นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ 4. ทฤษฎชี นชน้ั ผนู้ ำเนน้ ถงึ การมฉี นั ทานมุ ตั ิ (Consensus) ร่วมกันเกี่ยวกับกฎเกณฑ์เบื้องต้นของสังคมเพื่อการอยู่รอดของ ระบบดังตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา ความเชื่อร่วมกันของพวก ชนชั้นนำได้แก่ รัฐบาลที่มีอำนาจจำกัด (limited government) การเลือกตั้งสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล การเคารพในทรัพย์สิน ส่วนบุคคล สำหรับความขัดแย้งหรือการแข่งขันระหว่างกลุ่ม ชนชั้นผู้นำอาจจะเกิดขึ้นได้แต่อาจจะมีลักษณะในทางที่ค่อน ข้างจำกัด 5. นโยบายสาธารณะ (Public policy) จะไม่สะท้อนถึง ความต้องการของมวลชน แต่จะแสดงให้เห็นถึงความต้องการ ของพวกตน ถึงแม้ในบางครั้งจะมีการเปลี่ยนแปลงในนโยบาย สาธารณะแต่การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นเพราะพวกชนชั้นนำ ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงค่านิยมของตน มิใช่เพราะเพื่อ ประชาชน ดังนั้นนโยบายสาธารณะจึงมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลง ไปอยา่ งชา้ ๆ และมขี น้ั ตอน แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามไมไ่ ดห้ มายความวา่ พวกชนชั้นนำผู้มีอำนาจจะสนองความต้องการของประชาชน บ้าง ถ้าเป็นไปเพื่อการรักษาสถานะของตน (Dye R.T. and L.H., 1972) ประเภทของชนชั้นนำ ทฤษฏีชนชั้นนำ ยังสามารถที่จะจำแนกออกได้เป็น 2 รูปแบบด้วยกัน กล่าวคือ The single elite model และ The plural elite model สำหรับในรูปแบบแรก จะเน้นถึงอำนาจ อยู่ในมือของคนกลุ่มน้อยเพียงสองสามกลุ่ม โดยปกติแล้วจะ 38
แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง เป็นการร่วมมือกันระหว่างกลุ่มพ่อค้านักธุรกิจ กลุ่มนายทหาร และข้าราชการ ในรูปแบบที่สองจะเน้นถึงการกระจายอำนาจ ระหว่างกลุ่มผู้นำหลายๆ กลุ่ม ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่ม ผลประโยชน์ต่างๆ ภายในสังคม นอกจากนั้นกลุ่มเหล่านี้ จะแข่งขันกัน เพื่อที่จะอยู่ในอำนาจโดยจะใช้วิถีทางในการ เลือกตั้ง พรรคการเมือง หรือกลุ่มผลประโยชน์เป็นแนวทาง (Robert L., 1971) สิ่งที่เห็นแตกต่างได้ชัดของทั้งสองรูปแบบ ได้แก่ The Single Elite Model จะจำกัดการมีส่วนร่วมของ ประชาชนในการกำหนดนโยบาย และการกำหนดนโยบาย ส่วนใหญ่มักจะตัดสินด้วยคนส่วนน้อย ส่วน The Plural Elite Model จะเน้นถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน Dye และ Zeigles ได้เปรียบเทียบรูปแบบทั้งสอง จะเห็นได้ว่ามีลักษณะแตกต่าง กัน ดังต่อไปนี้ The single elite model 1. อำนาจเกิดมาจากบทบาท หรือตำแหน่งที่ได้มาจาก สถานภาพทางสังคมและทางเศรษฐกิจ ดังนั้นผู้ที่ทรงอำนาจ มักจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสำคัญในทางธุรกิจการเงิน การทหาร หรือสถาบันการเมืองอื่นๆ 2. อำนาจจะอยู่ในกลุ่มของชนชั้นผู้นำตลอดเวลา ถึงแม้จะมีการเลือกตั้งแต่อำนาจทั้งหลายก็คงยังอยู่ในมือของ กลุ่มเดิมอย่างเช่นเคยไม่เปลี่ยนแปลง 3. การเปลี่ยนแปลงจากมวลชนไปเป็นชนชั้นผู้นำนั้น เกิดขึ้นได้ยาก นอกจากว่ามวลชนจะยกฐานะของตนให้มี ตำแหน่งสงู ในสังคม 39
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ 4. สิ่งที่แตกต่างระหว่างชนชั้นนำกับมวลชน เกิดจาก พื้นฐานความสามารถที่จะควบคุมเศรษฐกิจภายในสังคมไว้ได้ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าพ่อค้าหรือนักธุรกิจใหญ่ๆ จะเป็น ชนชั้นนำที่สำคัญ 5. ระบบการเมือง จะมีโครงสร้างคล้ายกับรูปปิรามิด กล่าวคือ อำนาจจะมารวมอยู่ที่ยอดของปิรามิดเพียงจุดเดียว 6. มีความขัดแย้งระหว่างชนชั้นผู้นำด้วยกัน แต่ความ ขัดแย้งเหล่านี้ถูกขจัดให้ลดน้อยลงด้วยแนวความคิดในการที่จะ รักษาระบบให้คงไว้ 7. มวลชนไม่สามารถที่จะมีอำนาจเหนือชนชั้นผู้นำได้ ถึงแม้จะมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งและเข้าร่วมในกิจกรรม การเมืองด้านอื่นๆ Plural elite 1. อำนาจจะถูกกระจายไประหว่างกลุ่มหลายกลุ่มด้วย กันภายในสังคมโดยไม่คำนึงถึงสถานะทางเศรษฐกิจ และทาง สังคม 2. อำนาจจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และจะไม่อยู่ ในมือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยถาวร 3. ความแตกต่างระหว่างชนชั้นผู้นำกับมวลชนเห็นได้ ไม่ชัดเพราะฉะนั้นการหมุนเวียนที่จะเข้าไปสู่อำนาจของมวลชน จึงเป็นไปได้ง่าย 40
แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง 4. ความแตกต่างระหว่างชนชั้นผู้นำกับมวลชนนั้น ขึ้นอยู่กับความสนใจของมวลชนในนโยบายเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะ ฉะนั้นการที่จะเข้าไปมีบทบาทในนโยบาย จึงไม่ จำเป็นจะต้องมีสถานะทางเศรษฐกิจที่ดี แต่อาจจะอาศัยปัจจัย อน่ื ๆ เชน่ ทกั ษะในการเปน็ ผนู้ ำ ความสามารถในการพดู จงู ใจคน เป็นต้น 5. อำนาจจะกระจายอยู่ในมือคนหลายๆ กลุ่ม โดย แต่ละกลุ่มจะมีอำนาจเฉพาะเรื่อง และจะไม่มีกลุ่มใดจะผูกขาด อำนาจทั้งหมดไว้ 6. มีการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มของชนชั้นผู้นำด้วยกัน โดยเชื่อถือในแนวความคิดในการปกครองระบอบประชาธิปไตย มวลชนสามารถจะควบคุมชนชั้นนำด้วยระบบเลือกตั้ง เนื่องจากมีการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มชนชั้นผู้นำด้วยกัน (Robert L. L. and Ira S., 1971) ศรุดา สมพอง และวีระ เลิศสมพร (2550: 5 -10) ได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องนักการเมืองถิ่นจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า นักการเมืองถิ่นในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีวิธีการที่ใช้ในการ หาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ได้เข้าไปเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยวิธีการหาเสียงที่เป็นระบบ จะประกอบไปด้วยปัจจัยที่สำคัญ 2 ประการ ดังต่อไปนี้ 1. แนวคิดในการหาเสียงเลือกตั้ง 2. แนวคิดเกี่ยวกับผู้นำ 41
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ แนวคิดในการหาเสียงเลือกตั้ง การหาเสียงเลือกตั้ง หมายถึง การพยายามหาวิธีการ ต่างๆ เพื่อให้ผู้สมัครได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนผู้ที่มีสิทธิ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ ผู้แทนในสภาผู้แทนราษฎร สำหรับแนวคิดพื้นฐานในการณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง มี ดังต่อไปนี้ การจัดองคก์ ารในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง 1) การจัดองค์การในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอย่าง ไม่เป็นทางการเป็นแนวทางในการจัดองค์กรที่อาศัยภาพของ ปัจเจกบุคคลเป็นหลักในการรณรงค์หาเสียง โดยจะอาศัยความ สัมพันธ์เป็นการส่วนตัวระหว่างผู้สมัครกับญาติมิตร เพื่อนฝูง โดยไม่มีการจัดแบ่งหน้าที่ของบุคลากรอย่างชัดเจน เป็นระบบ เป้าหมายจะเป็นกลุ่มญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนรู้จักเป็นอันดับ แรก คะแนนเสียงที่ผู้สมัครหวังจะได้เป็นกอบเป็นกำ คือ คะแนนเสียงของผู้ที่อยู่ในชนบทที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและ การศึกษาที่ไม่สูงนัก โดยการจัดตั้งจากระบบหัวคะแนน โดยมี รูปแบบของการจัดองค์กรในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตาม ตัวแบบ ดังต่อไปนี้ 42
แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง ภาพท่ี 6 รูปแบบของการจัดองค์การอย่างไม่เป็นทางการ ในการรณรงค์หาเสยี งเลือกตั้ง ผสู้ มัครรบั เลือกตง้ั ญาติพ่นี อ้ ง หรอื เพือ่ นๆ ซึ่งเป็นแกนในการวางแผน ญาต/ิ หรอื เพอ่ื นๆ ญาติ/หรอื เพอื่ นๆ ญาติ/หรือเพอ่ื นๆ ทรี่ ับผดิ ชอบในเขตอำเภอ ที่รับผดิ ชอบในเขตอำเภอ ทีร่ ับผดิ ชอบในเขตอำเภอ หัวคะแนน หวั คะแนน หัวคะแนน 2) การจัดองค์การในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอย่าง เป็นทางการหรือระบบและให้ความสำคัญเกี่ยวกับองค์กร มากขึ้น มีการแบ่งงานกันทำ แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ มีโครงสร้างหน้าที่แตกต่างกันตามภารกิจที่ปฏิบัติ มีเป้าหมาย งานของแต่ละหน่วยงานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ก็มีปัญหาในการ โต้แย้ง การปฏิบัติงานเป็นระบบทางการมากเกินไป จนการ บริหารทรัพยากรบุคคลไม่ดีเท่าที่ควร ไม่สามารถทดแทนกันได้ ในบางเวลา อย่างไรก็ตาม รูปแบบของการจัดองค์การในการ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในทุกรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้นจะมีทั้ง ข้อดีข้อเสียที่ควบคู่กันไป รูปแบบของการจัดองค์กรในการ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งมีรปู แบบดังต่อไปนี้ 43
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ ภาพที่ 7 รูปแบบของการจัดองค์การอย่างเป็นทางการใน การรณรงคห์ าเสียงเลอื กต้ัง ผู้สมคั รรับเลือกตั้ง ผ้จู ัดการรณรงคห์ าเสียงหรอื ญาติพน่ี ้อง ฝ่าย ฝา่ ย ฝ่ายขา่ วและ ฝา่ ย ฝา่ ยวสั ดุและ แผนงาน ปฏบิ ัตงิ าน ประชาสัมพนั ธ์ การเงิน เสบยี ง ดังนั้นในการจัดองค์กรรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่ดี และมี ความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน เหมาะสมกับทุกสภาพพื้นที่ ควรมีการใช้ทั้ง 2 ระบบที่ผสมผสานอยู่ในองค์การเดียวกันดังนี ้ 44
แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ภาพท่ี 8 รูปแบบการผสมผสานระหว่างการจัดองค์กรใน การรณรงค์หาเสียงเลือกต้ังอย่างไม่เป็นทางการและ เป็นทางการ หรือเป็นระบบ ผสู้ มัครรับเลือกตง้ั ผูจ้ ัดการรณรงคห์ าเสียงหรือญาติพ่นี ้อง ฝา่ ย ฝา่ ย ฝ่ายขา่ วและ ญาตเิ พอ่ื นๆ ท่ีรับ แผนงาน ปฏบิ ัติงาน ประชาสัมพนั ธ ์ ผดิ ชอบในเขตอำเภอ ฝา่ ย หัวคะแนน หัวคะแนน การเงนิ ที่มา : สถาบันพระปกเกล้า, 2545. 5 . กรอบในการวิเคราะห์ ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้ทฤษฎีว่าด้วยชนชั้นผู้นำ (Elite Theory) เป็นกรอบในการวิเคราะห์ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อ ไปนี้ ลักษณะที่สำคัญของทฤษฎีผู้นำก็คือ นโยบายถือเป็น ความรับผิดชอบของผู้นำที่ปกครองประเทศ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือ ผู้นำเป็นผู้ที่กำหนดนโยบายนั่นเอง ทั้งนี้เพราะประชาชน 45
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ โดยทั่วไปขาดความสนใจและความรู้ในเรื่องนโยบาย ซึ่งตรงกัน ข้ามกับผู้นำ (Thomas R. Dye Harmon and Zeigler, 1981) สำหรับการนำเอาทฤษฎีผู้นำ (Elite Theory) มาใช้ในการ วิเคราะห์การเลือกตั้งนักการเมืองถิ่นในยุคปัจจุบันนี้ มีการ เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจนก็คือ จะเห็นได้ว่าเมื่อ ประชาชนส่วนใหญ่ (Mass) ของประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มชั้นล่างสุด ได้มีการศึกษามากขึ้น มีการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และ ความรับผิดชอบในหน้าที่ของประชาชนที่ถูกต้องแล้ว ทำให้ ประชาชนในกลุ่มนี้มีอำนาจในการมีส่วนร่วมในการบริหาร ประเทศมากขึ้น นั่นก็คือการที่ประชาชนสามารถที่จะใช้อำนาจ ของตนเองตามระบอบประชาธิปไตยในการคัดเลือกตัวแทน หรือการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรที่ตนเองต้องการให้ได้ เข้าไปตัวแทน โดยพิจารณาถึงตัวแทนที่มาจากพรรคการเมือง ที่มีนโยบายที่ตรงกันกับความต้องการของตนเองมากที่สุด เพื่อ ให้ได้พรรคการเมืองที่มีนโยบายดังกล่าว ได้นำนโยบายของ พรรคการเมืองนั้นไปใช้ในการบริหารประเทศได้ตามความ ต้องการ ดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่ (Mass) จึงเป็นผู้ที่มีอำนาจใน การคัดเลือกตัวแทนของตนเอง คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือพรรคการเมืองที่ต้องการให้ได้เข้าไปบริหารประเทศตามที่ ตนเองหรือประชาชนต้องการได้อย่างแท้จริงในยุคปัจจุบัน นั่นหมายถึงว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนั้นสามารถที่จะ คัดเลือกผู้นำ (Elite) ที่สามารถกำหนดนโยบาย (Policy Decision) เพื่อนำไปใช้ในการบริหารประเทศให้เกิดความเจริญก้าวหน้า 46
แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง มากขึ้น และสามารถที่จะทำการควบคุมตรวจสอบผู้ที่นำ นโยบายไปปฏบิ ตั ิ (Policy Implementation) คอื ขา้ ราชการประจำ และผู้บริหาร (Official/Administrators) ให้สามารถที่จะนำ นโยบายไปปฏิบัติให้บังเกิดผลสำเร็จตามต้องการในที่สุด 47
บ4ทท ่ี การเมืองถิ่น จังหวัดนครสวรรค์ 1. ลำดับเหตุการณ์การเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ เหตุการณ์การเมืองถิ่นของจังหวัดนครสวรรค์นั้น จะนำเสนอการเลือกตั้งและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ จังหวัดนครสวรรค์ ที่เคยได้รับการเลือกตั้งระดับชาติ เริ่มตั้งแต่ วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรครั้งแรก แต่เป็นการเลือกตั้งทางอ้อมโดยวิธี รวมเขตจังหวัดจนกระทั่งการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต เขตละ 1 คน ในลักษณะตามเงื่อนไขของการเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 การเลือกตั้งและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด นครสวรรค์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2554) ประเทศ ไทยได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งสิ้น 24 ครั้ง มีนายกรัฐมนตรี มาแล้ว 28 ท่าน (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 2- 47) สามารถลำดับ เหตุการณ์การเลือกตั้งและรายชื่อของผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดนครสวรรค์ได้ดังนี้ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 1 (15 พ.ย. 2476 – 9 ธ.ค. 2480) ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม ชั่วคราว พุทธศักราช 2475 กำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร (ส.ส.) 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 ซึ่งมาจากการ เลือกตั้งมีจำนวน 78 คน และมีสมาชิกประเภทที่ 2 ซึ่งมาจาก การแต่งตั้ง จำนวน 78 คน สำหรับเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งแรกของประเทศไทย เป็นการเลือกตั้งแบบ “รวมเขต จังหวัด” (เขตจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง) ใช้วิธีการ เลือกตั้ง “ทางอ้อม” โดยให้ราษฎรเลือกผู้แทนตำบลก่อน แล้ว ให้ผู้แทนตำบลเลือกผู้แทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง ใช้อัตราประชากร 200,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน อยู่ในวาระ 4 ปี ทั้งนี้ ส.ส. ชุดที่ 1 สิ้นสุดลงเมื่อครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2480 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 15) ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ของจังหวัดนครสวรรค์ คนแรก คือ นายสวัสดิ์ ยุวะเวส โดยดำรงตำแหน่ง ส.ส. เพียง สมัยเดียว 50
นักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 2 (7 พ.ย. 2480 – 11 ก.ย. 2481) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ประกอบไปด้วย ส.ส. 2 ประเภท ประเภทละ 91 คน คือ สมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้ง และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้งโดยดำรงตำแหน่ง ต่อเนื่องมาจากสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 1 และมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเพิ่มอีก 13 คน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2480 เป็นการ เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนครั้งแรก และใช้ระบบการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขต เขตละ 1 คน ใช้อัตราประชากร 200,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน วาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ส.ส. ประเภทที่ 1 ของสภาชุดนี้สิ้นสุดลงโดยการยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2481 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 16) สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. จังหวัดนครสวรรค์ คือ ขุนอนุกลู ประชากร (วงษ์ พยัควิเชียร) สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดท่ี 3 (12 พ.ย. 2481 – 15 ต.ค. 2488) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ประกอบไปด้วย ส.ส. 2 ประเภท ประเภทละ 91 คน คือ สมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้ง และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้ง โดยเป็นผู้ดำรง ตำแหน่งต่อเนื่องมาจากสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 1 และชุดที่ 2 สำหรับ ส.ส. ประเภทที่ 1 ของสภาชุดนี้มาจากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 เป็นการเลือกตั้งโดยวิธีการ แบ่งเขตเลือกตั้ง ให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีผู้แทนราษฎรได้ 1 คน ถือเกณฑ์ประชากร จำนวน 200,000 คน ต่อผู้แทนราษฎร 1 คน เนื่องมาจากในช่วงการดำรงตำแหน่งของ ส.ส. ชุดนี้ เป็นช่วงที่ 51
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้รัฐบาลไม่สามารถจัดให้มีการ เลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกประเภทที่ 1 ได้ สภาผู้แทน ราษฎรจึงให้ความเห็นชอบ พ.ร.บ. ขยายกำหนดเวลาอยู่ใน ตำแหน่ง ส.ส. ออกไปอีกไม่เกิน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่สมาชิกภาพ สิ้นสุดลงตามที่รัฐบาลเสนอ 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2485 และ ครั้งที่ 2 วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2487 ทั้งนี้ ส.ส. ประเภทที่ 1 ของสภาชุดนี้สิ้นสุดลง โดยการยุบสภา ผู้แทนราษฎร ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2548 (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 16) สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. จังหวัดนครสวรรค ์ คือ พ.ต. หลวงขจร กลางสนาม (ขจร มังกรสุต) และขุนอนุกูล ประชากร (วงษ์ พยัควิเชียร) สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 4 (6 ม.ค. 2489 – 8 พ.ย. 2490) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ประกอบไปด้วย ส.ส. 2 ประเภท ประเภทละ 91 คน คือ สมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้ง และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้ง โดยผู้ดำรงตำแหน่ง ต่อเนื่องมาจากสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 1-3 สำหรับ ส.ส. ประเภทที่ 1 ของสภาชุดนี้มาจากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2489 เป็นการเลือกตั้งโดยตรงแบบแบ่งเขต (เขตละ 1 คน) ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 200,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน สมาชิกประเภทที่ 1 ของสภาชุดนี้สิ้นสุดลง เพราะการทำ รัฐประหารของ พลโท ผิน ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 (สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร, 2548, น : 17) 52
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. นครสวรรค์ใน ครั้งนี้คือ นายเกษม บุญศรี โดยเป็นการได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. สมัยแรก และนายใหญ่ ศวิตชาติ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 5 (6 ส.ค. 2489 – 8 พ.ย. 2490) สภาผู้แทน (ไม่มีคำว่า “ราษฎร” ต่อท้าย) สมาชิกมา จากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน แบ่งเขตเลือกตั้งโดยใช้ เกณฑ์ประชากร 100,000 คนต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรง ตำแหน่ง 4 ปี (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2489) ซึ่งในระยะแรกให้ ส.ส. ที่อยู่ในตำแหน่งก่อนวันที่ใช้รัฐธรรมนูญ (สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 4) ซึ่งเลือกตั้งมาเมือวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2489 จำนวน 96 คน ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนไปก่อน ต่อมาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ได้มีการเลือกตั้ง ส.ส. เพิ่มในอีก 47 จังหวัด (รวมทั้งจังหวัดนครสวรรค์ด้วย) ได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นมาอีก 82 คน รวมเป็น 178 คน สภาชุดนี้สิ้นสุดลง เพราะการทำรัฐประหารของ พลโท ผิน ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 17) สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. นครสวรรค์คนที่ 5 คือ นายสวัสดิ์ คำประกอบ โดยเป็นการได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. สมัยแรก ซึ่งเป็นการเลือกตั้งเพิ่มเติม สภาผูแ้ ทนราษฎร ชุดที่ 6 (29 ม.ค. 2491 – 29 พ.ย. 2494) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 กำหนดให้รัฐสภา มี 2 สภา คือ 1. สภา ผู้แทนจำนวน 99 คน วาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี และ 53
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ 2. วุฒิสภา มาจากการแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 สำหรับ ส.ส. ของสภาชุดนี้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของ ประชาชน เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2491 เป็นการเลือกตั้ง แบบรวมเขตจงหวัด (จังหวัดละ 1 เขต) ใช้เกณฑ์ประชากร 200,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุดลง ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 เพราะการทำรัฐประหารของ พลโท ผิน ชุณหะวัณ (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 18) สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. นครสวรรค์คนที่ 6 คือ นายเกษม บุญศรี โดยเป็นการได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ครั้งที่ 2 และนายใหญ่ ศวิตชาติ ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. สมัยแรก สภาผ้แู ทนราษฎร ชดุ ท่ี 7 (26 ก.พ. 2495 – 25 ก.พ. 2500) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท ประเภทละ 123 คน คือ สมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการ เลือกตั้งใหม่ และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้งชุดเดิม สำหรับสมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของ ประชาชน ใช้วิธีการเลือกตั้งแบบรวมเขตรวมจังหวัด (จังหวัดละ 1 เขต) ใช้เกณฑ์ประชากร 200,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระ การดำรงตำแหน่ง 5 ปี สภาชุดนี้สิ้นสุดลงตามวาระ 5 ปี เมื่อ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2548, น : 19) ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. จังหวัดนครสวรรค์ ในการ เลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่ นายสวัสดิ์ คำประกอบ นางสุนีรัตน์ เตลาน ขุนวิวรณ์ สุขวิทยา 54
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ สภาผู้แทนราษฎร ชดุ ท่ี 8 (26 ก.พ. 2500 – 16 ก.ย. 2500) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 160 คน มาจาก การเลอื กตง้ั เมอ่ื วนั ท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2500 เปน็ การเลอื กตง้ั โดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบรวมเขตจังหวัด (เขตจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง) ใช้เกณฑ์ประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ส.ส. ส่วนใหญ่จะสมัครในนามของ พรรคการเมือง สภาชุดนี้สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 เนอ่ื งจากการกระทำรฐั ประหารของจอมพล สฤษด์ิ ธนะรชั ต์ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 19) สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. จังหวัดนครสวรรค์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้แก่ 1. นายสวัสดิ์ คำประกอบ พรรคเสรีมนังคศิลา 2. นายพิชัย มากวงษ์ พรรคเสรีมนังคศิลา 3. นายวสันต์ อินทรสตู ร พรรคเสรีมนังคศิลา 4. นายใหญ่ ศวิตชาติ พรรคประชาธิปัตย์ สภาผแู้ ทนราษฎร ชดุ ที่ 9 (15 ธ.ค. 2500 – 20 ต.ค. 2501) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 160 คน มาจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 เป็นการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบรวมเขตจังหวัด (ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง) ใช้เกณฑ์ประชากร 150,000 คน ตอ่ ส.ส. 1 คน มวี าระในการดำรงตำแหนง่ 5 ปี สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 เนื่องจากการทำ 55
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ รัฐประหาร ซึ่งนำโดย จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 20) สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. จังหวัดนครสวรรค์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้แก่ 1. ขุนวิวรณ์ สุขวิทยา ไม่สังกัดพรรค 2. นายใหญ่ ศวิตชาติ พรรคประชาธิปัตย์ 3. นายสวัสดิ์ คำประกอบ ไม่สังกัดพรรค 4. นายอวยชัย ธนศรี ไม่สังกัดพรรค สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 10 (10 ก.พ. 2512 – 17 พ.ย. 2514) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้มีจำนวน ส.ส. 219 คน มาจาก การเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นการ เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบ รวมเขตจังหวัด ใช้เกณฑ์ประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มวี าระในการดำรงตำแหนง่ 4 ปี สภาผแู้ ทนราษฎรชดุ นส้ี น้ิ สดุ ลง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 เนื่องจากการทำ รัฐประหารของจอมพล ถนอม กิตติขจร (สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 21) ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. จังหวัดนครสวรรค์ครั้งนี้ ได้แก่ 1. นายสวัสดิ์ คำประกอบ พรรคสหประชาไทย 2. ร.ต.อ. วิชัย ฉายประเสริฐ ไม่สังกัดพรรค 3. นายพิชัย มากคุณ พรรคสหประชาไทย 4. นายใหญ่ ศวิตชาติ พรรคประชาธิปัตย์ 5. นายประเทือง คำประกอบ พรรคสหประชาไทย 56
นักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ สภาผู้แทนราษฎร ชดุ ที่ 11 (26 ม.ค. 2518 – 12 ม.ค. 2519) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 269 คน มาจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 เป็นการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน ใช้การเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็น เขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส.เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออก เป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คน และไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนชุดนี ้ สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2519 โดยพระราชกฤษฎา ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2519 (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2548, น : 22) (นอกจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช พ.ศ. 2517 กำหนดใหม้ วี ฒุ สิ มาชกิ มาจากการเลือกตั้ง จำนวน 100 คน โดยเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 ได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งวุฒิสมาชิก จำนวน 100 คน) 1. นายประสงค์ วงศ์สุนทร พรรคเกษตรสังคม 2. นายประวัติ เนียนภาค พรรคเกษตรสังคม 3. นายใหญ่ ศวิตชาติ พรรคกิจสังคม 4. นายสวัสดิ์ คำประกอบ พรรคเกษตรสังคม 5. นายประเทือง คำประกอบ พรรคเกษตรสังคม 6. นายวสันต์ อินทรสูตร พรรคเกษตรสังคม 57
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดท่ี 12 (4 เม.ย. 2519 – 6 ต.ค. 2519) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 279 คนมาจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 เป็นการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขต เลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส.เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็น เขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คน และ ไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนชุดนี ้ สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เนื่องจากการยึดอำนาจ การปกครองของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน นำโดย พล.ร.อ. สงัด ชะลออยู่ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 22) สำหรับจังหวัดนครสวรรค์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขตละ 2 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 4 คน ผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้งเป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลือกตง้ั ท่ี 1 1. นายธเนศ เตลาน พรรคกิจสังคม 2. นายไชยศิริ ธีรัทธานนท์ พรรคกิจสังคม 3. นายดำรงคพ์ นั ธ์ อสนุ ยี ์ ณ อยธุ ยา พรรคเกษตรสงั คม เขตเลือกตงั้ ท่ี 2 1. นายสวัสดิ์ คำประกอบ พรรคเกษตรสังคม 2. นายวิเชียร เกตุสิงห์ พรรคกิจสังคม 3. นายใหญ่ ศวิตชาติ พรรคกิจสังคม 58
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ สภาผูแ้ ทนราษฎร ชุดท่ี 13 (22 เม.ย. 2522 – 19 มี.ค. 2526) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 301 คน มาจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 เป็นการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขต เลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส.เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็น เขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คน และ ไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุด ลงเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2526 เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2526 (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2548, น : 24) สำหรับจังหวัดนครสวรรค์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขตละ 2 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 4 คน ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การเลอื กตง้ั เป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลือกต้งั ท่ี 1 1. นายประวัติ เนียนภาค พรรคเกษตรสังคม 2. นายประสงค์ วงศ์สุนทร พรรคเกษตรสังคม 3. นายดำรงคพ์ นั ธ์ อสนุ ยี ์ ณ อยธุ ยา พรรคเกษตรสงั คม เขตเลือกตัง้ ที่ 2 1. นายสวัสดิ์ คำประกอบ พรรคเกษตรสังคม 2. นายวสันต์ อินทรสตู ร พรรคเกษตรสังคม 3. นายประเทือง คำประกอบ พรรคเกษตรสังคม 59
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ อนึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้ ไม่มีการจัดตั้งพรรคการเมือง โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติได้มีการจัดองค์กร และหาเสียงในนามของพรรคการเมือง ซึ่งพรรคกิจสังคม มีจำนวน ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้งสูงสุด สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 14 (18 เม.ย. 2526 – 1 พ.ค. 2529) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 324 คน มาจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 เป็นการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขต เลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส.เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็น เขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คน และ ไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุด ลงเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 เนื่องจากมีพระราช กฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2529 (สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 25) สำหรับจังหวัดนครสวรรค์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต เขตละ 2 - 3 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 7 คน ผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้งเป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลอื กตั้งที่ 1 1. นายวีระกร คำประกอบ พรรคกิจสังคม 2. นายประสิทธิ์ พิทูรกิจจา พรรคกิจสังคม 3. นายดิเรก สกุณาวงค์ พรรคชาติไทย 60
นักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ เขตเลอื กตัง้ ท่ี 2 1. นายวสันต์ อินทรสูตร พรรคกิจสังคม 2. นายประสงค์ วงศ์สุนทร พรรคกิจสังคม เขตเลือกต้งั ที่ 3 1. นายสวัสดิ์ คำประกอบ พรรคกิจสังคม 2. นายประเทือง คำประกอบ พรรคกิจสังคม สภาผแู้ ทนราษฎร ชดุ ท่ี 15 (27 ก.ค. 2529 – 29 เม.ย. 2531) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 347 คน มาจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 เป็นการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขต เลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คน และ ไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุด ลงเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2531 เนื่องจากมีพระราช กฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2531 (สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 25) สำหรับจังหวัดนครสวรรค์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขตละ 2 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 4 คน ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การเลอื กตง้ั เป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลอื กตง้ั ท่ี 1 1. นายธเนส เตลาน พรรคกิจประชาคม 2. นายประสาท ตันประเสริฐ พรรคกิจประชาคม 61
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ 3. นายประสิทธิ์ พิทูรกิจจา พรรคสหประชาธิปไตย เขตเลอื กตง้ั ที่ 2 1. นายวสันต์ อินทรสูตร พรรคสหประชาไทย 2. นายบุญชู โรจนเสถียร พรรคกิจประชาคม เขตเลือกต้ังที่ 3 1. นายวิจิตร แจ่มใส พรรคสหประชาธิปไตย 2. นายประเทือง คำประกอบ พรรคสหประชาไทย อนึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้ ส.ส. ทุกคนต้องสมัครรับ เลือกตั้งในนามของพรรคการเมือง และพรรคการเมืองนั้น จะต้องส่งสมาชิกเข้าสมัครรับเลือกตั้งไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ จำนวน ส.ส. ทั้งหมด ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคการเมือง ที่มี ส.ส. ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดคือ พรรคประชาธิปัตย์ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 16 (24 ก.ค. 2531 – 23 ก.พ. 2534) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 357 คน มาจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 เป็นการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขต เลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คน และ ไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุด ลงเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 เนื่องจากมีการยึดอำนาจ การปกครองของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 25) 62
นักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ สำหรับจังหวัดนครสวรรค์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขตละ 2 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 4 คน ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การเลอื กตง้ั เป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลอื กตัง้ ท่ี 1 1. นายวีระกร คำประกอบ พรรครวมไทย (เอกภาพ) 2. นายประสิทธิ์ พิทูรกิจจา พรรครวมไทย (เอกภาพ) 3. นายสนอง รอดโพธิ์ทอง พรรคชาติไทย เขตเลอื กตง้ั ท่ี 2 1. นายบุญชู โรจนเสถียร พรรคกิจประชาคม 2. นายสวัสดิ์ คำประกอบ พรรครวมไทย (เอกภาพ) เขตเลือกตั้งท่ี 3 1. นายวิจิตร แจ่มใส พรรคสหประชาธิปไตย 2. นายประเทือง คำประกอบ พรรครวมไทย (เอกภาพ) อนึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้ ส.ส. ทุกคนต้องสมัครรับ เลือกตั้งในนามของพรรคการเมือง และพรรคการเมืองนั้น จะต้องส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ จำนวน ส.ส. ทั้งหมด ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคการเมือง ที่มี ส.ส. ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด คือ พรรคชาติไทย สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดท่ี 17 (22 มี.ค. 2535 – 30 มิ.ย. 2535) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 360 คน (ตาม บทบัญญัติที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534) มาจากการเลือกตั้งเมื่อ วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2522 เป็นการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการ 63
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ เลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้ง มี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คน และไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์อัตรา เฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศ ต่อ ส.ส. 360 คน หรือ ส.ส. 1 คน ต่อประชากร 150,000 คน ขึ้นไป มีวาระการดำรง ตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2535 ภายหลังจากการเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เนื่องจากพรรคการเมืองและประชาชนคัดค้านการขึ้นมาดำรง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอก สุจินดา คราประยูร (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 26) สำหรับจังหวัดนครสวรรค์มี ส.ส. จำนวน 7 คน ผู้ที่ได้รับ การเลือกตั้งเป็น ส.ส. มีดังต่อไปนี้ 1. นายวีระกร คำประกอบ พรรคสามัคคีธรรม 2. นายประสิทธิ์ พิทรู กิจจา พรรคเอกภาพ 3. นายบุญชู โรจนเสถียร พรรคเอกภาพ 4. นายสวัสดิ์ คำประกอบ พรรคสามัคคีธรรม 5. นายวิจิตร แจ่มใส พรรคสามัคคีธรรม 6. นายธีรวัฒน์ ศิริวันสาณท์ พรรคกิจสังคม 7. นายภิญโญ นิโรจน์ พรรคสามัคคีธรรม อนึ่ง การเลือกตั้งในครั้งนี้ ส.ส. ทุกคนต้องสังกัดพรรค การเมืองและพรรคการเมืองนั้นจะต้องส่งสมาชิกลงสมัคร ส.ส. ไม่น้อยกว่า 120 คน พรรคการเมืองและประชาชนทำการ คัดค้านการขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอก สุจินดา คราประยูร 64
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดท่ี 18 (13 ก.ย. 2535 – 19 พ.ค. 2538) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีจำนวน ส.ส. 360 คน (การ เลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนจะต้องสังกัดพรรคการเมือง และพรรคการเมืองนั้นจะต้องส่งสมาชิกลงสมัคร ส.ส. ไม่น้อยกว่า 120 คน) มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 เป็นการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการ เลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้ง มี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คน และไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์อัตรา เฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศ ต่อ ส.ส. 360 คน หรือ ส.ส. 1 คน ต่อประชากร 150,000 คน ขึ้นไป มีวาระการดำรง ตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2538 (สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร, 2548, น : 27) สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ จังหวัดนครสวรรค์มี ส.ส. ได้ 7 คน โดยผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง ได้แก่ 1. นายภิญโญ นิโรจน์ พรรคชาติพัฒนา 2. นายวีระกร คำประกอบ พรรคชาติไทย 3. นายประสาท ตันประเสริฐ พรรคชาติพัฒนา 4. นายบุญชู โรจนเสถียร พรรคพลังธรรม 5. นายสวัสดิ์ คำประกอบ พรรคสามัคคีธรรม 6. นายประเทือง คำประกอบ พรรคชาติพัฒนา 7. นายธีรวัฒน์ ศิริวันสาณท์ พรรคกิจสังคม 65
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ สภาผ้แู ทนราษฎร ชดุ ท่ี 19 (2 ก.ค. 2538 – 27 ก.ย. 2539) สภาผู้แทนชุดนี้มีจำนวน 391 คน (จำนวน ส.ส. เพิ่มขึ้น เป็น 391 คน เนื่องมาจากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 ที่เปลี่ยนกฎเกณฑ์จำนวน ส.ส. จากเดิมมีจำนวนคงที่ 300 คน เป็นการใช้เกณฑ์ประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน) การเลือกตั้งกำหนดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 เป็นการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้ง แบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส.ไม่เกิน 3 คน ให้ถือ เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส. เกิน 3 คน แบ่งเขต จังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส. ได้ไม่ เกิน 3 คน และไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ สิ้นสุดลงในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2539 เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2539 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 27) สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ จังหวัดนครสวรรค์มี ส.ส. ได้ 7 คน โดยผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง ได้แก่ 1. นายวีระกร คำประกอบ พรรคชาติไทย 2. นายภิญโญ นิโรจน์ พรรคชาติพัฒนา 3. นายสมควร โอบอ้อม พรรคประชาธิปัตย์ 4. นายสุนัย จุลพงศ์ธร พรรคชาติพัฒนา 5. นายบุญชู โรจนเสถียร พรรคประชาธิปัตย์ 6. นายธีรวัฒน์ ศิริวันสาณท์ พรรคกิจสังคม 7. นายประเทือง คำประกอบ พรรคชาติพัฒนา 66
นักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 20 (17 พ.ย. 2539 – 9 พ.ย. 2543) สภาผู้แทนชุดนี้มีจำนวน 393 คน (จำนวน ส.ส. เพิ่มขึ้น เป็น 391 คน เนื่องมาจากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 ที่เปลี่ยนกฎเกณฑ์จำนวน ส.ส. จากเดิมมีจำนวน คงที่ 300 คน เป็นการใช้เกณฑ์ประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน) การเลือกตั้งกำหนดขึ้นเมื่อ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 เป็นการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการ เลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส.ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส. เกิน 3 คน แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้ง มี ส.ส. ได้ไม่เกิน 3 คน และไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวน ประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระในการดำรง ตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ สิ้นสุดลงในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2543 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร, 2548, น : 27) สำหรับจังหวัดนครสวรรค์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต เขตละ 2 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 4 คน ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การเลอื กตง้ั เป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลอื กตง้ั ท่ี 1 1. นายภิญโญ นิโรจน์ พรรคชาติพัฒนา 2. นายประสาท ตันประเสริฐ พรรคชาติพัฒนา 3. นายวีระกร คำประกอบ พรรคความหวังใหม่ 67
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ เขตเลือกตั้งที่ 2 1. นายบุญชู โรจนเสถียร พรรคประชาธิปัตย์ 2. นายสุนัย จุลพงศ์ธร พรรคชาติพัฒนา เขตเลอื กตัง้ ท่ี 3 1. นายวิจิตร แจ่มใส พรรคความหวังใหม่ 2. นายธีรวัฒน์ ศิริวันสาณท์ พรรคกิจสังคม อนึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้ ผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนต้องสังกัด พรรคการเมืองและพรรคการเมืองนั้น จะต้องส่งสมาชิกลงสมัคร รับเลือกตั้งไม่น้อยกว่า หนึ่งในสี่ (99 คน) ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 21 (6 ม.ค. 2544 – 5 ม.ค. 2548) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ เป็นไปตามบทบัญญัติของ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2540 ทก่ี ำหนดให้ สภาผู้แทนราษฎร มี ส.ส. จำนวน 500 คน แบ่งออกเป็น ส.ส. ประเภทบัญชีรายชื่อ (party list) 100 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง โดยตรงของประชาชนทั้งประเทศ (โดยการลงคะแนนให้กับ บัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งที่พรรคการเมืองยื่นต่อ คณะกรรมการเลือกตั้ง พรรคละ 100 รายชื่อ) และ ส.ส. อีกประเภทหนึ่ง คือ ส.ส. แบบแบ่งเขตการเลือกตั้ง มีจำนวน ส.ส.คงที่ คือ 400 คน ทังนี้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 กำหนดการ คำนวณเกณฑ์ประชากรต่อ ส.ส. 1 คน โดยการคำนวณจาก ประชากรทั้งประเทศ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง เฉลี่ยด้วยจำนวน ส.ส. 400 คน (มาตรา 102 รัฐธรรมนูญปี 2540) การเลือกตั้ง 68
นักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นระบบ One Man One Vote และ กำหนดให้เขตเลือกตั้งแต่ละเขต มีจำนวน ส.ส. 1 คน (400 คน 400 เขต) สภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุดลงเนื่องมาจากการดำรง ตำแหน่งครบวาระเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2548 (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 28) สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ จังหวัดนครสวรรค์มี ส.ส. ได้ 7 คน โดยผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง ได้แก่ 1. นายภิญโญ นิโรจน์ พรรคชาติพัฒนา 2. นายสมควร โอบอ้อม พรรคประชาธิปัตย์ 3. นายเกษม ปานอุดมลักษณ์ พรรคไทยรักไทย 4. นายสัญชัย วงษ์สุนทร พรรคไทยรักไทย 5. นายเมธี ฉัตรจินคารัตน์ พรรคไทยรักไทย 6. นายนิโรจน์ สุนทรเลขา พรรคไทยรักไทย 7. พ.ต.ท. บันยิน ตั้งภากรณ์ พรรคไทยรักไทย สภาผู้แทนราษฎร ชดุ ที่ 22 (6 ก.พ. 2548 – 19 พ.ค. 2549) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้มาจากการเลือกตั้งเมื่อ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2548 ตาม รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 กำหนดให้มี ส.ส. 2 ประเภทได้แก่ ส.ส.ประเภทบัญชีรายชื่อ 100 คน และ ส.ส. ประเภทแบ่งเขต เลือกตั้ง จำนวน 400 คน ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 กำหนดการคำนวณเกณฑ์ประชากรต่อ ส.ส. 1 คน โดยคำนวณ จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ ตามประกาศในปีสุดท้ายก่อน ปีที่ทีการเลือกตั้ง เฉลี่ยด้วยจำนวน ส.ส. 400 คน (มาตรา 102 รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540) การเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 69
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ เป็นระบบ 0ne man one vote และกำหนดให้เขตการเลือกตั้ง แต่ละเขต มีจำนวน ส.ส. 1 คน (400 คน 400 เขต) (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2548, น : 29) สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ จังหวัดนครสวรรค์มีจำนวน ส.ส. ได้ 7 คน และแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 7 เขต ผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้งเป็น ส.ส. ประเภทแบบแบ่งเขต ได้แก่ เขตเลือกต้ังที่ 1 นายนายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์ พรรคไทยรักไทย เขตเลอื กตงั้ ที่ 2 นายนายเกษม ปานอุดมลักษณ์ พรรคไทยรักไทย เขตเลือกตั้งที่ 3 นายนายวีระกร คำประกอบ พรรคไทยรักไทย เขตเลอื กตงั้ ท่ี 4 นายนายสัญชัย วงษ์สุนทร พรรคไทยรักไทย เขตเลือกตงั้ ที่ 5 นายนายเมธี ฉัตรจินดารัตน์ พรรคไทยรักไทย เขตเลือกตัง้ ที่ 6 พันตำรวจโทบรรยิน ตั้งภากรณ์ พรรคไทยรักไทย เขตเลือกตัง้ ที่ 7 นายนิโรธ สุนทรเลขา พรรคไทยรักไทย 70
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ สภาผ้แู ทนราษฎร ชุดท่ี 23 (15 พ.ย. 2550 – 10 พ.ค. 2554) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 เป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และครั้งแรกภายหลัง การรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วย สมาชิกจำนวน 480 คน โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน และสมาชิกซึ่งมาจากการ เลือกตั้งแบบสัดส่วนจำนวน 80 คน (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2548, น : 35) การเลือกตั้งครั้งนี้มีการกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งใน เขตและนอกเขตวันที่ 15-16 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยต้องไป ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดได้ ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ส่วนเลือกตั้งในเขตไม่ต้องลงทะเบียน แต่ไปใช้สิทธิได้ สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ จังหวัดนครสวรรค์มีจำนวน ส.ส. ได้ 7 คน และแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 3 เขต ผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้งเป็น ส.ส. ประเภทแบบแบ่งเขต ได้แก่ เขตเลือกตัง้ ท่ี 1 1. นายสมควร โอบอ้อม พรรคประชาธิปัตย์ 2. นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร พรรคประชาธิปัตย์ 3. นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์ พรรคประชาราช 71
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ เขตเลอื กต้ังท่ี 2 1. นายนิโรจน์ สุนทรเลขา พรรคชาติไทยพัฒนา 2. นายสัญชัย วงษ์สุนทร พรรคเพื่อไทย เขตเลอื กตัง้ ที่ 3 1. นายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ พรรคชาติไทยพัฒนา 2. พ.ต.ต. นุกลู แสงศิริ พรรคภูมิใจไทย สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 (3 ก.ค. 2554) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2554 เป็นการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2550 กำหนดใหม้ ขี น้ึ ในวนั อาทติ ย์ ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ตามความในพระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ซึ่งให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2548, น : 35) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับ ที่ 1) พุทธศักราช 2554 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบ ด้วยสมาชิกจำนวน 500 คน โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการ เลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 375 คน และสมาชิกซึ่งมา จากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 125 คน ในระหว่างการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ได้มีข้อเสนอจัดการเลือกตั้งนั้น ซึ่งกำหนดไว้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 จากการ เจรจาระหว่างรัฐบาลกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผดจ็ การ 72
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ แหง่ ชาติ (นปช.) อยา่ งไรกต็ าม นายอภสิ ทิ ธ์ิ เวชชาชวี ะ ได้ระบุใน ข้อเสนอปรองดองว่าเขาจะดำเนินการตามแผนการเลือกตั้ง ต่อไป แม้ว่ากลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลจะปฏิเสธข้อเสนอ ดังกล่าวก็ตาม หากมิได้กำหนดวันเลือกตั้งแน่ชัด ซึ่งแม้ว่า แกนนำ นปช. จะตอบรับข้อเสนอดังกล่าว แต่ยังคงทำการ ชุมนุมต่อไป โดยให้เหตุผลว่ามีเพียงคณะกรรมการการเลือกตั้ง เท่านั้นที่มีอำนาจกำหนดวันเลือกตั้งได้ นายกรัฐมนตรีจึงถอน ข้อเสนอเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 และได้เกิดการ สลายการชุมนุมตามมา สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ จังหวัดนครสวรรค์มีจำนวน ส.ส. ได้ 6 คน และแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 6 เขต ผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้งเป็น ส.ส. ประเภทแบบแบ่งเขต ได้แก่ เขตเลอื กตัง้ ท่ี 1 นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร พรรคประชาธิปัตย์ เขตเลือกต้ังที่ 2 นายดิสทัต คำประกอบ พรรคเพื่อไทย เขตเลือกตงั้ ที่ 3 นายสัญชัย วงษ์สุนทร พรรคเพื่อไทย เขตเลือกตง้ั ที่ 4 พ.ต.ท. นุกลู แสงศิริ พรรคเพื่อไทย เขตเลอื กตั้งที่ 5 นายทายาท เกียรติชศู ักดิ์ พรรคเพื่อไทย 73
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ เขตเลอื กตงั้ ที่ 6 นายประสาท ตันประเสริฐ พรรคชาตพิ ฒั นาเพอ่ื แผน่ ดนิ 2. สรุปภาพรวมเชิงสถิติเกี่ยวกับการเลือกต้ัง จากการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2475 ถึงการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 24 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ประเทศไทยมีการเลือกตั้งทั้งสิ้นเป็น จำนวน 24 ครั้ง โดยที่จังหวัดนครสวรรค์มีการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรมาแล้วทั้งหมดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 42 คน เป็น เพศชาย 41 คน เพศหญิง 1 คน ดังมีรายชื่อสมาชิกสภา ผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งตามลำดับได้ดังนี้ 1. นายสวัสดิ์ ยุวะเวส 2. ขุนอนุกูล ประชากร (วงษ์ พยัฆวิเชียร) 3. นายอรุณ แสงสว่างวัฒนะ 4. พ.ต. หลวงขจร กลางสนาม (ขจร มังกรสุต) 5. นายเกษม บุญศรี 6. นายสวัสดิ์ คำประกอบ 7. นายใหญ่ ศวิตชาติ 8. นางสุนีรัตน์ เตลาน 9. ขุนวิวรณ์ สุขวิทยา 10. นายพิชัย มากวงษ์ 11. นายวสันต์ อินทรสูตร 12. นายอวยชัย ธนศรี 13. ร.ต.อ. วิชัย ฉายประเสริฐ 14. นายประเทือง คำประกอบ 74
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ 15. นายประสงค์ วงศ์สุนทร 16. นายประวัติ เนียนภาค 17. นายธเนศ เตลาน 18. นายไชยศิริ ธีรัทธานนท์ 19. นายดำรงค์พันธ์ อสุนีย์ ณ อยุธยา 20. นายวิเชียร เกตุสิงห์ 21. นายวีระกร คำประกอบ 22. นายประสิทธิ์ พิทรู กิจจา 23. นายดิเรก สกุณาวงค์ 24. นายประสาท ตันประเสริฐ 25. นายบุญชู โรจนเสถียร 26. นายวิจิตร แจ่มใส 27. นายสนอง รอดโพธิ์ทอง 28. นายภิญโญ นิโรจน์ 29. นายธีรวัฒน์ ศิริวันสาณท์ 30. นายสุนัย จุลพงศ์ธร 31. นายสมควร โอบอ้อม 32. นายเกษม ปานอุดมลักษณ์ 33. นายสัญชัย วงษ์สุนทร 34. นายเมธี ฉัตรจินคารัตน์ 35. นายนิโรจน์ สุนทรเลขา 36. พ.ต.ท. บันยิน ตั้งภากรณ์ 37. นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์ 38. นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร 39. นายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ 75
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ 40. พ.ต.ต. นุกลู แสงศิริ 41. นายดิสทัต คำประกอบ 42. นายทายาท เกียรติชูศักดิ์ จากรายชื่อของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด นครสวรรค์ที่ได้รับการเลือกตั้งมาแล้วทั้ง 42 ท่าน ก่อนเข้าสู่การ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เป็นตำแหน่งทางการ เมือง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านธุรกิจการค้า รองลงมาได้แก่ อาชีพราชการ และทนายความ สมาชิกสภาผู้แทนที่อยู่ใน ตำแหน่งนานที่สุด คือ นายสวัสดิ์ คำประกอบ จำนวน 12 สมัย สรุปภาพรวมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด นครสวรรค์ที่ได้รับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ พ.ศ. 2479 ถึง พ.ศ. 2554 มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับการเลือกตั้งที่แตกต่างกันไป ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง มากที่สุด เป็นจำนวน 12 ครั้ง คือ นายสวัสดิ์ คำประกอบ สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นจำนวนครั้งรองลงมาเป็น จำนวน 7 ครั้ง คือ นายประเทือง คำประกอบ และผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้ง รองลงมาเป็นจำนวน 6 ครั้ง คือ นายใหญ่ ศวิตชาติ นายวสันต์ อินทรสูตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้รับการ เลือกตั้งที่มีอันดับรองลงมาเป็นจำนวน 5 ครั้ง มีทั้งสิ้น 2 ท่าน คือ นายวีระกร คำประกอบ และ นายบุญชู โรจนเสถียร ส่วน นายประสงค์ วงศ์สุนทร นายวิจิตร แจ่มใส นายแพทย์ประสิทธิ์ พิทรู กิจจา นายภิญโญ นโิ รจน์ และนายสญั ชัย วงษ์สนุ ทร ได้รับ การเลือกตั้ง เป็นจำนวน 4 ครั้ง ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง เป็น จำนวน 3 ครั้ง มี นายประวัติ เนียนภาค นายดำรงค์พันธ์ อสุนีย์ 76
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ ณ อยุธยา นายประสาท ตันประเสริฐ นายธีรวัฒน์ ศิริวันสาณท์ และนายนิโรจน์ สุนทรเลขา ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นจำนวน 2 ครั้ง ได้แก่ นายเกษม บุญศรี ขุนวิวรณ์ สุขวิทยา นายพิชัย มากวงษ์ นายธเนศ เตลาน นายสมควร โอบอ้อม นายเกษม ปานอุดมลักษณ์ นายเมธี ฉัตรจินคารัตน์ พ.ต.ท. บันยิน ตั้งภากรณ์ และนายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร สำหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้ง เป็นจำนวน 1 ครั้ง มีจำนวนทั้งสิ้น 15 ท่าน ได้แก่ นายสวัสดิ์ ยุวะเวส ขุนอนุกูล ประชากร (วงษ์ พยัควิเชียร) นายอรุณ แสงสว่างวัฒ พ.ต. หลวงขจร กลางสนาม (ขจร มังกรสุต) นางสนุ รี ตั น์ เตลาน นายอวยชยั ธนศรี ร.ต.อ. วชิ ยั ฉายประเสรฐิ นายไชยศริ ิ ธรี ทั ธานนท์ นายวเิ ชยี ร เกตสุ งิ ห์ นายดเิ รก สกณุ าวงค์ นายสนอง รอดโพธิ์ทอง นายสุนัย จุลพงศ์ธร นายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ นายดิสทัต คำประกอบ และนายทายาท เกียรติชศู ักดิ์ 77
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ 78 ตารางท่ี 2 สรปุ การจำแนกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจงั หวดั นครสวรรค์ ตามปพี ทุ ธศักราชทไี่ ดร้ บั การเลอื กตง้ั เป็นสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร ลำดบั รายชอื่ พ.ศ. ท่ีไดร้ ับการเลือกตัง้ เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 1 นายสวัสดิ์ ยุวะเวส 2476 2 ขุนอนุกูล ประชากร 2480 (วงษ์ พยัควิเชียร) 2480 3 นายอรุณ แสงสว่างวัฒนะ 2481 4 พ.ต. หลวงขจร กลางสนาม 2489 2491 (ขจร มังกรสุต) 2489 2495 2500 2500 2512 2518 2519 2519 2522 2526 2531 5 นายเกษม บุญศรี 6 สวัสดิ์ คำประกอบ 2535
ลำดับ รายชอื่ พ.ศ. ท่ีไดร้ ับการเลอื กตง้ั เปน็ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 11 7 นายใหญ่ ศวิตชาติ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 8 นางสุนีรัตน์ เตลาน 2491 2500 2500 2512 2518 2519 9 ขุนวิวรณ์ สุขวิทยา 2495 10 นายพิชัย มากวงษ์ 2495 2500 11 นายวสันต์ อินทรสตู ร 2500 2512 12 นายอวยชัย ธนศรี 2500 2518 2519 2522 2526 2529 13 ร.ต.อ. วิชัย ฉายประเสริฐ 2500 14 นายประเทือง คำประกอบ 2512 15 นายประสงค์ วงศ์สุนทร 2512 2518 2519 2522 2526 2529 2531 2535 16 นายประวัติ เนียนภาค 2518 2519 2522 2526 17 นายธเนศ เตลาน 2518 2519 2522 18 นายไชยศิริ ธีรัทธานนท์ 2519 2529 2519 นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ 79
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ 80 ลำดบั รายชอื่ พ.ศ. ที่ได้รบั การเลอื กตัง้ เป็นสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร 11 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 19 นายดำรงค์พันธ์ อสุนีย์ 2519 2519 2522 ณ.อยุธยา 2519 20 นายวิเชียร เกตุสิงห์ 2526 2531 2535 2535 2548 21 นายวีระกร คำประกอบ 2526 2529 2531 2535 22 นายประสิทธิ์ พิทูรกิจจา 2526 23 นายดิเรก สกุณาวงค์ 2529 2539 2554 24 นายประสาท ตันประเสริฐ 2529 2531 2535 2535 2539 25 นายบุญชู โรจนเสถียร 2529 2531 2535 2539 26 นาย วิจิตร แจ่มใส 2531 27 นายสนอง รอดโพธิ์ทอง 2535 2535 2539 2544 28 นายภิญโญ นิโรจน์ 2535 2535 2539 29 นายธีรวัฒน์ ศิริวันสาณท์ 2539 30 นายสุนัย จุลพงศ์ธร
ลำดบั รายช่ือ พ.ศ. ทไี่ ด้รับการเลอื กตงั้ เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 31 นายสมควร โอบอ้อม 2544 2550 32 นายเกษม ปานอุดมลักษณ์ 2544 2548 33 นายสัญชัย วงษ์สุนทร 2544 2548 2550 2554 34 นายเมธี ฉัตรจินคารัตน์ 2544 2548 35 นายนิโรจน์ สุนทรเลขา 2544 2548 2550 36 พ.ต.ท. บันยิน ตั้งภากรณ์ 2544 2548 37 นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์ 2548 2550 นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ 81 38 นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร 2550 2554 39 นายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ 2550 40 พ.ต.ต. นุกลู แสงศิริ 2550 2554 41 นายดิสทัต คำประกอบ 2554 42 นายทายาท เกียรติชูศักดิ์ 2554
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ 3. ประวัติความเป็นมานักการเมืองถิ่น ในจังหวัดนครสวรรค์ ในส่วนนี้จะเป็นการให้รายละเอียดในด้านประวัติความ เป็นมาของนักการเมืองถิ่น ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งในอดีตและปัจจุบันที่มีความ สำคัญ และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของประชาชนจังหวัดนครสวรรค์ สำหรับวิธีการศึกษานั้น ผู้วิจัยใช้วิธีการสัมภาษณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งในอดีตและปัจจุบันที่มีความสำคัญ และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของประชาชนจังหวัดนครสวรรค์ รวมทั้งผู้ที่มีความรอบรู้และมีประสบการณ์ในเรื่องการเมือง ในจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งสามารถ ประมวลเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับการเมืองถิ่นของจังหวัด นครสวรรค์ ตามรายชื่อนักการเมืองถิ่นที่สำคัญ ดังนี้ 1. นายเกษม บุญศรี 2. นายสวัสดิ์ คำประกอบ 3. นายใหญ่ ศวิตชาติ 4. ขุนวิวรณ์ สุขวิทยา 5. นายประเทือง คำประกอบ 6. นายประสิทธิ์ พิทรู กิจจา 7. นายประสาท ตันประเสริฐ 8. นายวีระกร คำประกอบ 9. นายบุญชู โรจนเสถียร 10. นายประเทือง คำประกอบ 82
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ 11. นายสุนัย จุลพงศ์ธร 12. พันตำรวจโทบรรยิน ตั้งภากรณ์ 13. นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร 14. นายดิสทัต คำประกอบ 15. นายสัญชัย วงษ์สุนทร 16. พ.ต.ท. นุกูล แสงศิริ 17. นายทายาท เกียรติชูศักดิ์ 1. นายเกษม บุญศรี นายเกษม บุญศรี ราชบัณฑิตประเภทวรรณศิลป์ สาขาตันติภาษา นายเกษม บญุ ศรี เปน็ ชาวนครสวรรคโ์ ดยกำเนดิ เปน็ บตุ ร นายดิน และนางน้อม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน 2448 ที่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 7 บ้านเกาะหงษ์ ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีพี่น้องท้องเดียวกัน 12 คน เป็นชาย 11 คน เป็นหญิง 1 คน นายเกษม บุญศรี เป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านศาสนา และ ภาษาบาลี เนื่องจากท่านได้อุปสมบทที่วัดมหาธาตุยุวราช- รังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและภาษา บาลี สอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค จากความรู้อันแตกฉาน 83
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งภาษาบาลีและพระพุทธศาสนา จึงได้รับแต่งตั้งเป็น พระคณาจารย์เอกทางคันถธุระอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาธาตุ วิทยาลัยพระธรรมกถึก และเป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การ ศึกษา ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระศรีสมโพธิ เกียรติประวัติทางด้านวิชาการของท่าน เป็นอาจารย์ พิเศษ สอนวิชาภาษาบาลีและธรรมวิภาคในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้บรรยายวรรณคดีไทยในบัณฑิต วิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สอนวิชาศีลธรรมและ วัฒนธรรมในคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะสตั วบาล มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ และคณะสถติ ศิ าสตร์ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ท่านได้รับแต่งตั้ง เป็นกรรมการฝ่ายต่างๆ ของราชบัณฑิตยสถาน เช่น กรรมการ ชำระปทานุกรม กรรมการบัญญัติศัพท์ภาษาไทย เป็นต้น นอกจากนี้ ท่านยังได้แต่งหนังสือพระพุทธศาสนา และ ภาษาไทยเป็นจำนวนมาก เช่น ตำนานพระไตรปิฎกภาษาไทย การปกครองคณะสงฆ์ไทย การใช้ภาษาไทย เป็นต้น รวมทั้ง หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ซึ่งชนะการประกวดได้รับ พระราชทานรางวัลที่ 1 ถึง 10 ครั้ง ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ราชบณั ฑติ ประเภทวรรณศลิ ป์ สาขาตนั ตภิ าษา สำนกั ศลิ ปกรรม เมื่อ พ.ศ. 2514 ต่อมาได้รับเข็มเกียรติคุณทองคำจากสภามหา- จุฬาลงกรณ์ราชวทิ ยาลัย เมอ่ื พ.ศ. 2522 และได้รบั พระราชทาน อักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสภาจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2525 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ 84
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ พระราชทานคือ ประถมาภรณ์มงกุฎไทย และทวีติยาภรณ์ ช้างเผือก สำหรับชีวิตทางด้านการเมืองของ นายเกษม บุญศรี หลังจากลาสิกขาเมื่อ พ.ศ. 2489 แล้ว ท่านได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครสวรรค์ 2 สมัย และจังหวัด พระนคร 2 สมัย และได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัย 2. นายสวัสดิ์ คำประกอบ นายสวสั ด์ิ คำประกอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (17 เม.ย. 2535 - 24 พ.ค. 2535) นายสวัสดิ์ คำประกอบ เป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ โดยกำเนิด เกิดที่บ้านเขาพนมรอก ต.พนมรอก อ.ท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2462 มีพี่น้อง ท้องเดียวกัน 12 คน เป็นชาย 6 คน เป็นหญิง 6 คน นายสวัสดิ์ คำประกอบ เป็นที่มีความรู้ทางด้านวิชาครู ปป. โดยจบการศึกษาจากโรงเรียนฝึกหัดครูพระนคร ที่วังปารุ- สกวัน กรุงเทพฯ การเรียนฝึกหัดครูในสมัยก่อนนั้นจะคัดเลือก นักเรียนที่มาจากผลการเรียนที่สอบได้เป็นอันดับ 1 ของแต่ละ จังหวัดมาเข้าเรียน ทุกคนจะต้องเป็นนักเรียนประจำ และมีทุน การศึกษาให้ จึงทำให้นายสวัสดิ์ คำประกอบ มีความสามารถ 85
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ ในการพูดและการสื่อสารได้เป็นอย่างดี อันเป็นพื้นฐานที่สำคัญ ในการเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพของประเทศไทย และส่งผล ให้นายสวัสดิ์ คำประกอบ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของจังหวัดนครสวรรค์ มากที่สุด คือ 12 สมัย นายสวัสดิ์ คำประกอบใช้เวลาเรียนที่โรงเรียนฝึกหัดครูเป็นระยะเวลา 2 ปี (พ.ศ. 2478-2479) เมื่อจบการศึกษาแล้ว จึงได้ไปเริ่มต้นชีวิตการ เป็นครูที่โรงเรียนชายจังหวัดนครสวรรค์ (โรงเรียนประจำจังหวัด นครสวรรค์ปัจจุบัน) ใน พ.ศ. 2480 เร่ิมต้นของชีวิตการรับราชการ นายสวัสดิ์ คำประกอบได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานตั้งแต่ อายุไม่ครบ 18 ปี โดยบรรจุเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนประจำ จังหวัดนครสวรรค์ และบรรจุเป็นครูใหญ่โรงเรียนประชาบาล วัดพรหมจริยาวาลในที่สุด โดยได้รับเงินเดือน 34 บาท แต่หาก นายสวัสดิ์ คำประกอบมีอายุครบ 18 ปี ก็จะได้รับเงินเดือน 50 บาท ในสมัยนั้น การเป็นครูโรงเรียนประชาบาลไม่ได้มีฐานะ เป็นข้าราชการดังเช่นปัจจุบัน สาเหตุนี้เองทำให้ เมื่อนายสวัสดิ์ คำประกอบ ได้เป็นรัฐมนตรี ใน พ.ศ. 2500 จึงได้เสนอให ้ คณะรัฐมนตรีออกกฎหมาย ยกฐานะครูประชาบาลให้เป็น ข้าราชการตั้งแต่นั้นมา นายสวัสดิ์ คำประกอบ ได้เริ่มต้นเข้าสู่ถนนการเมือง โดยการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกเทศบาล โดยการ เชื้อเชิญจากข้าหลวงจังหวัดนครสวรรค์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดใน ยุคปัจจุบัน) ในสมัยนั้น คือ พระสมัครสโมสร โดยบอกกับ นายสวัสดิ์ คำประกอบว่า “คุณจบปริญญาตรีมา น่าจะมาเป็น 86
นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดนครสวรรค์ นายกเทศบาล” (ทั้งจังหวัดสมัยนั้นมีคนที่จบปริญญาตร ี เพียงคนเดียวเท่านั้น) นายสวัสดิ์ คำประกอบ ได้ศึกษา จบอนุปริญญาธรรมศาสตร์ใน พ.ศ. 2484 และได้ปริญญา ธรรมศาสตร์และการเมือง ใน พ.ศ. 2485 โดยได้รับปริญญาจาก หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ใน พ.ศ. 2487 ข้าหลวงนครสวรรค์ พระสมัครสโมสร จึงได้เสนอชื่อนายสวัสดิ์ คำประกอบ ให้หลวงพรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งให้เป็นนายกเทศบาล เมืองนครสวรรค์ ใน พ.ศ. 2487 – 2488 รวมระยะเวลา 1 ปี และ ได้ลาออกมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ใน พ.ศ. 2489 และได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนครั้งแรกตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้ง รวมทั้งสิ้น 12 สมัย คือ ใน พ.ศ. 2489, 2494, 2500, 2500 (ธันวาคม), 2512, 2518, 2519, 2522, 2526, 2531, 2535/1 และ 2353/2 นอกจากนั้น นายสวัสดิ์ คำประกอบ ยังได้เป็นสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญอีกเป็นจำนวน 3 ครั้ง คือ พ.ศ. 2512, 2519 และ 2539 (สสร.1) นอกจากนั้น ใน พ.ศ. 2514-2517 นายสวัสดิ์ คำประกอบ ได้ตั้งทีมเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสวรรค์ ครั้งที่ 2 ผลปรากฏว่า นายสวสั ด์ิ คำประกอบ ไดร้ บั การเลือกต้ังให้เป็นนายกเทศมนตรี เป็นครั้งที่ 2 ได้ก่อสร้างอุทยานสวรรค์ ขึ้นเป็นสถานที่พักผ่อนที่ สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์มาจนถึงปัจจุบันนี้ และยังได้สร้าง สนามกีฬากลางของจังหวัดนครสวรรค์ให้กับชาวนครสวรรค ์ 87
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242