การบริหารจัดการในห้องเรยี น ๙๑ เคลื่อนไหว เพอ่ื ชีแ้ จง นโยบาย กฎ ระเบียบ ทีก่ ำหนดขน้ึ ใหเ้ ข้าใจตรงกนั ๖.๔.๒ การติดต่อสอ่ื สารภายนอก (External Communication) เปน็ การติดต่อสือ่ สาร ระหวา่ งองคก์ ารกับบคุ คลภายนอกองค์การ เพื่อเผยแพรข่ า่ วสารให้เกิดความเขา้ ใจเกย่ี วกับกจิ การของ องคก์ าร ๖.๕ ลักษณะของการปฏิบัติงาน ๖.๕.๑ การติดตอ่ สอ่ื สารแบบเปน็ ทางการ หมายถงึ การติดต่อสื่อสารท่ีเป็นระเบียบแบบแผน มีขอ้ จำกดั วางไว้โดยชดั แจง้ ๖.๕.๒ การตดิ ตอ่ สือ่ สารแบบไม่เปน็ ทางการ หมายถึง การติดต่อสื่อสารท่ีไมไ่ ดด้ ำเนินไปตาม ระเบียบแบบแผนท่กี ำหนดไว้ ๖.๖ หลกั การทัว่ ไปของการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ๖.๖.๑ กำหนดจุดมุ่งหมายของการติดต่อสื่อสารใหช้ ัดเจน ๖.๖.๒ กำหนดแผนหรอื วิธีการทจ่ี ะใช้ในการติดตอ่ สอื่ สาร ๖.๖.๓ กำหนดว่าจะใช้อะไรเป็นส่ือ ในการติดตอ่ สอ่ื สาร ๖.๖.๔ ตรวจสอบเน้ือหาของข่าวสาร ๖.๖.๕ ติดตามผลหรือขอ้ มูลย้อนกลบั เพือ่ ทราบและปรบั ปรุงแกไ้ ข ๖.๗ กระบวนการตดิ ตอ่ สือ่ สาร ๖.๗.๑ ผสู้ ่งข่าวสารข้อมูล ๖.๗.๒ ผู้รบั ขา่ วสารข้อมูล ๖.๗.๓ ช่องทางการตดิ ต่อสื่อสาร ๖.๗.๔ สัญลักษณ์ตา่ ง ๆ รอ็ บบนิ สแ์ ละคลู ตาร์ (Robbins and Coultar) ได้กลา่ วถงึ องค์ประกอบกระบวนการ ตดิ ต่อสื่อสารไว้ ๗ องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ ๑. ผสู้ ง่ ข่าวสาร (sender) อาจเป็นคนหนง่ึ หรือกล่มุ ทตี่ ้องการสือ่ สารไปยังผูอ้ ่ืน จะตอ้ งมี เปา้ หมายชดั เจนว่าตนจะสอื่ สารอะไร ไปใหใ้ คร เพื่อเป้าหมายใด และใช้ชอ่ งทางการส่ือสารแบบใด ๒. ข่าวสาร (message) ส่งท่ผี ู้ส่งข่าวสารต้องการถ่ายทอดใหผ้ ูร้ บั ขา่ วสารรับรู้ ๓. การเข้ารหัส (encoding) หรอื การแปลความหมายของขา่ วสารทีจ่ ะส่ง ผู้ส่งจะตอ้ งแปล ความคิดของตนให้เป็นสัญลักษณ์ทีม่ ีความหมายและให้ผรู้ ับเข้าใจ อาจเป็นการพดู การเขยี น หรอื อย่างอน่ื
การบรหิ ารจัดการในหอ้ งเรียน ๙๒ ๔. ชอ่ งทางส่งข่าวสาร (channel) ผสู้ ่งตอ้ งเลอื กช่องทางใหเ้ หมาะสมกบั จดุ ประสงค์และชนดิ ของข่าวสาร ๕. การแปลความหมายหรือการถอดรหัส (decoding) ผู้รับสารต้องแปลความหมายของ ขา่ วสารทส่ี ง่ มา โดยอาศยั ความรู้ ประสบการณ์ ทักษะและความสมั พันธ์ทม่ี กี บั ผู้สง่ สารดว้ ย ๖. ผู้รับข่าวสาร (receiver) ไดแ้ ก่ ผูฟ้ งั ผู้อ่าน หรือผู้รบั สญั ญาณต่างๆ ๗. การสง่ ข้อมลู ปอ้ นกลับ (feedback) สิง่ ทต่ี ้องระมดั ระวงั ในการสือ่ สารคอื ความเข้าใจ ตรงกนั ระหว่างผรู้ บั สารและผสู้ ่งสาร เพือ่ แก้ไขใหเ้ ข้าใจตรงกันก็โดยอาศยั การใหข้ ้อมลู ปอ้ นกลับของ ผ้รู ับสาร ๔๘ ๖.๘ รูปแบบของการตดิ ต่อสอ่ื สาร ๖.๘.๑ การติดต่อสือ่ สารจากบนลงลา่ ง เป็นลักษณะการติดต่อสอ่ื สารท่ีเปน็ ไปตามสายบงั คับ บัญชาจากบนลงล่าง ๖.๘.๒ การติดตอ่ สอ่ื สารจากลา่ งข้ึนบน เปน็ ลกั ษณะการติดต่อส่ือสารจากผู้ใต้บังคบั บัญชา หรอื ผรู้ ว่ มงานไปยงั ผู้บังคับบญั ชาระดบั สงู ๖.๘.๓ การตดิ ตอ่ สื่อสารแบบแนวนอน เป็นลกั ษณะการติดตอ่ สอ่ื สารระหวา่ งบุคคลที่ดำรง ตำแหนง่ อยใู่ นระดบั เดยี วกนั หรอื ใกลเ้ คยี งกัน ๖.๘.๔ การติดต่อสือ่ สารแบบแทยงมมุ เปน็ ลักษณะการตดิ ตอ่ ส่ือสารในแนวไขว้ จะถกู ใช้นอ้ ย ทสี่ ุดในองคก์ าร ๖.๙ การตดิ ต่อส่ือสารระหวา่ งมนุษย์ อาจเกดิ ขนึ้ ได้ ๔ ทาง ๖.๙.๑ การใชค้ ำพดู ๖.๙.๒ ไมใ่ ช้คำพูด ได้แก่ ภาษาเงยี บ การสมั ผัส การใชภ้ าษาทา่ ทาง ๖.๙.๓ การใชส้ ญั ลักษณ์ ๖.๙.๔ รูปภาพ ๖.๑๐-หลกั การและทฤษฎีในการตดิ ต่อสือ่ สารทวั่ ไป ๖.๑๐.๑ ทฤษฎสี ่อื สารเชงิ ระบบพฤติกรรม เป็นทฤษฎีท่ีอธิบายการกระทำทางการสือ่ สารวา่ เปน็ ระบบพฤติกรรม ๖.๑๐.๒ ทฤษฎีสอื่ สารเชงิ พฤตกิ รรมการถอดรหัสและเขา้ รหสั คอื ทฤษฎที ีม่ ุง่ อธิบายกจิ กรรม การเข้ารหสั และถอดรหัสของผู้สง่ สารและผรู้ ับสาร ๔๘ การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร http://www.kroobannok.com/blog/๒๖๔๘๒.
การบรหิ ารจดั การในห้องเรียน ๙๓ ๖.๑๐.๓ ทฤษฎสี ่ือสารเชิงปฏสิ ัมพนั ธ์ คือ ทฤษฎีทมี่ ่งุ อธิบายกระบวนการเช่ือมโยงหรอื ความ สัมพนั ธร์ ะหว่างผูส้ ่งสารหรอื ผู้รบั สาร ๖.๑๐.๔ ทฤษฎสี ่ือสารเชิงบริบททางสังคม คือ ทฤษฎีวา่ ด้วยปจั จยั ทมี่ ีอิทธิพลอยา่ งสำคัญตอ่ การสอ่ื สารของมนษุ ย์ การตดิ ตอ่ สอ่ื สารของมนษุ ย์เปน็ พฤติกรรมทเ่ี กิดขึ้นภายในสภาพแวดล้อมหรอื สถานการณ์ (Contexts) อย่างใดอย่างหน่งึ และสถานการณ์ดงั กล่าวกม็ ักจะมีอทิ ธพิ ลต่อรปู แบบและวิธกี าร ตดิ ตอ่ สอื่ สารนน้ั ๆ ด้วย การติดตอ่ สอ่ื สารของมนษุ ยเ์ ปน็ ผลสืบเนอื่ งมาจากสภาพแวดลอ้ มท่ีเกยี่ วขอ้ ง กับทฤษฎใี ดทฤษฎีหนึง่ หรอื หลายทฤษฎปี ระกอบกนั ดังต่อไปนี้ ๖.๑๐.๔.๑ ทฤษฎีทางจิตวทิ ยา(Psychological Theory) พฤติกรรมการติดตอ่ ส่ือสาร คือ คณุ ลักษณะเฉพาะของอวัยวะตา่ ง ๆ ของแต่ละบคุ คล เกิดขึ้นระหวา่ งเวลาทบี่ คุ คลเปดิ รับขา่ วสาร กบั เวลาที่บคุ คลนั้นตอบรับขา่ วสารนนั้ ทฤษฎีสำคญั ท่ีเกย่ี วข้องกับการตดิ ต่อสือ่ สารของมนุษย์ทส่ี ำคัญ ได้แก่ ทฤษฎเี ก่ยี วกบั ส่งิ เรา้ การตอบสนอง ทฤษฎเี กยี่ วกับแรงกระตุ้น (motivation) โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งความต้องการทาง ร่างกายของมนุษย์ (physical needs) และความต้องการทางดา้ นจิตใจ (psychological needs) อันเปน็ พน้ื ฐานสำคญั ของการติดตอ่ ส่ือสารเพ่อื โนม้ น้าวใจ (persuasion) ในกระบวนการติดตอ่ สอื่ สาร ระหว่างบุคคล ๖.๑๐.๔.๒ ทฤษฎที างสังคม (Socialogical Theory) แนวคิดน้มี พี ื้นฐานมาจากทฤษฎี และการวจิ ยั เกี่ยวกับกระบวนการปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างบรรดาสญั ลักษณ์ตา่ งๆ(Symbolic interaction) ในสังคมทฤษฎนี ถี้ อื วา่ พฤตกิ รรมตา่ งๆของมนุษยท์ เี่ กิดขึ้นในสังคมเป็นผลมาจากการมีปฏิกริ ิยา ระหว่างกนั และกนั ของการติดต่อสือ่ สารระหวา่ งมนุษย์ วิลเลียม ชูทซ์ (William Schutz, ๑๙๖๖ “ ๑๐๒ - ๑๐๕) นกั จิตวิทยาอธิบายว่าที่ มนุษยต์ ้องมกี ารตดิ ตอ่ สื่อสารนั้นก็เพอื่ สนองความต้องการทางสงั คมทีส่ ำคญั ๓ ประการ คอื ๑.การเป็นสว่ นหน่ึงของสงั คม (inclusion) ๒.ความตอ้ งการการควบคุม (control) ๓.ความต้องการความรกั (affection) ๖.๑๑ หลักการและทฤษฎใี นการติดตอ่ สอ่ื สาร ๖.๑๑.๑ การติดตอ่ สือ่ สาร : การตอบสนองซึง่ กันและกนั Mary Parker Follett ไดเ้ สนอแนวคิดเก่ียวกับการติดตอ่ สอื่ สารไว้ ๒ แนวคิด คอื
การบริหารจัดการในหอ้ งเรียน ๙๔ ๑. การตอบสนองซ่ึงกนั และกนั Follett เชอ่ื วา่ ในความสมั พันธร์ ะหวา่ งบคุ คลจะไม่ เกิดปฏิกิรยิ าตอบ สนองต่อสิง่ เรา้ แบบดัง้ เดิม แตค่ นมีปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งกัน (interaction) มีอิทธิพล ตอ่ กันและยอมรบั เก่ยี วกับวงของสง่ิ ย้อนกลบั (feedback loop) ของการติดตอ่ ระหวา่ งกัน ๒. เป้าหมายของการรวมตวั กัน บางคร้งั เรยี กว่า “การประสานงาน” มกี ารจดั การให้คนใน องคก์ ารบรรลุความม่งุ หมายรว่ มกนั Elton Mayo และคณะได้ใช้วิธีการสัมภาษณค์ นงาน โดยมี วตั ถุประสงค์เพอื่ ทราบความคดิ เหน็ ของคนงานในเรื่องงานทีป่ ฏบิ ตั ิอยู่ ความสมั พันธข์ องผู้บงั คับ บัญชาที่มตี ่อผู้ใต้ บังคบั บัญชา Mayo ได้ใหแ้ นวทางทีผ่ สู้ มั ภาษณ์ตอ้ งปฏบิ ัติตามดงั นี้ ซง่ึ ถอื ว่าเปน็ เทคนิคการฟังท่มี ปี ระสิทธผิ ล ๒.๑ มุ่งความสนใจไปยังบุคคลที่ถูกสัมภาษณ์ ๒.๒ ฟังเพยี งอยา่ งเดยี ว หา้ มพูด ๒.๓ ห้ามโต้แย้งหรอื ใหค้ ำแนะนำ ๒.๔ ฟังในส่ิงท่ีผ้ถู ูกสมั ภาษณ์ไดพ้ ูดหรอื ไมต่ ้องการพูดถึง หรอื ไม่สามารถพูด ๒.๕ สรุปสิ่งทผ่ี ้ถู ูกสมั ภาษณไ์ ด้พูดและใหข้ อ้ เสนอแนะ ๒.๖ สิ่งทพี่ ดู ถือว่าเป็นความลบั ๖.๑๑.๒ หลักการตดิ ต่อสอื่ สารของ Chester I. Barnard ๖.๑๑.๒.๑ ช่องทางการติดตอ่ ส่ือสารควรประกาศให้รู้อยา่ งชดั เจนและแน่นอน ๖.๑๑.๒.๒ อำนาจหนา้ ท่ปี รากฏอยูใ่ นชอ่ งทางของการตดิ ต่อสื่อสารอยา่ งเป็นทางการ ๖.๑๑.๒.๓ เสน้ ทางของการติดต่อสือ่ สาร (line of communication) ตอ้ งสัน้ และ ตรงประเดน็ ๖.๑๑.๒.๔ เส้นทางของการติดตอ่ ส่อื สารที่สมบูรณจ์ ะถูกนำมาใช้ ๖.๑๑.๒.๕ ผู้ท่ีมคี วามสามารถจะเป็นศนู ยก์ ลางของการติดต่อส่ือสารซงึ่ ไดแ้ ก่ เจ้าหน้าท่ี หัวหน้างาน ๖.๑๑.๒.๖ เมื่อองคก์ ารกำลังดำเนินการ ไมค่ วรขัดขวงเส้นทางของการตดิ ต่อส่ือสาร ๖.๑๑.๓ แนวทางการศึกษาเชงิ พฤตกิ รรมศาสตร์ของการตดิ ตอ่ สือ่ สาร ๖.๑๑.๓.๑ พฤตกิ รรมทุกชนดิ เป็นการติดตอ่ ส่ือสาร ๖.๑๑.๓.๒ การตดิ ต่อส่ือสารอาจจะใชพ้ ฤติกรรมทงั้ ทางวัจนะ (verbal) หรืออวจั นะ (nonoverbal) ในขณะทำการติดตอ่ ส่อื สารทุกคร้ัง ๖.๑๑.๓.๓ การตดิ ต่อสื่อสารทกุ ครัง้ มเี นื้อหาสารและเน้ือหาสารจะกำหนดพฤติกรรม ความสมั พนั ธ์ระหว่างแหล่งสารกบั ผู้รับสารด้วย ๖.๑๑.๓.๔ พฤตกิ รรมการติดต่อสอ่ื สารมีลักษณะเป็นกระบวนการ ๖.๑๑.๓.๕ พฤตกิ รรมการติดตอ่ สอ่ื สารมลี ักษณะเป็นวงกลม (Circular) ๖.๑๑.๓.๖ พฤตกิ รรมการติดต่อสือ่ สารมลี กั ษณะซับซ้อน (Complex)
การบริหารจัดการในห้องเรยี น ๙๕ ๖.๑๑.๓.๗ การตดิ ตอ่ สอ่ื สารมีลกั ษณะของพฤตกิ รรมการเข้ารหสั สารและถอดรหสั สาร(Decoding-Encoding Behavior) ๖.๑๑.๓.๘ พฤติกรรมการตดิ ต่อสื่อสารมีลักษณะเป็นปฏิสัมพนั ธ์ (Interaction) ๖.๑๑.๓.๙ การตดิ ต่อสอ่ื สารเปน็ พฤตกิ รรมที่ไม่สามารถแกไ้ ขใหม่ (Irreversible) หรอื ซ้ำของเดมิ ได้ (unrepeatable) ๖.๑๒ อุปสรรคของการตดิ ตอ่ สอื่ สาร ๖.๑๒.๑ ผูส้ ่งข่าวสารขาดทักษะในการส่ือสาร ๖.๑๒.๒ ผ้รู ับข่าวสารจะเลอื กรบั ข้อมลู ตามความเช่ือ ๖.๑๒.๓ ลักษณะและขนาดองคก์ าร ๖.๑๒.๔ ภูมหิ ลงั ๖.๑๒.๕ อารมณ์ ๖.๑๒.๖ ทัศนคติของบคุ คลทีม่ ีตอ่ กนั ๖.๑๒.๗ การขาดขอ้ มูลป้อนกลบั ทดี่ ี ๖.๑๓ การปรบั ปรุงเพ่อื การตดิ ต่อสอ่ื สารทีม่ ปี ระสทิ ธิผล ๖.๑๓.๑ การสร้างบรรยากาศอันมลี กั ษณะสนับสนนุ ๖.๑๓.๒ การตดิ ตอ่ สื่อสารแบบสองทาง หรือแบบย้อนกลับ ๖.๑๓.๓ การเปดิ โอกาสให้ผรู้ บั ขา่ วสารมีส่วนรว่ ม ๖.๑๓.๔ การสง่ ขา่ วสารขอ้ มูลในหนว่ ยงานทีเ่ ลก็ หรือในกลุม่ คนจำนวนน้อย ๖.๑๔ ประโยชนท์ ี่จะไดร้ ับจากการติดต่อส่ือสาร ๖.๑๔.๑ ช่วยใหก้ ารทำงานเป็นไปอยา่ งถกู ต้องและรวดเรว็ ๖.๑๔.๒ เป็นบอ่ เกิดของความสามคั คี ๖.๑๔.๓ ช่วยเปน็ ขวญั และกำลงั ใจของผปู้ ฏิบัติงานดีข้ึน ๖.๑๔.๔ ช่วยใหก้ ารควบคุมงานได้ผลดขี น้ึ และก่อใหเ้ กดิ เอกภาพในการบงั คับบัญชา ๖.๑๔.๕ ทำใหม้ กี ารประสานงานดีข้ึน
การบรหิ ารจัดการในห้องเรยี น ๙๖ สรุปทา้ ยบท การติดต่อสือ่ สารเปน็ กระบวนท่ีสำคญั ในการบริหาร โดยเฉพาะการอำนวยการเน่ืองจากในทุก ข้นั ตอนของการบรหิ ารย่อมมกี ารติดต่อสอ่ื สารเข้าไปเก่ียวข้องอย่ดู ว้ ยเสมอ ในการบรหิ ารงานองค์การ ผ้บู รหิ ารต้องใหค้ วามสำคัญในเรื่องการตดิ ตอ่ ส่ือสารเป็นอย่างย่ิง เพราะความสำเร็จองคก์ ารไมอ่ าจ เกดิ ขน้ึ ได้ถา้ ขาดการติดต่อสือ่ สารที่มีประสทิ ธภิ าพ พน้ื ฐานที่สำคัญของการบริหารจดั การภายในองค์กรข้ึนอยู่กับ “การสื่อสารทดี่ ี” อันจะมีผลให้ เกดิ ความเข้าใจ ความรว่ มมอื และการประสานงานทด่ี ี ด้วยแผนงานตา่ ง ๆ ที่จะนำไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิได้ อย่างถูกต้อง เหมาะสม และตรงตามเป้าหมาย การส่ือสารที่ดีจงึ เปน็ กลยุทธ์ที่จะสามารถกระตนุ้ ให้ เกดิ การปฏบิ ัตทิ ่ีมปี ระสิทธภิ าพและเกิดผลสำเร็จแกอ่ งคก์ ร การสื่อสารทมี่ ีประสทิ ธภิ าพท่สี ดุ คอื การสอื่ สารทเ่ี ขา้ ใจง่าย ใช้วิสัยทศั นท์ ช่ี ดั เจนในการกระตนุ้ พลงั ในการทำงานและเพ่ิมประสทิ ธผิ ลของ บคุ ลากรในองค์กรเพ่อื ให้สามารถร่วมกนั นำพาองค์กรไปส่คู วามสำเรจ็ ตามเปา้ หมายได้อย่างสูงสดุ อย่างไรก็ตามแม้ว่าการส่ือสารจะเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญท่ีสุดในการบริหารจัดการองค์กร หาก ผู้บ ริห ารไม่ มี ภ าวะ ผู้น ำแ ละไม่ สาม ารถ น ำก ลยุท ธ์ก ารสื่ อ สารม าใช้ อย่างช าญ ฉ ลาด แ ละ มี ประสิทธิภาพแล้ว ย่อมจะนำพาองค์กรไปสู่ความล้มเหลวได้ ไม่ว่าองค์กรจะมีการเปล่ียนแปลงไป อยา่ งไรและผูบ้ ริหารขององค์กรจะใชก้ ลยุทธ์ใดในการบริหารจัดการก็ตาม ภาวะผูน้ ำของผบู้ ริหารทจ่ี ะ สามารถน ำพ าอ งค์ กรไป สู่ความสำเร็จน้ั น ยังคงเป็ นศ าสตร์แ ล ะศิ ลป์ ท่ี มีความสำคั ญ อยู่อย่างไม่ เปลี่ยนแปลง
การบรหิ ารจัดการในหอ้ งเรยี น ๙๗ คำถามท้ายบท ๑.คำว่า “การสอื่ สาร” มีที่มาและความหมายว่าอย่างไร ฯ ๒.จงบอกความสำคญั ของคำว่า “การสอ่ื สาร” มาสัก ๓ ขอ้ พรอ้ มยกตวั อยา่ งอธบิ าย ฯ ๓.หลกั การสำคัญหรอื กระบวนการส่อื สารมีเทา่ ไร อะไรบ้าง ฯ ๔.จงนำเสนอ หลักการติดต่อส่ือสารของ Chester I. Barnard มเี ท่าไร อะไรบ้าง ฯ ๕.การสือ่ สารจะมีประสทิ ธิภาพนนั้ ต้องประกอบด้วยอะไรและไดป้ ระโยชน์อย่างไร ฯ
การบริหารจัดการในหอ้ งเรยี น ๙๘ เอกสารอ้างอิงประจำบท การสอื่ สาร. [ออนไลน์] เข้าถงึ ได้จาก : http://th.wikipedia.org/wiki (วันท่ีสบื ค้นข้อมูล : ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕). การสือ่ สาร. [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.ranong๒.dusit.ac.th/KM&R/ca๒.doc. (วันท่ีสบื คน้ ขอ้ มลู : ๑๐ มกราคม ๒๕๕๔). การติดต่อสอื่ สาร.[ออนไลน์] เขา้ ถึงได้จาก : http://www.kroobannok.com/blog/๒๖๔๘๒. (วนั ทส่ี บื คน้ ข้อมลู : ๒ มกราคม ๒๕๕๔). การติดต่อส่อื สาร.[ออนไลน์]เข้าถึงได้จาก: http://www.rpk.ac.th/main/index.php?option=com_content&view=article&i (วนั ทส่ี ืบคน้ ขอ้ มลู : ๗ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๕).
การบริหารจัดการในหอ้ งเรยี น ๙๙ บทท่ี ๗ การบริหารจัดการช้ันเรยี น วตั ถุประสงคป์ ระจำบทเรียน เมื่อศกึ ษาบทที่ ๗ จบแล้ว นสิ ติ สามารถ o ๑.อธิบายความหมายและความสำคัญการบรหิ ารจัดการชั้นเรียนได้ o ๒.อธิบายแนวคิดเกีย่ วกบั การบริหารการจัดการช้ันเรยี นได้ o ๓.อธิบายการเตรียมตัวเพ่ือการบริหารจัดการชนั้ เรยี นได้ o ๔.อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างการบรหิ ารจัดการชั้นเรียนได้ o ๕.อธบิ ายวิจัยเชิงบวกในห้องเรียนได้ ขอบข่ายเนื้อหา ๑.ความหมายและความสำคัญการบริหารจดั การชัน้ เรยี น ๒.แนวคดิ เกยี่ วกบั การบริหารการจดั การช้ันเรียน ๓.การเตรียมตัวเพื่อการบริหารจดั การชัน้ เรียน ๔.ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งการบรหิ ารจดั การชนั้ เรียน ๕.วิจยั เชิงบวกในห้องเรียน
การบริหารจดั การในห้องเรียน ๑๐๐ ๗.๑ ความนำ การเรยี นรู้ทมี่ ีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลน้ันเกดิ จากการเรยี นรูท้ ี่ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมใน กิจกรรมการเรยี นรู้ ไดค้ ิดลงมือทำกิจกรรมอยา่ งกระตือรือร้น ต่ืนตวั ตื่นใจ หรือมีใจจดจ่อผกู พันกบั สิ่ง ท่ีทำด้วยตนเอง มิใช่เพียงทำไปให้เสร็จภารกิจเท่าน้ัน เพราะฉะน้ันผู้เรียนจะต้องได้รับส่ิงกระตุ้นท่ี ก่อให้เกิดพฤติกรรมให้เกิดความใฝ่เรียนใฝ่รู้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการดูแลสนับสนุนและการอำนวย ความสะดวกของครูในการจัดกิจกรรม ให้เด็กได้สร้างความรู้ผ่านการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน กับครู และ ส่ิงแวดล้อม ดังนั้นการจัดบรรยากาศท่ีเหมาะสมจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก เพราะ การเรียนท่ามกลางบรรยากาศที่มีความสุข ผู้เรียนจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายไม่กดดัน ทำให้เกิดการ เรียนรู้ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ ดังน้ัน ผู้เป็นครูจึงต้องเป็นผู้วางแผนการเรียนรู้มีความรู้ความเข้าใจ เก่ียวกับความหมาย ความสำคัญ ประเภทของบรรยากาศ หลักการจัดบรรยากาศในชน้ั เรียนและการ จดั การเรียนรอู้ ยา่ งมีความสุข เพ่อื พัฒนาผู้เรียนใหม้ ีลกั ษณะตามท่ีหลกั สตู รไดก้ ำหนดไว้๔๙ ๗.๒ ความหมาย โดยส่วนใหญ่แล้วจะเขา้ ใจกันวา่ การจดั การช้นั เรยี น คอื การจดั สภาพของห้องเรยี นทางดา้ น กายภาพหรือการตกแต่งห้องเรียนดว้ ยวสั ดุตกแต่งเพื่อเป็นการจูงใจนักเรียนให้มคี วามสนใจ และต้งั ใจ เรียน นนั่ เปน็ เพียงสว่ นหน่ึงของการจัดการชัน้ เรียนเทา่ นน้ั หากแต่ต้องมกี ารสรา้ งสรรค์และเอาใจใส่ สภาพบรรยากาศภายในห้องเรยี นดว้ ยเชน่ กัน ครูจงึ เปน็ บคุ คลท่หี ลกี เล่ียงไม่ไดเ้ ลยในการรบั หน้าทีเ่ ป็น ผูส้ รา้ งและส่งเสรมิ กระบวนการเรียนการสอน กระตนุ้ ความใฝ่รแู้ ละใสใ่ จในการศึกษาของผู้เรยี น สร้าง ความมีระเบียบวนิ ัยให้กับผู้เรยี น อีกทง้ั ตอ้ งคงสภาพส่งิ แวดลอ้ มเหลา่ นี้เพอื่ ช่วยใหก้ ารสอนในชนั้ เรียน เปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพและเกิดประสิทธิผลแก่ผเู้ รยี นอย่างยง่ั ยืน การจดั การชั้นเรยี น จงึ มีความหมายกว้าง นบั ต้งั แต่การจดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพใน ห้องเรียน การจดั กับพฤติกรรมทีเ่ ปน็ ปัญหาของนักเรยี น การสร้างวนิ ยั ในช้ันเรียนตลอดจนการจัดกิจ กรรมการเรยี นการสอนของครู และการพัฒนาทักษะการสอนของครใู หส้ ามารถกระตนุ้ พร้อมทัง้ สรา้ ง แรงจงู ใจในการเรียน เพอื่ ให้นักเรยี นสามารถเรียนรูไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ นอกจากนีแ้ ล้วยังมนี กั การศกึ ษาหลายท่านไดก้ ำหนดความหมายของการจดั การช้นั เรียนไปใน แนวทางเดียวกัน ดงั น้ี หมายถงึ -การทีค่ รสู รา้ งและคงสภาพสิง่ แวดล้อมในการเรียนรูท้ ่ีนำไปสูก่ ารจัดการเรียนการ สอนที่ประสบการผลสำเร็จท้งั ในดา้ นสิง่ แวดล้อมทางกายภาพ (physical environment) การสรา้ ง กฎระเบียบและการดำเนนิ การทท่ี ำให้บทเรียนมคี วามนา่ สนใจอย่างต่อเน่ือง รวมท้ังการมีส่วนร่วมใน กิจกรรมทางวชิ าการในช้นั เรยี น ๔๙ การบริหารจดั การชัน้ เรยี น. http://inded.rmutsv.ac.th/datapdf/๐๘/๒๐๑๐-๐๘-๐๙_๐๗-๕๒-๔๓_chaiya.pdf.
การบรหิ ารจัดการในหอ้ งเรียน ๑๐๑ การจัดการชั้นเรียนไว้วา่ เป็นยุทธศาสตรแ์ ละการปฏบิ ัติทคี่ รูใช้เพือ่ คงสภาพความเป็นระเบยี บ เรยี บร้อย การจัดการหอ้ งเรียนอย่างมปี ระสทิ ธิภาพวา่ หมายถงึ การสรา้ งและการรกั ษาสง่ิ แวดล้อมของ หอ้ งเรียนเพ่อื เอื้อตอ่ การเรียนรู้ของนักเรยี น หรือหมายถงึ กิจกรรมทกุ อยา่ งท่ีครทู ำเพ่อื จะชว่ ยใหก้ าร สอนมีประสิทธภิ าพและนักเรยี นมีผลสัมฤทธิ์ในการเรยี นรตู้ ามวัตถุประสงคท์ ตี่ ั้งไว้ การจดั การชัน้ เรียนไวว้ า่ เปน็ พฤตกิ รรมการสอนที่ครูสร้างและคงสภาพเงื่อนไขของการเรยี นรู้ เพือ่ ชว่ ยใหก้ ารเรยี นการสอนมีประสทิ ธภิ าพ และเกิดประสทิ ธิผลขน้ึ ในชั้นเรียนซ่ึงถอื เป็นชุมชนแห่ง การเรียนรู้ การจดั การชั้นเรียนทีม่ คี ุณภาพน้ันตอ้ งเปน็ กระบวนการท่ีดำเนินไปอยา่ งตอ่ เน่ืองและคง สภาพเช่นนไี้ ปเรอ่ื ย ๆ โดยสรา้ งแรงจงู ใจในการเรียนรู้ การใหผ้ ลยอ้ นกลบั และการจดั การเกยี่ วกบั การ ทำงานของนักเรยี น ความพยายามของครูท่มี ปี ระสิทธภิ าพนัน้ หมายรวมถึง การท่ีครเู ป็นผูด้ ำเนนิ การ เชิงรุก (proactive) มคี วามรับผิดชอบ(responsive) และเป็นผู้สนับสนนุ (supportive) การบรหิ ารจัดการชน้ั เรยี น ประกอบด้วยความคดิ การวางแผนและการปฏบิ ัติทัง้ หลายทงั้ ปวง ของครทู ี่สร้างสรรคส์ ภาพแวดล้อมอยา่ งเปน็ ระบบระเบยี บและสง่ เสริมการเรียนรู้ โดยมเี ปา้ หมายของ การจดั การบริหาร (Management Goals) มี ๒ ประการสำคัญ คือ ๑.รังสรรค์ส่ิงแวดล้อมตา่ งๆ ที่จะส่งเสรมิ ให้การเรียนรมู้ คี วามเปน็ ไปได้มากทีส่ ดุ และครจู ะ สามารถสะท้อนการปฏิบัติงานของตนเองด้วยการถามตนเองสม่ำเสมอวา่ ระบบการบริหารขดั การ เออ้ื อำนวยให้นกั เรยี นไดเ้ รียนรูอ้ ย่างไร เพียงใด ๒.พฒั นานักเรียนให้มศี ักยภาพในการจดั การ และนำตนเองให้สามารถเรียนรูไ้ ด้ดว้ ยตนเอง การบรหิ ารจัดการช้นั เรยี นจงึ เปน็ เครือ่ งมือ ในการส่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนเกิดความเขา้ ใจดว้ ยตนเอง ประเมินตน เองและควบคุมดูแลตนเองได้เหมาะสมตามวยั การบรหิ ารจดั การชัน้ เรียนเปน็ กระบวนการของการจัดระบบระเบียบ และนำกิจการของ หอ้ งเรยี นให้เกดิ การเรียนรู้ การบริหารจดั การชนั้ เรียนมักจะถูกรับรวู้ า่ เกยี่ วข้องกับการรักษาระเบยี บ วินัยและควบคมุ ช้นั อย่างไรกต็ ามการเขา้ ใจเช่นน้ี เป็นเรื่องง่ายเกนิ ไป ท้ังน้ีเพราะ การบรหิ ารจดั การ ชั้นเรยี นมหี ลายส่ิงมาไปกว่าน้ี นนั่ คอื การสร้างและดเู อาใจใส่บรรยากาศสิง่ แวดล้อมของห้องเรยี น เพอ่ื ใหก้ ารจัดการเรยี นรูบ้ รรลุตามเป้าหมายทางการศึกษา การบรหิ ารจดั การชน้ั เรยี น ประกอบด้วย ความคิดท้ังหมดท้งั หลายของครู การวางแผนการ ปฏบิ ตั ิงานของครใู นการรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ส่งิ แวดลอ้ ม และส่งเสรมิ การเรยี นร้อู ย่างเป็นลำดับข้ันตอน มี งาน วจิ ยั จำนวนมากทชี่ ้ีใหเ้ หน็ ว่า การบริหารจดั การชน้ั เรยี นที่ประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย การ สมั พันธร์ ะหว่างการบรหิ ารจัดการช้นั เรียนกบั กิจกรรมการเรียนการสอน และความสัมพันธ์ของทง้ั สอง องคป์ ระกอบเป็นความสมั พันธ์แบบ Synergistic คอื การรวมพลงั ให้เกดิ ผลลัพธท์ ี่มากขึ้น ความ สำเรจ็ ของการบรหิ ารจัดการชน้ั เรียนจะมอี ิทธิพลต่อการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนของครู
การบริหารจดั การในห้องเรยี น ๑๐๒ ๗.๓ ความสำคญั จากการที่นักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของการบริหารจัดการช้ันเรียนและจา ก เอกสารงานวจิ ัยหลายฉบับน้ัน จะพบว่าการบริหารจัดการช้ันเรียนเป็นส่ิงสำคัญอนั ดับต้นๆอันจะเป็น แรงกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนและการร่วมกิจกรรมต่างๆภายในห้องเรียน และนำไปสู่การประสบความสำเร็จในการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและได้ประสิ ทธิผล สูงสดุ การจดั การชั้นเรยี นมีความสำคัญดว้ ยเหตผุ ลหลายประการ คือ ๑.การเรียนรู้จะเกดิ ข้ึนไมไ่ ด้หรือเกิดไดน้ อ้ ยถ้ามีส่ิงรบกวนในชั้นเรียนอยูต่ ลอดเวลาดว้ ยปญั หา ทางดา้ นพฤตกิ รรมของนกั เรียน ๒.นักเรียนทีอ่ ย่ใู นชนั้ เรียนที่ไมเ่ ปน็ ระเบียบเรียบร้อย ส่ิงแวดล้อมในช้ันเรียนมีเสยี งดงั และสิง่ รบกวนหรือการจดั ที่นั่งไมเ่ หมาะสมอาจเกดิ สาเหตุให้เกดิ ปญั หาทางวินยั นำไปสู่การแสดงพฤติกรรม ที่ กา้ วรา้ ว หรือทำใหน้ กั เรียนไมส่ ามารถชว่ ยเหลอื ตนเองได้ ส่งผลใหน้ ักเรียนไม่สามารถเรยี นรู้ได้อย่าง เตม็ ที่ ๓.การกำหนดคุณลักษณะพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ของนักเรียนไว้ล่วงหน้าจะมีประโยชน์อย่าง ยิง่ ตอ่ การจดั การชั้นเรยี น เพราะจะทำให้นักเรียนมแี นวทางในการควบคุมพฤติกรรมของตนเอง โดยไม่ แสดงอาการหรือพฤตกิ รรมทจี่ ะเป็นการรบกวนการเรียนของผอู้ น่ื ๔.ชั้นเรียนท่ีมีการจัดการกับพฤติกรรมของนักเรียนได้อย่างเหมาะสมจะ ทำให้ครูสามารถ ดำเนนิ การสอนไดอ้ ยา่ งเตม็ ทโี่ ดยไม่เสยี เวลากบั การแก้ไขปญั หาพฤตกิ รรมของนกั เรียน ๕.การจดั การชั้นเรียนให้นักเรยี นมวี นิ ัยในการเรียนรู้และการอยู่ร่วมกนั ด้วยความเอื้ออาทรโดย คำนึงถงึ กฎระเบียบของชั้นเรยี นอย่างต่อเนอ่ื ง นอกจากจะยงั ประโยชน์ต่อการเรียนรู้แลว้ ยงั มผี ลใน ระยะยาวคือเปน็ การปลกู ฝังลกั ษณะนิสัยเพือ่ การเป็นพลเมืองดใี นอนาคตอีกด้วย ดงั นั้นจึงอาจสรุปความสำคญั ของการจัดช้นั เรียนได้วา่ เปน็ การดำเนินการตา่ ง ๆ ท่ี เกี่ยวขอ้ งกับการจดั สภาพแวดลอ้ มในชนั้ เรียน เพื่อกระตนุ้ ส่งเสรมิ บรรยากาศการเรียนรู้ รวมถงึ การ แก้ไขปัญหาพฤติกรรมของนกั เรียนโดยมีเป้าหมายเพื่อใหน้ กั เรียนเกิดการเรียนรูต้ ามจดุ ประสงค์ของ การเรียนการสอนตลอดจนบรรลผุ ลตามเปา้ หมายของการศึกษา๕๐ ผลการวจิ ยั จำนวนมากพบวา่ มีแนวคดิ สำคัญหลายแนวคิดทีอ่ ้างถึงการบริหารจัดการชน้ั เรียน ใหป้ ระสบความสำเร็จ ประการแรกทีเดียว การบริหารจัดการชน้ั เรยี นมคี วามสัมพนั ธอ์ ย่างใกล้ชดิ กับ การเรียนการสอน ประการทีส่ อง ทำให้ครสู อนไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพปอ้ งกันปญั หาในหอ้ งเรียน ซึ่ง สง่ ผลตอ่ ความคิดสำคญั ประการทส่ี าม คือให้ครูสามารถจะดำเนินการสอนได้อยา่ งราบร่นื ใชเ้ วลาได้ อย่างมปี ระสิทธภิ าพในการพฒั นานกั เรยี นการบริหารจดั การชน้ั เรียน KAUCHAK และ EGGEN (๑๙๙๘) ใหค้ ำจำกัดความวา่ การบริหารการจัดช้ันเรยี น ประกอบด้วย ความคดิ การวางแผน และ ๕๐ สภุ าวรรณ. การบรหิ ารจดั การในช้ันเรยี น. http://socialscience.igetweb.com.
การบริหารจัดการในห้องเรียน ๑๐๓ การปฏบิ ตั ทิ ้งั หลายทง้ั ปวงของครูท่สี ร้างสรรคส์ ภาพแวดล้อมอยา่ งเป็นระบบระเบียบ และสง่ เสรมิ การ เรียนรู้ โดยเปา้ หมายของการบรหิ ารจดั การ (MANAGEMENT GOALS) มี ๒ ประการสำคญั คือ ๑.๑ รงั สรรคส์ ง่ิ แวดล้อมตา่ ง ๆ ทจ่ี ะสง่ เสริมใหก้ ารเรียนร้มู คี วามเปน็ ไปไดม้ ากทส่ี ดุ และครจู ะ สามารถสะท้อนการปฏบิ ตั ิงานของตนเองด้วยการถามตนเองสม่ำเสมอวา่ ระบบการบรหิ ารจัดการ เอื้ออำนวยให้นักเรียนไดเ้ รียนรู้อย่างไรเพยี งใด ๑.๒ พฒั นานักเรียนใหม้ ศี ักยภาพในการจดั การและนำตนเองให้สามารถเรยี นรไู้ ด้ด้วยตนเอง ดงั น้ัน การบริหารจัดการชั้นเรียนจึงเป็นเครื่องมือในการส่งเสรมิ ให้นกั เรยี นเกดิ ความเขา้ ใจด้วยตนเอง ประเมินตนเอง และควบคุมดแู ลตนเองได้อย่างเหมาะสมตามวัย การบริหารจัดการช้ันเรียนเป็นกระบวนการของการจัดระบบ ระเบียบ และนำกิจการของ หอ้ งเรียนให้เกิดการเรียนรู้ การบริหารจัดการช้ันเรียนมักจะถูกรับรู้ว่าเกี่ยว ข้องกับการรกั ษาระเบียบ วินัยและควบคุมช้ันอย่างไรก็ตาม การเข้าใจเช่นนี้ เป็นเร่ืองง่ายเกินไป ท้ังน้ีเพราะการบริหารจัดการ ช้ันเรียนมีหลายสิ่งที่มากไปกว่าน้ีนั่นคือการสร้างและดูแลเอาใจใส่บรรยากาศ แวดล้อมของห้องเรียน เพื่อให้การจัดการเรียนรู้บรรลุตามเป้าหมายทางการศึกษาจุดศูนย์รวมของการบริหารการจัดชั้นเรียน ท่ีมีประสิทธิภาพ คือความสามารถในการสร้างสภาวะแวดล้อมทางสังคมและกายภาพในทางบวกให้ เกิดโอกาสที่จะนำไปสู่การเรียนรู้และความเป็นอยู่ท่ีดีของนักเรียนซึ่งในฐานะของครูจะต้องรู้สึก ตระหนักในหลักการและผลลัพธ์ท่ีตามมาของรูปแบบการบริหารจัดการชั้นเรียน (CLASSROOM MANAGEMENT MODELS) ทีจ่ ะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ๗.๔ แนวคิดเกี่ยวกับการบรหิ ารการจดั การชนั้ เรียน ๗.๔.๑ การบรหิ ารจดั การชัน้ เรยี น และการเรียนการสอนเป็นส่งิ ทีม่ ีความสัมพันธซ์ ง่ึ กันและกนั การบริหารจัดการช้นั เรียนไม่ใช่จดุ หมายปลายทาง แตเ่ ป็นสว่ นหนึ่งที่สำคัญของบทบาทความเป็นผู้นำ ของครู การบริหารจัดการช้นั เรียนไมส่ ามารถแยกจากหน้าท่กี ารสอน เมื่อการวางแผนการสอน กค็ ือ การท่ีครกู ำลังวางแผนการบรหิ ารจดั การชน้ั เรียนใหเ้ กิดเป็นชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ ๗.๔.๒ เป็นไปไม่ได้ทจี่ ะแยกการบริหารจัดการช้ันเรียน กับการทำหน้าทก่ี ารจดั การเรยี นการ สอน รปู แบบการสอนหรือกลยทุ ธ์ทีค่ รูเลอื กใช้ แต่ละรูปแบบกม็ ีระบบการบริหารจดั การของมันเอง และมภี ารกจิ เฉพาะของรูปแบบหรือกลยทุ ธน์ น้ั ๆ ทีจ่ ะมีอิทธิพลต่อพฤตกิ รรมทั้งของครแู ละนกั เรียน เชน่ ถา้ ครูจะบรรยายก็จำเป็นท่บี ทเรียนจะต้องมีความต้งั ใจฟงั ถ้าจะใหน้ ักเรยี นทำงานกล่มุ วิธีการก็ จะแตกตา่ งจากการทำงานโดยลำพงั ของแตล่ ะคนอยา่ งน้อยทส่ี ุดก็คอื การน่งั ดังนนั้ ภารกจิ การสอนจึง เกยี่ วข้องทง้ั ปัญหาการจดั ลำดบั วธิ กี ารสอน ปญั หาของการจดั การในชั้นเรยี นปญั หาการจัดนักเรียนให้ ปฏบิ ตั ิตามกิจกรรม ครทู ว่ี างแผนการบรหิ ารจัดการช้ันเรยี นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ทง้ั กิจกรรมการเรยี น การสอนและภารกิจ กค็ ือ การท่ีครูใช้การตดั สนิ ใจอย่างฉลาดท้ังเวลา บรรยากาศทางกายภาพ และ จิตวทิ ยา ซงึ่ จะทำให้เกดิ บรรยากาศการเรียนรแู้ ละลดปญั หาดา้ นวินัยของนกั เรียน . การบริหารชั้น เรยี นเปน็ ความท้าทายของการเปน็ ครูมอื อาชีพ ความสามารถของครใู นการแสดงภาวะผนู้ ำ ดว้ ยการท่ี สามารถจะบรหิ ารการจัดชั้นเรยี นทงั้ ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การบรหิ ารจัดการบรรยากาศใน
การบริหารจัดการในห้องเรยี น ๑๐๔ หอ้ งเรยี น การดูแลพฤตกิ รรมดา้ นวนิ ยั ให้เกิดการร่วมมือในการเรียนจนเกดิ การเรียนรู้ และมีคุณ ลักษณะอันพึงประสงคต์ ามหลักสตู ร ๗.๕ การจดั การชน้ั เรยี นเพอื่ สง่ เสรมิ บรรยากาศการเรยี นรู้ ในการจดั การเรยี นการสอน ผู้สอนตา่ งปรารถนาใหจ้ ัดกิจกรรมการเรียนการสอนดำเนิน ไปอย่างราบรื่น และผเู้ รียนเกิดพฤตกิ รรมตามจดุ ประสงคท์ ่กี ำหนดไว้ในหลักสูตร บรรยากาศในชน้ั เรยี นมีส่วนสำคญั ในการส่งเสริมให้ความปรารถนาน้ีเปน็ จริง พรรณี ชทู ัย (๒๕๒๒ : ๒๖๑ – ๒๖๓) กล่าวถึงบรรยากาศในชัน้ เรยี นที่จะนำไปส่คู วามสำเร็จในการสอน จัดแบง่ ได้ ๖ ลักษณะ สรุปได้ ดงั นี้ ๑.บรรยากาศท่ที ้าทาย (Challenge) เป็นบรรยากาศทีค่ รูกระตนุ้ ใหก้ ำลงั ใจนกั เรยี น เพอื่ ให้ ประสบผลสำเรจ็ ในการทำงาน นักเรียนจะเกิดความเชอื่ ม่ันในตนเองและพยายามทำงานใหส้ ำเร็จ ๒.บรรยากาศท่มี ีอสิ ระ (Freedom) เปน็ บรรยากาศทีน่ ักเรียนมีโอกาสได้คดิ ได้ตดั สนิ ใจเลอื ก สง่ิ ท่มี คี วามหมายและมีคณุ ค่ารวมถึงโอกาสทจ่ี ะทำผิดดว้ ยโดยปราศจากความกลวั และวติ กกังวล บรรยากาศเชน่ นจี้ ะส่งเสริมการเรียนรู้ ผู้เรยี นจะปฏบิ ตั ิกิจกรรมด้วยความตง้ั ใจโดยไม่ร้สู ึกตึงเครยี ด ๓.บรรยากาศที่มีการยอมรับนบั ถือ (Respect) เป็นบรรยากาศท่คี รูร้สู กึ ว่านกั เรียนเป็นบุคคล สำคัญมคี ณุ ค่าและสามารถเรยี นได้อนั สง่ ผลให้นักเรียนเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและเกิดความยอมรบั นับถือตนเอง ๔.บรรยากาศทม่ี ีความอบอุ่น (Warmth)เป็นบรรยากาศทางด้านจติ ใจ ซ่งึ มีผลต่อความสำเร็จ ในการเรียน การทีค่ รมู ีความเขา้ ใจนกั เรียน เปน็ มิตร ยอมรบั ใหค้ วามช่วยเหลือ จะทำให้นักเรียนเกดิ ความอบอนุ่ สบายใจ รักครู รักโรงเรยี น และรกั การมาเรียน ๕.บรรยากาศแห่งการควบคมุ (Control) การควบคมุ ในทีน่ ี้ หมายถึง การฝึกใหน้ ักเรยี น มี ระเบียบวนิ ยั มใิ ช่การควบคมุ ไม่ใหม้ ีอิสระ ครตู อ้ งมีเทคนิคในการปกครองชน้ั เรียนและฝกึ ใหน้ กั เรยี น รูจ้ ักใชส้ ทิ ธหิ น้าทีข่ องตนเองอยา่ งมีขอบเขต ๖. บรรยากาศแหง่ ความสำเร็จ (Success)เปน็ บรรยากาศที่ผูเ้ รียนเกดิ ความรู้สึกประสบความ สำเรจ็ ในงานท่ที ำ ซง่ึ ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรูไ้ ดด้ ขี ้ึน ผู้สอนจงึ ควรพูดถงึ สิ่งที่ผู้เรยี นประสบ ความสำเร็จให้มากกวา่ การพูดถึงความล้มเหลว เพราะการท่คี นเราคำนงึ ถึง แตส่ ่ิงที่ลม้ เหลว เพราะ การท่ีคนเราคำนึงถึงแต่ความลม้ เหลวจะมีผลทำใหค้ วามคาดหวังต่ำ ซง่ึ ไม่สง่ เสริมให้การเรียนรดู้ ีขึ้น บรรยากาศทงั้ ๖ ลักษณะนี้ มีผลต่อความสำเรจ็ ของผสู้ อนและความสำเรจ็ ของผเู้ รียน ผู้สอนควรสร้างให้เกดิ ในชั้นเรยี น ๑.ลักษณะของชัน้ เรยี นทด่ี ี เพือ่ ใหก้ ารจดั ช้ันเรียนท่ถี กู ต้องตามหลกั การ ผสู้ อนควรได้ทราบถงึ ลักษณะของชัน้ เรียนที่ดสี รุปไดด้ ังนี้ ๑.๑ ชั้นเรียนท่ดี ีควรมีสีสันทีน่ า่ ดู สบายตา อากาศถ่ายเทได้ดี ถูกสขุ ลักษณะ
การบรหิ ารจัดการในหอ้ งเรยี น ๑๐๕ ๑.๒ จดั โต๊ะเกา้ อี้และสง่ิ ทีท่ อ่ี ยใู่ นช้ันเรียนให้เอื้ออำนวยตอ่ การเรียนการสอน และ กิจกรรมประเภทต่างๆ ๑.๓ ให้นักเรียนได้เรียนอย่างมคี วามสขุ มีอิสรเสรีภาพ และมีวนิ ยั ในการดูแลตนเอง ๑.๔ ใชป้ ระโยชน์ชน้ั เรียนให้คมุ้ ค่า ครอู าจดดั แปลงให้เป็นห้องประชมุ หอ้ งฉาย ภาพยนตร์และอืน่ ๆ ๑.๕ จดั เตรียมชน้ั เรยี นให้มคี วามพร้อมตอ่ การสอนในแต่ละครง้ั เช่น การทำงานกลมุ่ การสาธิตการแสดงบทบาทสมมุติ ๑.๖ สรา้ งบรรยากาศให้อบอุ่น ให้ความเป็นกันเองกับผู้เรยี น ๒.รปู แบบการจดั ชน้ั เรียน การจัดช้ันเรียนจัดได้หลายรูปแบบ โดยจัดให้เหมาะสมกับบทเรียน กิจกรรมการเรยี น การสอน จำนวนนักเรยี น สภาพแวดลอ้ มในช้ันเรียน ขนาดของห้องเรยี น เป็นต้นครูควรได้ปรับเปล่ยี น รูปแบบของการจัดโตะ๊ เกา้ อ้ี มมุ วิชาการและมมุ ต่าง ๆ ในห้องเรยี น เพ่ือสร้างบรรยากาศของหอ้ งเรียน ให้น่าสนใจไม่ซ้ำซากจำเจ ไมน่ ่าเบ่ือหน่าย นักเรียนจะเกดิ ความกระตือรือร้นและกระฉบั กระเฉงใน การเรียนดีข้นึ การจัดช้นั เรยี นถา้ แบง่ ตามวิธีการสอนจะได้ ๒ แบบ คอื แบบธรรมดาและแบบ นวตั กรรม ๒.๑ ช้ันเรยี นแบบธรรมดา ชนั้ เรียนแบบธรรมดาเปน็ ชนั้ เรียนท่ีมคี รูเปน็ ศนู ยก์ ลาง เปน็ ผู้นำการเรียนรู้ โดยมีผ้เู รียนเปน็ ผู้รบั ความรจู้ ากครู การจัดช้ันเรียนแบบนจ้ี ะมโี ตะ๊ ครอู ยู่หนา้ ชน้ั เรียน และมีโต๊ะเรียน วางเรียงกันเปน็ แถว โดยหันหน้าเขา้ หาครูแสดงดังรูป ๒.๑.๑ ลักษณะการจัดชน้ั เรียน การจดั ช้ันเรียนแบบธรรมดานี้ โต๊ะเรยี นของ นักเรยี น อาจเปน็ โต๊ะเดี่ยวหรอื โตะ๊ ค่กู ็ได้ ผนงั หอ้ งเรียนอาจจะมกี ระดานป้ายนิเทศ หรอื สอื่ การสอน เช่น แผนภมู ิ รปู ภาพ แผนทีต่ ดิ ไว้ ซ่งึ ส่อื การสอนเหล่านีจ้ ะไมเ่ ปลยี่ นบ่อยนัก การตกแต่งผนงั หอ้ งเรียน จะแตกต่างกันออกไปตามแต่สถานท่ีตง้ั ของโรงเรยี น โรงเรียนท่ีอยู่ในตวั เมืองอาจจะมกี ารตกแตง่ มากกวา่ โรงเรยี นทอี่ ยู่ห่างไกลออกไปตมชนบท เพราะหาสอ่ื การสอนได้ยากกว่า บางห้องเรียนอาจจะ มมี ุมความสนใจ แต่ก็ไมไ่ ดถ้ อื เป็นสว่ นหน่ึงของกระบวนการเรยี นการสอน ๒.๑.๒-บทบาทของครูและนักเรียน บทบาทของครูและนกั เรียนในชน้ั เรียน แบบธรรมดาน้ี ครูจะเป็นผูร้ อบรูใ้ นด้านตา่ ง ๆ ใช้วธิ ีการสอนแบบป้อนความรู้ใหแ้ ก่นักเรยี น โดยการ บรรยาย และอธิบายใหน้ ักเรยี นฝงั อยตู่ ลอดเวลา ครูจะเปน็ ผแู้ สดงกจิ กรรมตา่ งๆ เอง แม้กระทงั่ การ ทดลองอยา่ งงา่ ยๆไมเ่ ปดิ โอกาสให้นักเรียนไดย้ ิบจบั หรือแตะตอ้ งสอ่ื การสอนท่คี รูนำมาแสดง นกั เรียน จงึ ตอ้ งฟงั ครู มีมโี อกาสไดพ้ ดู หรือทำงานเป็นกลมุ่ เพ่ือคน้ หาคำตอบใดๆ สื่อการสอนท่ใี ช้ส่วนมาก ไดแ้ ก่ ชอลก์ กระดานดำ และแบบเรยี น ๒.๒ ชน้ั เรียนแบบนวตั กรรม ช้ันเรียนแบบนวัตกรรม เป็นชั้นเรียนทเ่ี ออื้ อำนวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนโดยใชเ้ ทคนคิ วิธกี ารแบบสอนใหมๆ่ เชน่ การเรยี นรแู้ บบร่วมมือ แบบโฟรแ์ มท แบบสตอร่ีไลน์ แบบโครงงาน เปน็ ตน้ ซ่ึงทำให้นกั เรยี นจะมีอิสระในการเรียน อาจเรียนเปน็ กลุ่ม หรอื เปน็ รายบคุ คล
การบรหิ ารจัดการในห้องเรียน ๑๐๖ โดยมีครเู ป็นผู้ให้คำปรึกษา การจดั ชั้นเรียนจึงมีรปู แบบการจดั โตะ๊ เกา้ อ้ีในลักษณะต่างๆ ไม่จำเป็นต้อง เรียงแถวหนั หนา้ เข้าหาครู เช่น จัดเปน็ รปู ตัวที ตวั ยู วงกลม หรอื จดั เปน็ กลมุ่ ๒.๒.๑ ลกั ษณะการจดั ชนั้ เรยี น การจดั ชน้ั เรยี นแบบนวัตกรรมน้ี โต๊ะครไู ม่จำ เปน็ ตอ้ งอย่หู นา้ ชั้น อาจเคลื่อนย้ายไปตามมุมตา่ งๆ การจัดโตะ๊ นกั เรียนจะเปลย่ี นรูปแบบไปตาม ลกั ษณะการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนของครู ส่วนใหญน่ ิยมจัดโต๊ะเป็นกลมุ่ เพ่ือให้นกั เรยี นปฏิบตั ิ กจิ กรรมรว่ มกนั มกี ารจดั ศูนย์สนใจ มีสือ่ การสอนในรูปของชดุ การสอน หรือเครื่องช่วยสอนต่างๆ ไว้ ใหน้ กั เรียนศกึ ษาดว้ ยตนเอง หรือศึกษารว่ มกบั เพ่ือน มกี ารตกแต่งผนงั หอ้ งและเปล่ยี นแปลงสภาพ แวดลอ้ มให้เหมาะสมกับเร่ืองท่ีนักเรียนกำลงั เรยี น ๒.๒.๒-บทบาทของครูและนกั เรยี น การจัดช้นั เรียนแบบน้คี รจู ะเป็นผกู้ ำกับ และแนะแนวนักเรียนเปน็ ผู้แสดงบทบาท ครูจะพดู นอ้ ยลง ใหน้ ักเรียนไดค้ ิด ไดถ้ าม ได้แก้ปญั หา และ ไดท้ ำกิจกรรมด้วยตนเอง นกั เรยี นอาจจะเรียนด้วยตนเองจากสือ่ ประสม เช่น บทเรียนแบบโปรแกรม ชดุ การสอน คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ครูจะเป็นผ้ใู ห้คำแนะนำ และช่วยเหลอื เม่ือจำเป็น ดังนน้ั การจดั ชน้ั เรยี นแบบนจ้ี งึ เป็นการจัดชนั้ เรียนทส่ี อดคลอ้ งกบั เจตนารมณข์ องหลกั สตู รที่ต้องการให้ผู้เรียนได้ คดิ คน้ ควา้ วเิ คราะห์วิจารณ์ และลงมอื ปฏบิ ตั ิจริงทุกขัน้ ตอน จนสามารถเรียนรู้ไดต้ นเอง ๓. ประเภทของบรรยากาศการเรียนรู้ ๓.๑-บรรยากาศทางจติ วิทยา เป็นลักษณะของบรรยากาศที่เกิดขนึ้ โดยการกระทำของ ผู้เรยี นท่สี ง่ ผลตอ่ ความร้สู ึกนกึ คิดและพฤตกิ รรมของผู้เรียน ถ้าลกั ษณะบรรยากาศทางจิตวิทยาเป็นไป ในทางบวก ผเู้ รียนจะเกดิ ความรู้สกึ อบอุน่ ใจ ผ่อนคลาย ทำให้เกิดการเรียนรไู้ ดโ้ ดยง่าย และมีผลทำให้ รูส้ กึ มีความสุขในการเรียนรู้ ทำให้เปน็ ผทู้ รี่ กั และใฝ่ในการเรียนรู้ ๓.๒-บรรยากาศทางกายภาพ เปน็ ลกั ษณะของบรรยากาศทีเ่ กิดจากการจัดอาคาร สถานที่ สื่อวสั ดอุ ุปกรณ์ ท่สี อดคลอ้ งกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ และสภาพของผู้เรียน การจัดบรรยากาศ ทางกายภาพท่ตี อบสนองผู้เรยี นและการทำกจิ กรรมต่าง ๆ จะทำใหผ้ ู้เรยี นไดร้ บั ความสะดวก และ ดำเนนิ กิจกรรมดว้ ยความราบรน่ื สง่ ผลใหก้ ารเรียนรู้ดำเนนิ ไปดว้ ยดี ไม่ตดิ ขัดไมร่ ู้สึกว่ามีความยุ่งยาก ทำให้ผ้เู รียนรักทจี่ ะเรียนและเปน็ ผ้เู รียนทีก่ ระตือรือร้น มคี วามสนใจตอ่ สิ่งแวดลอ้ มรอบตวั ๓.๓-บรรยากาศทางสังคม เปน็ บรรยากาศทเ่ี กดิ จากผลการปฏสิ มั พนั ธ์ของกล่มุ ทีอ่ ยู่ รว่ มกนั และทำกิจกรรมรว่ มกัน การมีบรรยากาศทางสังคมทเี่ ปน็ มติ รต่อกนั จะทำให้ผ้เู รียนรูส้ ึก อบอุน่ ใจเกิดความรู้สกึ ทดี่ ตี อ่ กนั และกัน มีการอยูร่ ว่ มกันฉนั ท์มติ ร ซ่ึงส่งผลตอ่ การเรียนรทู้ กั ษะทางสังคม และการเรียนร้รู ่วมกนั ซง่ึ เปน็ เปา้ หมายประการหนงึ่ ของการจัดการศกึ ษา ๔. การจัดบรรยากาศทสี่ ่งเสริมการเรียนรู้ จากประเภทของบรรยากาศที่ส่งผลตอ่ การเรียนรู้ทัง้ ๓ ประเภทดงั กล่าวขา้ งตน้ ครูซ่ึง เปน็ บคุ คลสำคญั ที่จะกอ่ ให้เกดิ บรรยากาศดังกลา่ วได้ จึงมีแนวทางทีจ่ ะส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ บรรยากาศที่ สนับสนนุ ใหเ้ กิดการเรียนรู้ท่ีมปี ระสิทธภิ าพดงั นี้ ๔.๑ บรรยากาศทางจติ วทิ ยา ชยั อนันต์ สมุทวณชิ ไดใ้ ห้ความเหน็ ว่า การเรยี นรู้ที่ ผเู้ รียนสำคัญทสี่ ุด ควรเริ่มตน้ จากสงิ่ ใกล้ตวั ผูเ้ รียนรู้มากท่ีสดุ คือความรสู้ กึ ภายใน ท้งั นจี้ ะตอ้ งไมม่ ี บรรยากาศของความกลัว ความหวาดระแวง ความดูหมิ่นเหยียดหยาม ตเิ ตยี น บรรยากาศของการ
การบรหิ ารจัดการในห้องเรยี น ๑๐๗ เรียนร้ทู เี่ น้นตวั ผู้เรียนเป็นสำคญั จะต้องให้อสิ รภาพแกผ่ ูเ้ รยี น โดยเฉพาะอิสรภาพจากความหวาดกลวั ซึ่งจากความเห็นดังกล่าวแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสำคัญของบรรยากาศทาง จิตวิทยาที่มีผลต่อความร้สู ึก และการกระทำของผเู้ รยี น บรรยากาศทางจติ วิทยาท่ชี ่วยสนบั สนนุ การเรียนร้ขู องผเู้ รียนสามารถ ดำเนินการไดด้ ังน้ี ๔.๑.๑ การสร้างบรรยากาศท่ที า้ ทายกระตนุ้ และสนบั สนนุ ให้ผเู้ รียนมีความ อยากรอู้ ยากเห็น อยากแก้ปัญหา อยากแสวงหาคำตอบ ซึ่งบรรยากาศดงั กล่าวเป็นการกระตนุ้ ให้ ผู้เรียนมคี วามรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถท่ีจะแกป้ ญั หาหรือทำกจิ กรรมน้นั ๆ ได้ และให้กำลังใจ เมอื่ ผู้เรียนได้ลงมือทำหรอื ตอบสนอง รวมท้งั การยกตวั อยา่ งความสำเรจ็ หรือสิ่งทผ่ี ูเ้ รยี นเคยทำมา กอ่ นทำให้ผ้เู รยี นเกดิ ความม่นั ใจในความสามารถ และเกดิ ความภูมิใจทำใหไ้ ม่มคี วามกลัวท่จี ะทำ กจิ กรรมอ่นื ๆ ต่อไป ๔.๑.๒ การสรา้ งบรรยากาศท่อี บอุ่น ปลอดภัย มีความเป็นมติ ร ปราศจาก ความหวาดกลวั ทจ่ี ะแสดงออก ซงึ่ บรรยากาศดงั กลา่ วจะทำให้เด็กเปน็ คนกลา้ คิด กล้าตัดสนิ ใจ กล้าท่ี จะคิดลองทำสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าผลท่ไี ดน้ ้นั จะเป็นไปตามท่ีคิดหรอื ไมก่ ็ตาม การสร้างบรรยากาศดังกลา่ ว สามารถทำไดโ้ ดยครทู ำหนา้ ท่ใี นการชว่ ยเหลอื ผู้เรยี น ให้เกดิ ความราบรนื่ ในการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ โดยอาจเขา้ ไปชว่ ยเป็นผูร้ ่วมคิดในการทำปญั หาท่ียากให้ง่ายหรือลดความซบั ซ้อนลง แต่ยังคงให้ เด็กได้ใชค้ วามสามารถของเขาในการเรียนรู้ โดยมีการสนับสนนุ เสรมิ แรง และให้คำปรกึ ษาจากครู ๔.๑.๓-บรรยากาศที่เป็นอิสระในการทำสง่ิ ตา่ งๆด้วยตนเองบรรยากาศดงั กล่าว นจ้ี ะทำใหเ้ ด็กพัฒนาความเปน็ ตวั ของตัวเอง ลดการพ่ึงพิงผอู้ ืน่ กล้าคดิ กลา้ แสดงออก มีความมัน่ ใจใน ตนเอง กล้าริเริ่ม มคี วามคดิ สร้างสรรค์ มภี าวะผู้นำ และกล้าทจ่ี ะเรยี นร้สู ง่ิ ใหม่ ๆ บรรยากาศท่ีเปน็ อสิ ระน้ีทำไดโ้ ดยครใู ห้โอกาส และสนับสนุนใหเ้ ดก็ ได้ทำสง่ิ ต่าง ๆ ด้วยตวั เอง ครูเป็นเพยี งผู้ให้ คำปรึกษา ใหก้ ารชว่ ยเหลือเม่อื เดก็ ตอ้ งการเทา่ นน้ั ขณะเดียวกนั ตอ้ งใหโ้ อกาสแก่เด็กแตล่ ะคนในการ ทจ่ี ะเลอื กวธิ กี ารเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับตน และให้เวลาอย่างพอเพยี งตามความสนใจของผู้เรียนเน่ือง จากเดก็ แตล่ ะคนมีวธิ กี ารเรยี นรแู้ ละใชเ้ วลาในการเรียนรทู้ ่แี ตกตา่ งกัน แตแ่ มว้ ่าเด็กจะไดร้ ับอสิ ระ ดังกล่าว ครูก็ต้องสอนให้เด็กคำนึงถึงการอยรู่ ว่ มกัน ความเปน็ อสิ ระของแตล่ ะคนจะต้องไม่ รบกวนหรือทำให้ผู้อน่ื มคี วามสะดวกนอ้ ยลง ๔.๑.๔ บรรยากาศท่ใี หไ้ ด้รบั ความสำเร็จและเรียนรู้ผลท่เี กิดจากการทำสิง่ ตา่ ง ๆบรรยากาศดังกล่าวจะทำให้ผู้เรยี นเปน็ ผูท้ ่มี กี ำลงั ใจเขม้ แข็ง มีความมน่ั ใจในการทำสิ่งตา่ ง ๆ อย่างมี เหตุผล มีการกำหนดจุดมงุ่ หมายของการทำสง่ิ ตา่ ง ๆ และยอมรับผลจากการกระทำ ทั้งความสำเรจ็ และผลทไี่ ม่เปน็ ไปตามท่ีคาดหวงั ไว้ ครสู ามารถสร้างบรรยากาศดงั กล่าวได้โดยการให้เด็กกำหนดจุด มุ่งหมายและวางแผนที่จะทำกิจกรรมตา่ ง ๆ และลงมอื ปฏิบตั ิตามที่วางแผนไว้ ให้เวลาอย่างเพียง พอทจ่ี ะทำตามแผนงาน ครคู อยสนับสนนุ ให้กำลงั ใจ คอยแก้ปัญหาเมื่อเด็กตอ้ งการ ใหไ้ ด้รบั ขอ้ มูล ยอ้ นกลบั หลังการปฏิบัติ ใหก้ ารเสรมิ แรงชน่ื ชมยินดีตอ่ ผลสำเร็จ แตถ่ า้ หากผลไมเ่ ป็นไปตามทค่ี าดหวัง ไว้ ก็อธบิ ายใหผ้ เู้ รียนเข้าใจถึงการหาความรูจ้ ากความลม้ เหลว ให้กำลังใจและให้ทดลองแกป้ ัญหาด้วย วธิ ที ีต่ า่ งออกไป
การบรหิ ารจดั การในหอ้ งเรียน ๑๐๘ ๔.๑.๕ บรรยากาศแหง่ การยอมรบั นบั ถือซึ่งกันและกนั โดยการเริ่มจากการที่ ครยู อมรบั ผู้เรียนใหค้ วามสำคญั ต่อการคดิ และการกระทำของผู้เรยี น รับฟังและใหม้ สี ่วนรว่ มในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดให้ผูเ้ รยี นได้ทำกิจกรรมร่วมกันเปน็ กลุ่มยอ่ ย มกี ารแลกเปลย่ี นเรียนร้ภู ายใน กลุ่มและระหวา่ งกลมุ่ ให้ได้รับความสำเร็จจากการทำกจิ กรรมร่วมกัน ทำใหเ้ กิดการยอมรับระหวา่ ง เด็กกบั เพ่อื น และเกดิ ความรสู้ กึ ว่าไดร้ บั การยอมรบั จากครู เห็นความสำคัญของกลุ่ม บรรยากาศ ดงั กลา่ วทำให้เกิดการพฒั นาวฒุ ภิ าวะ ไดร้ บั ประสบการณท์ างบวกในการพฒั นาตนเอง เกิดการ นบั ถอื ระหวา่ งกนั ทำให้เกดิ ความเปน็ อิสระ ไม่ตอ้ งพง่ึ พาผู้อื่น สามารถท่ีจะคดิ เลือกและตดั สินใจเขา้ ใจ ถึงความสามารถของตนเอง ยอมรับผลการกระทำท้ังท่ีสำเรจ็ และทำความเข้าใจไดเ้ มอ่ื ทำผิดหรอื ลม้ เหลว ร้จู กั นำอุปสรรคหรือความลม้ เหลวมาเป็นประสบการณ์การเรียนรแู้ ละแนวทางแก้ปัญหา เน่อื งจากเชือ่ วา่ ตนมีความสามารถทีจ่ ะทำสง่ิ ต่าง ๆ ไดห้ ลากหลายวิธีเพือ่ ให้ได้ผลตามท่ีตอ้ งการ ๔.๑.๖ บรรยากาศแหง่ ความใกลช้ ิด สนิทสนม และมีความรกั ใคร่กลมเกลียว กนั เนอ่ื งจากเดก็ ทุกคนตอ้ งการความรสู้ กึ มน่ั คง ปลอดภยั ทางจติ ใจ ต้องการการเอาใจใส่ และความรัก ใคร่ การจัดใหผ้ ู้เรียนอยู่ร่วมกัน ไดเ้ ล่น ไดท้ ำกจิ กรรมร่วมกนั โดยขจดั หรือลดความขดั แย้งลงให้มาก ท่ีสุด หรอื ไมใ่ หเ้ กิดข้นึ เลย การสอนใหร้ จู้ ักเอาใจเขามาใสใ่ จเรา รู้จกั การให้อภยั และช่วยเหลอื กนั ทำ ให้เกิดความร้สู ึกรักใคร่ กลมเกลียวกนั นอกจากน้คี รตู อ้ งแสดงความรูส้ กึ ท่ีดีตอ่ ผู้เรยี น แสดงใหผ้ ูเ้ รียน รับรู้วา่ ตนเปน็ ที่ยอมรบั ของครู ทง้ั การคิดและการกระทำ การแสดงออกของครู ได้แก่ การแสดงท่าทที ่ี แสดงถึงการเอาใจใสท่ างบวกต่อผู้เรยี นอย่างจรงิ ใจทสี่ อดคล้อง กบั การแสดงออกทางบวกของผู้เรยี น เช่น การสมั ผัสทางกาย การมอง การสบตา การใช้คำพดู การแสดงสีหนา้ ทา่ ทาง การไดร้ บั การเอาใจ ใสด่ งั กล่าว ทำให้ผูเ้ รียนรู้สกึ วา่ เป็นทต่ี ้องการของครู มคี วามสำคญั เปน็ คนหนึ่งทม่ี คี วามหมาย ทำให้ เกดิ ความรู้สกึ ท่ีดตี อ่ ตนเอง และต่อผอู้ นื่ บรรยากาศการอยู่รว่ มกันอย่างรกั ใคร่ ทำให้เกิดความสขุ ใน การทำส่งิ ตา่ ง ๆ และเกดิ การเรียนรู้โดยงา่ ย ๔.๒ การจัดบรรยากาศทางกายภาพ เป็นการสร้างสภาพแวดลอ้ มด้านอาคาร สถานท่ี สือ่ วัสดุอุปกรณ์ และแหลง่ ความรทู้ เี่ กื้อกลู ตอ่ การเรียนรู้และการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ของผู้เรยี น โดย เนน้ ความสะดวกสบาย สามารถเคลอ่ื นไหวได้อยา่ งอิสระ มีเครอ่ื งมอื และแหล่งความรู้ สอดคลอ้ ง กับกิจกรรมและความต้องการ สำหรับการจัดบรรยากาศทางกายภาพท่ีส่งเสริมการเรียนรู้สามารถ ดำเนินการไดด้ ังน้ี ๔.๒.๑ การจดั สถานทแ่ี ละบรเิ วณในห้องเรยี นทีอ่ ำนวยความสะดวกและตอบสนอง การทำกจิ กรรมต่าง ๆ โดยมกี ารกำหนดพื้นท่ีในการจัดเก็บอุปกรณ์ เครื่องเลน่ ที่เดก็ ตอ้ งการใชอ้ ยา่ ง เปน็ ระบบสะดวกในการนำมาใช้ การทำความสะอาดและการจดั เก็บจดั บรเิ วณการทำกิจกรรมที่ สะดวกต่อการทำกจิ กรรมเปน็ กลุ่ม มบี ริเวณท่ีว่างพอที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ สามารถเตรยี ม ย้ายไปสกู่ ารทำกิจกรรมอื่นไดโ้ ดยไม่รบกวนทำกจิ กรรมของผูอ้ ่ืน มีการจัดบรเิ วณสำหรับการจดั แสดงหรอื เก็บผลงานทเ่ี กดิ จากการทำกจิ กรรมของเด็ก ๔.๒.๒ การจัดสื่อวสั ดุ อุปกรณท์ สี่ อดคลอ้ งกบั กจิ กรรม ท้ังนเ้ี นอ่ื งจากเดก็ ปฐมวัย เรียนรจู้ ากการกระทำ การมปี ฏสิ มั พนั ธ์กับส่อื วัสดุต่าง ๆ ทำให้เกดิ ความเขา้ ใจและแสดงผลการ เรียนรผู้ ่านการแสดงออกและจากผลงาน ดงั นน้ั จะตอ้ งจดั หาสือ่ อปุ กรณท์ ี่สอดคล้องกับรปู แบบ
การบรหิ ารจัดการในหอ้ งเรยี น ๑๐๙ กจิ กรรมท่ีไดอ้ อกแบบไว้ การมสี ือ่ วัสดอุ ยา่ งหลากหลาย พอเพยี ง สะดวกในการนำมาใช้ จะช่วย สนับสนนุ ให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรูต้ ามที่กำหนดวตั ถปุ ระสงคไ์ ว้ ๔.๒.๓ การจัดแหลง่ ความรู้ท่สี อดคลอ้ งกับกิจกรรมและความสนใจของผเู้ รียน ซ่ึง แหลง่ ความรเู้ หล่านี้ ไดแ้ ก่ วัสดอุ ุปกรณ์ตา่ ง ๆ ทั้งทส่ี อดคลอ้ งกบั หน่วยประสบการณท์ ีผ่ ู้เรียนเลือก เรียน และแหล่งความรู้ทจ่ี ัดประจำไว้ เพ่อื ตอบสนองความสนใจที่หลากหลาย การจัดแหล่งความรู้ ควรคำนงึ ถึงลกั ษณะการเรียนร้ขู องเด็กปฐมวัยและใช้ได้อยา่ งสะดวก ขณะเดยี วกันแหลง่ ความรกู้ ็ ต้องนา่ สนใจ เปน็ เคร่ืองเร้ากระตุ้น สนับสนนุ และส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี นอยากสบื เสาะ คน้ หา และลงมือ ปฏบิ ตั ิ ๔.๓ บรรยากาศทางสังคม เปน็ บรรยากาศที่เกดิ จากการปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างบคุ คลทอี่ ยู่รว่ มกนั การอยู่ร่วมกันอย่างมคี วามสุข จะทำให้ผู้เรียนรูส้ กึ รักทจ่ี ะเรียนร้แู ละเกิดการเรยี นรไู้ ด้โดยง่าย การ เรียนรดู้ ังกล่าว ไดแ้ ก่ การเรียนรู้ดา้ นความรู้ และการเรียนรู้ทางสังคม ทั้งน้ีเนื่องจากเปา้ หมายสำคัญ ของการจัดการศึกษา คือ การให้ผู้เรียนมีความรู้ และสามารถนำความรนู้ นั้ ไปใช้ในการอยู่ร่วมกนั ใน สงั คมได้อย่างราบรื่นมคี วามสขุ สำหรบั การจดั บรรยากาศทางสงั คมทสี่ นบั สนุนการเรียนรู้ สามารถ ดำเนินการได้ดงั นี้ ๔.๓.๑ การสร้างบรรยากาศประชาธิปไตย ให้ผู้เรยี นรู้สกึ ว่ามคี วามเท่าเทยี มกัน โดย ครูตอ้ งกำหนดใหม้ อี ทิ ธิพลในหอ้ งให้นอ้ ยทสี่ ดุ สร้างระบบการอยู่รว่ มกนั แบบประชาธิปไตย ให้ไดท้ ำ กจิ กรรมร่วมกัน มกี ารสร้างความสมั พนั ธ์เชิงบวกระหว่างครูกบั ผู้เรยี นด้วยกัน ฝึกการเป็นสมาชกิ ที่ดี ของสังคม ๔.๓.๒-การสร้างบรรยากาศแหง่ ความรว่ มมือรว่ มใจ โดยจัดกิจกรรมให้เกิดการปฏิ สัมพนั ธ์กับกลมุ่ สนับสนุนใหผ้ ู้เรียนไดเ้ ลน่ ทำงานและเรยี นร้จู ากกลมุ่ เพือ่ น ครูคอยปรบั ปรงุ การใช้ ภาษา มารยาทและพฒั นาพฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ เพ่อื ให้เด็กสามารถทำงานกบั กลุ่มเพ่ือนไดอ้ ยา่ งดี เป็นท่ยี อมรับของกลุ่ม มีการจดั กจิ กรรมเพ่ือใหผ้ ู้เรียนได้ทำส่ิงตา่ ง ๆ ในบรรยากาศร่วมมอื รว่ มใจกัน ซึ่งแมจ้ ะมีการแขง่ ขันกนั บ้าง แตค่ วรเปน็ การแข่งขนั กนั อย่างเปน็ มิตร ได้มีโอกาสไดร้ บั ผลแหง่ การ ทำงานรว่ มกนั การปฏิสัมพันธก์ ับกลมุ่ จะทำให้เกดิ การแลกเปล่ยี นเรยี นรซู้ ง่ึ กนั และกันทั้งด้านความคิด และการกระทำอนั ส่งผลตอ่ การเรียนรู้ทักษะทางสังคม ซึง่ จะเกดิ ประโยชนต์ อ่ ผูเ้ รียนทจ่ี ะนำไปใช้ใน การอยู่ร่วมกับผอู้ นื่ ต่อไป ๔.๓.๓ สร้างบรรยากาศแหง่ การมสี มั พันธภาพท่ีดรี ะหวา่ งกันทงั้ ครูกบั ผเู้ รยี น ในหมู่ ผู้เรยี นดว้ ยกัน และกับบุคคลอืน่ ๆ การมีมนษุ ยสัมพันธท์ ่ดี ี เร่มิ ดว้ ยการส่ือสารที่ดี ซง่ึ การส่ือสาร ระหวา่ งกันนน้ั สามารถทำไดท้ ง้ั การใช้วาจา ภาษาท่าทาง และการปฏิบตั ิตอ่ กัน ครูมีหน้าที่ในการ กระตุ้นใหผ้ ้เู รยี นปฏิบัติตอ่ กันด้วยดี ไม่มกี ารทะเลาะเบาะแวง้ ครมู ีหน้าท่ใี นการลดความขัดแย้งที่ เกิดขนึ้ และจะตอ้ งเป็นแบบฉบบั ของการมปี ฏสิ มั พันธท์ ี่ดรี ะหวา่ งตนเองกับผู้อ่ืน ๔.๓.๔ สรา้ งบรรยากาศทไ่ี ม่กดดัน โดยลดกจิ กรรมทตี่ อ้ งมีการแขง่ ขัน เพอ่ื ใหเ้ กิดผล แพ้ ชนะหรอื การเป็นทีห่ น่ึงเหนือผู้อ่ืน ใหท้ ุกคนมีโอกาสไดแ้ สดงออกเทา่ เทียมกันและได้รับการยกยอ่ ง เหมอื นกัน สำหรบั การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ควรประเมินผลที่แสดงถงึ พฒั นาการแห่งความเปน็ คน
การบรหิ ารจัดการในห้องเรียน ๑๑๐ เกง่ คนดี และมคี วามสขุ ให้ผเู้ รียนได้รู้ผลของการกระทำของตนเอง และมีการพฒั นาตนเองโดยไม่ ต้องแขง่ ขนั กับผอู้ ่ืน ๗.๖ การเตรียมตัวเพ่ือการบรหิ ารจัดการชัน้ เรยี นอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ มงี านวิจยั จำนวนมากทศ่ี กึ ษาองคป์ ระกอบสำคญั ท่จี ะช่วยใหก้ ารบรหิ ารจัดการช้ันเรยี นอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ อาทิ Kounin, J.S. (๑๙๗๐), Doyle and Carter (๑๙๘๔), Gump (๑๙๖๗, ๑๙๘๒), Rosenshine (๑๙๘๐), Doyle (๑๙๘๖), William Glasser (๑๙๘๖) เปน็ ต้น โดยสรปุ การเตรียมเพอื่ การบริหารการจัดการหอ้ งเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ มอี งค์ประกอบดังต่อไปนี้ ๑.ครูทส่ี ามารถบรหิ ารจดั การไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ จะสรา้ งขอ้ กำหนดท่ชี ดั เจน และมขี ้ัน ตอนการปฏบิ ัตทิ ีจ่ ะนำไปสพู่ ฤติกรรมทช่ี ัดเจน และจดั กจิ กรรมในหอ้ งเรียนใหป้ ระสานสอดคล้องดว้ ย ความระมัดระวงั ในระหว่างทเี่ กิดการเปลย่ี นคาบสอนในตอนเรมิ่ ตน้ และสุดสิ้นการสอน ๒. ครทู ส่ี ามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธภิ าพจะพฒั นาระบบในการยึดเหนยี่ วนกั เรียน ใหร้ บั ผดิ ชอบการเรียนและพฤตกิ รรมในหอ้ งเรียน ๓. นอกเหนอื จากการจะต้องมีทกั ษะในการวางแผนและการดำเนินการให้เกิดความสอดคลอ้ ง ครูกย็ งั คงต้องเผชิญกบั ความยงุ่ ยากลำบากหรือนักเรียนท่ไี มต่ งั้ ใจเรียนทม่ี กั จะกอ่ กวนมากกว่าจะ ร่วมมือในกจิ กรรมการเรยี นรู้อกี ดว้ ย ๔. ครทู ี่สามารถบริหารจดั การให้อย่างมปี ระสิทธภิ าพจะตอ้ งมที ักษะในการเข้าไปสอดแทรก แก้ปัญหาโดยทันท่วงทีกบั นกั เรียนที่สร้างปญั หาและตอ้ งดำเนินการด้วยความยุตธิ รรมด้วย ๕. ครทู ี่สามารถบรหิ ารจัดการไดย้ อมรับในความสำคัญของอทิ ธิพลระหวา่ ง บุคคล คนแตล่ ะ คนสามารถจะมอี ิทธพิ ลเหนือผ้อู ่ืนไดด้ ้วยวธิ ีการ ๕ วิธี คือ ๕.๑ ความสามารถในการควบคุมและใหร้ างวลั ทีม่ คี ่า ๕.๒ ความสามารถในการทจี่ ะระงบั การใหร้ างวลั ๕.๓ ความมอี ำนาจโดยกฎหมาย ซ่ึงเปน็ ทรัพยส์ มบัติทมี่ ีมาพร้อมกับตำแหน่งหนา้ ที่ ๕.๔ ความเปน็ ผู้เช่ียวชาญหรอื มีความรู้เฉพาะทาง ๕.๕ ความเป็นผูม้ เี สน่ห์ หรือเป็นสมาชิกของกล่มุ ทมี่ ีอิทธิพล ๖. ครูสามารถจะกระตนุ้ ใหเ้ กิดพฤตกิ รรมทค่ี าดหวงั ไดด้ ้วยการยกย่องชมเชย การให้รางวัล และการลงโทษ ๗.๓วิธีการบริหารจดั การชั้นเรยี น เป็นต้นว่า การยนื ยันความถูกตอ้ งเกีย่ วกับความประพฤติ ความคาดหวงั เม่ือครวู างแผนกำหนดเวลาในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ หรือพิจารณาว่าจะใชพ้ ้ืนที่ใน ห้องเรยี นทำประโยชนอ์ ะไรไดบ้ ้าง กค็ อื ครูกำลงั ตดั สินใจครั้งสำคญั ในการพิจารณาว่าจะทำให้เกิดผล ต่อระบบบริหารจัดการช้ันเรียน ในทำนองเดียวกันทุกกลยุทธท์ จ่ี ะสรา้ งชมุ ชนแหง่ การเรียนรูท้ ส่ี ร้าง ผลผลติ เชน่ การช่วยให้ชน้ั เรียนพัฒนาการทำงานเป็นกลุม่ สร้างแรงจูงใจใฝส่ ัมฤทธ์ิ และทำใหเ้ กดิ ความซ่อื สัตย์ จรงิ ใจ เปิดเผย ซ่ึงส่ิงเหลา่ นี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการบรหิ ารจัดการชน้ั เรยี น
การบรหิ ารจดั การในห้องเรยี น ๑๑๑ ๗.๗ ความสมั พันธร์ ะหว่างการบรหิ ารจัดการชนั้ เรียนและการเรยี นการสอน การท่ีครู จะบรหิ ารจดั การชน้ั เรียนใหป้ ระสบความสำเร็จ พิจารณาไดจ้ ากการท่ีครสู ามารถจะ ดำเนินการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งราบรนื่ โดยไม่มีนกั เรียนแสดงพฤตกิ รรมรบกวน หรอื มีแต่นอ้ ยมาก ถ้าการเรียนการสอนมปี ระสิทธิภาพ จะลดปญั หาการแทรกแซงการบรหิ ารจดั การชั้นเรียนของครู เช่นเดยี วกัน องค์ประกอบสำคญั ที่จะลดปญั หาการบรหิ ารจัดการชั้นเรียน ไดแ้ ก่ ๗.๗.๑-ความประสานสอดคล้อง หมายถึงความสามารถของครูทจี่ ะปฏิบตั ิหน้าทกี่ ารสอนได้ เหมอื นผูค้ วบคุมวงดนตรีในการดำเนนิ บทเรยี นดว้ ยการบริหารจัดการชนั้ เรียนให้นักเรียนสนใจตดิ ตาม การเรียนรใู้ นหอ้ งเรยี น หอ้ งเรียนเปน็ สังคมเลก็ ๆ ท่ีตอ้ งการพลังในการดำรง สร้างสรรค์ และมรี ะเบียบ ถ้าครูไม่สามารถสร้างวิธกี ารหรอื มกี ลยทุ ธใ์ นการนำพลังทมี่ อี ยใู่ นชั้นเรียน มาใช้ให้เปน็ ประโยชนใ์ หเ้ กิด ระเบียบวินัยและทำให้การเรียนไหลร่ืน จะทำใหน้ กั เรียนเกดิ ความรู้สกึ เบ่อื หน่ายในการเรียนการออก แบบกิจกรรมจะตอ้ งไมซ่ ้ำซาก จำเจ ๗.๗.๒-สรา้ งพลังในการขับเคลอ่ื นการเรยี นรู้ ด้วยการจัดบทเรยี นใหช้ ดั เจนและมที ศิ ทางชดั เจนจะทำใหก้ ารเรียนการสอนมชี วี ิตชีวา มคี วามรวดเรว็ เพยี งพอสำหรบั นักเรียนทส่ี นใจ แต่ไมเ่ รว็ เกนิ กว่าจะทำใหน้ กั เรยี นบางคนหลงทาง กลยุทธก์ ารถามคำถามจะเป็นเครื่องมอื สำคญั อยา่ งยิ่งของครทู ี่ จะชว่ ยให้ยึดโยงความสนใจของนกั เรียนรวมท้งั ชว่ ยพัฒนาการคดิ ของนกั เรยี น ตวั อย่างการต้งั คำถาม ทค่ี รูควรจะใช้ (Wiggins and๓Mc๓Tighe.๑๙๙๘) ไดแ้ ก่ ส่ิงนีห้ มายถงึ อะไร -เราจะอธิบายไดว้ ่าอยา่ งไร -องคป์ ระกอบมีอะไรบ้าง -สร้าง/เกดิ มาได้อย่างไร -หน้าที่หลกั ของสิ่งน้ีคืออะไร -เม่อื เปรียบเทยี บกบั ส่ิงอืน่ แลว้ เป็นอยา่ งไร -สถานการณ์ในปัจจุบันของสงิ่ นีค้ อื อะไร -ข้อเท็จจริงของสงิ่ นค้ี ืออะไร -มีใครหรืออะไรบ้างทีเ่ ปน็ อย่างนัน้ -เราจะแสดงออกหรือปฏบิ ตั ิตอ่ สิ่งนน้ั อย่างไร -ความรสู้ ึกนกึ คดิ ของเราต่อสิ่งน้นั เป็นอย่างไร -เราให้คุณค่าเกี่ยวกบั สงิ่ นั้นอย่างไร -เราจะสรปุ เกี่ยวกบั สิ่งนน้ั ไดว้ า่ อย่างไร -มีกรณตี วั อย่างท่ีเหมอื นหรอื แตกต่างจากส่งิ นนั้ อย่างไร การให้นกั เรยี นมีส่วนร่วมในบทเรยี นและเชื่อมโยงสาระความรู้ไปสูภ่ มู หิ ลังของนกั เรียน และสิ่ง ท่ีนักเรยี นสนใจ เท่ากับครรู เิ ร่ิมสรา้ งสรรค์บทเรียนที่มีพลังท่จี ะนำไปสบู่ ทเรียนทง้ั หน่วยการเรียนรแู้ ละ จะลดปญั หาในชน้ั เรียน ส่ิงทจ่ี ะเปน็ อุปสรรคขัดขวางการขบั เคล่ือนการบริหารจัดการชั้นเรียนอยทู่ ่ีการ กระทำของครูว่าครูจะสามารถสร้างความไว้วางใจให้แก่นักเรียนที่จะเรียนอย่างมีความสุขหรือไม่ อย่างไร อุปสรรคท่ีขัดขวางการขับเคล่ือนการสอนของครู ได้แก่ การพร่ำบ่นพฤติกรรมที่นักเรียนทำ ผิดไป ทำให้นักเรยี นเกิดความรำคาญ การให้นกั เรียนทำงานทนี่ ักเรียนทุกคนทำได้ดีอยู่แล้วซำ้ ซาก ให้
การบรหิ ารจัดการในห้องเรยี น ๑๑๒ นกั เรียนกล่มุ เล็ก ๆ หรือคนสองคนทำงานทั้งหมดท่ีดีอยู่แล้ว หรือย้อนกลับไปทำกิจกรรมเดิมท่ีเคยทำ มาแลว้ เป็นตน้ การวางแผนการบริหารจัดการช้ันเรียนจึงเปน็ สิง่ ท่มี คี วามสำคัญ และจำเปน็ อย่างย่งิ ในการจดั การเรียนการสอนท่ีจะพัฒนาวนิ ยั เชงิ บวกและความรู้สกึ เชิงบวกต่อการเรยี นรู้ของนักเรยี น ในการวาง แผนครจู ะตอ้ งคำนงึ ถึงความแตกตา่ งด้านพัฒนาการของนกั เรยี นดว้ ย การวิเคราะห์ผู้เรียนจึงเปน็ อีก ตัวแปรทมี่ อี ิทธิพลต่อการวางแผนการบรหิ ารจดั การชั้นเรยี น การสร้างสิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพ (Physical environment)ได้แกก่ ารจดั ทนี่ ่งั การใหม้ ีชอ่ งวา่ งในการทีค่ รูจะเดนิ ไปหานักเรียน หรือ นักเรียนสามารถจะเคลอ่ื นย้ายท่นี ่งั ใหมเ่ พอื่ ใหเ้ หมาะสมกับกจิ กรรม รวมทง้ั การจดั วางตู้ ชัน้ อปุ กรณ์ บอร์ดมมุ หนงั สอื คอมพิวเตอร์ และการสร้างบรรยากาศในช้ันเรียน (Classroom climate ) รายการ สิ่งที่ควรกำหนดในการวางแผน ๑. การเขา้ ชนั้ เรียน/ การเร่ิมต้น บทเรียน นกั เรียนควรปฏิบัติอยา่ งไรเม่อื เข้ามาในชน้ั เรียน นกั เรียนจะ ตรงไปน่งั ได้หรือไม่ จะต้องสง่ งาน หรอื มีการสง่ั งานบน ๒. การสอนนักเรยี นทม่ี ีจำนวนมาก กระดานหรือไม่ พดู คยุ กับเพ่อื นไดห้ รือไม่ เดินไปรอบๆ หอ้ ง ไดห้ รอื ไม่ ๓. การสอนนักเรยี นเป็นรายบคุ คล /กลุ่มเลก็ กฎ กตกิ าในการมีส่วนรว่ มเชน่ นักเรียนควรยกมือก่อนถาม ๔. สอ่ื วสั ดอุ ุปกรณ์ ตอบ เป็นตน้ ๕. เมอ่ื จะสนิ้ สดุ การสอน นักเรียนควรปฏบิ ัตอิ ย่างไรเมือ่ ต้องการความช่วยเหลือจาก ครู หรอื เมื่อเสร็จงาน ๖. การปฏบิ ตั ิตัวเมอื่ ตอ้ งการออก จากหอ้ งเรียน จะใช้และเกบ็ อยา่ งไรหากอุปกรณ์ทีใ่ ชเ้ ปน็ วตั ถุอนั ตรายและ ๗. การดูแลช่วยเหลือนกั เรียน ของมีคม กอ่ นนกั เรยี นจะออกจากห้องเรยี นจะปฏิบตั ิอย่างไรฟังกร่ิง สญั ญาณหรือเมื่อครูอนญุ าต นกั เรยี นจะตอ้ งปฏิบตั ิอย่างไรในการออกจากห้องเรียน การ ไปห้องนำ้ หรอื ไปติดตอ่ สำนักงานของโรงเรียน ครูจะรู้ได้อย่างไรวา่ นกั เรียนเข้าช้นั เรียนครบหรือไม่ กรณีท่ี นกั เรียนไมเ่ ขา้ ช้ันเรียนจะประสานกับผปู้ กครองโดยทนั ทว่ งที อย่างไรแล้วงานท่ีนักเรียนจะต้องปฏิบตั ิจะทำอย่างไร หรือ ความรู้ทีน่ ักเรยี นควรจะไดเ้ รยี นร้จู ะทำอย่างไร สาเหตุที่ นกั เรียนมาเขา้ ชนั้ เรยี น เป็นอย่างไร ใครจะเป็นผ้ดู แู ล ช่วยเหลอื อย่างตอ่ เนอ่ื ง
การบรหิ ารจดั การในห้องเรยี น ๑๑๓ ๗.๘ วนิ ัยเชิงบวกในห้องเรียน วนิ ยั เชงิ บวกในห้องเรียนมุ่งที่จะทำใหน้ ักเรียนทุกระดบั ประสบความสำเรจ็ ไม่เพียงแตก่ าร เรียนรู้ในช้ันเรียนเทา่ น้ัน แต่ในทกุ จังหวะก้าวของชวี ติ ผคู้ ิดรเิ ร่ิมการพัฒนาวินยั เชิงบวกในหอ้ งเรียน คือ Nelsen ,Lott และ Glenn (๑๙๙๗) โดยตระหนกั ว่า การบรหิ ารจดั การช้นั เรียนเปน็ การพัฒนา วินยั เชงิ บวกในห้องเรียนท่ีจะทำให้นักเรยี นไดร้ ับการปฏิบัติจากครดู ว้ ยความนับถือ และไดร้ ับการ ฝึกสอนทกั ษะทจี่ ำเปน็ อยา่ งย่ิงในการทำงานรว่ มกบั ผู้อ่ืน เครอ่ื งมือท่ีจะทำให้เกิดผลสำเรจ็ คอื การ ประชุมพบปะในช้ันเรียน (Class meeting) โดยครูใช้การพบปะในชัน้ เรียนให้เปน็ ประโยชน์ในการ สอนทักษะสงั คม เปน็ ตน้ ว่า การผลดั เปลีย่ นกนั ทำงาน การสอ่ื สารอย่างเป็นมิตรการช่วยเหลอื ซงึ่ กัน และกัน การฟัง การยอมรบั ความคิดเห็นท่แี ตกตา่ ง และมหี นา้ ที่ความรับผิดชอบในพฤติกรรมของ ตนเอง การบริหารจัดการชนั้ เรียนตามความคดิ นี้ จะลดปัญหาในชนั้ เรยี นและสรา้ งความเข้มแข็งใน ทกั ษะวิชาการ วิธีการพบปะในชัน้ เรยี นจะทำให้นกั เรียนได้รับประโยชนใ์ นด้าน Moore ได้ใหแ้ นวทางทคี่ รจู ะนำไปสร้างแรงจูงใจใฝส่ ัมฤทธ์ใิ นห้องเรยี นดงั นี้ ๑. ครูคาดหวงั สิง่ ที่ดที ส่ี ุดจากนักเรียน มงี านวิจัยท่ีชี้ให้เหน็ ว่านกั เรียนมแี นวโน้มทจ่ี ะดำเนนิ ชีวติ ใหเ้ หมาะสม หรือทำตนให้เส่ือมถอย มีอิทธิพลจากความคาดหวงั ของครูรวมอย่ดู ้วย ความคาด หวังของครจู งึ เปน็ แรงจงู ใจใหน้ ักเรยี น ๒. เป็นรูปแบบพฤตกิ รรมทีพ่ งึ ประสงค์ การเป็นรูปแบบพฤตกิ รรมเปน็ กระบวนการสอน ตัวอยา่ งทด่ี ี เด็กจะเปลยี่ นพฤติกรรมของตนเองไปตามครู ๓. มีส่วนร่วมในความคาดหวงั ซ่งึ กนั และกนั การมสี ่วนรว่ มจะทำให้นกั เรียนมีความรับผิดชอบ ซึ่งจะส่งผลใหน้ กั เรียนมีความรูส้ กึ ภาคภูมิใจในความสำเร็จอย่างแทจ้ ริงเมอื่ ภาระงานนั้นบรรลุ เป้าหมาย ๔. สรา้ งบรรยากาศเชิงบวกตัง้ แตเ่ ริม่ ตน้ การสอน บรรยากาศแหง่ ความเป็นมิตรแตม่ ีวนิ ยั สื่อสารด้วยความจรงิ ใจ แสดงใหเ้ หน็ วา่ นกั เรยี นทุกคนเปน็ คนพิเศษของครแู ละใหค้ วามสนใจนักเรียน ทกุ คนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ๕. ทุกกิจกรรมจะตอ้ งใหน้ ักเรยี นมสี ว่ นร่วม โดยธรรมชาตแิ ลว้ เด็กจะเปน็ คนที่มีชีวิตชีวา ครู ควรให้โอกาสนักเรยี นมีสว่ นร่วมอยา่ งมีชีวติ ชวี า ครทู ่ฉี ลาดยอ่ มใชก้ ิจกรรมทีม่ ีชวี ิตชวี า ๖. ทำให้การเรยี นการสอนมีคณุ ค่าและมคี วามหมายโดยใหน้ ักเรียนเห็นว่าเมอ่ื เรียนไปแล้ว สามารถให้ประโยชนไ์ ด้ ๗. หม่นั ปลูกฝงั ความรสู้ กึ นับถือตนเองและเห็นคณุ คา่ ในตนเองให้แกน่ ักเรียนโดยครูจะตอ้ งวาง แผนการจดั การเรียนการสอนใหน้ กั เรียนเกิดประสบการณใ์ นความสำเร็จ ๘. ใช้ความสนใจ ความรแู้ ละความคดิ และความอยากรู้อยากเห็นของนกั เรยี นเปน็ ตน้ ทนุ ใน การตอ่ ยอดการเรยี นรสู้ ง่ิ ใหม่
การบรหิ ารจดั การในห้องเรียน ๑๑๔ ๙. การมอบหมายงานทท่ี ้าทายจะทำให้นักเรยี นมโี อกาสทดสอบตนเอง แตค่ รูควรจะเอาใจใส่ ดูแลมใิ ห้นักเรียนเกดิ ความส้นิ หวังถา้ งานนัน้ ยากเกินไป๕๑ สรุปทา้ ยบท การจัดบรรยากาศในช้นั เรยี น จึงเปน็ ส่งิ สำคญั ในการชว่ ยสง่ เสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนและ สง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนสามารถรับผดิ ชอบควบคุมดูแลตนเองไดใ้ นอนาคต การจัดบรรยากาศมีทั้งด้าน กายภาพ เป็นการจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรยี นท้งั การจัดตกแต่งในหอ้ งเรยี น จัดท่ีนัง่ จดั มมุ เสริม ความ รู้ต่างๆ ให้สะดวกตอ่ การเรียนการสอน ทางดา้ นจติ วิทยา เป็นการสร้างความอบอนุ่ ความสุข สบายใจให้กบั ผ้เู รยี น ผู้สอนควรจัดบรรยากาศทงั้ ๒ ด้านนใ้ี ห้เหมาะสม นอกจากนก้ี ารสร้าง บรรยากาศการเรยี นรใู้ หเ้ กิดความสขุ แกผ่ ู้เรียนเป็นองคป์ ระกอบสำคญั ประการหนง่ึ ทจี่ ะสรา้ งคณุ ลกั ษณะ นิสยั ของการใฝ่เรียนรู้ การมนี สิ ยั รักการเรียนรู้ การเปน็ คนดี และการมสี ุขภาพจติ ทด่ี ีสามารถ อยใู่ นสังคมได้อยา่ งมคี วามสุขทง่ั ในปจั จบุ นั และอนาคตตอ่ ไป ซ่งึ บคุ คลสำคัญทจี่ ะสรา้ งบรรยากาศการ เรียนรู้อย่างมีความสขุ ให้เกิดขึน้ ได้ คือ ครผู ู้นำทางการเรียนรนู้ ่นั เองการเรียนรู้ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพนนั้ เกิด จากการเรยี นร้ทู คี่ รบวงจร ซึง่ ได้แกก่ ารให้ผูเ้ รยี นเลือกเรอื่ งที่จะเรยี นและวิธกี ารเรียน จากน้นั จึงลงมอื ปฏิบัตติ ามท่ีไดค้ ดิ ไว้โดยการเรียนรรู้ ่วมกบั กลุม่ แล้วสรปุ ความรดู้ ว้ ยตนเอง นอกจากนี้ประสิทธิภาพ ของการเรยี นรู้ยังเกดิ จากการสนับสนุนจากปัจจัยเอื้อสามประการคือ การเรียนรูอ้ ย่างสอดคล้องกบั ธรรมชาตกิ ารเรียนรขู้ องวัยหรือพัฒนาการได้แก่ การเรียนรู้โดยการเคลื่อนไหวและการกระทำ ปจั จัย เอ้ือประการตอ่ มาคือบรรยากาศทส่ี นบั สนุนการเรียนรทู้ ส่ี รา้ งความรูส้ กึ มคี วามสขุ ผอ่ นคลาย ไม่ เคร่งเครียด ปลอดภัยและได้รบั การยอมรับจากกลุ่ม สว่ นปจั จยั เอือ้ ท่ีสามคือการดแู ลสนับสนุนและ อำนวยความสะดวกของครใู นการจดั กจิ กรรมใหเ้ ด็กได้สร้างความรผู้ ่านการปฏิสมั พนั ธ์กับเพ่ือน กับครู และสง่ิ แวดล้อมดงั นน้ั การจดั บรรยากาศทเ่ี หมาะสมจะส่งผลตอ่ ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเดก็ เพราะการเรียนทา่ มกลางบรรยากาศทมี่ คี วามสขุ ผ้เู รียนจะเกดิ ความรูส้ ึกผ่อนคลายไม่กดดนั ทำให้ เกดิ การเรียนรู้ได้งา่ ยและมปี ระสทิ ธิภาพ ๕๑ การบริหารจดั การในหอ้ งเรยี น http://www.edbkk๑.go.th/g๖/news/curri_sbm_bkk๑.pdf.
การบรหิ ารจัดการในห้องเรยี น ๑๑๕ คำถามทา้ ยบท ๑. จงใหค้ วามหมาย “การบริหารจัดการชน้ั เรียน” สกั ๓ ตวั อย่าง ฯ ๒. การบริหารจัดการช้นั เรยี น มีความสำคญั อย่างไร ฯ ๓. การบริหารจัดการชน้ั เรียนทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพต้องคำนงึ ถึงหลกั การอยา่ งไร ฯ ๔. ผเู้ รยี นไม่อยากเข้าเรยี นหรือเข้าเรียนแต่ไมใ่ ส่ใจ การแก้ไขปญั หาตอ้ งทำอย่างไร ฯ ๕. ความสัมพนั ธ์ระหว่างการบรหิ ารจดั การช้นั เรียน มคี วามสัมพันธ์อย่างไร ฯ
การบรหิ ารจดั การในห้องเรยี น ๑๑๖ เอกสารอา้ งอิงประจำบท เสาวภา ทศพรอ้ ม. การจดั การในชั้นเรียน. (๒๕๕๓). นครศรธี รรมราช. [ออนไลน์] เข้าถงึ ได้จาก : :http://saowapa5011103035.blogspot.com. บวร เทศารินทร์. การจดั บรรยากาศช้ันเรยี น ๒. (๒๕๕๒). กรุงเทพฯ : [ออนไลน์] เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.sobkroo.com. (วนั ที่สบื คน้ เมอ่ื ๓๐ เมษายน ๒๕๕๓). วัฒนา ปุญญฤทธิ์. บทบาทครูในการสร้างบรรยากาศการเรยี นร.ู้ (๒๕๕๒). กรงุ เทพฯ [ออนไลน์] เขา้ ถึงได้จาก : http://www.poonyarit.com. (วันที่สืบค้นเม่อื ๒๙ เมษายน ๒๕๕๓). สุภาวรรณ. การบรหิ ารจดั การในชัน้ เรียน. (๒๕๕๒). กรงุ เทพฯ : [ออนไลน์] เข้าถงึ ได้จาก : http://socialscience.igetweb.com. (วนั ที่สบื คน้ เมื่อ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๓) สำนกั งานเขตพื้นการศกึ ษาสระแก้ว เขต ๑. การบริหารจดั การเรียนรแู้ บบคละช้ันในโรงเรยี นขนาด เล็กตามแนวทางของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน. สระแก้ว : กลุม่ นิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา, ๒๕๕๑. สำนกั งานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. การบรหิ ารจัดการช้นั เรยี นแบบคละชั้น. (มปป.). มปช. บรรยากาศทางกายภาพ บรรยากาศทางจติ วทิ ยา. สงิ หบ์ ุรี : [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ได้จาก : http://gotoknow.org. (วันที่สบื คน้ เมอ่ื ๒๔ เมษายน ๒๕๕๓). การบริหารจดั การช้นั เรียน. [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ได้จาก : http://inded.rmutsv.ac.th/datapdf/๐๘/๒๐๑๐-๐๘-๐๙_๐๗-๕๒-๔๓_chaiya.pdf. (วนั ท่สี ืบค้นข้อมลู : ๒๑ มกราคม ๒๕๕๔). การบริหารจดั การในหอ้ งเรยี น. [ออนไลน์] เข้าถงึ ได้จาก : http://www.edbkk๑.go.th/g๖/news/curri_sbm_bkk๑.pdf. (วันทส่ี บื คน้ ข้อมลู : ๒ มกราคม ๒๕๕๔). สภุ าวรรณ. การบริหารจัดการในชัน้ เรยี น. [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ได้จาก : http://socialscience.igetweb.com. (วนั ทสี่ บื คน้ ข้อมูล : ๑๑ มกราคม ๒๕๕๔).
การบรหิ ารจดั การในหอ้ งเรียน ๑๑๗ บทที่ ๘ การประกันคณุ ภาพการศกึ ษา วัตถปุ ระสงคป์ ระจำบทเรยี น เม่อื ศกึ ษาบทที่ ๘ จบแล้ว นิสิตสามารถ o ๑.อธิบายความหมายความสำคญั ของการประกันคุณภาพการศกึ ษาได้ o ๒.อธบิ ายการประกันคุณภาพการศกึ ษาเก่ียวข้องกับการดำเนนิ การได้ o ๓.อธิบายระบบและกระบวนการประกนั คุณภาพการศกึ ษาได้ o ๔.อธิบายกระบวนการประกนั คุณภาพภายในได้ o ๕.อธบิ ายมาตรฐานและตัวบง่ ชีค้ ุณภาพการศึกษาได้ ขอบขา่ ยเนือ้ หา ๑.ความสำคญั ของการประกันคุณภาพการศึกษา ๒.การประกันคณุ ภาพการศึกษาเกย่ี วขอ้ งกับการดำเนินการ ๓.ระบบและกระบวนการประกันคณุ ภาพการศึกษา ๔.กระบวนการประกันคณุ ภาพภายใน ๕.มาตรฐานและตวั บ่งชี้คณุ ภาพการศกึ ษา
การบริหารจดั การในหอ้ งเรยี น ๑๑๘ ๘.๑ ความนำ หลักการสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาคือการกระจายอำนาจการบริหารการจัดการศึกษา การเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ซ่ึงการดำเนินการให้บรรลุตามหลักการ ดังกล่าว จำเป็นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้เก่ียวข้อง โดยเฉพาะอย่างย่ิงผู้บริหารการศึกษา ผบู้ ริหารสถานศึกษา ครู ผนู้ ำชมุ ชนและผู้นำองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ การพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครูท้ังภาครัฐและเอกชน ผู้นำชุมชนและ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นยุทธศาสตร์หลักในการสร้างกลไกและเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ ในการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระจายอำนาจให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัด การศึกษา จำเป็นอย่างย่ิงท่ีต้องสร้างความเข้มแข็ง สร้างความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ และ สร้างความเช่ือม่ันให้ทุกฝ่ายสามารถปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จึงได้จัดทำ โครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชนและผู้นำองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นขน้ึ เม่ือวันท่ี ๒๖ กันยายน ๒๕๔๓ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการของโครงการพัฒนา ผู้บริหารการศกึ ษา ผ้บู ริหารสถานศกึ ษา ครู ผนู้ ำชุมชนและผนู้ ำองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน และได้ แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานโครงการฯ ทำหน้าท่ีประสานและส่งเสริมการดำเนินงานเพื่อ เตรียมความพร้อมครแู ละบุคลากรทเี่ กย่ี วข้อง ตลอดจนประสานการจัดทำชุดฝึกอบรมตน้ แบบ เพ่ือ เปน็ คู่มือให้กลุ่มเปา้ หมายไดใ้ ช้ศึกษาและพฒั นาตนเอง๕๒ \"คุณภาพของคน\" เป็นปัจจัยหลกั สู่ความสำเร็จของการพัฒนาประเทศ และ \"การศกึ ษา\" เปน็ ปจั จัยสำคัญของการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ การจัดการศึกษาท่ีมีคุณภาพ จึงเป็นเร่ืองท่ีมีความจำ เป็นอย่างย่ิง พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงไดก้ ำหนดให้มี \"ระบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษา\" เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษาทุกระดับ โดยท่ี \"คร\"ู เปน็ ปจั จัยหลกั สู่ ความสำเรจ็ ของการจดั การศกึ ษาที่มีคณุ ภาพ และการประกนั คณุ ภาพการศึกษา ดังนน้ั ครูจงึ ตอ้ งมี ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับความหมาย และความสำคัญของการประกนั คณุ ภาพ สามารถวิเคราะห์ ระบบและกระบวนการในการประกนั คุณภาพการศึกษาได้ สามารถกำหนดมาตรฐานและตวั บง่ ชีค้ ุณ ภาพการศกึ ษาได้และสามารถดำเนินการใหเ้ กิดคุณภาพการศึกษา ตามบทบาทหน้าท่ขี องครูในระบบ การประกนั คุณภาพภายในและระบบการประกันคุณภาพภายนอก พรอ้ มทงั้ มีการพฒั นาอย่างต่อเนอ่ื ง ๘.๒ ความหมาย คำวา่ “ประกัน” ในภาษาอังกฤษมี ๒ คำ คือ “Insure” กับ “Assure” Insure ภาษาไทยใช้คำวา่ “ประกัน” โดยมุ่งท่ปี ระกนั ชวี ติ ประกนั อุบัตเิ หตุ ประกันวนิ าศภยั ๕๒ การประกนั คุณภาพการศกึ ษา.http://www.moe.go.th/wijai/edu%๒๐qa.htm.
การบรหิ ารจัดการในหอ้ งเรยี น ๑๑๙ Assure ภาษาไทยใช้คำว่า “ประกัน” เช่นกัน แต่ม่งุ ทใี่ หค้ วามมั่นใจแก่เจา้ ของเงินวา่ ผลผลติ ของหน่วยงานน่าจะมีคุณภาพ การประกนั คณุ ภาพ(Quality Assurance)การศกึ ษาของโรงเรียนจึงเปน็ การให้หลกั ฐานขอ้ มลู แกป่ ระชาชนวา่ บคุ คลในโรงเรียนทำงานอยา่ งเต็มความสามารถ เพื่อให้ผปู้ กครองนักเรียนและ สาธารณะชนมนั่ ใจว่านกั เรียนนา่ จะมคี ณุ ภาพตามที่ระบไุ วใ้ นหลักสตู ร และมาตรฐานคณุ ภาพ การศกึ ษาและสามารถดำเนนิ การใหเ้ กดิ คุณภาพการศึกษา ตามบทบาทหน้าทีข่ องครใู นระบบการ ประกันคณุ ภาพภายใน และระบบการประกนั คณุ ภาพภายนอก พรอ้ มทั้งมีการพัฒนาอย่างตอ่ เน่อื ง หมายถึง การบริหารจัดการและการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษา เพ่ือ พัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการทางการศึกษา ทั้งผู้รับบริการ โดยตรง ได้แก่ ผู้เรียน ผู้ปกครอง และผรู้ ับบริการทางอ้อม ได้แก่ สถานประกอบการ ประชาชน และ สงั คมโดยรวม๕๓ ๘.๓ ความสำคญั รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๘๑ ได้กำหนดให้รฐั ต้องจดั การศกึ ษาอบรมและสนับสนนุ ให้เอกชนจดั การศึกษาอบรมใหเ้ กดิ “ความรคู้ ูค่ ุณธรรม” และจดั ให้มี กฎหมายเกย่ี วกับการศึกษาแหง่ ชาติ ซ่ึงนำไปสู่พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ กอ่ ให้เกิดการปฏริ ปู การศึกษาครั้งใหญท่ ม่ี งุ่ เน้นคุณภาพการศกึ ษา คือ ไดก้ ำหนดให้มรี ะบบการประกัน คณุ ภาพการศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษาทุกระดบั (พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษา แห่งชาติ-พ.ศ.๒๕๔๒:มาตรา๔๗) ๑.ทำให้ประชาชนได้รับข้อมลู คุณภาพการศึกษาท่ีเชื่อถอื ได้ เกดิ ความเชื่อมนั่ และสามารถ ตดั สนิ ใจเลอื กใช้บรกิ ารท่ีมีคณุ ภาพมาตรฐาน ๒.ปอ้ งกันการจัดการศึกษาที่ไมม่ ีคณุ ภาพ ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองผบู้ รโิ ภคและเกดิ ความเสมอ ภาคในโอกาสทจ่ี ะได้รับการบริการการศึกษาท่มี คี ุณภาพอย่างทว่ั ถึง ๓.ทำใหผ้ ู้รับผิดชอบในการจดั การศึกษามุง่ บรหิ ารจัดการศึกษาสคู่ ุณภาพและมาตรฐานอย่าง จริงจงั ซ่งึ มีผลให้การศึกษามพี ลงั ทีจ่ ะพฒั นาประชากรใหม้ ีคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนือ่ ง การประกนั คณุ ภาพการศึกษาจงึ เปน็ การบรหิ ารจดั การ และการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจ ปกติของสถานศกึ ษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรยี นอย่างตอ่ เนือ่ ง ซึ่งจะเปน็ การสรา้ งความมัน่ ใจให้ ผู้รบั บรกิ ารการศึกษา ทัง้ ยงั เป็นการป้องกันการจัดการศึกษาทีด่ อ้ ยคุณภาพและสรา้ งสรรค์การศกึ ษา ให้เป็นกลไกท่ีมพี ลังในการพัฒนาประชากรให้มคี ุณภาพสูงย่ิงขนึ้ ๕๓ การประกนั คุณภาพการศกึ ษา www.learners.in.th/file/phimphunyawat/การประกันคณุ ภาพการศกึ ษา.doc.
การบรหิ ารจัดการในห้องเรียน ๑๒๐ ๘.๔ การประกนั คณุ ภาพการศึกษาเกี่ยวข้องกับ การดำเนนิ การทีส่ ำคญั ๒ เร่อื ง ๑.การกำหนดมาตรฐานคณุ ภาพการศึกษาซง่ึ หลักปฏิบัติท่ัวไป จะกำหนดโดยองค์คณะบคุ คล ผเู้ ชี่ยวชาญ หรอื ผู้มีประสบการณ์ (Murgatroyd,Stephen and Morgan,Colin ๑๙๙๔ : ๔๕) ใน ระบบการศกึ ษาไทยตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๒กำหนดให้กระทรวงการศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เปน็ ผู้กำหนดมาตรฐานการศึกษา (พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ : มาตรา ๓๑) โดยมสี ภาการศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมแหง่ ชาติ คณะกรรมการการศกึ ษา ข้ันพื้นฐานและคณะกรรมการการอุดมศกึ ษาเปน็ ผู้พิจารณาเสนอตามลำดบั สายงาน (พระราชบัญญัติ การศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒: มาตรา ๓๔) ๒.กระบวนการตรวจสอบและประเมินการดำเนนิ การจดั การศกึ ษา ว่าเป็นไปตามมาตรฐาน คณุ ภาพการศึกษามากน้อยเพียงไร พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้กำหนดให้ หนว่ ยงานต้นสงั กัดและสถานศึกษา จัดใหม้ ีระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่า การประกันคณุ ภาพภายใน เปน็ สว่ นหน่งึ ของกระบวนการบรหิ ารการศกึ ษาท่ีตอ้ งดำเนินการอยา่ งต่อ เน่ือง (พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ : มาตรา ๔๘) และใหม้ กี ารประเมินคุณภาพ ภายนอก ของสถานศึกษาทกุ แห่งอย่างน้อยหนง่ึ ครัง้ ในทกุ ๕ ปี โดยสำนักงานรบั รองมาตรฐานและ ประเมินคุณภาพการศึกษาเปน็ ผู้ดำเนนิ การ (พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ : มาตรา ๔๙) ๘.๕ ระบบและกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษา ระบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษาไทยตามพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๗ ประกอบดว้ ย ๒ ระบบ ๘.๕.๑ กระบวนการประกนั คณุ ภาพภายใน ระบบการประกันคุณภาพภายใน หมายถึง ระบบการประเมินผล และการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษา นั้นเองหรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าท่ีกำกับดูแลสถานศึกษาน้ัน (พระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ : มาตรา ๔) สถานศึกษาจะต้องพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในให้เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการ บริหารและการปฏิบตั งิ าน โดยคำนึงถงึ หลักการและกระบวนการดงั ตอ่ ไปนี้
การบริหารจดั การในหอ้ งเรียน ๑๒๑ ๑.หลักการสำคัญของการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษามี ๓ ประการ คือ (สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ ๒๕๔๓ : ๑๑) ๑.๑ จุดมุ่งหมายของการประกันคุณภาพภายใน คือ การท่ีสถานศึกษาร่วมกัน พัฒนาปรับปรุงคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา ไม่ใช่การจับผิดหรือทำให้บุคลากรเสียหน้า โดยเปา้ หมายสำคัญอยู่ที่ การพฒั นาคุณภาพให้เกิดข้ึนกับผู้เรียน ๑.๒ การที่จะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายตามข้อ ๑.๑ ต้องทำให้การประกัน คุณภาพการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารจัดการและการทำงานของบุคลากรทุกคนใน สถานศึกษาไม่ใช่เป็นกระบวนการที่แยกส่วนมาจากการดำเนินงานตามปกติของสถานศึกษาโดย สถานศึกษาจะต้องวางแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติการที่มีเป้าหมายชัดเจน ทำตามแผนตรวจสอบ ประเมินผลและพัฒนาปรับปรงุ อย่างต่อเนื่อง เป็นระบบท่ีมีความโปร่งใสและมีจิตสำนึกในการพัฒนา คุณภาพการทำงาน ๑.๓ การประกันคุณภาพเป็นหน้าทขี่ องบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา ไม่ว่าจะ เป็นผู้บริหาร ครู อาจารย์และบุคลากรอื่นๆ ในสถานศึกษาโดยในการดำเนินงานจะต้องให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้เรียน ชุมชน เขตพื้นท่ีการศึกษา หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนด เป้าหมาย วางแผน ติดตามประเมินผลพัฒนาปรับปรุง ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันผลักดันให้ สถานศึกษามีคุณภาพ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาท่ีดีมีคุณภาพ เป็นไปตามความต้องการของ ผ้ปู กครอง สังคม และประเทศชาติ ๒.กระบวนการการประกันคุณภาพภายในตามแนวคิดของการประกันคุณภาพ มี ๓ ขนั้ ตอนคือ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ๒๕๔๓ :๗) ๒.๑ การควบคมุ คุณภาพ เป็นการกำหนดมาตรฐานคุณภาพการศกึ ษาของ สถานศึกษาเพ่อื พัฒนาสถานศกึ ษาใหเ้ ขา้ สมู่ าตรฐาน ๒.๒ การตรวจสอบคุณภาพ เปน็ การตรวจสอบ และติดตามผลการดำเนินงาน ของสถานศึกษาให้เปน็ ไปตามมาตรฐานทก่ี ำหนด ๒.๓ การประเมนิ คุณภาพ เป็นการประเมินคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา โดยสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกดั ในระดบั เขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาฯ และระดบั กระทรวง ๓. กระบวนการประกนั คณุ ภาพภายในตามแนวคิดของหลักการบริหารทเ่ี ป็นกระบวนการครบ วงจร (PDCA) ประกอบด้วย ๔ ขั้นตอนคอื ๓.๑ การร่วมกนั วางแผน (Planning) ๓.๒ การร่วมกนั ปฏบิ ัตติ ามแผน (Doing)
การบรหิ ารจดั การในหอ้ งเรยี น ๑๒๒ ๓.๓ การร่วมกนั ตรวจสอบ (Checking) ๓.๔ การร่วมกันปรบั ปรุง (Action) เมื่อพิจารณากระบวนการการประกันคุณภาพภายในตามแนวคดิ ของการประเมินคุณภาพและ แนวคิดของการบริหารแบบครบวงจรจะเห็นว่ามีความสอดคล้องกัน ดังน้ี (สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาแหง่ ชาติ ๒๕๔๓ :๑๐) ๑.ขนั้ การเตรียมการ ซงึ่ การเตรียมการทมี่ ีความสำคัญ ๑.๑การเตรียมความพร้อมของบคุ ลากร โดยต้องสร้างความตระหนักถงึ คณุ ค่าของการ ประกนั คุณภาพภายในและการทำงานเป็นทีม ซึง่ จะจัดทำการชแี้ จงทำความเขา้ ใจโดยใช้บคุ ลากรภาย ในสถานศึกษาหรือวิทยากรมืออาชีพจากภายนอกโดยบุคลากรทุกคนในสถานศกึ ษาไดม้ ีโอกาสเขา้ รว่ ม ประชุมรับทราบพร้อมกัน และต้องพัฒนาความรู้ ทักษะเกี่ยวกับการประกันคุณภาพภายในให้ บุคลากรทุกคนเกิดความม่ันใจในการดำเนินงานประกันคุณภาพด้วยการจัดประชุมเชงิ ปฏิบัติการ โดย เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาและแผนปฏิบัติการในแต่ละปี ต่อมาเน้นเน้ือหา การกำหนดกรอบและแผนการประเมนิ การสร้างเคร่อื งมอื ประเมินและการรวบรวมขอ้ มลู ในชว่ งท้าย เนน้ เร่ืองเก่ยี วกับการวิเคราะห์ข้อมลู การนำเสนอผลการประเมนิ และการเขยี นรายงานผลการประเมิน ตนเอง (Self Study Report) ๑.๒ การแต่งต้ังคณะกรรมการผู้รับผิดชอบในการประสานงาน กำกับดูแล ช่วยเหลือ สนับสนุนให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันและเชื่อมโยงเป็นทีม โดยการตั้งคณะกรรมการควรพิจารณาตาม แผนภูมิโครงสร้างการบริหารซึ่งฝ่ายที่รับผิดชอบงานใดควรเป็นกรรมการรับผิดชอบการพัฒนาและ ประเมนิ คุณภาพงานน้ัน ๒. ขัน้ การดำเนนิ งานประกันคุณภาพภายใน ประกอบด้วยขน้ั ตอนหลัก ๔ ขั้นตอน ๒.๑ การวางแผน จะต้องมีการกำหนดเป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ผรู้ ับผดิ ชอบ งาน ระยะเวลาและทรัพยากรท่ีต้องใช้ สำหรับแผนต่างๆ ท่ีควรจัดทำคือ แผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษา แผนปฏิบัติการประจำปี แผนการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรซ่ึง สอดคล้องกับเปา้ หมายของสถานศึกษา แผนการประเมินคุณภาพและแผนงบประมาณ เปน็ ต้น ๒.๒ การปฏิบัติตามแผน ซ่ึงในขณะดำเนนิ การต้องมีการเรียนรูเ้ พ่ิมเติมตลอดเวลาและ ผูบ้ ริหารควรให้การสง่ เสริมและสนับสนุนใหบ้ ุคลากรทุกคนทำงานอย่างมีความสขุ จดั สิ่งอำนวยความ สะดวก สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการปฏิบัติ กำกับ ติดตามการทำงานท้ังระดับบุคลากร รายกลุ่ม ราย หมวด และใหก้ ารนิเทศ
การบริหารจัดการในห้องเรียน ๑๒๓ ๒.๓ การตรวจสอบประเมนิ ผล ซึ่งเป็นกลไกสำคัญท่จี ะกระตุ้นให้เกดิ การพัฒนาเพราะ จะทำให้ได้ข้อมูลย้อนกลับท่ีแสดงว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาบรรลุเป้าหมายเพียงใด โดยการประเมิน ต้องจัดวางกรอบการประเมิน จัดหาหรือจัดทำเคร่ืองมือ จัดเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล แปล ความขอ้ มลู และการตรวจสอบ ปรับปรงุ คุณภาพการประเมนิ ๒.๔ การนำผลการประเมินมาปรับปรุงงาน เมื่อแต่ละฝ่ายประเมินผลเสร็จแล้วจะ ส่งผลให้คณะกรรมการรับผิดชอบนำไปวิเคราะห์ สงั เคราะห์และแปลผลแล้วนำเสนอผลต่อผู้เกี่ยวขอ้ ง เพื่อนำไปปรับปรุงการปฏิบัติงานของผู้บริหารและบุคลากร นำไปวางแผนในระยะต่อไป และจัดทำ เปน็ ขอ้ มูลสารสนเทศหรอื การเขยี นรายงานประเมนิ ตนเอง ๓. ขนั้ การจดั ทำรายงานประเมนิ ตนเองหรอื รายงานประจำปี เมื่อสถานศึกษาดำเนินการประเมินผลภายในเสร็จแล้วจะจัดทำรายงาน โดยเริ่มจาก รวบรวมผลการดำเนินงานและผลการประเมินมาวิเคราะห์จำแนกตามมาตรฐานการศึกษาและเขียน รายงาน ๓.๑ บทบาทหน้าทีข่ องครใู นการประกันคุณภาพภายใน ๓.๑.๑ มีการเตรียมความพร้อมของตนเอง โดยทำการศึกษาให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจ เก่ียวกับหลักการ วิธีการ ขั้นตอนในการประเมินผลภายใน รวมท้ังพยายามสร้างเจตคติท่ีดีต่อการ ประเมนิ ภายใน ๓.๑.๒ ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการให้ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปที่คณะกรรมการ ประเมนิ ผลภายในต้องการ ๓.๑.๓ ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาเม่ือได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการใน กิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งของการประเมินผลภายใน เช่น เข้าร่วมพิจารณาจัดทำปฏิทินการปฏิบัติงาน ด้านการประเมินผลภายในสถานศึกษา ร่วมกนั พิจารณาจดั สร้างเคร่ืองมือในการจดั เก็บข้อมูลลักษณะ ต่างๆ ในกระบวนการประเมินผลภายใน ร่วมกันทำการสำรวจเก็บข้อมูลท่ีคณะกรรมการสำรวจ ร่วมกนั ทำการวเิ คราะห์ข้อมลู (หากมคี วามรู้ด้านการวเิ คราะห์) ร่วมกันสรปุ ผลการประเมิน เป็นต้น ๓.๑.๔ ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา ในการร่วมกันกำหนดจุดประสงค์ กำหนด มาตรฐานและตัวบ่งชี้ในการประเมินด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษาเอง และร่วมกันกำหนดเกณฑ์การ ตดั สินมาตรฐานและตวั บ่งชี้ในดา้ นตา่ ง ๆ
การบรหิ ารจดั การในหอ้ งเรียน ๑๒๔ ๓.๑.๕ ปฏบิ ัตหิ น้าทหี่ ลักหรอื หน้าทีป่ ระจำทรี่ ับผิดชอบอย่างมีระบบ ตามกระบวนการ และสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษา เช่น ในหน้าที่การสอนต้องมีการพัฒนาหลักสูตรและแผนการ สอนท่ีเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ จัดเตรียมเนื้อหาสาระที่ถูกต้องเหมาะสมกับจุดประสงค์การเรียนการ สอน จัดทำส่ือการสอนที่มีประสิทธิภาพตรงตามจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดกิจกรรม วิธีการ เรียนรู้ที่สร้างให้ผู้เรียนเกิดการค้นคว้าหาความรู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง เลือกวิธีการประเมินผลการ เรียนหลากหลายและเหมาะสมรวบรวมผลสรุปผล ประเมินการเรียนการสอน พฤติกรรมของผู้เรียน นำผลการประเมนิ มาปรับปรุงการจัดการเรยี นการสอนอย่างต่อเนอื่ ง เปน็ ตน้ ๘.๕.๒ การประเมนิ คณุ ภาพภายนอก ๘.๕.๒.๑ ความหมายของการประเมินคุณภาพภายนอก การประเมินคุณภาพภายนอก คือ การประเมินคุณภาพการจัดการศึกษา การ ติดตาม การตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา โดยผู้ประเมินภายนอกที่ ได้รับการรับรองจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา โดยผู้ประเมิน ภายนอกท่ีได้รับการรับรองจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การ มหาชน) หรือ สมศ. เพื่อมุ่งให้มีคุณภาพดีย่ิงขึ้น ผู้ประเมินภายนอกหรือคุณหมอโรงเรียนมีความเป็น อิสระ และเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกับการประเมินคุณภาพภายนอกจะนำไปสู่การเข้าถึง คุณภาพการศึกษาด้วยความเป็นกลาง เพ่ือสร้างสรรค์พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาอย่าง แท้จรงิ
การบริหารจดั การในหอ้ งเรียน ๑๒๕ โครงสร้างสำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา สกศ. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา คณะรัฐมนตรีมมี ติอนมุ ัติให้นำมาตรฐานการศึกษาของชาติ ไปสกู่ ารปฏิบตั ิ เมื่อวนั ที่ ๒๖ ตลุ าคม ๒๕๔๗ มาตรฐานการศึกษาของชาติ สพฐ. สอศ. สกอ. - กระทรวงทเี่ ก่ียวขอ้ ง สำนกั งาน สำนกั งาน สำนกั งาน - ภาคเอกชน คณะกรรมการ คณะกรรมการ คณะกรรมการ - องค์กรปกครองส่วน การศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ทอ้ งถ่นิ ประเมินคุณภาพ สมศ. ฯลฯ สำนกั งานรบั รองมาตรฐานและ ภายนอก ประเมินคุณภาพ ภายนอก สำนกั งานเลขาธิการสภาการศปึกระษเามปินรคะณุ เมภินาพผกลากราศรกึ จษัดาการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษา ของชาติ ๘.๖ แนวคดิ และหลกั การของการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก การประเมนิ ภายนอกของ สมศ. เป็นการประเมินโดยใชร้ ูปแบบ \"กัลยาณมิตรประเมนิ \" โดยมี วัตถปุ ระสงค์เพ่ือ ๑. เพอ่ื ตรวจสอบ ยืนยนั สภาพจรงิ ในการดำเนนิ งานของสถานศึกษาและประเมิน คณุ ภาพการศกึ ษาตามมาตรฐานการศกึ ษาทกี่ ำหนด ๒. เพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มลู ซ่ึงชว่ ยสะทอ้ นใหเ้ ห็นจุดเด่น-จดุ ด้อยของสถานศึกษา เง่อื นไขของ ความสำเร็จ และสาเหตขุ องปญั หา ๓. เพ่ือช่วยเสนอแนะแนวทางปรับปรงุ และพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาแก่สถานศึกษาและ หน่วยงานตน้ สงั กดั ๔. เพ่อื สง่ เสริมให้สถานศึกษามกี ารพัฒนาคุณภาพและประกนั คุณภาพภายในอยา่ ง ตอ่ เน่ือง
การบรหิ ารจดั การในห้องเรียน ๑๒๖ ๕. เพอ่ื รายงานผลการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษาต่อ หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วข้องและสาธารณชน ๘.๗ ความสำคัญของการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก การประเมินคุณภาพภายนอก มคี วามสำคญั และมีความหมายต่อสถานศึกษาหนว่ ยงานที่ เก่ียวข้องและสาธารณชน-ดังตอ่ ไปน้ี ประการที่ ๑ เปน็ การสง่ เสรมิ ให้สถานศกึ ษาพฒั นาเข้าสู่เกณฑม์ าตรฐานและพัฒนา ตนเองใหเ้ ตม็ ตามศักยภาพอยา่ งต่อเนอ่ื ง ประการที่ ๒ เพมิ่ ความมั่นใจและคุ้มครองประโยชนใ์ หผ้ ูร้ ับบริการทางการศกึ ษาว่า สถานศกึ ษาไดจ้ ดั การศึกษามุ่งสคู่ ุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาที่เน้นให้ผู้เรยี นเป็นคนดี มคี วาม สามารถและมีความสขุ เพื่อเป็นสมาชิกท่ีดีของสงั คม ประการที่ ๓ สถานศกึ ษาและหน่วยงานทีก่ ำกับดูแล เช่น คณะกรรมการสถานศกึ ษา หน่วยงานต้นสังกัด สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา รวมท้ังหน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้องและชมุ ชนท้องถ่นิ มี ขอ้ มูลท่จี ะช่วยตัดสินใจในการวางแผนและดำเนินการเพ่อื พฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้ เปน็ ไปในทิศทางที่ต้องการและบรรลุเปา้ หมายตามที่กำหนด ประการท่ี ๔ หนว่ ยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งในระดบั นโยบายมีข้อมูลสำคญั ในภาพรวมเก่ียวกับ คณุ ภาพและมาตรฐานของสถานศกึ ษาทกุ ระดับทุกสงั กัด เพือ่ ใช้เป็นแนวทางในการกำหนด แนวนโยบายทางการศึกษาและการจัดสรรงบประมาณเพ่อื การศกึ ษาอย่างมีประสิทธภิ าพ ๘.๗.๑ กระบวนการประเมินคณุ ภาพภายนอกระดับการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ๘.๗.๑.๑-ความหมายของผู้ประเมนิ ภายนอก ผปู้ ระเมินภายนอก หมายถงึ บคุ คลทั้งที่เปน็ นกั วิชาการ/วชิ าชีพ หรือผู้ปกครอง ผูแ้ ทนชมุ ชนที่มคี ณุ สมบัตติ ามท่ี สมศ. กำหนด และได้รบั การรบั รองจาก สมศ.ใหท้ ำการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกสถานศึกษา ผปู้ ระเมินภายนอก คือ คุณหมอโรงเรียนน่นั เอง ๘.๗.๑.๒-คุณสมบัติของผู้ประเมินภายนอก การประเมินคุณภาพภายนอกอย่างสร้างสรรค์เพ่ือมุ่งพฒั นาคุณภาพการศึกษาตอ้ ง อาศยั ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญหรอื คุณวฒุ ิ พร้อมทัง้ บคุ ลกิ ภาพและเจตคติ ที่เหมาะสมของผู้ประเมนิ ภายนอก สมศ. จงึ กำหนดคณุ สมบัติเบ้ืองต้น และคุณสมบัตเิ ฉพาะ สำหรับผู้ ทจ่ี ะไดร้ ับการรบั รองและแต่งตงั้ เปน็ ผ้ปู ระเมนิ ภายนอกดังน้ี
การบรหิ ารจัดการในหอ้ งเรยี น ๑๒๗ ๘.๗.๑.๓ คุณสมบัติเบ้ืองต้น ๑. อายุไมต่ ำ่ กวา่ ๓๐ ปีบริบรู ณ์ แต่ตอ้ งไม่เกนิ ๖๕ ปี ในวนั ที่ย่ืนใบสมัคร ๒. มสี ญั ชาติไทย ๓. สามารถปฏบิ ตั งิ านได้เต็มเวลา ๔. มีวฒุ กิ ารศึกษาไมต่ ำ่ กว่าปรญิ ญาตรีหรือเทียบเท่า หรือมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณก์ ารทำงานท่ปี ระสบความสำเรจ็ ในวชิ าชพี เปน็ ทยี่ อมรบั และไมเ่ คยถกู ลงโทษทางจริยธรรม ๕. ในกรณีทเ่ี ป็นข้าราชการต้องไดร้ บั หนงั สอื อนุญาตจากผ้บู งั คบั บัญชาระดบั กรมขึน้ ไป ใหส้ ามารถเป็นผู้ประเมนิ ภายนอกและทำการประเมนิ ภายนอกได้ ๖. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความมุ่งหมาย หลักการ แนวการจดั การศกึ ษา การจัดกระบวนการเรียนรู้ ระบบการประกนั คุณภาพและมาตรฐานการศึกษา เพ่ือการ ประเมนิ คณุ ภาพภายนอกของระดบั การศึกษาข้ันพ้ืนฐานในระบบ ๗. มีความรู้ และมีทกั ษะดา้ นการประเมนิ ผล ไดแ้ ก่ การรวบรวมข้อมลู การ วิเคราะหข์ อ้ มลู การสรุปและให้ข้อเสนอแนะ และการเขยี นรายงาน ๘. มที กั ษะในการสือ่ สารดว้ ยวาจา ๙. มที กั ษะในการคดิ วิเคราะห์ รอบคอบและสามารถตัดสินใจไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม ๑๐. มีบุคลิกภาพ สภุ าพเรียบรอ้ ย ๑๑. มีเจตคติทีด่ ีตอ่ สถานศกึ ษา เป็นกัลยาณมิตร มเี จตคตทิ ดี่ ตี ่อการทำงาน ร่วมกับผู้อนื่ และมคี วามสามารถในการประสานงาน ๘.๗.๑.๔ ผู้ประเมินตอ้ งไม่มลี กั ษณะต้องห้าม ๑) เปน็ ผ้มู กี ายพกิ ารหรือจิตบกพรอ่ งอนั เป็นเหตใุ หเ้ ปน็ ผหู้ ย่อนสมรรถภาพใน การเป็นผู้ประเมินภายนอก ๒) เปน็ บุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไรค้ วามสามารถ ๓) อยู่ในระหว่างลงโทษจำคุกโดยคำพพิ ากษาถึงท่ีสุดให้จำคุก ๔) เคยได้รับโทษจำคกุ โดยคำพพิ ากษาถงึ ที่สดุ ใหจ้ ำคุก เว้นแต่เปน็ โทษ สำหรบั ความผดิ ท่ีได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหโุ ทษ ๕) ในกรณีของผ้ทู เี่ คยรับราชการตอ้ งไม่เคยไดร้ บั โทษทางวนิ ยั อยา่ งร้ายแรง
การบรหิ ารจดั การในห้องเรยี น ๑๒๘ ๘.๗.๑.๕ คณุ สมบัติเฉพาะ ๑) สำเร็จหลักสตู รการฝกึ อบรมผู้ประเมินภายนอกของสำนกั งาน ผา่ นการ ทดสอบและการประเมินตามหลกั เกณฑท์ ่ีสำนกั งานกำหนด และได้รับการรับรองให้เป็นผู้ประเมิน ภายนอก ๒) มีคุณสมบัติอ่นื ๆ ตามท่ีสำนักงานกำหนด ๘.๗.๑.๖ จรรยาบรรณของผู้ประเมนิ ภายนอก ผู้ประเมินภายนอกตอ้ งปฏิบัติงานด้วยความรับผดิ ชอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยยดึ จรรยาบรรณตอ่ ไปนีเ้ ป็นหลกั ๑) มีความเทย่ี งตรง เปน็ กลาง โปรง่ ใส มคี วามรับผดิ ชอบทตี่ รวจสอบได้รายงานส่งิ ท่ี คน้ พบตามความเปน็ จริงอย่างชัดเจน มีเหตผุ ล มีหลักฐานสนบั สนนุ และมคี วามซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ไมย่ อม ใหอ้ ิทธิพลใดเบ่ียงเบนผลการประเมินให้ผดิ ไปจากความเป็นจริง การรายงานโดยปกปิดขอ้ ความซึ่ง ควรตอ้ งแจง้ ถอื เป็นการรายงานเท็จด้วย ๒) ต้องไม่ประพฤติให้เสอ่ื มเสียแก่ช่ือเสียงของตนหรือแกช่ อ่ื เสยี งของสำนักงาน ๓) รักษาความลับของขอ้ มูลสารสนเทศส่วนบคุ คลและสถานศึกษาท่ไี ด้รบั ระหวา่ งการ ตรวจเย่ียมและการประเมินคุณภาพภายนอกอย่างเครง่ ครัด ๔) ไมร่ ับและไม่เรียกรอ้ งในสิ่งท่ีไมเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การประเมินคุณภาพภายนอกสถานศกึ ษา เช่น ไม่รับอามิสสินจ้าง รางวัล ของขวญั ของกำนลั การต้อนรับ การรบั รองและการอำนวยความ สะดวกจากสถานศกึ ษาทเ่ี กินความจำเป็น ๕) ไมแ่ สวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองหรือผู้อ่นื ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางออ้ มโดยใชข้ อ้ มูล ใด ๆ ซ่ึงสำนกั งานยงั ไมไ่ ด้เผยแพรต่ ่อสาธารณะ และไม่ดำเนนิ การใด ๆ ในลกั ษณะทอ่ี าจก่อให้เกิด ความขดั แย้งทางผลประโยชน์ต่อสำนักงาน ๖) ปฏิบตั งิ านตามทไี่ ดร้ ับมอบหมายอยา่ งครบถ้วนสมบรู ณ์ ตามมาตรฐานการประเมิน คณุ ภาพภายนอกท่สี ำนักงานกำหนด ๗) ผู้ประเมินภายนอกต้องไมน่ ำบคุ คลทไี่ ม่เก่ียวขอ้ งกับการประเมินคุณภาพภายนอกเข้า ไปในสถานศึกษาทท่ี ำการประเมนิ ๘) ผู้ประเมินตอ้ งไมเ่ ปน็ ท่ปี รกึ ษาหรอื วิทยากรให้กับสถานศกึ ษาเนอื่ งจากอาจเกิดผลประ โยชน์ทบั ซอ้ น ๘.๗.๑.๗ บทบาทและหนา้ ทขี่ องผู้ประเมนิ ภายนอก ในการประเมินคุณภาพภายนอก ผู้ประเมนิ ภายนอกจะต้องปฏบิ ตั งิ านอย่างมอื อาชพี โดยยดึ ถือบทบาทในลกั ษณะ “เพอื่ นรว่ มวิชาชีพ” และเปน็ “กัลยาณมิตร” กับสถานศกึ ษาและ ชุมชนท่ีตา่ งฝา่ ยตา่ งเรียนรู้จากกนั และกัน หนา้ ที่สำคัญของคณะผู้ประเมินภายนอก ๑. ตรวจเยย่ี มสถานศกึ ษา สรา้ งความเข้าใจและเจตคตทิ ถ่ี ูกตอ้ งเก่ียวกบั การประเมนิ เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพ ใหก้ บั บคุ ลากรของสถานศึกษาและผู้เก่ยี วขอ้ ง ๒. รวบรวมข้อมูลและตรวจสอบหลกั ฐานข้อมลู เพือ่ ยืนยนั สภาพความเป็นจริงในการ
การบริหารจัดการในห้องเรยี น ๑๒๙ พัฒนาคณุ ภาพการศึกษาตามที่สถานศึกษาไดร้ ายงานไว้ในรายงานการประเมินตนเอง และตาม หลกั ฐานท่สี ะท้อนสภาพความเป็นจรงิ ทไ่ี ม่ไดอ้ ยู่ในรายงานการประเมนิ ตนเอง ๓. ตรวจสอบกระบวนการและวิธีการทสี่ ถานศึกษาใช้ในการได้มาซง่ึ ขอ้ มูลรวมทงั้ หลักฐานที่ระบุในรายงานการประเมนิ ตนเองมีความเหมาะสม ครอบคลุม และน่าเช่ือถอื เพียงใด ๔. ตรวจสอบผลการพัฒนาเทยี บเคยี งกบั เป้าหมาย/แผนพฒั นาของสถานศึกษาและ มาตรฐานการศึกษาที่ สมศ. กำหนดเพื่อการประเมินภายนอก รวมทงั้ ตรวจสอบเปา้ หมาย/แผนพัฒนา ทสี่ ถานศกึ ษาจะดำเนนิ การตอ่ ไป เพอื่ ดูความสอดคล้องกับผลการประเมนิ ๕. ประมวล วิเคราะห์ขอ้ มูล และประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามมาตรฐานประเมิน ภายนอก พร้อมทงั้ ใหข้ ้อเสนอแนะแกส่ ถานศึกษา เพอื่ นำไปสู่การพัฒนาการจัดการศึกษาใหม้ ีคณุ ภาพ ย่งิ ขึ้น ๖. รายงานผลการประเมนิ คุณภาพสถานศึกษาต่อ สมศ. ๘.๗.๑.๘-บทบาทของครใู นการรับการตรวจสอบและประเมนิ จากภายนอก การประกันคุณภาพภายนอกเปน็ งานทต่ี อ่ เน่ืองจากการประกันคุณภาพภายใน ซง่ึ สถานศึกษาจะต้องจัดทำรายงานการประเมนิ ตนเองเป็นประจำทุกปี เพื่อเสนอสำนักงานรับรอง มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาเพอ่ื รบั การประเมินคณุ ภาพภายนอก (สำนกั งานรบั รอง มาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา ๒๕๔๔: ๗) บทบาทของครูในการรับการตรวจสอบและการ ประเมนิ คุณภาพจากภายนอก-ม-ี ๓-บทบาท-คือ ๑.รว่ มจัดทำรายงานการศึกษาตนเอง(SAR)ของสถานศึกษา ๒.รบั การตรวจเยีย่ มของผู้ประเมินจากภายนอก ๓.รบั ข้อเสนอแนะจากสำนกั งานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษามาดำเนนิ การ ใหม้ ีการปรับปรุงแก้ไข ๘.๗.๑.๙-วิธกี ารประเมนิ คุณภาพภายนอกระดบั การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน กระบวนการประเมนิ คุณภาพภายนอกเป็นกระบวนการที่คณะผู้ประเมินภายนอกจะ รวบรวมและศึกษาขอ้ มูลจากรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาซงึ่ เสนอตอ่ สำนกั งานรบั รองมาตร ฐานและประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา (องคก์ ารมหาชน) แลว้ เข้าไปตรวจสอบและประเมิน คุณภาพของสถานศกึ ษา รวมท้ังใหข้ อ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะจากการประเมนิ เพ่อื ให้สถานศกึ ษาใช้ เปน็ แนวทางในการปรับปรุงและพฒั นาคุณภาพของสถานศกึ ษาอย่างตอ่ เนอื่ ง และจดั ทำรายงานผล การประเมินเผยแพรต่ อ่ หน่วยงานท่เี ก่ยี วข้องและสาธารณชน การประเมนิ คุณภาพภายนอกประกอบ ด้วยขนั้ ตอนใหญ่ๆ ๓ ข้ันตอน คอื (๑) ขน้ั ตอนกอ่ นการตรวจเย่ยี มสถานศกึ ษา (๒) ระหวา่ งการตรวจเย่ยี มสถานศึกษา และ
การบริหารจัดการในห้องเรียน ๑๓๐ (๓) หลงั การตรวจเยีย่ มสถานศกึ ษา เม่อื คณะผู้ประเมนิ ภายนอกไดร้ ับมอบหมายใหป้ ระเมนิ สถานศกึ ษาแตล่ ะแหง่ จะทำการศกึ ษา รายงานการประเมนิ ตนเอง (SSR,SAR) ของสถานศึกษา ซง่ึ สถานศกึ ษาจัดส่งมาให้สำนกั งานรับรอง มาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา (สมศ.) ลว่ งหนา้ แลว้ นดั วนั ท่จี ะไปตรวจเยี่ยม และแจง้ กำหนดการตรวจเยีย่ มต่อสถานศึกษา พรอ้ มทงั้ ขอเอกสารข้อมลู ทเี่ กยี่ วข้องเพมิ่ เติม ในกรณี รายงานการประเมนิ ตนเองไมช่ ัดเจน หรือไมส่ มบูรณแ์ ลว้ สง่ คนื เมื่อศึกษาข้อมูลเสร็จแลว้ ๘.๗.๑.๑๐ การไปตรวจเยี่ยมของคณะผ้ปู ระเมนิ ภายนอกเปน็ การไปทำหนา้ ที่ ๑.สร้างความเข้าใจในการตรวจเยี่ยมสถานศึกษาให้กับบุคคลท่ีเก่ียวข้องทุก กล่มุ ในสถานศึกษา ได้แก่ คณะผู้บริหาร คณะกรรมการสถานศึกษา ผปู้ กครอง/สมาคมผู้ปกครองและ ครู นกั เรียน/สภานักเรียน พนักงาน เจ้าหน้าท่ี/บุคลากรสนบั สนนุ ของสถานศกึ ษา ๒.ตรวจสอบหลักฐานเพ่ือยืนยันสภาพความเป็นจริงในการพัฒนาตามที่สถาน ศึกษาไดร้ ายงานการประเมนิ ตนเอง รวมท้ังหลักฐานทส่ี ะท้อนสภาพความเป็นจรงิ ทไี่ มไ่ ด้อยู่ในรายงาน การประเมนิ ตนเอง ๓.ตรวจสอบกระบวนการและวิธกี ารทส่ี ถานศึกษาใชใ้ นการไดม้ าซงึ่ ขอ้ มูลหลัก ฐานว่าไดใ้ ช้วิธกี ารทีห่ ลากหลาย เหมาะสม น่าเชอื่ ถือ ครอบคลมุ เพยี งใด ๔.ตรวจสอบผลการพฒั นาเทยี บเคยี งกับแผนของสถานศกึ ษา และมาตรฐาน การศกึ ษาที่ สมศ. กำหนดเพ่อื การพฒั นา และตรวจสอบจดุ ทีส่ ถานศึกษาจะพัฒนาตอ่ ไป เพอ่ื ดูความ สอดคล้องของแผนกบั ผลการประเมนิ ๕.ประมวลและสรุปผลการตรวจเย่ียมและใหข้ ้อเสนอแนะแกส่ ถานศกึ ษาเพือ่ นำไปพฒั นาการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพมากขน้ึ ๘.๘ เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพภายนอกระดบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐานรอบท่ีสอง (พ.ศ. ๒๕๔๙– ๒๕๕๓ ) ตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ .๒๕๔๒ แก้ไขเพ่ิมเติม ๒๕๔๕ กำหนดให้ สมศ. ตอ้ งจดั ทำขอ้ เสนอแนะตอ่ ตน้ สงั กดั ในกรณีท่ีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษา ไม่ได้มาตรฐานท่ีกำหนด คณะกรรมการพัฒนาระบบการประเมินคุณภาพการศึกษาข้ันพื้นฐาน จึง พิจารณาวิธีการและเกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานปี ๒๕๔๙ – ๒๕๕๓ เพื่อการจำแนกผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษาว่าได้มาตรฐานหรือไม่ โดยได้รับอนุมัติจากคณะ กรรมการบรหิ าร สมศ. โดยให้พจิ ารณาจากเกณฑต์ อ่ ไปน้ี ๑. การประเมินอิงเกณฑ์ ใหพ้ ิจารณาตามมาตรฐาน ตวั บง่ ชี้ และเกณฑก์ ารพจิ ารณาท่ี สมศ. กำหนด โดยจะมีการสรุปผลท้ังในระดับตัวบ่งชี้และระดับมาตรฐาน
การบริหารจัดการในห้องเรยี น ๑๓๑ ๒. การประเมินอิงสถานศึกษา ให้พิจารณาจากการที่สถานศึกษาดำเนินการตามข้อเสนอของ สมศ. และพัฒนาการของคุณภาพของสถานศึกษา ตลอดจนมีผลการดำเนินงานบรรลุ มาตรฐาน / เป้าหมายตามแผนงานของสถานศึกษา รวมท้ังการมีความตระหนักใน ความสำคัญและความพยายามในการพัฒนาสู่มาตรฐานของสถานศึกษา ๘.๑ วธิ กี ารประเมินในแต่ละแบบ ๘.๑.๑ การประเมินแบบอิงเกณฑ์ มีการประเมิน ๒ ระดบั คอื การประเมนิ ในระดับตวั บ่งชแี้ ละการประเมินในระดบั มาตรฐาน ได้แก่ ๘.๑.๑.๑ การประเมินในระดบั ตัวบ่งชี้ ใหพ้ จิ ารณาจากรอ้ ยละเฉลี่ยตามเกณฑ์ พิจารณาในแต่ละตัวบง่ ชีเ้ ปน็ ๔ ระดับ คือ เกณฑ์การพิจารณา ระดบั คุณภาพ รอ้ ยละเฉลย่ี ตามเกณฑ์พจิ ารณาต่ำกวา่ ร้อยละ ๕๐ ปรบั ปรุง ร้อยละเฉลี่ยตามเกณฑ์พจิ ารณาระหวา่ ง ร้อยละ ๕๑ – ๗๔ พอใช้ รอ้ ยละเฉลี่ยตามเกณฑ์พิจารณาระหวา่ ง รอ้ ยละ ๗๕ – ๘๙ ดี รอ้ ยละเฉลย่ี ตามเกณฑ์พิจารณาตั้งแต่ รอ้ ยละ ๙๐ ข้ึนไป ดีมาก ๘.๑.๑.๒ การประเมินในระดับมาตรฐาน ให้พจิ ารณาจากคา่ เฉล่ยี ของระดับ คุณภาพตวั บง่ ชใ้ี นแตล่ ะมาตรฐานเป็น ๔ ระดบั คือ เกณฑ์การพิจารณา ระดบั คุณภาพ คา่ เฉลย่ี ของระดับคณุ ภาพตวั บง่ ช้ี ตำ่ กว่าหรือเท่ากับ ๑.๗๔ ปรับปรงุ คา่ เฉล่ียของระดบั คุณภาพตวั บง่ ช้ี ระหว่าง ๑.๗๕-๒.๗๔ พอใช้ คา่ เฉลย่ี ของระดบั คุณภาพตัวบ่งช้ี ระหว่าง ๒.๗๕-๓.๔๙ ดี คา่ เฉลย่ี ของระดับคณุ ภาพตวั บ่งชี้ ระหว่าง ๓.๕๐-๔.๐๐ ดมี าก ๘.๒.๒ การประเมินองิ สถานศึกษา ประกอบด้วยการพจิ ารณาพัฒนาการของคุณภาพ การศกึ ษาของสถานศึกษาและการบรรลมุ าตรฐาน / เป้าหมายของสถานศกึ ษา โดยมมี ติ ใิ นการ พจิ ารณาและการสรปุ ผลการพจิ ารณาดงั นี้ ๘.๒.๒.๑ มิตใิ นการพิจารณา พัฒนาการของคณุ ภาพการศึกษาและการบรรลุ มาตรฐาน/เป้าหมายตามแผนของสถานศึกษาดงั น้ี พัฒนาการของคุณภาพ บรรลุมาตรฐาน/เป้าหมายตามแผนของสถานศึกษา การศกึ ษา บรรลุ ไม่บรรลุ มี ดี(๓)+ ไมม่ ี ดีมาก(๔) มคี วามตระหนักและความพยายาม พอใช้(๒) ไม่มคี วามตระหนัก/ความพยายาม พอใช(้ ๒) ปรับปรุง(๑)
การบรหิ ารจัดการในห้องเรยี น ๑๓๒ ๘.๒.๒.๒ วิธกี ารพิจารณา ได้ใหค้ วามหมายของพัฒนาการ และการบรรลุ มาตรฐาน/เป้าหมายตามแผนของสถานศกึ ษา ๑.-มีพฒั นาการของคณุ ภาพการศกึ ษา หมายถงึ การท่ีสถานศกึ ษาไดด้ ำเนนิ การตามขอ้ เสนอ แนะของ สมศ. และผลการประเมินในรอบทีส่ อง (เฉพาะผลการประเมินแบบอิงเกณฑ์) สงู กวา่ การ ประเมินรอบแรก หรอื มีผลประเมินทัง้ ในรอบแรกและรอบสองไม่ต่ำกว่าระดับดี ๒.-ไม่มพี ฒั นาการของคุณภาพการศึกษา หมายถึง การทีส่ ถานศึกษาไม่ไดด้ ำเนินการตาม ข้อเสนอแนะของ สมศ. และผลการประเมนิ ในรอบทส่ี อง(เฉพาะผลการประเมนิ แบบองิ เกณฑ์) ตำ่ กว่า ผลประเมนิ รอบแรก หรอื ผลประเมนิ ในรอบแรกและรอบทีส่ องซง่ึ ตำ่ กว่าระดับดแี ละไมแ่ ตกตา่ งกัน ๓.-บรรลุมาตรฐานหรือเป้าหมายตามแผน หมายถึง สถานศกึ ษามีความสำเรจ็ ในการปฏิบัติ สามารถบรรลมุ าตรฐานหรือเป้าหมายของแผนพฒั นาสถานศกึ ษาในการพฒั นาผู้เรียนหรือครู หรือคณุ ภาพการจดั การศกึ ษาในแต่ละมาตรฐาน โดยนำผลประเมนิ คณุ ภาพภายนอกรอบแรกไปใชว้ างแผน พฒั นาการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา และมีหลกั ฐานแสดงความตระหนกั ในความสำคัญและความ พยายามในการปฏิบตั ิเพ่ือการพัฒนาสู่มาตรฐานของสถานศกึ ษา ๔. ไม่บรรลมุ าตรฐานหรอื เป้าหมายตามแผน หมายถึง สถานศกึ ษายงั ไมป่ ระสบความสำเร็จใน การปฏิบัติ ไม่สามารถบรรลมุ าตรฐานหรอื เปา้ หมายของแผนพฒั นาสถานศกึ ษาในการพัฒนาผู้เรียน หรอื ครู หรือคุณภาพการจดั การศกึ ษาในแต่ละมาตรฐาน โดยไมค่ ำนงึ ถงึ ความตระหนกั ในความสำคัญ และความพยายามในการปฏบิ ัติเพอ่ื การพัฒนาสมู่ าตรฐานของสถานศกึ ษา ๘.๒.๓ การสรปุ ผลการประเมินอิงสถานศกึ ษา มรี ะดบั ของมาตรฐานและคะแนนดังน้ี คำอธบิ าย ระดบั คะแนน ไมม่ ีพฒั นาการของคณุ ภาพการศกึ ษาและไมบ่ รรลมุ าตรฐาน/ ปรับปรงุ ๑ คะแนน เปา้ หมายตามแผน ไม่มพี ฒั นาการของคณุ ภาพการศึกษาแตบ่ รรลมุ าตรฐาน/ เป้าหมายตามแผน หรอื มีพัฒนาการของคณุ ภาพการศกึ ษา แต่ไมบ่ รรลมุ าตรฐาน/เป้าหมายตามแผน และหลักฐานแสดง พอใช้ ๒ คะแนน ความตระหนักในความสำคญั และความพยายามในการปฏบิ ตั ิ อยา่ งไม่เดน่ ชดั มีพัฒนาการของคุณภาพการศึกษาและมหี ลกั ฐานแสดงความ ตระหนักในความสำคญั และความพยายามในการปฏิบตั ิอยา่ ง ดี ๓ คะแนน เด่นชดั แต่ไม่บรรลุมาตรฐาน/เป้าหมายตามแผน มีพฒั นาการของคุณภาพการศกึ ษา และบรรลมุ าตรฐาน/ ดมี าก ๔ คะแนน เป้าหมายตามแผน
การบรหิ ารจดั การในห้องเรยี น ๑๓๓ ๘.๙ มาตรฐานและตัวบง่ ชคี้ ณุ ภาพการศกึ ษา พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ (๓) บญั ญตั ใิ ห้มกี ารกำหนด มาตรฐานการศกึ ษาและให้สภาการศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรมแห่งชาติ มีหนา้ ท่ีพจิ ารณาเสนอ นโยบายแผนและมาตรฐานการศึกษาของชาติ (พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ : มาตรา ๓๓) ๘.๙.๑ มาตรฐานการศกึ ษา มาตรฐานการศึกษา คือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพท่ีพึงประสงค์และ มาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง เพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับการ ส่งเสริม และกำกับดูแล การตรวจสอบ การประเมินผล และการประกันคุณภาพทางการศึกษา (พระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ : มาตรา ๔) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๔ บัญญัติให้คณะกรรมการ การศึกษาข้ันพ้ืนฐานมีหน้าท่ีพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐานและหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐานท่ีสอดคล้องกับแผนการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยให้ คณะกรรมการและสำนักงานการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมเขตพ้ืนที่การศึกษากำกับดูแล สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานและสถานศึกษาระดับอดุ มศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา ใหส้ ามารถจัดการศกึ ษา สอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษา (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ : มาตรา ๓๘) ๘.๙.๒ มาตรฐานการศึกษาของชาติ มที ้งั หมด ๓ มาตรฐานดังน้ี มาตรฐานท่ี ๑ คุณลักษณะของคนไทยทพี่ ึงประสงค์ ทั้งในฐานะพลเมืองไทยและ พลเมอื งโลก คนไทยเปน็ คนเก่ง คนดี และมสี ุข เป้าหมายของการจัดการศึกษาอยู่ท่ีการพัฒนาคนไทยทุกคนให้เป็น คนเก่ง คนดี และ มีความสุข โดยมีการพัฒนาท่ีเหมาะสมกับช่วงวัย พัฒนาคนตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ ตรงตาม ความต้องการ ท้ังในด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ สติปัญญา ความรู้และทักษะ คุณธรรมและ จติ สำนึกทพ่ี งึ ประสงค์ และอยใู่ นสังคมไดอ้ ยา่ งปกติสขุ ตวั บ่งชี้
การบรหิ ารจัดการในห้องเรียน ๑๓๔ ๑. กำลงั กาย กำลังใจท่สี มบูรณ์ ๑.๑ คนไทยมีสขุ ภาพกายและจติ ทด่ี ี มพี ฒั นาการด้านร่างกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา เจรญิ เตบิ โตอยา่ งสมบูรณ์ตามเกณฑ์การพัฒนาในแตล่ ะชว่ งวยั ๒. ความรูแ้ ละทกั ษะทจี่ ำเป็นและเพียงพอในการดำรงชีวิตและการพฒั นาสงั คม ๒.๑ คนไทยได้เรยี นรู้ เตม็ ตามศกั ยภาพของตนเอง ๒.๒ คนไทยมงี านทำ และนำความร้ไู ปใช้ในการสร้างงานและสรา้ งประโยชน์ให้สังคม ๓. มที ักษะการเรยี นรู้และการปรับตัว ๓.๑ คนไทยสามารถเรียนรไู้ ดด้ ้วยตนเอง รกั การเรยี นรู้ รู้ทันโลกรวมทัง้ มี ความสามารถในการใช้แหลง่ ความรู้และสอื่ ตา่ ง ๆ เพื่อพัฒนาตนเองและสงั คม๓.๒ คนไทยสามารถ ปรับตัวได้ มีมนษุ ยส์ มั พันธ์ดี และทำงานร่วมกับผูอ้ น่ื ได้เปน็ อยา่ งดี ๔. มีทกั ษะทางสงั คม ๔.๑ คนไทยเข้าใจและเคารพในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและสังคม มีทกั ษะและ ความสามารถ ที่จำเปน็ ตอ่ การดำเนินชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข ๔.๒๓คนไทยมีความรับผดิ ชอบ เข้าใจ ยอมรับและตระหนกั ในคุณค่า ของวฒั นธรรมท่ี แตกตา่ งกนั สามารถแกป้ ญั หาในฐานะสมาชิกของสังคมไทยและสงั คมโลกโดยสนั ตวิ ิธี ๕. มคี ุณธรรม จติ สาธารณะ และจิตสำนกึ ในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ๕.๑ คนไทยดำเนินชีวิตโดยกายสจุ ริต วจีสจุ ริต และมโนสุจริต ๕.๒ คนไทยมคี วามรับผดิ ชอบทางศีลธรรมและสังคมมจี ิตสำนึกในเกียรตภิ มู ขิ องความ เป็นคนไทย มีความภมู ใิ จในชนชาติไทย รักแผน่ ดินไทยและปฏบิ ัตติ นตามระบอบ ประชาธปิ ไตย เป็นสมาชิกท่ดี ี เปน็ อาสาสมัคร เพอื่ ชุมชนและสังคมในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลก มาตรฐานที่ ๒ แนวการจัดการศึกษา จดั การเรียนรู้ท่มี ุง่ พฒั นาผู้เรียนเป็นสำคญั และการบรหิ ารโดยใช้สถานศึกษาเป็นฐาน การจัดกระบวนการเรยี นรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคญั ผู้เรียนเห็นแบบอยา่ งท่ีดี ได้ฝึกการ คดิ ได้เรียนรจู้ ากประสบการณ์ตรงทีห่ ลากหลายตรงตามความตอ้ งการ และมคี วามสขุ ในการเรียนรู้ ครู คณาจารย์ร้จู กั ผเู้ รียนเป็นรายบคุ คล เตรยี มการสอนและใช้ส่ือทผ่ี สมผสานความรสู้ ากลกบั ภมู ิ ปัญญาไทย จัดบรรยากาศเอื้อต่อการเรยี นรู้ จดั หาและพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ท่หี ลากหลาย และ พฒั นาความคดิ ของผู้เรียนอยา่ งเปน็ ระบบและสร้างสรรค์ ความสำเร็จของการจัดกระบวนการเรียนรทู้ เ่ี นน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญข้ึนอย่กู ับ ปัจจยั ด้าน บคุ คลเชน่ ผู้เรยี น ครู คณาจารย์ ผู้บริหาร ผู้ปกครอง และปจั จยั ด้านการบริหารได้แก่ หลักการ บรหิ ารจดั การและหลักธรรมมาภบิ าล
การบริหารจดั การในห้องเรียน ๑๓๕ ตวั บง่ ชี้ ๑. การจดั หลกั สูตรการเรียนรแู้ ละสภาพแวดล้อมท่ีส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนไดพ้ ฒั นาตามธรรมชาติ และเต็มตามศกั ยภาพ ๑.๑ มกี ารจดั หลกั สูตรท่ีหลากหลายตามความเหมาะสม ความต้องการและศักยภาพ ของกลุม่ ผเู้ รยี นทกุ ระบบ ๑.๒ ผเู้ รียนมีโอกาส/สามารถเข้าถึงหลักสตู รต่างๆ ที่จดั ไว้อยา่ งทว่ั ถงึ ๑.๓ องค์กรที่ใหบ้ ริการทางการศกึ ษามีสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ต่อการเรียนรู้ มอี าคาร สถานทม่ี กี ารสง่ เสรมิ สุขภาพอนามยั และความปลอดภยั ๑.๔ มีการพัฒนานวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ ส่ือเพื่อการเรียนรู้ และการให้บรกิ าร เทคโนโลยสี ารสนเทศทุกรปู แบบทีเ่ อ้อื ต่อการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และการเรียนรู้แบบมสี ว่ นร่วม ๒. มีการพัฒนาผบู้ รหิ าร ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอยา่ งเป็นระบบและมี คุณภาพ ๒.๑ ผบู้ ริหาร ครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษาไดร้ ับการพฒั นาอยา่ งเป็น ระบบตอ่ เนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแขง็ ทางวิชาการและวชิ าชพี ๒.๒ ผ้บู ริหาร ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษามีคณุ ธรรม มคี วามพงึ พอใจใน การทำงาน และผูกพันกบั งาน มอี ตั ราการออกจากงานและอตั ราความผิดทางวนิ ัยลดลง ๒.๓ มแี นวโน้มในการรวมตัวจัดต้ังองคก์ รอิสระเพ่อื สร้างเกณฑม์ าตรฐานเฉพาะกลุ่ม และตดิ ตามการดำเนินงานของบุคลากรและสถานศกึ ษา ตลอดจนการส่งั สมองค์ความรูท้ ่หี ลากหลาย ๓. มีการบรหิ ารจัดการทใ่ี ช้สถานศึกษาเป็นฐาน ๓.๑ องคก์ ร ชุมชน มสี ่วนร่วมในการพัฒนาการจัดการเรียนรตู้ ามสภาพท้องถิ่น บคุ ลากรทั้งในและนอกสถานศกึ ษา สภาพปัญหาและความตอ้ งการท่ีแทจ้ ริงของผ้เู รยี น ๓.๒ ผ้รู ับบรกิ าร/ผเู้ กย่ี วข้องทุกกลมุ่ มคี วามพึงพอใจตอ่ การจัดบริการทางการศึกษา ของสถานศกึ ษา ๓.๓ มกี ารกำหนดระบบประกนั คุณภาพภายในเปน็ ส่วนหน่ึงของกระบวนการบริหาร การศึกษา เพ่ือนำไปสู่การพฒั นาคุณภาพ และสามารถรองรบั การประเมนิ คุณภาพภายนอกได้ มาตรฐานที่ ๓ แนวการสร้างสังคมแห่งการเรยี นรู้ / สังคมแหง่ ความรู้ การเรียนรู้ ความรู้ นวัตกรรม สอ่ื และเทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคญั ของการพฒั นาสู่ สังคมแห่งความรู้ การสง่ เสรมิ และสร้างกลไกเพ่อื ให้คนไทยทกุ คนมโี อกาสและทางเลอื กที่จะเข้าถงึ ปัจจยั และเรียนรอู้ ย่างต่อเนอ่ื งตลอดชีวติ ด้วยรปู แบบและวธิ กี ารทีห่ ลากหลายโดยการไดร้ ับความ
การบริหารจัดการในห้องเรียน ๑๓๖ รว่ มมอื จากทกุ ภาคส่วนของสังคม จะนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพประสิทธภิ าพ และขดี ความสามารถ ของคนไทย ในการพฒั นาประเทศ รวมทงั้ การเพ่มิ ศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ตวั บ่งชี้ ๑. การบริการวิชาการและสร้างความรว่ มมอื ระหว่างสถานศึกษากบั ชมุ ชนให้เป็นสังคมแห่ง การเรียนร/ู้ สังคมแห่งความรู้ ๑.๑ สถานศึกษาควรร่วมมือกับบุคลากรและองค์กรในชมุ ชนท่เี กย่ี วข้องทกุ ฝา่ ยทุก ระดับรว่ มจดั ปจั จัยและกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชน และใหบ้ รกิ ารทางวิชาการทีเ่ ป็นประโยชน์แก่ การพฒั นาคนในชมุ ชน เพื่อใหส้ งั คมไทยเปน็ สงั คมแหง่ ภูมปิ ญั ญา และคนไทยมีการเรียนรตู้ ลอดชวี ิต ๑.๒ ชมุ ชนซงึ่ เป็นท่ีต้งั ขององค์กรที่ใหบ้ รกิ ารทางการศึกษามสี ถานภาพเปน็ สังคมแหง่ การเรียนรู/้ สังคมแห่งความรู้ มคี วามปลอดภัย ลดความขัดแย้ง มสี ันตสิ ุข และมกี ารพฒั นาก้าวหน้า อยา่ งตอ่ เน่ือง ๒. การศกึ ษาวจิ ัย สร้างเสริม สนับสนนุ แหล่งการเรียนรู้ และกลไกการเรียนรู้ ๒.๑ มกี ารศกึ ษาวจิ ัย สำรวจ จัดหา และจดั ตงั้ แหลง่ การเรียนรู้ตลอดชวี ิตทุกรูปแบบ ๒.๒ ระดมทรพั ยากร (บคุ ลากร งบประมาณ อาคารสถานที่ สงิ่ อำนวยความสะดวก ภูมิปญั ญาและอืน่ ๆ) และความร่วมมือจากภายในและภายนอกสถานศกึ ษา ในการสรา้ งกลไกการ เรียนรทู้ ุกประเภท เพอ่ื ให้คนไทยสามารถเข้าถงึ แหล่งการเรียนรู้ และสามารถเรียนรตู้ ลอดชีวิตได้จรงิ ๒.๓ สง่ เสรมิ การศกึ ษาวิจัยเพอื่ สร้างองค์ความรใู้ หม่เพ่ือการพฒั นาประเทศ ๓. การสร้างและการจัดการความรู้ในทกุ ระดับทกุ มติ ขิ องสังคม ๓.๑ ครอบครวั ชมุ ชน องค์กรทกุ ระดับ และองคก์ รท่ีจัดการศกึ ษามกี ารสรา้ งและใช้ ความรู้ มกี ารแลกเปล่ียนเรยี นรูจ้ นกลายเป็นวัฒนธรรมแหง่ การเรียนรู้ ๘.๙.๓ มาตรฐานการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการมีมาตรฐาน ๑๘ มาตรฐานแบ่ง ออกเป็น ๔ ด้านดังนค้ี ือ ๑. มาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียน มี ๘ มาตรฐาน ๒. มาตรฐานดา้ นการเรียนการสอน มี ๒ มาตรฐาน ๓. มาตรฐานดา้ นการบรหิ ารและการจดั การศกึ ษามี ๖ มาตรฐาน ๔. มาตรฐานดา้ นการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ มี ๒ มาตรฐาน ๑. มาตรฐานด้านคณุ ภาพผู้เรยี น มาตรฐานที่ ๑ ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ ตวั บ่งชี้ ๑.๑ มีวนิ ยั มีความรับผดิ ชอบ และปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมเบ้อื งตน้ ของศาสนาทต่ี นนับถือ
การบรหิ ารจัดการในห้องเรยี น ๑๓๗ ๑.๒ มีความซอ่ื สตั ย์สุจริต ๑.๓ มคี วามกตญั ญกู ตเวที ๑.๔ มีเมตตากรุณา เอื้อเฟ้ือเผอื่ แผ่ และเสยี สละเพื่อสว่ นรวม ๑.๕ ประหยัด รูจ้ ักใช้ทรัพย์ส่ิงของส่วนตน และส่วนรวมอยา่ งค้มุ ค่า ๑.๖ ภูมิใจในความเป็นไทย เห็นคุณค่าภูมปิ ญั ญาไทย นิยมไทย และดำรงไว้ซึง่ ความเปน็ ไทย มาตรฐานท่ี ๒ ผูเ้ รียนมีจิตสำนกึ ในการอนรุ กั ษ์และพัฒนาสิ่งแวดลอ้ ม ตัวบง่ ชี้ ๒.๑ รคู้ ณุ ค่าของส่ิงแวดล้อมและตระหนักถึงผลกระทบทเ่ี กิดจากการเปลี่ยนแปลงสงิ่ แวดลอ้ ม ๒.๒ เข้ารว่ มหรอื มสี ่วนร่วมกจิ กรรม/โครงการอนุรกั ษแ์ ละพัฒนาส่งิ แวดล้อม มาตรฐานที่ ๓ ผู้เรยี นมีทักษะในการทำงาน รกั การทำงาน สามารถทำงานร่วมกบั ผู้อน่ื ได้ และมีเจตคตทิ ดี่ ีตอ่ อาชีพสจุ รติ ตัวบง่ ช้ี ๓.๑ มีทักษะในการจัดการและทำงานให้สำเรจ็ ๓.๒ เพียรพยายาม ขยนั อดทน ละเอยี ดรอบคอบในการทำงาน ๓.๓ ทำงานอยา่ งมีความสุข พัฒนางานและภมู ใิ จในผลงานของตนเอง ๓.๔ ทำงานร่วมกบั ผู้อ่ืนได้ ๓.๕ มีความรู้สกึ ทด่ี ีต่ออาชีพสจุ ริตและหาความรเู้ ก่ียวกบั อาชพี ทต่ี นสนใจ มาตรฐานท่ี ๔ ผูเ้ รียนมีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ คดิ สังเคราะห์ มีวจิ ารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คดิ ไตรต่ รอง และมีวิสยั ทศั น์ ตวั บง่ ชี้ ๔.๑ สามารถวิเคราะห์ สงั เคราะห์ สรปุ ความคิดรวบยอดคิดอย่างเปน็ ระบบและมกี ารคิดแบบ องคร์ วม ๔.๒ สามารถคาดการณ์ กำหนดเปา้ หมาย และแนวทางการตัดสินใจได้ ๔.๓ ประเมนิ และเลอื กแนวทางการตดั สนิ ใจ และแกไ้ ขปญั หาอย่างมสี ติ ๔.๔ มคี วามคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์ มองโลกในแงด่ ี และมจี ินตนาการ มาตรฐานที่ ๕ ผู้เรียนมีความรูแ้ ละทกั ษะท่จี ำเปน็ ตามหลักสูตร ตวั บ่งชี้ ๕.๑ มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉล่ยี ตามเกณฑ์ ๕.๒ มีผลการทดสอบรวบยอดระดบั ชาตเิ ฉลย่ี ตามเกณฑ์ ๕.๓ สามารถสือ่ ความคดิ ผ่านการพูด เขยี น หรือนำเสนอดว้ ยวิธีตา่ งๆ ๕.๔ สามารถใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้ท้งั ภาษาไทยและภาษาตา่ งประเทศ
การบรหิ ารจดั การในห้องเรยี น ๑๓๘ ๕.๕ สามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ พฒั นาการเรียนรู้ มาตรฐานที่ ๖ ผเู้ รยี นมที กั ษะในการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง รกั การเรียนรแู้ ละ พฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ตวั บ่งชี้ ๖.๑ มีนิสัยรกั การอ่าน การเขียน และการฟงั รจู้ ักต้ังคำถามเพื่อหาเหตุผล ๖.๒ สนใจแสวงหาความรู้จากแหลง่ ต่างๆ รอบตวั ใช้ห้องสมุด แหลง่ ความร้แู ละส่ือตา่ ง ๆได้ ทั้งในและนอกสถานศกึ ษา ๖.๓ มีวิธีการเรียนรูข้ องตนเอง เรยี นรู้ร่วมกบั ผ้อู ่ืนได้ สนกุ กับการเรยี นร้แู ละชอบมาโรงเรียน มาตรฐานที่ ๗ ผู้เรียนมีสุขนิสยั สขุ ภาพกาย และสขุ ภาพจิตที่ดี ตวั บ่งช้ี ๗.๑ มีสขุ นสิ ัยในการดูแลสขุ ภาพ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ๗.๒ มนี ้ำหนัก ส่วนสงู และมีสมรรถภาพทางกายตามเกณฑ์ ๗.๓ ปอ้ งกนั ตนเองจากสิ่งเสพตดิ ใหโ้ ทษและหลีกเลีย่ งสภาวะที่เสีย่ งต่อ ความรนุ แรง โรคภยั อุบตั ิเหตุและปญั หาทางเพศ ๗.๔ มีความม่นั ใจ กล้าแสดงออกอยา่ งเหมาะสม และใหเ้ กียรตผิ ู้อ่ืน ๗.๕ มมี นษุ ยสัมพันธท์ ดี่ ตี อ่ เพ่อื น ครู และผูอ้ ื่น มาตรฐานท่ี ๘ ผู้เรียนมีสุนทรียภาพและลักษณะนสิ ัยดา้ นศลิ ปะ ดนตรี และกฬี า ตวั บ่งช้ี ๘.๑ ช่ืนชม รว่ มกิจกรรม และมีผลงานดา้ นศิลปะ ๘.๒ ชน่ื ชม ร่วมกจิ กรรม และมผี ลงานด้านดนตร/ี นาฏศลิ ป์ ๘.๓ ชนื่ ชม ร่วมกจิ กรรม และมีผลงานดา้ นกีฬา/นันทนาการ ๒. มาตรฐานด้านการเรยี นการสอน มาตรฐานท่ี ๙ ครมู ีคุณธรรม จริยธรรม มีวุฒ/ิ ความรู้ความสามารถตรงกบั งานที่ รับผิดชอบ หมนั่ พัฒนาตนเอง เข้ากบั ชมุ ชนได้ดี และมีครพู อเพยี ง ตวั บ่งชี้ ๙.๑ มีคุณธรรมจริยธรรม และปฏิบตั ติ นตามจรรยาบรรณของวชิ าชีพ ๙.๒ มมี นษุ ยสมั พันธท์ ด่ี กี บั ผเู้ รียน ผปู้ กครอง และชุมชน ๙.๓ มคี วามมุง่ มัน่ และอทุ ศิ ตนในการสอนและพัฒนาผ้เู รียน ๙.๔ มกี ารแสวงหาความรู้และเทคนคิ วิธีการใหมๆ่ รับฟังความคิดเหน็ ใจกวา้ ง และยอมรับ การเปลยี่ นแปลง ๙.๕ จบการศึกษาระดับปรญิ ญาตรีทางการศึกษาหรือเทยี บเท่าข้ึนไป
การบรหิ ารจัดการในห้องเรียน ๑๓๙ ๙.๖ สอนตรงตามวชิ าเอก-โท หรอื ตรงตามความถนัด ๙.๗ มจี ำนวนพอเพยี ง (หมายรวมทัง้ ครูและบุคลากรสนบั สนนุ ) มาตรฐานท่ี ๑๐ ครู มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนอย่างมปี ระสิทธภิ าพ และเน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ ตวั บ่งชี้ ๑๐.๑ มคี วามรู้ความเขา้ ใจเปา้ หมายการจดั การศึกษาและหลกั สูตรการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน ๑๐.๒ มีการวเิ คราะหศ์ กั ยภาพของผเู้ รยี นและเขา้ ใจผเู้ รียนเป็นรายบคุ คล ๑๐.๓ มคี วามสามารถในการจัดการเรยี นการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั ๑๐.๔ มีความสามารถใช้เทคโนโลยใี นการพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองและผู้เรียน ๑๐.๕ มกี ารประเมินผลการเรียนการสอนท่ีสอดคล้องกับสภาพการเรียนรูท้ ีจ่ ดั ให้ผ้เู รยี น และอิงพัฒนาการของผเู้ รียน ๑๐.๖ มีการนำผลการประเมนิ มาปรับเปล่ียนการเรียนการสอนเพ่อื พัฒนาผเู้ รียนใหเ้ ต็ม ตามศักยภาพ ๑๐.๗ มกี ารวจิ ยั เพอื่ พัฒนาการเรยี นรขู้ องผู้เรียนและนำผลไปใชพ้ ฒั นาผเู้ รยี น ๓. มาตรฐานด้านการบริหารและการจัดการศึกษา มาตรฐานที่ ๑๑ ผู้บริหารมคี ณุ ธรรม จริยธรรม มภี าวะผนู้ ำ และมีความสามารถใน การบริหารจัดการศกึ ษา ตัวบง่ ชี้ ๑๑.๑ มีคุณธรรม จริยธรรม และปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชพี ๑๑.๒ มคี วามคิดริเรม่ิ มวี ิสัยทศั น์ และเป็นผ้นู ำทางวิชาการ ๑๑.๓ มคี วามสามารถในการบริหารงานวชิ าการและการจัดการ ๑๑.๔ มีการบรหิ ารที่มปี ระสทิ ธิภาพและประสิทธิผล ผู้เกี่ยวข้องพงึ พอใจ มาตรฐานท่ี ๑๒ สถานศกึ ษามกี ารจัดองคก์ ร โครงสร้าง ระบบการบริหารงานและ พฒั นาองค์กรอยา่ งเป็นระบบครบวงจร ตัวบง่ ช้ี ๑๒.๑ มกี ารจดั องคก์ ร โครงสรา้ งและระบบการบรหิ ารงานท่มี คี วามคล่องตัวสงู และ ปรบั เปลีย่ นไดเ้ หมาะสมตามสถานการณ์ ๑๒.๒ มกี ารจัดการข้อมูลสารสนเทศอย่างเปน็ ระบบครอบคลุมและทันต่อการใช้งาน ๑๒.๓ มีระบบการประกนั คณุ ภาพภายในทดี่ ำเนนิ งานอยา่ งตอ่ เนื่อง ๑๒.๔ มกี ารพัฒนาบุคลากรอยา่ งเปน็ ระบบและต่อเน่ือง ๑๒.๕ ผรู้ บั บริการและผเู้ ก่ยี วข้องพงึ พอใจผลการบริหารงานและการพฒั นาผู้เรียน
การบรหิ ารจดั การในห้องเรียน ๑๔๐ มาตรฐานท่ี ๑๓ สถานศกึ ษามกี ารบรหิ ารและจัดการศึกษาโดยใชส้ ถานศกึ ษาเปน็ ฐาน ตวั บ่งชี้ ๑๓.๑ มกี ารกระจายอำนาจการบรหิ าร และการจัดการศกึ ษา ๑๓.๒ มกี ารบริหารเชงิ กลยุทธ์ และใช้หลกั การมีส่วนรว่ ม ๑๓.๓ มคี ณะกรรมการสถานศึกษาร่วมพัฒนาสถานศกึ ษา ๑๓.๔ มีรปู แบบการบรหิ ารทม่ี ่งุ ผลสัมฤทธิ์ของงาน ๑๓.๕ มีการตรวจสอบและถ่วงดุล มาตรฐานที่ ๑๔ สถานศกึ ษามกี ารจดั หลกั สูตร และกระบวนการเรียนรู้ที่ เนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคัญ ตวั บง่ ช้ี ๑๔.๑ มหี ลักสตู รทเ่ี หมาะสมกบั ผู้เรียนและทอ้ งถนิ่ ๑๔.๒ มรี ายวิชา/กจิ กรรมท่หี ลากหลายให้ผู้เรยี นเลือกเรยี นตามความสนใจ ๑๔.๓ มีการส่งเสริมใหค้ รูจดั ทำแผนการจัดการเรียนรทู้ ีต่ อบสนองความถนดั และ ความสามารถของผู้เรยี น ๑๔.๔ มกี ารสง่ เสริมและพัฒนานวตั กรรมการจดั การเรียนรูแ้ ละส่อื อปุ กรณ์การเรียนท่เี อ้ือตอ่ การเรียนรู้ ๑๔.๕ มีการจัดระบบการบันทึก การรายงานผล และการสง่ ตอ่ ข้อมลู ของผู้เรยี น ๑๔.๖ มรี ะบบการนิเทศการสอนและนำผลไปปรบั ปรงุ การสอนอยา่ งสม่ำเสมอ ๑๔.๗ มีการนำแหล่งเรียนรแู้ ละภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ินมาใช้ในการเรียนการสอน มาตรฐานท่ี ๑๕ สถานศกึ ษามีการจดั กจิ กรรมสง่ เสริมคณุ ภาพผ้เู รียนอย่างหลากหลาย ตวั บง่ ช้ี ๑๕.๑ มกี ารจดั และพัฒนาระบบดูแลชว่ ยเหลอื ผ้เู รยี นท่เี ขม้ แขง็ และทั่วถึง ๑๕.๒ มีการจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ และตอบสนองความสามารถทางวิชาการและความคิด สร้างสรรคข์ องผู้เรยี น ๑๕.๓ มีการจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ และตอบสนองความสามารถพิเศษ และความถนัดของผู้เรยี น ใหเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ ๑๕.๔ มีการจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ ค่านิยมท่ีดงี าม ๑๕.๕ มกี ารจดั กิจกรรมสง่ เสริมด้านศลิ ปะ ดนตรี/นาฏศลิ ป์ และกีฬา/นันทนาการ ๑๕.๖ มกี ารจดั กิจกรรมสืบสานและสร้างสรรค์ วัฒนธรรม ประเพณี และภมู ิปญั ญาไทย ๑๕.๗ มกี ารจดั กิจกรรมส่งเสรมิ ความเป็นประชาธิปไตย มาตรฐานท่ี ๑๖ สถานศึกษามกี ารจัดสภาพแวดล้อมและการบริการท่สี ง่ เสริมให้ ผู้เรียนพัฒนาตามธรรมชาตเิ ตม็ ศกั ยภาพ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211