นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู บทบาทหลังการดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา การทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาของนายสามารถถือว่า คุ้มค่าและสมราคาเพราะได้แสดงบทบาทต่างๆ มากมายตามที่ กล่าวมาซึ่งนอกจากเป็นกรรมาธิการต่างๆแล้ว วาระสุดท้าย ยังดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการส่วนตัวนายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภาอีกด้วยซึ่งภายหลังจากอยู่จนครบวาระ 6 ปี ในพ.ศ. 2549 นายสามารถก็ผลักดันภรรยาคือ นางจุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร ให้ลงสนามการเมืองในตำแหน่งเดียวกันอีก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จได้เป็นผู้แทนฯ แต่สุดท้ายก็ต้องหมด สมาชิกภาพลงเมื่อมีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 (สามารถ รัตนประทีปพร, 2555) หลังจากหมดวาระทางการเมืองนายสามารถก็มีบทบาท ในการช่วยเหลือสังคมมากขึ้นซึ่งมีการตั้งมูลนิธิของตนเอง เพื่อช่วยเหลือสังคมในนาม “มูลนิธิรัตนประทีปพร” ที่อำเภอ ศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยนายสามารถเล่าให้ผู้เขียน ฟังว่าการตั้งมูลนิธิดังกล่าวก็หวังไว้ว่าจะทำตามความตั้งใจที่จะ ทำงานด้านนี้ในชีวิตบั้นปลาย ในด้านการเมืองนั้นแม้ปัจจุบัน จะไม่มีบทบาทใดๆ แต่ก็ยังถ่ายทอดประสบการณ์และเรื่องราว ทางการเมืองที่ตนเองพบมาให้ผู้อื่นมีความเข้าใจอยู่เป็นประจำ (สามารถ รัตนประทีปพร, 2555) 134
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู นายวิชัย สามิตร นายวิชัย สามิตร เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2501 ที่บ้านโนนม่วง อำเภอ นากลาง จังหวัดอุดรธานี เป็นบุตรของ นายพันธ์ นางสุด สามิตร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน จำนวน 8 คนประกอบด้วย (วิชัย สามิตร, 2555) 1. นายหนูสิน สามิตร มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภ ู 2. นางยุพิน ยศธสาร มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย 3. นางหนูจีน สนสมพัตร มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอ นากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู 4. นายทองเลื่อน สามิตร มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอ เอราวัณ จังหวัดเลย 5. นางคำกอง สามิตร มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภ ู 6. นางบัวไหล ทองบัญชา มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอ นากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู 7. นายวิชัย สามิตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัด หนองบัวลำภู เขต 3 8. นางไสว กวงจันทร์ดี มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอ นากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู 135
นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู นายวิชัย สามิตร สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีทางด้าน รัฐศาสตร์ สาขาการปกครอง จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในดา้ นชวี ติ ครอบครวั สมรสกบั นางประครอง สามติ ร ครวู ทิ ยฐานะ ชำนาญการพิเศษ (คศ.3) โรงเรียนบ้านโนนม่วง ตำบลโนนเมือง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีบุตร – ธิดา ร่วมกัน 2 คน ได้แก่ 1. นายธวัช สามิตร 2. เด็กหญิงณัฐมล สามิตร เส้นทางสู่การเมือง นายวิชัย สามิตร หลังจากสำเร็จการศึกษาในระดับ ปริญญาตรีแล้ว ได้กลับไปช่วยครอบครัวทำไร่ ทำนา ที่บ้าน โนนม่วง ตำบลโนนเมือง อำเภอนากลาง จังหวัดอุดรธานี โดย ในปี 2528 ชาวบ้านโนนม่วงได้เลือกให้นายวิชัยดำรงตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนม่วง หมู่ที่ 2 ซึ่งในสมัยนั้นถือได้ว่า นายวิชัยเป็นคนหนุ่มคนแรกๆ ของประเทศไทยที่เรียนจบ ปริญญาตรีแล้วกลับมาเป็นผู้ใหญ่บ้านที่บ้านเกิดตนเอง ทำให้ นายวิชัยเป็นความหวังของชาวบ้านโนนม่วงในการพัฒนา หมู่บ้าน ประกอบกับความตั้งใจจริงของผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไฟแรง ทำให้พ่อผู้ใหญ่วิชัย สามิตร มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา หมู่บ้านโนนม่วงจนเป็นที่ประจักษ์ในหลายๆ ด้าน เช่น เป็นหมู่บ้านแรกของจังหวัดอุดรธานีที่มีส้วมครบทุกหลังคาเรือน มีโอ่งหรือภาชนะรองน้ำฝนไว้สำหรับอุปโภคบริโภคแทนการใช้ น้ำจากลำห้วยหรือแหล่งน้ำตามธรรมชาติต่างๆ ครบทุกหลังคา เรือน มีการตัดถนนหนทางใหม่ภายในหมู่บ้านและเชื่อมต่อกับ 136
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู หมู่บ้านต่างๆ เพื่อความสะดวกในการสัญจรไปมาระหว่างกัน นำระบบไฟฟ้าเข้ามาในหมู่บ้านครั้งแรก ซึ่งบางกิจกรรม นายวิชัยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวในการดำเนินการโดยไม่เห็นแก่ ความเหน็ดเหนื่อย ทำให้หมู่บ้านโนนม่วงมีการพัฒนา ด้านต่างๆ เหนือหมู่บ้านต่างๆ ในเขตอำเภอนากลางหรือ ในละแวกชนบทของจังหวัดอุดรธานีในสมัยนั้น จากผลงาน การพัฒนาดังกล่าวทำให้พ่อผู้ใหญ่วิชัย สามิตรได้รับการ แต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านดีเด่น” จังหวัดอุดรธานี ในปี 2531 ซึ่งนายวิชัยได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า นายวิชัยและชาวบ้าน โนนม่วงได้มีโอกาสต้อนรับคณะของนายกรัฐมนตรีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ในสมัยนั้น ที่ได้เดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัด อุดรธานีและทางจังหวัดได้เลือกให้หมู่บ้านโนนม่วงเป็นหมู่บ้าน ต้นแบบโครงการอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (อ.พ.ป.) ซึ่งจัด ตั้งโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เพื่อ ป้องกันการแพร่ขยายอิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ชนบท ห่างไกล สำหรับการเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรีช่วงนั้น ทห่ี มบู่ า้ นโนนมว่ งระบบไฟฟา้ ยงั เขา้ มาไมถ่ งึ ตอ้ งใชห้ มอ้ ปน่ั ไฟฟา้ ในการอำนวยความสะดวกให้แก่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ หลังจากดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านและได้ทำการพัฒนา หมู่บ้านโนนม่วงจนเป็นที่รู้จักไปทั่ว นายวิชัยจึงยื่นใบลาออก จากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านต่อนายอำเภอนากลาง เพื่อตั้งใจจะไป สอบเป็นปลัดอำเภอ เพราะตนสำเร็จการศึกษาทางด้าน รัฐศาสตร์มา แต่นายอำเภอไม่ยอมให้ลาออกโดยอ้างว่า นายวิชัยมีเหตุผลในการขอลาออกไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้หมู่บ้าน โนนม่วงว่างเว้นจากการมีผู้ใหญ่บ้านปฏิบัติหน้าที่นานกว่า 137
นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู 2 เดือน ต่อมามีการประกาศเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาจังหวัด อุดรธานี เขตอำเภอนากลาง นายวิชัยจึงใช้โอกาสนี้ยื่นคำร้อง ขอลาออกจากผู้ใหญ่บ้านต่อนายอำเภออีกครั้งโดยใช้เหตุผลว่า จะลาออกเพื่อสมัครรับเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาจังหวัดทำให้ นายอำเภอยอมให้ลาออก (วิชัย สามิตร, 2555) การสมัครรับเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาจังหวัดอุดรธานี (สจ.) ถือเป็นการลงสนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่สำคัญของ นายวิชัย แม้จะเป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อมซึ่งมีเหลือเวลา อยู่ในตำแหน่งจนครบตามวาระเพียง 18 เดือนเศษ นายวิชัย ก็พยายามหาเสียงสนับสนุนจากชาวบ้านในเขตอำเภอนากลาง ทั้งหมด ซึ่งนายวิชัยเล่าให้ผู้เขียนฟังเพิ่มเติมว่า ในการเลือกตั้ง ครั้งนี้นายวิชัยได้ใช้เงินทุนเพียงประมาณ 2,800 บาทโดยจัด เป็นค่าแผ่นโปสเตอร์พิมพ์ขาวดำแนะนำตัวผู้สมัคร และค่า นำ้ มนั สำหรบั เตมิ รถยนตข์ องพช่ี าย ซง่ึ ใหย้ มื มาใชต้ ะเวนหาเสยี ง แต่ที่ลืมไม่ได้เลยและถือจะเป็นที่มาของคะแนนเสียงที่เลือก นายวิชัยให้ได้เป็น สจ. ครั้งนี้ คือบรรดาเครือข่ายญาติพี่น้อง ของนายวิชัยและคนที่รู้จักชอบพอนายวิชัย โดยเฉพาะชาวบ้าน โนนม่วงเกือบทั้งหมู่บ้าน ได้จัดขบวนคาราวานหาเสียงเคลื่อนที่ ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในเขตอำเภอนากลาง โดยทุกคนที่ไปจะ ห่อข้าว ห่อน้ำกันไปเอง และไม่ได้มีการขอรับค่าตอบแทนใดๆ ค่ำไหน นอนนั่น เป็นลักษณะการหาเสียงที่อาศัยเครือข่ายญาติ พี่น้อง และคนที่รู้จักช่วยบอกกันปากต่อปากว่านายวิชัยเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไรมาบ้าง มีผลงานพัฒนาเป็นอย่างไร ซึ่ง นายวิชัยถึงกับกล่าวให้ผู้เขียนฟังเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าไม่มีญาติ พี่น้องคงไม่ได้เป็นผู้แทนฯ มาจนถึงวันนี้ และการมีญาติพี่น้อง 138
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู จำนวนมากก็มีข้อดีสำหรับการเลือกตั้งหลายประการ เช่น ญาติ พี่น้องจะออกมาลงคะแนนเลือกตนให้โดยไม่รับเงินซื้อเสียง และตนไม่ต้องเหนื่อยกับการไปขอคะแนนในรูปแบบต่างๆ เหมือนคนอื่น อีกทั้งญาติพี่น้องยังช่วยหาเสียงให้ แม้จะไม่ได้ ขอร้องความช่วยเหลือก็ตาม หรือเวลาไม่มีทุนหรือเงินในการลง สมัครรับเลือกตั้งในแต่ละครั้ง หากตนไปบอกญาติพี่น้อง คนไหน ญาติพี่น้องคนนั้นก็จะให้ตนกู้ยืมเงินมาใช้เป็นทุนใน การเลือกตั้งโดยไม่คิดดอกเบี้ย หรือบางคนเอาเงินมาช่วยระดม หาเสียงถึงบ้านของนายวิชัยหลังจากทราบข่าวว่าจะลงสมัครรับ เลือกตั้ง เป็นต้น ทำให้ระบบเครือญาติพี่น้องเป็นปัจจัยที่ช่วย สร้างฐานคะแนนเสียงในพื้นที่โดยเฉพาะเขตอำเภอนากลาง อำเภอนาวังซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่นายวิชัย สามิตร มีอิทธิพล ทางการเมืองเหนือคู่แข่งคนอื่นๆ ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ตลอดมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน (มิถุนายน, 2555) (วิชัย สามิตร, 2555) หลังจากนายวิชัยได้รับเลือกตั้งในฐานะสมาชิกสภา จังหวัดอุดรธานี เขตอำเภอนากลางแทนตำแหน่งที่ว่างแล้ว ก็เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นมาเรื่อยๆ จนถึงคราวเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 17 เมื่อวันที่ 13กันยายน พ.ศ. 2535 นายวิชัยได้ตัดสินใจ ลองลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรค ชาติพัฒนา เป็นครั้งแรก ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดอุดรธานี ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่อำเภอบ้านผือ อำเภอนายูง อำเภอน้ำโสม อำเภอสุวรรณคูหา อำเภอหนองบัวลำภู และอำเภอนากลาง ซึ่งผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งในพื้นที่ ได้แก่ นายวเิ ชยี ร ขาวขำ พรรคชาตพิ ฒั นา นายกติ ตศิ กั ด์ิ หตั ถสงเคราะห์ 139
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู พรรคชาติไทย และนายไพรัช นุชิต พรรคกิจสังคม ตามลำดับ ทำให้นายวิชัย สามิตรไม่ประสบผลสำเร็จทางการเมืองในระดับ ชาติ (วิชัย สามิตร, 2555) ภายหลังจากการประกาศจัดตั้งจังหวัดหนองบัวลำภู แยกตัวจากจังหวัดอุดรธานีเมื่อ พ.ศ.2536 แล้ว ซึ่งได้มีการ จัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 18 ขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 นายวิชัย สามิตร จึงลองลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ในนามพรรคชาติพัฒนาเช่นเดิม ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัด หนองบัวลำภู ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทั้งจังหวัด ซึ่งผลการ เลือกตั้งครั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งในพื้นที่ ได้แก่ นายไพรัช นุชิต พรรคกิจสังคม นายไชยา พรหมา พรรคชาติพัฒนา และ นายสรชาติ สุวรรณพรหม พรรคความหวังใหม่ ซึ่งครั้งนี้ นายวิชัยยังไม่ได้รับเลือกตั้งอีก (วิชัย สามิตร, 2555) หลังจากความพ่ายแพ้ในสนามการเมืองระดับชาติทั้ง 2 ครั้ง ทำให้นายวิชัยจึงคิดว่าตนควรหยุดความคิดที่จะเล่น การเมืองระดับชาติ แล้วหันกลับไปลงเล่นสนามเลือกตั้งท้องถิ่น เช่นเดิมจะดีกว่า เพราะการเลือกตั้งระดับชาติในสมัยนั้น ผู้สมัครแต่ละคนต่างทุ่มกำลังและเงินทุนในการสร้างฐานเสียง อย่างหนัก เป็นไปได้น้อยที่โอกาสคนอย่างนายวิชัย สามิตร ซึ่งเป็นเพียงลูกชาวนาและไม่ได้มีความร่ำรวยใดๆ จะสามารถสู้ กับคู่แข่งคนอื่นๆ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง หรือมีเงิน สนับสนุนจากพรรคการเมืองที่สังกัดในการใช้ระดมสรรพกำลัง ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ด้วยเหตุนี้นายวิชัยจึงหันกลับไปลง สมัครรับเลือกตั้งในการเมืองสนามเล็กเป็นสมาชิกสภาจังหวัด 140
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู หนองบวั ลำภู เขตอำเภอนากลาง ในชว่ ง พ.ศ. 2538 – พ.ศ. 2543 พร้อมทำธุรกิจรับเหมาขนาดกลางในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัด “ชัยธวัชก่อสร้าง” ซึ่งประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหรือทำ ทุกอย่างว่าแต่มีผู้ว่าจ้างมา โดยนายวิชัยจะไปดำเนินการจ้าง คนอื่นต่ออีกที จากการประกอบธุรกิจดังกล่าว ทำให้นายวิชัย พอมีฐานทางการเงินที่จะการใช้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรครั้งที่ 20 ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 (วิชัย สามิตร, 2555) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 20 นี้ นายวิชัยมีความพร้อมด้านต่างๆ มากกว่าทุกๆ ครั้งที่ลงสมัคร รับเลือกตั้ง เช่น การเลือกตั้งครั้งนี้ใช้ระบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ให้มีขนาดเล็กลง ทำให้หาเสียงง่ายขึ้น ประกอบกับ พรรคการเมืองที่เข้าสังกัด คือ พรรคไทยรักไทย ของพันตำรวจ โท ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นพรรคที่ชาวบ้านให้ความสนใจใน นโยบายที่ประกาศออกมา (วิชัย สามิตร, 2555) การลงสมัครรับเลือกตั้งของนายวิชัย สามิตร ในเขต เลือกตั้งที่ 3 ประกอบด้วยพื้นที่อำเภอนากลาง อำเภอ สุวรรณคูหา และอำเภอนาวัง เฉพาะตำบลวังปลาป้อม สังกัด พรรคไทยรักไทยนั้น เหตุผลเพราะในสมัยนั้นพรรคไทยรักไทย เป็นพรรคการเมืองใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้สมัครหน้าใหม่ๆ ที่สนใจในการพัฒนาการเมืองไปสู่มิติใหม่ ด้วยการไม่ใช้เงิน เป็นตัวตั้ง แต่ใช้นโยบายเป็นตัวขาย ซึ่งแตกต่างจากพรรค การเมืองต่างๆ ก่อนหน้านี้ ที่จะมีการตกลงราคากันระหว่าง ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่คาดว่าจะได้รับเลือกเป็นผู้แทนฯ ในพื้นที่ 141
นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู กับพรรคการเมืองที่ต้องการผู้สมัครคนนั้นไปสังกัดในมูลค่า มากถึง 30 – 40 ล้านบาท แต่พรรคไทยรักไทยไม่ได้มีพฤติกรรม เช่นนั้น หัวหน้าพรรคต้องการบรรดาดาวรุ่ง หรือนกแลในพื้นที่ เลือกตั้งต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นมาก่อนบ้าง หรือเป็นกรรมการสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ที่มีเครือข่าย สมาชกิ จำนวนมากมาลงสมคั รในนามพรรคโดยไมม่ ผี ลประโยชน์ เรื่องเงินหรือการตีมูลค่าระหว่างกัน และในสมัยนั้นพรรค ไทยรักไทยกำลังเป็นพรรคการเมืองที่ชาวบ้านในพื้นที่ภาคอีสาน เฝ้าจับตามองอย่างมาก เพราะเห็นว่าเป็นพรรคของคนรวย และมนี โยบายทใ่ี ชห้ าเสยี งคอ่ นขา้ งทา้ ทายใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง คุณภาพชีวิตและสังคมไทยไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งนายวิชัยเองใน ฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคไทยรักไทยในระบบเขตเลือกตั้ง ได้ใช้กลยุทธ์ในการหาเสียงในครั้งนี้ คือการเข้าไปในหมู่บ้าน ต่างๆ ในเขตเลือกตั้งพร้อมชี้แจงนโยบายต่างๆ ของพรรคใน สมัยนั้นเป็นหลัก ซึ่งนายวิชัยในฐานะผู้ปราศรัยชี้แจงนโยบาย ต่างๆ ของพรรคให้ชาวบ้านฟัง บางทีก็ยังไม่ค่อยเชื่อว่านโยบาย ต่างๆ ที่ตนกำลังหาเสียงกับชาวบ้านนั้นจะทำได้จริง แต่ก็ พยายามทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้มากที่สุด พูดง่ายๆ ก็คือ อาศัยการขายนโยบายพรรคไทยรักไทยในการดึงคะแนนจาก ชาวบ้านมาช่วยเลือกผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยอย่างนายวิชัย ในระบบแบบแบ่งเขตเลือกตั้งด้วย ในที่สุดนายวิชัยก็สามารถได้ รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรกในการเลือกตั้ง ทั่วไป พ.ศ. 2544 หลังจากนั้นได้เข้าสู่การเมืองในระดับชาติ และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด หนองบัวลำภูเขต 3 สังกัดพรรคไทยรักไทย (วิชัย สามิตร, 2555) 142
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู บทบาททางการเมือง นายวิชัย สามิตรได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 5 สมัย (3 กรกฎาคม พ.ศ.2554) ดังนี้ สมัยแรก การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 20 วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2544 ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดหนองบัวลำภู สังกัดพรรค ไทยรักไทย ได้คะแนนเสียง 36,189 คะแนน ได้รับเลือกให้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมยั ทสี่ อง การเลอื กตง้ั ทว่ั ไปครง้ั ท่ี 21 วนั ท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2548 2544 ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดหนองบัวลำภู สังกัด พรรคไทยรักไทย ได้คะแนนเสียง 51,027 คะแนน ได้รับเลือกให้ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยท่ีสาม การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 22 วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดหนองบัวลำภู สังกัดพรรค ไทยรักไทย ได้คะแนนเสียง 54,593 คะแนน ได้รับเลือกให้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต่อมามีการกล่าวหาว่าเป็นการ เลือกตั้งที่ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมตามวิถีประชาธิปไตยจึงมี คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญประกาศให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ หลังจากนั้นสถานการณ์ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ก็เกิดวิกฤตการณ์สำคัญอันนำมาสู่การรัฐประหารของ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา- กษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 143
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. 2540 จนนำไปสู่การตั้งรัฐบาลชั่วคราวและร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ขึ้นในปี 2550 สมัยท่ีส่ี การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 23 วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นายวิชัย สามิตรได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบ เขตใหญ่เรียงเบอร์ เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดหนองบัวลำภ ู ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คนซึ่งในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้นายวิชัยได้ลงสมัคร ในนามพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่ตั้งขึ้น หลังจากมีการยุบพรรคไทยรักไทยร่วมกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในพื้นที่อีก 2 คนคือนายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ และนายไชยา พรหมา และสามารถเอาชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองบัวลำภูได้ทั้งสามคน ต่อมา พรรคพลังประชาชนถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคจาก กรณีกรรมการบริหารพรรคกระทำการทุจริตการเลือกตั้งทำให้ สมาชิกพรรคพลังประชาชนส่วนใหญ่ย้ายเข้ามาสังกัด พรรคการเมืองใหม่ที่ชื่อ “พรรคเพื่อไทย” เพื่อดำเนินกิจกรรม ทางการเมืองต่อ โดยนายวิชัยก็ย้ายเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย สมยั ทห่ี า้ การเลอื กตง้ั ทว่ั ไปครง้ั ท่ี 24 เมอ่ื วนั ท่ี 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นายวิชัย สามิตร ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขต เลือกตั้งซึ่งใช้ระบบเขตเดียวเบอร์เดียว ในเขต 3 จังหวัด หนองบัวลำภู สังกัดพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร 144
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู กลยุทธ์ในการรักษาฐานเสียงในพื้นที่ สำหรับการรักษาฐานเสียงในพื้นที่เขตเลือกตั้งนั้น นายวิชัย สามิตร อาศัยบุคลิกส่วนตัวที่เป็นคนง่ายๆ ทำตัว สบายๆ เหมือนชาวบ้านธรรมดาในชนบททั่วๆ ไป เพราะหาก ใครไม่รู้จักนายวิชัยมาก่อนว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ ได้พบเห็นนายวิชัยตามไร่ตามนา คุมรถไถ คุมคนงานในสวน ในไร่ ก็จะเห็นภาพชายวัยกลางคนผิวคล้ำ สวมเสื้อยืด สวมกางเกงขาสั้น ผ้าขาวม้าผูกเอว สวมหมวกแก๊ปธรรมดา เดินอยู่กลางไร่นา เพื่อคุมงานด้านการเกษตรอยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นภาพที่ชาวบ้านและคนที่รู้จักนายวิชัยเห็นจนเคยชิน ซึ่งจากบุคลิกดังกล่าวทำให้คนที่จะเข้าหานายวิชัยไม่มีความคิด ว่าตนจะเข้าไปหาผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้มีอำนาจที่จะต้องมี พิธีรีตองในการขอเข้าพบเพื่อปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือ เรื่องต่างๆ นอกจากนี้นายวิชัยยังเป็นผู้นำเกษตรกรและชาวบ้าน ละแวกอำเภอนากลาง ให้หันมาทำการเกษตรด้วยวิธีการใหม่ๆ เช่น เป็นคนริเริ่มนำปาล์มน้ำมันมาปลูกในเขตจังหวัด หนองบัวลำภูแทนการปลูกอ้อยโรงงานที่โดนโรงงานน้ำตาล โกงตาชั่งหรือโกงค่ามาตรวัดน้ำหวานอ้อย ทำให้ชาวไร่อ้อย เดือดร้อนที่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นแต่ผลประกอบการเท่าเดิม หรือน้อยลงทุกปี หรือแทนการปลูกยางพาราที่เกษตรกร ชาวสวนยางในจังหวัดหนองบัวลำภู ไม่มีความรู้เรื่องการกรีด ที่ต้องอาศัยทักษะ และเทคนิคของผู้ที่มีประสบการณ์ทำให ้ สวนยางของชาวหนองบัวลำภูส่วนใหญ่ ต้องจ้างคนกรีดยาง 145
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่นซึ่งคิดค่ากรีดครึ่งต่อครึ่งหรือ 60:40 ระหว่างเจ้าของสวนและคนรับจ้างกรีด ทำให้ผลประกอบการที่ เกิดขึ้นตกอยู่กับคนกรีดมากกว่าชาวสวนที่ลงทุนลงแรงมา ตั้งแต่ต้น ทำให้นายวิชัยจึงทดลองปลูกปาล์มน้ำมันขึ้นในที่ของ ตนก่อน ซึ่งพบว่าลงทุนไม่มากเหมือนอ้อยและไม่ลำบากเรื่อง การเก็บผลผลิตเหมือนยาง เพราะจะมีคนมารับเหมาตัด ผลปาล์มและขึ้นรถขนไปขายให้ถึงตลาด จากการเป็นคนง่ายๆ และมีอาชีพเกษตรกรมาตั้งแต่ก่อนเป็นนักการเมือง หรือแม้เป็น นักการเมืองแล้วก็ยังทำการเกษตรตามปรกติทำให้ชาวบ้าน ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเกษตรกรนับถือในความสามารถและความ เป็นตัวตนของนายวิชัย ทำให้พฤติกรรมที่นายวิชัยแสดง บทบาทในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ทำไร่ทำนาอยู่เป็น ประจำเป็นการรักษาฐานคะแนนเสียงที่นิยมชมชอบตัวตนของ นายวิชัยด้วยเช่นกัน (วิชัย สามิตร, 2555) นอกจากนั้นก็มีการให้ความช่วยเหลือในการจัดกิจกรรม งานทอดเทียนพรรษา ทอดผ้าป่า และงานบุญบั้งไฟของหมู่บ้าน ต่างๆ ในเขตเลือกตั้ง ทั้งยังมีการสร้างเครือข่ายกับนักการเมือง ระดับท้องถิ่น เช่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภา เทศบาล นายกเทศมนตรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน จังหวัด โดยนายวิชัยจะให้บทบาทบุคคลเหล่านั้นที่สนใจที่จะ สมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งต่างๆ เช่นให้ไปเปิดงานที่มีการเชิญ มาจากหมู่บ้านต่างๆแทน ให้ไปมอบเงินช่วยเหลือต่างๆ แทน นายวิชัยในกรณีที่นายวิชัยไม่สามารถไปได้จนบุคคลนั้นๆ มีบทบาทเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านจนสามารถได้รับเลือกตั้ง เป็นผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นได้หลายๆ คนในพื้นที่เขต 146
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู เลือกตั้ง ซึ่งทำให้เป็นการสร้างฐานอำนาจทางการเมืองในระบบ เครือข่ายนักการเมืองระดับล่างจากการช่วยเหลือของ นักการเมืองระดับชาติในพื้นที่ซึ่งจะทำให้เกิดการช่วยเหลือกัน และกันในการรักษาฐานคะแนนและให้ได้รับเลือกตั้งในครั้ง ต่างๆ ที่มีการเลือกตั้งอีกด้วย (วิชัย สามิตร, 2555) นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ เกิดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 ที่อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เป็นบุตรของ นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ และนางพรรณงาม ศรีสวัสดิ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน จำนวน 8 คน ดังนี้ (พิษณุ หัตถสงเคราะห์, 2555) 1. นางพจณกร หนุนภักดี 2. นางนริศรา ดำรงค์วัฒนกุล 3. นายพษิ ณ ุ หตั ถสงเคราะห์ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จังหวัดหนองบัวลำภู 4. นายกฤษ หัตถสงเคราะห์ ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว 5. นางสาวโอปอล์ หัตถสงเคราะห์ 6. นายสยาม หัตถสงเคราะห์ 7. นายพิรัญ ศรีสวัสดิ์ และ 8. นายพงษ์อมร ศรีสวัสดิ์ สำหรบั การศกึ ษานายพษิ ณ ุ หตั ถสงเคราะห์ จบการศกึ ษา ระดับปริญญาตรี จากสหรัฐอเมริกา และปริญญาโท สาขา 147
นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู การบริหารและนโยบายสวัสดิการสังคม คณะสังคมสงเคราะห์ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนชีวิตครอบครัวนายพิษณุ มีสถานภาพโสด แต่ได้ให้การการรับรองบุตรจำนวน 2 คนได้แก่ นางสาวพีรณุช และนางสาวพิชญา หัตสงเคราะห์ ซึ่งปัจจุบัน พักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 33/14 หมู่ 9 บ้านหาดสวรรค์ ตำบล หนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งใช้เป็น ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย จังหวัดหนองบัวลำภู เขต 1 ด้วย (พิษณุ หัตถสงเคราะห์,2555) เส้นทางสู่การเมือง นายพษิ ณ ุ หตั ถสงเคราะหถ์ อื วา่ ตง้ั แตเ่ กดิ หรอื จำความได้ ก็คุกคลีอยู่กับวงการเมืองในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภ ู เพราะสมัยที่นายพิษณุยังเป็นเด็กได้เห็นคุณพ่อกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ เล่นการเมืองตั้งแต่เป็นสมาชิกสภาเทศบาล ขยับเป็นเทศมนตรีเทศบาลเมืองอุดรธานี ต่อมาเมื่อเป็นหนุ่มขึ้น ก็มีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้นจากการได้ช่วยคุณพ่อหาเสียง เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน พ.ศ. 2522ขณะที่มีอายุ 17 ปีซึ่งก็มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องการเมืองจากการช่วยเหลือและ สังเกตเห็นแบบอย่างจากคุณพ่อ เมื่อสอบถามว่าคุณพ่อได้บังคับลูกว่าต้องเล่นการเมือง หรือคุณพ่อเป็นคนปั้นให้ตนเป็นนักการเมืองในอนาคตหรือไม่ นั้น นายพิษณุได้เล่าถึงบรรยากาศของครอบครัวที่ตนเองเติบโต มาว่า (พิษณุ หัตถสงเคราะห์, 2555) “...ที่บ้านพี่ (นายพิษณุ) ลูกเรียนรู้จากการช่วยงานคุณพ่อ โดยพี่ (นายพิษณุ) มาเป็น ผู้อำนวยการการเลืองตั้งให้กับคุณพ่อตั้งแต่อายุ 17 ปีโดยมา 148
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู ประจำหรือรับผิดชอบฐานคะแนนเสียงให้คุณพ่อที่อำเภอ หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในจำนวน 6 อำเภอของเขต เลือกตั้งที่คุณพ่อลงสมัครรับเลือกตั้ง สำหรับฐานเสียงของ คุณพ่อจริงๆ จะอยู่ที่อำเภอบ้านผือ อำเภอน้ำโสม และอำเภอ นายูง แต่พี่ (นายพิษณุ) มีหน้าที่มาช่วยป๋าจิมซึ่งเป็นหัวคะแนน ใหญ่ของคุณพ่อและอดีต สจ.อำเภอหนองบัวลำภู ทำให้แม้ ตัวพี่ (นายพิษณุ) จะไม่ได้เกิดที่หนองบัวลำภูก็เหมือนเกิดที่นั่น เพราะพี่ทำหน้าที่เป็น Campaign Director หรือผู้อำนวยการ การเลือกตั้งประจำตัวของคุณพ่อประจำเขตเลือกตั้งนั้นๆ พี่ (นายพิษณุ) จะช่วยเดินสายหาเสียงให้คุณพ่อไปพบปะ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างๆ ทำให้พี่ (นายพิษณุ) รู้จักและคุ้นเคย กับชาวบ้านที่อำเภอหนองบัวลำภูมาก พี่เป็นผู้อำนวยการฯ ให้ คุณพ่อที่นั้นอยู่ 7 ครั้ง จากที่คุณพ่อลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด 11 ครั้ง เป็นผู้จัดแผนการหาเสียงให้คุณพ่อว่าวันนี้จะไปที่ไหน จะพูดแนวไหน จะพูดอะไร กับใคร จัดงบประมาณให้ ฯลฯ หรือ พูดง่ายๆ ว่าพี่เป็นผู้แทนฯ นอกสภาที่อำเภอหนองบัวลำภูมา ตั้งแต่อายุ 17 ก็ว่าได้...” สำหรับการเข้าสู่การเมืองอย่างเป็นทางการนั้นเกิดขึ้นปี 2549 เมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เห็นว่า คุณพ่อ กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด หนองบัวลำภูมีความอาวุโสมากแล้ว เพราะขณะนั้นมีอายุย่าง เข้าปีที่ 70 แล้วจึงพยายามผลักดัน ส.ส.กิตติศักดิ์ให้ไปอยู่ใน ระบบบัญชีรายชื่อ (Party list) ของพรรคไทยรักไทย หลังจากนั้น ส.ส. กิตติศักดิ์ก็เสนอพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้า พรรคให้พิจารณาตัว นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ บุตรชาย 149
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู สมควรให้เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบแบ่งเขตเลือกตั้ง แทนซึ่งนายพิษณุเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า “เมื่อท่านทักษิณเห็นชื่อพี่ (นายพิษณุ) ก็บอก..ไอ้นี่ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา เพราะเห็นหน้า มันตลอด” เมื่อทางพรรคไทยรักไทยเห็นด้วยกับความประสงค์ ของคุณพ่อกิตติศักดิ์ดังกล่าว นายพิษณุก็ลงสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2549 ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัด หนองบัวลำภูซึ่งประกอบด้วยพื้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู และอำเภอโนนสัง 5 ตำบล การลงสมัครครั้งนี้ได้นายพิษณุเป็น ผู้สมัครคนเดียวในเขตเลือกตั้งซึ่งก็สามารถเอาชนะการเลือกตั้ง ครั้งแรกมาได้ ด้วยคะแนนเสียง 52,478 คะแนน (สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดหนองบัวลำภู, 2549) ซึ่งต่อ มามีการกล่าวหาว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามวิถีประชาธิปไตย ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งให้การเลือกตั้ง ครั้งนี้เป็นโมฆะ อันเป็นผลทำให้ชีวิตการเมืองของนายพิษณุ ในการลงสนามการเมืองครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ ตง้ั ความปรารถนาไวแ้ ละถอื เปน็ ส.ส. โมฆะรนุ่ แรกของประเทศไทย หลังจากนั้นสถานการณ์ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ก็เกิดวิกฤตการณ์สำคัญอันนำมาสู่การรัฐประหารของ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา- กษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 จนนำไปสู่การตั้งรัฐบาลชั่วคราวและร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ขึ้นในปี 2550 (โกวิท วงศ์สุรวัฒน์, 2553) 150
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู หลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พ.ศ.2550 และให้มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2550 เป็นการเลือกตั้งโดยใช้เขตใหญ่เรียงเบอร์ ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งนายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ได้ลง สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชาชนพร้อมกับอดีต ผู้แทนฯ พรรคไทยรักไทยของจังหวัดหนองบัวลำภูอีก 2 คนคือ นายไชยา พรหมา และ นายวิชัย สามิตร ผลการเลือกตั้งก็มี คะแนนเข้ามาเป็นลำดับที่ 3 ได้เป็นผู้แทนราษฎรสมัยแรก บทบาททางการเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บ ท บ า ท ก า ร ท ำ ห น ้ า ท ี ่ ผู ้ แ ท น ร า ษ ฎ ร ส ม ั ย แ ร ก ข อ ง ส.ส.พิษณุ หัตถสงเคราะห์ ถือเป็นประสบการณ์ทางการเมือง ทน่ี า่ สนใจอยา่ งยง่ิ เนอ่ื งจากสมยั แรกทเ่ี ขา้ มาในสภาผแู้ ทนราษฎร ได้เข้าไปช่วยทำงานในคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่าย รัฐบาล (วิปรัฐบาล) ซึ่งมีการเลื่อนลำดับบทบาทการทำหน้าที่ใน คณะกรรมการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ ในสมัยนายสมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรี นายชัย ชิดชอบ (ส.ส.บุรีรัมย์) ดำรงตำแหน่งเป็นประธานฯ วิปรัฐบาล โดยมีนายสามารถ แก้วมีชัย (ส.ส.เชียงราย) เป็นเลขานุการฯ เมื่อนายชัย ชิดชอบ ขยบั ขน้ึ ไปดำรงตำแหนง่ ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร นายสามารถ แก้วมีชัย ก็ขยับขึ้นมาเป็นประธานฯ วิปรัฐบาล โดยมีนายวิทยา บูรณศิริ (ส.ส.พระนครศรีอยุธยา) เป็นเลขานุการฯ วิปรัฐบาล หลังจากนายสามารถ แก้วมีชัย ได้รับเลือกให้ไปดำรงตำแหน่ง เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายวิทยา บูรณศิริ ก็ขึ้นเป็น ประธานฯ วิปรัฐบาลแทน โดยมี ส.ส.พิษณุ หัตถสงเคราะห์ เป็นเลขานุการฯ วิปรัฐบาล หลังจากทำงานในคณะกรรมการ 151
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู วิปรัฐบาลได้ซักพัก ก็เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนขั้วการเมืองในระบบ รัฐสภาเมื่อพรรคการเมืองฝ่ายค้านได้มาเป็นฝ่ายรัฐบาล ส่วนพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลถูกกลับไปเป็นฝ่ายค้านแทน ซึ่งเกิดขึ้นในปลายปี 2551 ทำให้คณะกรรมการประสานงาน พรรคฝ่ายรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เดิมต้องทำหน้าที่เป็น คณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แทน ซึ่งนายวิทยา บูรณศิริ ก็ทำหน้าที่ประธานและ ส.ส.พิษณ ุ หัตถสงเคราะห์ ก็ทำหน้าที่เลขานุการจนประกาศยุบสภา ผู้แทนราษฎรในต้นปี 2554 ซึ่งการทำหน้าที่คณะกรรมการ ประสานงานพรรคร่วมหรือวิปนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ทาง การเมืองที่สำคัญในสภาผู้แทนราษฎรของนายพิษณุจนถึง ปัจจุบัน (กันยายน 2555) ซึ่งทำหน้าที่เป็นรองประธานคณะ กรรมการพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลด้วย (พิษณุ หัตถสงเคราะห์, 2555) ส ำ ห ร ั บ บ ท บ า ท ใ น ก า ร ท ำ ห น ้ า ท ี ่ ผู ้ แ ท น ฯ ใ น ส ภ า ผู้แทนราษฎรเพื่อช่วยเหลือพี่น้องจังหวัดหนองบัวลำภูนั้น ส.ส. พิษณุก็ใช้วิธีการอภิปรายในสภาฯ ในจังหวะที่มีให้ ซึ่งใน การอภปิ รายหรอื เสนอความตอ้ งการของชาวบา้ นทห่ี นองบวั ลำภู ต่อประธานรัฐสภาเพื่อส่งผ่านไปยังคณะรัฐมนตรีและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานั้นให้ ปัญหาของจังหวัด หนองบัวลำภูคือเป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศไทย มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีๆ หนึ่งๆ ไม่ถึง 30,000 บาท ตกเดือนละ ประมาณ 2,000 – 3,000 บาท ทั้งนี้เพราะอาชีพหลักของชาว จังหวัดหนองบัวลำภูคือทำนาปีจากน้ำฝน ต้องรอฤดูฝนเท่านั้น ถึงสามารถทำนาได้ ในจุดนี้ ส.ส.พิษณุในฐานะผู้แทนฯ จาก 152
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภูก็ได้อภิปรายในสภาฯ ผลักดันให้มีการ ขุดสระในไร่นาที่อยู่นอกเขตชลประทานซึ่งก็คือจังหวัด หนองบัวลำภูทั้งหวัดด้วย ให้รัฐบาลอนุมัตินโยบายขุดสระในไร่ นาซึ่งสามารถทำได้จนในปีงบประมาณ พ.ศ.2556 รัฐบาล อนุมัติให้มีการขุดสระได้ 80,000 บ่อซึ่งเป็นการช่วยเหลือ เกษตรกรในพื้นที่ทำการเกษตรจากน้ำฝน นอกจากนี้ก็มีการนำ เสนอในสภาฯ ให้มีการจัดหารถตัดหญ้าที่ขึ้นรกข้างถนนให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เพราะถนนหลายสาย ที่กรมทางหลวงชลบทโอนไปให้ท้องถิ่นดูแล แต่ท้องถิ่นไม่ม ี งบประมาณดูแล จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องให้การ ช่วยเหลือในจุดนั้น ล่าสุด (2555) ส.ส. พิษณุหัตถสงเคราะห์ ได้อภิปรายในสภาฯเพื่อขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2556 เพื่อขอขยายถนนสายหนองบัวลำภู – เลย ซึ่งผ่านพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอนากลาง อำเภอนาวัง และ บรรจบกับสี่แยกอำเภอวังสะพุง จ.เลย ซึ่งเป็นถนนที่ตัดผ่าน โรงงานน้ำตาล โรงโม่หิน และโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตร หากมีการขยายถนนดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการอำนวยความ สะดวกแก่ประชาชนที่ใช้สัญจร รวมทั้งรถขนส่งผลผลิตทาง การเกษตร และรถบรรทุกที่ใช้เส้นทางประจำ ซึ่งปัจจุบัน (ตุลาคม 2555) ก็มีการอนุมัติให้แล้วบางส่วน สำหรับปัญหา และความต้องการต่างๆตามที่กล่าวมา ส.ส.พิษณุอาศัยการ พูดคุยและแจ้งข้อเรียกร้องมาจากชาวบ้าน และอาศัยบทบาท ที่ทำงานในวิปฝ่ายรัฐบาลถือโอกาสจัดสรรเวลาให้แก่ตนในการ ได้เสนอข้อเรียกร้องและความต้องการที่จะเป็นประโยชน์กับ ชาวบ้านในพื้นที่ (พิษณุ หัตถสงเคราะห์, 2555) 153
นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู กลยุทธ์ที่ใช้รักษาฐานเสียงในพื้นที่ กลยุทธ์ในการใช้รักษาฐานเสียงในพื้นที่จังหวัด หนองบัวลำภูนั้น ส่วนใหญ่ ส.ส. พิษณุ หัตถสงเคราะห์ จะมี ทีมงานผู้ช่วย ส.ส. ในพื้นที่เป็นผู้คอยดูแลและพบปะชาวบ้าน ในพื้นที่เป็นประจำ ซึ่งจากการสังเกตในพื้นที่ของผู้เขียนได้พบ ว่า ทีมงานผู้ช่วย ส.ส.พิษณุในพื้นที่เขตเลือกตั้งจะมีการจัด องค์กรการทำงานที่ชัดเจน มีการเปิดบ้านพักของ ส.ส. พิษณุ ที่บ้านสวนริมลำพะเนียง บ้านหาดสวรรค์ เป็นสถานที่พบปะ แลกเปลี่ยนของชาวบ้านและคนที่ต้องการเสนอปัญหากับ ผู้แทนฯ ซึ่งตัว ส.ส. พิษณุเองจะกลับไปบ้านพักในช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์เพราะเวลาส่วนใหญ่จะทำงานในส่วนของ ผู้แทนราษฎรที่รัฐสภา กรุงเทพฯ ซึ่งงานหรือกิจกรรมหลักๆ ที่ให้ ความช่วยเหลือชาวบ้านในเขตเลือกตั้ง คือ การให้น้ำดื่ม ช่วยงาน โดยเฉพาะงานศพ ตามที่ได้แจ้งความจำนงผ่าน หัวคะแนนในหมู่บ้านหรือคนที่เคยได้รับการช่วยในลักษณะ เดยี วกนั มากอ่ นในละแวกเดยี วกนั (พษิ ณุ หตั ถสงเคราะห,์ 2555) จากการแสดงบทบาทผู้แทนฯ ในการช่วยเหลือพี่น้อง ประชาชนในพื้นที่ทำให้ฐานเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. พิษณุ ส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวนา หรือเรียกว่า คนรากหญ้า ซึ่งสังเกต ได้จากผลการนับคะแนนจากหน่วยต่างๆ ในการเลือกตั้งทั่วไป ในปี 2554 ผลคะแนนของหน่วยเลือกตั้งแทบทุกหน่วยในเขต เลือกตั้ง คะแนนของ ส.ส. พิษณุชนะผู้สมัครคนอื่นๆ เกือบทุก หน่วย ยกเว้นหน่วยเลือกตั้งที่ที่ตั้งอยู่ในตลาดเทศบาลเมือง หนองบัวลำภูซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า ข้าราชการ 154
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู หรือชนชั้นกลางซึ่งคะแนนที่ได้จากหน่วยเลือกตั้งดังกล่าว นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ จึงแพ้คะแนนผู้สมัครรับเลือกตั้งจาก พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นหน่วยเดียวในจังหวัดหนองบัวลำภู ด้วยซ้ำไปที่คะแนนผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยแพ้ผู้สมัครจาก พรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้งครั้งนี้ (พิษณุ หัตถสงเคราะห์, 2555) สำหรับการทำงานร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน จังหวัดหนองบัวลำภูคนอื่นๆ ก็มีลักษณะไปในทางร่วมมือกัน เพราะจังหวัดหนองบัวลำภูเป็นจังหวัดเล็ก มีผู้แทนฯ เพียง 3 คนเวลามีกิจกรรมจากส่วนกลางที่จะดำเนินการในพื้นที่ จังหวัดหนองบัวลำภู ส.ส. พิษณุก็จะเป็นคนคอยประสานถึง ส.ส. ไชยา และส.ส. วิชัย รวมทั้ง ส.ส. กิตติศักดิ์ ในฐานะ ผู้แทนฯอาวุโสของจังหวัด มาร่วมประชุมปรึกษาหารือกันอยู่ เป็นประจำ เช่น รัฐมนตรีบางคนต้องการไปเยี่ยมประชาชนใน พื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ก็จะมีการปรึกษากันว่าจะมอบหมาย ให้ไปเยี่ยมพื้นที่เขตเลือกตั้งของใคร เพราะจะมีการแบ่งกันอยู่ แล้วตามความรับผิดชอบของผู้แทนฯแต่ละคน จะมีการเชิญใคร ไปร่วมด้วย จะมีกิจกรรมอย่างไร ก็จะมีการตกลงกันภายใน ผู้แทนฯ ก่อนค่อยแจ้งให้ชาวบ้านในพื้นที่ทราบ (พิษณุ หัตถสงเคราะห์, 2555) ดร. อนงค์วิชญา สาริบุตร นางอนงค์วิชญา สาริบุตร หรือที่ชาวบ้านในพื้นที่จังหวัด หนองบัวลำภูคุ้นเคยคือ “คุณแม่อนงค์” เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2496 ที่จังหวัดขอนแก่น สมรสกับ ดร.สุขุมรัฏฐ์ 155
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู สาริบุตร มีบุตร-ธิดา 2 คนได้แก่ นางสาวสุธิดา สาริบุตร และ ร.ต.เฉลิมพล สาริบุตร (อนงค์วิชญา สาริบุตร, 2548 : กิตติกรรมประกาศ) นางอนงค์วิชญาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้าน การศึกษา (กศ.บ.) จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน จังหวัดชลบุรี เมื่อ พ.ศ.2514 (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยบูรพา) สำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้านพัฒนา บริหารศาสตร์ (พบ.ม.) จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เมื่อ พ.ศ. 2542 สำเร็จการศึกษาปริญญาโทสาขา รัฐศาสตร์ (ศศ.ม.) จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในพ.ศ.2547 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกหลักสูตรปรัชญาดุษฎี บัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ใน พ.ศ. 2548 โดยทำวิทยานิพนธ์หัวข้อ “ความสัมฤทธิ์ผลของผู้นำ สตรีทางการเมืองไทยในบทบาทสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” (อนงค์วิชญา สาริบุตร, 2548 ) เส้นทางสู่การเมือง นางอนงค์วิชญา สาริบุตร เป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม แจ่มใส เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย กอร์ปกับเป็นคนอีสานโดยกำเนิด ทำให้เมื่อต้องย้ายตามสามีซึ่งมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการ จังหวัดหนองบัวลำภูในระหว่าง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2544 – 30 กันยายน พ.ศ.2546 (2 ปี) ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีบริบททาง สังคมไม่แตกต่างจากจังหวัดขอนแก่นภูมิลำเนาเดิมของ นางอนงค์วิชญามากนัก เมื่อได้ดำรงตำแหน่งนายกเหล่ากาชาด จังหวัดซึ่งมีหน้าที่ให้บริการด้านสาธารณกุศลในพื้นที่ยิ่งทำให้ 156
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู บทบาท “คุณแม่อนงค์” เป็นที่รู้จักของข้าราชการและชาวบ้าน ในจังหวัดหนองบัวลำภู(สามารถ รัตนประทีปพร, 2555) นางอนงค์วิชญาได้ใช้ฐานเสียงจากกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มสตรี และบรรดาข้าราชการในจังหวัดเป็นฐานเสียงในการ ช่วยแนะนำให้ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้รู้จักและลง คะแนนเสียงให้ นอกจากนี้ผลงานการพัฒนาและการบริหาร จังหวัดของผู้ว่าฯ สุขุมรัฏฐ์ สาริบุตรในจังหวัดหนองบัวลำภ ู ก็ค่อนข้างเด่นชัดกว่าผู้ว่าราชการจังหวัดคนอื่นๆ ซึ่งย้ายมา ดำรงตำแหน่งที่จังหวัดหนองบัวลำภูเพื่อรอเกษียณอายุราชการ หรือรอย้ายเข้ากระทรวง ทบวง หรือกรมในส่วนกลาง จึงทำให้ ไม่ค่อยเอาใจใส่การบริหารราชการในจังหวัดมากนัก ซึ่งผลงาน ที่ผู้ว่าฯ สุขุมรัฎฐ์ได้ทำไว้ให้แก่จังหวัดหนองบัวลำภู เช่น การจัด ตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัด หนองบัวลำภู ที่ตำบลนาคำไฮ อำเภอเมืองขึ้นเป็นแหล่ง การศึกษาขั้นสูงของจังหวัด, พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวหอยหิน 150 ปีและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ซึ่งมีการค้นพบบริเวณภูพาน ในพื้นที่ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง, ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ขึ้นถ้ำเอราวัณ อำเภอนาวัง, พัฒนาหนองบัวลำภูให้เป็นเมือง เกษตรตามทฤษฎีใหม่และการเกษตรแบบผสมผสาน, และทำ นโยบายเอาชนะยาเสพติดในส่วนของจังหวัดหนองบัวลำภูจน ประสบความสำเร็จ (สุขุมรัฏฐ์ สาริบุตร, 2551) จากผลงาน ต่างๆ ของผู้ว่าฯ สุขุมรัฐฎ์ตามที่กล่าวมา ทำให้นางอนงค์วิชญา ผู้มีบทบาทและช่วยเหลืองานต่างๆ อยู่ทั้งเบื้องหน้า และ เบื้องหลังของผู้ว่าฯ หนองบัวลำภูคนนี้ เป็นคนที่ชาวบ้านและ ข้าราชการในจังหวัดต่างสนับสนุนให้มีบทบาททางการเมือง 157
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู จนกระทั้งประกาศตัวว่าจะสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดหนองบัวลำภู ใน พ.ศ.2549 แม้ภายหลังตำแหน่งของ ผู้ว่าราชการจังหวัดของนายสุขุมรัฐฎ์จะย้ายไปประจำที่จังหวัด อื่น แต่ “คุณแม่อนงค์” ก็ยังคงคอยช่วยเหลือสังคมและมี บทบาทในจังหวัดหนองบัวลำภูตามลำดับ จนกระทั่งมีการ เลือกตั้งทั่วไปสมาชิกวุฒิสภาในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2549 ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจึงเทคะแนนเสียงเลือก “คุณแม่ อนงค์” เป็นสมาชิกวุฒิสภา (สามารถ รัตนประทีปพร, 2555) ด้วยคะแนนเสียง 71,007 คะแนนได้ดำรงตำแหน่งสมาชิก วุฒิสภาตัวแทนจากจังหวัดหนองบัวลำภูสมความตั้งใจ (สำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ประจำจงั หวดั หนองบวั ลำภ,ู 2549) บทบาททางการเมือง หลังจากได้รับเลือกตั้งในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2549 แล้วกว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะประกาศรับรอง คุณสมบัติและให้การรับรองสถานภาพการเป็นวุฒิสมาชิกของ นางอนงค์วิชญา ก็ลากยาวมาถึงวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 พอหลังจากนั้นความวุ่นวายทางการเมืองจนนำไปสู่การ รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ก็เป็นอันทำให้ ความเป็นวุฒิสมาชิกของ ส.ว.หญิงที่มาจากการเลือกตั้งของ ประชาชนในจังหวัดหนองบัวลำภูต้องสิ้นสุดลง ทำให้การแสดง บทบาทในฐานะการเป็น ส.ว. ของนางอนงค์วิชญาแทบไม่ได้ แสดงบทบาทใดๆ เลย แต่อย่างไรก็ตามหากถือความสำคัญ ของบทบาทที่ได้ทำต่อจังหวัดหนองบัวลำภูร่วมกับผู้ว่าฯ 158
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู สุขุมรัฏฐ์แล้วถือว่านางอนงค์วิชญาเป็นผู้ที่ชาวหนองบัวลำภ ู ยังต้องจดจำไปอีกนาน นางจุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร นางจุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร นามสกุลเดิม จิระเพชร อำไพ เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2497 ภูมิลำเนาเดิมเป็น ชาวจังหวัดเพชรบุรี บิดาชื่อ นายจือวก จิระเพชรอำไพ มารดา ชื่อ นางกุยเฮียง จิระเพชรอำไพ ประกอบอาชีพค้าขาย สมรส กับนายสามารถ รัตนประทีปพร อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัด หนองบัวลำภู พ.ศ.2543 – พ.ศ. 2549 มีบุตรด้วยกัน 2 คน นางจุรีลักษณ์จบการศึกษามัธยมศึกษาที่โรงเรียนสตรี วัฒนโนทัยพายัพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้น มาศึกษาต่อที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วเลือกประกอบอาชีพพยาบาลโดยการเปิดคลินิกให้บริการ ประชาชนที่ตลาดอำเภอศรีบุญเรืองตั้งแต่ พ.ศ.2526 ในนาม “จุรีลักษณ์เภสัช” ซึ่งเป็นสถานให้บริการด้านสาธารณสุข รายแรกของอำเภอศรีบุญเรืองด้วย(สามารถ รัตนประทีปพร, 2555) เส้นทางสู่การเมือง นางจุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร หรือชื่อที่ชาวบ้านคุ้นเคย คือ “แม่หมอจุรีลักษณ์” นั้นเป็นบุคคลที่ชาวบ้านในเขตอำเภอ ศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภูต่างรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะการเปิดคลินิกในตลาด บขส. อำเภอศรีบุญเรือง ใน พ.ศ. 2526 ทำให้ได้มีโอกาสใช้วิชาชีพพยาบาลที่ตนศึกษาเล่าเรียน 159
นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู ม า ช ่ ว ย เ ห ล ื อ ช า ว บ ้ า น ใ น เ ข ต ช น บ ท ซ ึ ่ ง อ ยู ่ ห ่ า ง ไ ก ล จ า ก สถานพยาบาลที่มีมาตรฐานในสมัยนั้น เช่น โรงพยาบาล อุดรธานีซึ่งต้องเดินทางกว่า 80 กิโลเมตร หรือโรงพยาบาล ขอนแก่นซึ่งต้องเดินทางไปกว่า 120 กิโลเมตร ทำให้ “แม่หมอ จุรีลักษณ์” เป็นชื่อที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวอำเภอ ศรีบุญเรืองและอำเภอใกล้เคียงในการปฐมพยาบาลและรักษา สุขภาพอนามัยเบื้องต้นหากเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้น ซึ่งในช่วง แรกๆ คลินิก “จุรีลักษณ์เภสัช” ต้องบริการทำคลอดให้แก่ ประชาชนด้วย อันเป็นที่มาของชื่อ “แม่หมอ” จากปากของ ชาวบ้านที่เคยใช้บริการทำคลอดและผดุงครรภ์จากคลินิกของ นางจุรีลักษณ์(สามารถ รัตนประทีปพร, 2555) นางจุรีลักษณ์และสามีคือนายสามารถ รัตนประทีปพร เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือสังคมอยู่เนืองนิตย์ เมื่อสามีเล่น การเมืองในสนามการเมืองระดับท้องถิ่นจนถึงการเมืองในระดับ ชาติได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาใน พ.ศ.2543 นางจุรีลักษณ์ก็คือ ผู้อยู่เบื้องหลังของฐานคะแนนที่ช่วยเหลือนายสามารถให้ได้รับ การเลือกตั้ง เนื่องจากนางจุรีลักษณ์ได้บริการพยาบาลแก่คน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกชนชั้นในเขตอำเภอศรีบุญเรือง เมื่อมีชาวบ้านรู้ว่าสามีของ“แม่หมอจุรีลักษณ์” ลงสมัครรับ เลือกตั้งก็จะพอรู้จักว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไรให้กับพื้นที่ บ้าง ซึ่งคลินิกดังกล่าวถือเป็นแหล่งสร้างฐานคะแนนเสียงให้แก่ นายสามารถ รัตนประทีปพรจนสามารถได้รับเลือกตั้งทุกสนาม การเมืองที่ลงแข่งขัน เมื่อนายสามารถหมดวาระการดำรง ตำแหน่งจึงหนุนภรรยาให้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาใน การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2549 ซึ่งใช้ฐานเสียงเดิม 160
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู ที่เคยเลือกนายสามารถเมื่อ พ.ศ.2543 และที่นิยมชมชอบ ส่วนตัวกับ “แม่หมอจุรีลักษณ์” ด้วย(สามารถ รัตนประทีปพร, 2555) เป็นฐานเสียงซึ่งก็ทำให้ผลปรากฏว่านางจุรีลักษณ์มี คะแนนเข้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนน 44,256 คะแนน ได้รับ เลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาจากจังหวัดหนองบัวลำภู (สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหนองบัวลำภู, 2549) บทบาททางการเมือง หลังจากได้รับเลือกตั้งในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2549 แล้วกว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะประกาศรับรอง คุณสมบัติและให้การรับรองสถานภาพการเป็นวุฒิสมาชิกของ นางจุรีลักษณ์ ก็ลากยาวเช่นเดียวกับนางอนงค์วิชญา สาริบุตร ที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ว. หญิงจากจังหวัดหนองบัวลำภูด้วยกัน ทั้งคู่ มาถึงวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 พอหลังจากนั้นความ วุ่นวายทางการเมืองจนนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ก็เป็นอันทำให้ความเป็นวุฒิสมาชิกของ ส.ว.หญิงที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในจังหวัด หนองบัวลำภูทั้งสองคนต่างก็ต้องสิ้นสุดลง ทำให้การแสดง บทบาทในฐานะการเป็น ส.ว. ของนางจุรีลักษณ์แทบไม่ได้ แสดงบทบาทใดๆ เลย แต่อย่างไรก็ตามหากถือความสำคัญ ของบทบาทที่ได้ประกอบอาชีพและช่วยเหลือประชาชนจนสร้าง ฐานเสียงให้แก่สามีและตนเองได้ก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญ และเป็นที่รู้จักของชาวบ้านพอสมควร (สามารถ รัตนประทีปพร, 2555) 161
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู นายรักพงษ์ ณ อุบล นายรักพงษ์ ณ อุบล เกิดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ที่บ้านจิก ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัด อุดรธานี เป็นบุตรของนายไพศาล ณ อุบล อดีตหัวหน้าการ ประถมศึกษาอำเภอหนองบัวลำภู และนางอุไร ณ อุบล อดีตครู โรงเรียนพิศาลวิทยา มีน้องชาย 1 คน คือ นายธำรงศักดิ์ ณ อุบล ข้าราชการครูโรงเรียนบ้านห้วยข่าโนนสมบูรณ์ อำเภอ เมือง สมรสกับนางณัฐพิชา ณ อุบล ประกอบอาชีพร้านซักรีด เสื้อผ้าในเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู มีบุตรสาว 1 คนคือ นางสาวศิวรักษ์ ณ อุบล (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) ด้านการศึกษา นายรักพงษ์เริ่มต้นการศึกษาระดับ ชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนหนองบัววิทยายน อำเภอ หนองบัวลำภู จากนั้นเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล อำเภอเมืองอุดรธานี ต่อใน พ.ศ.2519 ได้เลือกศึกษาต่อทางสายอาชีพ ที่วิทยาลัยเทคนิคไทย-เยอรมัน จังหวัดขอนแก่น (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน วิทยาเขตขอนแก่น) ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ป.ว.ช.) ต่อด้วยระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ป.ว.ส.) และประโยคครูมัธยม (ป.ม.) สำเร็จการศึกษาในปี 2525 (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) ด้านการทำงาน หลังจากสำเร็จการศึกษาที่วิทยาลัย เทคนิคไทย – เยอรมัน จังหวัดขอนแก่น นายรักพงษ์ได้เข้า ทำงานเป็นลูกจ้างที่สำนักงานแขวงการทางขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น เป็นเวลา 2 ปีหลังจากนั้นก็เข้าทำงานเป็นครูโรงเรียน 162
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู เอกชนสอนวิชาแผนกช่างก่อสร้าง ที่โรงเรียนเทคโนโลยีภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น เป็นเวลาประมาณ 10 ปี ซึ่งจากรวมระยะเวลาที่นายรักพงษ์อาศัยอยู่ที่ขอนแก่น ตั้งแต่เรียนจนถึงทำงานก็มีระยะเวลาประมาณ 18 ปี ทำให ้ นายรักพงษ์มีความคุ้นเคยและมีเพื่อนฝูงที่จังหวัดขอนแก่นมาก พอสมควร (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) เนื่องจากใน พ.ศ.2536 มีการตั้งจังหวัดหนองบัวลำภูขึ้น นายรักพงษ์ก็ได้มีความคิดที่อยากจะกลับมาบ้านเกิดที่ หนองบัวลำภู เพราะขณะนั้นบิดาได้เสียชีวิต ทำให้มารดาต้อง อยู่ลำพังคนเดียวที่หนองบัวลำภูและไม่มีคนคอยดูแล เพราะ น้องชายอีกคนก็ยังรับราชการสอนที่โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก จังหวัดขอนแก่น จึงเป็นหน้าที่ของลูกชายคนโตที่สะดวกกว่าที่ จะกลับมาดูแลมารดา จึงเป็นเหตุให้กลับมาอยู่บ้านเกิดอย่าง ถาวรในเดือนเมษายน พ.ศ.2537 (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) หลังจากกลับมาอยู่ที่หนองบัวลำภู นายรักพงษ์ก็ได ้ก่อตั้งห้างหุ้นส่วนของตนเองขึ้นในนาม “รักพงษ์วัสดุก่อสร้าง” ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและขายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งก็ ดำเนินกิจการดังกล่าวอยู่จนกระทั่ง พ.ศ. 2538 จึงวางมือเพราะ งานที่เข้ามามากขึ้นหลังจากเข้าสู่การเมืองในสนามการเมือง ท้องถิ่น (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) เส้นทางสู่การเมือง นายรักพงษ์ ณ อุบล เป็นผู้ที่ไม่เคยสนใจหรือแม้กระทั่ง คิดที่จะเล่นการเมืองมาก่อน จนกระทั่งกลับมาอยู่บ้านใน ปี 2537 หลังจากหนองบัวลำภูเป็นจังหวัดแล้วซึ่งเกิดการ 163
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู เปลี่ยนแปลงในสนามการเมืองระดับท้องถิ่น เพราะตาม กฎหมายเทศบาลนั้นเมื่อท้องที่ใดมีศาลากลางจังหวัดตั้งขึ้นต้อง ใช้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบเทศบาลเมืองในการ บริหารงาน ซึ่งเป็นผลให้สุขาภิบาลหนองบัวลำภูจักต้องกลาย เป็นเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู และจัดการเลือกตั้งผู้บริหาร และสมาชิกสภาเทศบาลขึ้นในเดือนเมษายน พ.ศ.2538 นายรักพงษ์ซึ่งเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่ถึงปีหลังจากห่างบ้าน เกิดไปนานกว่า 20 ปีจึงสนใจลองสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาเทศบาล (ส.ท.) เพื่อหวังใช้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ญาติมิตร และคนรู้จักในเขตเทศบาลว่าตนได้กลับมาอยู่บ้านแล้ว ซึ่งการ เลือกตั้งในครั้งนั้นกำหนดให้มีสมาชิกสภาเทศบาลเมืองได้ 18 คน ปรากฏว่ามีผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งสิ้น 52 คนใช้วิธีการ ลงคะแนนในระบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถ เลือกผู้สมัครในบัญชีรายชื่อได้ไม่เกิน 18 รายชื่อ ผลปรากฏว่า นายรักพงษ์ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 3 ได้เป็นสมาชิกสภา เทศบาลเมืองหนองบัวลำภู (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) การเปิดตัวของนายรักพงษ์เพื่อให้คนรู้จักว่าตนได้กลับ มาอยู่บ้านแล้วประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะการลงสนาม การเมืองครั้งนี้ไม่ได้หวังอะไร ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร การได้รับ เลือกตั้งดังกล่าว นายรักพงษ์กล่าวกับผู้เขียนว่า เพราะญาติ พี่น้องและคนรู้จักบิดามารดาเยอะ โดยเฉพาะในบ้านจิก บ้านเหล่า และบ้านดอนหาด ซึ่งทั้งสามชุมชนอยู่ในเขต เทศบาลก็ทำให้ได้คะแนนพอที่จะได้เป็นสมาชิกสภาเทศบาล แล้ว ซึ่งนายรักพงษ์ก็ยอมรับโดยดุษฎีว่าครั้งแรกที่ได้รับเลือก เป็นนักการเมืองท้องถิ่นก็เพราะอาศัยบารมีบิดามารดา 164
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู ช่วยนั่นเอง (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) หลังจากได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมือง หนองบัวลำภูแล้ว ครั้งต่อมาเมื่อมีการเลือกตั้งในปี 2542 นายรักพงษ์ซึ่งพอมีผลงานจากการเป็นสมัยแรกแล้วก็ลงสมัคร รับเลือกตั้งเช่นเดิมซึ่งในครั้งนี้ได้รับเลือกเข้ามาเป็นลำดับที่ 2 จากผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด 38 คน หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ นายรักพงษ์ได้ขยับตนเองจากการเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นไปสู่ คณะผู้บริหารท้องถิ่น ในตำแหน่งเทศมนตรี โดยมีนายอนันต์ พหล เป็นนายกเทศมนตรี หลังจากอยู่ในวาระครบ 4 ปี ในปี 2546 ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายท้องถิ่นภายหลังการ ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2540 ซึ่งให้มีการเลือกตั้ง ผู้บริหารท้องถิ่นได้โดยตรง ซึ่งครั้งนี้ นายรักพงษ์ลงสมัครรับ เลือกตั้งนายกเทศมนตรี ผลปรากฏว่าก็ได้รับความไว้วางใจจาก ประชาชนในเขตเทศบาลให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองหนองบัวลำภูคนแรกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ของประชาชน ซึ่งอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระจนกระทั่งมีการ เลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในปี 2551(รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) บทบาททางการเมืองในฐานะสมาชิกวุฒิสภา นายรักพงษ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเกิดขึ้นจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ที่ระบุให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 150 มาจาก 2 ประเภท ประเภทแรก มาจากการเลือกตั้งจากจังหวัด ต่างๆ จังหวัดละ 1 คน และประเภทที่สอง มาจากการแต่งตั้ง จากผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ มีจำนวนเท่าที่เหลือจาก 165
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู การประเภทแรก ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดหนองบัวลำภูจำนวน 3 คนเพราะ คุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้งมีการระบุไว้ค่อยข้างรัดกุม ทำให้ผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งได้จึงมีค่อยข้างน้อย ผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2551 จึงทำให้ นายรักพงษ์ ณ อุบล ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัด หนองบัวลำภูตามความคาดหมายด้วยคะแนน 58,435 คะแนน (คณะกรรมการการเลือกตั้ง, 2551) หลังจากได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาแล้ว นายรักพงษ์ก็มีบทบาทในคณะกรรมาธิการกีฬาของวุฒิสภา เนื่องจากมีความสนใจในด้านกีฬา ในฐานะเคยดำรงตำแหน่ง เป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัดหนองบัวลำภู และผู้จัดการทีม ฟุตบอลจังหวัดหนองบัวลำภูมาก่อนที่จะดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว. นอกจากนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมาธิการตรวจสอบและ ติดตามงบประมาณของวุฒิสภาด้วย (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) สำหรับในส่วนของพื้นที่แม้คนทั่วไปจะมองว่าผู้ที่ดำรง ตำแหน่ง ส.ว. เป็นได้วาระเดียวหากต้องการดำรงตำแหน่งอีก ต้องเว้นวรรคไปอีกอย่างน้อยวาระหนึ่ง ทำให้ ส.ว. ส่วนใหญ่ จึงไม่ลงพื้นที่เพราะคิดว่าตนไม่จำเป็นต้องอาศัยประชาชนใน พื้นที่เพื่อเป็นฐานเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่สำหรับ ส.ว. รักพงษ์แล้วกลับคิดว่าช่วงเวลาที่อยู่ในตำแหน่งคือเวลาที่ต้อง สร้างผลงานและปูฐานการเมืองให้ตนเอง หรือคนที่จะมาแทน ตนเองในอนาคต จึงทำให้ ส.ว. รักพงษ์มีภารกิจในพื้นที่ค่อย ข้างมาก มีงานสังคมที่ไหนต้องไปทุกงาน และต้องไปด้วย ตนเองแม้จะไปต่างอำเภอหรือไม่มีหนังสือเรียนเชิญอย่างเป็น 166
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู ทางการก็ตาม เพราะ ส.ว.รักพงษ์ถือว่าภาษีสังคมเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องสร้างไว้ เหมือนที่บิดามารดาตนเคยสร้างไว้จนทำให้ตน พอมีฐานทางสังคมในการระดมช่วยเหลือในการเลือกตั้ง ดังนั้น บทบาทการทำงานของ ส.ว.รักพงษ์จึงมีทั้งการไปงานบุญ ประจำปี งานประเพณี งานวัด งานแต่งงาน งานศพ หรืองาน กีฬาของโรงเรียนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งหาก มีงานชนกัน ส.ว.รักพงษ์ก็จะให้ภรรยาไปช่วยอีกงานแล้วตนไป อีกงาน ทำให้ ส.ว. รักพงษ์เป็นคนที่ชาวบ้านในหนองบัวลำภ ู รักและนิยมชมชอบเป็นการส่วนตัวพอสมควร (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) กลยุทธ์ในการเลือกตั้ง ในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภานั้น นายรัก พงษ์ได้มีการประเมินกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งก่อนว่าจะลงคะแนน ให้ตนอย่างแน่นอนเท่าไหร่ ยังไม่ตัดสินใจหรือครึ่งๆ กลางๆ ที่พอจะเลือกหรือไม่เลือกมีจำนวนเท่าไหร่ และที่ไม่เลือก แน่นอนมีจำนวนเท่าไหร่ การประเมินดังกล่าวทำให้นายรักพงษ์ มีแผนที่จะเอาชนะการเลือกตั้งด้วยการใช้แกนนำหรือ หัวคะแนนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการช่วยหาเสียง ซึ่งวิธีการใช้แกนนำของ ส.ส.พิษณุ หัตถสงเคราะห์ ช่วยในการ หาเสียงในเขตเลือกตั้งที่ 1, ใช้แกนนำของ ส.ส.ไชยา พรหมา ช่วยในการหาเสียงในเขตเลือกตั้งที่ 2, ใช้แกนนำของ ส.ส.วิชัย สามิตร ช่วยในการหาเสียงในเขตเลือกตั้งที่ 3 จึงได้รับการ เลือกตั้งเป็น ส.ว. จังหวัดหนองบัวลำภูคนปัจจุบัน (กันยายน 2555) (รักพงษ์ ณ อุบล, 2555) 167
บ5ทท ี่ สรุป อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ ใสนรพุปื้นภทาพี่จังรหววมัดกหารนเอมงือบงัวถล่ินำ ภู จากการศึกษาค้นคว้าสามารถสรุปภาพรวมการเมืองถิ่น และนักการเมืองถิ่นในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูโดยพิจารณา ในแง่พัฒนาการได้ตั้งต่อไปนี้ การเมืองถ่ินหนองบัวลำภูภายใต้การเมืองถ่ิน ของจังหวัดอุดรธานี จากการศึกษาประวัตินักการเมืองถิ่นจังหวัด หนองบัวลำภู ทำให้เข้าใจบริบทการเมืองถิ่นพื้นที่จังหวัด หนองบัวลำภู ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทั้งหมด 6 อำเภอ
สรุป อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ ประกอบด้วย อำเภอเมืองหนองบัวลำภู อำเภอนากลาง อำเภอสุวรรณคูหา อำเภอนาวัง อำเภอศรีบุญเรืองและอำเภอ โนนสัง แยกการปกครองออกจากจังหวัดอุดรธานีเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2536 ซึ่งก่อนมีการแยกจังหวัดขึ้นนั้น สนาม การเมืองของจังหวัดอุดรธานีเป็นสนามเลือกตั้งใหญ่ มีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรได้ 12 คน มีการจัดแบ่งเขตเลือกตั้งของ จังหวัดแบ่งออกเป็น 4 เขตเลือกตั้งๆ ละ 3 คน ใช้ระบบการ เลือกตั้งแบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถ ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครได้เท่ากับจำนวน ส.ส. ที่พึงมีได้ ซึ่งพื้นที่ ของจังหวัดหนองบัวลำภู ได้ถูกจัดให้อยู่ในเขตเลือกตั้ง 2 เขต ของจังหวัดอุดรธานีได้แก่ เขต 2 และ 4 การเมืองถิ่นอุดรธานีในเขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วย อำเภอบ้านผือ อำเภอน้ำโสม อำเภอนายูง อำเภอนากลาง ( ร ว ม ท ั ้ ง อ ำ เ ภ อ น า ว ั ง ซ ึ ่ ง แ ย ก อ อ ก จ า ก อ ำ เ ภ อ น า ก ล า ง ใน พ.ศ.2537) อำเภอสุวรรณคูหา และอำเภอหนองบัวลำภู นักการเมืองที่มีบทบาทและอิทธิพลในการเมืองถิ่นของเขต เลือกตั้งนี้มาตลอดได้แก่ นายกิตติศักดิ์ หัตสงเคราะห์ ซึ่งใช้ เครือข่ายญาติพี่น้องของภรรยา คือ นางพรรณงาม ศรีสวัสดิ์ ในเขตอำเภอบ้านผือซึ่งเป็นอำเภอใหญ่ทางด้านตะวันตกของ จังหวัดอุดรธานีช่วยในการสนับสนุนจนได้รับเลือกตั้งเป็น ผู้แทนฯ ในเขตเลือกตั้งนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ก็มี นักการเมืองถิ่นในเขตเลือกตั้งนี้คนอื่นๆ เช่น นายวิเชียร ขาวขำ นายสุรชาติ ชำนาญศิลป์ นายโชคสมาน ลีลาวงษ์ ก็เป็น ผแู้ ทนฯ ทผ่ี ลดั เปลย่ี นหมนุ เวยี นกนั เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ในเขตเลือกตั้งนี้ โดยมีภูมิลำเนาและฐานสียงในการสนับสนุน 169
นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู ของบรรดานักการเมืองถิ่นเหล่านี้คืออำเภอบ้านผือ และอำเภอ น้ำโสม ส่วนอำเภอสุวรรณคูหา อำเภอนากลาง และอำเภอ หนองบัวลำภูนั้นยังไม่มีนักการเมืองถิ่นของพื้นที่ตนเอง ที่สามารถเข้าไปนั่งเป็นผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งนี้ ซึ่งก็มี ความพยายามอยู่บ้าง เช่น นายวิชัย สามิตร สมาชิกสภา จังหวัดเขตอำเภอนากลาง ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งใน พ.ศ.2535/1 ในทีมพรรคชาติพัฒนาของนายวิเชียร ขาวขำแต่ไม่ได้รับ เลือกตั้ง จนกระทั่งผู้ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ การเมืองถิ่นหนองบัวลำภูในเขตเลือกตั้งนี้ได้สำเร็จ คือ นายไพรัช นุชิต ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคกิจสังคม อดีต สมาชิกสภาจังหวัดอุดรธานี เขตอำเภอหนองบัวลำภู โดยได้รับ เลือกตั้งใน พ.ศ.2535/2 ซึ่งได้รับการชักชวนและสนับสนุนจาก นายรักเกียรติ สุขธนะ นักการเมืองหัวหน้ากลุ่มกิจสังคมในภาค อีสาน จนนายไพรัช นุชิต สามารถเอาชนะผู้สมัครรายอื่นเบียด เข้าสนามการเมืองระดับชาติในสนามการเมืองถิ่นเขต 2 จังหวัด อุดรธานีได้ สำหรับการเมืองถิ่นอุดรธานีในเขตเลือกตั้งที่ 4 ประกอบด้วยอำเภอกุดจับ อำเภอหนองแสง อำเภอหนองวัวซอ อำเภอโนนสะอาด อำเภอกุมภวาปี อำเภอศรีบุญเรือง และ อำเภอโนนสัง นักการเมืองที่มีบทบาทและอิทธิพลในสนาม การเมืองถิ่นของเขตเลือกตั้งนี้มาตลอดได้แก่ นายรักเกียรติ สุขธนะ และนายประจวบ ไชยสาส์น สองนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ ของจังหวัดอุดรธานีและหัวหน้ากลุ่ม ส.ส.ภาคอีสาน นอกจากนี้ ก็มีนักการเมืองถิ่นคนอื่นๆ เช่น นายเกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์ นายอารมย์ ศิริสุวรรณ เป็นต้น ก็เคยเป็นผู้แทนฯ ที่ได้รับ 170
สรุป อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งนี้ซึ่งทั้ง นักการเมืองถิ่นเหล่านี้จะมีพื้นที่ฐานเสียงของตนเองในเขต อำเภอกุดจับ อำเภอหนองแสง อำเภอหนองวัวซอ อำเภอ โนนสะอาด และอำเภอกุมภวาปีซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ทางด้านฝั่ง ตะวันออกของเทือกเขาภูพานที่กั้นพื้นที่เขตเลือกตั้งแยกออก จากอีก 2 อำเภอที่อยู่ฝั่งตะวันตก ได้แก่ อำเภอศรีบุญเรือง และ อำเภอโนนสัง ซึ่งมีความเป็นถิ่นนิยมสูงและไม่เคยมีผู้แทนฯ เป็นของตน แต่อย่างไรก็ตามสองอำเภอดังกล่าวก็ไม่เคยประสบ ความสำเร็จที่จะมีผู้แทนฯ เป็นของตนเอง เพราะฐานอำนาจ และอิทธิพลของผู้สมัครรับเลือกตั้งในอำเภอฝั่งตะวันออกของ เทือกเขาภูพานนั้นมีมากทำให้ผู้สมัครฯ อย่างนายสรชาติ สุวรรณพรหม ลูกชายกำนันเลิศ สุวรรณพรหม กำนันตำบล กุดสะเทียน อำเภอศรีบุญเรือง ที่ประกาศอาสาลงสมัครรับ เลือกตั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2529 ขณะอายุเพียง 25 ปีเศษ เพื่อต้องการ ทำให้ความฝันของพี่น้องชาวอำเภอศรีบุญเรืองและโนนสังที่ อยากมีผู้แทนฯ เป็นของตนประสบความสำเร็จ แต่นายสรชาติ กไ็ มส่ ามารถเบยี ดชนะผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั จากอำเภอฝง่ั ตะวนั ออก ของเทือกเขาภูพานได้จนกระทั่งแยกอำเภอทั้งสองมาจัดตั้งเป็น จังหวัดหนองบัวลำภู แต่อย่างไรก็ตามสนามการเมืองถิ่นในเขต เลือกตั้งที่ 4 นี้ก็มีผู้แทนฯ จากอำเภอศรีบุญเรืองสามารถเบียด เข้าเป็นผู้แทนฯ ในเขตเลือกตั้งได้ ใน พ.ศ.2535/1 คือ นายไชยา พรหมา ผู้สมัครจากพรรคชาติพัฒนา ซึ่งการได้รับเลือกตั้งครั้ง นั้นเพราะอาศัยบารมีและคะแนนที่ชาวบ้านลงให้นายประจวบ ไชยสาส์น และพ่วงผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเดียวกันกับ นายประจวบให้ด้วย ทำให้นายไชยา สามารถเป็นผู้แทนฯ 171
นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู คนแรกที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นนักการเมืองจากสนามการเมือง ถิ่นหนองบัวลำภูในเขตเลือกตั้งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานีได้เป็น คนแรก จากขา้ งตน้ ทก่ี ลา่ วมาจะเหน็ วา่ การเมอื งถน่ิ หนองบวั ลำภู ภายใต้การเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานีนั้น เป็นการเมืองที่ต้อง อาศัยฐานอำนาจและอิทธิพลในพื้นที่อย่างสูง การที่จะได้รับ เลือกตั้งเป็นผู้แทนฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีทรัพยากร ทางการเมือง เช่น อิทธิพลส่วนบุคคล เงินทุน ฐานเสียงที่เป็น พื้นที่ของตนเองและผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ยกตัวอย่าง นายไพรัช นุชิต ผู้สมัครพรรคกิจสังคมที่ประสบความสำเร็จ ได้เป็นผู้แทนฯ เพราะใช้เครือข่ายและการสนับสนุนของ นายรักเกียรติ สุขธนะ หรือนายไชยา พรหมา ผู้สมัครพรรค ชาติพัฒนาที่ประสบความสำเร็จได้เป็นผู้แทนฯ เพราะอาศัย บารมีและใช้เครือข่ายผู้สนับสนุนของนายประจวบ ไชยสาส์น ซึ่งทั้งนายรักเกียรติ สุขธนะและนายประจวบ ไชยสาส์น ต่างเป็นนักการเมืองชั้นครูของจังหวัดอุดรธานี และเป็นหัวหน้า กลุ่ม ส.ส. อีสานด้วย ดังนั้นการเมืองถิ่นหนองบัวลำภูในระยะนี้ จึงถูกครอบงำด้วยนักการเมืองถิ่นจากจังหวัดอุดรธานี การเมืองถ่ินหนองบัวลำภู หลังการจัดตั้งจังหวัดหนองบัวลำภูข้ึน จังหวัดหนองบัวลำภู แยกการปกครองออกจากจังหวัด อุดรธานีเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2536 เมื่อแยกจังหวัดก็มีการ แยกเขตเลือกตั้ง ทำให้การเมืองถิ่นพื้นที่หนองบัวลำภูที่เคย แยกกันเพราะการจัดแบ่งตามเขตเลือกตั้งของจังหวัดอุดรธานี 172
สรุป อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ รวมเข้าด้วยกันกลายเป็นเขตเลือกตั้งใหม่หรือสนามการเมือง ถิ่นพื้นที่หนองบัวลำภู ซึ่งได้มีการจัดการเลือกตั้งขึ้นเป็นเขต เลือกตั้งจังหวัดหนองบัวลำภู ครั้งแรก ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2538 ซึ่งจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2555) สามารถลำดับ พัฒนาการของการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู สรุปได้เป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะแรก (พ.ศ.2536 – พ.ศ.2544) เป็นระยะที่ นักการเมืองถิ่นหนองบัวลำภูต้องอาศัยฐานอำนาจและอิทธิพล ส่วนตัวในการสร้างฐานเสียงเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งในพื้นที่ เช่น อิทธิพลส่วนบุคคล เงินทุน ญาติพี่น้อง พื้นที่ของตนเอง และนักการเมืองใหญ่ระดับหัวหน้ามุ้งการเมืองในการสนับสนุน อยู่เบื้องหลัง พรรคการเมืองที่นักการเมืองถิ่นเข้าสังกัด เป็น เพียงรูปแบบหรือพิธีกรรมตามรัฐธรรมนูญ เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนฯ ในระยะนี้ ต่างเป็นตัวแทนของมุ้ง นักการเมืองใหญ่ที่สนับสนุนตนอีกที เช่น นายไพรัช นุชิต สังกัด พรรคกิจสังคม ได้เป็นผู้แทนฯ ในพื้นที่ เมื่อ พ.ศ.2538 สังกัดพรรคกิจสังคม เพราะการชักชวนและช่วยเหลือของ นายรักเกียรติ สุขธนะหัวหน้ามุ้งพรรคกิจสังคมในภาคอีสาน , นายไชยา พรหมา ได้รับเลือกเป็นผู้แทนฯ ในพื้นที่ พ.ศ. 2538สังกัดพรรคชาติพัฒนา เพราะเป็นพรรคเดียวกันกับ นายประจวบ ไชยสาส์น เลขาธิการและแกนนำ ส.ส.ของพรรค ในภาคอีสาน, นายสรชาติ สุวรรณพรหม ได้รับเลือกเป็น ผู้แทนฯ ในพื้นที่ พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2539 สังกัดพรรค ความหวังใหม่เพราะเป็นพรรคเดียวกันกับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคที่ให้การสนับสนุน เป็นต้น 173
นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู ระยะปัจจุบัน (พ.ศ.2544 – ปัจจุบัน) เป็นระยะที่ นักการเมืองถิ่นหนองบัวลำภูต้องอาศัยฐานนโยบายทาง การเมืองระดับชาติและอิทธิพลของพรรคการเมืองในการสร้าง ฐานเสียงเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งในพื้นที่ เพราะอิทธิพลส่วน บุคคล เงินทุน ญาติพี่น้อง และพื้นที่ของตนเองเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนฯ ในพื้นที่อย่างแต่ก่อน ซึ่งระยะนี้เริ่มก่อกำเนิดขึ้นในการเลือกตั้งตั้งแต่ พ.ศ.2544 เปน็ ตน้ มา ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การเลอื กตง้ั เปน็ ผแู้ ทนฯ ไดแ้ ก่ นายกติ ตศิ กั ด์ิ หัตถสงเคราะห์, นายไชยา พรหมา (แม้ใน พ.ศ. 2544 จะสังกัด พรรคเสรีธรรม แต่หลังจากนั้นไม่นานพรรคเสรีธรรมก็เข้าร่วม รัฐบาลและประกาศควบรวมกับพรรคไทยรักไทย), นายวิชัย สามิตร และนายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ต่างเป็นผู้สมัครที่สังกัด พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย และ แม้มีการย้ายพรรค หรือเปลี่ยนมุ้งสลับขั้วทางการเมืองบ้าง แต่ไม่มีผู้แทนฯ หรือนักการเมืองถิ่นในสังกัดพรรคดังกล่าว ของสนามการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภูย้ายไปลงสังกัด พรรคการเมืองอื่น เพราะนักการเมืองถิ่นดังกล่าวทุกคนต่างรู้ พื้นที่ดีว่าชาวบ้านเลือกตนเพราะชื่นชอบนโยบายพรรคของ พรรคการเมืองที่ตนสังกัดมากกว่าความสามารถของผู้สมัคร อิทธิพลส่วนบุคคล เงินทุน ญาติพี่น้อง และพื้นที่ของตนเอง เพียงอย่างเดียว 174
สรุป อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ สรุปผลการศึกษานักการเมืองถิ่น ในพ้ืนท่ีจังหวัดหนองบัวลำภู จากการศึกษาวิจัยประมวลข้อมูลทางการเมืองถิ่น และ นักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู ในส่วนของผู้ดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ตั้งแต่มีการจัดตั้งจังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ.2536 จนถึงการ เลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2554 สามารถสรุป ข้อมูลต่างๆ และอภิปรายผลการศึกษาออกเป็น 5 ด้านหลัก ดังนี้ 1. ภมู ิหลังของนักการเมืองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลำภู 2. เครือข่ายและความสัมพันธ์ของนักการเมืองถิ่น ในจังหวัดหนองบัวลำภู 3. ความสัมพันธ์ของกลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มที่ไม่เป็น ทางการ เช่น ครอบครัว วงศาคณาญาติ ฯลฯ ที่มีส่วนในการ สนับสนุนทางการเมืองแก่นักการเมืองในจังหวัดหนองบัวลำภู 4. บทบาทและความสัมพันธ์กับพรรคการเมืองกับ การเลือกตั้งในจังหวัดหนองบัวลำภู 5. รูปแบบ วิธีการ และวิธีการหาเสียงในการเลือกตั้ง ของนักการเมืองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งผลปรากฏดังนี้ ภูมิหลังของนักการเมืองถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู นกั การเมอื งในจงั หวดั หนองบวั ลำภมู ภี มู หิ ลงั ทางการเมอื ง ดังนี้ ซึ่งสามารถแสดงดังตารางต่อไปนี้ 175
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู 176 ตารางที่ 4 : สรปุ ภมู หิ ลังทางการเมืองของนกั การเมอื งถนิ่ ในจงั หวัดหนองบัวลำภ ู ภูมหิ ลังทางการเมอื ง นักการเมืองถ่นิ เพศ นักการเมือง อาชพี ปวช. การศกึ ษา ภมู ลิ ำเนา ท้องถิ่น นัก ข้า ปวส. นายไพรัช นุชิต ชาย หญิง ธุรกิจ ราชการ อื่นๆ ตรี โท เอก หนองบัวลำภ ู นายไชยา พรหมา ดร.สรชาติ สุวรรณพรหม 3 3 3 3 3 นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ นายพิชาญ พิบลู ย์วัฒนวงษ์ 3 3 3 3 นายธวัชชัย เมืองนาง 3 3 นายสามารถ รัตนประทีปพร 3 3 นายวิชัย สามิตร 3 3 3 นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ 3 ดร.อนงค์วิชญา สาริบุตร 3 นางจุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร 3 3 3 นายรักพงษ์ ณ อุบล 3 3 3 3 3 3 3 รวม 3 3 3 3 3 3 3 2 5 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 10 2 6 6 3 3 2 3 5
สรุป อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ จากตารางข้างต้นแสดงให้เห็นว่าภูมิหลังหรือที่มาของ นักการเมืองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 12 คน พบว่า เป็นเพศชายจำนวน 10 คน เพศหญิง 2 คน ประกอบอาชีพเป็น นักการเมืองท้องถิ่น เช่น สจ., ส.ท., เทศมนตรี, นายกเทศมนตรี เป็นต้น และยังประกอบธุรกิจของตนคู่กันไปด้วย มีจำนวน 6 คน ประกอบอาชีพรับราชการในพื้นที่จำนวน 3 คน และ ประกอบอาชีพอื่นๆ อีกจำนวน 3 คน สำเร็จการศึกษา ปริญญาโท 5 คน, ปริญญาตรี 3 คน, ปริญญาเอก 2 และ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีภูมิลำเนา/ เกิดในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู 5 คน 177
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู เครือข่ายและความสัมพันธ์ของนักการเมือง ในจังหวัดหนองบัวลำภู ตารางท่ี 5 : สรุปเครือข่ายและความสัมพันธ์ทางการ เมอื งของนักการเมืองถิ่นในจังหวดั หนองบัวลำภ ู เครอื ข่ายและความสัมพันธ์ของนักการเมือง นกั การเมอื งถน่ิ เครือข่ายนักการเมือง ท้องถิ่น เครือข่ายนักธุรกิจ ในท้องถิ่น เครือข่ายข้าราชการ หรือเกี่ยวข้องกับ ระบบราชการในพื้นที่ สืบทายาท ทางการเมืองของ คนในครอบครัว นายไพรัช นุชิต 3 3 นายไชยา พรหมา 3 3 ดร.สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม 3 นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ 3 3 นายพิชาญ พิบลู ย์วัฒนวงษ์ 3 นายธวัชชัย เมืองนาง 3 นายสามารถ รัตนประทีปพร 3 3 นายวิชัย สามิตร 3 3 นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ 3 ดร.อนงค์วิชญา สาริบุตร 3 นางจุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร 3 นายรักพงษ์ ณ อุบล 3 3 รวม 6 6 4 2 178
สรุป อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ จากตารางข้างต้นแสดงให้เห็นว่าเครือข่ายและ ความสัมพันธ์ทางการเมืองของนักการเมืองถิ่นในจังหวัด หนองบัวลำภูสามารถจำแนกได้เป็น 4 กลุ่มซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 1. กลุ่มเครือข่ายนักการเมืองท้องถ่ิน นักการเมือง ถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภูส่วนใหญ่มีพื้นฐานและเครือข่ายมาจาก การเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ประกอบด้วย 1) นายไพรัช นุชิต เคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัดอุดรธานี (สจ.) เขตอำเภอ หนองบัวลำภู (พ.ศ.2523 – พ.ศ.2534), 2) นายไชยา พรหมา เคยเป็นกรรมการสุขาภิบาลโนนสูงเปลือย อำเภอศรีบุญเรือง และผู้สมัครสมาชิกสภาจังหวัดอุดรธานี (สจ.) (พ.ศ.2532 – พ.ศ.2534), 3) นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ เคยเป็นสมาชิก สภาเทศบาลและเทศมนตรีเทศบาลเมืองอุดรธานี อำเภอเมือง อุดรธานี (พ.ศ.2517 – พ.ศ.2522), นายวิชัย สามิตร เคยเป็น ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนม่วง หมู่ 2 ตำบลโนนเมือง อำเภอนากลาง (พ.ศ.2528 – พ.ศ. 2531) และสมาชิกสภาจังหวัดเขตอำเภอ นากลาง จังหวัดอุดรธานี (สจ.,พ.ศ.2534 – 2535) สมาชิกสภา จังหวัดหนองบัวลำภู (สจ.,พ.ศ.2539 – พ.ศ.2543), นายสามารถ รัตนประทีปพร เคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัด,ประธานสภาจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู (พ.ศ.2538 – พ.ศ.2543) และนายรักพงษ์ ณ อุบล เคยเป็นสมาชิกสภา เทศบาล, เทศมนตรีเทศบาล และนายกเทศมนตรีเทศบาล เมืองหนองบัวลำภู (พ.ศ.2538 – พ.ศ.2550) 179
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู 2. กลุ่มเครือข่ายนักธุรกิจในท้องถิ่น นักการเมืองถิ่น จังหวัดหนองบัวลำภูที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นยังมีการประกอบ ธุรกิจเพื่อสร้างเครือข่ายในพื้นที่ด้วย ได้แก่ 1) นายไพรัช นุชิต เคยประกอบธุรกิจร้านขายของชำ (โชห่วย), ธุรกิจรับซื้อของเก่า ข้าวเปลือก ของป่า และก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด “วิรัช อินเตอร์ไพร์ส” รับเหมาก่อสร้างและขายวัสดุก่อสร้างที่อำเภอ เมืองหนองบัวลำภู 2) นายไชยา พรหมา ได้ประกอบธุรกิจ ร้านค้าภายใต้ชื่อ “ศรีบุญเรืองวัฒนา” ขายเครื่องเขียน เครื่องสังฆภัณฑ์ และสินค้าเบ็ดเตล็ด ที่ตลาด บขส. อำเภอ ศรีบุญเรือง 3) นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ เคยประกอบ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างร่วมกับบริษัทของสหรัฐอเมริกาและ ประกอบกิจการจัดหาและส่งแรงงานไทยไปประกอบการใน ต่างประเทศเป็นรายแรกในประเทศไทย 4) นายวิชัย สามิตร เคยประกอบกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด “ชัยธวัชก่อสร้าง” รบั เหมาทกุ งานทกุ ประเภททอ่ี ำเภอนากลาง และ 5) นายสามารถ รัตนประทีปพร เคยประกอบธุรกิจร้านค้าและกิจการคลินิก ช่วยภรรยา (นางจุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร ส.ว. หนองบัวลำภู พ.ศ.2549) ในตลาดอำเภอศรีบุญเรือง และ 6) นายรักพงษ์ ณ อุบล เคยประกอบกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด “รักพงษ์วัสดุ ก่อสร้าง”ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและขายวัสดุก่อสร้าง ที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู 3. กลุ่มเครือข่ายข้าราชการหรือเก่ียวข้องกับระบบ ราชการในพื้นท่ี ประกอบด้วย 1) นายสรชาติ สุวรรณพรหม เคยเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป สำนักงานพัฒนาชุมชน จังหวัดหนองบัวลำภูคนแรก และเป็นลูกชายกำนันเลิศ 180
สรุป อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ สุวรรณพรหม กำนันตำบลกุดสะเทียน อำเภอศรีบุญเรือง 2) นายพิชาญ พิบูลย์วัฒนวงศ์ เคยเป็นข้าราชการกรมการ ปกครอง กระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่เป็นนายอำเภอ สุวรรณคูหา อำเภอนากลาง อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอโนนสัง และปลัดจังหวัดหนองบัวลำภู, 3) นายธวัชชัย เมืองนาง เคยรับ ราชการครูที่โรงเรียนบ้านโคกกลาง ตำบลป่าไม้งาม, โรงเรียน บ้านเสาเล้า ตำบลหนองบัว, โรงเรียนบ้านนาอ่าง ตำบล นามะเฟือง อำเภอเมืองและเป็นศึกษานิเทศก์ สำนักงานการ ประถมศึกษาอำเภอหนองบัวลำภู และนางอนงค์วิชญา สาริบุตร เคยเป็นนายกเหล่ากาชาดและภริยานายสุขุมรัฏฐ์ สาริบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู (พ.ศ.2544 – พ.ศ.2546) 4. กลมุ่ สบื ทายาททางการเมอื งของคนในครอบครวั ประกอบด้วย ครอบครัวของนายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ซึ่งเป็นนักการเมืองคนสำคัญของพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ตั้งแต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี โดยฐานเสียงสำคัญ จะอยู่ที่อำเภอบ้านผือ (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดอุดรธานี) แต่การ ดูแลพื้นที่แถบอำเภอหนองบัวลำภูซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขต เลือกตั้งได้มอบหมายให้บุตรชายคือ นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งแทนตน (Campaign Director) ตั้งแต่ การเลือกตั้งใน พ.ศ.2522 ขณะที่บุตรชายมีอายุเพียง 17 ปี จนกระทั่งเมื่อปีพ.ศ. 2549 นายกิตติศักดิ์ซึ่งมีความอาวุโสมาก คณะกรรมการบรหิ ารพรรคไทยรกั ไทยจงึ พจิ ารณาใหน้ ายกติ ตศิ กั ด์ิ ไปอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ และให้นายพิษณุบุตรชาย ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตแทนผู้เป็นบิดา 181
นักการเมืองถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู และนายสามารถ รัตนประทีปพร ขณะดำรงตำแหน่ง สมาชกิ วฒุ สิ ภากอ็ อกชว่ ยเหลอื งานสงั คมชาวบา้ นเปน็ ประจำ เมอ่ื หมดวาระ 6 ปี ในปี พ.ศ. 2549 จึงให้ภรรยา คือ นางจุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร ซึ่งมีพื้นฐานเป็นพยาบาลให้บริการคลินิกแก่ ประชาชนทำให้คนรู้จักมาก่อน ประกอบกับผลงานสามีที่ทำไว้ ในขณะเป็นผู้แทนฯ จึงทำให้เส้นทางการเมืองของครอบครัว รัตนประทีปพรจึงได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนในจังหวัด หนองบัวลำภู 182
สรุป อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ บทบาทของกลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มท่ีไม่เป็นทางการ ท่ีมีส่วนในการสนับสนุนนักการเมืองจังหวัดหนองบัวลำภู ตารางที่ 6 : สรุปบทบาทของกลุ่มผลประโยชนแ์ ละ กลุ่มทไ่ี ม่เป็นทางการทีม่ สี ว่ นในการสนับสนุนของ นักการเมืองถิ่นในจงั หวดั หนองบวั ลำภ ู กลุม่ ผลประโยชนแ์ ละกลุ่มทีไ่ มเ่ ป็น ทางการที่มีสว่ นในการสนบั สนนุ นกั การเมอื งถ่ิน กลุ่มนักการเมือง ระดับชาติและ ระดับท้องถิ่น กลุ่มญาติพี่น้อง กลุ่มข้าราชการ/ เกี่ยวข้องกับ ระบบราชการ กลุ่มคนเสื้อแดง/ คนนิยมพรรค ไทยรักไทย นายไพรัช นุชิต 3 นายไชยา พรหมา 3 3 ดร.สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม 3 3 3 นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ 3 3 นายพิชาญ พิบลู ย์วัฒนวงษ์ 3 นายธวัชชัย เมืองนาง 3 3 นายสามารถ รัตนประทีปพร นายวิชัย สามิตร 3 3 นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ 3 นางอนงค์วิชญา สาริบุตร 3 นางจุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร นายรักพงษ์ ณ อุบล 3 3 รวม 8 4 5 4 183
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265