่คล้ายหัวใจ คือ นิวเคลียส ทำหน้าที่ ควบคุมการทำงาน ของเซลล์ และการถา่ ยทอดพันธุกรรมจากพอ่ แม่ไปสูล่ ูกหลาน. 6.ส่วนประกอบใดทีเ่ ป็นแหลง่ สร้างโปรตีน แบ่งออกเปน็ แบบผวิ เรียบและผิวขรขุ ระ คอื ร่างแหเอนโดพลาซมึ ทำหนา้ ท่ี ทำหน้าทส่ี ังเคราะหโ์ ปรตนี และเอนไซม์ 7.ส่วนประกอบใดบ้างที่ มีขนาดใหญ่ มรี ปู ร่างยาว กลมรี คือ ไมโทคอนเดรีย ทำหน้าท่ี เป็นแหล่งพลังงานให้แก่เซลล์ (กระบวนการที่น้ำตาลกลูโคสถูกเปลี่ยนเป็น ATP ซึ่งเป็นพลังงานที่เซลล์ นำไปใชใ้ นการทำกิจกรรมต่าง ๆ) 8.กอลจบิ อดี (Golgi Body) มีลกั ษณะ เปน็ ถงุ แบน ๆ วางซอ้ นกัน ทำหน้าท่ี รับสาร เก็บสารต่าง ๆ ภายใน ตัดแต่ง ต่อเติมโปรตีนให้สมบูรณ์ แล้วเคลื่อนย้ายไปสู่จุดหมาย ปลายทางตา่ ง ๆ ท้งั ภายในเซลลแ์ ละภายนอกเซลล์ 9.ส่วนประกอบใดเป็นถุงขนาดใหญ่ที่พบในเซลล์พืช มีเยื่อหุ้มเพียงชั้นเดียว ทำหน้าที่เก็บของเหลว น้ำ สารอินทรีย์และอนนิ ทรยี ์ คือ แวควิ โอล 10.ไซโทพลาซึม(Cytoplasm) เป็นของเหลวที่อยู่ภายในเซลล์ ประกอบด้วย ด้วยออร์แกเนลล์ และ สารประกอบตา่ ง ๆ เชน่ น้ำตาล โปรตีน ไขมัน
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 18 ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หน่วยพ้นื ฐานของส่งิ มชี ีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรียนรู้เรือ่ ง เซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ผู้สอนนางสาวจนั จริ า ธนนั ชยั 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสมั พนั ธข์ องโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสตั ว์และมนุษย์ท่ีทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน สมั พนั ธ์กัน รวมทงั้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั เปรียบเทียบรูปร่าง ลักษณะ และโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ รวมทั้งบรรยาย ว 1.2 ม.1/1 หน้าที่ของผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึม นิวเคลียส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ ว 1.2 ม.1/3 อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่างรูปรา่ ง กบั การทำหนา้ ท่ีของเซลล์ ว 1.2 ม.1/4 อธิบายการจัดระบบของส่ิงมีชีวิต โดยเริม่ จากเซลล์เน้ือเยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ จนเปน็ สิ่งมีชวี ติ 3. สาระสำคัญ กำเนิดเซลล์ เกดิ จากการทำปฏกิ ริ ิยากันของสารเคมีในทะเล เกดิ เป็นสารประกอบพวกโปรตีน กรดอะ มิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเล ต่อมาสารประกอบอินทรีย์รวมตัวกันเป็นโมเลกุลอินทรียสารขนาดใหญ่ และวิวัฒนาการต่อไปจนเกิดเป็นโปรโตเซลล์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเซลล์ เซลล์สัตว์ มีรูปร่างหลายลักษณะ เซลล์บางชนิดอาจมีรูปร่างกลมรี บางชนิดมีรูปร่างยาวเป็นเส้นหรือรูปร่างอื่นๆ และเซลล์พืช มีลักษณะเป็น เหลี่ยม มีส่วนประกอบสำคัญคือผนังเซลล์(Cell Wall)ที่แข็งแรงที่ห่อหุ้มชั้นนอกสุดของเซลล์(Cell) มีรูปร่าง เซลล์(Cell)เป็นเหลี่ยม และเซลล์มีคลอโรพลาสต์(Chloroplast) เป็นออร์แกแนลล์(Organelle)ที่เป็น องคป์ ระกอบสำคัญของพชื 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (1) นักเรยี นสามารถอธิบายลักษณะของเซลลส์ ัตวจ์ ากการทดลองได้ (K) (2) นักเรยี นสามารถทำการทดลองเพือ่ ศกึ ษาเกยี่ วกบั เซลล์สตั วไ์ ด้ (P) (3) นกั เรียนใฝเ่ รยี นรู้ มุง่ มั่นในการทำงาน และมีวนิ ยั ในการเรยี น (A) 5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น (1) ความสามารถในการสื่อสาร - การอธิบาย การเขยี น การตอบคำถาม
(2) ความสามารถในการคดิ - การสังเกต การสำรวจ การคดิ วเิ คราะห์ การสรา้ งคำอธิบาย การอภปิ ราย การส่ือความหมาย การทำกจิ กรรมโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื คน้ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (3) ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา - สามารถแก้ปัญหาท่ีเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - มวี ินยั - มุ่งมน่ั ในการทำงาน - ใฝ่เรียนรู้ 7. สาระการเรยี นรู้ กำเนดิ เซลล์ กำเนิดเซลล์-->เกิดจากการทำปฏิกิริยากันของสารเคมีในทะเล เกิดเป็นสารประกอบพวกโปรตีน กรดอะมิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเล ต่อมาสารประกอบอินทรีย์รวมตัวกนั เป็นโมเลกลุ อนิ ทรียสารขนาด ใหญ่ (macromolecules)และววิ ัฒนาการตอ่ ไปจนเกดิ เปน็ โปรโตเซลล์ (Protocell)ซ่งึ เป็นจดุ เริ่มตน้ ของเซลล์ เซลล์ คือหน่วยโครงสร้างพ้ืนฐานที่มีชีวิตท่ีเล็กที่สุดของส่ิงมีชีวิต โดยเซลล์แต่ละชนิดจะมีรูปร่างและขนาด แตกตา่ งกนั มาก การจัดระบบภายในของสิ่งมชี วี ิต เรียงลำดับจากหนว่ ยเลก็ ไปหาหนว่ ยใหญ่ เซลล์ เน้ือเยื่อ อวยั วะ ระบบอวยั วะ ส่งิ มชี ีวิต ขนาดและรปู ร่างของเซลล์ เซลลม์ ขี นาดแตกตา่ งกนั มาก เซลลส์ ่วนใหญ่มขี นาดเล็กไม่สามารถมองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่าต้องใช้กล้อง จุลทรรศน์ส่องดู ซึ่งสามารถเห็นเซลลแ์ บคทีเรีย ,โพรโทซัว ,เซลล์ร่างกายทั่วไป แต่ก็มีเซลล์บางชนิดที่มีขนาด ใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เช่นเซลล์ไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์ไข่ของสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ปกี ซง่ึ มเี สน้ ผ่านศูนยก์ ลางหลายเซนตเิ มตร หน่วยทใี่ ช้วดั เซลล์จึงต้องมขี นาดเลก็ ด้วย รปู รา่ งของเซลลแ์ ต่ละชนดิ จะแตกตา่ งกนั ไปตามชนิด หน้าท่ี ตำแหนง่ ที่อยขู่ องเซลล์ ดังนน้ั จงึ พบเซลล์ ที่มีรูปร่างไม่แน่นอน เช่น เซลล์อะมีบา เซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิด เซลล์ที่มีรูปร่างยาว เช่นเซลล์ประสาท เซลลอ์ สจุ ิ เซลล์ทีม่ ีรูปร่างแหลมหวั แหลมทา้ ย เช่น เซลลก์ ล้ามเนอื้ เรยี บ เซลล์ทมี่ ีรปู ร่างแบน เช่นเซลลเ์ ยอ่ื บุผวิ เซลลเ์ ม็ดเลือดแดง เปน็ ตน้
เซลล์สัตว์ คอื หนว่ ยของส่งิ มชี วี ติ ทเี่ ล็กท่สี ุดของสัตว์มรี ูปร่างกลมๆ มนๆ มีความอ่อนนุม่ ไมเ่ ป็นเหลย่ี ม ไม่มี คลอโรพลาสต์ และไม่มีผนังเซลล์แบบที่มีอยู่ในพืช ไม่มีแวคิวโอลหรือมีแต่ขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ ชดั หรอื จะมอี ย่ใู นเซลลส์ ตั วช์ ้ันต่ำ มกั จะพบในเซลล์สัตว์ชั้นสูง ในเซลล์สัตว์มักจะพบไลโซโซม ซึ่งแตกต่างจาก พืช เซลลพ์ ชื เซลล์พืช คือ หน่วยของสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดของพืช มีส่วนประกอบสำคัญคือผนังเซลล์(Cell Wall)ที่ แข็งแรงที่ห่อหุ้มชั้นนอกสุดของเซลล์(Cell) มีรูปร่างเซลล์(Cell)เป็นเหลี่ยม และเซลล์มีคลอโรพลาสต์ (Chloroplast) เป็นออร์แกแนลล์(Organelle)ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของพืช นอกนั้นเซลล์พืชก็มี องค์ประกอบคล้ายๆกับเซลล์ท่ัวไป คอื มเี ย่อื ห้มุ เซลล(์ Cell Membrane), นวิ เคลียส(Nucleus), ไซโทพลาซึม( Cytoplasm) ที่ประกอบไปด้วยออร์แกแนลล์(Organelle)ต่างๆ เช่น กอลจิ คอมเพล็กซ์ (Golgi Complex), ไรโบโซม (Ribosome), เอนโดพลาสมิกเรติคูลัม (Endoplasmic Reticulum, ER), ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)เป็นต้น นอกนั้นเซลล์พืชก็จะมีออร์แกแนลล์(Organelle) ที่ชื่อ แวคิวโอล (Vacuole) ที่มี ขนาดใหญก่ ว่าของเซลล์สัตวม์ าก ที่ผนังเซลล์(Cell Wall)ของเซลล์พืช จะมีช่องพลาสโมเดสมาตา (Plastmodesmata)(รูปเอกพจน์ใช้ พลาสโมเดสมา, Plasmodesma) ทเ่ี ปน็ ชอ่ งว่างขนาดเล็กจำนวนมาก มขี นาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 50- 60 นาโนเมตร ช่วยในการทำหน้าที่เชื่อมต่อเซลล์(Cell)ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อช่วยในการขนส่งแลกเปลี่ยนส่ิง ต่างๆระหวา่ งเซลล์พชื
ส่วนประกอบของเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์ 1. ส่วนประกอบของเซลล์สัตว์มีดังนี้ เซนทริโอล ร่างแหเอนโดพลาซึม ไมโทคอนเดรีย ไซโทพลาซึม นวิ เคลยี ส กอลจบิ อดี เย่ือหุม้ เซลล์ และแวควิ โอล 2. เซนทริโอล (centriole) เป็นส่วนที่อยู่ใกล้นิวเคลียส พบในเซลล์สัตว์และโพรทิสต์บางชนิด มี ขนาดเล็ก ใส มีรัศมแี ผ่ออกมาโดยรอบมีรปู ร่างคล้ายท่อทรงกระบอก ในแตล่ ะเซลลจ์ ะมเี ซนทรโิ อล 2 อนั เรยี ง ในลักษณะตั้งฉากกัน หน้าที่ของเซนทริโอล คือ ช่วยในการเคลื่อนที่ของโครโมโซมในขณะที่มีการ แบ่ง เซลล์ ช่วยในการเคลื่อนทีข่ องเซลลบ์ างชนิด 3. ร่างแหเอนโดพลาซึม (Endoplasmic Reticulum, ER) แบ่งออกเป็นชนิดผิวเรียบและผิว ขรุขระ ชนดิ ผิวเรยี บ (Smooth Endoplasmic Recticulum, SER) จะไม่มีไรโบโซมเกาะ ทำหน้าทสี่ ร้างไขมัน กำจัดสารพิษ ส่วนชนิดผิวขรขุ ระ (Rough endoplasmic recticulum, RER) จะมไี รโบโซมเกาะอยู่ ทำหน้าที่ สร้างโปรตนี และสง่ โปรตนี ออกนอกเซลล์ 4. ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) เป็นแหล่งผลิตสารพลังงานสูง คือ ATP เกี่ยวข้องกับการสลาย อาหารหรือการหายใจระดับเซลล์แบบใช้ออกซิเจน เป็นออร์แกเนลล์ที่ประกอบด้วยเยื่อหุ้ม 2 ชั้น มีของเหลว ภายในเรยี กวา่ matrix ภายในมี DNA และไรโบโซมเป็นของตัวเอง 5. ไซโทพลาซึม (cytoplasm) มีลักษณะเป็นของเหลวคล้ายเจลลี่ซึ่งมีน้ำ โปรตีน ไขมัน คารโ์ บไฮเดรต และเกลือแร่ต่างๆ เป็นองคป์ ระกอบ ไซโทพลาซมึ เปน็ ศนู ยก์ ลางการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าที่ เก่ียวกบั เมแทบอลิซึม (metabolism) ทั้งกระบวนการสร้างและการสลายอนิ ทรยี สาร เปน็ แหลง่ ที่เกดิ ปฏิกิริยา เคมีตา่ งๆ ท่ีจะช่วยใหเ้ ซลลด์ ำรงชวี ิตอยไู่ ด้ 6. นิวเคลียส (nucleus) อยู่ในไซโทพลาซึม เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของเซลล์ นิวเคลียสทำ หน้าที่ควบคุมเมแทบอลิซึมของเซลล์ ควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนและเอนไซม์ ควบคุมการถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูกหลาน ควบคุมกิจกรรมต่างๆ ภายในเซลล์ ควบคุมการเจริญเติบโต และ ควบคุมลกั ษณะต่างๆ ของส่ิงมีชวี ติ
7. กอลจิบอดี (Golgi Body) หรือกอลจิคอมเพล็กซ์ (Golgi Complex) มีลักษณะเป็นถุงแบน ๆ วางซ้อนกัน ทำหนา้ ทร่ี บั สาร เกบ็ สารต่าง ๆ ภายใน ตัดแตง่ หรือต่อเติมโปรตีนให้สมบูรณ์ แล้วเคล่ือนย้ายไปสู่ จุดหมายปลายทางตา่ ง ๆ ทั้งภายในเซลล์และภายนอกเซลล์ 8. เยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ อยู่ล้อมรอบเซลล์ ประกอบด้วยสาร ประเภทโปรตีนและไขมัน มีหน้าที่ช่วยให้เซลล์คงรูปและควบคุมการแลกเปลี่ยนสารระหว่างภายในและ ภายนอกเซลล์ เยื่อหุม้ เซลลพ์ บไดท้ ัง้ ในเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์เป็นสว่ นทีม่ ีชีวติ มคี วามยืดหยนุ่ สามารถยืดหดได้ มลี กั ษณะเปน็ เยื่อบางๆ มีรูพรุนสำหรบั ใหส้ ารละลายผา่ นเข้าออกได้ 9. แวคิวโอล (vacuole) มขี นาดเลก็ กว่าในเซลล์พชื เปน็ ออร์แกเนลล์ ทีม่ เี ย่อื หมุ้ ช้ันเดียว มีลักษณะ เป็นถุง มเี มมเบรน ซึ่งเรยี กวา่ โทโนพลาสต์ ( tonoplast) หอ่ หมุ้ ภายในมสี ารตา่ งๆ บรรจอุ ยู่ โดยทวั่ ไป แวคิว โอลในสตั วเ์ ปน็ ส่วนสำคญั ในกระบวนการเอกโซไซโตซสิ และ เอนโดไซโตซิส 8. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ (ใช้รปู แบบการสอนสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry cycle) (5Es) 8.1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (5 นาที) (1) กระตนุ้ ความสนใจของนักเรียนโดยการถามเพ่ือทบทวนความรู้เกยี่ วกับกิจกรรมในตอนที่ 1 เร่อื งเซลล์พืช (2) ครชู ี้แจงใหน้ ักเรยี นว่า วนั นค้ี รจู ะทำกิจกรรมในตอนที่ 2 ตอ่ จากช่วั โมงที่แล้ว 8.2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (100 นาที) (1) นักเรยี นแบง่ กลุม่ เป็น 6 กลมุ่ ตามเดมิ และอา่ นกจิ กรรมในหนา้ 92 ให้เข้าใจ (2) นกั เรยี นรบั ใบกิจกรรม เรอื่ งเซลลส์ ัตว์ จากครู และทำการทดลองตามข้ันตอนในหนงั สอื (3) สุ่มตัวแทนกลุ่มที่ 6 ออกมาสรุปผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน พร้อมเฉลยคำถามท้าย กจิ กรรม 8.3 ข้ันอภปิ รายและลงข้อสรปุ (Explain) (5 นาที) (1) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปความรู้ดังนี้ (เซลล์สัตว์มีรูปร่างค่อนข้างกลม โครงสร้างทพี่ บในเซลลส์ ตั วไ์ ดแ้ ก่ เย่ือหมุ้ เซลล์ไซโทพลาสซมึ และนวิ เคลียส จากกิจกรรมทงั้ สองกิจกรรมสรุปได้ ว่าเซลล์พืชมีรูปร่างเป็นเหลี่ยม เซลล์สัตว์มีรูปร่างค่อนข้างกลม โครงสร้างของเซลล์ที่พบได้ทั้งเซลล์พืช และ เซลล์สัตว์ ได้แก่ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึม และนิวเคลียส ส่วนโครงสร้างที่พบเฉพาะ เซลล์พืช ได้แก่ผนัง เซลล์และคลอโรพลาสต์) 8.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (5 นาท)ี (1) ครเู พม่ิ เตมิ ความรู้ให้นกั เรยี นโดยต้งั คำถามดังน้ี - จงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการระบบของร่างกายมนุษย์และนำสิ่งต่อไปนี้มาเรียงลำดับ ความสำคัญตามการจดั ระบบของส่ิงมชี วี ติ จากหน่วยท่ีเล็กทีส่ ุดจนเป็นหนว่ ยท่ีใหญ่ทส่ี ุด เนอ้ื เยื่อประสาท สมอง ระบบประสาท เซลลป์ ระสาท มนุษย์ (แนวคำตอบ เซลลป์ ระสาท เนือ้ เยอ่ื ประสาท สมอง ระบบประสาท มนุษย)์ (2) นกั เรยี นรบั ใบงาน เร่ืองเซลลส์ ตั ว์จากครู และเอาไปทำเป็นการบ้าน 8.5 ขั้นประเมนิ (Evaluation) (5 นาที) (1) ครตู ง้ั คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน (2) นักเรียนถามในสิง่ ที่สงสยั และยังไม่รแู้ ละครูอธิบายเพมิ่ เติม (3) สงั เกตความสนใจและความกระตือรอื รน้ ของนักเรียน
9. สือ่ การเรยี นรู้ (1) หนงั สือวิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน ม.1 เล่ม 1 (สสวท) (2) ใบกิจกรรม เร่ืองเซลลส์ ตั ว์ (3) ใบงาน เรอื่ งเซลล์สตั ว์ (4) วสั ดุ/อุปกรณใ์ นการทำกจิ กรรม ได้แก่ วัสดุและอปุ กรณท์ ่ีใชต้ อ่ หอ้ ง 1. สารละลายไอโอดนี ความเข้มขน้ 1% 1 ขวด 2. นำ้ เกลอื ความเขม้ ข้น 0.85% 50 cm3 3. กระดาษเย่อื 1 ม้วน วสั ดุและอปุ กรณท์ ี่ใช้ตอ่ กลมุ่ 1. สาหรา่ ยหางกระรอก 1 ช่อ 2. หัวหอมแดงหรอื หัวหอมใหญ่ 1 หัว 3. น้ำ 100 cm3 4. ปากคีบ 1 อนั 5. กา้ นสำลี 1 อนั 6. หลอดหยด 1 อัน 7. เขม็ เข่ยี 1 อนั 8. ใบมดี โกน 1 เล่ม 9. สไลด์และกระจกปิดสไลด์ 3 ชุด 10. กล้องจุลทรรศนใ์ ช้แสง 1 กล้อง
10. การวัดผลและประเมินผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี ารวดั ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน ผู้ประเมิน ครูผสู้ อน 1.ดา้ นความรู้ (K) ค ว า ม ถ ู ก ต ้ อ ง ข อ ง ใบกิจกรรม ผู้เรียนผ่านเกณฑ์ ครผู ู้สอน ระดบั พอใชข้ ้ึนไป นักเรียนสามารถอธิบาย คำตอบในใบกจิ กรรม ครผู ู้สอน ผเู้ รียนผ่านเกณฑ์ ลักษณะของเซลล์สัตว์ ระดับพอใชข้ น้ึ ไป จากการทดลองได้ 2.ด ้ า น ท ั ก ษ ะ / ดูทักษะการ ท ำ ก า ร แบบประเมินทักษะ กระบวนการ (P) ท ด ล อ ง เ พ ื ่ อ ศ ึ ก ษ า การทำการทดลองเพื่อ นักเรียนสามารถทำการ เกย่ี วกบั เซลล์สตั ว์ ศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ ทดลองเพื่อศึกษา สตั ว์ เกี่ยวกับเซลล์สตั ว์ได้ 3.ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A) ประเมินความตั้งใจ แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ผู้เรียนผา่ นเกณฑ์ ระดับพอใช้ขนึ้ ไป นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ัน เรียน ตั้งใจ ในการ พ ฤ ต ิ ก ร ร ม บ ่ ง ช้ี ในการทำงาน และมีวินัย ทำงาน และความตรง คุณลักษณะอัน พึ ง ในการเรียน ตอ่ เวลาในการสง่ งาน ประสงค์
เกณฑ์การประเมิน เกณฑ์ประเมนิ ด้าน K รายการประเมิน ดี (3) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุง (1) พอใช้ (2) น ั กเ ร ี ย น ส า ม า ร ถ นักเรียนสามารถอธิบาย นักเรียนอธิบายลักษณะของ นักเรียนอธิบายลักษณะ อธิบายลักษณะของ ลักษณะของเซลล์สัตว์จาก เซลล์สัตว์จากการทดลองได้ ของเซลล์สัตว์จากการ เซลล์สัตว์จากการ การทดลองได้อย่างถูกต้อง ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่(5- ทดลองได้เพียงส่วนน้อย ทดลองได้ แ ล ะ ค ร บ ถ ้ ว น ( 8- 7คะแนน) (ต่ำกว่า5คะแนน) 10คะแนน) *หมายเหตุ นกั เรยี นต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั 2 ขน้ึ ไป เกณฑ์การตดั สินระดบั คณุ ภาพด้านคณุ ลักษณะ (K) 8-10 คะแนน อย่ใู นระดับ 3 หมายถึง ดี 5-7 คะแนน อยใู่ นระดบั 2 หมายถึง พอใช้ ตำ่ กวา่ 5 คะแนน อยใู่ นระดบั 1 หมายถงึ ปรับปรุง เกณฑ์ประเมินดา้ น P รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถทำ นักเรียนสามารถทำการ นักเรียนทำการทดลองเพื่อ นักเรียนทำการทดลองเพ่ือ การทดลองเพื่อศึกษา ทดลองเพื่อศึกษาเกี่ยวกับ ศึกษาเกี่ยวกับเซลล์สัตว์ได้ ศึกษาเกี่ยวกับเซลล์สัตว์ได้ เกี่ยวกับเซลล์สัตว์ได้ เซลล์สัตว์ได้อย่างถูกต้อง ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ( 5-7 เพียงส่วนน้อย (ต่ำกว่า 5 แ ล ะ ค ร บ ถ ้ ว น ( 8 - 1 0 คะแนน) คะแนน) คะแนน) *หมายเหตุ นักเรียนต้องผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ขึ้นไป เกณฑ์การตัดสนิ ระดบั คุณภาพด้านคณุ ลักษณะ (P) 8-10 คะแนน อยู่ในระดับ 3 หมายถึง ดี 5-7 คะแนน อยู่ในระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ ต่ำกว่า 5 คะแนน อยใู่ นระดับ 1 หมายถงึ ปรับปรุง
เกณฑ์ประเมนิ ด้าน A รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน ไม่มีความตั้งใจเรียน ไม่ มุ่งมั่นในการทำงาน การทำงาน และส่งงานตรง การทำงาน และส่งงานตรง ตั้งใจในการทำงาน และส่ง และมีวินัยในการเรียน เวลาทุกครั้ง(4คะแนน) เวลาบางครั้ง (2-3 คะแนน) งานไม่ตรงเวลา(ต่ำกว่า2 คะแนน) *หมายเหตุ นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ขึน้ ไป เกณฑ์การตดั สนิ ระดับคณุ ภาพดา้ นคุณลกั ษณะ (A) 4 คะแนน อยู่ในระดบั 3 หมายถงึ ดี 2-3 คะแนน อยใู่ นระดบั 2 หมายถึง พอใช้ ต่ำกวา่ 2 คะแนน อยู่ในระดับ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ……………… เรื่อง ……………………………………………………………….. แผนการเรียนรทู้ ี่ ………………… เรือ่ ง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้นั …………………………. รหัสวชิ า ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหนง่ …………………………………… เวลาที่ใช้ ……… ชวั่ โมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางแก้ไข ทีม่ กี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนร่วมของ ผเู้ รยี น ลงชอื่ …..........………….......................…….. ครผู จู้ ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ) ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย
11. ผลการประเมนิ นกั เรยี นท้งั หมด………………คน ดา้ น (K) นกั เรยี นสามารถอธบิ ายลักษณะของเซลล์สตั ว์จากการทดลองได้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอย่ใู นระดับดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ ร้อยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ุณภาพอยใู่ นระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คิดเปน็ ร้อยละ…………….. ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ จำนวน………...........คน คดิ เป็นร้อยละ……………. ด้าน (P) นักเรยี นสามารถทำการทดลองเพ่อื ศึกษาเกย่ี วกบั เซลล์สตั ว์ได้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เปน็ ร้อยละ…………….. ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คิดเปน็ ร้อยละ……………. ดา้ น (A) นกั เรียนใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทำงาน และมีวินัยในการเรียน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอย่ใู นระดับดี จำนวน……………….คน คดิ เปน็ ร้อยละ…………… ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยู่ในระดบั พอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เป็นร้อยละ…………….. ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คดิ เปน็ ร้อยละ……………. รายชอ่ื นักเรยี นท่ีไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน สาเหตุ-ปัญหา แนวทางแก้ไข ลำดบั ชอ่ื -สกุล ลงชื่อ...............................................(ผสู้ อน) (..............................................)
ใบกจิ กรรม เรื่องเซลล์สตั ว์ ตอนที่ 2 เซลล์สตั ว์ เซลล์เยือ่ บขุ า้ งแก้ม คำถามทา้ ยกจิ กรรม 1. เซลล์สัตวม์ ีรูปรา่ งลักษณะเป็นอย่างไร และมีโครงสรา้ งอะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จากกจิ กรรม สรุปได้ว่าอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จากกจิ กรรมท้ัง 2 ตอน สรุปไดว้ ่าอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงาน เร่ือง เซลลส์ ตั ว์ คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นระบชุ ือ่ ส่วนประกอบของเซลล์สัตว์จากภาพต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง นิวเคลียส เซนทรโิ อล ร่างแหเอนโดพลาสซึม เยื่อหุ้มเซลล์ ไรโบโซม ไมโทคอนเดรีย กอลจบิ อดี 1………………………………... 2………………………………... 3………………………………... 4………………………………... 5………………………………... 6………………………………... 7………………………………...
เฉลยใบกจิ กรรม
คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นระบุช่ือส่วนประกอบของเซลล์สตั ว์จากภาพต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง 1. ไรโบโซม 2. นวิ เคลยี ส 3. รา่ งแหเอนโดพลาซมึ 4. กอลจิบอดี 5. ไมโทคอนเดรีย 6. เยือ่ หุ้มเซลล์ 7. เซนทรโิ อล
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 19 ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 หน่วยพ้ืนฐานของสง่ิ มชี วี ิต เวลา 1 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้เรอื่ ง สรปุ องคค์ วามร้เู กี่ยวกบั เซลล์ 1 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 ผูส้ อนนางสาวจนั จริ า ธนันชยั 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธข์ องโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ท่ีทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน สมั พนั ธ์กัน รวมทงั้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วัด เปรียบเทียบรูปร่าง ลักษณะ และโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ รวมทั้งบรรยาย ว 1.2 ม.1/1 หน้าที่ของผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึม นิวเคลียส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ ว 1.2 ม.1/3 อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างรูปรา่ ง กบั การทำหน้าท่ขี องเซลล์ ว 1.2 ม.1/4 อธิบายการจัดระบบของส่ิงมีชีวติ โดยเริม่ จากเซลล์เน้ือเยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ จนเปน็ สิง่ มีชีวติ 3. สาระสำคญั กำเนิดเซลล์ เกิดจากการทำปฏกิ ิริยากนั ของสารเคมใี นทะเล เกิดเปน็ สารประกอบพวกโปรตนี กรดอะ มิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเล ต่อมาสารประกอบอินทรีย์รวมตัวกันเป็นโมเลกุลอินทรียสารขนาดใหญ่ และวิวัฒนาการต่อไปจนเกิดเป็นโปรโตเซลล์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเซลล์ เซลล์สัตว์ มีรูปร่างหลายลักษณะ เซลล์บางชนิดอาจมีรูปร่างกลมรี บางชนิดมีรูปร่างยาวเป็นเส้นหรือรูปร่างอื่นๆ และเซลล์พืช มีลักษณะเป็น เหลี่ยม มีส่วนประกอบสำคัญคือผนังเซลล์(Cell Wall)ที่แข็งแรงที่ห่อหุ้มชั้นนอกสุดของเซลล์(Cell) มีรูปร่าง เซลล์(Cell)เป็นเหลี่ยม และเซลล์มีคลอโรพลาสต์(Chloroplast) เป็นออร์แกแนลล์(Organelle)ที่เป็น องค์ประกอบสำคัญของพชื 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) นักเรยี นสามารถระบุส่วนประกอบของเซลลข์ องสิ่งมีชวี ติ ได้ (K) (2) นกั เรียนสามารถสร้างแบบจำลองเซลลข์ องสิ่งมชี วี ิตได้ (P) (3) นักเรยี นใฝ่เรียนรู้ มุง่ มั่นในการทำงาน และมีวนิ ัยในการเรยี น (A) 5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น (1) ความสามารถในการสอ่ื สาร - การอธิบาย การเขยี น การตอบคำถาม
(2) ความสามารถในการคดิ - การสังเกต การสำรวจ การคดิ วเิ คราะห์ การสรา้ งคำอธิบาย การอภปิ ราย การส่ือความหมาย การทำกจิ กรรมโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื คน้ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (3) ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา - สามารถแก้ปัญหาท่ีเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - มวี ินยั - มุ่งมน่ั ในการทำงาน - ใฝ่เรียนรู้ 7. สาระการเรยี นรู้ กำเนดิ เซลล์ กำเนิดเซลล์-->เกิดจากการทำปฏิกิริยากันของสารเคมีในทะเล เกิดเป็นสารประกอบพวกโปรตีน กรดอะมิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเล ต่อมาสารประกอบอินทรีย์รวมตัวกนั เป็นโมเลกลุ อนิ ทรียสารขนาด ใหญ่ (macromolecules)และววิ ัฒนาการตอ่ ไปจนเกดิ เปน็ โปรโตเซลล์ (Protocell)ซ่งึ เป็นจดุ เริ่มตน้ ของเซลล์ เซลล์ คือหน่วยโครงสร้างพ้ืนฐานที่มีชีวิตท่ีเล็กที่สุดของส่ิงมีชีวิต โดยเซลล์แต่ละชนิดจะมีรูปร่างและขนาด แตกตา่ งกนั มาก การจัดระบบภายในของสิ่งมชี วี ติ เรียงลำดับจากหนว่ ยเลก็ ไปหาหนว่ ยใหญ่ เซลล์ เน้ือเยื่อ อวยั วะ ระบบอวยั วะ ส่งิ มชี ีวิต ขนาดและรปู ร่างของเซลล์ เซลลม์ ขี นาดแตกตา่ งกนั มาก เซลลส์ ่วนใหญ่มขี นาดเล็กไม่สามารถมองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่าต้องใช้กล้อง จุลทรรศน์ส่องดู ซึ่งสามารถเห็นเซลล์แบคทีเรีย ,โพรโทซัว ,เซลล์ร่างกายทั่วไป แต่ก็มีเซลล์บางชนิดที่มีขนาด ใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เช่นเซลล์ไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์ไข่ของสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ปกี ซง่ึ มเี สน้ ผ่านศูนยก์ ลางหลายเซนตเิ มตร หน่วยทใี่ ช้วดั เซลล์จึงต้องมขี นาดเลก็ ด้วย รปู รา่ งของเซลล์แต่ละชนดิ จะแตกตา่ งกนั ไปตามชนิด หน้าท่ี ตำแหน่งที่อยขู่ องเซลล์ ดังนน้ั จงึ พบเซลล์ ที่มีรูปร่างไม่แน่นอน เช่น เซลล์อะมีบา เซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิด เซลล์ที่มีรูปร่างยาว เช่นเซลล์ประสาท เซลลอ์ สจุ ิ เซลล์ทีม่ ีรูปร่างแหลมหวั แหลมทา้ ย เช่น เซลลก์ ล้ามเนอื้ เรยี บ เซลลท์ มี่ ีรปู ร่างแบน เช่นเซลลเ์ ยอ่ื บุผวิ เซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง เปน็ ตน้
เซลล์สัตว์ คอื หนว่ ยของสง่ิ มชี วี ติ ท่ีเล็กทส่ี ดุ ของสัตวม์ รี ปู ร่างกลมๆ มนๆ มีความออ่ นนุ่มไม่เป็นเหลยี่ ม ไม่มี คลอโรพลาสต์ และไม่มีผนังเซลล์แบบที่มีอยู่ในพืช ไม่มีแวคิวโอลหรือมีแต่ขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ ชดั หรอื จะมอี ย่ใู นเซลลส์ ัตว์ชนั้ ต่ำ มกั จะพบในเซลล์สตั วช์ ้นั สงู ในเซลลส์ ตั ว์มกั จะพบไลโซโซม ซ่ึงแตกต่างจาก พืช เซลลพ์ ชื เซลล์พืช คือ หน่วยของสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดของพืช มีส่วนประกอบสำคัญคือผนังเซลล์(Cell Wall)ที่ แข็งแรงที่ห่อหุ้มชั้นนอกสุดของเซลล์(Cell) มีรูปร่างเซลล์(Cell)เป็นเหลี่ยม และเซลล์มีคลอโรพลาสต์ (Chloroplast) เป็นออร์แกแนลล์(Organelle)ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของพืช นอกนั้นเซลล์พืชก็มี องค์ประกอบคล้ายๆกับเซลล์ทว่ั ไป คอื มเี ย่อื หุ้มเซลล์(Cell Membrane), นิวเคลียส(Nucleus), ไซโทพลาซึม( Cytoplasm) ที่ประกอบไปด้วยออร์แกแนลล์(Organelle)ต่างๆ เช่น กอลจิ คอมเพล็กซ์ (Golgi Complex), ไรโบโซม (Ribosome), เอนโดพลาสมิกเรติคูลัม (Endoplasmic Reticulum, ER), ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)เป็นต้น นอกนั้นเซลล์พืชก็จะมีออร์แกแนลล์(Organelle) ที่ชื่อ แวคิวโอล (Vacuole) ที่มี ขนาดใหญก่ ว่าของเซลล์สัตวม์ าก ที่ผนังเซลล์(Cell Wall)ของเซลล์พืช จะมีช่องพลาสโมเดสมาตา (Plastmodesmata)(รูปเอกพจน์ใช้ พลาสโมเดสมา, Plasmodesma) ที่เปน็ ชอ่ งวา่ งขนาดเล็กจำนวนมาก มีขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางประมาณ 50- 60 นาโนเมตร ช่วยในการทำหน้าที่เชื่อมต่อเซลล์(Cell)ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อช่วยในการขนส่งแลกเปลี่ยนสิ่ง ต่างๆระหวา่ งเซลล์พชื
ส่วนประกอบของเซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์ 1. ส่วนประกอบของเซลล์สัตว์มีดังนี้ เซนทริโอล ร่างแหเอนโดพลาซึม ไมโทคอนเดรีย ไซโทพลาซึม นิวเคลยี ส กอลจบิ อดี เยอื่ ห้มุ เซลล์ และแวคิวโอล 2. เซนทริโอล (centriole) เป็นส่วนที่อยู่ใกล้นิวเคลียส พบในเซลล์สัตว์และโพรทิสต์บางชนิด มี ขนาดเลก็ ใส มีรัศมแี ผอ่ อกมาโดยรอบมีรปู รา่ งคล้ายท่อทรงกระบอก ในแตล่ ะเซลลจ์ ะมเี ซนทรโิ อล 2 อนั เรยี ง ในลักษณะตั้งฉากกัน หน้าที่ของเซนทริโอล คือ ช่วยในการเคลื่อนที่ของโครโมโซมในขณะที่มีการ แบง่ เซลล์ ชว่ ยในการเคลอื่ นทข่ี องเซลลบ์ างชนิด 3. ร่างแหเอนโดพลาซึม (Endoplasmic Reticulum, ER) แบ่งออกเป็นชนิดผิวเรียบและผิว ขรุขระ ชนดิ ผวิ เรยี บ (Smooth Endoplasmic Recticulum, SER) จะไมม่ ไี รโบโซมเกาะ ทำหน้าทส่ี ร้างไขมัน กำจดั สารพิษ ส่วนชนิดผิวขรุขระ (Rough endoplasmic recticulum, RER) จะมีไรโบโซมเกาะอยู่ ทำหน้าที่ สรา้ งโปรตนี และสง่ โปรตีนออกนอกเซลล์ 4. ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) เป็นแหล่งผลิตสารพลังงานสงู คือ ATP เกี่ยวข้องกับการสลาย อาหารหรือการหายใจระดับเซลล์แบบใช้ออกซิเจน เป็นออร์แกเนลล์ที่ประกอบด้วยเยื่อหุ้ม 2 ชั้น มีของเหลว ภายในเรยี กว่า matrix ภายในมี DNA และไรโบโซมเป็นของตัวเอง 5. ไซโทพลาซึม (cytoplasm) มีลักษณะเป็นของเหลวคล้ายเจลลี่ซึ่งมีน้ำ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และเกลอื แรต่ า่ งๆ เป็นองคป์ ระกอบ ไซโทพลาซมึ เปน็ ศนู ย์กลางการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าท่ี เกยี่ วกับเมแทบอลิซมึ (metabolism) ท้ังกระบวนการสรา้ งและการสลายอนิ ทรยี สาร เปน็ แหลง่ ทเ่ี กดิ ปฏกิ ิริยา เคมตี ่างๆ ท่ีจะช่วยให้เซลลด์ ำรงชวี ติ อยู่ได้ 6. นิวเคลียส (nucleus) อยู่ในไซโทพลาซึม เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของเซลล์ นิวเคลียสทำ หน้าที่ควบคุมเมแทบอลิซึมของเซลล์ ควบคุมการสังเคราะหโ์ ปรตีนและเอนไซม์ ควบคุมการถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูกหลาน ควบคุมกิจกรรมต่างๆ ภายในเซลล์ ควบคุมการเจริญเติบโต และ ควบคมุ ลกั ษณะตา่ งๆ ของส่ิงมีชวี ติ
7. กอลจิบอดี (Golgi Body) หรือกอลจิคอมเพล็กซ์ (Golgi Complex) มีลักษณะเป็นถุงแบน ๆ วางซ้อนกนั ทำหน้าทร่ี บั สาร เกบ็ สารต่าง ๆ ภายใน ตัดแต่งหรอื ต่อเติมโปรตีนใหส้ มบูรณ์ แล้วเคล่ือนย้ายไปสู่ จดุ หมายปลายทางต่าง ๆ ทัง้ ภายในเซลลแ์ ละภายนอกเซลล์ 8. เยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ อยู่ล้อมรอบเซลล์ ประกอบด้วยสาร ประเภทโปรตีนและไขมัน มีหน้าที่ช่วยให้เซลล์คงรูปและควบคุมการแลกเปลี่ยนสารระหว่างภายในและ ภายนอกเซลล์ เย่ือหุม้ เซลล์พบได้ทงั้ ในเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ัตวเ์ ปน็ ส่วนทีม่ ชี วี ิต มีความยดื หย่นุ สามารถยืดหดได้ มีลกั ษณะเปน็ เยอ่ื บางๆ มีรพู รนุ สำหรบั ให้สารละลายผ่านเข้าออกได้ 9. แวควิ โอล (vacuole) มีขนาดเล็กกวา่ ในเซลล์พืช เป็นออร์แกเนลล์ ท่มี เี ยอ่ื หมุ้ ชั้นเดียว มีลักษณะ เป็นถุง มีเมมเบรน ซึ่งเรยี กว่า โทโนพลาสต์ ( tonoplast) ห่อหุ้ม ภายในมีสารตา่ งๆ บรรจุอยู่โดยท่ัวไป แวคิว โอลในสัตว์เป็นสว่ นสำคญั ในกระบวนการเอกโซไซโตซสิ และ เอนโดไซโตซิส 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (ใชร้ ปู แบบการสอนสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry cycle) (5Es) 8.1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (5 นาที) (1) กระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยสุ่มให้นักเรียน 1 คน ออกมาหน้าห้อง แล้วให้พูดสรปุ ความรู้เร่ืองเซลลท์ ไ่ี ดเ้ รียนมาท้ังหมด (2) ครูช้ีแจงให้นักเรียนว่า วนั นคี้ รจู ะให้นักเรยี นสร้างแบบจำลองเซลล์ 8.2 ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (35 นาที) (1) นักเรียนแบง่ กลุ่มเป็น 6 กล่มุ ตามเดมิ และอ่านกิจกรรมในหน้า 100 (2) นกั เรยี นรบั ดนิ นำ้ มันจากครู และลงมอื สร้างแบบจำลอง (3) นกั เรยี นรับใบงาน เร่ืองเซลลข์ องสิ่งมีชีวิตจากครู และลงมือทำ 8.3 ขนั้ อภปิ รายและลงขอ้ สรุป (Explain) (5 นาที) (1) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปความรู้ดังนี้ (กำเนิดเซลล์ เกิดจากการทำ ปฏิกิริยากันของสารเคมีในทะเล เกิดเป็นสารประกอบพวกโปรตนี กรดอะมิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเล ตอ่ มาสารประกอบอนิ ทรยี ร์ วมตัวกนั เป็นโมเลกุลอินทรยี สารขนาดใหญ่ และววิ ัฒนาการตอ่ ไปจนเกดิ เป็นโปรโต เซลล์ ซึ่งเป็นจุดเริม่ ตน้ ของเซลล์ เซลล์สตั ว์ มรี ปู ร่างหลายลักษณะ เซลล์บางชนิดอาจมรี ปู ร่างกลมรี บางชนิดมี รปู ร่างยาวเปน็ เส้นหรือรูปรา่ งอ่ืนๆ และเซลล์พชื มีลกั ษณะเป็นเหลีย่ ม มสี ่วนประกอบสำคัญคือผนงั เซลล์(Cell Wall)ที่แข็งแรงที่ห่อหุ้มชั้นนอกสุดของเซลล์(Cell) มีรูปร่างเซลล์(Cell)เป็นเหลี่ยม และเซลล์มีคลอโรพลาสต์ (Chloroplast) เปน็ ออรแ์ กแนลล์(Organelle)ทีเ่ ป็นองคป์ ระกอบสำคัญของพชื สิง่ มชี ีวติ ทุกชนิดประกอบด้วย เซลล์สิ่งมีชีวิตบางชนิดที่มีกระบวนการต่างๆ ของการดำรงชีวิตเกิดขึ้นภายในเซลล์เพียงเซลล์เดียว เรียกว่า สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น แบคทีเรีย ยีสต์พารามีเซียม ส่วนสิ่งมีชีวิตที่มีกระบวนการดำรงชีวิตที่ซับซ้อน ประกอบด้วยเซลลห์ ลายเซลลท์ ่ีทำงานรว่ มกันเพือ่ การดำรงชวี ิตเรียกวา่ สง่ิ มีชวี ิตหลายเซลลเ์ ช่น พชื สตั วเ์ หด็ ) 8.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) (1) ครูเพิ่มเติมความรู้ให้นักเรียนโดยเปิดวีดีโอ เรื่องการทำสไลด์พืช จาก https://www. youtube.com/watch?v=W-qEmw1g9aY ให้นกั เรยี นดู 8.5 ขนั้ ประเมิน (Evaluation) (5 นาที) (1) ครตู ัง้ คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน (2) นกั เรยี นถามในสง่ิ ท่สี งสัยและยงั ไมร่ แู้ ละครูอธบิ ายเพิม่ เติม (3) สังเกตความสนใจและความกระตือรือรน้ ของนักเรยี น
9. ส่อื การเรยี นรู้ (1) หนงั สือวิทยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ม.1 เล่ม 1 (สสวท) (2) ใบงาน เร่อื งเซลล์ของสง่ิ มีชวี ิต (3) วดี ีโอ เรอ่ื งการทำสไลดพ์ ืช (4) วสั ดุ/อุปกรณ์ในการทำกจิ กรรม ได้แก่ ฟวิ เจอร์บอรด์ และดินนำ้ มนั
10. การวดั ผลและประเมินผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน ผู้ประเมนิ ครูผสู้ อน 1.ดา้ นความรู้ (K) ค ว า ม ถ ู ก ต ้ อ ง ข อ ง ใบงาน ผูเ้ รียนผา่ นเกณฑ์ ครผู ้สู อน ระดบั พอใช้ขน้ึ ไป นักเรียนสามารถระบุ คำตอบในใบงาน ครผู ้สู อน ผ้เู รียนผ่านเกณฑ์ ส่วนประกอบของเซลล์ ระดบั พอใช้ขนึ้ ไป ของส่ิงมีชวี ิตได้ 2.ด ้ า น ท ั ก ษ ะ / ดู ท ั ก ษ ะ ก า ร ส ร ้ า ง แบบประเมินทักษะ กระบวนการ (P) แบบจำลองเซลล์ของ การสร้างแบบจำลอง นักเรียนสามารถสร้าง สิง่ มชี วี ติ เซลล์ของสิ่งมีชีวิต แบบจำลองเซลล์ของ สิง่ มีชวี ิตได้ 3.ด้านคุณลกั ษณะ(A) ประเมินความตั้งใจ แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ผูเ้ รยี นผ่านเกณฑ์ ระดบั พอใช้ขึ้นไป นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ัน เรียน ตั้งใจ ในการ พ ฤ ต ิ ก ร ร ม บ ่ ง ช้ี ในการทำงาน และมีวินัย ทำงาน และความตรง คุณลักษณะอัน พึ ง ในการเรยี น ต่อเวลาในการส่งงาน ประสงค์
เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑป์ ระเมนิ ดา้ น K รายการประเมิน ดี (3) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถระบุ นักเรียนสามาร ถ ร ะ บุ นักเรียนระบุส่วนประกอบ นักเรียนระบุส่วนประกอบ ส ่ ว น ป ร ะ ก อ บ ข อ ง ส่วนประกอบของเซลล์ของ ของเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้ ของเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้ เซลล์ของสิ่งมีชวี ติ ได้ สิ่งมีชีวิตได้อย่างถูกต้อง ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่(5- เพียงส่วนน้อย(ต่ำกว่า5 แ ล ะ ค ร บ ถ ้ ว น ( 8- 7คะแนน) คะแนน) 10คะแนน) *หมายเหตุ นักเรยี นต้องผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ขนึ้ ไป เกณฑ์การตัดสนิ ระดับคุณภาพด้านคุณลักษณะ (K) 8-10 คะแนน อยู่ในระดบั 3 หมายถงึ ดี 5-7 คะแนน อยู่ในระดบั 2 หมายถึง พอใช้ ตำ่ กว่า 5 คะแนน อยใู่ นระดบั 1 หมายถงึ ปรับปรุง เกณฑป์ ระเมินด้าน P รายการประเมิน ดี (3) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถสร้าง นักเรียนสามารถสร้าง นักเรียนสร้างแบบจำลอง นักเรียนสร้างแบบจำลอง แบบจำลองเซลล์ของ แ บ บ จ ำ ล อ ง เ ซ ล ล ์ ข อ ง เซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้ถูกต้อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้เพียง สงิ่ มีชีวิตได้ สิ่งมีชีวิตได้อย่างถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ ( 5-7 คะแนน) ส ่ ว น น ้ อ ย ( ต ่ ำ ก ว ่ า 5 และครบถ้วน ( 8-10 คะแนน) คะแนน) *หมายเหตุ นักเรยี นตอ้ งผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ขึ้นไป เกณฑ์การตดั สินระดับคณุ ภาพด้านคณุ ลักษณะ (P) 8-10 คะแนน อย่ใู นระดบั 3 หมายถงึ ดี 5-7 คะแนน อย่ใู นระดบั 2 หมายถึง พอใช้ ต่ำกวา่ 5 คะแนน อยใู่ นระดบั 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
เกณฑ์ประเมนิ ด้าน A รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน ไม่มีความตั้งใจเรียน ไม่ มุ่งมั่นในการทำงาน การทำงาน และส่งงานตรง การทำงาน และส่งงานตรง ตั้งใจในการทำงาน และส่ง และมีวินยั ในการเรยี น เวลาทกุ ครั้ง(4คะแนน) เวลาบางครั้ง (2-3 คะแนน) งานไม่ตรงเวลา(ต่ำกว่า2 คะแนน) *หมายเหตุ นกั เรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ขึน้ ไป เกณฑ์การตัดสินระดบั คณุ ภาพดา้ นคุณลกั ษณะ (A) 4 คะแนน อยู่ในระดบั 3 หมายถึง ดี 2-3 คะแนน อยู่ในระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ ตำ่ กว่า2 คะแนน อยู่ในระดับ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ……………… เรื่อง ……………………………………………………………….. แผนการเรียนรทู้ ี่ ………………… เรือ่ ง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้นั …………………………. รหัสวชิ า ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหนง่ …………………………………… เวลาที่ใช้ ……… ชวั่ โมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางแก้ไข ทีม่ กี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนร่วมของ ผเู้ รยี น ลงชอื่ …..........………….......................…….. ครผู จู้ ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ) ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย
11. ผลการประเมิน นักเรยี นทงั้ หมด………………คน ดา้ น (K) นักเรียนสามารถระบสุ ว่ นประกอบของเซลล์ของส่งิ มีชวี ิตได้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ุณภาพอยู่ในระดับดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยใู่ นระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เป็นร้อยละ…………….. ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คิดเป็นร้อยละ……………. ด้าน (P) นกั เรยี นสามารถสรา้ งแบบจำลองเซลล์ของสง่ิ มชี ีวิตได้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ ร้อยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เป็นร้อยละ…………….. ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คดิ เป็นร้อยละ……………. ด้าน (A) นกั เรยี นใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน และมีวนิ ัยในการเรียน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมคี ุณภาพอยใู่ นระดบั ดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ…………… ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยู่ในระดบั พอใช้ จำนวน……………….คน คิดเปน็ ร้อยละ…………….. ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ จำนวน………...........คน คิดเปน็ ร้อยละ……………. รายชอ่ื นกั เรยี นที่ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน สาเหตุ-ปัญหา แนวทางแก้ไข ลำดบั ชอื่ -สกุล ลงชอื่ ...............................................(ผ้สู อน) (..............................................)
ใบงาน เรื่องเซลล์ของส่งิ มชี วี ติ
เฉลยใบงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 20 ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 หนว่ ยพื้นฐานของส่งิ มชี วี ติ เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรเู้ ร่อื ง สรปุ องคค์ วามร้เู ก่ียวกับเซลล์ 2 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 ผสู้ อนนางสาวจนั จริ า ธนนั ชยั 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสตั วแ์ ละมนุษย์ท่ีทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน สมั พันธก์ ัน รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัด เปรียบเทียบรูปร่าง ลักษณะ และโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ รวมทั้งบรรยาย ว 1.2 ม.1/1 หน้าที่ของผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึม นิวเคลียส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ ว 1.2 ม.1/3 อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างรูปรา่ ง กบั การทำหนา้ ท่ขี องเซลล์ ว 1.2 ม.1/4 อธิบายการจัดระบบของส่ิงมีชีวิต โดยเริ่มจากเซลล์เน้ือเยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ จนเป็น ส่ิงมชี ีวติ 3. สาระสำคัญ กำเนิดเซลล์ เกิดจากการทำปฏกิ ิริยากันของสารเคมใี นทะเล เกิดเปน็ สารประกอบพวกโปรตนี กรดอะ มิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเล ต่อมาสารประกอบอินทรีย์รวมตัวกันเป็นโมเลกุลอินทรียสารขนาดใหญ่ และวิวัฒนาการต่อไปจนเกิดเป็นโปรโตเซลล์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเซลล์ เซลล์สัตว์ มีรูปร่างหลายลักษณะ เซลล์บางชนิดอาจมีรูปร่างกลมรี บางชนิดมีรูปร่างยาวเป็นเส้นหรือรูปร่างอื่นๆ และเซลล์พืช มีลักษณะเป็น เหลี่ยม มีส่วนประกอบสำคัญคือผนังเซลล์(Cell Wall)ที่แข็งแรงที่ห่อหุ้มชั้นนอกสุดของเซลล์(Cell) มีรูปร่าง เซลล์(Cell)เป็นเหลี่ยม และเซลล์มีคลอโรพลาสต์(Chloroplast) เป็นออร์แกแนลล์(Organelle)ที่เป็น องคป์ ระกอบสำคัญของพืช 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) นักเรยี นสามารถสรุปความรู้เกี่ยวกบั เซลล์ของสง่ิ มีชีวิตได้ (K) (2) นกั เรียนมีทักษะการเขยี นสรปุ ความร้เู กยี่ วกบั เซลล์ของสิง่ มีชีวติ ได้ (P) (3) นักเรยี นใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน และมีวินยั ในการเรียน (A) 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น (1) ความสามารถในการสอ่ื สาร - การอธบิ าย การเขยี น การตอบคำถาม (2) ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การสำรวจ การคดิ วิเคราะห์ การสรา้ งคำอธบิ าย การอภิปราย การสือ่ ความหมาย การทำกจิ กรรมโดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบค้นโดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (3) ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา - สามารถแก้ปญั หาที่เกดิ ข้นึ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี ินัย - มุ่งมนั่ ในการทำงาน - ใฝ่เรยี นรู้ 7. สาระการเรยี นรู้ กำเนิดเซลล์ กำเนิดเซลล์-->เกิดจากการทำปฏิกิริยากันของสารเคมีในทะเล เกิดเป็นสารประกอบพวกโปรตีน กรดอะมิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเล ต่อมาสารประกอบอินทรีย์รวมตัวกันเป็นโมเลกุลอินทรียสารขนาด ใหญ่ (macromolecules)และวิวัฒนาการต่อไปจนเกิดเปน็ โปรโตเซลล์ (Protocell)ซงึ่ เป็นจดุ เริ่มตน้ ของเซลล์ เซลล์ คือหน่วยโครงสรา้ งพื้นฐานที่มีชีวิตท่ีเล็กท่ีสุดของส่ิงมีชีวิต โดยเซลล์แต่ละชนิดจะมีรูปร่างและขนาด แตกต่างกนั มาก การจดั ระบบภายในของสิง่ มชี ีวิต เรยี งลำดับจากหนว่ ยเล็กไปหาหนว่ ยใหญ่ เซลล์ เน้ือเยื่อ อวยั วะ ระบบอวัยวะ สง่ิ มชี ีวติ ขนาดและรปู รา่ งของเซลล์ เซลลม์ ีขนาดแตกตา่ งกนั มาก เซลล์ส่วนใหญ่มขี นาดเล็กไมส่ ามารถมองเหน็ ไดด้ ้วยตาเปลา่ ต้องใช้กล้อง จุลทรรศน์ส่องดู ซึ่งสามารถเห็นเซลล์แบคทีเรีย ,โพรโทซัว ,เซลล์ร่างกายทั่วไป แต่ก็มีเซลล์บางชนิดที่มีขนาด ใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เช่นเซลล์ไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์ไข่ของสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ปีก ซึ่งมีเสน้ ผ่านศูนย์กลางหลายเซนติเมตร หนว่ ยทใ่ี ชว้ ดั เซลลจ์ ึงต้องมขี นาดเล็กดว้ ย รปู ร่างของเซลลแ์ ต่ละชนิดจะแตกตา่ งกันไปตามชนิด หน้าท่ี ตำแหน่งทีอ่ ยู่ของเซลล์ ดงั นั้นจงึ พบเซลล์ ที่มีรูปร่างไม่แน่นอน เช่น เซลล์อะมีบา เซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิด เซลล์ที่มีรูปร่างยาว เช่นเซลล์ประสาท เซลล์อสจุ ิ เซลล์ทมี่ รี ูปรา่ งแหลมหัวแหลมทา้ ย เช่น เซลล์กลา้ มเนอ้ื เรียบ เซลล์ทม่ี รี ปู รา่ งแบน เช่นเซลล์เย่ือบุผวิ เซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง เป็นตน้
เซลล์สัตว์ คอื หนว่ ยของสง่ิ มชี วี ติ ท่ีเล็กทส่ี ดุ ของสัตวม์ รี ปู ร่างกลมๆ มนๆ มีความออ่ นนุ่มไม่เป็นเหลยี่ ม ไม่มี คลอโรพลาสต์ และไม่มีผนังเซลล์แบบที่มีอยู่ในพืช ไม่มีแวคิวโอลหรือมีแต่ขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ ชดั หรอื จะมอี ย่ใู นเซลลส์ ัตว์ชนั้ ต่ำ มกั จะพบในเซลล์สตั วช์ ้นั สงู ในเซลลส์ ตั ว์มกั จะพบไลโซโซม ซ่ึงแตกต่างจาก พืช เซลลพ์ ชื เซลล์พืช คือ หน่วยของสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดของพืช มีส่วนประกอบสำคัญคือผนังเซลล์(Cell Wall)ที่ แข็งแรงที่ห่อหุ้มชั้นนอกสุดของเซลล์(Cell) มีรูปร่างเซลล์(Cell)เป็นเหลี่ยม และเซลล์มีคลอโรพลาสต์ (Chloroplast) เป็นออร์แกแนลล์(Organelle)ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของพืช นอกนั้นเซลล์พืชก็มี องค์ประกอบคล้ายๆกับเซลล์ทว่ั ไป คอื มเี ย่อื หุ้มเซลล์(Cell Membrane), นิวเคลียส(Nucleus), ไซโทพลาซึม( Cytoplasm) ที่ประกอบไปด้วยออร์แกแนลล์(Organelle)ต่างๆ เช่น กอลจิ คอมเพล็กซ์ (Golgi Complex), ไรโบโซม (Ribosome), เอนโดพลาสมิกเรติคูลัม (Endoplasmic Reticulum, ER), ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)เป็นต้น นอกนั้นเซลล์พืชก็จะมีออร์แกแนลล์(Organelle) ที่ชื่อ แวคิวโอล (Vacuole) ที่มี ขนาดใหญก่ ว่าของเซลล์สัตวม์ าก ที่ผนังเซลล์(Cell Wall)ของเซลล์พืช จะมีช่องพลาสโมเดสมาตา (Plastmodesmata)(รูปเอกพจน์ใช้ พลาสโมเดสมา, Plasmodesma) ที่เปน็ ชอ่ งวา่ งขนาดเล็กจำนวนมาก มีขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางประมาณ 50- 60 นาโนเมตร ช่วยในการทำหน้าที่เชื่อมต่อเซลล์(Cell)ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อช่วยในการขนส่งแลกเปลี่ยนสิ่ง ต่างๆระหวา่ งเซลล์พชื
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177