Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore A1การให้บริการสาธารณะโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน

A1การให้บริการสาธารณะโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน

Description: A1การให้บริการสาธารณะโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน

Search

Read the Text Version

„µ¦Ä®o ¦·„µ¦­µ›µ¦–³Ã—¥„µ¦¤­¸ ªn œ¦nª¤…°Šž¦³µœ ­™µœ´ ¡¦³ž„Á„¨µo การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) œ˜· ›· ¦¦¤ „µ¦Ä®o ¦„· µ¦­µ›µ¦–ร³ูป×ภ¥า„พµ¦ท¤่ี¸­2nªœแ¦สªn ¤ด…ง°Šตžวั ¦³อยµ่าœงของผ1.0ล0ก0.า8ร1วดั ระดบั การมธี รรมาภ­บิ™µาล´œ ¡¦³ž„Á„¨µo ‡ªµ¤‡»¤o ‡µn œ·˜›· ¦¦¤ 0.8‡0–» ›¦¦¤ 0.66 1.00 0.81 ‡ªµ¤‡¤»o ‡nµ - 0.8‡0»–›¦¦¤ 0.66 0.66 - 0.48 ‡ªµ¤Ãž¦Šn Ä­ ­µÎ œ„¹ ¦´ Ÿ·—° 0.65 „0µ.¦6¤5¸­ªn œ¦ªn ¤ 0.48 0.66 ‡ªµ¤Ãž¦nŠÄ­ ­µÎ œ„¹ ¦´Ÿ—· ° ¦¼žš¸É 2 ­—Š˜³ª°¥µn Š…°ŠŸ¨„µ¦ª—³ ¦´—³ „µ¦¤›¸ ¦¦¤„µµ¦£¤·¸­nªµœ¨¦nª¤ ¦¼žš¸É 2 ­—Š˜³ª°¥µn Š…°รŠŸูป¨ภ„าµพ¦ªท³—่ี ¦3´—ก³ า„รµแ¦ส¤ด¸›¦ง¦ผ¤µล£ก·าµร¨วดั ระดับการมีธรรมาภบิ าล œ˜· ·›¦¦¤ ‡»–›¦¦¤ ‡ªµ¤Ãž¦nŠÄ­ „µ¦¤¸­ªn œ¦ªn ¤ ­µÎ œ¹„¦´Ÿ—· ° ‡ªµ¤‡¤»o ‡µn œ·˜·›¦¦¤ ‡»–›¦¦¤ ‡ªµ¤Ãž¦Šn Ä­ „µ¦¤­¸ ªn œ¦ªn ¤ ­Îµœ¹„¦´ Ÿ—· ° ‡ªµ¤‡»o¤‡µn 1.00 0.66 0.66 0.81 0.80 0.65 1.00 0.66 0.66 0.81 0.80 0.65 0.80 0.80 0.600.60 0.480.48 0.400.40 0.200.20 -- ‡nµÁŒ‡¨nµ¸É¥ÁŒ¨¸¥É 138 สถาบันพระปกเกล้า ¦ž¼ šÉ¸ 3 „µ¦Â­—ŠŸ¨„µ¦ª—³ ¦´—³„µ¦¤›¸ ¦¦¤µ£· µ¨ ¦¼žš¸É 3 „µ¦Â­—ŠŸ¨„µ¦ª—³ ¦´—³ „µ¦¤›¸ ¦¦¤µ£· µ¨

„µ¦Ä®o ¦·„µ¦­µ›µ¦–³Ã—¥„µ¦¤­¸ nªœ¦ªn ¤…°Šž¦³µœ การบริหารจดั การบ้านเมืองท่ีดี ­™µ´œ¡¦³ž„Á„¨oµ รูปภาพท่ี 4 แสดงผลการวดั ระดบั การมคี วามโปรง่ ใสในองคก์ ร 1.00 0.63 шњѤ нњѨѸ чѤ ўјдѤ зњѥєѱюіҕкѲѝ 0.48 0.80 t1 at 0.60 0.43 0.47 0.40 0.31 0.20 - t2 t3 t4 T1 ®œnª¥Tе1œ ¤‡¸ ªµห¤นÃว่žย¦งŠn าÄน­ม—คี oµวœามÃโ‡ป¦รŠง่ ­ใส¦ดµo า้Šนโครงสร้าง T2 ®œnª¥Tе2œ ¤‡¸ ªµห¤นÃว่žย¦งnŠาÄน­ม—ีคµoวœาม„โµป¦รÄง่ ®ใส‡o ด–» า้ นการใหค้ ุณ T3 ®®œœnnªª¥¥T TŠŠ43µµœœ¤¤ ‡¸‡¸ ªªµµหห¤¤นนÃÃว่่วžžยย¦¦งงŠnŠnาานนÄÄ­­มมีีคค——ววoµµo œœาามม„„โโปปµµรร¦¦ง่่งÁĞใใ®สสd—oÃดดÁš้้าาŸนน¬¥กก…าารร°o ใเ¤ปห¼¨ิด้โทเผษ ยข้อมูล T4 ¦ž¼ šÉ¸ 4 ­ท—ี่ดŠีใŸน¨อ„รงµูปค¦ªด์ก—³ ังร¦กแ´ลล—่าะ³วส„ขาµ้าม¦ง¤าตร‡¸ ้นถªแµเป¤สÃ็นดžกง¦าผnŠรลÄน­ใำหÄเœส้เข°น้าŠอใ‡จตr„ไั¦วดอ้งย่าย่างๆผลแกลาะรชทัดดเลจอนง วัดการบริหารจัดการ ¦¼ž—´Š„¨nµª…oµŠ˜oœÁž}œ„µ¦œÎµÁ­œ°˜´ª°¥nµŠŸ¨„µ¦š—¨°Šª´—„µ¦¦·®µ¦‹´—„µ¦š¸É—¸Äœ°Š‡r„¦Â¨³ ­µ¤µ¦™Â­—ŠŸ¨Ä®oÁ…µo ċŗoеn ¥Ç ¨³´—Á‹œ 2. „µ¦Á­¦¤· ­¦oµŠ„µ¦¤¸­nªœ¦ªn ¤…°Šž¦³µœ —´Š„¨nµªÂ¨oªªnµ „µ¦¤¸­nªœ¦nª¤…°Šž¦³µœÁž}œ¡ºÊœ“µœ­Îµ‡´…°Š„µ¦¦·®µ¦‹´—„µ¦š¸É—¸Â¨³‹³ œÎµ¤µ­n¼®¨´„„µ¦­Îµ‡´°ÉºœÇ ˜n°Åž ¨³Äœš§¬‘¸„µ¦¦·®µ¦ÂœªÄ®¤n‹³Ä®ož¦³µœÁž}œ«¼œ¥r„¨µŠ ˜¨°—‹œ ÁœoœšÉ¸„µ¦¤¸­nªœ¦nª¤…°Šž¦³µœš´ÊŠ­Ê·œ ץĜšÉ¸œส¸Ê…ถ°าÂบนั nŠพ¦³ร—ะป´ก…เ´Êœกล„µ้า¦ ¤¸­1nª3œ9¦nª¤…°Š ž¦³µœ°µ‹ÂŠn ŗ‹o µ„¦³—´˜Îɵ­»—Åž®µ¦³—´­¼Š­—» °°„Ážœ} 6 ¦³—´ ¨³‹µÎ œªœž¦³µœšÉ¸Á…oµ¤¸­nªœ ¦nª¤ÄœÂ˜n¨³¦³—´‹³Áž}œž’·£µ‡„´¦³—´…°Š„µ¦¤¸­nªœ¦nª¤ „¨nµª‡º° ™oµ¦³—´„µ¦¤¸­nªœ¦nª¤˜Éε ‹Îµœªœ

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) 2. การเสริมสร้างการมสี ว่ นร่วมของประชาชน ดังกล่าวแล้วว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นพื้นฐานสำคัญของ การบริหารจัดการที่ดีและจะนำมาสู่หลักการสำคัญอื่นๆ ต่อไป และใน ทฤษฎีการบริหารแนวใหม่จะให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตลอดจน เน้นที่ การมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งสิ้น โดยในที่นี้ขอแบ่งระดับขั้นการมีส่วนร่วม ของประชาชนอาจแบ่งได้จากระดับต่ำสุดไปหาระดับสูงสุด ออกเป็น 6 ระดับ และจำนวนประชาชนที่เข้ามีส่วนร่วมในแต่ละระดับจะเป็นปฏิภาค กับระดับของการมีส่วนร่วม กล่าวคือ ถ้าระดับการมีส่วนร่วมต่ำ จำนวน ประชาชนที่เข้ามีส่วนร่วมจะมาก และยิ่งระดับการมีส่วนร่วมสูงขึ้นเพียงใด จำนวนประชาชนที่เข้ามีส่วนร่วมก็จะลดลงตามลำดับ ระดับการมีส่วนร่วม ของประชาชนเรียงตามลำดับจากต่ำสุดไปหาสูงสุด ได้แก่ 1 ระดับการให้ข้อมูล 2 ระดับการเปิดรับความคิดเห็นของประชาชน 3 ระดับการปรึกษาหารือ 4 ระดับการวางแผนร่วมกัน 5 ระดับการร่วมปฏิบัติ 6 ระดับการควบคุมโดยประชาชน การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้นในหน่วยงานจะเป็น การดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและเป็นไปตาม พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 140 สถาบนั พระปกเกลา้

การบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี ต่อไปนี้คือระดับของการมีส่วนร่วมที่ควรจะให้มีขึ้นในการดำเนินการของ หน่วยงานต่างๆ 1 ระดับการให้ข้อมูล เป็นระดับต่ำสุดและเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดของการ ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้วางแผนโครงการกับประชาชน เพื่อให้ข้อมูลแก่ ประชาชนเกี่ยวกับการตัดสินใจของผู้วางแผนโครงการ แต่ไม่เปิดโอกาส ให้แสดงความคิดเห็นหรือเข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ วิธีการให้ข้อมูลอาจกระทำ ได้หลายวิธี เช่น การแถลงข่าว การแจกข่าว การแสดงนิทรรศการ และการ ทำหนังสือพิมพ์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันมิ ให้รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจดุลพินิจในการให้หรือไม่ให้ข้อมูล ดังกล่าวแก่ประชาชน จึงควรมีข้อกำหนดให้รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องกระทำและกระทำอย่างทั่วถึงด้วย ยกเว้นข้อมูลบางประเภท เช่น เรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เป็นต้น 2 ระดับการเปิดรับความคิดเห็นจากประชาชน เป็นระดับขั้นที่สูงกว่าระดับ แรก กล่าวคือ ผู้วางแผนโครงการเชิญชวนให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ได้ข้อมูลมากขึ้น และประเด็นในการประเมินข้อดีข้อเสียชัดเจนยิ่ง ขึ้น เช่น การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการริเริ่มโครงการ ต่างๆ และการบรรยายให้ประชาชนฟังเกี่ยวกับโครงการต่างๆ แล้วขอ ความคิดเห็นจากผู้ฟัง เป็นต้น 3 ระดับการปรึกษาหารือ เป็นระดับขั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนที่สูงกว่า การเปิดรับความคิดเห็นจากประชาชน เป็นการเจรจากันอย่างเป็นทางการ ระหว่างผู้วางแผนโครงการและประชาชน เพื่อประเมินความก้าวหน้าหรือ ระบุประเด็นหรือข้อสงสัยต่างๆ เช่น การจัดประชุม การจัดสัมมนาเชิง ปฏิบัติการ และการเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น เป็นต้น สถาบันพระปกเกลา้ 141

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) 4 ระดับการวางแผนร่วมกัน เป็นระดับขั้นที่สูงกว่าการปรึกษาหารือ กล่าวคือ เป็นเรื่องการมีส่วนร่วมที่มีขอบเขตกว้างมากขึ้น มีความรับผิดชอบร่วมกัน ในการวางแผนเตรียมโครงการ และผลที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ เหมาะสมที่จะใช้สำหรับการพิจารณาประเด็นที่มีความยุ่งยากซับซ้อนและมี ข้อโต้แย้งมาก เช่น การใช้กลุ่มที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การใช้อนุญาโตตุลาการเพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้ง และการเจรจา เพื่อหาทางประนีประนอมกัน เป็นอาทิ 5 ระดับการร่วมปฏิบัติ เป็นระดับขั้นที่สูงถัดไปจากระดับการวางแผนร่วมกัน คือ เป็นระดับที่ผู้รับผิดชอบโครงการกับประชาชนร่วมกันดำเนินโครงการ เป็นขั้นการนำโครงการไปปฏิบัติร่วมกันเพื่อให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่ วางไว้ 6 ระดับการควบคุมโดยประชาชน เป็นระดับสูงสุดของการมีส่วนร่วมโดย ประชาชน เพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้งที่มีอยู่ทั้งหมด เช่น การลงประชามติ เป็นต้น คณะผู้วิจัยขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการลงประชามติไว้ 2 ประการ คือ ประการแรกการลงประชามติจะสะท้อนถึงความต้องการของประชาชน ได้ดีเพียงใด อย่างน้อยขึ้นอยู่กับความชัดเจนของประเด็นที่จะลงประชามติ และการกระจายข่าวสารเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของประเด็นดังกล่าวให้ ประชาชนเข้าใจอย่างสมบูรณ์และทั่วถึงเพียงใดและประการที่สองใน ประเทศที่มีการพัฒนาทางการเมืองแล้ว ผลของการลงประชามติจะมี ผลบังคับให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม แต่สำหรับกรณีของประเทศไทย ตาม รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบันผลของการลงประชามติ เป็นเพียงข้อแนะนำสำหรับรัฐบาลเท่านั้น ไม่มีผลบังคับให้รัฐบาลต้อง ปฏิบัติตามแต่อย่างใด (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 214) 142 สถาบนั พระปกเกลา้

การบรหิ ารจดั การบา้ นเมอื งท่ีด ี เพื่อช่วยให้เข้าใจระดับขั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ความแตกต่างและ เครื่องมือสำคัญที่ใช้ในแต่ละระดับได้ง่ายยิ่งขึ้น จึงได้นำเสนอในรูปต่อไปนี้และแสดง ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนไว้ด้วยแล้ว สถาบันพระปกเกล้า 143

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) รปู ภาพท่ี 5 ระดบั ขั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ระดบั ข้ันและเคร่ืองมือของระบบประชาธปิ ไตยแบบมสี ่วนร่วม (levels and instruments of participatory democracy) สงู มาก การควบคมุ โดยประชาชน ระดบั สงู สดุ ของการมีส่วนร่วม / แกป้ ญั หา ที่ขดั แยง้ อยทู่ ัง้ หมด เช่น การลงประชามต ิ ร่วมตดิ ตามตรวจสอบ นอ้ ย คณะกรรมการตดิ ตาม ตรวจสอบ ระดบั ของ การรว่ มปฏิบตั ิ จำนวนประชาชน การมสี ่วนร่วม ท่ีเกย่ี วข้อง ดำเนนิ กิจกรรมร่วมกัน การวางแผนรว่ มกัน การมสี ่วนร่วมที่กวา้ งข้ึน มคี วามรับผดิ ชอบรว่ มกนั ในการวางแผนและผลจะท่ีเกิดขน้ึ ใชส้ ำหรบั ประเด็นทซ่ี บั ซ้อน และมีข้อโตแ้ ย้งมาก เชน่ กลุ่มท่ปี รกึ ษา คณะวางแผน การปรึกษาหารอื การเจรจากนั อยา่ งเปน็ ทางการระหว่างผ้วู างแผนโครงการ และประชาชน เพ่อื ประเมนิ ความก้าวหนา้ หรือระบุประเด็น หรอื ขอ้ สงสยั ต่างๆ เชน่ การจดั ประชุม การจดั สมั มนาเชิงปฏบิ ตั กิ าร การเปิดกวา้ งรับขอ้ คิดเห็น ต่ำ การเปิดรบั ความคดิ เห็นจากประชาชน ผู้วางแผนโครงการเชิญชวนใหป้ ระชาชนแสดงความคิดเหน็ เพอื่ ให้ไดข้ ้อมูลมากขึน้ และเพอ่ื ใหป้ ระเดน็ ในการประเมินผลชัดเจนย่งิ ขึ้น มาก เช่น การสำรวจ การบรรยายใหป้ ระชาชนฟังถึงกิจกรรม แล้วรบั ขอ้ คิดเหน็ การใหข้ อ้ มลู เป็นวิธีการทง่ี า่ ยท่ีสดุ ของการติดตอ่ สื่อสารระหวา่ งผู้วางแผนโครงการและประชาชน เพือ่ ให้ขอ้ มลู แก่ประชาชนเกี่ยวกบั การตัดสนิ ใจของผ้วู างแผนโครงการหรอื กิจกรรมนนั้ ๆ แต่ไมเ่ ปดิ โอกาสใหม้ กี ารแสดงข้อคิดเหน็ หรือเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งใดๆ เช่น การแถลงข่าว การแจกข่าว การแสดงนทิ รรศการ การทำหนังสอื พิมพ์ใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั กิจกรรม 144 สถาบนั พระปกเกลา้

การบริหารจัดการบ้านเมอื งทด่ี ี โดยกระบวนการมีส่วนร่วมนั้นประชาชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วสมได้จนครบ วงจร อาทิ รูปที่ 6 รูปภาพที่ 6 กระบวนการมสี ว่ นร่วม 1. มีส่วนรว่ มในการ วางแผน 4. มีส่วนรว่ มในการ 2. มสี ว่ นร่วมในการ ติดตามประเมินผล ปฏบิ ัต/ิ ดำเนินการ 3. มสี ว่ นรว่ มในการ จดั สรรผลประโยชน์ กระบวนการมีส่วนร่วม สามารถจัดแบ่งขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ ขั้นที่ 1 ส่วนร่วมในการวางแผน ประกอบด้วยการรับรู้ เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผน และร่วมวางแผน กิจกรรม ขั้นที่ 2 มีส่วนร่วมในการปฏิบัติ/ดำเนินการ ประกอบด้วยการเกี่ยวข้องกับการดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ และการ ตัดสินใจ สถาบันพระปกเกลา้ 145

การให้บริการสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ขั้นที่ 3 มีส่วนร่วมในการจัดสรรผลประโยชน์ เป็นการมีส่วนร่วมในการจัดสรรประโยชน์ หรือผลของกิจกรรม หรือผล ของการตัดสินใจที่เกิดขึ้น ขั้นที่ 4 มีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผล เกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะประเมินประสิทธิผลของโครงการ กิจกรรม ต่างๆ และพิจารณาวิธีการที่จะดำเนินการต่อเนื่องต่อไป ประชาชนจะเข้ามา เกี่ยวข้องกับการคิด เกณฑ์ในการประเมินโครงการ หรือกิจกรรมต่างๆ ด้วย ซึ่งผลของกระบวนการประเมินนี้ จะกลายเป็นปัจจัยนำเข้าใน กระบวนการมีส่วนร่วมขั้นที่ 1 ซึ่งเป็นขั้นตอนของการวางแผนต่อไป อนึ่งการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเมืองและการบริหาร มีการกระจาย อำนาจในการตัดสินใจและการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ในระหว่างประชาชนให้เท่าเทียม กัน อำนาจในการตัดสินใจและการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ นั้น จะส่งผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน มีการเพิ่มการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน มีความยืดหยุ่นได้ กล่าวคือ มีโครงสร้างการทำงานที่สามารถตรวจสอบได้ มีความ โปร่งใส และคำนึงถึงความต้องการทรัพยากรของผู้มีส่วนร่วม และการมีส่วนร่วมของ ประชาชนมีทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เป็นการบริหารจัดการที่ดี ที่เรียกได้ว่ามี คุณค่าอย่างแท้จริงเหนือกว่าการมุ่งที่การคิดเป็นตัวเงินเป็นหลัก ทั้งนี้เพราะ ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นสำคัญโดยที่การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกระบวนการซึ่งประชาชน หรือผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียได้มีโอกาสแสดงทัศนะ และเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่มีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งมีการนำความคิดเห็นดังกล่าวไปประกอบการ พิจารณากำหนดนโยบายและการตัดสินใจของรัฐ การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็น กระบวนการสื่อสารในระบบเปิด กล่าวคือ เป็นการสื่อสารสองทาง ทั้งอย่างเป็น 146 สถาบนั พระปกเกล้า

การบรหิ ารจัดการบา้ นเมืองที่ด ี ทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วยการแบ่งสรรข้อมูลร่วมกันระหว่างผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียและเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในสังคม ทั้งนี้ เพราะการม ี ส่วนร่วมของประชาชน เป็นการเพิ่มคุณภาพของการตัดสินใจ การลดค่าใช้จ่ายและ การสูญเสียเวลา เป็นการสร้างฉันทามติ และทำให้ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติ อีกทั้งช่วย หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าใน “กรณีที่ร้ายแรงที่สุด” ช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือและ ความชอบธรรม และช่วยให้ทราบความห่วงกังวลของประชาชนและค่านิยมของ สาธารณชนรวมทั้งเป็นการพัฒนาความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์ของ สาธารณชน การมีส่วนร่วมของประชาชนมีความสำคัญในการสร้างประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน และส่งเสริมการบริหารจัดการที่ดี ตลอดจนการบริหารงาน หากการมีส่วนร่วมของ ประชาชนมากขึ้นเพียงใดก็จะช่วยให้มีการตรวจสอบการทำงานของผู้บริหาร และทำให้ ผู้บริหารมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการป้องกันนักการเมือง จากการกำหนดนโยบายที่ไม่เหมาะสมกับสังคมนั้นๆ นอกจากนี้การมีส่วนร่วมของ ประชาชนยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่าเสียงของประชาชนจะมีคนรับฟัง อีกทั้งความ ต้องการหรือความปรารถนาของประชาชนก็จะได้รับการตอบสนอง ดังนั้นการมีประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม จึงเป็นแนวปฏิบัติของการบริหาร จัดการที่ดีที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงทัศนะและมีส่วนในการตัดสินใจในเรื่อง ต่างๆ ที่จะมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเอง นอกจากจะช่วยให้การตัดสินใจ ของผู้เสนอโครงการหรือรัฐบาลมีความรอบคอบ และสอดรับกับปัญหาและความ ต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการควบคุมการบริหารงานของรัฐบาลให้มี ความโปร่งใส (Transparency) ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของประชาชน (Responsiveness) และมีความรับผิดชอบหรือสามารถตอบคำถามของประชาชนได้ (Accountability) อีกด้วย ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย สถาบันพระปกเกล้า 147

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมสี ว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) 3. การส่งเสรมิ การมีประชาสังคม ประชาสังคมเป็นกลุ่มประชาชน ชุมชนที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อบรรลุ เป้าหมายร่วมกัน โดยมีรูแบบที่ดำเนินการอาทิการจัดเวที ปรึกษาหารือ เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ ร่วมตรวจสอบ ติดตาม ดูและผลประโยชน์อำนวยประโยชน์ในการทำงานของท้องถิ่น รับทราบปัญหาความต้องการของชุมชน เป็นการช่วยทำให้เกิดสังคมเข้มแข็ง ซึ่งจะประกอบด้วยการมีเครือข่ายองค์กรทางสังคม มีการตอบแทนกัน มีความไว้วางใจ มีการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมสาธารณะอย่าง ต่อเนื่อง โดยเป็นความสัมพันธ์กับประชาชนเป็นแนวราบ มีความเท่าเทียมกัน ของผู้ที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์กัน จัดเป็นการเสริมการปฏิบัติในเรื่องการบริหาร จัดการที่ดีให้เป็นจริงอย่างยั่งยืนมากกว่าที่ภาครัฐจะดำเนินการแต่ฝ่ายเดียว อนึ่งเพื่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมและมีประชาสังคมที่เข้มแข็ง ผู้นำต้องมีความเต็มใจที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ดูถูกประชาชน ให้ ประชาชนเข้ามาตั้งแต่กระบวนการริเริ่มโครงการ สร้างความเชื่อมั่นให้กับ ประชาชน และมีการ การสนับสนุนให้เกิดกลุ่มประชาสังคมที่เข้มแข็ง รูปที่ 7 และ 8 เป็นการแสดงตัวอย่างของการบริหารจัดการที่ดีในการจัดการ ทรัพยากร ซึ่ง ประชาชนและหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มแรก และมีกระบวนการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและได้รับการบริการที่ดีจากรัฐ โดยแต่ละฝ่าย ต้องมีปฏิสัมพันธ์กันร่วมดำเนินการด้วยกัน มีการสื่อสาร 2 ทางอย่างต่อเนื่อง ร่วมกัน ดำเนินการ และร่วมกันกับท้องถิ่นอื่นๆ อีกด้วย 148 สถาบันพระปกเกลา้

การบริหารจดั การบา้ นเมอื งท่ีดี „µ¦Ä®o¦·„µ¦­µ›µ¦–³Ã—¥„µ¦¤¸­nªœ¦ªn ¤…°Šž¦³µœ ­™µ´œ¡¦³ž„Á„¨µo „µ¦Ä®o¦·„µ¦­µ›µ¦–ร³Ãูป—ภ¥„าµพ¦¤ท­¸ ี่ ªn 7œ¦กªn ¤าร…°บŠรž¦หิ ³ารµจœดั การที่ดีในการจัดการทรพั ยากร ­™µœ´ ¡¦³ž„Á„¨oµ ®¨´„„µ¦¦®· µ¦‹—´ „µ¦š¸É—¸Äœ„µ¦‹´—„µ¦š¦´¡¥µ„¦ Áœœo ®š¨É¸ž´„¦„³µ¦µœ¦®· µ¦‹—´ „µ¦š—ɸ ¸Äœ„µ¦‹—´ „µ¦š¦¡´ ¥µ„¦ ÁœoœšžžÉ¸ ¦¦³³µµœœ˜o°Š • ¦´ ¦žo¼…¦o°³¤¨¼µ…œnµª˜­o°µŠ¦šÉ¸™„¼ ˜o°Š Áš¥¸É Š˜¦Š š´œ„µ¦–r £µ‡¦“´ • ¦¨´³¦¡o¼…o°¤Á¡¨¼ ¸¥…еn ª­µ¦šÉ™¸ „¼ ˜o°Š ÁšÉ¥¸ Š˜¦Š š´œ„µ¦–r £µ‡¦“´ • ­Â¨µ¤³¡µ¦°™Á¡Á…¥¸ µo Йй …°o ¤¼¨Å—o­³—ª„ Ĝ„¦–š¸ ɘ¸ °o ŠÁ­¸¥ • ‡›‡­¦µnnµÄĤ¦¤µ‹o‹o¦—µnµn™µ¥¥ÁŅ‹‹¤³³oµn­™˜˜µ¹Šo°°o ­…ŠŠµo°ÅŦ¤¤™¤n¤n¨¼‹µµÅn „„—¥ÁÁ­oń„—³·œ·œo—ÅŪžž„‹‹Äœœœžž„¦¦¦³³–š¸µµ¸É˜œœo°ŠÁ­¸¥ £µ‡›»¦„‹· • ¤›¦¸­¦ªn ¤œ—¦µnªÅ¤¤Än­œµ„­¦µ³¦™ª‹œnµ¥„ŵ—¦o˜µn ŠÇ˜ÊŠ´ ˜nÁ¦·¤É ¦„ £°µ˜» ‡­›µ»¦®„„·‹¦¦¤ • „¤µ­¸ ¦ªn Ŝ—¦o nª´ ¤„ĵœ¦„¦³„· µ¦ªšœ¸É—„¸µ¦˜µn ŠÇ˜ÊŠ´ ˜Án ¦¤É· ¦„ °˜» ­µ®„¦¦¤ ­Éº° ­N°ºÉ GOs • ­„µ¦¤Åµ—¦¦o™´Á¦„¸¥µ„¦¦o°¦Š„· ‡µnµ¦Á𭥏ɗ®¸ µ¥Å—o NGOs • ­µ¤µ¦™Á¦¸¥„¦o°Š‡nµÁ­¸¥®µ¥Å—o ®®¨¨ร´„„´ ปู ¦¦ภ¼ž¼žššาพɸ¸É 77ท„„µµี่ ¦¦8¦¦ก®·®· าµµร¦¦ส‹‹ร´—´—„„า้ งµµ¦¦คššว¸—ɗɸ าĸĸ มœœส„„ัมµµ¦¦พ‹‹—´—´ ัน„„ธµµ¦¦์กššับ¦¦ฝ¡´´¡¥¥่ายµµ„„ต¦¦่างๆ เพื่อเสรมิ สรา้ งการบริหารจดั การที่ดี ž¦³µœ ž¦³µœ ¦“´ µ¨ ®œnª¦¥“´ Šµœµ¨„¨µŠ ž¦³µ‡¤ ®œªn ¥Šµœ„¨µŠ ž¦³µ‡¤ °˜ …oµ¦µ„µ¦/ …oµ¦µ„µ¦/ °˜ ž¦³µ‡¤ ‹œš.……°µo ¦Š¦µ“´ „Äœµ¦š/o°Š™É·œ ‹œš.……°oµ¦Š¦µ´“„Äœµ¦š/°o Йɷœ ž¦³µ‡¤ ‹œš.…°Š¦“´ Ĝš°o Йɷœ ‹œš.…°Š¦“´ Ĝš°o Š™œÉ· °‹ ž¦³µ‡¤ °‹ °‹ °˜ž¦³µ‡¤ ž¦³µœ °‹ °˜ ž¦³µœ ¦¼žš¸É 8 „µ¦­¦oµŠ‡ªµ¤­¤´ ¡œ´ ›r„´ µi ¥˜nµŠÇ Á¡Éº°Á­¦¤· ­¦µo Š„µ¦¦®· µ¦‹—´ „µ¦š—ɸ ¸ ¦¼žš¸É 8 „µ¦­¦oµŠ‡ªµ¤­¤´ ¡´œ›r„´ µi ¥˜µn ŠÇ Á¡Éº°Á­¦¤· ­¦oµŠ„µ¦¦·®สµ¦ถ‹า´—บ„µัน¦šพ¸É—ร¸ ะปกเกลา้ 149 2-29

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) การบริหารจดั การบา้ นเมอื งทดี่ ี ในการบริหารงานภาครฐั ของไทย และกฎหมายท่เี กยี่ วข้อง รั ฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 จัดเป็นรัฐธรรมนูญที่ มุ่งส่งเสริมการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี ทั้งนี้เพื่อความสุขของประชาชน และนำมาสู่สันติสุขของแผ่นดิน โดยมีเจตนารมณ์หลักคือการเปลี่ยน การเมืองของนักการเมืองเป็นการเมืองของพลเมือง ส่งเสริมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ทำให้การเมืองสุจริต โปร่งใส การตรวจสอบอำนาจรัฐ การเมืองมีเสถียรภาพ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชน ที่มุ่งส่งเสริมการสร้างประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมมากขึ้น ทำให ้ คำว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนได้รับการกล่าวถึงมากขึ้นในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะในกรณีที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม แม้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ระบุเรื่องการมีส่วนร่วมว่ามีในเรื่องใดบ้าง แต่มิได้มีแนวทางใน การปฏิบัติว่าในแต่ละเรื่องมีขั้นตอนอย่างใด จึงทำให้เข้าใจผิดว่าการมีส่วนร่วมของ ประชาชนกับการทำประชาพิจารณ์นั้นเหมือนกัน ผลที่ตามมาที่สำคัญก็คือ เริ่มด้วย 150 สถาบันพระปกเกล้า

การบรหิ ารจัดการบ้านเมอื งท่ีด ี การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จึงมักมีการนำรูปแบบของประชา- พิจารณ์มาใช้อย่างเดียวเท่านั้น และบางครั้งก็ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์และสังคม ไทย ดังนั้นการหาแนวทางในการเสริมสร้างประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมที่เหมาะสม กับสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของสังคมไทยซึ่งจะเกื้อกูลต่อการพัฒนาและปฏิรูป การเมืองของไทยให้ดำเนินไปด้วยความราบรื่นและบรรลุผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ดี มีกฎหมายหลายฉบับที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแต่อีกหลายฉบับต้องปรับปรุงแก้ไข หรือต้องมีการตราขึ้นใหม่เพื่อให้สามารถนำหลักการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไปทำให้บรรลุผล นอกจากนี้ การที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้มีองค์กรอิสระขึ้นมาหลาย องค์กรเพื่อทำให้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเป็นจริง การจัดตั้งองค์กรอิสระใน ประเด็นต่างๆ ซึ่งเป็นไปเพื่อ 1 คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน 2 การมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการทางนโยบายของรัฐ 3 การจัดระบบงานของกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ 4 การอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน 5 การตรวจสอบอำนาจรัฐ 6 การมีเสถียรภาพทางการเมือง โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานเพื่อประชาชนเป็นหลัก สถาบันพระปกเกล้า 151

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) โดยสามารถจัดแบ่งองค์กรอิสระเหล่านี้ออกเป็น 3 กลุ่ม ที่มีหน้าที่ใกล้เคียง หรือสอดคล้องกันในการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน ซึ่งจัดเป็นการเสริมสร้างการบริหาร จัดการที่ดีในประเทศไทย ดังนี้ กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ใช้อำนาจตุลาการ ประกอบด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลยุติธรรม และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบที่มีอำนาจตัดสินใจ (Decision making power) คือ มีอำนาจหน้าที่ในการวางกฎเกณฑ์ดำเนินการ และ ชี้ขาดวินิจฉัย ซึ่งจะมีผลในทางกฎหมาย อันประกอบด้วย คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการเลือกตั้ง กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและให้คำปรึกษา แนะนำ (Advisory power) ประกอบด้วย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้ตรวจการ แผ่นดินของรัฐสภา นอกจากนี้ยังมีกฎหมายต่างๆ ที่ช่วยเป็นกลไกทำให้ภาครัฐต้องปฏิบัติที่สำคัญ ดังต่อไปนี้ 152 สถาบันพระปกเกล้า

การบริหารจดั การบ้านเมืองทดี่ ี พระราชบญั ญตั ขิ อ้ มลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540 โดยกฎหมายนี้ให้ความสำคัญกับการร่วมรับรู้ของประชาชน ประชาชนมีสิทธิในการทราบข้อมูลข่าวสารและมีสิทธิในการขอดูข้อมูล ข่าวสารของทางราชการ บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือขอสำเนา ที่มีคำรับรองถูกต้องของ ข้อมูลข่าวสารได้ นอกจากนี้ หากผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ ข้อมูลข่าวสารตาม มาตรา 7 หรือไม่จัดหา ข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชน ตรวจดูได้ตาม มาตรา 9 หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตาม มาตรา 11 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้อง เรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารได้ โยมีรายละเอียดในมาตราต่างๆ ที่ เกี่ยวข้องดังนี้ หมวด 1 การเปดิ เผยขอ้ มูลข่าวสาร มาตรา 7 หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา - โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน - สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน - สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับ หน่วยงานของรัฐ สถาบันพระปกเกล้า 153

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) - กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตี ความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้นโดย สภาพอย่างกฎเพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง - ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้ มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการ ลง พิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิงถึงสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่า เป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติวรรคหนึ่ง แล้วให้หน่วยงานของรัฐ รวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไว้เผยแพร่เพื่อขาย หรือ จำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตาม ที่เห็นสมควร มาตรา 9 ภายใต้บังคับ มาตรา 14 และ มาตรา 15 หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มี ข้อมูลข่าวสาร ของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดู ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด (1) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้ง ความเห็นแย้งและคำสั่งที่ เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัยดังกล่าว (2) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจา นุเบกษาตาม มาตรา 7 (4) (3) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลัง ดำเนินการ (4) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งม ี ผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน (5) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงตาม มาตรา 7 วรรคสอง 154 สถาบันพระปกเกลา้

การบริหารจดั การบา้ นเมอื งที่ด ี (6) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือ สัญญาร่วมทุนกับเอกชนใน การจัดทำบริการสาธารณะ (7) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมายหรือ โดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงานทางวิชาการ รายงาน ข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ ด้วย (8) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารที่จัดให้ ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผย ตาม มาตรา 14 หรือ มาตรา 15 อยู่ด้วย ให้ ลบ หรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิด เผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนา หรือขอสำเนา ที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีที่ สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียก ค่าธรรมเนียมในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึง การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมี สิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง มาตรา 10 บทบัญญัติ มาตรา 7 และ มาตรา 9 ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของ ราชการที่มี กฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีการเผยแพร่หรือเปิดเผยด้วย วิธีการอย่างอื่น มาตรา 11 นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่ จัดไว้ ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้า ตาม มาตรา 26 แล้ว ถ้าบุคคล ใดขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและ สถาบันพระปกเกลา้ 155

การให้บริการสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) คำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสารที่ต้องการในลักษณะที่ อาจเข้าใจได้ตาม ควรให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอ ภายในเวลา อันสมควรเว้นแต่ผู้นั้นขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มี เหตุผลอันสมควร ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอ ขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจะจัดทำสำเนาให้ในสภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้เกิด ความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นก็ได้ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็น ข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมจะให้ได้ มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำวิเคราะห์ จำแนก รวบรวม หรือจัดให้มี ขึ้นใหม่ เว้นแต่เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ในระบบการ บันทึกภาพ หรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการ กำหนด แต่ถ้าหน่วยงาน ของรัฐเห็นว่ากรณีที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้อง สิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้น หรือเป็นเรื่องที่ จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหา ข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้ บทบัญญัติวรรคสามไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสาร ของราชการใด ขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหากเป็นการสอดคล้องด้วยอำนาจหน้าที่ตาม ปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความใน มาตรา 9 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าว สารให้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม 156 สถาบันพระปกเกลา้

การบริหารจัดการบ้านเมอื งท่ีด ี มาตรา 12 ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการตาม มาตรา 11 แม้ว่า ข้อมูลข่าว สารที่ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานส่วนกลางหรือ ส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้น หรือจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วย งานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคำขอให้ คำแนะนำเพื่อ ไปยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ ชักช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคำขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่มีคำขอเป็น ข้อมูลข่าวสารที่จัดทำโด หน่วยงานของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุห้ามการเปิด เผยไว้ตามระเบียบที่กำหนดตาม มาตรา 16 ให้ส่งคำ ขอนั้นให้หน่วยงาน ของรัฐผู้จัดทำข้อมูลข่าวสารนั้นพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป มาตรา 13 ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตาม มาตรา 7 หรือ ไม่จัดหา ข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตาม มาตรา 9 หรือไม่ จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตาม มาตรา 11 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความ สะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้น แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตาม มาตรา 15 หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตาม มาตรา 17 หรือคำสั่งไม่แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตาม มาตรา 25 สถาบนั พระปกเกลา้ 157

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) พระราชกฤษฎีกา วา่ ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบา้ นเมอื งทด่ี ี พ.ศ. 2546 กฎหมายนี้เป็นกฎหมายใหม่ที่ออกมาเพื่อให้หน่วยงานราชการให้ ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่ดี ที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน การมีความโปร่งใสในการทำงาน มีการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ คุ้มค่า มีการอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของประชาชน และมีการประเมินผลการทำงาน มีการลดขั้นตอนการทำงานเพื่อให้เกิด ความคล่องตัว ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยให้ประชาชนเป็น ศูนย์กลาง ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 โดย เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มี การปฏิรูประบบราชการ เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการตอบสนองต่อ การพัฒนาประเทศ และให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งการบริหารราชการและการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการนี้ ต้องใช้วิธีการ บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปเพื่อ ประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เกินความ จำเป็น และประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนอง ความต้องการ รวมทั้งมีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ และเนื่องจาก มาตรา 3/1 แห่ง พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหาร ราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 บัญญัติให้การกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการปฏิบัติราชการและการสั่งการให้ส่วนราชการและข้าราชการ ปฏิบัติราชการ เพื่อให้เกิดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีกระทำโดยตราเป็น พระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ 158 สถาบันพระปกเกล้า

การบรหิ ารจดั การบ้านเมืองที่ดี รายละเอียดที่สำคัญ ปรากฏในหลายมาตรา อันเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของ ประชาชนคือ หมวด 1 การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี มาตรา 6 การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ได้แก่ การบริหารราชการเพื่อบรรลุ เป้าหมาย ดังต่อไปนี้ (1) เกิดประโยชน์สุขของประชาชน (2) เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ (3) มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ (4) ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น (5) มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์ (6) ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนอง ความต้องการ (7) มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ โดยในแต่ละเป้าหมายจะมีวิธีการดำเนินการที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ดังต่อไปนี้ การบริหารราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประชาชน มาตรา 7-8 ในหมวดที่ 2 หมวด 2 การบรหิ ารราชการเพอื่ ใหเ้ กิดประโยชนส์ ขุ ของประชาชน มาตรา 7 การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน หมายถึง การปฏิบัติ ราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความผาสุกและความเป็นอยู่ที่ดีของ สถาบนั พระปกเกลา้ 159

การให้บริการสาธารณะ โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ประชาชนความสงบและปลอดภัยของสังคมส่วนรวม ตลอดจนประโยชน์ สูงสุดของประเทศ มาตรา 8 ในการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ส่วนราชการจะต้อง ดำเนินการโดยถือว่าประชาชนเป็นศูนย์กลางที่จะได้รับการบริการจากรัฐ และจะต้องมีแนวทางการบริหารราชการ ดังต่อไปนี้ (1) การกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการต้องเป็นไปเพื่อ วัตถุประสงค์ตาม มาตรา 7 และสอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ และนโยบายของ คณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา (2) การปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการต้องเป็นไปโดยซื่อสัตย์สุจริต สามารถตรวจสอบได้และมุ่งให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนทั้งใน ระดับประเทศและท้องถิ่น (3) ก่อนเริ่มดำเนินการส่วนราชการต้องจัด ให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลดี และผลเสียให้ครบถ้วนทุกด้าน กำหนดขั้นตอนการดำเนินการที่ โปร่งใส มีกลไกตรวจสอบการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน ในกรณีที่ ภารกิจใดจะมีผลกระทบต่อประชาชน ส่วนราชการต้องดำเนินการ รับฟังความคิดเห็นของประชาชน หรือชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อให้ ประชาชนได้ตระหนักถึงประโยชน์ที่ส่วนรวมจะได้รับจากภารกิจ นั้น (4) ให้เป็นหน้าที่ของข้าราชการที่จะต้องคอยรับฟังความคิดเห็น และ ความพึงพอใจของสังคม โดยรวมและประชาชนผู้รับบริการ เพื่อ ปรับปรุงหรือเสนอแนะต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อให้มีการปรับปรุงวิธี ปฏิบัติราชการให้เหมาะสม 160 สถาบันพระปกเกล้า

การบริหารจัดการบา้ นเมอื งท่ดี ี (5) ในกรณีที่เกิดปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินการ ให้ส่วนราชการ ดำเนินการ แก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว ในกรณีที่ปัญหา หรืออุปสรรคนั้นเกิดขึ้นจากส่วนราชการอื่น หรือระเบียบข้อบังคับที่ ออกโดยส่วนราชการอื่น ให้ส่วนราชการแจ้งให้ส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องทราบ เพื่อดำเนินการแก้ไขปรับปรุงโดยเร็วต่อไป และให้ แจ้ง ก.พ.ร. ทราบด้วย การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ส่วนราชการกำหนดวิธีปฏิบัติให้เหมาะสมกับ ภารกิจแต่ละเรื่อง ทั้งนี้ ก.พ.ร. จะกำหนดแนวทางการดำเนินการทั่วไปให้ส่วนราชการ ปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรานี้ด้วยก็ได้ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน ในหมวดที่ 5 มาตรา 27-32 ดังนี้ หมวด 5 การลดขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน มาตรา 30 ในกระทรวงหนึ่ง ให้เป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงที่จะต้องจัดให้ส่วน ราชการภายใน กระทรวงที่รับผิดชอบปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบริการ ประชาชนร่วมกันจัดตั้งศูนย์บริการร่วม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ ประชาชนในการที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎอื่นใด ทั้งนี้ เพื่อให้ ประชาชนสามารถติดต่อสอบถาม ขอทราบข้อมูล ขออนุญาต หรือขอ อนุมัติในเรื่องใดๆ ที่เป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการในกระทรวง เดียวกัน โดยติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการร่วมเพียงแห่งเดียว มาตรา 31 ในศูนย์บริการร่วมตาม มาตรา 30 ให้จัดให้มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องราวต่างๆ และดำเนินการส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนิน การต่อไป โดยให้มีข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของทุก สถาบันพระปกเกล้า 161

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ส่วนราชการในกระทรวง รวมทั้งแบบคำขอต่างๆ ไว้ให้พร้อมที่จะบริการ ประชาชนได้ ณ ศูนย์บริการร่วม ให้เป็นหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จะต้องจัดพิมพ์รายละเอียดของเอกสาร หลักฐาน ที่ประชาชนจะต้องจัดหามาในการขออนุมัติหรือขออนุญาตในแต่ละเรื่องมอบ ให้แก่เจ้าหน้าที่ของศูนย์บริการร่วม และให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการร่วมที่ จะต้องแจ้งให้ประชาชนที่มาติดต่อได้ทราบในครั้งแรกที่มาติดต่อ และตรวจสอบว่า เอกสารหลักฐานที่จำเป็นดังกล่าวนั้นประชาชนได้ยื่นมาครบถ้วนหรือไม่ พร้อมทั้งแจ้ง ให้ทราบถึงระยะเวลาที่จะต้องใช้ดำเนินการในเรื่องนั้น ในการยื่นคำร้องหรือคำขอต่อศูนย์บริการร่วมตาม มาตรา 30 ให้ถือว่าเป็นการ ยื่นต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในกฎหมายหรือกฎแล้ว ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากมีปัญหา หรืออุปสรรคในการปฏิบัติ ราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎหมายหรือกฎในเรื่องใด ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแจ้งให้ ก.พ.ร. ทราบ เพื่อดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีให้ มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการตามกฎหมายหรือกฎนั้นต่อไป มาตรา 32 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำ กิ่งอำเภอ จัดให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบดำเนินการเกี่ยวกับการบริการ ประชาชนในเรื่องเดียวกันหรือต่อเนื่องกันในจังหวัด อำเภอ หรือกิ่งอำเภอ นั้น ร่วมกันจัดตั้งศูนย์บริการร่วมไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ หรือที่ว่าการกิ่งอำเภอ หรือสถานที่อื่นตามที่เห็นสมควร โดยประกาศให้ ประชาชนทราบ และให้นำความใน มาตรา 30 และ มาตรา 31 มาใช้บังคับ ด้วยโดยอนุโลม 162 สถาบันพระปกเกล้า

การบริหารจดั การบา้ นเมอื งที่ด ี การอำนวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชนในหมวดที่ 7 มาตรา 37-44 หมวด 7 การอำนวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชน มาตรา 37 ในการปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริการประชาชนหรือติดต่อประสาน งานระหว่างส่วนราชการด้วยกัน ให้ส่วนราชการกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จ ของงานแต่ละงาน และประกาศให้ประชาชนและข้าราชการทราบเป็น การทั่วไป ส่วนราชการใดมิได้กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงานใด และ ก.พ.ร. พิจารณาเห็นว่างานนั้นมีลักษณะที่สามารถกำหนดระยะเวลาแล้ว เสร็จได้ หรือส่วนราชการได้กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จไว้ แต่ ก.พ.ร. เห็นว่าเป็นระยะเวลาที่ล่าช้าเกินสมควร ก.พ.ร. จะกำหนดเวลาแล้วเสร็จให้ ส่วนราชการนั้นต้องปฏิบัติก็ได้ ให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่จะต้องตรวจสอบ ให้ข้าราชการปฏิบัติงานให้ แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง มาตรา 38 เมื่อส่วนราชการใดได้รับการติดต่อสอบถามเป็นหนังสือจากประชาชน หรือ จากส่วนราชการด้วยกันเกี่ยวกับงานที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ นั้น ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการนั้นที่จะต้องตอบคำถามหรือแจ้งการ ดำเนินการให้ทราบภายใน สิบห้าวันหรือภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ ตาม มาตรา 37 มาตรา 39 ให้ส่วนราชการจัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศของ ส่วนราชการเพื่อ อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะสามารถติดต่อสอบถามหรือขอ ข้อมูล หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ สถาบนั พระปกเกล้า 163

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมีสว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) ระบบเครือข่ายสารสนเทศตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดทำในระบบเดียวกับที่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดให้มีขึ้นตาม มาตรา 40 มาตรา 40 เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่ประชาชนในการติดต่อกับ ส่วนราชการทุกแห่งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดให้ มีระบบเครือข่ายสารสนเทศกลางขึ้น ในกรณีที่ส่วนราชการใดไม่อาจจัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วน ราชการได้ อาจร้องขอให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการ จัดทำระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการดังกล่าวก็ได้ ในการนี้กระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะขอให้ส่วนราชการให้ความช่วยเหลือด้าน บุคลากร ค่าใช้จ่าย และข้อมูลในการดำเนินการก็ได้ มาตรา 41 ในกรณีที่ส่วนราชการได้รับคำร้องเรียน เสนอแนะ หรือความคิดเห็นเกี่ยว กับวิธีปฏิบัติราชการ อุปสรรค ความยุ่งยาก หรือปัญหาอื่นใดจากบุคคลใด โดยมีข้อมูลและสาระตามสมควร ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการนั้นที่จะ ต้องพิจารณาดำเนินการให้ลุล่วงไป และในกรณีที่มีที่อยู่ของบุคคลนั้น ให้ แจ้งให้บุคคลนั้นทราบผลการดำเนินการด้วย ทั้งนี้ อาจแจ้งให้ทราบผ่าน ทางระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการด้วยก็ได้ ในกรณีการแจ้ง ผ่านทางระบบเครือข่ายสารสนเทศ มิให้เปิดเผยชื่อหรือที่อยู่ของผู้ร้อง เรียน เสนอแนะ หรือแสดงความคิดเห็น มาตรา 42 เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความสะดวก รวดเร็ว ให้ส่วนราชการที่มีอำนาจออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ เพื่อใช้บังคับกับส่วนราชการอื่น มีหน้าที่ตรวจสอบว่ากฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศนั้น เป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความยุ่งยาก 164 สถาบนั พระปกเกล้า

การบรหิ ารจัดการบ้านเมืองทด่ี ี ซ้ำซ้อน หรือความล่าช้า ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการอื่นหรือไม่เพื่อ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมโดยเร็วต่อไป ในกรณีที่ได้รับการ ร้องเรียนหรือเสนอแนะจากข้าราชการหรือส่วนราชการอื่นในเรื่องใด ให้ส่วนราชการที่ออกกฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศนั้นพิจารณาโดย ทันที และในกรณีที่เห็นว่าการร้องเรียนหรือเสนอแนะนั้นเกิดจากความ เข้าใจผิดหรือความไม่เข้าใจในกฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ ให้ชี้แจง ให้ผู้ร้องเรียนหรือเสนอแนะทราบภายในสิบห้าวันการร้องเรียนหรือเสนอ แนะตามวรรคสอง จะแจ้งผ่าน ก.พ.ร. ก็ได้ ในกรณีที่ ก.พ.ร. เห็นว่า กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศใดมีลักษณะตามวรรคหนึ่ง ให้ ก.พ.ร. แจ้งให้ส่วนราชการที่ออกกฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศนั้นทราบเพื่อ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข หรือยกเลิก ต่อไปโดยเร็ว มาตรา 43 การปฏิบัติราชการในเรื่องใดๆ โดยปกติให้ถือว่าเป็นเรื่องเปิดเผย เว้นแต่ กรณีมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของ ประเทศความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การรักษาความสงบเรียบร้อยของ ประชาชน หรือการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล จึงให้กำหนดเป็นความลับได้ เท่าที่จำเป็น มาตรา 44 ส่วนราชการต้องจัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่าย แต่ละปี รายการเกี่ยวกับการจัดซื้อหรือจัดจ้างที่จะดำเนินการใน ปีงบประมาณนั้น และสัญญาใดๆ ที่ได้มีการอนุมัติให้จัดซื้อหรือจัดจ้าง แล้ว ให้ประชาชนสามารถขอดูหรือตรวจสอบได้ ณ สถานที่ทำการของส่วน ราชการ และระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการ ทั้งนี้ การเปิดเผย ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่ก่อให้เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบหรือความ เสียหายแก่บุคคลใดในการจัดซื้อหรือจัดจ้าง ในการจัดทำสัญญาจัดซื้อ สถาบันพระปกเกลา้ 165

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) หรือจัดจ้าง ห้ามมิให้มีข้อความหรือข้อตกลงห้ามมิให้เปิดเผยข้อความหรือ ข้อตกลงในสัญญาดังกล่าว เว้นแต่ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่อยู่ภายใต้ บังคับกฎหมาย กฎระเบียบ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวกับการคุ้มครองความลับ ทางราชการ หรือในส่วนที่เป็นความลับทางการค้า กฎหมายที่นำเสนอนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ดีกฎหมายต่างๆ ที่มิได้ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ทั้งยังมีกฎหมาย อีกหลายฉบับที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าต้องมี แต่ยังมิได้ออกมาบังคับใช้แต่อย่างใด ทำให้ประชาชนยังขาดช่องทางในการเข้ามาสู่กระบวนการมีส่วนร่วมได้อย่างสมบูรณ์ จัดได้ว่าพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมือง ที่ดี พ.ศ. 2546 เป็นกฎหมายหลักที่เป็นแนวปฏิบัติแก่ข้าราชการในการส่งเสริมการมี ส่วนร่วม 166 สถาบนั พระปกเกลา้

การบรหิ ารจดั การบา้ นเมืองท่ดี ี พ.ร.บ. ระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดิน (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2545 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2545 เพื่อเป็นการสมควร ปรับปรุงระบบบริหารราชการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานตอบสนองต่อการ พัฒนาประเทศและการให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้การบริหารราชการแนวทางใหม่ต้องมีการกำหนดนโยบาย เป้าหมาย และแผนการปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถประเมินผลการปฏิบัติ ราชการในแต่ละระดับได้อย่างชัดเจน มีกรอบการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เป็นแนวทางในการกำกับการกำหนดนโยบายและการปฏิบัติราชการ ซึ่งได้ให้ ความสำคัญกับเรื่องประโยชน์สุขของประชาชน และการกระจายภารกิจและ ทรัพยากรให้ท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจน ดังปรากฏในมาตรา 3/1 ดังนี้ มาตรา 3/1 “การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุข ของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลด ภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและ ทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจายอำนาจตัดสินใจ การอำนวยความ สะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยมี ผู้รับผิดชอบต่อผลของงาน การจัดสรรงบประมาณ และการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรง ตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ ต้องคำนึงถึงหลักการตามวรรคหนึ่ง ในการ ปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมี สถาบนั พระปกเกลา้ 167

การให้บริการสาธารณะ โดยการมีสว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) ส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตามตรวจสอบและ ประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรานี้ จะตราพระราช- กฤษฎีกา กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการปฏิบัติ ราชการและ การสั่งการให้ส่วนราชการและข้าราชการปฏิบัติก็ได้” โดยสรุปประเทศไทยมีการพยายามดำเนินการเพื่อให้เกิดการ บริหารจัดการที่ดีในภาครัฐและภาคประชาชน โดยเริ่มจากเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นสำคัญ หลังจาก นั้นจึงมีกฎหมายอื่นที่ที่บัญญัติให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ตลอดจนมี แนวปฏิบัติอีกมากมายที่หน่วยงานต่างๆ เริ่มดำเนินการกันแล้ว 168 สถาบนั พระปกเกลา้

การบรหิ ารจดั การบ้านเมอื งท่ีดี ปญั หาและอปุ สรรค โดยเป้าหมายของการมีการบริหารจัดการที่ดีก็เพื่อความเป็นธรรม กล่าวคือ ประชาชนทุกคนต้องได้รับความเป็นธรรม ความเท่าเทียมกัน นอกจากนี้การมี หลักการบริหารจัดการที่ดีก็เพื่อการมีความสุจริตในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ สุจริตต่อตนเองและผู้อื่น ตลอดจนมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นการได้ผลลัพธ์ของการทำงานที่บรรลุผลสำเร็จอย่างแท้จริงทั้งทางคุณภาพและ ปริมาณ โดยผลสำเร็จนี้มิใช่การตีค่าเป็นตัวเงินเท่านั้นแต่เป็นผลสำเร็จของความมี คุณค่าทางด้านจิตใจและสังคม เป็นการรักษาสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีของความ เป็นมนุษย์อีกด้วย การดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งการบริหารจัดการที่ดีนั้นมีหลากหลายวิธี ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการทำงานได้ทั้งในภาคราชการ เอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน หรือปัจเจกชนก็ได้ทั้งสิ้น ขึ้น กับใครจะนำไปใช้ โดยหลักทั่วไปคือการมีความโปร่งใสใน การทำงาน การมีความรับผิดชอบ ถูกตรวจสอบได้ พร้อม รับผิดหากตนเองทำผิด มีการตอบสนองต่อความต้องการ ของประชาชนหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งยังมีการมีส่วน ร่วมของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งรายละเอียด ในแต่ละหลักการที่สำคัญจะนำมากล่าวในตอนต่อไป ส่วนสภาพแวดล้อมของการมีการบริหารจัดการที่ดี หรือ ธรรมาภิบาลนั้น ศาสตราจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ กล่าว ว่าคือการมีกฎหมาย มีระเบียบ มีประมวลจริยธรรม มี ประมวลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ และมีวัฒนธรรม สถาบนั พระปกเกล้า 169

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) การบริหารจัดการที่ดี หรือธรรมาภิบาลจัดเป็นหลักการบริหารแนวใหม่ แต่ การนำมาใช้ไม่ง่ายนักเพราะ มีอุปสรรคอยู่มากมายดังพอสรุปได้ดังนี้ 1 การมีคำจำกัดความที่ไม่ชัดเจน แน่นอน และหลากหลาย ทำให้เกิดความ สับสนว่า การบริหารจัดการที่ดีคืออะไรแน่ และเกิดความเข้าใจที่ต่างกันและปฏิบัติ ต่างกัน เพราะบางคนคิดว่าตนทำดี มีการบริหารจัดการที่ดีอยู่แล้ว มีการพยายาม ตีความของการบริหารจัดการที่ดีไปในทางที่เกิดผลประโยชน์ต่อตนเอง โดยบางคนตี ความธรรมาภิบาลในความหมายที่แคบ โดยเฉพาะเรื่องหลักนิติธรรม การมีส่วนร่วม หรือความโปร่งใส ตัวอย่างเช่นเรื่องการมีส่วนร่วมที่บางคนอาจเห็นว่าแค่การให้ข้อมูล ข่าวสารก็เพียงพอแล้ว การรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอาจสร้างความ ยุ่งยาก ล่าช้า เป็นต้น เรื่องของการใช้กฎหมายที่ให้ความเป็นธรรมเฉพาะคนบางกลุ่ม กล่าวได้ว่ามี 2 มาตรฐานหรือกว่านั้น เช่นคนบางคนที่ทำผิดแต่ไม่ถูกลงโทษหรือ รับโทษน้อยกว่าบางคนที่ทำผิดในเรื่องเดียวกันหรือใกล้เคียง 2 การไม่ปฏิบัติ เพราะไม่เข้าใจวิธีการปฏิบัติ ไม่ทราบว่าการบริหารจัดการที่ดี คืออะไร ผู้บริหารบางคนไม่สนใจ ที่จะนำหลักการบริหารจัดการที่ดีมาใช้เพราะอาจลด อำนาจของตนเองได้ ผลประโยชน์ที่เคยได้รับอาจลดลง ไม่อยากให้ใครมาตรวจสอบ กลัวถูกจับผิด เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่ปฏิบัติ เพราะไม่มีผู้นำ ทำไปก ็ ไร้ประโยชน์ นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่มีศักยภาพที่จะปฏิบัติ เพราะไม่มีความรู้ ไม่มีแนว ปฏิบัติ ไม่ได้รับการฝึกอบรม มีแต่การพูดถึง แต่ไม่มีการนำไปปฏิบัติจริง นอกจากนี้ การไม่ได้รับการสนับสนุนให้มี การนำหลักการบริหารจัดการที่ดีมาใช้ และ ไม่มีสิ่งจูงใจ ให้นำมาใช้ บางคนไม่เห็นประโยชน์ แต่เห็นเป็นการเพิ่มงานมากกว่า นอกจากนี้ อาจมีการใช้การบริหารจัดการที่ดีที่ไม่ทั่วถึง และประเภทปากว่าตาขยิบ ก็อาจมีได้ ซึ่งจัดเป็นอุปสรรคต่อการสร้างการบริหารจัดการที่ดีทั้งสิ้น 170 สถาบนั พระปกเกล้า

การบริหารจดั การบา้ นเมอื งทดี่ ี 3 การเมืองการปกครองที่ไม่สอดคล้องกับการนำการบริหารจัดการที่ดีมาใช้ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญ บางประเทศอาจประกาศว่าตนมีการใช้หลักการบริหารจัดการที่ดี แต่เมื่อพิจารณาให้ถ้วนถี่แล้วจะพบว่ายังขาดหลักการที่สำคัญไปคือการมีส่วนร่วม ของประชาชน และการมีหลักนิติธรรม ที่เป็นสิ่งสำคัญของ การมีการบริหารจัดการที่ดี ภายใต้การเป็นประชาธิปไตย มีประชาธิปไตยภิบาล หรือ democratic governance หรือในบางหน่วยงานที่มีการบริหารงานแบบเผด็จการ คงจะมีการนำหลักการบริหาร จัดการที่ดีมาใช้ได้ยาก เพราะการบริหารจัดการที่ดีต้องมาคู่กับประชาธิปไตยดังกล่าว แล้ว 4 การขาดแคลนทรัพยากร หากไม่ได้รับความร่วมมือและสนับสนุน ทรัพยากรในการปฏิบัติ ถึงแม้เป็นทรัพยากรที่ไม่มากมายนักแต่ทำให้การเป็นการ บริหารจัดการที่ดีเกิดได้ยากเช่นกัน เช่น การให้ข้อมูลข่าวสาร ผ่านสื่อต่างๆ หากไร้สื่อ ไร้ปัจจัยที่นำมาซึ่งสื่อ ประชาชนจะเข้าถึงสื่อได้อย่างไร หากไม่มีการพัฒนาศักยภาพ หรือลงทุนเพื่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การบริหารจัดการที่ดีจะเกิดได้อย่างไร 5 การไม่เข้าใจว่าใครคือผู้ปฏิบัติ เพราะการไม่ชัดเจนต่อการปฏิบัติหาก หน่วยงานนั้นๆ ไม่มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของตนให้เข้าใจว่าทุกคนควรยึดหลักการ บริหารจัดการที่ดี 6 ไม่มีการประเมิน ไม่มีตัวชี้วัด บางหน่วยงานเห็นว่าหน่วยงานของตนทำดี อยู่แล้ว บางหน่วยงานไม่แน่ใจว่าจะต้องปฏิบัติมากน้อยเพียงใด ขณะนี้หน่วยงานของ ตนมีการบริหารจัดการที่ดีหรือไม่ มากน้อยเพียงใด จะต้องทำอะไรอีก ไม่มีตัวชี้วัด ไม่มีวิธีการประเมิน วิธีประเมินทำอย่างไร ใครมาทำการประเมิน ประเมินแล้วได้อะไร สถาบันพระปกเกลา้ 171

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วเป็นเพียงตัวอย่างของอุปสรรคต่อการสร้าง การบริการจัดการที่ดี ซึ่งสามารถกำจัดหรือลดความรุนแรงของปัญหาได้ หากตั้งใจที่จะนำหลักการบริหารจัดการที่ดีมาใช้ให้เป็นจริง การบริหาร จัดการที่ดีมีหลักการมากมายซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ดีงาม เราควรสนับสนุนการ สร้างการบริหารจัดการที่ดีให้เกิดขึ้น เพราะการบริหารจัดการที่ดีจะเกิดได้ จริงนั้นอยู่ที่ความตั้งใจจริง การบริหารจัดการที่ดีไม่มีใครเป็นเจ้าของ ทุกคน ทุกหน่วยงานสามารถนำไปปฏิบัติได้ จะปฏิบัติกี่หลักการ มากน้อย เพียงใดขึ้นกับความพร้อมของผู้นั้น หน่วยงานนั้น แล้วค่อยๆ เพิ่มการ ปฏิบัติให้มากขึ้นได้เมื่อพร้อมมากขึ้น จนในที่สุดเกิดวัฒนธรรม ธรรมาภิบาลขึ้น นั้นคือทุกคนมีธรรมาภิบาลอยู่ทั้งในสำนึกและพฤติกรรม มากกว่าการสอนกัน พูดกันแต่หานำไปปฏิบัติไม่ 172 สถาบนั พระปกเกล้า

การบริหารจัดการบา้ นเมอื งทีด่ ี แนวทางเสริมสรา้ ง เการบรหิ ารจดั การบา้ นเมืองท่ีดี พื่อให้องค์กรของรัฐ เอกชน และทุกๆ ส่วนนำหลักการบริหารจัดการที่ดี หรือ ธรรมาภิบาลมาใช้ให้กว้างขวางและยั่งยืนจำเป็นต้องมีปัจจัยสำคัญหลายๆ ปัจจัยที่นอกเหนือจากความตระหนักของบุคลากรในหน่วยงานและผู้บริหาร แล้ว คือ ความต่อเนื่องหรือความยั่งยืนของการเป็นประชาธิปไตยและความมั่นคง ของประเทศ (sustainability of democracy and national security) เพราะ ประชาธิปไตยค่อนข้างเป็นพลวัต เพราะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และตาม การเปลี่ยนแปลงของสังคม และยังมีการอภิปรายกันถึงความหมายที่แท้จริงอยู่อย่าง กว้างขวาง แต่มิติที่สำคัญของประชาธิปไตยก็คือการแข่งขัน การมีส่วนร่วม และ เสรีภาพในทางการเมือง การเป็นประชาธิปไตยและความ ยั่งยืนของประชาธิปไตยจึงเป็นสิ่งที่จะช่วงทำให้การบริหาร จัดการที่ดี หรือธรรมาภิบาลคงอยู่ได้ เนื่องจากตราบใดที่ ไม่เป็นเผด็จการ ประชาชนย่อมมีโอกาสแสดงความคิด เห็น มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย มีการตรวจสอบ การดำเนินการของรัฐ ทำให้เกิดความโปร่งใส ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนตลอด หน่วยงานต่างๆ มีสำนึกรับผิดชอบ ประชาธิปไตยจึงมีข้อดี คือเป็น วิธีส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ บุ ค ค ล ก ลุ ่ ม ต ่ า ง ๆ เ พ ื ่ อ ห า แ น ว ท า ง แ ก ้ ไ ข ค ว า ม ข ั ด แ ย ้ ง แ ท น ก า ร ใ ช ้ ค ว า ม รุ น แ ร ง สถาบนั พระปกเกล้า 173

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) กระบวนการเป็นประชาธิปไตยนำมาสู่การส่งเสริมสันติวิธีในชาติ และระหว่างชาติได้ (Boutros-Ghali,2000 : 106) ประชาธิปไตยเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างมี ประสิทธิผล มีการลงคะแนนเสียงโดยเท่าเทียมกัน มีการสร้างความเข้าใจร่วมกัน มี การควบคุมทางนโยบาย ประชาธิปไตยนำมาสู่การหลีกเลี่ยงทรราช การมีสิทธิเสรีภาพ มีการแสดงความคิดของตนเอง มีความอิสระทางความคิด มีการพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ ปกป้องความสนใจส่วนบุคคล มีความเท่าเทียมกันทางการเมืองและ ประชาธิปไตยแนวใหม่นำมาสู่การแสวงหาเสรีภาพและความเจริญ (Robert Dahl, 2000: 38-44.) และที่สำคัญกระบวนการประชาธิปไตยนำมาสู่การพัฒนาทรัพยากร มนุษย์เป็นการสร้างการเจริญเติบโตในด้านการสร้างความรับผิดชอบและสร้างปัญญา ขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งแนวทางที่สำคัญที่สุดสำหรับประชาชนในการปกป้องและ นำเสนอความสนใจของพวกเขา (Diamond, 1998) การใช้กระบวนการประชาธิปไตยเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง กฎหมาย การบริหารและทางสังคม ตลอดจนการมีความเป็นธรรมมากขึ้นจัดเป็น เรื่องยาก แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันว่า การเมืองแบบประชาธิปไตยทำให้เกิดนิติธรรม เป็น ส่งเสริมเสรีภาพทางการเมืองและเสรีภาพของประชาชน เกิดการเลือกตั้ง ได้ผู้จะทำ หน้าที่ในกระบวนการนิติบัญญัติได้อย่างเสรีและเป็นธรรม ประชาธิปไตยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งของการมีการบริหารจัดการที่ดี อันที่จริงแล้วการบริหารจัดการที่ดีและประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่เกื้อหนุนกันอยู่ ประเทศ ใดที่มิได้เป็นประชาธิปไตย การมีการบริหารจัดการที่ดีคงเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง เพราะไม่มี ปัจจัยสำคัญของการเป็นการบริหารจัดการที่ดี หรือไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นหรือทำให้ เกิดขึ้นได้ อาทิเช่น 174 สถาบันพระปกเกลา้

การบรหิ ารจดั การบา้ นเมอื งที่ด ี หลักของนิติธรรม นิติรัฐ ผู้มีอำนาจจะใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเองและ พวกพ้องมากกว่าเพื่อประชาชนโดยรวม ทั้งนี้เพื่อให้คงความมีอำนาจของตนและ พวกต่อไป กฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ จึงเป็นไปเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้ามเสียมากกว่า หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน จะเกิดขึ้นยากมากเพราะตราบใดที่ประชาชน สามารถแสดงความคิดเห็นต่อการทำงานของภาครัฐได้ ตราบนั้นผู้มีอำนาจสามารถ ทำงานได้ยากยิ่ง เพราะต้องคอยตอบคำถาม ต้องให้ข้อมูล ให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ตลอดจนกลุ่มต่างๆ มาร่วมรับรู้ ตัดสินใจ และที่สำคัญหากใช้หลักการนี้ มากๆ การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง หรือถอดถอน อาจนำมาสู่การหลุดจากอำนาจได้ อนึ่งการบริหารจัดการที่ดีจะยั่งยืนต้องมีประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและความยั่งยืน ของประชาธิปไตยจะเกิดได้ต้องมีประชาชนมีจิตสำนึกและพฤติกรรมในการเป็น ประชาธิปไตย มีความเชื่อมั่นสถาบันประชาธิปไตย มีประสิทธิภาพทางการเมืองของ ประเทศ มีทุนทางสังคมสูง มีการมีส่วนร่วมทางการเมืองสูง มีวัฒนธรรมทางการเมือง แบบมีส่วนร่วม ผู้นำเป็นผู้แทนประชาชนอย่างแท้จริงมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ดังนั้นการสร้างประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมจะเป็นพื้นฐานของการเสริมสร้าง การบริหารจัดการที่ดี เพราะประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (participatory democracy) หมายถึงการที่อำนาจการตัดสินใจไม่ควรเป็นของกลุ่มคนจำนวนน้อย แต่อำนาจควรได้รับการจัดสรรในระหว่างประชาชน เพื่อทุกๆ คนได้มีโอกาสที่จะมี อิทธิพลต่อกิจกรรมส่วนรวม ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมจัดเป็นการกระจายอำนาจและการมีประชาธิปไตย อย่างกว้างขวางของกระบวนการทางการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ สถาบันพระปกเกล้า 175

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) หลักการของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมประกอบด้วย ❀ การมีส่วนร่วม ❀ การมีอำนาจตัดสินใจ ❀ การจัดสรรอำนาจ ❀ การเท่าเทียมกัน ❀ การรวมปัจจัยทางสังคม ❀ การปกป้องสิทธิส่วนบุคคล ❀ ความยืดหยุ่นได้ โครงสร้างของการทำงานที่สามารถตรวจสอบได้ มีความ โปร่งใส และความต้องการทรัพยากรของผู้มีส่วนร่วมได้รับการคำนึงถึง โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีประสทธิผลจะต้องประกอบไปด้วยปัจจัย ดังต่อไปนี้ 1. ข้อมูลจากประชาชนส่งผ่านไปยังผู้เสนอโครงการต่างๆ เพื่อให้ความรู้ ผู้เสนอโครงการนั้นๆ ให้ทราบถึงธรรมชาติ และแนวคิดของสังคม 2. ข้อมูลทางเทคนิคเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นประเด็นสนใจจากผู้เสนอโครงการ ส่งผ่านไปยังประชาชน 3. มีการการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และมีความเชื่อใจกันระหว่างประชาชน กับผู้เสนอโครงการ หรือระหว่างประชาชนด้วยกันเองในอันที่จะรับฟัง ข้อมูลของกันและกัน 176 สถาบนั พระปกเกลา้

บรรณานกุ รม ภาษาไทย คนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยมและคณะ.2542. แนวทางการเสริมสร้างประชาธิปไตยแบบ มีส่วนร่วมตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 : ปัญหา อุปสรรค และทางออก. สถาบันพระปกเกล้า จำนง ทองประเสริฐ. 2545. สนทนาภาษาไทย ภาษาธรรม. http:// www.tpschammong.iirt.net

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ทักษิณ ชินวัตร. 2545. คำกล่าวในการเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การกำกับ ดูแลกิจการที่ดี: ท่านกำกับ เราดูแล” ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 14 มีนาคม 2545. ถวิลวดี บุรีกุลและคณะ. 2545. โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาดัชนีวัดผลการพัฒนาระบบ บริหารจัดการที่ดี. นนทบุรี: สถาบันพระปกเกล้า ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ. ธรรมาภิบาลในองค์กรอิสระ. เอกสารประกอบการ บรรยาย 8 มิถุนายน 2545. นนทบุรี:สถาบันพระปกเกล้า พระธรรมปิฎก(ป.อ. ปยุตโต). 2541. ธรรมนูญชีวิต, กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ บริษัท สห ธรรมมิก จำกัด สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการและมูลนิธิสถาบันวิจัยกฎหมาย. 2546. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ภาษาอังกฤษ Boonmi, Thirayuth. 2002. Good Governance: A Strategy to Restore Thailand. In Duncan McCargo. (ed.) Reforming Thai Politics. Boutros-Ghali, Boutros. “An Agenda for Democratization,” in Global Democracy, Barry Holden (ed), New York: Routledage, 2000. 178 สถาบันพระปกเกล้า

การบรหิ ารจดั การบา้ นเมืองท่ีดี Dahl, Robert A. On Democracy. New Haven and London: Yale University Press, 2000 Denhardt, Janet V. and Robert B. Denhardt. 2003. The New Public Service: Serving, not Steer, New York: M.E. Sharpe, Inc. Diamond, Larry and Marc F. Plattner. Democracy in East Asia. Baltimore and London: The Johns Hopkins university Press, 1998. สถาบนั พระปกเกลา้ 179



ภาคผนวก พระราชกฤษฎกี า ว่าด้วยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการบริหารกิจการบา้ นเมอื งทีด่ ี พ.ศ. 2546 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันท่ี 9 ตุลาคม พ.ศ. 2546 เป็นปีที่ 58 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าโดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบริหาร กิจการบ้านเมืองที่ดี

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 3/1 และมาตรา 71/10 (5) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร ราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร ราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราช- กฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้างเมืองที่ดี พ.ศ. ….” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 การปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกานี้ในเรื่องใดสมควรที่ส่วนราชการใด จะปฏิบัติเมื่อใด และจะต้องมีเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามข้อเสนอแนะของ ก.พ.ร. มาตรา 4 ในพระราชกฤษฎีกานี้ “ส่วนราชการ” หมายความว่า ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกำกับของราชการฝ่ายบริหาร แต่ไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือ พระราชกฤษฎีกา “ข้าราชการ” หมายความรวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานในส่วน ราชการ มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ 182 สถาบนั พระปกเกลา้

การบรหิ ารจัดการบา้ นเมืองที่ด ี หมวด 1 การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี มาตรา 6 การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ได้แก่ การบริหารราชการเพื่อบรรลุ เป้าหมายดังต่อไปนี้ (1) เกิดประโยชน์สุขของประชาชน (2) เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ (3) มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ (4) ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น (5) มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์ (6) ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนอง ความต้องการ (7) มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ หมวด 2 การบริหารราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประชาชน มาตรา 7 การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน หมายถึง การ ปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความผาสุกและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ความสงบและปลอดภัยของสังคมส่วนรวม ตลอดจนประโยชน์สูงสุดของประเทศ สถาบันพระปกเกล้า 183

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) มาตรา 8 ในการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ส่วนราชการ จะต้องดำเนินการโดยถือว่าประชาชนเป็นศูนย์กลางที่จะได้รับการบริหารจากรัฐ และ จะต้องมีแนวทางการบริหารราชการดังต่อไปนี้ (1) การกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการต้องเป็นไปเพื่อ วัตถุประสงค์ตามมาตรา 7 และสอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐและนโยบายของ คณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัสภา (2) การปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการต้องเป็นไปโดยซื่อสัตย์สุจริต สามารถตรวจสอบได้ และมุ่งให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนทั้งในระดับประเทศและ ท้องถิ่น (3) ก่อนเริ่มดำเนินการ ส่วนราชการต้องจัดให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผล ดีและผลเสียให้ควบถ้วนทุกด้าน กำหนดขั้นตอนการดำเนินการที่โปร่งใส มีกลไกล ตรวจสอบการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน ในกรณีที่ภารกิจใดจะมีผลกระทบต่อ ประชาชน ส่วนราชการต้องดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนหรือชี้แจง ทำความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงประโยชน์ที่ส่วนรวมจะได้รับจากภารกิจ นั้น (4) ให้เป็นหน้าที่ของข้าราชการที่จะต้องคอยรับฟังความติดเห็นและ ความพึงพอใจของสังคมโดยรวมและประชาชนผู้รับบริการ เพื่อปรับปรุงหรือเสนอแนะ ต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อให้มีการปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการให้เหมาะสม (5) ในกรณีที่เกิดปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินการ ให้ส่วน ราชการดำเนินการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว ในกรณีที่ปัญหาหรืออุปสรรค นั้นเกิดขึ้นจากส่วนราชการอื่นหรือระเบียบข้อบังคับที่ออกโดยส่วนราชการอื่น ให้ส่วน ราชการแจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อดำเนินการแก้ไขปรับปรุงโดยเร็ว ต่อไป และให้แจ้ง ก.พ.ร. ทราบด้วย 184 สถาบันพระปกเกลา้

การบรหิ ารจัดการบ้านเมืองท่ีดี การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ส่วนราชการกำหนดวิธีปฏิบัติให้เหมาะสมกับ ภารกิจแต่ละเรื่อง ทั้งนี้ ก.พ.ร. จะกำหนดแนวทางการดำเนินการทั่วไปให้ส่วนาชการ ปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรานี้ด้วยก็ได้ หมวด 3 การบริหารราชการเพ่ือให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มาตรา 9 การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ให้ส่วน ราชการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (1) ก่อนจะดำเนินการตามภารกิจใด ส่วนราชการต้องจัดทำแผนปฏิบัติ ราชการไว้เป็นการล่วงหน้า (2) การกำหนดแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการตาม (1) ต้องมี รายละเอียดของขั้นตอน ระยะเวลาและงบประมาณที่จะต้องใช้ในการดำเนินการของ แต่ละขั้นตอน เป้าหมายของภารกิจผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ (3) ส่วนราชการต้องจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตาม แผนปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ส่วนราชการกำหนดขึ้น ซึ่งต้อง สอดคล้องกับมาตรฐานที่ ก.พ.ร. กำหนด (4) ในกรณีที่การปฏิบัติภารกิจ หรือการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการ เกิดผลกระทบ ต่อประชาชน ให้เป็นหน้าที่ของส่วนาชการที่จะต้องดำเนินการแก้ไข หารือบรรเทาผลกระทบนั้น หรือเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการให้เหมาะสม สถาบนั พระปกเกลา้ 185

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) มาตรา 10 ในกรณีที่ภารกิจใดมีความเกี่ยวข้องกับหลายส่วนราชการหรือ เป็นภารกิจที่ใกล้เคียงหรือต่อเนื่องกัน ให้ส่วนาชการที่เกี่ยวข้องนั้นกำหนดแนวทาง การปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิด การบริหารราชการแบบบูรณาการร่วมกัน โดยมุ่งให้เกิด ผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ให้ส่วนราชการมีหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติราชการของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือ หัวหน้าคณะผู้แทนในต่างประเทศ เพื่อให้การบริหารราชการแบบบูรณาการในจังหวัด หรือในต่างประเทศ แล้วแต่กรณี สามาถใช้อำนาจตามกฎหมายได้ครบถ้วนตามความ จำเป็นและบริหาราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรา 11 ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้มี ลักษณะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ โดยต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารและ สามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการได้ อย่างถูกต้อง รวดเร็วและเหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้งต้องส่งเสริมและพัฒนา ความรู้ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์และปรับเปลี่ยนทัศนนติของข้าราชการในสังกัดให้ เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีการเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการ ปฏิบัติราชการของส่วนราชการให้สอดคล้องกับการบริหารราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา 12 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ก.พ.ร. อาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดมาตรการกำกับการปฏิบัติราชการ โดยวิธีการ จัดทำความตกลงเป็นลายลักษณะอักษร หรือโดยวิธีการอื่นใด เพื่อแสดงความ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ มาตรา 13 ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีแผนการบริหารราชการแผ่นดินตลอด ระยะเวลาการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรี 186 สถาบันพระปกเกลา้

การบริหารจัดการบา้ นเมืองทีด่ ี เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ให้สำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ร่วมกันจัดทำแผนการบริหาร ราชการแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน เก้าสิบวันนับแต่วันที ่ คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มาตรา 14 ในการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินตามมาตรา 13 ให้ จัดทำเป็นแผนสี่ปี โดยนำนโยบายของรัฐสภามาพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับ แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และแผนพัฒนาประเทศด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ อย่างน้อยจะต้องมีสาระสำคัญ เกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงานส่วนราชการหรือบุคคลที่จะรับ ผิดชอบในแต่ละภารกิจ ประมาณการรายได้และรายจ่ายและทรัพยากรต่างๆ ที่จะต้อง ใช้ ระยะเวลาการดำเนินการ และการติดตามประเมินผล มาตรา 15 เมื่อมีการประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่วมกัน พิจารณาจัดทำแผนนิติบัญญัติ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายที่จะต้องจัดให้มี ขึ้นใหม่หรือกฎหมายที่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกให้สอดคลั้องกับแผนการ บริหารราชการแผ่นดิน ส่วนราชการผู้รับผิดชอบ และระยะเวลาที่ต้องดำเนินการ แผนนิติบัญญัตินั้นเมื่อคณะรัฐมนตรีเห้นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอแล้ว ให้มีผลผูกพันส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องที่จะต้องปฏิบัติ ให้เป็นไปตามนั้น ในกรณีที่เป็นสมควร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอาจเสนอต่อคณะ รัฐมนตรี เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจัดทำแผนนิติบัญญัติเพื่อให้เกิดความร่วมมือใน การปฏิบัติงานก็ได้ สถาบันพระปกเกลา้ 187