รหัสตวั ช้ีวดั ศ ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗ ศ ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ศ ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖ ศ ๒.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ศ ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖ ศ ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒ รวม ๖ มาตรฐาน ๒๗ ตัวชว้ี ัด
กลมุ่ สาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพ ความสำคญั ของกลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชพี กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียน มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถนำความรู้เกี่ยวกับ การดำรงชีวติ การอาชีพ มาใช้ประโยชน์ในการทำงานอย่างมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ และแข่งขันในสังคมไทย และสากล เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ รักการทำงาน และมีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน สามารถ ดำรงชีวิตอยู่ในสงั คมได้อยา่ งพอเพยี ง และมีความสขุ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ มุ่งพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวม เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะในการทำงาน เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ และการศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมี สาระสำคัญ ดังน้ี - การดำรงชีวิตและครอบครัว เป็นสาระเกี่ยวกับการทำงานในชีวิตประจำวัน ช่วยเหลือ ตนเอง ครอบครัว และสังคมได้ในสภาพเศรษฐกิจที่พอเพียง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เน้นการปฏิบัติจริงจน เกิดความมั่นใจและภูมิใจในผลสำเร็จของงาน เพื่อให้ค้นพบความสามารถ ความถนัด และความสนใจของ ตนเอง - การอาชพี เป็นสาระที่เกี่ยวข้องกับทักษะท่ีจำเป็นต่ออาชีพ เห็นความสำคัญของคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติที่ดีต่ออาชีพ ใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสม เห็นคุณค่าของอาชีพสุจริต และเห็น แนวทางในการประกอบอาชพี สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ (๒ สาระ ๒ มาตรฐาน) สาระท่ี ๑ การดำรงชีวติ และครอบครัว มาตรฐาน ง ๑.๑ เข้าใจการทำงาน มีความคดิ สรา้ งสรรค์ มที กั ษะกระบวนการทำงาน ทกั ษะ การจัดการ ทักษะกระบวนการแกป้ ัญหา ทักษะการทำงานร่วมกนั และทักษะการแสวงหาความรู้ มี คุณธรรม และลักษณะนสิ ยั ในการทำงาน มีจติ สำนกึ ในการใชพ้ ลังงาน ทรพั ยากร และ สิง่ แวดลอ้ ม เพือ่ การดำรงชีวิตและครอบครัว สาระที่ ๒ การอาชีพ มาตรฐาน ง ๒.๑ เขา้ ใจ มที กั ษะทีจ่ ำเป็น มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ใช้เทคโนโลยีเพื่อ พัฒนาอาชพี มคี ณุ ธรรมและมีเจตคตทิ ดี่ ีตอ่ อาชพี
โครงสร้างรายวิชากลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ตามโครงสรา้ งหลักสตู รโรงเรียนบ้านสมศรี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๐) ระดบั ช้ัน รหสั ชือ่ รายวชิ า เวลาเรียนรายปี ชั้น ป. ๑ ง๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๑ ๑ ช่ัวโมง/สปั ดาห์ (๔๐/ปี) ชน้ั ป. ๒ ง๑๒๑๐๑ การงานอาชพี ๒ ๑ ชว่ั โมง/สัปดาห์ (๔๐/ปี) ช้ัน ป. ๓ ง๑๓๑๐๑ การงานอาชพี ๓ ๑ ชัว่ โมง/สปั ดาห์ (๔๐/ปี) ชน้ั ป. ๔ ง๑๔๑๐๑ การงานอาชพี ๔ ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๘๐/ปี) ชน้ั ป. ๕ ง๑๕๑๐๑ การงานอาชพี ๕ ๒ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ (๘๐/ปี) ช้นั ป. ๖ ง๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ ๖ ๒ ชวั่ โมง/สัปดาห์ (๘๐/ปี) ง๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๑ คำอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชีพ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง ศึกษา ฝึกฝนการทำงานช่วยเหลอื ตนเอง เกี่ยวกบั การแต่งกาย การเกบ็ ของใช้ การหยบิ จบั และ ใช้ของใช้สว่ นตวั การจัดโตะ๊ ตู้ ชนั้ การใช้วสั ดุ อุปกรณ์ และเครือ่ งมอื งา่ ย ๆ ในการบำรงุ รกั ษาต้นไม้ การ พับกระดาษเป็นของเล่น ความสำคัญของข้อมูลที่สนใจรวมทั้งแหล่งข้อมูลที่อยู่ใกล้ตัว ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ผู้รู้ สอ่ื สิ่งพิมพ์ ตา่ งๆ โดยใช้กระบวนการทำงาน การสังเกต การฝึกปฏิบัติ และการแสวงหาความรู้ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจ มคี วามคิดสร้างสรรค์ ส่อื สารส่งิ ท่ีเรยี นรู้ได้ดี มที กั ษะในการใชม้ อื เครอื่ งมือ เคร่ืองใชใ้ นการ ทำงานอย่างปลอดภัย สามารถทำงานตามขั้นตอนกระบวนการทำงาน เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน รักการทำงาน ทำงานด้วยความกระตือรือร้น และตรงเวลา มีเจตคติที่ดีต่อ การทำงาน มีลักษณะนสิ ัยการทำงานทเี่ หมาะสม รหสั ตัวช้ีวัด ง ๑.๑ ป. ๑/๑ , ป. ๑/๒ , ป. ๑/๓ รวม ๑ มาตรฐาน ๓ ตัวชีว้ ัด
ง๑๒๑๐๑ งานอาชพี ๒ คำอธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๒ กลุม่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง ศึกษาวิธีการและประโยชน์การทำงานเพื่อช่วยเหลือตนเองและครอบครัว การใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการทำงานที่เหมาะสมและประหยัด การทำงานเพื่อช่วยเหลือตนเองและครอบครัวอย่าง ปลอดภยั มเี จตคตทิ ี่ดตี ่อการทำงาน และมลี ักษณะนิสยั การทำงานทเ่ี หมาะสม รหัสตัวช้ีวัด ง ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ รวม ๑ มาตรฐาน ๓ ตัวช้วี ัด ง๑๓๑๐๑ งานอาชีพ ๓ คำอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐาน ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ กลุม่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง ศึกษาวิธีการและประโยชน์การทำงาน เพื่อช่วยเหลือตนเอง ครอบครัว และส่วนรวม การใช้วัสดุ อปุ กรณ์ และเครอ่ื งมือตรงกับลักษณะงาน การทำงานอย่างเป็นขั้นตอนตามกระบวนการทำงานด้วยความสะอาด ความรอบคอบ มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีคุณธรรมจริยธรรม และลักษณะนิสัยในการ ทำงานที่เหมาะสม รกั การทำงาน มเี จตคตทิ ี่ดตี ่อการทำงาน รหัสตัวช้ีวดั ง ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ รวม ๑ มาตรฐาน ๓ ตัวชีว้ ัด
ง๑๔๑๐๑ งานอาชีพ ๔ คำอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ กลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชพี เวลา ๘๐ ชวั่ โมง ศกึ ษาถึงเหตผุ ลในการทำงานใหบ้ รรลุเปา้ หมาย การทำงานบรรลเุ ปา้ หมายที่วางไว้ อย่างเป็น ข้นั ตอน ดว้ ยความขยนั อดทน รับผดิ ชอบ และซือ่ สตั ย์ การปฏิบตั ติ นอย่างมีมารยาทในการทำงาน การใช้ พลังงานและทรัพยากรในการทำงานอย่างประหยัด และคุ้มค่า และศึกษาความหมายและความสำคญั ของ อาชีพ มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม และลกั ษณะนสิ ัยการทำงานทีเ่ หมาะสม รกั การทำงาน มีเจตคติที่ดีต่อการ ทำงานและอาชีพสุจริต รหสั ตวั ช้ีวัด ง ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ ง ๒.๑ ป.๔/๑ รวม ๒ มาตรฐาน ๕ ตวั ชีว้ ัด คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน ง๑๕๑๐๑ งานอาชีพ ๕ กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง ศึกษาเหตุผลในการทำงานแต่ละขั้นตอนตามกระบวนการทำงาน การใช้ทักษะการจัดการในการ ทำงาน อย่างเป็นระบบ ประณีต และมีความคิดสร้างสรรค์ การปฏิบัติตนอย่างมีมารยาทในการใทำ งานกับสมาชิกในครอบครัว ตลอดจนการมีจิตสำนึกในการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างประหยัดและ คุ้มค่า การสำรวจข้อมูลท่ีเก่ยี วกับอาชพี ต่าง ๆ ในชุมชน รวมถงึ การระบคุ วามแตกต่างของอาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม และลักษณะนิสัยการทำงานที่เหมาะสม รักการทำงาน มีเจตคติที่ดีต่อการทำงานและอาชีพ สจุ ริต รหสั ตวั ชี้วัด ง ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ง ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ รวม ๒ มาตรฐาน ๖ ตัวชีว้ ัด
ง๑๖๑๐๑ งานอาชีพ ๖ คำอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐาน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กล่มุ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง ศึกษาแนวทางในการทำงานและปรบั ปรุงการทำงานแตล่ ะข้นั ตอน การใชท้ กั ษะการจดั การในการ ทำงาน และมีทักษะการทำงานร่วมกัน การปฏิบัติตนอย่างมีมารยาทในการทำงานกับครอบครับและผู้อ่ืน และการสำรวจตนเองเพ่ือวางแผนในการเลือกอาชีพ การระบุความรู้ ความสามารถ และคณุ ธรรมที่สัมพันธ์ กับอาชีพที่สนใจ มีจิตสำนึกในการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า ลักษณะนิสัยการ ทำงานเหมาะสม รักการทำงาน มเี จตคติทดี่ ีตอ่ การทำงาน มคี ุณธรรมทสี่ ัมพนั ธก์ ับอาชพี รหสั ตัวชี้วัด ง ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ง ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ รวม ๒ มาตรฐาน ๕ ตัวชว้ี ัด
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ความสำคญั ของภาษาต่างประเทศ ในสังคมโลกปัจจุบัน การเรียนรู้ภาษาต่างประเท มีความสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสาร การศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชพี การสรา้ งความเข้าใจเก่ยี วกับวฒั นธรรมและวสิ ัยทัศนข์ องชุมชนโลก และตระหนักถึงความ หลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองของสังคมโลก นำมาซึ่งมิตรไมตรีและความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ชว่ ยพฒั นาผเู้ รยี นให้มีความเข้าใจตนเองและผู้อน่ื ดีขน้ึ เรียนรูแ้ ละเขา้ ใจความแตกตา่ งของภาษาและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง มีเจตคติที่ดีต่อการใช้ ภาษาต่างประเทศ และใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารได้ รวมทั้งเข้าถึงองค์ความรตู้ า่ ง ๆ ไดง้ ่าย และกว้างขึน้ และมีวิสัยทัศนใ์ นการดำเนินชวี ิต ภาษาต่างประเทศที่เป็นสาระการเรียนรูพ้ ื้นฐาน ซึ่งกำหนดให้ เรียนตลอดหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน คือ ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาต่างประเทศอื่น เช่น ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น อาหรับ บาลี และภาษากลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือภาษาอื่น ๆ ให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาที่จะจัดทำรายวชิ าและจดั การเรียนรู้ตามความเหมาะสม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ มุ่งหวังให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใช้ภาษาต่างประเทศ สื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ แสวงหาความรู้ ประกอบอาชีพ และศึกษาต่อ ใน ระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในเร่ืองราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลก และ สามารถถ่ายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได้อย่างสร้างสรรค์ ประกอบด้วยสาระสำคัญ ดงั นี้ - ภาษาเพื่อการสื่อสาร การใช้ภาษาต่างประเทศในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน แลกเปลี่ยน ข้อมูล ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความคิดเห็น ตีความ นำเสนอข้อมูล ความคิดรวบยอดและความ คดิ เหน็ ในเร่ืองตา่ งๆ และสร้างความสัมพันธร์ ะหว่างบุคคลอย่างเหมาะสม - ภาษาและวัฒนธรรม การใช้ภาษาต่างประเทศตามวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาความสัมพันธ์ ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ภาษาและวัฒนธรรมของ เจา้ ของภาษากับวัฒนธรรมไทย และนำไปใช้อย่างเหมาะสม - ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั กลมุ่ สาระการเรียนรอู้ ่นื การใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเช่ือมโยง ความรู้กับกลุ่มสาระการเรยี นรอู้ น่ื เปน็ พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั น์ของตน - ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก การใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ท้ัง ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ชุมชน และสังคมโลก เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ ประกอบอาชีพ และแลกเปลีย่ นเรยี นร้กู ับสงั คมโลก
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ (๔ สาระ ๘ มาตรฐาน) สาระท่ี ๑ ภาษาเพ่อื การสื่อสาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความ คิดเหน็ อยา่ งมีเหตุผล มาตรฐาน ต ๑.๒ มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธิภาพ มาตรฐาน ต ๑.๓ นำเสนอข้อมลู ขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดย การพดู และการเขยี น สาระท่ี ๒ ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของ ภาษากบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใชอ้ ย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม สาระที่ ๓ ภาษากับความสัมพันธก์ บั กลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ่ืน มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็น พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั น์ของตน สาระท่ี ๔ ภาษากับความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่างๆท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรูก้ ับสงั คมโลก
โครงสร้างรายวิชากลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ตามโครงสรา้ งหลักสูตรโรงเรียนบา้ นสมศรี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๐) รายวิชาภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน ระดบั ช้นั รหสั ชื่อรายวิชา เวลาเรยี นรายปี ชน้ั ป. ๑ อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑ ๕ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๒๐๐/ปี) ช้ัน ป. ๒ อ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๒ ๔ ชัว่ โมง/สัปดาห์ (๑๖๐/ปี) ชนั้ ป. ๓ อ๑๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๓ ๔ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๑๖๐/ปี) ชั้น ป. ๔ อ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๔ ๒ ช่ัวโมง / สัปดาห์ (๘๐/ปี) ช้นั ป. ๕ อ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๕ ๒ ชั่วโมง / สปั ดาห์ (๘๐/ปี) ชั้น ป. ๖ อ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๖ ๒ ชว่ั โมง / สัปดาห์ (๘๐/ปี) รายวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ิมเติม ระดับชน้ั รหสั ช่ือรายวิชา เวลาเรยี นรายปี ชน้ั ป. ๑ อ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ๑ ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๔๐/ปี) ชน้ั ป. ๒ อ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ๒ ๑ ชัว่ โมง/สัปดาห์ (๔๐/ปี) ชน้ั ป. ๓ อ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร ๓ ๑ ชวั่ โมง/สัปดาห์ (๔๐/ปี) ชน้ั ป. ๔ อ๑๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร ๔ ๑ ช่ัวโมง/สัปดาห์ (๔๐/ปี) ชน้ั ป. ๕ อ๑๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่ือการสื่อสาร ๕ ๑ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๔๐/ปี) ชน้ั ป. ๖ อ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ๖ ๑ ช่ัวโมง/สัปดาห์ (๔๐/ปี)
คำอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน อ๑๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ เวลา ๒๐๐ ชว่ั โมง ปฏบิ ัติตามคำส่งั งา่ ย ๆ ที่ฟงั ระบตุ วั อกั ษรและเสยี ง อา่ นออกเสยี ง และสะกดคำงา่ ย ๆ ถูกตอ้ งตาม หลัก การอ่าน เลือกภาพตรงตามความหมายของคำและกลุ่มคำที่ฟัง ตอบคำถามจากการฟังเร่ืองใกล้ตัว การพูดโตต้ อบด้วยคำส้ัน ๆ งา่ ย ๆ ในการสอื่ สารระหว่างบุคคลตามแบบที่ฟัง การใช้คำสง่ั ง่าย ๆ ตามแบบท่ีฟัง บอกความต้องการงา่ ย ๆ ของตนเองตามแบบท่ีฟงั การพดู ขอและให้ข้อมลู ง่าย ๆ เก่ยี วกับตนเองตามแบบท่ี ฟัง การพูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องใกล้ตัว การพูดและทำท่าประกอบตามวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษา บอกชื่อและคำศัพท์เกี่ยวกับเทศกาลสำคัญของเจ้าของภาษา การเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและ วัฒนธรรมที่เหมาะสมกับวัย การระบุตัวอักษรและเสียงอักษรของภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และ ภาษาไทย บอกคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นการฟัง/พูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดขึ้นใน ห้องเรียน การใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เพอื่ รวบรวมคำศพั ทท์ ีเ่ ก่ยี วข้องใกล้ตวั รหัสตัวช้ีวดั ต ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔ ต ๑.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔ ต ๑.๓ ป.๑/๑ ต ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ ต ๒.๒ ป.๑/๑ ต ๓.๑ ป.๑/๑ ต ๔.๑ ป.๑/๑ ต ๔.๒ ป.๑/๑ รวม ๘ มาตรฐาน ๑๖ ตวั ช้ีวดั
คำอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน อ๑๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๒ กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ เวลา ๑๖๐ ชวั่ โมง ปฏิบัติตามคำสง่ั และคำขอร้องงา่ ย ๆ ที่ฟัง ระบุตวั อักษรและเสียง อา่ นออกเสียงคำ สะกดคำ และ อ่านประโยคง่าย ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน เลือกภาพตรงตามความหมายของคำ กลุ่มคำ และประโยคที่ฟัง ตอบคำถามจากการฟังประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่าย ๆ ที่มีภาพประกอบ พูดโต้ตอบด้วยคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ในการสื่อสารระหว่างบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช้คำสั่งและคำขอร้องง่าย ๆ ตามแบบที่ฟัง บอกความ ต้องการง่าย ๆ ของตนเองตามแบบที่ฟัง พูดขอและให้ข้อมูลง่าย ๆ เกี่ยวกับตนเองตามแบบที่ฟัง พูดให้ ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องใกล้ตัว พูดและทำท่าทางประกอบตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา บอกชื่อ และคำศัพท์เกี่ยวกับเทศกาลสำคัญของเจ้าของภาษา เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะสม กับวัย ระบุตัวอักษรและเสียงอักษรของภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และภาษาไทย บอกคำศัพท์ท่ี เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่ ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) เพอื่ รวบรวมคำศัพท์ทเ่ี ก่ียวข้องใกลต้ ัว รหสั ตวั ช้ีวดั ต ๑.๑ ป.๒/๑ ,ป.๒/๒ ,ป.๒/๓ ,ป.๒/๔ ต ๑.๒ ป.๒/๑ ,ป.๒/๒ ,ป.๒/๓ ,ป.๒/๔ ต ๑.๓ ป.๒/๑ ต ๒.๑ ป.๒/๑ ,ป.๒/๒ ,ป.๒/๓ ต ๒.๒ ป.๒/๑ ต ๓.๑ ป.๒/๑ ต ๔.๑ ป.๒/๑ ต ๔.๒ ป.๒/๑ รวม ๘ มาตรฐาน ๑๖ ตวั ชว้ี ัด
คำอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน อ๑๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๓ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลา ๑๖๐ ชวั่ โมง ปฏิบัตติ ามคำสั่งและคำขอร้องท่ีฟังหรืออ่าน อ่านออกเสียงคำ สะกดคำ อ่านกลุ่มคำ ประโยค และ บทพูดเข้าจังหวะ (chant) ง่าย ๆ ถกู ต้องตามหลักการอ่าน เลือก/ระบุภาพหรือสัญลักษณ์ตรงตามความหมาย ของกลุ่มคำและประโยคที่ฟัง ตอบคำถามจากการฟังหรืออ่านประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่าย ๆ พูดโต้ตอบ ด้วยคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ในการสื่อสารระหว่างบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช้คำสั่งและคำขอร้องง่าย ๆ ตามแบบที่ฟัง บอกความต้องการง่าย ๆ ของตนเองตามแบบที่ฟัง พูดขอและให้ข้อมูลง่าย ๆ เกี่ยวกับตนเองและเพื่อนตาม แบบที่ฟัง บอกความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ใกล้ตัว หรือกิจกรรมต่าง ๆ ตามแบบที่ฟัง พูดให้ข้อมูล เกีย่ วกับตนเองและเรื่องใกลต้ วั จัดหมวดหมคู่ ำตามประเภทของบคุ คล สัตว์ และสง่ิ ของตามท่ีฟงั หรืออา่ น พูดและทำท่าประกอบตามมารยาทสังคม/วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา บอกชื่อและคำศัพท์ง่าย ๆ เกี่ยวกับ เทศกาล/วันสำคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของภาษา เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและ วัฒนธรรมที่เหมาะสมกับวัย บอกความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ และประโยคง่าย ๆ ของ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และภาษาไทย บอกคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เพื่อรวบรวมคำศัพท์ท่ี เกี่ยวขอ้ งใกล้ตัว รหัสตัวชี้วัด ต ๑.๑ ป.๓/๑ ,ป.๓/๒ ,ป.๓/๓ ,ป.๓/๔ ต ๑.๒ ป.๓/๑ ,ป.๓/๒ ,ป.๓/๓ ,ป.๓/๔ ,ป.๓/๕ ต ๑.๓ ป.๓/๑ ,ป.๓/๒ ต ๒.๑ ป.๓/๑ ,ป.๓/๒ ,ป.๓/๓ ต ๒.๒ ป.๓/๑ ต ๓.๑ ป.๓/๑ ต ๔.๑ ป.๓/๑ ต ๔.๒ ป.๓/๑ รวม ๘ มาตรฐาน ๑๘ ตัวชี้วัด
คำอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐาน อ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๔ กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๘๐ ชั่วโมง ปฏิบัติตามคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำ (instructions) ง่าย ๆ ที่ฟังหรืออ่าน อ่านออกเสียงคำ สะกดคำ อ่านกลุ่มคำ ประโยค ข้อความง่าย ๆ และบทพูดเข้าจังหวะ ถูกต้องตามหลักการอ่าน เลือก/ระบุ ภาพหรือสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยคและข้อความสั้น ๆ ที่ฟังหรืออ่าน ตอบคำถามจากการฟังหรืออ่านประโยค บทสนทนา และนิทานง่าย ๆ พูด/เขียนโต้ตอบในการสื่อสาร ระหว่างบุคคล ใช้คำส่ัง คำขอร้อง และคำขออนุญาตง่าย ๆ พูด/เขียนแสดงความต้องการของตนเอง ขอ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ง่ายๆ พูด/เขียนเพอื่ ขอและให้ข้อมลู เกีย่ วกบั ตนเอง เพอ่ื น และครอบครัว พูด แสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว หรือกิจกรรมต่าง ๆ ตามแบบที่ฟัง พูด/เขียนให้ข้อมูล เกี่ยวกับตนเองและเรื่องใกล้ตัว พูด/วาดภาพแสดงความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ ใกล้ตัวที่ฟังหรืออ่าน พูดแสดง ความคิดเห็นง่าย ๆ เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว พูดและทำท่าประกอบอย่างสุภาพตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ตอบคำถามเกี่ยวกับเทศกาล/วันสำคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ง่าย ๆ ของเจ้าของภาษา การเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะสมกับวัย บอกความแตกต่างของเสียง ตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความของภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และภาษาไทย บอกความ เหมือน/ความแตกต่างระหว่างเทศกาลและงานฉลองตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย ค้นควา้ รวบรวมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และนำเสนอด้วยการพูด/การเขียน ฟังและพูด/อ่านใน สถานการณ์ท่ีเกดิ ขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ในการสืบค้นและรวบรวม ข้อมูลต่าง ๆ รหัสตัวชี้วดั ต ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ ต ๑.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕ ต ๑.๓ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ต ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ต ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒ ต ๓.๑ ป.๔/๑ ต ๔.๑ ป.๔/๑ ต ๔.๒ ป.๔/๑ รวม ๘ มาตรฐาน ๒๐ ตัวช้ีวัด
คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน อ๑๕๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๕ กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลา ๘๐ ชัว่ โมง ปฏิบัติตามคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำง่าย ๆ ท่ีฟังหรืออ่าน อ่านออกเสียงประโยค ข้อความ และบทกลอนสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ระบุ/วาดภาพ สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายตรงตามความหมาย ของประโยคและข้อความสน้ั ๆ ทฟี่ งั หรอื อ่าน บอกใจความสำคัญและตอบคำถามจากการฟังหรืออ่านบทสนทนา และนิทานง่าย ๆ หรือเรื่องสน้ั ๆ พดู /เขยี นโตต้ อบในการส่ือสารระหว่างบุคคล ใชค้ ำสงั่ คำขอร้อง คำขออนุญาต และให้คำแนะนำง่าย ๆ พูด/เขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์งา่ ย ๆ พูด/เขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ ตวั พูด/เขียนแสดงความรูส้ ึกของตนเองเกี่ยวกับเร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั และกจิ กรรมต่าง ๆ พร้อมท้ังให้เหตุผลส้ัน ๆ ประกอบ พดู /เขยี นให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเร่ืองใกลต้ วั เขยี นภาพ แผนผัง และแผนภมู แิ สดงข้อมูลต่าง ๆ ตามท่ีฟงั หรืออา่ น พดู แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั ใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง และกิริยาท่าทาง อย่างสุภาพตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ตอบคำถาม/บอกความสำคัญของ เทศกาล/วันสำคญั /งานฉลอง และชีวิตความเปน็ อยู่ง่าย ๆ ของเจา้ ของภาษา การเขา้ รว่ มกิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรมตามความสนใจ บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนดิ ต่าง ๆ การ ใช้เครือ่ งหมายวรรคตอน และการลำดบั คำ (order) ตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และภาษาไทย บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างเทศกาลและงานฉลอง ของเจ้าของภาษากับของ ไทย ค้นคว้า รวบรวมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรูอ้ ื่น และนำเสนอด้วยการพูด/การเขียนฟัง พูด และอ่าน/เขียนในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ในการสบื คน้ และรวบรวมขอ้ มูลตา่ ง ๆ รหสั ตวั ช้ีวดั ต ๑.๑ ป.๕/๑ ,ป.๕/๒ ,ป.๕/๓ ,ป.๕/๔ ต ๑.๒ ป.๕/๑ ,ป.๕/๒ ,ป.๕/๓ ,ป.๕/๔ ,ป.๕/๕ ต ๑.๓ ป.๕/๑ ,ป.๕/๒ ,ป.๕/๓ ต ๒.๑ ป.๕/๑ ,ป.๕/๒ ,ป.๕/๓ ต ๒.๒ ป.๕/๑ ,ป.๕/๒ ต ๓.๑ ป.๕/๑ ต ๔.๑ ป.๕/๑ ต ๔.๒ ป.๕/๑ รวม ๘ มาตรฐาน ๒๐ ตวั ชีว้ ดั
คำอธบิ ายรายวิชาพื้นฐาน อ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๖ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง ปฏิบัติตามคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำที่ฟังและอ่าน อ่านออกเสียงข้อความ นิทาน และบท กลอนสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน เลือก/ระบุประโยค หรือข้อความสั้น ๆ ตรงตามภาพ สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมายที่อ่าน บอกใจความสำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทานง่าย ๆ และ เรื่องเล่า พูด/เขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้คำสั่ง คำขอร้อง คำขออนุญาต และให้ คำแนะนำ พูด/เขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือใน สถานการณ์ง่าย ๆ พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมลู เกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัว พูด/ เขยี นแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเร่อื งตา่ ง ๆ ใกล้ตวั กจิ กรรมตา่ ง ๆ พร้อมท้ังใหเ้ หตุผลสนั้ ๆ ประกอบ พูด/เขียนให้ข้อมูลเกีย่ วกบั ตนเอง เพ่อื น และส่ิงแวดล้อมใกลต้ ัว เขยี นภาพ แผนผัง แผนภมู ิ และตารางแสดง ข้อมูลต่าง ๆ ตามที่ฟังหรืออ่าน พูด/เขียนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว ใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง และกิริยาท่าทางอย่างสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาท สังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ให้ข้อมูล เกี่ยวกับเทศกาล/วันสำคัญ/งานฉลอง/ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของภาษา การเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรมตามความสนใจ บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้เครื่องหมายวรรคตอน และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และภาษาไทย เปรียบเทียบความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างเทศกาล งานฉลองและ ประเพณีของเจ้าของภาษากับของไทยค้นคว้า รวบรวมคำศัพท์ท่ีเกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนจาก แหล่งการเรียนรู้ และนำเสนอด้วยการพูด/การเขยี นใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณต์ ่าง ๆ ท่เี กดิ ขึ้นในห้องเรียน และสถานศกึ ษา ใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ในการสบื คน้ และรวบรวมข้อมลู ตา่ ง ๆ รหสั ตัวช้ีวดั ต ๑.๑ ป.๕๖๑ ,ป.๖/๒ ,ป.๖/๓ ,ป.๖/๔ ต ๑.๒ ป.๖/๑ ,ป.๖/๒ ,ป.๖/๓ ,ป.๖/๔ ,ป.๖/๕ ต ๑.๓ ป.๖/๑ ,ป.๖/๒ ,ป.๖/๓ ต ๒.๑ ป.๖/๑ ,ป.๖/๒ ,ป.๖/๓ ต ๒.๒ ป.๖/๑ ,ป.๖/๒ ต ๓.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๒ ป.๖/๑ รวม ๘ มาตรฐาน ๒๐ ตวั ชีว้ ดั
คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ อ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพอ่ื การส่ือสาร ๑ กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง อ่านและเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ เข้าใจและใช้ประโยคคำสั่งที่ใช้ในห้องเรียน การอ่านออก เสียงคำ กลุ่มคำ ประโยค ข้อความ บทอ่าน บทสนทนา การพูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องใกล้ตัว การ ขอบคณุ ขอโทษ และการใชภ้ าษาท่าทาง การใชภ้ าษาในการฟัง พูด ในสถานการณท์ ี่เกดิ ข้ึนในห้องเรียนโดย ใช้กระบวนการเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร ฝึกการใช้ภาษา เพื่อให้มีความรู้ เข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มี ทกั ษะทางภาษา เห็นประโยชน์ในการเรียนรูภ้ าษาองั กฤษ และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑. อ่านและเขยี นตวั อกั ษรภาษาองั กฤษ ออกเสียงคำศัพทไ์ ด้ถูกตอ้ ง ๒. ใชค้ ำทกั ทาย ขอบคุณ ขอโทษ รวมถงึ คำส่ังง่าย ๆ เปน็ ภาษาอังกฤษได้ถูกตอ้ ง ๓. ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารและให้ขอ้ มูลเกย่ี วกับเรื่องใกลต้ วั ได้อยา่ งเหมาะสม ๔. ใช้ภาษาส่อื สารไดต้ ามวัยอยา่ งมน่ั ใจ และกลา้ แสดงออก ๕. ใช้ภาษาไดต้ ามมารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้
คำอธบิ ายรายวิชาเพมิ่ เติม อ๑๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่อื การส่อื สาร ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง เข้าใจและใชป้ ระโยคคำส่ังง่าย ๆ ในห้องเรยี น คำขอรอ้ ง อา่ นและเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ คำศัพท์ สั้น ๆ ง่าย ๆ เข้าใจความหมายคำ กลุ่มคำ และประโยคสั้น ๆ ที่มีความหมายสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ ใกล้ตัว เข้าใจบทอ่าน บทสนทนาง่าย ๆ และนิทานที่มภี าพประกอบ ให้ข้อมูลและความต้องการเกี่ยวกับตนเองสน้ั ๆ เชน่ การพูดแนะนำตนเอง ขอบคณุ ขอโทษ เรยี นรูค้ ำศพั ทเ์ กยี่ วกับเทศกาล ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี เทศกาล งานฉลอง โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร ฝึกการใช้ภาษาเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของ เจ้าของภาษา เหน็ ประโยชนใ์ นการเรียนรู้ภาษาองั กฤษ และนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ ๑. อ่านและเขยี นตวั อกั ษรภาษาอังกฤษ และคำศัพทง์ า่ ย ๆ ได้ถกู ต้อง ๒. ใช้ภาษาอังกฤษในการแนะนำตนเอง ขอบคุณ ขอโทษ ขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัวได้ อย่างเหมาะสม ๓. บอกความหมายของคำ กลมุ่ คำ และประโยคสัน้ ๆ ได้ถกู ตอ้ ง ๔. ตอบคำถามจากการฟงั หรืออ่านเรือ่ งง่าย ๆ หรือนทิ านทมี่ ภี าพประกอบไดถ้ ูกตอ้ ง ๕. ใชภ้ าษาอังกฤษไดต้ ามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา รวมทัง้ หมด ๕ ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม อ๑๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อการสอื่ สาร ๓ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๓ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง อ่านออกเสียงคำและประโยคง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตวั บอกความหมายของคำ ตอบคำถามจาก การฟังหรืออ่านได้ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลได้เหมาะสมตามวัย ใช้ภาษาในการ พูดและทำท่าประกอบตามมารยาทสังคม วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา ใช้บทสนทนา การทักทายได้ถูกต้องตาม เวลาและถูกกาลเทศะ แนะนำตนเองได้ ให้ขอ้ มลู เกีย่ วกับตนเอง บอกลักษณะของบุคคลรอบตวั พูดประโยค บอกความชอบและไม่ชอบ บอกความต้องการของตนเองเกี่ยวกับเรื่องกีฬา งานอดิเรก บอกสถานที่ต่าง ๆ รอบตัว และตำแหน่งของสถานที่ต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร ฝึกการใช้ภาษาเพื่อให้มี ความรู้ เข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีทักษะทางภาษา เห็นประโยชน์ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และ นำไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ ๑. อา่ นออกเสียงคำและประโยคง่าย ๆ ท่เี กย่ี วกบั เร่อื งใกล้ตวั ๒. บอกความหมายของคำและตอบคำถามจากการฟงั หรอื อา่ นได้ ๓. ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร สนทนา ทักทายและแนะนำตนเอง และใช้ภาษาท่าทางประกอบการพูดได้ เหมาะสม ๔. ให้ข้อมลู เกีย่ วกับตนเอง และอธิบายเกี่ยวกบั ส่ิงตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว โดยใชภ้ าษาองั กฤษอย่างงา่ ยได้ ๕. ใช้ภาษาอังกฤษไดต้ ามมารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้
คำอธบิ ายรายวิชาเพมิ่ เตมิ อ๑๔๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพอ่ื การส่ือสาร ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ชั่วโมง เข้าใจคำสั่ง คำขอร้อง คำแนะนำเรื่องราว บทสนทนา นิทาน สามารถถ่ายโอนเป็นภาพหรือ สัญลักษณ์ อ่านออกเสียงคำ กลุ่มคำ ประโยค ข้อความ บทอ่านได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียง และใช้ ถ้อยคำ น้ำเสียงได้เหมาะสม ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้คำสั่ง คำขอร้อง และให้ คำแนะนำแสดงความต้องการ แสดงความรู้สึก แสดงความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏเิ สธ ในสถานการณ์ง่าย ๆ พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเร่ืองใกล้ตัวซึ่งอยู่ในท้องถิ่นของ ตน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร ฝึกการใช้ภาษาเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของ เจา้ ของภาษา เห็นประโยชนใ์ นการเรียนร้ภู าษาองั กฤษและนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏบิ ัตติ ามคำส่ัง คำขอรอ้ ง และคำแนะนำง่าย ๆ ตามทฟี่ งั และอา่ นไดถ้ ูกต้อง ๒. เขา้ ใจเรื่องราว บทสนทนา นิทาน สามารถถ่ายโอนเป็นภาพหรือสญั ลักษณไ์ ด้ ๓. พดู /อ่านออกเสยี งคำ วลี ประโยค ขอ้ ความสน้ั ๆ บทสนทนาได้ถกู ต้องตามหลักการออกเสยี ง ๔. ใช้ภาษาองั กฤษในการสื่อสารระหว่างบุคคล ให้คำแนะนำ แสดงความรู้สึก ตอบรบั และปฏเิ สธในสถานการณ์ง่าย ๆ ขอและใหข้ ้อมูลเกยี่ วกับตนเองและเร่ืองใกล้ตวั ๕. ใช้ภาษาองั กฤษไดต้ ามมารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา รวมทง้ั หมด ๕ ผลการเรียนรู้
คำอธบิ ายรายวชิ าเพ่มิ เตมิ อ๑๕๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพือ่ การสือ่ สาร ๕ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง เข้าใจคำสั่ง คำขอร้อง คำแนะนำ เข้าใจความหมายของคำ กลุ่มคำ และประโยค รูปประโยคและ โครงสร้างประโยค โดยสามารถตอบคำถามจากการฟังหรืออ่านข้อความ บทสนทนา เรื่องสั้น เรื่องเล่า นทิ าน บทกลอนสั้น ๆ อ่านออกเสียงคำ กล่มุ คำ ประโยค ข้อความ บทอา่ นไดถ้ ูกตอ้ งตามหลักการออกเสียง และการใชถ้ ้อยคำ น้ำเสียง การพูดและเขยี นโต้ตอบในการสื่อสารระหวา่ งบุคคล ใช้คำส่ัง คำขอรอ้ ง และให้ คำแนะนำ แสดงความตอ้ งการ แสดงความรสู้ กึ ขอความชว่ ยเหลอื ตอบรบั และปฏิเสธในสถานการณ์งา่ ย ๆ พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัวซึ่งอยู่ในท้องถิ่นของตน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ เพื่อการส่ือสาร ฝกึ การใชภ้ าษาเพ่ือให้มีความรู้ เข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีทกั ษะทางภาษา เหน็ ประโยชนใ์ นการเรยี นรูภ้ าษาองั กฤษ และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้อย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑. ปฏิบตั ิตามคำส่ัง คำขอร้อง และคำแนะนำง่าย ๆ ตามท่ฟี งั และอ่านไดถ้ กู ต้อง ๒. พดู /อา่ นออกเสียงคำ วลี ประโยค ข้อความสั้น ๆ บทสนทนา บทอา่ น ได้ถูกต้องตามหลักการอา่ นออกเสียง ๓. ใช้ประโยคภาษาองั กฤษในการส่ือสารระหว่างบคุ คล และแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง ๔. ตอบคำถามจากการฟังหรืออ่านข้อความ บทสนทนา เร่อื งสัน้ เรอ่ื งเลา่ นทิ าน บทกลอนส้ัน ๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง ๕. ใชภ้ าษาอังกฤษไดต้ ามมารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรยี นรู้
คำอธบิ ายรายวิชาเพ่มิ เติม อ๑๖๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ๖ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง เข้าใจคำสั่ง คำขอร้อง รูปประโยคและโครงสร้างประโยค คำ กลุ่มคำ และประโยค วิเคราะห์และสรุป เรื่องราว บทอ่าน บทสนทนา เรื่องสั้น เรื่องเล่า นิทาน บทกลอนสั้น ๆ สำนวนที่ใช้ในเทศกาล การพูดและ การเขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้คำสั่ง คำขอร้อง และให้คำแนะนำ แสดงความต้องการ แสดง ความรู้สึก ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัวซึ่งอยู่ในท้องถิ่นของตน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร ฝึกการใช้ภาษา เพื่อให้มีความรู้ เข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีทักษะทางภาษา เห็นประโยชน์ในการเรียนรู้ ภาษาองั กฤษ และนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑. วิเคราะหเ์ ร่ืองและสรุปความเร่อื งท่ีฟงั และอา่ นได้ ๒. ใช้ประโยคคำสั่ง คำขอร้อง การขออนุญาต ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ ตามโครงสร้าง ประโยคได้ ๓. ใช้ภาษาอังกฤษในการขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัวซึ่งอยู่ในท้องถิ่น ของตนได้ ๔. ใชภ้ าษาองั กฤษในการพูดและเขยี นโต้ตอบและสื่อสารตามสถานการณต์ ่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ๕. ใชภ้ าษาได้ตามมารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรยี นรู้
ส่วนท่ี ๔ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน เป็นกจิ กรรมที่ม่งุ ใหผ้ ้เู รียนพฒั นาตนเองตามศักยภาพพฒั นาอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย ปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีวินัย ปลุกฝังสร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเอง ได้และอยู่ ร่วมกับผ้อู ่ืนอยา่ งมีความสขุ โรงเรียนบา้ นสมศรี ไดจ้ ดั กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐) โดยแบ่งออกเปน็ ๓ ลักษณะดังนี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสรมิ และพัฒนาผู้เรยี นให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิด ตัดสินใจ คิด แก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียน และด้านอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่าง เหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ ผปู้ กครองในการมีส่วนรว่ มพฒั นาผเู้ รยี น แนวคิดการจัดกิจกรรมแนะแนว ๑. สำรวจสภาพปัญหา ความต้องการ ความต้องการ ความสนใจ และธรรมชาติของผู้เรียน เพื่อ ใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดแนวทางและแผนการปฏิบัติกจิ กรรมแนะแนว ๒. ศึกษาวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เรียนที่ได้จากฐานข้อมูลผู้เรียน รายบุคคล หรือการสำรวจเพื่อทราบปัญหา ความต้องการ และความสนใจ เพื่อนำไปกำหนอสาระและ รายละเอยี ดของกจิ กรรมแนะแนว ๓. กำหนดสัดส่วนของกิจกรรมด้านการศึกษา การงานและอาชีพ รวมทั้งชีวิตและสังคมให้ได้ สัดส่วนที่เหมาะสม โดยยึดสภาพปัญหา ความต้องการ และความสนใจ ตลอดจนธรรมชาติของผู้เรียนเป็น หลัก ทัง้ นีค้ รแู ละผู้เรียนมีสัดสว่ นรว่ มในการปฏิบตั กิ จิ กรรม ๔. กำหนดแผนปฏิบัติกิจกรรมแนะแนวโดยระดับประถมศึกษาจัดเป็นรายปี/ระดับมัธยมศึกษา จัดเป็นรายภาค เมื่อกำหนดสัดส่วนของกิจกรรมในแต่ละด้านแล้ว จะต้องระบุว่าจะจัดกิจกรรมแนะแนวใน ด้านใด จำนวนกี่ชั่วโมง พร้องทั้งจะต้องกำหนดรายละเอียดของแต่ละด้านให้ชัดเจนว่าควรมีเรื่องอะไรบ้าง เพอื่ จะจัดทำเปน็ รายละเอียดของแตล่ ะกจิ กรรมยอ่ ยต่อไป ๕. การจัดทำรายละเอียดของแต่ละแผนการปฏิบัติกิจกรรม เริ่มต้ังแต่การกำหนดชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ เวลา เนอื้ หา/สาระ วธิ ีดำเนนิ กิจกรรม สอื่ /อุปกรณ์ และการประเมนิ ผล ๖. ปฏิบตั ติ ามแผนการการปฏิบัตกิ จิ กรรมกรรมแนะแนว วัดและประเมินผล และสรปุ รายงาน ๒. กจิ กรรมนักเรียน
เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การ ทำงานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันเอื้ออาทร และสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติ ด้วนตนเองในทุกข้ันตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผนปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการ ทำงาน เน้นการทำงานรว่ มกันเปน็ กลุ่มตามความเหมาะสมและสอดคล้องกบั วุฒิภาวะของผูเ้ รยี นและบริบท ของสถานศกึ ษาและทอ้ งถ่นิ กิจกรรมนกั เรยี นประกอบด้วย ๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ-เนตนารี นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี จำนวน ๔๐ ชว่ั โมงตอ่ ปีการศกึ ษา การจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตนารี มีแนวทางการจัดจิกกรรมตามวิธีการลูกเสือ (Scout Metthod ) ซงึ่ มอี งค์ประกอบ ๗ ประการ คอื ๑. คำปฏญิ าณและกฎ ถือเปน็ หลักเกณฑ์ทลี่ ูกเสือทุกคนให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎของ ลูกเสือ กฎของลูกเสือ กฎของลูกเสือมีไว้ให้ลูกเสอื เป็นหลักในการปฏบิ ัติไม่ได้ “ห้าม” ทำหรือ “บังคับให้” ทำแตถ่ า้ “ทำ” กจ็ ะทำให้เกดิ ผลดแี กต่ วั เอง เปน็ คนดี ได้รบั การยกย่องวา่ เป็นผ้มู เี กียรติเชื่อถอื ได้ ฯลฯ ๒. เรยี นร้จู ากการกระทำ เป็นการพัฒนาส่วนบุคคลความสำเรจ็ หรอื ไมส่ ำเร็จของผลงานอยู่ที่การ กระทำของตนเองทำให้มีความรู้ที่ชัดเจนและสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ตัวเองและท้าทายความสามารถ ของตนเอง ๓. ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแท้จริงของการลูกเสือเป็นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันการยอมรับซึ่ง กับและกัน การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบการช่วยเหลือซ่ึงกันและกันซึ่งเป็นการเรียนรู้การใช้ประชาธิปไตย เบือ้ งตน้ ๔. การใชส้ ญั ลกั ษณ์ร่วมกัน ฝกึ ใหม้ คี วามเปน็ หน่ึงเดียวในการเป็นสมาชิกลูกเสือเนตรนารีด้วยการ ใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ได้แก่ เครื่องแบบ เครื่องหมาย การทำความเคารพ รหัส คำปฏิญาณ กฎ คติพจน์ คำ ขวญั ธง เปน็ ต้น วธิ กี ารน้จี ะชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นตระหนักและภาคภูมใิ จในการเป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือแห่ง โลก ซึ่งมสี มาชิกทวั่ โลก และเป็นองค์กรทมี่ ีจำนวนสมาชกิ มากท่ีสดุ ในโลก ๕. การศึกษาธรรมชาติ คือสิ่งสำคัญอันดับ ๑ ในกิจกรรมของลูกเสือธรรมชาติอันโปร่งใสตาม ชนบทป่าเขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เป็นทีป่ รารถนาอย่างย่ิงมีการในการไปทำกิจกรรมกบั ธรรมชาติการปืน เขาตั้งค่ายพักแรกในสุดสัปดาห์ หรือ ตามวาระของการอยู่ค่ายพักแรมตามกฎระเบียบเป็นที่เสน่หาแก่เด็ก ทุกคนถ้าขาดสิ่งนแี้ ล้วกไ็ มเ่ รียกว่าใชช้ ีวิตแบบลกู เสือ ๖. ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมต่างๆ ที่จัดให้เด็กทำต้องให้มีความก้าวหน้า และดึงดูดใจ สรา้ งให้เกิดความกระตือรือรน้ อยากท่จี ะทำ และวัตถปุ ระสงคใ์ นการจดั แต่ ละอยา่ งใหส้ มั พันธ์กบั ความหลากหลายในการพัฒนาตนเองเกมการเลน่ ทสี่ นุกสนาน การแขง่ ขันกันก็เป็นสิ่ง ดึงดูดใจและเป็นการจูงใจที่ดี ๖. การสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ชี้แนะหนทางที่ถูกต้องให้แก่เด็กเพื่อให้เขาเกิดความ มนั่ ใจในการทจี่ ะตัดสนิ ใจกระทำสิ่งใดลงไปท้งั คู่มคี วามต้องการการซึ่งกนั และกันเด็กกต็ ้องการใหผ้ ใู้ หญ่เองก็ ต้องการนำพาให้ไปสูห่ นทางที่ดี ให้ได้รับการพฒั นาอย่างถกู ต้องและดีท่ีสดุ จงึ เปน็ การรว่ มมอื กนั ทงั้ สองฝา่ ย
๒.๒ กิจกรรมชมุ นมุ นกั เรยี นทุกคนจะตอ้ งเขา้ รว่ มกิจกรรมชุมนุม ๓๐ ชว่ั โมง ต่อปกี ารศกึ ษ แนวทางการจัดกจิ กรรมชมุ นุม โรงเรียนบ้านสมศรี จัดกิจกรรมชมุ นุมตามความเหมาะสมกับบรบิ ทและสภาพของโรงเรยี นดังนี้ ๑. จัดกิจกรรมชุมนมุ ให้ผู้เรียนเข้ารว่ มกิจกรรมตามความรู้ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน เป็นกจิ กรรมระยะเวลา ๑ ปกี ารศกึ ษา สำหรบั นกั เรียนระดับประถมศึกษา ไดแ้ ก่ ๑.๑ ชุมนุมสหกรณ์ ๑.๒ ชุมนมุ ฟอ้ นรำ ๑.๓ ชุมนุมนกั ร้อง ๑.๔ ชุมนุมช่างตัดผม ๑.๕ ชุมนุมทำน้ำยาชีวภาพ ๑.๖ ชุมนุมรกั การอ่าน ๑.๗ ชุมนมุ กฬี า ๑.๘ ชมุ นมุ คอมพิวเตอร์ ๓. กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่นตาม ความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม และการมีจิตสาธารณะ เชน่ กจิ กรรมอาสาพฒั นาตา่ ง ๆ กิจกรรมสร้างสรรค์สงั คม โรงเรียนบ้านสมศรี จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๐) ทง้ั ๓ ลักษณะมคี วามสมั พนั ธเ์ ชอ่ื มโยงกนั โรงเรียนบ้านสมศรี จดั กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ชวั่ โมงตอ่ ปกี ารศึกษา แนวการจดั กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ การจัดกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ เนน้ ให้ผูเ้ รยี นร่วมกนั สำรวจและวเิ คราะห์สภาพ ปัญหา ร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม วางแผนการจัดกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมตามแผน ร่วมสรุป และประเมินผลการจดั กิจกรรม ร่วมรายงานผล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เผยแพรผ่ ลการจัดกิจกรรม จัด กิจกรรมในลักษณะบูรณาการใน ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมลักษณะโครงการ กิจกรรมร่วมกับ องค์กรอื่น เป็นกิจกรรมลักษณะเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยให้ผู้เรียนสามารถเลือกเข้าร่วม กจิ กรรมตามความสนใจ ตามความถนัดของผ้เู รียน ดงั น้ี ๑. สว้ มสขุ สันต์ ๒. ถนนหมบู่ ้านปลอดขยะ ๓. พัฒนาวดั ใหร้ ม่ ร่ืน ๔. รวั้ โรงเรยี นกนิ ได้ ๕. กำจัดลกู นำ้ ยุงลาย การประเมนิ ผลกิจกรรม การประเมินผลกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมให้ ครบกรอบเวลาในโครงสรา้ งของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๐) โดย มเี วลาเข้าร่วมกิจกรรม ๑๐ ชว่ั โมง
คำอธิบายรายวชิ า กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ก๑๑๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง คำอธิบายรายวิชา บอกชื่อและหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตนเองได้ถูกต้อง ระบุส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท่ี ตนเองพอใจพร้อมเหตุผล และรับรู้ในส่วนของร่างกายที่เพื่อนพอใจ ดูแลรักษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท้ัง ของตนเองและเพอ่ื นให้ปลอดภัย บอกอารมณ์และความรู้สกึ ของตนเองได้ รับรคู้ วามแตกต่างทางด้านร่างกายของตนเองและเพ่ือน ยอมรับความ แตกต่างทางด้านร่างกายของตนเองและเพื่อน ระบุงานและกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนที่ชอบและไม่ชอบ รวมทั้งการรบั รู้ความชอบและไมช่ อบของเพือ่ นในชัน้ เรียน บอกอาชีพของพ่อแม่ บอกความหมายของเครื่องหมาย สัญลักษณ์ที่แสดงถึงคุณภาพด้านการเรียนของตน ดูแลตัวเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน รู้จักสังเกต ตั้งคำถาม และแสวงหาคำตอบ รู้เท่าทันอารมณ์ของ ตนเอง และเป็นผู้ฟงั ทด่ี ี ผลการเรียนรู้ ๑. เรียกชื่อส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกายไดถ้ ูกต้อง ๒. ระบุส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทตี่ นเองพอใจพรอ้ มเหตผุ ล และรบั รใู้ นส่วนของร่างกายที่เพื่อนพอใจ ๓. ดแู ลส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกายท้ังของตนเองและเพ่ือนใหป้ ลอดภัย ๔. บอกอารมณ์และความรสู้ ึกของตนเองได้ ๕. รับร้คู วามแตกต่างทางดา้ นร่างกายของตนเองและเพ่ือน ๖. ยอมรบั ความแตกต่างทางด้านรา่ งกายของตนเองและเพื่อน ๗. ระบุงานและกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนที่ชอบและไม่ชอบ รวมทั้งการรับรู้ความชอบและไม่ชอบของ เพ่อื นในชนั้ เรียน ๘. บอกอาชีพของพ่อแม่ ๙. บอกความหมายของเครอ่ื งหมาย สัญลกั ษณท์ แี่ สดงถึงคณุ ภาพด้านการเรียนของตน ๑๐. ดูแลตวั เองในการปฏบิ ัติกจิ วัตรประจำวัน ๑๑. รู้จักสงั เกต ตงั้ คำถาม และแสวงหาคำตอบ ๑๒. รู้เทา่ ทันอารมณ์ ๑๓. เป็นผู้ฟังทีด่ ี รวมทั้งหมด ๑๓ ผลการเรียนรู้
ก๑๒๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คำอธิบายรายวิชา อธิบายหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ถูกต้อง ดูแลรักษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท้ังของ ตนเองและเพอื่ ใหป้ ลอดภยั บอกอารมณ์ ความรู้สึกของตนและรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของครู เพื่อนในห้องเรียนและสมาชิกในครอบครัว รับรอู้ ารมณ์ความรู้สกึ ของตนเองและเพื่อน ยอมรับความแตกตา่ งดา้ นอารมณ์ จติ ใจของตนเองและเพ่อื น บอกอาชีพในชุมชน บอกความหมายผลการเรียนของตน ระบุวิชาที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับดีและที่ต้อง ปรับปรงุ แสดงพฤติกรรมที่แสดงถึงความมีเมตตา แบ่งปันของกินของใช้ วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวสารได้ สมเหตุสมผล ควบคุมอารมณข์ องตนเองได้ และใช้ภาษาและกิรยิ าทีเ่ หมาะสมในการสือ่ สาร ผลการเรียนรู้ ๑. อธบิ ายหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ถูกต้อง ๒. ดูแลรกั ษาสว่ นต่าง ๆ ของร่างกายทงั้ ของตนเองและเพ่ือให้ปลอดภยั ๓. บอกอารมณ์ ความร้สู ึกของตนและรับรูอ้ ารมณ์ความรู้สกึ ของครู เพื่อนในหอ้ งเรียนและสมาชกิ ในครอบครวั ๔. รบั ร้อู ารมณค์ วามรูส้ ึกของตนเองและเพอ่ื น ๕. ยอมรบั ความแตกตา่ งดา้ นอารมณ์ จติ ใจของตนเองและเพื่อน ๖. บอกอาชพี ในชมุ ชน ๗. บอกความหมายผลการเรียนของตน ๘. ระบวุ ิชาทมี่ ีผลการเรียนอยู่ในระดับดแี ละที่ตอ้ งปรับปรุง ๙. แสดงพฤติกรรมทแี่ สดงถงึ ความมีเมตตา แบ่งปันของกินของใช้ ๑๐. วเิ คราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมลู ขา่ วสารได้สมเหตสุ มผล ๑๑. ควบคมุ อารมณ์ของตนเองได้ ๑๒. ใชภ้ าษาและกิริยาที่เหมาะสมในการส่อื สาร รวมท้ังหมด ๑๒ ผลการเรยี นรู้
ก๑๓๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง คำอธบิ ายรายวิชา บอกประโยชน์ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ถูกต้อง รับรู้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย ยอมรบั การเปลยี่ นแปลงของร่างกายตามวัย ระบสุ าเหตขุ องการเกิดอารมณ์ความรู้สึกของตนเองและเพ่ือน ยอมรบั ความแตกต่างด้านอารมณ์ จิตใจของ ตนเองและเพื่อน รับรู้อารมณ์ ความรู้สกึ ของครู เพื่อนต่างห้องเรียน และสมาชกิ ในครอบครัว แสดงความคิด และแสดงออกด้านอารมณ์ที่มีต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา คำนึงถึง ความรู้สึกของผู้อื่นในการสื่อสาร ระบุความสนใจ ความถนัด ความสามารถด้านการเรียนของตนเองพร้อม เหตผุ ล รบั รูค้ วามสนใจ ความถนดั ความสามารถด้านการเรียนของเพ่ือนพร้อมเหตุผล ยอมรบั ความแตกต่าง ด้านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียนของตนเองและเพื่อน ยอมรับความแตกต่างด้าน บคุ ลิกภาพของตนเองและเพ่ือน บอกอาชีพท่ีหลากหลาย บอกพฤติกรรมของตนเองท่ีช่วยให้ผลการเรียนดี ระบุพฤติกรรมที่จะนำมาใช้ในการปรับตัวด้านการเรียนให้มีผลการเรียนระดับดีขึ้นไป และมีความพร้อม สำหรบั การประเมินระดบั ชาติ รวมทัง้ ประเมนิ สถานการณแ์ ละนำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจำวัน ผลการเรยี นรู้ ๑. บอกประโยชน์ของส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายได้ถูกต้อง ๒. รับรกู้ ารเปล่ียนแปลงของรา่ งกายตามวัย ๓. ยอมรบั การเปล่ยี นแปลงของร่างกายตามวยั ๔. ระบุสาเหตขุ องการเกดิ อารมณ์ความรู้สึกของตนเองและเพ่ือน ๕. ยอมรับความแตกต่างดา้ นอารมณ์ จติ ใจของตนเองและเพื่อน ๖. รบั รอู้ ารมณ์ ความรู้สกึ ของครู เพอ่ื นตา่ งห้องเรยี น และสมาชกิ ในครอบครัว ๗. แสดงความคดิ และแสดงออกด้านอารมณท์ ี่มีต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ๘. ร้จู ักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ๙. คำนึงถึงความรู้สึกของผอู้ ื่นในการส่ือสาร ๑๐. ระบุความสนใจ ความถนัด ความสามารถดา้ นการเรยี นของตนเองพรอ้ มเหตผุ ล ๑๑. รับรู้ความสนใจ ความถนัด ความสามารถดา้ นการเรียนของเพอ่ื นพร้อมเหตผุ ล ๑๒. ยอมรับความแตกต่างดา้ นความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรยี นของตนเองและเพื่อน ๑๓. ยอมรับความแตกต่างดา้ นบคุ ลิกภาพของตนเองและเพือ่ น ๑๔. บอกอาชีพที่หลากหลาย
๑๕. บอกพฤติกรรมของตนเองทชี่ ่วยใหผ้ ลการเรยี นดี ๑๖. ระบุพฤติกรรมที่จะนำมาใช้ในการปรับตัวด้านการเรียนให้มีผลการเรียนระดับดีขึ้นไป และมีความพร้อม สำหรบั การประเมนิ ระดบั ชาติ ๑๗. ประเมินสถานการณแ์ ละนำไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวนั รวมท้ังหมด ๑๗ ผลการเรยี นรู้
ก๑๔๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ เวลา ๔๐ ชั่วโมง คำอธบิ ายรายวชิ า รับรู้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย บอกความคิด ความรู้สึก อารมณ์ของตนและรับรู้ ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ของครู เพื่อน และสมาชกิ ในครอบครัว จำแนกความคิด ความรู้สกึ อารมณ์ที่ดี และไมด่ ขี องตนเองและผู้อ่ืน อธิบายบุคลิกภาพของตนเองและรับรู้บุคลิกภาพของเพื่อน รับได้กับบุคลิกภาพของตนเอง ยอมรับในสิ่งท่ี ผู้อื่นเป็นด้านบุคลิกภาพ พอใจในสิ่งที่ดีของตนเองด้านร่างกาย ความคิด อารมณ์ และจิตใจ ชื่นชมสิ่งที่ดี ของผู้อื่น ด้านร่างกาย ความคิด อารมณ์ และจิตใจ ยอมรับสิ่งที่ตนเองมีในด้านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียน เข้าใจผ้อู ่นื ในดา้ นความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรยี น บอกลกั ษณะของอาชพี ทส่ี นใจ บอกคณุ ลักษณะของตนเองที่สอดคลอ้ งกับอาชีพทีส่ นใจ วเิ คราะห์ผลการเรียนของ ตนแตล่ ะรายวิชา และระบุวิธกี ารพัฒนารายวิชาท่ีผลการเรยี นยงั ไมเ่ ป็นที่พอใจ มีจินตนาการและมีความสามารถในการคิดเชื่อมโยง มีวิธีผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดให้กับตนเอง รจู้ กั แสดงความคดิ ความรูส้ ึกช่ืนชมการกระทำทด่ี งี ามใหผ้ ู้อน่ื รบั รู้ มีมารยาทในการส่ือสารกับผู้อื่น ชื่นชมความสำเร็จ ความสามารถและการกระทำที่ดีงามของผู้อื่นดว้ ย คำพูด ภาษากาย และสัญลักษณ์ ควบคุมความคิดและอารมณ์ของตนเองได้ และมีวิธีสร้างความมั่นคงใน อารมณข์ องตนเองได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑. รบั รู้การเปลีย่ นแปลงของร่างกายตามวยั ๒. บอกความคิด ความร้สู ึก อารมณ์ของตนและรบั รู้ความคิด ความรสู้ ึก อารมณ์ของครู เพ่ือน และสมาชิกใน ครอบครวั ๓. จำแนกความคดิ ความรู้สกึ อารมณท์ ่ีดีและไม่ดีของตนเองและผ้อู ื่น ๔. อธบิ ายบคุ ลกิ ภาพของตนเองและรับรบู้ คุ ลิกภาพของเพอื่ น ๕. รบั ไดก้ บั บคุ ลิกภาพของตนเอง ๖. ยอมรบั ในสงิ่ ท่ผี ู้อื่นเปน็ ด้านบุคลกิ ภาพ ๗. พอใจในสิ่งทดี่ ขี องตนเองดา้ นร่างกาย ความคดิ อารมณ์ และจติ ใจ ๘. ชืน่ ชมสงิ่ ท่ดี ขี องผอู้ นื่ ดา้ นร่างกาย ความคิด อารมณ์ และจติ ใจ ๙. ยอมรบั สงิ่ ท่ตี นเองมใี นดา้ นความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรยี น ๑๐. เขา้ ใจผอู้ ่ืนในด้านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียน ๑๑. บอกลักษณะของอาชพี ท่ีสนใจ ๑๒. บอกคณุ ลกั ษณะของตนเองทสี่ อดคล้องกับอาชพี ท่สี นใจ
๑๓. วเิ คราะห์ผลการเรียนของตนแต่ละรายวชิ า ๑๔. ระบวุ ิธกี ารพฒั นารายวิชาทีผ่ ลการเรียนยงั ไมเ่ ป็นท่พี อใจ ๑๕. มีจินตนาการและมคี วามสามารถในการคิดเชือ่ มโยง ๑๖. มีวิธีผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดให้กับตนเอง ๑๗. รจู้ กั แสดงความคิด ความรู้สึกชนื่ ชมการกระทำท่ดี งี ามใหผ้ อู้ ่นื รบั รู้ ๑๘. มีมารยาทในการส่อื สารกับผ้อู ื่น ๑๙. ชื่นชมความสำเรจ็ ความสามารถและการกระทำท่ีดงี ามของผู้อน่ื ด้วยคำพูด ภาษากายและสญั ลักษณ์ ๒๐. ควบคุมความคดิ และอารมณ์ของตนเองได้ ๒๑. มวี ธิ สี ร้างความม่ันคงในอารมณ์ของตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสม รวมท้ังหมด ๒๑ ผลการเรยี นรู้
ก๑๕๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ เวลา ๔๐ ช่วั โมง คำอธิบายรายวิชา รับรู้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย ระบุบุคลิกภาพที่ดีและไม่ดีของตนเองและรับรู้ บคุ ลิกภาพทด่ี แี ละไม่ดีของเพ่ือน ภูมใิ จในบคุ ลิกภาพดา้ นดีของตน ชน่ื ชมบุคลิกภาพดา้ นดขี องผู้อื่น แสดงออกถึงความมน่ั ใจในสิ่งทีด่ ีของตนเอง ดา้ นร่างกาย ความคิด อารมณ์ และจิตใจ รูเ้ ทา่ ทนั ความคดิ และ อารมณข์ องตนเอง จดั การกับความคดิ และอารมณข์ องตนเองได้อยา่ งเหมาะสม บอกวิชาที่ตนเองถนัดอย่างมีเหตุผล รับรู้วิชาที่เพื่อนถนัดพร้อมเหตุผล ภูมิใจในคุณค่าของตนเองในด้าน ความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียน และอาชพี ช่ืนชมในคุณค่าของผู้อ่ืนในด้านความสนใจ ความ ถนดั ความสามารถทางการเรยี น และอาชพี บอกอาชีพที่ตนสนใจ บอกคุณสมบัติของบุคคลที่ประกอบอาชีพ ศึกษาข้อมูลด้านอาชีพที่กว้างและลึกซ้ึง มากขึ้น รับรู้ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ของผู้ที่ตนคบหาสมาคม วิเคราะห์ผลการเรียนของตนแต่ละ รายวิชาและปรบั ปรงุ พฤติกรรมการเรียนในรายวิชาท่มี ผี ลการเรยี นไม่เป็นที่พอใจ วพิ ากษ์ วิจารณ์ บนพ้นื ฐานของข้อมลู สารสนเทศท่ถี ูกต้อง การยตุ ขิ ้อขัดแยง้ ในกลุ่มเพื่อนดว้ ยสันติวิธี อาสา ทำงานเพ่อื ส่วนรวมและสงั คม ร้จู กั ปฏิเสธ ตอ่ รอง และรอ้ งขอความชว่ ยเหลือในสถานการณ์เส่ียง แสดงออก ถึงพฤติกรรมทีด่ ีในการอยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่นื ตลอดจนรับฟังและยอมรบั ความคิดเห็นซ่งึ กันและกัน ผลการเรียนรู้ ๑. รับร้กู ารเปลีย่ นแปลงของร่างกายตามวยั ๒. ระบุบุคลกิ ภาพทดี่ แี ละไมด่ ีของตนเองและรบั รู้บุคลิกภาพทีด่ ีและไม่ดีของเพ่ือน ๓. ภูมใิ จในบคุ ลกิ ภาพดา้ นดขี องตน ๔. ช่ืนชมบุคลิกภาพดา้ นดีของผูอ้ นื่ ๕. แสดงออกถงึ ความมนั่ ใจในสงิ่ ทีด่ ีของตนเอง ด้านร่างกาย ความคิด อารมณ์ และจติ ใจ ๖. รู้เท่าทันความคิดและอารมณข์ องตนเอง ๗. จัดการกบั ความคดิ และอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม ๘. บอกวชิ าทต่ี นเองถนดั อย่างมเี หตุผล ๙. รบั รวู้ ชิ าท่ีเพอ่ื นถนดั พร้อมเหตุผล ๑๐. ภมู ใิ จในคณุ ค่าของตนเองในด้านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรยี น และอาชีพ ๑๑. ชน่ื ชมในคณุ คา่ ของผู้อนื่ ในด้านความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรยี น และอาชพี ๑๒. บอกอาชีพที่ตนสนใจ
๑๓. บอกคณุ สมบตั ขิ องบคุ คลทป่ี ระกอบอาชีพ ๑๔. ศึกษาขอ้ มูลดา้ นอาชีพทกี่ ว้างและลกึ ซงึ้ มากขึน้ ๑๕. รบั รู้ความคดิ ความรสู้ ึก อารมณข์ องผู้ท่ีตนคบหาสมาคม ๑๖. วิเคราะห์ผลการเรียนของตนแต่ละรายวิชาและปรับปรุงพฤติกรรมการเรียนในรายวิชาที่มีผลการเรียน ไม่ เป็นทพี่ อใจ ๑๗. วิพากษ์ วิจารณ์ บนพืน้ ฐานของข้อมูลสารสนเทศที่ถกู ต้อง ๑๘. ยตุ ิขอ้ ขดั แย้งในกล่มุ เพือ่ นด้วยสนั ติวธิ ี ๑๙. อาสาทำงานเพ่อื ส่วนรวมและสังคม ๒๐. รจู้ กั ปฏเิ สธ ตอ่ รอง และร้องขอความช่วยเหลือในสถานการณ์เสยี่ ง ๒๑. แสดงออกถงึ พฤติกรรมท่ดี ีในการอยู่รว่ มกับผ้อู ื่น ๒๒. รบั ฟังและยอมรับความคิดเหน็ ซึ่งกันและกนั รวมท้ังหมด ๒๒ ผลการเรยี นรู้
ก๑๖๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เวลา ๔๐ ช่วั โมง คำอธิบายรายวชิ า รับรู้ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ของคู่สนทนา แสดงออกถึงความมั่นใจในคุณค่าของตนเอง ด้าน ความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียนและอาชีพ เชื่อมั่นในคุณค่าของผู้อื่นด้านความสนใจ ความ ถนัด ความสามารถทางการเรียนและอาชีพ แสดงออกถึงความมั่นใจในบุคลิกภาพด้านดีของตนเอง รวมทั้ง เช่ือมั่นในคณุ คา่ ของผ้อู ่ืนดา้ นบุคลิกภาพ มีข้อมูลโลกกว้างทางด้านการศึกษา มีแนวทางในการเลือกศึกษาต่อ พิจารณาความเหมาะสมของตน กับ อาชีพที่สนใจ ระบุอาชีพที่ตนเองสนใจ วิเคราะห์ผลการเรยี นของตนแต่ละรายวชิ า โดยเฉพาะวิชาที่ต้องใช้ ประเมินระดับชาติ และการเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อความพร้อมในการเข้า เรียนต่อปฏิบัติตามกฎ กติกา และระเบียบของสังคม ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว โรงเรียน และ ประเทศชาติ มีวิธีสร้างความม่ันคงในอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม มีคุณธรรมที่เหมาะสมกับวัย เช่น ซอ่ื สตั ย์ กตญั ญกู ตเวที เออ้ื เฟ้ือเผื่อแผ่ มนี ้ำใจ มีจิตสำนึกเพ่ือส่วนรวม สามคั คี ฯลฯ มีจิตอาสา และทำกิจกรรม ท่ีเปน็ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม ร้จู กั วธิ กี ารตัดสินใจและแกป้ ัญหาที่ถูกต้อง ปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ีทำแลว้ มีความสุข ผอู้ น่ื ไม่เดือดร้อน ตลอดถึงให้ ความร่วมมือและทำงานรว่ มกับผอู้ ่ืนได้อย่างสร้างสรรค์ ผลการเรยี นรู้ ๑. รบั รู้ความคดิ ความรู้สกึ อารมณ์ของคสู่ นทนา ๒. แสดงออกถึงความมนั่ ใจในคุณค่าของตนเอง ด้านความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรียนและ อาชพี ๓. เชือ่ มน่ั ในคณุ ค่าของผอู้ นื่ ดา้ นความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรียนและอาชีพ ๔. แสดงออกถึงความมั่นใจในบคุ ลิกภาพดา้ นดขี องตนเอง ๕. เชอ่ื มนั่ ในคณุ คา่ ของผูอ้ นื่ ดา้ นบุคลกิ ภาพ ๖. มขี ้อมลู โลกกว้างทางด้านการศึกษา ๗. มแี นวทางในการเลือกศกึ ษาต่อ ๘. พิจารณาความเหมาะสมของตนกับอาชพี ทีส่ นใจ ๙. ระบอุ าชพี ทตี่ นเองสนใจ ๑๐. วเิ คราะห์ผลการเรียนของตนแต่ละรายวิชา โดยเฉพาะวชิ าท่ตี ้องใชป้ ระเมินระดับชาติ และการเรียนต่อ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ๑๑. เรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ เพ่อื ความพร้อมในการเขา้ เรยี นต่อ
๑๒. ปฏิบัติตามกฎ กตกิ า และระเบียบของสงั คม ๑๓. ปฏบิ ัตติ นเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว โรงเรยี น และประเทศชาติ ๑๔. มีวธิ สี รา้ งความมน่ั คงในอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม ๑๕. มีคุณธรรมที่เหมาะสมกับวัย เช่น ซื่อสัตย์ กตัญญูกตเวที เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม สามคั คี ฯลฯ ๑๖. มีจติ อาสา และทำกจิ กรรมท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อส่วนรวม ๑๗. รู้จกั วิธกี ารตัดสนิ ใจและแก้ปญั หาที่ถูกตอ้ ง ๑๘. ปฏิบตั ิกจิ กรรมทท่ี ำแลว้ มีความสุข ผอู้ น่ื ไมเ่ ดือดร้อน ๑๙. ใหค้ วามรว่ มมือและทำงานร่วมกับผ้อู นื่ ไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ รวมท้ังหมด ๑๙ ผลการเรียนรู้
ก๑๑๙๐๒ เตรยี มลูกเสอื สำรองและลูกเสือสำรอง (ดาวดวงที่ ๑) กจิ กรรมนกั เรยี น ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง คำอธบิ ายรายวิชา เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผนปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏิญาณและกฎ ของลูกเสือสำรอง เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสำรองที่มีความเป็น เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลการ ปฏบิ ตั ิกิจกรรม ปดิ ประชมุ กอง ในเรอื่ งตอ่ ไปนี้ ๑. เตรียมลูกเสือสำรอง นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลกู เสอื การทำความเคารพหมู่ (แกรนด์ฮาวล์) การ ทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถวเบื้องต้น คำปฏิญาณ กฎและคติพจน์ของลูกเสือ สำรอง ๒. ลูกเสือสำรองดาวดวงที่ ๑ อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาติ ความปลอดภัย บรกิ าร ธงและประเทศต่าง ๆ การฝมี ือ กิจกรรมกลางแจง้ การบนั เทิง การผูกเง่ือน คำปฏญิ าณและกฎของ ลกู เสอื สำรอง เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสำรองดาวดวงที่ ๑ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และ คติพจน์ของลูกเสือสำรอง มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบ วินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำ กิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม และความมั่นคงของชาติ และสามารถประยกุ ต์ใช้ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรยี นรู้ ๑. มนี ิสยั ในการสงั เกต จดจำ เช่อื ฟังและพ่ึงพาตนเองได้ ๒. มคี วามซือ่ สัตย์ สุจรติ มีระเบียบวินยั และเหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น ๓. บำเพญ็ ตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๔. ทำการฝมี อื และฝึกฝนการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รกั ษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น และความม่นั คงของชาติ ๖. อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น และสามารถประยกุ ต์ใชป้ รัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงได้ รวมทั้งหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
ก๑๒๙๐๒ ลกู เสอื สำรอง (ดาวดวงที่ ๒) กจิ กรรมนกั เรียน ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง คำอธิบายรายวชิ า เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎ ของลูกเสือสำรอง เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสำรองที่มีความเป็น เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ปดิ ประชุมกอง ในเรื่องต่อไปนี้ ลกู เสือสำรองดาวดวงที่ ๒ นยิ ายเมาคลี ประวัตกิ ารเร่ิมกิจการลูกเสือ การทำความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล์) การ ทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสำรอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาติ การอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชนท้องถิ่น ความ ปลอดภยั บริการ การผกู เงอื่ น ธงและประเทศตา่ ง ๆ การฝีมือที่ใชว้ สั ดุเหลือใช้ในท้องถ่ิน กิจกรรมกลางแจ้ง การ บันเทิงที่ส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพจิต และอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น เพ่อื ให้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในกจิ กรรมลกู เสือสำรองดาวดวงท่ี ๒ สามารถปฏบิ ตั ติ ามคำปฏญิ าณ กฎและคติ พจนข์ องลูกเสือสำรอง มนี สิ ัยในการสังเกต จดจำ เชอ่ื ฟงั และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรม ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติสง่ิ แวดล้อม ความมน่ั คงของชาติ และสามารถประยุกตใ์ ช้ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรียนรู้ ๑. มีนสิ ัยในการสังเกต จดจำ เชอ่ื ฟังและพ่ึงพาตนเองได้ ๒. มีความซือ่ สตั ย์ สุจรติ มีระเบยี บวินยั และเห็นอกเหน็ ใจผู้อนื่ ๓. บำเพญ็ ตนเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๔. ทำการฝมี อื และฝึกฝนการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รักษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ และความมั่นคงของชาติ ๖. อนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น และสามารถประยกุ ต์ใชป้ รัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
ก๑๓๙๐๒ ลกู เสอื สำรอง (ดาวดวงท่ี ๓) กิจกรรมนกั เรียน ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คำอธิบายรายวชิ า เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎ ของลูกเสือสำรอง เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสำรองที่มีความเป็น เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ปดิ ประชุมกอง ในเรอ่ื งตอ่ ไปน้ี ลูกเสือสำรองดาวดวงท่ี ๓ นิยายเมาคลี ประวตั กิ ารเร่ิมกิจการ ลูกเสือ การทำความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล์) การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสำรอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การค้นหา ธรรมชาติ การอนรุ กั ษ์ทรัพยากรในชุมชนท้องถิ่น ความปลอดภยั บริการ การผูกเงื่อน ธงและประเทศตา่ ง ๆ การ ฝีมือที่ใช้วัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงที่ส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพจิต และอนุรักษ์ ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ อนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม ลดภาวะโลกรอ้ น เพอ่ื ให้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในกิจกรรมลกู เสอื สำรองดาวดวงท่ี ๓ สามารถปฏบิ ตั ิตามคำปฏิญาณ กฎและคติ พจนข์ องลูกเสือสำรอง มนี ิสยั ในการสังเกต จดจำ เช่ือฟงั และพ่ึงตนเอง มีความซอื่ สตั ยส์ ุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรม ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตสิ งิ่ แวดล้อม ความมน่ั คงของชาติ และสามารถประยุกต์ใชป้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรยี นรู้ ๑. มนี สิ ัยในการสังเกต จดจำ เชอ่ื ฟงั และพึ่งพาตนเองได้ ๒. มีความซอื่ สัตย์ สจุ ริต มรี ะเบียบวินยั และเหน็ อกเห็นใจผู้อื่น ๓. บำเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ๔. ทำการฝมี อื และฝึกฝนการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ และความม่ันคงของชาติ ๖. อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน และสามารถประยกุ ต์ใช้ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวมทั้งหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
ก๑๔๙๐๒ ลกู เสอื สามญั (ลกู เสือตร)ี กิจกรรมนกั เรียน ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ เวลา ๔๐ชัว่ โมง คำอธิบายรายวิชา เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกจิ กรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎ ของลกู เสือสามัญ เรยี นรู้จากการคิดและปฏิบตั ิจรงิ ใช้สญั ลักษณ์สมาชกิ ลกู เสือสามัญที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ร่วมกนั ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝร่ ู้ ตามวถิ ีเศรษฐกิจพอเพียง สรปุ ผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง ในเร่ืองตอ่ ไปนี้ ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการลูกเสอื ประวัติของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Load Baden Powell ; B.P.) พระ ราชประวัตสิ งั เขปของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอย่หู วั วิวฒั นาการของกระบวนการลกู เสอื ไทยและ ลูกเสือโลก การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจับมือซ้าย กิจกรรมกลางแจ้ง ระเบียบแถว ท่ามือเปล่า ท่าถอื ไม้พลอง การใช้สัญญาณมือและนกหวดี การตง้ั แถวและการเรียกแถว การใช้ทักษะในทางวิชาลูกเสือ การรู้จักดแู ลตนเอง การช่วยเหลือผ้อู ่ืน การเดินทางไปยงั สถานทต่ี ่าง ๆ การทำงานอดิเรกและเรอ่ื งที่สนใจ เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ ลกู เสอื สามัญ มนี สิ ยั ในการสงั เกต จดจำ เช่อื ฟังและพงึ่ ตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอก เห็นใจผู้อื่น บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตาม ความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รกั ษาและสง่ เสริมจารตี ประเพณี วัฒนธรรมและความมัน่ คงของ ชาติ และสามารถประยกุ ตใ์ ชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ ๑. มีนสิ ัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังและพ่ึงพาตนเองได้ ๒. มคี วามซือ่ สัตย์ สจุ ริต มีระเบยี บวนิ ัยและเหน็ อกเหน็ ใจผู้อน่ื ๓. บำเพ็ญตนเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๔. ทำการฝมี ือและฝกึ ฝนการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รักษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ และความมน่ั คงของชาติ ๖. อนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกรอ้ น และสามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวมทั้งหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
ก๑๕๙๐๒ ลกู เสอื สามัญ (ลกู เสอื โท) กจิ กรรมนกั เรยี น ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๕ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง คำอธบิ ายรายวิชา เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกจิ กรรมตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎ ของลูกเสือสามญั เรยี นรูจ้ ากการคิดและปฏบิ ัติจรงิ ใชส้ ญั ลกั ษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ร่วมกนั ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ ตามวถิ ีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปดิ ประชุมกอง ในเร่ืองตอ่ ไปน้ี ความรู้เก่ียวกับกระบวนการลูกเสอื ประวตั ิของลอรด์ เบเดน โพเอลล์ (Load Baden Powell ; B.P.) พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วิวัฒนาการ ของกระบวนการลูกเสือไทยและลูกเสือโลก การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจับมือซ้าย กิจกรรม กลางแจง้ ระเบยี บแถว ทา่ มือเปล่า ท่าถือไมพ้ ลอง การใช้สัญญาณมือและนกหวีด การตั้งแถวและการเรียก แถว การใชท้ กั ษะในทางวิชาลูกเสือ การรู้จักดูแลตนเอง การชว่ ยเหลอื ผอู้ ืน่ การเดินทางไปยังสถานทตี่ ่าง ๆ การทำงานอดิเรกและเร่ืองท่ีสนใจ เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ ลกู เสือสามัญ มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจำ เชื่อฟงั และพึง่ ตนเอง มคี วามซือ่ สตั ยส์ ุจริต มีระเบยี บวนิ ัย และเห็นอก เห็นใจผู้อื่น บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตาม ความเหมาะสม ความถนดั และความสนใจ รักษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรมและความมน่ั คงของ ชาติ และสามารถประยกุ ต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรียนรู้ ๑. มีนสิ ยั ในการสังเกต จดจำ เช่อื ฟงั และพ่ึงพาตนเองได้ ๒. มคี วามซ่ือสตั ย์ สจุ ริต มีระเบยี บวินัยและเหน็ อกเห็นใจผู้อ่นื ๓. บำเพญ็ ตนเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๔. ทำการฝมี อื และฝกึ ฝนการทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รกั ษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาท้องถ่ิน และความมั่นคงของชาติ ๖. อนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น และสามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งได้ รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
ก๑๖๙๐๒ ลกู เสอื สามัญ (ลกู เสือเอก) กจิ กรรมนกั เรียน ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ายรายวิชา เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏญิ าณ คติพจน์ และกฎ ของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัตจิ ริง ใช้สัญลักษณ์สมาชกิ ลูกเสือสามัญท่ีมคี วามเป็นเอกลักษณ์ รว่ มกัน ศกึ ษาธรรมชาติในชุมชนดว้ ยความสนใจ ใฝ่รู้ ตามวถิ ีเศรษฐกิจพอเพียง สรปุ ผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง ในเรอ่ื งต่อไปน้ี ความรเู้ กี่ยวกับกระบวนการลกู เสือ ประวตั ขิ องลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Load Baden Powell ; B.P.) พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วิวัฒนาการ ของกระบวนการลูกเสือไทยและลูกเสือโลก การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจับมือซ้าย กิจกรรม กลางแจง้ ระเบยี บแถว ทา่ มือเปล่า ทา่ ถือไม้พลอง การใช้สัญญาณมือและนกหวดี การตัง้ แถวและการเรียก แถว การใชท้ กั ษะในทางวิชาลูกเสือ การรจู้ ักดแู ลตนเอง การช่วยเหลือผอู้ นื่ การเดนิ ทางไปยงั สถานที่ต่าง ๆ การทำงานอดิเรกและเร่อื งท่ีสนใจเพ่ือใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบตั ติ ามคำ ปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังและพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและ ฝึกฝนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีต ประเพณี วฒั นธรรมและความมัน่ คงของชาติ และสามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ ๑. มีนสิ ัยในการสงั เกต จดจำ เชือ่ ฟังและพึ่งพาตนเองได้ ๒. มีความซือ่ สตั ย์ สุจริต มีระเบียบวนิ ัยและเหน็ อกเห็นใจผู้อื่น ๓. บำเพญ็ ตนเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๔. ทำการฝีมอื และฝึกฝนการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รักษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ และความม่ันคงของชาติ ๖. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ลดภาวะโลกรอ้ น และสามารถประยกุ ต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงได้ รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรียนรู้
กจิ กรรมชมุ นมุ กิจกรรมนกั เรียน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑-๖ เวลา ๓๐ ชั่วโมง คำอธบิ ายรายวิชา ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการ เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถด้าน การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิดประสบการณ์ทั้งด้านวิชาการและพื้นฐานอาชีพ ทักษะชีวิต และสังคม ตามศักยภาพอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีความสามารถในการสื่อสาร มีทักษะการคิด แก้ปัญหา ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี พัฒนาทักษะในการทำงานและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ อย่างมีความสุข รักในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ดำรงชีวิตอย่างพอเพียง มีความมุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมจี ิตสาธารณะ เพือ่ ให้ผู้เรียนได้ ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ได้พัฒนาความรู้ ความสามารถด้าน การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิดประสบการณ์ ทั้งทักษะทางวิชาการ ทักษะอาชีพ ทักษะชีวิตและสังคม ตามศักยภาพ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม คิดเป็น ทำได้ ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ตาม วถิ ีประชาธิปไตย และประยกุ ตห์ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างเหมาะสม โรงเรียนบา้ นสมศรี ได้ กำหนดกิจกรรมชุมนุมจำนวน ๔ ชุมนุม เพื่อให้นักเรียนเลอื กเข้า ตามความถนดั และความสนใจ ได้แก่ ๑. ชุมนุมดนตรี ๒. ชุมนมุ มารยาทไทย ๓. ชุมนุมบรรณารกั ษ์ ๔. ชุมนุมกฬี าและนนั ทนาการ
ชมุ นมุ ดนตรี หลักการและเหตผุ ล ดนตรเี ป็นวัฒนธรรมทีส่ ำคัญแขนงหนึง่ ที่แสดงใหเ้ ห็นถงึ ความคดิ สรา้ งสรรค์ จนิ ตนาการ และ สนุ ทรยี ภาพอนั มีเอกลักษณ์เฉพาะอันเกิดจากอจั ฉรยิ ภาพของบรรพบรุ ุษ และได้สืบทอดกนั มาหลายช่ัวอายุ คน จงึ เปน็ สง่ิ ดงี ามและควรค่าแก่ความภาคภมู ิใจย่ิง กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ตระหนกั และเห็น ความสำคัญในการเล่นดนตรี ด้วยการเสรมิ สร้างจิตสำนึกรกั ใหแ้ ก่เด็กและเยาวชนไทยรุ่นใหม่ ไดเ้ ห็นคุณคา่ ของการเล่นดนตรี ทั้งยังชว่ ยใหเ้ กิดการสง่ เสริมความรู้และมุมมองเกยี่ วกับดนตรี เพ่ือให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ ในหลักการดนตรีไทยยิ่งข้นึ รวมทง้ั การรักษาไว้ซง่ึ มรดกแห่งสนุ ทรียข์ องชาติไทย ผลการเรียนรู้ท่คี าดหวัง ๑. เพ่อื ใหน้ ักเรียนไดแ้ สดงออกทางด้านศิลปะ มีความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ ๒. เพ่อื ใหน้ ักเรียนมวี ินยั มจี ิตสำนึกในการอนรุ กั ษ์ดนตรีทัง้ ดนตรีสากล และดนตรีพืน้ บา้ น ๓. เพื่อฝกึ ให้เกดิ ทกั ษะในการเช่ือมโยงภูมิปัญญาท้องถิน่ และนำบริการชมุ ชน รวมทั้งหมด ๓ ผลการเรียนรู้ ชุมนุมห้องสมุด หลักการและเหตุผล งานบริการห้องสมุด เป็นส่วนสำคัญมากในการพัฒนาการเรียนรู้ เพราะในการให้บริการในส่วนของ ความรู้ถือเป็นปัจจัยหลกั ก่อนการจัดการเรียนการสอน ด้วยเหตุนีท้ างกระทรวงศึกษาธิการจึงได้มีการระบุไว้ ว่า สถานศึกษาทั่วประเทศจะต้องมีศูนย์บริการห้องสื่ออยู่ภายในสถานศึกษา เพื่อให้นักเรียนมีความรักในการ อ่าน ดูแลรักษาหนังสือ และแยกประเภทหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่าต่อเนื่องชุมนุมห้องสมุด เป็น การจัดให้นักเรียนได้แสวงหาความรู้ในด้านการให้บริการหนังสือ และมีความรู้ทค่ี รอบคลุมในทกุ ดา้ น เชน่ การรับรู้ การตระหนัก การพัฒนา การตอบสนอง และการเสียสละต่อส่วนรวม เป็นต้น บรรณารักษ์จึงมี ความสัมพันธ์กับการให้บริการทางการศึกษา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการบริโภคความรู้ของผู้อื่น ซึ่งจะ ส่งผลต่อการพัฒนาบุคลิกภาพ การประพฤติปฏิบัติตนของนักเรียนเองประโยชน์ของชุมนุมห้องสมุด เพื่อ ปลูกฝังในการเสียสละต่อส่วนร่วมและรักในการบริการห้องสมุด อนั จะก่อให้เกิดทักษะต่าง ๆ ทนี่ ักเรียนควร จะได้รับ เชน่ การรกั ในหน้าท่ี การเสียสละในการใหบ้ ริการ และการรกั ษาทรัพยส์ ่วนรวม ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั ๑. เพอื่ ให้นักเรยี นรู้วธิ ีดูแลหอ้ งสมุดและสร้างลักษณะอันดี สง่ เสริมรกั การอา่ น ๒. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสามารถซ่อมแซมหนงั สือทีช่ ำรุดได้ ๓. เพ่ือให้นกั เรยี นมีความรักในหน้าที่ของตนเอง และมีความเสยี สละเพ่ือส่วนรวม รวมท้ังหมด ๓ ผลการเรยี นรู้
ชุมนมุ กฬี าและนันทนาการ หลกั การและเหตผุ ล การส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและกีฬา จะทำให้ร่างกายแข็งแรงจิตใจสดชื่น ดังคำ กล่าวที่ว่า “จิตใจที่งดงาม ย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง” นั่นแสดงว่าร่างกายกับจิตใจมีความสัมพันธ์กัน อย่างแยกไม่ออก ถ้าร่างกายแข็งแรง จิตใจก็จะเบิกบาน หรือในทางกลับกัน ถ้ามีจิตใจที่เข้มแข็ง จะเกิด พลังหรือกำลังใจ ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทางกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ตระหนักถึง ความสำคัญดังกลา่ ว จึงจัดต้งั ชมุ นุมกฬี าและนันทนาการขึ้น เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการออกกำลงั กายและการ เล่นกฬี าภายในโรงเรียน ท้ังยังเปน็ การสง่ เสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตใหส้ มบูรณแ์ ขง็ แรงอีกด้วย ผลการเรยี นร้ทู ่ีคาดหวัง ๑. เพอื่ ใหน้ ักเรียนมสี ุขภาพกายและสขุ ภาพจิตทแี่ ข็งแรงสมบูรณ์ ๒. เพือ่ ให้นักเรียนมีน้ำใจนักกีฬา รจู้ ักการใหอ้ ภยั และยอมรบั ในสงิ่ ท่ีเกิดขน้ึ ๓. เพอ่ื ฝกึ ให้นกั เรยี นเกดิ ทักษะในการเลน่ กฬี าชนิดต่าง ๆ รวมทั้งหมด ๓ ผลการเรยี นรู้
กิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๑-๖ เวลา ๑๐ ช่ัวโมง คำอธิบายรายวชิ า ฝึกปฏิบตั ิกจิ กรรมดว้ ยความสมคั รใจผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ฝึกการทำงานทส่ี อดคลอ้ งกับชีวิต จริง ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สำรวจและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนอย่าง เป็นระบบ เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ การบริการด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อ ตนเองและส่วนรวม เสริมสร้างความมีน้ำใจ เอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดีและความรับผิดชอบต่อ ตนเอง ครอบครัว และสังคม คิดออกแบบกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในลักษณะอาสาสมัคร จิตอาสา เพ่ือแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมตามแนวทางวิถชี วี ิตเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็น ประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคม และประเทศชาติ สามารถออกแบบการจัดกิจกรรมเพ่ือ สังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ตามความถนัดและความสนใจ ในลักษณะอาสาสมัคร พัฒนา ศักยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีจิตสาธารณะ และใช้ เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ และสามารถประยกุ ตใ์ ช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ ผลการเรียนรู้ ๑. บำเพ็ญตนใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ครอบครวั โรงเรียน ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ ๒. ออกแบบการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ตามความถนัดและความสนใจ ใน ลกั ษณะอาสาสมัคร ๓. สามารถพัฒนาศกั ยภาพในการจัดกจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ๔. ปฏบิ ตั ิกจิ การเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จรยิ ธรรม ตามคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๕. สามารถประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้
สว่ นท่ี ๕ เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านสมศรี พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับบปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) กำหนดเกณฑ์สำหรับการจบ การศกึ ษา ไวด้ ังน้ี เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา ๑. ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติมตามที่กำหนด และมีผลการประเมนิ รายวิชา พืน้ ฐานผา่ นทุกรายวิชา ๒. ผู้เรยี นต้องมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน ระดบั “ผ่าน” ข้ึนไป ๓. ผูเ้ รียนมีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ข้ึนไป ๔. ผู้เรยี นตอ้ งเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นและได้รับการตดั สนิ ผลการเรยี น “ผา่ น” ทุกกจิ กรรม การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของผู้เรียน เป็นเปา้ หมายสำหรับพัฒนาเดก็ และเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรรกระบวนการ เรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่าง ๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญให้ผู้เรียน บรรลตุ ามเปา้ หมาย ๑. หลักการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้สมรรถนะ สำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยยึด หลักว่า ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่ เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็ม ตามศักยภาพ คำนึงถึงความแตกตา่ งระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสำคัญทั้งความรู้ และคุณธรรม ๒. กระบวนการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่ หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร โดยกระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็น สำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแกป้ ัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริงกระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ ของตนเอง กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนสิ ัย
กระบวนการเหล่านี้ จัดเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝนและ พัฒนา เพราะจะสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอนจึง จำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการ เรยี นร้ไู ดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ ๓. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะ สำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงจะ พิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและ ประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเตม็ ตามศักยภาพ และบรรลตุ ามเป้าหมายที่กำหนด ๔. บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมี บทบาท ดงั น้ี ๔.๑ บทบาทของผูส้ อน ๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการ เรียนรู้ ท่ที ้าทายความสามารถของผูเ้ รยี น ๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ในทีเ่ ป็นความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสมั พันธ์ รวมท้ังคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ พัฒนาการทางสมอง เพอื่ นำผเู้ รยี นไปสเู่ ป้าหมาย ๔) จัดบรรยากาศท่เี อ้อื ต่อการเรยี นรู้ และดูแลช่วยเหลือผเู้ รยี นให้เกิดการเรียนรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีท่ี เหมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนการสอน ๖) ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวชิ าและระดับพฒั นาการของผู้เรียน ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินเพื่อนำมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้ง ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผเู้ รียน ๑) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผดิ ชอบการเรยี นรูข้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ข้อความรู้ ตั้ง คำถาม คดิ หาคำตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ๓) ลงมือปฏิบัติจริง สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน สถานการณ์ต่าง ๆ ๔) มปี ฏิสัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกลมุ่ และครู ๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอย่างตอ่ เนื่อง
สื่อการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึง ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการ เรียนรูม้ ีหลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่ายการเรียนรูต้ ่าง ๆ ที่มี ในท้องถิ่น การเลือกใช้สื่อควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรู้ท่ี หลากหลายของผูเ้ รยี น การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาข้ึนเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้ อยา่ งมคี ุณภาพจากสื่อต่าง ๆ ท่ีมอี ยู่รอบตัว เพอ่ื นำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ท่สี ามารถส่งเสริมและ ส่อื สารใหผ้ ูเ้ รียนเกดิ การเรียนรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจัดใหม้ ีอยา่ งพอเพยี ง เพื่อพัฒนาใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรู้ อย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรดำเนนิ การ ดังนี้ ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่ายการ เรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ระหว่างสถานศึกษา ทอ้ งถ่นิ ชมุ ชน สังคมโลก ๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้งจดั หาสง่ิ ท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นมาประยกุ ต์ใช้เปน็ ส่อื การเรยี นรู้ ๓. เลอื กและใช้ส่ือการเรียนรูท้ ี่มีคุณภาพ มคี วามเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคล้องกับวิธีการ เรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของผ้เู รียน ๔. ประเมินคุณภาพของส่ือการเรียนรทู้ ีเ่ ลือกใชอ้ ย่างเปน็ ระบบ ๕. ศกึ ษาค้นคว้า วิจยั เพอื่ พัฒนาส่ือการเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกับกระบวนการเรยี นรู้ของผเู้ รียน ๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อ และการใช้สื่อการ เรียนรูเ้ ปน็ ระยะ ๆ และสมำ่ เสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึง หลักการสำคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณใ์ ห้ผู้เรยี น เนื้อหามีความถกู ต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคง ของชาติ ไมข่ ดั ตอ่ ศีลธรรมมีการใช้ภาษาท่ีถกู ต้อง รปู แบบการนำเสนอที่เข้าใจงา่ ยและนา่ สนใจ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือ การ ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน และเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบ ผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัด เพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยใช้ผลการ
ประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของ ผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนา และเรียนรู้อย่างเต็มตาม ศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ประกอบด้วย ระดับชั้นเรียน ระดับ สถานศกึ ษา ระดบั เขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา และระดับชาติ โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี ๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่าง หลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ประเมินตนเอง เพอ่ื นประเมนิ เพือ่ น ผู้ปกครองร่วมประเมนิ ในกรณีท่ีไม่ผ่านตวั ชีว้ ดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้อันเป็นผลมา จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุง และส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งนี้โดย สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั ๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพื่อตัดสินผลการ เรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน นอกจากน้ีเพือ่ ใหไ้ ดข้ ้อมลู เกยี่ วกับการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา ว่า ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการ เรียนของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็น ข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพ การศกึ ษา และการรายงานผลการจดั การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน ผู้ปกครองและชุมชน ๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่ การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน เพื่อใช้เปน็ ขอ้ มูลพื้นฐานใน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดย ประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผเู้ รียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำ และดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบ ทบทวนขอ้ มูลจากการประเมินระดับสถานศึกษาในเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษา ๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการ เรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียนในชั้น ประถมศึกษาปีท่ี ๓ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการ เทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัด การศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบายของประเทศ
ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบ ทบทวนพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น ถือเปน็ ภาระความรับผิดชอบของสถานศกึ ษาทจี่ ะต้องจดั ระบบดูแลชว่ ยเหลือ ปรบั ปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุน เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพืน้ ฐานความแตกต่างระหว่าง บุคคล ท่จี ำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุม่ ผ้เู รยี นทั่วไป กลมุ่ ผเู้ รยี นท่มี ีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรยี นที่มผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตำ่ กลุ่มผเู้ รียนที่มปี ัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนท่ีปฏิเสธ โรงเรยี น กลมุ่ ผู้เรียนทมี่ ปี ญั หาทางเศรษฐกจิ และสงั คม กลุ่มพกิ ารทางร่างกายและสติปัญญา เปน็ ต้น ข้อมูล จากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษา ในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที เป็นการเปิด โอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นได้รับการพัฒนาและประสบความสำเร็จในการเรยี น สถานศึกษาในฐานะผูร้ ับผดิ ชอบจัดการศึกษา จะตอ้ งจดั ทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผล การเรียนของสถานศึกษา ให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติ ที่เป็นข้อกำหนดของ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน เพอ่ื ใหบ้ ุคลากรท่ีเกี่ยวขอ้ งทุกฝ่ายถือปฏบิ ตั ริ ว่ มกนั เกณฑ์การวดั และประเมินผลการเรียน ๑. การตดั สนิ การใหร้ ะดบั และการรายงานผลการเรียน ๑.๑ การตดั สินผลการเรียน ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนนัน้ ผสู้ อนต้องคำนึงถึงการพฒั นาผ้เู รียนแต่ละคนเป็น หลัก และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอน ซ่อมเสริมผู้เรียนให้พัฒนาจนเต็มตามศกั ยภาพ ระดบั ประถมศึกษา (๑) ผู้เรยี นตอ้ งมีเวลาเรียนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทัง้ หมด (๒) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมินทุกตัวชว้ี ดั และผ่านตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากำหนด (๓) ผ้เู รียนต้องไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวชิ า (๔) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ในการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่า สามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของสถานศึกษาท่ีจะผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้ แต่หาก ผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ ความสามารถของผเู้ รียนเปน็ สำคญั ๑.๒ การใหร้ ะดับผลการเรียน ระดับประถมศึกษา ในการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้ ระดับผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละ และระบบท่ีใช้คำสำคัญสะท้อนมาตรฐาน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผล การประเมิน เป็น “ดเี ย่ยี ม ดี และ ผ่าน” การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็น “ผ่าน และ ไม่ ผา่ น” ๑.๓ การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรียน เป็นการสื่อสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการ เรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็น ระยะ ๆ หรืออย่างนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ คร้งั การรายงานผลการเรียน สามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนที่สะท้อนมาตรฐานการ เรยี นรกู้ ลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๒. เกณฑ์การจบการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดเกณฑ์กลางสำหรับการจบการศึกษาเป็น ๑ ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา ๒.๑ เกณฑ์การจบระดบั ประถมศกึ ษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติม ตามโครงสร้างเวลาเรียนที่หลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานกำหนด (๒) ผเู้ รียนตอ้ งมผี ลการประเมนิ รายวชิ าพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามทีส่ ถานศกึ ษากำหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทส่ี ถานศกึ ษากำหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษากำหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศกึ ษากำหนด สำหรับการจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผู้ มีความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ให้ คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบตั ิ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน สำหรบั กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166