นกั การเมืองถนิ่ จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา นายอุทัย ชณุ หจนั ทร์ นายอุทยั ชณุ หจนั ทร์ เป็นชาวอ�ำ เภอบางบาลจังหวดั พระนคร- ศรีอยุธยา ตระกูลชุณหจันทร์เป็นตระกูลดั้งเดิมมีฐานะทางเศรษฐกิจ มั่นคงมีที่นาให้เช่าเป็นจำ�นวนมาก นายอุทัยได้ไปประกอบธุรกิจที่ กรุงเทพ ธุรกิจที่เป็นที่รู้จักกันโดยท่ัวไปคือ ร้านอาหารศรแดงซ่ึงเป็น ร้านอาหารเก่าแก่ของกรุงเทพ ตั้งอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตระกูลชณุ หจนั ทร์ ไดส้ รา้ งถาวรวตั ถุ เชน่ โรงเรยี น วดั โดยไดบ้ ริจาค เงนิ สรา้ งโรงเรยี นวดั จฬุ ามณี (ชณุ หจนั ทรป์ ระชาสรรค)์ ในปี พ.ศ. 2509 นายอุทัย ได้บริจาคเงินก่อนสร้างอาคารเรียนจำ�นวนสามแสนส่ีหม่ืน ห้าพันบาทถ้วน นายอุทัยเข้าสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยการสนับสนนุ ของนายประเสรฐิ บุญสม การหาเสยี งของนายอทุ ยั อาศยั ฐานทางเศรษฐกจิ และความกวา้ งขวาง ของตระกลู การบรจิ าคทรพั ยส์ นิ สรา้ งสาธารณปู โภค และถาวรวตั ถตุ า่ งๆ รวมกบั การสนบั สนนุ จากฐานเสยี งของ นายประเสรฐิ บญุ สม นายอทุ ยั (ปัญญา น้ำ�เพชร, 2552) ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร และไดร้ บั การเลอื กตงั้ เพยี งสมยั เดยี วคอื ในการเลอื กตงั้ เมอื่ วนั ท่ี 26 มกราคม พ.ศ. 2518 ในนามพรรคสังคมชาตนิ ยิ ม ต่อมาไดร้ ับการ แตง่ ตัง้ ใหด้ �ำ รงตำ�แหนง่ รัฐมนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงสาธารณสขุ เม่ือ วนั ท่ี 17 มนี าคม พ.ศ. 2518 ในสมยั รฐั บาล ม.ร.ว. คกึ ฤทธิ์ ปราโมทย์ (ส�ำ นกั งานเลขานกุ ารสภาผแู้ ทนราษฎร,ส�ำ นกั วชิ าการ,กลมุ่ งานวชิ าการ 1,2551)และข้อมลู จาก (อุทัย ชณุ หจนั ทร,์ 2553) นายเสรี มโยทาร นายเสรี มโยทาร เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด 88
ข้อมูลนักการเมืองถนิ่ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา พระนครศรอี ยธุ ยา ซง่ึ ไดร้ บั เลอื ก เมอ่ื วันท่ี 4 เมษายน พ.ศ. 2519 ใน พนื้ ทเ่ี ขต 1 ในนามพรรคสงั คมชาตนิ ยิ มซงึ่ มนี ายประสทิ ธ์ิ กาญจนวฒั น์ เป็นหัวหน้าพรรค นายเสรีมีฐานเสียงในเขตอำ�เภออุทัย เนื่องจากรับ ราชการเป็นเกษตรอำ�เภอ มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับกำ�นัน ผู้ใหญ่ บ้าน และผู้นำ�ชุมชนเป็นอย่างดี ประกอบกับเป็นคนพูดมีหลักการ เน้นการชูนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรให้ขายผลผลิตราคาดี ปลดหน้ี ธ.ก.ส. เนอ่ื งจากรบั ราชการเปน็ เกษตรอ�ำ เภอจงึ รูแ้ ละเข้าใจปัญหาของ เกษตรกรไดด้ ี ท�ำ ใหเ้ ปน็ จดุ ส�ำ คญั ทไี่ ดร้ บั การเลอื กตงั้ นายเสรลี งสมคั ร และไดร้ บั การเลอื กตงั้ เพยี งสมยั เดยี วและอยใู่ นต�ำ แหนง่ เพยี งไมก่ เี่ ดอื น เน่ืองจากในวนั ที่ 6 ตุลาคม 2519 เกดิ ความรนุ แรงทางการเมอื ง และ พล.ร.อ. สงดั ชลออยู่ เขา้ ยดึ อ�ำ นาจประกาศยบุ สภา ยกเลกิ รฐั ธรรมนญู และแตง่ ตงั้ ใหน้ ายธานนิ ทร์ กรยั วเิ ชยี ร เปน็ นายกรฐั มนตรี และไมม่ กี าร เลือกตงั้ จนถงึ วันท่ี 22 เมษายน พ.ศ. 2522 จงึ ประกาศใหม้ กี ารเลือก ตั้ง (ปัญญา น้ำ�เพชร, 2552) นายสมพงษ์ ตรสี ขุ ี นายสมพงษ์ ตรีสุขี เป็นคนอำ�เภอเสนา จังหวัดพระนคร ศรอี ยุธยา ประกอบอาชพี นกั ธุรกิจ ท�ำ โรงเร่อื ยและคา้ ไม้ เปน็ ศิษยเ์ ก่า และนายกสมาคมโรงเรียนเสนาเสนาประสิทธิ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยม ประจำ�อำ�เภอ ทำ�ให้มีเครือข่ายกว้างขวางโดยเฉพาะในกลุ่มพ่อค้า นักธุรกิจ นายสมพงษ์ ลงสมัครและได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เขต 2 เมอื่ วนั ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 ในนามพรรคเกษตรสงั คมซงึ่ มีนายเสวตร เปี่ยมพงศ์ศานต์ เปน็ หวั หนา้ พรรค (ปญั ญา น้�ำ เพชร, 2552) ซ่ึงในการเลอื กต้งั ครัง้ น้นั 89
นักการเมืองถนิ่ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา ผู้สมัครจากพรรคเกษตรสังคมของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับ เลอื กถงึ 3 คน จาก 4 คน คือ นายสมพงษ์ ตรสี ขุ ี นายมนตรี พงษ์ พานิช และนายบุญพันธ์ แขวัฒนะ (สำ�นักงานเลขานุการสภาผู้แทน ราษฎร,ส�ำ นักวิชาการ, กลมุ่ งานวิชาการ 1,2551) สาเหตสุ ำ�คญั ทีไ่ ดร้ ับ การเลือกต้ังก็คือ ฐานะทางเศรษฐกิจ และความกว้างขวางในหมู่นัก ธุรกิจ และผู้นำ�ท้องถ่ิน ตลอดจนระบบการบริหารจัดการเลือกต้ังท่ีมี ประสิทธภิ าพ นายสายัณห์ สากิยะ นายสายัณห์ สากิยะ เป็นคนอำ�เภอผักไห่จังหวัดพระนคร- ศรีอยุธยา ประกอบอาชีพรับราชการเป็นเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข ใน หลายพ้นื ท่ี มคี วามสัมพันธก์ บั ชมุ ชน ก�ำ นัน ผใู้ หญบ่ า้ น ตลอดจนกลุ่ม อสม. เป็นอยา่ งดี บคุ ลิกสว่ นตัวเป็นคนตลกมอี ัธยาศยั ดีเป็นที่ช่นื ชอบ ของประชาชนทว่ั ไป เขา้ สสู่ นามการเลอื กตงั้ โดยการสนบั สนนุ ของ นาย ประเสริฐ บญุ สม (ปัญญา น�ำ้ เพชร, 2552) นายสายณั ห์ ลงสมคั รรบั เลอื กตง้ั และไดร้ บั การเลอื กเปน็ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยาเพียงสมยั เดยี ว คือ ในการ เลือกตัง้ เม่อื วันท่ี 22 เมษายน พ.ศ. 2522 เขต 2 ในนามพรรคชาติ ประชาธปิ ไตย (สำ�นกั งานเลขานกุ ารสภาผู้แทนราษฎร, สำ�นกั วิชาการ, กลุม่ งานวิชาการ 1,2551) นายพงษอ์ ดุ ม ตรีสุขี นายพงษ์อุดม ตรสี ขุ ีเกดิ เม่อื วนั ท่ี 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 ท่ีอำ�เภอเสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรนายสมพงษ์ และ 90
ข้อมลู นกั การเมืองถน่ิ จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา นางอบุ ล ตรสี ขุ ี จบการศกึ ษาปรญิ ญาโท ลงสมคั รรบั เลอื กตงั้ แทนนาย สมพงษผ์ เู้ ปน็ บดิ าและใชฐ้ านคะแนนของนายสมพงษ์ ไดร้ บั การเลอื กตงั้ เป็นสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรจำ�นวน 3 สมัย (พงษอ์ ุดม ตรีสุขี,2553) http://khonthai.com/election/result/ss พันเอกณรงค์ กติ ติขจร เกดิ เม่อื วันที่ 21 ตลุ าคม พ.ศ. 2476 เป็นบตุ รจอมพลถนอม กติ ตขิ จร และท่านผหู้ ญิงจงกล เกดิ ที่จงั หวัดกรงุ เทพมหานคร จบการ ศกึ ษาวิชาการทหารจากโรงเรยี น นายรอ้ ย แซนด์เฮริ ส์ ประเทศองั กฤษ เมือ่ พ.ศ. 2498 สมรสกับนางสุภาพร กติ ตขิ จร บตุ รสาวคนที่ 3 ของ จอมพลประภาส จารุเสถยี ร (ณรงค์ กิตขิ จร, 2553) ในเหตกุ ารณ์ วันท่ี 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 พันเอกณรงค์ เป็น ผู้มีบทบาทสำ�คัญโดยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งการให้ใช้ความรุนแรงกับ ประชาชน และเป็นผู้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์และกราดยิงกระสุนจริง ลงมา ยังผทู้ ี่ชมุ นุมอยเู่ บ้ืองลา่ ง บริเวณอนุสาวรยี ์ประชาธปิ ไตย ซึ่งในเรอื่ งน้ี พันเอกณรงค์ก็ได้ออกมาปฏเิ สธโดยตลอด หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารเุ สถียร และ พนั เอกณรงค์ กติ ตขิ จร ตอ้ งหนอี อกนอกประเทศ จนกระทงั่ เหตกุ ารณ์ สงบลง จึงกลับประเทศไทย และเป็นผู้ก่อต้ังพรรคการเมืองชื่อพรรค เสรนี ยิ มในปี พ.ศ. 2524 นายประมวล สภาวสุ นายประมวล สภาวสุ เกดิ เมอื่ วนั ท่ี 29 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2470 ทจ่ี งั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา สมรสกบั คณุ หญงิ ศรปี ระพาฬ สภาวสุ มี 91
นักการเมอื งถิน่ จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา บตุ รธดิ ารวม 5 คน มธั ยมศกึ ษาจากโรงเรยี นวดั บวรนเิ วศสอบไลไ่ ดต้ าม หลกั สตู รชน้ั เตรยี มปรญิ ญาแหง่ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรแ์ ละการเมอื ง พ.ศ. 2488-2489 (“นายประมวล สภาวส”ุ , 2553, วกิ พิ เี ดยี ) นายประมวล นับเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ดำ�รง ตำ�แหน่งยาวนานและเป็นท่ีรู้จักอย่างกว้างขวางระดับประเทศ ใน ขณะที่ดำ�รงตำ�แหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังน้ันเป็นช่วงเวลา ที่เศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวสูงท่ีสุดในประวัติศาสตร์ด้วยอัตรา การขยายตวั รอ้ ยละ 11 การสง่ ออกเติบโตเป็นประวัติการณ์โดยสนิ ค้า ขา้ วเพิ่มข้นึ ถงึ รอ้ ยละ 50 สนิ คา้ อุตสาหกรรมเพม่ิ ข้ึนรอ้ ยละ 40 ทำ�ให้ ประเทศไทยสามารถตั้งงบประมาณแผ่นดินแบบ “สมดุล” ได้เป็นครั้ง แรกในปงี บประมาณ 2534 (ประมวล สภาวสุ,2553) ในตอนเชา้ ของวนั ท่ี 23 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ขณะท่ี พล.อ. ชาตชิ าย ชณุ หวัณ นายกรฐั มนตรใี นขณะนน้ั กำ�ลงั เดินทางพรอ้ มกับ คณะรฐั มนตรบี างคนและขา้ ราชการระดบั สงู เพอื่ เขา้ เฝา้ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ซ่ึงประทับอยู่ท่ีพระตำ�หนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัด เชยี งใหมไ่ ด้มกี ารยึดอ�ำ นาจโดยคณะทหาร โดยทำ�การจับกมุ คณะของ นายกรฐั มนตรี คณะผยู้ ดึ อ�ำ นาจใชช้ อ่ื วา่ คณะรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย แหง่ ชาติ (รสช.) ซ่งึ มีพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสงู สดุ ในขณะนนั้ เปน็ แกนน�ำ โดยใหเ้ หตผุ ลในการยดึ อ�ำ นาจครง้ั นคี้ อื (http// www.charthai.or.th) 1) คณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์ฉ้อราษฎร์บังหลวงและแสวงหา ผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องอย่างรุนแรงกว้างขวางและ ไม่เคยมมี าก่อนในประวัตศิ าสตร์ 2) ขา้ ราชการการเมอื งใชอ้ ำ�นาจกดขขี่ ม่ เหง ขา้ ราชการประจำ� 92
ขอ้ มูลนกั การเมืองถ่นิ จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา ผซู้ อื่ สตั ยส์ จุ รติ เมอื่ ฐานคะแนนเสยี ง ผลประโยชนข์ องตนและพวกพอ้ ง 3) รฐั บาลเป็นเผด็จการทางรฐั สภา 4) ทำ�ลายสถาบนั ทหาร 5) การบิดเบือนคดีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ จากกรณี ของการใหก้ ารชว่ ยเหลอื พลตรมี นญู รปู ขจร และกลมุ่ ยงั เตอรก์ ทก่ี อ่ การ รฐั ประหารถึง 3 คร้ัง (http//www.charthai.or.th) ตอ่ มาเมอื่ วนั ที่ 25 พฤศจกิ ายน 2534 ไดม้ กี ารตงั้ คณะกรรมการ เมอื่ ด�ำ เนนิ การตรวจสอบทรพั ยส์ นิ ของนกั การเมอื ง ซงึ่ มพี ฤตกิ ารณอ์ นั แสดงให้เห็นว่ามีทรัพย์สินร่ำ�รวยผิดปกติ ผิดวิสัยของผู้ประกอบอาชีพ สุจรติ จะพึงมพี ึงได้ คณะกรรมการชดุ ดงั กล่าวมพี ลเอกสิทธิ จริ โรจน์ เป็นประธานกรรมการนักการเมืองซึ่งอยู่ในข่ายถูกตรวจสอบทรัพย์สิน มจี ำ�นวน 22 คน และในจำ�นวนนน้ั มีนายประมวล สภาวสุ รวมอยู่ดว้ ย ผลการสอบสวนปรากฏวา่ นกั การเมอื ง 10 คน ถกู ประกาศยดึ ทรพั ยน์ าย ประมวลเปน็ หนง่ึ ในจ�ำ นวนนน้ั โดยถกู ยดึ ทรพั ยจ์ �ำ นวน 31.72 ลา้ นบาท (http//www.charthai.or.th) ในส่วนของการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรน้ันในยุคของ นายประมวล เรม่ิ ปรากฎใหเ้ หน็ การจา่ ยเงนิ ใหห้ วั คะแนน การซอ้ื เสยี ง การใช้อิทธิพลข่มขู่หัวคะแนน ซ่ึงแตกต่างจากวัฒนธรรมการหาเสียง แบบเดิม ซึง่ อาศัยคุณสมบัติ ชือ่ เสียงและคุณงามความดีของผูส้ มคั ร เป็นจดุ สำ�คญั ในการหาเสยี งเลือกตัง้ นายมนตรี พงษพ์ านชิ นายมนตรี พงษ์พานิช เกิดเม่ือวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 สำ�เร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต 93
นักการเมอื งถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา (วิศกรรมไฟฟ้ากำ�ลัง) จากประเทศเยอรมัน สมรสกับคุณหญิงธิดา พงษ์พานชิ มบี ตุ ร 2 คน คอื นางสาวมนลดา พงษพ์ านิช และ ร.ต.อ. วัชรศิ พงษพ์ านชิ นายมนตรี พงษ์พานิช เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 9 สมัย ของจังหวดั พระนครศรีอยุธยา ไดร้ บั การเลือกต้ังครง้ั แรก เมอื่ วนั ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 และไดร้ บั เลอื กทกุ ครง้ั ถงึ ครง้ั สดุ ทา้ ยกอ่ น เสยี ชีวติ คอื การเลอื กต้ังเมือ่ วันท่ี 17 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2539 เคย ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมืองเป็นรัฐมนตรีหลายครั้งเช่น รัฐมนตรีช่วย วา่ การกระทรวงคมนาคมเมอ่ื พ.ศ. 2524 รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวง มหาดไทย พ.ศ. 2529 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์ พ.ศ. 2529 รฐั มนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2531เปน็ ต้น แม้ว่านายมนตรี พงษ์พานิชเริ่มเข้าสู่วงการเมืองครั้งแรกใน นามพรรคเกษตรสังคมแต่ในการเลือกต้ังครั้งต่อมาจนตลอดชีวิตของ นายมนตรีได้สังกัดอยู่กับพรรคกิจสังคมตลอดมาและถือเป็นนัก การเมืองที่เป็นศิษย์โปรดของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธ์ิ ปราโมทย์ เม่ือ หมอ่ มราชวงศค์ กึ ฤทธิ์ ปราโมทย์ วางมอื ทางการเมอื ง นายมนตรี กเ็ ขา้ รบั ต�ำ แหนง่ หวั หนา้ พรรคตอ่ มา เปน็ นกั การเมอื งทม่ี ชี นั้ เชงิ ในการตอ่ รองสงู ดงั นน้ั พรรคกจิ สงั คม ซงึ่ แมจ้ ะเปน็ พรรคขนาดกลางคอ่ นไปทางเลก็ แต่ ก็สามารถเปน็ พรรครว่ มรฐั บาลไดแ้ ทบทกุ คร้ัง ตวั อย่างทปี่ รากฏอยา่ ง ชัดเจนก็คือ การเปล่ียนขั้วทางการเมืองอย่างฉับพลันสมัยรัฐบาล พลเอกชวลติ ยงใจยุทธ ซ่งึ เพล่ียงพลำ�้ ทางการเมอื งจากความล้มเหลว ในการด�ำ เนนิ นโยบายดา้ นเศรษฐกจิ และถกู พรรคฝา่ ยคา้ นเปดิ อภปิ ราย ไมไ่ วว้ างใจพรรคทเ่ี คยรว่ มรฐั บาลอนั ไดแ้ ก่ พรรคชาตไิ ทย พรรคกจิ สงั คม พรรคเสรีธรรม พรรคเอกภาพ และบางส่วนจากพรรคประชากรไทย 94
ข้อมูลนกั การเมอื งถ่ินจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา (ซึ่งภายหลังได้รับขนานนามว่า “กลุ่มงูเห่า”) ได้หันไปสนับสนุนพรรค ประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านให้จัดต้ังรัฐบาลและเสนอชื่อ นายชวน หลกี ภัยเปน็ นายกรฐั มนตรี ในเส้นทางทางการเมือง เมื่อดำ�รงตำ�แหน่งรัฐมนตรีว่าการ นายมนตรีมักจะเสนอโครงการขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “เมกกะโปรเจ็ค” จนได้ฉายาว่า “จอมโปรเจ็ค” ตัวอย่างเช่นโครงการรถไฟยกระดับ โฮปเวลซงึ่ รเิ รม่ิ ในสมยั นายมนตรี ด�ำ รงต�ำ แหนง่ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง คมนาคม ซ่ึงโครงการต่าง ๆ ที่นายมนตรี ผลักดันออกมาน้ันมักถูก ส่อื มวลชนวพิ ากษว์ ิจารณ์ในทำ�นองมีผลประโยชน์ทับซ้อนเสมอ ในสมัยรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณซ่ึงนายมนตรีดำ�รง ตำ�แหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อมีการยึดอำ�นาจการ ปกครองประเทศโดยคณะ รสช. และมกี ารตั้งคณะกรรมการสอบสวน นักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าร่ำ�รวยผิดปกติ นายมนตรีก็ถูกสอบสวน ดว้ ย ในทสี่ ุดคณะกรรมการมีมตใิ หย้ ึดทรัพย์นายมนตรี ถงึ 336.5 ลา้ น บาท (มนตรี พงษ์พานิช, 2553) ในสว่ นของการหาเสยี งเลอื กตง้ั นนั้ ยคุ สมยั ของนายมนตรถี อื เปน็ ยคุ ของการเมอื งทมี่ กี ารใชย้ ทุ ธวธิ กี ารหาเสยี ง ทกุ รปู แบบ ทงั้ ในแบบทถ่ี กู ตอ้ งตามกฎหมาย และในแบบท่เี บี่ยงเบน รูปแบบท่ใี ช้หาเสยี งมที ั้งการ ใชค้ ัทเอาท์ขนาดใหญ่ ตดิ โปสเตอร์ แจกใบปลวิ จดั ตัง้ ระบบหวั คะแนน จัดเสยี ง ปราศรยั หาเสียง ใช้รถโฆษณาหาเสียง จากประสบการณ์ของผวู้ ิจัยในชว่ งปี พ.ศ.2533 -2535 ในขณะ ทผี่ วู้ จิ ยั ปฏบิ ตั หิ นา้ ทเ่ี ปน็ ปลดั อ�ำ เภอวงั นอ้ ย จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ไดม้ โี อกาสพบปะพดู คยุ กบั ก�ำ นนั ผใู้ หญบ่ า้ น ในเขตพนื้ ทอ่ี �ำ เภอวงั นอ้ ย และพบวา่ ก�ำ นนั ผใู้ หญบ่ า้ นสว่ นใหญส่ นบั สนนุ นายมนตรี เนอื่ งจากได้ 95
นกั การเมอื งถิ่นจงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา รบั การช่วยเหลือในแงข่ องการจดั สรรโครงการ งบประมาณตา่ ง ๆ ลง ในพน้ื ที่ของก�ำ นนั ผใู้ หญ่บา้ น ที่เปน็ หัวคะแนน นอกจากนน้ั ยังให้การ ช่วยเหลือในเชงิ อุปถัมภ์แก่หัวคะแนนในลักษณะอ่ืน ๆ เชน่ การฝาก ลกู หลานเขา้ เรยี น หรือ เข้าท�ำ งาน ในชว่ งใกลก้ ารเลอื กตงั้ จะมกี ารจดั เลยี้ งทบี่ า้ นก�ำ นนั หรอื ผใู้ หญ่ บา้ นโดยเชญิ แขกผมู้ เี กยี รติ ขา้ ราชการระดบั สงู นกั ธรุ กจิ และประชาชน เป็นจำ�นวนมากมาร่วมงานเล้ียง เม่ืองานดำ�เนินไปสักระยะหนึ่งนาย มนตรี และคณะกจ็ ะเดนิ ทางมาดว้ ยรถตพู้ รอ้ มทง้ั คณะผตู้ ดิ ตามจ�ำ นวน มากมารว่ มในงาน นายมนตรจี ะขน้ึ ไปกลา่ วปราศรัยถึงผลงานท่ไี ด้จดั ทำ�ให้กับชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโครงการท่ีจะดำ�เนินการ ตอ่ ไปดว้ ยบคุ ลกิ ภาพทเ่ี ปน็ กนั เอง แตก่ แ็ ฝงความมอี �ำ นาจหรอื อทิ ธพิ ล อยู่ด้วย ผู้วิจัยยังเห็นภาพของนายมนตรี ที่เดินทางมาร่วมของส่วน ราชการพร้อมด้วยผู้ติดตาม (มือปืน) เป็นจำ�นวนมากได้เป็นอย่างดี และมีข้อมูลการข่มขู่และการยิงหัวคะแนนหลังการเลือกตั้ง (หรือก่อน การเลือกต้ัง) อย่มู ากพอสมควรในชว่ งเวลาดังกลา่ วหลังปี พ.ศ. 2540 ชื่อของนายมนตรี เร่ิมจางหายไปเนื่องจากมีข่าวลือว่านายมนตรีป่วย หนักช่วงพ.ศ. 2541-2543 นายมนตรีไม่ค่อยออกงานสังคมหรือเป็น ข่าวทางการเมอื ง จนกระทั่งเสียชีวติ ลงด้วยโรคมะเรง็ ปอดทบ่ี ้านซอย พรรณีเม่อื วนั ที่ 4 มนี าคม 2543 นายบุญพันธ์ แขวฒั นะ นายบุญพันธ์ แขวัฒนะ เกดิ เม่ือวันท่ี 6 มกราคม พ.ศ. 2473 ทอ่ี �ำ เภอบางมลู นาค จงั หวดั พจิ ติ ร บดิ าชอื่ นายสนิ มารดาชอ่ื นางแดง จบการศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาแผนกอักษรศาสตร์ จากโรงเรียน 96
ข้อมลู นกั การเมืองถ่นิ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา วชริ าวธุ วทิ ยาลยั กรงุ เทพมหานคร เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทดี่ �ำ รง ตำ�แหน่งยาวนานที่สุดของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คือ 10 สมัย (บุญพนั ธ์ แขวัฒนะ, 2553) นายบุญพันธ์มีความใกล้ชิดสนิทสนมและมีความสัมพันธ์เชิง เครือญาติกับนายมนตรี พงษ์พานิช ท้ัง 2 คน เข้าสู่สนามการเมือง ระดับชาติพร้อมกันและอยู่พรรคเดียวกันมาโดยตลอด จนนายมนตรี เสียชีวิตไป จึงย้ายพรรคมาอยู่พรรคไทยรักไทย (ปัญญา น้ำ�เพชร, 2552) มปี ระสบการณท์ างการเมอื งในตำ�แหนง่ รฐั มนตรหี ลายกระทรวง เชน่ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2535-พ.ศ.2536) รอง นายกรฐั มนตรสี มยั นายบรรหารศลิ ปอาชา (พ.ศ. 2538-พ.ศ.2539) และ รัฐมนตรปี ระจำ�สำ�นักนายกรฐั มนตรี (พ.ศ.2539) ในส่วนของยทุ ธวิธีในการหาเสียงเลอื กต้งั นั้น นายบุญพนั ธ์ถือ เปน็ บคุ คลทมี่ กี ารวางแผนทจ่ี ดั เจนในสนามเลอื กตงั้ คนหนงึ่ ซงึ่ มกี ลยทุ ธ์ ทชี่ าญฉลาดอยา่ งยง่ิ มเี ครอื ขา่ วกวา้ งขวางในหมกู่ �ำ นนั ผใู้ หญบ่ า้ น และ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ดว้ ยรปู แบบของความสมั พนั ธแ์ บบอปุ ถมั ภ์ และประสบการณ์ในการจัดระบบบริหารการเลือกต้ังมาอย่างยาวนาน ทำ�ให้เป็นนักการเมืองท่ีมีประสบการณ์สูงมาก ยากท่ีนักการเมืองรุ่น ใหมจ่ ะเขา้ มาแขง่ ขันได้ (ปัญญา น้ำ�เพชร,2552) ต่อมาเมื่อเดอื นเมษายน พ.ศ. 2550 ศาลรัฐธรรมนญู ได้วนิ ิจฉยั ใหย้ บุ พรรคไทยรกั ไทยและตดั สทิ ธทิ างการเมอื ง กรรมการบรหิ ารพรรค ซ่ึงนายบุญพันธเ์ ปน็ หนงึ่ ในจำ�นวนนนั้ เปน็ เวลา 5 ปี อันเนอ่ื งมาจาก ข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และการ กระทำ�อันเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ แต่ด้วยฐานทางการเมือง ในพ้ืนท่ีที่ยังคงมีความเข้มแข็ง นายบุญพันธ์ สามารถส่งบุตรสาว 97
นักการเมืองถ่ินจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา คือ นางสาวเกศสินี แขวัฒนะ ซ่ึงไม่เป็นท่ีรู้จักของชาวจังหวัด พระนครศรีอยุธยาลงสมัครรับเลือกต้ังสมาชิกวุฒิสภา และได้รับ การเลือกต้งั ในครั้งล่าสดุ นายเก้อื กูล ด่านชยั วจิ ติ ร นายเกอ้ื กลู ดา่ นชยั วจิ ติ รเกดิ เมอ่ื วนั ที่ 20 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2506 ทจ่ี งั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา จบการศกึ ษาจากโรงเรยี นกรงุ เทพครสิ เตยี น และเตรียมอดุ มศกึ ษาจบปรญิ ญาตรีนิติศาสตรบ์ ณั ฑิตจากจฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย (เก้ือกูล ด่านชัยวิจิตร,2553) ประกอบอาชีพนักธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรม กรุงศรีริเวอร์ ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด ใหญ่ที่สุดของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายศักดิ์ และ นางพชั รี ดา่ นชยั วจิ ติ ร อดตี สมาชกิ สภาจงั หวดั หลายสมยั และฐานธรุ กจิ ใหญข่ องตระกูลคอื โรงเล่ือย และค้าไมใ้ นอำ�เภอเสนา ประสบการณ์ทางการเมืองก่อนดำ�รงตำ�แหน่ง สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร เคยเป็นสมาชิกสภาองค์การ บริหารสว่ นจงั หวดั (ส.จ.) 2 สมยั เป็นสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรครง้ั แรก ในการเลอื กตงั้ เมื่อวนั ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 1 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ในนามพรรค ไทยรักไทย เขต 1 เชน่ เดียวกัน และคร้ังล่าสดุ เม่อื วันที่ 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2550 โดยย้ายพรรคไปสังกัดพรรคชาติไทยลงสมัครรับเลือกต้ัง ในเขต 1 เช่นเดมิ เคยเปน็ กรรมาธกิ ารสาธารณสขุ กรรมาธกิ ารตดิ ตามงบประมาณ ปัจจุบัน (พ.ศ. 2552) ดำ�รงตำ�แหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง คมนาคม 98
ขอ้ มูลนักการเมอื งถิน่ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ตระกลู ดา่ นชยั วจิ ติ ร เปน็ ตระกลู นกั ธรุ กจิ ชาวจนี เชอ้ื สายไหหล�ำ ท่ีมีการสะสมความม่ังคั่งทางธุรกิจมาค่อนข้างยาวนานของจังหวัด พระนครศรีอยุธยา นายศักดิ์ ด่านชัยวิจิตรบิดาของนายเกื้อกูล มีพี่ชายซ่ึงมีพลังอำ�นาจทางธุรกิจอย่างมหาศาล คือ นายวรพจน์ ดา่ นชยั วโิ รจน์ หรอื ทชี่ าวพระนครศรอี ยธุ ยา เรยี กกนั ตดิ ปากวา่ “โกตา” ซง่ึ สรา้ งฐานะทางเศรษฐกจิ จากโรงเลอ่ื ยในอำ�เภอเสนาและในตวั จงั หวดั พระนครศรีอยุธยามาภายหลงั ได้ขยายธุรกจิ ด้านอสงั หาริมทรพั ย์ และ เปน็ เจา้ ของศนู ยก์ ารคา้ อยธุ ยาปารค์ ซงึ่ เปน็ ศนู ยก์ ารคา้ ทใี่ หญท่ สี่ ดุ ของ จังหวัด นอกจากนั้นนักธุรกิจรายใหญ่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มักมเี ชื้อสายไหหลำ� และมบี ทบาทสำ�คญั ในหอการค้าจงั หวัดพระนคร ศรีอยุธยา ท�ำ ใหม้ ีเครือข่ายทางธุรกิจท่ีกวา้ งขวางอยา่ งยงิ่ กลา่ วกนั วา่ บารมแี ละเครอื ขา่ ยของนายศกั ดิ์ ดา่ นชยั วจิ ติ รผเู้ ปน็ บดิ าและเครอื ขา่ ยของนายวรพจน์ ดา่ นชยั วโิ รจนผ์ เู้ ปน็ ลงุ ตลอดจนกลมุ่ สมาคมพอ่ คา้ นกั ธรุ กจิ ชาวไหหล�ำ สภาหอการคา้ จงั หวดั สโมสรไลออนส์ ซ่ึงเป็นศูนย์รวมของนักธุรกิจ เป็นฐานเสียงที่สำ�คัญ ดังน้ัน การลง สู่สนามการเลือกตั้งของนายเกื้อกูล ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถ่ินหรือ ระดับชาติจึงไม่ใช่เรื่องท่ีเหลือบ่ากว่าแรง ท้ัง ๆ ท่ีโดยลักษณะท่ัวไป แล้ว นายเกื้อกูล ไม่ใช่คนที่มีบุคลิกภาพเปิดกว้างหรือชอบออกงาน สังคมมากนัก หากแตฐ่ านคะแนน ท่ีแท้จริงคือ นายศักด์ิ ดา่ นชยั วจิ ติ ร ผู้เปน็ บดิ าน่นั เอง อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะของธุรกิจโรงแรมชั้นนำ�ของจังหวัด ตลอดจนบคุ ลกิ ภาพทส่ี ภุ าพ ออ่ นนอ้ มถอ่ มตน ตลอดจนการศกึ ษาจาก มหาวิทยาลยั ช้ันนำ�ของประเทศท�ำ ให้ นายเก้อื กลู สามารถมเี ครอื ขา่ ย เชื่อมโยงกับข้าราชการระดับสูงของจังหวัดได้เป็นอย่างดี ประกอบกับ 99
นักการเมอื งถิน่ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ไม่ได้มีบุคลิกภาพของความเป็นนักเลงหรือผู้มีอิทธิพลทำ�ให้ตระกูลนี้ เป็นทยี่ อมรับของประชาชนท่ัวไป การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคร้ังแรก เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 ในนามพรรคไทยรกั ไทย ซง่ึ ก�ำ ลงั มกี ระแสมาแรง ในทางการเมอื งในขณะนนั้ จงึ ไมเ่ กนิ ความคาดหมายทน่ี ายเกอื้ กลู จะได้ รบั การเลอื กตงั้ และในครั้งต่อมาในการเลอื กตง้ั เมอ่ื วนั ที่ 6 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2548 กเ็ ชน่ เดยี วกัน ในการเลือกตง้ั เมอื่ วนั ที่ 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2550 ซึง่ เปน็ ชว่ งที่ กระแสความนิยมใน พ.ต.ท.ทักษิณ ชนิ วัตร ตกตำ�่ ลงประกอบกบั มีการ ยบุ พรรคไทยรกั ไทย ท�ำ ใหน้ ายเกอ้ื กลู หนั ไปสงั กดั พรรคชาตไิ ทยพฒั นา โดยให้เหตุผลวา่ “เพราะเป็นพรรคที่เข้าใจปัญหาจากข้อเท็จจริง และไม่เป็น เงือ่ นไขของแต่ละปัญหาเราเห็นความแบง่ ฝักแบง่ ฝ่าย มปี ัญหาด้วยกัน แตผ่ มเชอื่ วา่ พรรคชาตไิ ทยพฒั นามคี วามคดิ ทไ่ี มส่ รา้ งปญั หายงั เหน็ ภาพ ความจรงิ วา่ ควรเปน็ อยา่ งไร และนโยบายกเ็ ปน็ จรงิ จบั ตอ้ งได้ และความ เปน็ จริงกจ็ ะเกิดขึน้ ในอนาคต” (มตชิ น 9 กนั ยายน 2552) ในการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสมยั ที่ 3 ในสงั กดั พรรค ชาตไิ ทยพฒั นา นายเกอ้ื กลู ไดร้ บั ต�ำ แหนง่ รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวง คมนาคม แต่อย่างไรก็ตาม ผลการส�ำ รวจของส�ำ นักวิจยั เอแบคโพลส์ มหาวทิ ยาลยั อสั สมั ชญั เมอื่ วนั ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ซง่ึ จดั อนั ดบั 10 รฐั มนตรีในรัฐบาลนายอภสิ ิทธ์ิ เวชชาชีวะ ผา่ นไป 5 เดอื น มใี คร บา้ งทีค่ นไม่ร้จู กั เลยแม้แต่น้อย นายเกื้อกูลคว้าอนั ดับ 1 ของรัฐมนตรี ท่ีประชาชนไม่รู้จักมากท่ีสุดด้วยคะแนนร้อยละ 47 จนได้รับฉายาว่า “รฐั มนตรีโลกลืม” หรอื ฉายาทีพ่ รรคเพ่อื ไทยตงั้ ว่า “รฐั มนตรอี ยากอยู่ 100
ขอ้ มลู นักการเมืองถน่ิ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา เงยี บ ๆ คนเดยี ว” นายเกอื้ กลู ชแี้ จงเรอ่ื งนว้ี า่ งานทรี่ บั ผดิ ชอบเกย่ี วขอ้ ง กบั กจิ การทางน�ำ้ ทงั้ หมด โดยจะดแู ลกรมการขนสง่ ทางน�้ำ และพานชิ นา วี การทา่ เรอื แหง่ ประเทศไทย และบรษิ ทั ไทยเดนิ เรอื ทะเล ซง่ึ โครงการ ตา่ ง ๆ ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวามากนัก (โพสต์ ทเู ดย์ 18 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2552) ต่อมาได้ลาออกจากตำ�แหน่ง เมือ่ เดือนพฤศจิกายน 2553หลัง จากทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ ขาดคณุ สมบตั สิ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เน่ืองจากถือหุ้นในกิจการต้องห้ามตามมาตรา265 ต่อมาลงสมัครรับ เลอื กตงั้ ใหม่และได้รบั เลือกอีกครง้ั การสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง ใช้ระบบการให้ความช่วยเหลือประชาชน การออกไปพบปะประชาชน การใช้เครือข่ายของบิดา ญาติ และกลุ่มสมาคมหอการคา้ ของนักธุรกิจ เช้อื สายไหหล�ำ การไปรว่ มงานพธิ ตี า่ ง ๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ ในชว่ งการรณรงคห์ าเสยี งเลอื กตงั้ ใชร้ ะบบการจดั ตง้ั หวั คะแนน และการใช้รถหาเสียง ประชาสัมพันธ์ ในส่วนของกลุ่มนักธุรกิจใน ลักษณะองค์กรที่สำ�คัญ เช่น สภาหอการค้าจังหวัด สโมสรโรตารีกรุง ศรีอยุธยา และสโมสรโรตารีสุริโยไท ฐานเสียงหลักอยู่ในเขตอำ�เภอ พระนครศรอี ยธุ ยา บางปะหนั เสนาและนครหลวง นายวทิ ยา บรุ ณศิริ นายวทิ ยา บรุ ณศริ ิ เปน็ ชาวบางปะอนิ โดยก�ำ เนดิ เกดิ เมอ่ื วนั ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2503 ที่อ�ำ เภอบางปะอนิ จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา เปน็ บตุ รนายวฑิ รู และนางถาวร บรุ ณศริ คิ รอบครวั ประกอบธรุ กจิ คา้ ขาย จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัพระนครศรีอยุธยา ปรญิ ญาโทศลิ ปศาสตรม์ หาบณั ฑติ (รฐั ศาสตร)์ มหาวทิ ยาลยั รามคำ�แหง (วทิ ยา บรุ ณศริ ,ิ 2553) ประสบการณท์ างการเมอื งเคยด�ำ รงต�ำ แหนง่ ทง้ั 101
นักการเมอื งถ่นิ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา ระดบั ทอ้ งถนิ่ และระดบั ชาติ เชน่ สมาชกิ สภาจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา 17 ปี ประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา นายก องค์กรบริหารส่วนจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา นายวทิ ยาเรม่ิ ตน้ เขา้ สกู่ ารเมอื งระดบั ชาติ โดยไดร้ บั การเลอื กตง้ั เปน็ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรคร้ังแรก เมอื่ วนั ท่ี 6 มกราคม พ.ศ. 2544 ในนามพรรคไทยรักไทย คร้ังท่ี 2 เมอื่ วันท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2548 ในนามพรรคไทยรกั ไทยเชน่ เดยี วกนั ตอ่ มาเมอ่ื พรรคไทยรกั ไทยถกู ยบุ ในปี พ.ศ. 2550 จงึ ยา้ ยไปพรรคพลังประชาชน และไดร้ ับการเลือกต้งั เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรสมยั ท่ี 3 ในนามพรรคพลงั ประชาชนเมอ่ื วนั ท่ี 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ตอ่ มาไดม้ กี ารยบุ พรรคพลังประชาชนจงึ ได้ย้ายไปสังกดั พรรคเพือ่ ไทย เคยดำ�รงตำ�แหน่งสำ�คัญเช่น เลขานกุ าร รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงอตุ สาหกรรม ทปี่ รกึ ษารฐั มนตรวี า่ การกระทรวง อตุ สาหกรรมเปน็ ตน้ และไดด้ �ำ รงต�ำ แหนง่ วปิ รฐั บาลในสมยั รฐั บาลนาย สมัคร สนุ ทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ด้วยบุคลิกภาพของความเป็นคนกันเองและช่างโอภาปราศรัย นายวทิ ยา สามารถเขา้ ถงึ กลุม่ ประชาชนในพน้ื ทท่ี เ่ี ป็นฐานคะแนนการ เลอื กตัง้ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ทกุ ๆ เช้าที่บ้านพกั ของนายวิทยา จะมกี ารต้ัง สภากาแฟ ซงึ่ จะมนี กั การเมอื งทอ้ งถนิ่ เชน่ สมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ าร ส่วนจังหวัด (สจ.) นายกเทศมนตรี ข้าราชการและแกนนำ�ชุมชน ท้องถิ่น แวะเวียนมาสนทนาพูดคุยแลกเปล่ียนปัญหากันแทบทุกวัน หากมงี านสงั คมหรอื ไดร้ บั เชญิ ไปเปน็ เกยี รติ นายวทิ ยากจ็ ะไปรว่ มงาน เกือบทุกคร้ัง หากไปไม่ได้ก็จะมอบหมายบุคคลใดบุคคลหนึ่งในกลุ่ม ทีมงานไปแทนและแจ้งกับเจ้าของงานหรือประชาชนว่านายวิทยามี ภารกิจสำ�คญั ไม่สามารถมาร่วมงานได้ ฝากความคิดถึงและสง่ ตวั แทน 102
ข้อมลู นักการเมอื งถ่ินจังหวดั พระนครศรีอยุธยา มารว่ มงาน หากไมม่ งี านในพนื้ ทก่ี จ็ ะเดนิ ทางไปปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ทท่ี ท่ี �ำ การ พรรค นายวทิ ยามเี ครอื ขา่ ยกบั นกั การเมอื งทอ้ งถน่ิ ในเขตพน้ื ทเี่ ลอื กตงั้ เช่น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด กำ�นัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มแม่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำ�บล ผู้บริหารท้องถ่ิน อนั ได้แก่ นายกเทศมนตรี และนายกองค์การบรหิ ารส่วนตำ�บล นายวิทยามีเครือข่ายในระบบอุปถัมภ์กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ในลักษณะช่วยเป็นตัวกลางในการประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ จดั สรรงบประมาณมาใหท้ อ้ งถน่ิ โดยอาศยั ความเปน็ ผแู้ ทนราษฎร และ ความกวา้ งขวางในบรรดาขา้ ราชการและหนว่ ยงานตา่ ง ๆ นอกจากนน้ั นายวิทยา ยังมีเครือข่ายความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มของนักการเมือง ทอ้ งถน่ิ ในเขตอ�ำ เภอต่าง ๆ ที่เป็นเขตเลอื กต้ัง เชน่ อำ�เภอวังนอ้ ย ซ่ึง เปน็ ฐานส�ำ คญั ของนายสมทรง พนั ธเ์ จรญิ วรกลุ ท�ำ ใหส้ ามารถชว่ ยเหลอื กันในเรื่องของการสร้างฐานเสียงในการเลือกต้ัง ดังจะเห็นได้จากการ เลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทง้ั 3 ครง้ั ทผ่ี า่ นมาในสว่ นของพน้ื ทเ่ี ขต 2 (อ�ำ เภอวงั นอ้ ย อ�ำ เภอบางปะอนิ อ�ำ เภอบางไทร อ�ำ เภอลาดบวั หลวง อ�ำ เภออทุ ยั และอ�ำ เภอภาช)ี ซง่ึ เปน็ การครองเสยี งรว่ มกนั ระหวา่ งนาย วทิ ยา กับ บตุ รชายและบุตรสาวของนางสมทรงพนั ธ์เจรญิ วรกุล (นาย สุรศักด์ิ พันธ์เจรญิ วรกลุ ได้รบั เลอื กเป็นสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อ วันท่ี 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และนางสาวสวุ มิ ล พนั ธเ์ จริญวรกลุ ซึ่ง ได้รบั เลือกต้งั เปน็ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร เม่อื วนั ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 และ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548) นายวิทยานับเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีบทบาททางการ เมืองเป็นท่ีรจู้ กั อย่างกว้างขวาง ในระดบั ชาตคิ นหนึง่ จากการท�ำ หนา้ ท่ี เป็นวิปรัฐบาลสมัยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 103
นักการเมืองถนิ่ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา และแม้เมอื่ พรรคเพ่อื ไทยไปเป็นฝา่ ยค้าน นายวทิ ยา ก็ยังมีบทบาทใน ฐานะวิปฝ่ายค้านในการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงเม่ือ เดอื นเมษายน-พฤษภาคม 2553 นายวิทยาเป็นคนทใ่ี ห้การสนบั สนนุ ทส่ี �ำ คญั คนหนง่ึ นอกจากนนั้ ยงั มคี วามสมั พนั ธใ์ กลช้ ดิ กบั พ.ต.ท.ทกั ษณิ ชินวัตรโดยได้ร่วมเดินทางไปพบปะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในต่าง ประเทศหลายครง้ั นายวิทยาได้รับการแต่งตั้งให้ดำ�รงตำ�แหน่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเมื่อวันที่ 9 สงิ หาคม 2554 นายพ้อง ชวี านนั ท์ นายพ้อง ชีวานนั ท์ เกดิ เมือ่ วนั ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทสาขา Engineering Management จากมหาวิทยาลัยมิสซูร่ีสหรัฐอเมริกา และวิทยาลัย ป้องกันราชอาณาจักร หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐ ร่วมเอกชน ประกอบธุรกิจส่วนตัว (พ้อง ชีวานันท์,2550), http:// mp.paliament.go.th) เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรกเมื่อวันท่ี 6 มกราคม พ.ศ. 2544 พรรคไทยรกั ไทย เขต 2 ครัง้ ทส่ี องเมื่อวนั ท่ี 6 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2548 พรรคไทยรักไทย เขต 2 คร้ังที่สามเม่ือวนั ท่ี 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 พรรคพลังประชาชน เขต 1 เมอ่ื พรรคพลงั ประชาชนถูกยุบ จงึ ยา้ ยมาพรรคเพอื่ ไทย นายพอ้ ง ชวี านนั ท์ เขา้ สวู่ งการเมอื งโดยการ สนบั สนุนของนายมนตรี พงษพ์ านชิ ในฐานะทีมงานและท่ปี รกึ ษาใน 104
ขอ้ มลู นักการเมอื งถ่ินจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา โครงการตา่ ง ๆ จนกระทั่งนายมนตรี พงษ์พานชิ ไดร้ ับฉายาวา่ “จอม โปรแจค็ ต”์ นายพ้อง ชีวานันท์ เคยดำ�รงตำ�แหน่งสำ�คัญทางการเมืองที ส�ำ คัญเช่น กรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม ท่ีปรกึ ษารฐั มนตรี ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ท่ีปรกึ ษากระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษา กระทรวงคมนาคม ทปี่ รกึ ษากระทรวงพาณชิ ย์ และรองเลขาธกิ ารนายก รัฐมนตรี มีข้อสังเกตว่า นายพ้อง ชีวานันท์ มักจะได้รับตำ�แหน่งเป็น คณะกรรมการของหน่วยงานราชการที่สำ�คัญ ๆ ในช่วงท่ีนายมนตรี พงษ์พานิช มีตำ�แหน่งสำ�คัญ และมีโครงการขนาดใหญ่ เน่ืองจาก นายมนตรี พงษ์พานิชมีความสัมพันธ์ในเชิงเครือข่ายกับนายบุญพันธ์ แขวัฒนะทำ�ให้นายพ้อง ชีวานันท์ มีความสัมพันธ์ในเชิงเครือข่ายกับ นายบญุ พันธ์ แขวัฒนะอีกดว้ ย ฐานคะแนนเสียงท่ีสำ�คัญของนายพ้อง ชีวานันท์อยู่ในเขต อ�ำ เภอทา่ เรอื บางบาล บางปะหนั มหาราช บา้ นแพรก สว่ นหน่ึงเป็น ฐานคะแนนท่สี ืบทอดมาในสมยั ของนายมนตรี พงษพ์ านิช นายสรุ เชษฐ์ ชยั โกศล นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล เกิดเมื่อวันท่ี 12 สงิ หาคม พ.ศ. 2501 เป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกำ�เนิด จบการศึกษาระดับ ปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลอลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี ประกอบอาชีพธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์ ชื่อ อู่ไพศาลยนต์ อยู่ในอำ�เภอ พระนครศรีอยุธยา(สุรเชษฐ์ ชัยโกศล, 2553) http://www.ptp.or.th) เขา้ สกู่ ารเมอื งโดยเปน็ สมาชิกสภาจงั หวัด (ส.จ.) หลายสมยั เคยดำ�รง 105
นักการเมืองถนิ่ จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา ตำ�แหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2543 กอ่ นจะลงสมัครรบั เลอื กตั้ง และไดเ้ ป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทน ราษฎรคร้ังแรกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ในนามพรรคพลัง ประชาชน เขต 1 นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล เป็นคนที่มีบุคลิกภาพโผงผางตรงไป ตรงมา ดังนั้นเม่ือได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการ อภปิ รายไมไ่ วว้ างใจรฐั บาลไดม้ คี วามขดั แยง้ กบั นายรณฤทธชิ ยั คานเขต สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร นายสรุ เชษฐ์ ไดช้ นู วิ้ กลาง ซงึ่ หมายถงึ การให้ ของลบั ท�ำ ให้ส่อื มวลชนน�ำ เอาภาพขา่ วน้ไี ปเผยแพร่ และมีเรือ่ งตำ�หนิ การกระทำ�ของนายสุรเชษฐ์ อย่างกว้างขวาง เช่น ในการจัดเสวนา การเสรมิ สรา้ งวฒั นธรรมประชาธปิ ไตยในสงั คมไทยซงึ่ จดั โดยกระทรวง วัฒนธรรม นายธีระสลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ กลา่ ววา่ “กรณกี ารอภปิ รายไมไ่ วว้ างใจรฐั บาลทผี่ า่ นมาปรากฎภาพทไี่ ม่ เหมาะสมและภาพนนั้ ไดถ้ กู ถา่ ยทอดออกสสู่ าธารณชนทว่ั ประเทศ เดก็ ก็ดู ผ้ใู หญก่ ด็ ู ดงั นั้นจงึ อยากใหน้ ักการเมืองเป็นแบบอยา่ งที่ดี เพราะ การประชมุ ย่อมมีกฎ กตกิ า มีระเบียบข้อบังคบั ภาพทอี่ อกมาคอื เป็น บทเรยี นทเี่ หน็ ไดช้ ดั แกน่ กั การเมอื งทแ่ี สดงออกในพฤตกิ รรมทไี่ มเ่ หมาะ สมในสภา หากนกั การเมอื งไดป้ ฏบิ ตั ติ ามกฎกติกา เคารพในขอ้ บงั คบั ปญั หาก็จะไมเ่ กดิ ” (กรุงเทพธุกิจ,20 มีนาคม 2552) การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งใช้ระบบการจัดต้ังหัวคะแนน และ รถหาเสยี งและเปน็ ผหู้ นง่ึ ทป่ี ระกาศตวั เปน็ ฝา่ ยคนเสอ้ื แดงอยา่ งชดั เจน โดยการขน้ึ ปา้ ยประกาศสนบั สนนุ และใชอ้ ไู่ พศาลยนตข์ องตนเปน็ ศนู ย์ ประสานงานระดมประชาชนเข้าร่วมชุมนุมในเขตกรุงเทพมหานครใน ช่วงเดอื นเมษายน-พฤษภาคม 2553 106
ข้อมลู นักการเมอื งถ่ินจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา นางสาวสวุ มิ ล พนั ธเ์ จริญวรกุล นางสาวสุวมิ ล พันธเ์ จริญวรกุลเกิดเมื่อวันท่ี 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 เป็นบุตรีของนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและเป็นหลานสาวของนาย นเิ วศน์ พนั ธเ์ จรญิ วรกลุ อดตี สมาชกิ วฒุ สิ ภาจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา จบการศึกษาปริญญาตรีบริหารธุรกิจสาขาการบริหารงานบุคคล จาก มหาวทิ ยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑติ และปรญิ ญาโทศลิ ปศาสตรม์ หาบณั ฑติ สาขา รฐั ศาสตรจ์ ากมหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหงกอ่ นไดร้ บั เลอื กตง้ั ประกอบอาชพี ส่วนตัวและทำ�ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สมรสกับนายแพทย์ประยุทธ์ อัครชัยรัตน์ (สุวิมล พันธ์เจริญวรกุล, 2553, http://khonthai.com) ตระกูลพันธ์เจริญวรกุล ถือว่าเป็นตระกูลนักการเมืองที่มีชื่อเสียงของ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีเครือข่ายกว้างขวาง เริ่มจากนาง สมทรง พนั ธเ์ จรญิ วรกลุ (มารดา) ซงึ่ ด�ำ รงต�ำ แหนง่ นายกองคก์ ารบรหิ าร สว่ นจงั หวดั (สมยั ท่ี 2) นายนเิ วศน์ พนั ธเ์ จรญิ วรกลุ อดตี สมาชกิ วฒุ สิ ภา จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา นางสวุ มิ ล พนั ธเ์ จรญิ วรกลุ สมาชกิ สภาผแู้ ทน ราษฎร นางสมศรี ตนั วรารกั ษ์ นอ้ งสาวนางสวุ มิ ล เปน็ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำ�บลล�ำ ตาเสา อ�ำ เภอวังนอ้ ย นายสรุ ศกั ดิ์ พนั ธ์เจริญวรกลุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายอดิศักด์ิ พันธ์เจริญวรกุล สมาชิกสภา องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั และเลขานุการนางสมทรง พนั ธเ์ จริญวรกลุ นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล เป็นผู้ท่ีมีอัธยาศัยไมตรีท่ีดีและมี เครอื ขา่ ยความสมั พนั ธท์ แี่ นน่ แฟน้ ทง้ั กบั นายเกอื้ กลู ดา่ นชยั วจิ ติ รและ นายวิทยา บุรณศิริรวมท้ังเป็นคนจีนท่ีมีเครือข่ายกว้างขวางในหมู่นัก ธุรกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาดังน้ันด้วยการอาศัยบารมีของ 107
นักการเมืองถ่นิ จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา นางสมทรงทำ�ให้บุตรชายและบุตรสาวทุกคนสามารถเข้าสู่วงการเมือง ทงั้ ในระดับท้องถ่ินและระดับชาติได้ไม่ยากนกั นางสาวสุวิมล พันธ์เจริญวรกุลได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรคร้ังแรกเมื่อวันท่ี 6 มกราคม พ.ศ. 2544 ในนามพรรค ไทยรักไทยครั้งท่ีสอง เม่ือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ในนาม พรรคไทยรกั ไทย แตใ่ นการเลือกตัง้ คร้ังล่าสุด เมื่อ 25 ธนั วาคม พ.ศ. 2550 ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ให้นายสุรศักด์ิ พันธ์เจริญวรกุล นอ้ งชายลงสมคั รแทนการหาเสยี งใชร้ ะบบหวั คะแนน และกลมุ่ เครอื ขา่ ย พลังมวลชนต่าง ๆ ซ่ึงเกือบทั้งหมดคือฐานเสียงของนางสมทรง พันธเ์ จรญิ วรกลุ นอกจากน้ันก็ใสร่ ปู แบบป้ายคัดเอาท์ โปสเตอร์ และ รถโฆษณาหาเสยี งและเดินสายเยี่ยมเยียนประชาชนตามเขตเลอื กตั้ง นายสุรศกั ดิ์ พนั ธ์เจรญิ วรกุล นายสุรศักด์ิ พันธ์เจริญวรกุล เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2519 ทจี่ ังหวดั พระนครศรีอยุธยาเปน็ บตุ รนางสมทรง พนั ธเ์ จรญิ วรกลุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและเป็นน้องชาย ของนางสาวสุวิมล พันธ์เจริญวรกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จบการศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพจาก สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา วาสุกรีและ ปริญญาตรีบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการมหาวิทยาลัยรังสิต ก่อนได้รับเลือกต้ังประกอบอาชีพส่วนตัว (สุรศักด์ิ พันธ์เจริญวรกุล, 2553, http://www.paliament.go.th) ประสบการณ์ทางการเมืองเคย ด�ำ รงต�ำ แหนง่ สมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วมาแลว้ วา่ ตระกลู พนั ธเ์ จรญิ วรกลุ เปน็ ตระกลู นกั การ 108
ขอ้ มูลนกั การเมอื งถ่นิ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา เมืองท่ีสำ�คัญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยมีนางสมทรง พันธ์- เจรญิ วรกลุ นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ซง่ึ เปน็ มารดาเปน็ แกนหลกั สำ�คัญ ดังนั้นฐานคะแนนเสียง จึงเป็นฐานเดียวกัน และมีรากฐานท่ี ค่อนข้างมีความมั่นคงสูง เน่ืองจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็น องค์กรปกครองท้องถิ่นท่ีมีงบประมาณมากมีเขตพ้ืนที่ความรับผิด ชอบกว้างขวางครอบคลุมทั้งจังหวัด จึงเป็นการง่ายท่ีจะสามารถ จัดสรรงบประมาณสนับสนุนกลุ่มต่าง ๆ ทุกเขตเลือกตั้งของจังหวัด พระนครศรีอยุธยาจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัด พระนครศรอี ยุธยาจากการเลอื กตัง้ ครั้งที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2476 - ปจั จบุ ัน (พ.ศ. 2550) สามารถอภิปรายผล และข้อค้นพบ ในประเด็นต่างๆ เก่ียวกบั ลักษณะท่ัวไปของนกั การเมอื งถน่ิ จังหวดั พระนครศรอี ยุธยาและสาเหตุทไี่ ดร้ ับการเลือกต้งั ลักษณะทว่ั ไปของนกั การเมอื งถิ่นจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา เหตุผลทไ่ี ดร้ ับการเลือกตง้ั จากการสัมภาษณ์และวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าเหตุผลท่ีนัก การเมืองถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับการเลือกตั้งนั้นอาจแบ่ง ออกเปน็ 3 ช่วง ระยะเวลา คอื 1. ช่วงระยะเริม่ แรก (พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2500) 2. ช่วงระยะท่สี อง (พ.ศ. 2512 - พ.ศ. 2518) 3. ช่วงระยะทีส่ าม (พ.ศ. 2519 - ปัจจบุ ัน) 109
นกั การเมอื งถ่ินจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา ช่วงระยะเร่มิ แรก ชว่ งระยะเวลาระหวา่ ง พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2500 สภาพสังคม และเศรษฐกจิ ของจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยายงั ไมม่ คี วามเจรญิ ทางวตั ถุ ความหลากหลายของอาชพี ระดบั การศกึ ษาของประชาชน ตลอดจน ลักษณะทางวัฒนธรรมของประชาชนยังคงอยู่ในระบบวัฒนธรรมแบบ ชนบทยังให้ความสำ�คัญกับบุคคลที่มีความรู้และตำ�แหน่งสูง ความ สัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นความสัมพันธ์ด้านจิตใจความรู้สึก บุญคุณ เครือญาติ ความเปน็ พวกพ้อง และระบบอุปถมั ภ์ ดงั นนั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรของจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาใน ช่วงเวลาดังกล่าวจึงมักจะเป็นข้าราชการท่ีมีความรู้มีการศึกษาสูงกว่า ประชาชนท่ัวไป (เช่น ทนายความ, ครู) รวมทั้งมีตำ�แหน่งหน้าท่ีเป็น ข้าราชการระดับสูง เนื่องจากในช่วงเวลาน้ันบทบาทและการยอมรับ ในสถาบันระบบราชการในสังคมไทยมอี ยู่สูงมาก ประชาชนส่วนใหญ่ มีความรู้สึกว่าข้าราชการคือ “เจ้านาย” เป็นผู้มีอำ�นาจให้คุณให้โทษ กบั ประชาชนได้ ดังนัน้ โดยพ้ืนฐานกจ็ ะมีความเกรงกลวั ขา้ ราชการโดย เฉพาะขา้ ราชการท่อี ยู่ในฝ่ายปกครอง ตำ�รวจ อัยการ หรือผู้พิพากษา แตห่ ากขา้ ราชการมหี ลกั การดา้ นจติ วทิ ยามวลชนทด่ี สี ามารถเขา้ กบั ผนู้ �ำ ท้องถ่ินหรือ ประชาชนท่ัวไปได้ดี ประชาชนก็จะย่ิงให้ความรัก และ เคารพยิ่งขนึ้ จากพื้นฐานทางสังคมของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต้ังแต่ ปี พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นสงั คมเกษตรน้ัน สมาชกิ สภาผู้แทน ราษฎรส่วนใหญ่ก็คือบุคคลที่เคยรับราชการในพ้ืนท่ีของจังหวัด และ มีตำ�แหน่งสูงพอสมควร เม่ือลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรก็ดูน่าเช่ือถือ และได้รับการยอมรับในความรู้ ความสามารถ 110
ขอ้ มลู นกั การเมืองถ่ินจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา รวมทั้ง ระบบอุปถัมภ์ ซ่ึงเชื่อว่า ผู้ที่เคยเป็นข้าราชการมาก่อนจะ สามารถใช้ความรู้ ประสบการณ์ และเครือข่าย ทำ�ประโยชน์ให้แก่ ท้องถ่ินที่เลือกเข้าไปได้มากกว่าบุคคลท่ีมิใช่ข้าราชการ บุคคลเหล่าน้ี เมื่อเวลาสมัครรับเลือกตั้ง ใบปลิวหรือโปสเตอร์หาเสียง จะแต่ง เครื่องแบบข้าราชการเต็มยศ หากเป็นทนายความก็จะใส่ชุดครุย ว่าความ ก็จะไดร้ ับการเช่ือถอื ในความรูซ้ งึ่ เป็นปจั จยั สำ�คญั ทจ่ี ะส่งผล ใหผ้ ู้สมคั รผนู้ ัน้ ได้รบั การเลือกต้ังมากกวา่ ผสู้ มัครรายอืน่ ๆ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในช่วง แรก ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามลักษณะดังกล่าวข้างต้นดังกรณีต่อไปน้ี เชน่ นายละเมยี ด หงสป์ ระภาส (พ.ศ. 2476) เปน็ คหบดี นายประเสรฐิ ธารสี วสั ด์ิ (พ.ศ. 2480) เปน็ ขา้ ราชการครู นายเยอ้ื น พานชิ วทิ ย์ (พ.ศ. 2480) เป็นข้าราชการฝ่ายปกครอง (นายอำ�เภอ) หลวงประสิทธิ์นร- กรรม (พ.ศ. 2481) เปน็ ข้าราชการฝ่ายปกครอง (นายอ�ำ เภอ) นายฟ้ืน สพุ รรณสาร (พ.ศ. 2481) เป็นทนายความ นายวิโรจน์ กมลพนั ธ์ (พ.ศ. 2489) เปน็ ขา้ ราชการครู พล.ร.ต. ถวลั ย์ ธำ�รงนาวาสวสั ด์ิ (พ.ศ. 2489) เปน็ ขา้ ราชการทหาร นายปรีดี พนมยงค์ (พ.ศ. 2489) เปน็ ขา้ ราชการ ตลุ าการ นักการเมอื งระดับสูง ม.จ. นติ ยากร วรวรรณ คหบดเี ป็นเจ้า นายเช้ือพระวงศช์ น้ั สงู พ.ต. หลวงจบกระบวนยุทธ (พ.ศ. 2495) เป็น ข้าราชการทหาร นายประเสริฐ บุญสม (พ.ศ. 2500) เป็นข้าราชการ ครศู ึกษานิเทศก์ นายสมศักด์ิ ชมจนั ทร์ (พ.ศ. 2500) เป็นคหบดีและ เคยเป็นนายกเทศมนตรี นายนิคม สุขพัฒน์ธี (พ.ศ. 2500) เป็น ข้าราชการฝา่ ยปกครอง (นายอ�ำ เภอ) เป็นตน้ ดงั นนั้ จงึ อาจสรปุ ไดว้ า่ ในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว สถานภาพทางสงั คม และการศกึ ษา เปน็ ตัวแปรสำ�คัญ ในการนำ�ไปสู่การไดร้ ับเลือกตั้งเป็น 111
นักการเมืองถิน่ จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร นอกจากนนั้ การเข้าถงึ พื้นที่ กน็ ับเปน็ ตวั แปร ทส่ี �ำ คญั ทจี่ ะน�ำ ไปสกู่ ารไดร้ บั การเลอื กตง้ั กรณเี หน็ ไดว้ า่ นอกเหนอื จาก ขา้ ราชการระดบั สงู (นายปรดี ี พนมยงคแ์ ละ พล.ร.ต. หลวงธ�ำ รงนาวา- สวสั ด)์ิ แลว้ คนอนื่ ๆ นอกจากนนั้ เปน็ ขา้ ราชการทปี่ ฏบิ ตั งิ านในพนื้ ทท่ี ี่ โดยลกั ษณะงานจะตอ้ งพบปะกบั ประชาชน ซง่ึ เมอ่ื พจิ ารณาจากอาชพี แลว้ จะเหน็ ไดว้ า่ ขา้ ราชการฝา่ ยปกครองและครจู ะประสบความสำ�เรจ็ ใน การเลอื กตั้งมากกวา่ อาชพี อืน่ จากจำ�นวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดพระนคร ศรอี ยธุ ยาในชว่ งปี พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2500 จ�ำ นวน 13 คนเมอ่ื วเิ คราะห์ เฉพาะในสว่ นทเี่ ปน็ ขา้ ราชการแลว้ พบวา่ อาชพี ทไ่ี ดร้ บั เลอื กมากทส่ี ดุ คอื ข้าราชการฝา่ ยปกครองและขา้ ราชการครู และข้าราชการฝา่ ยปกครอง จำ�นวนเท่ากัน คือ ข้าราชการ ครู 3 คน (นายประเสริฐ ธารีสวัสด์ิ นายวิโรจน์ กมลพนั ธ์ และนายประเสริฐ บญุ สม)และขา้ ราชการฝา่ ย ปกครอง จำ�นวน 3 คน (นายเยื้อน พานิชวทิ ย์ หลวงประสิทธิ์นร- กรรมและนายนคิ ม สขุ พฒั นธ์ )ี เหตผุ ลทอี่ าชพี ดงั กลา่ วมคี วามไดเ้ ปรยี บ ขา้ ราชการอ่นื ก็คือการมเี ครอื ขา่ ยกวา้ งขวางทง้ั ในอาชีพเดยี วกัน และ ในระดับประชาชน กล่าวคือ ข้าราชการครู เป็นข้าราชการกลุ่มใหญ่ และมีจำ�นวนมากท่ีสุดในบรรดาข้าราชการทุกประเภท นอกจากน้ัน ครูยังมีบทบาทในการช้ีนำ�ความคิดของประชาชนในชนบทได้ในฐานะ ผู้สอนบุตรหลานให้ได้รับการศึกษา ครูบางท่านสอนมานานหลายปี มลี ูกศิษยเ์ ป็นจ�ำ นวนมากเปน็ ทีน่ ับหน้าถอื ตา อกี ทั้งประชาชนเหน็ ว่า เปน็ ผ้มู ีความรู้ มีการศึกษา มีความนา่ เชือ่ ถือ จงึ ให้ความส�ำ คัญกับครู ค่อนขา้ งมาก ส่วนอาชีพนักปกครองพบว่า บทบาทของข้าราชการฝ่าย 112
ข้อมูลนกั การเมืองถน่ิ จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ปกครองในช่วงปี พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2500 มีบทบาทในท้องถ่นิ สงู มาก ข้าราชการฝ่ายปกครองมีอำ�นาจตามกฎหมายหลายฉบับและเป็นผู้ ควบคุมบังคับบัญชาข้าราชการอ่ืน ๆ ในภูมิภาคเกือบท้ังหมด รวม ถึง ครู แต่บทบาทที่สำ�คัญในระดับพ้ืนท่ี คือ การควบคุมกำ�นันและ ผู้ใหญ่บ้านซ่ึงเป็นผู้นำ�ชุมชนท่ีมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ประกอบกับกำ�นัน ผู้ใหญ่บ้านในยุคดังกล่าวมักมีบุคลิกภาพเป็นผู้นำ� ตามธรรมชาตขิ องทอ้ งถน่ิ ซงึ่ ประชาชนใหค้ วามเคารพนบั ถอื และยำ�เกรง ในเวลาเดยี วกนั นายอ�ำ เภอหรอื ฝา่ ยปกครองทเ่ี ปน็ ทร่ี กั ใครข่ องก�ำ นนั ผูใ้ หญบ่ า้ น ทั้งในเชงิ ของบคุ ลิกภาพที่เปน็ กันเอง ไมถ่ อื ตวั หรือความ เปน็ คนจรงิ จงั เดด็ ขาดหรอื การเปน็ ผอู้ ปุ ถมั ภท์ ดี่ ชี อบใหค้ วามชว่ ยเหลอื ยอ่ มเปน็ ทยี่ อมรบั ของก�ำ นนั ผใู้ หญบ่ า้ นและประชาชนอยา่ งกวา้ งขวาง จึงมคี วามไดเ้ ปรียบในการลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างมาก นอกเหนอื จาก ครแู ละขา้ ราชการฝา่ ยปกครองแล้วทนายความ เป็นอีกอาชีพหน่ึงที่ประชาชนให้ความเชื่อถือในการเลือกเป็นผู้แทน ราษฎร เนื่องจากอาชีพดังกล่าวให้ความรู้สึกว่า เป็นผู้รู้กฎหมายและ รักความเปน็ ธรรมสามารถเป็นปากเสียงของประชาชนได้ นอกจากน้ันจากการสัมภาษณ์พบว่าบุคลิกภาพส่วนตัวก็มีผล ต่อความนิยมของประชาชนในการได้รับการเลือกตั้งในยุคแรกด้วย เชน่ กนั บคุ ลกิ ภาพทปี่ ระชาชนนยิ มสว่ นใหญจ่ ะแบง่ ออกเปน็ 2 ลกั ษณะ คือความเป็นผู้มีอัธยาศัยดี เป็นกันเอง ไม่ถือตัว เป็นคนมีชีวิตแบบ ง่าย ๆ กับบุคลิกแบบเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง รักความยุติธรรม พูดจริง ท�ำ จริง และชอบชว่ ยเหลอื ผ้คู น ตลอดจนเปน็ คนมโี วหารดี ซง่ึ ไดร้ ับ ขอ้ มลู วา่ นกั การเมอื งยคุ แรกของจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาสว่ นใหญจ่ ะ มบี ุคลิกภาพ ผสมผสานกันทงั้ 2 แบบ ข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ตอ้ ง 113
นักการเมอื งถนิ่ จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา “พงึ่ ได”้ เมอื่ ประชาชนมาขอความชว่ ยเหลอื เรอ่ื งสว่ นตวั เชน่ การฝาก ลกู เขา้ โรงเรยี น การโยกยา้ ยตำ�แหนง่ การเลอ่ื นต�ำ แหนง่ การเขา้ ทำ�งาน นักการเมืองท่ีมีบุคลิกชอบช่วยเหลือคนในลักษณะดังกล่าวที่เป็นที่ กล่าวขวัญกนั มาก คือ นายประเสริฐ บุญสม ซงึ่ สง่ ผลใหไ้ ดร้ บั เลอื ก เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึง 5 สมัย ติดตอ่ กนั รวมระยะเวลาทเ่ี ป็นระยะเวลาถึง 26 ปี นับเปน็ สมาชกิ สภา ผู้แทนราษฎรที่มีบารมีมากท่านหน่ึง โดยเฉพาะในวงการศึกษา นอกจากนนั้ ยงั ผลกั ดนั ใหม้ กี ารสรา้ งโรงเรยี นมธั ยมขน้ึ ในเกอื บทกุ อ�ำ เภอ ของจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา เทคนิคในการหาเสียง เป็นตัวแปรสำ�คัญในการได้รับเลือกต้ัง ของนักการเมืองทุกยุคทุกสมัย แต่ในช่วงแรกนั้น เทคนิคการหาเสียง เป็นแบบเรียบง่ายตรงไปตรงมาและค่อนข้างบริสุทธิ์ยุติธรรม การมี พฤติกรรมเบี่ยงเบนในการเลือกตั้ง ตลอดจนการใช้อำ�นาจอิทธิพลมี น้อย การสร้างเครือข่ายในการหาเสียง ส่วนใหญ่จะเป็นเร่ืองของ ความสัมพันธ์ส่วนตวั ระหว่างผู้สมคั รกับหัวคะแนนในพ้ืนที่ ช่วยเหลือ กันด้วยความนิยม รักใคร่ชอบพอกันเป็นส่วนตัว การเล้ียงหัวคะแนน หรือประชาชนมีอยู่บ้างแต่ก็เป็นแบบธรรมเนียมปฏิบัติในฐานผู้คุ้น เคยกนั การปราศรัยก็เป็นเทคนิคที่นกั การเมืองทกุ คนตอ้ งใช้ ส่วนมาก จะเป็นการรวมประชาชนในที่สาธารณะของหมู่บ้าน เช่น ตามศาลา วดั บา้ นก�ำ นัน หรือผู้ใหญ่บ้านหรือการใชม้ หรสพ เช่น การแสดงลเิ ก หรอื หนงั กลางแปลง การแจกใบปลวิ หรอื เอกสารแนะน�ำ ตวั ผสู้ มคั รแผน่ เล็ก ๆ แจกในรูป ส.ค.ส.แจกผ้ายันต์ (เช่นหลวงจบกระบวนยุทธ์) นอกจากนนั้ นยิ มใชก้ ารเดนิ เคาะประตบู า้ นเพอ่ื ขอคะแนนเสยี งหรอื ลอ่ ง 114
ข้อมลู นกั การเมืองถิน่ จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา เรอื ไปตามแมน่ ำ้�ลำ�คลองแล้วใชโ้ ทรโข่งหาเสียง การสร้างโรงเรยี นหรอื สิง่ สาธารณประโยชน์ เชน่ ศาลาการเปรียญ โบสถ์ โรงเรียน ศาลาทพ่ี กั เปน็ ตน้ โดยสรปุ ตวั แปรส�ำ คญั ทน่ี �ำ ไปสกู่ ารไดร้ บั การเลอื กตงั้ ของสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร ในช่วงปี พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2500 มีดังนี้ คือ 1. สถานภาพทางสังคมและการศึกษา ซ่ึงข้าราชการจะได้รับ ความนยิ มมากทสี่ ดุ รองลงมาไดแ้ ก่ ทนายความ 2. การเข้าถึงพ้ืนท่ี พบว่าข้าราชการครูและฝ่ายปกครองได้รับ ความนิยมมากทสี่ ดุ 3. บุคลิกภาพส่วนตัว บุคลิกภาพส่วนตัวท่ีได้รับการยอมรับ สูงสุด คือ ความมีอัธยาศัย พูดจริงทำ�จริงและการให้ความช่วยเหลือ ในเชิงอุปถัมภ์ 4. รปู แบบในการหาเสยี ง ซง่ึ ประกอบดว้ ย การใชค้ วามสมั พนั ธ์ ส่วนตัวกับผู้นำ�ชุมชน การพบปะประชาชน การปราศรัย และการ สรา้ ง หรือบริจาคเงนิ ในการสร้างสง่ิ สาธารณประโยชน์ การแจกส่งิ ของ หรือของใช้ที่จำ�เป็น การเดินพบปะพูดคุย เคาะประตูบ้าน ซ่ึงเป็น รูปแบบเฉพาะตัวของแต่ละคนตามแต่จะสร้างรูปแบบให้เป็นท่ีสนใจ ไม่ค่อยปรากฎว่ามีการจ่ายเงินซื้อเสียงเพื่อแลกกับการลงคะแนน แต่จะเป็นลักษณะให้เงินไปซื้อสุราเล้ียงกันก็จะเรียกกันว่า “เหล้าผู้ แทน” หรอื “ผแู้ ทนเลย้ี ง” หากใหเ้ งนิ กจ็ ะเป็นการบริจาคเพือ่ การสร้าง สาธารณประโยชน์ 5. ระบบอุปภัมภ์และการสร้างเครือข่ายในการหาเสียง อาศัย เพ่ือนฝูงญาติพ่ีน้อง คนสนิทสนมคุ้นเคย หรือรักใคร่นับถือกันเป็น ส่วนตัวอาจเป็นลูกน้องเก่า เพื่อนร่วมอาชีพ ช่วยเป็นหัวคะแนนให้ การให้เงินก็เป็นเรื่องของค่าอาหาร ค่าจัดการและมีสินน้ำ�ใจบ้างแต่ 115
นักการเมอื งถิน่ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ไม่ชดั เจน และมลี กั ษณะเป็นการจา้ ง แต่อยา่ งไรกต็ ามมขี ้อสงั เกตว่าในช่วงปพี .ศ. 2500 ซ่งึ เร่มิ มกี าร ประกาศใชก้ ฎหมาย พรรคการเมอื งเปน็ ครงั้ แรกในสมยั รฐั บาลจอมพล แปลก พิบูลสงครามรัฐบาลก็ได้มีการจัดตั้งพรรคเสรีมนังคศิลาซึ่งมี ขอ้ มลู วา่ มกี ารใชอ้ ำ�นาจของระบบราชการแทรกแซง การสมคั รรบั เลอื ก ต้ังโดยการสั่งการให้ส่วนราชการแจ้งข้าราชการในสังกัดรวมถึงกำ�นัน และผู้ใหญ่บ้านให้สนับสนุนผู้สมัครที่สังกัดพรรครัฐบาลคือ พรรคเสรี มนังคศิลา ค�ำ บอกเล่าดังกล่าวนี้อาจมีความสอดคลอ้ งกบั “การเลอื ก ตงั้ สกปรก”ในเขตจงั หวดั พระนครทมี่ กี ารโกงการเลอื กตงั้ อยา่ งกวา้ งขวาง จนน�ำ ไปสู่การประท้วงของประชาชน การเลือกต้ัง เม่อื วันท่ี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ผลปรากฏว่า สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรท่ีได้รับเลือกตัง้ 3 ใน 4 คน (พ.ต. หลวงจบ กระบวนยทุ ธ นายประเสริฐ บุญสมและนายสมศกั ด์ ชมจนั ทร์) สังกัด พรรคเสรีมนังคศิลาซึ่งมีจอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ขณะน้ันเป็นหัวหน้าพรรค คงมีเพียง นายนิคม สุขพัฒน์ธี เพียงคน เดียวทสี่ งั กัดพรรคสหภูมิ ดังน้ันจึงตั้งข้อสังเกตว่าการเลือกตั้งคร้ังน้ันอาจเป็นจุดกำ�เนิด ของการใช้กลยุทธ์หรือการจัดการกับการกระบวนการหาเสียงเลือกต้ัง เป็นคร้ังแรกหรืออีกนัยหน่ึง เป็นการเลือกต้ังที่เบ่ียงเบนครั้งแรกของ จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา ช่วงระยะท่ี 2 (พ.ศ. 2512 – พ.ศ. 2518) หลังจากการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเม่ือวันท่ี 15 ธันวาคมพ.ศ. 2500 และรัฐสภาสมยั น้นั มรี ะยะเวลาปฏิบัติหนา้ ท่เี พียง 116
ขอ้ มูลนกั การเมืองถ่นิ จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา 10 เดือนก็เกิดการปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์และนำ�เอาระบบ เผดจ็ การทหารมาปกครองประเทศ เมอื่ จอมพลสฤษดถิ์ งึ แกอ่ สญั กรรม ระบบเผด็จการทหารยังได้สืบทอดต่อมายังจอมพลถนอม กิตติขจรผู้ เปน็ ทายาททางการเมอื งจนถึงปี พ.ศ. 2511 จึงประกาศใชร้ ัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 และมีการเลอื กต้งั ท่ัวไป เมือ่ วันท่ี 10 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2512 การขาดช่วงทางการเมืองเป็นระยะเวลายาวนานถึงสิบปีเศษ ทำ�ให้นักการเมืองรุ่นบุกเบิกของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาส่วนใหญ่ มีอายุมากเกินกว่าที่จะหวนกลับเข้าสู่สนามการเลือกตั้งได้อีกมีเพียง นายประเสริฐ บุญสมเพียงคนเดียวท่ีกลับมาลงสมัครรับเลือกต้ังแต่ การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 ก็มขี อ้ พจิ ารณาวา่ มีความคล้ายคลึงกบั การเลอื กตัง้ เม่อื วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 กล่าวคอื พรรครฐั บาลซ่งึ นายกรฐั มนตรใี นขณะ นนั้ คอื จอมพลถนอม กติ ตขิ จรไดจ้ ดั ตงั้ พรรคสหประชาไทยโดยมตี นเอง เป็นหัวหน้าพรรค ประกอบกับการครองอำ�นาจรัฐมาอย่างยาวนาน ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2506 ภายใต้ระบบเผดจ็ การทหารจงึ ท�ำ ให้จอมพลถนอม สามารถควบคุมกลไกอำ�นาจรัฐได้อย่างเต็มที่ คล้ายกับจอมพลแปลก พิบูลสงครามเม่ือตอนตั้งพรรคเสรีมนังคศิลา ดังนั้นจึงน่าเชื่อได้ว่า การเลอื กตงั้ เมอื่ วนั ที่ 10 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2512 จงึ เปน็ การเลอื กตงั้ ทม่ี ี การใชก้ ลไกอ�ำ นาจรฐั คอื สว่ นราชการและก�ำ นนั ผใู้ หญบ่ า้ น แทรกแซง การเลอื กตง้ั อยา่ งมาก ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากจ�ำ นวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ที่ได้รับการเลือกตั้งท่ัวประเทศเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ีส่งตัว พรรคสหประชาไทยถึง 76 คน ในส่วนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การเลือกต้ังครั้งนั้นผู้ได้รับเลือก 3 ใน 4 คน (นายประเสริฐ บุญสม 117
นักการเมอื งถิน่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิเชียร กล่ินสุคนธ์ และนายเผชญิ ศรีภูธร) เปน็ สมาชิกของพรรค สหประชาไทยคงมีเพียงนายอตินาท ควรพจน์เพียงคนเดียวที่ลง สมัครอิสระไม่สังกัดพรรคใด การเลือกต้ังคร้ังนี้ มีพรรคการเมือง ตา่ ง ๆ มพี รรคการเมอื ง ตา่ ง ๆ สง่ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั รวมทง้ั สน้ิ จ�ำ นวน 14 พรรคแต่มีพรรคท่ีได้รับเลือกตั้งเพียง 7 พรรคและผู้สมัครอิสระ อีกจำ�นวนหนึ่ง จากจำ�นวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ีพึงมี 219 คน แต่ละ พรรคได้รับเลือกตั้งดังนี้ พรรคสหประชาไทยของรัฐบาลได้รับเลือก 76 ที่นงั่ พรรคประชาธปิ ตั ย์ได้ 57 ทน่ี งั่ ผสู้ มัครอสิ ระไดร้ ับเลือก 71 ทีน่ ั่ง และพรรคอน่ื ๆ รวม 15 ทนี่ งั่ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการสังกัดพรรครัฐบาลซึ่งมีความ ได้เปรียบผสู้ มคั รอนื่ คอ่ นขา้ งมากอยแู่ ลว้ นายประเสรฐิ บุญสมซง่ึ เปน็ แกนนำ�ของผู้สมัครในคร้ังนั้นยังได้รับสนับสนุนผู้สมัครหน้าใหม่ ซ่ึงมี ฐานะทางเศรษฐกจิ ดคี อื วา่ ท่ี ร.ต.วเิ ชยี ร กลนิ่ สคุ นธซ์ ง่ึ เปน็ เจา้ ของตลาด ศรีศุภราช สะพานควาย จังหวัดพระนครมาลงสมัครในนามพรรค สหประชาไทยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วย นโยบายการหาเสียง ของนายประเสริฐ บุญสมคือการสร้างโรงเรียน สาธารณูปโภคและ ถาวรวัตถุต่าง ๆ แก่ชุมชนโดยใช้เงินของผู้สมัครตลอดจนเร่ิมมีการ จัดเล้ียงหัวคะแนนและแจกข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนเงินสินน้ำ�ใจ ใหก้ บั หวั คะแนนและประชาชนบา้ ง แมจ้ ะเปน็ เงนิ ไมม่ ากนกั แตก่ ถ็ อื เปน็ จุดเร่ิมตน้ ของการใช้เงินในการเลอื กตง้ั หลงั เหตกุ ารณ์วนั ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ไดม้ ีการประกาศ ใชร้ ัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2517 และให้มกี ารเลอื กต้ัง ทั่วไปเมอื่ วนั ท่ี 26 มกราคม พ.ศ. 2518 สถานการณท์ างการเมืองหลัง 118
ขอ้ มูลนักการเมืองถนิ่ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา จากทจี่ อมพลถนอม กิตตขิ จรท�ำ รฐั ประหาร เมื่อวนั ท่ี 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 และใช้ระบบเผด็จการทหารในการปกครองประเทศในท่สี ดุ นำ�ไปสู่การลุกฮือของประชาชน นิสิต นักศึกษา ในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 หลังจากน้ันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคประชาธิป- ไตยมีกลุ่มต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง สิทธิ เสรีภาพตาม ระบอบประชาธิปไตยอย่างกว้างขวาง มีการยกร่างรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2517ซงึ่ มีเนอื้ หาทีม่ ีความเปน็ ประชาธปิ ไตย มากท่ีสุดฉบับหน่ึง เช่น กำ�หนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร สถานการณบ์ า้ นเมืองทั่วไปอยูใ่ นยุคของการต่นื ตัว ตรวจสอบการใช้อำ�นาจของรัฐและระบบราชการ ตลอดจนเรียกร้อง ให้รัฐแก้ไขปัญหาของเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน และผู้มีสถานะทางสังคม ที่เสียเปรียบ มีการกำ�เนิดข้ึนของกระแสแนวคิดแบบสังคมนิยม เป็นต้น การเลือกตั้งท่ัวไป เม่ือวันท่ี 26 มกราคม พ.ศ. 2518 มี พรรคการเมืองส่งผู้สมัครรับเลือกต้ังเป็นจำ�นวนทั้งส้ิน 42 พรรค ซึ่ง นับว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ซ่ึงนับเป็นภาพสะท้อนถึงการตื่นตัว ทางการเมืองของประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว หลังจากที่ตกอยู่ภาย ใตร้ ะบบเผด็จการทหารยาวนานต้งั แตย่ คุ ของจอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ มาจนถงึ ยุคจอมพลถนอม กิตติขจร เปน็ เวลานานกว่าสบิ ปี การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดพระนคร- ศรอี ยธุ ยาในคร้ังนน้ั มีผู้ไดร้ บั การเลอื กต้ังจ�ำ นวน 4 คน ได้แก่ 1. นายประมวล สภาวสุ พรรคกจิ สงั คม เขต 1 2. นายอนันต์ บูรณวนชิ พรรคสันติชน เขต 1 3. นายประเสรฐิ บญุ สม พรรคสงั คมชาตนิ ิยม เขต 2 119
นกั การเมืองถน่ิ จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา 4. นายอุทัย ชุณหะจันทร์ พรรคสังคมชาตินิยม เขต 2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 คนคือนายประมวล สภาวสุ ซึ่งเป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจากกรุงเทพ นายอนันต์ บูรณวนิช เป็นนักธุรกิจที่จบการศึกษาจากต่างประเทศเป็นคนจังหวัดสระบุรี และนายอุทัย ชุณหจันทร์นักธุรกิจเจ้าของร้านศรแดงท่ีมีชื่อเสียง จากกรุงเทพ เข้าสู่สนามการเลือกตั้งโดยการสนับสนุนของนาย ประเสริฐ บุญสม ซึ่งเป็นนักการเมืองท่ีมีฐานเสียงมั่นคงของจังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา ยุทธวิธีที่ใช้ในการเลือกตั้ง ก็คือการให้สิ่งของและการสร้าง สาธารณปู โภคทป่ี ระชาชนต้องการโดยเฉพาะโรงเรียน ศาลาวัด ศาลา การเปรียญท่ีพักผู้โดยสาร ถนน สะพาน ประปา ซึ่งนายประเสริฐ ได้ทำ�มาโดยตลอดแม้ในช่วงที่ไม่มีการเลือกต้ังท้ังน้ีโดยอาศัยการ สนับสนุนจากนายทุนหรือนักธุรกิจที่ดึงเข้ามาสู่วงการเมืองของจังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา นอกจากการสร้างสาธารณูปโภคแล้วก็มีการแสดงมหรสพลิเก หนังกลางแปลง และมีการเล้ียงหัวคะแนนซึ่งได้แก่ ครู กำ�นัน ผู้ใหญ่ บา้ นและนกั การเมอื งทอ้ งถนิ่ การเขา้ พบปะกบั พอ่ คา้ คหบดี ทเี่ ปน็ แกน น�ำ ของชมุ ชน ขา้ ราชการตลอดจนการมคี วามสมั พนั ธก์ ขั า้ ราชการระดบั สูงของจังหวัด และระดับประเทศเพื่อใช้เป็นเครือข่ายท่ีจะหาเสียงกับ ประชาชน และสามารถช่วยเหลือประชาชนท่ีมาพบปะขอร้องในเร่ือง ต่าง ๆ ในลักษณะระบบอุปถัมภ์ ในยุคนี้ยังไม่มีการแจกเงินเพ่ือแลก กับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งอย่างชัดเจนแต่จะให้เงินกับหัวคะแนน ในลักษณะสินน้ำ�ใจให้ส่ิงของเช่นทองคำ�รูปพรรณ พระเครื่องหรือของ มีค่าอน่ื ๆ 120
ขอ้ มูลนักการเมืองถ่ินจังหวดั พระนครศรีอยุธยา การเลือกตง้ั ชว่ งระยะทสี่ าม (พ.ศ. 2519 - ปัจจุบนั ) การเลอื กตงั้ ในชว่ งทส่ี ามของจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาน้ี จะถอื เอาการพจิ ารณาจากวธิ กี ารหาเสยี งเลอื กตงั้ ซงึ่ มขี อ้ มลู จากการบอกเลา่ ของผทู้ มี่ ปี ระสบการณใ์ นการเลอื กตง้ั เปน็ ผเู้ คยสมคั รรบั เลอื กตงั้ ผเู้ คย เปน็ หวั คะแนนทง้ั ในอดตี และปจั จบุ นั ตา่ งใหข้ อ้ มลู บอกเลา่ ในลกั ษณะที่ คลา้ ยคลงึ กนั วา่ การเมอื งและการเลอื กตง้ั ของจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา จากเดิมท่ีเคยอาศัยคุณสมบัติส่วนตัว ช่ือเสียง คุณงามความดี และ ความรู้ของผู้สมัคร ในยุคแรก ๆ ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงมาเป็นการใช้ สง่ิ ของ ใหร้ างวลั การจดั เลยี้ ง การสรา้ งสาธารณปู โภค การใหค้ วามชว่ ย เหลอื ฝากลกู หลาน เขา้ เรยี น เขา้ ท�ำ งาน การโยกยา้ ยต�ำ แหนง่ ขา้ ราชการ ในยุคทีส่ องเขา้ สู่ยุคของการใช้ระบบการบริหารการเลอื กตั้ง เร่มิ มกี าร จดั ตงั้ หวั คะแนน มกี ารใชเ้ งนิ ตอบแทนหวั คะแนน มกี ารซอื้ เสยี ง มกี ารใช้ อทิ ธพิ ลขม่ ขู่ หวั คะแนน ฝา่ ยตรงขา้ ม มกี ารใชม้ อื ปนื ท�ำ รา้ ยหรอื สงั หาร หวั คะแนนฝา่ ยตรงขา้ ม ตลอดจนการใหผ้ ลประโยชนท์ างธรุ กจิ ตอบแทน เชน่ การประมลู การรบั เหมางาน การเลอื่ นต�ำ แหนง่ เมอ่ื นกั การเมอื งได้ รับการเลอื กตั้งและสามารถมตี ำ�แหนง่ ทางการเมืองในรัฐบาลได้ จากผลการศกึ ษา สรปุ ไดว้ า่ การเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ของจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา หลังปี พ.ศ. 2519 เป็นต้นมามีรูปแบบ ทีห่ ลากหลายและซบั ซอ้ นข้นึ ตามล�ำ ดบั คุณสมบตั ิสว่ นตวั ของผู้สมคั ร ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความสามารถ วุฒิการศึกษาหรือตำ�แหน่งหน้าท่ี ราชการมิได้เป็นปัจจัยสำ�คัญที่จะทำ�ให้ผู้สมัครได้รับการเลือกตั้ง ดัง เชน่ ในช่วงปี พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2500 อกี ต่อไป ในขณะเดยี วกันการ แจกส่งิ ของ การจัดเลีย้ งหวั คะแนน การสร้างสาธารณปู โภคและความ สมั พนั ธเ์ ชงิ อปุ ถมั ภ์ ในลกั ษณะของการชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู การจดั มหรสพ 121
นักการเมืองถน่ิ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา และการปราศรัย เยี่ยมเยียนในลกั ษณะการเคาะประตบู า้ น ในชว่ ง ปี พ.ศ. 2500 - 2518 ยงั คงรูปแบบเดิมอย่บู ้างแตท่ วคี วามสลับซบั ซ้อน และเขม้ ขน้ กวา่ เดมิ มรี ะบบการบรหิ ารจดั การองคก์ รการเลอื กตง้ั ทเี่ ปน็ ระบบและมปี ระสทิ ธภิ าพตอ่ คะแนนเสยี งทแ่ี นน่ อน ระบบหวั คะแนนที่ ใชเ้ งนิ หรอื การแลกเปลย่ี นผลประโยชนเ์ ปน็ หลกั มกี ารใชอ้ ทิ ธพิ ลนกั เลง มือปืน เพิ่มขึ้นตลอดจนมีการใช้นโยบายของพรรคหรือกระแสความ นิยมของพรรคในการหาเสียงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็มีรูปแบบท่ี หลากหลายมากกว่าเดิมนอกเหนือจากการใช้ความสัมพันธ์กับระบบ ราชการ ทั้งส่วนกลาง (ระดับชาติ) ภูมิภาค (ระดับจังหวัด) และส่วน ท้องถ่ิน (องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหาร สว่ นต�ำ บล)ทงั้ นอี้ าจเนอื่ งจากการเปลยี่ นแปลง โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรมของจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา หลังปี พ.ศ. 2518 การพัฒนาด้านการคมนาคมได้เริ่ม เปลยี่ นแปลงสภาพเศรษฐกจิ ของจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เรมิ่ จากการ สรา้ งถนนสายหลกั ๆ ทเ่ี ชอ่ื มโยงการคมนาคมระหวา่ งกรงุ เทพกบั จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เพมิ่ ขน้ึ เชน่ ถนนสายเอเชยี จากกรงุ เทพผา่ นจงั หวดั พระนครศรีอยุธยาผ่านจังหวัดต่างๆไปยังภาคเหนือสุดทางท่ีอำ�เภอ แม่สายจังหวัดเชียงราย ถนนที่ตัดจากจังหวัดปทุมธานีผ่านอำ�เภอ บางไทร อำ�เภอเสนา ถนนวงแหวนรอบนอก บางบัวทอง-บางปะอิน เชอื่ มตอ่ กบั สายเอเชยี หรอื ถนนทส่ี รา้ งจากตวั จงั หวดั ไปยงั อ�ำ เภอตา่ ง ๆ ทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการคมนาคมที่ใช้การสัญจรโดย แมน่ ้ำ�ลำ�คลองเปน็ หลัก การเปล่ยี นแปลงทางเศรษฐกจิ ทเ่ี หน็ ได้ชดั เจน ที่สุด คอื การสรา้ งถนนสายเสนา-ปทมุ ธานี ไดเ้ ปลี่ยนแปลงระบบการ คมนาคมขนส่งทางนำ้�ซ่ึงเป็นการคมนาคมหลักเป็นการคมนาคมทาง 122
ขอ้ มูลนกั การเมอื งถิ่นจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา บกแทนโดยเฉพาะอย่างย่ิงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งมีบริบท ด้านเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมทางการเมืองท่ีเปล่ียนแปลงไปมาก โดยเฉพาะหลังปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมากระแสการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นอุตสาหกรรมได้ส่งผลกระทบต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซ่ึงมี ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ท่ีเหมาะสม กล่าวคือ อยู่ใกล้กรุงเทพมหานครซึ่ง เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม การคมนาคม สะดวกไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางบก ทางนำ้� หรือทางอากาศ (ห่าง จากสนามบินดอนเมืองซึ่งเป็นสนามบนิ นานาชาตใิ นขณะนนั้ เพยี ง 50 กิโลเมตร) ทำ�ให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้กลายเป็นแหล่งรองรับ การขยายตัวทางเศรษฐกิจจากกรุงเทพซึ่งสภาพการใช้ท่ีดินไม่สามารถ ขยายได้ อีกประกอบกับท่ีดนิ ในจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ก่อนปี พ.ศ. 2530 ยงั มรี าคาไมส่ งู นกั เนอื่ งจากยงั เปน็ พน้ื ทก่ี ารเกษตร ดงั นนั้ ในชว่ ง ปี พ.ศ. 2530-2538 จึงเป็นช่วงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้มีการ พฒั นาเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งทางเศรษฐกิจอยา่ งมาก มีการลงทุนใน ภาคอุตสาหกรรมโดยการสร้างนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง เช่นนิคม อตุ สาหกรรมบางปะอนิ นคิ มอตุ สาหกรรมไฮเทค อำ�เภอบางปะอนิ นคิ ม อตุ สาหกรรมโรจนะ อ�ำ เภออทุ ยั นคิ มอตุ สาหกรรมสหรตั นนคร อ�ำ เภอ นครหลวงและโรงงานอตุ สาหกรรมต่าง ๆ กระจัดกระจายอยู่เกือบทกุ อ�ำ เภอ เช่น วังนอ้ ย เสนา และอ�ำ เภออืน่ ๆ ในชว่ งปี พ.ศ. 2530-2535 เปน็ ชว่ งทเี่ ศรษฐกจิ ของประเทศไทย ในยคุ รฐั บาลชาตชิ าย ชณุ หะวณั ไดพ้ ฒั นาไปอยา่ งมากภายใตน้ โยบาย เปล่ียนสนามรบเป็นตลาดการค้านอกเหนือจากการลงทุนในอุตสาห- กรรมจำ�นวนมหาศาลยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และระบบสถาบัน การเงนิ อนั นำ�ไปสู่การเก็งกำ�ไรที่ดนิ อย่างกว้างขวางทำ�ให้ราคาท่ีดินพุ่ง 123
นักการเมืองถนิ่ จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา สงู ขึน้ อย่างรวดเร็ว จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เปน็ จงั หวดั หนง่ึ ทมี่ กี ารเกง็ ก�ำ ไรราคา ที่ดินอย่างมาก เกิดปรากฎการณ์ธุรกิจค้าท่ีดิน และนายหน้าค้าท่ีดิน จ�ำ นวนมาก เมอื่ ผนวกกบั การพฒั นาอตุ สาหกรรมอยา่ งกวา้ งขวางท�ำ ให้ โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ ของจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาเปลยี่ นแปลงจาก เศรษฐกิจแบบภาคการเกษตรเป็นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น มกี ารหลงั่ ไหลของแรงงานจากภาคเกษตรในชนบทสกู่ ารเปน็ แรงงานใน โรงงานอตุ สาหกรรมซง่ึ มไิ ดแ้ ตป่ ระชาชนจากจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เท่าน้ัน แต่มีการอพยพจากท่ัวทุกภาคเพ่ือมาทำ�งานในโรงงาน อุตสาหกรรม ผลต่อเนื่องก็คือการเติบโตของธุรกิจบ้านจัดสรร พาณชิ ยกรรม และภาคบรกิ ารอย่างรวดเร็ว การเปลยี่ นแปลงทตี่ ามมาจากการพฒั นาเศรษฐกจิ เปน็ อตุ สาห- กรรมนค้ี อื การเปลย่ี นแปลงทางวฒั นธรรมและวฒั นธรรมทางการเมอื ง วัฒนธรรมของจังหวัดได้เปลี่ยนจากวัฒนธรรมแบบชนบทหรือสังคม ภาคการเกษตรเป็นวัฒนธรรมของสังคมอุตสาหกรรมและวัฒนธรรม แบบคนเมืองมากข้ึน การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบบน้ีส่งผลกระทบ ถึงวัฒนธรรมทางการเมืองจากระบบยอมรับในคุณสมบัติ คุณงาม ความดี หรอื ชือ่ เสยี งเกยี รตยิ ศเปน็ ระบบแลกเปล่ยี นวัตถุ เปลย่ี นระบบ อุปถัมภ์ท่ีมีพ้ืนฐานบนความสัมพันธ์ ในเชิงของการสัมพันธ์โดยนำ้�ใจ เป็นความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ในเชิงของการแลกเปล่ียนผลประโยชน์ และวตั ถุนิยมมากขน้ึ ดังน้ันระบบการเลือกตงั้ ในช่วงหลังปี 2530 จึง เนน้ การจดั การเลอื กตงั้ แบบธรุ กจิ และมกี ารใชเ้ งนิ ชอ้ื เสยี งอยา่ งตรงไป ตรงมามากขึ้นในการบริหารจัดการเลือกต้ังน้ัน การจัดตั้งและบริหาร ระบบหวั คะแนนเป็นสงิ่ ทม่ี คี วามสำ�คัญและจ�ำ เป็น ผสู้ มคั รรบั เลอื กต้งั 124
ข้อมูลนักการเมืองถน่ิ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ไม่มีความจำ�เป็นต้องเดินหาเสียงแบบค่ำ�ไหนนอนนั่น คลุกคลีกับชาว บา้ นอกี ตอ่ ไปแตใ่ ชร้ ะบบการบรหิ ารจดั การหวั คะแนนแทน การปราศรยั ของผสู้ มคั รกไ็ มม่ คี วามจ�ำ เปน็ และไดผ้ ลนอ้ ยเพราะประชาชนสว่ นใหญ่ ท�ำ งานในภาคอุตสาหกรรมไม่มเี วลาฟงั การปราศรัย ดงั นั้น ระบบหัว คะแนน จึงเป็นความจำ�เป็นในการหาเสียงเลือกตั้งอย่างหลีกเล่ียงไม่ ได้ การแพช้ นะตดั สนิ กนั ดว้ ยระบบการบรหิ ารจดั การ การเลอื กตงั้ นเ้ี อง การเปล่ียนแปลงที่สำ�คัญอีกประการหน่ึงคือการเข้ามามี บทบาททางการเมอื งของกลมุ่ นกั ธรุ กจิ การสรา้ งเครอื ขา่ ยของนกั ธรุ กจิ ผรู้ บั เหมา กลายเป็นโครงสร้างสามประสาน คือ นกั ธรุ กจิ ข้าราชการ และนักการเมืองท้องถนิ่ ซ่งึ กำ�หนดเปน็ แบบจำ�ลองได้ดงั นี้ นักธุรกิจ ขา้ ราชการ นกั การเมอื งท้องถิ่น แผนภูมิท่ี 2 โครงสรา้ งสามประสานการเลอื กตง้ั นักธรุ กิจได้แกก่ ลุม่ พ่อคา้ เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ของจงั หวัด นกั ธรุ กจิ อสงั หารมิ ทรพั ย์ นกั ธรุ กจิ เจา้ ของสถานบรกิ าร และ ผรู้ บั เหมา ตา่ ง ๆ 125
นกั การเมอื งถิ่นจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ขา้ ราชการ ไดแ้ กก่ ลมุ่ ขา้ ราชการระดบั สงู ซง่ึ หมายถงึ ขา้ ราชการ ส่วนกลางในกระทรวง กรมต่าง ๆ และข้าราชการระดบั สงู ของจังหวดั โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าท่ีเก่ียวข้องกับการให้บริการ ประชาชน มีสาขาตามอำ�เภอ ควบคุมการปกครองและข้าราชการท่ี รักษากฎหมาย เชน่ ฝา่ ยปกครอง หรือ ต�ำ รวจ นักการเมอื งทอ้ งถน่ิ หมายถงึ ผบู้ รหิ ารท้องถนิ่ และสมาชกิ สภา ท้องถ่ินทุกระดับ ผู้บริหารท้องถ่ิน ได้แก่ นายกองค์การบริหารส่วน จังหวัด นายกเทศมนตรี นายกองคก์ ารบริหารส่วนตำ�บล สมาชิกสภา ทอ้ งถน่ิ หมายถงึ สมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (ส.จ.) สมาชกิ สภาเทศบาล (ส.ท.) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำ�บล (ส.อบต.) และก�ำ นนั ผใู้ หญบ่ า้ น แพทยป์ ระจ�ำ ต�ำ บล ผชู้ ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ น(แมว้ า่ ตาม กฎหมายจะไม่ถือว่าเป็นราชการส่วนท้องถ่ินก็ตามแต่ตามสภาพสังคม ไทยตอ้ งถอื วา่ ก�ำ นนั ผใู้ หญบ่ า้ นเปน็ คนทอ้ งถน่ิ ) ตลอดจนพลงั มวลชน จดั ตั้งกลุม่ ตา่ ง ๆ เชน่ อาสาสมคั รสาธารณสขุ (อสม.) สมาชิกสหกรณ์ ออมทรัพย์หมู่บ้าน กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ท้ังที่เกิดจากการจัดตั้งของรัฐ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ หรือการรวมกล่มุ กนั เอง กต็ าม กลุ่มพลังทั้งสามกลุ่มมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองในเชิง ของระบบอุปถัมภ์ที่มีความซับซ้อนเป็นความสัมพันธ์ท่ีต่างฝ่ายต่าง เอ้ือประโยชน์ซ่ึงกันและกัน ทำ�ให้รูปแบบของการเลือกต้ังของจังหวัด พระนครศรีอยุธยาหลัง พ.ศ. 2519 เปล่ียนแปลงไปจากเดิมอย่าง มากและทำ�ให้การเลือกต้ังเป็นเร่ืองของเทคนิคและการบริหารจัดการ มากกว่าจะเป็นเร่ืองของความรู้ความสามารถของผู้สมัคร ดังปรากฎ วา่ มผี สู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรบางคนทไี่ มเ่ คยมคี วาม สมั พนั ธก์ บั ประชาชน และไมเ่ ปน็ ทรี่ จู้ กั ของประชาชนมากนกั แตส่ ามารถ 126
ข้อมูลนกั การเมอื งถนิ่ จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ไดร้ บั การเลอื กตง้ั เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทกุ ครงั้ จากการบอกเลา่ ของอดตี ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั อาวโุ สผหู้ นงึ่ บอกวา่ นกั การเมอื งทมี่ ชี อ่ื เสยี ง ของจงั หวดั คนหนงึ่ เปน็ คนฉลาดและเจา้ แหง่ การวางแผนอยา่ งยากทจี่ ะ หาผู้ใดเทียบได้ ยุทธวิธีต่าง ๆ เช่น ท่ผี ูใ้ ห้ข้อมลู เคยประสบมาแต่ขอไม่ ใหร้ ะบวุ า่ เปน็ การกระท�ำ ของใครเชน่ กลยทุ ธท์ เ่ี รยี กวา่ “การหกั ล�ำ ”ซง่ึ มวี ธิ ี การต่างๆเช่น ใช้วธิ กี ารสง่ ทีมงานมาดทู ีบ่ า้ นของคู่แขง่ วา่ มกี ำ�หนดการ จะไปหาเสยี งหรอื พบปะราษฎรทจ่ี ดุ ใดกจ็ ะสง่ ทมี งานเขา้ ไปบอกราษฎร อกี พื้นที่ (ซงึ่ คูแ่ ขง่ ไม่ได้นัดหมายไว)้ วา่ ผ้สู มคั รเบอร์ (คู่แขง่ ) จะเขา้ มา พบปะ ปราศรยั กบั พอ่ แมพ่ น่ี อ้ งขอให้มารวมกลุ่มกันเพ่ือรอรับแต่เม่ือ ถึงเวลานัดหมาย คู่แข่งไม่ได้เข้ามาก็จะแกล้งกล่าวหาว่าคู่แข่งไม่รักษา คำ�พูดเชื่อถือไม่ได้อย่าไปเลือกหรืออาจส่งทีมงานเข้าพื้นท่ีแล้วไปบอก ข้อมูลผิด ๆ เช่น บอกเบอร์ของคู่แข่งที่ผิดไปจากความจริงหรือเขียน ขอ้ ความท่ผี ิดกฎหมายในใบปลิวหาเสียงของคแู่ ข่ง เชน่ เขียนว่า ใหไ้ ป รบั เงนิ ท.ี่ ....................วนั ท.ี่ .......................หลงั วนั เลอื กตง้ั นอกจากนน้ั อาจใชว้ ธิ โี จมตคี ณุ สมบตั สิ ว่ นตวั หรอื พฤตกิ ารณส์ ว่ นตวั ของฝา่ ยตรงขา้ ม ท�ำ ลายปา้ ยหาเสยี งของคแู่ ขง่ ใชน้ กั การเมอื งทอ้ งถนิ่ หรอื ก�ำ นนั ผใู้ หญ่ บ้าน บงั คบั ขม่ ขู่ หัวคะแนนฝา่ ยตรงขา้ ม เชน่ ครู หรือขา้ ราชการสว่ น อน่ื ๆ ใชม้ อื ปนื ขม่ ขู่ ท�ำ รา้ ยหวั คะแนนหรอื แมก้ ระทง่ั สงั หารหวั คะแนน หรือผู้สมัครรับเลือกตงั้ ที่เปน็ คู่แข่ง การศึกษาการเลือกตั้งของนักการเมืองถ่ินจังหวัดพระนคร ศรีอยธุ ยาในช่วงหลังปี พ.ศ. 2519 มาพบวา่ คณุ สมบัติเฉพาะตวั ของ นกั การเมอื ง และความสมั พนั ธส์ ว่ นตวั ในชว่ งเครอื ญาตแิ ละหวั คะแนน ซง่ึ เกดิ จากความรกั ใครช่ อบพอกนั ไดล้ ดบทบาทลงและพบวา่ การรณรงค์ หาเสียงเลือกต้ังท่ีมีการวิเคราะห์และจัดต้ังอย่างเป็นระบบได้เข้ามามี 127
นักการเมอื งถน่ิ จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา บทบาท และเป็นตัวแปรที่มีความสำ�คัญท่ีสุดในการตัดสินการแพ้หรือ ชนะการเลอื กตงั้ ของผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั นอกจากนนั้ การสมคั รรบั เลอื ก ต้งั หลังปี พ.ศ. 2518 เงนิ และอทิ ธพิ ลได้เข้ามามีบทบาทเพิม่ ขึ้นอย่าง มาก นักการเมืองถิ่นในระยะหลังนับแต่ยุคการเข้าสู่การเมืองของนาย ประมวล สภาวสุ ในการเลอื กตงั้ เมอื่ วันท่ี 26 มกราคม พ.ศ. 2518 จะ เห็นได้ชัดว่าไม่มีข้าราชการหรือผู้มีสถานภาพทางสังคมหรือวุฒิการ ศึกษาหรือประสบความสำ�เร็จทางสังคม อันเป็นท่ีประจักษ์ดังเช่น ใน ชว่ ง พ.ศ. 2476 - 2500 แตถ่ ูกแทนทดี่ ้วยนักธุรกจิ หรือผูท้ ่ีมเี ครอื ข่าย ในวงการธรุ กจิ เพ่ือให้ภาพการศึกษาวิเคราะห์บทบาทของนักการเมืองถ่ิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในช่วงน้ีชัดเจนข้ึนจะใช้กรอบการวิเคราะห์ เก่ียวกับการเลือกต้ังและการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเป็นแนวทางใน การพิจารณานกั การเมอื งถ่นิ จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา เพื่อน�ำ ไปสูข่ ้อ สรุปเข้าทฤษฎีว่า มรี ูปแบบ (pattern) ที่คลา้ ยคลงึ หรือแตกตา่ ง ๆ กบั นักการเมืองถ่ินในจังหวัดอ่ืนหรือไม่อย่างไรโดยการพิจารณาจากการ สำ�รวจบริบท หรือสภาพแวดล้อมการเลือกตั้งโดยทีมงานที่เก่ียวข้อง ของนกั การเมืองถิ่น การจดั องคก์ รบริหารหาเสียงเลอื กตั้ง ยุทธวิธกี าร หาเสยี ง การจดั กลมุ่ เปา้ หมายในการรณรงคห์ าเสยี งและหว้ งเวลาในการ หาเสยี งเลอื กตั้งดังน้ี 1) การส�ำ รวจบรบิ ทหรอื สภาพแวดล้อมการเลือกตง้ั ในข้ันตอนนี้ผู้สมัครรับเลือกต้ังจะมีการเรียกทีมงานท่ีมีความ ใกล้ชิดและไว้ใจได้กับหัวคะแนนระดับแกนนำ�ซึ่งสนิทสนมคุ้นเคย และไว้ใจได้เช่นเดียวกันมาประชุมปรึกษาเพ่ือประเมินสถานการณ์ การเลอื กตง้ั วา่ จะตอ้ งวางแผนการรณรงคห์ าเสยี งอยา่ งไรโดยพจิ ารณา 128
ข้อมูลนกั การเมอื งถ่ินจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา จากประเด็นต่าง ๆ ที่เรียกกันว่า “รู้เขารู้เรา” ดังนี้ คือกฎหมาย ทเี่ กีย่ วข้องกบั การเลือกต้งั มปี ระเด็นอะไรเปลยี่ นแปลงจากเดิมหรือไม่ หากมีการเปล่ียนแปลงกฎหมายใหม่จะเป็นคุณหรือเป็นโทษ กับผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั หรอื ไม่ อย่างไร มปี ระเด็นอะไรตอ้ งระมัดระวัง เป็นพิเศษ เช่น งบประมาณที่กฎหมายกำ�หนดในการหาเสียงเลือกต้ัง ขนาดของปา้ ย พ้นื ท่ีการ ติดป้ายหาเสียง ขอ้ หา้ มในการหาเสียง รวม ถึงจุดออ่ นของฝ่ายตรงข้าม ผู้สมคั รทเ่ี ป็นคแู่ ขง่ มีจำ�นวนกคี่ น ใครบ้าง แตล่ ะคนมจี ดุ แขง็ จดุ ออ่ นอยา่ งไรมกี ารแบง่ เขตพนื้ ทก่ี ารเลอื กตงั้ อยา่ งไร วิเคราะห์ฐานเสยี งของฝา่ ยผสู้ มัครและฝ่ายตรงข้าม ผ้มู ีสิทธเิ ลือกตั้งมี จำ�นวนเท่าใด มีการกระจายตัวอย่างไร แต่ละพ้ืนที่จะสามารถติดต่อ จัดต้ังหัวคะแนนอย่างไร ใช้เงินแต่ละพื้นท่ีอย่างไร เช่น ในส่วนของ การจา่ ยใหห้ วั คะแนน ในสว่ นทเ่ี ปน็ คา่ ปา้ ยโฆษณาหาเสยี ง ในสว่ นทเ่ี ปน็ ค่ารถโฆษณาหาเสียง ในส่วนที่เป็นค่าสาธารณูปโภค หรือค่าใช้จ่าย อน่ื ๆ และจะก�ำ หนดแผนงานและขนั้ ตอนนบั ตง้ั แตก่ ารเปดิ ตวั ไปจนถงึ วันเลือกตัง้ อย่างไรเหล่านเ้ี ปน็ ต้น โดยปกติเมอื่ มกี ารประกาศวนั รบั เลือกตัง้ ผสู้ มัครแตล่ ะคน จะ เตรียมการจัดต้ังศูนย์อำ�นวยการเลือกต้ัง ซ่ึงมีลักษณะเป็นศูนย์กลาง หรือกองบัญชาการ โดยจะเรียกผู้ใกล้ชิดมาประชุมปรึกษาหารือ และ เตรียมการในส่วนที่จำ�เป็น เช่น เตรียมข้ึนป้ายหาเสียง แต่ยังไม่ใส่ เบอร์ เตรียมเส้ือส�ำ หรบั ทีมงานและเตรยี มระดมคา่ ใช้จ่าย ส�ำ หรบั การ เลือกต้ังตลอดจนการจ่ายเงินบางส่วนเพื่อให้ทีมงานไปดำ�เนินการใน กจิ กรรมท่ีไดก้ ำ�หนดไว้ 2) การจัดองค์กรบริหารการหาเสยี งเลอื กต้งั การจัดองค์กรบริหารการหาเสียงเลือกตั้งถือเป็นหัวใจ 129
นักการเมอื งถิ่นจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา สำ�คัญในการได้รับเลือกต้ังของผู้สมัครโดยเฉพาะอย่างย่ิงในจังหวัด พระนครศรีอยุธยาการจัดองค์กรบริหารการเลือกตั้งโดยทั่วไปจะมีการ จัดโครงสร้าง ดงั น้ี 1. งานวางแผน หรืองานอ�ำ นวยการ 2. งานประชาสัมพนั ธ์ 3. งานหาเสยี งในพ้ืนท่ี 4. งานการข่าวและประเมินสถานการณ์ 5. งานเสบียง และการตอ้ นรับ 6. งานการเงนิ และธุรการ การจัดองค์กรดังกล่าวเป็นการแบ่งตามหน้าที่หรือภารกิจซึ่ง ในทางปฏิบัติศูนย์อำ�นวยการเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งอาจมิได้ มีการแบ่งโครงสร้างท่ีชัดเจนในลักษณะน้ี แต่อาจมีกลุ่มคนทำ�หน้าที่ รวมกนั ไป 3) การก�ำ หนดยุทธวิธีการหาเสียง ยทุ ธวธิ กี ารหาเสยี งอาจแบง่ เปน็ 3 ลกั ษณะคอื ยทุ ธวธิ ที เ่ี ปดิ เผย ถกู ตอ้ งตามกฎหมาย ยทุ ธวธิ ที กี่ �ำ่ กงึ่ กบั ระหวา่ งถกู ตอ้ งตามกฎหมายแต่ อาจไมเ่ หมาะสมในดา้ นจรยิ ธรรมและยทุ ธวธิ ที ไ่ี มถ่ กู ตอ้ งตามกฎหมาย และไม่ถกู ต้องในทางจรยิ ธรรม ยุทธวิธีท่ีถูกต้องตามกฎหมายเช่นการใช้ส่ิงพิมพ์และการ ประชาสัมพันธ์เช่น การทำ�ป้ายโปสเตอร์ขนาดต่าง ๆ การทำ�ป้าย คัตเอาท์ขนาดต่าง ๆ ติดต้ังในบริเวณท่ีประชาชนสามารถเก็บได้ง่าย การเดินเคาะประตูบ้านพร้อมทั้งแจกเอกสารแนะนำ�ตัวการใช้ รถประชาสัมพันธ์ เป็นต้น ยุทธวิธีการหาเสียงท่ีถูกต้องตาม กฎหมายนี้ ผู้สมัครรับเลือกต้ังทุกคนจะใช้วิธีการเดียวกัน แต่จะทำ� 130
ข้อมลู นกั การเมอื งถ่นิ จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา มากน้อยเพียงใดข้ึนอยู่กับทุนทรัพย์ท่ีผู้สมัครมีอยู่ เช่นจำ�นวนป้ายหา เสียงขนาดและคุณภาพของป้ายหาเสียงซึ่งจะต้องใช้ทุนสูงพอสมควร จึงจะครอบคลุมพื้นที่ในเขตเลือกต้ัง จากการศึกษา กรณีของจังหวัด พระนครศรีอยุธยาพบว่ามีการลงทุนในส่วนของป้ายหาเสียงมากกว่า ผู้สมัครท่ีไม่ได้รับเลือกต้ังเช่นในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี พ.ศ. 2550 มีผ้สู มคั รรับเลอื กตงั้ จำ�นวน 40 คน ผู้ที่ได้รบั การเลอื ก ต้ังจำ�นวน 5 คนจะต้องใช้ป้ายหรือคัทเอาท์เฉล่ียประมาณ 50-100 ป้าย ในขณะท่ีผู้สมัครที่ไม่ได้รับการเลือกต้ังจะใช้ป้ายหาเสียงน้อย มากประชาชนแทบจะไม่เห็นป้ายหาเสียงของผู้สมัครดังกล่าวเหล่า นัน้ เลย แต่อย่างไรก็ตามไม่มีผลการศึกษาอย่างชัดเจนเก่ียวกับข้อ สังเกตน้ีว่าป้ายหาเสียงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของ ประชาชนหรือไม่ อย่างไร แต่ผู้วิจัยมีสมมุติฐานว่าป้ายหาเสียงมีผล ต่อประชาชนท่ัวไปท่ีไม่ได้รับการจ่ายเงินและไม่ได้รับการจัดตั้งโดย หัวคะแนน เช่น คนชนั้ กลางในเขตเมืองหรือย่านธุรกิจ ป้ายหาเสียงที่ สวยงาม ชดั เจน ตลอดจนรูปของผสู้ มัครรบั เลอื กต้ังนา่ จะมีผลตอ่ การ ตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งพอสมควร เนื่องจากประชาชน ส่วนใหญ่ไมไ่ ดใ้ กลช้ ดิ ผู้สมัครรบั เลือกตง้ั ไม่มีข้อมูลเก่ยี วกบั ตัวผสู้ มคั ร รบั เลอื กตง้ั แตล่ ะคนอยา่ งเพยี งพอ เนอ่ื งจากในใบสมคั รหรอื ใบแนะน�ำ ตวั ผู้สมัครท่ีคณะกรรมการการเลือกตั้งกำ�หนดนั้น มีข้อมูลผู้สมัครน้อย เกนิ ไป ดังน้นั ประชาชนจำ�นวนหนงึ่ จึงตัดสินใจจากปา้ ยหาเสียง โดย ดูจากหน้าตา บุคลิกภาพ ตลอดจนการแต่งตัวของผสู้ มัครเทา่ นั้น จากการสังเกตของผู้วิจัยพบว่า ผู้สมัครรับเลือกต้ังที่ได้รับ การเลอื กตงั้ จะใชร้ ปู ถา่ ย ใน 2 ลกั ษณะคอื ชดุ ปกตขิ าวหรอื หากเคยเปน็ 131
นักการเมอื งถนิ่ จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรมาแลว้ กจ็ ะมสี ายสะพายซง่ึ สรา้ งความนา่ เชอื่ ถอื ทางดา้ นจติ วทิ ยามากพอสมควรหรอื อาจใชช้ ดุ ครยุ ปรญิ ญาบตั รเพอื่ แสดงความนา่ เชอ่ื ถอื ดา้ นการศกึ ษาและความรคู้ วามสามารถมเี พยี งไม่ กคี่ นทใ่ี ชส้ ทู ในการถา่ ยรปู เวน้ แตเ่ ปน็ การสมคั รรบั เลอื กตง้ั เปน็ สมยั แรก นอกจากนนั้ ผสู้ มคั รบางคนอาจมโี ปสเตอรป์ ดิ ประกาศเปน็ จ�ำ นวนมาก ตามสถานท่ตี ่าง ๆ รวมถึงบา้ นอยอู่ าศยั หรอื ร้านคา้ การติดโปสเตอร์ ลกั ษณะนส้ี ว่ นหนงึ่ จะเปน็ บา้ นของหวั คะแนนหรอื ไดร้ บั คา่ ตอบแทนใน การอนญุ าตใหต้ ดิ โปสเตอรม์ จี �ำ นวนไมม่ ากนกั ทอ่ี นญุ าตใหต้ ดิ โดยไมม่ ี คา่ ตอบแทนและโดยทว่ั ไปเมอื่ อนญุ าตใหผ้ สู้ มคั รรายใดตดิ โปสเตอรแ์ ลว้ ก็จะไม่อนุญาตให้ผู้สมัครรายอื่นติดโปสเตอร์ในเขตบ้านหรือร้านของ ตนอกี นอกจากปา้ ยและคทั เอาทข์ นาดใหญแ่ ล้วรถหาเสียงทีเ่ ปดิ เทป บนั ทกึ เสยี งกเ็ ปน็ ยทุ ธวธิ ที ใ่ี ชก้ นั มากอกี วธิ หี นง่ึ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั จะจา้ ง รถปิคอัพท่ีติดป้ายหาเสียง 2 ด้าน แล้วเปิดเสียงท่ีบันทึกจากห้องอัด เสยี งวิ่งไปตามชุมชนต่าง ๆ โดยจะแบ่งออกเป็นสาย ๆ สายละ 1-2 คนั ซงึ่ โดยทว่ั ไปผสู้ มคั รแตล่ ะคนจะใชร้ ถหาเสยี งคนละ 5-10 คนั กระจาย ไปตามพน้ื ที่ต่าง ๆ โดยเพมิ่ จ�ำ นวนขึ้นในช่วงระยะเวลาทใ่ี กล้จะถึงวัน เลอื กตัง้ จากการสอบถามอัตราค่าจา้ งของรถหาเสียงต่อคนั ประมาณ 1,000-1,500 บาท ตอ่ วันไมร่ วมคา่ น้ำ�มันรถ นอกจากนน้ั ก็จะเป็นปา้ ย ขนาดเล็กท่ีติดตามรถรับจ้างท่ัวไป เช่น สามล้อเครื่องหรือ รถรับส่ง ผโู้ ดยสารขนาดเลก็ อาจใชร้ ะบบเหมาจา่ ย คอื คนั ละ 1,000-2,000 บาท ตลอดจนสน้ิ สดุ การเลือกตัง้ การเดินพบปะประชาชนในชมุ ชนพร้อมกับแจกเอกสารแนะนำ� ตนเอง ก็เป็นวิธีหนึ่งท่ีนิยมใช้ในการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งใน จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาโดยเฉพาะในตลาดหรอื ยา่ นชมุ ชนตา่ ง ๆ แต่ 132
ข้อมลู นกั การเมอื งถน่ิ จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา ในระยะหลงั ไดร้ บั ความนยิ มนอ้ ยลงเนอื่ งจากใชเ้ วลามากและผลทไ่ี ดร้ บั ไม่แนน่ อนเหมอื นการใช้ระบบการจัดต้ังหัวคะแนนอาจมผี ลบ้างในเขต เมอื งทปี่ ระชาชนยงั ไม่ไดต้ ดั สินใจวา่ จะเลือกผ้สู มัครคนใด การปราศรัยโดยการต้ังเวทีปราศรัยไม่ค่อยปรากฎว่ามีผู้สมัคร รับเลือกต้ังรายใดใช้เน่ืองจากเห็นว่าควบคุมสถานการณ์ได้ยากและไม่ แนใ่ จกบั ผลทไ่ี ดร้ บั วา่ มปี ระสทิ ธภิ าพเพยี งใด อกี ประการหนงึ่ ประชาชน ในจังหวดั พระนครศรีอยุธยาสว่ นใหญ่ ทำ�งานในสถานประกอบการซ่งึ เลิกงานเย็นหรือค่ำ�หรือทำ�งานเป็นกะจึงทำ�ให้มีเวลาว่างที่ไม่แน่นอน จึงไม่นิยมฟังการปราศรัยจากผู้สมัครรับเลือกตั้งดังเช่นในจังหวัดภาค ใต้ นอกจากนั้น นกั การเมอื งถิน่ ในจงั หวัดพระนครศรีอยุธยาสว่ นใหญ่ ไมม่ พี รสวรรคใ์ นดา้ นการพดู ปราศรยั การปราศรยั โดยการเปดิ เวทใี หญ่ จึงไมค่ ่อยเปน็ ท่ีนิยมในหมนู่ กั การเมือง ส่วนยุทธวิธีท่ีไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือก้ำ�กึ่งกับการผิด กฎหมาย ในจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยาประกอบดว้ ยยุทธวิธตี ่าง ๆ เช่น การจัดตั้งหวั คะแนนโดยแลกกับคา่ จา้ ง/คา่ ตอบแทน การซอ้ื เสยี ง การโกงการเลอื กตงั้ การใชอ้ ทิ ธพิ ลขม่ ขหู่ วั คะแนน หรอื ผูส้ มคั รทเี่ ปน็ คู่แข่ง การท�ำ รา้ ยร่างกาย หรือการสังหารหัวคะแนน ของผู้สมัครที่เป็นคู่แข่ง การให้หรือการสัญญาว่าจะให้ส่ิงของหรือ สาธารณปู โภคเปน็ การตอบแทนหากไดร้ บั การเลอื กตง้ั การใสร่ า้ ยปา้ ยสี หรอื โจมตหี รอื ใหข้ อ้ มลู ผสู้ มคั รคแู่ ขง่ ผดิ ไปจากความจรงิ การรว่ มมอื กบั ผู้นำ�องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จัดพาผู้มีสิทธิเลือกต้ังไปทัศนศึกษา ดูงาน หรือไปเท่ยี วพรอ้ มทัง้ แจกเงนิ เปน็ ค่าเบยี้ เลี้ยง การทำ�ลายปา้ ย ของผู้สมัครคู่แข่ง การโกงการเลือกต้ังในหน่วยเลือกต้ัง การใช้รถขน ผเู้ ลือกตั้งมาลงคะแนนใหก้ บั ผู้สมคั รรายใดรายหนึ่งเปน็ ตน้ 133
นักการเมอื งถิ่นจงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ผู้ให้ข้อมูลคนหนึ่งเล่าว่าผู้สมัครเกือบทุกคนจะต้องมีการใช้ ยทุ ธวธิ ที ไ่ี มถ่ กู ตอ้ งตามกฎหมาย ไมว่ ธิ ใี ดกว็ ธิ หี นงึ่ หรอื อาจใชห้ ลายวธิ จี งึ จะไดร้ บั การเลอื กตง้ั หากไมใ่ ชว้ ธิ ผี ดิ กฎหมายบา้ ง ในขณะทผ่ี สู้ มคั รราย อน่ื ใชผ้ สู้ มคั รรายนน้ั กจ็ ะแพก้ ารเลอื กตงั้ เสมอ แตท่ ง้ั นกี้ ม็ ไิ ดห้ มายความ ว่ายุทธวิธีที่ผิดกฎหมายจะเป็นตัวชี้ขาดชัยชนะในการเลือกต้ังเสมอไป หากแต่การมีเครือข่ายและระบบอุปถัมภ์ท่ีดีก็เป็นปัจจัยสำ�คัญในการ ไดร้ บั การเลอื กตงั้ เช่นเดยี วกัน 4) การจดั ต้ังเครือขา่ ย การจัดต้ังเครือข่าย นับเป็นเร่ืองท่ีมีความสำ�คัญมากท่ีสุดใน การนำ�ไปสู่การได้รับชัยชนะในการเลือกต้ังของนักการเมืองถ่ินมากย่ิง กว่าความรู้ความสามารถส่วนตัวเนื่องจากความกว้างใหญ่ของพ้ืนท่ี เลอื กต้งั จำ�นวนประชากร และความสลบั ซับซอ้ นในเชงิ โครงสร้างของ สังคม เครือข่ายของนักการเมืองอาจพิจารณาจาก ความสัมพันธ์ทาง เครอื ญาติและความสัมพนั ธ์เชงิ อุปถมั ภ์ ผใู้ หข้ อ้ มลู เลา่ ใหฟ้ งั วา่ ผสู้ มคั รเกอื บทกุ คนจะตอ้ งมกี ารใชย้ ทุ ธวธิ ี ท่ไี มถ่ ูกต้องตามกฎหมาย ไมว่ ิธีใดก็วิธหี นึง่ หรืออาจใชห้ ลายวธิ จี ึงจะได้ รบั การเลอื กตั้ง หากไมใ่ ช้วธิ ีผิดกฎหมายบ้าง ในขณะท่ผี ้สู มคั รรายอ่ืน ใช้ผู้สมัครรายนั้นก็จะแพ้การเลือกต้ังเสมอแต่ท้ังน้ีก็มิได้หมายความว่า ยุทธวิธีที่ผิดกฎหมายจะเป็นตัวช้ีขาดชัยชนะในการเลือกต้ังเสมอไป หากแต่การมีเครือข่ายและระบบอุปถัมภ์ท่ีดีก็เป็นปัจจัยสำ�คัญในการ ไดร้ ับการเลือกต้งั เชน่ เดยี วกัน จากการบอกเล่าของนักการเมืองอาวุโสของจังหวัดพระนคร- ศรีอยุธยาทา่ นหนงึ่ การสร้างเครือขา่ ยของนกั การเมืองในอดตี เกดิ ขน้ึ จากความสัมพนั ธส์ ว่ นตัว ไมว่ า่ จะในเชงิ ของการเปน็ เครอื ญาติ เพอื่ น 134
ข้อมูลนกั การเมอื งถ่ินจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา หรอื เจา้ นาย-ลกู นอ้ งทเี่ คยอปุ ถมั ภช์ ว่ ยเหลอื กนั มา ตวั อยา่ ง เชน่ ในยคุ กอ่ นปี พ.ศ.2500 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา อย่างเช่น นายเยื้อน พานิชวิทย์ หลวงประสิทธ์ิ นรกรรม นายฟื้น สุพรรณสาร นายนิคม สุขพัฒน์ธี ส่วนใหญ่มาจากข้าราชการฝ่าย ปกครองซง่ึ มกี ารสรา้ งเครอื ขา่ ยกบั ก�ำ นนั ผใู้ หญบ่ า้ น ซง่ึ เปน็ ผนู้ �ำ ทอ้ งถน่ิ ท่ีเคยทำ�งานร่วมกัน เคยช่วยเหลือกัน หรือศรัทธาในตัวผู้สมัครหรือ กรณนี ายประเสรฐิ บญุ สม อดตี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรหลายสมยั ของ จงั หวดั กม็ าจากอาชพี ครู ซง่ึ เปน็ อาชพี ทม่ี เี ครอื ขา่ ยกวา้ งขวาง เครอื ขา่ ย เหล่าน้ีส่วนใหญ่เกิดจากบุคลิกภาพส่วนตัว และความนิยมในอุปนิสัย ใจคอ มไิ ดเ้ กดิ จากการวา่ จา้ งดว้ ยสนิ จา้ งรางวลั หากจะมบี า้ งกเ็ ปน็ รปู แบบ ของการเลี้ยงดูกันหรือช่วยเหลือเป็นสินน้ำ�ใจไม่มากนัก ผู้สมัครเอง กส็ ามารถเข้าถึงประชาชนไดง้ ่าย เนอื่ งจากโครงสร้างของสงั คมเกษตร ไม่มีความสลับซับซ้อน จำ�นวนประชากรก็ไม่มากและหลากหลาย ดงั เช่นในยุคหลงั ปี 2530 มาแล้ว เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้สมัครรับเลือกต้ังก่อนปี พ.ศ. 2519 จะเห็นว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งบางท่านมิใช่ผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีนัก (เชน่ นายอตินาท ควรพจน์ นายนิคม สขุ พฒั น์ธี หรอื นายเสรี มโยทาร) แต่หลังจากปี 2519 เป็นต้นมา จะเห็นว่าผู้ได้รับการเลือกต้ังทุกคน มีอาชีพเป็นนักธุรกิจและมีฐานะทางเศรษฐกิจท่ีดีมาก น่าจะสะท้อน ให้เห็นข้อมูลเชิงวิเคราะห์ว่า เงิน เร่ิมเข้ามามีอิทธิพลต่อการเลือกต้ัง ของจังหวัดมากข้ึน นอกจากนั้นผู้ได้รับการเลือกตั้งส่วนใหญ่ก็มิใช่ คนท่ีอยู่ประจำ�ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคลุกคลีอยู่กับพ้ืนท่ี ดังเช่นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น นายมนตรี พงษ์พานิช นายประมวล สภาวสุ นายกมุ พล สภาวสุ พ.อ.ณรงค์ กิตตขิ จร อกี กรณีหน่งึ แม้จะมี 135
นกั การเมืองถ่ินจังหวัดพระนครศรอี ยุธยา ภูมิลำ�เนาและอยู่ในจังหวัดแต่ก็ไม่เห็นบทบาทของการลงพื้นท่ีคลุกคลี กับประชาชนในเขตเลือกต้ังอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นนายพงษ์อุดม ตรสี ขุ ี นายพลกฤษณ์ หงส์ทอง นายเกอ้ื กลู ดา่ นชยั วจิ ิตร นายพ้อง ชวี านนั ท์ นางสาวสุวมิ ล พันธ์เจริญวรกลุ นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล และ นายสรุ ศกั ดิ์ พนั ธเ์ จรญิ วรกลุ ลว้ นเปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทลี่ งพน้ื ทีไ่ มม่ ากนกั บางคนประชาชนแทบไม่รูจ้ กั ตวั จริง ๆ แต่ก็ไดร้ ับเลอื กตัง้ ดงั นน้ั จงึ นา่ จะเปน็ เรอื่ งของการจดั ตง้ั เครอื ขา่ ย เพอื่ การหาเสยี ง หรอื หวั คะแนนเป็นประการส�ำ คญั จากกรอบแนวคิดเร่ืองหัวคะแนนของสมบัติ จันทรวงศ์ ได้ แบ่งหัวคะแนนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ หัวคะแนนหลัก ซ่ึงหมายถึง หัวคะแนนท่ีมีความผูกพันสนิทสนม ผูกพันและไว้เน้ือเชื่อใจ รวมถึง มีความกว้างขวางในท้องถ่ินพอที่จะสร้างเครือข่ายหัวคะแนนระดับ รองได้ และหัวคะแนนระดับรองซึ่งเป็นหัวคะแนนระดับล่าง ซึ่งไม่ได้ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้สมัครโดยตรง แต่ได้รับการประสาน งานติดต่อให้เข้ามาเป็นเครือข่าย เพ่ือแลกกับเงินหรือผลประโยชน์ ตอบแทน ดังน้ันเงินจึงมีผลต่อการเลือกต้ังมาก ผู้สมัครรับเลือกต้ัง ท่ีจะได้ชัยชนะในการเลือกต้ัง จะต้องมีหัวคะแนนหลักท่ีมีความ กว้างขวางและสามารถจัดต้ังหัวคะแนนรองได้อย่างกว้างขวางและ หวังผลได้ นอกจากน้ันกรอบแนวคิดเรื่องระบบอุปถัมภ์ หรือการ แลกเปล่ียนก็สามารถนำ�มาอธิบายระบบการเลือกต้ังของจังหวัด พระนครศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาระบบหัวคะแนนและ ระบบอุปถัมภ์กับการเลือกตั้งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่ามี ลักษณะสำ�คัญประกอบด้วยบุคคล 3 กลุ่ม คือนักธุรกิจ นักการเมือง 136
ขอ้ มูลนกั การเมอื งถ่นิ จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา ทอ้ งถ่ิน และขา้ ราชการ นักธรุ กจิ สว่ นใหญ่จะเป็นผู้รับเหมาคนกล่มุ นม้ี กี ารอปุ ถัมภ/์ รับ อุปถัมภ์กับกลุ่มของนักการเมืองท้องถิ่น (นายกองค์การบริหารส่วน จังหวัด นายกเทศมนตรี หรือ นายกองค์การบริหารส่วนตำ�บล) ใน รปู การได้งานรับเหมาก่อสรา้ ง การรบั เหมาถมดิน การรับเหมาต่อเติม ฯลฯ ในชว่ งของการหาเสียงก็จะชว่ ยเหลอื ใหน้ ักการเมอื งท้องถ่นิ ท่ตี น คนุ้ เคยหรอื มสี ายสัมพันธไ์ ดร้ ับชยั ชนะในการเลอื กตง้ั กลมุ่ นกั การเมอื งทอ้ งถน่ิ ในบางกรณกี ลมุ่ ผรู้ บั เหมากเ็ ขา้ สรู่ ะบบ การเมืองท้องถิ่นด้วยตนเอง โดยการสมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัด (สจ.) สมาชิกสภาเทศบาล (สท.) สมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำ�บล (ส.อบต.) หรือลงสมัครในตำ�แหน่ง ผบู้ ริหารท้องถ่ิน เชน่ นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด (นายก อบจ.) นายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตำ�บล ด้วยระบบ การซอ้ื เสยี งระดบั ทอ้ งถนิ่ และรกั ษาฐานเสยี ง/ขยายฐานเสยี งดว้ ยการน�ำ โครงการหรืองบประมาณลงสู่พื้นท่ีฐานคะแนนของตน เช่น ก่อสร้าง สาธารณปู โภค (โดยตนเองหรอื เครอื ขา่ ยของตนเปน็ ผรู้ บั เหมางาน) หรอื การนำ�ชาวบ้านไปทัศนศึกษา เน่ืองจากคนกลุ่มน้ีมีฐานเสียงประชาชนอยู่แล้ว ผู้สมัครรับ เลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงมุ่งท่ีจะดึงเข้าเป็นเครือข่ายหรือ หัวคะแนนในการเลือกต้งั คนกล่มุ นกี้ ็จะพิจารณาเลือกสงั กดั โดยดจู าก ผลตอบแทนท่ีจะได้รับ (เงิน ทรัพยากรอ่ืน ๆ โอกาสการได้รับเลือก ชอื่ เสยี ง โอกาสไดร้ บั ต�ำ แหนง่ รฐั มนตรี การเกอ้ื หนนุ ประโยชนท์ างธรุ กจิ ฯลฯ) ผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สายใดทมี่ นี กั การเมอื งถนิ่ เปน็ หวั คะแนนใหเ้ ปน็ จำ�นวนมากเท่าใดกม็ โี อกาสไดร้ บั ชยั ชนะในการเลอื กตั้งมากเทา่ นน้ั 137
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174