Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 36นักการเมืองถิ่นจันทบุรี

36นักการเมืองถิ่นจันทบุรี

Description: เล่มที่36นักการเมืองถิ่นจันทบุรี

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี โดยมีสาแหรกตระกูลเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐ มนตรีคนที่ 27 ด้วยนายโฆสิต เวชชาชีวะ บิดาของ ศ. นพ. อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ (บิดานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เป็นพี่ชาย ของขุนประวิตรเวชชาชีพ (ประวิตร เวชชาชีวะ) บิดา นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ จบประถมศึกษา จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ ธนบุรี และจบระดับมัธยมศึกษาที ่ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2499 จากนั้นเดินทางไป ศึกษาต่อที่ Gotton College หรือ Queensland Agriculture High school and College ประเทศออสเตรเลีย อยู่ 2 ปี แล้วย้ายมา ต่อที่ Melbourne Horticulture College จนจบ และเป็นอาจารย์ สอนวิชา Fruit Culture กับ Plant Propagation 1 ปี และเดินทาง กลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 พ.ศ.2501 ได้เข้าทำงานในบริษัท เอส.อาร์. แปง้ มนั ในแผนกกองคน้ ควา้ วจิ ยั ทอ่ี ำเภอบางละมงุ จงั หวดั ชลบรุ ี พ.ศ.2502 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกไร่มัน สำปะหลัง บริษัท เอส.อาร์. พ.ศ.2503 ย้ายไปเป็นผู้จัดการบริษัท เอส.อาร์. แผนกสวนยาง สวนผลไม้ ในเนื้อที่ 5,000 ไร่ ที่อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เริ่มประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยการซื้อที่ดินและ ปลูกสวนทุเรียน สวนเงาะ ในเนื้อที่ 14 ไร่ ปัจจุบันมีเนื้อที่ 272 ไร่ ซึ่งเป็นทุเรียนประมาณ 3,000 ต้น และเงาะโรงเรียน ประมาณ 300 ต้น 138

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี พ.ศ.2530 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจาก ภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน พ.ศ.2531 ได้รับประกาศนียบัตรประกาศ เกยี รตคิ ณุ จากกระทรวงมหาดไทยในการเปน็ ผนู้ ำอาชพี กา้ วหนา้ พ.ศ.2531 ได้รับประกาศนียบัตรรับรองสวน ผลไม้เป็นรายแรกของประเทศไทย จากสมาคมวิทยาศาสตร์ การเกษตรและสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2533 ได้รับรางวัลดีเด่น (เหรียญทอง) จาก องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย พ.ศ.2534 ได้รับพระราชทานโล่เกษตรกรดีเด่น แห่งชาติ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของสมาคมพืช-สวนแห่งประเทศ ไทย ผลงานด้านกิจกรรม 1. เป็นสมาชิกสภาตำบลขลุง อำเภอขลุง เมื่อ ปี พ.ศ. 2511 2. เป็นสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2512 3. เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2518 4. เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อปี พ.ศ. 2518 5. เป็นกรรมการที่ปรึกษาสถาบันราชมงคล วิทยาเขตเกษตรจันทบุรี 139

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 6. เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ของสถาบัน ราชภัฏรำไพพรรณี 7. เป็นนายกสมาคมผู้ค้าผักและผลไม้ เพื่อ การส่งออกภาคตะวันออก ผลงานดีเด่น 1. เป็นเกษตรกรดีเด่น และตัวอย่างของ ประเทศไทย 2. ได้รับรางวัลที่ 1 ในการประกวดทุเรียนจาก องค์การเกษตร (อ.ต.ก.) พ.ศ. 2525 3. ได้รับประกาศเกียรติคุณ จากคณะ วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2530 4. ได้รับโล่ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2530 5. ได้รับโล่ รางวัลที่ ๑ ในการประกวดทุเรียน จากพืชสวนจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2530 6. ได้รับประกาศเกียรติคุณรับรองคุณภาพ สวนจากสมาคมวิทยาศาสตร์การเกษตร พ.ศ. 2530 7. ได้รับประกาศเกียรติคุณ ผู้นำอาชีพ ก้าวหน้า จากกระทรวงมหาดไทย 8. ได้รับรางวัลเหรียญทอง จากองค์การ เพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย 9. ได้รับโล่รางวัล เกษตรกรดีเด่นระดับจังหวัด เมื่อปี พ.ศ. 2533 140

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 10. ได้รับโล่เกษตรกรดีเด่นระดับภาคตะวันออก 11. ได้รับโล่พระราชทาน จากพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั เปน็ เกษตรกรดเี ดน่ ระดบั ชาต ิ 12. ได้รับโล่เกียรติยศ จากสมาคมพืชสวน แห่งประเทศไทย เส้นทางสกู่ ารเมอื ง นายประภทั รพงศ ์ เวชชาชวี ะ หลงั จากกลบั จาก ต่างประเทศ นับได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ และใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว แต่เลือกที่จะกลับมาทำงาน ที่จันทบุรีทั้งๆ ที่มีที่อื่นๆ อีกมากมายพร้อมที่จะรับเข้าทำงาน พร้อมเงินเดือนก้อนโต และจุดนี้เองที่เป็นจุดหักเหให้ชีวิตของ นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ ก้าวเข้าสู่การเมืองโดยไม่ได้ วางแผนไว้ล่วงหน้า “มีกำนันท่านหนึ่งชื่อกำนันเฉลย แสวงศิลป์ กำนันตำบลตกพรม ชวนให้ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาตำบลขลุง อำเภอขลุง และช่วยจัดทีม เช่น แพทย์ประจำตำบล และทีม จากค่ายมวยในพื้นที่ เป็นต้น เพื่อหาเสียงให้ ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งจะ ย้ายมาที่ อ.ขลุง ไม่นานและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ตำบลขลุง อำเภอขลุง จ.จันทบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2511 โดยได้ คะแนนมาเป็นที่ 2” นายประภัทรพงศ์กล่าว (ประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ, สัมภาษณ์, 2553) จากนั้นได้ก้าวสู่เส้นทางการเมืองระดับจังหวัด คือเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2512 โดยการ ชักชวนของนายปรีชา ปรัชญสุนทร อดีต ส.จ.จันทบุรี โดย ครั้งนั้นลงคู่กับ นายบรรณวิทย์ สร้อยทอง และได้รับเลือกตั้ง 141

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี ในสมัยนั้น จากนั้นได้รับการชักชวนจากนายฉาย บูรพาทิพย์ ซึ่งมีความสนิทสนมกับนายประภัทรพงศ์ และเป็นหัวคะแนน ให้กับนายจำเริง ศรีสุวรรณ ชักชวนให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็มีเสียงดูถูกดูแคลนว่าจะ ไม่ได้รับการเลือกตั้งประกอบกับทนเสียงคะยั้นคะยอจากเพื่อน สนิทไม่ไหว และในช่วงเดียวกันนั้นยังได้รับเสียงสนับสนุนจาก น้องชาย (รองศาสตราจารย์ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ อาจารย์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตแกนนำนิสิตนักศึกษา เดือนตุลา) จึงตัดสินใจลงรับสมัครเลือกตั้งในนามพรรคไท และ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ.2518 พร้อมกับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง เศรษฐการ (กระทรวงการคลงั ในปจั จบุ นั ) (ประภทั รพงศ์ เวชชาชวี ะ, สัมภาษณ์, 2553) วิธีการหาเสยี ง การหาเสยี งในยคุ ของนายประภทั รพงศ์ เวชชาชวี ะ เป็นช่วงที่ยังไม่ได้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงอาศัยการบอกกัน ปากต่อปาก และแจกใบปลิว นายประภัทรพงศ์กล่าวว่า “การ หาเสียงเลือกตั้งครั้งนั้น (เลือกตั้ง ส.จ. 2512) ใช้ใบปลิว มีข้อความว่า ผมมารับใช้ท่านแล้ว ผู้จัดการไร่เอส อาร์ (ใช้ตัวใหญ่) ประภัทรพงษ์ เวชชาชีวะ (ใช้ตัวเล็ก) เพราะคน ไม่รู้จักประภัทรพงศ์ แต่รู้จักผู้จัดการไร่เอส อาร์ ตอนนั้นผมไม่ ได้ไปหาเสียงอะไรเลย มีคนเอาไปแจกให้ แต่ก็ชนะเลือกตั้ง” (ประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ, สัมภาษณ์, 2553) ในการเลือกตั้ง สนามใหญ่เมื่อ พ.ศ.2518 ที่มีคู่แข่งที่สำคัญหลายคน ได้แก่ 142

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ นายวงศ์ วีรชาติพลี นายอเนก บุญสุวรรณ และบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ นายประภัทรพงศ์ได้รับ เสียงสนับสนุนจากน้องชาย (รองศาสตราจารย์ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตแกนนำ นิสิตนักศึกษาเดือนตุลา) ซึ่งสังกัดพรรคไท ซึ่งเป็นพรรคที่กลุ่ม นิสิตนักศึกษาเดือนตุลาสังกัดอยู่หลายคน และเพราะเหตุนี้ ในการปราศรัยในแต่ละครั้ง จึงมีแกนนำของพรรคประกอบด้วย นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายกนก วงศ์ตระหง่าน มาช่วย ในการปราศรัย และก่อนการปราศรัย จะมีการฉายหนังเรื่อง 14 ตุลา วันมหาวิปโยค ให้ชาวบ้านได้ดูก่อนการปราศรัย นับว่าเป็นการใช้จิตวิทยามวลชนในการหาเสียง จนทำให้ นายประภัทรพงษ์ เวชชาชีวะ ชนะการเลือกตั้ง กลุ่มแกนและเครอื ขา่ ยในความสำเรจ็ กลุ่มแกนที่ทำให้นายประภัทรพงษ์ เวชชาชีวะ ประสบความสำเร็จ คือกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นที่ให้การ สนับสนุนตั้งแต่เริ่มเป็นนักการเมือง กลุ่มของนักวิชาการและคน เดือนตุลา โดยเฉพาะกลุ่มของรองศาสตราจารย์ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ น้องชายของนายประภัทรพงษ์ เวชชาชีวะ ที่มี นายกนก วงศ์ตระหง่าน และนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็น แกนนำ นายประภัทรพงษ์ เวชชาชีวะ เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2518- 12 มกราคม พ.ศ. 2518 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 11 เดือน 14 วัน 143

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 3.2.8. นายประหยดั ธรรมสาคร นายประหยัด ธรรมสาคร ปัจจุบันอายุ 79 ปี เกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2475 บ้านเขาวัว หมู่ที่ 1 ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เป็นบุตรของนายจวง-นางฮวด ธรรมสาคร สมรสกับคุณกัญญา ปรักมานนท์ อาชีพพยาบาล มีบุตรธิดา รวม 2 คน บุตรชายเรียนจบปริญญาตรีครุศาสตร์ ปัจจุบันเป็น ครูสังกัดโรงเรียนเทศบาล 2 จังหวัดจันทบุรี ส่วนธิดา จบปริญญาตรีศิลปศาสตร์ ปัจจุบันเป็นข้าราชการสังกัด ส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดบุรีรัมย์ นายประหยัด ธรรมสาคร จบการศึกษาระดับ มัธยมศึกษาปีที่ 6 ร.ร.เบญจมราชูทิศ อ.เมือง จ.จันทบุรี จากนั้นได้สอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจยศสิบตำรวจตรี สังกัด ตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี และได้ย้ายไปสถานีตำรวจ บางปลากด พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จนได้เรียนต่อ ด้านช่างอาวุธ และย้ายไปสังกัดกองกำกับการตำรวจภธู รภาค 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา ในตำแหน่งตำรวจช่างอาวุธ ต่อมาได้โอน ย้ายไปสังกัดกระทรวงมหาดไทยในตำแหน่งอักษรเลข ซึ่งเป็น ตำแหน่งต้นห้องของหม่อมเจ้าทองคำเปลว ทองใหญ่ ผู้ว่า ราชการจังหวัดจันทบุรีในขณะนั้น (ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี คนที่ 16 ดำรงตำแหน่งระหว่าง ก.พ. 2501 - 28 ก.ย. 2507) และ ได้ลาออกจากราชการในปี พ.ศ.2508 เพื่อจัดรายการวิทยุในชื่อ “2475” (ในยุคนั้นมักนิยมใช้นามแฝงหรือฉายา) ซึ่งเป็น พ.ศ.เกิดของนายประหยัด (ประหยัด ธรรมสาคร, สัมภาษณ์, 2553) 144

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี เส้นทางสกู่ ารเมือง เนื่องจากนายประหยัด ธรรมสาคร เป็นนักจัด รายการวิทยุที่มีคนฟังเป็นจำนวนมาก ทำให้คนส่วนมากชินกับ ชื่อ “2475” ซึ่งเป็นนามแฝง มากกว่าชื่อจริง นามสกุลจริง และเหตุการณ์ที่ทำให้นักจัดรายการชื่อดังต้องเบนเข็มเข้าสู่ เส้นทางการเมืองก็เนื่องมาจากการประท้วงของนิสิตนักศึกษา ในเดือนตุลาคม 2516 และเกิดความวุ่นวายในจังหวัดจันทบุรี ส่งผลให้สถานีวิทยุโดนเผาและต้องปิดตัวเองลง ทำให ้ นายประหยัด ซึ่งเป็นนักจัดรายการวิทยุพลอยตกงานไปด้วย ด้วยความที่ไม่มีงานทำ จึงทำให้นายสังเวียน ยามน้ำทรัพย์ เพื่อนสนิทซึ่งเป็นคอร์ลัมนิสของหนังสือพิมพ์จันทบูรในขณะนั้น เขียนข่าวสังคมจันทบุรีว่า นายประหยัด ธรรมสาคร ตัดสินใจ ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทน โดยต่อมามีการจัดเวทีเพื่อให ้ ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งปราศรัยที่วัดเขาคิชฌกูฏ คณะจัดงาน จึงได้เชิญนายประหยัด ธรรมสาคร ขึ้นปราศรัยด้วย จาก เหตุการณ์นี้เองทำให้นายประหยัด ธรรมสาคร ต้องขึ้นเวที พบปะกับชาวบ้านเป็นครั้งแรกแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ด้วยความที่ เป็นนักจัดรายการวิทยุมาก่อนจึงใช้ไหวพริบปฏิภาณพูดกับ ประชาชนที่มาฟังการปราศรัยได้อย่างจับใจ หลังจากนั้น นายประหยัด ธรรมสาคร จึงได้ลงสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว (ประหยัด ธรรมสาคร,สัมภาษณ์,2553) วธิ ีการหาเสียง การหาเสียงของนายประหยัด ธรรมสาคร ใช้วิธีการเดียวคือการตระเวนปราศรัยไปตามสถานที่ต่างๆ 145

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ในจังหวัดจันทบุรี แบบค่ำไหนนอนนั่น โดยใช้รถกระบะติด เครื่องขยายเสียงที่หลังคา ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบว่า จะมีการปราศรัยของ 2475 นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง ที่มาลง สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเป็นแบบที่นายประหยัด ธรรมสาคร เชื่อว่ามีประสิทธิภาพที่สุด แต่ละครั้งที่ปราศรัยจะมีชาวบ้าน มารอฟังประมาณ 40-100 คน ทั้งนี้การออกตระเวนหาเสียงของ นายประหยัด ธรรมสาคร ในแต่ละครั้งจะต้องเตรียมข้าวของ เครื่องใช้ อาหารการกินไปให้เพียงพอ เช่น ผ้าขาวม้า สบู่ ยาสีฟัน ปลากระป๋อง เป็นต้น เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน ชาวบ้านในที่ต่างๆ ที่ไปปราศรัย และหลังจากแวะหาเสียงและ แวะพัก อาบน้ำ กินข้าวปลาอาหารแล้ว นายประหยัด ธรรมสาคร จะทิ้งข้าวของเครื่องใช้เหล่านั้นไว้ให้ชาวบ้านเป็นที่ ระลึกและให้ชาวบ้านจำได้ ทำให้ชาวบ้านกล่าวถึงนายประหยัด เมื่อเห็นของเหล่านั้น นายประหยัด ธรรมสาคร ได้รับความ ไว้วางใจจากชาวจังหวัดจันทบุรีเลือกเป็น ส.ส. ในนามพรรค ธรรมสังคม โดยอยู่ในตำแหน่ง ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 2518 – 12 ม.ค. 2519 รวมระยะเวลาเป็น ส.ส.11 เดือน 13 วัน (ประหยัด ธรรมสาคร, สัมภาษณ์, 2553) กลมุ่ แกนและเครือข่ายในความสำเรจ็ กลุ่มแกนและเครือข่ายในความสำเร็จนาย ประหยัด ธรรมสาคร สรุปได้ดังนี้ 1. กลุ่มเพื่อนที่เป็นนักจัดรายการวิทยุที่รู้จัก มักคุ้นกันเป็นอย่างดีของนายประหยัด ธรรมสาคร ซึ่งมีผล ในการประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักนายประหยัด ธรรมสาคร เพิ่มมากขึ้น 146

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 2. เครือข่ายผู้ฟังที่ชื่นชอบในการจัดรายการของ นายประหยัด ธรรมสาครในนามของนักจัดรายการชื่อดัง 2475 นายประหยัด ธรรมสาคร เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2518 - 12 มกราคม พ.ศ. 2518 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 11 เดือน 14 วัน 3.2.9. นายสมยศ ศริ พนั ธุ์ นายสมยศ ศิรพันธุ์ เกิดที่อำเภอท่าใหม่ ประกอบอาชีพทนายความที่กรุงเทพมหานคร ด้วยภาพที่มี ความซื่อสัตย์ และบริสุทธิ์ โปร่งใส ประกอบกับกระแสของ พรรคประชาธิปัตย์ในยุคนั้น ทำให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นายสมยศ ศิรพันธุ์ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร และอยู่ในตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2519 – 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะเกิดรัฐประหารคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ภายใต้ การนำของพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ได้ทำการยึดอำนาจการ ปกครอง มีผลให้ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ต้องพ้นจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี นายสมยศ ศิรพันธุ์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2519 – 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรทั้งสิ้น 6 เดือน 2 วัน 147

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 3.2.10. พล.ท.กานต ์ รตั นวราหะ พล.ท.กานต ์ รตั นวราหะ เกดิ ทก่ี รงุ เทพมหานคร เนื่องจากไม่ใช่คนจันทบุรี แต่เป็นทหารผ่านศึก เคยไปรบสมัย เชียงตุง อดีตเจ้ากรมเสมียนตรา สำนักงานปลดกระทรวง กลาโหม เข้าสู่การเมืองโดยการชักชวนของ นายประหยัด ธรรมสาคร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดจันทบุรี สังกัดพรรคธรรมสังคม และในขณะนั้นกำนันเถิง หงส์ทอง ในอดีตก็เคยเป็นทหารผ่านศึก เมื่อทราบข่าวว่ามีนายทหารชื่อ พล.ท.กานต์ รัตนวราหะ ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกมาเหมือนกัน ก็ดีใจและช่วยหาเสียง ทั้งนี้ในจังหวัดจันทบุรีก็มีทหารผ่านศึก เป็นจำนวนมาก ทหารเหล่านั้นจึงช่วยกันเป็นหัวคะแนนให้กับ พล.ท.กานต์ รัตนวราหะ จนชนะการเลือกตั้ง (ประหยัด ธรรมสาคร, สัมภาษณ์, 2553) พล.ท.กานต์ รัตนวราหะ เคยดำรงตำแหน่งที่ สำคัญทางการเมือง ดังนี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ชุดที่ 1) (16 ธ.ค. 2515 – 16 ธ.ค. 2516) สมาชิกสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน (20 พ.ย. 2519 – 20 ต.ค. 2520) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (15 พ.ย. 2520 – 21 เม.ย. 2522) พล.ท.กานต์ รัตนวราหะ ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี และอยู่ในตำแหน่งตั้ง 148

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี แต่วันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2519 – 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และต้อง พ้นจากตำแหน่งพร้อมกับนายสมยศ ศิรพันธุ์ รวมระยะเวลา การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 6 เดือน 2 วัน 3.2.11. นายจำเรงิ ศรสี วุ รรณ นายจำเริง ศรีสุวรรณ เกิดวันที่ 15 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2474 ที่ตำบลบางกระจะ อำเภอเมือง จังหวัด จันทบุรี และย้ายมาอยู่ทีบ้านเลขที่ 125 ซอยอัมพวา ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ประกอบ อาชีพธุรกิจตัว โดยบุคลิกส่วนตัวของนายจำเริง ศรีสุวรรณ เป็น คนกว้างขวางและมีเพื่อนฝูงมาก เป็นคนตรงไปตรงมาและ อัธยาศัยดี สนุกสนาน เป็นที่ชื่นชอบของคนหนุ่ม และชาวบ้าน ทำให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรค สยามประชาธิปไตย (ประหยัด ธรรมสาคร, สัมภาษณ์, 2553) นายจำเริง ศรีสุวรรณ เคยดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาเทศบาลเมืองจันทบุรี ซึ่งเป็นฐานเสียงที่ทำให้ คนรู้จัก นายจำเริง ศรีสุวรรณได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสงู สุดคือตริตาภรณ์มงกุฎไทย นายจำเริง ศรีสุวรรณ เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดจันทบุรี พรรคสยามประชาธิปไตย ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 – 19 มีนาคม พ.ศ. 2526 รวมระยะเวลา การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 ปี 10 เดือน 27 วัน 149

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 3.2.12. นายวชิ ติ ศุขวริ ยิ ะ นายวิชิต ศุขวิริยะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรเพียงคนเดียวที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 จังหวัด คือจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดจันทบุรี เกิดเมื่อวันที่ 5 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2458 ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 2 ถนนสุขุมวิท ต.คมบาง อ.เมือง จ.จันทบุรี การศึกษา ธรรมศาสตร์บัณฑิต ประกาศนียบัตรโรงเรียนข้าราชการ โรงเรียนข้าราชการปกครองชั้นสูง วิทยาลัยป้องกัน ราชอาณาจักร เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. 2514 - 6 ธ.ค. 2516 และจังหวัด นครราชสีมา 6 ธ.ค. 2516 - 31 ธ.ค. 2519 ซึ่งขณะดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้ทำคุณูปการหลายอย่างให้กับ จังหวัดจันทบุรี เช่น บูรณะและซ่อมแซมตัวป้อมหน้าค่าย เนินวงในปัจจุบัน ให้เป็นป้อมคอนกรีตเสริมเหล็กทรง 8 เหลี่ยม ขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2516 และดำเนินการเกี่ยวกับการสร้าง วิทยาลัยครูจันทบุรี โดยเปลี่ยนชื่อเป็นรำไพพรรณี ตาม พระนามของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีที่พระราชทานที่ดิน วังสวนบ้านแก้วให้กับวิทยาลัยประมาณ 700 ไร่ (นายละออ วรรณทอง, สัมภาษณ์, 2553) หลังจากเกษียณเป็นข้าราชการบำนาญ นายวิชิต ศุขวิริยะ จึงลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทน ราษฎรจังหวัดจันทบุรี และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร 1 สมัย ในนามพรรคกิจสังคม ซึ่งมูลเหตุที่ได้รับการ 150

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี เลือกตั้งน่าจะมาจากการเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และมีผลงานการบริหารจังหวัดเป็นที่ปรากฏและชาวบ้านรู้จักดี จึงทำให้ชนะการเลือกตั้ง ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด คือประถมาภรณ์มงกุฎไทย นายวิชิต ศุขวิริยะ เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดจันทบุรี พรรคกิจสังคม ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2522 – 11 มีนาคม พ.ศ.2526 รวมระยะเวลาการเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 ปี 10 เดือน 19 วัน 3.2.13. นายละออ วรรณทอง นายละออ วรรณทอง อดีตข้าราชการครูที ่ ลาออกมาลงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเลือกตั้ง ในสมัยแรกและสมัยเดียว โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพียงคนเดียวของพรรคประชาเสรีในสภาผู้แทนราษฎร นายละออ วรรณทอง ปจั จบุ นั อายุ 84 ปี เกดิ วนั ท่ี 14 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.2469 ที่บ้านหนองทองหลาง ตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 5 คน ของนายทอง- นางอ้น วรรณทอง นายละออ วรรณทอง สมรสกับนางสาวเกสร ผลพฤกษา มีบตร-ธิดา รวม 6 คน คือ นางอุไรวรรณ วรรณทอง นายดิเรก วรรณทอง นางอมรา วรรณทอง นายวิรัช วรรณทอง นายกริช วรรณทอง และนางดวงรัตน์ วรรณทอง นายละออ วรรณทอง เรียนจบชั้นประถม ศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนพลับพลา อำเภอเมืองจันทบุรี และ 151

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัด จันทบุรี จากนั้นได้ไปเรียนต่อจนจบประโยคครูประถม โรงเรียน ฝึกหัดครพู ระนคร (วังจันทร์เกษม) กรุงเทพมหานคร ประวัติการรับราชการของนายละออ วรรณทอง มีดังนี้ - พ.ศ.2490-พ.ศ.2500 รับราชการเป็นครูที่ โรงเรียนฝึกหัดครูจันทบุรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี - พ.ศ.2501 เป็นครูประจำการฝึกหัดครู - พ.ศ.2502-พ.ศ.2504 เป็นครูใหญ่โรงเรียน มัธยมพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัด จันทบุรี และได้แต่งตั้งให้ไปช่วยรักษาการ ในตำแหน่งครูใหญ่ โรงเรียนศึกษา สงเคราะห์มะขาม อำเภอมะขาม จังหวัด จันทบุรี อีกตำแหน่งหนึ่ง - พ . ศ . 2 5 0 4 - พ . ศ . 2 5 2 6 เ ป ็ น ค รู ใ ห ญ ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการการโรงเรียน ศึกษาสงเคราะห์-มะขาม ลาออกจาก ราชการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2525 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2526 รวมอายุราชการได้ 35 ปี 152

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี เส้นทางการเมอื ง นายละออ วรรณทอง เดิมทีไม่ใช่คนที่ชอบ การเมือง จากบทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งที่นายละออ วรรณทอง เล่าว่า “นักการเมืองก็เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นอย่างไร ไม่เคยคิดจะ เป็นนักการเมือง ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วย ที่เห็นอยู่ก็อิด หนาระอาใจอยู่แล้ว แต่เผอิญผมไปพลั้งปาก กับ ดร.วัฒนา เขียววิมล (แกนนำกลุ่มนวพล ซึ่งรัฐบาลจัดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้าน คอมมิวนิสต์ในประเทศไทย) ซึ่งทำงานด้านมวลชนร่วมกันอยู่ใน สมัยนั้น โดยรวบรวมกลุ่มคนที่มีความเห็นทางการเมืองคล้ายๆ กันมาเข้ากลุ่ม และเมื่อมีการประชุมกันในพรรคประชาเสรี ซึ่ง ดร.วัฒนา เขียววิมล เป็นหัวหน้าพรรค ก็ถามว่าจันทบุรีจะ ให้ใครลงดี แต่ตอนนั้นก็มีหลายพรรคมาทาบทามผมลงสมัคร ส.ส. เช่น พรรคกิจสังคม พรรคประชาธิปัตย์ แต่ผมก็ปฏิเสธ ซึ่งตอนนั้นผมก็รับปาก ดร.วิมล ว่าจะหาคนลงสมัครเลือกตั้งให้ ดร.วัฒนาก็บอกผมว่า ถ้าหาไม่ได้ต้องลงเอง ผมก็บอกครับ เพราะผมก็คิดว่าจะต้องมีคนลง เพราะใครๆ ก็อยากจะลง ทีนี้ พอผมไปหาคนมาสมัคร ก็ไม่มีใครอยากจะลง พอไม่มีคนลง เค้าก็บอกผมว่าคุณต้องลง ผมก็เลยจำใจต้องลง” (ละออ วรรณทอง, สัมภาษณ์, 2553) และนั่นคือเส้นทางที่ทำให้ นายละออ วรรณทอง ต้องเข้าสู่เส้นทางการเมือง วิธกี ารหาเสยี ง ด้วยความที่นายละออ วรรณทอง เคยรับ ราชการเป็นครู ทำให้มีเพื่อนครูเป็นจำนวนมาก และมีลูกศิษย์ ทั้งของนายละออ วรรณทองเอง และของเพื่อนเป็นจำนวนมาก 153

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี จึงใช้วิธีการหาเสียงผ่านเครือข่ายครู และลูกศิษย์ “ตอนนั้น พรรคพวกพอรู้ว่าผมลง ส.ส.ก็ดีใจกัน บอกจะช่วยหาเสียง ผมก็มารู้ตอนหลังว่าพรรคพวกไปช่วยทำใบปลิว ช่วยลงพื้นที่ บอกชาวบ้าน ผมแทบไม่ได้หาเสียงเลย คนอื่นเค้าหาเสียงกัน โครมๆ แต่ผมไปนิดๆ หน่อยๆ และเค้าไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่ก็มีตอนช่วงสงกรานต์เท่านั้น ก็มีเลี้ยงเหล้าบ้าง พวกขี้เหล้า มาขอ ก็ให้พรรคพวกเอาไปเลี้ยง แต่ก็ไม่ได้วุ่นวาย ก็มีปราศรัย บ้าง นิดหน่อย เพื่อพบปะกับชาวบ้าน ทางพรรคก็พิมพ์ใบปลิว ให้ 20,000 แล้วก็ไม่ได้มาช่วยอะไร” นายละออ วรรณทองกล่าว (ละออ วรรณทอง, สัมภาษณ์, 2553) และผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่านายละออ วรรณทองได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี โดยได้คะแนนมากที่สุด กลุ่มแกนและเครอื ข่ายในความสำเรจ็ เนื่องจากนายละออ วรรณทอง เป็นอดีต ราชการครูกลุ่มและแกนที่ทำให้ประสบความสำเร็จ มากที่สุด ก็คือ กลุ่มข้าราชการครู แวดวงทางการศึกษา ข้าราชการ และ ลูกศิษย์ของนายละออ วรรณทอง อีกทั้งยังได้สร้างผลงานไว้ เป็นที่ประจักษ์มากมาย จึงทำให้นายละออ วรรณทอง เป็นที่ รู้จักทั้งในกลุ่มข้าราชการและชาวบ้านทั่วไป นายละออ วรรณทอง ได้รับเลือกเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร์จังหวัดจันทบุรีและอยู่ในตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2526–วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2529 รวมระยะ เวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 ปี 13 วัน 154

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 3.2.14. นายวโรทยั ภญิ ญสาสน์ นายวโรทัย ภิญญสาสน์ สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรที่ดำรงตำแหน่งยาวนานถึง 4 สมัย และเป็นอดีต รัฐมนตรีที่สังกัดเพียงพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวคือ พรรค ประชากรไทย ปัจจุบันอายุ 71 ปี เกิดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2482 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่บิดาได้ไปแจ้งเกิดที่อำเภอ เสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ นายศิริ ภิญญสาสน์ มารดาชื่อนางบุญเติม ภิญญสาสน์ สมรสกับนางศิรินาฎ ภิญญสาสน์ มีบุตรด้วยกัน 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน ด้านการศึกษา จบประถมศึกษาจากโรงเรียน เขมะสิริอนุสรณ์ กรุงเทพมหานคร จบมัธยม ศึกษาตอนต้นจาก โรงเรียนวัฒนศิลป์ กรุงเทพมหานคร มัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนวิทยาลัยบางแสน จังหวัดชลบุรี จบอาชีวะชั้นสูง จากโรงเรียนช่างกลปทุมวัน กรุงเทพมหานคร และได้รับ ปริญญาวิทยาศาสตร์บัญฑิตกิตติมศักดิ์ (การส่งเสริมและ สื่อสารการเกษตร) ประกอบธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับรถยนต์ ณ บ้าน เลขที่ 44/7 ซอยจาริพิบูลย์ ถนนพิบูลย์สงคราม อ.เมือง จ.จันทบุรี เครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2526 ตริตราภรณ์ มงกุฎไทย พ.ศ.2528 ตริตราภรณ์ช้างเผือก พ.ศ.2530 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย พ.ศ.2532 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก 155

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี เคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญในอดีต ดังนี้ - สมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2523 – 2526 - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2526 – 2529 - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2529 – 2531 - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2531 – 2534 - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจัดหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2535 - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ 14 ธันวาคม 2533-23 กุมภาพันธ์ 2534 - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ 17 เมษายน 2535-10 มิถุนายน 2535 - ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2538 - ทป่ี รกึ ษารฐั มนตรแี ละจำสำนกั นายกรฐั มนตรี พ.ศ. 2538 156

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี - กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันราชภัฎ รำไพพรรณี - ประธานลูกเสือชาวบ้านจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2520 – 2521 - นายกสโมสรไลออนส์จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2527 – 2528 - ประธานก่อตั้งหอการค้าจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2527 - กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ สิ หวทิ ยาลยั ศรอี ยธุ ยา - กรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยบูรพา - ประธานกลุ่มอาสาป้องกันชาติจังหวัด จันทบุรี เส้นทางการเมอื ง ขณะที่เรียนอยู่ที่ช่างกลปทุมวัน นายวโรทัย ภิญญสาสน์ ได้มีโอกาสเข้าร่วมการชุมนุมเมื่อ พ.ศ.2516 ณ ท้องสนามหลวง และได้ฟังการขึ้นเวทีปราศรัยของนายไถง สุวรรณทัต อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ ซึ่งเหลือขาเพียงข้างเดียว จากการถูกขว้างระเบิด ใส่จบบาดเจ็บสาหัสเสียขาไปข้างหนึ่งเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2489 จึงเกิดความประทับใจและเห็นนายนายไถง สุวรรณทัต เป็นเหมือนวีระบุรุษทางการเมือง และเกิดความประทับใจ ตั้งแต่นั้น (วโรทัย ภิญญสาสน์, สัมภาษณ์, 2553) และนั่นเอง 157

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี จึงเป็นเหตุให้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างเต็มตัวด้วยการลง สมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในปี 2519 แต่แล้วก็พบกับความ ผิดหวังด้วยอ่อนด้อยประสบการณ์ จากนั้นจึงหันมาเรียนรู้และ เสริมประสบการณ์ทางด้านการเมืองด้วยการลงสมัครรับ เลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดในปี 2522 และได้รับเลือกตั้งในป ี ดังกล่าว “เพราะเลือกเกิดไม่ได้ อย่างที่ผมอยู่จันทบุรี ผมก็ไม่ ได้เกิดที่จังหวัดจันทบุรี แต่ผมเลือกที่จะอยู่ เลือกที่จะประกอบ คุณงามความดีที่จันทบุรี ซึ่งเราเลือกที่จะทำได้” (วีระวัฒน์ พัฒนกูลชัย, 2532,หน้า 34) นั่นคือคำพูดที่สะท้อนความรู้สึก ระหว่างการทำธุรกิจที่ไม่ต่างจากการเมืองเท่าไร วธิ กี ารหาเสยี ง ในการหาเสียงของนายวโรทัย ภิญญสาสน์ ใช้วิธีการทำดีให้เห็นแล้วชาวบ้านจะประทับใจเอง เห็นได้จาก เมื่อการสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก ที่ใช้วิธีการตระเวนปราศรัย หาเสียงเหมือนกับผู้สมัครพรรคอื่นๆ แต่ก็พบกับความผิดหวัง เมื่อไม่ได้รับการเลือกตั้ง (วโรทัย ภิญญสาสน์, สัมภาษณ์, 2553) นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานายวโรทัย ภิญญสาสน์ จึงเลือกใช ้ วิธีการสร้างคะแนนจากประชาชนระดับล่าง ด้วยการหันไป สมัครสมาชิกสภาจังหวัดซึ่งมีฐานเสียงเล็กกว่าและค่อยๆ ขยาย โดยเฉพาะฐานเสียงเดิมคือกลุ่มลูกเสือ ชาวบ้านที่เคยเป็น ประธานเมื่อ พ.ศ.2520-2521 และค่อยสร้างความนิยมขึ้นตาม ลำดับด้วยวิธีการหาเสียงแบบเข้าถึงชาวบ้าน ตระเวนปราศรัย ตามงานวัด งานบุญ งานกิจกรรมสาธารณะต่างๆ ซึ่งในแต่ละ งานจะต้องมีการบริจาคเงินหรือร่วมทำบุญมากบ้าง น้อยบ้าง ตามสภาพของงานหรือพิธีการ แต่ก็มีบางครั้งที่มีการเรียกรับ 158

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี เงินเป็นจำนวนมากเพื่อจะให้ขึ้นพูดหรือปราศรัย และในคราว หาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อๆ ก็มีการเพิ่ม วิธีการหาเสียงมากขึ้น เช่น ฉายภาพยนตร์ก่อนการปราศรัยเพื่อ เรียกคนมาฟัง การมีแกนนำของพรรค เช่น หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มาช่วยลงพื้นที่หาเสียง และ เมื่อชาวบ้านเห็นผลงานจากการเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจึงเลือก เข้ามาเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรถึง 4 สมัย คือ พ.ศ.2526, 2529, 2531และ 2535 ทั้งยังได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วย “ผมยึดหลักการเดียวกับ การค้าขายนี่ละครับ ผมมีความตั้งใจจริง ซื่อสัตย์ และยุติธรรม อย่างเรื่องการค้าของผมนั้น ผมขายเฉพาะรถมือใหม่ ไม่ขาย รถเก่า คือเราให้ความมั่นใจกับลูกค้าว่า สินค้าที่เค้าซื้อไปนั้น เป็นของใหม่จริงๆ ไม่มีการย้อมแมว และผมถือว่าซื้อรถจากผม ไปแล้วไม่มีเปลี่ยนอะไหล่ อย่างผมเป็น ส.ส. ตัดถนนสร้าง สะพาน สามารถดูได้เลยครับว่าผมนั้นไม่มีประโยชน์ในนั้นด้วย ซง่ึ ทจ่ี รงิ เคา้ เรยี กวา่ กนิ ตามนำ้ นน่ั นะ่ ครบั ” (วรี ะวฒั น์ พฒั นกลู ชยั , 2532, หน้า 35) นายวโรทัย ภิญญสาสน์ ได้ให้สัมภาษณ ์ ตอนหนึ่งถึงการเลือกตั้งในสมัยสุดท้ายที่แพ้การเลือกตั้งและ ทำให้อยากเลิกเล่นการเมืองว่า “การเล่นพนันในการเลือกตั้ง สมัยที่ผมแพ้นั้นคือการต่อว่า ถ้าผมแพ้จ่าย 10 ต่อ 1 และ ชาวบ้านก็ไปรับพนันเค้า สุดท้ายชาวบ้านก็อยากชนะพนันก็เลย ไม่เลือกผม ผลการเลือกตั้งครั้งนั้นจึงทำผมให้ผมแพ้” และนั่น ก็นับเป็นการเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งสุดท้าย ของนายวโรทัย ภิญญสาสน์ 159

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี กลุม่ แกนและเครอื ข่ายในความสำเรจ็ ด้วยความที่นายวโรทัย ภิญญสาสน์ เป็นอดีต สมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี อดีตประธานลูกเสือชาวบ้านจังหวัด จันทบุรี และตำแหน่งทางสังคมที่สำคัญๆ เช่น นายกสโมสร ไลออนส์จังหวัดจันทบุรี ประธานก่อตั้งหอการค้าจังหวัดจันทบุรี และประธานกลุ่มอาสาป้องกันชาติจังหวัดจันทบุรี เป็นต้น ทำให้เกิดเครือข่าย พวกพ้องที่สนิทสนมกับนายนายวโรทัย ภิญญสาสน์ เป็นจำนวนมาก ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงประชาชน นายวโรทัย ภิญญสาสน์ ได้รับเลือกเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร์จังหวัดจันทบุรีในสังกัดพรรคประชากรไทย เพียงพรรคเดียว และอยู่ในตำแหน่ง ดังนี้ สมัยที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2526 – วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 รวมระยะเวลา การเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 ปี 13 วัน สมัยที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฏาคม พ.ศ.2529 – วันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2531 รวมระยะเวลา การเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 1 ปี 9 เดือน 2 วัน สมัยที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฏาคม พ.ศ.2531 – วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 รวมระยะเวลา การเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 2 ปี 7 เดือน สมัยที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2535 – วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2535 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 เดือน 9 วัน 160

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง 4 สมัย รวมระยะเวลา 7 ปี 7 เดือน 24 วัน 3.2.15. นายธวัชชยั อนามพงษ ์ นายธวัชชัย อนามพงษ์ นักการเมืองที่มี ประสบการณ์ทางการเมืองมากที่สุดในจันทบุรี และได้รับ เลือกตั้งมากที่สุดทั้งในสนามการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น และ สนามการเลือกตั้งระดับชาติ ปัจจุบันอายุ 65 ปี เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2488 ณ ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็นบุตรของนายสุดใจ และนางโด๋ย อนามพงษ์ เป็นบุตรคนที่ 2 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน นายธวัชชัย อนามพงษ์ สมรสกับนางกณิกา อรุณรังษี มีบุตร 3 คน และบุตรบุญธรรม 1 คน คือ นายสมบัติ อนามพงษ์ นางนาถยา ชัยสุวรรณถาวร นายอำนาจ อนามพงษ์ และนายธีระพัฒน์ อนามพงษ์ ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 110/241 หมู่ที่ 11 หมู่บ้าน ตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ด้านการศึกษา จบชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลบ้านป่าแดง ตำบลท่าใหม่ อำเภอ ท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี เพียงหนึ่งเดียวที่ไม่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี แต่มากด้วย ประสบการณ์ทางการเมืองมากที่สุดในบรรดาสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งหมดของจันทบุรี นายธวัชชัย อนามพงษ์ มีประสบการณ์ ทางการเมืองมากมาย เช่น เป็นสมาชิกสภาจังหวัดตราดและ 161

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด และจังหวัดจันทบุรี, เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อุตสาหกรรม (สุวัจน์ ลิปตพัลลภ), ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (กร ทัพพะรังสี), สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี 8 สมัย และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นมหาวชิรมงกุฎ และ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก เส้นทางสู่การเมอื ง นายธวัชชัย อนามพงษ์ เล่าถึงเส้นทางชีวิต ที่ทำให้เข้ามาสู่เส้นทางการเมืองว่า “ตอนนั้นผมอายุ 22 ปี เป็น พ่อค้าพลอย ทำเหมืองพลอยอยู่ที่จังหวัดตราด ผูกพันกับ ชาวบ้าน ช่วยเหลือชาวบ้านจนเป็นที่รู้จัก จนกำนันเอก ส.จ.อำเภอเขาสมิง มาชาวและให้จัดทีมลงสมัคร ส.จ.ก็ได้เป็น และเป็นประธานสภาจังหวัดตราด รวมแล้ว 15 ปี แล้ว พ.ศ.2528 ช่วงงานกีฬาที่จังหวัดจันทุบุรี มีชาวบ้านมาบอกผม ว่า เป็นคนจันทบุรี ทำไมไม่มาช่วยบ้านเกิด ผมก็เลยย้าย สำมะโนครัวกลับมาอยู่ที่จันท์และลงสมัคร ส.จ.ในนามทีม รักเมืองจันท์ มี ส.จ. ได้ 24 คน ผมก็ส่งลง 24 คน แต่ตอนนั้น ก็ได้มา 23 คน และเป็นประธาน สภาจังหวัดจันทบุรีในปีนั้น พ.ศ.2529 ก็มีผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ คุณวีระ มุสิกพงษ์ มาจบี เขา้ พรรค และใหล้ งสมคั ร ส.ส. ตอนนน้ั ลงกบั คณุ ประวฒั น์ อุตตะโมต (บุตรนายประกิต อุตตะโมต รองปลัด กระทรวง มหาดไทยในขณะนั้น) และ ส.จ.สนิท เฟื่องประยูร (บิดาของ นางคมคาย พลบตุ ร) ตอนนน้ั กไ็ ด้ 2 คน คอื ผมกบั คณุ ประวฒั น”์ (ธวัชชัย อนามพงษ์, สัมภาษณ์, 2553) และนั่นคือเส้นทาง 162

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี การเมืองระดับชาติที่นายธวัชชัย อนามพงษ์ได้สัมผัสเป็น ครั้งแรก วธิ กี ารหาเสียง การหาเสียงของนายธวัชชัย อนามพงษ์ เน้น การหาเสียงด้วยการลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้าน โดยเฉพาะกลุ่ม แกนนำชาวบ้าน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น ในจังหวัด ซึ่งรู้จักนายประกิต บิดานายประวัฒน์ เป็นอย่างดีเป็น หัวคะแนนให้ โดยใช้รถกระจายเสียง และแนะนำชาวบ้านแบบ ปากต่อปาก รวมทั้งใช้ใบปลิว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะบารมีของ นายประกิต อุตตะโมต บิดานายประวัฒน์ อุตตะโมต ที่ดำรง ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในขณะนั้น ทั้งยังเคยเป็น อดีตผู้ว่าในภาคตะวันออกเกือบทุกจังหวัด จึงทำให้มีผู้ที่เคารพ นับถืออยู่มาก นายธวัชชัย อนามพงษ์ ชนะการเลือกตั้งได้เป็น ส.ส. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ในปี พ.ศ.2531 สมัยที่ 2 ของ นายธวัชชัย อนามพงษ์ ได้ย้ายมาอยู่พรรคประชากรไทย เพราะมีกระแสในทำนองที่ว่าหากยังแข่งกับคุณวโรทัย ภิญญสาสน์ จะไม่ได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งนายธวัชชัย อนามพงษ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชากรไทย 2 สมัย คือ พ.ศ.2531และ พ.ศ.2535 จากนั้นนายธวัชชัย อนามพงษ์ ลงสมคั รในนามพรรคชาตพิ ฒั นา โดยการทาบทามของนายสวุ จั น์ ลิปตพัลลภ และได้รับเลือกตั้งอีก 4 สมัย คือ พ.ศ.2538, 2539, 2544, 2545, สังกัดพรรคชาติพัฒนา โดยในการหาเสียงของ นายธวัชชัย อนามพงษ์ เน้นการลงพื้นที่ การร่วมงานบุญ งานบวช งานศพ โดยเฉพาะงานศพนั้นหากมีเวลาจะไป ร่วมงานตลอด (ธวัชชัย อนามพงษ์, สัมภาษณ์, 2553) 163

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี กลุ่มแกนและเครือข่ายในความสำเรจ็ เนื่องจากนายธวัชชัย อนามพงษ์ ทำธุรกิจค้า พลอย เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดจันทบุรี เป็นที่นับถือของ พ่อค้าด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นฐานเสียงยุคเริ่มต้นของการเป็น นักการเมือง โดยพอจะจำแนกกลุ่มแกนและเครือข่ายในความ สำเร็จได้ ดังนี้ 1. กลุ่มนักธุรกิจในวงการค้าพลอย และอัญมณี ซึ่งมีจำนวนมากในจังหวัดจันทบุรี 2. กลุ่มฐานเสียงเดิมหลังจากได้รับเลือกตั้ง เป็น ส.จ. และเป็นประธานสภาจังหวัดจันทบุรี 3. กลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่เคยสนับสนุนจน ได้รับเลือกตั้งสมัยแรก ปี พ.ศ.2529 4. กระแสของพรรคการเมือง ที่ในแต่ละสมัย จะมีความนิยมไม่คงที่ เช่น สมัยแรกได้รับเลือกตั้งในนามพรรค ประชาธิปัตย์ ต่อมาพรรคประชากรไทย พรรคชาติพัฒนา และ กลับมาที่พรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน นายธวัชชัย อนามพงษ์ ได้รับเลือกเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร์จังหวัดจันทบุรี และอยู่ในตำแหน่งถึง 8 สมัย ดังนี้ สมัยที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฏาคม พ.ศ.2529 – วันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2531 รวมระยะเวลา การเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 1 ปี 9 เดือน 2 วัน โดยสังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ 164

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี สมัยที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฏาคม พ.ศ.2531 – วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรทง้ั สน้ิ 2 ปี 7 เดอื น โดยสงั กดั พรรคประชากรไทย สมัยที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2535 – วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2535 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 เดือน 9 วัน โดยสังกัดพรรคประชากรไทย สมัยที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฏาคม พ.ศ.2538 – วันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2539 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 10 เดือน โดยสังกัดพรรคชาติพัฒนา สมัยที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2539 – วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2543 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 ปี 11 เดือน 8 วัน โดยสังกัดพรรค ชาติพัฒนา สมัยที่ 6 ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2544 – วัน ที่ 18 มกราคม พ.ศ.2545 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 1 ปี 12 วัน โดยสังกัดพรรคชาติพัฒนา สมัยที่ 7 ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2545 – วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2547 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 2 ปี 5 เดือน 8 วัน โดยสังกัดพรรค ชาติพัฒนา สมัยที่ 8 ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2550 – ปัจจุบัน โดยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 165

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี นายธวัชชัย อนามพงษ์ สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรที่อยู่ใน ตำแหน่งมากที่สุดของจังหวัดจันทบุรี ทั้งยังเป็นสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎรในสงั กดั พรรคการเมอื ง 3 พรรค คอื พรรคประชากร ไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติพัฒนา ถือเป็น นักการเมืองที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้ นายธวัชชัย อนามพงษ์ สะท้อนความภาคภูมิใจในการเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรตอนหนึ่งว่า “ผมมีความภาคภูมิใจ มากที่ช่วยแก้ปัญหาผลไม้ น้ำท่วม และมีส่วนช่วยให้เกิด สะพานแหลมสิงห์ และตอนนี้ผมก็ผลักดันโครงการรถไฟฟ้า ความเร็วสูงให้ในภาคตะวันออกให้ได้ ตอนนี้ก็จับมือกับ ส.ส.ชลบุรี จันทบุรี ระยอง ตราด ซึ่งนายกก็รับปากแล้วว่าจะ ดำเนินการ ผมก็ดีใจที่ชาวจันทบุรีจะได้ใช้รถไฟฟ้าความเร็วสงู ” 3.2.16. นายประวัฒน์ อตุ ตะโมต นายประวัฒน์ อุตตะโมต ปัจจุบันอายุ 56 ปี เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2497 ณ บ้านเลขที่ 272-274 ถนน ศรีนวดิตถ์ ต.ท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี นายประวัฒน์ อุตตะโมต เป็นบุตรของนายประกิต อุตตะโมต (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ตราด ชลบุรี และอีกหลาย จังหวัด ทั้งยังเป็นอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้มี บารมีและเป็นที่เคารพในจังหวัดจันทบุรี) กับนางอำไพวรรณ อุตตะโมต และเป็นน้องชายของ นางพนิตา (อุตตะโมต) กำภู ณ อยุธยา ปลัด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์คนปัจจุบัน (2553) 166

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี นายประวัฒน์ อุตตะโมต สมรสกับนางฤดีนาฎ มงคลคูณ มีบุตรด้วยกัน 2 คน มีที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร คือ บ้านเลขที่ 30/143 ซอยชินเขต ถนนงามวงศ์วาน อนุสาวรีย์ เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และที่จังหวัดจันทบุรี คือ บ้านเลขที่ 55 ซอยศรีจันทร์ ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี นายประวัฒน์ อุตตะโมต จบชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ จบชั้นมัธยม ศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนอัสสัมชัญ ระยอง จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนเทพศิรินทร์ ปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ จาก EMPERIA STATE UNIVERSITY สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ.2521 ปริญญาโท สาขา รัฐศาสตร์ จาก MIDDLE IENNESSEE STATE UNIVERSITY สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ.2524 และปริญญาเอก สาขา รัฐศาสตร์ จาก UNIVERSITY OF HOUSTON สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2529 ประสบการณ์ทางการเมืองของนายประวัฒน์ อุตตะโมต มีดังนี้ 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ (27 กรกฎาคม 2529 – 29 เมษายน 2531) 2. สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร พรรคประชากรไทย (24 กรกฎาคม 2531 – 23 กุมภาพันธ์ 2534) และผู้ช่วย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2534 3. สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร พรรคประชากรไทย (22 มีนาคม 2535 – 30 มิถุนายน 2535) 167

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 4. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคชาติพัฒนา (13 กันยายน 2535 – 19 พฤษภาคม 2538) และผู้ช่วย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 2538 5. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคชาติพัฒนา (2 กรกฎาคม 2538 – 28 กันยายน 2539) 6. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคชาติพัฒนา (17 พฤศจิกายน 2539 –7 เมษายน 2543) และรัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่าง 29 พฤศจิกายน 2539 - 8 พฤศจิกายน 2540 เสน้ ทางการเมือง นายประวัฒน์ อุตตะโมต เป็นหนุ่มนักเรียนนอก ที่จบปริญญาเอกทางด้านรัฐศาสตร์โดยตรง นับเป็นบุคลากร ทางการเมืองที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างมาก หนทาง ที่ทำให้ต้องก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองก็เนื่องจากว่า นายประวัฒน์ อุตตะโมต เป็นบุตรของนายประกิต อุตตะโมต อดีตผู้ว่าหลาย จังหวัด และอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ที่ชาวจังหวัด จันทบุรีให้ความเคารพนับถือ ซึ่งมีพรรคการเมืองหลายพรรค มาชวนนายประกิตลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ก็ปฏิเสธ ขณะนั้นเอง บุตรชายของนายประกิต คือนายประวัฒน์ อุตตะโมต เพิ่งจะ กลับจากการไปศึกษาที่สหรัฐอเมริกา จากการให้สัมภาษณ์ของ นายธวัชชัย อนามพงษ์ หัวหน้าทีมของนายประวัฒน์ในการ เลือกตั้งสมัยแรกกล่าวว่า “คุณวีระ มุสิกพงษ์ มาชวน ผมก็ชวน คุณประวัติเข้าทีม” (ธวัชชัย อนามพงษ์, สัมภาษณ์, 2553) 168

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี ซึ่งต่อมาก็เป็นนายวโรทัย ภิญญสาสน์ ที่ชวนนายประวัฒน์ มาเข้าพรรคประชากรไทย “ผมก็จะชวนผู้ว่าประกิตลงสมัคร เพราะท่านเกษียณ แต่ตอนนั้นลูกชายกลับมาพอดี ก็เลยส่ง ลูกชายลงแทน” (วโรทัย ภิญญสาสน์, สัมภาษณ์, 2553) เรียกได้ว่า พอกลับมาจากเมืองนอกก็จูงมือลงจากเครื่องบิน เข้ามาสมัครเลยก็ว่าได้ (ประหยัด ธรรมสาคร, สัมภาษณ์, 2553) วธิ ีการหาเสยี ง หนุ่มนักเรียนนอกที่เรียนจนจบปริญญาเอกจาก สหรัฐอเมริกา และใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาสิบกว่าปี พอกลับลงสมัครรับเลือกตั้งจึงยากที่คนจะรู้จัก แต่ด้วยเป็น คนหนุ่มมีความรู้ และบิดาเป็นคนมีชื่อเสียง จึงทำให้เป็นที่รู้จัก ในเวลาไม่นาน ซึ่งการหาเสียงในตอนแรก ใช้วิธีการเดียวกับ นายธวัชชัย อนามพงษ์ คือ หาเสียงผ่าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งรู้จักนายประกิต บิดานายประวัฒน์ เป็นอย่างดีเป็นหัวคะแนนให้ โดยใช้รถกระจายเสียง และแนะนำชาวบ้านแบบปากต่อปาก และใช้ใบปลิว (ธวัชชัย อนามพงษ์, สัมภาษณ์,2553) รวมทั้งอดีตข้าราชการที่เคารพ นับถือ เรียกได้ว่าที่เคยเป็นลูกน้องเก่านายประกิต เป็น ฐานเสียง กลุ่มแม่บ้าน เพราะนางอำไพวรรณ เคยเป็น นายกเหล่ากาชาด และตำแหน่งทางสังคมอื่นๆ (วโรทัย ภิญญสาสน์, สัมภาษณ์, 2553) ซึ่งการลงสมัครรับเลือกตั้งเพียง ครั้งแรก นายประวัฒน์ อุตตะโมต ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดจันทบุรี 169

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี กลุ่มแกนและเครือขา่ ยในความสำเรจ็ เนื่องจากนายประวัฒน์ อุตตะโมต เพิ่งจบการ ศึกษาการเข้ามาทำงานด้านการเมือง จึงยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่ก็มี บิดาที่เป็นอดีตข้าราชการผู้ใหญ่ ที่ช่วยหนุ่ม จึงพอจะจำแนก กลุ่มแกนและเครือข่ายในความสำเร็จได้ ดังนี้ 1. กลุ่มข้าราชการ และอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา ของนายประกิต อุตตะโมต บิดานายประวัฒน์ 2. กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านที่เคารพศรัทธาในตัว นายประกิต อุตตะโมต บิดานายประวัฒน์ 3. กลุ่มที่ชอบผู้มีการศึกษา หัวก้าวหน้า เพราะ นายประวัฒน์ จบการศึกษาระดับปริญญาเอก 4. กระแสของพรรคการเมือง ที่ในแต่ละสมัย จะมีความนิยมไม่คงที่ เช่น สมัยแรกได้รับเลือกตั้งในนามพรรค ประชาธิปัตย์ ต่อมาเป็นพรรคประชากรไทย และพรรคชาติ พัฒนา ในที่สุด นายประวัฒน์ อุตตะโมต เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรถึง 6 สมัย ใน 3 พรรคการเมือง กล่าวได้ว่ามี ประสบการณ์มากที่อีกคน เป็นรองเฉพาะนายธวัชชัย อนาม พงษ์ เท่านั้น นายประวัฒน์ อุตตะโมต ได้รับเลือกเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร์จังหวัดจันทบุรี และอยู่ในตำแหน่งถึง 6 สมัย ดังนี้ สมัยที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2529 – วันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2531 รวมระยะเวลา การเป็นสมาชิก 170

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 1 ปี 9 เดือน 2 วัน โดยสังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ สมัยที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2531 – วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 2 ปี 7 เดือน โดยสังกัดพรรคประชากร ไทย สมัยที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2535 – วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2535 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎรทง้ั สน้ิ 3 เดอื น 9 วนั โดยสงั กดั พรรคประชากรไทย สมัยที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2535 – วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2538 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 2 ปี 8 เดือน 8 วัน โดยสังกัดพรรค ชาติพัฒนา สมัยที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 – วันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2539 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 10 เดือน โดยสังกัดพรรคชาติพัฒนา สมัยที่ 6 ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2539 – วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2543 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 ปี 11 เดือน 8 วัน โดยสังกัดพรรค ชาติพัฒนา รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทน ราษฎรทั้งสิ้น 11 ปี 7 เดือน 27 วัน 171

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 3.2.17. นายสมชาย กิจนิยม นายสมชาย นิยมกิจ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2493 ที่ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เป็นบุตรของ นายละเอียด และนางจู๋ นิยมกิจ มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน เป็น ชาย 2 คน หญิง 2 คนและได้สมรสกับนางสุภาพร มโนรมย์ ภัทรสาร มีบุตร และธิดา 2 คน นายสมชาย นิยมกิจ จบการศึกษา ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 4 เรียนโรงเรียนวัดหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอ เมือง จังหวัดจันทบุรี ประกอบอาชีพธุรกิจค้าพลอยในปัจจุบัน และ เป็นประธานกรรมการบริษัทจันทบุรีผลิตผลประมง จำกัด ประธานกรรมการบริษัทจันทบุรีผลิตผลเกษตร จำกัด กรรมการ บริษัทจันทบุรีเรียลเอสเตท กรรมการบริษัทอีสเทอร์นซี เคยดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าจันทบุรี 3 สมัย ประธาน หอการค้าเขต 1 ซึ่งประกอบด้วย ระยอง จันทบุรี ตราด กรรมการการประถมศึกษาจังหวัดจันทบุรี 3 สมัย เส้นทางการเมอื ง นายสมชาย นิยมกิจ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง หลังจากกลับมาจากทำธุรกิจที่ประเทศศรีลังกา ได้เล่าย้อนอดีต ถึงการลงสู่เส้นทางการเมืองท้องถิ่นครั้งแรกว่า “ผมไม่เคย คิดมาก่อนว่าจะเล่นการเมือง เมื่อ พ.ศ.2523 ตอนนั้นผมอายุ 29 ปี คุณสงบ วรรณโพธิ์ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) ใน ขณะนั้นก็มาชวนลงสมัครแทนเขา คู่กับนายไชยะ กองจินดา 172

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี เราไม่รู้เรื่องการเมือง เขาให้ลงก็ลง ปรากฏลงไปแล้วคะแนน เสียงดีมาก ผมเป็น ส.จ.อยู่ 3 สมัย รวม 13 ปี และเป็น ประธาน สภาจังหวัดด้วย” (สมชาย นิยมกิจ, สัมภาษณ์, 2553) และนั่นทำให้นายสมชาย นิยมกิจ ได้มีโอกาสเข้ามาเล่น การเมืองครั้งแรกที่บ้านเกิด โดยเริ่มจากการเมืองระดับท้องถิ่น หลังจากนั้นปี พ.ศ.2535 ก็ก้าวเข้าสู่การเมืองระดับชาติอย่างไม่ ได้ตั้งใจอีกเหมือนกัน นายสมชายกล่าวว่า “ตอนนั้นผมยังเป็น ส.จ.อยู่ ไม่คิดอยากจะลง มีเพื่อนคนหนึ่ง เขาอยากจะลง ส.ส. เขาก็มาติดต่อผมในฐานะเป็นพรรคพวกกันให้ไปสมัครสมาชิก พรรค และคุยให้หน่อย ตอนนั้นผมก็สนิทกับคุณเจริญ คันธวงศ์ ลูกสาวผมกับลูกสาวเค้าก็เป็นเพื่อนกัน ความคุ้นเคยมันก็มีอยู่ ผมก็เข้าไปเจรจา ในพรรคก็ตกลงรับ แต่พอผมกลับ เพื่อนผม ก็ไม่เอา ทีนี้ก็เลยไปคุยกับผู้ใหญ่ในพรรค และในจังหวัด ผู้ใหญ่ ก็บอก ทำไงได้ รับปากไว้ คุยกับเค้าไว้ ก็ต้องลง ผมก็เลยต้องลง ผู้ใหญ่ในตอนนั้นก็คือครูละออ” (สมชาย นิยมกิจ, สัมภาษณ์, 2553) และนั่นคือเส้นทางที่ทำให้นายสมชาย นิยมกิจ ลงสู่ สนามเลือกตั้ง วธิ ีการหาเสยี ง นายสมชาย นิยมกิจ ซึ่งลาออกจากการเป็น สมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรีเพื่อสมัครับเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า “การหาเสียงในแนวของพรรค ประชาธิปัตย์จะเน้นแนวการปราศรัยซะมาก การพบปะ กลุ่มบุคคล การพูด การคุย การปราศรัย และกระแสพรรค ประชาธิปัตย์มีมาก กระแสพรรคช่วยผมเยอะ เพราะตอนนั้น 173

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี มีคู่แข่งที่น่ากลัวโดยเฉพาะมีอดีตรัฐมนตรีถึง 2 คน คือ นายวโรทัย ภิญญสาสน์ และนายประวัฒน์ อุตตะโมต ล้วนเป็น คู่แข่งที่น่ากลัวทั้งนั้น เรียกว่า มวยชิงแชมป์ก็ว่าได้ แต่ตอนนั้น พอดีมีกระแสเทพ กระแสมาร คือช่วงหลังจากพฤษภาทมิฬ กระแสมีส่วนช่วยเยอะ แถมยังมีคุณธวัชชัยอีก ล้วนเป็นอดีต ส.ส.หลายสมัยกันทั้งนั้น แล้วรวมทีมกันอยู่ด้วย” (สมชาย นิยมกิจ, สัมภาษณ์, 2553) นอกจากนั้นยังมีฐานเสียงจาก กลุ่มเก่าคือ พ่อค้า เกษตรกร ที่เคยสนับสนุนนายอำนาจ จนได้ เป็น ส.จ. และกลุ่มครูที่นายอำนาจเคยเป็นคณะกรรมการ การประถมศึกษายุคแรก ทำให้เป็นที่รู้จัก และอาศัยการแนะนำ และฝากให้ช่วยเลือกแบบปากต่อปาก จนได้รับการเลือกตั้ง ในปีนั้น กล่มุ แกนและเครือข่ายในความสำเรจ็ เนื่องจากนายสมชาย นิยมกิจ เป็นนักธุรกิจ ที่กว้างขวางมีเพื่อนทั้งในและนอกวงการมากมาย จึงพอจะ จำแนกกลุ่มแกนและเครือข่ายในความสำเร็จได้ ดังนี้ 1. กระแสของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับความ นิยมในช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่มีกระแสพรรคเทพ พรรคมาร 2. กลุ่มครู อาจารย์ และบุคลากรสายการศึกษา เพราะเคยเป็นคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ 3. กลุ่มนักธุรกิจ พ่อค้า และกลุ่มเกษตรกร เพราะนายสมชาย นิยมกิจ เป็นนักธุรกิจที่มีเพื่อนในแวดวง มากมาย ทั้งยังเคยเป็นประธานหอการค้าหลายสมัย 174

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 4. กลุ่มฐานเสียงเดิม สมัยเป็นสมาชิกสภา จังหวัดถึง 13 ปี และเคยเป็นประธานสภาจังหวัดจันทบุรี ทำให้ มีกลุ่มที่สนับสนุนอยู่มาก นายสมชาย นิยมกิจ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร 1 สมัยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่าง 13 กันยายน พ.ศ. 2535 – 19 พฤษภาคม พ.ศ.2538 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 2 ปี 8 เดือน 8 วัน 3.2.18. นายอำนาจ เพง่ิ จติ ต ์ นายอำนาจ เพิ่งจิตต์ เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2485 เปน็ บตุ รของผใู้ หญผ่ ดั และนางแจง้ เพง่ จติ ต์ มพี น่ี อ้ ง ร่วมบิดามารดา 3 คน คือ 1. นาวาตรีจำนงค์ เพ่งจิตต์ 2. นายอำนาจ เพ่งจิตต์ และ 3. นายอุทัย เพ่งจิตต์ นายอำนาจ เพิ่งจิตต์ สมรสกับนางสุวารี เพ่งจิตต์ อาชีพพยาบาล มีบุตร 2 คน คือ 1. นายนรินทร์ เพ่งจิตต์ 2. นางนลินรัตน์ สวัสดิชัย ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 1 ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ในด้านการศึกษา จบการศึกษาระดับประถม ศึกษา จากโรงเรียนเทศบาลบุญญวาสวิทย์ อำเภอท่าใหม่ ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จันทบุรี ระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา และประกาศนียบัตร วิชาการการศึกษาชั้นสูง จากวิทยาลัยครูฉะเชิงเทรา และ วิทยาลัยครูจันทรเกษม จบการศึกษาระดับปริญญาตรี 175

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ปริญญาการศึกษา บัณฑิต (กศ.ม.) จากมหาวิทยาลัย ศรีนรินทรวิโรฒ ประสานมิตร ประวตั กิ ารทำงาน พ.ศ. 2505 อาจารย์โรงเรียนวัดบูรพาพิทยาราม อำเภอท่าใหม่ พ.ศ. 2516 ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัด บูรพาพิทยาราม พ.ศ. 2518 เลขานุการสภาตำบลเขาวัว อำเภอ ท่าใหม่ พ.ศ. 2525 เ ล ข า น ุ ก า ร ส ภ า ต ำ บ ล ม ะ ข า ม อำเภอมะขาม พ.ศ. 2525 อาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านมะขาม (สาครมะขามราษฎร์) อำเภอมะขาม พ.ศ. 2529 ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ผลงานและเกียรติคณุ ทไี่ ด้รับ - เป็นอาจารย์บรรยายพิเศษของวิทยาลัย รำไพพรรณี วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี - เป็นวิทยากร กอ.รมน. บรรยายเรื่อง ความมั่นคงของชาติทั่วราชอาณาจักร 176

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี - เป็นคณะกรรมการการประถมศึกษา แห่งชาติ (กปช.) ระหว่าง พ.ศ. 2525-2533 - 13 กันยาน 2535 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร จังหวัดจันทบุรี สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ - เป็นกรรมาธิการติดตามผลการปฏิบัติตาม มติของสภาผู้แทนราษฎร - เป็นกรรมาธิการแปรญัตติงบประมาณ รายจ่าย ประจำปี 2536 - ทป่ี รกึ ษา รมช. วา่ การกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม - ที่ปรึกษา รมช. ว่าการกระทรวงมหาดไทย - เปน็ วทิ ยากรบรรยายเกีย่ วกบั การบรหิ ารงาน ให้กับผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา - พ.ศ. 2532 เป็นรองประธานคณะกรรมการ ดำเนินงานจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึกพิธีเปิด หอสมุด แห่งชาติราชมังคลาภิเษกจันทบุรี - ที่ปรึกษาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย ในโครงการ “คีรีธารสู่กลับ” และเป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาประจำสถาบัน ราชภัฏรำไพพรรณี 177

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ผลงานทางดา้ นวชิ าการ 1. เอกสารวิชาการเรื่อง “ภาษาจันท์” 2. บทความเรื่อง “ผลไม้เมืองจันท์” เกียรตคิ ณุ ทไี่ ดร้ บั 1. ได้รับโล่และประกาศเกียรติคุณจาก สำนักงานฝนหลวง และหน่วยบินฝนหลวง กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2516 2. ได้รับโล่เกียรติคุณจากกลุ่มเกษตรทำสวนผล ไม้ ตำบลเขาวังและเขาบายศรี พ.ศ. 2525 3. ได้รับโล่เกียรติคุณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2537 เส้นทางการเมือง นายอำนาจ เพิ่งจิตต์ กล่าวถึงเส้นทางการเมือง ที่เป็นจุดให้เข้ามาสู่ตำแหน่ง ส.ส.ว่า “ผมก็ไม่ได้คิดฝันไว้ ว่าจะ เล่นการเมืองระดับนี้ พอดีพรรคประชาธิปัตย์ขาดคน ก็มา ทาบทามผม หัวหน้าทีมในตอนนั้นก็คือคุณสมชาย นิยมกิจ มาชวน ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ตกลง” (อำนาจ เพิ่งจิตต์, สัมภาษณ์, 2553) และนั่นคือบทสัมภาษณ์ที่สะท้อนเส้นทาง ที่ให้นายอำนาจ เพ่งจิตต์ ก้าวเข้าสู่ถนนการเมืองอย่างเต็มตัว โดยที่ไม่เคยสัมผัสการเมืองเลย แต่หากพิจารณาอีกแง่หนึ่ง การที่นายอำนาจ เพ่งจิตต์ เคยได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการ การประถมศึกษาแห่งชาติ ก็พอจะพิจารณาได้ถึงความรู้ 178

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ความสามารถและการไว้วางใจในตัวนายอำนาจของคนใน แวดวงการศึกษาได้เป็นอย่างดี วิธีการหาเสยี ง การหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรค ประชาธิปัตย์มีผู้สมัคร 3 คน ได้แก่ นายสมชาย นิยมกิจ นายอำนาจ เพ่งจิตต์ และนายเศวต สาสะเน เวลาหาเสียงจะใช้ วิธีการลงพื้นที่ หาเสียงเป็นทีม และอีกวิธีคือการหาเสียงผ่าน เครือข่ายครู “ผมเป็นครูใน 3 อำเภอ คือ เช่น ที่อำเภอท่าใหม่ อำเภอมะขาม แฟนผมก็เป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลท่าใหม่ ผมก็เลยได้ฐานเสียงจากวงการสาธารณะสุขอีกด้วย ผมเองก็มี ลูกศิษย์เยอะ มีเพื่อนทุกสังกัด เป็นอาจารย์พิเศษที่ราชภัฎ รำไพพรรณี ที่วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้าอีก” (อำนาจ เพิ่งจิตต์, สัมภาษณ์, 2553) เมื่อพิจารณาจากฐานเสียงของ นายอำนาจ เพ่งจิตต์แล้ว พบว่าฐานเสียงของนายอำนาจ จะเป็นบุคลากรทางการศึกษาเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการ เคยเป็นคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ทำให้เป็น ผู้กว้างขวางในวงการศึกษา และอีกส่วนคือภรรยาของ นายอำนาจ เป็นพยาบาลและมีเพื่อนที่อยู่ในวงวิชาชีพเดียวกัน ช่วยเหลือในการหาเสียง ทำให้นายอำนาจ เพ่งจิตต์ ประสบ ความสำเร็จได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในที่สุด กลุม่ แกนและเครือขา่ ยในความสำเรจ็ เนื่องจากนายอำนาจ เพ่งจิตต์ เป็นอดีต ข้าราชการครู จึงพอจะจำแนกกลุ่มแกนและเครือข่ายในความ สำเร็จได้ ดังนี้ 179

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 1. กลุ่มข้าราชการครู และลูกศิษย์ในจังหวัด จันทบุรี 2. กลุ่มวิชาการด้านสาธารณะสุข เนื่องจาก ภรรยานายอำนาจ เพ่งจิตต์ เป็นข้าราชการพยาบาล 3. กลุ่มเพื่อนนอกวงการ เนื่องจากนายอำนาจ เพ่งจิตต์ เป็นคนสนุกสนาน อัธยาศัยไมตรีดี และไม่ถือตัว 4. กระแสของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับความ นิยมในช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่มีกระแสพรรคเทพ พรรคมาร นายอำนาจ เพ่งจิตต์ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร 1 สมัยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่าง 13 กันยายน พ.ศ. 2535 – 19 พฤษภาคม พ.ศ.2538 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 2 ปี 8 เดือน 8 วัน 3.2.19. นางคมคาย พลบุตร นางคมคาย พลบตุ ร (นามสกลุ เดมิ เฟอ่ื งประยรู ) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรีเพียงคนเดียวที่เป็น ผู้หญิง และเป็น ส.ส.หญิงที่อายุน้อยที่สุดในสภาฯ ในสมัยแรก ที่ได้รับเลือกตั้งนางคมคาย พลบุตร เกิดเมื่อวันที่ 15 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2510 ณ บ้านเลขที่ 59 หมู่ 1 ถนนสุขุมวิท ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เป็นบุตรของนายสนิท เฟื่องประยูร อดีตสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรีและนางสมพัฒน์ เฟื่องประยูร 180

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี นางคมคาย พลบุตร สมรสกับนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 นายอลงกรณ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.เพชรบุรี เขต 1 ในนามพรรคประชาธิปัตย์) มีบุตร-ธิดารวม 3 คน ดังนี้ คนโต ชื่อ “น้องพลอย” หรือ ชื่อจริง สภาวรรณ พลบุตร คนรองชื่อ “น้องเพชร” ธัชธรรม พลบุตร และคนเล็ก ชื่อ “น้องเพื่อน” พิมพ์สภา พลบุตร นางคมคาย พลบุตร จบการศึกษาพยาบาล ศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ.2533 และ จบปริญญาโทบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขา การตลาด จาก มหาวิทยาลัยเกริก ก่อนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประกอบ อาชีพเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช (กฤษฎา สวัสดิชัย, สัมภาษณ์, 2553) เสน้ ทางสกู่ ารเมือง เนื่องจาก นางคมคาย พลบุตร เป็นลูกสาวของ นายสนิท เฟื่องประยูร ผู้มีบารมีและเป็นสมาชิกสภาจังหวัด จันทบุรี ในขณะนั้น ทำให้ใกล้ชิดกับการเมืองมาโดยตลอด จน พ.ศ.2538 ได้รับการแนะนำของนายสนิท เฟื่องประยูร บิดา ให้ลงเล่นการเมือง ในนามพรรคชาติพัฒนา ในทีมเดียวกันกับ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือนายประวัฒน์ อุตตะโมต และนาย ธวัชชัย อนามพงษ์ ด้วยวัยเพียง 28 ปี ซึ่งเป็น ส.ส.สมัยแรกของนางคมคาย พลบุตร 181

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี วธิ ีการหาเสยี ง เนื่องจากเป็นมือใหม่ในทางการเมือง นางคมคาย พลบุตร จึงใช้วิธีการหาเสียงตาม ส.ส.รุ่นพี่ คือ นายประวัฒน์ อุตตะโมต และนาย ธวัชชัย อนามพงษ์ โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำชาวบ้าน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น ในจังหวัด ซึ่งรู้จักนายประกิต บิดานายประวัฒน์ เป็นอย่างดี เป็นหัวคะแนนให้ โดยใช้รถกระจายเสียง และแนะนำชาวบ้าน แบบปากต่อปาก รวมทั้งใช้ใบปลิว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะบารมี ของนายประกิต อุตตะโมต บิดานายประวัฒน์ อุตตะโมต (ธวัชชัย อนามพงษ์, สัมภาษณ์, 2553) การลงเดินแนะนำตัวกับ ชาวบ้านจึงเป็นกิจวัตรที่ทำเป็นประจำ สลับกับการปราศัยย่อย และปราศัยใหญ่ กล่มุ แกนและเครอื ข่ายในความสำเร็จ เนื่องจากนางคมคาย พลบุตร เป็นธิดาของ นายสนิท เฟื่องประยูร ผู้กว้างขวางในจังหวัดจันทบุรี และ เป็นอดีตสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี โดยพอจะจำแนกกลุ่มแกน และเครือข่ายในความสำเร็จได้ ดังนี้ 1. กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน และแกนนำชุมชน ที่สนิทสนมกับนายสนิท เฟื่องประยรู 2. กลุ่มฐานเสียงเดิมของบิดา นายสนิท เฟื่องประยูร ผู้กว้างขวางในจังหวัดจันทบุรี และเป็นอดีตสมาชิก สภาจังหวัดจันทบุรี 3. กลมุ่ สตรี กลมุ่ แมบ่ า้ นตา่ งๆ ในจงั หวดั จนั ทบรุ ี 182

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี นางคมคาย พลบุตร ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี และอยู่ในตำแหน่งถึง 3 สมัย ดังนี้ สมัยที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 – วันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2539 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 10 เดือน โดยสังกัดพรรคชาติพัฒนา สมัยที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2539 – วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2543 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 ปี 11 เดือน 8 วัน โดยสังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ สมัยที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2544 – วัน ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2547 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 3 ปี 8 เดือน 5 วัน โดยสังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 8 ปี 5 เดือน 13 วัน นางคมคาย พลบุตร ได้รับการเลือกตั้งในสังกัด พรรคชาติพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นในการ เลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.2548 ได้ย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทย เพื่อสู้ศึก การเลือกตั้ง แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับ พล.ต.ต.พยุง ตรงสวัสดิ์ อดีต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ที่สังกัดพรรคไทยรักไทย จากนั้นจึงได้ย้ายกลับไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์ปี พ.ศ.2549 และลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ในสังกัด พรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับนายธนภณ กิจกาญจน์ 183

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ในการเลือกตั้ง ในวันที่ 27 เมษายน 2551 โดยนางคมคาย พลบุตร ได้คะแนน 69,355 คะแนน ส่วน นายธนภณ กิจกาญจน์ ได้คะแนนถึง 116,927 คะแนน (นายสุรสิทธิ์ ถือสัตย์, สัมภาษณ์, 2554) 3.2.20. นายพงศ์เวช เวชชาชวี ะ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ปัจจุบัน อายุ 44 ปี เกิดเมื่อวันที่ 12 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2509 ณ บ้านเลขที่ 17 หมู่ 9 ต.ซึ้ง อ.ขลุง จ.จันทบุรี เป็นบุตรคนที่ 3 จากพี่น้อง ทั้งหมด 4 คน ของนายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ อดีตสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี และนางไพเราะ เวชชาชีวะ โดยเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ด้วยนายโฆสิต เวชชาชีวะ บิดาของ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ (บิดานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เป็นพี่ชายของขุน ประวิตรเวชชาชีพ (ประวิตร เวชชาชีวะ) บิดานายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ สมรสกับนางวิสสุตา กิจกาญจน์ ข้าราชการครู โรงเรียนสฤษดิเดช จ.จันทบุรี น้องสาวนายธนพล กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดจันทบุรีคนปัจจุบัน (2553) มีบุตรธิดารวม 3 คน คือ เด็กหญิงภัทรานิษฐ์ เวชชาชีวะ เด็กหญิงจิรสุตา เวชชาชีวะ และ เด็กชายเตชพัฒน์ เวชชาชีวะ ด้านการศึกษา จบชั้นอนุบาลที่อักษรเจริญ ตั้งแต่อนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 2 จบประถมศึกษาชั้นปีที่ 3 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ ร.ร.วชิราวุธวิทยาลัย จบระดับ ปวช. ทางด้านเกษตร จากสถาบันเทคโนโลยี ราชมงคลตะวันออก 184

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี จบวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี พ.ศ.2534 และ จบรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยบรู พา เสน้ ทางการเมอื ง เนื่องจากเป็นบุตรของนายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดจันทบุรี การได้ใกล้ชิดและมีโอกาสได้เห็นการทำงานทางด้านการเมือง มาตั้งแต่เด็กจึงทำให้นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ได้ซึมซับ ความเป็นนักการเมืองของบิดาได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่เป็น เด็กชอบการแข่งขัน ความท้าทาย และรู้สึกสนุกเมื่อมีโอกาส ได้ลงพื้นที่ติดตามหาเสียงกับบิดา จวบจนกระทั่งโตเป็นหนุ่ม และจบการศึกษาได้กลับมาช่วยงานบิดาที่สวนผลไม้ที่อำเภอ ขลุง และจุดนี้เองที่เป็นจุดเริ่มหนทางสู่ถนนการเมืองของ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ “ช่วงนั้นเป็นจังหว่ะที่ผมกลับมาจาก เมืองนอก คุณพ่อป่วย กลับมาได้ 3-4 เดือน พอดีมีเลือกตั้ง ส.จ. อำเภอขลุงเลือก ส.จ.ได้ 3 คน และมีผู้สมัครตอนนั้นเพียง 3 คน และไม่มีผู้สมัครอื่น มีกำนัน ชื่อกำนันน้อย นายยงยุทธ สายัณห์ กำนันตำบลวันยาว มาทาบทามทางคุณน้าชายและ คุณแม่ ตอนนั้นอายุผมประมาณ 28-29 เอาใบสมัครมาให้เขียน ถึงบ้าน และครั้งนั้น ผมสอบก็ผ่านได้เป็น ส.จ. ปี พ.ศ.2438 ก็มี กำลังใจ ต่อมามีการเลือกตั้งใหญ่ พ.ศ.2539 คุณสมชาย นิยมกิจ อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ มาชวนเข้าสังกัด พรรคและลงเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับ 185

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี คุณคมคาย พลบุตร ที่สังกัดพรรคชาติพัฒนา แต่เนื่องจาก ท้องแก่พรรคชาติพัฒนา จึงไม่ส่งลงสมัคร คุณสมชาย นิยมกิจ จึงชวนมาเข้าพรรค ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนั้น ผมได้ที่ 4 เกือบได้ เป็น ส.ส. แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเพราะเป็นสนาม การเลือกตั้งใหญ่ทั้งจังหวัดครั้งแรกของผม” (พงศ์เวช เวชชาชีวะ, สัมภาษณ์, 2553) นั่นคือจุดที่ผันชีวิตจาก ส.จ.หนุ่ม ให้ก้าวเข้ามาสู่เส้นทางการเมืองระดับชาติเป็นครั้งแรก ซึ่งนำพา ชีวิตให้ประสบความสำเร็จในตำแหน่ง ส.ส.เมื่อต่อมาถูก ทาบทามโดยนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ ญาติผู้พี่ให้ลงเลือกตั้ง ใหญ่ในปี 2544 ในนามพรรคไทยรักไทย วธิ ีการหาเสยี ง ในลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรก เมื่อ ปี พ.ศ.2539 ที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ การ หาเสียงของนายพงศ์เวช เวชชาชีวะ คือการหาเสียงตามตาราง ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อมีการลงพื้นที่ที่ไหนก็จะไปกับ ทีมงาน และตระเวนหาเสียง วางตัวหัวคะแนน โดยมี คุณสมชายนิยมกิจเป็นหัวหน้าทีม คอยวางแผนการหาเสียง ทั้งหมด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะยังใหม่กับสนามการเลือกตั้ง ระดับชาติ และการหาเสียงมีเวลาน้อย เพราะหลังจากยุบสภา มีเวลาให้หาเสียงเพียง 29 วันเท่านั้น จึงทำให้ไม่ได้รับการ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (พงศ์เวช เวชชาชีวะ, สัมภาษณ์, 2553) เมื่อมีการยุบสภาในปี พ.ศ.2544 นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ได้รับทาบทามจากพลโทผสาน และนายสุรนันท์ 186

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี เวชชาชีวะ เข้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพรรคใหม่ และ รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญใหม่ ที่กำหนดให้มีการ แบ่งเขตเลือกตั้ง แบบเขตเดียว เบอร์เดียว ซึ่งง่ายต่อการ หาเสียง โดยการหาเสียงครั้งนี้มีกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นคือ กลุ่ม ส.จ. ส.ท. และ ส.อบต. มาช่วยในการหาเสียง ลงพื้นที่ แนะนำตัวกับชาวบ้าน และที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ใช้ นโยบายของพรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของการเมืองไทย ในการหาเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ และได้รับการเลือกตั้ง เป็น ส.ส.ครั้งแรก และครั้งต่อมากระแสความนิยมในพรรคและ การเลือกตั้งแบบพรรคเดียวเบอร์เดียวทั้งประเทศทำให้ง่ายใน การบอกต่อกันเป็นลูกโซ่ และโดยเฉพาะนโยบายที่สามารถ นำมาปฏิบัติได้เป็นที่ประจักษ์ จึงง่ายต่อการหาเสียง โดยเฉพาะ การเลือกตั้ง พ.ศ.2548 และ 2549 เรียกได้ว่าสบาย เพราะพรรค มีจุดขายอยู่แล้ว เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 นับเป็นอีกเหตุการณ์ที่ทำให้นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ต้อง เปลี่ยนสังกัดพรรค จากพรรคไทยรักไทยไปพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ พร้อมๆ กับรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการ เลือกตั้งแบบรวมเขต ด้วยความที่เขตใหญ่กว่าเดิม จึงต้องหา ทีมที่ดีเพื่อสู้ศึกในการเลือกตั้ง ขณะนั้นนายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรีหลายสมัย และ นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดจันทบุรี ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกัน ได้มาชวนเข้ากลุ่มเพื่อสร้างทีมในการ หาเสยี ง ตอนแรกนน้ั สมคั รในนามพรรคชาตไิ ทย โดยออกหาเสยี ง อยู่ประมาณหนึ่งเดือน กระแสตอบรับไม่ค่อยดีเท่าที่ควร และ 187