Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 30นักการเมืองถิ่นยะลา

30นักการเมืองถิ่นยะลา

Description: 30นักการเมืองถิ่นยะลา

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถ่ินจงั หวัดยะลา ทางการเมอื งทสี่ ำ�คญั มากมาย เปน็ ผนู้ ำ�กลมุ่ การเมอื ง ทที่ ำ�ให้ 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใตเ้ ป็นพืน้ ทีท่ างการเมอื งท่นี กั การเมืองทุกฝา่ ยเฝ้าจบั ตา 4. นายไพศาล ยงิ่ สมาน นกั การเมืองถน่ิ จงั หวัดยะลา คนแรก ทีม่ ีฐานทางการเมอื งเริ่มต้นจากกล่มุ ผูน้ ำ�ศาสนา และการเมอื งท้องถิน่ ระดบั สมาชกิ สภาจงั หวดั เปน็ ผมู้ พี นื้ ฐานทางการศกึ ษาดที ง้ั ทางโลกและ ทางศาสนา ได้รับการเลือกต้ัง 4 สมัย แม้จะไม่เคยมีตำ�แหน่งทาง การเมือง แต่น่าสนใจในฐานะท่ีเป็นนักการเมืองท่ีมีสถานะร่วมกับ นกั การศาสนาของจงั หวัดยะลาและ 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ 5. นายบูราฮานูดิน อูเซ็ง อดีตปลัดอำ�เภอที่มีอนาคตทาง ราชการ เปน็ ปญั ญาชนมสุ ลมิ รนุ่ ใหมข่ องจงั หวดั ยะลาทเ่ี ปน็ ผลผลติ ของ มหาวทิ ยาลยั ในเมอื งไทยในยคุ เดอื นตลุ า นายบรู าฮานดู นิ ถอื ไดว้ า่ เปน็ นักการเมืองถ่ินจังหวัดยะลาท่ีมีพื้นความรู้ในเรื่องระบบราชการไทยดี ท่ีสุดของจังหวัด และนายบูราฮานูดิน ยังเป็นส.ส.คนแรกของจังหวัด ทม่ี าจากครอบครวั ที่เปน็ นักการเมอื งระดับส.ส.มากอ่ น การทหี่ ยบิ ยกนกั การเมอื งจำ�นวนหนง่ึ มากลา่ วถงึ เปน็ กรณพี เิ ศษ ไม่ได้หมายความว่า การศึกษาในครั้งนี้จะละเลยในรายละเอียดของ บคุ คลอน่ื ๆ ทเ่ี หลอื แตอ่ ยา่ งใด การศกึ ษาถงึ บคุ คลอนื่ ๆ จะอยใู่ นกรอบ ของการหาความสัมพันธต์ า่ งๆ ที่สังคมควรจะรบั รูอ้ ยเู่ ชน่ เดมิ 38

บ4ทที่การเมืองถ่นิ และนักการเมืองถน่ิ จงั หวัดยะลา การเมอื งถนิ่ และนกั การเมอื งถิน่ จงั หวดั ยะลา หลังจากท่ีประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันท่ี 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 จวบจนถึงปัจจุบัน (2554) มีการเลือกต้ัง มาแลว้ รวมทง้ั สน้ิ 23 ครง้ั สำ�หรบั จงั หวดั ยะลามสี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร มาแลว้ 15 คน การศึกษารายละเอียดของ “การเมืองถิ่นและนักการเมืองถ่ิน จงั หวัดยะลา” ในครั้งนี้ ผ้วู จิ ยั ขอแบ่งยคุ การเมืองในจงั หวัดยะลาออก เป็นยุคต่างๆ โดยใช้เกณฑ์ท่ีผู้วิจัยคิดค้นขึ้นซ่ึงสอดคล้องกับกรอบใน การศกึ ษาวิเคราะห์ท่ีผวู้ จิ ยั ได้เสนอไวใ้ นบทที่ 2 ดงั น้ี 1. ยุคแรก การเลือกต้ังครั้งแรกหลังเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 - การเลอื กต้ัง พ.ศ. 2488 ยคุ นเ้ี ปน็ ยคุ เรม่ิ ตน้ ของการเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบ เดมิ ทม่ี มี าอยา่ งยาวนานมาเปน็ ระบอบใหม่ ซงึ่ ประชาชนจำ�นวนมากยงั 39

นักการเมอื งถ่ินจังหวัดยะลา ไมม่ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจวา่ ระบอบนที้ ำ�งานอยา่ งไร มกี ลไก กระบวนการ ในการทำ�งานอยา่ งไร 2. ยคุ ทีส่ อง การเลอื กตั้ง พ.ศ. 2489- เหตกุ ารณเ์ ดือนตลุ าคม 2516 ยุคน้ีเป็นยุคท่ีประชาชนในพ้ืนที่ได้ต่อสู้กับผลของนโยบายรัฐ หลังจากจอมพลป. พิบูลสงครามใช้นโยบายรัฐนิยม และต่อเน่ืองจน กระทงั่ ถึงยคุ สมยั จอมพลถนอม กิตตขิ จรและคณะซ่งึ สืบทอดการเมือง ในระบอบพ่อขุนอุปถัมภ์แบบเผด็จการของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จนนำ�มาสู่การเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และนำ�มาสู่การร่าง รัฐธรรมนูญฉบบั ใหม่ พ.ศ. 2517 3. ยุคทีส่ าม การเลือกต้งั พ.ศ.2518-การเลือกต้งั พ.ศ.2522 ยุคนี้เป็นยุคที่นักการเมืองมุสลิมในจังหวัดยะลา ท่ีผ่านระบบ การศกึ ษาไทยเรมิ่ สนใจลงสมคั รรบั เลอื กตงั้ หลงั จากมรี ฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม่ปี 2517 มีการเลือกตั้งครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับน้ีเม่ือวันท่ี 26 มกราคม 2518 4. ยคุ ทีส่ ี่ การเลอื กต้ังพ.ศ. 2526 - การเลอื กตัง้ พ.ศ.2531 ยคุ นเี้ ปน็ ยคุ ทกี่ ารเมอื งในจงั หวดั ยะลาเรมิ่ เปดิ กวา้ ง มผี สู้ นใจลง สมัครรับเลือกต้ังอย่างคึกคักและประชาชนเร่ิมให้ความสนใจการเมือง และใหค้ วามสำ�คัญกับการเลอื กต้ังอยา่ งจรงิ จงั 5. ยุคท่ี 5 ยคุ การเลือกต้ังพ.ศ.2535 – การเลอื กต้งั ปจั จบุ นั ยคุ นเี้ ปน็ ยคุ ทปี่ จั จยั ทางการเงนิ และพรรคการเมอื งเรมิ่ มบี ทบาท ในการเลอื กตัง้ เปน็ อย่างสูงย่ิง 40

การเมืองถนิ่ และนกั การเมืองถิน่ จังหวัดยะลา ยุคแรก การเลือกต้ังครั้งแรก หลังเปล่ยี นแปลงการปกครอง - การเลอื กตงั้ พ.ศ. 2488 ยุคแรกนเ้ี ปน็ ยคุ รุง่ อรุณหรือการเรม่ิ ต้นของระบอบใหม่ ท่เี รยี ก วา่ ระบอบประชาธปิ ไตย เปน็ ระบอบทค่ี นโดยทวั่ ไปยงั ไมร่ จู้ กั และเขา้ ใจ มากนกั วา่ เปน็ อยา่ งไร ยคุ นม้ี สี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทงั้ หมด 2 คน คน หนง่ึ ไดร้ บั การเลอื กตง้ั มาจากการเลอื กตง้ั แบบทางออ้ ม สว่ นอกี คนหนง่ึ มาจากการเลอื กตง้ั โดยตรง รายละเอยี ดมดี งั นี้ นายสงา่ สายศิลป์ (พ.ศ. 2476) ปีพ.ศ. 2476 เป็นปแี รกของการกำ�เนิดนกั การเมืองไทย รวมท้ัง “นกั การเมอื งถนิ่ จงั หวดั ยะลา” ดว้ ยการเลอื กตง้ั ครง้ั แรก ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 ไดก้ ำ�หนดให้มีสภาเดยี ว คือสภา ผู้แทนราษฎรโดยมีสมาชิกจากการแต่งตั้งของคณะราษฎรจำ�นวน 78 คนและมาจากการเลือกต้ังจำ�นวน 78 คน การเลือกตั้งใช้วิธีการ เลือกต้ังทางอ้อม โดยให้ราษฎรเลือกผู้แทนตำ�บลข้ึนมาก่อน แล้วให้ ผแู้ ทนตำ�บลเลือกผแู้ ทนราษฎรข้ึนมา การเลือกต้ังในครั้งแรกของจังหวัดยะลา ได้นายสง่า สายศิลป์ เป็นผ้แู ทนราษฎร จากการค้นประวตั ิพบข้อมูลเพียงสนั้ ๆ ว่ากอ่ นการ เลือกต้ัง นายสง่า มีอาชีพเป็นข้าราชการสังกัดกรมที่ดินและนับถือ ศาสนาพุทธ จึงสันนิษฐานได้ว่า มีความรู้และผูกพันกับคนส่วนใหญ่ ของพ้นื ท่ที ่ีเปน็ มุสลมิ น้อย และได้รบั การเลือกตง้ั เพราะการสนับสนุน 41

นกั การเมอื งถิ่นจังหวดั ยะลา ของกลุม่ อำ�นาจรฐั สว่ นกลางและกลไกของรฐั ในพน้ื ที่ ประกอบกับชาว มลายูมุสลิมในสมัยนั้นยังมีความร้เู กยี่ วกับสงั คมไทยน้อย และแทบจะ ยงั ไมม่ ผี อู้ า่ นออก เขยี นภาษาไทยไดด้ ว้ ย แมก้ ระทง้ั ผทู้ พ่ี ดู ภาษาไทยได้ คล่อง ในหมู่ชาวมลายูมุสลิมในสมัยนั้น ก็มีจำ�นวนไม่มากนัก(ไพศาล ยง่ิ สมาน, สมั ภาษณ)์ จงึ เปน็ สาเหตสุ ว่ นหนง่ึ ทไี่ มม่ กี ารเสนอตวั จากชาว มสุ ลมิ อยา่ งจรงิ จังในการสมัครรบั เลือกตง้ั การเป็นผู้แทนราษฎรของนายสง่า สายศิลป์ หลังการ เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นการเข้าสู่ตำ�แหน่งท่ามกลางความ คาดหวังของประชาชนชาวมุสลิม ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ในพ้ืนท่ีว่าจะได้ รบั ความเสมอภาคจากการปกครองในระบอบใหม่ เปน็ เวลาเกอื บ 4 ปี เตม็ ตง้ั แต่วนั ท่ี 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 จนถึงวันท่ี 7 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2480 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานพอ ที่จะสร้างความรู้สึกผูกพัน ระหว่างความเป็นตัวแทนกับประชาชนผู้ใช้สิทธ์ิเลือกต้ังได้ หรือสร้าง ความรู้สึกพอใจในระบอบใหม่ได้อย่างดี หากผู้ได้รับเลือกเป็นตัวแทน ในคร้ังน้ัน ได้สร้างความผูกพันและมีความเข้าใจต่อความรู้สึก ความ ต้องการ และวถิ ีชีวติ ของผู้ใช้สทิ ธิเลอื กตั้ง แต่เวลาเกือบ 4 ปที ีน่ ายสง่า สายศิลป์ อยใู่ นตำ�แหนง่ ตวั แทนของชาวจังหวัดยะลา การศึกษาครงั้ นี้ ไมพ่ บหลักฐานใด ท่เี ปน็ พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยานบุคคลว่า นายสงา่ ไดส้ รา้ งผลงานไวใ้ นระดบั พน้ื ทห่ี รอื ในระดบั ชาตทิ เ่ี ปน็ อนสุ รณ์ ให้ชาวจงั หวัดยะลาได้ช่ืนชม การไมไ่ ดผ้ กู พนั กบั ผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั หรอื เจา้ ของอำ�นาจของนาย สง่า สายศิลป์ ตัวแทนจากจังหวัดยะลา เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับ ตัวแทนในสมัยเดียวกันของจังหวัดปัตตานีท่ีได้นายแทน วิเศษสมบัติ และจังหวัดนราธิวาสที่ได้นายฤทธ์ิ รัตนศรีสุข(ขุนชาญชำ�นาญภาษา) 42

การเมืองถ่นิ และนักการเมืองถิน่ จังหวัดยะลา เป็นผู้แทนราษฎร การได้มาของตัวแทนอีกสองจังหวัด สันนิษฐานได้ในแนวทาง เดียวกันว่า มาจากการสนับสนุนของอำ�นาจรัฐและระบบราชการหรือ อำ�นาจทอ้ งถนิ่ ในสมยั นน้ั เพราะบคุ คลทง้ั สามลว้ นเปน็ คนไทยทน่ี บั ถอื พุทธศาสนาและเคยอยู่ในระบบราชการเช่นเดียวกัน ย่อมมีความใกล้ ชดิ กบั อำ�นาจรฐั และกลไกของรฐั ในทอ้ งถน่ิ และอกี เหตผุ ลประการหนงึ่ คอื ระบบการเลือกตง้ั ทใ่ี ชร้ ะบบการเลือกทางอ้อม ซึ่งง่ายต่อการชี้นำ� จูงใจ และอีกประเด็นหน่ึงน่าจะเป็นเพราะว่า ในยุคเริ่มต้นของการ เลือกตั้งในสมัยน้ันมีชาวมลายูมุสลิมจำ�นวนน้อยที่สามารถส่ือสารกัน ด้วยภาษาไทย จึงยังไม่มีมุสลิมที่โดดเด่นคนไหนเสนอตัวเพื่อมาเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อกี ทงั้ กอ่ นไดร้ บั การเลอื กตงั้ นายสงา่ สายศลิ ป์ เปน็ ขา้ ราชการ กรมท่ีดินในพื้นที่ซึ่งมีอำ�นาจในการพิจารณาออกหนังสือเอกสารสิทธิ การครอบครองที่ดิน ชาวมลายูมุสลิมจะเรียกเจ้าหน้าที่ท่ีดินอย่าง ยกย่องว่า “รายอตาเนาะห์” หรือ “เจ้าท่ีดิน” ซ่ึงหมายถึงการเป็นผู้มี อำ�นาจในท่ดี นิ เหนอื พวกเขา จากการตรวจสอบฐานขอ้ มลู ของกองทะเบยี น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ไมพ่ บบุคคลใดที่ใช้นามสกุล สายศลิ ป์ ในจังหวัด ยะลาและจงั หวดั ใกลเ้ คยี ง แตจ่ ะปรากฏเปน็ จำ�นวนมากในจงั หวัดภาค อีสาน เช่น ศรีสะเกษ อุดรธานี จึงมีข้อสันนิษฐานได้อีกทางหนึ่งว่า นายสง่า สายศลิ ป์ กอ่ นไดร้ บั การเลอื กตัง้ น่าจะเป็นบุคคลท่ีมีพ้ืนเพมา จากที่อื่นแล้วมาทำ�งานราชการในพื้นที่ มีความใกล้ชิดกับอำ�นาจรัฐ จากส่วนกลางและกลไกของรัฐในพ้ืนท่ี จนนำ�ไปสู่ความได้เปรียบจาก วิธกี ารเลอื กตงั้ ในสมัยน้ัน ที่ใชว้ ธิ ีเลือกตัง้ ทางอ้อม โดยไม่ต้องมีความ 43

นักการเมืองถ่นิ จงั หวัดยะลา ใกล้ชิดหรือความผูกพันกับประชาชนคนส่วนใหญ่ในพื้นที่แต่อย่างใด หรือกล่าวได้ว่าการได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายสง่า สาย ศลิ ป์ ไมต่ อ้ งใช้เงนิ ทุนหรอื กลยุทธ์ในการหาเสยี งกับประชาชนแต่อยา่ ง ใด เพยี งแตใ่ กลช้ ดิ กบั อำ�นาจรฐั จากสว่ นกลางและกลไกรฐั ในพน้ื ที่ กไ็ ด้ รับการเสนอช่ือและได้รับเลือกในที่สุด ซึ่งเป็นแนวทางเร่ิมต้นแบบท่ี อำ�นาจรัฐจากส่วนกลางและหน่วยราชการหนุนหลังผู้สมัครท่ีรัฐเห็น ว่ามีแนวทางเดียวกับความต้องการของรัฐหรือเป็นผู้ที่สามารถเจรจา ตกลงกนั ไดง้ า่ ย วัฒนธรรมของการเลือกตัง้ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาค ใตท้ มี่ อี ำ�นาจรฐั สว่ นกลางสนบั สนนุ ผสู้ มคั รทช่ี นี้ ำ�ไดห้ รอื มคี วามคดิ เหน็ เหมอื นกบั อำ�นาจรฐั สว่ นกลางนจ้ี งึ ดำ�เนนิ มาจนกระทงั่ ถงึ ปจั จบุ นั เพยี ง แต่ไม่ปรากฏหลกั ฐานที่ชัดเจนเทา่ น้นั นายวไิ ล เบญจลกั ษณ์ หรอื นายแวและ เบญอาบชั ร์ (พ.ศ. 2480, 2481) นายวไิ ล เบญจลกั ษณ์ (นายแวและ เบญ็ อาบชั ร)์ หรอื โตะ๊ แวและ ไดแ้ จง้ ประวตั ไิ วก้ บั ทางสภาผแู้ ทนราษฎรวา่ เกดิ เมอื่ วนั ท่ี 5 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2453 ท่อี ำ�เภอเมือง จงั หวัดปัตตานีและจากการสบื ค้นไปยังพื้นที่ อำ�เภอเมอื ง จงั หวดั ปตั ตานี พบวา่ นายแวและ เกดิ ทชี่ มุ ชนบา้ นสะบารงั รมิ แมน่ ้ำ�ปตั ตานี ละแวกโรงเรยี นเบญจมราชทู ศิ ปตั ตานี บดิ า มารดามี อาชพี คา้ ขายทวั่ ไป จบการศกึ ษาชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 (ม.6) จากโรงเรยี น เบญจมราชูทิศ และเป็นมสุ ลมิ 1 ใน 2 คนทีจ่ บชน้ั ม.6 จากโรงเรียนน้ี ในยุคสมยั น้ัน จึงได้เป็นครทู ั้งสองคน เพื่อนของเขานายเจะมะ ไปเปน็ ครูท่ีแปะบุญ อำ�เภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ส่วนนายวิไล เป็นครู 44

การเมืองถ่ินและนกั การเมืองถิ่นจงั หวดั ยะลา ที่ปัตตานี ในขณะท่ีร่ำ�เรียนในโรงเรียนสายสามัญ ทางครอบครัวก็ให้ เรียนทางศาสนาเหมือนเด็กๆ ในหมู่บ้านคนอื่นๆ นายวิไล สามารถ อ่านคัมภรี ์อลั -กรุ อานและมีความรทู้ างศาสนาอยูใ่ นขัน้ ดีคนหนง่ึ อ่าน และเขียนภาษามลายไู ด้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ อยา่ งไรกต็ าม โตะ๊ แวและ เปน็ ครไู ดเ้ พยี ง 2-3 ปกี ล็ าออก เพราะ นสิ ยั ชอบเทย่ี วไปทวั่ และเรมิ่ คา้ ขายเหมอื นครอบครวั ชว่ งเปลยี่ นแปลง การปกครองไดไ้ ปคา้ ขายทจ่ี งั หวดั ยะลา ดา้ นการสง่ ออกววั ไปยงั ประเทศ มาเลเซีย (เจะ๊ กา, สมั ภาษณ์) การสง่ ออกววั ไปยงั ประเทศเพอื่ นบา้ น ไมเ่ พยี งเปน็ การคา้ ทเ่ี ปน็ ฐานทางเศรษฐกจิ ใหก้ บั นายวไิ ลเทา่ นน้ั แตก่ ารคา้ นย้ี งั ทำ�ใหเ้ ขามคี วาม สัมพันธ์อันดีกับคนหลายกลุ่มในสังคม ซ่ึงส่งผลในทางบวกต่ออนาคต ทางการเมืองของเขาในเวลาต่อมา “การส่งวัวไปมาเลเซียของนายวิไลรับจากพ่อผม ซึ่งสั่งมาจาก ทางภาคอีสานเป็นต้ๆู รถไฟ พ่อผมเป็นอดตี นายอำ�เภอรามัน อำ�เภอ ใหญท่ สี่ ำ�คญั มากของยะลาในยคุ นนั้ วไิ ลเหมาเปน็ ฝงู ใหญต่ อ้ นออกทาง อำ�เภอเบตง พ่อผมเล่าวา่ เดมิ ชือ่ นายแวและ ตอนนัน้ อายยุ งั ไมถ่ ึง 25 รูปหล่อ ตัวสูง แบบที่ฝรั่งบอกว่า ดากทอล แอนด์ แฮนซั่ม พูดไทย ชดั เจนมาก พดู แลว้ มเี สนห่ ์ ลงิ หลบั สาวปลมื้ นอกจากคา้ ววั พอ่ ผมแลว้ ยังเอาขา้ วสารของพวกคนจนี ในยะลาไปขายมาเลย์ด้วย กวา้ งขวางท้ัง ในหมพู่ วกแขกมลายู คนไทย และคนจีนทุกกล่มุ เลย คณุ คดิ ดูกแ็ ล้วกัน สามารถกล่อมให้หลวงปรีชา ลูกพ่ีพ่อผม พ่อเป็นนายอำ�เภอ หลวง ปรีชาเป็นผู้ว่า พ่อผมใหญ่แล้วในสมัยนั้น หลวงปรีชา คุณอาจจะไม่ ทราบชดั ว่าเปน็ ใคร ถา้ บอกว่าเปน็ พวกนามสกลุ “สขุ ุม” ทีเ่ ปน็ ตระกูล 45

นกั การเมอื งถน่ิ จังหวดั ยะลา ท่บี อกวา่ ได้รับมอบหมายใหม้ าจัดการกับเจา้ แขกเจ็ดหัวเมอื ง คงชัดขน้ึ หลวงปรชี าเป็นคนในตระกูลสขุ มุ นายวิไลยงั สามารถกลอ่ มให้เอาบ้าน ทอ่ี ยเู่ ปน็ หลกั ประกนั ใหต้ วั เองไดถ้ งึ 60,000 บาท หกหมนื่ กอ่ นสงคราม ญี่ปนุ่ ท่เี รายังใช้สตางคร์ ู วนั นีจ้ ะเทา่ ไหร่ (สนั ทดั นวลสกุล, สมั ภาษณ์) จากข้อมูลการเป็นพ่อค้าวัวและพ่อค้าข้าวสารของนายวิไล ที่ ทำ�ใหร้ ้จู กั ผู้คนอย่างกว้างขวางดงั ทีไ่ ดก้ ล่าวมาข้างตน้ น่าจะเป็นปจั จยั หน่ึงท่ีสำ�คัญที่ทำ�ให้เขาได้รับความไว้วางใจให้ดำ�รงตำ�แหน่งสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร จากวันเดือน ปี เกิดที่ระบุ จนถึงวันได้รับการเลือกตั้งคร้ังแรก เมื่อวันที่ 7 พฤศจกิ ายน 2480 นายแวและ เบญอาบัชร์ มีอายุเพยี ง 27 ปีเท่าน้ันในการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก นับว่าเป็น อีกผู้หนงึ่ ท่ีก้าวเข้าสูเ่ วทีการเมืองต้งั แต่อายยุ ังน้อย กอ่ นไดร้ บั การเลอื กต้งั นายแวและ เบญอาบัชร์ เพ่ิงจะโยกยา้ ย มาจากบา้ นเกดิ ในจงั หวดั ปัตตานี หลงั ปกี ารเปล่ียนแปลงการปกครอง เพื่อมาทำ�หน้าที่เป็นลา่ มภาษาไทย-มลายแู ละค้าขายไปดว้ ยในจังหวัด ยะลา ประชาชนชาวมลายมู สุ ลมิ ในจงั หวดั ยะลา หลงั การเปลยี่ นแปลง การปกครองในสมยั นั้น เหมอื นชาวมลายูมุสลมิ ในจงั หวดั ปัตตานี และ นราธวิ าส ทต่ี า่ งกร็ อคอย วนั ทจ่ี ะไดร้ บั สทิ ธใิ นฐานะทเี่ ปน็ พลเมอื งสยาม ในระบอบประชาธปิ ไตย การเลอื กตง้ั ทมี่ ผี เู้ สนอตวั เขา้ แขง่ ขนั โดยมชี าว มุสลิมครงั้ แรกจึงไดร้ ับการต้อนรับอยา่ งกว้างขวาง ในพน้ื ท่ี 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ผสู้ มคั รทเ่ี ปน็ ชาวมสุ ลมิ ตา่ งกไ็ ดร้ บั การเลอื กตงั้ โดยใน จงั หวดั ปตั ตานีได้พระพพิ ิธภกั ดี (กมู กุ ดา อับดุลบตุ ร) จงั หวัดนราธวิ าส 46

การเมอื งถิน่ และนักการเมอื งถ่นิ จังหวัดยะลา ไดน้ ายตวนกู อับดุลยาลาล นาเซ (อดุลย์ ณ.สายบรุ )ี เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร นายแวและ เบญอาบัชร์ ได้ใชน้ โยบายชาตนิ ยิ มมลายูมุสลิมใน การหาเสยี งและสรา้ งความหวงั เรอื่ งบมู ปี ตุ รา (ภมู บิ ตุ ร) ใหแ้ กป่ ระชาชน ผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ทเ่ี ปน็ มลายมู สุ ลมิ (อบั ดลุ เลาะห์ มาสมนั ต,์ สมั ภาษณ)์ ซ่ึงชาตินิยมของนายแวและ ย่อมแตกต่าง ไม่ได้เป็นไปในความหมาย เดียวกันกับของรัฐในยุคสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่มีมา ก่อนนั้นหรือกำ�ลังรณรงค์ในขณะนั้น จึงเป็นท่ียอมรับของประชาชน ชาวมลายยู ะลาอยา่ งลน้ หลาม ในขณะทกี่ ลมุ่ ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ทไี่ มใ่ ชช่ าว มลายมู สุ ลมิ นายแวและหาเสยี งผา่ นพอ่ คา้ และกลมุ่ ผมู้ อี ำ�นาจในสงั คม ยะลาทีต่ ัวเองสนิทสนม (สันทดั นวลสกุล, สัมภาษณ)์ หลงั จากทไี่ ดร้ บั การเลอื กตงั้ ตงั้ แตค่ รง้ั แรก นายแวและไดท้ ำ�ตาม นโยบายที่ได้หาเสียงไว้ โดยการจัดหาพ้ืนท่ีว่างในจังหวัดยะลา ให้แก่ ชาวมลายมู สุ ลมิ จากปตั ตานี ไดโ้ ยกยา้ ยเขา้ มาเปน็ เจา้ ของทดี่ นิ ในตำ�บล ปะแต เขตอำ�เภอยะหา (อับดลุ เลาะห์ มาสมนั ต์, สมั ภาษณ)์ ในขณะ เดียวกันได้สนองและประสานกับความต้องการของกลุ่มอำ�นาจท่ีไม่ใช่ ชาวมลายมู สุ ลมิ ในทอ้ งถน่ิ อยา่ งสม่ำ�เสมอ (สนั ทดั นวลสกลุ , สมั ภาษณ)์ จากนโยบายชาตินิยมของนายแวและ เบญอาบชั ร์ ในวัยหน่มุ ฉกรรจ์ อายุเพียง 27 ปี บวกกับความสามารถในการปราศรัยภาษา มลายูท่ีเข้าถึงความรู้สึกของประชาชนย่อมทำ�ให้ประชาชนชาวมลายู มุสลิม ซึ่งเพ่ิงจะผ่านเข้ามาในระบอบที่ทางการโฆษณาว่าเป็นระบอบ ของราษฎรทุกคน มีความรู้สึกภูมิใจในความเป็นมาของมาตุภูมิมลายู ของตน ตลอดจนความเปน็ เจา้ ของแผน่ ดนิ บ้านเกิด ความรสู้ ึกนไี้ ดร้ ับ การตอกย้ำ�ผา่ นการหาเสยี งเลอื กตงั้ อกี ครง้ั ในปพี .ศ. 2481 และยาวนาน 47

นักการเมืองถนิ่ จงั หวดั ยะลา ตลอดสมยั ของการเป็นสมาชิกสภาผ้แู ทนของนายแวและ จากคำ�บอกเล่าต่อๆ กันมาถึงประเด็นการหาเสียงของนายแว และในครง้ั น้นั จงึ สนั นษิ ฐานไดว้ ่า ความคิดชาตนิ ยิ มในการหาเสียงใน ครง้ั นน้ั ไดต้ กทอดมาเปน็ สว่ นหนง่ึ ของสำ�นกึ ทางการเมอื งของชาวมลายู มสุ ลิมในจังหวดั ยะลาจนถึงปัจจุบนั นโยบายชาตินิยมและสำ�นึกมาตุภูมิ เป็นกลยุทธ์หลักของการ หาเสียงของนายแวและ เบญอาบัชร์ ในการเลือกตั้งท้ังสองคร้ัง โดย อาศัยความคาดหวังท่ีประชาชนชาวมุสลิมรอคอยผลท่ีจะได้รับจาก ระบอบการปกครองสมยั ใหม่ ทเี่ พงิ่ จะนำ�มาใชห้ ลงั จากทปี่ ระชาชนชาว มลายใู นพนื้ ท่ี ไดต้ อ่ สกู้ บั การเปลยี่ นแปลงทางสงั คมอยา่ งขนานใหญม่ า ตัง้ แต่สมัยปฏิรปู ประเทศในสมัยรชั กาลท่ี 5 จนถงึ ยคุ การเปลย่ี นแปลง การปกครองพ.ศ. 2475 การได้รบั การเลือกตง้ั ของนายแวและ เบญอาบชั ร์ เปน็ ชัยชนะ จากการเลือกตั้งโดยตรงเป็นคร้ังแรก และเป็นการเลือกตั้งจากการ คาดหวงั ของประชาชนสว่ นใหญใ่ นพนื้ ทที่ เี่ ปน็ ชาวมลายมู สุ ลมิ ทรี่ อคอย ระบอบใหม่ จึงพร้อมใจกันสนับสนุนผู้สมัครที่เป็นชาวมุสลิมที่มี นโยบายสอดคล้องกับความรู้สึกที่รอคอย การตัดสินใจของประชาชน จึงนา่ จะเปน็ ฉนั ทามตทิ ่คี ่อนข้างจะเปน็ ไปอย่างธรรมชาติ โดยกล่มุ คน มสุ ลมิ พรอ้ มใจกนั สนบั สนนุ ดว้ ยการชกั ชวนกนั ไปลงคะแนนในหลายๆ โอกาส เช่น เม่ือมีการอ่านคุตเบาะฮ์หรือบรรยายธรรมก่อนทำ�พิธี ละหมาดเที่ยงวันศุกร์ หรือหลังเวลาละหมาดช่วงกลางคืนตามมัสยิด ตา่ งๆ หรอื บอกเลา่ ปากตอ่ ปากเมอื่ พบปะกนั ในงานบญุ ประเพณตี า่ งๆ ในสมัยน้ัน “หัวคะแนน” ในความหมายท่ีหมายถึงตัวบุคคลผู้ ใกล้ชดิ กบั นักการเมือง ซง่ึ เปน็ ผูร้ วบรวมผูม้ สี ทิ ธอิ อกเสยี งเลือกตัง้ กลมุ่ หนงึ่ ใหม้ าอยใู่ นกลมุ่ ของตน เพอ่ื สนบั สนนุ ผสู้ มคั รคนใดคนหนง่ึ อยา่ งใน 48

การเมอื งถ่นิ และนักการเมอื งถนิ่ จังหวดั ยะลา ปจั จบุ นั ยงั ไมม่ ลี กั ษณะเดน่ ชดั จะมกี แ็ ตเ่ พยี งกลมุ่ คนทรี่ จู้ กั และเหน็ ดว้ ย กบั การลงสมคั รรับเลอื กตั้งของผู้สมคั รนนั้ ๆ แลว้ อาสาเขา้ ไปชว่ ยเหลือ ในการหาเสียง คนกลมุ่ นีอ้ าจจะเร่มิ จากหมญู่ าตมิ ติ ร เพ่ือนฝงู ผู้ใกลช้ ิด และผชู้ นื่ ชอบในการปราศรยั หาเสยี งหรอื อธั ยาศยั ไมตรขี องผสู้ มคั ร หรอื กล่มุ อำ�นาจทหี่ วังจะไดผ้ ลประโยชนจ์ ากตำ�แหน่งส.ส. การหาเสยี งในสมยั นน้ั โดยเฉพาะในสงั คมมสุ ลมิ นอกจากจะทำ� ในมัสยดิ สถานที่ประกอบศาสนพธิ ีแล้ว ยงั มกี ารหาเสียงในงานรน่ื เริง แสดงความยนิ ดใี นโอกาสตา่ งๆ ทเี่ รยี กกนั ในพนื้ ทว่ี า่ ”มาแกปโู ละ๊ ” หรอื งานกนิ เหนยี ว การจดั เวทปี ราศรยั เฉพาะเพอ่ื หาเสยี ง หรอื จดั มหรสพยงั ไม่เกดิ ขนึ้ ในพน้ื ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การหาเสยี งในงานศพกไ็ ม่ ปรากฏว่ามใี นพื้นทีเ่ ชน่ กนั สว่ นเงนิ ทนุ ทใี่ ชใ้ นการเลอื กตง้ั นน้ั จากการบอกเลา่ ของผสู้ งู อายุ วา่ ชว่ งทใี่ ช้สตางค์รู ซ่ึงตรงกับชว่ งเลอื กตั้งในครง้ั นนั้ ตามหมบู่ า้ นตา่ งๆ ไมค่ อ่ ยไดเ้ หน็ เงนิ และไมม่ กี ารใชเ้ งนิ ผสู้ มคั รทเ่ี ดนิ ทางเขา้ หมบู่ า้ น กจ็ ะพกั ค้างคืนท่ีบ้านของผู้นำ�ในหมู่บา้ น เชน่ โตะ๊ อิหมา่ ม กำ�นัน ผใู้ หญบ่ า้ น หรือผู้นำ�ธรรมชาติท่ีเรียกกันในภาษามลายูท้องถ่ินว่า “โต๊ะกาแดแบ” (ผู้กวา้ งขวางเปน็ ทเี่ คารพนับถอื ของคนทว่ั ไป-ผวู้ จิ ัย) เพอ่ื ถามสารทกุ ข์ สุขดิบ โอภาปราศรัย ฝากเน้ือฝากตัว ให้พี่น้องประชาชนในละแวก น้นั ๆ ลงคะแนนเลอื กตัง้ โดยไม่มีการเลยี้ งดูหรอื ใหส้ ิ่งของแต่อย่างใด สอดคลอ้ งกบั คำ�บอกเลา่ ของนายสดั ทดั นวลสกลุ ทก่ี ลา่ วถงึ บรรยากาศ การหาเสยี งในจังหวัดยะลาวา่ เงนิ ยงั ไมใ่ ชป่ จั จยั สำ�คัญในการเลือกตง้ั การเดนิ ทางเขา้ หมบู่ า้ นของผสู้ มคั รเกอื บทกุ พน้ื ทตี่ อ้ งใชว้ ธิ เี ดนิ เท้า แต่บางพน้ื ท่ใี นจงั หวดั ยะลาสมยั น้ัน ผู้สมัครอาจจะใชช้ า้ ง เพราะ เป็นพาหนะท่ีมีอยู่ทั่วไปในพ้ืนที่ ค่าใช้จ่ายหลักๆ ของผู้สมัคร จึง 49

นกั การเมืองถ่นิ จงั หวดั ยะลา สันนิษฐานได้ว่าน่าจะเป็นค่าอาหารที่นำ�ไปบริโภคในหมู่บ้าน ค่าจ้าง พาหนะ เช่นช้าง ม้า หรือรถจ๊ิป เป็นต้น ยังไม่มีเบ้ียเล้ียงหรือค่าจ้าง คณะทำ�งานอย่างในปัจจบุ นั การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่หนึ่งเมื่อ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2480 ของนายแวและ เบญอาบัชร์ สน้ิ สดุ ลง เม่ือรฐั บาล ประกาศยุบสภาเม่ือวันที่ 11 กันยายน 2481 และประกาศให้มีการ เลอื กตงั้ ใหม่ในวันท่ี 12 พฤศจกิ ายน 2481 และนายแวและได้กลับเขา้ มาเป็นส.ส.ยะลาสมยั ทีส่ อง เปน็ สมัยทีส่ มาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรอยู่ใน ตำ�แหนง่ ยาวนานกวา่ สมัยละ 4 ปี เนื่องจากมกี ารตอ่ อายุสมาชกิ สภา ผ้แู ทนราษฎรอนั เนือ่ งมาจากสงครามโลกครงั้ ที่สอง นายวิไล เบญจลักษณต์ ้องกลบั ไปสมัครรบั เลือกต้งั เป็นสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรในสมยั ตอ่ มา (พ.ศ. 2489) ทบ่ี า้ นเกดิ ในจงั หวดั ปตั ตานี โดยจำ�ใจต้องทิ้งพืน้ ทจี่ งั หวัดยะลา ท้ังๆ ทม่ี ีภารกจิ ทจ่ี ะตอ้ งสรา้ งขวญั กำ�ลังใจให้ประชาชนให้เข้มแข็งมากข้ึน และประชาชนชาวมุสลิมยัง ต้องการให้เขาเป็นผู้นำ�อยู่ แต่นายวิไลมีความขัดแย้งกับชนช้ันนำ�ใน สงั คมยะลา ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม แต่มอี ำ�นาจชเ้ี ปน็ ชตี้ ายในสงั คมได้ และ เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินและเสียงในหมู่ประชาชนท่ีไม่ใช่มุสลิมให้ แก่นายวิไลตั้งแต่ช่วงที่เขาเริ่มเข้ามาใช้ชีวิตในจังหวัดยะลา เช่น พระ ปรีชา พระสมาน ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เพราะช่วงท่ีนายวิไลเป็น ส.ส. มีการเดินขบวนประทว้ งตา่ งๆ ในปัตตานีหลายคร้งั ผู้เดนิ ขบวน ประท้วงส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่อพยพมาจากอำ�เภอรามัน จังหวัด ยะลา เพราะเมอื งรามนั ประชาชนยงั มอี ารมณค์ กุ รนุ่ ในกรณตี ว่ นลอื เบะห์ ลงรายา เจ้าเมอื งรามันถกู จบั หายตัวไปเหมือนกรณหี ะยีสหุ ลงหายไป ในเวลาตอ่ มา การประทว้ งกำ�กบั โดยนายวไิ ล แทนทน่ี ายวไิ ลจะเปน็ ฝา่ ย 50

การเมืองถิ่นและนกั การเมอื งถน่ิ จงั หวดั ยะลา หา้ มปราม (สันทดั นวลสกุล, สัมภาษณ)์ ข้อมูลจากความทรงจำ�ของนายสันทัด นวลสกุล ผู้อาวุโสของ เมืองยะลาท่มี ีบดิ าเป็นนายอำ�เภอรามันสมยั น้ันยงั บอกอีกวา่ “สมยั นนั้ คลน่ื ประชาชนรวมตวั กนั ตง้ั แตส่ ะเตง (หมายถงึ ตวั เมอื ง เก่าของยะลา-ผู้วิจยั ) จนถึงทางรถไฟเต็มไปหมด มีทง้ั เกวียนเทียมววั เทยี มควาย ชา้ งขบวนสบิ ๆ เชือก มา้ คน เดนิ เทา้ เปล่ายาวเหยียดไป หมด เวลาเดนิ ทางกลางคืนจะสวา่ งไปดว้ ยแสงไต้เต็มไปทวั่ เปา้ คือพบ กันทีป่ ัตตานี” ...การกลับไปสมัครส.ส.ท่ีบ้านเกิดของนายวิไล เป็นไปอย่าง กะทันหันโดยไม่มีการวางแผนมาก่อนเพราะแรงกดดันจากผู้สนับสนุน ในตัวเมืองยะลา จนเขา้ ตัวเมอื งยะลาไม่ได้ อย่าวา่ จะสมัครผู้แทนเลย ทำ�ให้พ่ายแพ้ไปกับการเลือกตั้งในบา้ นตัวเอง” นายวิไล เบญจลักษณ์ เป็น ส.ส.อีกเพียงสมัยเดียวท่ีบ้านเกิด ปัตตานีเม่ือคร้ังสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกต้ังปี พ.ศ. 2512 การเข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นเพราะการชักชวนของ พลเรอื ตรที หาร ขำ�หิรญั อดตี เพอื่ นร่วมคุกลาดยาว นายวไิ ลถูกจบั กมุ สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นการจับกุมผู้ท่ีมีความคิดเห็นทาง การเมืองที่แตกต่างจากอำ�นาจรัฐ ในสมัยที่จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ ครองอำ�นาจในปี 2501 มนี กั การเมอื ง นกั หนงั สอื พมิ พ์ และปญั ญาชน ถูกจับกุมมากมาย เช่น นายฟอง สิทธิธรรม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายแคล้ว นรปติ นายประเสริฐ ทรพั ยส์ นุ ทร นายทองใบ ทองเปาด์ นายจิตร ภมู ศิ กั ด์ิ 51

นกั การเมอื งถ่นิ จังหวดั ยะลา เป็นต้น และมีเพ่ือนร่วมคุกท่ีน่าสนใจสำ�หรับผู้สนใจบทบาทของ นายวิไล ในปัตตานีท่านหนึ่งคือ อดีต ส.ส.ปัตตานี ท่ีเป็นชาวพุทธ ซึ่งเป็นท่ีรักและไว้วางใจของชาวมลายูมุสลิมและเป็นปิยมิตรของ นายหะยสี ุหลง โต๊ะมนี า คอื นายแพทยเ์ จริญ สืบแสง อดีตประธาน กรรมาธกิ ารสนั ตภิ าพแหง่ ประเทศไทย ไมป่ รากฏเอกสาร หลกั ฐานใดๆ ท่ีบอกว่านายวิไลมีบทบาทอะไรในคุกลาดยาว แต่ผู้วิจัยเช่ือว่า การได้รวมกลุ่มกับกลุ่มคนที่มีศักยภาพในหลายๆ ด้านในสมัยน้ัน ของนายวไิ ล ย่อมจะมีประโยชนต์ ่อสังคมมลายไู ดบ้ ้าง นายวิไลออกจากคุกลาดยาวช่วงปี พ.ศ. 2509 หลังจาก น้ันจอมพลถนอม กิตติขจรนายกรัฐมนตรีในสมัยน้ันได้ประกาศใช้ รฐั ธรรมนญู ในปี พ.ศ. 2511 และกลุม่ อำ�นาจในสมัยนนั้ ไดก้ อ่ ตั้งพรรค สหประชาไทยขึ้นเพ่ือรวบรวมกลุ่มนักการเมืองท้ังเก่าและใหม่ให้เข้า สังกดั แต่นายวิไลเลอื กทจ่ี ะรว่ มงานกับพรรคประชาธปิ ตั ย์ การปฏเิ สธ พรรคสหประชาไทยของกลมุ่ จอมพลถนอม จอมพลประภาสทมี่ อี ำ�นาจ มากในสมัยนั้น แต่หันมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ทำ�ให้นายวิไลได้ บำ�เหนจ็ ตอบแทนเปน็ กรรมการบรษิ ทั สามคั คคี า้ สตั ว์ บรษิ ทั โรงฆา่ สตั ว์ ของเทศบาลนครกรุงเทพฯ ท่พี รรคประชาธิปตั ย์มอี ำ�นาจอยู่ จนมีการ ลอ้ เลยี นวา่ นายวไิ ลเป็นแขกแตต่ ้องขายหมู (ดรู ายละเอียด สาส์นจาก พรรคประชาธปิ ัตย์ช่วงปี 2512- 2514) นายวิไล เบญจลักษณ์ ไม่มีทายาททางการเมือง แม้ว่าเขามี บุตรสาว 1 คน กับภรรยาคนแรกซ่ึงแตง่ งานหลังไดร้ ับการเลอื กตัง้ สมยั แรกเปน็ ลูกสาวเศรษฐีเจ้าของโรงแรมหลงั แรกของจังหวดั นราธวิ าส แต่ ตอ่ มานายวไิ ลแยกทางกบั ภรรยา ลกู กไ็ มเ่ คยตดิ ตอ่ กบั ญาตๆิ ในปตั ตานี เลย เราอาจจะเคยเหน็ ผู้ทีใ่ ช้นามสกลุ เบญจลักษณ์ หรอื เบญ็ อาบชั ร์ใน 52

การเมืองถิน่ และนกั การเมืองถน่ิ จังหวัดยะลา สนามเลือกตั้งท้องถนิ่ ในปัตตานี แตน่ ่นั เปน็ ลกู ของพี่หรือนอ้ ง หรอื ใน ร่นุ ตอ่ มาเป็นลูกของหลาน (เจะ๊ กา, สัมภาษณ)์ ตามข้อสันนิษฐานจากภาวะแวดล้อมในสมัยนั้นทำ�ให้เชื่อได้ว่า การเขา้ สตู่ ำ�แหนง่ เพอ่ื เปน็ ส.ส.ของจงั หวัดยะลาของนายวิไล นอกจาก การลงคะแนนของชาวมสุ ลิมแล้ว อำ�นาจการสนบั สนนุ ของกลมุ่ พลังท่ี ไมใ่ ช่มสุ ลิมทีใ่ หค้ วามใกลช้ ดิ สนับสนุนกบั นายวิไล ตงั้ แตค่ รง้ั แรกท่ีนาย วไิ ลเขา้ มายงั เมอื งยะลา มสี ว่ นกำ�หนดเปน็ อยา่ งสงู การสนบั สนนุ จะยงั คงมีอยู่หากข้อตกลงและผลประโยชน์ที่กลุ่มพลังคาดหวังหรือกำ�หนด ยงั คงไมเ่ ปลี่ยนแปลง โครงสร้างประชากรของจังหวัดยะลา สดั สว่ นของชาวมสุ ลิมต่อ ประชากรทน่ี บั ถอื ศาสนาพทุ ธแตกตา่ งจากจงั หวดั ปตั ตานแี ละนราธวิ าส ท้ังนี้เป็นผลมาจากนโยบายดุลประชากรท่ีมีการอพยพประชาชนท่ีมิใช่ มุสลิมท่ีมีมาต้ังแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เรื่อยมาจนกระท่ังถึงสมัยจอมพล สฤษด์ิ ธนะรชั ต์ ย่ิงในสมยั เปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ๆ ประชาชน ชาวมุสลิมเกือบท้ังหมดในจังหวัดยะลาจะอยู่ในหมู่บ้าน ตำ�บลท่ีอยู่ ในเขตทุรกันดาร ไม่รู้หนังสือไทย พูดภาษาไทยไม่ได้ ไม่กระตือรือร้น ทางสังคมเท่าประชาชนที่ไม่ใช่มุสลิม แม้ว่าชาวมลายูมุสลิมต้องการ จะเปล่ียนแปลงก็ตาม ในขณะท่ีประชากรท่ีไม่ใช่มุสลิมจะอาศัยอยู่ใน ตัวเมือง รู้หนังสือไทย ส่ือสารภาษาไทยได้ ใกล้ชิดศูนย์กลางอำ�นาจ มากกวา่ รขู้ อ้ มูลข่าวสารมากกวา่ ชัยชนะจากการเลือกต้งั 2 ครง้ั ใน จังหวัดยะลาในยุคเร่ิมต้นประชาธิปไตยของนายวิไลจึงเช่ือได้ว่าเกิด จากแรงสนับสนุนของกลุ่มอำ�นาจที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมด้วยเป็นอย่างสูง เมื่อกลุ่มอำ�นาจกลุ่มนี้เลิกให้การสนับสนุนแล้วหันไปสนับสนุนผู้สมัคร ที่มีชาติพันธ์และวัฒนธรรมเดียวกัน ทำ�ให้นายวิไลต้องทิ้งพื้นที่ยะลา 53

นกั การเมอื งถน่ิ จงั หวดั ยะลา โดยเลือกท่ีจะกลับไปสมัครท่ีจังหวัดบ้านเกิดอย่างรีบเร่งไม่ได้มีการ เตรียมการท่ีดพี อ การไม่ได้เตรียมตัวสำ�หรับพ้ืนที่บ้านเกิดที่ปัตตานี ยืนยันได้ จากคำ�พูดของนายเจ๊ะกา ผูเ้ ฒ่ารว่ มสมยั กับนายวไิ ลทีต่ อบคำ�ถามของ ผู้วิจัยว่า ทราบหรือไม่ว่าทำ�ไมโต๊ะแวและย้ายออกจากยะลา กลับมา สมคั ร ส.ส. ที่ปัตตานี “ตอนนน้ั ผมไมท่ ราบแนช่ ดั เหมอื นกนั ผมยงั เปน็ เดก็ อยู่ แตเ่ ปน็ เด็กโตแล้วจำ�เกือบทุกเรื่องได้ อยู่บ้านใกล้กันจึงคุ้นเคยกับญาติโต๊ะแว และทกุ คน ญาติโต๊ะแวและกแ็ ปลกใจเหมือนกันทเ่ี ขากลับมาบอกญาติ วา่ จะกลบั มาสมคั รส.ส.ปตั ตานอี ยา่ งกะทนั หนั ใกลๆ้ กบั ชว่ งเลอื กผแู้ ทน กลับมาคร้ังแรกกแ็ พข้ ุนเจริญ (นายแพทยเ์ จริญ สบื แสง-ผวู้ จิ ัย) สนั นษิ ฐานวา่ กลบั มาโดยไมไ่ ดเ้ ตรยี มตวั เลย ชาวปตั ตานสี มยั นน้ั รู้กันทวั่ วา่ โต๊ะเยาะหลง (นายหะยสี ุหลง อับดุลการ์เด โต๊ะมนี า-ผู้วิจัย) สนบั สนนุ ขุนเจริญ โต๊ะแวและกลบั มาแบบกะทนั หันเลยไม่ได้เสียงจาก สายศาสนามากนกั เลยแพเ้ ลอื กตงั้ เมอื่ กลบั มาสมคั รทบี่ า้ นเกดิ ครงั้ แรก” แต่เมอื่ การเมอื งเขม้ ข้นมากขนึ้ มีการใชเ้ งนิ เปน็ ปัจจัยสำ�คญั ใน การเลอื กต้ังมากข้ึน ในระยะหลังของการเลือกตง้ั นายวไิ ลกเ็ ขา้ สวู่ งจร ของการ “แจก” ในการเลอื กตัง้ จนมตี ำ�นานการแจกโรตมี ะตะบะ ดัง ลือล่ันไปท่ัว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนแถวศรีสะเกษสมัยน้ันที่ แจกปลาทูเคม็ (พีระยศ ราฮีมมลู า, สมั ภาษณ์) ก่อนจะชนะการเลือกต้ังในปีการเลือกต้ัง 2512 นายวิไลได้ ลงสมัครรับเลือกต้ังเป็น ส.ส. อีกหลายครั้งแต่ไม่ประสบความสำ�เร็จ กลยทุ ธท์ นี่ ายวิไลนำ�เสนอในปตั ตานีคอื การนำ�เอกลกั ษณ์ทางศาสนา 54

การเมืองถนิ่ และนักการเมอื งถนิ่ จงั หวัดยะลา อสิ ลามมาใชใ้ นทางการเมอื ง เชน่ การอำ�นวยความสะดวกแกผ่ ปู้ ระสงค์ จะเดินทางไปประกอบศาสนกิจแสวงบุญยังนครเมกกะ ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย การอ่านคัมภีร์อัล-กุรอานในงานมงคลด้วยเสียง ไพเราะของตัวเองท่ีมีดีกรีถึงข้ันเป็นกอรี (ผู้อ่านคัมภีร์อัล-กุรอานด้วย เสยี งอันไพเราะ ถูกหลักภาษาอาหรับ ทง้ั เสียงและท่วงทำ�นอง-ผูว้ จิ ัย) เพื่อเป็นการใกล้ชิดประชาชน บ้ันปลายชีวิตของนายวิไล เบญจลักษณ์ถึงแก่กรรมท่ีบ้านหลัง สุดท้ายซ่ึงต้ังอยู่ริมแม่นำ้ �ปัตตานี ข้างสะพานเดชานุชิตคนละฝั่งกับ ละแวกบ้านเกิดทีส่ ะบารัง หลงั จากจอมพลถนอม กติ ติขจรรฐั ประหาร ตัวเองไมน่ าน ควรบันทกึ เพ่ิมเติมไว้ด้วยวา่ แมน้ ายแวและ เบ็นอาบสั (เขียน ตามตัวสะกดด้ังเดิมก่อนสมัยรัฐนิยม) จะเป็นคนที่มีสำ�นึกชาตินิยม มลายสู งู แตด่ ว้ ยแรงกดดนั ของนโยบายรฐั นยิ มอยา่ งเขม้ ขน้ ของจอมพล ป.พบิ ลู สงคราม ทำ�ใหเ้ ขาตอ้ งเปลย่ี นชอ่ื เปน็ นายวไิ ล เบญจลกั ษณ์ ดว้ ย ความจำ�เป็น ยคุ ทสี่ อง การเลอื กตง้ั พ.ศ 2489 - เหตกุ ารณ์เดอื นตุลาคม 2516 ยุคท่ีสองน้ีเป็นยุคท่ีความคิดทางการเมือง พฤติกรรมทาง การเมืองของประชาชนจังหวัดยะลาและนักการเมืองในจังหวัดยะลา ไมไ่ ดม้ กี ารพฒั นาหรอื เปลย่ี นแปลงมาเปน็ เวลายาวนาน ยคุ นม้ี นี กั การเมอื ง ผลดั เปลีย่ นเขา้ มามตี ำ�แหน่ง 3 คน 1 ใน 3 อยู่ในตำ�แหน่งถึง 3 สมยั และ 2 ใน 3 ข้ามยคุ ของตัวเองไปสู่ยุคท่สี าม ซึ่งเปน็ ยคุ ทป่ี ระชาชนผู้มี 55

นกั การเมอื งถ่ินจังหวัดยะลา สทิ ธิเลอื กตงั้ มีความคิดทางการเมืองและพฤตกิ รรมกรรมทางการเมือง เปล่ยี นไปตามกระแสสงั คมที่มอี งคค์ วามรใู้ หม่ๆ แลว้ แตต่ ัว ส.ส.นา่ จะ ยงั คงไมเ่ ปลีย่ นแปลงตนเองตามไปด้วย รายละเอยี ดมีดังนี้ นายประสาท ไชยะโท (พ.ศ. 2489, 2495 ,2500/1 ,2518) การเข้าสู่ตำ�แหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายประสาท ไชยะโท ในจังหวัดยะลา นับว่าเป็นเรื่องท่ีน่าศึกษาอย่างยิ่งอีกกรณี หนึง่ เนอ่ื งจากว่า เป็นชัยชนะของผู้สมคั รทีม่ ิใช่ชาวมุสลมิ ในสังคมท่ีมี มสุ ลมิ เปน็ คนสว่ นใหญ่ และเกดิ ขน้ึ หลงั จากสงั คมมลายมู สุ ลมิ ในจงั หวดั ยะลา ไดล้ มิ้ รสบทบาทของตวั แทนทเ่ี ปน็ ชาวมสุ ลมิ ดว้ ยกนั มาระยะหนง่ึ แล้ว และเป็นชัยชนะที่เกดิ ขน้ึ หลงั จากสงั คมมลายูมุสลมิ ใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันต่อสู้กับนโยบายรัฐนิยมและนโยบายผสม กลมกลนื เพ่อื “ความเปน็ ไทย” ของรฐั บาลอยา่ งเข้มขน้ อกี ดว้ ย นายประสาท ไชยะโท เป็นพุทธศาสนิกชน อาชีพก่อนที่จะ สมคั รเปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เปน็ พอ่ คา้ รา้ นขายของชำ� รา้ นขาย ยา และผู้แทนจำ�หนา่ ยยา ซึ่งสงั่ ยามาจากปีนัง ประเทศมาเลเซียและ กรุงเทพฯมาขายท่ีจังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียง ต่อมาเปิดคลินิก รกั ษาคนไขช้ ื่อ “นบิ ง คลนิ ิก” เพือ่ รักษาผู้มีรายไดน้ อ้ ย (นายประสทิ ธ์ ไชยะโท, สมั ภาษณ)์ พน้ื เพเดมิ ของนายประสาทเปน็ ชาวจงั หวดั ปตั ตานี เป็นลูกพ่อค้าในตลาดปัตตานีหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมและภาษาจีน 56

การเมืองถิ่นและนักการเมืองถิ่นจงั หวัดยะลา ที่บ้านเกิดแล้ว บิดาส่งไปเรียนหนังสือเพ่ิมเติมท่ีปีนัง นายประสาทจึง มีความชำ�นาญในภาษาจีน อังกฤษ มลายแู ละไทย ไดร้ ับการศกึ ษาช้ัน สงู สุดเป็นประกาศนียบัตรทางดา้ นภาษาและการค้าจากปนี ัง กอ่ นจะมาตงั้ รา้ นคา้ ทเ่ี มอื งยะลาเกา่ บรเิ วณรมิ น้ำ�บา้ นสามแยก สะเตง(ทตี่ งั้ เมอื งยะลากอ่ นยา้ ยมาตงั้ ในทป่ี จั จบุ นั -ผวู้ จิ ยั ) นายประสาท ได้กลับมาค้าขายกับบิดามารดาท่ีตัวเมืองปัตตานีอยู่ระยะหน่ึงจนมอง เห็นว่าเมืองยะลากำ�ลังตอ้ งการร้านคา้ และรา้ นขายยา จึงได้แยกตัวมา ตง้ั รา้ นเปน็ ของตวั เอง โดยเลอื กทำ�เลทใ่ี กลร้ มิ นำ้ �เพอ่ื รองรบั การเดนิ ทาง ทางเรือ นอกจากทางบกท่ีมาด้วยช้างหรือเดินเท้า ร้านขายยา สมัยสงครามโลกและหลังสงครามสร้างความม่ังค่ังและชื่อเสียงให้นาย ประสาทเปน็ อยา่ งมาก นอกเหนอื จากการสรา้ งมติ รภาพอน่ื ๆ เมอ่ื นาย ประสาทยา้ ยมายงั จงั หวดั ยะลาแลว้ ตอ่ มาบดิ ามารดากย็ า้ ยมาตงั้ รกราก ที่จงั หวัดยะลาเชน่ กนั ลักษณะร้านของนายประสาทด้านหลังจะมีห้องโถงใหญ่ เพ่ือ ต้อนรับประชาชนที่มาจากแดนไกลกลับบ้านไม่ทันจำ�เป็นต้องค้างคืน ในตวั เมอื ง ขนาดของทพ่ี กั สามารถรองรบั คนไดเ้ ปน็ จำ�นวนมาก ภายใน บ้านจะมีวิทยุทรานซิสเตอร์ขนาดแปดหลอด มีลำ�โพงติดอยู่บนหอ สูงบนหลังคา เพ่ือให้ประชาชนในละแวกใกล้เคียงได้รับฟังด้วยเพราะ สามารถเปดิ ฟงั ภาษามลายจู ากตน้ ทางประเทศมาเลเซยี และอนิ โดนเี ซยี แมก้ ระทงั่ เพลงอาหรบั หรอื ขา่ วมสุ ลมิ อาหรบั จากอยี ปิ ตก์ ร็ บั ฟงั ได้ อกี ทง้ั ยังมีกลยุทธ์เพ่ือให้ประชาชนจดจำ�ความเอื้ออาทรของเขา โดยการ เตรยี มขา้ วสาร อาหารสด รวมทงั้ ใหช้ าวมสุ ลมิ ชำ�แหละววั เปน็ ตวั แขวน เตรียมไว้เพื่อให้ประชาชนท่ีไปมาหาสู่เลือกเอาไปทำ�อาหารได้ตามใจ ชอบภายในครวั บา้ นทน่ี ายประสาทจดั ให้ บางครงั้ เมอ่ื กนิ อม่ิ แลว้ ยงั หอ่ 57

นกั การเมอื งถิ่นจังหวัดยะลา กลบั ไปกินทบ่ี า้ นกบั ลูกหลานไดอ้ กี ด้วย วิธีการสร้างความคุ้นเคยกับชาวบ้านของนายประสาทเช่นน้ี ทำ�ให้มีคนมาพบปะเยี่ยมเยียนทบี่ ้านตลอดทงั้ วัน สังคมของยะลาเม่อื คร้งั นัน้ การสัญจรไปมาเปน็ ไปดว้ ยความยากลำ�บากมาก อกี ทง้ั สังคม มสุ ลมิ ในสมยั นน้ั แมจ้ ะเรมิ่ มโี รงแรม แตไ่ มน่ ยิ มนอนโรงแรมเพราะถอื วา่ เป็นที่ไม่เหมาะสมหรือเห็นว่าเป็นท่ีอโคจร บ้านนายประสาทจึงเป็น ท่ีพักสำ�หรบั การเข้าเมืองของผู้ที่ไม่มีบา้ นญาติในตัวเมอื ง ทำ�ให้เถ้าแก่ ประสาทเปน็ ทร่ี ำ่ �ลอื ไปทวั่ จงั หวดั ยะลา แมก้ ระทง่ั ผมู้ อี ำ�นาจในทอ้ งถนิ่ ที่ มสี ว่ นทำ�ใหน้ ายวไิ ล เบญจลกั ษณ์ ไดร้ บั ชยั ชนะในการเลอื กตง้ั ในชว่ งนน้ั กย็ งั ชน่ื ชม และตงั้ ความหวงั วา่ นายประสาทจะเปน็ ผทู้ ขี่ น้ึ สตู่ ำ�แหนง่ ส.ส. แทนนายวิไล เบญจลกั ษณ์ได้ หากช่วยกันสนับสนุน ยิง่ รวมคุณสมบัติ สว่ นตวั เขา้ ไปดว้ ยแลว้ ทำ�ใหน้ ายประสาทมโี อกาสทจี่ ะเปน็ ผแู้ ทนราษฎร คนใหมข่ องจงั หวัดยะลาเป็นอยา่ งสูง นายประสาทก็ทราบดวี ่าผแู้ ทนที่ ได้รับตำ�แหน่งก่อนเขา นอกจากเสียงมุสลิมสนับสนุนแล้ว เสียงช้ีขาด อีกส่วนหนึ่งมาจากผู้มีอำ�นาจในสังคมและพ่อค้าในตัวเมืองยะลาและ อำ�เภอต่างๆ เมื่อประเมินได้อย่างนี้นายประสาทจึงมั่นใจมากในการ ประกาศตวั ว่าจะลงเลือกตงั้ ใน ปี 2489 ซ่ึงนายประสาทกป็ ระสบความ สำ�เรจ็ ตามท่ไี ดว้ าดหวังไว้ (สันทดั นวลสกลุ , สัมภาษณ)์ นายประสาทเกดิ ในปี พ.ศ.2457 เปน็ บตุ รของนายนองและนาง ละม่อม ไชยะโท มนี ้อง 2 คนคือนางสาวจงกล และ ร.ต.ท.เทียน ไช ยะโท นายประสาทแตง่ งานกบั นางสาวเสาวคนธ์ ซึ่งเปน็ ชาวกรงุ เทพฯ ภรรยานายประสาทแม้พ้ืนเพจะเป็นคนกรุงเทพฯ แต่พยายามปรับตัว เพอ่ื การเมอื งของสามีจนพดู ภาษามลายูได้ชัดเจน นายประสาทมบี ุตร เพยี งคนเดียวคอื นายประสิทธิ์ ไชยะโท 58

การเมืองถนิ่ และนกั การเมืองถิ่นจงั หวดั ยะลา เม่ือเป็นสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรครัง้ แรกในปี พ.ศ 2489 นาย ประสาท มีอายุ 32 ปี เป็น ส.ส.สมัยเลือกต้ังท่ัวไปสมัยท่ี 4 ของ ประเทศไทย ซงึ่ เปน็ การเลอื กตง้ั แบบแบง่ เขต แตล่ ะเขตมี ส.ส.ไดห้ นง่ึ คน ถอื จำ�นวนประชากร 2 แสนคนตอ่ ส.ส. หนงึ่ คน ความเปน็ ส.ส.ครง้ั แรก ของนายประสาท สนิ้ สดุ ลงเมอื่ เกดิ การรฐั ประหารของพลโทผนิ ชณุ หะ วณั เมือ่ วันที่ 8 พฤศจกิ ายน 2490 การเลือกต้ังครั้งต่อมาในปี 2491หลังรัฐประหาร แม้ว่านาย ประสาทจะยงั คงมเี สยี งสนบั สนนุ จากชาวมสุ ลิมอยา่ งแนน่ หนาเหมอื น เดมิ แตเ่ สยี งสนบั สนนุ จากกลมุ่ อำ�นาจในเมอื งขาดหายไปเปน็ อยา่ งมาก เพราะอำ�นาจหลังรัฐประหารเป็นของกลุ่มทหารกลุ่มใหม่ที่ร่วมมือกับ พรรคประชาธิปัตย์ของนายควง อภัยวงศ์ โดยปกติอำ�นาจในท้องถ่ิน มักจะเช่ือมโยงกับอำ�นาจส่วนกลางอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ ในเมื่อนาย ประสาทมที ่าทที ่สี นิทสนมกบั สายจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม อกี ทัง้ ยัง ไม่ออกไปพบปะประชาชน แคอ่ าศยั กลยุทธ์เดิมๆ ประกอบกับเม่อื ได้ เปน็ ส.ส แลว้ ทิ้งพื้นท่ขี ึ้นไปประชุมทก่ี รุงเทพฯ คร้งั ละนานๆ แม้ช่วง รัฐประหารจะกลับมายังพื้นที่ตลอดก็ตาม ทำ�ให้ต้องแพ้การเลือกตั้ง แก่นายสาล่ี กูลณรงค์ ผสู้ มคั รชาวพุทธดว้ ยกนั ในปกี ารเลือกตัง้ 2491 นายประสาทกลับมาชนะการเลือกตั้งอีกคร้ังหนึ่งในการเลือก ตั้งคร้ังถัดมาในปี 2495 ด้วยการต่อสายกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่ม อำ�นาจทั้งในท้องถ่ินและส่วนกลางอีกคร้ัง และการเมืองส่วนกลางก็ เปลี่ยนมอื มาเปน็ ของจอมพล ป. อีกคร้งั (สนั ทัด นวลสกุล, สัมภาษณ์) ในการทำ�หน้าที่ผู้แทนท่ีได้รับการเลือกตั้งสมัยน้ีนายประสาทได้ ผลักดันให้รัฐบาลสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ�ปัตตานีหรือที่ชาวยะลา เรียกว่า แม่น้ำ�ทา่ สาป เพอื่ ใหป้ ระชาชนทม่ี าจากฝัง่ ทา่ สาปเข้าตวั เมือง 59

นักการเมอื งถ่ินจังหวดั ยะลา ยะลาโดยสะดวก เป็นสะพานคอนกรีตมาตรฐาน จนชาวบ้านเรียกว่า สะพานประสาท (อบั ดลุ เลาะ มาศมันต,์ สมั ภาษณ์) นายประสาทชนะเลอื กตง้ั อกี สองคร้งั คือการเลอื กตง้ั คร้งั ท่หี นงึ่ ของปี 2500 เมื่อวันท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ คร้งั นีเ้ ขาลงสมัครในนามพรรค เสรีมนงั คศิลา กอ่ นจะเป็น ส.ส.รว่ มสมยั กบั นายอดุล ภมู ณิ รงค์ หนมุ่ มสุ ลมิ ชาวยะลาลกู เขยจฬุ าราชมนตรปี ระมขุ ของศาสนาอสิ ลามในขณะ น้ันในการเลอื กต้งั เมื่อวนั ที่ 15 ธนั วาคมปเี ดียวกนั เมื่อจงั หวดั ยะลามี ส.ส. 2 คน หลงั จากวา่ งเวน้ จากตำ�แหนง่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรมานาน เพราะการรัฐประหารยึดอำ�นาจโดยทหารอย่างยาวนาน เม่ือประกาศ ใหม้ กี ารเลอื กต้ังอกี ครัง้ ในปี 2512 จงั หวดั ยะลากลับมามี ส.ส. เพียง หนงึ่ ทนี่ งั่ อกี ครงั้ นายประสาท แพก้ ารเลอื กตง้ั แกค่ แู่ ขง่ ทเี่ ปน็ ชาวมสุ ลมิ ชื่ออดลุ ภูมิณรงค์ แต่นายประสาทไดร้ บั การเลอื กตง้ั อีกคร้ังในปี พ.ศ. 2518 ในสงั กดั พรรคธรรมสงั คม โดยกลบั มาชนะนายอดลุ ภมู ณิ รงค์ ซ่ึงเป็นการทำ�หน้าที่ในตำ�แหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งสุดท้าย ของเขา เพราะเสนอตวั เขา้ รบั การเลอื กตง้ั ในปี 2519 แพแ้ กน่ ายอสุ มาน อเุ ซง็ จากพรรคประชาธปิ ตั ย์ ลงสมคั รครงั้ สดุ ทา้ ยในปี 2522 แพแ้ กน่ าย วนั มหู ะมดั นอร์ มะทาและนายอดุล ภูมณิ รงค์ ก่อนท่กี ารเมืองจังหวัด ยะลาจะเขา้ สยู่ คุ นกั การเมอื งรนุ่ ใหมท่ เ่ี ปน็ ปญั ญาชนเขา้ มบี ทบาทในการ เลือกต้ังอยา่ งจรงิ จงั ในสมัยต่อๆ มา แต่ในช่วงท่ีว่างเว้นจากการเมืองระดับชาติสมัยหนึ่ง นาย ประสาทยังเคยได้รับตำ�แหน่งในการเมืองท้องถิ่นโดยเป็นนายก เทศมนตรเี ทศบาลเมอื งยะลา 2 คร้งั ในปี 2492-2495 และในป2ี 496- 2498 ซง่ึ เปน็ การรบั ตำ�แหนง่ ผนู้ ำ�การเมอื งทอ้ งถน่ิ ทยี่ าวนานพอสมควร 60

การเมืองถ่นิ และนกั การเมืองถิ่นจงั หวัดยะลา ควรบนั ทึกไว้ด้วยวา่ การเมืองใน 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ใน ชว่ งนท้ี ไ่ี มอ่ าจมองขา้ มได้ คอื ในชว่ งเดยี วกนั กบั ทน่ี ายประสาท ไชยะโท เป็น ส.ส.ครั้งแรก นายประสาท ซึ่งไม่ได้เป็นชาวมลายูมุสลิม ได้เป็น สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั ยะลา สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรของอกี สองจงั หวดั ในจงั หวดั ชายแดนภาคใตก้ ไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ ชาวมสุ ลมิ เชน่ เดยี วกนั คอื จังหวัดปตั ตานีไดน้ ายแพทยเ์ จริญ สบื แสง และจงั หวัดนราธิวาสได้ นายวงศ์ ไชยสวุ รรณ และ ร.ต.ท.สรุ ิยน ไรวา สำ�หรับนายแพทยเ์ จรญิ สืบแสง มีข้อมูลที่ค่อนข้างชัดว่า นอกจากจะได้รับการสนับสนุนจาก คณะราษฎรสายนายปรดี ี พนมยงค์ ซงึ่ เปน็ ผคู้ มุ กลไกอำ�นาจรฐั ในขณะ นั้นแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากสายผู้นำ�ศาสนาอิสลามของนาย หะยสี หุ ลง อบั ดลุ การเ์ ด โตะ๊ มนี า จงึ ทำ�ใหส้ ามารถชนะคแู่ ขง่ ทเี่ ปน็ อดตี ส.ส.อย่างพระพพิ ธิ ภักดีได้ (เด่น โต๊ะมนี า, สัมภาษณ์) แต่ในกรณีของ นายประสาท ไชยะโท ปัจจัยใดเป็นแรงสนับสนุนผลักดันให้ชนะนาย แวและ เบญอาบชั ร์ อดตี ส.ส.สองสมยั ทเี่ ปน็ ชาวมสุ ลมิ ซง่ึ ครองตำ�แหนง่ มาอยา่ งตอ่ เนอื่ งเกอื บจะ 10 ปี และมผี ลงานในพนื้ ทม่ี ากมาย มกี ารจดั ตงั้ ประชาชนโดยการโยกยา้ ยประชาชนจากจงั หวดั ปตั ตานมี าอาศยั อยู่ ในบางพื้นที่ของจงั หวดั ยะลาจำ�นวนไม่น้อย ในช่วงท่ีรัฐบาลไทย ใช้นโยบายรัฐนิยม พยายามกลืนกลาย เพ่ือความเป็นไทยหน่ึงเดียว และยุคสงครามโลกคร้ังท่ีสอง ซ่ึงกระแส ชาตินิยมมลายูมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ข้ึนสู่กระแสที่สูง ข้ึนมากอีกคร้ังหน่ึง แต่การเลือกตั้งท่ีเกิดขึ้นครั้งแรกหลังจากกระแส ชาตนิ ยิ มขนึ้ สงู สดุ ผชู้ นะการเลอื กตงั้ ใน 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใตก้ ลาย เป็นผสู้ มคั รท่ีไม่ใชช่ าวมสุ ลมิ ทง้ั หมด ชยั ชนะของนายประสาท ไชยะโท เหนอื นายแวและ เบญอาบชั ร์ ในจงั หวดั ยะลา ครง้ั นี้ สว่ นหนง่ึ นา่ จะมา 61

นักการเมืองถิ่นจงั หวดั ยะลา จากการผลกั ดนั ของอำ�นาจจากนอกพน้ื ทก่ี ระทำ�ผา่ นนโยบายสาธารณะ และอำ�นาจในท้องถิ่นที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มอำ�นาจท่ีไม่ใช่มุสลิม หรือ เพราะผู้แทนคนเก่าหมดความชอบธรรมในสายตาของอำ�นาจรัฐ กระแสโดยรวมในครั้งน้ี เป็นกระแสท่ีเกิดขึ้นจากอะไรที่เป็น สาเหตุสำ�คัญ จึงทำ�ให้โฉมหน้าทางการเมืองใน 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ เปล่ยี นกลับไปเหมอื นกบั การเลือกตง้ั ครั้งแรก ท่ีเป็นการเลือก ต้ังทางออ้ ม เป็นประเด็นท่ีน่าศึกษาอีกประเด็นหน่งึ หรอื เพราะความ ตื่นกลัวกระแสชาตินิยมในหมู่มลายูมุสลิมของรัฐ ทำ�ให้มีการใช้กลไก ของรัฐบางประการเพื่อให้เป็นคุณแก่ผูส้ มคั รทไ่ี มใ่ ชช่ าวมลายู หรอื เป็น เพราะชาวมุสลิมมีความผิดหวัง ในบทบาทของผูแ้ ทนที่เป็นชาวมุสลิม ด้วยกัน จงึ ทำ�ใหผ้ ู้สมคั รทไี่ ม่ใช่มสุ ลิมชนะการเลือกตง้ั ทงั้ หมด รวมท้งั นายประสาท ไชยะโท นายประสาท ไชยะโท ได้รับการเลือกตง้ั ครง้ั แรก ในสภาวะท่ี เศรษฐกิจของประเทศกำ�ลังจะฟื้นตัวจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ�สมัย สงครามโลก และจงั หวัดยะลาอยู่ในสภาวะข้าวยาก หมากแพง จงั หวดั ยะลาไม่มีนาข้าวท่ีเล้ียงตัวเองได้ ไม่มีทะเลท่ีจะจับปลาเล้ียงปากเล้ียง ท้องได้ แมจ้ ะมภี เู ขาทเี่ ต็มไปดว้ ยของปา่ และเมืองกำ�ลังขาดเวชภัณฑ์ ขาดยารกั ษาโรคอย่างหนกั มรี ้านขายยาและหมอน้อยมาก ในจำ�นวน รา้ นขายยาไมก่ แี่ ห่งมีร้านของนายประสาทอยู่ดว้ ย รา้ นขายยานบั เปน็ ศูนยก์ ลางของผคู้ นอีกแห่งหนงึ่ จากการสัมภาษณน์ ายสันทัด นวลสกลุ ทำ�ใหไ้ ดท้ ราบขอ้ มลู วา่ นายประสาทไดร้ บั การสนบั สนนุ จากกลมุ่ อำ�นาจ ทอ้ งถนิ่ และเพอ่ื นพอ่ คา้ ชาวจนี ดว้ ยกนั ซง่ึ เคยสนบั สนนุ นายวไิ ล เบญจ ลกั ษณ์ ใหล้ งสมคั รรบั เลอื กตั้งท้งั 2 ครง้ั ทีผ่ า่ นมา โดยกลมุ่ ผสู้ นับสนนุ เสนอกลยทุ ธ์การหาเสียงในแนว “ให้หาเสียงเฉพาะในหมมู่ ุสลิม แต่ใน 62

การเมอื งถ่ินและนกั การเมอื งถ่นิ จังหวดั ยะลา พื้นท่ีทีไ่ ม่ใช่มุสลมิ ไม่ตอ้ งเน้นอะไร เสียงมนั จะมาเอง” เงินทนุ ท่ีใชใ้ นการเลือกตงั้ เป็นเงนิ สว่ นตวั ของนายประสาทที่ได้ จากการค้าขาย และขายท่ีดินท่ีซื้อเก็บไว้จากผลกำ�ไรท่ีได้รับจากการ คา้ ขาย(ประสทิ ธ์ ไชยะโท, สัมภาษณ์) อย่างไรก็ตาม ค่าใชจ้ ่ายโดยรวม ของผสู้ มคั รในยุคแรกๆ มีไม่มากนัก เพราะนายประสาทได้จ่ายไปแลว้ ในการทำ�ความดกี บั ประชาชน แตค่ า่ ใชจ้ า่ ยกบั การเลอื กตงั้ โดยตรงสว่ น ใหญจ่ ะเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทางเพอ่ื ไปพบปะประชาชนตามทต่ี า่ งๆ ซึ่งนายประสาทไม่ได้ลงพ้ืนท่ีมากนัก แต่ให้ชาวมุสลิมท่ีใกล้ชิดออกไป พบปะประชาชนมสุ ลมิ เปน็ รายบคุ คล และคา่ พมิ พโ์ ปสเตอรท์ เี่ ปน็ เพยี ง แผ่นปลิวกระดาษสี่เหล่ียมผืนผ้ารูปขาวดำ� ท่ีมีข้อความภาษาไทยและ ภาษามลายู เพ่ือบอกชื่อและหมายเลขประจำ�ตัวผู้สมัครที่ให้ง่ายต่อ การจดจำ�เทา่ นั้น และในกรณีของนายประสาท ซงึ่ เปน็ ผูส้ มคั ร ที่ไม่ได้ ใช้ภาษามลายูในชวี ิตประจำ�วนั แม้จะฟงั และพดู ภาษามลายูได้อย่างดี แตไ่ มไ่ ดส้ อ่ื สารกบั ประชาชนสว่ นใหญใ่ นพนื้ ทโี่ ดยตรงมากนกั การออก เดนิ ทางไปพบปะประชาชนเพื่อขอคะแนนเสยี งกบั ชาวมสุ ลมิ ซ่งึ เกือบ ท้งั หมดยังพดู ภาษาไทยไม่ได้ จงึ ตอ้ งใช้ล่ามในการแปลบา้ ง เพ่ือยืนยนั ความเข้าใจว่าตรงกัน ในขณะเดียวกันกับชุมชนที่เป็นคนไทยที่นับถือ ศาสนาพทุ ธและคนไทยเชอ้ื สายจนี นายประสาทแทบจะไมต่ อ้ งเดนิ ทาง ไปพบปะหาเสยี งดว้ ยตวั เองเลย เพยี งแตป่ ระชาชนกลมุ่ นรี้ วู้ า่ มผี สู้ มคั ร ทเี่ ปน็ ชาวพทุ ธกจ็ ะพรอ้ มใจกนั ไปลงคะแนน โดยทไี่ มต่ อ้ งแบง่ คะแนนให้ ใครเนอื่ งจากมกี ารสง่ ขา่ วจากผมู้ อี ำ�นาจในตวั เมอื ง ในระยะหลงั วธิ กี ารหาเสยี งกเ็ ปลยี่ นไป เพราะการแขง่ ขนั เพอ่ื ให้ ได้ตำ�แหน่งส.ส. มีความเข้มข้นและรุนแรงมากข้ึนต้ังแต่การเลือกตั้งปี 2500 เปน็ ตน้ มา คา่ ใชจ้ ่ายกเ็ พมิ่ มากข้ึนไปด้วยและเรม่ิ มีเงินสนบั สนนุ 63

นกั การเมืองถนิ่ จงั หวัดยะลา จากพรรคบ้างแล้ว ต่อมาผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การเลอื กตง้ั และการหาเสยี งเรมิ่ มรี ะบบหวั คะแนน ตงั้ แตก่ ารเลอื กตงั้ ปี 2512 อกี ทงั้ คนรนุ่ เกา่ อยา่ งนายประสาท ไมอ่ าจปรบั ตวั อยา่ งรวดเรว็ ได้กับผใู้ ชส้ ิทธริ นุ่ ใหม่ ที่มรี สนยิ มใหมๆ่ ที่เกดิ ขึ้นตามยุคสมยั และนาย ประสาทไมม่ คี นรนุ่ ใหมค่ อยชว่ ยเหลอื อยา่ งใกลช้ ดิ เพอ่ื จะไดป้ รบั ตวั เขา้ กบั ยคุ สมยั ได้ เพราะลกู ชายคนเดยี วทห่ี วงั จะใหส้ บื ทอดทางการเมอื งนนั้ ทำ�งานอยใู่ นกรงุ เทพฯ ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นพนื้ ท่ี “พอ่ ตอ้ งเรมิ่ ทยอยขายทรพั ยส์ นิ โดยเฉพาะทดี่ ินทีส่ ะสมไว้ เพ่อื เลน่ การเมืองในแบบเดิมๆ” (ประสทิ ธิ์ ไชยะโท, สัมภาษณ)์ กลยุทธ์อีกประการหน่ึงของนายประสาท ในช่วงเร่ิมต้นชีวิต ทางการเมืองก็คือ ในการหาเสยี งกับประชาชนชาวมลายมู ุสลมิ จังหวดั ยะลาในขณะนั้น ซึ่งการคมนาคมระหว่างอำ�เภอกับตัวจังหวัดยังไม่ สะดวก และการพักคา้ งคนื ในโรงแรมยงั ไม่มี และเป็นเรื่องทนี่ า่ รังเกียจ ของสงั คมมสุ ลมิ เพราะเชอ่ื วา่ เปน็ ทอี่ โคจร เปน็ ทอี่ ยขู่ องชาวโสเภณแี ละ นักการพนัน จากจุดเด่นน้ีของนายประสาท เม่ือพร้อมท่ีจะลงสมัครผู้ แทนนายประสาทจึงได้ขยายบ้านพักของตัวเองในตัวเมืองสะเตง ให้ เป็นสัดส่วนมากข้ึนจากท่ีเคยต้อนรับอยู่แล้ว เพื่อไว้ต้อนรับชาวมุสลิม ทเี่ ขา้ มาทำ�ธรุ ะในตัวเมืองเพิ่มขึน้ ชาวมุสลิมจากนอกเมืองเป็นจำ�นวนมากท่ีต้องเดินทางเข้า เมืองและต้องพักค้างคืนบ้านนายประสาทเพราะไม่มีบ้านญาติให้เป็น ท่ีพกั คนกลมุ่ นไ้ี ด้กลายเป็นฐานเสยี งและกระบอกเสียงโฆษณาให้นาย ประสาทไปดว้ ย ในลกั ษณะของมขุ ปาทะปากต่อปาก จนนายประสาท เป็นที่รู้จักและพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในสังคมมุสลิม จนกลายเป็น คะแนนเสียงสนับสนุนท่ีหนักแน่นในเวลาต่อมา บวกกับคะแนนเต็ม 64

การเมอื งถน่ิ และนกั การเมืองถ่นิ จงั หวัดยะลา ร้อยท่ีไม่ต้องแบ่งให้ใครจากผู้ใช้สิทธิลงคะแนนท่ีเป็นชาวไทยพุทธและ ชาวไทยเชอื้ สายจนี ทำ�ใหน้ ายประสาทเปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ใน ปี พ.ศ. 2489 ด้วยการชนะค่แู ขง่ อยา่ งง่ายดาย เพราะคู่แข่งทเ่ี ปน็ อดตี ขวัญใจของชาวมุสลิมอย่างนายวิไล ไม่ได้ลงสมัคร ในขณะท่ีคะแนน เสียงจากชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นเอกภาพหน่ึงเดียว รว่ มกนั ลงคะแนนใหผ้ สู้ มคั รทเ่ี ปน็ ชาวพทุ ธดว้ ยกนั อกี ประเดน็ หนงึ่ ทไ่ี ม่ ควรมองขา้ มคอื การทบี่ า้ นนายประสาทมเี ครอ่ื งรบั วทิ ยุ ทรี่ บั เสยี งภาษา มลายแู ละภาษาอาหรบั ในขณะทชี่ าวมสุ ลมิ ยงั ไมม่ เี ครอ่ื งรบั วทิ ยุ วทิ ยุ จงึ เปน็ เครอ่ื งมอื ในการหาเสยี งอกี อยา่ งหนง่ึ ของนายประสาทในชว่ งนน้ั การรว่ มกนั ลงคะแนนของประชาชนทเี่ ปน็ ชาวไทยพทุ ธและชาว ไทยเชื้อสายจีนจนมีผลทำ�ให้ผู้สมัครท่ีเป็นชาวพุทธชนะการเลือกตั้งได้ นนั้ เปน็ ผลมาจากโครงสรา้ งของประชากรในจงั หวดั ยะลาดว้ ย ทสี่ ดั สว่ น ของประชากรระหว่างชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมไม่แตกต่างกัน มากนกั ต่างจากจังหวดั ปัตตานแี ละนราธิวาส ประกอบกับการออกไป ใช้สิทธิเลือกตั้งของคนไทยพุทธและคนไทยเช้ือสายจีนอยู่ในเกณฑ์สูง กวา่ ชาวมลายมู ุสลิมดว้ ย เหตุผลท่ีเช่ือกันว่า คนไทยทั้งสองเชื้อสายนี้ไปใช้สิทธิเลือก ตั้งสูงกว่าชาวมุสลิมในยุคน้ันหรือแม้แต่ในยุคปัจจุบัน(เม่ือเทียบเป็น เปอรเ์ ซน็ ต)์ เพราะโดยสว่ นใหญป่ ระชาชนสองเชอื้ สายนจี้ ะอยใู่ นพนื้ ทที่ ่ี เปน็ เขตเมอื ง มคี วามเจรญิ มากกวา่ สว่ นทช่ี าวมลายอู าศยั การคมนาคม ขนสง่ การเดินทางสญั จรไปมามคี วามสะดวกมากกว่า โดยเฉพาะการ สอ่ื สารดว้ ยภาษาไทยซ่ึงเป็นภาษาราชการ ทำ�ให้ไดข้ ้อมลู ขา่ วสารหรือ การรับรู้ขา่ วสารต่างๆ เปน็ ไปอย่างท่วั ถงึ กว่า นอกจากกลยทุ ธ์ให้ทพ่ี ักฟรี พร้อมอาหารฟรีแล้ว นายประสาท 65

นกั การเมอื งถ่ินจังหวัดยะลา ยังนำ�จุดแข็งของชาวมุสลิมในเรื่องศาสนามาใช้ประโยชน์กับการหา เสียงเลือกตั้งได้อย่างแนบเนียนด้วย เช่นการสร้างบุญคุณผูกพันกับ ผูน้ ำ�ศาสนาอสิ ลามซ่ึงมีชาวมุสลมิ ให้ความนบั ถือเป็นจำ�นวนมาก การ บริจาคเงิน สิ่งของให้กับกิจกรรมศาสนาอิสลาม การให้เงินทำ�บุญให้ ชาวมสุ ลมิ ขอพรให้ไดร้ ับชยั ชนะในการเลอื กต้ัง นายประสาท ไดเ้ ปน็ ส..ส.รว่ มสมยั การเลอื กตงั้ ในปี 2500/2 กบั คู่แข่งคนสำ�คญั คอื นายอดุล ภมู ิณรงค์ ท่ไี ดร้ ับการเลือกตง้ั จากกลยทุ ธ์ ยุทธวิธีหาเสียงท่ีย้อนรอยนายประสาท ประกอบกับเริ่มมีกระแส “สมางดั มลายู หรือ จิตวญิ ญาณมลายู” ข้ึนมาในยะลาอกี คร้งั ตอ่ มา นายประสาทแพก้ ารเลอื กตง้ั ในปี 2512 แกน่ ายอดลุ นายประสาทได้ ลงสมัครรับเลือกต้ังใหม่ในปี 2518 เป็นการสมัครในนามพรรคธรรม สังคม ซ่ึงเป็นการเลือกตั้งท่ีเกิดข้ึนหลังจากเกิดการเดินขบวนเรียก ร้องประชาธิปไตยคร้ังใหญ่ของนิสิต นักศึกษา ประชาชนเม่ือเดือน ตลุ าคม 2516 การชนะเลือกตง้ั ครง้ั นี้ นายประสาทและคู่ตอ่ สู้ไดท้ มุ่ เท ทรพั ยากรในการหาเสยี งอยา่ งหนกั มกี ารใชเ้ งนิ อยา่ งเปดิ เผยและกวา้ ง ขวาง วัฒนธรรมการแจกในจังหวัดยะลาเริ่มข้ึนอย่างม่ันคงตั้งแต่การ เลอื กต้ังครง้ั น้ี นายหะซนั ปาละวนั หลานชายของนายอดุล ภมู ิณรงคก์ ลา่ วว่า “ชยั ชนะของนายประสาทครัง้ นีฝ้ า่ ยนายอดลุ กเ็ สียคา่ ใชจ้ า่ ยมาก แต่ก็ แพก้ ลยทุ ธใ์ ต้ดินของนายประสาท” อีกท้งั คงเปน็ เพราะมุสลมิ ลงสมัคร หลายคน ทำ�ให้เสียงมสุ ลมิ ตอ้ งแตกกระจายออกไป เม่ือมีการยุบสภา โดยรัฐบาล ม.ร.ว. คกึ ฤทธิ์ ปราโมช และจัดให้มกี ารเลอื กต้งั ในปี 2519 นายประสาทพ่ายแพ้การเลือกตั้งแก่ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์คือ นายอสุ มาน อเุ ซง็ 66

การเมอื งถ่ินและนกั การเมืองถิน่ จงั หวัดยะลา นายประสาทลงเลอื กต้งั ครัง้ สดุ ท้ายในปกี ารเลอื กต้งั พ.ศ. 2522 ในปีน้ันมีผู้ท่ีไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามลงสมัครหลายคนเช่น นาย กระจา่ ง ตลุ ารกั ษ์ นอ้ งชายผรู้ ว่ มกอ่ การปฏวิ ตั สิ ยาม พ.ศ. 2475 นายผไท เพชรจำ�รสั อาจารยว์ ิทยาลัยครูยะลา ทำ�ให้เสียงทไี่ ม่ใชม่ ุสลมิ กระจาย ออกไป นายประสาทและผู้สมัครท่ีไมใ่ ชม่ ุสลิมตอ้ งพา่ ยแพก้ ารเลือกตง้ั (อาซสิ เบ็ญหาวนั , สมั ภาษณ์) เม่ือวางมือจากการเมืองนายประสาทได้ย้ายไปอาศัยกับน้อง ชายและครอบครัวท่กี รุงเทพฯและถงึ แกก่ รรมด้วยโรคชราเม่ือปี 2533 นายสาลี่ กลู ณรงค์ (พ.ศ. 2491) นายสาล่ี กูลณรงค์ นับเปน็ ส.ส. คนที่ 4 ของจงั หวดั ยะลา ได้ รบั เลอื กต้งั ครั้งเดียวจากการเลอื กต้งั เมือ่ วนั ท่ี 26 มกราคม 2491 หลงั การประกาศใช้รัฐธรรมฉบับรัฐประหารของพลโทผิน ชุณหะวัณ หรือ ท่ีคนการเมืองเรียกกันว่า “รัฐธรรมนูญฉบับใต้ตุ่มแดง” เม่ือปี 2490 เหตุท่ีเรียกเช่นน้ีเพราะพลโทผิน แถลงว่า ก่อนการรัฐประหารได้ร่าง รฐั ธรรมนูญฉบบั น้เี กบ็ ไวใ้ ตต้ ุ่มแดง เพอ่ื ปกปิดเปน็ ความลับเพราะหาก ทางการรู้เข้าจะมีโทษฐานเปน็ กบฏ การเลอื กตง้ั คร้งั นี้ใช้ระบบการเลอื กตั้งแบบรวมเขต เรยี งเบอร์ ถอื เอาจงั หวดั หนง่ึ เปน็ เขตเลอื กตงั้ โดยใชเ้ กณฑป์ ระชากร 200,000 คน ตอ่ ผ้แู ทนราษฎร 1 คน การเลอื กตง้ั ครั้งนมี้ ี ส.ส. ท่ัวประเทศ 99 คน จังหวัดยะลามี ส.ส. 1 คน การชนะเลือกต้ังในคร้ังน้ีของนายสาลี่ เป็นที่แปลกใจของผู้ สนบั สนนุ ท่เี ปน็ ชาวมสุ ลมิ ของนายประสาทเปน็ อยา่ งมาก เพราะเสยี ง 67

นกั การเมืองถ่ินจังหวัดยะลา สนบั สนนุ ในหมชู่ าวมสุ ลมิ ของนายประสาทยงั คงมนั่ คงแนน่ หนาเหมอื น เดิม ความสม่ำ�เสมอกับชาวมุสลิมยังไม่เปล่ียนแปลงถึงแม้ในช่วงเปิด สมยั ประชมุ สภาฯนายประสาทจะไมอ่ ยใู่ นพนื้ ทเี่ ปน็ เวลานาน แตท่ บ่ี า้ น นายประสาทยังคงให้การต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยียนเป็นปกติ ชาวมุสลิม สมัยนน้ั จึงไม่เชือ่ ว่า เกดิ จากการไมไ่ ด้ออกไปเยยี่ มเยียนพ้ืนที่ของนาย ประสาท (อับดลุ เล๊าะ มาศมนั ต,์ สัมภาษณ)์ ตระกลู กลู ณรงคข์ องนายสาลเ่ี ปน็ ตระกลู ทสี่ บื ทอดมาจาก “พระ ยาณรงคฤ์ ทธศิ รปี ระเทศวเิ ศษวงั ษา (เมอื ง)” ผมู้ สี ว่ นกอ่ ตง้ั ตำ�บลทา่ สาป ซ่ึงเป็นที่ตั้งของตัวเมืองยะลาในอดีตเมื่อ 150 ปีที่ผ่านมา (สันทัด นวลสกุล, สัมภาษณ์) ปัจจุบันตระกูลกูลณรงค์ยังคงมีบทบาทใน วงราชการและในสงั คมจังหวดั ยะลา ในอดตี ฐานของตระกลู กว้างขวาง ในอำ�เภอยะหา กอ่ นจะไดร้ บั การเลอื กตงั้ เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรนายสาลี่ จบชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 จากโรงเรยี นในตวั เมืองยะลา มหี น้าที่การงาน เป็นเสมยี นอำ�เภอลกู น้องหลวงนกุ ลุ บดิ าของนายสันทัด นวลสกุลและ นายสขุ มุ นวลสกลุ แต่ยงั ไมท่ ันไดร้ ับตำ�แหนง่ ทส่ี ูงขึน้ เพราะรู้ตวั ว่าไมม่ ี ความรพู้ อ จงึ ลาออกไปทำ�งานสหกรณ์ ร.ส.พ. ทพี่ ่สี าวชอื่ นางตาด ซ่งึ เป็นภรรยาของนายสไล ไกรฤกษ์ เปน็ คนก่อต้งั นางตาดเป็นคนกว้างขวางในหมู่ชาวพุทธ และชาวมุสลิมใน ละแวกเมืองยะลา และอำ�เภอยะหา สนิทสนมกับผู้มีอิทธิพลในเมือง ตลอดจนกลุ่มพ่อค้า นักธุรกิจ อีกท้ังยังมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ กลมุ่ พนกั งานรถไฟทก่ี ำ�ลงั มบี ทบาทในสงั คมเมอื งยะลาขณะนนั้ (สนั ทดั นวลสกุล, สัมภาษณ์) การลงสมัครเลือกต้ังในคร้ังนี้ สันนิษฐานได้ว่า นายสาลี่ได้รับการผลักดันจากพ่ีสาว ซึ่งสนิทสนมกับกลุ่มราชครู 68

การเมอื งถิน่ และนักการเมอื งถ่ินจงั หวดั ยะลา ท่ีขึ้นมามีอำ�นาจในประเทศ เหตุผลที่ตั้งข้อสังเกตว่านางตาดและพวก ใกล้ชิดกับกลุ่มราชครูเพราะ ร.ส.พ. เป็นกิจการที่เพิ่งเกิดขึ้นจากการ กอ่ ตัง้ ของกลุ่มราชครแู ละการเลอื กตงั้ ในปี พ.ศ. 2491 เปน็ ผลมาจาก การรัฐประหารปี พ.ศ. 2490 กลยุทธ์การหาเสียงของนายสาลี่น่าจะถูกกำ�หนดโดยพ่ีสาว ทำ�ใหส้ ามารถลม้ ลา้ งคะแนนเสยี งของนายประสาทได้ ประกอบกบั การ ใกล้ชิดกบั อำ�นาจสว่ นกลางทชี่ ว่ ยเสริมให้มบี ารมีเพม่ิ มากขน้ึ “นายประสาท ถกู โจมตวี า่ อยกู่ รงุ เทพฯไมก่ ลบั บา้ น ถกู โจมตจี าก กระแสลบั ๆ วา่ มปี ญั หาชสู้ าว ไดผ้ หู้ ญงิ มสุ ลมิ แลว้ ไมร่ บั ผดิ ชอบ คะแนน จากมสุ ลมิ บางกลมุ่ เลยหายไป และประกอบกบั มสุ ลมิ เองยงั ไมไ่ มม่ ใี คร ลงสมคั รแข่ง” (สนั ทดั นวลสกลุ , สัมภาษณ์) นายสาลไี่ ดร้ บั การสนบั สนนุ การเลอื กตง้ั จากนางตาดผเู้ ปน็ พสี่ าว ทั้งกำ�ลังเงินและกำ�ลังคน ในด้านกำ�ลังเงินพี่สาวเป็นนักธุรกิจชั้นแนว หนา้ ของสงั คมยะลาสมยั นนั้ และมที รพั ยส์ นิ ทเ่ี ปน็ มรดกตกทอดจำ�นวน มาก ยง่ิ ในดา้ นกำ�ลงั คนนางตาดเปน็ ผกู้ วา้ งขวางในยะลาทงั้ ในหมมู่ สุ ลมิ ชาวพุทธและชาวจีน โดยฐานเสียงมุสลิมที่เป็นฐานเสียงสำ�คัญอยู่ใน อำ�เภอยะหา ทำ�ให้การหาเสยี งของนายสาล่เี ปน็ ไปอยา่ งราบรื่น สำ�หรับแนวคิดทางการเมือง เนื่องจากเพิ่งพ้นจากตำ�เหน่ง เสมียนอำ�เภอและเข้าไปทำ�งานสหกรณ์ในระดับพนักงานในช่วงสั้นๆ ยงั ไมไ่ ดค้ ลกุ คลกี บั ชาวบา้ นโดยตรง ความคดิ นา่ จะเปน็ ลกั ษณะเหมอื น ผู้ผ่านระบบราชการในสมัยน้ัน ท่ียังคงคิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของ อำ�นาจ ประชาชนไม่ใช่เจ้าของสทิ ธทิ ่ีสำ�คัญ ผดิ กับพี่สาวท่อี าวโุ สกวา่ 69

นักการเมืองถิน่ จังหวดั ยะลา และผา่ นการพบปะกบั ประชาชนมากกวา่ ทง้ั ในท้องถ่ินและส่วนกลาง แนวทางการการหาเสียง เนื่องจากนายสาล่ี พูดภาษามลายู ได้น้อยมากและพูดไม่เก่งจึงไม่มีการปราศรัยกับคนส่วนใหญ่ ส่วน ประชาชนในเมืองใช้ความได้เปรียบของพ่ีสาวท่ีรู้จักผู้คนมากมาย มี ท้ังเพ่ือน ลูกน้อง ลูกค้า ในหมู่ชาวมุสลิมใช้มุสลิมท่ีใกล้ชิดกับตระกูล กูลณรงค์จากยะหา เดินเคาะประตูบ้านปากต่อปากโดยเฉพาะอำ�เภอ รามนั ทมี่ พี รรคพวกโดยตรงไมม่ าก สำ�หรบั อำ�เภอเบตง อาศยั เครอื ขา่ ย ทางการค้าของพส่ี าวให้ความช่วยเหลือทัง้ ในหมไู่ ทยพุทธ ไทยจีน และ มุสลมิ (สนั ทดั นวลสกุล, สัมภาษณ)์ ตลอดระยะเวลาการเป็นผู้แทนราษฎรนายสาลี่ได้ใช้ความเป็น คนยะลาแท้ๆ ดั้งเดิมคนแรกที่ได้เป็นผู้แทนสร้างความสามัคคีเป็น กันเองในหมปู่ ระชาชนทกุ กลุ่ม นบั เป็นแนวทางทางการเมอื งของนาย สาลใ่ี นสมยั นน้ั เพอ่ื เปน็ การตอบแทนประชาชนผใู้ ชส้ ทิ ธิ (สนั ทดั นวลสกลุ , สัมภาษณ์) การเลือกตงั้ สมัยถดั มานายสาลีไ่ มไ่ ดล้ งสมัคร อาจจะเนื่องจาก การเปล่ียนถ่ายอำ�นาจจากกลุ่มราชครูไปยังจอมพล ป.อีกครั้ง หรือ อาจจะต้องทมุ่ เทเพื่อสรา้ งฐานะของครอบครวั หรอื อาจจะหมดความ ทะเยอทะยานทางการเมืองเน่ืองจากการสมัครในคร้ังแรกมาจากแรง ผลกั ดนั ของพส่ี าวเปน็ หลัก จงึ ปลอ่ ยให้นายประสาท ไชยะโทชนะการ เลือกตงั้ อกี ครั้งหนึ่ง หลังหมดวาระในตำ�แหน่งผู้แทนราษฎรนายสาล่ีหันไปทำ�งาน ในเวทีการเมืองท้องถ่ินได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาล เมืองยะลา 3 ครง้ั คือ ครั้งแรกระหว่างวนั ที่ 10 มิถุนายน 2496 ถงึ วัน ที่ 1 สงิ หาคม 2496 ครงั้ ทส่ี องระหว่างวันที่ 14 ตลุ าคม 2500 ถึงวนั ที่ 70

การเมอื งถนิ่ และนกั การเมืองถ่ินจังหวัดยะลา 9 มถิ ุนายน 2501 และครง้ั ทีส่ ามระหวา่ งวนั ที่ 10 มถิ ุนายน 2501 ถงึ วนั ที่ 23 เมษายน 2503 นายอดุล ภมู ิณรงค์ (พ.ศ.2500/2, 2512, 2522, 2526, 2529) นายอดลุ ภูมณิ รงค์ เป็นลูกหลานชาวมุสลิม 3 จังหวดั ชายแดน ภาคใต้รุ่นแรกๆ ที่มีโอกาสไปเรียนหนังสือและใช้ชีวิตในกรุงเทพฯใน ยุคก่อนปี 2500 นายอดลุ เรียนจบชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 จากโรงเรียน คณะราษฎรบ์ ำ�รุง อ.เมือง จงั หวดั ยะลา ตอ่ จากนนั้ ได้ไปเรียนต่อทาง ด้านพานิชยการที่กรุงเทพฯ จบแล้วทำ�งานเป็นพนักงานบริษัทบีกริม แอนดโ์ ก ในขณะทท่ี ำ�งานกเ็ ปน็ ผจู้ ดั การฟตุ บอลทมี มสุ ลมิ ดว้ ยทำ�ใหเ้ ปน็ ทร่ี จู้ กั มากขน้ึ และแตง่ งานครงั้ แรกกบั บตุ รสาวจฬุ าราชมนตรใี นขณะนน้ั นายอดลุ ภูมิณรงค์ เกิดเม่อื วนั ท่ี 1 เมษายน พ.ศ. 2470 ช่ือเดมิ คือ อับดุลเลาะ นามสกลุ บอื แน เป็นบุตรของนายหะยีหะมะ และนาง ไอซะห์ บือแน พนื้ เพเดิมของครอบครัวเป็นชาวบือเจาะ อำ�เภอยะหริง่ จังหวดั ปัตตานี ก่อนจะพาครอบครวั โยกย้ายไปอยู่ท่บี ้านปยู ดุ อำ�เภอ เมอื ง ปตั ตานี ในเวลาตอ่ มาไดม้ าคา้ ขายละแวกหนา้ สถานรี ถไฟ อ.เมอื ง ยะลา การคา้ ขายเจรญิ กา้ วหนา้ ทำ�ใหร้ ่ำ�รวยจนมเี งนิ ซอ้ื ทดี่ นิ เกบ็ ไวเ้ ปน็ จำ�นวนมาก กลายเปน็ เจา้ ทด่ี นิ ในละแวกถนนสายกลางในตวั เมอื งยะลา และบริเวณใกล้เคยี ง “แมผ่ มกับแบเลาะอดุล เคยอย่บู ้านเดียวกันเมือ่ เดก็ ๆ เราเปน็ ญาติกันทำ�ใหร้ อู้ ะไรบา้ ง” (กณั หา แสงรายา, สัมภาษณ์) นายอดุล ภมู ิณรงคห์ รือทชี่ าวมสุ ลมิ 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ที่รู้จักกันมักจะเรียกว่าแบเลาะอดุลหรือแบเลาะผู้แทน ต้ังแต่ได้เป็น 71

นกั การเมืองถ่นิ จงั หวดั ยะลา ส.ส.คร้งั แรกในปี 2500 คำ�ว่า “แบ”ภาษามลายูแปลวา่ “พ”ี่ และแบคือ คำ�ว่า”บัง”ในภาษาไทยทั่วไปซึ่งมักจะใชเ้ รยี กผชู้ ายมุสลิม ความร่ำ�รวยและความเป็นเจ้าท่ีดินของครอบครัวเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำ�ให้นายอดุล เป็นท่รี ูจ้ ักและยอมรบั ของพนี่ ้องประชาชนชาวมุสลมิ ใน 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้อยา่ งรวดเร็ว ประกอบกับการเป็นลกู เขย จฬุ าราชมนตรที ำ�ใหน้ ายอดลุ เป็นท่ียอมรบั มากขนึ้ ตามไปด้วย เมอ่ื ครง้ั อยกู่ รงุ เทพฯนายอดลุ ไดร้ ว่ มมอื กบั เพอื่ นสนทิ ใหค้ วาม ชว่ ยเหลอื นกั เรยี นและประชาชนจาก 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใตท้ ม่ี าเรยี น หนงั สอื และเดนิ ทางมากรงุ ฯเทพฯ ทำ�ใหเ้ ปน็ ทร่ี จู้ กั และเปน็ ทรี่ กั ของชาว มสุ ลมิ ในพนื้ ทน่ี อี้ ยา่ งกวา้ งขวาง (อดลุ หะสาเมาะ, สมั ภาษณ)์ เนอ่ื งจาก ในอดตี การเดนิ ทางไปกรงุ เทพฯของชาว 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใตไ้ มใ่ ช่ เรอื่ งงา่ ย และเมอื่ ไปถงึ แลว้ ตอ้ งหาคนบรกิ าร หาทพ่ี กั ให้ ถา้ อยชู่ ว่ั คราว กม็ กั จะพกั กบั ผทู้ ม่ี าอยปู่ ระจำ� ไมน่ ยิ มพกั โรงแรม ตา่ งจากปจั จบุ นั ทเ่ี ดนิ ทางด้วยตนเองเป็นไปด้วยความสะดวกหรือมลี ูกหลานของตัวเองท่ีมา เรียนกรงุ เทพฯ คอยบรกิ าร คนบรกิ ารนต้ี ้องเป็นคน 3 จงั หวดั ชายแดน ภาคใตด้ ว้ ยกันและจะหากอ่ นมาโดยอาศยั การบอกเลา่ ต่อๆ กนั ว่าควร จะไปหาใคร ใครเป็นคนมนี ำ้ �ใจ พึ่งพาอาศยั ได้ “พวกอดุล พวกหะสาเมาะ เป็นมุสลิมยะลากลุ่มแรกๆ ท่ีมา บางกอกสมัยน้ัน ผมกับพี่ๆ มาก่อนแล้วมาเรียน ม.8 ต่อหมอ ผม มาเรียนช่าง ทันคลุกคลีกับพวกอดุล เขาเป็นคนรูปหล่อมาก เหมือน พระเอกหนงั อินเดีย (สันทัด นวลสกุล, สัมภาษณ)์ การมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในหมู่เพ่ือนมุสลิมในกรุงเทพฯ เป็น ต้นทุนในการเลือกตั้งอย่างหนึ่งของนายอดุลในยุคปีพ.ศ. 2500 เม่ือ 72

การเมอื งถ่ินและนักการเมืองถิน่ จังหวัดยะลา มีการเลอื กตง้ั ปี พ.ศ. 2500 คร้ังที่ 2 นายอดลุ เดนิ ทางกลับไปลงสมัคร เลอื กตงั้ ที่จังหวดั ยะลา หลงั จากลูกพล่ี ูกนอ้ งช่ือนายเสน่ห์ หะสาเมาะ แพเ้ ลอื กตง้ั แขง่ กบั นายประสาท ไชยะโทในการเลอื กตงั้ ปี 2500/1 ญาตพิ ่ี นอ้ งเลยเรยี กกลบั ไปลงสมคั รเลอื กตง้ั (อบั ดลุ เลา๊ ะ มาศมนั ต,์ สมั ภาษณ)์ “กลบั ไปยะลา ตอนประชมุ ซาวเสยี ง เปดิ ตวั มกี ารลม้ ววั กนิ กอื ดู รี (งานบุญ/เฉลิมฉลอง- ผู้วิจยั ) เป็นสิบตวั เชิญคนท่รี จู้ ักและไมร่ ู้จกั มา กินบุญทั่วจังหวัดยะลารวมท้ังคนดังๆ จากจังหวัดใกล้เคียงด้วย มีคน มาร่วมกันมากมาย ส่วนใหญ่ชักชวนและเห็นดีกับการให้นายอดุล ลงเลือกตงั้ กันทัง้ หมดเลย” (อดุล หะสาเมาะ, สัมภาษณ)์ การทำ�บุญเพื่อเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้วิจัยสันนิษฐานว่า เปน็ ประเพณีของชาวมสุ ลมิ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เม่ือคิดการใหญ่ มกั จะเชญิ ญาตพิ น่ี อ้ งมาหารอื และเลยี้ งดปู เู สอื่ แตใ่ นกรณขี องนายอดลุ ท่ีจัดอย่างใหญ่โตน้ันเข้าใจว่าสืบเน่ืองมาจากนายประสาท ไชยะโทได้ สร้างวัฒนธรรมในการหาเสียงด้วยวิธีการเลี้ยงดูปูเสื่อเอาไว้แล้ว นาย อดุล ซึ่งครอบครัวมีฐานะดีคนหนึ่ง จึงจำ�เป็นต้องจัดและจัดให้ใหญ่ กว่า ครอบครัวนายอดุลได้เปิดบ้านให้เป็นท่ีพักอาศัยพร้อมอาหารแก่ ประชาชนตา่ งถน่ิ เหมอื นนายประสาทดว้ ย (หะซนั ปาละวนั , สมั ภาษณ)์ การเมืองของ 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใตข้ ณะนนั้ เริ่มมกี ารเลย้ี ง ดปู ูเสือ่ อย่างจรงิ จังแลว้ และกอ่ นหน้าน้นั ในจงั หวดั ยะลา นายประสาท เรมิ่ หาเสยี งดว้ ยวธิ กี ารใหเ้ งนิ แกช่ าวมสุ ลมิ คนละ 20 บาทดว้ ย โดยบอก ว่าเป็นการศอดะเกาะฮ์ (บริจาค ให้ทาน-ผ้วู จิ ัย) เพ่อื ใหช้ าวมสุ ลมิ ชว่ ย ขอพรจากพระเจา้ ใหไ้ ดร้ บั ชยั ชนะในการเลอื กตง้ั (อบั ดลุ เลา๊ ะ มาศมนั ต,์ 73

นักการเมอื งถิ่นจังหวดั ยะลา สัมภาษณ์) อีกท้ังด้วยเหตุท่ีการเลือกตั้งเร่ิมมีคู่แข่งขันมากขึ้น การ สร้างการยอมรับจึงเริ่มเข้มข้นมากข้ึนด้วย การพบปะประชาชนต้อง ถ่ีมากข้ึน การพบปะที่เหมาะสมที่สุดสำ�หรับสมัยน้ันคือการจัดเล้ียง อาหารคาวหวานตอ้ นรบั ประชาชนทีไ่ ปมาหาสู่ ในกรณีของนายอดุล น้ันต้องทำ�งานหนักมากข้ึน เพราะเสียงของชาวมสุ ลิมสว่ นใหญ่ให้การ สนบั สนนุ นายประสาทเปน็ ทนุ เดมิ อยแู่ ลว้ เนอื่ งจากนายประสาทสรา้ ง ความผกู พนั มาอยา่ งยาวนาน ในขณะทเี่ สยี งของประชาชนทไ่ี มไ่ ดน้ บั ถอื ศาสนาอิสลามน้ันมีความชัดเจนว่าพร้อมใจกันสนับสนุนนายประสาท ไม่เลอื กผสู้ มัครทเี่ ป็นมลายูมุสลิมอย่างแน่นอน นายอสุ มาน ปาละวัน ญาตสิ นิทนายอดลุ ยังให้ขอ้ มูลเพม่ิ เติมในประเด็นน้อี ีกว่า “นอกจากเปิดบา้ นเลีย้ งดปู เู สอ่ื ผไู้ ปมาหาสู่ หรือจัดเตรียมทพ่ี ัก ต้อนรับผู้มาจากถ่ินไกลได้พักอาศัยแล้ว ใครท่ีเดินทางมาโดยรถยนต์ ซงึ่ ในช่วงปี 2500 ส่วนใหญเ่ ป็นรถจป๊ิ และราคาน้ำ�มนั เบนซินลิตรละ 2 บาท แบเลาะใหค้ า่ น้ำ�มนั ทกุ คน คิดดูวา่ ช่วงน้นั แถวยะลา เพ่ิงจะมีรถ กัน ปัม้ ยังมีไมม่ าก แลว้ รถมกี นั มากหลายคนแลว้ เข้าเมืองตงั้ เปา้ แวะ บ้านแบเลาะ ค่าใช้จ่ายของแบเลาะจะเท่าไร และตอนที่มีโทรทัศน์ถึง ยะลาใหมๆ่ เปน็ โทรทศั น์แบบขาวดำ� แบเลาะซือ้ โทรทศั นม์ าเปดิ คน มาดเู ต็มซอยภูมณิ รงค์ ยงิ่ ช่วงที่เปิดช่องมาเลยค์ นมาเต็มไปหมด บ้าน แบเลาะเลีย้ งทง้ั คืน” การเลือกต้ังในปี 2500 ของนายอดุล เป็นการเลือกต้ังใน บรรยากาศท่ีเรียกว่าแพ้ไม่ได้เพราะญาติสนิทของตระกูลช่ือนายเสน่ห์ หะสาเมาะ ซ่ึงเพ่ิงจะลาออกจากพนักงานธนาคารต้องแพ้แก่นาย 74

การเมืองถิ่นและนักการเมืองถ่นิ จงั หวดั ยะลา ประสาทเมื่อตอนต้นปี อารมณ์แพ้ไม่ได้ของนายอดุลและญาติ คงไม่ แตกต่างจากปัจจุบันท่ีเมื่อไหร่แพ้ไม่ได้ ต้องทุ่มเททุกอย่าง ทั้งกำ�ลัง คน กำ�ลังกาย กำ�ลังเงินและบารมี การลาออกจากพนักงานบริษัทใน กรงุ เทพฯ ของนายอดลุ ท่ตี ้องเลยี้ งดคู รอบครวั คงมีเงนิ เก็บไม่มากนัก เงินทุนเพ่ือใช้จ่ายในการเลือกตั้งจึงน่าจะมาจากเงินของตระกูล “แบเลาะขายท่ีขายทางเพ่ือเล่นผู้แทนทุกคร้ังตั้งแต่สมัยแรกเรื่อยมา แบเลาะไม่มีธุรกิจหรือกิจการอะไร ที่ดินหมดกับผู้แทน (อุสมาน ปาละวัน, สมั ภาษณ)์ ในยุคท่ีเงินมีบทบาทมากข้ึน ในสมัยต่อมาแม้ผู้สมัครจะได้รับ การอุดหนุนจากพรรคการเมืองที่สังกัดอยู่บ้าง แต่การอุดหนุนของ พรรคการเมืองสำ�หรับผสู้ มคั รใน 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้จะน้อยกว่า ของผูส้ มคั รในภาคอืน่ ๆ ดงั นนั้ ผูส้ มัครท่ีใช้เงินเปน็ ปจั จยั สำ�คัญปจั จัย หนงึ่ ในการชนะเลอื กตงั้ หากไมม่ ธี รุ กจิ ของตนเองเปน็ แหลง่ เงนิ ทนุ หลกั ตา่ งล้วนใชท้ ุนทรัพย์หรือทรพั ยส์ ินของครอบครัวหรอื ตระกลู เช่น ท่ีดิน การเลือกตั้งคร้ังท่ี 2 ในปีพ.ศ.2500 เป็นการเลือกต้ังหลังจาก การรฐั ประหาร 16 กันยายน พ.ศ.2500 โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นหัวหน้าคณะนายทหารนำ�กำ�ลังเข้ายึดอำ�นาจของรัฐบาลซึ่งมี จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังการเลือกตั้ง สกปรกและรฐั บาลไดร้ บั การคดั คา้ นจากประชาชนเปน็ อยา่ งมาก (ชาดา นนทวฒั น์ 2552: 228) การเลอื กตง้ั ครง้ั ที่ 2 นม้ี ขี นึ้ เมอ่ื วนั ท่ี 15 ธนั วาคม 2500 เป็นการเลอื กตัง้ ทัว่ ไปครัง้ ท่ี 8 ของประเทศไทย ระบบการเลือก ตงั้ เปน็ แบบรวมเขต ถอื เขตจงั หวดั เปน็ เขตเลอื กตงั้ โดยมหี ลกั เกณฑก์ าร คำ�นวณประชากร 100,000 คน ต่อผแู้ ทนราษฎร 1 คน ทำ�ใหจ้ งั หวดั ยะลามี ส.ส. เพ่มิ เปน็ 2 คนครงั้ แรก กระนั้นกต็ ามการต่อสู้ในสนาม 75

นกั การเมืองถนิ่ จงั หวดั ยะลา เลือกต้ังระหว่างนายอดุล ที่เลือกพรรคสหภูมิเป็นต้นสังกัดและนาย ประสาท ไชยะโททีเ่ ลอื กพรรคเสรมี นงั คสลิ า ก็ยง่ิ เปน็ การตอ่ สทู้ ่ีรุนแรง ชนิดใครแพ้ไม่ได้ (อุสมาน ปาละวัน, สัมภาษณ์) แม้จะมีผู้สมัครเพ่ิม มากขึ้น แต่ตัวเก็งยังคงเป็นนายประสาทและนายอดุล ทั้งคู่ต่างทุ่มเท ทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะ และชนะอย่างเดียวไม่พอ ยังต้องเป็นการ ชนะท่ีหนง่ึ ดว้ ย อย่างไรกต็ าม อายุของสภาฯในสมัยเลอื กตงั้ คร้ังนกี้ ็สัน้ มากอกี ครงั้ หนง่ึ เพราะเกดิ การรฐั ประหารในวนั ท่ี 20 ตลุ าคม 2501 นำ� โดยจอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชตอ์ กี ครง้ั หน่ึง สิง่ ทค่ี วรบันทกึ ไว้อีกขอ้ หน่งึ สำ�หรับการเลอื กต้ังในปี 2500 คอื การท่นี ายเจ๊ะอาแว มะทา เป็นหนง่ึ ในผสู้ มคั ร บคุ คลผูน้ ีเ้ ป็นบิดาของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นักการเมืองชาวยะลาผู้กลายมาเป็น นักการเมืองคนสำ�คัญของประเทศในอีก 22 ปีต่อมา ทำ�ให้นาย วันมูหะมดั นอร์ มีความทรงจำ�กับการหาเสยี งของบิดา และตง้ั ปณธิ าน วา่ จะเรียนหนงั สอื จบแลว้ กลบั มาเลน่ การเมอื งให้ได้ในอนาคต ชว่ งวา่ งเวน้ จากการเลอื กตงั้ ทย่ี าวนานในสมยั รฐั บาลทหารจอม พลสฤษดิ์ ธนะรชั ต์ และจอมพลถนอม กติ ตขิ จร จนมีการเลอื กตงั้ ในปี 2512 ระยะเวลากวา่ สบิ ปีทว่ี ่างเวน้ การเลือกต้ัง นายอดลุ ไมไ่ ดม้ ีธุรกิจ หรอื กจิ การใดๆ ท่ีพอจะรองรบั ฐานะของอดีต ส.ส. หรือผูม้ ชี อื่ เสยี ง ท่ี ตอ้ งแบกภาระคา่ ใช้จ่ายทางสังคมทส่ี งู ลิ่วได้ ย่งิ ชว่ งหลังจากการส้ินสดุ การเป็นส.ส.ใหม่ๆ ก็ต้องรักษาสถานภาพให้เหมือนเดิมเหมือนเม่ือ คร้งั มีตำ�แหน่ง ส.ส. เช่น เวลาไปรว่ มงานบุญประเพณีในโอกาสต่างๆ เคยบริจาคจำ�นวนเท่าใดก็ยังต้องรักษาระดับให้คงเดิมจะลดจำ�นวนลง ไม่ได้เพราะหากมีการเลือกตั้งในเร็ววันก็จะทำ�ให้เครดิตหรือความน่า เชื่อถือลดลงได้ ยิ่งสังคมมุสลิมมีงานบุญประเพณี งานกิจกรรมทาง 76

การเมืองถ่ินและนักการเมอื งถิน่ จังหวดั ยะลา ศาสนาเป็นจำ�นวนมาก ทุกๆ มัสยิด ซึ่งเป็นสถานท่ีประกอบศาสน กิจ ของมุสลิมขนาดใหญ่หรอื สเุ หร่า สถานประกอบศาสนกจิ ขนาดเลก็ ตา่ งกห็ วงั เงนิ ชว่ ยเหลอื จากส.ส. เพราะในอดตี ไมม่ เี งนิ งบประมาณชว่ ย เหลอื จากรัฐบาล “พอ่ ผมนายหะยแี ซะ ปาละวนั เปน็ ญาตผิ พู้ ข่ี องแบเลาะและเปน็ คนสนิทเหมือนท่ีปรึกษาของแบเลาะเห็นมาตลอดว่าแบเลาะต้องมีค่า ใชจ้ า่ ยสูงในการลง ส.ส. ไม่เป็น ส.ส.ก็ยงั มคี ่าใชจ้ า่ ยสงู โดยไม่มธี รุ กิจ มีเพียงรายได้จากบ้านเช่า หรือจำ�เป็นจริงก็จัดสรรท่ีดินของครอบครัว ขายเพื่อเลน่ การเมอื ง” (อสุ มาน ปาละวัน, สัมภาษณ)์ กลยุทธ์ทางการเมืองของนายอดุล เน้นการหาเสียงในงานบุญ ประเพณตี ่างๆ หรอื ทีส่ ังคมมลายูมุสลมิ ใน 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ เรียกว่า มาแกปโู ล๊ะและมาแกแต ซง่ึ แปลตามตัว คอื กนิ ข้าวเหนยี วและ กนิ น้ำ�ชา แตค่ วามหมายทแ่ี ทจ้ รงิ คอื ไปงานกนิ เลยี้ งทตี่ อ้ งจา่ ยเงนิ ใสซ่ อง ให้แก่เจ้าภาพ ไม่มีการปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำ�นวนมาก ทำ�ใหม้ ีค่าใช้จ่ายสูง(อบั ดุลเลา๊ ะ มาศมนั ต,์ สัมภาษณ์) “ยุคสมัยก่อนหน้าวนั นอร์ (นายวนั มหู ะมัดนอร์ มะทา-ผวู้ ิจยั ) มี นายวไิ ลคนเดยี วทห่ี าเสยี งโดยการปราศรยั ทงั้ ภาษาไทยและภาษามลายู พดู ได้เก่งแบบลงิ หลับ มีคนฟังเปน็ พนั ๆ สว่ นอดลุ ประสาท ปราศรยั ไมเ่ ป็น (สนั ทัด นวลสกุล, สมั ภาษณ์) การเลอื กตงั้ ครง้ั ทสี่ องของนายอดลุ เปน็ การเลอื กตง้ั เมอ่ื วนั ท1ี่ 0 กมุ ภาพนั ธ์ 2512 ซ่ึงเปน็ การเลอื กตัง้ คร้ังท่ี 9 ของประเทศไทย ระบบ 77

นกั การเมืองถนิ่ จงั หวัดยะลา การเลือกต้ังเป็นแบบรวมเขต เรียงเบอร์โดยกำ�หนดให้จังหวัดเป็นเขต เลือกตั้ง จำ�นวนประชากร 150,000 คนต่อสมาชิกสภาผู้แทน 1 คน ทำ�ให้จังหวัดยะลากลบั มามผี ้แู ทนเพียง 1 คนอกี คร้งั หนึ่ง ในการเลือกต้ังคร้ังน้ีมีพรรคการเมืองเกิดขึ้นใหม่มากมาย แต่ มีเพียงสองพรรคเท่านั้นที่ส่งผู้สมัครรับเลือกต้ังครบทุกเขต คือพรรค สหประชาไทย พรรครัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร และพรรค ประชาธิปัตย์ พรรคฝ่ายค้านที่มี ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช เป็นหัวหน้า พรรค แตน่ ายอดลุ เลอื กสมคั รอสิ ระ ไม่สังกดั พรรค เนอ่ื งจากกฎหมาย ไมไ่ ดบ้ งั คบั ใหส้ งั กดั พรรค เพราะเชอ่ื มนั่ ในศกั ยภาพของตนเองทงั้ กำ�ลงั คนและกำ�ลังเงนิ ในขณะทคี่ ่แู ขง่ คนสำ�คญั ของนายอดลุ ยงั คงเป็นนาย ประสาท แมว้ า่ จะมผี สู้ มคั รทงั้ พทุ ธและมสุ ลมิ เพมิ่ มากขน้ึ การทนี่ ายอดลุ ไมส่ งั กดั พรรคทำ�ใหต้ อ้ งใชท้ นุ ของตวั เองทั้งหมดในการเลอื กตงั้ ครงั้ นี้ “ช่วงน้ันนายประสาทเร่ิมใช้เงินมากข้ึนสำ�หรับดึงเสียงมุสลิม เพราะความรู้สึกของมุสลิมว่าต้องเลือกมุสลิมเร่ิมเป็นกระแสข้ึนมาอีก ครั้ง การหาเสยี งของกล่มุ แบเลาะ ในหมูช่ าวจีน ไทยพุทธ แบเลาะไม่ เคยโจมตใี คร เพราะแบเลาะไมไ่ ดป้ ราศรยั ประสาทพะวกั พะวงวา่ เสยี ง คนไทย คนจีนแบเลาะจะดึงไปด้วย และเสียงมุสลิมก็หายไปด้วยจาก การระดมของแบเลาะ ตอนนนั้ นอ้ งสาวแบเลาะคนหนงึ่ เปน็ คนหาเสยี ง ในกลุ่มผู้หญิงอยา่ งเตม็ ท่ี ทำ�ใหย้ ะลามเี สยี งผู้หญงิ เปน็ กอบเปน็ กำ�ครัง้ แรก แต่ยงั ไมม่ ีกลมุ่ ผู้หญิงหรือกลุ่มแม่บา้ นอย่างปัจจุบนั ” (อับดุลเล๊าะ มาศมนั ต์, สมั ภาษณ)์ การเลอื กต้ังปี 2512 นายอดลุ ชนะนายประสาท สมาชกิ ภาพ 78

การเมอื งถ่ินและนกั การเมอื งถน่ิ จงั หวดั ยะลา ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดเลือกต้ังครั้งที่ 9 นี้ส้ินสุดลงเพราะ จอมพลถนอม กิตตขิ จรนายกรัฐมนตรีตดั สนิ ใจรฐั ประหารตวั เอง เมื่อ วนั ที่ 17 พฤศจกิ ายน 2514 (ชาดา นนทวฒั น์ 2552 :253 ) นายอดุล ตอ้ งแพ้เลือกต้ังอีกสองครั้งติดตอ่ กันคือ ในปี 2518 ซ่งึ เปน็ การแพ้คร้ัง แรก โดยแพแ้ ก่คูป่ รับคนสำ�คญั คอื นายประสาท ซึง่ สมัครในนามพรรค ธรรมสงั คม และในปี 2519 แกน่ ายอสุ มาน อเุ ซง็ จากพรรคประชาธปิ ตั ย์ ทงั้ น้ีการเลอื กต้งั ปี 2519 พรรคประชาธิปัตย์ ชนะเลือกต้ังหมดทั้งสาม จังหวัดคือปัตตานี ยะลาและนราธิวาส จากการร่วมมือของนายเด่น โต๊ะมีนา นายวชิระ มะโรหบุตร และนายสิดดิก สารีฟ (อารีเพ็ญ อุตรสนิ ธ,ุ์ สัมภาษณ์) นับเป็นเร่ืองท่ีน่าประหลาดใจท่ีนายอดุล ไม่ได้สมัครในนาม พรรคประชาธิปัตย์ท่ีนักการเมืองมุสลิมในพ้ืนที่สมัยนั้นพร้อมใจกันลง สมคั ร เกย่ี วกบั เรือ่ งนี้นายเดน่ โต๊ะมนี า แกนนำ�ในช่วงนัน้ ใหส้ ัมภาษณ์ วา่ “เป็นเพราะพ่ีดุล ไม่เช่ือม่ันในพวกเรา ไม่เชื่อในพรรค ประชาธิปัตย์ ความจริงตอนนั้นหลังการประท้วงใหญ่ท่ีมัสยิดปัตตานี ชมรมโต๊ะครู โต๊ะอีหม่าม ลงมติให้ร่วมสมัครเป็นกลุ่ม เลือกพรรค เดียวกัน แล้วตกลงเราเอาพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนั้นหะยีอามีน พ่ีชายผมเป็นประธานชมรมโต๊ะครู โต๊ะอีหม่ามในสามจังหวัด” (เด่น โต๊ะมีนา, สัมภาษณ์) สอดคลอ้ งกับความทรงจำ�ของนายอารเี พญ็ อุตรสินธ์ุ ซง่ึ ตอน นั้นได้ติดตามและเป็นเลขานุการส่วนตัวของนายสิดดิก สารีฟ ซึ่งเป็น 79

นักการเมอื งถน่ิ จงั หวัดยะลา น้าชาย ที่เป็นแกนนำ�กลุ่มอีกคนหนึ่งของสมัยน้ันท่ีบอกว่า “แบเลาะ เป็น ส.ส.รุ่นเก่าท่ีเชื่อมั่นในตัวเองสูงไม่ยอมรับการทำ�งานเป็นกลุ่ม ไม่เชื่อมั่นคนอ่ืนเลย ปฏิเสธการร่วมกัน ทางกลุ่มเลยรับนายอุสมาน อุเซ็งเข้ามา” เชน่ เดยี วกบั งานวจิ ยั ของนายนจั มดุ ดนี อมู า ส.ส.นราธวิ าสหลาย สมยั ระบถุ งึ เรอ่ื งนใ้ี นหนงั สอื ชอื่ “บทบาททางการเมอื งของกลมุ่ วะหด์ ะฮ์ ใน 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้” วา่ การเลือกตัง้ ในปี 2526 ในจำ�นวน สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในพน้ื ที่ 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใตท้ ง้ั หมด 8 คน เป็นสมาชกิ ในสังกดั พรรคเดียวกันคอื พรรคชาตไิ ทยมากท่สี ุดถงึ 6 คน แตบ่ ทบาท ของกลุม่ ส.ส.พรรคชาตไิ ทย มีน้อยมาก ไม่มีการรวมกลมุ่ การทำ�งานในพน้ื ทม่ี ลี กั ษณะตา่ งคนตา่ งทำ� (นจั มดุ ดนี อมู า, 2553:49) ในจำ�นวน 6 คนนน้ี ายอดุล เปน็ ผู้มีอาวโุ สสูงสดุ ทั้งวัยวุฒแิ ละจำ�นวน ครงั้ ท่ไี ดร้ บั เลือกตงั้ แต่นายอดลุ ไมเ่ คยมบี ทบาทในการนำ�เลย การลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งสองคร้ังของนายอดุลในปี 2518 และปี 2519 เขาไมไ่ ด้ประมาทค่ตู ่อสู้ สอู้ ย่างเต็มที่ และเน่อื งจากเคย ประสบความสำ�เร็จในการหาเสียงกับผู้หญิงมาแล้ว ภรรยาคนท่ีสอง ของนายอดุล คือนางจิระภา ภูมิณรงค์ (รัตตกลุ ) จงึ เปน็ ผู้ควบคมุ การ หาเสยี งในหมผู่ ู้หญิง “ในการเลอื กตง้ั ทง้ั สองครงั้ น.ี้ ...พเ่ี ปน็ มอู ลั ลฟั (มสุ ลมิ ใหม-่ ผวู้ จิ ยั ) พเี่ รม่ิ ในหมเู่ พอื่ นผหู้ ญงิ ปราศรยั กลมุ่ ยอ่ ย กลมุ่ ใหญ่ หดั พดู มาลายจู นใช้ งานได้ เปน็ ทฮ่ี อื ฮามากในสมยั นนั้ แต่ แพก้ ารทำ�งานของประสาท ปี 19 แพก้ ระแสพรรคประชาธปิ ัตย์” (จริ ะภา ภูมิณรงค์ (รัตตกุล), สมั ภาษณ์) เมื่อมีการเลือกตั้งอกี คร้ังหนึง่ ในวนั ท่ี 22 เมษายน 2522 นาย 80

การเมอื งถิ่นและนกั การเมืองถิ่นจังหวดั ยะลา อดุล ลงสมัครรับเลอื กต้งั ในนามพรรคชาติไทยร่วมทมี กับนายเอกราช (กูมะ) กริชระเด่น คนดังในสังคมยะลาคนหนึ่ง คู่แข่งนอกจากนาย อสุ มาน อุเซง็ อดตี ส.ส. ปี 2519 จากพรรคประชาธิปัตย์ นายประสาท ไชยะโท ส.ส.หลายสมัยคู่ปรับเก่าแล้ว ยังมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นักการเมืองหน้าใหม่จากพรรคกิจสังคมท่ีมีฐานเสียงแน่นหนา ในอำ�เภอรามนั ดว้ ย การเลือกตั้งในปี 2522 เป็นการเลือกตั้งครั้งท่ี 14 ของ ประเทศไทย จงั หวดั ยะลากลบั มามี ส.ส.เพิ่มเปน็ 2 คนอกี ครัง้ แม้วา่ นายอดุล จะใชแ้ นวทางในการหาเสยี งรูปแบบเดิมๆ แต่ก็สามารถเอา ตัวรอดชนะการเลือกตั้งได้ ทั้งๆ ท่ีจังหวัดยะลาการเมืองเร่ิมเข้าสู่ยุค ใหม่ ยคุ ทีส่ ามอยา่ งชดั เจน ผ้ใู ช้สทิ ธเิ ลือกต้ังไดร้ บั การศึกษาเพิ่มข้นึ มี การปราศรัยหาเสียงเป็นหลักอย่างจริงจัง โดยผู้สมัครหน้าใหม่ ผสม ผสานกับการหาเสียงแบบเดิม แต่นายอดุล ยังคงหาเสียงในรูปแบบ เดมิ ทเ่ี คยทำ�มาโดยตลอด การเป็นผแู้ ทนราษฎรสมยั เลือกตง้ั ปี 2522 เป็นสมัยท่ีเรมิ่ มงี บ ประมาณพฒั นาจงั หวดั ท่ีผา่ น ส.ส. หรอื ท่เี รยี กกนั ว่า “งบ ส.ส.” ทำ�ให้ ส.ส. สามารถสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมได้ง่ายขึ้นหรือสร้างงานให้หัว คะแนนไดห้ ลายคน แตเ่ มอ่ื พจิ ารณาในจงั หวดั ยะลากลบั ไมเ่ หน็ ผลงาน ของนายอดุล แม้แต่ศาลาท่ีพักผู้โดยสารเพื่อรอรถประจำ�ทาง ซ่ึงถือ เป็นงานยอดนิยมของส.ส. ทง้ั หลาย ทมี่ ักจะเขียนข้อความวา่ ใครให้งบ ประมาณในการกอ่ สรา้ ง กลบั ไมป่ รากฏผลงานของนายอดลุ เชน่ เดยี วกนั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรชดุ นี้ อยใู่ นตำ�แหนง่ ยาวนานเกอื บครบ วาระ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภา เพ่ือจัดให้มีการเลือกต้ังท่ัวไป และได้กำ�หนดให้มีการเลือกตั้งในวันท่ี 81

นักการเมอื งถิน่ จงั หวัดยะลา 18 เมษายน 2526 การเลอื กตง้ั ครง้ั นน้ี บั เปน็ ครง้ั ท1่ี 5 ของประเทศ โดยการ เลอื กตงั้ ใชก้ ฎเกณฑเ์ ดมิ เหมอื นปี 2522 จงั หวดั ยะลายงั คงมสี มาชกิ สภา ผู้แทนราษฎร 2 คน นายอดุล ชนะการเลอื กตั้งในนามพรรคชาตไิ ทย คู่ กบั นายเฉลมิ เบญ็ หาวนั จากพรรคกจิ สงั คม “พรรคทแ่ี บเลาะสงั กดั กร็ กู้ นั อย่วู า่ มเี งินให้มาก เหลมิ ลงพรรคกิจสังคมตอนนัน้ เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ ไดแ้ ค่ 8 หม่ืนบาท”(อาซิส เบญ็ หาวัน, สมั ภาษณ์) นายอดุลใช้วิธีหาเสียงรูปแบบเดิม แม้จะได้เงินทุนสนับสนุน จากพรรคมากกว่าผู้สมัครรายอื่น แต่เช่ือว่าต้องใช้จ่ายมากกว่าเงินที่ ไดจ้ ากพรรค สภาชุดนม้ี อี ายจุ นถงึ วนั ท่ี 31 พฤษภาคม 2529 เพราะพลเอก เปรม ตณิ สลู านนทป์ ระกาศยบุ สภาเนอื่ งจากรฐั บาลแพม้ ตใิ นการเสนอ พระราชกำ�หนดแก้ไขการเก็บภาษีรถยนต์ บางชนิด โดยสมาชิกพรรค รว่ มรฐั บาลบางรายคัดคา้ น ทำ�ใหร้ ฐั บาลต้องลาออกตามมารยาทหรอื ไม่กย็ บุ สภา การเลอื กตง้ั ครงั้ ท่ี 16 มขี น้ึ ในวนั ที่ 27 กรกฎาคม 2529 นายอดลุ ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งหน่ึง นับเป็นชัยชนะครั้งสุดท้าย แม้หลังจาก นั้นพยายามลงสมัครอีก นายอดุล หยุดลงสมัครรับเลือกต้ังเนื่องจาก ปัญหาสุขภาพในปี 2535 นับเป็นการส้ินยุคนักการเมืองจากซอยภูมิ ณรงค์ เนื่องจากนายอดุล ไม่มีทายาทท่ีสนใจทางการเมืองแม้ว่าจะมี ลูกถึง 11 คนจากการแตง่ งาน 3 ครง้ั นายอดลุ เปน็ นกั การเมอื งทเี่ ขา้ สภาตง้ั แตป่ ี 2500 กอ่ นนายชวน หลกี ภัย และยังไดเ้ ป็นส.ส. อกี หลายสมยั ในเวลาต่อมา แมจ้ ะวา่ งเวน้ ไม่ไดร้ บั เลือกต้ังในปี 2518 และ 2519 จนวางมอื จากการเลือกตง้ั ใน ปี 2535 นับเป็นนักการเมอื งถ่นิ ยะลาทีเ่ ปน็ คนข้ามยคุ สมัยจากยุคที่ 2 82

การเมืองถ่นิ และนกั การเมอื งถิน่ จงั หวัดยะลา ไปถึงยุคที่ 4 แต่เนอื่ งจากเป็นนกั การเมืองที่ไม่ไดป้ รบั ตวั ตามยคุ สมยั ตามท่ีผู้ใช้สิทธิเลือกต้ังรุ่นใหม่ ซึ่งมีความคิดใหม่ๆ ตามวิวัฒนาการ ของสังคมและมภี ูมหิ ลังทางสงั คมท่ีแตกตา่ งออกไปตามยคุ สมยั ทำ�ให้ ความเปน็ ส.ส.หลายสมัยของนายอดลุ เปน็ ไดเ้ พียงส.ส. ที่เปน็ ท่ีรูจ้ กั แค่ในท้องถ่ินเท่าน้ัน ไม่อาจจะยกระดับเป็นนักการเมืองระดับชาติ ที่ มีตำ�แหน่งทางการเมือง ไม่เคยอภิปรายในสภา ไม่เคยทำ�งานร่วมกับ ส.ส.มุสลิมใน 3 จังหวดั ชายแดนภาคใตไ้ มว่ ่ากล่มุ ใดๆ หรือทำ�งานร่วม กับ ส.ส.อื่นๆ ไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ จนเป็นท่ีรับฟังของสงั คมทง้ั ประเทศ นายอดลุ ภมู ณิ รงคถ์ งึ แกก่ รรมเมอื่ วนั ท่ี 1 เมษายน 2543 ทบ่ี า้ น ซอยภมู ิณรงค์ อ.เมอื งจังหวัดยะลา ยคุ ทีส่ าม การเลือกต้งั ระหว่างปี พ.ศ. 2518 ถงึ การเลือกตัง้ พ.ศ. 2522 ยุคน้ีเป็นยุคท่ีองค์ความรู้ใหม่ๆ เข้าสู่สังคมยะลามากขึ้น เนื่องจากมีผู้เข้าสู่ระบบการศึกษาและสำ�เร็จกลับมา เป็นยุคหลังเกิด การเรียกร้องประชาธิปไตยโดยนิสิต นักศึกษา ประชาชน เม่ือวันท่ี 14 ตุลาคม 2516 มีนักศึกษาชาวยะลากลับมาเผยแพรป่ ระชาธิปไตย ในบา้ นเกดิ แมจ้ ะทำ�ไดใ้ นวงจำ�กดั แตน่ บั วา่ เปน็ หนอ่ ออ่ นของการสรา้ ง ความสนใจการเลอื กตง้ั มากขนึ้ ในจงั หวดั ยะลาในเวลาตอ่ มา ยคุ นม้ี ี ส.ส. 4 คน แต่เปน็ คนทต่ี กทอดมาจากยคุ ท่ี 2 ถึง 2 คน คอื นายประสาท ไชยะโทและนายอดุล ภูมิณรงค์ คนท่ี 3 ซ่ึงได้เป็น ส.ส. ครั้งแรก และเพียงคร้ังเดียวในยุคนี้คือ นายอุสมาน อุเซ็ง และคนที่ 4 คือ 83

นกั การเมืองถน่ิ จงั หวัดยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ซ่ึงกลายเป็นบุคคลสำ�คัญทางการเมือง ระดับชาติในเวลาต่อมาจวบจนกระทั่งถึงปัจจบุ นั รายละเอียดมดี ังนี้ นายอสุ มาน อุเซง็ (พ.ศ. 2519) นายอุสมาน อุเซ็ง เป็นบุตรของนายฮัจยี อับดุลลาเต็ฟ อุเซ็ง และนางแวมารีแย นามสกุลเดิม แวอูมา นายอุสมานเกิดที่อำ�เภอ บนั นงั สตา จงั หวัดยะลา เมอื่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2492 มพี ี่นอ้ งท้งั หมด 6 คนโดยนายอสุ มานเปน็ พชี่ ายคนโต และในยคุ ตอ่ มานอ้ งชายคอื นาย บรู าฮานดู นิ อเุ ซง็ ไดเ้ ปน็ ส.ส.ของจงั หวดั ยะลาดว้ ย นายอสุ มาน สำ�เรจ็ การ ศกึ ษาระดับประกาศนียบัตรวชิ าการศึกษา (ป.กศ.) ทว่ี ิทยาลยั ครูยะลา บิดาของนายอุสมาน พื้นเพเดิมเป็นชาวตำ�บลยาบี อำ�เภอ หนองจกิ จังหวัดปตั ตานี และมารดาเป็นชาวตำ�บลปูยุด อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดปตั ตานี ทอี่ พยพมาตงั้ รกรากร่นุ แรกๆ ในเขตอำ�เภอบันนงั สตา วัยหนุ่มของบิดาเคยอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย ที่บ้าน TRONG PERASK MALAYSIA และเคยรว่ มขบวนการ API MALAYSIA (Angkatan Pemuda Islam –ขบวนการหนมุ่ สาวอสิ ลาม-ผวู้ จิ ยั ) เคยรว่ มงานกบั Dr. Burhanuddin Abdul Hadee Awang แกนนำ�หลกั ผกู้ ่อต้งั พรรค Parti Islam Semalaysia (PAS) พรรคฝ่ายคา้ นของมาเลเซยี ทพ่ี ยายามจะนำ� หลกั ศาสนาอสิ ลามมาบรหิ ารประเทศ ซงึ่ มอี ทิ ธพิ ลในรฐั กลนั ตนั และตรงั กานู และเนอื่ งจากบดิ าเปน็ ผสู้ นใจและเคลอื่ นไหวทางการเมอื งตงั้ แตย่ งั วยั หนมุ่ จงึ กลา่ วไดว้ า่ นายอสุ มานและนอ้ งๆ ไดร้ บั การปลกู ฝงั ความคดิ ทางการเมืองจากบิดาตั้งแต่ยังเปน็ เด็ก นายอุสมาน อุเซ็ง จึงมีฐานทางการเมืองท่ีเป็นกลุ่มผู้นำ�ทาง 84

การเมอื งถิน่ และนกั การเมืองถิ่นจังหวัดยะลา ศาสนาของบดิ าเปน็ จำ�นวนมาก เพราะนอกเหนอื จากการสนบั สนนุ ของ ชมรมโต๊ะครู โต๊ะอหี ม่าม 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ทล่ี งมติสนบั สนนุ พรรคประชาธิปัตยใ์ นปี 2519 แล้ว (เดน่ โต๊ะมีนา, สัมภาษณ)์ ความ เป็นผู้บุกเบิกทางศาสนาในจังหวัดยะลาและความสนใจทางการเมือง ของนายฮัจยี อับดุลลาเต็ฟผู้เป็นบิดา ท่ีเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดของ หะยสี หุ ลง โตะ๊ มนี า ผนู้ ำ�ศาสนาทยี่ งิ่ ใหญแ่ ละมอี ทิ ธพิ ลทางความคดิ ของ ชาวมสุ ลิมใน 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ หะยีสหุ ลงแนะนำ�ให้เขาอพยพ จากปตั ตานใี หม้ ารบั ผดิ ชอบกจิ กรรมทางศาสนาในเขตอำ�เภอบนั นงั สตา ธารโต และเบตง นายฮจั ยี อบั ดลุ ลาเตฟ็ ยงั เปน็ ผบู้ กุ เบกิ สรา้ งมสั ยดิ กลาง ประจำ�อำ�เภอบันนังสตา และตอ่ มาเขาได้เป็นกรรมการอิสลามประจำ� จงั หวดั ยะลาหลายสมัย จึงทำ�ให้กว้างขวางในกลมุ่ ศาสนา นายอุสมาน มีอาชีพเป็นครูประชาบาลก่อนจะลงสมัครเลือก ตั้ง นอกจากจะจบจากวิทยาลัยครูยะลาและเป็นครูแล้ว นายอุสมาน ยังมีความรู้ทางศาสนาอิสลามมากพอสมควร ในฐานะลูกผู้นำ�ศาสนา จึงเข้ากบั กลุ่มศาสนาไดไ้ ม่ยาก ทำ�ให้มฐี านเสียงท่ีเปน็ กลุ่มศาสนาของ ตัวเองอยู่ด้วย นอกเหนือจากอิทธิพลของบิดาและพรรคแล้ว รวมทั้ง นายอสุ มานสามารถปราศรยั ไดท้ ง้ั ภาษาไทยและภาษามลายู นอกจาก ฐานเสียงจะเป็นกลุ่มศาสนาดังที่กล่าวมาแล้ว ฐานเสียงส่วนตัวของ นายอุสมานอีกส่วนจะเป็นกลุ่มครูตามอาชีพที่ตนเองสังกัด และกลุ่ม คนหนุ่มสาว นายอสุ มาน อเุ ซง็ ลงสมคั รในนามพรรคประชาธปิ ตั ยใ์ นปี 2519 จงึ พกความมน่ั ใจลงสนาม แมว้ า่ จะตอ้ งสกู้ บั นายประสาท ไชยะโท อดตี ส.ส.ปี 2518 และนายอดุล ภูมิณรงค์ อดีต ส.ส.ปี 2512 ที่ม่ันใจว่า ตัวเองจะชนะการเลือกตั้งคร้ังน้ีอย่างแน่นอน “แบเลาะอดุล ไม่คิดว่า 85

นกั การเมอื งถน่ิ จงั หวัดยะลา อุสมานเปน็ คตู่ อ่ สู้ คดิ ว่าคู่ตอ่ สู้ยงั เป็นประสาท ท่ีเพ่ิงชนะเขาใน ปี 18” (อสุ มาน ปาละวนั , สมั ภาษณ)์ นายอุสมาน อุเซ็ง ลงสมัครรับเลือกตั้งในช่วงท่ีประชาชนภาค ใต้เร่ิมจะมีความรู้สึกว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็น “พรรคของเรา” อย่าง อ่อนๆ ทำ�ให้สังคมชุมชนเมืองที่ส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนที่นับถือ ศาสนาพทุ ธและคนไทยเชอื้ สายจนี เทคะแนนใหน้ ายอสุ มาน ประกอบ กับกระแสของชุมชนมุสลิมใน 3 จงั หวัดชายแดนภาคใต้ หลังการเดิน ขบวนประท้วงใหญ่ ท่มี ัสยดิ กลางจังหวดั ปัตตานี ในกรณที หารทำ�รา้ ย ประชาชนที่สะพานกอตอ อำ�เภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีในปลายปี 2518 ทำ�ให้ชาวมุสลมิ ใน 3 จงั หวัดชายแดนภาคใตต้ ้องการ ส.ส. ที่มี ความรู้ และ ส.ส. ที่รวมตวั กันเป็นกลุม่ ด้วย (มขุ สไุ ลมาน, สมั ภาษณ์) จนทำ�ใหพ้ รรคประชาธปิ ัตยไ์ ด้ ส.ส. ทั้งหมดใน 3 จังหวัดชายแดนภาค ใต้ ที่ปัตตานี มีนายเด่น โต๊ะมนี า นายสดุ นิ ภูยทุ ธานนท์ นายสุรพงษ์ ราชมกุ ดา ที่นราธวิ าส มีนายวชิระ มะโรหบุตร นายศริ ิ อับดลุ สา และ นายสดิ ดกิ สารีฟ แนวทางการหาเสียงของนายอุสมานเน้นเร่ืองการปราศรัยท้ัง ภาษาไทยในหมู่ชาวไทยที่ไม่ใช่มุสลิมและภาษามลายูในหมู่ชาวมุสลิม นับเป็นส.ส.คนที่สองท่ีมีการปราศรัยทั้งภาษาไทยและมลายูต่อจาก นายวไิ ล เบญจลกั ษณใ์ นยคุ แรกๆ การปราศรยั มกี ารเสนอนโยบายของ พรรค นบั เปน็ ครง้ั แรกของจงั หวดั ยะลาทม่ี กี ารเสนอนโยบายของพรรค บนเวทปี ราศรยั ในขณะทนี่ ายประสาท และนายอดลุ ไมเ่ คยปราศรยั ยงั ใชว้ ิธีการเดิม โดยใช้ทนุ เปน็ จำ�นวนมากในการพบปะประชาชน เพราะ กฎหมายไมไ่ ด้กำ�หนดเพดานการใชเ้ งิน “การปราศรยั ตอนนนั้ สนุกมาก ถงึ แม้การไปไหนมาไหนลำ�บาก 86

การเมอื งถ่ินและนักการเมอื งถ่นิ จงั หวดั ยะลา ไฟฟ้าตามหมู่บ้านยังไม่มีเลย เราได้กลุ่มศาสนาของอาเย๊าะ (อาเย๊าะ คือคำ�เรียกพ่อ-ผู้วิจัย) ช่วยได้มาก นอกเหนือจากพวกครูของแบ (แบ คอื คำ�เรยี กพีช่ าย-ผวู้ จิ ยั )” (บรู าฮานดู นิ อเุ ซง็ , สัมภาษณ)์ นอกจากความเปน็ ครแู ลว้ อสุ มานยงั เปน็ คนหนมุ่ ทลี่ งแขง่ ขนั กบั ผูส้ ูงวยั อยา่ งนายอดุล และนายประสาทดว้ ย “แบได้แรงสนับสนนุ จาก เยาวชนคนหนมุ่ สาวรวมทงั้ ลกู ศษิ ยล์ กู หาไดม้ าก แมว้ า่ ในชว่ งนนั้ ผมู้ สี ทิ ธ์ ลงคะแนนจะตอ้ งมอี ายุ 20 ปขี น้ึ ไป” (บรู าฮานดู นิ อเุ ซง็ , สมั ภาษณ)์ เมอื่ สอบถามพีน่ อ้ งตระกูล อเุ ซ็ง อีกคนหน่งึ ถงึ กลุ่มผ้หู ญงิ ว่ามีส่วนชว่ ยใน การเลอื กตงั้ ยคุ นน้ั มากนอ้ ยเพยี งใดกไ็ ดค้ ำ�ตอบวา่ “ผหู้ ญงิ สมยั นนั้ ยงั ไม่ ได้สนใจการเลือกตัง้ เป็นกลุม่ เป็นก้อน หรือที่เรยี กว่ากลมุ่ แม่บ้านอย่าง วนั นี้ จะมแี ตส่ นใจเพราะการชกั ชวนของสามี ไมม่ หี วั คะแนนเปน็ ผหู้ ญงิ เหมอื นสมัยน้ี ไมแ่ น่ใจวา่ มีคะแนนจากผู้หญงิ มากนอ้ ยแคไ่ หน” (อริ ิยัส อเุ ซง็ , สมั ภาษณ)์ แตกตา่ งจากสมยั ปจั จบุ นั ทส่ี ามเี ปน็ หวั คะแนน ภรรยา จะเป็นหวั คะแนนในกลุ่มผูห้ ญงิ ในนามกลุ่มแม่บ้านด้วย จงั หวดั ยะลาเคยมคี รใู นพนื้ ทลี่ งสมคั รรบั เลอื กตง้ั แตน่ ายอสุ มาน อุเซง็ เปน็ ครใู นพนื้ ที่คนแรกที่ไดร้ ับเลอื กเปน็ ส.ส. กลมุ่ เพ่ือนครูนับเปน็ ฐานเสยี งสำ�คญั ของเขาดว้ ย ในยคุ นน้ั แมว้ า่ กลมุ่ ครยู งั ไมม่ คี วามชดั เจน ในแง่ของความผูกพันกับพรรคการเมืองต่างๆ แต่ก็เร่ิมรู้สึกว่าพรรค ประชาธปิ ตั ยค์ อื “พรรคของเรา” แมว้ า่ ความรสู้ กึ นย้ี งั ไมแ่ ขง็ กลา้ มากนกั จงึ มกี ารระดมความชว่ ยเหลือนายอุสมาน อยา่ งเต็มที่ อย่างไรก็ตาม นับเป็นเรื่องที่น่าฉงนไม่น้อย ท่ีกระแสพรรค ประชาธิปัตย์เกิดข้ึนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังการเดินขบวน ใหญ่ 44 วนั ในจงั หวดั ปตั ตานเี มอ่ื ปลายปี 2518 ทง้ั นอ้ี าจจะเปน็ เพราะ 87