Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ขลัง_ศักดิสิทธิ์_อิทธิฤทธิ์_ปาฏิหาริย์_กรรม

ขลัง_ศักดิสิทธิ์_อิทธิฤทธิ์_ปาฏิหาริย์_กรรม

Published by akkarasubun, 2021-05-11 05:29:56

Description: ขลัง_ศักดิสิทธิ์_อิทธิฤทธิ์_ปาฏิหาริย์_กรรม

Search

Read the Text Version

๑๕๓ พระมหาวิเชียร ชนิ วํโส ขลัง ศกั ด์ิสทิ ธ์ิ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารยิ ์ กรรม พระมหาวเิ ชียร ชินวํโส

ขลงั ศักด์สิ ิทธิ์ อิทธิฤทธ์ิ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ที่ระลึกงานทอดกฐินสามคั คี และเททองหล่อพระพทุ ธชยันตี ซ้มุ โพธบิ ลั ลงั ก์ ประธานอุโบสถ ณ สำ�นกั ปฏบิ ัตธิ รรมประจำ�จังหวัดพิษณโุ ลกแหง่ ที่ ๔ วัดวังหิน ต.พลายชุมพล อ.เมอื ง จ.พษิ ณุโลก ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ คุณวิทยา-แพทย์หญิงมยุรี ร้านปืนมานี-ร้านปืนสุธนา ปตั ตพงศ์ ประธานกฐนิ สามคั คี ประธานเททองหลอ่ พระ และคณะศรทั ธาวดั วงั หิน พทุ ธชยนั ตี ซุ้มโพธิบัลลงั ก์ ขออนุโมทนาบญุ กับคณะศรทั ธาสาธุชนทกุ ทา่ น ขอจตรุ พธิ พรชยั และปฏิภาณ ธนสารสมบัติ จงบังเกิดมแี ก่ท่านและครอบครัว ตลอดกาลเปน็ นจิ นริ นั ดร์ เทอญ

พระมหาวิเชียร ชินวํโส ขลัง ศักด์ิสิทธิ์ อิทธิฤทธ์ิ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๓๐๕-๘๘๐-๕ จำ�นวนพมิ พ์ : ๕,๐๐๐ เล่ม พมิ พค์ ร้งั แรก : พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕ ทีป่ รกึ ษา : พระครูปลัดวิมลสริ ิวัฒน์ ออกแบบรูปเลม่ : พชรชน ออกแบบปก/คอมพวิ เตอรก์ ราฟฟิก : เอกจาริณี ภาพประกอบในเล่ม : เอกจารณิ ี ภาพลายเส้น : By Cowden พิสจู นอ์ กั ษร : พรทพิ ย์ นวลศริ ิ รงุ่ ทพิ ย์ กล่อมจนั ทร์ ดวงพร ทองนอ้ ย เหรญั ญกิ : สุพิชญา หรรษนนั ท์ ติดต่อ-ประสานงาน : ปนั บญุ เจ้าของ :สำ�นกั พมิ พว์ ดั วงั หนิ กองทุนจิตภาวนาชินวงส์ สำ�นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมประจำ�จงั หวัดพษิ ณุโลก แหง่ ท่ี ๔ วัดวงั หิน ต.พลายชุมพล อ.เมอื ง จ.พษิ ณุโลก โทร. ๐๘-๗๓๐๘-๔๓๘๗ Email : [email protected] Webside : www.chinawangso.net พมิ พท์ ี่ : โฟกัสมาสเตอรพ์ ริ้นต์ ๑/๒๐ ถ.บรมไตรโลกนารถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก โทร.๐๕๕-๒๒๕๐๓๗ หรอื คณุ วญิ ญู จิตตเสถียร โทร. ๐๘-๑๖๗๔-๒๓๗๗ Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน

ขลงั ศกั ดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารยิ ์ กรรม คำ�น�ำ “ขลงั ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ อทิ ธิฤทธ์ิ ปาฏิหารยิ ์ กรรม” หนงั สอื ช่ือยาวนี้ มิใช่ต้องการโจมตีความเช่ือเรื่องไสยศาสตร์ ท่ีแฝงเข้ามาในพุทธศาสน์ แตต่ อ้ งการจะชแ้ี จงความจรงิ ทปี่ รากฏอยใู่ นพทุ ธพจน์ ใหผ้ อู้ า่ นไดพ้ จิ ารณา เอาเอง พทุ ธศาสนา ไมใ่ ช่ศาสนาทีม่ ใี ครดลบันดาล ไม่มีใครลงโทษ หรอื ใหร้ างวลั เหมอื นศาสนาแบบเทวนยิ ม สง่ิ ทดี่ ลบนั ดาลไดน้ น้ั เกดิ จากอ�ำ นาจ ของกรรมคอื ความดแี ละความชั่วทต่ี นกระท�ำ เองท้ังสนิ้ แมจ้ ะอา้ งอิงพุทธพจน์บางส่วน ซึง่ ผูเ้ ขยี นอาจคน้ ควา้ และอธบิ าย ไดไ้ มค่ รอบคลมุ แตห่ วังว่าจะเปน็ การจุดประกายใฝร่ ู้ให้เกดิ ขึ้นแก่ชาวพุทธ ท้งั หลาย มิใชเ่ ชอื่ ตาม “เขาวา่ ” อย่างท่ีเป็นกนั อยโู่ ดยสว่ นมาก คัมภีร์พระไตรปฎิ ก โดยเฉพาะของพุทธศาสนาเถรวาท มิใช่คัมภรี ์ ศกั ด์สิ ทิ ธิ์ทใี่ ครจะแตะต้องไม่ได้ แต่กเ็ ป็นหลกั ฐานเบอื้ งต้นจนถึงทสี่ ดุ แหง่ พรหมจรรย์ที่ทุกท่านจะได้ศึกษาแนวคิดของพุทธศาสนา โดยมีเป้าหมาย ให้ผูน้ บั ถอื กา้ วข้ามจากศรทั ธาไปสปู่ ัญญา ทุกคร้ังที่มีผู้ชื่นชมพระพุทธเจ้าหรือหมู่สงฆ์ พระองค์ก็จะตรัส เตอื นมใิ หห้ ลงใหลไปตามค�ำ เยนิ ยอ และทกุ ครงั้ ทมี่ ผี ตู้ �ำ หนติ เิ ตยี นพระองค์

พระมหาวิเชียร ชนิ วโํ ส กจ็ ะใหส้ าวกนอ้ มเขา้ มาสำ�รวจตนเองเพื่อแกไ้ ขส่วนบกพร่อง หรอื หากใคร วพิ ากษว์ จิ ารณ์คำ�สอนของลัทธศิ าสนาอ่ืนๆ พระพุทธเจา้ ก็ไมเ่ สรมิ ต่อ แต่ จะตรัสบอกเพยี งวา่ ใครเขาจะสอนอย่างไรก็ช่างเถิด แต่ตถาคตสอนอย่าง น้ี แลว้ พระองคก์ ็ทรงแสดงธรรมชแ้ี จงให้เหน็ ความเปน็ จริง ศรทั ธาในพทุ ธศาสนาจงึ มใิ ชศ่ รทั ธางมงาย หรอื เชอื่ เพราะ“เขาวา่ ” แต่เช่ือเพราะประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง เชื่อเพราะรู้เห็นด้วยปัญญาว่าเป็น เช่นนั้นจรงิ ๆ เป้าหมายของพุทธแท้ จึงอยู่ที่การก้าวข้ามความเชื่อ ความขลัง ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ อทิ ธิฤทธ์ิ ปาฏหิ าริย์ การท่ีจะข้ามได้นั้นต้องเข้าใจเรอื่ งกรรมอัน เป็นกฎธรรมชาตอิ ยา่ งแทจ้ ริง แม้ชือ่ เร่อื งจะดเู ขม้ ขลัง แตต่ ัง้ ใจเขยี นเป็นเรื่องเล่าสบายๆ หวงั ว่า จะเปน็ ธรรมสัปปายะ ใหผ้ ู้ทีห่ า่ งวดั ไดเ้ ขา้ ใจวถิ ีพทุ ธง่ายข้นึ หนงั สือเล่มนี้สำ�เรจ็ ไดเ้ พราะนายแพทยอ์ ำ�ไภพล เปลี่ยนประสิทธิ์ ถวายคอมพิวเตอร์พีซี ๑ ชดุ เพอื่ ผลิตหนังสอื ธรรมะ ขออนโุ มทนาบญุ ด้วยการุณยธรรม พระมหาวเิ ชยี ร ชินวํโส พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕

ขลงั ศักด์สิ ิทธ์ิ อิทธฤิ ทธ์ิ ปาฏิหาริย์ กรรม สารบญั หลง ๒ กรรมของพระ ๑๔ มงคล ๒๔ ตอ่ ชะตา ๓๖ กาลกณิ ี ๔๖ โลกแตก ๕๖ เสรมิ บารมี ๗๖ ปาฏหิ าริย ์ ๘๖ เกิดจากกรรม ๑๐๒ ตัดกรรม ๑๑๘ ดบั ทกุ ข ์ ๑๓๒ สัตยาธษิ ฐาน ๑๔๔ ภทั ทกัป ๑๕๔ เรอ่ื งน้มี ีทมี่ า ๑๕๗ เส้นทางสรา้ งบญุ ๑๖๐

พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส

ขลัง ศกั ดิส์ ทิ ธ์ิ อิทธฤิ ทธิ์ ปาฏิหาริย์ กรรม หลง ไมว่ ่าจะเป็นวัดไหน ก็ล้วนแต่เจอปัญหาน้ีทง้ั นัน้ ... ...ปัญหาแบบหมาๆ ญาติโยมน�ำ หมามาปล่อยวัดเพราะหลายสาเหตุ ๑.เพราะคิดว่าพระวา่ ง ไมม่ ีอะไรท�ำ เลี้ยงหมาเลยี้ งแมวไปจะไดไ้ ม่ เหงา...นบั วา่ เปน็ กศุ ลจิตจรงิ ๆ ๒.เพราะไม่มีปัญญาเล้ียง ลูกหมามากเกินไป เลยเลือกแตต่ วั ผู้ไว้ ตัวเมียเอาไปปล่อยวดั ...เป็นการละเมิดสทิ ธิเดก็ และสตรี ๓.เพราะหมาเปน็ ขเี้ รอ้ื น ถ้าสวยๆ กเ็ ลย้ี งเอาไว้ ถ้าหนงั กลับก็เอา ไปปล่อยวัด...ให้พระได้ปลงอสภุ ะ ๔.เพราะหมานสิ ยั ไมด่ ี เช่นชอบกัดรองเทา้ ร้ือสวนหยอ่ ม กดั คน เห่าใบตองแห้ง ไลง่ ับยางรถยนต.์ ..พระจะไดอ้ บรมบม่ นิสยั ให้ หมาที่นำ�มาปล่อยส่วนมาก จึงเป็นหมาที่ไร้วาสนา ชะตาขาด ท�ำ บุญมานอ้ ย หรือเปน็ หมาเกรียน พระไมร่ จู้ ะท�ำ อย่างไร ก็ตอ้ งเลีย้ งดกู นั ไป หมาวดั มากเกนิ ไป โยม ก็ไมช่ อบ ติว่าวัดสกปรก มีแตข่ ีห้ มา ขแ้ี มว เป็นความผดิ ของพระเสยี อีก เคยให้โยมนำ�หมาไปปล่อยต่อวัดอ่ืน เพราะที่วัดมีกิจกรรมอบรม ทั้งปี หมามากเกนิ ไปกร็ บกวน...แบง่ บุญกันไป

๓ พระมหาวิเชียร ชนิ วโํ ส โยมทร่ี กั หมากต็ �ำ หนวิ า่ พระขาดเมตตา รกั หมาเลยโกรธพระไมย่ อม เข้าวัดกม็ ี ตกลงวา่ ทีม่ าวัดเพราะศรทั ธาพระหรอื ศรัทธาหมากันแน่ บางวดั เจา้ อาวาสรกั หมามาก มโี ยมน�ำ มาปลอ่ ยกเ็ ลย้ี งดใู หอ้ ยา่ งดี หมาอยู่รอบๆ กฏุ ิประมาณ ๑ กองรอ้ ย เป็นองครกั ษพ์ ิทักษ์เจา้ อาวาสไป ในตัว โยมกราบหลวงพ่อที ก็ได้กราบหมาไปด้วย...ไดบ้ ุญ ๒ ต่อ เมอื่ โยมเขา้ มาท�ำ บญุ ทว่ี ดั ขากลบั รองเทา้ หายไปขา้ งหนงึ่ หรอื ถกู กัดหรู องเทา้ ขาด โยมก็บน่ ให้พระไดย้ นิ พระกไ็ ด้แต่บอกว่า “รองเทา้ พระมนั ก็กดั นะโยม โชคดจี รงิ ๆ จะได้ เปลย่ี นคใู่ หมเ่ สียที” โยมทไี่ มค่ อ่ ยชอบหมาบางคน มกั แสดงกริ ยิ าทมี่ นั รบั รไู้ ด้ บางทถี กู หมาเหา่ ถา้ มันหม่ันไสม้ ากๆ กก็ ดั เอา พากันว่งิ โร่มาฟ้องเจ้าอาวาส หลวงพอ่ กไ็ ดแ้ ตบ่ อกวา่ “กห็ มาพวกโยมเอามาปลอ่ ยเอง ไมใ่ ชห่ มา วัดเสยี หนอ่ ย อยา่ ว่าแต่โยมเลย เจา้ อาวาสมันกก็ ัด” พอเห็บหมัดอันมีหมาเป็นพาหะเร่ิมมากข้ึน สัตว์ตัวน้อยผู้น่ารัก เหล่านัน้ ไมก่ ัดเฉพาะหมา กดั พระและคนทมี่ าท�ำ บุญดว้ ย จำ�เป็นท่ีพระจะ ต้องฉดี ยาก�ำ จดั เรือ้ น พยาธิ หมดั เหบ็ ให.้ ..พระจะไดเ้ พ่ิมบญุ บารมี ไมร่ ูว้ า่ ไดบ้ าปหรือได้บุญกันแน่...ดราม่านะเนยี่ เคยนั่งสังเกตหมาทช่ี าวบา้ นนำ�มาปลอ่ ยใหมๆ่ มกั ถูกหมาร่นุ พ่ใี น วัดรมุ กดั เปน็ การรับน้องใหมเ่ พือ่ สงั่ สอนใหร้ วู้ า่ ...เปน็ หมาวดั ตอ้ งอดทน

ขลัง ศักด์ิสทิ ธิ์ อทิ ธฤิ ทธ์ิ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ๔ ตัวไหนกร่าง ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ถ้าไม่ถูกซ้อมจนคางเหลือง ก็ ต้องขยับขยายไปเซ้งที่อยูน่ อกวดั หมาตวั ไหนออ่ นนอ้ มถอ่ มตน หางตก นอนหงายทอ้ ง แสดงอาการ ยนิ ยอม มกั ถกู ซอ้ มอยไู่ มก่ วี่ นั ไมน่ านนกั กเ็ กดิ การสมานฉนั ทใ์ นสงั คมหมา วดั ได.้ ..บางทหี มาก็ฉลาดกวา่ คนเนาะ โยมเล่าให้ฟังว่ามีอยู่รายหน่ึงรักหมามาก ซ้ือหมากระเป๋าชิวาวา ปอม ชิสหุ ์ มาตัวละเฉยี ดหมืน่ กม็ ี เกนิ หม่นื กม็ ี ไหนจะตอ้ งพาไปฉีดยา ตัด ขน ก�ำ จดั เห็บหมดั ซอ้ื เสือ้ ผา้ ให้ใส่เพอื่ ให้ดูดีมชี าตติ ระกลู ให้นอนหอ้ งแอร์ คา่ ใชจ้ า่ ยเฉพาะของหมา มากกวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยส�ำ หรบั ดแู ลพอ่ แมเ่ สยี อกี แถม จูงไปออกกำ�ลงั กายวันละ ๒ รอบเช้า-เย็น เพอ่ื นบา้ นทพี่ บเหน็ ตา่ งชน่ื ชมโสมนสั พากนั สรรเสรญิ เจรญิ พรวา่ “ถา้ มนั พาพอ่ แมเ่ ดนิ ออกก�ำ ลงั กายอยา่ งนบ้ี า้ ง ทา่ นคงจะแขง็ แรง อยู่ไดอ้ กี นาน” นี่ก็คือความหลงแบบหมาๆ อยา่ งหน่ึง มโี รคระบาดอกี ชนดิ หนง่ึ ซงึ่ นา่ กลวั กวา่ ตดิ ยาบา้ หรอื ยาเสพตดิ อน่ื ๆ คอื การเสพตดิ เทคโนโลยี เหตเุ พราะการเสพยาเสพตดิ น้ันต้องแอบท�ำ แต่ เสพตดิ เทคโนโลยนี นั้ ท�ำ อยา่ งเปดิ เผย ท�ำ ไดต้ ลอดเวลา ไมว่ า่ จะเปน็ ยนื เดนิ น่ัง นอน กิน ดม่ื ท�ำ งาน พูดคุย เข้าห้องน�ำ้ หรือแม้แตข่ ณะฟังธรรม จน กลายเปน็ โรคระบาดที่รุนแรงที่สดุ ไปแลว้

๕ พระมหาวิเชยี ร ชินวโํ ส ยคุ นจ้ี งึ เปน็ ยคุ ทคี่ นกม้ หนา้ กม้ ตา จม้ิ หนา้ จอสมารท์ โฟน แทบ็ เลต็ ดหู นงั ฟงั เพลง เลน่ เกมส์ เล่นเฟส ส่งทวตี ฯลฯ ส่ือสารกับคนได้ทั้งโลก ยกเว้นคนทอ่ี ยใู่ ตช้ ายคาเดียวกัน เคยคดิ ขำ�ๆ วา่ นางสงกรานตใ์ นอนาคตคงจะชือ่ พระนางไอทีเทวี ทัดดอกเบ้ียบัตรเครดิต ทรงอาภรณ์นาโนแก้ว ภักษาหารพืชจีเอ็มโอ พระหตั ถข์ วาทรง iPad พระหตั ถซ์ า้ ยทรง iPhone แตถ่ า้ พระนางชอบสไตล์ เกาหลกี ็เปลย่ี นมาใช้ Samsung Galaxy แทน เสดจ็ มาบนรถอีโคคาร์ เพอื่ ประหยดั พลังงาน ทรงแดนซท์ า่ ฮอร์สแดนซ์ แบบ“กังนมั สไตล”์ เพ่อื ให้ ดอู นิ เทรนด์ ทำ�นายวา่ เดก็ ไทยจะอ่านหนงั สอื ไม่ออกเพราะดูคลิบโป๊หรอื เลน่ เกมมนั กวา่ เยอะ โรคระบาดน้จี ะออกอาการโคมา่ กบั คนท่ชี อบอยูใ่ นโลกเสมอื นจริง (Virtual World) สมองเสพติดไอที มตี ัวอย่างใหพ้ วกเราไดเ้ หน็ กันหลาย รปู แบบ เชน่ โรคติดเครือขา่ ยสงั คม เชน่ Hi5, Facebook, Twitter โรคติดเครือขา่ ยฝูงชน เช่น Crowd source - Wikipedia โรคติดเครือขา่ ย bit torrent peer to peer โรคติดเครอื ขา่ ยแบง่ ปันข้อมลู เช่น Youtube, Fickr โรคตดิ เครอื ข่ายเมาทก์ ัน เช่น MSN, ICQ, Skype โรคติดเครอื ขา่ ยสร้างหอ้ ง Virtual เชน่ Camfrog

ขลัง ศักดิส์ ทิ ธ์ิ อทิ ธฤิ ทธ์ิ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๖ เม่อื คนไมไ่ ดอ้ ยกู่ ับโลกที่เปน็ จรงิ อาการของโรคกจ็ ะดอื้ ยาเปน็ ... ๑.คนจะไมม่ คี ุณภาพทางอารมณ์ ไรจ้ นิ ตนาการ วิปรติ มากข้ึน ๒.คนจะขาดคณุ ธรรมจรยิ ธรรมทด่ี งี าม เพราะเลน่ เกมพฆิ าตกนั ทง้ั วนั ๓.คนจะขาดความอดกลนั้ อดทน และฟนื้ ตวั ไดช้ า้ หากพบกบั ความ ผดิ หวงั ในชวี ติ เพราะโลกเสมอื นจรงิ สามารถสรา้ งไดแ้ ละรวดเรว็ ทนั ใจกวา่ ๔.คนจะไม่สามารถอยู่ร่วมสงั คมกับคนอ่นื ๆ ได้ เพราะคุยกบั คอมฯ งา่ ยกว่าคยุ กับคน ๕.คนจะด้อยคุณภาพทางสติปัญญาและความเฉลียวฉลาด ไร้ ความสุนทรยี ์ในชีวติ คดิ ไม่เปน็ เพราะไอทชี ว่ ยคิดแทนหมดแลว้ ๖.คนจะสร้างอัตตาซ้อนอัตตา ขาดอัตลักษณ์ ขาดความเป็นตัว ของตวั เอง สับสนกบั ชวี ิต อยู่บนโลกจริงแบบงงๆ ความทนั สมยั กบั ความสขุ มกั วงิ่ สวนทางกนั ความสขุ เกดิ กบั เรอ่ื งที่ เรียบง่าย แตค่ วามทุกขม์ ักเกดิ กับเรื่องทันสมยั เพราะตอ้ งแกง่ แยง่ แขง่ ขัน กนั เพอื่ ใหไ้ ด้มา นีค่ อื ราคาทตี่ ้องจา่ ย ระวัง “ชวี ติ ทันสมยั แตใ่ จไมพ่ ฒั นา” ถา้ ติดอยแู่ คส่ นุก จะกา้ วไป ถงึ สขุ ทแี่ ทจ้ รงิ ไมไ่ ด้ คนไทยซอื้ App มากกวา่ สรา้ ง App ตดิ “เสพ” มากกวา่ ตดิ “สรา้ ง” ถา้ จะว่าไปแล้ว ชวี ิตดำ�รงอยู่ได้ดว้ ยปัจจัย ๔ คอื อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และยารกั ษาโรค การไมม่ ไี อทีลำ้�ยุคใหใ้ ช้ ชวี ติ กไ็ ม่ไดแ้ ย่กวา่ เดมิ หรอกน่า...เชือ่ ซิ นี่กห็ ลง...แบบอินเทรนด์

๗ พระมหาวิเชยี ร ชินวโํ ส มรี ายหน่ึงมาบวชชีพราหมณ์ทวี่ ดั ซ่งึ มที ี่มาแปลกประหลาด เขา อา้ งวา่ เพราะพอ่ ปฤู่ ษี ส่งั ใหม้ าปฏบิ ัตธิ รรม ๗ วนั “พ่อปฤู่ ษีบอกวา่ พระวัดนีศ้ ีลบริสุทธ์ิ จึงให้มาปฏบิ ัติธรรมทน่ี ีค่ ่ะ” พระไดแ้ ตง่ งๆ ว่า “กูเนีย่ นะศลี บริสทุ ธ”ิ์ ...ศกั ด์ิสทิ ธจ์ิ ริงๆ นัยว่าพ่อปู่ฤษีคือเทพช้ันสูงท่ีมาประทับทรง เมื่อประสบความ ส�ำ เรจ็ ดังหวงั ไว้ พ่อปู่ฤษีจึงให้มาบวชชีพราหมณ์อุทิศใหเ้ จา้ กรรมนายเวร เมอ่ื พระแนะน�ำ วธิ กี ารมสี ตริ ใู้ นปจั จบุ นั ขณะตามความเปน็ จรงิ เธอ ท�ำ ทา่ อดิ ออด ดว้ ยอา้ งวา่ “พอ่ ปฤู่ ษใี หม้ าบวชเฉยๆ ไมไ่ ดใ้ หป้ ฏบิ ตั ิ แคท่ �ำ วตั ร สวดมนต์กพ็ อแล้ว” เช่ือพ่อปู่ฤษีมากกว่าเชื่อพระเสียอีก น่ียังไม่นับพวกบวชแก้บนให้ เจา้ พอ่ เจา้ แม่ หรอื สง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธอิ์ นื่ ๆ สว่ นมากคนเหลา่ นม้ี าบวชเพอ่ื พกั ผอ่ น ทานข้าวเช้าเสร็จนอน ทานข้าวเพลเสร็จนอน ลุกข้ึนมาตอนทำ�วัตรเช้า ทำ�วตั รเยน็ เทา่ นั้น ตั้งแตน่ ั้นมาเลยเลิกรบั เพราะมวั แตแ่ ก้บน-แกล้ า่ งกัน อยูอ่ ย่างนั้น ไม่ยอมแก้ทกุ ขก์ ันเสยี ที เดยี๋ วนกี้ ิจกรรมหนงึ่ ทฮ่ี อตฮิตกันมานานแล้ว คอื การบชู าเทพ ต่าง สถาปนาสง่ิ ทต่ี นเคารพนบั ถอื เปน็ เทพเจา้ กนั ไปทงั้ นน้ั ไมว่ า่ จะเปน็ สมเดจ็ พระ นเรศวร พระเจ้าตากสนิ รวมถึงเสดจ็ พอ่ ร.๕ ด้วย กบ็ ชู าออกแนวเทพๆ ถา้ ว่าโดยพระราชกรณยี กจิ ของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช พระเจ้า ตากสินมหาราชหรือพระปิยมหาราช แน่นอนว่าสิ่งที่พระองค์ได้กระทำ�ไว้มี

ขลัง ศกั ดิส์ ิทธ์ิ อทิ ธฤิ ทธิ์ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ๘ คุณคา่ มหาศาลต่อประเทศชาติ ไมว่ า่ จะเป็นการกเู้ อกราช การปกครอง การ ศกึ ษา การคมนาคม ทา่ นเป็นสมมุติเทพอยู่แลว้ แตท่ ผี่ ู้คนนับถืออยทู่ ุกวนั น้ี นับถือท่านในฐานะอุบัติเทพ เพื่อเอาไว้ขอร้องอ้อนวอนบนบานศาลกล่าว เรยี กวา่ ยงั ใชพ้ ระองคท่์ า่ นไมเ่ ลกิ ชา่ งเปน็ ลกู หลานไทยทก่ี ตญั ญกู ตเวทจี รงิ ๆ ทหี่ นกั ไปกวา่ นน้ั เสดจ็ พอ่ ร.๕ กลายเปน็ พวงกญุ แจไปแลว้ ตามปกติ พวงกุญแจน้ัน ถ้าไม่เก็บไว้ในกระเป๋าถือ ก็ยัดไว้ในกระเป๋ากางเกง ไม่รู้ว่า นบั ถอื แบบไหนเหมอื นกนั มีตวั อย่างหน่งึ ทแ่ี ปลกและเพง่ิ เจอะเจอ มีอุบาสิการายหน่ึง นำ�จตุคามรามเทพจากหลายสำ�นักมาถวาย หลายช้นิ หลายปีก่อนหน้านี้ วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ เป็นท่ีเล่ืองลือ ฮือฮาวา่ ใครได้ไปบชู า จะคา้ ขายรำ�่ รวย ชวี ิตเจรญิ ร่งุ เรืองกา้ วหน้า พาให้ ผ่านพ้นอุปสรรคของชีวิต ผู้เกี่ยวข้องท้ังผู้ผลิต ผู้จำ�หน่ายขายต่อ ล้วน รำ่�รวยกนั เป็นแถวๆ แน่นอนวา่ เธอกเ็ ช่าบชู าหามาไว้ใช้เหมอื นคนอ่นื ๆ กระแสของจตคุ ามรามเทพในปี ๒๕๕๐ ไมธ่ รรมดา เพราะมกี ารผลติ มากกว่า ๑,๐๐๐ รุ่น เรียกได้ว่าผลิตกันรายวัน สำ�นักงานเศรษฐกิจการ คลงั (สศค)มกี ารประเมนิ มลู คา่ เงนิ หมนุ เวยี นของจตคุ ามรามเทพ สงู ถงึ ๒.๒ หม่นื ลา้ นบาท ผลักดันจดี พี ีของประเทศโตข้นึ ๐.๑-๐.๒ % และท�ำ ให้กรม สรรพากรพจิ ารณาการจดั เกบ็ ภาษจี ากการสรา้ งและเชา่ บชู าจตคุ ามรามเทพ เลยทีเดยี ว

๙ พระมหาวิเชียร ชนิ วํโส ผา่ นมา ๔ ปี ครอบครวั ของเธอมีแต่เรอ่ื งยำ่�แย่ ปญั หาว่นุ วายเกิด ขึ้น รายไดต้ กต�ำ่ สุขภาพไมด่ ี ค่าจดี ีพีของชวี ิตตำ�่ เตี้ย เพลียใจ เธอจึงไปดูดวง(ตามฟอร์มของคนไทย) หมอดูฟันธงว่า เพราะมี จตคุ ามรามเทพอย่ใู นบา้ น ฉะนนั้ ควรรีบนำ�ไปถวายวัด จากส่ิงศกั ดิ์สทิ ธิ์ กลายเปน็ ส่ิงสดุ ซวย และอะไรที่ห่วยๆ มกั มีอนั ต้องระเหจ็ ไปอยู่วดั หมาขี้เร้ือน แมวด้อื ด้าน ลกู หลานไม่รักดี พระพทุ ธรูปเศยี รหกั ผัว รกั กาลี ศาลพระภมู เิ จา้ ทพี่ งั และตอ้ งเพม่ิ เขา้ ไปอกี อยา่ งคอื จตคุ ามรามเทพ พระฟงั แลว้ ก็ไดแ้ ตร่ ับไว้ ปลอบใจ อวยชยั ให้พรไปตามเรอ่ื ง แมใ้ นพุทธศาสนาจะมเี ร่อื งราวของเทพทั้งหลาย ท่ีเขา้ มาเกีย่ วขอ้ ง กับพระพุทธเจ้า แต่ก็อยู่ในฐานะของเพ่ือนร่วมทุกข์ ท่ีต้องเกิดแก่เจ็บตาย และตกอยใู่ ตอ้ �ำ นาจกิเลสเหมือนเราๆ ท่านๆ นแ่ี หละ ในพทุ ธศาสนามกี ารกลา่ วถงึ เทวตาพลี คอื การท�ำ บญุ อทุ ศิ ใหเ้ ทวดา และเทวตานุสสติ คือการระลึกถึงคุณธรรมของเทพ แต่ไม่ได้ให้บนบาน บวงสรวงอ้อนวอนเทพ การมีปฏิสัมพันธ์กับเทพ จึงเป็นเร่ืองของการเอ้ือเฟ้ือเกื้อกูลกัน มากกว่า เชน่ ใน ปาฎคิ ามิยสูตร [๑] พระพทุ ธองค์สอนวา่ “บัณฑิต อยู่ในสถานท่ีใด พึงเชิญเหล่าท่านที่มีศีลสำ�รวมระวัง ประพฤติพรหมจรรย์ เล้ยี งดูกนั ในที่นน้ั

ขลงั ศกั ด์ิสิทธ์ิ อิทธิฤทธ์ิ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๑๐ เทพยดาเหล่าใดมีในที่น้ัน ควรอุทิศทักษิณาทานเพื่อเทพยดาเหล่า นนั้ ดว้ ย เทพยดาทไ่ี ดร้ บั การบชู าแลว้ ทา่ นยอ่ มบชู าบา้ ง ทไี่ ดร้ บั การนบั ถอื แลว้ ย่อมนับถือบ้าง จากนน้ั ท่านยอ่ มอนเุ คราะหเ์ ขา ประหนงึ่ มารดาอนุเคราะห์ บุตร เขาไดอ้ าศัยเทพยดาอนเุ คราะห์แล้ว ยอ่ มมกี จิ การอนั เจริญทุกเมอ่ื ” เหมอื นเราท�ำ ดกี ับใคร กย็ อ่ มได้รบั ความเมตตาปรารถนาดจี ากผ้นู น้ั เป็นการตอบแทน ไดช้ ว่ ยเหลอื ใคร เม่อื เขามโี อกาส ก็ย่อมตอบแทนเราบา้ ง เป็นธรรมดาอยา่ งน้ัน ตามปกตเิ วลาท�ำ บญุ คนสว่ นมากลว้ นปรารถนาการไดส้ วรรคส์ มบตั ิ แตต่ รงกนั ขา้ มเทพทงั้ หลายตา่ งปรารถนาการเกดิ เปน็ มนษุ ยด์ งั พทุ ธพจนว์ า่ “ภกิ ษทุ งั้ หลาย การเปน็ มนษุ ยน์ แ่ี ล นบั วา่ เปน็ การไปสสู่ คุ ตขิ องเทพ ทั้งหลาย” [๒] แม้เทพจะมีสิ่งท่ีเหนือมนุษย์ เช่นเทพชั้นดาวดึงส์เหนือมนุษย์ ๓ อยา่ งคือ มีอายทุ ิพย์ วรรณทพิ ย์ และสขุ ทิพย์ แตม่ นษุ ยก์ เ็ หนือกวา่ เทวดา ชนั้ ดาวดงึ ส์ ๓ ดา้ นคอื กลา้ หาญกวา่ มสี ตกิ วา่ และมกี ารประพฤตพิ รหมจรรย์ คอื การปฏิบัติตามอรยิ มรรค [๓] เพราะมีสุขมาก ไร้โรคาพยาธิ มีกายอันเป็นทิพย์ เทพท้ังหลายจึง ประมาทมัวเมาได้งา่ ยกว่ามนุษย์ และเพราะมนษุ ยม์ ีทง้ั สขุ และทุกข์ ช่วั ท่สี ุดก็ มนษุ ยน์ แี่ หละ ดที สี่ ดุ กม็ นษุ ยเ์ หมอื นกนั จงึ เปน็ เหตใุ หไ้ มป่ ระมาทและสามารถ ฝกึ สติ ประพฤตพิ รหมจรรยไ์ ด้ดกี วา่ การเป็นมนษุ ยจ์ งึ ประเสริฐอยา่ งนี้

๑๑ พระมหาวเิ ชียร ชินวํโส บางคนมาปฏบิ ตั ิ เกิดนิมติ เห็นเทวดา นางฟ้าเหาะกนั ทว่ั วดั แล้วดีใจ ว่าตนปฏบิ ตั ไิ ด้ดี จึงได้แตเ่ ตอื นวา่ “เหน็ กด็ แี ลว้ เอาไวเ้ ปน็ ก�ำ ลงั ใจในการปฏบิ ตั ิ เปน็ การรบั รองค�ำ สอน ของพระพุทธเจ้าในเรื่องภพภูมิ แต่อย่าไปยึดถือว่าเป็นของดีของวิเศษอะไร เพราะเห็นเทวดา นางฟา้ ก็ไมต่ ่างกบั เหน็ แมวเหน็ หมานัน่ แหละ ไมไ่ ด้ช่วยให้ ดบั ทุกขอ์ ะไรได้สกั อยา่ ง” อยา่ มวั แต่หลงงมงายแบบเทพๆ นกั เลย ผเู้ ขยี นขอแนะน�ำ การบชู าเทพเจา้ ทไ่ี ดผ้ ล ๑๐๐ % โดยไมต่ อ้ งใชเ้ ครอ่ื ง เซน่ ไหวใ้ ดๆ ตามนยั ที่พระพุทธเจ้าไดท้ รงสอนไวใ้ นเรอื่ งของทศิ ๖ [๔] ดงั นี้ ๑.เทพเจา้ แหง่ ความเมตตากรุณา คือบดิ ามารดา ผเู้ ปน็ บุพการี ซึง่ เป็นดุจพระพรหมผู้สร้างโลก ๒.เทพเจ้าแหง่ ความรู้ คือครบู าอาจารย์ ซง่ึ เปน็ ผู้ประสิทธิ์ประสาท วิชาการให้ เป็นดุจพระพิฆเนศ หรือเทพีอาธนี ่า(Athena)แห่งกรีก ๓.เทพเจา้ แหง่ มติ รภาพและความซอ่ื สตั ย์ คอื เพอื่ น ซง่ึ เปน็ ผรู้ ว่ มสขุ ร่วมทกุ ข์ เปรียบดังเทพเจ้ากวนอู ซ่งึ เปน็ เทพเจา้ แหง่ ความซอื่ สัตย์ ๔.เทพเจา้ แหง่ ความรกั คอื สามี ภรรยา บตุ ร-ธดิ า อนั เปน็ ดจุ แกว้ ตา ดวงใจ เปน็ เทพีเฮสเทีย (Hestia) ของกรีก หรอื พระตรีมรู ตขิ องแท้

ขลงั ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ อทิ ธิฤทธ์ิ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ๑๒ ๕.เทพเจ้าแห่งคุณธรรม คือภิกษุผู้เป็นสุปฏิบัติ ที่แนะทางแห่ง สวรรคแ์ ละทางแห่งความพน้ ทุกข์ เปรียบเหมอื นโป๊ยเซยี นของจนี หรอื พระ พฤหัสบดีตามต�ำ ราโหราศาสตร์ไทย ๖.เทพเจ้าแห่งความสำ�เร็จ หรือความรำ่�รวย คือลูกน้อง ผู้อยู่ใต้ บงั คบั บญั ชา บรวิ าร เปน็ ประดจุ ก�ำ ลงั อนั เปรยี บเหมอื นทา้ วเวสสวุ รรณหรอื ตวั เหวินเทียนหวังของจนี วธิ กี ารบชู ากง็ า่ ยๆ คอื การท�ำ หน้าทอ่ี ย่างถกู ตอ้ งในบคุ คลอนั เปน็ ดจุ เทพซ่ึงอยู่รายรอบตวั เรา เชน่ การเคารพเช่อื ฟงั ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามค�ำ สอน ของท่าน กตัญญูกตเวที ซอื่ สัตยต์ ่อกนั ให้คำ�ส่งั สอนแนะนำ� เป็นแบบอยา่ ง ท่ดี ี มเี มตตากรณุ า ไมเ่ ลือกท่ีรกั มกั ที่ชงั เอาใจเขามาใส่ใจเรา มีความจริงใจ ตอ่ กัน ซงึ่ วธิ ีการทว่ี า่ มานี้ก็ปรบั ให้เหมาะสมแกก่ าละเทศะและบุคคลนั้นๆ การบชู าเทพอยา่ งถูกตอ้ งน้จี ะกอ่ ให้เกิดสวสั ดิมงคลแกช่ ีวติ อยา่ ง แท้จริง แตถ่ ้าบชู าผิดเมื่อไร เทพก็จะกลายเป็นมารเมอ่ื น้ัน อยา่ มวั แตห่ ลงบชู าเทพภายนอก จนลมื เทพทอ่ี ยรู่ อบตวั ของเราเลย

พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส

ขลงั ศกั ด์ิสทิ ธ์ิ อทิ ธิฤทธิ์ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม กรรมของพระ ไมว่ า่ จะยคุ ไหน คนไทยกย็ งั ชอบเรอ่ื งราวทน่ี า่ ตนื่ เตน้ เปน็ กระตา่ ย ตื่นตมู อยูเ่ สมอ กจิ การดดู วง แก้กรรม สแกนกรรม สะเดาะเคราะห์ ตอ่ ชะตาจึงขายดิบขายดี มอี บุ าสกิ าทา่ นหนงึ่ เลา่ ใหฟ้ งั วา่ วนั หนงึ่ มโี อกาสไปถวายภตั ตาหาร เพลแก่หลวงตา ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ช่ือดัง แต่ละวันมีญาติโยมมาสะเดาะ เคราะห์ตอ่ ชะตาดว้ ยเป็นจำ�นวนมาก ในขณะทรี่ อควิ มสี ามภี รรยาคหู่ นง่ึ หนา้ ตาเศรา้ หมอง น�ำ สงั ฆทาน พรอ้ มดว้ ยไมต้ พี รกิ อนั หนง่ึ ไปถวายหลวงตา ทา่ นมองหนา้ ผถู้ วายอยา่ งงงๆ พร้อมทงั้ ถามวา่ “มงึ มาทำ�อะไร” “มาสะเดาะเคราะหค์ รับ หลวงตา” ฝา่ ยสามีตอบอ้อมแอม้ “แลว้ มงึ เอาสากกะเบือมาทำ�ไม” “เออ้ ...คอื ผมไปดูดวงมา หมอดเู ขาบอกว่าเคราะห์ไม่ดี ใหเ้ อาสาก กะเบือไปถวายพระ ๗ วดั ครบั ” “ทำ�ไม มงึ ไมเ่ อาครกมาดว้ ยวะ กูจะไดเ้ อาเขา้ โรงครวั ได้” “หมอดูเขาให้ถวายเฉพาะสากครับ หา้ มถวายครก” “เวรแท้ๆ ไอ้หมอดสู ากกะเบอื ” หลวงตาบ่นพมึ พำ�

๑๕ พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส ชาวพทุ ธไทยนบั ถอื พระ แต่ไม่เชือ่ พระ เชอื่ หมอดมู ากกวา่ หรอื ถ้า จะเช่อื พระก็ต้องเปน็ พระหมอดู และทีม่ ากเป็นอันดับ ๑ กเ็ ห็นจะเปน็ ชาว พุทธหลายใจ นบั ถือได้ทุกอย่าง ขอใหด้ ัง ขลงั หรือเน้นหนกั ไปทางรำ�่ รวย เช่น กุมารทอง จงิ้ จก-ตกุ๊ แกสองหาง หวั ปลอี อกกลางตน้ เหด็ ยกั ษ์ หนงั เสอื เขี้ยวหมูตัน หรืออะไรก็ไดท้ ปี่ ระหลาดมหศั จรรย์ ทแ่ี ปลกๆอีกอย่างหน่ึงกค็ ือ ถวายประเภทอฐั ยายซอ้ื ขนมยาย วนั หนง่ึ มสี กี าวยั ดกึ น�ำ เสอื้ ผา้ ชดุ ขาวมาถวาย ดว้ ยเหตวุ า่ ตอ้ งการ ถวายอุทิศไปให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว ซ่ึงขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่น้ัน ชอบ ปฏบิ ัตธิ รรมอยเู่ ปน็ ประจำ� ผู้เขียน ก็รับประเคนและอนโุ มทนาบญุ ไปตามล�ำ ดับ แลว้ อบุ าสิกาผู้ใจบุญกก็ ล่าวขอเอาด้อื ๆ ว่า “ผา้ ขาวน้ที า่ นคงไมไ่ ด้ใช้ โยมขอไปใช้เถอะค่ะ เพราะวา่ ไปรกั ษาศีล อุโบสถที่วัดใกลบ้ ้านอย่บู อ่ ยๆ ขอโยมเลยนะคะ” พระก็ไดแ้ ต่ปลงๆ วา่ แล้วจะเอามาถวายพระท�ำ ไม อยา่ งนกี้ ็มีดว้ ย เชา้ วนั หนงึ่ หลงั จากพระฉนั ภตั ตาหารเสรจ็ แลว้ มสี องสามภี รรยา หนมุ่ สาว มาถวายสงั ฆทาน แตท่ ไ่ี มธ่ รรมดากค็ อื เครอื่ งไทยธรรม นอกจาก ถงั เหลอื งทบี่ รรจเุ ครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคตามทม่ี จี �ำ หนา่ ยตามรา้ นขายสงั ฆภณั ฑ์ ทว่ั ไปแลว้ ยงั มขี องเดก็ เลน่ และชดุ เสอื้ กระโปรง รองเทา้ เลก็ ๆ ของเดก็ หญงิ

ขลัง ศักดสิ์ ทิ ธิ์ อิทธฤิ ทธ์ิ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ๑๖ มาถวายดว้ ย เมื่อสอบถาม ก็ได้รับคำ�ตอบว่า เพื่อทำ�บุญอุทิศให้กับลูกสาวท่ี ประสบอบุ ัติเหตเุ สียชวี ิตไปแลว้ พระกไ็ ด้แต.่ .มึนๆ วา่ “แล้วจะให้อาตมานุง่ ยงั ไงละเนยี่ ” ลองจนิ ตนาการดวู า่ พระนงุ่ มนิ สิ เกริ ต์ พรอ้ มทง้ั เสอ้ื สายเดย่ี วของ เด็กหญิงออกรบั บิณฑบาต โยมคงใส่ขา้ วให้กินหรอก พระจงึ ได้แต่อธบิ ายให้ฟงั วา่ “ถา้ คณุ จะท�ำ บญุ อทุ ศิ ใหล้ กู สาว กไ็ มจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งถวายเสอื้ กระโปรง หรือของเด็กเล่นแบบนี้ก็ได้ เพราะการให้ที่มีผลมากควรจะเป็นประโยชน์ ต่อผู้รบั ด้วย” ดงั ปรากฏในเรื่องของนางเปรตอดตี มารดาพระสารีบุตร [๕] ว่า สมัยนั้น ในกรุงพาราณสี คฤหบดีผู้หน่ึง มักให้ทานแก่พระสงฆ์ สมณะชีพราหมณ์ วณิพก คนขอทาน คนเดินทางไกล และให้ด้วยความ เคารพในทาน นอบนอ้ มตอ่ ผู้รับทานอย่างยง่ิ ดว้ ยส�ำ นึกว่า เพราะมคี นรบั ตนจงึ มโี อกาสให้ คนรบั ทานจึงมพี ระคณุ ตอ่ ตน วนั หนงึ่ เมอื่ คฤหบดมี ธี รุ ะตา่ งเมอื ง กอ่ นเดนิ ทางกส็ ง่ั เสยี ใหภ้ รรยา บริจาคทานตามวธิ ที ี่ตนเคยกระท�ำ มา ฝ่ายภรรยา เป็นคนหนืด ตืด ฝืด พอสามีจากไปเท่านั้น ก็เลิก ตักบาตรทำ�บญุ ใหท้ าน แถมดา่ คนทมี่ าขอข้าวขอน้�ำ ด้วยว่า

๑๗ พระมหาวเิ ชยี ร ชนิ วโํ ส “จงกนิ อจุ จาระ ดม่ื ปสั สาวะ ดมื่ โลหติ กนิ มนั สมองของแมแ่ กเถอะ” และอีกสารพดั คำ�พูดอันเสยี ดแทงใจ ตามประสาคนเหน็ แก่ตัว ต่อมาเม่ือนางสิ้นชีพ วิบากกรรมส่งผลให้บังเกิดในกำ�เนิดเปรต เสวยทกุ ขเวทนาอนั เหมาะสมแกบ่ าปของตน เมอ่ื ระลกึ ถงึ ความสมั พนั ธก์ นั ในชาตกิ อ่ นๆ ย้อนหลังไป ๕ ชาติ นกึ ได้วา่ พระสารีบุตรเคยเกดิ เปน็ ลกู ของ ตนมากอ่ น จงึ เดนิ ทางไปที่เวฬวุ นั มหาวิหาร เพ่อื ขอความช่วยเหลือ แมถ้ กู เทวดาผสู้ ถติ อยทู่ ป่ี ระตวู หิ ารของทา่ นพระสารบี ตุ รหา้ มไว้ ก็ อา้ งว่าตนเคยเป็นมารดาพระสารบี ตุ ร ต้องการมาเย่ยี มลกู เทวดาได้ฟังดังนั้นจึงอนุญาตให้นางเข้าไป แล้วได้ยืนอยู่ ณ สุด ทางจงกรม ปรากฏตนให้พระเถระเหน็ พระเถระครัน้ ไดเ้ หน็ นางเปรตนน้ั จงึ เอย่ ถามด้วยความกรุณาว่า “ทา่ นผเู้ ปลอื ยกาย มรี ปู รา่ งนา่ เกลยี ด ซบู ผอม มตี วั สะพรง่ั ไปดว้ ย เส้นเอ็น มีแตซ่ โ่ี ครง ท่านเป็นใครหรอื จงึ มายนื อยูใ่ นทีน่ ”ี้ นางเปรตน้นั ตอบวา่ “เม่ือก่อนดฉิ ันเป็นมารดาของท่าน เกดิ เป็นเปรต เมอ่ื หวิ กระหาย ต้องกินนำ้�ลาย น้ำ�มูก เสมหะ นำ้�เลือด น้ำ�หนอง และกินมันเหลวของ ซากศพทเี่ ขาเผาทเี่ ชงิ ตะกอน ท�ำ อยา่ งไรแมจ่ งึ จะพน้ จากการกนิ หนองและ เลือดหนอ ลกู เอย๋ ” นางครำ่�ครวญอย่างนา่ สงสาร ทา่ นพระสารบี ตุ รเถระไดฟ้ งั ดงั นนั้ วนั ตอ่ มาจงึ ปรกึ ษากบั พระเถระ

ขลงั ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ อทิ ธิฤทธิ์ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ๑๘ ๓ รูป มีท่านพระมหาโมคคลั ลานะ ท่านพระอนุรุทธะและทา่ นพระกัปปนิ ะ แลว้ ชวนกนั ไปบณิ ฑบาตในเมอื งราชคฤห์ จนถงึ พระราชนเิ วศนข์ องพระเจา้ พมิ พิสาร พระราชาเห็นพระเถระท้ังหลายแล้ว จงึ ถามถึงสาเหตุแห่งการมา เมื่อทรงทราบแล้ว ด้วยความที่พระองค์เป็นพระโสดาบันและเป็นโยม อุปัฏฐากที่ได้เคยปวารณาไว้ จึงรับส่ังให้เรียกอำ�มาตย์ผู้สำ�เร็จราชการมา แล้วทรงพระบัญชาให้สร้างกุฏิ ๔ หลัง ในสถานที่อันน่าร่ืนรมย์ เม่ือกุฏิ สำ�เรจ็ แลว้ จึงใหต้ ระเตรยี มภตั ตาหาร ผ้าไตรจวี ร เครื่องอัฐบริขารอนั ควร แกส่ มณบริโภค แล้วถวายส่ิงของทั้งหมดนัน้ แด่ท่านพระสารบี ตุ รเถระ พระเถระจึงได้ถวายสิง่ ของเหล่าน้นั แด่ภกิ ษุสงฆผ์ ู้มาจากทศิ ทั้ง ๔ โดยมพี ระพทุ ธเจา้ เป็นประธาน อทุ ิศแกน่ างเปรตอดตี มารดาของตน นางเปรตไดอ้ นโุ มทนาสว่ นบญุ นน้ั แลว้ จตุ จิ ากภพเปรตไปบงั เกดิ ใน เทวโลก เปน็ ผเู้ พียบพร้อมดว้ ยทิพยสมบัตทิ ุกประการ ในวันตอ่ มากไ็ ดเ้ ข้าไปไหวพ้ ระมหาโมคคลั ลานะๆ จึงสอบถามว่า “นางเทพธดิ าผมู้ อี านภุ าพมาก เมอ่ื ทา่ นเปน็ มนษุ ย์ ไดท้ �ำ บญุ อะไร ไว้ จงึ มีอานุภาพรงุ่ เรอื งและมรี ศั มีสวา่ งไสวไปทุกทศิ อย่างน้”ี เทพธิดาจึงได้บอกความจรงิ แกพ่ ระมหาโมคคัลลานะว่า “ดฉิ นั คืออดตี เปรตมารดาของพระสารีบตุ รเถระ แตห่ ลังจากทไ่ี ด้ อนโุ มทนาบญุ ทพ่ี ระลกู ชายอทุ ศิ ให้ จงึ ไดจ้ ตุ จิ ากภพเปรต ปฏสิ นธใิ นเทวโลก ข้าวน�ำ้ และผา้ กเ็ กิดข้นึ นี้เป็นผลแหง่ ทกั ษณิ าทานนน้ั ”

๑๙ พระมหาวิเชียร ชินวโํ ส ท่ียกตัวอย่างมานี้ ก็เพ่ือแสดงให้เห็นว่า พระสารีบุตรเถระไม่ได้ ถวายผ้านุ่งผ้าถุง หรือส่ิงของท่ีมารดาควรใช้ แต่ถวายส่ิงของอันควรแก่ สมณะอุปโภคบริโภค เพราะส่ิงนั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้รับคือพระสงฆ์ และ ควรถวายเท่าท่ีตนเองพร้อม ไม่จำ�เป็นต้องทำ�มากมายอย่างที่พระเจ้า พิมพิสารท�ำ กไ็ ด้ ทำ�บุญต้องไมท่ �ำ ให้ตนเองเดือดร้อนด้วย ผใู้ จบญุ หลายคน ชอบเดนิ ทางไปแจกของเดก็ ๆ ตามชนบท ถวาย จตุปัจจยั ไทยธรรม สังฆทานตามวดั ตา่ งๆ เคยสนใจไถ่ถามหรือไม่ว่า ผู้รบั นั้นต้องการอะไร หรืออะไรทีจ่ ำ�เปน็ ตอ่ เขาจรงิ ๆ บางอย่างให้ไปแล้วก็ถูกทิ้งอยู่อย่างนั้น เพราะไม่รู้จะใช้อย่างไร หรอื ไมจ่ ำ�เปน็ ต้องใชก้ ็มี ปัจจุบันเร่ิมมีค่านิยมใหม่ คือพระพุทธรูปปูนปลาสเตอร์ ที่มา พรอ้ มกบั เครอื่ งสงั ฆทาน อาจเปน็ เพราะราคาถกู และเจา้ ของรา้ นสงั ฆทาน ยุใหบ้ ชู ามาถวายพระเพอื่ ต่อชะตา เมื่อโยมนำ�มาถวายบอ่ ยๆ เขา้ แต่ละวดั ก็มีมากเสียจนไม่รู้จะนำ�ไปเก็บไว้ท่ีไหน กลายเป็นภาระที่จะต้องหาท่ีเก็บ กระทบอะไรเขา้ หนอ่ ย ก็คอหกั เศยี รหลดุ เอาง่ายๆ โยมชะตาดีข้ึน แต่พระ กลบั ชะตารา้ ย เวลามีพระพุทธรูปชะตาขาดอย่างนี้ โยมมักจะแอบนำ�มาทิ้งที่วัด ด้วยอ้างว่าเป็นลางไม่ดี แล้วถ้าพระพุทธรูปในวัดคอหัก พระจะเอาไปไว้ ท่ไี หน เคยแนะนำ�โยมหลายคนว่า เปล่ียนเป็นไม้กวาด แปรงลา้ งหอ้ งน�้ำ

ขลัง ศักด์สิ ิทธ์ิ อทิ ธิฤทธ์ิ ปาฏิหาริย์ กรรม ๒๐ หรอื อะไรท่ีวดั จ�ำ เป็นต้องใช้ดีไหม เพราะเปน็ ประโยชน์แก่วัดมากกว่า ที่แนะนำ�อย่างนี้ ไม่ได้เปรียบเทียบพระพุทธรูปกับแปรงล้าง หอ้ งนำ้� เปน็ เพราะเสยี ดายเงนิ ที่โยมจา่ ย แต่ไมค่ ุ้มค่ากับประโยชนท์ ่คี วรจะ ไดร้ ับ และที่มากมายในปจั จบุ นั นค้ี ือหลอดไฟฟ้าทีโ่ ยมนิยมถวายในช่วง กอ่ นเข้าพรรษา มีแต่หลอด ไมม่ ีขา ไมม่ บี ลั ลาสต-์ สตารท์ เตอร์ แล้วพระ จะเอาไปใชอ้ ยา่ งไร ในแต่ละวัดจงึ เต็มไปด้วยหลอดไฟแตไ่ ม่ได้ใช้ เพราะใช้ ไมไ่ ด้ พระพุทธเจ้าสอนใหร้ จู้ กั เลอื กให้ คือเลอื กส่ิงของ และเลือกบคุ คล ทร่ี บั คอื ให้ด้วยปัญญา ใจบญุ ยังไม่พอ ตอ้ งฉลาดด้วย ยกตัวอย่างเช่นใน สัปปรุ สิ ทานสูตร[๖] มพี ทุ ธพจนว์ า่ “สตั บุรษุ (คนสงบ,คนด,ี คนมศี ีลธรรม) ๑.ย่อมใหข้ องทสี่ ะอาด (ไดม้ าด้วยความบริสทุ ธ์ิ) ๒.ย่อมให้ของทปี่ ระณตี (ไมใ่ ห้อย่างมักง่าย หรอื ทำ�ตามๆ กนั ไป) ๓.ให้ตามกาล (เวลานี้ควรให้อะไร ไมใ่ ชฤ่ ดหู นาวถวายพดั ลม ฤดู ร้อนถวายผา้ หม่ ) ๔.ยอ่ มใหต้ ามสมควร (ทง้ั สมควรแก่ฐานะตนและผรู้ ับ) ๕.ย่อมเลือกให ้ (คอื ให้กบั บุคคลทีเ่ ออื้ ประโยชน์ต่อส่วนรวม) ๖.ย่อมใหเ้ ป็นนติ ย์ (ให้จนติดเปน็ นิสัย)

๒๑ พระมหาวิเชยี ร ชินวํโส ๗.ก�ำ ลังใหก้ ท็ �ำ จติ ให้ผ่องใส (ยนิ ดีในขณะให้) ๘.ครนั้ ใหแ้ ล้วกด็ ีใจ (ใหแ้ ล้วก็ไมเ่ สยี ดาย) ทา่ นผเู้ หน็ แจง้ ยอ่ มสรรเสรญิ ทานทส่ี ตั บรุ ษุ ใหแ้ ลว้ อยา่ งนี้ บณั ฑติ ผมู้ ปี ัญญา มีศรัทธา มีใจเสยี สละ บูชาอย่างนี้ ยอ่ มเขา้ ถึงโลกที่ไมม่ คี วาม เบยี ดเบยี น เป็นสขุ ” ท�ำ บุญอย่างมีเหตผุ ล ไม่ใช่หวงั แตผ่ ลอนั ไม่สมควรแก่เหตุ ท�ำ บญุ อยา่ งฉลาดแตไ่ มข่ าดความเฉลยี ว อยา่ สกั แตว่ า่ ใหต้ ามๆ กนั ไปตามคา่ นยิ ม ท�ำ บญุ โดยนกึ ถงึ ความตอ้ งการของผรู้ บั ดว้ ย อยา่ ท�ำ บญุ ดว้ ยความ เหน็ แกต่ ัว อยา่ เอาเงนิ ไปซอื้ บญุ เงนิ เปน็ เพยี งอปุ กรณเ์ ทา่ นนั้ เพราะบญุ เกดิ จากใจท่ผี ่องใสและประกอบดว้ ยปัญญา บญุ แบบน้ี จงึ จะเปน็ บญุ ฤทธิ์ ทยี่ งั ผลใหเ้ กดิ แกผ่ ใู้ หอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ เพราะมิใชใ่ ห้ผลเพียงร่ำ�รวยเทา่ น้นั แตม่ ีผลคือปญั ญาอกี ตา่ งหาก

ขลงั ศักด์สิ ิทธิ์ อิทธฤิ ทธิ์ ปาฏิหาริย์ กรรม วางความยดึ ถอื ตวั ตน เปน็ มงคลอนั สงู สดุ

พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส

ขลัง ศกั ด์สิ ทิ ธิ์ อทิ ธิฤทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม มงคล หนา้ ทข่ี องพระอยา่ งหนงึ่ ทไี่ มต่ งั้ ใจจะเปน็ กค็ อื การเปน็ นกั จติ วทิ ยา ชมุ ชน และหลายครัง้ ตอ้ งทำ�หน้าท่ีสมานฉนั ท์ ใหแ้ กช่ าวบ้านโดยไมต่ ้งั ใจ สามภี รรยาทะเลาะกนั ลูกดอื้ พอ่ แมท่ กุ ข์ใจ แฟนมีกกิ๊ ภรรยาสวมเขาให้ ความเห็นของคคู่ รองไม่ตรงกัน มีหน้สี นิ ยากจน เงนิ ไม่พอใช้ ไมม่ ีความสขุ ในการทำ�งาน ธาตพุ ิการ อาหารไมย่ อ่ ย........ สารพดั เรอื่ งทกุ ข์ ทพี่ ระจ�ำ เปน็ ตอ้ งรบั รู้ และหาทางออก บอกทาง ดีงามใหช้ าวบา้ น แม้ตวั เองแทบจะเอาตัวไมร่ อดกต็ าม มีครอบครัวหน่ึงพาลูกชายวัยรุ่นมาถวายสังฆทาน เม่ือสอบถาม กไ็ ดร้ บั ค�ำ ตอบว่า สนุ ขั วง่ิ ตดั หนา้ รถมอเตอรไ์ ซดท์ ล่ี กู ชายขบั จงึ เปน็ เหตใุ ห้ เกิดอุบัตเิ หตุ คนขบั จงึ ถลอกปอกเปิกไปท้ังตวั “ที่มาถวายสังฆทานเนี่ย กเ็ พื่อสะเดาะเคราะห์ ท�ำ บญุ อุทศิ ให้เจ้า กรรมนายเวรคะ่ ” ผูเ้ ป็นแมร่ ายงาน ผเู้ ขียนจึงถามกลบั ไปว่า “แล้วอะไรคือเคราะห์ละ่ อะไรคือเคราะห์ ดี-เคราะห์ร้าย”

๒๕ พระมหาวเิ ชียร ชินวํโส ถามไปถามมากไ็ ดบ้ ทสรุปว่า ซวยคือเคราะหร์ า้ ย เฮงคอื เคราะห์ดี เสยี คือเคราะห์รา้ ย ได้คอื เคราะหด์ ี ทุกข์คอื เคราะห์ร้าย สขุ คอื เคราะห์ดี ปว่ ยคือเคราะห์รา้ ย หายคอื เคราะหด์ ี ผเู้ ขียนจงึ สรปุ ให้ฟังว่า “ทีจ่ ริงแล้ว ไม่มเี คราะหด์ ี ไมม่ เี คราะหร์ า้ ย ถา้ เหตุการณ์นน้ั ถกู ใจ เรากว็ า่ เคราะหด์ ี แตถ่ า้ เรอ่ื งราวนน้ั ไมถ่ กู ใจ เรากว็ า่ มนั คอื เคราะหร์ า้ ย และ หมาตวั นนั้ กค็ งไมไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ กรรมนายเวรหรอก เปน็ แตเ่ พยี งเครอ่ื งมอื ของ กรรมแค่นัน้ เอง เพราะมันเองกเ็ จ็บตัวดว้ ย” แปลกไหม เกดิ มาชาตหิ นง่ึ ชวั่ กม็ ี ดกี ส็ รา้ ง เวลาความซวยมาเยอื น มักจะโทษเจ้ากรรมนายเวร(ฝ่ายชั่ว) แล้วเจ้ากรรมนายเวรฝ่ายดีไม่มีบ้าง หรือทจ่ี ะคอยอปุ ถัมภค์ �้ำ ชูใหช้ วี ติ ดขี น้ึ ปรากฏการณต์ า่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั สรรพชวี ติ จงึ เปน็ เรอ่ื งปกตธิ รรมดา ทม่ี นั ควรจะเปน็ และถกู ตอ้ งเหมาะสมอยา่ งยงิ่ กบั กรรมทต่ี นกระท�ำ มา และ ผลแห่งกรรมทีก่ �ำ ลงั สง่ ผล หลายครงั้ ทม่ี โี อกาสไปเยย่ี มผปู้ ว่ ยทโ่ี รงพยาบาล หรอื รบั สงั ฆทาน จากผู้ป่วยจนถึงเตียง เม่ือพระให้พร ทุกคนมักจะอธิษฐาน พอถามว่า อธษิ ฐานอยา่ งไร

ขลัง ศักดสิ์ ทิ ธิ์ อทิ ธิฤทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๒๖ แทบทกุ รายมักตอบวา่ “ขอใหห้ ายป่วย” ผู้เขียนจึงต้องอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจวา่ “จะอธษิ ฐานอยา่ งนน้ั กไ็ ด้ แตค่ วามแก่ ความเจบ็ ความตาย ความ พลัดพราก การรับผลกรรม เป็นส่ิงที่อธิษฐานเอาไม่ได้ ต่อให้ทำ�บุญ มากมายขนาดไหน ก็ยังต้องแก่ เจ็บ ตายพลัดพรากจากส่ิงอันเป็นที่รัก และรับผลแหง่ กรรมที่ตนเคยกระทำ�มาทัง้ น้นั ” ...ชา่ งให้กำ�ลงั ใจดีจรงิ ๆ ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนในเมืองไทย ล้วนแต่มีสิ่งศักดิ์สิทธ์ิน่า อบอนุ่ ใจ ไม่วา่ จะพระเครือ่ ง ยนั ต์ ตระกรดุ พอ่ ปู่ชชู ก ฤษชี ีไพร ถัง ไซ หนัง กลองเพล กระเบอ้ื งหลังคาโบสถ์ เหลก็ ไหล กาฝาก ปลัดขิก กะลาตาเดียว มดี หมอ สากกะเบอื ยนั เรือรบ กล็ ้วนน�ำ มาปลุกเสกจ�ำ หน่ายจา่ ยแจกเป็น วัตถมุ งคลไวบ้ ูชาไดท้ ้งั สนิ้ แต่น่าประหลาดใจก็ตรงท่ีว่าคนท่ีได้วัตถุมงคลเหล่าน้ันไปบูชา ก็ ยงั มชี ีวิตสุขๆ ทุกขๆ์ ลมุ่ ๆ ดอนๆ อยู่เหมือนเดิม กว็ ตั ถมุ งคลเคยมอี ยทู่ ไี่ หนกนั เลา่ สง่ิ ทเ่ี ปน็ มงคล ลว้ นเกดิ จากการ ประพฤติปฏบิ ตั ิตนใหถ้ กู ตอ้ งตามครรลองคลองธรรมทง้ั น้นั แตท่ เ่ี ขยี นอย่างนี้ ก็ไม่ได้ตีขลุมไปเสยี ท้งั หมด เพราะบางวดั บาง หนว่ ยงาน กส็ ร้างเคร่ืองรางของขลงั ดว้ ยจุดประสงค์ของการบูรณะหรอื สรา้ งถาวรวตั ถุ เชน่ สรา้ งอโุ บสถ สรา้ งเครอื่ งมอื แพทย์ ชว่ ยเหลอื การศกึ ษา

๒๗ พระมหาวิเชียร ชินวํโส หรอื อ่ืนๆ อนั เปน็ ประโยชนต์ อ่ สว่ นรวม ถา้ อย่างนีก้ พ็ อรับได้ แตท่ ่ีรับไม่ได้ ก็คือหาเงนิ เข้ากระเปา๋ ตนเอง มงคลจงึ เกิดกับผูผ้ ลิตเพราะรวยวันรวยคนื แต่ผู้เช่าไปบูชาชีวิตก็เหมือนเดิมน่นั เอง พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ มงคล คอื สง่ิ ทที่ �ำ ใหม้ โี ชคดี ตามหลกั พระพทุ ธ ศาสนา หมายถงึ ธรรมทนี่ �ำ มาซง่ึ ความสขุ ความเจรญิ มี ๓๘ ประการ หรอื เรยี กเตม็ วา่ อดุ มมงคล (มงคลอนั สงู สดุ ) [๗] มงคลแหง่ ชวี ติ จะสงู ขน้ึ ไปตาม ล�ำ ดบั ประดจุ ขัน้ บันไดแหง่ ความสำ�เร็จ ต้องปฏิบัตดิ งั นี้ บันไดขนั้ ที่ ๑ = ก. ไมค่ บคนพาล ข. คบบัณฑติ ค. บูชาคนที่ควรบูชา บูชาอย่างมีเหตุผล ไม่ทำ� ตามๆ กันไปอยา่ งไร้ปญั ญา บันไดข้ันที่ ๒ = ก. อยู่ในถน่ิ ท่ีมีสง่ิ แวดล้อมดี ข. ได้ทำ�ความดีให้พร้อมไว้ก่อนหรือทำ�ความดี เตรยี มพร้อมไวแ้ ตต่ น้ ค. ต้ังตนไวช้ อบ ไม่ท�ำ ร้ายตนเองดว้ ยการท�ำ ชวั่ บันไดข้นั ท่ี ๓ = ก.เล่าเรยี นศกึ ษามาก ใสใ่ จสดบั ตรบั ฟงั คน้ คว้า หาความรูอ้ ยเู่ สมอ ข.มศี ลิ ปวิทยา ชำ�นาญในวิชาชพี ของตน ค.มีระเบียบวินัย ฝึกอบรมตนไว้ดี ไม่ดำ�รงชีวิต ดว้ ยความมกั ง่าย

ขลงั ศกั ด์สิ ิทธ์ิ อทิ ธิฤทธ์ิ ปาฏิหาริย์ กรรม ๒๘ ง.รู้จักใช้วาจาพูดให้เป็นผลดี เช่นพูดคำ�จริง มี ประโยชน์ ถกู กาละ-เทศะ และประกอบดว้ ยเมตตา บนั ไดขั้นที่ ๔ = ก. อุปถัมภ์บำ�รุงมารดาบดิ า ข. สงเคราะหบ์ ุตร-ธดิ า ในทางทถ่ี กู ควร ไม่ตาม ใจจนเสียคน ค. สงเคราะหภ์ รรยา และภรรยากท็ ำ�หนา้ ที่ตอ่ สามอี ยา่ งถูกตอ้ ง ง. การงานไม่คั่งคา้ งอากูล บันไดขน้ั ที่ ๕ = ก. รูจ้ กั ให,้ เผือ่ แผแ่ บ่งปัน, บริจาคสงเคราะห ์ และมจี ติ อาสา ข. ประพฤติธรรม, ด�ำ รงอยู่ในศลี ธรรม ค. สงเคราะห์ญาติพน่ี ้อง ง. การงานทไ่ี ม่มีโทษ ทำ�กจิ กรรมทดี่ ีงาม เปน็ ประโยชน์ ไม่เปน็ ไปในทางเสียหาย บันไดขัน้ ท่ี ๖ = ก. เวน้ จากความชวั่ ทุกชนิด ข. เว้นจากการดื่มน้�ำ เมารวมถึงสิ่งเสพตดิ ค. ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย คือไม่ดูถูกคุณ ความดี สนใจศึกษาธรรม บันไดขน้ั ท่ี ๗ = ก. ความเคารพ ซ่งึ เปน็ การแสดงออกถงึ ความ เปน็ ผรู้ ู้คุณค่าของบุคคล ส่งิ ของและกิจกรรมนัน้ ๆ

๒๙ พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส ข. ความสุภาพออ่ นนอ้ มถ่อมตน ค. ความสันโดษ หรอื ความพอใจในผลส�ำ เร็จท่ีได ้ สรา้ งขน้ึ หรอื ในสงิ่ ทห่ี ามาไดด้ ว้ ยก�ำ ลงั และความ ความเพียรของตนเองโดยชอบธรรม ง. มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และหาโอกาส ทดแทนคณุ (กตเวที) จ. ฟงั ธรรมตามกาล แสวงหาความจริงของชวี ติ บันไดขนั้ ท่ี ๘ = ก. มคี วามอดทน เพอ่ื ฝกึ ฝนพัฒนาตนเอง ข. เปน็ ผู้วา่ งา่ ยสอนง่าย ค. พบเห็นสมณะ เย่ียมเยือนเข้าหาท่านผู้สงบ อนั เป็นเหตใุ ห้ไดฝ้ ึกจติ ง. สนทนาธรรมตามกาล หรอื หาโอกาสสนทนา เกยี่ วกบั หลกั ความจรงิ และความถกู ตอ้ งดงี าม บนั ไดขนั้ ท่ี ๙ = ก. มคี วามเพยี รเผากเิ ลส รจู้ กั บงั คบั ควบคมุ ตนเอง ไม่บ�ำ รงุ บำ�เรอตามใจอยาก ข.ประพฤตพิ รหมจรรย์ ด�ำ เนนิ ตามอรยิ มรรค หรอื การรู้จักควบคมุ ตนในทางเพศบา้ ง ค. เห็นอรยิ สจั เขา้ ใจความจรงิ ของชีวิต ง. ท�ำ พระนิพพานใหแ้ จง้ หรอื บรรลุนิพพาน

ขลัง ศกั ดิ์สทิ ธ์ิ อิทธฤิ ทธ์ิ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ๓๐ บนั ไดขน้ั ท๑ี่ ๐= เม่อื ถูกโลกธรรม(ได้ลาภ เสือ่ มลาภ ไดย้ ศ เส่อื ม ยศ สรรเสรญิ นนิ ทา สขุ ทุกข)์ กระทบแลว้ ก. จิตไม่หวนั่ ไหว ข. จติ ไรเ้ ศร้าโศก ค. จิตปราศจากธลุ ี ง. จิตเกษม จะเหน็ ได้ว่าบนั ไดทั้ง ๑๐ ขนั้ หรอื มงคล ๓๘ ประการน้นั ไมม่ ขี อ้ ไหนท่ตี รสั วา่ วัตถุเปน็ มงคลเลย และเมอื่ พจิ ารณาดว้ ยเหตุผลแล้ว จะเหน็ ได้ว่าหากปฏิบัติตามหลักอุดมมงคลท้ัง ๓๘ ประการเหล่าน้ี ชีวิตรุ่งเรือง แนน่ อน สรปุ วา่ มงคล กค็ อื คณุ ธรรม และความสามารถตา่ งๆ ทไี่ ดป้ ลกู ฝงั สร้างข้ึน อันเสริมส่งและคุ้มครอง นำ�ชีวิตไปสู่ความสุขความเจริญและ ความเกษมสวสั ดี แทบทกุ รายมกั หวงั ใหเ้ กดิ มงคลกบั ชวี ติ แตม่ งคลไมไ่ ดเ้ กดิ จากการ อธิษฐาน แต่เกิดจากการลงมือทำ� ฉะนั้นการทำ�บุญหรือทำ�ดีนั่นแล คือ มงคลชีวติ ถ้าป่วยกอ็ าจหาย ถ้าถงึ ตายกอ็ าจรอด เพราะบุญนัน่ เอง แต่ อย่ารอให้ปว่ ยหรือซวยเสียกอ่ นจึงทำ� ควรท�ำ ให้เปน็ นิจศลี ตลอดเวลาท้ัง ชวี ิตนน่ั แหละ อานสิ งสแ์ หง่ บุญปรากฏอยู่ในนธิ กิ ัณฑสูตร [๘] ดงั น้ี

๓๑ พระมหาวิเชยี ร ชินวโํ ส “...ขุมทรัพย์คือบุญ เป็นขุมทรัพย์อันผู้ใด เป็นหญิงก็ตาม เป็น ชายกต็ าม ฝังไว้ดีแล้ว ด้วยทาน ศลี ความสำ�รวม และความฝกึ ตน ในเจดยี ์ ในสงฆ์ ในบุคคล ในแขก ในมารดาบิดา หรือในพ่ชี าย ขมุ ทรัพยน์ ้ัน ช่ือวา่ ผนู้ น้ั ฝังไว้ดีแล้ว ใครๆ ไมอ่ าจลักไปได้ เป็นของตดิ ตามตนไป บรรดาโภคะ ท้งั หลายเมือ่ เขาจ�ำ ตอ้ งละโลกน้ไี ป เขายอ่ มพาขุมทรัพยค์ อื บุญนั้นไป ขุมทรัพย์คือบุญเป็นของเฉพาะตน โจรลักไปไม่ได้ บุญนิธิ(การ สง่ั สมบุญ)อันใดตดิ ตามตนไปได้ ปราชญพ์ งึ ท�ำ บญุ นิธิอนั นนั้ บุญนิธิน้ีให้สมบัติที่พึงปรารถนาท้ังปวง แก่เทวดาและมนุษย์ ทงั้ หลาย เทวดาและมนุษย์ท้ังหลาย ปรารถนานักซ่ึงผลใด ผลน้ันทั้งหมด เทวดาและมนุษยเ์ หลา่ นนั้ ยอ่ มได้ดว้ ยบญุ นธิ ิน้ี ความเป็นผูม้ ผี ิวพรรณงาม ความเป็นผมู้ เี สียงไพเราะ ความเปน็ ผู้ มที รวดทรงดี ความเปน็ ผมู้ รี ปู สวย ความเปน็ ใหญ่ ความเปน็ ผมู้ บี รวิ าร ผล ส�ำ เรจ็ ทั้งปวงนน้ั เทวดาและมนษุ ยย์ อ่ มได้ด้วยบญุ นธิ นิ ้ี ความเปน็ พระราชาประเทศราช ความเป็นอธิบดี สุขของพระเจา้ จักรพรรดิอนั เปน็ ท่ีรกั แมค้ วามเป็นจอมเทพในหม่ทู ิพย์ ผลส�ำ เรจ็ ทั้งปวง นนั้ เทวดาและมนษุ ยย์ ่อมได้ดว้ ยบญุ นธิ นิ ี้ มนุษย์สมบัติ ความยินดีในเทวโลกและนิพพานสมบัติ ผลสำ�เร็จ ทัง้ ปวงนั้น เทวดาและมนษุ ย์ย่อมไดด้ ้วยบญุ นิธินี้ พระผู้บำ�เพ็ญเพียร (พระโยคาวจร) เม่ืออาศัยกัลยาณมิตรแล้ว

ขลัง ศักดิส์ ทิ ธิ์ อทิ ธิฤทธ์ิ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ๓๒ พากเพียรอยู่โดยอุบายอันแยบคาย จึงเป็นผู้มีความชำ�นาญในวิชชาและ วิมตุ ติ ผลส�ำ เร็จท้ังปวงนนั้ เทวดาและมนษุ ยย์ ่อมได้ด้วยบุญนธิ ินี้ ปฏสิ มั ภทิ า วิโมกข์ สาวกบารมีญาณ ปัจเจกโพธญิ าณ และพทุ ธ ภูมิ ผลส�ำ เรจ็ ท้ังปวงนนั้ เทวดาและมนุษยย์ อ่ มได้ดว้ ยบญุ นิธนิ ี้ บญุ นิธิน้ี เปน็ ไปเพอื่ ประโยชนม์ ากอยา่ งนี้ เพราะเหตนุ น้ั บัณฑติ ผู้ มปี ัญญาจงึ สรรเสริญความมบี ุญอันท�ำ ไว้แลว้ ...” ในสมัยที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระเชตวันวิหาร มีครอบครัว ฝา่ ยชายในชนบทมาสู่ขอธดิ าของตระกลู หนึ่งในกรุงสาวตั ถีใหแ้ กบ่ ุตรของ ตน และได้ตกลงกันกำ�หนดวนั ประกอบพธิ ีมงคลเรียบรอ้ ยแลว้ ต่อมาเขาได้ถามอาชีวก(นักบวชจำ�พวกหนึ่ง) ผู้เป็นที่นับถือของ ตนวา่ วนั นน้ั ฤกษด์ หี รอื ไม่ อาชวี กโกรธวา่ ไมถ่ ามตนเสยี กอ่ น ก�ำ หนดวนั กนั แลว้ มาถามภายหลงั จึงกลา่ วว่า วันนัน้ ฤกษ์ไมด่ ี อยา่ ทำ�มงคล ถา้ ท�ำ จะ เกิดมหาวนิ าศ พวกเขากพ็ ากนั เช่ือ เมื่อถึงวนั นัดกไ็ ม่ไป ส่วนทางฝ่ายหญงิ ซงึ่ ไดเ้ ตรยี มงานไวแ้ ลว้ รออยู่ ไมเ่ หน็ ฝา่ ยชายมากพ็ ากนั โกรธเพราะไดต้ กลง วนั กันไว้ ได้เตรียมงานส้ินเปลืองไปมาก ทง้ั เปน็ การเสียหน้า ฝา่ ยหญิงจงึ ได้ยกธิดาให้แก่ชายในตระกูลอื่นซึ่งเป็นผู้ขอรับแทน แล้วได้ประกอบพิธี มงคลตามท่ีเตรยี มไวเ้ สรจ็ เรียบรอ้ ยในวันนั้นเอง ครนั้ วนั รงุ่ ขน้ึ พวกฝ่ายชายทสี่ ขู่ อไวก้ อ่ นจงึ พากนั ไป กถ็ กู พวกฝ่าย หญิงด่าว่าขับไล่ให้กลับ พวกฝ่ายชายก็โต้ตอบเกิดวิวาทกันขึ้น แต่ก็ไม่ได้

๓๓ พระมหาวิเชียร ชินวโํ ส หญิงเพราะเขายกให้คนอ่นื ไปแล้ว ขา่ วเรอื่ งอาชวี กท�ำ การท�ำ นายทายทกั เปน็ เหตใุ หเ้ สยี หายน้ี ปรากฏ ไปทัว่ นคร จนทราบถงึ หมภู่ ิกษุ พระพุทธเจ้าได้ทรงทราบจากหมภู่ กิ ษุ จงึ ไดต้ รสั เลา่ เรอื่ งท�ำ นองเดยี วกนั ทเ่ี กดิ เพราะถอื ฤกษย์ ามผดิ ๆ ในอดตี กาลแก่ ภกิ ษุทั้งหลาย แลว้ ตรสั ประทานโอวาทว่า [๙] “ประโยชนไ์ ดล้ ว่ งเลยคนโงเ่ ขลาทมี่ วั รอคอยฤกษย์ ามอยู่ ประโยชน์ นัน่ แหละเปน็ ฤกษข์ องประโยชน์ ดวงดาวท้งั หลายจักท�ำ อะไรได้” ตามพระพทุ ธโอวาทนแ้ี สดงวา่ อนั ฤกษง์ ามยามดนี นั้ กค็ อื ประโยชน์ ทจี่ ะพึงได้ ถา้ เสียประโยชนก์ ็ช่อื วา่ เสียฤกษ์ แทจ้ ริงแล้วประโยชน์ทจี่ ะได้รับ นน้ั เปน็ ฤกษด์ อี ยแู่ ลว้ สว่ นการทเี่ ชอื่ ดวงดาวไปอยา่ งหลงๆ จนถงึ พากนั เสยี ประโยชนต์ ่างๆ นีแ่ หละเรียกวา่ ฤกษไ์ มด่ ีหรือวา่ ฤกษม์ หาวนิ าศ คนสมัยโบราณเมื่อมองเห็นดาวหาง ก็มักจะมองว่าเป็นลางดี เจงกีส ข่าน เม่ือเห็นดาวหางก็ว่าจะทำ�ให้ได้รับชัยชนะในการสู้รบ แต่ ดาวหางดวงเดยี วกนั กลบั ท�ำ ใหเ้ กดิ ความซวยแกผ่ พู้ า่ ยแพ้ หรอื ชาวจนี เหน็ ดาวหาง ก็ว่าเปน็ มังกร ชาวยุโรปโบราณเห็นดาวหาง ก็ว่าพระเจา้ น�ำ ข่าว ประเสรฐิ มาให้ หรอื แมแ้ ตช่ าวไทย ถา้ อธษิ ฐานในขณะทเ่ี หน็ ดาวหาง กเ็ ชอ่ื ว่าจะสมประสงค์ แตท่ ่แี ทแ้ ลว้ ดาวหาง คือ “ก้อนหมิ ะสกปรก” และฝุ่นกับหินแขง็ มสี ่วนทร่ี ะเหิดเปน็ แกส๊ เมอ่ื เขา้ ใกล้ดวงอาทิตย์ ท�ำ ให้เกดิ ช้นั ฝนุ่ และแกส๊ ท่ี

ขลัง ศักด์ิสิทธ์ิ อทิ ธฤิ ทธิ์ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ๓๔ เปน็ ฝา้ มัวล้อมรอบ และทอดเหยียดออกไปภายนอกจนดูเหมือนหาง และจากการสำ�รวจล่าสุดโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ใน เอกภพมดี าราจกั รทง้ั หมดประมาณ ๑ แสนลา้ นดาราจกั ร ในแตล่ ะดาราจกั ร มีดาวประมาณตัง้ แต่หลายหมนื่ ล้านดวงจนถึงหลายแสนลา้ นดวง [๑๐] แล้ว ดาวของเราดวงไหนกนั วันหน่ึงมีสองสามีภรรยา มาขอฤกษ์ข้ึนบ้านใหม่จากหลวงพ่อ ปญั ญานนั ทะ พระนกั เทศนช์ ่ือดงั อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรงั สฤษด์ิ จ.นนทบุรี หลวงพอ่ จึงถามวา่ “บนั ไดบา้ นทำ�เสรจ็ แล้วหรือยงั ” “เสรจ็ แล้วเจา้ ค่ะ” หลวงพ่อจงึ เตือนสติงา่ ยๆ ว่า “ถา้ งนั้ กข็ ้ึนไดเ้ ลย ไม่ต้องรอฤกษ”์ พระพุทธเจ้าไดต้ รสั ไว้ในที่อ่ืนอกี ว่า [๑๑] “ท�ำ ดีเวลาเช้า เปน็ ฤกษ์ดใี นเวลาเชา้ ทำ�ดีเวลากลางวัน เปน็ ฤกษ์ ดใี นเวลากลางวนั ทำ�ดเี วลาเย็น ก็เปน็ ฤกษด์ ใี นเวลาเย็น” อยา่ มวั รอฤกษง์ ามยามดี อยา่ มวั ถอื เคราะหถ์ อื โชคใหช้ วี ติ รกรงุ รงั อยู่เลย ไม่ว่ามงคลหรือความขลังศักด์ิสิทธ์ิใดๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นในขณะท่ี ทำ�ความดนี ั่นเอง

พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส

ขลัง ศักดิ์สทิ ธิ์ อิทธิฤทธ์ิ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ตอ่ ชะตา คำ�ว่า ชะตา ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลว่า ลักษณะหรอื อัธยาศัยบางอยา่ งที่ทําใหร้ สู้ กึ ชอบ หรือไม่ชอบในทนั ทที ันใด เชน่ ถกู ชะตากนั ไมถ่ กู ชะตากนั , ลกั ษณะทบี่ งั เกดิ แสดงเหตดุ แี ละรา้ ย เชน่ ชะตาดี ชะตาร้าย แตส่ ว่ นมาก ทคี่ นไทยคนุ้ หู กค็ อื ชะตาดี ชะตาร้าย โชคดที ช่ี าวไทย ลว้ นปราดเปรื่อง เมื่อชะตารา้ ยหรือชะตาขาด กต็ อ้ งทำ�พธิ ตี อ่ ชะตากนั ไม่ว่าจะเช่ือหรือไม่ก็ตาม เรามักเคยเห็นการทำ�พิธีต่อชะตากันมา ไมม่ ากก็นอ้ ย หลายปมี าแลว้ มีโยมท่านหนงึ่ ไปดดู วง หมอดทู �ำ นายวา่ ชะตาขาด ต้องตอ่ ชะตาดว้ ยการไปไถ่ชวี ิตสัตวส์ ีเ่ ทา้ ทีจ่ ะถูกฆ่าในโรงฆา่ สตั ว์จงึ จะชว่ ย ใหร้ อดได้ ด้วยความกลัวตาย โยมจึงทมุ่ สุดชวี ิต ได้ไถ่ชีวิตววั มาตัวหน่งึ ตอน ไถก่ ไ็ ม่ไดค้ ดิ ว่าววั ไม่ได้ตัวเลก็ เหมอื นแมวนะ ไถ่มาแล้วไมร่ ้จู ะนำ�ไปไวท้ ไ่ี หน ในทสี่ ดุ จงึ น�ำ ถวายทว่ี ดั วงั หนิ เพราะเหน็ วา่ มตี น้ ไมเ้ ยอะเหมาะแกก่ ารเลยี้ ง ววั กระมัง

๓๗ พระมหาวิเชยี ร ชนิ วํโส ดว้ ยความเมตตาของพระ โยมน�ำ มาถวายก็รบั ไว้ แลว้ กก็ ลายเป็น ภาระของหลวงตารูปหนึ่งที่จะต้องคอยดูแล ต่ืนแต่เช้าจูงวัวออกไปเลี้ยง หรือไมก่ ็ผูกไว้ในบรเิ วณทม่ี หี ญ้า กลายเปน็ นายโคบาลไปโดยไม่ตง้ั ใจ ด้วยเหตุนี้ จึงมีอยู่หลายวัดท่ีต้องเลี้ยงสารพัดสัตว์ที่โยมนำ�มา ถวายเพราะตอ้ งการตอ่ ชะตา เชน่ หมู วัว ควาย แพะ แกะ ไก่ รวมถงึ หมา แมวท่ีแอบนำ�มาปลอ่ ยดว้ ยหรอื เปล่ากไ็ มร่ ู้ จนชักไมม่ ั่นใจว่า นม่ี ันวดั หรือ ฟารม์ สัตวก์ ันแน่ การตอ่ ชะตาเทา่ ทเ่ี คยเหน็ มา ภาคเหนอื มกั เรยี กวา่ สบื ชะตา โดยใช้ ไม้คำ้�เป็นง่าม ๓ อันมาประกอบเป็นซุ้ม ไม้มักจะสูงเท่ากับความสูงของ เจ้าของชะตา แล้วให้เจ้าของชะตาไปนั่งอยู่ในซุ้มนั้น ในขณะที่พราหมณ์ หรอื พระท�ำ พธิ สี วด ทใี่ ชไ้ มค้ �ำ้ กเ็ พอ่ื เปน็ เคลด็ วา่ ค�ำ้ จนุ ชวี ติ ใหเ้ กดิ ความเจรญิ ร่งุ เรอื ง หายเจบ็ ไข้ได้ปว่ ยตอ่ ไป โดยเฉพาะคนทปี่ ว่ ยหนกั หมอรกั ษาไมห่ าย ใหก้ ลบั มานอนรอความ ตายทบ่ี า้ น เมอ่ื วทิ ยาศาสตรม์ อิ าจเปน็ ทพ่ี ง่ึ ได้ กต็ อ้ งพง่ึ พาไสยศาสตร์ ญาติ ก็มกั ท�ำ พธิ ีตอ่ ชะตา โดยปราชญ์ทอ้ งถ่ิน ซงึ่ เปน็ ผูเ้ ชีย่ วชาญด้านนี้ หรอื ไม่ ก็นิมนต์พระไปสวดต่อชะตา นัยว่าเพื่อจะได้อายุยืนยาว บางรายเม่ือพระ สวดเสรจ็ กลบั หายป่วยหายไข้ อายุยนื ยาวอย่ตู ่อได้อีกหลายปี ผู้เขียนสมัยที่เป็นพระหนุ่ม ก็เคยสวดต่อชะตาให้ผู้ป่วยมาหลาย ราย ขลงั มากเพราะ “ตายทกุ ราย” ก็โถ! มะเรง็ ระยะสดุ ทา้ ยบ้าง เอดสบ์ ้าง ถ้ารอดได้ คนทเี่ ป็นโรคอื่นคงไม่มีใครตายแน่

ขลัง ศกั ด์ิสทิ ธ์ิ อทิ ธฤิ ทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๓๘ ภาคกลาง มกั ใชผ้ า้ ขาวคลมุ ผทู้ ท่ี �ำ พธิ ตี อ่ ชะตา ใหเ้ จา้ ของชะตานอน หันศีรษะไปทางทิศตะวันตก แล้วพระก็ทำ�พิธีเหมือนชักผ้าบังสุกุลในงาน ศพ พรอ้ มทงั้ สวดบทบงั สกุ ลุ ตาย อะนจิ จา วะตะ สงั ขารา อปุ ปาทะวะยะธมั มิโน อปุ ชั ชติ ฺวา นิรชุ ฌนั ติ เตสงั วปู ะสะโม สุโข [๑๒] แปลวา่ “สงั ขารทง้ั หลายไมเ่ ทยี่ งหนอ มกี ารเกดิ ขน้ึ และเสอ่ื มไปเปน็ ธรรมดา เกิดแลว้ ย่อมดับไป การเขา้ ไปสงบสังขารเหล่าน้ันเป็นความสุข” หลงั จากน้นั จงึ ให้เจา้ ของชะตาหันศีรษะไปทางทศิ ตะวันออก แลว้ ใหพ้ ระสวดบงั สกุ ลุ เปน็ เพราะถอื เอาเคลด็ วา่ ตายแลว้ ฟนื้ โชครา้ ยกลายเปน็ โชคดี หรอื ชะตาร้ายกลายเปน็ ชะตาดี วา่ อะจิรงั วะตะยงั กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวญิ ญาโณ นริ ตั ถงั วะ กะลงิ คะรัง [๑๓] แปลวา่ “อกี ไมน่ านนกั รา่ งกายนกี้ จ็ กั ปราศจากวญิ ญาณ ถกู ทอด ทิง้ ทับถมแผน่ ดิน เหมือนทอ่ นไม้ท่ีไร้ประโยชน์ ฉะนั้น” เมื่อทราบค�ำ แปลแล้ว น่าจะชว่ ยให้รอดไหมเนยี่ หรอื นี่เป็นอบุ าย ทพ่ี ระใชเ้ ตอื นใหป้ ลงกนั เสยี บา้ ง แตป่ ญั หากค็ อื พระผสู้ วดเองกไ็ มร่ คู้ �ำ แปล โยมกฟ็ งั ไม่เขา้ ใจ จึงพากันเขา้ รกเข้าพงไป แทจ้ รงิ แล้วการท�ำ พิธีบังสุกุล ตาย บงั สุกุลเป็นนั้น ท�ำ เพอ่ื ให้ท้ังผูป้ ่วยและผ้ยู งั ไมป่ ว่ ย ไดร้ ะลกึ ถงึ ความ

๓๙ พระมหาวิเชียร ชินวํโส บางทอ่ี อกแนวขลงั กนั แบบสดุ ๆ เชน่ บทสวดบชู านพเคราะห์ เวลา สวดต้องออกแนวเฮพวีเมทัลด้วย นัยว่าเป็นการเสริมมงคลต่อดวงชะตา ชวี ิตเช่นกนั “อติ ปิ โิ สภะคะวา ขา้ ฯ จะไหวพ้ ระอาทติ ยส์ ะเทวา ขอเชญิ พระอาทติ ย์ เสดจ็ ลงมารกั ษาอายทุ า่ นได้ ๖ ปี มาเวยี นรอบในราศี เทยี่ งคนื ในราตรี ตอ้ ง ลักษณ์ ต้องจนั ทร์ ตอ้ งพระเคราะห์ตัวนอก ตอ้ งพระเคราะห์ตัวใน สารพดั ทุกข์ สารพดั โศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพดั เสนยี ดจัญไร จงไปเสยี ใน วันน้ี ขออย่าให้มีภัย ขออย่าให้อับจน ขอให้มีชัยมงคล พ้นโทษ โทสา วญิ ญาณสมั ปันโนฯ (ตอ่ ดว้ ยพระจันทร์ ๑๕ ปี พระอังคาร ๘ ปี พระ พุธ ๑๗ ปี พระเสาร์ ๑๐ ปี พระพฤหสั บดี ๑๙ ปี พระราหู ๑๒ ปี พระศุกร์ ๒๑ ปี พระเกตุ ๙ ป)ี ” คนไทยชอบพูดกันว่า ไม่เช่ืออย่าลบหลู่ แต่เมื่อไม่ลบหลู่ก็ควรจะ เรียนรูใ้ ห้เขา้ ใจดไี หม ถา้ หยดุ อย่แู คเ่ ช่อื กค็ งไมส่ ร้างสรรคส์ ติปญั ญา ท�ำ แลว้ กต็ ายอยเู่ หมือนเดิม การต่อชะตาจงึ เป็นเร่ืองของจิตวทิ ยาอย่างหน่ึงท่ชี ว่ ยท�ำ ให้ผเู้ ขา้ พิธีสบายใจ พอใจสบาย ก็เกดิ กำ�ลังใจ พลอยให้รา่ งกายแข็งแรงไปด้วย ลองมาดูการต่อชะตาแบบพุทธแท้กันบ้าง ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ได้ประทานโอวาทแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล ในเรื่องธรรมะที่ ทำ�ให้อายุยนื ปลอดจากโรคภยั ไข้เจ็บวา่

ขลงั ศกั ดสิ์ ิทธิ์ อิทธิฤทธ์ิ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ๔๐ “คนทมี่ สี ตอิ ยตู่ ลอดเวลา รจู้ กั ประมาณในการบรโิ ภค ยอ่ มมเี วทนา เบาบาง แกช่ ้า ครองอายอุ ยไู่ ด้นาน” [๑๔] พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสดับแล้วไม่รอช้า รับส่ังให้มหาดเล็ก ทอ่ งจ�ำ พทุ ธโอวาทนไ้ี ว้ และคอยกลา่ วขนึ้ มาขณะทพี่ ระองคเ์ สวยทกุ มอ้ื เมอื่ พระองคไ์ ด้ฟงั ก็ช่วยใหเ้ กดิ ความยบั ย้งั ชง่ั พระทัย ไม่เสวยมากเกนิ ไป ไม่ชา้ ไมน่ านผลดีกบ็ ังเกดิ แกพ่ ระองค์ ท�ำ ใหพ้ ระพลานามัยแขง็ แรงขึน้ เมอ่ื พระใหพ้ รมักจะลงท้ายดว้ ย “อายุ วัณโณ สขุ ัง พะลัง” โยมก็ มกั จะสาธรุ บั พรกนั ล่ันศาลา หลวงพอ่ ชา สภุ ทโฺ ท วดั หนองป่าพง ทา่ นตงิ เตือนไวว้ า่ “โยมเคยเหน็ ใครทม่ี อี ายมุ ากๆ แลว้ มวี รรณะผอ่ งใส มคี วามสขุ กวา่ เดิม หรอื มพี ละกำ�ลังแข็งแรงบ้างไหม” หลายคนชอบบน่ วา่ ยง่ิ แกก่ ย็ งิ่ ไมม่ อี ะไรดี ซงึ่ ถา้ มองเพยี งกายภาพ มักจะเปน็ อย่างนนั้ เมอ่ื แก่แลว้ สง่ิ ทจี่ ะต้องมีดีคือจติ ใจ ไมง่ น้ั จะกลายเปน็ วา่ หาอะไรดไี ม่ได้สกั อย่างเลยจรงิ ๆ หากต้องการมีอายุยืนยาวหรือชะตาดี มีคุณธรรม ๕ ประการที่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ปฐมอนายุสสาสูตร [๑๕] คือ ๑. ท�ำ สงิ่ ทเ่ี ปน็ สปั ปายะ ใหร้ า่ งกายอยใู่ นสภาพทสี่ บายและเกอื้ กลู แกส่ ขุ ภาพ เชน่ ทำ�งานในท่ีอากาศปลอดโปร่ง ไมเ่ ครง่ เครียดกับงาน ออก กำ�ลังกายอยเู่ สมอ

๔๑ พระมหาวิเชียร ชนิ วํโส ๒. รู้ประมาณในสัปปายะน้ัน ต้องรู้จักพอดีในสิ่งที่สบายน้ันด้วย ไมใ่ ช่วา่ สบายมากไปจนกลายเป็นนอนขเ้ี กยี จอย่ทู งั้ วัน ๓. รับประทานอาหารทีย่ อ่ ยงา่ ย เช่น เนอื้ ปลา ไข่ขาว ผกั ผลไม้ หลกี เล่ยี งสิง่ ทีย่ อ่ ยยาก เช่น เนอื้ หมู เน้อื วัว ๔. ไม่เที่ยวไปในกาลไม่สมควร รู้จักจัดเวลาให้พอดี ไม่หักโหม ทำ�งานเกนิ กำ�ลงั หรอื ทอ่ งราตรี เล่นเกม เล่นเฟซเสยี ดกึ ด่นื ๕. ถือพรหมจรรย์ตามความเหมาะสม รู้จกั อย่งู า่ ย กนิ งา่ ย เรยี บ งา่ ย แตไ่ มม่ ักง่าย ไม่เคร่งเครยี ดบีบบังคบั ตนเอง ปฏบิ ตั ธิ รรมสม่�ำ เสมอ และหมนั่ ขัดเกลาจติ ใจใหก้ เิ ลสเบาบาง และสูตรลบั ของพระพทุ ธเจ้า วา่ ด้วยอายุ วรรณะ สขุ ะ โภคะ พละ ทไ่ี ด้ทรงสอนภกิ ษุ แสดงไว้ในจักกวตั ติสูตร [๑๖] วา่ อายุจะยืนได้ด้วยการฝึกสมาธิ คอื อิทธบิ าท ๔ อันไดแ้ ก่ ฉนั ทะ คือ ความพอใจ วริ ยิ ะ มคี วามเพยี ร จติ ตะ มคี วามเอาใจใส่ และวมิ งั สา มปี ญั ญา เห็นตามความเปน็ จริง พดู ง่ายๆ กค็ ือหมน่ั ฝกึ สมาธเิ พื่อใหจ้ ิตใจสงบบ้าง สว่ นวรรณะหรอื ผิวพรรณนน้ั มีรากฐานสำ�คัญมาจากการเปน็ ผู้มี ศลี หากมีศลี เปน็ ข้อปฏบิ ตั ิประจำ�ใจ ผิวพรรณยอ่ มผอ่ งใสอยู่เสมอ เพราะ เมอื่ ปฏบิ ตั ดิ ี ปฏบิ ตั ชิ อบ ทกุ ขร์ อ้ นจะไมม่ ากล�ำ้ กราย เลอื ดลมจงึ เดนิ สะดวก ยอ่ มท�ำ ใหผ้ วิ พรรณผ่องใส

ขลัง ศักดิส์ ทิ ธ์ิ อทิ ธฤิ ทธ์ิ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๔๒ การทบ่ี คุ คลจะมสี ขุ ไดน้ นั้ จ�ำ ตอ้ งมอี งคป์ ระกอบหลกั ๆ คอื มปี จั จยั ๔ พร้อม รวมทั้งมสี ตแิ ละปัญญา รตู้ ัวท่ัวพรอ้ มตลอดเวลา ไม่ปรุงจติ ให้ ข้ึนลงตามสิ่งที่มากระทบ และหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ในทางท่ีถูกที่ ควร ในพระไตรปิฎกท่านมงุ่ เอาความสุขในระดบั ฌานสุข ซ่งึ ทำ�ใหจ้ ิตสงบ สุขไมส่ กุ เกรียมสุกไหมอ้ ยา่ งทคี่ นทั่วไปเป็นกัน สว่ นโภคะ คือทรพั ยส์ มบัตนิ นั้ พระพุทธเจา้ ท่านมุง่ หมายพรหม- วหิ ารธรรม คือเมตตา กรณุ า มทุ ิตา อุเบกขา อนั ไมม่ ีทีส่ ุด ไม่มีประมาณ แผไ่ ปในสรรพสัตวท์ ง้ั หลาย คนที่เปน็ เชน่ น้ี ไม่วา่ จะมีทรัพย์ภายนอกมาก น้อยเพียงใด ก็รำ่�รวยด้วยทรัพย์ภายในท่ีมีอยู่ อยู่ท่ีไหนก็เป็นท่ีรักของ เทวดาและมนุษย์ สว่ นพละ มอี ยสู่ องอย่าง คอื กำ�ลังกายและกำ�ลงั ใจ ที่ตอ้ งหมนั่ ฝกึ ฝนเตรยี มพรอ้ มไวร้ บั มอื กบั ความเปลยี่ นแปลง ดว้ ยการหมน่ั ออกก�ำ ลงั กายและหมั่นฝึกจิตให้เข้มแข็งอยู่เสมอ ส่วนพละท่ีพระพุทธเจ้ามุ่งหมาย อย่างแท้จริง ก็คือการหลดุ พน้ จากกิเลส ไม่ต้องกลบั มาเวียนว่ายตายเกดิ อีก น่ันแหละพลังภายใจอย่างแทจ้ ริง ทแี่ ทแ้ ลว้ อายุ วรรณะ สขุ ะ โภคะ พละ ไมใ่ ชบ่ ททพ่ี ระใหพ้ ร แตเ่ ปน็ บททพี่ ระทา่ นอนโุ มทนาบญุ คอื ช่นื ชมยนิ ดกี บั ความดที ่ีโยมได้ลงมือท�ำ ค�ำ วา่ “พร” ในความหมายของพทุ ธดงั้ เดมิ นนั้ หมายถงึ “การขอใหไ้ ดท้ �ำ ” ไมใ่ ช่ ขอให้ได้เอา เชน่ นางวสิ าขาขอพรจากพระพทุ ธเจ้าวา่ ขอถวายขา้ วยาคู แก่ พระผอู้ าพาธ หรอื ขอถวายผ้าอาบน�ำ้ ฝนแกพ่ ระสงฆ์ ในช่วงฤดเู ข้าพรรษา

๔๓ พระมหาวิเชียร ชนิ วโํ ส แตใ่ นปัจจุบันกลบั ผดิ เพย้ี นเป็น ขอให้ได้ ขอให้รวย ขอให้สวย ขอ ใหม้ ี ขอใหเ้ ปน็ ไปเสียแล้ว เพราะแทจ้ ริงแลว้ ผลยอ่ มเกิดจากเหตุที่ถูกตอ้ ง ผลไม่เคยเกิดจากการขอรอ้ งออ้ นวอนโดยไมล่ งมือท�ำ เลย ฉะนน้ั การตอ่ ชะตาแบบพทุ ธแทน้ น้ั ตอ้ งลงมอื ท�ำ ดว้ ยตนเองตง้ั แต่ บัดนี้ ตามหลกั การเบ้ืองตน้ ทกี่ ลา่ วแล้ว อย่ารอใหป้ ว่ ยเสียกอ่ น รบั รองวา่ ได้ผลดีกว่าชีวจิต ดีท็อกซ์ หมอเขียว อาหารเสริมทุกยี่ห้อ หรืออาจารย์ ขลังทุกสำ�นักแน่นอน

ขลงั ศกั ด์สิ ทิ ธิ์ อทิ ธฤิ ทธิ์ ปาฏิหาริย์ กรรม จติ ชัว่ รา้ ย ใจอปั รีย์ คอื กาลกณิ ขี องจรงิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook