นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน คือ นายอมร ผลประสิทธิ์ และสมาชิกสภาผู้แทน ประเภทที่ 1 นี้สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2488โดยเหตุที่มีการตราพระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎร และได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ใน วันที่ 6 มกราคม 2489 ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ จัดการเลือกตั้งภายใน 90 วันนับจากวันที่มีพระราชกฤษฎีกาให้ ยุบสภาผู้แทนราษฎร 3.1.4 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทน ครั้งที่ 4 (วันที่ 6 มกราคม 2489) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. 2489 เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งที่ 4 ของประเทศไทย มีสาเหตุมาจากกองทหารญี่ปุ่นได้เคลื่อนกำลังเข้าสู่ประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2484 ประกอบกับในปี พ.ศ.2485 เป็นปีที่ผู้แทน ราษฎรต้องออกตามวาระ จึงได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ขยายวาระ จึงได้มีการ แก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ขยายวาระการเป็นผู้แทนไปอีก 2 ปี เมื่อสิ้นสุดสงคราม มหาเอเซียบูรพาแล้ว รัฐบาลเห็นว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อยู่ในตำแหน่งนานเกินไป จึงได้ประกาศยุบสภา และประกาศ พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2489 การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 96 คน 88
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี รัฐสภาชุดนี้ที่พิเศษ คือ ในระหว่างที่รัฐสภาชุดนี้ มีอยู่ ได้มีการเลือกตั้งเพิ่มเติมในวันที่ 5 สิงหาคม 2489 เนื่องจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2489 ซึ่งได้มีการ เปลี่ยนระบบสภาจากสภาเดียว คือสภาผู้แทนราษฎร มาเป็น ระบบสองสภา ประกอบด้วยพฤฒสภาและสภาผู้แทน โดยให้ ยกเลิกสมาชิกประเภทที่ 2 ที่มาจากการ แต่งตั้งส่วนสมาชิก ประเภทที่ 1 ที่อยู่ในตำแหน่งก่อนหน้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประกาศใช้ ยังคงให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ประกอบกับ บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และเหตุผลสำคัญคือ มีการกำหนดให้ เกณฑ์คำนวณจำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่ง คนลดลงจากสองแสนคนเหลือหนึ่งแสนคน ทำให้มีจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนเพิ่มขึ้นจึงได้จัดให้มีการเลือกตั้งเพิ่มเติมขึ้น อีกจำนวน 82 คน ใน 47 จังหวัด จึงมีผู้แทนราษฎรเป็นสมาชิก จำนวน 178 คนซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบแบ่งเขต เหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 2–4 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 41-42) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนในครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนคือ นายอรัญ รายนานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุดลง เพราะเกิดการ รัฐประหารขึ้น ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 โดยการนำของ พลโทผิน ชุณหะวัณ ซึ่งถือเป็นการรัฐประหารครั้งแรกของ ประเทศไทยที่มีการยึดอำนาจแล้วมีการยกเลิกการบังคับใช้ รัฐธรรมนูญ เป็นผลให้สมาชิกรัฐสภาสิ้นสุดลง 89
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 3.1.5 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน คร้ังท่ี 5 วนั ท่ี 29 มกราคม 2491 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. 2491 เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ครั้งที่ 5 ของ ประเทศไทย ก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้ได้เกิดเหตุการณ์ที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลสิ้นพระชนม์ อันเป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้เกิดความเครียดทางการเมือง ซึ่งทำให้เกิดการรัฐประหาร ขึ้น เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2490 และประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฯ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2490 แทนรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2485 ตามรัฐธรรมกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 90 วัน นับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงได้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนขึ้น เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2491 มีผู้ได้รับ การเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนจำนวน 99 คน การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบ รวมเขต โดยให้รวมเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งเดียว และถือ เกณฑ์คำนวณราษฎรสองแสนคนต่อสมาชิกหนึ่งคน ถ้าจังหวัด ใดมีจำนวนราษฎรไม่ถึงสองแสนก็ให้มีผู้แทนได้ 1 คน แต่ถ้า จังหวัดใดมีราษฎรเกินสองแสนคนก็ให้มีสมาชิกสภา ผู้แทนใน จังหวัดนั้นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนต่อจำนวนราษฎรทุกสองแสนคน เศษของสองแสนถ้าถึงหนึ่งแสนหรือกว่านั้นให้นับเป็นสองแสน การเลือกตั้งครั้งนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนได้ 99 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิ เลือกตั้งทั้งสิ้น 7,176,891 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 2,177,464 คน (คิดเป็นร้อยละ 30.34) จังหวัดที่มี ผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดคือ ระนอง (คิดเป็นร้อยละ 58.69) และ 90
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี น้อยที่สุดคือ สมุทรปราการ (คิดเป็นร้อยละ 15.68) (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 44) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน คือ นายวงศ์ วีระชาติพลี (เดิมชื่อนายวงศ์ เว้นชั่ว) เนื่องจากรัฐสภาชุดนี้ที่มาจาการการเลือกตั้ง เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวดังนั้นต่อมาภายหลังเมื่อมี การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2492 ส่งผลให้มีการจัดการ เลือกตั้งเพิ่มเติมขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 5 มิถุนายน 2492 ซึ่งตามบทเฉพาะกาลได้กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทน ซึ่งได้รับ การเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2491 คงเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนต่อไป และให้ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน เพิ่มขึ้น ให้ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดไว้ โดย เกณฑ์คำนวณราษฎรที่จะนำมาคำนวณจำนวนสมาชิกลดลง เหลือ 150,000 คนต่อสมาชิก 1 คน (แต่เดิมใช้จำนวนราษฎร 200,000 คน ต่อ สมาชิก 1คน) ทำให้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทน เพิ่มขึ้น จึงต้องจัดให้มีการเลือกตั้งเพิ่มเติมขึ้นอีก จำนวน 21 คน ใน 19 จังหวัด ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบรวมเขต เหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา ต่างกันเพียงเกณฑ์ คำนวณจำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคนเท่านั้น (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 43-44) การเลือกตั้งครั้งนี้จังหวัดจันทบุรีไม่ได้มีการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนเพิ่มเติม สมาชิกรัฐสภาชุดนี้สิ้นสุดลง 91
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากเกิดการยึดอำนาจการปกครองของคณะบริหาร ประเทศชั่วคราวเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2494 (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 22) 3.1.6 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คร้ังที่ 6 (วันท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ 2495) การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร พ.ศ.2495 เป็นการ เลือกตั้งผู้แทนราษฎรครั้งที่ 6 ของไทย เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 ได้มีการยึดอำนาจทางการปกครอง ภายใต้การนำของพลเอกผิน ชุณหะวัน ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2494 ทำให้มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 และให้คณะรัฐมนตรี วุฒิสภาและสภาผู้แทน ราษฎรสิ้นสุดลงและได้นำรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2475 พร้อมทั้ง รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยนามประเทศ พ.ศ.2482 และ รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยบทเฉพาะกาล พ.ศ.2483 มาบังคับใช้ไปพลางก่อนทำให้ระบบสภาเป็นแบบสภาเดียวคือ สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท มีจำนวน เท่ากันคือสมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้งจากราษฎร และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ ดังนั้น จึงได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 ขึ้นใหม่ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495 การเลือกตั้งครั้งนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 123 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 7,602,591 คน มีผู้มาใช้ สิทธิเลือกตั้ง 2,961 คน (คิดเป็นร้อยละ 38.95) จังหวัดที่มีผู้มา ใช้สิทธิมากที่สุดคือ สระบุรี (คิดเป็นร้อยละ 77.78) และ 92
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี น้อยที่สุด คือพระนคร (23.30) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร, 2549,หน้า 45) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนคือ นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 ชุดนี้ สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2500 เนื่อง จากครบ วาระในการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ(สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร,2548,หน้า 24) 3.1.7 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครงั้ ท่ี 7 (วันท่ี 26 กุมภาพันธ์ 2500) สืบเนื่องมาจากมีการยึดอำนาจปกครองเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 และใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว เมื่อได้มี การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 แล้วจึงได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรขึ้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 โดยให้นำพระราช บัญญัติการเลือกตั้ง พ.ศ. 2499 มาบังคับใช้ การเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 160 คน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนคือ นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจาก จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ายึดอำนาจการปกครอง ประเทศ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500 (สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 26) 93
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 3.1.8 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครง้ั ท่ี 8 (วันที่ 15 ธนั วาคม 2500) การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร พ.ศ.2500 เป็นที่รู้จัก กันในฐานะการเลือกตั้งสกปรก และเป็นผลให้เกิดการ รัฐประหารขึ้น โดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2500 และประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2495 การ เลือกตั้งผู้แทนราษฎรมีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2500 มีผู้ได้ รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรจำนวน 160 คน การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบ รวมเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีการเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 6 และ 7 มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 160 คน มีจำนวน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 9,917,417 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 4,370,789 คน (คิดเป็นร้อยละ 44.07) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ มากที่สุด คือ ระนอง (คิดเป็นร้อยละ 73.30) และน้อยที่สุดคือ อุดรธานี (คิดเป็นร้อยละ 29.92) (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร. 2549 : 46) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนคือ นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจากการประกาศยึดอำนาจของคณะปฏิวัติที่นำโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร, 2548, หน้า 29) 94
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 3.1.9 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครัง้ ที่ 9 (วนั ท่ี 10 กมุ ภาพันธ์ 2512) เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจการปกครอง ประเทศ ภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในวันที่ 20 ตุลาคม 2501 ได้มีการประกาศกฎอัยการศึกยุบสภาผู้แทน ราษฎรและคณะรัฐมนตรี และได้มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 โดยได้มีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครอง ราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 บังคับใช้แทนเป็นการชั่วคราว ซึ่งได้มีการกำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อทำหน้าที่ร่าง รัฐธรรมนูญใหม่ขึ้น ซึ่งใช้เวลาร่างนานถึง 9 ปี จึงแล้วเสร็จ และได้ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2511 ในรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ได้กำหนดให้รัฐสภาเป็นแบบสองสภาอีกครั้งหนึ่ง ประกอบด้วยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต้องเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภายใน 240 วัน นับแต่วันใช้ รัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ขึ้นใหม่ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 48-49) การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบ รวมเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีการเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 6 และ 7 มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 160 คน มีจำนวน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 9,917,417 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 4,370,789 คน (คิดเป็นร้อยละ 44.07) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ 95
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี มากที่สุด คือ ระนอง (คิดเป็นร้อยละ 73.30) และน้อยที่สุดคือ อุดรธานี (คิดเป็นร้อยละ 29.92) (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 47) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนคือ นายบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจากการประกาศยึดอำนาจของคณะปฏิวัติที่นำโดย จอมพลถนอม กิตติขจร เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 พร้อมทั้งมีการประกาศยกเลิก การบังคับใช้รัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังได้ออกประกาศ คณะปฏิวัติยกเลิกพรรคการเมืองและยุบพรรคการเมือง (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 33-34) 3.1.10 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คร้ังท่ี 10 (วนั ที่ 26 มกราคม 2518) เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจการปกครอง ประเทศ โดยจอมพลถนอม กิตติขจรนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ซึ่งทำการรัฐประหารตนเอง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 โดยได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 และให้วุฒิสภา สภาผู้แทน และคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ต่อมาได้มีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 บังคับใช้แทนเป็นการชั่วคราว ซึ่งได้กำหนด ให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทำหน้าที่นิติบัญญัติในฐานะ รัฐสภารวมทั้งได้กำหนดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น ในช่วงนั้นได้มีนักศึกษาและประชาชนต้องการให้มีการร่าง 96
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี รัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว จึงได้มีการเดินขบวนเรียกร้อง ให้มีรัฐธรรมนูญ จนเหตุการณ์รุนแรงนี้ได้ยุติลง ได้มีการ ดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นจนแล้วเสร็จและได้ประกาศใช้เป็น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2517 ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดให้รัฐสภาเป็น แบบสองสภาประกอบด้วยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร จึงได้ จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ ในวันที่ 26 มกราคม 2518 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต โดยถือเกณฑ์คำนวณ จำนวนราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อสมาชิกหนึ่งคน จังหวัด หนึ่งอย่างน้อยให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ หนึ่งคน จังหวัดใดมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได ้ ไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง (รวมเขต) ถ้าจังหวัดใดมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่า สามคนให้แบ่งเขตจังหวัดเลือกตั้ง (แบ่งเขต) โดยจัดให้แต่ละ เขตเลือกตั้ง มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตละสามคน ในกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งถ้ามีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบ สามคนทุกเขตไม่ได้ให้แบ่งเขตเลือกตั้งให้มีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรสามคนก่อน แต่เขตที่เหลือต้องมีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรไม่น้อยกว่าสองคน ในกรณีที่จังหวัดใดมีสมาชิกสภา ผู้แทน ราษฎรได้สี่คนให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นสองเขต เขตละสองคน (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 49-50) การเลือกตั้งครั้งนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 269 คน และได้กำหนดให้ผู้สมัครต้องสังกัดพรรคการเมือง 97
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 20,243,791 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 9,549,924 คน (คิดเป็นร้อยละ 47.17) จังหวัดที่มีผู้มา ใช้สิทธิมากที่สุด คือ ภูเก็ต (คิดเป็นร้อยละ 67.87) และ น้อยที่สุดคือ เพชรบูรณ์ (คิดเป็นร้อยละ 32.18) (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 47) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 2 คนคือ นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ พรรคไท และนายประหยัด ธรรมสาคร พรรคธรรมสังคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจาก มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2519 เพราะสถานการณ์ทางการเมืองที่ สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรที่สนับสนุนรัฐบาล สนับสนุนญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 37) 3.1.11 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครง้ั ท่ี 11 (วันท่ี 4 เมษายน 2519) เนื่องจากหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 12 มกราคม 2519 โดยมีสาเหตุมาจากการที่รัฐบาลประกอบด้วย พรรคการเมืองต่าง ๆ หลายพรรค ทำให้เกิดความขัดแย้งกัน ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นับเป็นเหตุให้เกิดอุปสรรคในการ บริหารราชการแผ่นดิน และกระทบกระเทือนต่อเสถียรภาพ 98
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ของรัฐบาล ถึงแม้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ก็ตาม แต่อุปสรรคต่างๆ ก็ไม่หมดไป จึงได้ตัดสินใจยุบสภาผู้แทน ราษฎร เพื่อคืนอำนาจกลับสู่ประชาชน และได้จัดให้มีการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 4 เมษายน 2519 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 51-52) การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบ ผสมระหว่างแบบรวมเขตและแบ่งเขตซึ่งเป็นระบบและวิธีการ เดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 10 โดยมีจำนวนสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ 279 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 20,263,430 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 9,072,629 คน (คิดเป็น ร้อยละ 43.99) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ นครพนม (คิดเป็นร้อยละ 63.53) และน้อยที่สุดคือ เพชรบูรณ์ (คิดเป็น ร้อยละ 26.64) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 48) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 2 คนคือ นายสมยศ ศิรพันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ และ พลโทกานต์ รัตนวราหะ พรรคธรรมสังคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจากมีคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินได้ประกาศ ยึดอำนาจการปกครอง โดยการนำของพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ทั้งนี้มาจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทางการเมืองในประเทศ อันส่งผลให้มีการยกเลิกการใช้ 99
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 เป็นผลให้ รัฐสภาและรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ถูกยกเลิกไป (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 39) 3.1.12 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คร้งั ที่ 12 (วนั ท่ี 22 เมษายน 2522) เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจการปกครอง ประเทศ ภายใต้การนำของพลเรือเอกสงัดชะลออยู่ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 โดยได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 และให้วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร และ คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ต่อมาได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 บังคับใช้โดยได้กำหนดให้ มีสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดินทำหน้าที่นิติบัญญัติ ต่อมา ในวันที่ 20 ตุลาคม 2520 พลเรือเอก สงัด ชะลออยู่ได้ทำการ ยึดอำนาจการปกครองประเทศขึ้นอีกครั้ง และได้ประกาศ ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 โดยให้ใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรพุทธศักราช 2520 บังคับใช้แทนเป็นการชั่วคราว ซึ่งได้กำหนดให้มีสภานิติบัญญัติ แห่งชาติเพื่อทำหน้าที่นิติบัญญัติและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับ ใหม่ขึ้น เมื่อร่างเสร็จแล้วได้ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2521 ในวันที่ 22 ธันวาคม 2521 ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดให้มีการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นภายในปี พ.ศ. 2521 แต่ถ้า ไม่อาจดำเนินการได้ก็ให้ขยายกำหนดเวลาดำเนินการเลือกตั้ง ออกไป แต่ต้องไม่เกิน 120 วัน นับแต่วันสิ้นปี พ.ศ. 2521 จึงได้ 100
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 22 เมษายน 2522 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 53-54) การเลือกตั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีการ เดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 10 และ 11 โดยมีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ 301 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 21,283,890 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 9,344,045 คน (คิดเป็น ร้อยละ 43.90) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ ยโสธร (คิดเป็นร้อยละ 77.11) และน้อยที่สุด คือ กรุงเทพฯ (คิดเป็น ร้อยละ 19.45) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 48-49) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 2 คนคือ นายจำเริง ศรีสุวรรณ พรรคสยามประชาธิปไตย และ นายวิชิต สุขะวิริยะ พรรคกิจสังคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจาก มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 19 มีนาคม 2526 โดยมีสาเหตุมาจากการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับวิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ใกล้จะครบวาระ ดังนั้นเพื่อป้องกันความขัดแย้งทางการเมืองจึงมีการประกาศ ยุบสภา(สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,2548, 41-42) 101
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 3.1.13 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 13 (วันที่18 เมษายน 2526) เนื่องจากพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายก- รัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 19 มีนาคม 2526 โดยมีสาเหตุมาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้นบัญญัติไว้ให้มีการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบรวมเขตและให้เลือกเป็น พรรคการเมือง กล่าวคือให้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งเพียง เขตเดียว และให้ผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง เวลาสมัครให้มี หมายเลขเดียวกันทั้งพรรค ประชาชนเลือกพรรคใดก็จะได้ สมาชิกพรรคนั้นไปทั้งหมด หรือที่เรียกว่า รวมเขตเบอร์เดียว แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้มีบทเฉพาะกาลให้มีการเลือกตั้ง แบบเดิมคือแบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต โดยมีกำหนด เป็นเวลา 4 ปี ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข เพิ่มเติมในเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยต้องการให้ขยายเวลา การใช้บังคับบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ออกไปอีก 4 ปี แต่ที่ประชุมรัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เห็นว่าถ้าปล่อย ให้มีการเลือกตั้งตามวิธีการใหม่ของรัฐธรรมนูญฯ 2521 นี้ คือ แบบรวมเขตเบอร์เดียว อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งและความ รุนแรงทางการเมืองได้ จึงได้ตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงนี้เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ ในวันที่ 18 เมษายน 2526 ซึ่งยังอยู่ในช่วงการใช้บังคับ บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฯ 2521 นั่นคือ ยังใช้เลือกตั้งแบบ 102
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขตเหมือนเดิมอยู่ (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 57-58) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 2 คนคือ นายละออ วรรณทอง พรรคประชาเสรี และ นายวโรทัย ภิญญสาสน์ พรรคประชากรไทย การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีการ เดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10-12 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรได้ 324 คน มจี ำนวนผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ทง้ั สน้ิ 24,224,270 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 12,295,339 คน (คิดเป็นร้อยละ 50.76) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดคือ ยโสธร (คิดเป็นร้อยละ 79.62) และน้อยที่สุดคือกรุงเทพฯ (คิดเป็นร้อยละ 32.57) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 49) 3.1.14 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งท่ี 14 (วันที่ 27 กรกฎาคม 2529) เนื่องจากพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายก- รัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 โดยมีสาเหตุมาจากที่คณะรัฐมนตรีได้ออกพระราช กำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาใช้บังคับเพื่อปรับเปลี่ยนอัตราภาษีรถยนต์ใหม่เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2529 ซึ่งในขณะนั้นอยู่ช่วงปิดสมัยประชุมสภาเมื่อ เปิดสมัยประชุมสภาแล้ว ได้นำเอาพระราชกำหนดฉบับนี้เข้าสู่ 103
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาและได้ลงมติถึง 3 ครั้ง ผลการลงมติในครั้งที่ 3 ปรากฏว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่อนุมัติพระราชกำหนดฉบับนี้ด้วยคะแนนเสียง 147 ต่อ 143 ทำให้พระราชกำหนดฉบับนี้ตกไป ซึ่งเหตุนี้เกิดจากมีสมาชิก พรรคร่วมรัฐบาลบางกลุ่มร่วมมือกับพรรคฝ่ายค้านเพื่อคัดค้าน พระราชกำหนดนี้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เห็นว่าความ แตกแยกในทางการเมืองที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการ บริหารราชการแผ่นดินและกระทบถึงประโยชน์ส่วนรวมของ ประเทศ จึงได้ตัดสินใจประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรใน วันเดียวกันนั้นเอง และได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2529 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 57-58) การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขตซึ่งเป็นระบบและวิธีการ เดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10-13 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรได้ 347 คนมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 26,224,305 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 16,070,957 คน (คิดเป็นร้อยละ 61.28) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดคือ ชัยภูมิ (คิดเป็น รอ้ ยละ 85.15) และนอ้ ยทส่ี ดุ คอื กรงุ เทพฯ (คดิ เปน็ รอ้ ยละ 38.13) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 49 - 50) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนคือ นายวโรทัย ภิญญสาสน์ พรรคประชากรไทย และ นายธวัชชัย 104
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี อนามพงษ์ พรรคประชาธิปัตย์ นายประวัฒน์ อุตตะโมต พรรค ประชาธิปัตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจาก มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 29เมษายน 2531 โดยมีสาเหตุมาจากการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรค ร่วมรัฐบาลส่วนหนึ่งคัดค้านร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ตามที่ รัฐบาลเสนอ ทำให้แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกทาง การเมืองของรัฐบาลอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองได้ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร, 2548, หน้า 47) 3.1.15 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครัง้ ท่ี 15 (วนั ที่ 24 กรกฎาคม 2531) เนื่องจากในวันที่ 28 เมษายน 2531 สภาผู้แทน ราษฎรได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ซึ่งคณะ รัฐมนตรีเป็นผู้เสนอโดยเป็นการอภิปรายในวาระที่ 2 และ 3 เมื่ออภิปรายในวาระที่ 2เรียงลำดับมาตราเสร็จแล้ว ได้มีการลง มติในวาระที่ 3 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ 183 เสียง ไม่เห็นชอบ 134 เสียง ซึ่งคะแนนที่ไม่ให้ความเห็นชอบส่วนหนึ่งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมือง ร่วมรัฐบาลได้ร่วมกับฝ่ายค้านเพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ ฉบับนี้ จากเหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย ์ ไม่สามารถควบคุมสมาชิกพรรคของตนได้ จนเป็นเหตุให้ รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ 16 คน ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดโอกาสให้พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตร ี ได้ปรับปรุงคณะรัฐมนตรีใหม่ ความขัดแย้งภายในพรรค 105
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ประชาธิปัตย์นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาอุปสรรคในการบริหาร ราชการแผ่นดินได้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์นายกรัฐมนตรี จึงได้ตัดสินใจประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 29 เมษายน 2531 และได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรขึ้นใหม่ ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 58-59) การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งทาง ตรง แบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขตซึ่งเป็นระบบและ วิธีเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 10 -14 โดยมีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ 357 คนมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 26,658,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 16,944,931 คน (คิดเป็น ร้อยละ 63.56) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ ยโสธร (คดิ เปน็ รอ้ ยละ 90.42) และน้อยทสี่ ดุ คือ สมุทรสงคราม (คิดเป็น ร้อยละ 35.92) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 50) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนคือ นายวโรทัย ภิญญสาสน์ พรรคประชากรไทย นายประวัฒน์ อุตตะโมต พรรคประชากรไทย และ นายธวัชชัย อนามพงษ์ พรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจาก มีการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินของคณะรักษา ความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (ร.ส.ช.) ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 มีการประกาศยกเลิกการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่ง 106
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2521 เป็นผลให้รัฐบาล และ รัฐสภาต้องพ้นไปตามรัฐธรรมนูญ (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 48) 3.1.16 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครัง้ ท่ี 16 (วันที่ 22 มนี าคม 2535) เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจการปกครอง ประเทศ โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (ร.ส.ช.) ภายใตก้ ารนำของพลเอกสนุ ทร คงสมพงษ์ ในวนั ท่ี 23 กมุ ภาพนั ธ์ 2534 โดยได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ซึ่งใช้มานานถึง 13 ปี และให้วุฒิสภา สภา ผู้แทนราษฎร และคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ต่อมาได้มีการ ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 ใช้บังคับเป็นการชั่วคราว ซึ่งได้กำหนดให้มีสภา นิติบัญญัติแห่งชาติ มีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญและพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ เมื่อได้ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วได้ประกาศ ใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ในวันที่ 9 ธันวาคม 2534 ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดให้มี การจดั การเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรขน้ึ ใหมภ่ ายใน 120 วนั นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จึงได้จัดให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 22 มีนาคม 2535 การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขตซึ่งเป็นระบบและวิธีการ เดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10 – 15 แต่จะต่างกันที่เกณฑ์ คำนวณราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ซึ่งรัฐธรรมนูญฯ 2534 นี้ 107
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี ได้กำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 360 คน ดังนั้นจึงต้อง ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศเฉลี่ยด้วยสมาชิก 360 คน (จำนวน ราษฎรทั้งประเทศหารด้วย 360) ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะได้จำนวน ราษฎร 158,225 คน ต่อสมาชิกหนึ่งคน (เดิมใช้จำนวนราษฎร หนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อสมาชิกหนึ่งคน) (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 63-64) การเลือกตั้งครั้งนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ 360 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 32,436,283 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 19,216,466 คน (คิดเป็นร้อยละ 59.24) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดคือ มุกดาหาร (คิดเป็นร้อยละ 87.11) และน้อยที่สุดคือ กรุงเทพฯ (คิดเป็นร้อยละ 42.56) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 51) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนคือ นายวโรทัย ภิญญสาสน์ พรรคประชากรไทย นายธวัชชัย อนามพงษ์ พรรคประชากรไทย และ นายประวัฒน์ อุตตะโมต พรรคประชากรไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจาก มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 30 มิถุนายน 2535 เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ ทางการเมืองในเดือน พฤษภาคม 2535 อันเป็นผลให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง และการไม่ยอมรับในรัฐบาลและรัฐสภาในคณะนั้นเพื่อเป็นการ แก้ปัญหาวิกฤตทางการเมืองจึงมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 52) 108
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 3.1.17 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครง้ั ท่ี 17 (วนั ที่ 13 กันยายน 2535) เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2535 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ทาง การเมืองที่สำคัญคือ เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรขึ้นในวันที่ 22 มีนาคม 2535 (การเลือกตั้งครั้งที่ 16) พรรคสามัคคีธรรมได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด และได้เป็นแกน นำในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคชาติไทย กิจสังคม ประชากรไทย และราษฎรซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลนี้ได้สนับสนุนให้ พลเอก สุจินดา คราประยูร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบ เรียบร้อยแห่งชาติ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีท่ามกลาง กระแสคัดค้านโดยทั่วไป เนื่องจากพลเอกสุจินดา ไม่ได้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้ง ถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบ เรียบร้อยแห่งชาติอีกด้วย จึงเกิดกระแสการต่อต้านอย่างรุนแรง จนนำไปสู่เหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2535 ทำให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ต้องลาออก ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียง 48 วัน และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี (นายอานันท์เคยได้รับ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วครั้งหนึ่งในช่วง หลังเหตุการณ์ยึดอำนาจ 23 กุมภาพันธ์ 2534 และได้ขอลาออก จากตำแหน่ง ในวันที่ 21 มีนาคม 2535 ก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน) ซึ่งคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายอานันท์ ปันยารชุน 109
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี ถือเป็นคณะรัฐมนตรีที่จัดตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะกิจ ในขณะที่ ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติ รวมทั้งการแต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีนี้ เพื่อจะได้ใช้กระบวนการทาง รัฐสภา และรัฐธรรมนูญคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมือง กลับสู่ประชาชน เมื่อประเทศเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว นายอานันท์ ปันยารชุน จึงได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 29 มิถุนายน 2535 และได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 13 กันยายน 2535 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 65-66) การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีเดียว กับการการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10-16 โดยได้กำหนดให้มีจำนวน สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร จำนวน 360 คนทำให้ มีสัดส่วนของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คนต่อราษฎร 150,000 คนการ เลือกตั้งครั้งนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 360 คน มีจำนวน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 31,860,156 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 19,622,322 คน (คิดเป็นร้อยละ 61.59) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ มากที่สุด คือ มุกดาหาร (คิดเป็นร้อยละ 90.43) และน้อยที่สุด คือ กรุงเทพฯ (คิดเป็นร้อยละ 47.40) (สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2549,หน้า 52) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนคือ นายสมชาย นิยมกิจ พรรคประชาธิปัตย์ นายอำนาจ เพ่งจิตต์ พรรคประชาธิปัตย์ และ นายประวัฒน์ อุตตะโมต พรรค ชาติพัฒนา 110
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 เนื่องจากรัฐบาลในคณะนั้น ซึ่งประกอบ พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลหลายพรรคและพรรคการเมือง ฝ่ายค้านได้เสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อกรณี การออก เอกสารสิทธิ์ สป.ก. 4-01 ซึ่งหลังจาการอภิปรายพรรคพลังธรรม ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้ประกาศถอนตัวจากการเป็นพรรค ร่วมรัฐบาล ส่งผลให้รัฐบาลมีเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย จึงตัดสินใจให้มี การยุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้น ส่งผลให้วาระการดำรงตำแหน่ง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง (สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 55) 3.1.18 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครง้ั ที่ 18 (วันท่ี 2 กรกฎาคม 2538) ภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 อันเนื่องมาจาก การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลง มติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งคณะ ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ประเด็นหลักในการ อภิปราย ได้แก่ การออกเอกสารสิทธิที่ดินทำกินหรือ ส.ป.ก. 4-01 ของรัฐบาล และเมื่อการอภิปรายสิ้นสุดลงแล้ว ก่อนที่จะมี การลงมติในญัตตินี้ พรรคพลังธรรมซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคหนึ่งได้มีมติที่จะงดออกเสียงในการลงมติและรัฐมนตรี ของพรรคทุกคนจะขอลาออกจากตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ทำให้นายชวน หลีกภัย ตัดสินใจประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร 111
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2539 และได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิก สภาผ้แู ทนราษฎรขึ้นใหมใ่ นวนั ท่ี 2 กรกฎาคม 2538 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 65-66) การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบ ผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีการเดียว กับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา แต่ใช้เกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสน ห้าหมื่นคนต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคน มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ 391 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งสิ้น 37,817,983 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 23,496,746 คน (คิดเป็น ร้อยละ 62.13) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ์มากที่สุดคือ มุกดาหาร (คิดเป็นร้อยละ 83.80) และน้อยที่สุด คือ กรุงเทพฯ (คิดเป็น ร้อยละ 49.82) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 52 – 53) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนคือ นายธวัชชัย อนามพงษ์ พรรคชาติพัฒนา นางสาวคมคาย เฟื่องประยูร พรรคชาติพัฒนา และ นายประวัฒน์ อุตตะโมต พรรคชาติพัฒนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจาก มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 27 กันยายน 2539 ทั้งนี้เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองของ พรรครัฐบาลที่นายกรัฐมนตรี ถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปราย ไม่ไว้วางใจ และเมื่อผ่านพ้นจากการลงมติ นายบรรหาร ให้เหตุผลว่า เมื่อรัฐบาลเป็นรัฐบาลที่ประกอบขึ้นด้วย 112
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี พรรคการเมืองหลายพรรค ความแตกแยกต่างๆ ที่กำลังจะเกิด ขึ้นนั้นอาจเป็นผลให้เกิดผลกระทบจากรัฐบาลได้ดังนั้น จึงยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมือง ระหว่างพรรคการเมืองที่กำลังเกิดขึ้น (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 57) 3.1.19 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครงั้ ที่ 19 (วันที่ 17 พฤศจกิ ายน 2539) สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ยื่นญัตติขอเปิด อภปิ รายไม่ไวว้ างใจรัฐมนตรี ในระหวา่ งวันท่ี 18-20 พฤศจิกายน 2539 ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตต ิ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็น รายบุคคลในรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็น นายกรัฐมนตรีซึ่งประเด็นการอภิปรายมุ่งเน้นอภิปราย นายบรรหาร ศิลปอาชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยก่อนที่จะลงมติในญัตตินี ้ ที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคได้มีมติขอให้นายบรรหาร ศิลปะอาชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนการลงมติ ซึ่งต่อมานายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ประกาศว่าจะลาออกจาก ตำแหนง่ ภายใน 7 วนั และจะพจิ ารณาบคุ คลทม่ี คี วามเหมาะสม มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน จนกระทั่งวันที่ 27 กันยายน 2539 นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ตัดสินใจประกาศ ยุบสภาผู้แทนราษฎร แทนการลาออกจากตำแหน่ง จึงได้จัดให้ มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 17 พฤศจกิ ายน 2539 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 69-70) 113
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบ ผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีการเดียว กับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10-18 โดยใช้เกณฑ์คำนวณราษฎร หนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อสมาชิกหนึ่งคน มีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรได้ 393 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 38, 564, 836 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 24,070,744 คน (คิดเป็นร้อยละ 62.42) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือสระแก้ว (คิดเป็น ร้อยละ 87.71) และน้อยที่สุด คือกรุงเทพฯ (คิดเป็นร้อยละ 48.97) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 53) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนคือ นายธวัชชัย อนามพงษ์ พรรคชาติพัฒนา นางสาวคมคาย เฟื่องประยูร พรรคประชาธิปัตย์ และ นายประวัฒน์ อุตตะโมต พรรคชาติพัฒนา สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรชดุ นส้ี น้ิ สดุ ลง เนอ่ื งจาก มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543 เนื่องจากวาระการดำรงตำแหน่งของรัฐบาลชุดนี้ใกล้ครบ วาระประกอบกับระหว่างที่มีการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรชุดนี้ ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับ ใหม่นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปฏิรูปทางการเมืองส่งผลให้ รัฐสภา มีองค์ประกอบและวิธีการได้มาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างยิ่ง รัฐบาลจึงตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีระยะเวลาใน การจัดการเลือกตั้งมากขึ้น ทั้งนี้รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าถ้ามี 114
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี การหมดวาระของการดำรงตำแหน่งต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ภายใน 45 วัน หากเป็นการยุบสภาผู้แทนราษฎรจะได้กำหนด ให้มีการเลือกตั้ง ภายใน 60 วัน รัฐบาลจึงตัดสินใจยุบสภา (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, หน้า 61-62) 3.1.20 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครัง้ ท่ี 20 (วันท่ี 6 มกราคม 2544) เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543 และรัฐสภาได้มีการจัดทำกฎหมายที่ เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับ ใหม่ ที่มีการประกาศใช้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้มีการกำหนด ให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 6 มกราคม 2544 ทั้งนี้เนื่องจาก รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้กำหนดให้ รัฐสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยที่สมาชิกของ ทั้งสองสภาที่กล่าวมานั้น ได้กำหนดให้มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงและลับ ทั้งนี้ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดจำนวนและ วิธีการได้มาดังนี้ 1. สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย สมาชิก จำนวน 500 คน มี 2 ประเภท คือประเภทที่ 1 มาจากการ เลือกตั้ง ในแบบบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง มีจำนวน 100 คน ประเภทที่ 2 มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในแต่ละเขต เลือกตั้งเขตเลือกตั้งละ 1 คน จำนวน 400 คน ผู้มีสิทธิออกเสียง เลือกตั้งคนหนึ่งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ได้เพียงเขตละ 1 คน สำหรับบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเป็น ผู้เลือกโดยเลือกตามรายชื่อและเบอร์ของพรรคนั้น ส่วนการ 115
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี เลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ กฎหมายกำหนดให้พรรคการเมือง จัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งขึ้นพรรคละ 1 บัญชี บัญชี ละไม่เกิน 100 คน โดยเรียงลำดับหมายเลขผู้สมัคร และให้นับ คะแนนรวมกันจากการลงคะแนนทั้งประเทศ กล่าวคือ ถือเอา เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งคนหนึ่ง ม ี ส ิ ท ธ ิ อ อ ก เ ส ี ย ง ล ง ค ะ แ น น เ ล ื อ ก ผู ้ ส ม ั ค ร ร ั บ เ ล ื อ ก ต ั ้ ง พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเพียงพรรคเดียว เท่านั้น 2. วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 200 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยที่กำหนดให้การ เลือกตั้งในแต่ละจังหวัดให้มีจำนวนเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับสัดส่วน ของจำนวนสมาชิกต่อราษฎรในจังหวัดและจัดการเลือกตั้งเป็น แบบรวมเขต จังหวัดเป็นเขตเดียว ผู้ที่เลือกตั้งมีสิทธิลงคะแนน เสียงได้เพียงเบอร์เดียวและห้ามมิให้ผู้สมัครทำการหาเสียง เลือกตั้ง (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง 2550, หน้า 71-72) ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งสิ้น42,759,001 คน มีผู้มา ใช้สิทธิเลือกตั้ง 29,904,940 คน (คิดเป็นร้อยละ 69.94) จังหวัด ที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ ลำพูน (คิดเป็นร้อยละ 83.78) และ น้อยที่สุด คือ สมุทรปราการ (คิดเป็นร้อยละ 60.79) โดยที่ คะแนนเสียงของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแยกเป็นประเภทดังนี้ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 53-54) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนคือ เขต 1 นายธวัชชัย อนามพงษ์ พรรคชาติพัฒนา เขต 2 116
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี นางคมคาย พลบตุ ร พรรคประชาธปิ ตั ย์ และ เขต 3 นายพงศเ์ วช เวชชาชีวะ พรรคไทยรักไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญ กำหนด และได้มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หาก สภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงด้วยการครบวาระ ให้มีการจัดการ เลือกตั้งใหม่ภายใน45 วันนับจากวันที่ครบวาระการดำรง ตำแหน่ง (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 69-70) 3.1.21 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครงั้ ที่ 21 (วนั ที่ 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2548) รัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เป็น รัฐบาลแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่อยู่ครบเทอม 4 ปี ถึงแม้ว่าในช่วงปลายปี พ.ศ. 2547 รัฐบาลจะอยู่ในช่วงขาลง จนทำให้มีข่าวลืออยู่เป็นระยะว่ารัฐบาลอาจยุบสภาก่อน ครบวาระเมื่อรัฐบาลอาจยุบสภาก่อนครบวาระ เมื่อรัฐบาลครบ วาระจึงให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 23 ของไทยผลจากการ เลือกตั้งครั้งนี้ทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่พรรคเดียวได้ที่ นั่งในสภาเกือบ 4 ใน 5 ส่วนของทั้งหมดในสภา ทำให้พรรค ไทยรักไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้อย่างมี เสถียรภาพ (สมบัติ ธำรงธัญวงศ์, 2548, หน้า 900-901) 117
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบ แบ่งเขตเลือกตั้งและระบบบัญชีรายชื่อซึ่งเป็นระบบและวิธีการ เดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 20 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร จำนวนทั้งสิ้น 500 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต เลือกตั้ง 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน มีจำนวน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งสิ้น 44,572,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 32,341,330 คน (คิดเป็นร้อยละ 72.56) จังหวัดที่มีผู้ใช้ สิทธิมากที่สุดคือลำพูน (คิดเป็นร้อยละ 86.56) และน้อยที่สุด คือ หนองคาย (คิดเป็นร้อยละ 62.55) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบ บัญชีรายชื่อ จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ 44,572,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 32,341,330 คน คิดเป็นร้อยละ 72.56 จำนวนบัตรดี 31,048,291 ใบ คิดเป็นร้อยละ 96.00 บัตรเสีย 935,586 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.89 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 357,515 คิดเป็นร้อยละ 1.11 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบ บัญชีแบ่งเขต จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ 44,572,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 32,337,611 คน คิดเป็นร้อยละ 72.55 จำนวนบัตรดี 29,657,745 ใบ คิดเป็นร้อยละ 91.72 บัตรเสีย 1,938,590 ใบ คิดเป็นร้อยละ 5.99 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 741,276 คิดเป็นร้อยละ 2.29 118
ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนคือ เขต 1 กล้าณรงค์ พงษ์เจริญ พรรคไทยรักไทย เขต 2 พลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ พรรคไทยรักไทย และ เขต 3 นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ พรรคไทยรักไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เพราะรัฐบาลพบกับวิกฤตทางการเมืองเนื่องจากมีประชาชน ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก จากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีในฐานะที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน โดยอ้อมและมาด้วยคะแนนเสียงที่ข้างมากที่สุดนับตั้งแต่มีการ เลือกตั้งมา ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจยุบสภาผู้แทน ราษฎร ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อเป็นการคืนอำนาจ การตัดสินใจให้กับประชาชน และได้กำหนดให้มีการเลือกตั้ง ใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 74-75) 3.1.22 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครัง้ ท่ี 22 (วันที่ 2 เมษายน 2549) จากการท่ี พ.ต.ท.ทกั ษณิ ชนิ วตั ร นายกรฐั มนตรี ได้ตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่มีผู้ชุมนุมเรียกร้องเพื่อต้องการให ้ นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง ดังนั้นเมื่อสถานการณ ์ อาจจะรุนแรงและนำไปสู่ความเสียหายดังเช่นเหตุการณ์ การเมืองต่างๆ ในอดีต ทำให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจคืนอำนาจ ให้ประชาชน ทั้งนี้เนื่องจากหลักการสำคัญของระบบ 119
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ประชาธิปไตยแบบตัวแทนนี้เป็นการให้อำนาจประชาชนเลือก ผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนตน ดังนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นว่า วิกฤตทางการเมืองที่อาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อประเทศได้ จึงควรที่จะยึดหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ให้ ประชาชนเป็นผู้กำหนด เป็นผู้เลือกตั้งตามหลักเสียงข้างมาก นั่นเอง รัฐบาลจึงตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นหลัก การและกระบวนการที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตย และได้ กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบ แบ่งเขตเลือกตั้งและระบบบัญชีรายชื่อซึ่งเป็นระบบและวิธีการ เดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 20 และ21 มีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร จำนวนทั้งสิ้น 500 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต เลือกตั้ง 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งแบบบัญชี รายชื่อทั้งสิ้น 44,909,562 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 29,088,209 คน (คิดเป็นร้อยละ 64.77) จังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิมากที่สุด คือ ลำพูน (คิดเป็นร้อยละ83.70) และน้อยที่สุดคือ นครศรีธรรมราช (คิดเป็นร้อยละ 52.18) จำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ทั้งสิ้น 44,778,628 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 28,998,364 คน (คิดเป็นร้อยละ 64.77) จังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิมากที่สุด คือ ลำพูน (คิดเป็นร้อยละ 83.70) และน้อยที่สุดคือ นครศรีธรรมราช (คิดเป็นร้อยละ 52.18) 120
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนคือ เขต 1 กลา้ ณรงค์ พงษเ์ จรญิ พรรคไทยรกั ไทย เขต 2 พลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ พรรคไทยรักไทย และ เขต 3 นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ พรรคไทยรักไทย สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้มี มติตามการร้องขอให้พิจารณาจากผู้ตรวจการแผ่นดินของ รัฐสภา เพื่อพิจารณาว่าการจัดการเลือกตั้ง ครั้งนี้เป็นไปไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย ส่งผลให้การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ จึงทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง โดยกำหนดให้มีขึ้น ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549 แต่การเลือกตั้งวันดังกล่าว ยังไม่ได้เกิดขึ้นเนื่องจากการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, หน้า 76-78) 3.1.23 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครัง้ ท่ี 23 (วนั ท่ี 23 ธันวาคม 2550) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน ประเทศไทย พ.ศ. 2550 เป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกภายใต้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และ ครั้งแรกภายหลังการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคมพ.ศ. 2550 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนด ให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 480 คน 121
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 400 คน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน จำนวน 80 คน มีการกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในเขต และ นอกเขตวันที่ 15-16 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยต้องไปลงทะเบียน ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดได้ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ส่วนเลือกตั้งในเขต ไม่ต้องลงทะเบียน แต่ไปใช้สิทธิได้ การเลอื กแบบแบ่งเขต การกำหนดเขตเลือกตั้งให้ดำเนินการ โดย จังหวัดใดมี ส.ส.ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ถ้าจังหวัดใดมี ส.ส.ได้เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็น เขตเลือกตั้ง โดยจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวน ส.ส. 3 คน ในกรณีที่แบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดหนึ่งให้มีจำนวน ส.ส.ครบ 3 คนทุกเขตไม่ได้ ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งที่มี ส.ส.เขตละ 3 คนก่อน แต่เขตที่เหลือต้องไม่น้อยกว่าเขตละ 2 คน ถ้าจังหวัดใดมีการเลือกตั้ง ส.ส.ได้ 4 คน ให้แบ่งเขต เลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขตหนึ่งให้มี ส.ส. 2 คน หรือถ้ามี ส.ส.ได้ 5 คน ก็แบ่งเป็น 2 เขต โดยเขตหนึ่งมี ส.ส.ได้ 3 คน อีกเขตหนึ่งมี ส.ส.ได้ 2 คน เป็นต้น การเลือกต้ังแบบสดั ส่วน การกำหนดเขตเลือกตั้งสำหรับ ส.ส.แบบ สัดส่วน ให้จัดแบ่งพื้นที่ประเทศออกเป็น 8 กลุ่มจังหวัด ให้ แต่ละกลุ่มจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งให้มี ส.ส.ได้ 10 คน และการจัดกลุ่มจังหวัดให้จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อ 122
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี กันอยู่ในกลุ่มจังหวัดเดียวกัน และในกลุ่มจังหวัดทุกกลุ่มจังหวัด ต้องมีจำนวนราษฎรใกล้เคียงกัน โดยให้จังหวัดทั้งจังหวัดอยู่ใน เขตเลือกตั้งเดียวกัน คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติแบ่งเขต เลือกตั้ง ส.ส. แบบสัดส่วน มี 8 กลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มมี ส.ส. 10 คน ดังนี้ กลุ่มที่ 1 มีจำนวน 11 จังหวัด ประชากรรวม 7,615,610 คน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, พะเยา, นา่ น, ลำปาง, ลำพนู , แพร,่ สโุ ขทยั , ตาก และกำแพงเพชร กลุ่มที่ 2 มีจำนวน 9 จังหวัด ประชากรรวม 7,897,563 คน ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, ลพบุรี, นครสวรรค์ และอุทัยธานี กลุ่มที่ 3 มีจำนวน 10 จังหวัด ประชากรรวม 7,959,163 คน ได้แก่ จังหวัดหนองคาย, อุดรธานี, เลย, นครพนม, สกลนคร, หนองบัวลำภู, กาฬสินธุ์, มุกดาหาร, มหาสารคาม และอำนาจเจริญ กลุ่มที่ 4 มีจำนวน 6 จังหวัด ประชากรรวม 7,992,434 คน ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด, ยโสธร, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ และบุรีรัมย์ กลุ่มที่ 5 มีจำนวน 10 จังหวัด ประชากรรวม 7,818,710 คน ได้แก่ นครราชสีมา, นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด และ ปทุมธานี 123
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี กลุ่มที่ 6 มีจำนวน 3 จังหวัด ประชากรรวม 7,802,639 คน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี และ สมุทรปราการ กลุ่มที่ 7 มีจำนวน 15 จังหวัด ประชากรรวม 7,800,965 คน ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, นครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, ระนอง, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, สมุทรสาคร และ สมุทรสงคราม กลุ่มที่ 8 มีจำนวน 12 จังหวัด ประชากรรวม 7,941,622 คน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, พังงา, นครศรีธรรมราช, กระบี่, ภูเก็ต, ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, นราธิวาส และยะลา จำนวนผใู้ ช้สิทธิเลอื กตง้ั แบบสัดส่วนมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 32,792,246 คน คิดเป็นร้อยละ 74.52 จำนวนบัตรเสีย 1,823,436 ใบ คิดเป็นร้อยละ 5.56 จำนวนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 935,306 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.85 แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีผู้มา ใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 32,775,868 คน คิดเป็นร้อยละ 74.49 จำนวนบัตรเสีย 837,775 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.56 จำนวนบัตร ไม่ประสงค์ลงคะแนน 1,499,707 ใบ คิดเป็นร้อยละ 4.58 (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. http://www.ect.go.th/ newweb/th/ election/ index4.php .2553) 124
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งนี้จังหวัด จันทบุรีมีผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน 3 คนและมี เขตเลือกตั้งเพียงเขตเดียวเท่านั้น (เขต 1) คือ นายธวัชชัย อนามพงษ์ พรรคประชาธิปัตย์ นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา พรรคประชาธิปัตย์ และ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ พรรคประชา ธิปัตย์ สภาชุดนี้จะมีอายุถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2554 จึงจะหมดวาระ 125
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี ตารางท่ี 1 แสดงการเลอื กต้งั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากอดีตจนถงึ ปจั จุบัน คร้ังท่ ี วัน/เดือน/ป ี วิธีการ จำนวน สาเหตุของ 1 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2476 เลือกตง้ั ส.ส. การเลือกตั้ง รวมเขต 2 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2480 78 การเปลี่ยนแปลง 3 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2481 แบ่งเขต การปกครอง 4 6 มกราคม พ.ศ.2489 5 29 มกราคม พ.ศ.2491 91 สภาหมดวาระ 6 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2495 7 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 แบ่งเขต 91 ยุบสภาฯ 8 15 ธันวาคม พ.ศ.2500 9 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2512 แบ่งเขต 96 ยุบสภาฯ 10 26 มกราคม พ.ศ.2518 แบ่งเขต 99 ใช้รัฐธรรมนญู ใหม่ 11 4 เมษายน พ.ศ.2519 รวมเขต 124 ใช้รัฐธรรมนูญใหม่ 12 22 เมษายน พ.ศ.2522 รวมเขต 160 สภาฯหมดวาระ 13 18 เมษายน พ.ศ.2526 รวมเขต 160 ใช้รัฐธรรมนูญใหม่ 14 27 กรกฎาคม พ.ศ.2529 รวมเขต 219 ใช้รัฐธรรมนญู ใหม่ 15 24 กรกฎาคม พ.ศ.2531 แบ่งเขตและ 269 ใช้รัฐธรรมนญู ใหม่ 16 22 มีนาคม พ.ศ.2535 รวมเขต 279 ยุบสภาฯ 301 ใช้รัฐธรรมนญู ใหม่ 17 13 กันยายน พ.ศ.2535 แบ่งเขตและ 324 ยุบสภาฯ รวมเขต 347 ยุบสภาฯ 357 ยุบสภาฯ แบ่งเขตและ 360 ใช้รัฐธรรมนญู ใหม่ รวมเขต 360 ยุบสภาฯ แบ่งเขตและ รวมเขต แบ่งเขตและ รวมเขต แบ่งเขตและ รวมเขต แบ่งเขตและ รวมเขต แบ่งเขตและ รวมเขต 126
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี คร้ังที่ วนั /เดือน/ป ี วธิ ีการ จำนวน สาเหตขุ อง เลอื กตงั้ ส.ส. การเลือกต้งั 18 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 แบ่งเขตและ 391 ยุบสภาฯ รวมเขต 19 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2539 แบ่งเขตและ 393 ยุบสภาฯ รวมเขต 20 6 มกราคม พ.ศ.2544 แบ่งเขตและ 500 ยุบสภาฯ บัญชีรายชื่อ 21 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 แบ่งเขตและ 500 สภาฯหมดวาระ บัญชีรายชื่อ 22 2 เมษายน พ.ศ.2549 แบ่งเขตและ 500 การเลือกตั้งเป็นโมฆะ บัญชีรายชื่อ 23 25 ธันวาคม พ.ศ.2550 แบ่งเขตและ 480 บัญชีรายชื่อ ทม่ี า : ประยุกต์จาก จรูญ สุภาพ และคณะ,2531, หน้า 206 และ http://www.ect.go.th 127
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 128 ตารางที่ 2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวดั จันทบรุ ี ต้ังแตก่ ารเลือกตัง้ พ.ศ. 2476-2550 คร้งั ท่ ี วัน/เดอื น/ป ี ลำดบั /ชื่อ - สกุล เขต พรรค หมายเหต ุ - 1 15 พ.ย. 2476 หลวงนรินทร์ประศาสตร์เวช (เจน สุนทโรทัย) - 2 7 พ.ย. 2480 นายวงศ์ เว้นชั่ว 3 12 พ.ย. 2481 นายอมร ผลประสิทธิ์ - 4 6 ม.ค. 2489 นายอรัญ รายนานนท์ - 5 29 ม.ค. 2491 นายวงศ์ วีระชาติพลี - 6 26 ก.พ. 2495 นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ - 7 26 ก.พ. 2500 นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ เสรีมนังคสิลา 8 15 ธ.ค. 2500 นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ - 9 10 ก.พ. 2512 นายบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ สหประชาไทย 10 26 ก.พ. 2518 นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ ไท นายประหยัด ธรรมสาคร ธรรมสังคม
ครงั้ ท่ ี วัน/เดือน/ป ี ลำดบั /ชอ่ื - สกลุ เขต พรรค หมายเหต ุ 11 4 เม.ย. 2519 นายสมยศ ศิรพันธ์ ประชาธิปัตย์ พลโทกานต์ รัตนวราหะ ธรรมสังคม 12 22 เม.ย. 2522 นายจำเริง ศรีสุวรรณ สยามประชาธิปไตย นายวิชิต สุขะวิริยะ กิจสังคม 13 18 เม.ย. 2526 นายละออ วรรณทอง ประชาเสรี นายวโรทัย ภิญญสาสน์ ประชากรไทย 14 27 ก.ค. 2529 นายวโรทัย ภิญญสาสน์ ประชากรไทย นายธวัชชัย อนามพงษ์ ประชาธิปัตย์ นายประวัฒน์ อุตตะโมต ประชาธิปัตย์ ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 129 15 24 ก.ค. 2531 นายวโรทัย ภิญญสาสน์ ประชากรไทย นายธวัชชัย อนามพงษ์ ประชากรไทย นายประวัฒน์ อุตตะโมต ประชากรไทย 16 22 มี.ค. 2535 นายวโรทัย ภิญญสาสน์ ประชากรไทย นายประวัฒน์ อุตตะโมต ประชากรไทย นายธวัชชัย อนามพงษ์ ประชากรไทย
นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 130 ครัง้ ท ี่ วนั /เดือน/ป ี ลำดบั /ช่ือ - สกลุ เขต พรรค หมายเหต ุ ประชาธิปัตย์ 17 13 ก.ย. 2535 นายสมชาย นิยมกิจ ประชาธิปัตย์ นายอำนาจ เพ่งจิตต์ 1 ชาติพัฒนา นายประวัฒน์ อุตตะโมต 1 ชาติพัฒนา 1 ชาติพัฒนา 18 2 ก.ค. 2538 นายประวัฒน์ อุตตะโมต 1 ชาติพัฒนา นายธวัชชัย อนามพงษ์ 1 ชาติพัฒนา นางสาวคมคาย เฟื่องประยรู 1 ชาติพัฒนา 1 ประชาธิปัตย์ 19 17 พ.ย. 2539 นายประวัฒน์ อุตตะโมต 2 ชาติพัฒนา นายธวัชชัย อนามพงษ์ 3 ประชาธิปัตย์ นางสาวคมคาย เฟื่องประยูร 1 ไทยรักไทย 2 ไทยรักไทย 20 6 ม.ค. 2544 นายธวัชชัย อนามพงษ์ 3 ไทยรักไทย นางคมคาย พลบุตร ไทยรักไทย นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ 21 6 ก.พ. 2548 นายกล้าณรงค์ พงศ์เจริญ พล.ต.ต.พยุง ตรงสวัสดิ์ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ
ครง้ั ท ี่ วัน/เดอื น/ปี ลำดบั /ชอ่ื - สกุล เขต พรรค หมายเหต ุ 22 2 เม.ย. 2549 นายกล้าณรงค์ พงศ์เจริญ 1 ไทยรักไทย การเลือกตั้ง พล.ต.ต.พยุง ตรงสวัสดิ์ 2 ไทยรักไทย ถูกยกเลิก นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ 3 ไทยรักไทย 23 25 ธ.ค. 2550 นายธวัชชัย อนามพงษ์ 1 ประชาธิปัตย์ นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา 1 ประชาธิปัตย์ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ 1 ประชาธิปัตย์ ทมี่ า : ปรับปรุงจากรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พ.ศ.2475-2548 (สำนักเลขาธิการรัฐสภา, 2548 หน้า 148) ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 131
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 3.2 ประวัติความเป็นมานักการเมืองถิ่น ในจังหวัดจันทบุรี 3.2.1. หลวงนรินทร์ประสาทเวช (เจน สนุ ทโรทัย) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัด จันทบุรี เกิดที่ข้างวัดจันทนาราม อ.เมือง จ.จันทบุรี สมรสกับ นางทองพูล เวชชาชีวะ พี่สาวของพระบำราศนราดูร (หลง เวชชาชีวะ) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 2 สมัย ผู้ได้รับพระราชทานนามสกุล เวชชาชีวะ ซึ่งนับได้ว่าเป็น เครือญาติเดียวกันกับนายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ อดีตสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี (ประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ, สัมภาษณ์, 2553) เคยดำรงตำแหน่งแพทย์หลวงของจังหวัดพัทลุง (ตำแหน่งสาธารณสุขจังหวัดในปัจจุบัน) ในปี พ.ศ.2460 สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี เมื่อ พ.ศ.2468 และตำแหน่ง สาธารณสุขมณฑลจันทบุรี หลวงนรินทร์ประสาทเวช (เจน สุนทโรทัย) เป็น ผู้ริเริ่มการก่อสร้างโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ซึ่งเดิม มีชื่อว่า “โรงพยาบาลจันทบุรี” ทำการก่อสร้างด้วยเงิน งบประมาณแผ่นดิน เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนกรกฎาคม 2481 โดยเรือนจำจังหวัดจันทบุรี กรมราชทัณฑ์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม 2482 และทำพิธีเปิดครั้ง แรกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2483 เป็นโรงพยาบาลขนาด 50 เตียง ขณะที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ 132
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรก และสมัยเดียว โดยดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่15 พฤศจิกายน พ.ศ.2476 – 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2480 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 4 ปี 11 เดือน 9 วัน 3.2.2. นายวงศ์ เวน้ ชั่ว (วงศ์ วรี ะชาตพิ ลี) นายวงศ์ วีระชาติพลี เกิดที่ อ.ท่าใหม่ จังหวัด จันทบุรี เดิมใช้นามสกุล เว้นชั่ว แต่ได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น วีรชาติพลี ในภายหลัง เป็นนักธุรกิจที่ทำธุรกิจหลายอย่าง เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดจันทบุรี พูดเก่งและมีวาทศิลป์ เป็นนักต่อสู้ นักมวลชน โดยเฉพาะการปราศรัยจะได้รับความ นิยมเป็นอย่างมาก แม้เมื่อเป็น ส.ส.ก็เป็น ส.ส.ฝีปากกล้า จนเป็นแบบอย่างให้ ส.ส.รุ่นหลังๆ อีกหลายคน (ประหยัด ธรรมสาคร, สัมภาษณ์, 2553) นายวงศ์ วีระชาติพลี ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร 2 สมัย คือ สมัยที่ 1 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ อยู่ในตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2480 – วันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2481 สมัยที่ 2 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร และอยู่ในตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2491 – 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 133
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 3 ปี 10 เดือน 29 วัน 3.2.3. นายอมร ผลประสิทธิ ์ นายอมร ผลประสิทธิ์ เป็นอดีตนักกฎหมาย ชื่อดังของจันทบุรี และเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน เพราะเป็น คนใจกว้าง อัธยาศัยดี ความรู้ความสามารถ และเป็นที่พึ่งของ ประชาชน นายอมร ผลประสิทธิ์ ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอยู่ในตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2481 – 15 ตุลาคม พ.ศ. 2488 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 6 ปี 11 เดือน 3 วัน 3.2.4. นายอรญั รายนานนท์ นายอรัญ รายนานนท์ เกิดย่านตลาดจันทบุรี นักธุรกิจผู้กว้างขวาง มีความรู้ความสามารถ และมีกลุ่มเพื่อน ที่ทำธุรกิจมากมายที่คอยให้การสนับสนุนในการหาเสียง เลือกตั้ง นายอรัญ รายนานนท์ ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอยู่ในตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2489 – 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 1 ปี 10 เดือน 6 วัน 134
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 3.2.5. นายสุรพงษ ์ ตรรี ัตน ์ นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ เกิดที่ตำบลบางกระจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี อาชีพทนายความ มีสำนักงานทนายความอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เป็นที่นับถือจากชาวจังหวัดจันทบุรี และมีผู้สนับสนุนในการ เลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งการหาเสียงในช่วงดังกล่าวใช้ วิธีการบอกปากต่อปาก หรือฝากกับผู้นำชุมชน ผู้มีบารมีใน พื้นที่ (ละออ วรรณทอง, สัมภาษณ์, 2553) นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ ยังเคยดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองที่สำคัญอีกมากมาย เช่น สมาชิกวุฒิสภา ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2511 – 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 สมาชิกวุฒิสภา ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 – 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ชุดที่ 1 ตั้งแต่ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2515 – 11 ธันวาคม พ.ศ. 2516 และ ตำแหน่งทางการบริหาร คือ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเศรษฐการ 31 มีนาคม พ.ศ. 2500 - 16 กันยายน พ.ศ. 2500 นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ มีคุณูปการต่อชาวจันทบุรี มากมายในขณะเป็นนักการเมือง เช่น ริเริ่มการสร้างสะพาน ตรีรัตน์ สะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรีแห่งที่ 2 และถนนตรีรัตน์ เป็นต้น ซึ่งชาวจันทบุรีได้ใช้ประโยชน์มาจนถึงทุกวันนี้ 135
นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ ลงสู่สนามการเมืองใหญ่ เป็นครั้งแรก และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอยู่ในตำแหน่ง ดังนี้ สมัยที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 - 25 กุมภาพันธ์ 2500 พ.ศ. ไม่สังกัดพรรคการเมือง ระยะเวลา การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 1 ทั้งสิ้น 5 ปี สมัยที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 - 16 กันยายน พ.ศ. 2500 พรรคเสรีมนังคศิลา ระยะเวลาการ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 2 ทั้งสิ้น 6 เดือน 12 วัน สมัยที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ไม่สังกัดพรรคการเมือง รวมระยะเวลา การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 3 ทั้งสิ้น 1 ปี 10 เดือน 5 วัน รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรทั้ง 3 สมัย รวม 7 ปี 4 เดือน 17 วัน 3.2.6. นายบุญเทยี่ ง สิทธิบุศย์ นายบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ เกิดวันที่ 2 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2469 ที่ตำบลช้างข้าม อำเภอท่าใหม่ จังหวัด จันทบุรี และที่อยู่อีกแห่ง คือ บ้านเลขที่ 13 ถนน สฤษดิเดช อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี จบการศึกษาธรรมศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ 136
ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี นายบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ ประกอบอาชีพ ทนายความ ทำสวน และเคยรับราชการกระทรวง มหาดไทย เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญคือนายกเทศมนตรี พ.ศ. 2511 ด้วยความกว้างขวางด้านอาชีพ เพราะเคยดำรง ตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองจันทบุรี ถึง 2 สมัย และเป็น ทนายความ เป็นที่นับถือของชาวจังหวัดจันทบุรี รวมทั้งเคย รับราชการในกระทรวง มหาดไทยจึงมีฐานเสียงที่สนับสนุนให้ ได้รับการเลือกตั้งได้ไม่ยากและมีนักการเมืองท้องถิ่น และ ผู้นำชุมชนเป็นฐานเสียง เช่น นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ นายลออ วรรณทอง เปน็ ตน้ (ประภทั รพงศ์ เวชชาชวี ะ, สมั ภาษณ,์ 2553) นายบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่ชั้นสงู สุด คือ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก นายบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรในนามพรรคสหประชาไทย ระหว่างวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512-17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรเพียงสมัยเดียว รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 2 ปี 8 เดือน 7 วัน 3.2.7. นายประภัทรพงศ์ เวชชาชวี ะ นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ ปัจจุบันอายุ 78 ปี เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2476 เป็นบุตรขุนประวิตร เวชชาชีพ (ประวิตร เวชชาชีวะ) และนางสมพงศ์ เวชชาชีวะ 137
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258