การพัฒนาสอื่ การสอนพระพทุ ธศาสนา44 เอกสารอ้างอิงประจาำ บท พมิ พนั ธ์ เดชะคปผ ต์ และพเยาว์ ยนิ ดีสขผ . (๒๕๕๒). กระบวนการออกแบบยอ้ นกลบั : การพัฒนา หลกั สตู รและการออกแบบการสอนอิงมาตรฐาน. กรงผ เทพฯ: สานกั พมิ พแ์ ห่งจฬผ าลงกรณ์์ มหาวทิ ยาลัย. วจิ ารณ์์ พานชิ . (๒๕๕๕). วถิ ีสรา้ งการเรียนรู้เพอ่ื ศิษยใ์ นศตวรรษท่ี ๒๑ (พมิ พค์ รัง้ ที่ ๓). กรผงเทพฯ: มลู นิธิสดศรี-สฤษวงศ์. Bransford, J. D. (2013). Anchored instruction. Retrieved January 10, 2013, from http://www.instructionaldesign.org/theories/anchored-instruction.html. Duffy, T. M. & Cunningham, D. J. (1996). Constructivism: Implication for the design and Delivery of instruction. In Handbook of research for educational communications and technology. (pp. 170-198). New York: Simon & Schuster Macmillan. Richey, R. C., Klein, J. D., & Tracey, M. W. (2011). The instructional design knowledge base. New York: Taylor & Francis. Smith, P. L. & Ragan, T. J. (2005. Instructional design (3rd ed.). New Jersey: John Wiley & Sons. Wiggins, G. & McTighe, J. (1998). Understanding by design. Virginia: Association for Supervision and Curriculum Development. Wood, D. J., Bruner, J. D., & Ross, G. (1976). “The role of tutoring in problem solving” Journal of Child Psychology and Psychiatry, 17 (2), 89-100. Yelland, N. J. & Masters, J. E. (2007). “Rethinking scaffolding with technology” Computers in Education, 48 (3), 362-382.
บทท่ี ๔ การใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู วตั ถุประสงคก์ ารเรียนประจาบท เมื่อได้ศึกษาเนื้อหาในบทน้แี ลว้ ผศู้ ึกษาสามารถ ๑. ระบคุ วามหมายและความสาคญั ของโปรแกรมสาเร็จรปู ได้ ๒. อธิบายโครงสร้างของโปรแกรมสาเร็จรูปได้ ๓. บอกประเภทและประโยชน์ของโปรแกรมสาเร็จรูปได้ ๔. วิเคราะห์วิธกี ารจัดหาโปรแกรมสาเร็จรูปได้ ๕. ระบุการพิจารณาซอฟตแ์ วร์ตามหลกั การของลิขสิทธ์ิได้ ขอบขา่ ยเน้อื หา ความหมายและความสาคัญของโปรแกรมสาเรจ็ รูป โครงสร้างของโปรแกรมสาเร็จรปู ประเภทและประโยชนข์ องโปรแกรมสาเร็จรปู วิธีการจัดหาโปรแกรมสาเรจ็ รปู การพิจารณาซอฟต์แวรต์ ามหลกั การของลขิ สิทธิ์
การพฒั นาส่ือการสอนพระพุทธศาสนา ๔๕ ๔.๑ ความนา โปรแกรมสาเร็จรูป (Package Program) เป็นโปรแกรมที่มีผู้เขียนได้เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว โปรแกรม สาเร็จรูปจะให้ความสะดวกในการใช้งานมาก โดยท่ีผู้ใช้ไม่จาเป็นต้องมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์มากนัก เพียงแต่เรียนรู้วิธีการใช้งาน ซึ่งส่วนมากจะมีคาอธิบายการใช้โปรแกรมมาให้ และในขณะทางานก็สามารถขอ รายละเอียดเพม่ิ เตมิ ได้ตลอดเวลาในการใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู โปรแกรมสาเร็จรูป๑ (Package Software) คือ ซอฟตแ์ วร์ท่ีสร้างขึน้ เพอ่ื ใช้ในสานักงานทว่ั ๆ ไป สร้างโดยบรษิ ัทท่มี คี วามชานาญในด้านนั้น ๆ โดยเฉพาะมีการ ปรับปรุงรุ่น (Version) ของซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธภาพสูงข้ึนอยู่เสมอ สามารถแบ่งออกเป็นประเภท ตาม ลักษณะหน้าท่ีการทางาน เช่น โปรแกรมประมวลผลคา ใช้สาหรับพิมพ์เอกสารรายงานหรือสร้างตารางแบบ ต่าง ๆ โปรแกรมตารางงาน ใช้สาหรับคานวณ สร้างกราฟ และจัดการด้านฐานข้อมูล โปรแกรมนาเสนอ ผลงาน ใชใ้ นการนาเสนอผลงานและนาเสนอขอ้ มูลในรูปแบบสไลด์ เปน็ ตน้ ๔.๒ ความหมายของโปรแกรมสาเร็จรูป โปรแกรมสาเร็จรูป (Package Software) คอื ชุดคาสั่งของคอมพิวเตอรท์ สี่ ร้างขน้ึ เพ่ือใช้ในสานักงาน ท่วั ไปโดยบริษทั ที่มคี วามชานาญในด้านน้ันๆ โดยเฉพาะมีการปรับปรงุ และพัฒนาให้มีประสทิ ธิภาพสูง พร้อมใช้ งานไดท้ นั ที โปรแกรมสาเร็จรูป (องั กฤษ : computer program) คอื กลุม่ ชุดคาสงั่ ท่ใี ชอ้ ธิบายชนิ้ งาน หรอื กลุม่ งานที่จะประมวลผลโดยคอมพวิ เตอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ อาจหมายถงึ ซอฟต์แวร์ แอปพลเิ คชัน หรอื โปรแกรม โปรแกรมคอมพิวเตอรส์ ว่ นใหญ่นั้นเป็นชดุ คาสั่งทอี่ อกแบบตามอัลกอรทิ มึ โดยปกตแิ ลว้ เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ หรอื ไม่ก็สร้างโดยโปรแกรมอื่น โปรแกรมคอมพวิ เตอรช์ ุดหนง่ึ ๆ อาจเขียนขนึ้ ดว้ ยระบบรหัส หรอื ทเ่ี รยี กวา่ ภาษาเคร่อื ง ซ่ึงมักเขียนไดย้ ากและเหมาะกับชา่ งเทคนิคเฉพาะทาง ภายหลงั จึงได้มีการสร้าง ภาษาโปรแกรมท่ีใกลเ้ คียงภาษามนุษย์มากขึ้น เช่น ภาษาแอสเซมบลี (Assembly) ภาษาซี (C) ภาษาโคบอล (COBOL) ภาษาเบสิก (BASIC) ภาษา C# ภาษาจาวา เปน็ ต้น ผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจเขียน โปรแกรมไว้ใช้ส่วนตวั หรือเพื่อใหผ้ อู้ ่ืนใชต้ ่อ ไม่วา่ จะเป็นโปรแกรมประยกุ ตห์ รือไลบรารี เชน่ โปรแกรมสาหรับ วาดภาพ (graphics) โปรแกรมประมวลผลคา (word processing) โปรแกรมตารางจัดการ (spread sheet) โปรแกรมระบบ (systems software) ซงึ่ เปน็ โปรแกรมท่คี วบคมุ การทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมัก ติดต้งั มาจากโรงงานทีผ่ ลติ และโปรแกรมระบบปฏิบตั กิ าร (operating system) ท่จี ะทาหน้าทเ่ี หมือนผจู้ ดั การ คอยดูแลให้อปุ กรณต์ ่าง ๆ ทางานให้ประสานกนั ในการเขยี นโปรแกรม ผเู้ ขยี นจะตอ้ งเข้าใจขั้นตอนวิธี (อัลกอริทมึ ) และภาษาทีจ่ ะใช้เป็นอยา่ งดี จงึ จะสามารถเขียนโปรแกรมเพ่ือควบคุมเคร่ืองให้ทางานได้ตามความ ตอ้ งการ๒ ๑ ขนษิ ฐา อศั วชัยณรงค.์ แนวทางการเลือกใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตท์ างสถิติ.วารสารสานกั บรหิ ารและรับรองหอ้ งปฏิบตั กิ ารปที ่ี 5 ฉบับที่ 14 กมุ ภาพนั ธ์ - พฤษภาคม 2552. ๒ Program Package โปรแกรมสาเร็จรูป.[ออนไลน]์ เข้าถงึ ได้จาก. http://nawaphasnob.wikispaces.com/Program+Package. สืบค้น เมอื่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
การพัฒนาส่ือการสอนพระพุทธศาสนา ๔๖ ๔.๓ ความสาคัญของโปรแกรมสาเร็จรปู ในสังคมปจั จุบันโปรแกรมสาเร็จรูปเข้ามามีบทบาทสาคัญ ในการพัฒนางานด้านต่างๆช่วยลดข้ันตอนการ ทางาน ลดความยุ่งยากในการจัดการเอกสารและตัวเลขท่ีซับซ้อน สร้างความเป็นระเบียบและสามารถ วิเคราะหข์ ้อมลู ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดงั นนั้ การศึกษาเกยี่ วกับการใช้งานโปรแกรมสาเร็จรูปจะช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถเลือกใช้โปรแกรมสาเร็จรูปได้เหมาะสมกับลักษณะของงานและ เป็นพ้ืนฐานความรู้สาหรับการใช้งาน โปรแกรมสาเร็จรูปต่อไป องค์ประกอบสาคัญอีกประการหนึ่งท่ีทาให้เกิดผลสัมฤทธ์จากการใช้คอมพิวเตอร์ คือ “โปรแกรมสาเรจ็ รปู ” ทสี่ ามารถตอบสนองความต้องการในใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างไรก็ตาม คอมพวิ เตอรไ์ มส่ ามารถทางานได้หากไม่มีโปรแกรมควบคุมการทางาน ๔.๔ โครงสร้างของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ การทางานใดๆ ท่ีใช้โปรแกรมคอมพิวเตอรป์ ระยุกต์ ต้องทางานภายใตส้ ่ิงแวดล้อมของ โปรแกรมระบบ ดว้ ย เช่นโปรแกรมประมวลคาต้องทางานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Ms-Dos หรอื ระบบปฏิบัตกิ าร Windows เปน็ ตน้ ประกอบด้วยหลกั การ ๓ ประการ ๑. การทางานแบบตามลาดบั (Sequence) รูปแบบการเขยี นโปรแกรมทีง่ ่ายทส่ี ดุ คือ เขียนใหท้ างานจาก บนลงล่าง เขียนคาสัง่ เปน็ บรรทัด และทาทีละบรรทัดจากบรรทัดบนสดุ ลงไปจนถึงบรรทัดล่างสดุ สมมติใหม้ ี การทางาน ๓ กระบวนการคือ อ่านข้อมลู คานวณ และพิมพ์ ๒. การเลือกกระทาตามเงื่อนไข(Decision or Selection) การตัดสินใจ หรือเลือกเงื่อนไขคือ เขียน โปรแกรมเพอ่ื นาค่าไปเลือกกระทา โดยปกติจะมีเหตุการณ์ให้ทา ๒ กระบวนการ คือเงื่อนไขเป็นจริงจะกระทา กระบวนการหนึง่ และเป็นเท็จจะกระทาอีกกระบวนการหน่ึง แต่ถ้าซับซ้อนมากข้ึน จะต้องใช้เง่ือนไขหลายชั้น เช่นการตัดเกรดนักศึกษา เป็นต้น ตัวอย่างผังงานน้ี จะแสดงผลการเลือกอย่างง่าย เพื่อกระทากระบวนการ เพยี งกระบวนการเดยี ว
การพัฒนาส่ือการสอนพระพุทธศาสนา ๔๗ ๓. การทาซ้า(Repeation or Loop) การทากระบวนการหนงึ่ หลายครัง้ โดยมเี งอ่ื นไขในการควบคุม หมายถึงการทาซา้ เปน็ หลกั การท่ีทาความเข้าใจได้ยากกว่า ๒ รูปแบบแรก เพราะการเขยี นโปรแกรมแตล่ ะ ภาษา จะไมแ่ สดงภาพอยา่ งชัดเจนเหมอื นการเขยี นผงั งาน ผ้เู ขยี นโปรแกรมต้องจินตนาการด้วยตนเอง ๓ ๔.๕ ประเภทของโปรแกรมสาเรจ็ รูป ๑.โปรแกรมสาเรจ็ รูปที่ใชเ้ ฉพาะงาน โปรแกรมสาเรจ็ รปู ทใ่ี ช้เฉพาะงาน เป็นโปรแกรมทส่ี ร้างหรอื เขียนข้นึ เพ่ือใช้ สาหรับงานเฉพาะอยา่ ง เช่น โปรแกรมระบบบัญชี โปรแกรมควบคุมสนิ คา้ คงคลัง โปรแกรมแฟ้มทะเบยี นประวัติ โปรแกรมคานวณภาษี โปรแกรมคิดเงินเดือน โปรแกรมการวเิ คราะหย์ อดจาหนา่ ยโปรแกรมเก็บข้อมลู ทางครุภัณฑ์ เปน็ ตน้ โปรแกรม สาเร็จรูปประเภทนีห้ ากจาเป็นต้องใช้งานผใู้ ช้ ต้องเขยี นโปรแกรมมาใช้เฉพาะ ผ้เู ขยี นโปรแกรมบางรายจะใช้ วิธกี ารเสนอขายโปรแกรมสาเร็จรูปผ่านทางเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ตโดยมโี ปรแกรมตัวอย่างใหด้ าวนโ์ หลดมา ทดลองใชง้ านกอ่ น ถ้าผูใ้ ช้สนใจสามารถสง่ั ซ้ือได้อยา่ งไรก็ตามโปรแกรมสาเรจ็ รูปที่ใชง้ านเฉพาะบางโปรแกรม ไมเ่ หมาะ สาหรบั การนามาใช้งาน ถงึ แม้จะใชง้ านประเภทเดียวกัน ทง้ั น้เี นื่องจากความต้องการในรายละเอียด ปลีกยอ่ ยของผใู้ ช้แตกต่างกนั และผูใ้ ชง้ านไมส่ ามารถนามาปรับเปลีย่ นได้ด้วยตนเอง ผู้ใช้โปรแกรม บางรายจึง นยิ มใหโ้ ปรแกรมเมอร์เขยี นโปรแกรมให้ตรงกับลกั ษณะการใช้งาน ๒.โปรแกรมสาเร็จรูปท่ีใชก้ บั งานทว่ั ไป โปรแกรมสาเรจ็ รูปที่ใช้กับงานท่ัวไป หมายถึง โปรแกรมทีส่ รา้ งหรือเขยี นโดยบริษัทต่างๆ ท่ีเสรจ็ สมบูรณ์พร้อมนาไปใช้งานได้ทันที แบง่ ออกเป็น ๙ ประเภท คอื ๒.๑ โปรแกรมทางดา้ นการประมวลผลคา (Word Processor) โปรแกรมทางด้านการประมวลผลคา เป็นโปรแกรมท่ีทางานเก่ียวกับ การประมวลผลคา สามารถจดั ทาเอกสาร รายงาน จดหมาย หนังสือต่างๆ งานที่ได้มีประสิทธิภาพเนื่องจากสามารถจัดรูปแบบได้ ตามความต้องการ ช่วยประหยัดเวลา สามารถค้นหาข้อความต่างๆได้สะดวก โปรแกรมท่ีจัดอยู่ในกลุ่ม ประมวลผลคามดี งั นี้ คือโปรแกรม Word Star โปรแกรม ๓ บทท่ี ๗ ภาษาคอมพวิ เตอร์. [ออนไลน]์ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www4.csc.ku.ac.th/~b5340204758/lean7.html. สบื คน้ เมือ่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
การพัฒนาส่ือการสอนพระพุทธศาสนา ๔๘ Word Chula โดยโปรแกรมเหล่าน้ที างานบนระบบปฏิบัติการ MS-Dos นอกจากนี้ยงั มี โปรแกรมที่ทางานบน ระบบปฏิบตั ิการ Windows คือ โปรแกรม Word Perfectโปรแกรม Microsoft Office Word และโปรแกรม AmiPro โปรแกรมเหลา่ นีใ้ ช้งานงา่ ย และสะดวก สามารถจดั รปู แบบตา่ งๆ ได้ตามความตอ้ งการ รวมทง้ั สามารถนาภาพมาประกอบกับ งานเอกสาร หรอื นาเอกสารจากโปรแกรมอื่นมาจัดรปู แบบในโปรแกรมเหล่านี้ ได้ ๒.๒ โปรแกรมแผน่ ตารางทาการ (Spread Sheet) แผ่นตารางทาการ หมายถึง แผ่นตารางท่ีประกอบด้วยแนวตั้งตัดกันเป็นช่องส่ีเหลี่ยม แนวต้ังเรียกว่า “สดมภ์” แนวนอนเรียกว่า “แถว” ช่องสี่เหล่ียมท่ีเกิดจากการตัดกันของสดมภ์และแถวเรียกว่า “เซลล์” ใช้ สาหรับบรรจุตัวอักษร ตัวเลข รูปภาพ หรือสูตรคานวณต่างๆสดมภ์แต่ละสดมภ์มีชื่อโดยใช้ตัวอักษร ภาษาองั กฤษกากบั และส่วนแถวแต่ละแถวจะมีชื่อซึ่งใช้ตัวเลขอารบิก กากับ ดังน้ัน การเรียกช่ือเซลล์จึงใช้ชื่อ ของสดมภ์และแถวท่ีตัดกันมาอ้างอิง เช่นสดมภ์ A ตัดกับแถว 1 จะเกิดเซลล์ท่ีมีช่ือว่า เซลล์ A1 เป็นต้น การ อ้างอิงชื่อเซลล์ในรูปแบบนี้มี ผลทาให้แผ่นตารางทาการมีคุณสมบัติเด่น การอ้างอิงค่าในเซลล์ หากต้องการ เปลย่ี นแปลงค่าในเซลลห์ นึ่งๆ ซ่ึงถูกอ้างอิงอยู่ที่เซลล์อื่น ก็จะทาให้ค่าท่ีอยู่ในเซลล์ท่ีอ้างอิงเปลี่ยนแปลงตามได้ โดยอัตโนมัติ แผ่นตารางทาการจึงเหมาะสาหรับงาน คานวณขนาดใหญ่ โดยผู้ใช้ไม่จาเป็นต้องบันทึกข้อมูล หรือบันทึกสูตรใหม่หลายๆ คร้ัง คุณสมบัติของโปรแกรมแผ่นตารางทาการ คือ การคานวณการจัดทาแผนภูมิ และการจดั การข้อมลู การคานวณ หมายถึง คุณสมบตั ใิ นการสรา้ งสูตรคานวณ หรอื รูปแบบ การคานวณที่กาหนดไว้ เรียกว่า “ฟังก์ชัน” เพ่ือคานวณหาผลลัพธ์ท่ีต้องการ รวมทั้งสามารถสร้างกลุ่มคาสั่ง เรียกว่า “มาโคร” เพื่อให้เคร่ือง คอมพิวเตอร์ทางานตามลาดับในกลุ่มคาส่ังนั้นคุณสมบัติด้านการคานวณนี้จะให้ผลลั พธ์ท่ีเปลี่ยนแปลงค่าของ ข้อมูลท่ีนาไปใช้ในสูตร หรือฟังก์ชันที่กาหนดการจัดทาแผนภูมิ หมายถึง คุณสมบัติในการนาข้อมูลในเซลล์มา จดั ทาแผนภมู ริ ปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ แผนภูมิวงกลม แผนภูมิเส้น แผนภูมิแท่ง แผนภูมิพื้นที่สองมิติแผนภูมิสามมิติ เป็นต้น หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลภายในเซลล์ท่ีนาไป ทาแผนภูมิ ส่งผลให้แผนภูมิที่สร้างขึ้นเปล่ียนแปลง ตามดว้ ยทนั ที ๒.๓ โปรแกรมด้านการจดั การฐานขอ้ มูล โปรแกรมดา้ นการจัดการฐานข้อมลู เป็นโปรแกรมทใ่ี ช้งานเก่ยี วกบั ดา้ นการจัดการฐานข้อมูลซึ่งจะช่วย ในการเก็บข้อมูล แก้ไขข้อมูล ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมรวมท้ังการจัดเรียงข้อมูลผู้ใช้งานสามารถทางานได้สะดวก รวดเรว็ และเป็นระบบ โปรแกรมด้านการจดั การฐานข้อมลู เหมาะกบั การทางานทมี่ ีข้อมูลมากๆ เช่น การจัดเก็บ ประวตั ินกั เรียนนักศึกษา การควบคมุ สนิ ค้าคงคลัง การเกบ็ ประวัติพนักงาน ทะเบียนรายช่ือหนังสือในห้องสมุด เป็นต้น โปรแกรมกลุ่มนี้ได้แก่ โปรแกรม dBase III Plus ซ่ึงทางานบนระบบปฏิบัติการ Ms- Dos โปรแกรม FoxPro สามารถทางานได้ท้ังบนระบบปฏิบัติการ Ms-Dos และบนทางานบนระบบปฏิบัติการ Windows โปรแกรม Microsoft Access และในปัจจบุ นั มโี ปรแกรม Visual FoxPro เปน็ โปรแกรมฐานข้อมูลท่ีทางานบน Windows เชน่ กนั ๒.๔ โปรแกรมทางด้านกราฟิก โปรแกรมทางด้านกราฟกิ เป็นโปรแกรมที่สรา้ งข้ึนโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกเพื่อให้ ผู้ใช้โปรแกรมสามารถใช้คอมพิวเตอร์ดาเนินการเก่ียวกับภาพ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ปัจจุบันมีผู้ผลิต โปรแกรมสาเร็จรูปทางด้านกราฟิก ซ่ึงมีการวางจาหน่ายเป็นจานวนมาก โปรแกรมประเภทกราฟิกส่วนมากใช้ สาหรบั งานที่เก่ยี วกบั การออกแบบการเขียนแบบ การวาดภาพและจดั ทาสิง่ พมิ พ์ และสามารถนามาประยุกต์ใช้ กบั งานโฆษณา ประชาสัมพันธห์ รอื นาไปใชก้ บั สอ่ื ผสม ปจั จบุ นั โปรแกรมกลมุ่ น้ที ี่นยิ มใชง้ านกนั มาก
การพัฒนาส่ือการสอนพระพุทธศาสนา ๔๙ ๒.๔.๑ Corel Draw และ Photoshop เป็นโปรแกรมทใ่ี ช้งานดา้ นการออกแบบ วาดภาพ จัดทาส่อื สิ่งพมิ พ์ การตกแต่งภาพให้ สวยงามเหมาะกบั งานทางด้านโฆษณา ๒.๔.๒ Harvard Graphic Freelance Graphic และ PowerPoint จดั เปน็ โปรแกรมเหมาะกับงานท่ีตอ้ งการนาเสนอ หรือ แสดงออกโดยการสร้างงานนาเสนอ สามารถนาภาพและเสียงมาประกอบกับงานได้ ทาใหไ้ ด้งานนาเสนอที่สวยงาม ๒.๔.๓ PageMaker เปน็ โปรแกรมทเ่ี หมาะกับงานประเภทส่งิ พิมพ์ ใช้ในการสรา้ งแผ่นโฆษณา แผน่ พับ ใบปลิว นามบตั รและการผลิตหนงั สอื เป็นโปรแกรมท่เี หมาะกับงานพิมพใ์ นโรงพมิ พ์มาก ๒.๔.๔ โปรแกรมเกม (Game) โปรแกรมเกม เป็นโปรแกรมทรี่ ้จู ักกนั แพร่หลายโดยทั่วไปไม่ว่าเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ปัจจุบันนี้มี โปรแกรมเกม จุดประสงคข์ องโปรแกรมเกมสว่ นใหญ่ จะสร้างเพื่อช่วยผ่อนคลายการทางาน แต่ส่วนใหญ่พบว่า เด็กเลน่ เพอ่ื ความสนกุ สนานเพลิดเพลินมากกว่าผใู้ หญ่ ดังนั้นผู้ใหญ่ควรควบคุมเกมที่เด็กๆ เล่นด้วย เพราะบาง เกมเป็นลักษณะของการต่อสู้ ทาให้เด็กสร้างนิสัยผิดๆ กลายเป็นเด็กท่ีชอบเอาชนะคนอ่ืน ชอบการต่อสู้ และ อาจเป็นคนอารมณ์รุนแรง ฉนุ เฉียว เห็นแกต่ ัว ๒.๔.๕ โปรแกรมทางดา้ นการสร้างสถานการณ์จาลอง โปรแกรมทางด้านการสร้างสถานการณ์จาลองเป็นโปรแกรมที่ให้ผู้ใช้งานทดลองสร้าง สถานการณจ์ าลองของงานทใ่ี หผ้ ้ใู ช้สรา้ งสถานการณจ์ าลองของงานท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นได้หรืออาจจะเรียกว่า “เกม ทางธุรกิจ” ทาให้รู้จักวางแผนการทางาน คิดถึงผลกาไรขาดทุนท่ีอาจจะเกิดข้ึน ทาให้รู้กระบวนการจัดสรร งบประมาณท่มี ีอยู่เพ่อื ใหไ้ ดผ้ ลกาไรมากท่ีสุด ๒.๔.๖ โปรแกรมทางด้านการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร โปรแกรมทางด้านการติดต่อสื่อสาร เป็นโปรแกรมรู้จักและเป็นที่นิยม ใช้กันมากตาม หนว่ ยงาน ท้งั ภาครัฐและภาคเอกชนเช่นการนัดหมายประชุม การทาจดหมายเวียน ไปตามฝ่ายต่างๆ โดยการ เก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์แทนที่การพิมพ์ในกระดาษ เพื่อแจ้งให้พนักงานทราบข้อดีของโปรแกรมชนิดนี้คือ ประหยัดกระดาษลงไปได้มาก ๒.๔.๗ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI (Computer Assisted Instruction) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI เป็นโปรแกรมท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอนวิชาต่างๆ โดยผ้เู รยี นตอ้ งเรียนกบั โปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ ครูทาหน้าท่ีเป็นผู้ ช้ีแนะทดสอบ วัดความเข้าใจ รวมทั้งสรุป เนื้อหาที่เรียนรู้จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ยุคปัจจุบันโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนิยมใช้ใน สถานศึกษาอย่างแพร่หลาย เป็นการเปล่ียนแปลง วิธีการสอน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ท่ีใช้สร้างโปรแกรม คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน ไดแ้ ก่ โปรแกรม Author ware โปรแกรม Tool Book เป็นต้น ๔.๖ ประโยชนข์ องโปรแกรมสาเร็จรูป ๑.โปรแกรมสาเร็จรูปก่อนการวางจาหน่ายในท้องตลาดจะต้องทดสอบมาตรฐาน ของการทางานเสมอ ทาให้ผลติ ภณั ฑ์สว่ นใหญไ่ ด้มาตรฐาน ๒.ผู้ขายให้บริการหลังการขายการบารุงรักษาและให้การสนับสนุนระบบอย่างต่อเนื่องทาให้ระบบได้มี การพฒั นาให้ทันสมัยกับการเปล่ียนแปลงดา้ นเทคโนโลยแี ละการพฒั นาด้านธุรกจิ
การพฒั นาสื่อการสอนพระพุทธศาสนา ๕๐ ๓.กรณีท่ีเป็นศูนย์คอมพิวเตอร์สาหรับกิจการทางด้านธุรกิจการผลิตข่าวสารต่างๆเพื่อส่งไปให้ลูกค้า สามารถทาให้สะดวกโดยการใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป สาหรับการทารายงานหรเื อกสารต่างๆ ในแบบเดียวกนั ๔.โปรแกรมสาเร็จรูป ส่วนมากใช้ภาษาระดับสูงในการเขียนโปรแกรม ซึ่งภาษา ประเภทนี้สามารถ นามาใชก้ บั เคร่ืองคอมพิวเตอรร์ ่นุ ต่างๆ ได้ในกรณีที่ต้องการนาโปรแกรมสาเร็จรูป ใช้กับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่มี ความแตกต่างกันในลักษณะของเครื่องท่ีผลิต เพียงแต่แก้ไขหรือปรับ การใช้โปรแกรมเพียงเล็กน้อย ในบาง กรณอี าจจะไม่ต้องแกไ้ ขแต่อย่างใด ๔.๗ วธิ กี ารจัดหาโปรแกรมสาเร็จรูป การจัดหาโปรแกรมสาเร็จรูปมาใช้งานในหนว่ ยงานหรือองค์กรน้ันมีหลายวธิ ีแต่ละวิธมี ขี นั้ ตอนแตกต่างกัน ดังนี้ ๑.การซ้ือ สาหรับการซ้ือโปรแกรมสาเรจ็ รปู มาใช้งาน หน่วยงานหรอื องคก์ รตอ้ งพิจารณาถงึ โปรแกรมท่ี เหมาะสมกับการใช้งานของธุรกจิ องคก์ รและการบริการหลงั การขาย ๒.การเชา่ สาหรบั การเช่าโปรแกรมสาเรจ็ รปู มาใช้งานในหนว่ ยงานหรือองค์กรทางบริษัทโดยมีเงื่อนไข คือ หนว่ ยงานหรอื องค์กรที่มคี วามต้องการใช้โปรแกรมประยุกต์ต้องตกลงทาสัญญาเช่ากับทางบริษัทท่ีเป็นเจ้าของ โปรแกรมสาเรจ็ รูป และผู้เชา่ ต้องชาระเงนิ ค่าเชา่ ตามเงอื่ นไขท่ีกาหนดไว้ในสัญญาเชา่ ใหแ้ ก่ผู้ใหเ้ ชา่ ๓.การเชา่ ซื้อ การเชา่ ซอื้ โปรแกรมสาเรจ็ รปู มาใช้งานในหน่วยงานหรือองค์กรมีขั้นตอนดังน้ี คือหน่วยงาน หรือองค์กรท่ีต้องการใช้โปรแกรมสาเร็จรูปต้องตกลงทาสัญญาเช่าซ้ือกับทางบริษัทท่ีเป็นเจ้าของโปรแกรม สาเร็จรูป และผู้เช่าต้องชาระเงินค่าเช่าซื้อตามเงื่อนไขที่กาหนดไว้ในสัญญาเช่าซ้ือแก่ผู้ให้เช่าซ้ือ เมื่อครบ กาหนดตามสญั ญาเชา่ ซ้อื และผูเ้ ช่าไดช้ าระเงนิ ค่าเช่าซอ้ื เรียบร้อยแล้วโปรแกรมสาเร็จรูปน้ันก็จะตกเป็นสิทธิแก่ ผ้เู ช่า ๔.Outsource Outsource คือ การว่าจ้างหน่วยงานหรือบริษัทภายนอกท่ีมีความรู้ความชานาญ ด้านเทคโนโลยีให้เข้ามาพัฒนาระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแทนการพัฒนาด้วย หน่วยงานของตน ซ่ึงในปัจจุบันเริ่มเป็นทร่ี จู้ กั และไดร้ บั ความนิยมมาก ๕. พัฒนาระบบเองในกรณีที่องค์กรหรือหน่วยงานมีฝ่ายพัฒนาระบบภายในองค์กรหรือหน่วยงานองค์กร หรอื หน่วยงานนจี้ ะดาเนนิ การพัฒนาโปรแกรมหรือ ระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือให้สามารถใช้งาน ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมและตรงตามวัตถุประสงค์ของการใชง้ าน ๔.๘ การพจิ ารณาซอฟต์แวร์ตามหลักการของลิขสิทธ์ิ ซอฟต์แวร์ท่ีใช้งานในปัจจุบันมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ หลากหลายผู้ผลิต บางผลิตภัณฑ์จะต้องเสีย ค่าใช้จ่ายก่อนจึงสามารถใช้งานได้ ฉะนั้นหากพิจารณาซอฟต์แวร์ในด้านของลิขสิทธิ์ โดยปกติจะต้องเสีย คา่ ใชจ้ า่ ยก่อนจงึ สามารถใชง้ านได้ ซง่ึ แบง่ ไดเ้ ปน็ ๓ กลมุ่ ได้แก่ ๑.ซอฟต์แวร์ท่ีมีลิขสิทธ์ิ ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ผู้มีสิทธ์ิใช้งานก็คือผู้ที่ได้ซ้ือผลิตภัณฑ์ เท่านั้นโดยให้ ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ หรือการบันทึกหมายเลขสาคัญประจาผลิตภัณฑ์ (CD-Key)ก่อนจึงสามารถติดตั้งและใช้ งานซอฟต์แวร์ได้ เช่นซอฟต์แวร์ของบริษัทไมโครซอฟต์ ซอร์ฟแวร์ 14 ประเภทนี้ไม่มีการเผยแพร่วิธีการหรือ หลักการในการสรา้ งหรือผลิตและไม่มผี ใู้ ดสามารถนาไปพัฒนาได้
การพัฒนาส่ือการสอนพระพุทธศาสนา ๕๑ ๒.แชร์แวร์ (shareware) คือโปรแกรมท่ีผู้เป็นเจ้าของแจกจ่ายให้ผู้ใช้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ใน ลักษณะของการทดลองใชง้ าน และมีการจากดั ความสามารถของโปรแกรมที่ใช้งานได้ ความสามารถท่ีใช้งานได้ หรือ ระบบความสะดวกสบาย แชร์แวร์มักเปิดให้ ดาวน์โหลดได้จากอินเทอร์เน็ตหรือจากแผ่นซีดีที่แถมมากับ นิตยสาร หรือ หนังสือพิมพ์ จุดประสงค์ของโปรแกรมแชร์แวร์ เพ่ือให้ผู้ซื้อได้ทดลองใช้ตัวโปรแกรม ก่อน ตัดสินใจถึงความคุ้มค่าสาหรับการซ้ือสิทธ์โปรแกรมตัวเต็ม แชร์แวร์จะแจกจ่ายในรูปของโปรแกรมทดลองใช้ งานในช่วงเวลาที่กาหนด และสามารถบางอย่างจะใช้งานได้ต้องมีการซ้ือสิทธ์ หรือซ้ือตัวโปรแกรมตัวเต็มก่อน เท่านน้ั เมือ่ หมดระยะเวลาของการทดลองใชง้ าน ตวั โปรแกรมอาจหยุดการทางานจนกวา่ จะมีการซอื้ สิทธ์ ๓.ฟรีแวร์ (freeware) หมายถึงซอฟต์แวร์ที่สร้างข้ึน สามารถใช้ได้ในทุกจุดประสงค์โดยไม่ต้องเสีย ค่าใช้จ่าย แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่นาไปขายหรือนาไปหารายได้จากโปรแกรมนั้น หรือควรอ่านข้อกาหนดของ โปรแกรมนน้ั ให้ชัดเจนก่อนใช้ เพราะบางครั้งมีข้อจากัดในการใช้บางอย่าง เช่น ใช้ได้เฉพาะส่วนบุคคล ห้ามใช้ ในเชงิ พาณชิ ย์ หากต้องการใช้เชิงพาณิชย์จะมีรุ่นที่ผู้พัฒนาเตรียมไว้ขาย ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ต้องระวังหากใช้ ในองค์กร ควรศึกษาสิทธิบัตรให้ดีก่อน ตัวอย่าง Freewareได้แก่ โปรแกรม CPU-Z โปรแกรม AVG ฟรีแวร์ แบ่งเป็น ๒ กลมุ่ หลักๆ คอื ๓.๑ ซอฟต์แวรฟ์ รแี วรท์ ี่ไม่เปิดเผยวิธีในการผลิตโดยมีจดุ ประสงคม์ ุ่งเนน้ ให้ ผใู้ ชน้ าไปใช้เพียง อยา่ งเดยี ว ไม่สามารถนาไปพัฒนาตอ่ ได้ ๓.๒ ซอฟตแ์ วร์ท่เี ปดิ เผยวธิ กี ารผลติ หรือจะเรียกอีกชื่อว่า ซอฟต์แวร์รหัสเปิด เป็นซอร์ฟแวร์ ที่ทุกคนสามารถนาไปใช้งาน ทาซ้า เรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติมและเผยแพร่ได้ มีท้ังท่ีเป็นระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์ประยุกต์ ซอฟต์แวร์ที่ใช้สาหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคชั่นหรือแม้แต่ซอฟต์แวร์สาหรับสานักงาน ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในประเทศไทยมีหน่วยงานท่ีสนับสนุนการพัฒนาและใช้งาน ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยคนไทย เช่น สานักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) ศูนย์เทคโนโลยี อเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละคอมพิวเตอร์แหง่ ชาติ (NECTEC) เปน็ ต้น ไมต่ ้องส้ินเปลืองค่าใช้จ่ายในการซ้ือซอฟต์แวร์จาก ตา่ งประเทศและส่งเสริมการผลิตซอฟต์แวร์ในประเทศให้กา้ วหนา้ ตอ่ ไป สรุปท้ายบท ปัจจัยหรือผลกระทบภายนอกซ่ึงมีความเปล่ียนแปลงไปอยู่ตลอดเวลานั้น ปัจจุบันก็มีแหล่งความรู้ มากมายที่จะช่วยในการให้ข้อมูลความรู้ และอบรมพัฒนาความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการท่ีมากข้ึน ซ่ึงเอ้ือต่อ การจับประเด็นท่ีตรงกับความต้องการองค์กร ต่อการศึกษาทาความเข้าใจในเร่ืองที่ประสงค์ได้เป็นอย่างดี การ ใช้งานโปรแกรมสาเร็จรูปในปัจจุบันได้มีการนามาใช้งานในกิจการต่างๆ กันอย่างกว้างขวางแล้ว แต่ก็ยังคงมี แนวโน้มท่ีจะเติบโตและขยายตัวไปสู่ภาคธุรกิจและองค์กรขนาดต่างๆ เพ่ิมมากข้ึนอย่างต่อเนื่อง ในส่วนการ พจิ ารณาเลือกใชโ้ ปแกรมสาเร็จรูปสาหรบั องคก์ รต่างๆ หรือแมแ้ ต่การปรบั ปรุงพฒั นาในส่ิงท่ีมีอยู่ มีปัจจัยที่ต้อง เตรียมความพร้อมหลายด้าน ท้ังในด้านการแสวงหาข้อมูลท้ังจากภายในและภายนอก ตลอดจนการสรรหา โปรแกรมฯและผู้ให้บริการที่ตรงกับความต้องการขององค์กร ซ่ึงปัจจุบันก็มีผู้จาหน่ายท่ีมีความชานาญและมี ศักยภาพในการให้บริการอยู่ เป็นจานวนมากที่จะเป็นทางเลือกให้ผู้ประกอบการตัดสินใจเพื่อให้ได้มาซ่ึง สิ่งท่ี ตอบโจทย์ขององค์ได้อยา่ งดที ี่สุด
การพัฒนาส่ือการสอนพระพุทธศาสนา ๕๒ เอกสารอา้ งองิ ประจาบท ขนษิ ฐา อศั วชัยณรงค.์ แนวทางการเลอื กใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตท์ างสถิติ.วารสารสานกั บริหารและรบั รอง หอ้ งปฏิบตั กิ ารปีท่ี 5 ฉบับที่ 14 กุมภาพนั ธ์ - พฤษภาคม 2552. บทท่ี ๗ ภาษาคอมพิวเตอร์. [ออนไลน์] เข้าถึงไดจ้ าก http://www4.csc.ku.ac.th/~b5340204758/lean7.html. สืบคน้ เมอ่ื ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗. โปรแกรมสาเรจ็ รูป.[ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก. http://nawaphasnob.wikispaces.com/Program+Package. สบื คน้ เมอ่ื ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
การพัฒนาสอ่ื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๓ บทท่ี ๕ สอ่ื การเรียนการสอน วตั ถุประสงค์การเรียนประจาบท เม่อื ไดศ้ ึกษาเนอ้ื หาในบทน้แี ลว้ ผู้ศกึ ษาสามารถ ๑. ระบุความหมายและความสาคัญของสอ่ื การเรยี นการสอนได้ ๒. ระบปุ ระเภทและการเลือกสอื่ การเรยี นการสอนได้ ๓. เลือกเทคนิคการใช้สือ่ และลักษณะและแนวทางการใช้สือ่ ต่างๆได้ ๔. วเิ คราะห์แนวทางการเกบ็ รกั ษาสื่อการเรียนการสอนได้ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา ความหมายและความสาคัญของส่ือการเรียนการสอน ประเภทและการเลือกสือ่ การเรียนการสอน เทคนิคการใช้สื่อและลกั ษณะและแนวทางการใชส้ ื่อต่างๆ แนวทางการเกบ็ รักษาสื่อการเรียนการสอนได้
การพัฒนาส่อื การสอนพระพุทธศาสนา ๕๔ ๕.๑ ความนา สอื่ การสอนเป็นตวั กลางที่จะนาเนื้อหาสาระและประสบการณ์ต่างๆ จากผู้สอนไปสู่ผู้เรียน เป็นสิ่งที่จะ ชว่ ยใหเ้ กดิ การเรียนรไู้ ด้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในความหมายของสิ่งที่เรียนได้อย่าง ชัดเจนตรงตามทีผ่ สู้ อนตอ้ งการ ชว่ ยลดระยะเวลาในการเรียน และเอ้ืออานวยความสะดวกในการเรียนรู้ ท้ังยัง ช่วยสร้างบรรยากาศท่ีดีในการเรียนรู้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สื่อการสอนก็มีหลายประเภท ส่ือการสอนแต่ละ ประเภทต่างก็มีลักษณะเฉพาะและคุณค่าในตัวของตัวมันเอง ซ่ึงไม่เหมือนกันในการใช้ส่ือการสอนนั้น ผู้สอน จาเป็นต้องศึกษาถึงลักษณะเฉพาะ และคุณสมบัติของสื่อแต่ละชนิดเพ่ือที่จะเลือกใช้ส่ือการสอน ให้เหมาะสม กับลักษณะเนื้อหาของบทเรียน วัตถุประสงค์ และผู้เรียน นอกจากน้ันผู้สอนยังต้องมีการวางแผนอย่างเป็น ระบบในการใช้สื่อการสอน เพื่อให้ กระบวนการเรียนการสอนดาเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลการ เรียนรู้ได้มากที่สุด กระบวนการเรียนการสอนมีลักษณะเช่นเดียวกับกระบวนการสื่อสาร (Communication Process) ที่มีการถ่ายทอดเนื้อหาสาระจากฝ่ายส่งไปยังฝ่ายรับ และการสื่อสารท่ีดีนั้นควรจะเป็นการส่ือสาร แบบสองทาง (Two-way Communication) ซ่ึงจาเป็นต้องอาศัยส่ือที่ช่วยให้เกิดการสื่อสารกันได้ใน ๒ ทิศทางด้วย เช่น โทรศัพท์ E-mail การประชุม การอภิปรายและการบรรยาย เป็นต้น แต่ถ้าสื่อที่ใช้ ในการติดต่อส่ือสารกัน ไม่อานวยให้โต้ตอบกันได้ ก็จะเกิดการติดต่อส่ือสารในลักษณะที่เรียกว่าการ ส่ือสาร แบบทางเดียว(One-way communication) ซึ่งสื่อที่ใช้ในการติดต่อกันได้แก่หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ โปสเตอร์ วิทยุ โทรทัศน์ และการบรรยายเปน็ ตน้ ในกระบวนการเรียนการสอนระดับอดุ มศึกษา เราใช้การตดิ ต่อสอ่ื สารทัง้ ๒ ลักษณะดงั กลา่ วควบคู่ กนั ไป ขึ้นอย่กู ับจุดประสงค์การสอน เนอ้ื หาและวธิ ีการสอนในแต่ละครั้ง อยา่ งไรกต็ ามการเรียนการสอนท่ีช่วย ส่งเสริมใหผ้ ู้เรียน ได้รบั ความรู้และประสบการณ์ ในสาขาวชิ าทเ่ี รยี นได้อย่างมปี ระสิทธิภาพน้ัน ควรจะมี ลกั ษณะทีเ่ ป็นการสื่อสารแบบสองทาง ดงั นี้ ผสู้ อน สอื่ การเรียนการสอน ผู้เรียน จะเห็นไดว้ ่าทั้งกระบวนการสื่อสารและกระบวนการเรยี นการสอน จาเป็นต้องอาศัยส่ือในการถ่ายทอด หรือติดต่อกันระหว่างบุคคล ถ้าขาดส่ือแล้ว การติดต่อกันหรือการเรียนการสอนไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย สื่อนับเป็นส่ิงท่ีมีบทบาทสาคัญอย่างมาก ในการสอนต้ังแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเนื่องจากเป็นตัวกลางที่ช่วยให้ การส่ือสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของเนื้อหา บทเรยี นให้ตรงกับผู้สอนต้องการ ไม่ว่าสื่อนั้นจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตามล้วนแต่เป็นทรัพยากรที่ สามารถอานวย ความสะดวกในการเรยี นรไู้ ด้ท้งั สนิ้
การพัฒนาส่ือการสอนพระพุทธศาสนา ๕๕ ๕.๒ ความหมาย ส่ือการสอน (Instruction Media) หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ หรือวิธีการใด ๆ ก็ตามท่ีเป็นตัวกลางหรือ พาหะในการถา่ ยทอดความรู้ ทัศนคติทักษะและประสบการณ์ไปสู่ผู้เรียน สื่อการสอนแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติ พิเศษและมีคุณค่าในตัวของมันเองในการเก็บและแสดงความหมายที่เหมาะสมกับเน้ือหาและเทคนิควิธีการใช้ อย่างมรี ะบบ๑ สื่อการสอน (Instruction Media) หมายถึง ตัวกลางที่ใช้ถ่ายทอดหรือนาความรู้ในลักษณะต่าง ๆ จากผู้ส่งไปยังผู้รับให้เข้าใจ ความหมายได้ตรงกัน ในการเรียนการสอน สื่อท่ีใช้เป็นตัวกลางนาความรู้ใน กระบวนการส่ือความหมายระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนเรียกว่าส่ือการเรียนการสอน (Instruction Media) เกอร์ลัช และอีลี (Gerlach and Ely) กล่าวว่า \"ส่ือการสอน\" หมายถึง บุคคล วัสดุหรือเหตุการณ์ ต่าง ๆ ซึ่งทาให้นักเรียนได้รับความรู้ ทักษะ ทัศนคติ ครู หนังสือ และสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนจัดเป็นสื่อการ สอนท้ังสิ้น กิดานันท์ มลิทอง กล่าวว่า \"ส่ือการสอน\" หมายถึง ตัวกลางท่ีช่วยนา และถ่ายทอดข้อมูลความรู้จาก ครูผู้สอน หรือจากแหล่งความรู้ไปยังผู้เรียนเพ่ือให้ผู้เรียนสามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์การเรียนที่ต้ังไว้ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ให้ ความหมายของ \"ส่ือการสอน\" ว่า คือวัสดุ (ส้ินเปลือง) อุปกรณ์ (เครื่องมือที่ใช้ ไม่ผุพังง่าย) วิธีการ (กิจกรรม เกม การทดลอง ฯลฯ) ที่ใช้ส่ือกลางให้ผู้สอนสามารถส่ง หรือถ่ายทอดความรู้ เจตคติ (อารมณ์ ความรู้สึก ความสนใจ ทัศนคติ และค่านิยม) และ ทักษะไปยังผู้เรียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไชยยศ เรืองสวุ รรณ กล่าวว่า \"สื่อการสอน\" หมายถึง ส่ิงท่ีช่วยให้การเรียนรู้ ซ่ึงครูและนักเรียนเป็น ผ้ใู ช้เพ่ือให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิง่ ขึ้น เปร่ือง กุมุท กล่าวว่า \"ส่ือการสอน\" หมายถึง สิ่งต่างๆ ท่ีใช้เป็นเคร่ืองมือ หรือ ช่องทางสาหรับทา ให้การสอน สง่ ไปถึงผู้เรยี น ทาให้ผเู้ รยี นสามารถเกิดการเรยี นรูต้ ามวตั ถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายที่ผู้สอนวาดไว้ ได้เปน็ อยา่ งดี ไฮนิช (Heinich) และคณะ ได้ให้ความหมายของส่ือการสอนไว้ว่า \"ส่ือการสอน\" หมายถึงสื่อหรือ ตัวกลางชนิดใดกต็ าม ไมว่ ่าจะเปน็ เทปบนั ทึกเสยี ง สไลด์ วิทยุ โทรทัศน์ วดิ โี อแผนภูมิ ภาพน่ิง เป็นต้น ซึ่งบรรจุ เนอ้ื หาข้อความเกีย่ วกบั การเรียนการสอน ดงั น้ันจงึ พอสรปุ ไดว้ ่า\"ส่ือการสอน\"หมายถึงตวั กลางหรือช่องทางที่บรรจเุ นือ้ หาสาระหรือส่งิ ท่ผี สู้ อน ตอ้ งการถ่ายทอดไปยังผู้เรียน ชว่ ยทาให้ผูเ้ รยี นเกดิ การ เรียนรู้ตามวัตถปุ ระสงค์ทวี่ างไว้ ๕.๓ ความสาคญั ข้อพิจารณาในการตอบคาถามว่า ทาไมจงึ ตอ้ งใช้ส่ือเพื่อชว่ ยในการเรยี นการสอน มอี ยู่หลาย ประการดังน้ี ๑. ช่วยให้คณุ ภาพการเรยี นรู้ดีขึน้ เพราะมคี วามจรงิ จงั และมคี วามหมายชัดเจนต่อผเู้ รียน ๒. ช่วยให้ผ้เู รียนไดเ้ รียนรู้ในปริมาณมากขึน้ ในเวลาทก่ี าหนดไวจ้ านวนหนง่ึ ๓. ช่วยใหผ้ เู้ รยี นสนใจ และมีส่วนร่วมอย่างแขง็ ขันในกระบวนการเรยี นการสอน ๑ หน่วยการเรียนท่ี ๒ เรอื่ งส่อื การสอน. [ออนไลน]์ เขา้ ถงึ ได้จาก http://reg.ksu.ac.th/teacher/sudatip/Elearning_files/data๒.html. สบื คน้ เมอื่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
การพฒั นาสอ่ื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๖ ๔. ช่วยใหผ้ ้เู รียนจา ประทบั ความรู้สกึ ได้รวดเรว็ และดีขน้ึ ๕. ชว่ ยสง่ เสริมการคิดและการแก้ปญั หาในกระบวนการเรยี นการสอน ๖. ช่วยใหส้ ามารถเรยี นรูใ้ นส่ิงท่เี รียนไดล้ าบาก เพราะ ๖.๑ ทาสง่ิ ที่ซับซ้อนใหง้ ่ายขึน้ ๖.๒ ทานามธรรมใหเ้ ป็นรปู ธรรมขน้ึ ๖.๓ ทาสง่ิ ที่เคล่ือนไหวหรือเปลีย่ นแปลงช้าให้ดูเร็วขึน้ ๖.๔ ทาสิง่ ทเ่ี คล่ือนไหวหรอื เปล่ยี นแปลงเรว็ ใหด้ ชู า้ ลง ๖.๕ ทาส่งิ ทใี่ หญ่มากให้ย่อขนาดข้ึน ๖.๖ ทาส่ิงทเ่ี ล็กมากให้ขยายขนาดข้นึ ๖.๗ นาอดีตมาให้นักศกึ ษาได้ ๖.๘ นาสง่ิ ท่ีอยู่ไกลหรือลี้ลับมาศึกษาได้ ในกรณีนเี้ ป็นการส่งเสริมการเรียนการสอน มีคุณภาพดขี ้นึ และยังสอดคล้องกับวิธกี ารสอนทค่ี รูผู้สอนพิจารณาเลือกเอามาใชส้ อนอกี ดว้ ย ๗. ช่วยใหผ้ เู้ รียนเรียนสาเร็จงา่ ยข้นึ และผา่ นการวัดผลอันหมายถึงการบรรลุวัตถุประสงค์ของบทเรยี น ๒.๔ ประเภทของสอ่ื การเรยี นการสอน มีการจาแนกประเภทส่ือการเรยี นการสอนตามแนวความคิดที่แตกต่างกัน ดังตวั อยา่ ง ๑. จาแนกประเภทส่ือการเรียนการสอน โดยพจิ ารณาจากลักษณะประสาทการรับรขู้ องผ้เู รยี น จากการเหน็ และการฟงั ซึง่ สามารถจาแนกประเภทของส่อื ได้ดังตอ่ ไปนี้ ๑.๑ สอ่ื ทเ่ี ปน็ ภาพ (Visual Media) ก. ภาพท่ไี มต่ อ้ งฉาย (Non-Projected) ไดแ้ ก่ ภาพบนกระดาษดา ภาพจากแผน่ ภาพภาพจากหนงั สือและสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ข. ภาพทต่ี อ้ งฉาย (Projected) ไดแ้ ก่ ภาพจากเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เครอ่ื งฉาย สไลด์เครือ่ งฉายภาพยนตรห์ รือวดิ ที ศั น์ ๑.๒ สอ่ื ทเ่ี ปน็ เสยี ง (Audio Media) ไดแ้ ก่ สื่อประเภทเสียงที่ใช้ในกระบวนการเรยี นรู้ เช่น เทปบันทึกเสียง วิทยุ เปน็ ต้น ๑.๓ ส่ือทเ่ี ป็นท้ังภาพและเสียง (Audio-Visual Media) ได้แก่ ส่อื ทแ่ี สดงภาพและเสียง พรอ้ ม ๆ กนั เช่น สไลด์ประกอบเสียง ภาพยนตรท์ ่ีมีเสียง (Sound-film) เทปโทรทัศน์ บทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน (CAI) และมัลติมิเดีย เป็นต้น ๒. จาแนกประเภทของส่ือการเรียนการสอน ในทางเทคโนโลยกี ารศกึ ษา อาจจาแนกได้เปน็ ๒.๑ เครอ่ื งมอื อุปกรณ์ (Hardware) สอ่ื การเรียนการสอนประเภทเคร่อื งมือ หรืออปุ กรณ์ เรียกกันโดยทั่วไปว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หรือส่ือใหญ่ (Big Media) หมายถึง สิ่งท่ีเป็นอุปกรณ์ทางเทคนิค ท้ังหลายที่ประกอบด้วยกลไกไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงไม่ใช่ส่ิงสิ้นเปลือง ได้แก่ เครื่องฉายทั้งหลาย เช่น เคร่ืองฉายภาพยนตร์ เคร่ืองฉายสไลด์เครื่องฉายภาพทึบแสง เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เคร่ืองรับโทรทัศน์ รวมท้ังเคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ทางเทคนิคอ่ืน ๆ ที่เป็นทางผ่านของความรู้ เช่น เคร่ืองฉายจุลซีวันเครื่อง คอมพิวเตอร์ เปน็ ตน้ ๒.๒ วัสดุ (Software) ส่ือการเรียนการสอนประเภทวัสดุ บางคร้ังเรียกว่า ซอฟต์แวร์ (Software)หรือส่ือเลก็ (Small Media) ซ่ึงเป็นวัสดุท่ีเกบ็ ความรูใ้ นลักษณะของภาพ เสียง และตัวอกั ษร
การพฒั นาส่อื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๗ ในรูปแบบตา่ ง ๆ จาแนกได้ ๒ ประเภท คอื ก. วสั ดุท่ตี อ้ งอาศัยเครื่องมอื หรอื อุปกรณ์ (Hardware) เพื่อเสนอเร่ืองราว ขอ้ มลู หรือความรู้ ออกมาส่ือความหมายแกผ่ เู้ รียน ได้แก่ ฟิลม์ แผน่ ใส เทปบันทึกเสยี ง เปน็ ต้น ข. วสั ดทุ ีเ่ สนอความรู้ได้ด้วยตนเอง โดยไมต่ ้องอาศัยเคร่ืองมือหรอื อุปกรณ์ใด ๆ เช่น ตารา หนังสือ เอกสาร ค่มู ือ รปู ภาพ แผน่ ภาพ ของจริง ของตัวอย่าง หุ่นจาลอง เปน็ ตน้ ๒.๓ เทคนคิ และวิธกี าร (Technique and Method) การสอ่ื ความหมายในการเรยี นการ สอนบางคร้ังไม่อาจทาไดด้ ว้ ยเคร่ืองมืออุปกรณ์หรือวัสดุ แตจ่ ะต้องอาศยั เทคนคิ หรือวธิ ีการเพื่อการให้เกิดการ เรียนรู้ หรือใช้ทั้งวสั ดอุ ุปกรณ์และวธิ ีการไปพรอ้ ม ๆ กัน แตเ่ นน้ ทว่ี ธิ กี ารเปน็ สาคัญ เชน่ การสาธิตประกอบการ ใชเ้ ครอื่ งมือเครือ่ งจักร การทดลอง การแสดงบทบาทการศึกษานอกสถานท่ี การจัดนิทรรศการ เปน็ ตน้ ดงั นัน้ เทคนิคหรือวิธกี ารต่าง ๆ ดงั กล่าวจงึ จัดว่าเป็นส่อื การเรยี นการสอนอีกประเภทหนง่ึ แตส่ อ่ื ประเภทนี้มักจะใช้ รว่ มกบั สอ่ื ๒ ประเภทแรก จงึ จะได้ผลดี เมื่อกล่าวถึงการสื่อการเรยี นการสอนในกระบวนการเรยี นการสอนโดยทว่ั ไป สว่ นใหญ่จะคานึงถึงวสั ดุ อุปกรณ์ ท่ีใช้ประกอบการเรียนรู้ ซึ่งได้แก่ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ มากกว่าเทคนิคหรือวิธีการ ดังนั้นจึงนิยม เรียกส่ือการเรียนการสอนว่าอุปกรณ์ช่วยสอนหรืออุปกรณ์การสอน (Teaching Aids) ซ่ึงหมายถึงวัสดุและ อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการเรียนรู้หรือเพ่ิมประสิทธิภาพในการสื่อความหมาย อันจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความ เขา้ ใจในบทเรยี นได้ง่ายขน้ึ ๒.๕ การเลอื กสอื่ การเรยี นการสอน ในการพิจารณาเลือกใช้หรือสร้างสื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในขั้ นต้นจะต้อง พิจารณาเปา้ หมายของวัตถปุ ระสงค์ของบทเรียนเป็นหลัก โดยการวิเคราะห์เนื้อหาของวัตถุประสงค์นั้น ๆ ว่ามี จุดสาคัญอะไรควรส่ือความหมายลักษณะใด จากน้ันจึงเลือกลักษณะของสื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาหลักของ วัตถปุ ระสงค์นั้น โดยพิจารณาเลอื กเรยี งลาดบั จากสงิ่ ทีเ่ ป็นนามธรรม (Abstract) ไปสสู่ ่ิงที่เปน็ รูปธรรม (Concrete) ดังนี้ ตวั อยา่ งการเลือกสื่อการเรียนการสอน วตั ถุประสงค์ของบทเรยี น : หลังจากจบบทเรยี นแลว้ ผ้เู รยี นจะสามารถ ก. อธิบายความหมายของคาว่า “สอ่ื การเรียนการสอน” ได้ ข. บอกชอ่ื ส่วนต่างๆ ของหลอดไฟแบบมไี ส้ (Incandescent Lamp)ได้
การพัฒนาสอ่ื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๘ ค. อา่ นคา่ แรงดนั กระแส ความต้านทานทยี่ ่านวดั ต่างๆ ของมัลตมิ ิเตอรไ์ ด้ถกู ต้อง การพิจารณาเลอื กส่อื การเรยี นการสอน วตั ถปุ ระสงคข์ ้อ ก. พบวา่ สอ่ื ที่จาเปน็ ในการใชส้ อนเพื่อให้บรรลเุ ปา้ หมายได้ก็คอื ใชเ้ พียงคาพูด บรรยายก็เพยี งพอแลว้ วตั ถุประสงค์ข้อ ข. ถ้าใช้คาพูดหรือบรรยายเพียงอยา่ งเดียวคงไม่พอทจ่ี ะใหผ้ เู้ รียนบรรลุเป้าหมาย ได้ง่ายนัก ดังนั้นจึงต้องมีสื่อการเรียนการสอนอื่น ๆ ช่วย เช่น รูปภาพนิ่ง หุ่นจาลอง หรือของจริงซึ่งสื่อทั้ง ๓ ลักษณะน้ีน่าจะช่วยให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ดีกว่า แต่การที่จะกาหนดว่าเป็นสื่อประเภทใดนั้น จะต้องพจิ ารณาต่อไปถึงปัจจัยอืน่ ประกอบ ดังน้ันในวัตถุประสงค์ข้อนี้สื่อการเรียนการสอนที่เลือกใช้จึงอาจเป็นแผ่นใสหรือแผ่นภาพที่เป็นรูป หลอดไฟฟ้าขนาดใหญ่หรือใช้หลอดไฟฟ้าจริงก็ได้เน่ืองจากหาได้ง่าย แต่จะต้องมีจานวนเพียงพอกับความ ต้องการของผเู้ รยี น เน่ืองจากของจริงมีขนาดเล็กเกนิ ไป วตั ถุประสงค์ขอ้ ค. เน่ืองจากมลั ติมเิ ตอร์ของจริงมีขนาดเลก็ ผเู้ รยี นทัง้ ช้ันไม่สามารถมองเหน็ สเกล หรืออ่านค่าได้พร้อม ๆ กัน ควรเพิ่มขนาดมัลติมิเตอร์ให้ใหญ่ขึ้น โดยทาเป็นแผ่นภาพ แผ่นใสหรือจาลองแบบ จากของจริงจะเป็นสื่อท่ีชัดเจนกว่า และผู้สอนสามารถควบคุมช้ันเรียนได้ในเวลาเดียวกัน ส่วนการใช้ มัลติมิเตอร์จริงจะควบคุมการสอนได้ยากในช่วงของการให้เน้ือหาแต่ถ้าเป็นการประลองหรือเป็นแบบฝึกหัด จะเหมาะสมกวา่ แผ่นภาพหรอื แผ่นใส เม่อื พิจารณาได้ลกั ษณะของส่อื จาการวเิ คราะห์เน้ือหาหลกั ของวตั ถปุ ระสงคบ์ ทเรยี นแลว้ ในขั้นตอ่ ไป เป็นการวิเคราะห์ต่อเพ่ือหาประเภทของส่ือหรืออุปกรณ์ช่วยสอนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์นั้นโดยพิจารณา จากคุณสมบัติเฉพาะตวั และความเหมาะสมในการใชป้ ระกอบการสอนของส่ือการเรยี นการสอนแตล่ ะประเภท ดังรายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี
การพัฒนาส่ือการสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๙
การพฒั นาสอื่ การสอนพระพุทธศาสนา ๖๐ ๕.๖ เทคนคิ การใชส้ ื่อสารการเรียนการสอน การใช้สื่อการเรียนการสอน ย่อมจะมีเทคนิคที่แตกต่างกันไปตามเง่ือนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ลกั ษณะและคุณสมบัตขิ องสอ่ื แตล่ ะประเภท กลุ่มผ้เู รยี น ผสู้ อน สถานที่ ความพรอ้ มของอปุ กรณ์และเครือ่ งมือ ประกอบตลอดจนสภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ เป็นต้น แตห่ ลักการสาคญั ทจ่ี ะต้องคานงึ ถงึ อยู่เสมอก็คอื “เง่อื นไข การเรียนรู้” คนิ เตอร์ ได้ให้ข้อเสนอแนะในการใชส้ อ่ื การเรียนการสอนไว้ ดงั ต่อไปนี้ ๑.ไม่มวี ิธกี ารสอนหรือวสั ดปุ ระกอบการสอนชนิดใด ท่ีจะสามารถใช้กับผู้เรียนและบทเรียนท่ัวไปได้วิธี สอนและวัสดปุ ระกอบการสอนแต่ละประเภทยอ่ มมจี ุดมุ่งหมายเฉพาะของมนั เอง ๒. ในบทเรียนหน่ึง ๆ ไม่ควรใช้ส่ือการเรียนการสอนมากเกินไป ควรใช้เพียงแต่เท่าที่จาเป็นเท่านั้นใน บางครงั้ กไ็ ม่ควรใช้สอ่ื อยา่ งเดียวตลอด ๓. ส่ือการเรียนการสอนทใ่ี ชค้ วรจะต้องสอดคล้องกับบทเรยี นและกระบวนการเรียนการสอน ๔. ส่ือการเรียนการสอนควรสร้างให้เกิดโอกาสท่ีผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเตรียมและการใช้อัน กอ่ ใหเ้ กิดประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่ไี ม่ลืมงา่ ย ๕. ก่อนใช้ส่ือการเรียนการสอน ผู้สอนควรทดลองใช้ก่อนเพ่ือความแน่ใจว่าจะใช้ได้ถูกต้อง และมี ประสิทธภิ าพนอกจากนน้ั ยงั ตอ้ งจดั เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือประกอบให้พรอ้ มทกุ อยา่ ง ๕.๗ ลักษณะและแนวทางการใช้ส่ือประเภทต่าง ๆ ๑. กระดานดา (Chalk Boards) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ ขอ้ ความทแี่ สดงส้นั ๆ ภาพทีแ่ สดงเป็นภาพงา่ ยๆ ใช้เวลาเขยี นสน้ั ๆ ไม่มีไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อนื่ ๆ
การพัฒนาส่อื การสอนพระพุทธศาสนา ๖๑ ต้องการเปลี่ยนแปลง แก้ไขภาพหรือขอ้ ความบ่อยๆ ใชก้ บั ผ้เู รยี นจานวนไม่มากนัก ข. กิจกรรมในการเรียนการสอน เหมาะสาหรบั การเรียนการสอนแบบบรรยาย หรอื ถาม-ตอบ สามารถใหผ้ ู้เรยี นรว่ มกจิ กรรมบนกระดานดาได้งา่ ย และพร้อมกนั หลายคนได้ เปลย่ี นแปลงและเพ่ิมเติมรายละเอียดต่าง ๆ ได้งา่ ย ค. ลักษณะทางเทคนคิ ไมต่ ้องใชอ้ ปุ กรณ์อ่ืน ๆ ประกอบ ไม่ต้องใช้ไฟฟา้ เก็บรกั ษาไวไ้ ม่ได้ อายกุ ารใชง้ านส้นั มเี น้อื ที่ในการใช้งานกว้าง ๒. ใบเนื้อหาและใบงาน (Information Sheet and Work Sheets) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ ไมม่ ีตาราหรือหนังสือทีเ่ หมาะสมและสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการโดยตรง เนอื้ หาท่ตี ้องการกระจดั กระจายอยใู่ นตาราหลายเล่ม ตารามีราคาแพงเกนิ ไป และมีเน้อื หาเกินความต้องการ รายละเอยี ดเน้ือหามีมาก หรือมีภาพและวงจรท่ีซับซ้อนเสียเวลานานในการลอกจาก กระดานดา ในการสอนผเู้ รียนจานวนมาก ๆ แบบบรรยายควรมใี บเนื้อหา ใบงานประกอบเพือ่ ให้ทุก คน เรียนได้ทว่ั ถึง ข. กิจกรรมในการเรยี นการสอน เหมาะสาหรบั การเรียนการสอนแบบบรรยาย ถาม-ตอบ แบบเป็นกลมุ่ ย่อย หรอื เรียน ด้วยตนเอง ผเู้ รยี นทุกคนสามารถมีกจิ กรรมพร้อมกนั ในเวลาเดยี วกัน เชน่ อ่านและทาใบงาน สามารถให้ผเู้ รยี นศึกษาและทบทวนบทเรยี นไดด้ ว้ ยตนเอง ขณะทผ่ี ูส้ อนกาลังบรรยายหรือป้อนข้อคาถามระหวา่ ง บทเรียนไม่ควรแจกใบเนื้อหา ให้ผเู้ รียนอ่าน ค. ลักษณะทางเทคนคิ ต้องใชว้ สั ดุอุปกรณใ์ นการสรา้ ง เช่น กระดาษไข กระดาษ เครื่องโรเนยี ว เครื่องถา่ ย เอกสารหรือเคร่ืองพิมพ์คอมพวิ เตอร์ เป็นตน้ ตอ้ งใช้พนกั งานพิมพด์ ดี ช่วย หรอื ผู้สอนต้องพิมพเ์ องในการสรา้ งตน้ ฉบับ สามารถทาสาเนาได้จานวนมากไม่จากัด จัดเกบ็ รักษางา่ ย และสะดวกตอ่ การนาไปใช้คร้งั ต่อไป ๓. แผ่นภาพ (Wall Charts) ก. เหตุผลที่เลือกใช้ ภาพทแี่ สดงยุ่งยากซับซ้อนตอ้ งใชเ้ วลาเขียนมาก ไม่มีไฟฟา้ หรืออุปกรณเ์ ครื่องฉายภาพอนื่ ๆ ในหอ้ งเรียน
การพัฒนาสื่อการสอนพระพทุ ธศาสนา ๖๒ ดึงดดู ความสนใจของผเู้ รียนทั้งชน้ั มาทภ่ี าพได้ ต้องการแสดงให้เห็นทีละข้นั ตอนโดยใช้ภาพแยกสว่ น ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน เหมาะกบั การสอนแบบบรรยาย หรือ ถาม-ตอบ สามารถให้ผ้เู รยี นรว่ มกิจกรรมได้ โดยใช้ดนิ สอสีหรือชอล์คสีเพ่มิ เติมรายละเอียดได้ ใหผ้ เู้ รยี นอธิบายส่วนประกอบตา่ งๆ ของภาพหนา้ ชนั้ เรียนได้ ภาพทุกภาพควรมีรายการคาถามทีด่ ีประกอบ เพ่ือกระตุ้นให้ผูเ้ รยี นมสี ่วนร่วมในการ คิดหาคาตอบ ค. ลักษณะทางเทคนิค ไมต่ ้องใช้อุปกรณเ์ ครือ่ งมือท่ียงุ่ ยากในการสรา้ ง ยกเวน้ ในกรณตี ้องการลอกรปู ภาพ ทซ่ี บั ซอ้ น จากตาราตอ้ งใชเ้ ครอ่ื งขยายภาพ ไมต่ ้องใช้ไฟฟา้ หรอื อปุ กรณใ์ นขณะใชส้ อน การเกบ็ รักษาคอ่ นข้างยุ่งยากเพราะมีขนาดใหญ่ ๔. แผ่นใส (Overhead Transparencies ) ก. เหตุผลทเ่ี ลือกใช้ ภาพท่ีแสดงยงุ่ ยากซบั ซอ้ น เสียเวลาในการเขยี นมาก ต้องการแสดงรปู ภาพทเ่ี ป็นข้นั ตอน โดยใชภ้ าพซอ้ น (Over Lay) ตอ้ งการขยายภาพให้มขี นาดใหญ่หรือเลก็ ได้ตามต้องการ ต้องการใชภ้ าพซ้อนทสี่ ามารถเลอื่ นหรือเคลื่อนทไี่ ด้ สามารถควบคุมชั้นเรียนได้ดใี นขณะสอน ข. กิจกรรมในการเรียนการสอน เหมาะกับการสอนแบบบรรยาย หรอื ถาม-ตอบ ผูเ้ รยี นสามารถรว่ มกิจกรรมโดยเขยี นลงบนแผน่ ใสได้ ผูเ้ รยี นสามารถอธิบายรายละเอียดต่างๆ ของภาพหนา้ ช้ันเรียนได้ การเตรยี มภาพแผ่นเด่ียวหรอื ภาพซ้อน ควรมรี ายการคาถามประกอบภาพที่เหมาะสม เป็นขนั้ ตอน ค. ลักษณะทางเทคนิค สามารถสร้างขึ้นเองได้งา่ ย ๆ โดยใชป้ ากกาเขยี นแผ่นใส (ปจั จุบนั สามารถลอกภาพ ท่ีซับซอ้ นจากตน้ ฉบบั โดยใช้เครือ่ งถ่ายเอกสาร หรอื เคร่ืองสแกนเนอร์) ฉายภาพในห้องสว่างได้ ไม่จาเป็นต้องใช้ในห้องมดื การเกบ็ รักษาง่ายและเคลื่อนย้ายสะดวก ตอ้ งใช้ไฟฟา้ และเครื่องฉายภาพโปรง่ ใส (Overhead Projector) ๕. โมเดลพลาสตกิ (Overhead Plastic Models) ก. เหตผุ ลทเ่ี ลือกใช้ แสดงหลกั การทางานของชน้ิ ส่วนท่เี คลอื่ นไหวได้ แสดงสว่ นประกอบหลกั ท่ีไม่ยงุ่ ยากนัก สามารถควบคุมช้นั เรยี นไดด้ ีขณะสอน ชว่ ยกระตนุ้ ใหผ้ ู้เรยี นมีกิจกรรมร่วม
การพัฒนาสอ่ื การสอนพระพุทธศาสนา ๖๓ ข. กจิ กรรมในการเรยี นการสอน เหมาะกบั การสอนแบบบรรยาย และถาม-ตอบ สามารถใหผ้ เู้ รยี นรว่ มกจิ กรรมได้โดยการอธิบายประกอบการเคล่อื นไหวช้นิ ส่วนต่าง ๆ ข้ันตอนการเคลื่อนทขี่ องช้ินสว่ นตา่ งๆ ผู้สอนสามารถเตรียมคาถามไว้ถามเป็นข้ันตอนได้ ค. ลักษณะทางเทคนคิ สามารถสร้างไดง้ า่ ย ราคาไมแ่ พง สามารถฉายในหอ้ งทส่ี ว่างได้ ไมจ่ าเป็นตอ้ งใชห้ ้องมืด ชน้ิ สว่ นตา่ ง ๆ มขี นาดพอเหมาะ และนา้ หนกั เบา การเก็บรักษาและทาความสะอาดง่าย สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก ๖. ภาพสไลด์ และแผน่ ภาพยนต์ (Slide Series and Filmstrips) ก. เหตุผลทีเ่ ลือกใช้ แสดงภาพที่ยุ่งยากซบั ซ้อนมากหรอื ภาพถา่ ยของจริง ดงึ ดดู ความสนใจของผูเ้ รียนมารวมทีภ่ าพได้ สามารถย่อภาพให้เล็กหรือขยายใหญ่ตามขนาดของกล่มุ ผเู้ รียนได้ ต้องการแสดงภาพประกอบเสียงในกรณีทตี่ ้องการให้ผเู้ รยี นเรียนด้วยตนเอง โดยใช้ ภาพสไลด์ ชดุ ประกอบเทป ( Slide-tape Program) ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน ภาพสไลด์เดย่ี วสามารถสอนไดโ้ ดยวิธกี ารบรรยาย หรือถาม-ตอบ สว่ นสไลดช์ ดุ ประกอบ เทป สามารถเรยี นไดด้ ว้ ยตนเอง ผเู้ รยี นรว่ มกิจกรรมได้โดยการตอบคาถามจากผู้สอนเมื่อสอนดว้ ยภาพสไลดเ์ ด่ยี ว ผู้เรยี นสมารถอธิบายรายละเอยี ดจากภาพหนา้ ชนั้ เรยี นได้ การใช้ภาพสไลด์เด่ียวผู้สอนควรเตรยี มรายการคาถามประกอบภาพ ไว้เปน็ ข้ันตอน จะดีกว่า การสอนแบบบรรยายจากภาพโดยตรง ค. ลกั ษณะทางเทคนคิ สามารถทาขนึ้ ใช้เองได้ง่าย โดยใชก้ ล้องถา่ ยรปู ธรรมดา กระบวนการล้างฟิลม์ ทาได้งา่ ยสะดวกโดยรา้ นถ่ายรูปถ่ัวไป การเก็บรักษาภาพงา่ ย และสะดวกเพราะมีขนาดเล็ก เคร่อื งฉายภาพสไลดช์ นดิ ไฟแรงสงู สามารถฉายไดใ้ นมุมมืดของหอ้ ง โดยไม่ต้องฉาย ในหอ้ งมดื สามารถใชร้ ว่ มกบั เทปเป็นชุดสไลด์ประกอบเสียง สามารถถา่ ยสาเนาเป็นหลาย ๆ ชดุ ได้สะดวก ๗. แถบวิดที ัศน์ และแผน่ วดิ ีทัศน์ (Videotape Recording and Videodiscs) ก. เหตุผลทเ่ี ลือกใช้ อธิบายโดยภาพเคลื่อนไหวหรอื การเคล่ือนที่อยา่ งต่อเน่ือง ดึงดดู ความสนใจของผู้เรยี นไดเ้ ปน็ อย่างดี สามารถยอ้ นกลบั ไปเริ่มเนื้อหาเดิมไดต้ ลอดเวลา สามารถย่อหรือขยายภาพไดต้ ามขนาดตามความเหมาะสมของผเู้ รยี น
การพัฒนาสื่อการสอนพระพุทธศาสนา ๖๔ สามารถใชภ้ าพนง่ิ หรือภาพเคลื่อนไหวรว่ มกนั ได้ มีเสียงบรรยายทส่ี มั พันธ์กับภาพจรงิ เคล่ือนไหวหรือภาพเคลื่อนไหวด้วยเทคนิคพิเศษ สามารถเลอื กกรอบเฉพาะเจาะจงไดบ้ นแผน่ วดิ ีทศั น์ ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน สามารถใชก้ บั การเรียนการสอนได้หลากหลายวธิ ี รวมถึงการเรยี นดว้ ยตนเอง ผเู้ รียนรว่ มกจิ กรรมได้ระหวา่ งบทเรียนโดยการตอบคาถามหรือทากิจกรรมกลุม่ ค. ลกั ษณะทางเทคนิค สามารถจัดทาใชไ้ ด้ดว้ ยตนเองโดยใช้เคร่ืองมืออปุ กรณ์ท่ไี ม่ยุง่ ยาก ต้องใช้ประกอบกับเครอ่ื งเล่นและเครือ่ งฉาย ไม่จาเปน็ ต้องฉายในหอ้ งมืด ต้องพัฒนาให้ทนั กับระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศทที่ นั สมัย สามารถใช้ร่วมกบั เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ ผลิตตน้ ฉบับราคาสงู สะดวกในการสาเนาหลาย ๆ ชดุ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว งา่ ยและสะดวกต่อการบารุงรกั ษา จดั เก็บและเคลื่อนยา้ ย ๘. หุน่ จาลอง (Models) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ สามารถมองเหน็ ได้ ๓ มิติ เข้าใจงา่ ย สาธิตการทางานของอุปกรณ์ ช้ินส่วนหรอื กลไกทีย่ ุ่งยากให้เขา้ ใจได้ง่ายและรวดเร็วข้ึน สาธติ การทางานที่เคล่ือนไหวรวดเรว็ ใหช้ า้ ลง ตรวจปรับความเข้าใจของผเู้ รยี นระหวา่ งภาพกับของจริง โดยเฉพาะวชิ าเขยี นแบบ เทคนคิ ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน เหมาะกบั การสอนแบบรรยาย และถาม-ตอบ สงั เกตการสาธิตของผสู้ อนและตอบคาถาม ผู้สอนและผ้เู รียนรว่ มกนั ปฏิบัติขณะสาธติ อภิปรายปญั หาร่วมกนั ค. ลักษณะทางเทคนคิ มรี ปู ทรงเปน็ ๓ มติ ิ คลา้ ยของจริง สรา้ งได้เองในสถานศกึ ษา มีขนาดเหมาะ น้าหนกั เบา จัดเก็บและเคลือ่ นยา้ ยสะดวก ใช้วสั ดทุ หี่ าได้งา่ ยในทอ้ งถ่ินและราคาถกู ๙. ชุดทดลอง/สาธติ (Experimental/Demonstration Sets)หรอื ชุดฝึกปฏิบตั ิ ก. เหตผุ ลท่ีเลือกใช้ ตอ้ งการพสิ ูจน์ข้อเท็จจรงิ ทาให้ผู้เรียนหรือผู้รบั การฝึกไดเ้ หน็ ปรากฏการณ์จากการทดลองปฏบิ ัติจรงิ ตอ้ งการแสดงกระบวนการหรือข้นั ตอนตา่ ง ๆ ของผลลัพธท์ ่ีตอ้ งการ กระตุน้ ความสนใจของผ้เู รียนหรือผ้รู บั การฝกึ ได้ดี
การพฒั นาสื่อการสอนพระพทุ ธศาสนา ๖๕ ผู้เรียนหรือผู้รบั การฝึกสามารถเรียนรู้เปน็ รายบคุ คล เป็นกลุ่มหรือรว่ มกับผสู้ อนได้ ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน สามารถใช้กบั การสอนหรือการฝึกไดห้ ลายวิธี ผูส้ อนหรือผู้ฝึกเตรยี มเครื่องมืออุปกรณ์ และวสั ดตุ ่าง ๆ ทีต่ ้องใช้สาหรบั การทดลอง หรือสาธติ ผสู้ อนหรือผฝู้ กึ ใหค้ าปรึกษาแนะนาระหว่างบทเรยี นหรอื การฝึกได้ตลอดเวลา ผ้เู รยี นหรือผูร้ บั การฝกึ มีกิจกรรมรว่ มระหวา่ งบทเรียนหรือการฝกึ ค. ลกั ษณะทางเทคนคิ ต้องใช้เวลาในการเตรียมการคอ่ นข้างมาก มขี นาดใหญ่ นา้ หนกั ค่อนขา้ งมาก และเคลือ่ นยา้ ยไม่สะดวก อปุ กรณ์ประกอบมีราคาแพง ต้องการสถานท่ีในการจัดเกบ็ และบารุงรักษา ๑๐. ของจริง (Real Objects) ก. เหตผุ ลทเ่ี ลือกใช้ ไมส่ ามารถใชส้ อ่ื ชนิดอ่นื ๆ ได้ดีเทา่ ของจรงิ สามารถหาได้งา่ ย หรอื ยืมมาไดจ้ ากโรงฝึกงาน ของจรงิ สามารถแสดงรายละเอยี ดและวัตถุประสงค์ท่ีต้องการได้ ของจรงิ มนี า้ หนกั และขนาดพอเหมาะท่ีจะนามาใช้ประกอบการสอนในช้ันเรียนได้ ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน เหมาะกบั การสอนแบบบรรยาย สาธิต หรือถาม-ตอบ ผ้เู รียนสามารถรว่ มกิจกรรมโดยอธบิ ายหรือสาธิตจากของจรงิ น้นั ได้โดยตรง จบั ตอ้ ง สังเกต ศกึ ษาได้ด้วยตนเอง หรือเป็นกลมุ่ ย่อย โดยใชใ้ บงานประกอบ ค. ลกั ษณะทางเทคนคิ สว่ นใหญไ่ ดม้ าจากโรงฝกึ งาน หรอื หอ้ งประลองเพ่ือนามาประกอบการสอนทางดา้ น ทฤษฎี ภายในหอ้ งเรยี น ขนาด นา้ หนกั คอื ขอ้ จากัดในการนามาใช้ ต้องการการจาแนกความแตกต่างของช้นิ ส่วน โดยใชส้ หี รอื สัญลกั ษณ์ ตอ้ งการส่ือประเภทอ่ืนชว่ ย ในกรณที ่ีไม่สามารถเห็นการทางานทีย่ งุ่ ยาก ซบั ซ้อน หรอื มขี นาดเลก็ เกินไป ๕.๘ แนวทางการเก็บรกั ษาส่อื การเรยี นการสอน การเก็บรักษาส่ือเป็นสิ่งสาคัญประการหน่ึงในเรื่องการใช้ ผู้สอนหรือสถานศึกษาหลายแห่งอาจจะ มองข้ามความสาคัญในเร่ืองนี้ไป ถ้าหากมีสื่อการสอนต่าง ๆ ไม่มากนักก็อาจจะไม่จาเป็นแต่ต้องมีมากข้ึนก็จา เป็นต้องมหี นว่ ยจดั เก็บ บรกิ ารเบกิ ยืมส่อื การเรียนการสอน ประโยชน์ทจ่ี ะตอ้ งได้นอกจากสะดวกแก่การเบิกยืม ยังช่วยในการพฒั นาสือ่ การเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง ในระบบใหญ่สามารถจะนาเคร่ืองคอมพิวเตอร์มาใช้ใน การจดั การด้านนกี้ ารจัดการใหเ้ กิดระบบในการเกบ็ รักษาสื่อ จะตอ้ งกาหนดส่งิ เหลา่ นีใ้ ห้แนน่ นอนเสียกอ่ น
การพัฒนาส่ือการสอนพระพทุ ธศาสนา ๖๖ ๑. เลขหมายรหสั ของสื่อ ส่ือการเรียนการสอนแต่ละประเภทแตล่ ะช้นิ จะตอ้ งใหเ้ ลขหมายรหัส ถา้ หากเป็นประเภทเดียวกัน แตม่ ีหลายช้ิน เช่น ใบงาน ใบเน้อื หา สไลด์ ควรจะให้เพยี งเลขหมายเดียว เลขหมายท่ีให้นี้ จะทาหน้าทแ่ี ทนชื่อ ของสื่อการเรียนการสอนนั้น ๆ เลขหมายจะเป็นเลขก่ีหลัก ข้ึนอยู่กับจานวนท่ีคาดการณ์ว่าจะมีได้ไม่ควรจะให้ เลขหมายรหัสของส่อื ทาหน้าทแ่ี ทนเลขหมายการจดั จาแนกดว้ ย เพราะจะไดต้ ัวเลขท่ียาวมากอย่างไรก็ตามเลข หมายรหัสสามารถจะจัดแบ่งใช้เป็นช่วงๆ เชิงการจาแนกที่จะสะดวกต่อการค้นหาใช้งาน เช่น แบ่งเป็นช่วง ๆ เพ่ือจาแนกสาขาวิชา สื่อการเรียนการสอน แต่ละประเภทจะต้องกาหนดบริเวณท่ีติดตามเลขหมายเลขรหัสท่ี แนน่ อนเหมือน ๆ กัน ๒. เลขหมายการจัดจาแนก เป็นเลขหมายทก่ี าหนดข้ึน เพอื่ กากับคู่กับเลขหมายรหัสของสื่อ สาหรับใช้ในการจาแนกและค้นหาสื่อ จานวนตัวเลขจะข้ึนอยู่กับขอบเขตของการจาแนก และจะเรียงกันไปตามลาดับความสาคัญในการจาแนก ความสะดวกในการค้นหาเพอ่ื นาไปใช้งาน เช่น จาแนกสาขา หัวเรอ่ื ง ประเภทสอื่ เป็นตน้ ๓. สถานที่ อุปกรณ์ สาหรับเก็บสื่อ สถานที่ อุปกรณ์ ได้แก่ ห้อง ตู้ ช้ัน ของ กล่อง อุปกรณ์สาหรับแขวน ยึด เป็นต้น ต้องจัดเตรียมให้ เหมาะสม กับสอ่ื การเรยี นการสอนแตล่ ะประเภท และจัดเตรียมเลขหมายตู้ชั้นไว้ด้วยนอกจากการจัดเตรียมสิ่ง ท้ังสามประการแล้ว ควรจะจัดเตรียมเอกสารที่จาเป็นต้องใช้ในการทางาน ด้วย เช่น ใบทะเบียน เพ่ือรวยรวม รายละเอียดต่าง ๆ ของสื่อแต่ละชิ้น เช่น เลขหมายรหัสชื่อสื่อ การจัดจาแนกตู้ชั้นที่จัดเก็บ แหล่งท่ีมาได้มา อยา่ งไรข้อมลู ดา้ นเทคนคิ (ขนาด จานวน น้าหนัก เป็นต้น) ราคาเลขหมายรหัสสื่อท่ีต้องใช้ประกอบเอกสารอีก ประการหน่ึง คือ บัญชีส่ือ เพ่ือตรวจสอบการออกเลขหมายรหัสสื่อ นอกจากนั้นก็ต้องจัดเตรียมใบเบิกยืมส่ือ กาหนด ระเบียบขั้นตอนการเบิกยืม เอกสารความรู้เกี่ยวกับการจัดแบบเก็บรักษาส่ือเพ่ือให้ผู้ท่ีจะมาทาหน้าท่ี ในเร่อื งนไ้ี ด้เข้าใจระบบงานและการพัฒนาระบบต่อไปในอนาคต ๕.๙ เง่ือนไขเกยี่ วกบั การสร้างสอ่ื การเรยี นการสอน สื่อการเรียนการสอนท่ีมีอยู่ในสถานศึกษาอาจกล่าวได้มาจาก ๒ แหล่ง คือ มาจากแหล่งภายนอก ได้แก่ การจัดซื้อหรือการบริจาค และอีกแหล่งมาจากการทาขึ้นเอง โดยผู้สอนหรือผู้เรียนภายในสถานศึกษา การจัดให้มีสื่อสารการเรียนการสอนน้ัน อาจกล่าวได้ว่าข้ึนอยู่กับเง่ือนไขต่าง ๆ ในสถานศึกษา เช่น นโยบาย งบประมาณ วัสดุ เทคโนโลยี ความรู้ประสบการณใ์ นการสรา้ ง ความรปู้ ระสบการณ์ตลอดจนทัศนคติของผู้สอน และเง่อื นไขเกีย่ วกับผู้เรียนเง่อื นไขต่าง ๆ พอจะสรุปในรายละเอยี ดได้ดังน้ี ๑. เงอ่ื นไขจากสถานศกึ ษา ๑.๑ สถานภาพของการศึกษา ไดแ้ ก่ ขนาดของสถานศึกษา งบประมาณ ความพร้อมและ ความสะดวกในเรอ่ื งวัสดุ อปุ กรณเ์ คร่ืองมือและเครื่องจักรต่าง ๆ ๑.๒ การบริหารงาน ผบู้ ริหารได้เน้น หรือให้ความสาคญั ในเรือ่ งสื่อการเรียนการสอน หรอื ไม่เพียงใด ๑.๓ ลักษณะการเรยี นการสอน เช่น หลักสตู รการศึกษา แผนการสอน ระดับชัน้ และ สาขาการศึกษา ๒. เงื่อนไขจากตัวผูส้ อน ๒.๑ พื้นฐานความรู้และประสบการณ์ของผ้สู อนแตล่ ะคนจะแตกตา่ งกัน ประสบการณ์ใน
การพัฒนาสื่อการสอนพระพทุ ธศาสนา ๖๗ การสอน และความเชย่ี วชาญในเน้ือหาวิชา ทาให้เอือ้ อานวยต่อการสร้างและใชส้ ื่อการเรยี นการสอนได้ดีกว่า ๒.๒ ประสบการณ์ในการทาสื่อการเรยี นการสอน ผู้ทเ่ี คยทาการออกแบบสรา้ งสอื่ การเรียน การสอน จะสามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง และเข้าใจปัญหาต่าง ๆ ระหวา่ งดาเนนิ งาน ๒.๓ ทัศนคติในการใช้ เชน่ ความกลา้ ความกระตือรือร้นท่ีจะใช้ส่ือ ตลอดจนการใฝ่หาความรู้ ในดา้ นนอี้ ยู่เสมอ ๓. เง่ือนไขจากกิจกรรมในบทเรียน ๓.๑ การวางแผนบทเรยี น จะเป็นตัวกาหนดคณุ ลักษณะและแผนการในการสร้างสื่อ ๓.๒ วธิ ีการเรียนการสอนแตล่ ะช่วงของบทเรียนซ่ึงผสู้ อนได้กาหนดกจิ กรรมจะเป็นตัวกาหนด ลักษณะของสือ่ การเรยี นการสอน ๓.๓ ความพร้อม ความสะดวกในช้นั เรยี น เช่น ปลั๊กไฟ การทาใหห้ ้องมืดเพ่ือฉายสไลด์ ตาแหน่งทจี่ ะวางจอความสะดวกในการขนย้ายเคร่ือง OHP เปน็ ต้น ๓.๔ ประสบการณ์และความกลา้ ในการมีสว่ นรว่ มที่จะใช้ส่ือของผู้เรยี น เปน็ ปจั จยั อยา่ งหนึ่ง ท่จี ะทาให้ส่อื น้ันมีคุณค่า สาหรับการเรยี นการสอน ผู้สอนต้องทาใหผ้ ู้เรยี นมกี จิ กรรมร่วมในการใชส้ ื่อการเรียน การสอนเสมอ จากเง่ือนไขต่างๆ ท่ีได้กลา่ วมานนั้ เงื่อนไขใดท่ีจาเปน็ ตอ้ งจัดเตรยี มหรอื ทาให้เกิดขน้ึ ก็จะต้องดาเนิน การเงือ่ นไขใดที่จะเป็นอุปสรรค์กต็ ้องแก้ไขหรือทาให้หมดไป อยา่ งไรก็ตามโดยปกตบิ คุ คลสาคัญท่ีจะผลกั ดนั ให้ มีส่ือการเรียนการสอนใช้ในสถานศึกษา กค็ ือ ผู้บรหิ ารและผสู้ อน ผูบ้ ริหารจะต้องมีนโยบายให้ความสนบั สนนุ ตา่ ง ๆ ผสู้ อนจะต้องมุง่ มน่ั ดาเนนิ การพยายาม ศึกษาหาความรูท้ างดา้ นน้ี และจัดให้มีการสร้างขึ้นใชเ้ อง ใน สถานศึกษา โดยระดมทรพั ยากรต่าง ๆ กาลังงานของผเู้ รียน วัสดุ เครื่องมอื เคร่ืองจักรและแผนเวลา งานฝึก ปฏิบัติของผ้เู รียน สามารถจะใชเ้ พ่ือทาส่อื การเรียนการสอนได้ สง่ิ สาคญั จะตอ้ งจดั การด้วยกค็ ือ ระบบของแบบ งานและการเกบ็ รักษา สรปุ ทา้ ยบท ในระบบการเรียนการสอนส่ือการเรยี นการสอนนับว่าเป็นปัจจยั สาคัญประการหน่ึงท่ีจะทาให้การเรียน การสอนดาเนินไปไดจ้ นบรรลผุ ลสาเร็จตามเป้าหมายอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ สอื่ การเรียนการสอนมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีคุณลักษณะหรือคุณสมบัติต่างกันไป ผู้สอนที่ตระหนักในคุณค่าของส่ือจะต้องศึกษาให้เข้าใจ ถงึ เง่ือนไขการเลือกใช้ และใช้งานได้อย่างถูกต้อง เง่ือนไขที่เก่ียวข้องกับการตัดสินใจเลือกใช้สื่อ ได้แก่ เงื่อนไข ที่เกี่ยวกับเนื้อหาวิชา ตัวผู้เรียน วิธีการสอนความพร้อมทางด้านอ่ืน ๆ นอกจากนั้นก็ต้องคานึงถึงคุณสมบัติ เฉพาะตัวของส่ือแต่ละประเภท และแม้แต่เง่ือนไขท่ี เกี่ยวกับตัวผู้สอนด้วยเม่ือมีความรู้ประสบการณ์เก่ียวกับ ส่ือการเรียนการสอน สามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง ก็มีความพร้อมที่ผู้สอนจะสามารถทาส่ือข้ึนใช้เอง แต่โดยมากมักจะประสบกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในสถานศึกษา ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เหล่าน้ัน กค็ วรจะแก้ไขให้หมดไป
การพฒั นาส่อื การสอนพระพุทธศาสนา ๖๘ เอกสารอา้ งอิงประจาบท ชม ภูมิภาค. เทคโนโลยีทางการเรยี นและศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานพิมพ์ประสานมติ ร. ณรงค์ สมพงษ.์ (๒๕๓๐). สอื่ เพ่อื งานสง่ เสริมเผยแพร่. กรงุ เทพมหานคร : งานการพิมพ์ฝ่ายสอ่ื การศึกษา สานกั สง่ เสริมและฝึกอบรม มหาวทิ าลัยเกษตรศาสตร์. พสิ ิฐ เมธาภัทร และธีระพล เมธีกลุ (๒๕๓๑).ยุทธวธิ กี ารเรยี นการสอนวชิ าเทคนิค. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พส์ ถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ลดั ดา ศขุ ปรดี ี. (๒๕๒๓). เทคโนโลยีการเรียนการสอน. กรงุ เทพมหานคร: สานกั พิมพ์โอเดียนสโตร์. มนตช์ ัย เทยี นทอง. (๒๕๓๐).อปุ กรณช์ ่วยสอน. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื . .กา้ วไกล วารสารพัฒนาเทคนิคการศกึ ษาปีท่ี ๑๖ ฉบับที่ ๔๘ ตลุ าคม-ธนั วาคม ๒๕๔๖. วัลลภ จนั ทร์ตระกูล การเลือก-ใช้ –สรา้ งส่ือการสอน. เอกสารอดั โรเนียว สานกั พฒั นาเทคนิคศกึ ษา สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ. มปป. วสิ ทุ ธิ์ วิวัฒน์วิศวกร. (๒๕๓๒). ส่ือการเรยี นการสอน เอกสารประกอบการบรรยาย. สานักพัฒนาเทคนคิ ศกึ ษา สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ, (อดั สาเนา) Jerrolde.Kemp, Don C.Smellie.Planning, Producing, and Using Instructional Media. ๖thed. NewYork : Harper&Row, Publishers,1989.
การพัฒนาสอ่ื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๓ บทท่ี ๕ สอ่ื การเรียนการสอน วตั ถุประสงค์การเรียนประจาบท เม่อื ไดศ้ ึกษาเนอ้ื หาในบทน้แี ลว้ ผู้ศกึ ษาสามารถ ๑. ระบุความหมายและความสาคัญของสอ่ื การเรยี นการสอนได้ ๒. ระบปุ ระเภทและการเลือกสอื่ การเรยี นการสอนได้ ๓. เลือกเทคนิคการใช้สือ่ และลักษณะและแนวทางการใช้สือ่ ต่างๆได้ ๔. วเิ คราะห์แนวทางการเกบ็ รกั ษาสื่อการเรียนการสอนได้ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา ความหมายและความสาคัญของส่ือการเรียนการสอน ประเภทและการเลือกสือ่ การเรียนการสอน เทคนิคการใช้สื่อและลกั ษณะและแนวทางการใชส้ ื่อต่างๆ แนวทางการเกบ็ รักษาสื่อการเรียนการสอนได้
การพัฒนาส่อื การสอนพระพุทธศาสนา ๕๔ ๕.๑ ความนา สอื่ การสอนเป็นตวั กลางที่จะนาเนื้อหาสาระและประสบการณ์ต่างๆ จากผู้สอนไปสู่ผู้เรียน เป็นสิ่งที่จะ ชว่ ยใหเ้ กดิ การเรียนรไู้ ด้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในความหมายของสิ่งที่เรียนได้อย่าง ชัดเจนตรงตามทีผ่ สู้ อนตอ้ งการ ชว่ ยลดระยะเวลาในการเรียน และเอ้ืออานวยความสะดวกในการเรียนรู้ ท้ังยัง ช่วยสร้างบรรยากาศท่ีดีในการเรียนรู้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สื่อการสอนก็มีหลายประเภท ส่ือการสอนแต่ละ ประเภทต่างก็มีลักษณะเฉพาะและคุณค่าในตัวของตัวมันเอง ซ่ึงไม่เหมือนกันในการใช้ส่ือการสอนนั้น ผู้สอน จาเป็นต้องศึกษาถึงลักษณะเฉพาะ และคุณสมบัติของสื่อแต่ละชนิดเพ่ือที่จะเลือกใช้ส่ือการสอน ให้เหมาะสม กับลักษณะเนื้อหาของบทเรียน วัตถุประสงค์ และผู้เรียน นอกจากน้ันผู้สอนยังต้องมีการวางแผนอย่างเป็น ระบบในการใช้สื่อการสอน เพื่อให้ กระบวนการเรียนการสอนดาเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลการ เรียนรู้ได้มากที่สุด กระบวนการเรียนการสอนมีลักษณะเช่นเดียวกับกระบวนการสื่อสาร (Communication Process) ที่มีการถ่ายทอดเนื้อหาสาระจากฝ่ายส่งไปยังฝ่ายรับ และการสื่อสารท่ีดีนั้นควรจะเป็นการส่ือสาร แบบสองทาง (Two-way Communication) ซ่ึงจาเป็นต้องอาศัยส่ือที่ช่วยให้เกิดการสื่อสารกันได้ใน ๒ ทิศทางด้วย เช่น โทรศัพท์ E-mail การประชุม การอภิปรายและการบรรยาย เป็นต้น แต่ถ้าสื่อที่ใช้ ในการติดต่อส่ือสารกัน ไม่อานวยให้โต้ตอบกันได้ ก็จะเกิดการติดต่อส่ือสารในลักษณะที่เรียกว่าการ ส่ือสาร แบบทางเดียว(One-way communication) ซึ่งสื่อที่ใช้ในการติดต่อกันได้แก่หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ โปสเตอร์ วิทยุ โทรทัศน์ และการบรรยายเปน็ ตน้ ในกระบวนการเรียนการสอนระดับอดุ มศึกษา เราใช้การตดิ ต่อสอ่ื สารทัง้ ๒ ลักษณะดงั กลา่ วควบคู่ กนั ไป ขึ้นอย่กู ับจุดประสงค์การสอน เนอ้ื หาและวธิ ีการสอนในแต่ละครั้ง อยา่ งไรกต็ ามการเรียนการสอนท่ีช่วย ส่งเสริมใหผ้ ู้เรียน ได้รบั ความรู้และประสบการณ์ ในสาขาวชิ าทเ่ี รยี นได้อย่างมปี ระสิทธิภาพน้ัน ควรจะมี ลกั ษณะทีเ่ ป็นการสื่อสารแบบสองทาง ดงั นี้ ผสู้ อน สอื่ การเรียนการสอน ผู้เรียน จะเห็นไดว้ ่าทั้งกระบวนการสื่อสารและกระบวนการเรยี นการสอน จาเป็นต้องอาศัยส่ือในการถ่ายทอด หรือติดต่อกันระหว่างบุคคล ถ้าขาดส่ือแล้ว การติดต่อกันหรือการเรียนการสอนไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย สื่อนับเป็นส่ิงท่ีมีบทบาทสาคัญอย่างมาก ในการสอนต้ังแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเนื่องจากเป็นตัวกลางที่ช่วยให้ การส่ือสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของเนื้อหา บทเรยี นให้ตรงกับผู้สอนต้องการ ไม่ว่าสื่อนั้นจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตามล้วนแต่เป็นทรัพยากรที่ สามารถอานวย ความสะดวกในการเรยี นรไู้ ด้ท้งั สนิ้
การพัฒนาส่ือการสอนพระพุทธศาสนา ๕๕ ๕.๒ ความหมาย ส่ือการสอน (Instruction Media) หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ หรือวิธีการใด ๆ ก็ตามท่ีเป็นตัวกลางหรือ พาหะในการถา่ ยทอดความรู้ ทัศนคติทักษะและประสบการณ์ไปสู่ผู้เรียน สื่อการสอนแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติ พิเศษและมีคุณค่าในตัวของมันเองในการเก็บและแสดงความหมายที่เหมาะสมกับเน้ือหาและเทคนิควิธีการใช้ อย่างมรี ะบบ๑ สื่อการสอน (Instruction Media) หมายถึง ตัวกลางที่ใช้ถ่ายทอดหรือนาความรู้ในลักษณะต่าง ๆ จากผู้ส่งไปยังผู้รับให้เข้าใจ ความหมายได้ตรงกัน ในการเรียนการสอน สื่อท่ีใช้เป็นตัวกลางนาความรู้ใน กระบวนการส่ือความหมายระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนเรียกว่าส่ือการเรียนการสอน (Instruction Media) เกอร์ลัช และอีลี (Gerlach and Ely) กล่าวว่า \"ส่ือการสอน\" หมายถึง บุคคล วัสดุหรือเหตุการณ์ ต่าง ๆ ซึ่งทาให้นักเรียนได้รับความรู้ ทักษะ ทัศนคติ ครู หนังสือ และสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนจัดเป็นสื่อการ สอนท้ังสิ้น กิดานันท์ มลิทอง กล่าวว่า \"ส่ือการสอน\" หมายถึง ตัวกลางท่ีช่วยนา และถ่ายทอดข้อมูลความรู้จาก ครูผู้สอน หรือจากแหล่งความรู้ไปยังผู้เรียนเพ่ือให้ผู้เรียนสามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์การเรียนที่ต้ังไว้ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ให้ ความหมายของ \"ส่ือการสอน\" ว่า คือวัสดุ (ส้ินเปลือง) อุปกรณ์ (เครื่องมือที่ใช้ ไม่ผุพังง่าย) วิธีการ (กิจกรรม เกม การทดลอง ฯลฯ) ที่ใช้ส่ือกลางให้ผู้สอนสามารถส่ง หรือถ่ายทอดความรู้ เจตคติ (อารมณ์ ความรู้สึก ความสนใจ ทัศนคติ และค่านิยม) และ ทักษะไปยังผู้เรียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไชยยศ เรืองสวุ รรณ กล่าวว่า \"สื่อการสอน\" หมายถึง ส่ิงท่ีช่วยให้การเรียนรู้ ซ่ึงครูและนักเรียนเป็น ผ้ใู ช้เพ่ือให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิง่ ขึ้น เปร่ือง กุมุท กล่าวว่า \"ส่ือการสอน\" หมายถึง สิ่งต่างๆ ท่ีใช้เป็นเคร่ืองมือ หรือ ช่องทางสาหรับทา ให้การสอน สง่ ไปถึงผู้เรยี น ทาให้ผเู้ รยี นสามารถเกิดการเรยี นรูต้ ามวตั ถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายที่ผู้สอนวาดไว้ ได้เปน็ อยา่ งดี ไฮนิช (Heinich) และคณะ ได้ให้ความหมายของส่ือการสอนไว้ว่า \"ส่ือการสอน\" หมายถึงสื่อหรือ ตัวกลางชนิดใดกต็ าม ไมว่ ่าจะเปน็ เทปบนั ทึกเสยี ง สไลด์ วิทยุ โทรทัศน์ วดิ โี อแผนภูมิ ภาพน่ิง เป็นต้น ซึ่งบรรจุ เนอ้ื หาข้อความเกีย่ วกบั การเรียนการสอน ดงั น้ันจงึ พอสรปุ ไดว้ ่า\"ส่ือการสอน\"หมายถึงตวั กลางหรือช่องทางที่บรรจเุ นือ้ หาสาระหรือส่งิ ท่ผี สู้ อน ตอ้ งการถ่ายทอดไปยังผู้เรียน ชว่ ยทาให้ผูเ้ รยี นเกดิ การ เรียนรู้ตามวัตถปุ ระสงค์ทวี่ างไว้ ๕.๓ ความสาคญั ข้อพิจารณาในการตอบคาถามว่า ทาไมจงึ ตอ้ งใช้ส่ือเพื่อชว่ ยในการเรยี นการสอน มอี ยู่หลาย ประการดังน้ี ๑. ช่วยให้คณุ ภาพการเรยี นรู้ดีขึน้ เพราะมคี วามจรงิ จงั และมคี วามหมายชัดเจนต่อผเู้ รียน ๒. ช่วยให้ผ้เู รียนไดเ้ รียนรู้ในปริมาณมากขึน้ ในเวลาทก่ี าหนดไวจ้ านวนหนง่ึ ๓. ช่วยใหผ้ เู้ รยี นสนใจ และมีส่วนร่วมอย่างแขง็ ขันในกระบวนการเรยี นการสอน ๑ หน่วยการเรียนท่ี ๒ เรอื่ งส่อื การสอน. [ออนไลน]์ เขา้ ถงึ ได้จาก http://reg.ksu.ac.th/teacher/sudatip/Elearning_files/data๒.html. สบื คน้ เมอื่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
การพฒั นาสอ่ื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๖ ๔. ช่วยใหผ้ ้เู รียนจา ประทบั ความรู้สกึ ได้รวดเรว็ และดีขน้ึ ๕. ชว่ ยสง่ เสริมการคิดและการแก้ปญั หาในกระบวนการเรยี นการสอน ๖. ช่วยใหส้ ามารถเรยี นรูใ้ นส่ิงท่เี รียนไดล้ าบาก เพราะ ๖.๑ ทาสง่ิ ที่ซับซ้อนใหง้ ่ายขึน้ ๖.๒ ทานามธรรมใหเ้ ป็นรปู ธรรมขน้ึ ๖.๓ ทาสง่ิ ที่เคล่ือนไหวหรือเปลีย่ นแปลงช้าให้ดูเร็วขึน้ ๖.๔ ทาสิง่ ทเ่ี คล่ือนไหวหรอื เปล่ยี นแปลงเรว็ ใหด้ ชู า้ ลง ๖.๕ ทาส่งิ ทใี่ หญ่มากให้ย่อขนาดข้ึน ๖.๖ ทาส่ิงทเ่ี ล็กมากให้ขยายขนาดข้นึ ๖.๗ นาอดีตมาให้นักศกึ ษาได้ ๖.๘ นาสง่ิ ท่ีอยู่ไกลหรือลี้ลับมาศึกษาได้ ในกรณีนเี้ ป็นการส่งเสริมการเรียนการสอน มีคุณภาพดขี ้นึ และยังสอดคล้องกับวิธกี ารสอนทค่ี รูผู้สอนพิจารณาเลือกเอามาใชส้ อนอกี ดว้ ย ๗. ช่วยใหผ้ เู้ รียนเรียนสาเร็จงา่ ยข้นึ และผา่ นการวัดผลอันหมายถึงการบรรลุวัตถุประสงค์ของบทเรยี น ๒.๔ ประเภทของสอ่ื การเรยี นการสอน มีการจาแนกประเภทส่ือการเรยี นการสอนตามแนวความคิดที่แตกต่างกัน ดังตวั อยา่ ง ๑. จาแนกประเภทส่ือการเรียนการสอน โดยพจิ ารณาจากลักษณะประสาทการรับรขู้ องผ้เู รยี น จากการเหน็ และการฟงั ซึง่ สามารถจาแนกประเภทของส่อื ได้ดังตอ่ ไปนี้ ๑.๑ สอ่ื ทเ่ี ปน็ ภาพ (Visual Media) ก. ภาพท่ไี มต่ อ้ งฉาย (Non-Projected) ไดแ้ ก่ ภาพบนกระดาษดา ภาพจากแผน่ ภาพภาพจากหนงั สือและสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ข. ภาพทต่ี อ้ งฉาย (Projected) ไดแ้ ก่ ภาพจากเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เครอ่ื งฉาย สไลด์เครือ่ งฉายภาพยนตรห์ รือวดิ ที ศั น์ ๑.๒ สอ่ื ทเ่ี ปน็ เสยี ง (Audio Media) ไดแ้ ก่ สื่อประเภทเสียงที่ใช้ในกระบวนการเรยี นรู้ เช่น เทปบันทึกเสียง วิทยุ เปน็ ต้น ๑.๓ ส่ือทเ่ี ป็นท้ังภาพและเสียง (Audio-Visual Media) ได้แก่ ส่อื ทแ่ี สดงภาพและเสียง พรอ้ ม ๆ กนั เช่น สไลด์ประกอบเสียง ภาพยนตรท์ ่ีมีเสียง (Sound-film) เทปโทรทัศน์ บทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน (CAI) และมัลติมิเดีย เป็นต้น ๒. จาแนกประเภทของส่ือการเรียนการสอน ในทางเทคโนโลยกี ารศกึ ษา อาจจาแนกได้เปน็ ๒.๑ เครอ่ื งมอื อุปกรณ์ (Hardware) สอ่ื การเรียนการสอนประเภทเคร่อื งมือ หรืออปุ กรณ์ เรียกกันโดยทั่วไปว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หรือส่ือใหญ่ (Big Media) หมายถึง สิ่งท่ีเป็นอุปกรณ์ทางเทคนิค ท้ังหลายที่ประกอบด้วยกลไกไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงไม่ใช่ส่ิงสิ้นเปลือง ได้แก่ เครื่องฉายทั้งหลาย เช่น เคร่ืองฉายภาพยนตร์ เคร่ืองฉายสไลด์เครื่องฉายภาพทึบแสง เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เคร่ืองรับโทรทัศน์ รวมท้ังเคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ทางเทคนิคอ่ืน ๆ ที่เป็นทางผ่านของความรู้ เช่น เคร่ืองฉายจุลซีวันเครื่อง คอมพิวเตอร์ เปน็ ตน้ ๒.๒ วัสดุ (Software) ส่ือการเรียนการสอนประเภทวัสดุ บางคร้ังเรียกว่า ซอฟต์แวร์ (Software)หรือส่ือเลก็ (Small Media) ซ่ึงเป็นวัสดุท่ีเกบ็ ความรูใ้ นลักษณะของภาพ เสียง และตัวอกั ษร
การพฒั นาส่อื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๗ ในรูปแบบตา่ ง ๆ จาแนกได้ ๒ ประเภท คอื ก. วสั ดุท่ตี อ้ งอาศัยเครื่องมอื หรอื อุปกรณ์ (Hardware) เพื่อเสนอเร่ืองราว ขอ้ มลู หรือความรู้ ออกมาส่ือความหมายแกผ่ เู้ รียน ได้แก่ ฟิลม์ แผน่ ใส เทปบันทึกเสยี ง เปน็ ต้น ข. วสั ดทุ ีเ่ สนอความรู้ได้ด้วยตนเอง โดยไมต่ ้องอาศัยเคร่ืองมือหรอื อุปกรณ์ใด ๆ เช่น ตารา หนังสือ เอกสาร ค่มู ือ รปู ภาพ แผน่ ภาพ ของจริง ของตัวอย่าง หุ่นจาลอง เปน็ ตน้ ๒.๓ เทคนคิ และวิธกี าร (Technique and Method) การสอ่ื ความหมายในการเรยี นการ สอนบางคร้ังไม่อาจทาไดด้ ว้ ยเคร่ืองมืออุปกรณ์หรือวัสดุ แตจ่ ะต้องอาศยั เทคนคิ หรือวธิ ีการเพื่อการให้เกิดการ เรียนรู้ หรือใช้ทั้งวสั ดอุ ุปกรณ์และวธิ ีการไปพรอ้ ม ๆ กัน แตเ่ นน้ ทว่ี ธิ กี ารเปน็ สาคัญ เชน่ การสาธิตประกอบการ ใชเ้ ครอื่ งมือเครือ่ งจักร การทดลอง การแสดงบทบาทการศึกษานอกสถานท่ี การจัดนิทรรศการ เปน็ ตน้ ดงั นัน้ เทคนิคหรือวิธกี ารต่าง ๆ ดงั กล่าวจงึ จัดว่าเป็นส่อื การเรยี นการสอนอีกประเภทหนง่ึ แตส่ อ่ื ประเภทนี้มักจะใช้ รว่ มกบั สอ่ื ๒ ประเภทแรก จงึ จะได้ผลดี เมื่อกล่าวถึงการสื่อการเรยี นการสอนในกระบวนการเรยี นการสอนโดยทว่ั ไป สว่ นใหญ่จะคานึงถึงวสั ดุ อุปกรณ์ ท่ีใช้ประกอบการเรียนรู้ ซึ่งได้แก่ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ มากกว่าเทคนิคหรือวิธีการ ดังนั้นจึงนิยม เรียกส่ือการเรียนการสอนว่าอุปกรณ์ช่วยสอนหรืออุปกรณ์การสอน (Teaching Aids) ซ่ึงหมายถึงวัสดุและ อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการเรียนรู้หรือเพ่ิมประสิทธิภาพในการสื่อความหมาย อันจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความ เขา้ ใจในบทเรยี นได้ง่ายขน้ึ ๒.๕ การเลอื กสอื่ การเรยี นการสอน ในการพิจารณาเลือกใช้หรือสร้างสื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในขั้ นต้นจะต้อง พิจารณาเปา้ หมายของวัตถปุ ระสงค์ของบทเรียนเป็นหลัก โดยการวิเคราะห์เนื้อหาของวัตถุประสงค์นั้น ๆ ว่ามี จุดสาคัญอะไรควรส่ือความหมายลักษณะใด จากน้ันจึงเลือกลักษณะของสื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาหลักของ วัตถปุ ระสงค์นั้น โดยพิจารณาเลอื กเรยี งลาดบั จากสงิ่ ทีเ่ ป็นนามธรรม (Abstract) ไปสสู่ ่ิงที่เปน็ รูปธรรม (Concrete) ดังนี้ ตวั อยา่ งการเลือกสื่อการเรียนการสอน วตั ถุประสงค์ของบทเรยี น : หลังจากจบบทเรยี นแลว้ ผ้เู รยี นจะสามารถ ก. อธิบายความหมายของคาว่า “สอ่ื การเรียนการสอน” ได้ ข. บอกชอ่ื ส่วนต่างๆ ของหลอดไฟแบบมไี ส้ (Incandescent Lamp)ได้
การพัฒนาสอ่ื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๘ ค. อา่ นคา่ แรงดนั กระแส ความต้านทานทยี่ ่านวดั ต่างๆ ของมัลตมิ ิเตอรไ์ ด้ถกู ต้อง การพิจารณาเลอื กส่อื การเรยี นการสอน วตั ถปุ ระสงคข์ ้อ ก. พบวา่ สอ่ื ที่จาเปน็ ในการใชส้ อนเพื่อให้บรรลเุ ปา้ หมายได้ก็คอื ใชเ้ พียงคาพูด บรรยายก็เพยี งพอแลว้ วตั ถุประสงค์ข้อ ข. ถ้าใช้คาพูดหรือบรรยายเพียงอยา่ งเดียวคงไม่พอทจ่ี ะใหผ้ เู้ รียนบรรลุเป้าหมาย ได้ง่ายนัก ดังนั้นจึงต้องมีสื่อการเรียนการสอนอื่น ๆ ช่วย เช่น รูปภาพนิ่ง หุ่นจาลอง หรือของจริงซึ่งสื่อทั้ง ๓ ลักษณะน้ีน่าจะช่วยให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ดีกว่า แต่การที่จะกาหนดว่าเป็นสื่อประเภทใดนั้น จะต้องพจิ ารณาต่อไปถึงปัจจัยอืน่ ประกอบ ดังน้ันในวัตถุประสงค์ข้อนี้สื่อการเรียนการสอนที่เลือกใช้จึงอาจเป็นแผ่นใสหรือแผ่นภาพที่เป็นรูป หลอดไฟฟ้าขนาดใหญ่หรือใช้หลอดไฟฟ้าจริงก็ได้เน่ืองจากหาได้ง่าย แต่จะต้องมีจานวนเพียงพอกับความ ต้องการของผเู้ รยี น เน่ืองจากของจริงมีขนาดเล็กเกนิ ไป วตั ถุประสงค์ขอ้ ค. เน่ืองจากมลั ติมเิ ตอร์ของจริงมีขนาดเลก็ ผเู้ รยี นทัง้ ช้ันไม่สามารถมองเหน็ สเกล หรืออ่านค่าได้พร้อม ๆ กัน ควรเพิ่มขนาดมัลติมิเตอร์ให้ใหญ่ขึ้น โดยทาเป็นแผ่นภาพ แผ่นใสหรือจาลองแบบ จากของจริงจะเป็นสื่อท่ีชัดเจนกว่า และผู้สอนสามารถควบคุมช้ันเรียนได้ในเวลาเดียวกัน ส่วนการใช้ มัลติมิเตอร์จริงจะควบคุมการสอนได้ยากในช่วงของการให้เน้ือหาแต่ถ้าเป็นการประลองหรือเป็นแบบฝึกหัด จะเหมาะสมกวา่ แผ่นภาพหรอื แผ่นใส เม่อื พิจารณาได้ลกั ษณะของส่อื จาการวเิ คราะห์เน้ือหาหลกั ของวตั ถปุ ระสงคบ์ ทเรยี นแลว้ ในขั้นตอ่ ไป เป็นการวิเคราะห์ต่อเพ่ือหาประเภทของส่ือหรืออุปกรณ์ช่วยสอนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์นั้นโดยพิจารณา จากคุณสมบัติเฉพาะตวั และความเหมาะสมในการใชป้ ระกอบการสอนของส่ือการเรยี นการสอนแตล่ ะประเภท ดังรายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี
การพัฒนาส่ือการสอนพระพทุ ธศาสนา ๕๙
การพฒั นาสอื่ การสอนพระพุทธศาสนา ๖๐ ๕.๖ เทคนคิ การใชส้ ื่อสารการเรียนการสอน การใช้สื่อการเรียนการสอน ย่อมจะมีเทคนิคที่แตกต่างกันไปตามเง่ือนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ลกั ษณะและคุณสมบัตขิ องสอ่ื แตล่ ะประเภท กลุ่มผ้เู รยี น ผสู้ อน สถานที่ ความพรอ้ มของอปุ กรณ์และเครือ่ งมือ ประกอบตลอดจนสภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ เป็นต้น แตห่ ลักการสาคญั ทจ่ี ะต้องคานงึ ถงึ อยู่เสมอก็คอื “เง่อื นไข การเรียนรู้” คนิ เตอร์ ได้ให้ข้อเสนอแนะในการใชส้ อ่ื การเรียนการสอนไว้ ดงั ต่อไปนี้ ๑.ไม่มวี ิธกี ารสอนหรือวสั ดปุ ระกอบการสอนชนิดใด ท่ีจะสามารถใช้กับผู้เรียนและบทเรียนท่ัวไปได้วิธี สอนและวัสดปุ ระกอบการสอนแต่ละประเภทยอ่ มมจี ุดมุ่งหมายเฉพาะของมนั เอง ๒. ในบทเรียนหน่ึง ๆ ไม่ควรใช้ส่ือการเรียนการสอนมากเกินไป ควรใช้เพียงแต่เท่าที่จาเป็นเท่านั้นใน บางครงั้ กไ็ ม่ควรใช้สอ่ื อยา่ งเดียวตลอด ๓. ส่ือการเรียนการสอนทใ่ี ชค้ วรจะต้องสอดคล้องกับบทเรยี นและกระบวนการเรียนการสอน ๔. ส่ือการเรียนการสอนควรสร้างให้เกิดโอกาสท่ีผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเตรียมและการใช้อัน กอ่ ใหเ้ กิดประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่ไี ม่ลืมงา่ ย ๕. ก่อนใช้ส่ือการเรียนการสอน ผู้สอนควรทดลองใช้ก่อนเพ่ือความแน่ใจว่าจะใช้ได้ถูกต้อง และมี ประสิทธภิ าพนอกจากนน้ั ยงั ตอ้ งจดั เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือประกอบให้พรอ้ มทกุ อยา่ ง ๕.๗ ลักษณะและแนวทางการใช้ส่ือประเภทต่าง ๆ ๑. กระดานดา (Chalk Boards) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ ขอ้ ความทแี่ สดงส้นั ๆ ภาพทีแ่ สดงเป็นภาพงา่ ยๆ ใช้เวลาเขยี นสน้ั ๆ ไม่มีไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อนื่ ๆ
การพัฒนาส่อื การสอนพระพุทธศาสนา ๖๑ ต้องการเปลี่ยนแปลง แก้ไขภาพหรือขอ้ ความบ่อยๆ ใชก้ บั ผ้เู รยี นจานวนไม่มากนัก ข. กิจกรรมในการเรียนการสอน เหมาะสาหรบั การเรียนการสอนแบบบรรยาย หรอื ถาม-ตอบ สามารถใหผ้ ู้เรยี นรว่ มกจิ กรรมบนกระดานดาได้งา่ ย และพร้อมกนั หลายคนได้ เปลย่ี นแปลงและเพ่ิมเติมรายละเอียดต่าง ๆ ได้งา่ ย ค. ลักษณะทางเทคนคิ ไมต่ ้องใชอ้ ปุ กรณ์อ่ืน ๆ ประกอบ ไม่ต้องใช้ไฟฟา้ เก็บรกั ษาไวไ้ ม่ได้ อายกุ ารใชง้ านส้นั มเี น้อื ที่ในการใช้งานกว้าง ๒. ใบเนื้อหาและใบงาน (Information Sheet and Work Sheets) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ ไมม่ ีตาราหรือหนังสือทีเ่ หมาะสมและสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการโดยตรง เนอื้ หาท่ตี ้องการกระจดั กระจายอยใู่ นตาราหลายเล่ม ตารามีราคาแพงเกนิ ไป และมีเน้อื หาเกินความต้องการ รายละเอยี ดเน้ือหามีมาก หรือมีภาพและวงจรท่ีซับซ้อนเสียเวลานานในการลอกจาก กระดานดา ในการสอนผเู้ รียนจานวนมาก ๆ แบบบรรยายควรมใี บเนื้อหา ใบงานประกอบเพือ่ ให้ทุก คน เรียนได้ทว่ั ถึง ข. กิจกรรมในการเรยี นการสอน เหมาะสาหรบั การเรียนการสอนแบบบรรยาย ถาม-ตอบ แบบเป็นกลมุ่ ย่อย หรอื เรียน ด้วยตนเอง ผเู้ รยี นทุกคนสามารถมีกจิ กรรมพร้อมกนั ในเวลาเดยี วกัน เชน่ อ่านและทาใบงาน สามารถให้ผเู้ รยี นศึกษาและทบทวนบทเรยี นไดด้ ว้ ยตนเอง ขณะทผ่ี ูส้ อนกาลังบรรยายหรือป้อนข้อคาถามระหวา่ ง บทเรียนไม่ควรแจกใบเนื้อหา ให้ผเู้ รียนอ่าน ค. ลักษณะทางเทคนคิ ต้องใชว้ สั ดุอุปกรณใ์ นการสรา้ ง เช่น กระดาษไข กระดาษ เครื่องโรเนยี ว เครื่องถา่ ย เอกสารหรือเคร่ืองพิมพ์คอมพวิ เตอร์ เป็นตน้ ตอ้ งใช้พนกั งานพิมพด์ ดี ช่วย หรอื ผู้สอนต้องพิมพเ์ องในการสรา้ งตน้ ฉบับ สามารถทาสาเนาได้จานวนมากไม่จากัด จัดเกบ็ รักษางา่ ย และสะดวกตอ่ การนาไปใช้คร้งั ต่อไป ๓. แผ่นภาพ (Wall Charts) ก. เหตุผลที่เลือกใช้ ภาพทแี่ สดงยุ่งยากซับซ้อนตอ้ งใชเ้ วลาเขียนมาก ไม่มีไฟฟา้ หรืออุปกรณเ์ ครื่องฉายภาพอนื่ ๆ ในหอ้ งเรียน
การพัฒนาสื่อการสอนพระพทุ ธศาสนา ๖๒ ดึงดดู ความสนใจของผเู้ รียนทั้งชน้ั มาทภ่ี าพได้ ต้องการแสดงให้เห็นทีละข้นั ตอนโดยใช้ภาพแยกสว่ น ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน เหมาะกบั การสอนแบบบรรยาย หรือ ถาม-ตอบ สามารถให้ผ้เู รยี นรว่ มกิจกรรมได้ โดยใช้ดนิ สอสีหรือชอล์คสีเพ่มิ เติมรายละเอียดได้ ใหผ้ เู้ รยี นอธิบายส่วนประกอบตา่ งๆ ของภาพหนา้ ชนั้ เรียนได้ ภาพทุกภาพควรมีรายการคาถามทีด่ ีประกอบ เพ่ือกระตุ้นให้ผูเ้ รยี นมสี ่วนร่วมในการ คิดหาคาตอบ ค. ลักษณะทางเทคนิค ไมต่ ้องใช้อุปกรณเ์ ครือ่ งมือท่ียงุ่ ยากในการสรา้ ง ยกเวน้ ในกรณตี ้องการลอกรปู ภาพ ทซ่ี บั ซอ้ น จากตาราตอ้ งใชเ้ ครอ่ื งขยายภาพ ไมต่ ้องใช้ไฟฟา้ หรอื อปุ กรณใ์ นขณะใชส้ อน การเกบ็ รักษาคอ่ นข้างยุ่งยากเพราะมีขนาดใหญ่ ๔. แผ่นใส (Overhead Transparencies ) ก. เหตุผลทเ่ี ลือกใช้ ภาพท่ีแสดงยงุ่ ยากซบั ซอ้ น เสียเวลาในการเขยี นมาก ต้องการแสดงรปู ภาพทเ่ี ป็นข้นั ตอน โดยใชภ้ าพซอ้ น (Over Lay) ตอ้ งการขยายภาพให้มขี นาดใหญ่หรือเลก็ ได้ตามต้องการ ต้องการใชภ้ าพซ้อนทสี่ ามารถเลอื่ นหรือเคลื่อนทไี่ ด้ สามารถควบคุมชั้นเรียนได้ดใี นขณะสอน ข. กิจกรรมในการเรียนการสอน เหมาะกับการสอนแบบบรรยาย หรอื ถาม-ตอบ ผูเ้ รยี นสามารถรว่ มกิจกรรมโดยเขยี นลงบนแผน่ ใสได้ ผูเ้ รยี นสามารถอธิบายรายละเอียดต่างๆ ของภาพหนา้ ช้ันเรียนได้ การเตรยี มภาพแผ่นเด่ียวหรอื ภาพซ้อน ควรมรี ายการคาถามประกอบภาพที่เหมาะสม เป็นขนั้ ตอน ค. ลักษณะทางเทคนิค สามารถสร้างขึ้นเองได้งา่ ย ๆ โดยใชป้ ากกาเขยี นแผ่นใส (ปจั จุบนั สามารถลอกภาพ ท่ีซับซอ้ นจากตน้ ฉบบั โดยใช้เครือ่ งถ่ายเอกสาร หรอื เคร่ืองสแกนเนอร์) ฉายภาพในห้องสว่างได้ ไม่จาเป็นต้องใช้ในห้องมดื การเกบ็ รักษาง่ายและเคลื่อนย้ายสะดวก ตอ้ งใช้ไฟฟา้ และเครื่องฉายภาพโปรง่ ใส (Overhead Projector) ๕. โมเดลพลาสตกิ (Overhead Plastic Models) ก. เหตผุ ลทเ่ี ลือกใช้ แสดงหลกั การทางานของชน้ิ ส่วนท่เี คลอื่ นไหวได้ แสดงสว่ นประกอบหลกั ท่ีไม่ยงุ่ ยากนัก สามารถควบคุมช้นั เรยี นไดด้ ีขณะสอน ชว่ ยกระตนุ้ ใหผ้ ู้เรยี นมีกิจกรรมร่วม
การพัฒนาสอ่ื การสอนพระพุทธศาสนา ๖๓ ข. กจิ กรรมในการเรยี นการสอน เหมาะกบั การสอนแบบบรรยาย และถาม-ตอบ สามารถใหผ้ เู้ รยี นรว่ มกจิ กรรมได้โดยการอธิบายประกอบการเคล่อื นไหวช้นิ ส่วนต่าง ๆ ข้ันตอนการเคลื่อนทขี่ องช้ินสว่ นตา่ งๆ ผู้สอนสามารถเตรียมคาถามไว้ถามเป็นข้ันตอนได้ ค. ลักษณะทางเทคนคิ สามารถสร้างไดง้ า่ ย ราคาไมแ่ พง สามารถฉายในหอ้ งทส่ี ว่างได้ ไมจ่ าเป็นตอ้ งใชห้ ้องมืด ชน้ิ สว่ นตา่ ง ๆ มขี นาดพอเหมาะ และนา้ หนกั เบา การเก็บรักษาและทาความสะอาดง่าย สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก ๖. ภาพสไลด์ และแผน่ ภาพยนต์ (Slide Series and Filmstrips) ก. เหตุผลทีเ่ ลือกใช้ แสดงภาพที่ยุ่งยากซบั ซ้อนมากหรอื ภาพถา่ ยของจริง ดงึ ดดู ความสนใจของผูเ้ รียนมารวมทีภ่ าพได้ สามารถย่อภาพให้เล็กหรือขยายใหญ่ตามขนาดของกล่มุ ผเู้ รียนได้ ต้องการแสดงภาพประกอบเสียงในกรณีทตี่ ้องการให้ผเู้ รยี นเรียนด้วยตนเอง โดยใช้ ภาพสไลด์ ชดุ ประกอบเทป ( Slide-tape Program) ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน ภาพสไลด์เดย่ี วสามารถสอนไดโ้ ดยวิธกี ารบรรยาย หรือถาม-ตอบ สว่ นสไลดช์ ดุ ประกอบ เทป สามารถเรยี นไดด้ ว้ ยตนเอง ผเู้ รยี นรว่ มกิจกรรมได้โดยการตอบคาถามจากผู้สอนเมื่อสอนดว้ ยภาพสไลดเ์ ด่ยี ว ผู้เรยี นสมารถอธิบายรายละเอยี ดจากภาพหนา้ ชนั้ เรยี นได้ การใช้ภาพสไลด์เด่ียวผู้สอนควรเตรยี มรายการคาถามประกอบภาพ ไว้เปน็ ข้ันตอน จะดีกว่า การสอนแบบบรรยายจากภาพโดยตรง ค. ลกั ษณะทางเทคนคิ สามารถทาขนึ้ ใช้เองได้ง่าย โดยใชก้ ล้องถา่ ยรปู ธรรมดา กระบวนการล้างฟิลม์ ทาได้งา่ ยสะดวกโดยรา้ นถ่ายรูปถ่ัวไป การเก็บรักษาภาพงา่ ย และสะดวกเพราะมีขนาดเล็ก เคร่อื งฉายภาพสไลดช์ นดิ ไฟแรงสงู สามารถฉายไดใ้ นมุมมืดของหอ้ ง โดยไม่ต้องฉาย ในหอ้ งมดื สามารถใชร้ ว่ มกบั เทปเป็นชุดสไลด์ประกอบเสียง สามารถถา่ ยสาเนาเป็นหลาย ๆ ชดุ ได้สะดวก ๗. แถบวิดที ัศน์ และแผน่ วดิ ีทัศน์ (Videotape Recording and Videodiscs) ก. เหตุผลทเ่ี ลือกใช้ อธิบายโดยภาพเคลื่อนไหวหรอื การเคล่ือนที่อยา่ งต่อเน่ือง ดึงดดู ความสนใจของผู้เรยี นไดเ้ ปน็ อย่างดี สามารถยอ้ นกลบั ไปเริ่มเนื้อหาเดิมไดต้ ลอดเวลา สามารถย่อหรือขยายภาพไดต้ ามขนาดตามความเหมาะสมของผเู้ รยี น
การพัฒนาสื่อการสอนพระพุทธศาสนา ๖๔ สามารถใชภ้ าพนง่ิ หรือภาพเคลื่อนไหวรว่ มกนั ได้ มีเสียงบรรยายทส่ี มั พันธ์กับภาพจรงิ เคล่ือนไหวหรือภาพเคลื่อนไหวด้วยเทคนิคพิเศษ สามารถเลอื กกรอบเฉพาะเจาะจงไดบ้ นแผน่ วดิ ีทศั น์ ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน สามารถใชก้ บั การเรียนการสอนได้หลากหลายวธิ ี รวมถึงการเรยี นดว้ ยตนเอง ผเู้ รียนรว่ มกจิ กรรมได้ระหวา่ งบทเรียนโดยการตอบคาถามหรือทากิจกรรมกลุม่ ค. ลกั ษณะทางเทคนิค สามารถจัดทาใชไ้ ด้ดว้ ยตนเองโดยใช้เคร่ืองมืออปุ กรณ์ท่ไี ม่ยุง่ ยาก ต้องใช้ประกอบกับเครอ่ื งเล่นและเครือ่ งฉาย ไม่จาเปน็ ต้องฉายในหอ้ งมืด ต้องพัฒนาให้ทนั กับระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศทที่ นั สมัย สามารถใช้ร่วมกบั เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ ผลิตตน้ ฉบับราคาสงู สะดวกในการสาเนาหลาย ๆ ชดุ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว งา่ ยและสะดวกต่อการบารุงรกั ษา จดั เก็บและเคลื่อนยา้ ย ๘. หุน่ จาลอง (Models) ก. เหตผุ ลที่เลือกใช้ สามารถมองเหน็ ได้ ๓ มิติ เข้าใจงา่ ย สาธิตการทางานของอุปกรณ์ ช้ินส่วนหรอื กลไกทีย่ ุ่งยากให้เขา้ ใจได้ง่ายและรวดเร็วข้ึน สาธติ การทางานที่เคล่ือนไหวรวดเรว็ ใหช้ า้ ลง ตรวจปรับความเข้าใจของผเู้ รยี นระหวา่ งภาพกับของจริง โดยเฉพาะวชิ าเขยี นแบบ เทคนคิ ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน เหมาะกบั การสอนแบบรรยาย และถาม-ตอบ สงั เกตการสาธิตของผสู้ อนและตอบคาถาม ผู้สอนและผ้เู รียนรว่ มกนั ปฏิบัติขณะสาธติ อภิปรายปญั หาร่วมกนั ค. ลักษณะทางเทคนคิ มรี ปู ทรงเปน็ ๓ มติ ิ คลา้ ยของจริง สรา้ งได้เองในสถานศกึ ษา มีขนาดเหมาะ น้าหนกั เบา จัดเก็บและเคลือ่ นยา้ ยสะดวก ใช้วสั ดทุ หี่ าได้งา่ ยในทอ้ งถ่ินและราคาถกู ๙. ชุดทดลอง/สาธติ (Experimental/Demonstration Sets)หรอื ชุดฝึกปฏิบตั ิ ก. เหตผุ ลท่ีเลือกใช้ ตอ้ งการพสิ ูจน์ข้อเท็จจรงิ ทาให้ผู้เรียนหรือผู้รบั การฝึกไดเ้ หน็ ปรากฏการณ์จากการทดลองปฏบิ ัติจรงิ ตอ้ งการแสดงกระบวนการหรือข้นั ตอนตา่ ง ๆ ของผลลัพธท์ ่ีตอ้ งการ กระตุน้ ความสนใจของผ้เู รียนหรือผ้รู บั การฝกึ ได้ดี
การพฒั นาสื่อการสอนพระพทุ ธศาสนา ๖๕ ผู้เรียนหรือผู้รบั การฝึกสามารถเรียนรู้เปน็ รายบคุ คล เป็นกลุ่มหรือรว่ มกับผสู้ อนได้ ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน สามารถใช้กบั การสอนหรือการฝึกไดห้ ลายวิธี ผูส้ อนหรือผู้ฝึกเตรยี มเครื่องมืออุปกรณ์ และวสั ดตุ ่าง ๆ ทีต่ ้องใช้สาหรบั การทดลอง หรือสาธติ ผสู้ อนหรือผฝู้ กึ ใหค้ าปรึกษาแนะนาระหว่างบทเรยี นหรอื การฝึกได้ตลอดเวลา ผ้เู รยี นหรือผูร้ บั การฝกึ มีกิจกรรมรว่ มระหวา่ งบทเรียนหรือการฝกึ ค. ลกั ษณะทางเทคนคิ ต้องใช้เวลาในการเตรียมการคอ่ นข้างมาก มขี นาดใหญ่ นา้ หนกั ค่อนขา้ งมาก และเคลือ่ นยา้ ยไม่สะดวก อปุ กรณ์ประกอบมีราคาแพง ต้องการสถานท่ีในการจัดเกบ็ และบารุงรักษา ๑๐. ของจริง (Real Objects) ก. เหตผุ ลทเ่ี ลือกใช้ ไมส่ ามารถใชส้ อ่ื ชนิดอ่นื ๆ ได้ดีเทา่ ของจรงิ สามารถหาได้งา่ ย หรอื ยืมมาไดจ้ ากโรงฝึกงาน ของจรงิ สามารถแสดงรายละเอยี ดและวัตถุประสงค์ท่ีต้องการได้ ของจรงิ มนี า้ หนกั และขนาดพอเหมาะท่ีจะนามาใช้ประกอบการสอนในช้ันเรียนได้ ข. กจิ กรรมในการเรียนการสอน เหมาะกบั การสอนแบบบรรยาย สาธิต หรือถาม-ตอบ ผ้เู รียนสามารถรว่ มกิจกรรมโดยอธบิ ายหรือสาธิตจากของจรงิ น้นั ได้โดยตรง จบั ตอ้ ง สังเกต ศกึ ษาได้ด้วยตนเอง หรือเป็นกลมุ่ ย่อย โดยใชใ้ บงานประกอบ ค. ลกั ษณะทางเทคนคิ สว่ นใหญไ่ ดม้ าจากโรงฝกึ งาน หรอื หอ้ งประลองเพ่ือนามาประกอบการสอนทางดา้ น ทฤษฎี ภายในหอ้ งเรยี น ขนาด นา้ หนกั คอื ขอ้ จากัดในการนามาใช้ ต้องการการจาแนกความแตกต่างของช้นิ ส่วน โดยใชส้ หี รอื สัญลกั ษณ์ ตอ้ งการส่ือประเภทอ่ืนชว่ ย ในกรณที ่ีไม่สามารถเห็นการทางานทีย่ งุ่ ยาก ซบั ซ้อน หรอื มขี นาดเลก็ เกินไป ๕.๘ แนวทางการเก็บรกั ษาส่อื การเรยี นการสอน การเก็บรักษาส่ือเป็นสิ่งสาคัญประการหน่ึงในเรื่องการใช้ ผู้สอนหรือสถานศึกษาหลายแห่งอาจจะ มองข้ามความสาคัญในเร่ืองนี้ไป ถ้าหากมีสื่อการสอนต่าง ๆ ไม่มากนักก็อาจจะไม่จาเป็นแต่ต้องมีมากข้ึนก็จา เป็นต้องมหี นว่ ยจดั เก็บ บรกิ ารเบกิ ยืมส่อื การเรียนการสอน ประโยชน์ทจ่ี ะตอ้ งได้นอกจากสะดวกแก่การเบิกยืม ยังช่วยในการพฒั นาสือ่ การเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง ในระบบใหญ่สามารถจะนาเคร่ืองคอมพิวเตอร์มาใช้ใน การจดั การด้านนกี้ ารจัดการใหเ้ กิดระบบในการเกบ็ รักษาสื่อ จะตอ้ งกาหนดส่งิ เหลา่ นีใ้ ห้แนน่ นอนเสียกอ่ น
การพัฒนาส่ือการสอนพระพทุ ธศาสนา ๖๖ ๑. เลขหมายรหสั ของสื่อ ส่ือการเรียนการสอนแต่ละประเภทแตล่ ะช้นิ จะตอ้ งใหเ้ ลขหมายรหัส ถา้ หากเป็นประเภทเดียวกัน แตม่ ีหลายช้ิน เช่น ใบงาน ใบเน้อื หา สไลด์ ควรจะให้เพยี งเลขหมายเดียว เลขหมายท่ีให้นี้ จะทาหน้าทแ่ี ทนชื่อ ของสื่อการเรียนการสอนนั้น ๆ เลขหมายจะเป็นเลขก่ีหลัก ข้ึนอยู่กับจานวนท่ีคาดการณ์ว่าจะมีได้ไม่ควรจะให้ เลขหมายรหัสของส่อื ทาหน้าทแ่ี ทนเลขหมายการจดั จาแนกดว้ ย เพราะจะไดต้ ัวเลขท่ียาวมากอย่างไรก็ตามเลข หมายรหัสสามารถจะจัดแบ่งใช้เป็นช่วงๆ เชิงการจาแนกที่จะสะดวกต่อการค้นหาใช้งาน เช่น แบ่งเป็นช่วง ๆ เพ่ือจาแนกสาขาวิชา สื่อการเรียนการสอน แต่ละประเภทจะต้องกาหนดบริเวณท่ีติดตามเลขหมายเลขรหัสท่ี แนน่ อนเหมือน ๆ กัน ๒. เลขหมายการจัดจาแนก เป็นเลขหมายทก่ี าหนดข้ึน เพอื่ กากับคู่กับเลขหมายรหัสของสื่อ สาหรับใช้ในการจาแนกและค้นหาสื่อ จานวนตัวเลขจะข้ึนอยู่กับขอบเขตของการจาแนก และจะเรียงกันไปตามลาดับความสาคัญในการจาแนก ความสะดวกในการค้นหาเพอ่ื นาไปใช้งาน เช่น จาแนกสาขา หัวเรอ่ื ง ประเภทสอื่ เป็นตน้ ๓. สถานที่ อุปกรณ์ สาหรับเก็บสื่อ สถานที่ อุปกรณ์ ได้แก่ ห้อง ตู้ ช้ัน ของ กล่อง อุปกรณ์สาหรับแขวน ยึด เป็นต้น ต้องจัดเตรียมให้ เหมาะสม กับสอ่ื การเรยี นการสอนแตล่ ะประเภท และจัดเตรียมเลขหมายตู้ชั้นไว้ด้วยนอกจากการจัดเตรียมสิ่ง ท้ังสามประการแล้ว ควรจะจัดเตรียมเอกสารที่จาเป็นต้องใช้ในการทางาน ด้วย เช่น ใบทะเบียน เพ่ือรวยรวม รายละเอียดต่าง ๆ ของสื่อแต่ละชิ้น เช่น เลขหมายรหัสชื่อสื่อ การจัดจาแนกตู้ชั้นที่จัดเก็บ แหล่งท่ีมาได้มา อยา่ งไรข้อมลู ดา้ นเทคนคิ (ขนาด จานวน น้าหนัก เป็นต้น) ราคาเลขหมายรหัสสื่อท่ีต้องใช้ประกอบเอกสารอีก ประการหน่ึง คือ บัญชีส่ือ เพ่ือตรวจสอบการออกเลขหมายรหัสสื่อ นอกจากนั้นก็ต้องจัดเตรียมใบเบิกยืมส่ือ กาหนด ระเบียบขั้นตอนการเบิกยืม เอกสารความรู้เกี่ยวกับการจัดแบบเก็บรักษาส่ือเพ่ือให้ผู้ท่ีจะมาทาหน้าท่ี ในเร่อื งนไ้ี ด้เข้าใจระบบงานและการพัฒนาระบบต่อไปในอนาคต ๕.๙ เง่ือนไขเกยี่ วกบั การสร้างสอ่ื การเรยี นการสอน สื่อการเรียนการสอนท่ีมีอยู่ในสถานศึกษาอาจกล่าวได้มาจาก ๒ แหล่ง คือ มาจากแหล่งภายนอก ได้แก่ การจัดซื้อหรือการบริจาค และอีกแหล่งมาจากการทาขึ้นเอง โดยผู้สอนหรือผู้เรียนภายในสถานศึกษา การจัดให้มีสื่อสารการเรียนการสอนน้ัน อาจกล่าวได้ว่าข้ึนอยู่กับเง่ือนไขต่าง ๆ ในสถานศึกษา เช่น นโยบาย งบประมาณ วัสดุ เทคโนโลยี ความรู้ประสบการณใ์ นการสรา้ ง ความรปู้ ระสบการณ์ตลอดจนทัศนคติของผู้สอน และเง่อื นไขเกีย่ วกับผู้เรียนเง่อื นไขต่าง ๆ พอจะสรุปในรายละเอยี ดได้ดังน้ี ๑. เงอ่ื นไขจากสถานศกึ ษา ๑.๑ สถานภาพของการศึกษา ไดแ้ ก่ ขนาดของสถานศึกษา งบประมาณ ความพร้อมและ ความสะดวกในเรอ่ื งวัสดุ อปุ กรณเ์ คร่ืองมือและเครื่องจักรต่าง ๆ ๑.๒ การบริหารงาน ผบู้ ริหารได้เน้น หรือให้ความสาคญั ในเรือ่ งสื่อการเรียนการสอน หรอื ไม่เพียงใด ๑.๓ ลักษณะการเรยี นการสอน เช่น หลักสตู รการศึกษา แผนการสอน ระดับชัน้ และ สาขาการศึกษา ๒. เงื่อนไขจากตัวผูส้ อน ๒.๑ พื้นฐานความรู้และประสบการณ์ของผ้สู อนแตล่ ะคนจะแตกตา่ งกัน ประสบการณ์ใน
การพัฒนาสื่อการสอนพระพทุ ธศาสนา ๖๗ การสอน และความเชย่ี วชาญในเน้ือหาวิชา ทาให้เอือ้ อานวยต่อการสร้างและใชส้ ื่อการเรยี นการสอนได้ดีกว่า ๒.๒ ประสบการณ์ในการทาสื่อการเรยี นการสอน ผู้ทเ่ี คยทาการออกแบบสรา้ งสอื่ การเรียน การสอน จะสามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง และเข้าใจปัญหาต่าง ๆ ระหวา่ งดาเนนิ งาน ๒.๓ ทัศนคติในการใช้ เชน่ ความกลา้ ความกระตือรือร้นท่ีจะใช้ส่ือ ตลอดจนการใฝ่หาความรู้ ในดา้ นนอี้ ยู่เสมอ ๓. เง่ือนไขจากกิจกรรมในบทเรียน ๓.๑ การวางแผนบทเรยี น จะเป็นตัวกาหนดคณุ ลักษณะและแผนการในการสร้างสื่อ ๓.๒ วธิ ีการเรียนการสอนแตล่ ะช่วงของบทเรียนซ่ึงผสู้ อนได้กาหนดกจิ กรรมจะเป็นตัวกาหนด ลักษณะของสือ่ การเรยี นการสอน ๓.๓ ความพร้อม ความสะดวกในช้นั เรยี น เช่น ปลั๊กไฟ การทาใหห้ ้องมืดเพ่ือฉายสไลด์ ตาแหน่งทจี่ ะวางจอความสะดวกในการขนย้ายเคร่ือง OHP เปน็ ต้น ๓.๔ ประสบการณ์และความกลา้ ในการมีสว่ นรว่ มที่จะใช้ส่ือของผู้เรยี น เปน็ ปจั จยั อยา่ งหนึ่ง ท่จี ะทาให้ส่อื น้ันมีคุณค่า สาหรับการเรยี นการสอน ผู้สอนต้องทาใหผ้ ู้เรยี นมกี จิ กรรมร่วมในการใชส้ ื่อการเรียน การสอนเสมอ จากเง่ือนไขต่างๆ ท่ีได้กลา่ วมานนั้ เงื่อนไขใดท่ีจาเปน็ ตอ้ งจัดเตรยี มหรอื ทาให้เกิดขน้ึ ก็จะต้องดาเนิน การเงือ่ นไขใดที่จะเป็นอุปสรรค์กต็ ้องแก้ไขหรือทาให้หมดไป อยา่ งไรก็ตามโดยปกตบิ คุ คลสาคัญท่ีจะผลกั ดนั ให้ มีส่ือการเรียนการสอนใช้ในสถานศึกษา กค็ ือ ผู้บรหิ ารและผสู้ อน ผูบ้ ริหารจะต้องมีนโยบายให้ความสนบั สนนุ ตา่ ง ๆ ผสู้ อนจะต้องมุง่ มน่ั ดาเนนิ การพยายาม ศึกษาหาความรูท้ างดา้ นน้ี และจัดให้มีการสร้างขึ้นใชเ้ อง ใน สถานศึกษา โดยระดมทรพั ยากรต่าง ๆ กาลังงานของผเู้ รียน วัสดุ เครื่องมอื เคร่ืองจักรและแผนเวลา งานฝึก ปฏิบัติของผ้เู รียน สามารถจะใชเ้ พ่ือทาส่อื การเรียนการสอนได้ สง่ิ สาคญั จะตอ้ งจดั การด้วยกค็ ือ ระบบของแบบ งานและการเกบ็ รักษา สรปุ ทา้ ยบท ในระบบการเรียนการสอนส่ือการเรยี นการสอนนับว่าเป็นปัจจยั สาคัญประการหน่ึงท่ีจะทาให้การเรียน การสอนดาเนินไปไดจ้ นบรรลผุ ลสาเร็จตามเป้าหมายอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ สอื่ การเรียนการสอนมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีคุณลักษณะหรือคุณสมบัติต่างกันไป ผู้สอนที่ตระหนักในคุณค่าของส่ือจะต้องศึกษาให้เข้าใจ ถงึ เง่ือนไขการเลือกใช้ และใช้งานได้อย่างถูกต้อง เง่ือนไขที่เก่ียวข้องกับการตัดสินใจเลือกใช้สื่อ ได้แก่ เงื่อนไข ที่เกี่ยวกับเนื้อหาวิชา ตัวผู้เรียน วิธีการสอนความพร้อมทางด้านอ่ืน ๆ นอกจากนั้นก็ต้องคานึงถึงคุณสมบัติ เฉพาะตัวของส่ือแต่ละประเภท และแม้แต่เง่ือนไขท่ี เกี่ยวกับตัวผู้สอนด้วยเม่ือมีความรู้ประสบการณ์เก่ียวกับ ส่ือการเรียนการสอน สามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง ก็มีความพร้อมที่ผู้สอนจะสามารถทาส่ือข้ึนใช้เอง แต่โดยมากมักจะประสบกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในสถานศึกษา ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เหล่าน้ัน กค็ วรจะแก้ไขให้หมดไป
การพฒั นาส่อื การสอนพระพุทธศาสนา ๖๘ เอกสารอา้ งอิงประจาบท ชม ภูมิภาค. เทคโนโลยีทางการเรยี นและศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานพิมพ์ประสานมติ ร. ณรงค์ สมพงษ.์ (๒๕๓๐). สอื่ เพ่อื งานสง่ เสริมเผยแพร่. กรงุ เทพมหานคร : งานการพิมพ์ฝ่ายสอ่ื การศึกษา สานกั สง่ เสริมและฝึกอบรม มหาวทิ าลัยเกษตรศาสตร์. พสิ ิฐ เมธาภัทร และธีระพล เมธีกลุ (๒๕๓๑).ยุทธวธิ กี ารเรยี นการสอนวชิ าเทคนิค. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พส์ ถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ลดั ดา ศขุ ปรดี ี. (๒๕๒๓). เทคโนโลยีการเรียนการสอน. กรงุ เทพมหานคร: สานกั พิมพ์โอเดียนสโตร์. มนตช์ ัย เทยี นทอง. (๒๕๓๐).อปุ กรณช์ ่วยสอน. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื . .กา้ วไกล วารสารพัฒนาเทคนิคการศกึ ษาปีท่ี ๑๖ ฉบับที่ ๔๘ ตลุ าคม-ธนั วาคม ๒๕๔๖. วัลลภ จนั ทร์ตระกูล การเลือก-ใช้ –สรา้ งส่ือการสอน. เอกสารอดั โรเนียว สานกั พฒั นาเทคนิคศกึ ษา สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ. มปป. วสิ ทุ ธิ์ วิวัฒน์วิศวกร. (๒๕๓๒). ส่ือการเรยี นการสอน เอกสารประกอบการบรรยาย. สานักพัฒนาเทคนคิ ศกึ ษา สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ, (อดั สาเนา) Jerrolde.Kemp, Don C.Smellie.Planning, Producing, and Using Instructional Media. ๖thed. NewYork : Harper&Row, Publishers,1989.
บทท่ี ๖ การเผยแพรส่ อ่ื การสอนในระบบออนไลน์ วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นประจาบท เมื่อไดศ้ ึกษาเนื้อหาในบทนแ้ี ลว้ ผู้ศกึ ษาสามารถ 1.อธิบายประเภทของสอ่ื สังคมออนไลน์ได้ 2.อธบิ ายบทเรียนออนไลน์ (E-learning)ได้ 3.อธบิ ายระดับการถา่ ยทอดเนอ้ื หาได้ 4.อธิบายระดับการนํา e-Learning ไปใชไ้ ด้ 5.อธิบายความหมายของบทเรียนออนไลน์ e-Learningได้ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา อธิบายประเภทของสอ่ื สงั คมออนไลน์ อธิบายบทเรยี นออนไลน์ (E-learning) อธิบายระดับการถ่ายทอดเน้อื หา อธิบายระดับการนํา e-Learning ไปใช้ อธิบายความหมายของบทเรียนออนไลน์ e-Learning
การพัฒนาสอ่ื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๗๐ 6.1 ความนาํ สอ่ื สังคมออนไลน์ คอื สอ่ื ดิจิทลั ทเ่ี ป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการทางสังคม (Social Tool) เพ่ือ ใช้สื่อสารระหว่างกันในเครือข่ายทางสังคม (Social Network) ผ่านทางเว็บไซต์และโปรแกรม ประยุกต์บนสื่อใดๆ ท่ีมีการเช่ือมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้ท้ังที่เป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารมี ส่วนร่วม (Collaborative) อย่างสร้างสรรค์ ในการผลิตเนื้อหาขึ้นเอง (User-GenerateContent: UGC) ในรปู ของข้อมลู ภาพ และเสยี ง 6.2 ประเภทของสือ่ สงั คมออนไลน์ มีดว้ ยกนั หลายชนดิ ขึ้นอยูก่ บั ลกั ษณะของการนาํ มาใช้โดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่ม หลกั ดงั นี้ 1. Weblogs หรือเรียกสั้นๆ ว่า Blogs คือ สื่อส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ข้อคดิ เห็น บนั ทกึ ส่วนตัว โดยสามารถแบ่งปันให้บุคคลอื่นๆ โดยผู้รับสารสามารถเข้า ไปอ่าน หรือแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติมได้ ซึ่งการแสดงเนื้อหาของบล็อกนั้นจะเรียงลําดับจากเน้ือหา ใหม่ไปสู่เน้ือหาเก่า ผู้เขียนและผู้อ่านสามารถค้นหาเนื้อหาย้อนหลังเพ่ืออ่านและแก้ไขเพิ่มเติม ไดต้ ลอดเวลา เช่น Exteen, Bloggang, Wordpress,Blogger, Okanation 2. Social Networking หรือเครือข่ายทางสังคมในอินเทอร์เน็ต ซ่ึงเป็นเครือข่ายทางสังคม ที่ใช้สําหรับเช่ือมต่อระหว่างบุคคล กลุ่มบุคคล เพ่ือให้เกิดเป็นกลุ่มสังคม (Social Community) เพื่อร่วมกันแลกเปล่ียนและแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันท้ังด้านธุรกิจ การเมือง ก ารศึกษา เช่น Facebook, Hi5, Ning, Linked in,MySpace, Youmeo, Friendste 3. Micro Blogging และ Micro Sharing หรือท่ีเรียกกันว่า “บล็อกจ๋ิว” ซ่ึงเป็นเว็บเซอร์วิส หรือเว็บไซต์ท่ีให้บริการแก่บุคคลทั่วไป สําหรับให้ผู้ใช้บริการเขียนข้อความส้ันๆ ประมาณ 140 ตัวอักษร ที่เรียกว่า “Status” หรือ “Notice” เพื่อแสดงสถานะของตัวเองว่ากําลังทําอะไรอยู่ หรือ แจง้ ข่าวสารตา่ งๆ แก่กลุม่ เพอื่ นในสังคมออนไลน์ (Online Social Network) (Wikipedia,2010) ทัง้ นี้การกําหนดใหใ้ ช้ข้อมูลในรูปข้อความสน้ั ๆ กเ็ พ่ือใหผ้ ู้ใช้ที่เป็นทั้งผู้เขียนและผ้อู ่านเข้าใจง่าย ทน่ี ิยม ใช้กนั อย่างแพรห่ ลายคือ Twitter 4. Online Video เป็นเว็บไซตท์ ่ใี หบ้ ริการวดิ โี อออนไลนโ์ ดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซ่ึงปัจจุบันได้รับ ความนยิ มอยา่ งแพรห่ ลายและขยายตวั อย่างรวดเร็ว เน่ืองจากเน้ือหาที่นําเสนอในวิดีโอออนไลน์ไม่ถูก จํากดั โดยผงั รายการท่แี น่นอนและตายตัว ทําให้ผู้ใช้บริการสามารถติดตามชมได้อย่างต่อเน่ือง เพราะ ไมม่ ีโฆษณาค่ัน รวมท้ังผู้ใช้สามารถเลือกชมเน้ือหาได้ตามความต้องการและยังสามารถเช่ือมโยงไปยัง เว็บวดิ ีโออ่นื ๆ ท่ีเกีย่ วข้องไดจ้ ํานวนมากอีกด้วย เชน่ Youtube, MSN, Yahoo 5. Poto Sharing เป็นเว็บไซต์ที่เน้นให้บริการฝากรูปภาพโดยผู้ใช้บริการสามารถอัพโหลด และดาวน์โหลดรูปภาพเพ่ือนํามาใช้งานได้ ที่สําคัญนอกเหนือจากผู้ใช้บริการจะมีโอกาสแบ่งปัน รูปภาพแล้ว ยังสามารถใช้เป็นพื้นที่เพื่อเสนอขายภาพท่ีตนเองนําเข้าไปฝากได้อีกด้วย เช่น Flickr, Photobucket, Photoshop,Express, Zooom 6. Wikis เปน็ เวบ็ ไซต์ที่มีลักษณะเป็นแหล่งข้อมูลหรือความรู้ (Data/Knowledge) ซึ่งผู้เขียน ส่วนใหญ่อาจจะเป็นนักวิชาการ นักวิชาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านต่างๆ ทั้งการเมือง
การพฒั นาสอื่ การสอนพระพุทธศาสนา ๗๑ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ซึ่งผู้ใช้สามารถเขียนหรือแก้ไขข้อมูลได้อย่างอิสระ เช่น Wikipedia, Google Earth,diggZy Favorites Online 7. Virtual Worlds คอื การสร้างโลกจินตนาการโดยจําลองส่วนหน่ึงของชีวิตลงไป จัดเป็นส่ือ สังคมออนไลน์ท่ีบรรดาผู้ท่องโ ลกไซเบอร์ใช้เพื่อส่ือสารระหว่างกันบ นอินเทอร์เน็ตในลักษณะ โลกเสมือนจริง (Virtual Reality) ซึ่งผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการอาจจะบริษัทหรือองค์การด้านธุรกิจ ดา้ นการศึกษา รวมถงึ องคก์ ารด้านสอ่ื เช่น สํานักข่าวรอยเตอร์ สาํ นกั ข่าวซเี อน็ เอ็น ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการซื้อพ้ืนท่ีเพ่ือให้บุคคลในบริษัทหรือองค์กรได้มีช่องทางในการนําเสนอเรื่องราวต่างๆ ไปยังกลุ่ม เครือข่ายผู้ใช้ส่ือออนไลน์ ซ่ึงอาจจะเป็นกลุ่ม ลูกค้าทั้งหลัก และรองหรือ ผู้ท่ีเก่ียวข้องกับธุรกิจ ของบริษัท หรือองค์การก็ได้ ปัจจุบันเว็บไซต์ที่ใช้หลัก Virtual Worlds ที่ประสบผลสําเร็จและมี ช่อื เสียง คือ Second life 8. Crowd Sourcing มาจากการรวมของคําสองคําคือ Crowd และ Outsourcing เป็น หลักการขอความร่วมมือจากบุคคลในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยสามารถจัดทําในรูปของเว็บไซต์ท่ีมี วัตถุประสงค์หลักเพ่ือค้นหาคําตอบและวิธีการแก้ปัญหาต่างๆท้ังทางธุรกิจ การศึกษา รวมท้ังการ ส่อื สาร โดยอาจจะเป็นการดงึ ความร่วมมอื จากเครือข่ายทางสังคมมาช่วยตรวจสอบข้อมูลเสนอความ คิดเห็นหรือให้ข้อเสนอแนะ กลุ่มคนที่เข้ามาให้ข้อมูลอาจจะเป็นประชาชนท่ัวไปหรือผู้มีความ เชี่ยวชาญเฉพาะด้านท่ีอยู่ในภาคธุรกิจหรือแม้แต่ในสังคมนักข่าว ข้อดีของการใช้หลัก Crowd souring คือ ทําให้เกิดคว ามหลากหลายทางคว ามคิดเพื่อนํา ไปสู่การแก้ปัญหาท่ีมี ประสิทธภิ าพ ตลอดจนชว่ ยตรวจสอบหรอื คัดกรองขอ้ มลู ซ่ึงเปน็ ปญั หาสาธารณะร่วมกันได้ เช่น Idea storm, Mystarbucks Idea 9. Podcasting หรอื Podcast มาจากการรวมตัวของสองคํา คือ“Pod”กับ Broadcasting” ซึ่ง “POD” หรือ PersonalOn - Demand คือ อุปสงค์หรือความต้องการส่วนบุคคล ส่วน “Broadcasting” เป็นการนําส่ือต่างๆ มารวมกันในรูปของภาพและเสียง หรืออาจกล่าวง่ายๆ Podcast คือ การบันทึกภาพและเสียงแล้วนํามาไว้ในเว็บเพจ (Web Page) เพื่อเผยแพร่ให้ บุคคลภายนอก (The public in general) ที่สนใจดาวน์โหลดเพื่อนําไปใช้งาน เช่น Dual Geek Podcast, Wiggly Podcast 10. Discuss / Review/ Opinion เป็นเว็บบอร์ดท่ีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถแสดงความ คิดเห็น โดยอาจจะเก่ียวกับ สินค้าหรือบริการ ประเด็นสาธารณะทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เชน่ Epinions, Moutshut, Yahoo!Answer, Pantip,Yelp 6.3 บทเรยี นออนไลน์ (E-learning) คํา ว่า e-Learning โดยท่ัวๆ ไปจะครอบคลุมความหมายที่กว้างมาก กล่าวคือ จะหมายถึง การเรียนในลักษณะใดก็ได้ ซ่ึงใช้การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านทางอุปกรณ์ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ไมว่ ่าจะเป็น คอมพวิ เตอร์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรอื ทางสัญญาณโทรทศั น์ หรอื สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ก็ได้ ซ่ึงเน้ือหาสารสนเทศ อาจอยู่ในรูปแบบการเรียนท่ีเราคุ้นเคยกันมาพอสมควร เช่น คอมพิวเตอร์ช่ วยสอน (Computer-Assisted Instruction) การสอนบนเว็บ (Web-Based Instruction)
การพฒั นาสอ่ื การสอนพระพทุ ธศาสนา ๗๒ การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ อาจอยู่ใน ลักษณะท่ียังไม่ค่อยเป็นท่ีแพร่หลายนัก เช่น การเรียนจากวิดีทัศน์ ตามอัธยาศัย (Video On-Demand) เป็นต้น อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่เม่ือกล่าวถึง e-Learning จะหมายเฉพาะถึง การเรียนเนื้อหาหรือสารสนเทศ ซ่ึงออกแบบมาสําหรับการสอนหรือการอบรม ซึ่งใช้ เทคโนโลยีของเว็บ (Web Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา และเทคโนโลยีระบบ การจัดการคอร์ส (Course Management System) ในการบริหารจัดการงานสอนด้าน ตา่ งๆ โดยผเู้ รียนทเ่ี รียนจาก e-Learning น้สี ามารถศกึ ษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ และ/ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ นอกจากน้ี เน้ือหาสารสนเทศของ e-Learning สามารถ นําเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยีเชิง โต้ตอบ (Interactive Technology) อันท่ีจริง e-Learning เป็นรูปแบบการเรียนที่เกิดข้ึนเพื่อตอบสนองการเรียนใน ลักษณะทางไกล (Distance Learning)กล่าวคือเป็นรูปแบบการเรียนซ่ึงผู้เรียนไม่ จําเป็นต้องเดินทางมา เรียนในสถานที่เดียวกันในเวลาเดียวกันโดยผู้เรียนจะต้อง ศึกษา เนอื้ หาจาก e-Learning Courseware ซงึ่ หมายถงึ สอ่ื การเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์ที่ ไดร้ บั การออกแบบ และพฒั นาอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เพอ่ื ใช้ในการนาํ เสนอเนอื้ หาความรู้ ใน ลักษณะของสื่อประสม (multimedia) มีการเน้นความเป็น non-linear มีการออกแบบ กิจกรรมซึ่งผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับเน้ือหา (interaction) รวมทั้งมีแบบฝึกหัดและ แบบทดสอบให้ผู้เรียนสามารถตรวจสอบความเข้าใจได้ โดยเน้ือหาของ e-Learning Courseware จะมีการแบ่งไว้เป็นหน่วยๆ (module) เมื่อศึกษาด้วยตนเองแล้ว ผู้เรียนมี หน้าที่ในการอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมท้ังการสอบถามปัญหาต่างๆ กับ เพื่อนๆ ร่วมช้ันทางอิเล็กทรอนิกส์ (ซ่ึงในท่ีนี้หมายถึงออนไลน์) หลังจากนั้นผู้สอนอาจนัด หมายผู้เรียนมาพบ (ในชั้นเรียน หรือในลักษณะออนไลน์ก็ได้) แต่ไม่ใช่เพื่อการสอนเสริม แบบการเรยี นทางไกล ในลักษณะเดิม หากผู้สอนสามารถใช้เวลาน้ันในการเน้นย้ําประเด็น สําคัญๆท่ีผู้สอนทราบว่าผู้ เรียนมักจะเกิดปัญหา หรือตอบปัญหาที่ผู้เรียนพบจากการท่ีได้ ศึกษาด้วยตนเองแลว้ ก่อนทจ่ี ะมาเข้า ชัน้ เรยี นนั่นเอง อย่างไรก็ดี การเรียนในลักษณะ e-Learning ก็สามารถนํามาปรับใช้กับการเรียน ในลักษณะปรกติได้ หากนํามาใช้ อย่างถูกวิธี ผู้สอนก็ไม่จําเป็นต้องใช้วิธีการสอน ในลักษณะบรรยาย (lecture) เป็นส่วนใหญ่อีกต่อไป และสามารถ ใช้เวลาในห้องเรียนให้มี ประโยชน์สูงสุด เพราะ e-Learning สามารถนํามาใช้แทนท่ีหรือเสริมในส่วนของการ บรรยาย ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเน้ือหาการเรียนซ่ึงเน้นการท่อ งจํา (Verbal Information) และ ทักษะทางปัญญา (Intellectual Skills) จะขอยกตัวอย่างวิชา เทคโนโลยีและการศึกษาร่วมสมัยท่ีผู้เขียนสอนอยู่เพื่อให้เกิดความชัดเจนเช่น ในคาบแรก ของการสอนผู้เขียนจําเป็นต้องสอนเนื้อหาให้ครอบคลุมท้ังความหมาย ขอบเขต บทบาท
การพฒั นาสอ่ื การสอนพระพุทธศาสนา ๗๓ และพัฒนาการของ เทคโนโลยีทางการศึกษา การทจ่ี ะให้ผเู้ รียนเข้าใจในความหมายของคํา ว่าเทคโนโลยีการศึกษา ท่ีแท้จริงอย่างชัดเจนแล้ว ผู้เรียนจําเป็นที่จะต้องใช้เวลา ในการสร้างความหมายตามความคิดของผู้เรียนเอง (Conceptualize) ซ่ึงการได้มา ซึ่งความ คิดของตนเองนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดจากวิธีการสอนแบบบรรยายท้ังหมด ในขณะเดียวกนั หากผู้ สอนใชเ้ วลา ไปกับวิธีการสอนในลักษณะใหม่ที่ทําให้ผู้เรียนพยายาม สร้างความเขา้ ใจเกีย่ ว กับคอนเซปต์นั้นๆ ด้วยตนเอง เช่น การทํากิจกรรมเด่ียว และ/หรือ กจิ กรรมกลมุ่ หรอื การให้ผู้เรียนสรุปความจากเอกสาร หรือ การเชิญวิทยากรมา บรรยาย เพม่ิ เติมและสรุปประเด็น เป็นต้น ในกรณีนี้ ผู้สอนก็จะเกิดปัญหาในการสอนไม่ทันให้ครบ ตามหัวข้อในคาบนั้น e-Learning จึงช่วยผู้สอนในการสอนเนื้อหาท่ีไม่ต้องการการอธิบาย เพ่ิมเตมิ มากนัก เช่นในทีน่ ี้ ได้แก่ พัฒนาการของเทคโนโลยที างการศึกษา และช่วยทบทวน ในเน้ือหาท่ีไม่สามารถลงรายละเอียดได้ ดังน้ัน e-Learning ที่ออกแบบมาดี สามารถ นําเสนอเน้ือหาบางหัวข้อแทนผู้สอนได้โดยท่ีผู้สอนไม่จําเป็นต้องสอนใน ชั้นเรียน และผู้สอนสามารถใช้เวลาในชั้นเรียนอย่างคุ้มค่ามากข้ึนเช่น การออกแบบกิจกรรม ให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์แทน อย่างไรก็ดี ผู้สอนบางคนอาจจะเห็นว่า การปรากฏตัวของครู ในห้องเรยี นเพ่ือบรรยายเป็นสิ่งจําเป็นมากเพราะเม่ือ ผู้เรียนเกิดปัญหาก็สามารถท่ีจะตอบ ปัญหาหรือให้ผลป้อนกลับได้ทันที อย่างไรก็ตามให้ลองนึกกลับไปว่า ในชั้นเรียนท่ีผู้สอน บรรยายในครั้งหนึ่งๆ นั้น มีผู้เรียนที่ถามคําถามสักกี่คนและก่ีคําถามกัน ความจริงคือ มีจํานวนน้อยมาก อีกทั้ง การสร้างส่ืออิเล็กทรอนิกส์อย่างมีระบบ จะสามารถถ่ายทอด การสอนให้ใกล้เคียงกับการสอนได้จริง รวมท้ังสามารถที่จะนําส่ือประกอบท่ีผู้สอนใช้จริง มาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยใช้ส่ือในรูปแบบท่ีเหมาะสมและหลาก หลายทั้งนี้ เพ่ือเป้าหมายสําคัญในการ ส่ือความหมายให้ชัดเจนมากท่ีสุด และใช้นําเสนอผ่าน ทางคอมพิวเตอร์ นอกจากน้ี เชน่ เดยี วกนั กบั e-Learning กับการสอนทางไกล การใช้เวลา ในห้องเรยี นของการสอนในลักษณะปรกตนิ ี้ ผู้สอนจะต้องปรับกลยุทธ์การสอน ให้แตกต่าง ไปจากเดิม กล่าวคือ ผู้สอนต้องใช้เวลาในห้องเรียนให้มีประโยชน์สูงสุด เช่น การเลือก กิจกรรม หรอื ภาระงาน ท่ีมีความหมายต่อความเข้าใจเน้อื หาการเรยี นให้ผ้เู รยี นได้มีโอกาส ลงมอื ทํา หรือ การบรรยายเฉพาะส่วนของเนอื้ หา ที่เปน็ ประเดน็ สาํ คัญๆ ทีผ่ เู้ รียนมักจะพบ ปัญหา หรือ การใช้เวลาในการตอบปัญหาท่ีผู้เรียนพบจากการท่ีได้ศึกษา ด้วยตนเอง เปน็ ต้น 6.4 ระดับการถา่ ยทอดเนอื้ หา สําหรับ e-Learning แลว้ การถา่ ยทอดเนอ้ื หาสามารถแบ่งไดค้ รา่ วๆ เป็น 3 ระดบั ด้วยกัน กล่าวคือ
การพฒั นาสื่อการสอนพระพทุ ธศาสนา ๗๔ 1.ระดับเน้นข้อความออนไลน์ (Text Online) หมายถึง เนื้อหาของ e-Learning ในระดับนี้จะอยู่ในรูปของข้อความเป็นหลัก e-Learning ในลักษณะนี้จะเหมือนกับ การสอนบนเว็บ (WBI) ซึ่งเน้นเน้ือหาที่เป็นข้อความ ตัวอักษรเป็นหลัก ซึ่งมีข้อดี ก็คือ การประหยดั เวลาและค่าใช้จ่ายในการผลติ เนือ้ หาและการบริหารจดั การคอรส์ 2.ระดับ Low Cost Interactive Online Course หมาย ถึง เนื้อหาของ e- Learning ในระดับนี้จะอยู่ในรูปของตัวอักษร ภาพ เสียงและวิดีทัศน์ ที่ผลิตข้ึนมาอย่าง ง่ายๆ ประกอบการเรียนการสอน e-Learning ในระดับนี้จะต้องมีการพัฒนา CMS ที่ดี เพื่อชว่ ยผ้ใู ชใ้ นการปรบั เนือ้ หาใหท้ นั สมยั ไดอ้ ยา่ งสะดวก 3.ระดับ High Quality Online Course หมายถึง เน้ือหาของ e-Learning ในระดับน้ีจะอยู่ในรูปของมัลติมีเดียท่ีมีลักษณะมืออาชีพ กล่าวคือ การผลิตต้องใช้ทีมงาน ในการผลิตท่ีประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญเน้ือหา ผู้เช่ียวชาญการออกแบบการสอน (instructional designers) และ ผู้เช่ียวชาญการผลิตมัลติมีเดีย (multimedia experts) ซ่ึงหมายถึง โปรแกรมเมอร์ (programmers) นักออกแบบกราฟิค (graphic designers)และ/หรือผู้เช่ียวชาญในการผลิตแอนิเมชั่น (animation experts) เป็นต้น e-Learning ในลักษณะน้ีจะต้องมีการใช้เครื่องมือ (Tools) เพิ่มเติมในการผลิตและเรียกดู เน้ือหาด้วย 6.5 ระดบั การนาํ e-Learning ไปใช้ การนาํ e-Learning ไปใชป้ ระกอบกบั การเรยี นการสอน สามารถทาํ ได้ 3 ระดบั ดงั น้ี 1.สื่อเสริม (Supplementary) หมายถึงการนํา e-Learning ไปใช้ในลักษณะส่ือ เสริม กล่าวคือ นอกจากเน้ือหาที่ปรากฏในลักษณะ e-Learning แล้ว ผู้เรียนยังสามารถ ศึกษาเน้ือหาเดียวกันนี้ในลักษณะอื่นๆ เช่น จากเอกสาร(ชี้ท) ประกอบการสอน จากวิดีทัศน์ (Videotape) ฯลฯ การใช้ e-Learning ในลักษณะนี้เท่ากับว่าผู้สอนเพียง ต้องการ จัดหาทางเลือกใหม่อีกทางหน่ึงสําหรับผู้เรียนในการเข้าถึงเนื้อหาเพ่ือให้ ประสบการณพ์ เิ ศษเพ่ิมเตมิ แกผ่ ้เู รยี นเทา่ น้นั 2.ส่ือเติม (Complementary) หมายถึงการนํา e-Learning ไปใช้ในลักษณะ เพม่ิ เติมจากวิธีการสอนในลักษณะอ่ืนๆ เช่น นอกจากการบรรยายในห้องเรียนแล้ว ผู้สอน ยังออกแบบเน้ือหาให้ผู้เรียนเข้าไปศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจาก e-Learning ในความคิด ของผู้เขียนแล้ว ในประเทศไทย หากสถาบันใด ต้องการที่จะลงทุนในการนํา e-Learning ไปใชก้ บั การเรียน การสอนตามปรกติ (ที่ไม่ใช่ทางไกล) แล้ว อย่างน้อยควรต้ัง วัตถุประสงค์ในลักษณะของส่ือเติม (Complementary) มากกว่าแค่เป็นส่ือเสริม (Supplementary) เช่น ผู้สอนจะ ต้องให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาจาก e-Learning
การพัฒนาส่อื การสอนพระพุทธศาสนา ๗๕ เพอื่ วัตถุประสงค์ ใดวตั ถุประสงค์หนึ่ง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน ในบ้านเราซึ่งยังต้องการคําแนะนํา จากครู ผู้สอนรวมทั้งการท่ีผู้เรียนส่วนใหญ่ยังขาดการ ปลกู ฝงั ใหม้ ีความใฝร่ ู้ โดยธรรมชาติ 3.ส่อื หลกั (Comprehensive Replacement) หมายถึงการนํา e-Learning ไปใช้ ในลกั ษณะแทนท่ี การบรรยายในห้องเรียน ผู้เรียนจะต้องศึกษาเนื้อหาทั้งหมดออนไลน์ ใน ปัจจุบัน e-Learning ส่วนใหญ่ในต่างประเทศ จะได้รับการพัฒนาขึ้นเพ่ือวัตถุประสงค์ใน การใช้เป็นส่ือหลักสําหรับแทนครู ในการสอนทางไกล ด้วยแนวคิดที่ว่า มัลติมีเดีย ท่นี ําเสนอทาง e-Learning สามารถช่วยในการถ่ายทอดเนื้อหาได้ใกล้เคียงกับการสอนจริง ของครูผู้สอนโดย สมบรู ณ์ได้ แมว้ ่าการเรียนรายบุคคลผา่ นสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเร่ืองที่มีมานาน หลายสิบปีแล้ว แต่คําว่า e-Learning กลับเป็นเรื่องที่นักการศึกษาในบ้านเราเพ่ิงหันมาให้ความสนใจกัน ในขณะนี้ ทง้ั นีส้ ว่ นหน่ึงอาจเป็นเพราะในวงการศึกษา ระบบสาธารณูปโภคและเทคโนโลยี ที่เกีย่ วข้องกับการเรียนจาก e-Learning นี้เพ่ิงจะมีความพร้อมและได้รับความนิยม เป็นที่ แพร่หลายในเวลาไม่นาน กอปรกับราคาของเทคโนโลยีเหล่านี้เพ่ิงจะมีราคาลดลง e-Learning เปน็ รูปแบบการเรยี น ท่ีสามารถนําไปใช้ได้หลายระดับ ครูผู้สอนควรพิจารณา นําไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับความพร้อม ความถนัด ความ สนใจและความต้องการ ของตน แต่อย่างไรก็ดี ผ้สู อนทีส่ นใจจะนํา e-Learning ไปใช้กบั การสอนในลักษณะสื่อเติม หรือ ส่ือหลัก จะต้องให้ความร่วมมือในช่วงของการออกแบบและการพัฒนาอย่างเต็มท่ี ท้ังน้ีเพื่อให้ได้มาซึ่งสื่ออิเล็กทรอนิกส์ท่ี สามารถถ่ายทอดการสอนได้ใกล้เคียงกับการสอน จริงมากที่สุดเสียก่อน นอกจากน้ี ผู้สอนควรท่ีจะต้องมีการศึกษาหา รูปแบบท่ีเหมาะสม สําหรับการเรียนการสอนจาก e-Learning ของตนเพ่ือให้เกิดทั้งประสิทธิภาพ และประสิทธผิ ลต่อการ ศึกษาของผเู้ รยี นอยา่ งแทจ้ รงิ 6.6 ความหมายของบทเรยี นออนไลน์ e-Learning (อเี ลริ น์ นงิ่ ) ปี 1999 Campbell ไ ด้ ใ ห้ ค ว า ม ห ม า ย บ ท เ รี ย น อ อ น ไ ล น์ ( Online) e-Learning (อีเลิร์นนิ่ง) คือ การใช้เทคโนโลยีท่ีมีอยู่ในเครือข่าย อินเทอร์เน็ต (Internet) สร้าง การศึกษาที่มีปฏิสัมพันธ์ และการศึกษาที่มีคุณภาพสูง ท่ีผู้คนทั่วโลกมี ความสะดวก และสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ไม่จํากัดสถานที่และเวลา เป็นการเปิด ประตกู ารศกึ ษาตลอดชวี ิตให้กบั ประชากร” ปี 2000 Krutus ได้ให้คํานิยามไว้ว่าบทเรียนออนไลน์ (Online) อีเลิร์นนิง (e-Learning) หมายถึง รูปแบบของเน้ือหาสาระที่สร้างเป็นบทเรียนออนไลน์สําเร็จรูป ท่ีอาจใช้ซีดีรอม (CD-ROM) เป็นสื่อกลางในการส่งผ่าน หรือใช้การส่งผ่านอินเทอร์เน็ต (Internet) หรือเครือข่ายภายใน ท้ังนี้อาจจะอยู่ในรูปแบบคอมพิวเตอร์ช่วยการฝึกอบรม
การพฒั นาสือ่ การสอนพระพุทธศาสนา ๗๖ (Computer Based Training: CBT) และการใช้เว็บเพ่ือการฝึกอบรม (Web Based Training: WBT) หรือการเรียนการสอนทางไกล (Distance Learning) ผา่ นดาวเทียมก็ได้ จากเว็บไซต์ http://www.capella.edu/elearning ได้ให้ความหมายบทเรียน ออนไลน์ (Online) e-Learning (อีเลิร์นน่ิง) คือ นวัตกรรมทางการศึกษาท่ีเปล่ียนแปลงวิธี เรียนท่ีเป็นอยู่เดิม เป็นการเรียนท่ีใช้เทคโนโลยี ที่ก้าวหน้า เช่น อินทราเน็ต (Intranet) เอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet) อินเตอร์เน็ต (Internet) ดาวเทียม แผ่นซีดี (CD) วีดิโอเทป (VDO Tape) ฯลฯ ดังนั้นจึงหมายรวมถึงการเรียนทางไกล (Distance Learning) การเรียนผ่านเว็บ ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual classroom) ซ่ึงมีจุดเชื่อมโยง คอื เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นสื่อกลางของการเรียนรู้ ผศ.ดร.ถนอมพร (ตันพิพัฒน์) เลาหจรัสแสง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้คํา จํากดั ความไว้ 2 ความหมาย คือบทเรยี นออนไลน์ (Online) อีเลิร์นนงิ (e-Learning) 1. การเรียนเน้ือหา หรือสารสนเทศสําหรับการสอน หรือการอบรม ซ่ึงใช้การ นําเสนอด้วยตัวอักษร (Text) ภาพน่ิง (Image) ผสมผสานกับการใช้ภาพเคล่ือนไหว (Animation) วีดิทัศน์ และเสียง ( Sound) โดยอาศัยเทคนโลยีของเว็บ ( Web Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมทั้งใช้เทคโนโลยีการจัดการคอร์ส (Course Management System) ในการบรหิ ารจัดการงานสอนต่างๆ 2 . ก า ร เ รี ย น ใ น ลั ก ษ ณ ะ ใ ด ก็ ไ ด้ ซึ่ ง ใ ช้ ก า ร ถ่ า ย ท อ ด เ น้ื อ ห า ผ่ า น ท า ง อุ ป ก ร ณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ ( Computer) เครือข่ายอินทราเน็ต (Intranet) อินเตอร์เน็ต (Internet) เอ็กซทราเน็ต (Extranet) หรือสัญญาณโทรทัศน์ สญั ญาณดาวเทียม ดร. สุรสิทธิ์ วรรณไกรโรจน์ ผู้อํานวยการโครงการการเรียนรู้แบบออนไลน์แห่ง สวทช. ได้ให้คําจํากัดความของ บทเรียนออนไลน์ (Online) e-Learning (อีเลิร์นนิง) คือ การเรียนรู้แบบออนไลน์ หรือ e-learning (อีเลิร์นนิ่ง) การศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่าย คอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต(Internet) หรืออินทราเน็ต(Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเน้ือหาของบทเรียนซ่ึง ประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียน ผ่าน Web Browser โดย ผู้เรียน ผู้สอน และเพื่อนร่วมช้ันเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปล่ียนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดย อาศัยเคร่ืองมือการติดต่อ ส่ือสารท่ีทันสมัย เช่น e-mail, webboard, chat) จึงเป็นการ เรียนสําหรับทุกคน, เรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานท่ี (Learn for all : anyone, anywhere and anytime) บญุ เลศิ อรุณพบิ ลู ย์ และบุญเกยี รติ เจตจํานงนุช ได้ให้ความหมายบทเรียนออนไลน์ (Online) อีเลิร์นนิง (e-Learning) คือ การใช้ทรัพยากรต่างๆ ในระบบอินเตอรเน็ต (Internet) มาออกแบบและจัดระบบเพ่ือสร้างระบบการเรียนการสอน โดยการสนับสนุน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157