Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 36นักการเมืองถิ่นจันทบุรี

36นักการเมืองถิ่นจันทบุรี

Description: เล่มที่36นักการเมืองถิ่นจันทบุรี

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ขณะนั้นถูกทาบทามจากนายธีระ สลักเพชร สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดตราด พรรคประชาธิปัตย์มาชวนเข้าพรรค ทั้ง 3 คนจึงตัดสินสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ การหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ใช้วิธีการหาเสียงแบบ ทีมงาน เช่น ถ้ารักนายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ก็ขอให้เลือก นายธวัชชัย อนามพงษ์ และนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา ด้วย เป็นต้น (พงศ์เวช เวชชาชีวะ, สัมภาษณ์, 2553) การหาเสียง ดังกล่าวจึงเป็นกลยุทธ์หลักที่ใช้หาเสียงและมีการลงพื้นที่เป็น ประจำและพรรคประชาธิปัตย์ก็จะส่งแกนนำมาช่วยปราศรัย ใหญ่ตามวาระ เช่น การเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.2550 พรรคก็จัด ปราศรัยใหญ่โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และ สุเทพ เทือกสุบรรณ มาช่วยหาเสียง เป็นต้น จนได้รับชัยชนะ ได้เป็น ส.ส.ทั้ง 3 คน กลุ่มแกนและเครือขา่ ยในความสำเรจ็ กลุ่มแกนและเครือข่ายในความสำเร็จของ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ พอจำแนกกลุ่มแกนและเครือข่ายใน ความสำเร็จได้ ดังนี้ 1. การเปน็ บตุ รของนายประภทั รพงศ์ เวชชาชวี ะ ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอดีตรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทำให้ได้ฐานเสียงและชื่อเสียง ของบิดา 2. เป็นน้องเขยของนายธนพล กิจการ นายก- องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ย่อมเป็นจุดที่ทำให ้ 188

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ มีฐานทางการเมืองที่กว้างขวาง และ ง่ายต่อการเป็นที่รู้จักและเข้าถึงของประชาชน 3. กลุ่มฐานเสียงเดิมสมัยเป็น ส.จ. ซึ่งเมื่อ บวกกับการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรและผลงานในการเป็น กรรมาธิการต่างๆ จึงทำให้นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ประสบ ความสำเร็จในทางการเมืองหลายสมัย 4. กระแสของพรรคการเมือง โดยสมัยแรก นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ลงในสังกัดพรรคไทยรักไทย ต่อมา จึงย้ายมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ จนได้เป็น ส.ส.ในปัจจุบัน นายธวัชชัย อนามพงษ์ ได้รับเลือกเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี และอยู่ในตำแหน่งถึง 3 สมัย ดังนี้ 1. สมัยที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2544 – วันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2548 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 4 ปี โดยสังกัดพรรคไทยรักไทย 2. สมัยที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 – วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 1 ปี 18 วัน โดยสังกัดพรรคไทยรักไทย 3. สมัยที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2550 – ปัจจุบัน โดยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นายธวัชชัย อนามพงษ์ ได้รับเครื่องราชสูงสุด คือประถมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ 189

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 3.2.21. พลตำรวจตรี พยงุ ตรงสวสั ดิ ์ เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2487 ที่ อ.เมือง จ.ชลบุรี จบการศึกษาจากโรงเรียนชลราษฎรบำรุง จังหวัด ชลบุรี และจบการศึกษามัธยมปลายจากโรงเรียนเตรียม อุดมศึกษา พญาไท จากนั้นได้สอบเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อย ตำรวจสามพราน จบสาขารัฐประศาสนศาสตร์ ปัจจุบันอยู่ บ้านเลขที่ 90/52 หมู่ที่ 2 หมู่บ้าน เขาไร่ยาเมืองใหม่ ตำบล ท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี พลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ รับราชการตำรวจ มาโดยตลอด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกที่เติบโตมาใน เส้นทางนี้มาโดยตลอด จนเกษียณในตำแหน่งสุดท้ายคือ ตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี และได้รับ เครื่องราชอิสริยาภรชั้นสงู สุดคือประถมาภรณ์ช้าง เส้นทางการเมือง พลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงการก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองที่ไม่ได้คาดฝันไว้มาก่อนว่า “มันเป็นจังหวะมากกว่า ความจริงแล้วผมไม่ได้เตรียมลงเล่น การเมืองเลย เพราะว่า เห็นลักษณะของการเมือง มันไม่ถูกกับ อุดมการณ์ของตัวเอง เห็นนักการเมืองบริหารบ้านเมืองทิศทาง ตรงข้ามกับที่ใจเราคิด มันควรจะเป็นอย่างนี้ อย่างนี้ แต่ก็ไป ตรงกันข้ามตลอดเวลา คือพูดแต่ทำไม่ได้ จนกระทั่งถึงสมัยของ ท่านทักษิณ ชินวัตร พอเห็นท่านบริหารประเทศ 4 ปีแรก (2544- 2548) ก็เห็นว่าหัวขบวนขึ้นสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จแล้ว 190

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ความเจริญรุ่งเรือง แต่ก็ยังไม่ได้คิดเล่นการเมืองอีกเหมือนกัน จนกระทั่งจังหวะที่ผมเกษียณพอดี พ.ศ.2548 กำลังหาคนลง สมัครรับเลือกตั้ง ท่านก็ส่งคนมาทาบทาม ผมไม่อยากเอ่ยชื่อ และท่านทักษิณก็เป็นอดีตตำรวจ จึงลงในนามพรรค ไทยรักไทย” (พยุง ตรงสวัสดิ์, สัมภาษณ์, 2553) และนั่นคือ เส้นทางหลังเกษียณของพลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ ที่ก้าว เข้าสู่เส้นทางการเมือง วธิ กี ารหาเสียง เนื่องจาก พลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ เติบโต ในอาชีพราชการมาในจังหวัดจันทบุรี เคยดำรงตำแหน่งผู้กำกับ หลายอำเภอในจังหวัดจันทบุรี จึงคุ้นเคยกับชาวบ้านและ ข้าราชการในพื้นที่ ดังนั้นด้วยประสบการณ์จึงใช้การหาเสียง โดยการต่อสายความสัมพันธ์เดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น กลุ่มตำรวจ กลุ่มเพื่อนข้าราชการที่พลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ รู้จัก ส่วน การหาเสียงแบบอย่างอื่นก็เหมือนนักการเมืองทั่วไป คือ ร่วมงานมงคล งานอวมงคลต่างๆ กับชาวบ้านในพื้นที่เขตของ ตัวเอง โดยพลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ สมัครในเขต 2 และ สะท้อนการหาเสียงในตอนนั้นว่า “คะแนนส่วนของการลงพื้นที่ กับฐานคะแนนของผมนิดหน่อยเอง แต่ส่วนมากจะเป็นคะแนน พรรคถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้เราจะพยายามไปให้ถึงทุกหมู่บ้าน ก็ตามเถอะ” (พยุง ตรงสวัสดิ์, สัมภาษณ์, 2553) ในการเลือกตั้ง พ.ศ.2548 หลังจากที่หมดวาระ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลอยู่จนครบวาระ และกระแส ความนิยมในพรรคไทยรักไทยยังมีมาก โดยเฉพาะในตัว 191

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร จนมีคำพูดที่กล่าวกันเล่นๆ ในหมู่ สื่อมวลชนในจังหวัดจันทบุรีว่า ถ้าลงในนามพรรคไทยรักไทย เอาใครมาลงก็ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นการถึงคะแนนนิยมของ พรรคไทยรักไทยในช่วงนั้น กลมุ่ แกนและเครือข่ายในความสำเร็จ เนื่องจาก พลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ ไม่ใช่ คนจันทบุรีโดยกำเนิดแต่อาศัยรับราชการตำรวจ มานาน รู้จัก ผู้คนมาก โดยมีกลุ่มเพื่อนและอดีตลูกน้องที่เคารพนับถือ จึงพอ จะจำแนกกลุ่มแกนและเครือข่ายในความสำเร็จได้ ดังนี้ 1. กลุ่มข้าราชการตำรวจ และอดีตผู้ใต้บังคับ บัญชาที่เป็นฐานเสียงสำคัญ 2. กระแสของพรรคการเมือง โดยเฉพาะช่วง ดังกล่าวเป็นช่วงที่พรรคไทยรักไทยได้รับความนิยมสูงสุด พลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 สมัย โดยสังกัดพรรคไทยรักไทย 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 1 ปี 18 วัน 3.2.22. นายกล้าณรงค์ พงษ์เจรญิ นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ ปัจจุบันอายุ 53 ปี เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2500 เป็นบุตรของนายจำเนียร นางสมาน พงษ์เจริญ จากพี่น้องทั้งหมด 4 คน คือ 192

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 1. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ.10) ด้านความ มั่นคงและกิจการพิเศษ เทียบเท่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่ง ชาติ 2. นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ 3. นางสุภาพร พงษ์เจริญ และ 4. นางชุติกาญจน์ พงษ์เจริญ นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ จบมัธยมศึกษา ตอนต้นจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จบการศึกษา ปริญญาตรี จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันอยู่บ้าน เลขที่ 19 หมู่ที่ 3 ตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี รับราชการตำแหน่งนายอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เสน้ ทางการเมือง ด้วยความที่นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ เป็น นายอำเภอหลายอำเภอในจันทบุรี เช่น อำเภอเมือง อำเภอ เขาคิชฌกูฏ อำเภอมะขาม เป็นต้น จึงได้รับการยอมรับ ในความรู้ ความสามารถ และเป็นคนที่ชาวจันทบุรีเคารพนับถือ ทั้งเป็นคนดีมาก (ธวัชชัย อนามพงษ์, สัมภาษณ์, 2553) มีความ เป็นกันเอง ที่สำคัญเป็นน้องชายของ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ยศและตำแหน่ง ในขณะนั้น) ซึ่งเป็นคนมีชื่อเสียงมากในตอนนั้น จึงได้รับการ ทาบทามจากผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะพี่ชายซึ่ง ในขณะนั้นก็มีกระแสในทำนองว่าจะให้ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานครในสังกัดพรรค ไทยรักไทย แต่ก็ไม่ได้สมัคร จนสุดท้ายเป็นนายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายอำเภออยู่ในขณะนั้นต้องมา ลงสนามการเมืองจันทบุรีแทน 193

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี วธิ กี ารหาเสยี ง การที่นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ เป็นข้าราชการ ที่ชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และมีผลงานอยู่ในจังหวัดจันทบุรี โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ทำงานใกล้ชิดนายอำเภอท่านนี้ มาโดยตลอด ดังนั้น การหาเสียงจึงเน้นที่กลุ่มผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มข้าราชการที่รักใคร่ชอบพอ ด้วยวิธีการ ฝากให้ชาวบ้านช่วยลงคะแนนให้ และช่วยแจกบัตรแนะนำตัว ผู้สมัครกับชาวบ้าน เนื่องจากฐานเสียงและผู้นิยมในตัว นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ อยู่แล้วจึงไม่ใช่เรื่องยาก “คุณกล้า ณรงค์เป็นคนดี และเป็นคนเก่ง ทั้งกระแสพรรคไทยรักไทย ก็แรงมากในตอนนั้น ผมก็เลยแพ้ สอบตกในปีนั้น” นายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส.จันทบุรี คู่แข่งนายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ ที่แข่งกันในเขตที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2548 ให้สัมภาษณ์ กลุ่มแกนและเครอื ข่ายในความสำเรจ็ เนื่องจาก นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ เคยรับ ราชการในจังหวัดจันทบุรีมานาน ทั้งยังเป็นคนจันทบุรี จึงมี กลุ่มเพื่อน กลุ่มข้าราชการ และกลุ่มผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ที่เคารพนับถือ จึงพอจะจำแนกกลุ่มแกนและเครือข่ายในความ สำเร็จได้ ดังนี้ 1. กลุ่มเพื่อน กลุ่มข้าราชการ และกลุ่มผู้ที่อยู่ ใต้บังคับบัญชา 2. กลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน 194

ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 3. กระแสพรรคไทยรักไทยได้รับความนิยม สงู สุดในช่วงดังกล่าว นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 สมัย โดยสังกัดพรรคไทยรักไทย 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 รวมระยะเวลาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 1 ปี 18 วัน 3.2.23. นายยุคล ชนะวฒั น์ปญั ญา นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา ปัจจุบันอายุ 48 ปี เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2505 ณ บ้านเลขที่ 132/2 ม.7 ต.ไส้หร้า อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายฮวด ชนะวัฒน์ปัญญา และนางวาสนา ชนะวัฒน์ปัญญา เป็นบุตร คนแรกจากพี่น้องทั้งหมด 5 คน สมรสกับนางวรรณวิสา ภักดีผล ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 79/52 หมู่ที่ 3 บ้านห้วยสะท้อน ตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี มีอาชีพทำสวน ผลไม้ สวนยางพารา สวนปาล์ม และค้าขายสินค้าการเกษตร ครบวงจร การศึกษา จบวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา การส่งเสริมและสื่อสารการเกษตร วิทยาลัยครูฉะเชิงเทรา รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยบูรพา และหลักสูตรการเมืองการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสงู (ป.ป.ร) รุ่นที่ 10 วิทยาลัยการเมือง การปกครอง สถาบันพระปกเกล้า 195

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี ประสบการณ์การทำงาน - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดจันทบุรี ปี พ.ศ. 2550 - อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดจันทบุรี ปี พ.ศ. 2549 - อดีตผู้ช่วยหัวหน้าหน่วยอำเภอ ธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) - อดีตนายกโรตารี่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี - สมาชิกมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ (เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ จ.จันทบุรี) - คณะกรรมการที่ปรึกษาศิลปินพื้นบ้าน จังหวัดจันทบุรี - คณะกรรมการชมรม อ.ส.ม. (อำเภอท่าใหม่) จังหวัดจันทบุรี - คณะกรรมการที่ปรึกษาลูกเสือชาวบ้านรุ่นที่ 36 (อำเภอขลุง) จังหวัดจันทบุรี ฯลฯ เส้นทางการเมือง นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา เมื่อครั้งดำรง ตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยหัวหน้าหน่วยอำเภอ ธนาคารเพื่อ การเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ.จันทุบรี ได้รับ 196

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี การสนับสนุนจากพี่น้องกลุ่มอาชีพการเกษตร และกลุ่มลูกค้า ธ.ก.ส. กลุ่มสมาชิกสหกรณ์การเกษตร, กลุ่มสมาชิกเครดิต ยูเนียน, กลุ่มนักธุรกิจ, กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า, และกลุ่มสมาคม ต่างๆ ในจังหวัดจันทบุรี เพื่อให้ลงเล่นการเมืองในระดับชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ให้กับพี่น้องชาวจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากภาระหน้าที่ในตำแหน่งการงาน ที่คลุกคลีอยู่กับปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านประกอบกับ ที่นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา มีความสนใจและติดตามงาน ทางด้านการเมืองมาโดยตลอด จึงทำให้ตัดสินใจที่ลงสมัครรับ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในนามพรรคมหาชน โดยการชักชวนของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ แต่ก็ไม่ได้รับ เลือกตั้งในสมัยนั้น ต่อมาก็ยังทำงานทางด้านการเมือง อยู่ตลอด และเมื่อถึงคราวมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ.2549 จึงลงสมัครรับเลือกตั้งโดยไม่สังกัดพรรคการเมือง และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา และได้รับการ สนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างดี จนได้รับการเลือกตั้ง โดย อยู่ในตำแหน่ง ประมาณ 5 เดือน ก็เกิดการรัฐประหาร จากนั้น ในปี พ.ศ. 2550 โดยการชักชวนจาก อดีตสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร นายธวัชชัย อนามพงษ์ ให้ลงรับสมัครเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร โดยในการลงพื้นที่หาเสียงก็มีเสียงสะท้อน จากประชาชนว่าให้ลงในนามพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่เลือก ซึ่งการลงสมัครในตำแหน่งตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายยุคลคิดว่าน่าจะเข้าถึงปัญหา และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้เป็นอย่างดี จึงตัดสินใจลงสมัคร และได้รับการเลือกตั้ง ใน พ.ศ. 2550 197

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ด้วยคะแนนเสียง ท่วมล้น 122,336 คะแนนจากชาวจังหวัด จันทบุรี (ยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา, สัมภาษณ์. 2553) วธิ ีการหาเสยี ง เนื่องนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา เป็นคนหนุ่ม ท่ีเรยี บงา่ ย ตดิ ดิน บคุ ลิกและการพดู จาดี เปน็ กนั เอง ไมเ่ ย่อหย่งิ ไม่ทำตัวแตกต่างจากชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเกิดความ ประทับใจในตัวนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา ซึ่งถือเป็นบุคลิก ที่ใช้เป็นจุดแข็งในการหาเสียง “ผมว่างเมื่อไหร่ ผมก็จะลงพื้นที่ ทันที หากไม่มีการประชุม ผมก็จะรีบกลับ จะร่วมงานกับ ชาวบ้านที่เค้าเชิญบ้าง ไม่เชิญบ้าง แต่ผมก็ไป เพราะถือว่า ชาวบ้านเป็นญาติเรา” (ยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา, สัมภาษณ์. 2553) นั่นคือเสียงสะท้อนในการหาเสียงแบบเข้าถึงใจชาวบ้าน ของนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา จนกระทั่งการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร 2550 มาถึงการหาเสียง จึงต้องมีการปรับ เปลี่ยนการหาเสียงแบบทีม ซึ่งแรกเริ่มสมัครในนามพรรค ชาติไทย โดยออกหาเสียงอยู่ประมาณหนึ่งเดือน แต่กระแส ตอบรับไม่ค่อยดีเท่าที่ควร และขณะนั้นถูกทาบทามจากนาย ธีระ สลักเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตราด พรรค ประชาธิปัตย์มาชวนเข้าพรรค ทั้ง 3 คนจึงตัดสินสมัครรับ เลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ การหาเสียงของพรรค ประชาธิปัตย์ใช้วิธีการหาเสียงแบบทีมงาน เช่น ถ้ารักยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา ก็ขอให้เลือกธวัชชัย อนามพงษ์ และพงศ์เวช ด้วย เป็นต้น (ยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา, สัมภาษณ์. 2553) แต่ใน บางครั้งก็ต้องแบ่งเขตกันรับผิดชอบและไปงาน หากงานนั้นเป็น 198

ข้อมูลนักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี งานเล็กงานน้อยก็ไม่ไปครบทั้ง 3 คน การหาเสียงดังกล่าวจึง เป็นกลยุทธ์หลักที่ใช้หาเสียงและมีการลงพื้นที่เป็นประจำและ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะส่งแกนนำมาช่วยปราศรัยใหญ่ตามวาระ เช่น การเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.2550 พรรคก็จัดปราศรัยใหญ่โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และสุเทพ เทือกสุบรรณ มาช่วยหาเสียง เป็นต้น จนได้รับชัยชนะ ได้เป็น ส.ส.ทั้ง 3 คน กลมุ่ แกนและเครือข่ายในความสำเรจ็ เนื่องจากนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา ไม่ใช่คน จันทบุรีโดยกำเนิด แต่ก็มาตั้งรกราก และประกอบอาชีพ ที่จันทบุรี ตั้งแต่ พ.ศ.2518 ทั้งนีในอดีตยังเคยดำรงตำแหน่ง ที่สำคัญต่อฐานเสียงในจังหวัด เช่นคณะกรรมการที่ปรึกษา วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบธุรกิจอัญมณี จังหวัดจันทบุรี คณะกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน เพื่อ พัฒนาการศึกษา จังหวัดจันทบุรี คณะกรรมการที่ปรึกษาศิลปิน พื้นบ้าน จังหวัดจันทบุรี คณะกรรมการชมรม อ.ส.ม. (อำเภอ ท่าใหม่) จังหวัดจันทบุรี และคณะกรรมการที่ปรึกษาลูกเสือ ชาวบ้านรุ่นที่ 36 (อำเภอขลุง) จังหวัดจันทบุรี เป็นต้น จาก ตำแหน่งที่สำคัญดังกล่าวก็พอจะสะท้อนเส้นทางของคะแนน นิยมที่จะได้ เช่น กลุ่ม อ.ส.ม.ซึ่งเฉลี่ยอยู่ทุก 10 หลังคาเรือน กล่าวได้ว่าเป็นฐานเสียงและฐานทางการเมืองของนายยุคล ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ที่กล่าวว่า “เวลาเราจะทำอะไร จะลงพื้นที่หาเสียง หรือจะปราศรัย ก็จะดำเนินการผ่านทาง อ.ส.ม. เพราะง่ายและ ครอบคลุมชาวบ้านทั้งจังหวัด” (พงศ์เวช เวชชาชีวะ สัมภาษณ์, 2553) 199

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2550 – ปัจจุบัน โดยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 200

บ4ทท ่ี สรุปอภิปรายผล ข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ จากการศึกษาวิจัยนักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรีในส่วน ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ปี พ.ศ.2476–2550 สามารถ สรุปข้อมูลต่าง ๆ และอภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ เพื่อการวิจัย ดังนี้ 4.1 ส รุป อภิปรายผลการศึกษา 4.1.1 ภูมหิ ลงั ของนักการเมืองในจังหวัดจนั ทบรุ ี นักการเมืองในจังหวัดจันทบุรีโดยส่วนใหญ ่ มีเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่กว้างขวางในพื้นที่ มากบ้าง น้อยบ้างแตกต่างกันไป ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ส่งผล ต่อการได้รับเลือกตั้งและการดำรงตำแหน่งในสมัยต่อๆ ไป จากการศึกษาพบว่า ภูมิหลังก่อนการลงสมัครรับเลือกตั้งของ นักการเมืองในจังหวัดจันทบุรี เป็นปัจจัยสนับสนุน และส่งเสริม ต่อความเป็นเครือข่ายและความสัมพันธ์กับประชาชน

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของพรชัย เทพปัญญา (2549: บทคัดย่อ) ที่ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่นจังหวัดปทุมธานี และพบว่า นักการเมืองถิ่นส่วนใหญ่มี ภูมิหลังทางการศึกษาที่ดี มีสภาพทางเศรษฐกิจดีและมีสังคมที่เอื้ออำนวยต่อการเป็น นักการเมือง และสอดคล้องกับประกายศรี ศรีรุ่งเรือง (2550: บทคัดย่อ) ที่ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่นจังหวัดเชียงราย ซึ่งผลการศึกษาพบว่า นักการเมืองถิ่นจังหวัดเชียงรายมี 3 กลุ่ม อาชีพคือ นักธุรกิจ นักกฎหมายและอดีตข้าราชการ โดยผู้วิจัย จำแนกนักการเมืองถิ่นจันทบุรีออกได้ดังนี้ 1) กลุ่มนักกฎหมายและส่อื สารมวลชน นกั การเมอื งในกลมุ่ น้ี ไดแ้ ก่ นายอมร ผลประสทิ ธ์ิ นายสรุ พงษ์ ตรรี ตั น์ นายบญุ เทย่ี ง สทิ ธบิ ศุ ย์ นายสมยศ ศริ พนั ธ์ุ และนายประหยัด ธรรมสาคร 1. นายอมร ผลประสทิ ธ์ิ เปน็ อดตี นกั กฎหมาย ชื่อดังของจันทบุรี และเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน เพราะเป็น คนใจกว้าง อัธยาศัยดี ความรู้ความสามารถ และเป็นที่พึ่งของ ประชาชน 2. นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ เกิดที่ตำบล บางกระจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี อาชีพทนายความ มีสำนักงานทนายความอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เป็นที่นับถือ จากชาวจังหวัดจันทบุรี และมีผู้สนับสนุนในการเลือกตั้ง เป็นจำนวนมาก 3. นายบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ จบการศึกษา ธรรมศาสตรบัณฑิตมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ด้วยความ 202

สรุปอภิปรายผลข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ กว้างขวางด้านอาชีพ เพราะเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี เมืองจันทบุรี ถึง 2 สมัย และเป็นทนายความ เป็นที่นับถือของ ชาวจังหวัดจันทบุรี 4. นายสมยศ ศิรพันธุ์ เกิดที่อำเภอท่าใหม่ ประกอบอาชีพทนายความที่กรุงเทพ ด้วยภาพที่มีความซื่อสัตย์ และบริสุทธิ์ โปร่งใส ประกอบกับกระแสของพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคนั้น ทำให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 5. นายประหยัด ธรรมสาคร อดีตนักจัด รายการชื่อดังที่ใช้ชื่อ 2475 ซึ่งเป็น พ.ศ.เกิด จนมีแฟนรายการ เป็นจำนวนมาก 2) กลมุ่ ครู ขา้ ราชการ และพนกั งานในองคก์ ร นักการเมืองในกลุ่มนี้ ได้แก่ หลวงนรินทร์ ประสาทเวช (เจน สุนทโรทัย) พล.ท.กานต์ รัตนวราหะ นายวิชิต ศุขวิริยะ นายละออ วรรณทอง นายอำนาจ เพิ่งจิตต์ พลตำรวจตรีพยุง ตรงสวัสดิ์ นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา 1. หลวงนรินทร์ประสาทเวช (เจน สุนทโรทัย) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดจันทบุรี อดีต สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี 2. พล.ท.กานต์ รัตนวราหะ เกิดที่กรุงเทพ- มหานคร เนื่องจากไม่ใช่คนจันทบุรี แต่เป็นทหารผ่านศึก อดีต เจ้ากรมเสมียนตรา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 203

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 3. นายวิชิต ศุขวิริยะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรเพียงคนเดียวที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 จังหวัด คือ จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดจันทบุรี อดีตผู้ว่าราชการ จังหวัดจันทบุรี 4. นายละออ วรรณทอง อดีตข้าราชการคร ู ที่ลาออกมาลงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ได้รับเลือกตั้ง ในสมัยแรกและสมัยเดียว โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพียงคนเดียวของพรรคประชาเสรีในสภาผู้แทนราษฎร 5. นายอำนาจ เพิ่งจิตต์ ข้าราชการครูอดีต ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 6. พลตำรวจตรี พยุง ตรงสวัสดิ์ ชาวชลบุรี รับราชการตำรวจและเติบโตในหน้าที่ จนเกษียณในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี 7 . น า ย ก ล ้ า ณ ร ง ค ์ พ ง ษ ์ เ จ ร ิ ญ อ ด ี ต นายอำเภอหลายอำเภอ และปัจจุบันเป็นนายอำเภอมะขาม จ.จันทบุรี น้องชายของ พล.ต.อ.พงศพัศ 8. นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา อดีตผู้ช่วย หัวหน้าหน่วยอำเภอ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ.จันทุบรี 9. นางคมคาย พลบุตร ส.ส.หญิงคนแรก และคนเดียวของจังหวัดจันทบุรี อดีตพยาบาลที่เป็นทายาท ทางการเมืองของ นายสนิท เฟื่องประยูร ซึ่งนักการเมืองในกลุ่มนี้มีภาพสะท้อนที่ 204

สรุปอภิปรายผลข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ สอดคล้องกับงานวิจัยของ ชาญณวุฒ ไชยรักษา (2549: บทคัดย่อ)ที่ศึกษาวิจัยนักการเมืองถิ่นจังหวัดพิษณุโลก โดย ผลการศึกษาพบว่า ในช่วงแรกผู้ได้รับการเลือกตั้งจะเป็น ผู้เคยดำรงตำแหน่งข้าราชการและเป็นกลุ่มบุคคลชั้นนำใน สังคมจนถึง พ.ศ. 2512 สภาพการเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลงไป นักการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งจะเป็นผู้มีความผูกพันกับจังหวัด พิษณุโลกอย่างใกล้ชิดกับประชาชนมาตั้งแต่รุ่นบิดา มารดา บางคนมีบิดามารดาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมาก่อน บางคน เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง บางคนบิดาเคยเป็น ส.ส. มาก่อน 3) กลุม่ นักการเมืองทอ้ งถนิ่ และนกั ธรุ กจิ นักการเมืองในกลุ่มนี้ ได้แก่ นายวงศ์ วรี ะชาตพิ ลี นายอรญั รายนานนท์ นายประภทั รพงศ ์ เวชชาชวี ะ นายจำเริง ศรีสุวรรณ นายวโรทัย ภิญญสาสน์ นายธวัชชัย อนามพงษ์ นายสมชาย นิยมกิจ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ 1. นายวงศ์ วีระชาติพลี หรือนายวงศ์ เว้นชั่ว เกิดที่ อ.ท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เดิมใช้นามสกุล เว้นชั่ว แต่มา เปลี่ยนนามสกุลเป็น วีรชาติพลี ในภายหลัง เป็นนักธุรกิจที่ทำ ธุรกิจหลายอย่าง เป็นผู้กว้าง ขวางในจังหวัดจันทบุรี พูดเก่ง และมีวาทศิลป์ เป็นนักต่อสู้ นักมวลชน โดยเฉพาะการปราศรัย จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก 2. นายอรัญ รายนานนท์ เกิดย่านตลาด จันทบุรี นักธุรกิจผู้กว้างขวาง มีความรู้ความสามารถ และมี กลุ่มเพื่อนที่ทำธุรกิจมากมายที่คอยให้การสนับสนุนในการ หาเสียงเลือกตั้ง 205

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 3. นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ อดีต ผู้จัดการไร่ เอส อาร์ ต่อมาได้มีสวนผลไม้เป็นของตัวเอง ปลูกทุเรียนกระดุมทองเป็นเจ้าแรกๆ ของจันทบุรี จนได้ฉายา “เจ้าพ่อกระดุมทอง” 4. นายจำเริง ศรีสุวรรณ นักการเมืองท้องถิ่น นักธุรกิจและเจ้าของกิจการหลายแห่งในจันทบุรี 5. นายวโรทัย ภิญญสาสน์ อดีตสมาชิกสภา จังหวัด (ส.จ.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หลายสมัย เจ้าของกิจการ วโรทัยมอเตอร์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใหญ่ ที่สุดในขณะนั้นของจันทบุรี และยังมีธุรกิจอีกหลายอย่าง 6. นายธวัชชัย อนามพงษ์ นักการเมืองที่มี ประสบการณ์ทางการเมืองมากที่สุดในจันทบุรี และได้รับ เลือกตั้งมากที่สุดทั้งในสนามการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลอย ทั้งยังเคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) ประธานสภาจังหวัด และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หลายสมัย 7. นายสมชาย นิยมกิจ นักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ในจังหวัดจันทบุรี ผันตัวเองไปลงรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) จนชนะการเลือกตั้งในครั้งแรก 8. นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ทายาททางธุรกิจ และทางการเมืองของนายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ ทำสวน ผลไม้กับบิดา และลงรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) 206

สรุปอภิปรายผลข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ 9. นายประวัฒน์ อุตตะโมต นักการเมืองที่มี ความรู้ ความสามารถ จบปริญญาเอกจากสหรัฐอเมริกา ทำสวนและธุรกิจของครอบครัว 4.1.2 เครือข่ายความสัมพันธ์และเครือญาติของ นกั การเมอื งในจงั หวัดจนั ทบุร ี นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรีที่มีเครือข่าย สัมพันธ์และเครือญาติ ที่มีผลต่อการได้รับการเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นอย่างมาก สอดคล้องกับงานวิจัย ของ ณรงค์ บุญสวยขวัญ (2549 : บทคัดย่อ) ที่ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่พบว่า ปฏิบัติการ ทางการเมืองจะสัมพันธ์กันทั้งบริบทการเมืองระดับชาติและ บริบทสังคมวิทยา ในส่วนของภาพลักษณ์นักการเมืองถิ่นจะมี การใช้พรรคพวก ญาติ เครือข่ายวิชาชีพครู เครือข่ายสถาบัน การศึกษา หรือชมรมศิษย์เก่าของสถาบันการศึกษา เครือข่าย สตรี กลไกศาสนา เป็นต้นในการหาเสียง และสอดคล้องกับ งานวิจัยของนิรันดร์ กุลฑานันท์ (2549 : บทคัดย่อ) ที่ศึกษาวิจัย เรื่อง นักการเมืองถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่า เครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองจะเป็นความ สัมพันธ์ผ่านความสัมพันธ์เชิงเครือญาติและผ่านกลุ่ม ผลประโยชน์ เช่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม องค์กรกู้ภัย ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับพรรคการเมืองจะ สัมพันธ์ผ่านมุ้งการเมืองที่ตนสังกัดอยู่ ทั้งนี้ในงานวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่นจันทบุรี ผู้วิจัยสรุปเครือข่ายความสัมพันธ์และ เครือญาติของนักการเมือง ได้ดังนี้ 207

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ มีความสัมพันธ์ทางสาย โลหิตกับนายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ โดยนายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ เป็นบิดาของ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ และหากมองในสายสัมพันธ์ทาง การเมืองท้องถิ่น พบว่า นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ สมรสกับ นางวิสสุตา กิจกาญจน์ น้องสาวนายธนพล กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีคนปัจจุบัน (2553) ซึ่งนับว่าเป็นเครือข่ายทางการเมืองที่เหนียวแน่นในจังหวัด จันทบุรี และเป็นปัจจัยสำคัญในการหนุนให้นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ชนะการเลือกตั้ง นางคมคาย พลบุตร ส.ส.หญิงคนเดียวของ จังหวัดจันทบุรี เป็นทายาทของนายสนิท เฟื่องประยูร อดีต สมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี ที่มีเครือข่ายกำนันผู้ใหญ่บ้านหนุน หลัง นางคมคาย พลบุตร สมรสกับนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.จังหวัดเพชรบุรี อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง นับว่าเป็น ครอบครัวทางการเมืองที่มีประสบการณ์ทางการเมืองสูง นายประวัฒน์ อุตตะโมต นักการเมืองหนุ่มอีกคน ที่เป็นทายาทของนายประกิต อุตตะโมต อดีตผู้ว่าราชการ จังหวัดจันทบุรี ตราด ชลบุรี และอีกหลายจังหวัด ทั้งยังเป็น อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้มีบารมีและเป็นที่เคารพ ในจังหวัดจันทบุรี ตระกูลอุตตะโมต เป็นตระกูลดังในเขตอำเภอ ท่าใหม่และใกล้เคียง นายประกิต อุตตะโมต เป็นผู้กว้างขวาง และมีผู้เคารพนับถือมาก ซึ่งส่งผลกับคะแนนเสียงของ นายประวัฒน์ อุตตะโมต ให้ชนะการเลือกตั้ง 208

สรุปอภิปรายผลข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ 4.1.3 บ ท บ า ท แ ล ะ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ข อ ง ก ลุ่ ม ผลประโยชน์ กลุ่มผลประโยชน์ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็น ทางการ เป็นกลุ่มที่มีส่วนสำคัญอย่างมากที่มีผลต่อการได้รับ เลือกตั้งเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะกับ กลุ่มทางเศรษฐกิจ กลุ่มการเมืองท้องถิ่นและท้องที่ กลุ่มทาง สังคม ที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ชนะการเลือกตั้ง สอดคล้อง กับงานวิจัยของ ณรงค์ บุญสวยขวัญ (2549 : บทคัดย่อ) ทศ่ี กึ ษาวจิ ยั เรอ่ื ง นกั การเมอื งถน่ิ จงั หวดั นครศรธี รรมราช ทพ่ี บวา่ ปฏบิ ตั กิ ารทางการเมอื งจะสมั พนั ธก์ นั ทง้ั บรบิ ทการเมอื งระดบั ชาติ และบริบทสังคมวิทยา ในส่วนของภาพลักษณ์นักการเมืองถิ่น จะมีการใช้พรรคพวก ญาติ เครือข่ายวิชาชีพครู เครือข่าย สถาบัน การศึกษา หรือชมรมศิษย์เก่าของสถาบันการศึกษา เครือข่ายสตรี กลไกศาสนา เป็นต้นในการหาเสียง และ สอดคล้องกับงานวิจัยของนิรันดร์ กุลฑานันท์ (2549 : บทคัดย่อ) ที่ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ โดยใช้วิธีวิจัย เชิงคุณภาพ พบว่า เครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง จะเป็นความสัมพันธ์ผ่านการทำธุรกิจและการแบ่งปัน ผลประโยชน์ งบประมาณพฒั นาในพน้ื ทเ่ี ลอื กตง้ั เชน่ หอการคา้ สภาอุตสาหกรรม องค์กรกู้ภัย ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง นักการเมืองกับพรรคการเมืองจะสัมพันธ์ผ่านมุ้งการเมืองที่ตน สังกัดอยู่ จากการศึกษาข้อมูลของนักการเมืองถิ่นจันทบุรี สามารถสรุปได้ดังนี้ 209

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี กลุ่มทางเศรษฐกิจ เช่น บริษัท สภาหอการค้า จังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด เป็นต้น กลุ่มผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจเหล่านี้จะตั้งอยู่ในเขตที่มีชุมชนหนาแน่น นักการเมือง กลุ่มนี้ ได้แก่ นายวงศ์ วีระชาติพลี หรือนายวงศ์ เว้นชั่ว เป็น นักธุรกิจที่ทำธุรกิจหลายอย่าง เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัด จันทบุรี พูดเก่งและมีวาทศิลป์ เป็นนักต่อสู้ นักมวลชน โดย เฉพาะการปราศรัย ทำให้ประชาชนรัก มีกลุ่มนักธุรกิจให้การ สนับสนุน รวมทั้งประชาชนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองก็ให้การ สนับสนุนด้วยเช่นกัน นายอรัญ รายนานนท์ นักธุรกิจผู้กว้างขวาง มีความรู้ ความสามารถ และมีกลุ่มเพื่อนที่ทำธุรกิจมากมาย ที่คอยให้การสนับสนุนในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะ จันทบุรีเป็นเมืองค้าขาย เช่น พลอย ผลไม้ เสื้อผ้า เพราะมี พรมแดนติดกับเขมร นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ ผู้จัดการไร่ เอส อาร์ ที่มีลูกน้องมากมายและมีกลุ่มชาวสวนผลไม้ซึ่งเป็น คนส่วนใหญ่ของจันทบุรีสนับสนุน นายจำเริง ศรีสุวรรณ นักการเมืองท้องถิ่น นักธุรกิจและเจ้าของกิจการหลายแห่งในจังหวัดจันทบุรี โดยเฉพาะธุรกิจสถานบันเทิงที่ทำให้มีเพื่อนและประชาชน ที่สนิทสนมเป็นจำนวนมาก นายวโรทัย ภิญญสาสน์ เจ้าของกิจการ วโรทัยมอเตอร์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น 210

สรุปอภิปรายผลข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ นำเข้ารถยนต์ รวมทั้งอะไหล่ต่างๆ และยังมีธุรกิจอีกหลายอย่าง เป็นประธานหอการค้าจังหวัด ทำให้เป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะ ในวงการธุรกิจ และกลุ่มลกู ค้า นายธวัชชัย อนามพงษ์ นักการเมืองที่มี ประสบการณ์ทางการเมืองมากที่สุดในจันทบุรี และได้รับ เลือกตั้งมากที่สุดทั้งในสนามการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลอย ทั้งยังเคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) ประธานสภาจังหวัด และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หลายสมัย มีเพื่อนในวงการพลอยมากมาย และมีทุนในการ ทำงานการเมือง นายสมชาย นิยมกิจ นักธุรกิจที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ อัญมณี มีเพื่อนในวงการมากมาย เช่นเดียวกับนายธวัชชัย อนามพงษ์ มีเครือข่ายทางธุรกิจหลายอย่าง เช่น พลอย ประมง ส่งออกพืชผลทางการเกษตร เป็นต้น ทั้งยังเคยเป็นประธาน หอการค้าจันทบุรี 3 สมัย และประธานหอการค้าเขต 1 ซึ่ง ประกอบด้วย ระยอง จันทบุรี ตราด จึงทำให้เป็นที่รู้จัก และได้ รับการสนับสนุนจากนักธุรกิจและเครือข่ายธุรกิจในจังหวัด กลมุ่ การเมอื งทอ้ งถนิ่ และทอ้ งท่ี กลมุ่ นม้ี บี ทบาท ต่อนักการเมืองจังหวัดจันทบุรีสูงมาก ได้แก่ องค์การบริหาร ส่วนจังหวัด (อบจ.) สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) เทศบาล และสมาชิกเทศบาล (ส.ท.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) และ อีกส่วนหนึ่งคือกลุ่มการปกครองท้องที่ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทง้ั อาสาสมคั รสาธารณสขุ มลู ฐานชมุ ชน (อสม.) กลมุ่ เหลา่ น้ี 211

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ถือได้ว่ามีความสำคัญที่สุดต่อการเลือกตั้ง เพราะอยู่ใกล้ชิดกับ ประชาชนมากที่สุด และมีเครือข่ายที่เป็นทางการครอบคุลม พื้นที่ทั้งจังหวัด นักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเพราะกลุ่มนี้ ได้แก่ ได้แก่ นายบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ อดีตนายก เทศมนตรีเมือง จันทบุรี นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ อดีตสมาชิกสภา เทศบาลตำบลขลุง และอดีตสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี นายวิชิต ศุขะวิริยะ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายจำเริง ศรีสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองจันทบุรี นายวโรทัย ภิญญสาสน์ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี นายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี อดีตสมาชิกสภา จังหวัดตราด นายประวัฒน์ อุตตะโมต บุตรนายประกิต อุตตะโมต อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นางคมคาย พลบุตร ลูกสาวนายสนิท เฟื่องประยูร อดีตสมาชิกสภาจังหวัด จันทบุรี นายสมชาย นิยมกิจ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี และ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี นายยคุ ล ชนะวฒั นป์ ญั ญา อดตี พนกั งานธนาคารเพอ่ื การเกษตร และสหกรณ์ (ธกส) กลุ่มทางสังคม กลุ่มที่มีความสำคัญไม่ต่างจาก กลุ่มอื่น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่คู่กับสังคม โดยเฉพาะประชาชน ที่อยู่ในต่างจังหวัด จะอาศัยกลุ่มต่างๆ เหล่านี้เพื่อทำกิจกรรม ทางสังคมร่วมกัน เช่น สโมสรโรตารี สโมสรไลออนส์ ชมรม มูลนิธิ สมาคม เป็นต้น นักการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มนี้จนชนะการเลือกตั้ง ได้แก่ นายประภัทรพงษ์ เวชชาชีวะ 212

สรุปอภิปรายผลข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมชาวสวนจันทบุรี นายประหยัด ธรรมสาคร ได้รับสนับสนุนจากสมาคมนักข่าวท้องถิ่นจันทบุรี นายสุรพงษ์ ตรีนัตน์ นายบุญเที่ยง สิทธิบุศย์ นายสมยศ ศิรพันธ์ ต่างก็ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายทนายความ จังหวัดจันทบุรี นายละออ วรรณทอง และนายอำนาจ เพ่งจิตต์ อดีตข้าราชการครูที่ดำรงตำแหน่งในหลายอำเภอ ทำให้เป็นที่ รู้จักของประชาชน เพื่อนร่วมงาน และลูกศิษย์ลูกหามากกมาย ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมครูและเครือข่ายครูในจังหวัด จันทบุรี พล.ท.กานต์ รัตนวราหะ ทหารผ่านศึก เคยไป รบสมัยเชียงตุง ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายทหารผ่านศึก ซึ่งในยุคนนั้นคนที่ผ่านสนามรบมาคือผู้เสียสละเพื่อชาติ ประชาชนจะให้ความศรัทธา และลงคะแนนให้จนชนะการ เลือกตั้ง 4.1.4 บ ท บ า ท ข อ ง พ ร ร ค ก า ร เ มื อ ง ใ น ก า ร สนบั สนนุ สัมพนั ธ์กบั นกั การเมอื งถ่นิ จนั ทบรุ ี จากข้อมูลการพบว่า พรรคการเมืองที่เคยได้รับ เลือกตั้งโดยนับจากจำนวน ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้ง สรุปได้ดังนี้ 1) พรรคเสรีมนังคสิลา 2) พรรคสหประชาไทย 3) พรรคไท 4) พรรคธรรมสังคม 213

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 5) พรรคประชาธิปัตย์ 6) พรรคกิจสังคม 7) พรรคสยามประชาธิปไตย 8) พรรคประชาเสรี 9) พรรคประชากรไทย 10) พรรคชาติพัฒนา 11) พรรคไทยรักไทย พรรคที่ได้รับเลือกตั้งมากที่สุด ได้แก่ พรรค ประชาธิปัตย์ 10 ครั้ง รองลงมาได้แก่ พรรคประชากรไทย 8 ครั้ง พรรคชาติพัฒนา 7 ครั้ง พรรคไทยรักไทย 7 ครั้ง พรรค ธรรมสังคม 2 ครั้ง นอกจากนั้น ได้รับเลือกตั้งเพียงพรรคละ 1 ครั้ง เท่านั้น จาการศึกษาพบว่า กระแสของพรรคการเมือง แต่ละพรรคมีส่วนช่วยให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นอย่างมาก เช่น พ.ศ.2535 หลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ มีกระแสพรรคเทพ พรรคมาร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้รับยกย่องให้เป็นพรรคเทพ ทำให้นายสมชาย นิยมกิจ ชนะการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ประชาชน ยังไม่ค่อยรู้จักนายสมชาย พ.ศ.2548 กระแสพรรคไทยรักไทย มีส่วนช่วยให้พรรคชนะการเลือกตั้งที่จันทบุรียกทีม เพราะการ บริหารงานจนครบวาระของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ นโยบายประชานิยม และ พ.ศ.2550 กระแสของพรรค ประชาธิปัตย์หลังจากเหตุการณ์รัฐประหารในจังหวัดจันทบุร ี มาแรงมาก จน ส.ส.หลายสมัยที่สอบตกเมื่อปี พ.ศ.2548 อย่าง นายธวชั ชยั อนามพงษ์ ตอ้ งชวนทมี คอื นายพงษเ์ วช เวชชาชวี ะ 214

สรุปอภิปรายผลข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ และนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา เข้าสังกัดพรรค และชนะ เลือกตั้งยกทีม ซึ่งนั่นชี้ให้เห็นกระแสของพรรคการเมืองที่ม ี ส่วนช่วยให้ชนะการเลือกตั้ง สอดคล้องกับงานวิจัยของพรชัย เทพปัญญา (2549: บทคัดย่อ) ที่ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมือง ถิ่นจังหวัดปทุมธานี และพบว่า การหาเสียงของนักการเมืองถิ่น ในจังหวัดปทุมธานีในปัจจุบันมีความสัมพันธ์กับพรรคการเมือง และนโยบายพรรคและสอดคล้องกับณรงค์ บุญสวยขวัญ (2549 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่นจังหวัด นครศรีธรรมราชผลการศึกษาพบว่า นักการเมืองถิ่นจังหวัด เชียงราย จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคหลักที่ชนะ การเลือกตั้งต่อเนื่องมาหลายสมัยเป็นที่นิยมของนักการเมือง 4.1.5 กลวิธีทใ่ี ชใ้ นการหาเสยี ง นักการเมืองถิ่นจันทบุรีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเทคนิควิธีการหาเสียงที่เหมือนกันๆ กันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพอ สรุปได้ดังนี้ 1) การปราศรัย เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการจัดเวทีปราศรัยย่อย ปราศรัยใหญ่ โดยมี พรรคการเมืองต้นสังกัดจะลงมาช่วย มีแกนนำที่มีชื่อเสียง รวมทั้งดารา มาช่วยเรียกคนฟัง นักการเมืองจันทบุรีแทบทุกคน ล้วนผ่านการขึ้นเวทีปราศรัยมาทุกคน 2) การช่วยเหลือประชาชน การตั้งศูนย์รับเรื่อง ร้องเรียนต่างๆ โดยไม่จำกัดเรื่อง ประชาชนมีเรื่องเดือดร้อน อะไรก็มาร้องเรียนกับสำนักงานของ ส.ส. หรือร้องเรียนที่บ้าน ซึ่ง ส.ส.ก็จะรีบส่งทีมงาน ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเข้าไปเร่ง 215

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี แก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างทันท่วงที รวมถึงการวิ่งเต้น ในทางราชการ และคดีความต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับความ สะดวก 3) การร่วมงานกับประชาชนทั้งงานราษฎร์และ งานหลวง ทั้งงานมงคล อวมงคล นักการ เมืองในจันทบุรีทุกคน ต่างรู้ดีว่า การเข้าร่วมงานกับประชาชนคือการแสดงออกถึง การร่วมทุกข์ ร่วมสุข กับประชาชน และต้องมีความสม่ำเสมอ หากอยากได้รับเลือกตั้งอีกสมัย 4) การลงพื้นที่ เพื่อรับทราบปัญหา ทุกข์ สุข ของประชาชน เป็นวิธีที่ช่วยให้ประชาชนจดจำ และทราบซึ่งใจ ในการเข้าถึงประชาชนมากที่สุด ซึ่ง ส.ส.คนใดขยันลงพื้นที่ก็จะ ได้รับคำชื่นชมจากประชาชนและได้รับเลือกตั้งในที่สุด 5) การแจกสิ่งของ เช่น เสื้อ กระเป๋า เป็นต้น ที่มีชื่อผู้สมัคร และสัญลักษณ์ของพรรค หรือแม้กระทั่งการแจก เงินซื้อเสียงก็ยังคงมีอยู่ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ ไม่มีหลักฐานเอาผิดว่าใครเป็นผู้แจกซึ่งนับวันจะมีจำนวน มากขึ้น และวิธีการแยบยลมากขึ้น 6) การใช้สื่อแผ่นปลิว การติดป้ายประชา- สัมพันธ์ การใช้รถประชาสัมพันธ์ ลงไปยังหมู่บ้านต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ห่างไกล ประชาชนไม่รู้จักผู้สมัคร 7) การจัดหาพวงหรีดในงานศพ การสนับสนุน เงินและรางวัลในงานกีฬา งานประจำปีต่างๆ โดยการประสาน ผ่านหัวคะแนนที่อยู่ในพื้นที่ 216

สรุปอภิปรายผลข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ 8) การสร้างอาคาร สถานที่ หรือ การบริจาค สิ่งของให้กับสาธารณะ เช่น เต้นท์ เก้าอี้ ศาลาพักผู้โดยสาร เป็นต้น 9) การจดั เลย้ี ง การจดั ใหม้ มี หรสพ เพอ่ื ตอบแทน หัวคะแนนในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง วิธีการหาเสียงโดยภาพรวมสอดคล้องกับงาน วิจัยของ นิรันดร์ กุลฑานันท์ (2549 : บทคัดย่อ) ที่ศึกษาวิจัย เรื่อง นักการเมืองถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งผลวิจัยพบว่า วิธีการหา เสียงมีหลายรูปแบบ ได้แก่ การเดินเคาะประตูบ้าน การจัด มหรสพแล้วปราศรัยหาเสียง การทำโปสเตอร์ ป้ายโฆษณา การแจกสิ่งของ และสอดคล้องกับงานวิจัยของประกายศรี ศรีรุ่งเรือง (2550: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่น จังหวัดเชียงราย ที่พบว่า การหาเสียงที่นำมาใช้มี การแจก สิ่งของ แจกเงิน การปราศรัย การใช้แผ่นปลิว การติดป้าย ประชาสัมพันธ์ การพาไปทัศนศึกษา การพนันขันต่อ การซื้อ บัตรประชาชน การสัญญาว่าจะให้ การใช้อิทธิพลข่มขู่ เป็นต้น สรุปโดยภาพรวมพบว่า นักการเมืองถิ่นจันทบุรี จำแนกได้ 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มนักกฎหมายและนักสื่อสาร มวลชน กลุ่มครูและพนักงานในองค์กร กลุ่มนักการเมือง ท้องถิ่นและกลุ่มนักธุรกิจ เครือข่ายสายสัมพันธ์ที่พบจะเป็น บิดา–บุตร 1 คู่ คือ นายประภัทรพงษ์ เวชชาชีวะกับนายพงศ์ เวช เวชชาชีวะ นอกนั้นจะเป็นการเชื่อมโยงเครือข่าย เครือญาติ กับกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองในระดับท้องถิ่น กลุ่ม ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และกลุ่มผลประโยชน์ทางสังคม 217

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี และวัฒนธรรม พรรคการเมือง คือกลุ่มผลประโยชน์ทาง การเมือง มีบทบาทสูงต่อนักการเมืองถิ่นจันทบุรี นักการเมือง ถิ่นจันทบุรีมีการเปลี่ยนสังกัดพรรคตามกระแสทางการเมือง โดยพรรคใดเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ นักการเมืองถิ่นจันทบุรี ก็สังกัดพรรคนั้น ส่วนวิธีการหาเสียงได้แก่ การปราศรัย การลงพื้นที่พบประชาชน การร่วมงานต่างๆ เป็นวิธีที่ได้รับ ความนิยมมากที่สุด การให้ความอุปถัมภ์ช่วยเหลือในรูปแบบ ต่างๆ การปราศรัยและวิธีอื่นๆ เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยม ตามลำดับ 4.2 ข้อเสนอแนะ 4.2.1 ควรนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ โดยนำเนื้อหา สาระที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ไปใช้ประกอบการเรียนการสอน ในโรงเรียนหรือสถานศึกษาในจังหวัดจันทบุรี เพื่อให้นักเรียน นักศึกษามีความรู้ และเข้าใจพัฒนาการทางการเมืองของ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งน่าจะนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหา การซื้อสิทธิ์ขายเสียงและเข้าใจประชาธิปไตยในอนาคต 4.2.2 ควรศึกษาถึงความคิดเห็นของประชาชน ชาวจังหวัดจันทบุรีที่มีต่อผู้แทนของตน ที่มีต่อการเลือกตั้ง และควรศึกษาถึงนักการเมืองที่พึงประสงค์ เพื่อสะท้อนให้ นักการเมืองถิ่นได้รับรู้ว่า ประชาชนคิดอย่างไรกับผู้แทนและ ผู้แทนควรจะประพฤติ ปฏิบัติตนอย่างไร 218

บรรณานุกรม กระมล ทองธรรมชาติ และคณะ. 2531. การเลือกต้ัง พรรคการเมือง และเสถียรภาพของรัฐบาล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กระมล ทองธรรมชาติ และเชาวนะ ไตรมาศ. 2545. วิวัฒนาการของ ระบอบรัฐธรรมนูญไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ. โคทม อารียา และคณะ. 2535. การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร. กรุงเทพฯ: เยลโล่การพิมพ์. ชยั อนนั ต ์ สมทุ วณชิ . 2523. การเมอื ง-การเปลยี่ นแปลงทางการเมอื งไทย 2411-2475. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ดวงดีการพิมพ์. ไชยวุฒิ มนตรีรักษ์. 2551. นักการเมืองถ่ินจังหวัดเลย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า. ชาญณวุฒ ไชยรักษา.2549. นักการเมืองถ่ินจังหวัดพิษณุโลก. กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า. ชงคชาญ สุวรรณมณี และอริย์ธัช. 2548. รายช่ือสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร พ.ศ. 2475-2548. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี ทองศรี กำภู ณ อยุธยา, เอ.คลาร์ก เฮเกนซิก, ชัยอนันต์ สมุทวณิช และ สุวิชา วรวิเชียรวงษ์. รัฐสภาไทย พุทธศักราช 2513 ชีวประวัติสมาชิกรัฐสภา. กรุงเทพฯ: สำนักวิจัยสถาบัน บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ณรงค์ บุญสวยขวัญ. 2549. นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครศรีธรรมราช. กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า. นรนิติ เศรษฐบุตร. 2550. ดุสิตธานี: การทดลองจัดการองค์กรการ ปกครองส่วนท้องถิ่น. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ส เจริญ การพิมพ์. นิรันดร์ กุลฑานันท์. 2549. นักการเมืองถ่ินจังหวัดบุรีรัมย์. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า. บุฆอรี ยีหมะ. 2549. นกั การเมืองถน่ิ จงั หวดั ปัตตาน.ี กรุงเทพฯ: สถาบัน พระปกเกล้า. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ. 2550. พลวัตของการเมืองไทย. กรุงเทพฯ: สถาบัน พระปกเกล้า. บุษราคำ เชาวน์ศิริ. 2545. ทำเนียบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร. กรุงเทพฯ: กลุ่มงานผลิตเอกสาร สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. บุรีรักข์ นามวัฒน์. 2540. ทำเนียบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2540. กรุงเทพฯ: กองการพิมพ์สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา. ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง. 2550. นักการเมืองถ่ินจังหวัดเชียงราย. พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า. ป ั ท ม า สู บ ก ำ ป ั ง . 2 5 5 2 . รั ฐ ส ภ า ไ ท ย ต า ม รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ห่ ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: เอ.พี. กราฟิค ดีไซน์การพิมพ์. พิชญ์ สมพอง. 2552. นักการเมืองถิ่นจังหวัดยโสธร. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า. 220

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี . 2526. ภาพและประวัติสมาชิกรัฐสภา. รัฐสภาสาร (ฉบับ พิเศษ). (พฤษภาคม 2526). . ม.ป.ป. ภาพและประวัติสมาชิกรัฐสภา. รัฐสภาสาร (ฉบับ พิเศษ). ไพบูลย์ ช่างเรียน. 2520. สังคมการเมืองและการปกครองของไทย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพาณิชย์. รักฎา เมธีโภคพงษ์ และวีระ เลิศสมพร. 2551. นักการเมืองถ่ินจังหวัด เชยี งใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า. รฐั สภา. สบื คน้ เมอ่ื วนั ท่ี 20 มกราคม 2553, จาก http://www.parliament.go.th ลิขิต ธีรเวคิน. 2546. ประชาธิปไตยและการปฏิรูปการเมืองไทย. กรุงเทพฯ: เจ้าพระยาระบบการพิมพ์. ลิขิต ธีรเวคิน. 2547. วิวัฒนาการการเมืองการปกครองไทย. พิมพ์ครั้ง ที่ 9, แก้ไขและเพิ่มเติม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์. ลิขิต ธีรเวคิน. 2548. การเมืองการปกครองของไทย. พิมพ์ครั้งที่ 7, แก้ไขและเพิ่มเติม. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์. วัชรา ไชยสาร. 2544. สิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการ. กรุงเทพฯ : นิติธรรม. วรเจตน์ ภาคีรัตน์. 2550. กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ศูนย์การพิมพ์แก่นจันทร์. วิวัฒน์ เอี่ยมไพรวัน. 2549. วัฒนธรรมทางการเมืองกับพฤติกรรม ทางการเมืองไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมาธิราช. ศรุดา สมพอง. 2550. นักการเมืองถิ่นจังหวัดฉะเชิงเทรา. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า. สนธิ เตชานันท์. 2543. พื้นฐานรัฐศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 221

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี สันสิทธิ์ ชวลิตธำรง. 2546. รัฐศาสตร์ภาพกว้าง. กรุงเทพฯ: สวิชาญ การพิมพ์. สานิตย์ เพชรกาฬ. 2550. นักการเมืองถิ่นจังหวัดพัทลุง. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า. สุภาพ และคณะ. 2531. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2553, จาก http:// www.ect.go.th สุเชาวน์ มีหนองหว้า. 2549. นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุบลราชธานี. กรุงเทพ: สถาบันพระปกเกล้า. สมบัติ ธำรงธัญวงศ์. 2549. การเมืองไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เสมาธรรม. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ข้อมูล สถิติ และผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2548. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา. ม.ป.ป. สมุดภาพสมาชิกรัฐสภา (2475- 2502). กรุงเทพฯ: กองการพิมพ์สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร. สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา. 2532. ทำเนียบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2532. กรุงเทพฯ: กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการ รัฐสภา. สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา. 2538. ทำเนียบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2538. กรุงเทพฯ: ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา กองการ ประชาสัมพันธ์. สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา. 2542. 67 ปี สมาชิกรัฐสภาไทย พ.ศ.2475-2542. กรุงเทพฯ: กองการพิมพ์ สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. 222

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ม.ป.ป. สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร พ.ศ.2475–2535. กรุงเทพฯ: ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา กองการประชาสัมพันธ์. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. 2540. ทำเนียบสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร พ.ศ.2540. กรุงเทพฯ: ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา กองการประชาสัมพันธ์. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. 2544. ทำเนียบสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร พ.ศ.2544. กรุงเทพฯ: ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา กองการประชาสัมพันธ์. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. 2547. หนังสือท่ีระลึกครบรอบ 72 ปี รัฐสภาไทย. กรุงเทพฯ: สำนักการพิมพ์สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักงานปลัดจังหวัดจันทบุรี:ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 25 เมษายน 2554, จาก http://www.chanthaburi.go.th/indexA.htm ใหม่ รักหมู่ และธวัชชัย ไพจิตร. 2522. บันทึก 25 นักการเมือง วิเคราะห์การเลือกตั้งในไทย. กรุงเทพมหานคร : นพรัตน์ การพิมพ์, อนุชา ฮุนสวัสดิกุล. 2552. แนวคำวินิจฉัยของศาลปกครองเก่ียวกับ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี: ปัญหาในทาง ปฏิบัติ และหลักปฏิบัติราชการจากคำวินิจฉัยของศาล ปกครอง. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ธรรมดาเพลส. อัมมาร สยามวาลาและคณะทำงานฝ่ายวิชาการ. 2535. การเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 22 มีนาคม. กรุงเทพฯ: เยลโล่ การพิมพ์ 1988 จำกัด. 223



ภาค ผนวก ภาคผนวก ก แบบสมั ภาษณ ์ นกั การเมอื งและผเู้ กยี่ วขอ้ งทางการเมอื งในจงั หวดั จนั ทบรุ ี ................................. ชื่อผู้สัมภาษณ์............................................................................... 1. ชื่อผู้ถกู สัมภาษณ์.................................................................. 2. ปัจจุบันดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ .............................. ............................................................................................... 3. กรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้เกี่ยวข้อง เกี่ยวข้องในฐานะเป็น ............................................................................................... 4. ประวัติส่วนตัว....................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ...............................................................................................

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี 5. การศึกษา ............................................................................. ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... 6. อาชีพในอดีต ....................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... 7. อาชีพในปัจจุบัน .................................................................. ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... 8. เหตุผลที่เข้าสู่การเมือง ........................................................ ............................................................................................... ............................................................................................... 9. วิธีการหาเสียง ..................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... 226

ภาคผนวก 10. ญาติหรือผู้เกี่ยวข้องกับการเมืองในอดีตและปัจจุบันที่ ทำให้ประสบความสำเร็จ ..................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... 11. ประสบการณ์ทางการบริหารและทางการเมือง .................. ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... 12. อื่นๆ ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ขอขอบคุณในการตอบแบบสัมภาษณเ์ ป็นอย่างสงู 227

ภาคผนวก ข รายช่ือผู้ให้สัมภาษณ์ 1. นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 7 ตุลาคม 2553 และ 9 ตุลาคม 2553 2. นายประหยัด ธรรมสาคร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 29 กันยายน 2553 และ 9 ตุลาคม 2553 3. นายละออ วรรณทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 7 ตุลาคม 2553 และ 9 ตุลาคม 2553 4. นายวโรทัย ภิญญสาสน์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 7 ตุลาคม 2553 และ 11 ตุลาคม 2553

ภาคผนวก 5. นายอำนาจ เพ่งจิตต์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 6 ตุลาคม 2553 และ 11 ตุลาคม 2553 6. นายสมชาย นิยมกิจ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 13 ตุลาคม 2553 7. พล.ต.ต.พยุง ตรงสวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 8 ตุลาคม 2553 8. นายธวัชชัย อนามพงษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 11 ตุลาคม 2553 9. นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 9 ตุลาคม 2553 10. นายยุคล ชนวัฒน์ปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 9 ตุลาคม 2553 11. นายแสนคม อนามพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว นายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร และทีมงาน ของนางคมคาย พลบุตร ให้สัมภาษณ์เมื่อ 7 ตุลาคม 2553 229

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี 12. นางสาววงธรรม สรณะ อดีตผู้ช่วย พล.ต.ต.พยุง ตรงสวัสดิ์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 20 กันยายน 2553 13. นายสุรชัย ศีลรักษ์ ผู้ช่วย นายธวัชชัย อนามพงษ์ หัวหน้าสำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ จ.จันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 7 ตุลาคม 2553 14. นายก้องภพ สีสุธก เลขานุการส่วนตัว นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ และอดีตทีมงานของ นางคมคาย พลบุตร ให้สัมภาษณ์เมื่อ 7 ตุลาคม 2553 15. นายกฤษฎา สวัสดิชัย ผู้สื่อข่าวจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 12 ตุลาคม 2553 16. ผศ.ธัญญาณี นิยมกิจ ลูกสาวของนายสมชาย นิยมกิจ อาจารย์ประจำ คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั รำไพพรรณ ี ให้สัมภาษณ์ร่วมกับบิดา เมื่อ 13 ตุลาคม 2553 17. นายสุรสิทธิ์ ถือสัตย์ ผอ.กกต.จว.จันทบุรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ 26-27 มีนาคม 2554 230

ภาคผนวก ค ภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี หลวงนรนิ ทรป์ ระสาตร์เวช (เจน สุนทโรทยั ) ไม่สังกัดพรรคการเมือง (15 พ.ย.2476 – 6 พ.ย.2480) นายวงศ์ เวน้ ชวั่ (วงศ์ วรี ชาติพล)ี ไม่สังกัดพรรคการเมือง (7 พ.ย.2480 – 11 ก.ย.2481) ไม่สังกัดพรรคการเมือง (29 ม.ค.2491 – 29 พ.ย.2494)

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี นายอมร ผลประสิทธิ์ ไม่สังกัดพรรคการเมือง (12 พ.ย.2481 – 15 ต.ค.2488) นายอรัญ รายนานนท์ ไม่สังกัดพรรคการเมือง (6 ม.ค.2489 – 6 พ.ย. 2490) นายสุรพงษ์ ตรรี ัตน์ ไม่สังกัดพรรคการเมือง (26 ก.พ.2495 – 25ก.พ.2500) พรรคเสรีมนังคศิลา (26 ก.พ.2500 – 16 ก.ย.2500) ไม่สังกัดพรรคการเมือง (15 ธ.ค.2500 – 20 ต.ค.2501) 232

ภาคผนวก นายบญุ เทยี่ ง สทิ ธิบศุ ย ์ พรรคสหประชาไทย (10 ก.พ.2512 – 17พ.ย. 2514) นายประภทั รพงศ์ เวชชาชีวะ พรรคไท (26 ม.ค.2518 – 12 ม.ค.2519) นายประหยดั ธรรมสาคร พรรคธรรมสังคม (26 ม.ค.2518 – 12 ม.ค.2519) 233

นักการเมืองถ่ินจังหวัดจันทบุรี พล.ท.กานต์ รัตนวาหะ พรรคธรรมสังคม (4 เม.ย.2519 – 6 ต.ค.2519) นายสมยศ ศริ พันธ ์ุ พรรคประชาธิปัตย์ (4 เม.ย. 2519 – 6 ต.ค. 2519) นายจำเริง ศรีสุวรรณ พรรคสยามประชาธิปไตย (22 เม.ย.2522 – 19 มี.ค.2526) 234

ภาคผนวก นายวชิ ติ ศขุ วริ ิยะ พรรคกิจสังคม (22 เม.ย.2522 – 11 มี.ค.2526) นายละออ วรรณทอง พรรคประชาเสรี (18 เม.ย.2526 – 1 พ.ค.2529) นายวโรทัย ภญิ ญศาสน์ พรรคประชากรไทย (18 เม.ย.2526 – 1 พ.ค.2529) พรรคประชากรไทย (27 ก.ค.2529 – 29 เม.ย.2531) พรรคประชากรไทย (24 ก.ค.2531 – 23 ก.พ. 2534) พรรคประชากรไทย (22 มี.ค.2535 – 30 มิ.ย.2535) 235

นักการเมืองถิ่นจังหวัดจันทบุรี นายธวัชชัย อนามพงษ ์ พรรคประชาธิปัตย์ (27 ก.ค.2529 – 29 เม.ย.2531) พรรคประชากรไทย (24 ก.ค.2531 – 23 ก.พ.2534) พรรคประชากรไทย (22 มี.ค.2535 – 30 มิ.ย.2535) พรรคชาติพัฒนา (2 ก.ค.2538 – 28 ก.ย.2539) พรรคชาติพัฒนา (17 พ.ย.2539 – 9 พ.ย.2543) พรรคชาติพัฒนา (6 ม.ค.2544 – 18 ม.ค.2545) พรรคชาติพัฒนา (3 มี.ค.2545 – 11 ส.ค.2547) พรรคประชาธิปัตย์ (23 ธ.ค.2550 – ปัจจุบัน) นายสมชาย กิจนยิ ม พรรคประชาธิปัตย์ (13 ก.ย.2535 – 19 พ.ค.2538) 236

ภาคผนวก นายอำนาจ เพงิ่ จติ ต์ พรรคประชาธิปัตย์ (13 ก.ย.2535 – 19 พ.ค.2538) นายประวัฒน์ อตุ ตะโมต พรรคประชาธิปัตย์ (27 ก.ค.2529 – 29 เม.ย.2531) พรรคประชากรไทย (24 ก.ค.2531 – 23 ก.พ.2534) พรรคประชากรไทย (22 มี.ค.2535 – 30 มิ.ย.2535) พรรคชาติพัฒนา (13 ก.ย.2535 – 19 พ.ค.2538) พรรคชาติพัฒนา (2 ก.ค.2538 – 28 ก.ย.2539) พรรคชาติพัฒนา (17 พ.ค.2539 – 7 เม.ย.2543) 237