Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนรวม เทอม 1-ส่วนหน้า

แผนรวม เทอม 1-ส่วนหน้า

Published by Guset User, 2022-08-25 08:19:13

Description: แผนรวม เทอม 1-ส่วนหน้า

Search

Read the Text Version

30? เพื่อใหน้ กั เรียนตอบข้อมลู เก่ยี วกบั ตัวเอง วา่ กอ่ นอายุ 30 อะไรบ้างท่ีนกั เรยี นจะได้ทาํ ไปแลว้ เช่น I’ll have graduated from university. ตอ่ มาให้นักเรยี นเปิดหนงั สอื เรียน หนา้ 17 Ex.8a (presenting future continuous/future perfect) และจบั คปู่ ระโยค 1-3 กับการใชท้ ่ใี หม้ า 1. action in progress at a certain time in the future (future continuous) 2. action finished before a certain future time (future perfect) 3. previously planned action (future continuous) 2. ให้นกั เรยี นจับคทู่ าํ Ex.8b (practising future continuous/future perfect) ในหนงั สือเรียน หนา้ 17 โดยเปล่ยี นคํากริยาในวงเล็บให้อยูใ่ นรูป future continuous หรือ future perfect เสรจ็ แล้วให้นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบ พร้อมทง้ั ให้นักเรียนอธบิ ายเหตุผลประกอบ 1. will have been 2. will have left 3. will be sitting 4. will be meeting 3. ให้นักเรียนทํา Ex.9 (practising future continuous/future perfect) ในหนังสอื เรียน หนา้ 17 โดย จับคกู่ ันตอบคําถามทก่ี ําหนดให้ ซ่ึงถามวา่ นักเรยี นจะกําลังทาํ อะไรอยู่ ในเวลา 6 โมงเยน็ ของวนั พรุ่งน้ี 2 ทมุ่ ครึง่ ของวนั อาทิตย์ และก่อนอายุ 30 อะไรบ้างทีน่ กั เรยี นจะไดท้ าํ ไปแล้ว Suggested answer key: At 6 o’clock tomorrow afternoon I’ll be playing football. At 8:30 Sunday evening I’ll be watching TV. I will have started my own business by the time I’m 30. Time words & the future 1. ครูอ่านตัวอยา่ งประโยคที่ให้มาในหนังสือเรยี น หน้า 17 Ex.10a (reviewing time words - future) และให้นักเรยี นระบุว่าท้งั 3 ประโยค คือ tense ใด (future simple) จากนัน้ ใหน้ กั เรียนตอบคาํ ถาม วา่ จะใช้ tense ใด หลัง time words ต่อไปนี้ when, until, before, as soon as, after (present

simple) ครูชี้ให้นกั เรยี นเห็นวา่ ข้อความทตี่ ามหลัง when จะเป็น present simple ในกรณที ่ี when ไม่ใช่ question words I’ll leave when she gets here. (time word) แต่ When will she get here? (question word) Present simple 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสอื เรียน หนา้ 17 Ex.10b (practising present simple vs future) และ ใหน้ กั เรยี นเติมคาํ ในประโยคใหส้ มบรู ณ์ โดยเปล่ียนคําในวงเล็บใหอ้ ยู่ในรูป present simple หรือ future เสรจ็ แลว้ ครูรวบรวมคาํ ตอบจากนักเรียนหลายๆ คนในชั้น พร้อมท้ังให้อธิบายเหตผุ ลประกอบ 1. leaves 2. will wait 3. will meet 4. finishes 5. grows up Sentence transformations ให้นกั เรียนทาํ Ex.11 (sentence transformations) ในหนงั สอื เรียน หนา้ 17 เติมคาํ ในประโยคท่ี 2 ให้มีความหมายเหมอื นประโยคที่ 1 โดยเตมิ คําได้ไมเ่ กิน 3 คํา กอ่ นทาํ ครูให้นักเรยี นศกึ ษาตวั อย่าง คําตอบในขอ้ 1 ร่วมกนั ก่อน แล้วจงึ ให้นักเรยี นทาํ ข้อทเี่ หลือดว้ ยตัวเอง 1. may die 2. could take 3. going to 4. mustn’t drop 5. you have Writing 1. ให้นักเรียนใชเ้ วลา 2-3 นาที ทาํ Ex.12 (reviewing) ในหนังสือเรยี น หน้า 17 ทบทวนโครงสร้าง ไวยากรณ์ท่ีเรียนในบทเรียนนี้ จากนั้นให้นกั เรียนจับคูก่ นั แต่งประโยคโดยใช้ไวยากรณ์เหลา่ น้ี เสรจ็ แล้วครสู ุ่มเรยี กนกั เรยี น 4-5 คู่ ใหอ้ อกมาพดู นาํ เสนอท่หี น้าชั้นเรยี น (Students’ own answers) 2. ให้นกั เรยี นอ่านคําสัง่ ในกจิ กรรม Writing ในหนงั สอื เรียน หน้า 17 ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของ นักเรยี นดว้ ยการถามคําถาม ดงั นี้ Ss: a short letter T: What are you going to write?

T: What will it be about? Ss: your plans to help protect the environment จากนนั้ ให้เวลานักเรียนระดมความคิดและเรียบเรียงประโยค ครเู ตอื นนกั เรยี นเกยี่ วกบั ลกั ษณะของ การเขียนจดหมายแบบไม่เปน็ ทางการ (informal letter) เชน่ ใช้ตัวย่อ ใช้ภาษาพดู ตอ่ มาครตู รวจ ร่างจดหมายของนักเรยี น กอ่ นท่ีจะใหน้ กั เรียนเร่มิ เขียนจรงิ ๆ 3. เม่ือเรียนเสรจ็ แลว้ ครอู าจให้นกั เรยี นเลน่ เกมเพือ่ ฝกึ ฝนส่ิงท่เี รียนมาแล้ว ซึ่งเป็นทัง้ การทบทวน ความรู้และส่งเสริมผ้เู รียนให้มเี จตคตทิ ด่ี ตี อ่ การเรยี นรู้ภาษาอังกฤษ เช่น jumbled sentence game ดว้ ยการเขยี นประโยคที่ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาท่เี รียน เชน่ future simple, future continuous หรอื future perfect แล้วตดั กระดาษออกเป็นคําๆ จากนนั้ ครแู บ่งนกั เรยี นเปน็ กลุ่ม แล้วนําประโยคท่ตี ัดออกเป็นคาํ ๆ ใหน้ ักเรยี นกลมุ่ ละ 1 ประโยค กลุม่ ใดทีเ่ รียงประโยคไดถ้ กู ตอ้ ง และเร็วทสี่ ดุ เปน็ กลมุ่ ทชี่ นะ หรือครูอาจให้นักเรียนไปเลน่ เกมดว้ ยตนเองนอกเวลาเรียนจาก website ต่อไปน้ี https://www.englishclub.com/esl-games/grammar/jumbled-tenses.htm Suggested answer key: Dear Mandy, Hi! How are you? Just dropping you a line to tell you about what I’m going to do to help protect the environment. I’m going to join an environmental group and take part in various activities they organise. We are going to hand out leaflets and take part in a clean-up campaign. I’m also going to adopt an animal. At school we are going to make a pond to help wildlife. I think that we should all help save the environment. Are you doing anything at school for the environment? Why don’t you adopt an animal too? There are so many animals in danger of extinction nowadays. Well, that’s all from me. Write back soon and tell me your news. Love, Kate แบบฝึกหัด หน้า 13-14 Exs.1-8 และหนา้ 72 Exs.1-4 (ดเู ฉลยภาคผนวก C)

6. การวัดและประเมินผล วธิ ีการวัด เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด (Workbook) ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การพูดถึงสงิ่ ท่ีนกั เรียนต้องทํา/ แบบประเมนิ การพูด ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ หา้ มทํา หรือควรจะทําในการไปทัศน ศกึ ษา ประเมนิ พฤติกรรมบ่งชีด้ ้านรักชาติ ศาสน์ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ กษตั ริย์, ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการ อนั พงึ ประสงค์ ทํางาน Grammar reference • Modals กริยาช่วย can/could, may/might, must/have to, ought to, shall/should, will/would: - ไม่มกี ารเตมิ -s, -ing หรือ -ed ท่ที า้ ยคาํ - จะตามดว้ ยกรยิ าชอ่ งที่ 1 - อย่หู น้าประธานในประโยคคาํ ถาม และตามดว้ ย not ในประโยคปฏิเสธ - ไมใ่ ช้ tenses ตามปกติ โดยเม่ือกริยาช่วยตามดว้ ยกรยิ าชอ่ งท่ี 1 จะกล่าวถึงการกระทาํ หรือ เหตกุ ารณ์ท่ียังไม่เสรจ็ ส้ิน (คอื ปัจจุบัน หรืออนาคต) เมอื่ กรยิ าชว่ ยตามดว้ ย have + กรยิ า ช่องที่ 3 จะกลา่ วถึงการกระทาํ หรอื เหตกุ ารณท์ เี่ สรจ็ ส้นิ ไปแล้ว • Obligation/Duty/Necessity - must ใช้เพอื่ a) แสดงหนา้ ท่ี การบังคบั ใหท้ ําบางสง่ิ หรือว่าสิง่ นน้ั เปน็ ส่ิงท่จี าํ เปน็ โดยปกติแลว้ เราจะใช้ must เมื่อผพู้ ูดเป็นผูต้ ดั สนิ ใจเองวา่ สง่ิ นั้นเปน็ สง่ิ ทจ่ี าํ เปน็ ตัวอย่างเช่น I must correct these essays today. b) ให้คาํ แนะนาํ ท่ีจรงิ จงั (strong advice) ตัวอย่างเชน่ You must pay attention to your teacher. - have to ใชเ้ พอ่ื แสดงความจาํ เปน็ หรอื การบังคบั โดยปกตแิ ล้วเราจะใช้ have to เมอ่ื ผพู้ ดู ไมไ่ ดเ้ ป็นผตู้ ัดสินใจเองวา่ สงิ่ นัน้ เปน็ ส่ิงที่จําเป็น

ตัวอย่างเช่น The teacher told us that we have to study all the chapters for the exam. หมายเหตุ: must และ have to มคี วามหมายแตกต่างกัน ในประโยคคาํ ถาม ตวั อย่างเชน่ Do I have to go to the wedding? (Is it necessary for me ...?) Must you play your trumpet so loudly? (Do you insist that you ... ?) - Should/Ought to ใช้แสดงขอ้ เสนอแนะ แสดงถึงการบังคับ/หนา้ ท่ีที่ไมจ่ รงิ จงั เทา่ กบั must/have to ตวั อยา่ งเชน่ We should change the bathroom curtains soon. - Need ใชแ้ สดงความจาํ เปน็ ตวั อยา่ งเชน่ Need I wake up early tomorrow? หมายเหตุ: Need สามารถใชเ้ ปน็ กริยาช่วย หรอื กรยิ าแทก้ ็ได้ โดยที่ความหมายไม่ เปลยี่ นแปลง ตัวอยา่ งเช่น Need I dress well for this party? (กริยาช่วย) Do I need to dress ...? (กริยาแท)้ • Absence of necessity Needn’t/Don’t have to/Don’t need to + กริยาชอ่ งที่ 1 ใชเ้ พ่ือแสดงวา่ ไมม่ ีความ จาํ เปน็ ต้องทาํ บางสงิ่ (ในปจั จุบนั หรืออนาคต) ตัวอย่างเช่น You don’t need to wash the dishes. I have a washing machine. • Prohibition Mustn’t/Can’t ใชใ้ นการหา้ มทําบางสิ่ง ห้ามทาํ เพราะผิดกฎหมาย ผิดกฎ คุณไม่ได้รบั อนญุ าต ใหท้ าํ บางสง่ิ ตัวอยา่ งเช่น You mustn’t/can’t touch anything in the museum. • Ability/Permission Can ใชแ้ สดงความสามารถในปจั จบุ นั ตัวอยา่ งเช่น He can play the piano really well. Could ใช้แสดงความสามารถในอดีต ตวั อย่างเชน่ He could swim very fast when he was a child. Can/Could/May/Might ...? เราใชโ้ ครงสรา้ งนเี้ พอื่ ขออนุญาตในการทําบางสงิ่ บางอยา่ ง การใช้ could และ may จะสภุ าพมากกว่า can สว่ นการใช้ might จะเป็นทางการ ตัวอยา่ งเชน่ Can I stay for lunch? (informal)

Could/May/Might I close the window? (formal) We can/could ... /Shall we ...? เราใชโ้ ครงสรา้ งนี้เพื่อให้คําแนะนาํ ตวั อยา่ งเช่น We can/could go to a nice restaurant this evening. • Future tenses - Future simple เราใช้ future simple (will + กริยาช่องท่ี 1) เพือ่ กลา่ วถงึ : § การตัดสนิ ใจทกี่ ระทําในขณะที่พูด ตัวอย่างเชน่ I’m tired. I’ll go to bed. § การทาํ นายเก่ยี วกับอนาคตท่ีมีพน้ื ฐานมาจากสิ่งทเ่ี ราคิด เช่อื หรอื จินตนาการ โดยใช้ คาํ กริยา think, believe, expect, etc วลี be sure, be afraid, etc และคํากรยิ า วเิ ศษณ์ probably, certainly, perhaps, etc ตัวอย่างเช่น I’m sure he will call soon. § คําสญั ญา, การคกุ คาม, การเตือน, การขอรอ้ ง, ความหวงั และการเสนอ ตวั อย่างเช่น Will you help me tidy the room? § การกระทํา, เหตุการณ,์ สถานการณ์ ซึง่ จะเกดิ ขึ้นอยา่ งแนน่ อนในอนาคตและเราไม่ สามารถควบคมุ ได้ ตัวอย่างเชน่ Jenny will be 5 years old next week. - Be going to เราใช้ be going to § สาํ หรบั แผนการ ความตง้ั ใจ หรอื ความมงุ่ มัน่ ทะเยอทะยานสาํ หรับอนาคต ตัวอย่างเชน่ She’s going to become a dancer when she grows up. § การกระทาํ ทเ่ี ราตดั สนิ ใจไวแ้ ล้วว่าจะทาํ ในอนาคตอนั ใกล้ ตัวอยา่ งเชน่ Paul is going to visit his aunt this weekend. § การทาํ นายทม่ี ีพื้นฐานมาจากสิ่งท่เี ราเห็นหรอื ส่ิงท่เี รารู้ โดยเฉพาะเมอื่ มหี ลักฐานว่าบาง สง่ิ จะเกดิ ขน้ึ ตวั อย่างเชน่ Look out! That branch is going to fall onto the road. คาํ /วลบี ง่ บอกเวลาที่เราใชก้ บั future simple และ be going to ไดแ้ ก่ tomorrow, the day after tomorrow, tonight, soon, next week/month/year/summer etc, in a week/month etc - Future continuous เราใช้ future continuous (will be +กริยาเติม-ing) § สําหรับการกระทําซ่งึ กําลังดําเนนิ อย่ใู นอนาคต ตามเวลาที่ระบไุ ว้ ตวั อย่างเช่น This time next week, I’ll be exploring Egypt. § สําหรบั การกระทาํ ซึ่งจะเกดิ ขนึ้ อย่างแนน่ อนในอนาคต เพราะเปน็ ผลมาจากเตรียมการ ไวแ้ ลว้ หรือเป็นกจิ วัตร ตัวอย่างเชน่ I will be travelling with my company next week.

§ เมื่อเราถามอยา่ งสุภาพเกย่ี วกบั แผนการในอนาคตอนั ใกลข้ องบุคคลอนื่ ตวั อย่างเช่น Will you be finishing your phone call soon? - Future perfect เราใช้ future perfect (will have + กริยาชอ่ งที่ 3) § สาํ หรับการกระทาํ ซ่ึงจะเสร็จส้นิ ก่อนเวลาทร่ี ะบไุ วแ้ น่นอนในอนาคต ตัวอย่างเชน่ I will have graduated by the end of this year. - Future perfect continuous เราใช้ future perfect continuous (will have been + กริยาเติม-ing) เพ่อื ใชก้ ล่าวเนน้ ถงึ ความต่อเนือ่ งของการกระทํามาจนถึงเวลาที่ระบไุ วอ้ ยา่ ง แนน่ อนในอนาคต โดยใชค้ ําดังต่อไปน้ี by ... for ตัวอย่าง By the end of the month, I will have been playing professional tennis for three years. คํา/วลีบง่ บอกเวลาทีใ่ ช้เพือ่ กลา่ วถึงอนาคต: เมอื่ เราใชค้ ําและวลี เชน่ while, before, after, until/till, as, when, whenever, once, as soon as, as long as, by the time, etc นําหน้า time clauses, time clauses ดังกล่าวจะใช้ present simple หรือpresent perfect ไมใ่ ช้ future forms ตวั อย่างเช่น By the time we reach the station we will have missed the train. (NOT: By the time we will get there ...) เราใช้ present simple และ present perfect ดว้ ยเหมอื นกนั ไม่ใช้ future forms หลังคําและ วลี เชน่ unless, if, suppose/supposing, in case, etc ตวั อยา่ งเชน่ Take some water with you in case you get thirsty. (NOT: ... in case you will get thirsty.) เราใช้ future forms กบั - when เมื่อใช้เป็นประโยคคําถาม ตัวอยา่ งเชน่ When will you be going skiing? - if/whether ใช้หลงั วลที แี่ สดงความไมแ่ น่นอนหรอื ไมร่ ู้ เช่น I don’t know, I doubt, I wonder, I’m not sure เปน็ ตน้ ตวั อย่างเชน่ I doubt whether she will come to work today. Unit 2d Listening & Speaking skills

1. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชวี้ ัด มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/2 มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/2, ต 1.1 ม.4-6/4 มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม.4-6/1, ต 2.1 ม.4-6/3 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Vocabulary: คาํ และวลีทเ่ี ก่ียวกบั สิ่งแวดล้อม Function: การใหค้ ําแนะนําและแสดงความเห็นดว้ ย Intonation: การออกเสียงสงู -ต่ําในประโยค • Language skills Listening: การฟังการพดู เกี่ยวกบั ปา่ ไม้ (Skills – listening for specific information) Speaking: การพูดให้คาํ แนะนาํ พร้อมทัง้ แสดงความเห็นดว้ ย Reading: การอา่ นบทสนทนา (Skills – skimming, reading for detailed information) 3. ทักษะการคดิ 3.1 ทักษะการสื่อสาร - ฝึกทกั ษะการฟงั การพดู และการอ่านภาษาองั กฤษ 3.2 ทกั ษะการนําความรู้ไปใช้ - นําสาํ นวนภาษาท่ีเรียนมาใชใ้ นการพดู สือ่ สารในสถานการณ์ ที่กาํ หนด 4. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 4.2 มงุ่ มั่นในการทํางาน 4.1 ใฝเ่ รยี นรู้ 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่าใน Unit 2d ซึง่ เน้นทักษะการฟงั และการพูด นักเรยี นจะได้เรยี นรกู้ าร ออก เสยี งสูง-ต่าํ ในประโยคแสดงการวิจารณ์/ติเตยี นและขอโทษ และการพูดให้คําแนะนําและแสดง ความเหน็ ดว้ ย Intonation

1. ครูอธิบายภาระงาน Ex.1 (practising intonation) และย้ําเตือนนกั เรยี นวา่ ความหมายของประโยค สามารถเปล่ียนแปลงไปข้นึ อยู่กบั ว่าคาํ ใดในประโยคทถี่ กู เน้น ครูเขียนประโยคตอ่ ไปนบี้ นกระดาน เพอ่ื แสดงให้นกั เรียนเหน็ ตวั อยา่ ง 1) My sister was born in London. 2) My sister was born in London. 3) My sister was born in London. ครูอ่านประโยคเหล่าน้ี โดยออกเสียงเนน้ หนกั คําทขี่ ดี เสน้ ใต้ นกั เรยี นอ่านตามครูพร้อมๆ กนั และอา่ น เดี่ยว แลว้ จึงใหน้ ักเรยี นบอกความหมายของแต่ละประโยค เช่น ประโยคท่ี 1 – not me or my brother ประโยคท่ี 2 – but she doesn’t live there now ประโยคที่ 3 – not in Liverpool จากน้นั ให้นักเรียนดูประโยคใน Ex.1 และขดี เส้นใต้คําท่ีนกั เรียนคิดวา่ ควรออกเสียงเนน้ หนกั ใน แต่ละประโยค ครูเปดิ CD1/Track 13 ใหน้ ักเรียนฟงั และตรวจว่าคําตอบที่นกั เรยี นเดาไวถ้ กู ตอ้ ง หรอื ไม่ ครูเปิด CD อกี ครัง้ โดยหยดุ เป็นระยะๆ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นอา่ นตามพรอ้ มๆ กัน และทลี ะคน เสร็จแลว้ ใหน้ ักเรียนจับคกู่ นั ชว่ ยกันระบุประโยคใดท่ีแสดงถงึ การวิจารณ์หรือติเตียน และประโยคท่ี แสดงถงึ การขอโทษ แล้วเฉลยคําตอบพร้อมกนั ครูอธิบายเพิม่ เติมเกยี่ วกบั วัฒนธรรมการกล่าว ขอโทษของคนองั กฤษ Don’t you just love it here? (criticism) What are you doing? What’s wrong with that? Pick up your rubbish! (criticism) Sorry- I didn’t think of that. (apology) That’s no excuse. (criticism) Well, I suppose you’re right. (apology) 2. ให้นักเรียนทาํ Ex.2 (making predictions about a text) ในหนังสือเรียน หน้า 18 โดยครูอา่ น ประโยคใน Ex.1 อกี ครัง้ และบอกวา่ ประโยคเหลา่ น้มี าจากบทสนทนาบทหนึง่ ใหน้ กั เรยี นเดาวา่ บท สนทนานนั้ นา่ จะเกีย่ วกับอะไร ครูเปดิ CD1/Track 14 ให้นกั เรยี นฟงั และอา่ นบทสนทนาตามไปด้วย เพื่อตรวจคาํ ตอบท่ีตนเองเดาไวว้ ่าถูกต้องหรอื ไม่ จากน้ันครูใหน้ ักเรียนบอกประเด็นสาํ คญั ๆ ท่ีอยู่ใน บทสนทนาดงั กลา่ ว The dialogue is about two boys out in the woods. They decide to have something to eat and then one of the boys throws his rubbish

on the ground. His friend tells him to pick it up. The boy apologises and picks up the rubbish. Make suggestions and agreeing ให้นกั เรยี นดูสาํ นวนภาษาในการใหค้ ําแนะนําและการแสดงความเหน็ ดว้ ยในตารางและข้อมูล ท่ี กําหนดให้ ในหนังสอื เรียน หนา้ 18 Ex.3 (learning to make suggestions and agreeing) ครู อธิบายความหมายของคาํ ศพั ทใ์ หม่ และใหน้ กั เรยี นเติมวลีในตารางใหส้ มบูรณ์ จากนัน้ ครูอธิบายภาระงานและเลือกนักเรียน 2 คน ใหอ้ า่ นตัวอยา่ งบทสนทนาที่ใหม้ า แล้วจงึ ให้ นกั เรยี นจับคชู่ ว่ ยกันแตง่ บทสนทนาเหมอื นดงั ตัวอย่าง ครูตดิ ตามการทํางานของนกั เรยี น และ สุ่มเลอื กนักเรียน 3-5 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาทห่ี นา้ ชนั้ เรยี น Suggested answer key: A: Why don’t we cut down on rubbish by recycling paper, plastic and glass? B: OK. Why not? We could also re-use plastic bags. A: That’s an excellent idea. A: How about protecting wildlife by joining an environmental group? B: Good thinking. We could also create wildlife habitats in our gardens. A: OK. Why not? A: Why not save energy by using solar power? B: Good thinking. We could also use energy-efficient light bulbs. A: Great idea! Listening 1. ครูอา่ น Study skills และอธิบายภาระงาน Ex.4 (listening for specific information - multiple choice) ในหนงั สอื เรยี น หน้า 18 ใหน้ กั เรียนฟงั จากน้ันใหน้ ักเรยี นอ่านคาํ ถามและตวั เลอื กที่ให้มา เพอ่ื ใหน้ ักเรียนเกดิ ความคนุ้ เคยกับเน้ือหา และใหน้ ักเรียนลองเดาคาํ ตอบ ครูเปิด CD1/Track 15 ให้ นักเรียนฟัง 2 ครงั้ โดยคร้ังแรกใหน้ ักเรยี นฟงั เพือ่ ตรวจว่าคําตอบท่ีตนเองเดาไว้ถกู ต้องหรอื ไม่

ในคร้ังท่ี 2 ให้นักเรียนฟงั เพอื่ ตรวจทานคาํ ตอบทตี่ นเองตอบไว้ เสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คู่ เพื่อ เปรยี บเทยี บคําตอบกนั แลว้ จงึ เฉลยคาํ ตอบพรอ้ มกนั อกี ครัง้ 1. A 2. C 3. A 4. B 5. B 6. A 2. ให้นักเรยี นทาํ Ex.5 (reviewing) ในหนังสือเรยี น หน้า 18 โดยให้เวลานักเรยี น 2-3 นาที ทบทวน บทเรยี นที่เรียนมา แลว้ จงึ ให้นกั เรยี นปดิ หนงั สอื เรยี น จากน้นั ใหน้ ักเรียนจบั คพู่ ดู คยุ กนั เก่ียวกบั ส่งิ ที่ได้เรยี นมา ครเู ดินรอบๆ ชัน้ เรียน เพื่อตดิ ตามการทํางานของนกั เรียน (Students’ own answers) กิจกรรมเพ่มิ เตมิ : ครูใหน้ ักเรยี นฝึกฝนการออกเสยี งภาษาอังกฤษท่มี ักจะมปี ัญหาสาํ หรบั คนไทย เช่น เสียง j กบั เสยี ง y โดยครูออกเสียงใหน้ ักเรียนดูเปน็ ตัวอยา่ ง พรอ้ มท้งั พูดแนะนาํ วิธีการออกเสยี ง และ ให้นกั เรยี นฝึกพดู ตาม j - jello, joke, jet, Jess y - yellow, yolk, yet, yes ครอู าจเปิดคลิปวดิ ีโอให้นกั เรียนดหู รอื ให้นกั เรยี นไปฝกึ ฝนด้วยตัวเองนอกเวลาเรยี น โดยเข้าไปท่ี www.engvid.com และในชอ่ ง search พมิ พ์ English pronunciation J & Y หรอื เขา้ ไปทาํ แบบฝกึ เพอ่ื ฝึกฝนเพิ่มเติมไดท้ ่ี http://www.passporttoenglish.com/Beginning- English/Lesson8/Pronunciation.html แบบฝกึ หัด หนา้ 16 Exs.1-3 (ดูเฉลยภาคผนวก C) 6. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมอื เกณฑ์ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ วธิ กี ารวัด ตรวจแบบฝึกหัด

ประเมินการแสดงบทสนทนา แบบประเมินการแสดงบท ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ เกีย่ วกับการใหค้ ําแนะนําและ สนทนา/บทบาทสมมติ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ แสดงความเหน็ ดว้ ย แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประเมินพฤตกิ รรมบ่งชีด้ า้ นใฝ่ ประสงค์ เรยี นร้แู ละมุง่ มั่นในการทาํ งาน Unit 2e Writing 1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ัด มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/4 มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/1 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Grammar: direct/indirect questions • Language skills Reading: การอา่ นจดหมายขอขอ้ มูล (Skills – skimming, reading for general comprehension) Writing: การเขยี นจดหมายขอขอ้ มูล 3. ทกั ษะการคดิ 3.1 ทักษะการสอ่ื สาร - ฝกึ ทกั ษะการอ่านและการเขียนภาษาองั กฤษ 3.2 ทกั ษะการนาํ ความรู้ไปใช้ - นําความรเู้ ก่ยี วกับคาํ ศัพท์ สํานวน โครงสร้างที่ใช้ในการสอ่ื สาร มาใช้ในการเขยี นขอขอ้ มูลเก่ยี วกบั เหตกุ ารณ์ทนี่ ่าสนใจ 4. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 4.1 ใฝเ่ รียนรู้ 4.2 มุ่งม่นั ในการทาํ งาน 5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ครูแจ้งให้นกั เรียนทราบว่า ใน Unit 2e น้ี นักเรยี นจะได้เรียนรแู้ ละฝึกฝนการเขยี นจดหมายแบบเปน็ ทางการเพื่อขอข้อมูล Getting started 1. ให้นักเรียนดูโฆษณาในหนังสือเรียน หน้า 19 Ex.1 (reading an advert) และตอบคําถามในคาํ ส่งั The advert is about a walk in Ashton Memorial Park. The advert tells us that people of all ages can take part, when it takes place and how to get more information or an entry form. จากน้ันครูอธบิ ายภาระงานว่า ถ้านกั เรียนตอ้ งการเขา้ รว่ มกิจกรรมในโฆษณา ขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ ที่นักเรียน ต้องการคืออะไร โดยให้นกั เรยี นจับคู่กันแลว้ นาํ โนต้ ส้นั ๆ สนี าํ้ เงินทอี่ ยดู่ ้านบนและด้านล่างโฆษณามา แต่งให้เป็นประโยคคาํ ถามที่สมบรู ณ์ How long will the walk last? What time does the walk start? When is the closing date How much does it cost? for entries? Let’s look closer ครอู ธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 19 Ex.2 (analysing a formal letter) และใหเ้ วลานักเรียน อ่านจดหมายและเติมคําในชอ่ งวา่ งในจดหมายให้สมบูรณ์ดว้ ยคาํ /วลีท่กี ําหนดให้ จากนนั้ ให้นกั เรยี น จบั คู่กนั เพอ่ื เปรยี บเทยี บคําตอบ ครูสมุ่ เรียกนกั เรียนให้รายงานคาํ ตอบ เพอื่ เฉลยคาํ ตอบพร้อมกันอกี ครัง้ เสรจ็ แลว้ ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั อธิบายคําศัพท์ยาก 1. I am writing 2. To begin with 3. In addition 4. For example 5. Finally 6. I look forward

ต่อมาครูให้นักเรยี นอ่านจดหมายอีกครง้ั และระบุวา่ ในแต่ละยอ่ หนา้ มีเนอ้ื หาเกย่ี วกับอะไร ครชู แี้ นะ นักเรียนใหห้ าประเด็นของย่อหน้าท่ี 1 เพือ่ เป็นตวั อย่างในการทาํ งาน จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นทํางานดว้ ย ตนเองตามลาํ พัง เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรยี นจบั ค่กู ันเพอื่ เปรียบเทยี บคําตอบ ครูเดนิ ตรวจคาํ ตอบของ นกั เรยี น Paragraph 1 states the reason for writing (the writer wants more information about the walk.) Paragraph 2 asks about cost, starting time and duration. Paragraph 3 asks if special clothing is needed, whether one should bring anything along, and asks what the closing date for entries is. Paragraph 4 states that the writer is looking forward to the receiver’s response. ให้นกั เรียนเปรยี บเทียบจดหมายใน Unit 2e กบั จดหมายใน Unit 1e เพือ่ สงั เกตความแตกต่าง เกี่ยวกบั รปู แบบในการเขียน (style) ครูเขยี นลกั ษณะของจดหมายแบบไม่เป็นทางการบนกระดาน และใหน้ ักเรียนช่วยกันบอกลักษณะของจดหมายแบบเปน็ ทางการ ครูเติมข้อมูลลงในตาราง เสร็จแลว้ ใหน้ ักเรียนลอกตารางนีล้ งในสมุดของตนเอง Informal letter Formal letter Start: Dear + person’s first name Dear + person’s full name End: Yours/Love +your first name Your sincerely + your full short forms name phrasal verbs full forms everyday vocabulary/ idioms - short sentences more formal language more complex sentences

Direct/indirect questions 1. ครูอ่านคําถามทใ่ี หม้ า ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 19 Ex.3a (presenting direct/indirect questions) จากนัน้ ใหน้ ักเรียนระบุวา่ การเรียงลําดบั คําในประโยค direct question แตกต่างกับ indirect question อย่างไร Direct speech: Question word + verb + subject Indirect speech: Do you know + question word + subject + verb 2. ใหน้ ักเรยี นเปล่ียนประโยคคําถามท่ใี ห้มา ใน Ex.3b (practising the use of direct/indirect questions) ใหเ้ ปน็ indirect questions โดยใช้วลีท่กี ําหนดให้ในกรอบ เสร็จแล้วจึงเฉลยคําตอบ พร้อมกนั Suggested answer key: 1. Could you let me know what time it starts? 2. I would like to know how much it costs. 3. Can you let me know if I need any special equipment? 4. I would be interested to know how long the nature walk lasts. 3. ให้นกั เรยี นทํา Ex.3c โดยอ่านจดหมายใน Ex.2 อกี ครง้ั และหาประโยคคําถามทงั้ หมดในจดหมาย จากนนั้ ระบวุ ่าประโยคใดเป็น direct questions และประโยคใดเป็น indirect questions เสร็จแล้ว ใหน้ ักเรยี นจบั คู่กันเพ่ือเปรยี บเทียบคําตอบ ครตู รวจความถูกตอ้ งอกี ครัง้ To begin with, does it cost anything to take part or is it free? (direct) I would also like to find out what time the walk starts, as well as how long it lasts. (indirect) In addition, I would like to know whether I need to wear special clothing or bring anything with me. (indirect) For example, will refreshments be provided or do I have to bring my own? (direct) Finally, could you tell me when the closing date for entries is? (indirect)

You turn 1. ให้นักเรียนทาํ Ex.4 (writing a letter asking for information) ในหนังสือเรยี น หนา้ 19 โดย ตอบคาํ ถามท่ีกาํ หนดให้ใน Plan แลว้ นําข้อมูลดงั กลา่ วมาใช้ในการเขยี นจดหมายขอข้อมลู Suggested answer key: Introduction: that you can have seen the advert and that you would like additional information Main body (para2): time and duration of event, exact location (para3): events/activities during event, any special clothes/equipment required Conclusion: state that you are looking forward to the receiver’s response Dear Mr. Jones, I am writing with regard to the advertisement that I saw on my school noticeboard. I am interested in protecting the local wildlife and I would like some further information about your event. To begin with, what time does the event take place and how long will it last for? I would also like to find out where exactly the event will take place. In addition, I would like to know what we will be doing during the event. Finally, could you tell me whether I need any special clothing or equipment to take part in the event? Thank you in advance for your help. I look forward to hearing from you. Yours sincerely, Cindy Morgan 2. ให้นกั เรยี นทําแบบทดสอบความรู้หลงั เรยี น โดยทํา Unit test 2 อกี ครัง้ (ดูเฉลยภาคผนวก C)

การวัดและประเมนิ ผล วิธีการวัด เครอื่ งมือ เกณฑ์ แบบทดสอบความรู้หลงั เรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบความรหู้ ลัง Unit test 2 เรยี น Unit test 2 แบบฝกึ หัด (Workbook) รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมินการเขียน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หดั แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนจดหมายเพ่ือขอ ประสงค์ ขอ้ มลู ประเมินพฤตกิ รรมบง่ ชีด้ า้ นใฝ่ เรยี นร้แู ละมุ่งมนั่ ในการทาํ งาน 6.บันทึกผลหลงั การสอน 6.1 ด&านความรู& (K) นักเรียน ม.5/1 ท้ังหมดมีความเข&าใจในบทเรียนเปAนอยCางดี นักเรียนชั้น ม.5/2 สCวนใหญC มากกวCา 90% มีความเข&าใจในบทเรยี น นกั เรียนช้นั ม.5/7ประมาณ 70% มีความเข&าใจในบทเรียน และนักเรียนชั้น ม.5/11 โดยประมาณ 60% มีความเข&าใจในบทเรียนโดยสามารถวัดจากผลของการทำกิจกรรม โดยวัดจาก คะแนนของแบบทดสอบทีน่ ักเรียนทำ ด&านทักษะกระบวนการ (P) นักเรยี นในแตลC ะห&องมที กั ษะการคดิ และการสอ่ื สาร โดยสามารถใช&หลักทางภาษาทเ่ี รียนในการทำ กจิ กรรมในห&องเรียนได&เปAนอยาC งดคี ิดเปAนร&อยละ 60% สามารถใช&ภาษาสอื่ สารในการทำกจิ กรรมตCาง ๆ ใน ห&องเรียนไดเ& ปAนอยCางดี ด&านคุณลกั ษณะ (A) นักเรยี นมคี วามร&คู วามเข&าใจเกีย่ วกับความแตกตCางทางดา& นของภาษาหลกั ภาษาและวัฒนธรรมของ ภาษาอังกฤษรวC มมือกนั คดิ วเิ คราะหกb ารแกไ& ขปญc หาในกจิ กรรมการเรยี นรทู& ี่ครูได&สอดแทรกวฒั นธรรมท่ี แตกตาC งให&นกั เรยี นได&ฝeกและเรยี นรู& 6.2 ปcญหา/อุปสรรค/แนวทางแก&ไข นกั เรียนบางคนทยี่ งั ไมเC ขา& ใจในบทเรียนกอC นหนา& นท้ี ำใหไ& มสC ามารถทำกจิ กรรมได&อยาC งราบร่ืนเพราะมี ความไมCเข&าใจในความสมั พันธรb ะหวาC งบทเรียนกCอนหน&าน้ี ท่ีสงC ผลใหเ& กิดความรู&ความเข&าใจในบทเรยี นใน ปcจจบุ นั

6.3 ข&อเสนอแนะ ควรมกี ารสอนเสริมให&กบั นักเรียนท่ียงั ไมเC ข&าใจในบทเรียนกอC นหน&านห้ี รือบทเรียนในปจc จุบนั เพื่อจะทำ ใหน& กั เรยี นเรียนตามทนั เพอื่ น ๆ ในห&องและการเรียนการสอนจะไดม& ีประสทิ ธภิ าพมากขึ้น ลงช่อื .............................................ครูผ&ูสอน (นายทกั ษิณ ชูชัง่ ) 7. ขอ# เสนอแนะของครูผู#นิเทศ/ผูท# ี่ได#รบั มอบหมาย ข\"อคดิ เห็น/ขอ\" เสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………............................................................................................................................................... ลงชอ่ื .............................................ครูผนู# ิเทศ (..................................................) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………….......................................................................................................................................... ลงชอ่ื .............................................หัวหนา# กลมFุ สาระฯ ( นางมัณตรณี ี ยังถิน ) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………........................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................. รองผู#อำนวยการ กลมFุ บรหิ ารงานวิชาการ (นางเรณู รFมโพธ)ิ์ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………....................................................................................................................................... ลงชอ่ื ............................................. (นายชาคริส ภFูงาม) ผู#อำนวยการโรงเรยี นสงิ หบQ รุ ี

รหัสวิชา อ32101 ชื่อรายวชิ า ภาษาอังกฤษพื้นฐาน กล1มุ สาระการเรียนรภ8ู าษาต่างประเทศ ภาคเรยี นท่ี 1 ป>การศึกษา 2565 จำนวน 10 ชว่ั โมง หนว1 ยการเรียนรท8ู ่ี 3 เร่อื ง Holidays & schooldays/ Take a break ครูผ8ูสอน นายทกั ษิณ ชชู ั่ง 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี3วดั มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/1-4 มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/1, ต 1.2 ม.4-6/4-5 มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม.4-6/1, ต 2.1 ม.4-6/3 มาตรฐาน ต 2.2: ต 2.2 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม.4-6/1 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า • Language features and functions Grammar: past tenses, used to Vocabulary: words related to holidays; words related to transport and accommodation; idioms related to travel; phrasal verbs with off; adjectives with negative meanings Function: expressing dissatisfaction/asking for details; booking a guided tour • Language skills Listening: ฟังการพดู บรรยายส-นั ๆ, ฟังประกาศส-นั ๆ, ฟังขอ้ ความโฆษณาฉบบั เตม็ , ฟังเพBือยนื ยนั การลาํ ดบั เหตุการณ์

Speaking: การพดู เกBียวกบั ประสบการณ์ท่องเทีBยวทBีไม่ดี, การพดู อภิปรายเกีBยวกบั วธิ ีการเดินทางทีB ชอบและสิBงอาํ นวยความสะดวก/บริการทีBสาํ คญั ในทBีพกั ยามทBีไปท่องเทBียว, การพดู Reading: เกBียวกบั ประสบการณ์ในอดีต, การพดู จองทวั ร์นาํ เทีBยว Writing: การอ่านบทอ่านเกีBยวกบั ปัญหาทีBเกิดข-ึนในวนั หยดุ , การอ่านบทอ่านเกีBยวกบั โรงแรม, • Culture: การอ่านบทสนทนาเกีBยวกบั การจองทวั ร์นาํ เทีBยว, การอ่านเรBืองเล่า การเขียนจดหมายถึงเพBือน, การเขียนยอ่ หนา้ ส-นั ๆ เกีBยวกบั สBิงทBีเคยทาํ ในวนั หยดุ , การเขียนเรืBองเล่า มารยาทในการเขา้ พกั ในโรงแรม (hotel etiquette) 3. ทกั ษะการคดิ 3.2 ทกั ษะการใหเ้ หตุผล 3.1 ทกั ษะการสื9อสาร 3.4 ทกั ษะการวเิ คราะห์ 3.3 ทกั ษะการนาํ ความรู้ไปใช้ 3.5 ทกั ษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์ 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4.2 มุ่งมนั9 ในการทาํ งาน 4.1 ใฝ่ เรียนรู้

Unit 3a Take a break 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี3วดั มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/4 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า • Language features and functions Vocabulary: คาํ ศพั ทเ์ ก9ียวกบั วนั หยดุ • Language skills Listening: การฟังการพดู บรรยายสOนั ๆ (Skill – listening for specific information) Speaking: การพดู เกี9ยวกบั ประสบการณ์ท่องเที9ยวท9ีไม่ดี Reading: การอ่านบทอ่านเกี9ยวกบั ปัญหาท9ีเกิดขOึนในวนั หยดุ (Skills – scanning, reading for detailed comprehension) 3. ทกั ษะการคดิ 3.1 ทกั ษะการสืDอสาร - ฝึกทกั ษะการฟัง การพดู และการอ่านภาษาองั กฤษ 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4.2 มุ่งมน9ั ในการทาํ งาน 4.1 ใฝ่ เรียนรู้ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบความรู้ก่อนเรียน โดยใช้ Unit test 3 จากส่วนทา้ ยของ Unit นOี (ดูเฉลย ภาคผนวก C) จากนOนั ครูแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ Unit 3a ซ9ึงเป็นการบูรณาการทกั ษะ นกั เรียนจะฝึก ฟัง พดู อ่านในประเดน็ ปัญหาที9เก9ียวขอ้ งกบั การไปเท9ียวในวนั หยดุ

Lead-in ครูอ่านชื9อบท Take a break ในหนงั สือเรียน หนา้ 20 และใหน้ กั เรียนอธิบายความหมายของสาํ นวน นOี (= have time off) ครูถามนกั เรียนวา่ มีสาํ นวนที9คลา้ ยกนั นOีในภาษาไทยหรือไม่ จากนOนั อ่านคาํ สง9ั ในการทาํ งานและคาํ ถาม 1-5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 21 Ex.1 (visualising a scene) พร้อมทOงั อธิบาย คาํ ศพั ทใ์ หม่ แลว้ จึงเปิ ด CD1/Track 16 ใหน้ กั เรียนฟังเสียงดนตรี โดยหยดุ CD ใหน้ กั เรียนฟังทีละ เสียง ในขณะท9ีฟัง ใหน้ กั เรียนหลบั ตา เพ9ือมุ่งความสนใจไปที9ภาพและความรู้สึกท9ีเกิดขOึนจากการฟัง เสียงดนตรีดงั กล่าว เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียนในหอ้ ง Suggested answer key: I’m on a tropical island. I’m sunbathing on the beach. My friends are swimming. It’s warm and sunny. I feel relaxed. Reading 1. ครูอ่านชื9อเร9ืองของบทอ่าน Wish you weren’t here! และถามนกั เรียนวา่ สาํ นวนนOีใชก้ ล่าวเม9ือใด (when sth has gone wrong) ครูชOีใหน้ กั เรียนเห็นวา่ สาํ นวนนOีตามปกติจะกล่าววา่ Wish you were here. มกั จะใชใ้ นการเขียนจดหมาย อีเมล หรือโปสตก์ าร์ด ระหวา่ งเพ9ือนหรือญาติท9ีอยไู่ กลกนั จากนOนั ใหน้ กั เรียนอ่านเกริ9นนาํ ในบทอ่าน และบอกเนOือหาของบทอ่านนOี (people’s bad travel experiences) ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกวา่ ปัญหาอะไรเม9ือเกิดขOึนแลว้ สามารถเปลี9ยนใหก้ าร ท่องเท9ียวในฝันของนกั เรียนกลายเป็นฝันร้ายได้ เช่น lose passport, run out of money, have their money/passport stolen, dirty/noisy hotel, rude staff, delay of flight, awful weather, crowded/dirty beach, etc เพื9อช่วยเหลือนกั เรียนในการตอบ ครูบอกใบน้ กั เรียน โดยเขียนคาํ ต่อไปนOีบนกระดาน passport, money, stolen, hotel, staff, flight, weather แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ระดมความคิด ครูใหน้ กั เรียนดูรูปประกอบบทอ่าน ขณะท9ีครูอ่านประโยคสุดทา้ ยของเรื9องเล่าแต่ละคน และให้ นกั เรียนตอบคาํ ถามที9กาํ หนดใหใ้ นหนงั สือเรียน หนา้ 21 Ex.2 (predicting content) ที9ถามวา่ ปัญหา อะไรบา้ งที9อาจจะเกิดขOึนไดข้ ณะท9ีไปเที9ยว จากนOนั ครูเปิ ด CD1/Track 17 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่าน บทอ่านตามไปดว้ ยเพื9อตรวจคาํ ตอบที9เดาไว้ Katy Banks: Lost car keys Nigel Barker: Out-of-date passport Bob & Steve: Dirty sea 2. ครูและนกั เรียนศึกษา Study skills ในหนงั สือเรียน หนา้ 21 ร่วมกนั

• ตวั เลือก 4 ข้อ (four-option multiple choice) อ่านบทอ่านอยา่ งระมดั ระวงั ระบุประเดน็ และเน-ือหาทวBั ๆ ไปของเน-ือเรBือง และเหตุผลทBีผเู้ ขียน เขียนเรืBองน-ีข-ึนมา สBิงน-ีจะช่วยนกั เรียนในการตอบคาํ ถามทีBกาํ หนดให้ จากน-นั ใหน้ กั เรียนอ่านบทอ่าน อีกคร-ัง และตอบคาํ ถามทีBใหม้ าทีละขอ้ แลว้ จึงตรวจตวั เลือกทีBนกั เรียนเลือกกบั บทอ่านอีกคร-ัง จากนOนั ใหน้ กั เรียนระบุประเดน็ ของบทอ่านในหนงั สือเรียน หนา้ 20 (problems while on holiday) และเหตุผลในการเขียนเรื9องนOี (to help travellers face as few problems as possible while on holiday) แลว้ จึงใหน้ กั เรียนอ่านบทอ่านอีกครOังเพ9ือตอบคาํ ถามขอ้ 1-5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 21 Ex.3 (practising multiple choice exercises) เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั เปรียบเทียบคาํ ตอบกบั เพื9อน ครูตรวจคาํ ตอบของนกั เรียน พร้อมทOงั อธิบายเหตุผลวา่ ทาํ ไมตวั เลือกอื9นจึงไม่ถูกตอ้ ง 1. A 2. A 3. A 4. C 5. A 3. ใหน้ กั เรียนทาํ Ex.4a (eliciting meaning from context) ในหนงั สือเรียน หนา้ 21 อธิบายความหมาย ของคาํ ศพั ทท์ ี9พิมพต์ วั หนาในบทอ่าน ดว้ ยการบอกคาํ จาํ กดั ความ คาํ ที9มีความหมายเหมือนกนั / ตรงขา้ มกนั หรือแสดงท่าทางใบค้ าํ โดยครูใหน้ กั เรียนระบุความหมายของคาํ ศพั ทเ์ หล่านOีจากบริบท ก่อน แลว้ จึงค่อยเปิ ดพจนานุกรมเพ9ือตรวจความหมาย ครูตรวจคาํ ตอบของนกั เรียนแลว้ จึงอธิบาย ความหมายของคาํ ศพั ทอ์ 9ืนๆ ที9นกั เรียนยงั ไม่เขา้ ใจ จากนOนั ใหน้ กั เรียนดูคาํ ศพั ทท์ 9ีพิมพต์ วั หนาใน บทอ่านอีกครOัง เพื9อพิจารณาวา่ คาํ ใดเป็นกริยาวลี (phrasal verbs) Phrasal verbs: saved up, looked forward to, turns into, taking out 4. นกั เรียนทาํ Ex.4b โดยนาํ วลีจากในเนOือเรื9อง หนา้ 20 มาเติมลงในประโยคใหส้ มบูรณ์ จากนOนั จบั คู่ เปรียบเทียบคาํ ตอบกบั เพ9ือน ครูเดินตรวจคาํ ตอบของนกั เรียน 1. looking forward to 2. not a soul in sight 3. out of date 4. lost my temper

Listening & Speaking 1. ครูอ่านปัญหา (a-i) ในหนงั สือเรียน หนา้ 21 Ex.5a (listening for specific information) และอธิบาย คาํ ศพั ทท์ ี9นกั เรียนไม่เขา้ ใจ a sunburn b delayed flight = ผวิ เกรียมจากการถูกแดดมากเกินไป c flat tyre (phr) = เที9ยวบินล่าชา้ กวา่ กาํ หนด = ยางแบน d food poisoning = อาหารเป็นพิษ e dirty beach/hotel = ชายหาด/โรงแรมสกปรก f small room (phr) = หอ้ งพกั เลก็ g lost or stolen passport/credit card/luggage = หนงั สือเดินทาง/บตั รเครดิต/กระเป๋ า เดินทางหายหรือถูกขโมย จากนOนั ครูเปิ ด CD1/Track 18 ใหน้ กั เรียนฟัง และจบั คู่ผพู้ ดู (1-4) กบั ปัญหาท9ีเกิดขOึนขณะไปเท9ียว (a-i) เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คู่เพื9อเปรียบเทียบคาํ ตอบกนั ครูอาจเปิ ด CD อีกครOัง ในกรณีท9ีจาํ เป็น แลว้ จึงเฉลยคาํ ตอบ Speaker 1: h Speaker 2: e Speaker 3: d Speaker 4: i 2. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 21 Ex.5b (talking about holiday problems) และใหเ้ วลา นกั เรียนจบั คู่อภิปรายคาํ ถามท9ีกาํ หนดใหใ้ นคาํ สง9ั ซ9ึงถามวา่ นกั เรียนเคยประสบปัญหาเหมือนอยา่ ง ใน Ex.5a บา้ งหรือไม่ ถา้ เคย เกิดอะไรขOึน ครูเดินรอบๆ ชOนั เรียน เพื9อติดตามการทาํ งานของนกั เรียน จากนOนั สุ่มเรียกนกั เรียนใหอ้ อกมาเล่าเก9ียวกบั ปัญหาท9ีเกิดขOึนในวนั หยดุ ของตนเอง โดยครูแกไ้ ข ขอ้ ผดิ พลาดของนกั เรียน เฉพาะจุดที9จาํ เป็นจริงๆ Suggested answer key: Last year we went to Ibiza for a week. The hotel was great and the staff very polite. Unfortunately, on the third day it started raining. It was such bad weather that we had to spend the rest of the week in our hotel.

3. ครูใหเ้ วลานกั เรียน 2-3 นาที ทบทวนคาํ ศพั ทท์ 9ีเรียนในบทเรียนนOี จากนOนั ใหน้ กั เรียนปิ ด หนงั สือเรียน และจบั คู่กบั เพ9ือนเพ9ือพดู คุยถึงสิ9งท9ีเรียนดว้ ยกนั ครูสงั เกตขณะนกั เรียนทาํ กิจกรรม แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คน ออกมานาํ เสนอท9ีหนา้ ชOนั เรียน 4. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกบั สรุปขอ้ มูลที9ควรปฏิบตั ิก่อนไปเที9ยว เพ9ือหลีกเล9ียงปัญหาท9ีอาจจะเกิดขOึนท9ี นกั เรียนไดเ้ รียนรู้จากในบทเรียนนOี เช่น ตรวจวนั หมดอายขุ องหนงั สือเดินทาง หรือครีมกนั แดด จากนOนั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เสริมประเดน็ อ9ืนๆ จากประสบการณ์ส่วนตวั หรือเร9ืองที9ไดอ้ ่านมาจาก นิตยสารหรือดูมาจากโทรทศั น์ กจิ กรรมเพมDิ เตมิ : ครูอาจใหน้ กั เรียนเขียนบทความสOนั ๆ เก9ียวกบั ประสบการณ์ในการไปเท9ียว ที9เลวร้ายท9ีสุดของตนเอง (worst holiday experience) โดยเขียนเกี9ยวกบั สถานท9ีที9ไป คนท9ีไปดว้ ย สภาพอากาศ เหตุการณ์เกิดขOึนเม9ือไร และเกิดอะไรขOึน ในการทาํ กิจกรรม ครูใหเ้ วลานกั เรียนระดม ความคิดตามประเดน็ ท9ีกาํ หนดให้ แลว้ จึงใหเ้ วลานกั เรียนในการเขียนบทความ Suggested answer key: Last August I went to Sacramento, USA. I had been looking forward to it for ages, but in the end it turned out to be the worst holiday of my life. My mother was born there but she hadn’t been back for a visit in twenty years so she had decided to come with me. When our plane touched down, I looked out the window and gasped in shock. It was pouring down with rain! My mum said not to worry as the weather could change very quickly. In all, we spent two weeks in Sacramento. Believe it or not, the sun didn’t come out even once! Instead of going to the beach or sightseeing, we spent most days visiting museums and going shopping. It certainly was not the holiday that I had expected.

6. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เครื-องมือ เกณฑ์ แบบทดสอบความรู้ก่อนเรียน Unit ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบความรู้ก่อนเรียน test 3 Unit test 3 แบบประเมินการพดู ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการพดู เกAียวกบั ประสบการณ์ แบบประเมินการอ่านออกเสียง ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ท่องเทAียวทีAไม่ดี แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึง ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการอ่านออกเสียง ประสงค์ ประเมินพฤติกรรมบ่งชJีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ และมุ่งมนัA ในการทาํ งาน

Unit 3b Vocabulary practice 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี3วดั มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/3-4 มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/1, ต 1.2 ม.4-6/5 มาตรฐาน ต 2.2: ต 2.2 ม.4-6/1 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า • Language features and functions Vocabulary: คาํ ศพั ทท์ 9ีเกี9ยวขอ้ งกบั การเดินทางและที9พกั , สาํ นวนท9ีเก9ียวขอ้ งกบั การเดินทาง, phrasal verbs with off • Language skills Listening: การฟังประกาศสOนั ๆ (Skill – listening for general information) Speaking: การพดู อภิปรายเก9ียวกบั วธิ ีการเดินทางที9ชอบและสิ9งอาํ นวยความสะดวก/บริการท9ี สาํ คญั ในท9ีพกั เมื9อไปท่องเท9ียว Reading: การอ่านบทอ่านเกี9ยวกบั โรงแรม (Skills – scanning, reading for detailed comprehension) Writing: การเขียนจดหมายถึงเพื9อน • Culture: มารยาทในการเขา้ พกั ในโรงแรม (hotel etiquette) 3. ทกั ษะการคดิ 3.1 ทกั ษะการสืDอสาร - ฝึกทกั ษะการฟัง การพดู การอ่าน และการเขียนภาษาองั กฤษ 3.2 ทกั ษะการให้เหตุผล - อธิบายเหตุผลประกอบการแสดงความคิดเห็นของตนเอง 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4.2 มุ่งมน9ั ในการทาํ งาน 4.1 ใฝ่ เรียนรู้

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ครูแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ Unit 3b ซ9ึงเนน้ การเรียนรู้คาํ ศพั ท์ นกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้และฝึกฝนคาํ ศพั ท์ สาํ นวนภาษาเก9ียวกบั การเดินทาง ส9ิงอาํ นวยความสะดวกในท9ีพกั และ phrasal verbs with of Transport 1. ครูวาดผงั มโนทศั น์ (mind map) บนกระดาน โดยเขียนหวั ขอ้ ต่อไปนOีในผงั มโนทศั นด์ งั กล่าว transport, land, air, sea จากนOนั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกวธิ ีการเดินทางในหวั ขอ้ ดงั กล่าว เพื9อเติม ผงั มโนทศั นใ์ หส้ มบูรณ์ motorcycle bike coach TRANSPORT LAND car AIR train moped* bus helicopter aeroplane hovercraft yacht ship SEA ferry cruise ship boat *moped (n) a motorcycle with a small engine and also pedals (จกั รยานยนตข์ นาดเลก็ ) จากนOนั ใหน้ กั เรียนทาํ งานเด9ียว ตอบคาํ ถามในหนงั สือเรียน หนา้ 22 Ex.1 (identifying means of transport) ที9ถามวา่ ประโยค a-e ที9ใหม้ า กล่าวถึงวธิ ีการเดินทางรูปแบบใด เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คู่ เพ9ือเปรียบเทียบคาํ ตอบกนั แลว้ ครูตรวจคาํ ตอบของนกั เรียนอีกครOังหน9ึง พร้อมทOงั ใหน้ กั เรียนระบุ คาํ สาํ คญั ที9ช่วยนกั เรียนในการตดั สินใจเลือกคาํ ตอบ a. ship/ferry (on deck) b. aeroplane (boarding gate) c. car (lift) d. train (platform) e. motorcycle (helmet, hold tight) เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คู่อภิปรายเกี9ยวกบั วธิ ีการเดินทางท9ีตนเองชอบเวลาไปเท9ียว

Suggested answer key: A: When I am on holiday I prefer to get around on a motorcycle. Motorcycles are economical and give you a great sense of freedom. B: Well, I don’t really like motorcycles. I’d rather get around by car. It’s more convenient. 2. ครูอธิบายภาระงาน ในหนงั สือเรียน หนา้ 22 Ex.2 (listening for general information) และเปิ ด CD1/Track 19 ใหน้ กั เรียนฟังและจบั คู่ประกาศ (announcement) 1-3 กบั วธิ ีการเดินทางใน Ex.1 เสร็จแลว้ ครูตรวจคาํ ตอบของนกั เรียน พร้อมทOงั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ระบุคาํ ท9ีช่วยนกั เรียนในการ ตดั สินใจเลือกคาํ ตอบ 1. train - passengers, departing, platform 2. plane - passengers, baggage, check-in, flights 3. ship/ferry - captain, disembark*, sailing *disembark (v) = to leave a vehicle, especially a ship or an aircraft, at the end of a journey (ข0ึนฝ2ัง) 3. ใหน้ กั เรียนแยกแยะคาํ ศพั ทท์ 9ีกาํ หนดใหใ้ นหนงั สือเรียน หนา้ 22 Ex.3a (categorising vocabulary related to transport) ใหอ้ ยใู่ นหวั ขอ้ ที9ถูกตอ้ ง จากนOนั จบั คู่กบั เพื9อนเพ9ือเปรียบเทียบคาํ ตอบกนั โดย นกั เรียนสามารถใชพ้ จนานุกรม เพ9ือตรวจคาํ ตอบของตนเอง เสร็จแลว้ จึงเฉลยคาํ ตอบพร้อมกนั อีกครOัง และใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดคาํ ศพั ทเ์ พิ9มเติมในแต่ละหวั ขอ้ car seatbelt, boot, rush hour, road map (tyre, steering wheel, rear-view mirror, driver) train carriage, buffet car , platform, station, compartment (driver, ticket inspector) aeroplane landing, check-in, flight, takeoff, boarding pass (runway, pilot, air steward) ship/ferry cabin, port, cruise, deck (captain, crew, harbour) 4. ใหเ้ วลานกั เรียนทาํ Ex.3b (practising words related to transport) โดยนาํ คาํ และวลีจาก Ex.3a มาเติม ลงในช่องวา่ งในประโยค 1-6 ใหถ้ ูกตอ้ ง จากนOนั นกั เรียนจบั คู่กบั เพื9อนเพื9อเปรียบเทียบคาํ ตอบกนั เสร็จแลว้ ตรวจคาํ ตอบพร้อมกนั อีกครOัง 1. boot 2. landing 3. seatbelt 4. cruise 5. port 6. station 5. ครูอ่านคาํ สง9ั Ex.3c และใหเ้ วลานกั เรียนเลือกคาํ ศพั ทจ์ าก Ex.3a ท9ีเหลือมาแต่งประโยค 5 ประโยค

Suggested answer key: My mum told my dad to check the road map for directions. Meals were served at noon in the buffet car. Passengers must check in the two hours before an international flight. The ship has a huge pool on the upper deck. กจิ กรรมเพมิD เตมิ : ครูแบ่งนกั เรียนเป็นทีมเพื9อเล่นเกม โดยใหแ้ ต่ละทีมนาํ คาํ ศพั ทจ์ าก Ex.1 และ Ex.3 มาแต่งประโยคคลา้ ยๆ กบั ใน Ex.1 แลว้ ใหอ้ ีกทีมหน9ึงทายวา่ ประโยคท9ีทีมนOนั แต่งเก9ียวขอ้ งกบั วธิ ีการเดินทางแบบใด Team A S1: I’ll meet you at the buffet car in ten minutes. Team B S1: train etc 6. ครูอ่านคาํ สงั9 และประโยค 1-5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 22 Ex.4 (working with prepositions) ครูอธิบายคาํ ศพั ทท์ 9ีนกั เรียนไม่รู้ความหมาย แลว้ จึงใหเ้ วลานกั เรียนเติมประโยคดว้ ยคาํ บุพบทท9ี กาํ หนดให้ เสร็จแลว้ จึงตรวจคาํ ตอบของนกั เรียน 1. along 2. on 3. by 4. off 5. towards Phrasal verbs ใหน้ กั เรียนทาํ Ex.5 (working with phrasal verbs) ในหนงั สือเรียน หนา้ 22-23 โดยเติมประโยค 1-6 ดว้ ยกริยาวลี (phrasal verbs) ท9ีกาํ หนดให้ ครูตรวจคาํ ตอบของนกั เรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมายของกริยาวลีท9ีนาํ มาเติมในแต่ละประโยค 1. set 2. rip 3. dropped 4. waved 5. stopped 6. taken set off: begin a trip rip off: cheat, steal from drop off: drive sb somewhere and then leave them at the spot where they wanted to go wave off: say good-bye to someone as they are leaving on a trip stop off: stop for a short time take off: when a plane rises into the air

จากนOนั ใหน้ กั เรียนเลือกกริยาวลีดงั กล่าวมา 1 วลี และวาดรูปเพ9ืออธิบายความหมาย ครูรวบรวมภาพ จากนกั เรียนในชOนั แลว้ นาํ ภาพมาแสดงใหน้ กั เรียนดูทีละภาพ เพ9ือใหน้ กั เรียนในชOนั ช่วยกนั เดาวา่ ภาพท9ีนกั เรียนเห็นคือกริยาวลีคาํ ใด Idioms ครูอ่านคาํ สง9ั ในหนงั สือเรียน หนา้ 23 Ex.6 (learning idioms) แลว้ ใหเ้ วลานกั เรียนจบั คู่สาํ นวน (1-5) กบั ความหมาย (a-e) โดยนกั เรียนสามารถใชพ้ จนานุกรมได้ จากนOนั ใหน้ กั เรียนเติมประโยคที9ใหม้ า (1-5) ใหส้ มบูรณ์ โดยใชส้ าํ นวนดงั กล่าว ครูตรวจคาํ ตอบของนกั เรียน 1. d 2. b 3. a 4. c 5. e 3. now and again 1. safe and sound 2. hustle and bustle 4. pick and choose 5. scrimp and save สุดทา้ ยครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดวา่ มีสาํ นวนที9คลา้ ยคลึงกนั นOีในภาษาไทยหรือไม่ (Students’ own answers) Accommodation 1. ใหน้ กั เรียนดูภาพสญั ลกั ษณ์ a-k ในหนงั สือเรียน หนา้ 23 Ex.7a (matching symbols to their meanings) จากนOนั ครูอธิบายความหมายของภาพ a เพ9ือเป็นตวั อยา่ งในการทาํ กิจกรรมใหก้ บั นกั เรียน แลว้ จึงใหเ้ วลานกั เรียนทาํ ขอ้ ที9เหลือดว้ ยตนเอง เป็นคู่ เสร็จแลว้ จึงตรวจคาํ ตอบร่วมกนั 1. h 2. d 3. i 4. b 5. c 6. e 7. f 8. g 9. a 10. k 11. j 2. ใหน้ กั เรียนจบั คู่อภิปรายคาํ ถามในหนงั สือเรียน หนา้ 23 Ex.7b (prioritising) วา่ ส9ิงอาํ นวยความ สะดวกหรือบริการในที9พกั ที9สาํ คญั ที9สุดสาํ หรับนกั เรียนเม9ือไปเท9ียวคืออะไร จากนOนั ครูสุ่มเรียก นกั เรียนหลายๆ คู่ ออกมาพดู นาํ เสนอหนา้ ชOนั เรียนทีละคู่

Suggested answer key: A: When I go on holiday there are several facilities and services that are very important to me. B: Like what? A: Well, I want my room to have air conditioning, especially if I am in a warm country. If my room is too hot, I can’t sleep and that means I’m tired all the time. B: I agree. I also really like it when a hotel has room service. This is important because sometimes I get hungry late at night and it’s nice to know that I can get a sandwich or something without having to leave my room. 3. ครูใหน้ กั เรียนดูชื9อเร9ืองและภาพของบทอ่านในหนงั สือเรียน หนา้ 23 Ex.8a (predicting the content of a text) แลว้ ตอบคาํ ถามในคาํ สง9ั ซ9ึงถามวา่ บทอ่านนOีบรรยายถึงท9ีพกั อาศยั ประเภทใด และ สิ9งอาํ นวยความสะดวกใดท9ีนกั เรียนคิดวา่ สถานท9ีดงั กล่าวน่าจะมีให้ จากนOนั จึงใหเ้ วลานกั เรียนอ่าน บทอ่านเพ9ือตรวจคาํ ตอบของตนเอง The text describes a hotel. The hotel probably has a restaurant, a swimming pool, parking and conference facilities. 4. ใหน้ กั เรียนทาํ Ex.8b (reading for detailed comprehension) โดยใหเ้ วลานกั เรียน 3 นาที อ่าน บทอ่านอีกครOังตามลาํ พงั และตอบคาํ ถามท9ีกาํ หนดให้ เสร็จแลว้ ใหเ้ ปรียบเทียบคาํ ตอบกบั เพ9ือน ครูตรวจคาํ ตอบของนกั เรียนอีกครOัง 1. The hotel is in Grange-over-Sands, Cumbria. 2. The rooms have air conditioning, telephones, hairdryers and TVs. 3. The hotel has a restaurant, a swimming pool, a gym, parking conference facilities, room service and a laundry service. 4. You can book online at www.grange-hotel.co.uk or you can call 01539 533666. กจิ กรรมเพมDิ เตมิ : ใหน้ กั เรียนช่วยกนั อภิปรายถึงมารยาทท9ีดีในการเขา้ พกั ในโรงแรมโดยเฉพาะ อยา่ งยงิ9 กรณีที9ไปพกั โรงแรมในต่างประเทศ

Culture: มารยาทในการเข้าพกั ในโรงแรม (hotel etiquette) - เตรียมเงินสาํ หรับใหท้ ิปกบั บุคคลที9มาดูแลหรือบริการ เช่น พนกั งานยกกระเป๋ า - อยา่ ส่งเสียงดงั จนเกินไปเมื9ออยใู่ นหอ้ งพกั หรือพOืนที9ส่วนรวม เช่น ทางเดินจากหอ้ งพกั - อยา่ นาํ สิ9งของของโรงแรมกลบั บา้ น เช่น ผา้ เชด็ ตวั , ผา้ ห่ม, ที9เข9ียบุหร9ี ยกเวน้ สิ9งของบางอยา่ ง ที9ทางโรงแรมอนุญาต เช่น แชมพ,ู สบู่ - อ่านกฎระเบียบท9ีติดไวก้ ่อนจะใชส้ ิ9งอาํ นวยความสะดวกต่างๆ ของโรงแรม เช่น สระวา่ ย ยมิ หรือหอ้ งออกกาํ ลงั กาย และคาํ นึงถึงผใู้ ชท้ ่านอ9ืน ขณะท9ีใชส้ 9ิงอาํ นวยความสะดวกเหล่านOี เช่น ไม่ควรใชเ้ วลานานเกินไป ถา้ มีคนอื9นมารอต่อคิว (ท9ีมา: http://etiquette.about.com/od/TravelEtiquette/a/Hotel-Etiquette-For-Guests.htm) กจิ กรรมเพมDิ เตมิ : ครูแบ่งนกั เรียนเป็นทีม ทีมละ 4-5 คน ครูเลือกคาํ หรือสาํ นวนจากหนงั สือเรียน หนา้ 22-23 แลว้ ใหน้ กั เรียนแต่ละคนของทุกทีมช่วยกนั สร้างคาํ ใหม่ โดยใชต้ วั อกั ษรจากคาํ ดงั กล่าว เช่น ครูเลือกคาํ วา่ boarding pass นกั เรียนสามารถสร้างคาํ ได้ เช่น board, in, gap, sing, sad, ring, grass, brain, rain, gas, etc ครูกาํ หนดวา่ ตวั อกั ษรที9ใชแ้ ลว้ หา้ มใชซ้ Oาํ เมื9อหมดเวลาท9ีครูกาํ หนดให้ ใหท้ ีมที9มีสมาชิกท9ีสามารถสร้างคาํ ไดม้ ากท9ีสุด บอกคาํ ศพั ทข์ อง ตนเอง ครูเขียนคาํ ศพั ทด์ งั กล่าวบนกระดาน และใหน้ กั เรียนคนอื9นๆ ช่วยกนั บอกวา่ มีคาํ ศพั ทอ์ ื9นๆ อีกหรือไม่ที9นกั เรียนสามารถคิดได้ ครูใหค้ ะแนนทีมท9ีสร้างคาํ ไดม้ ากที9สุด 5 คะแนน รองลงมา 4 คะแนน และทีมท9ีไดท้ ี9สาม 3 คะแนน Writing ใหน้ กั เรียนอ่านคาํ สง9ั ในหนงั สือเรียน หนา้ 23 กิจกรรม Writing (writing a letter to a friend from a hotel) แลว้ ครูถามคาํ ถามเพื9อตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน เช่น - What are you going to write? (a letter) - What will it be about? (Holidays - place I’m staying at) ครูแนะนาํ นกั เรียนวา่ ใหใ้ ชโ้ ฆษณาจาก Ex.8a เป็นขอ้ มูลในการเขียน จากนOนั ครูเขียนโครงสร้างใน การเขียนจดหมายใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน ดงั นOี Para 1: greet friend, say where you are Paras 2-3: describe hotel – hotel facilities Para 4: express your feelings- sign off นกั เรียนเขียนโนต้ สOนั ๆ ในแต่ละหวั ขอ้ ตามที9กาํ หนดใหใ้ นการเขียน จากนOนั เรียบเรียงขอ้ มูลใหเ้ ป็น ยอ่ หนา้ ต่างๆ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกวา่ เนOือหาของจดหมายนOีควรเริ9มตน้ และลงทา้ ยวา่ อยา่ งไร

Opening remarks: Greeting from ... Hi! What’s up? I’m at ... Closing remarks: That’s all for now. See you soon ... etc ครูใหเ้ วลานกั เรียนเขียนจดหมาย เสร็จแลว้ จึงนาํ งานของนกั เรียนไปตรวจ Suggested answer key: Dear Chris, Greetings from Cumbria. We’re having a great time here. We’re staying at Grange Hotel. It’s beautiful and just five miles out side the city. The hotel has got a variety of facilities such as a swimming pool and a fully- equipped gym. I spend most of the day there! The hotel restaurant offers delicious meals. My room is very comfortable. There’s a TV as well as air conditioning. That’s all for now. Wish you were here. See you in a week. Take care, Martin แบบฝึ กหัด หนา้ 17-18 Exs.1-6 (ดูเฉลยภาคผนวก C) 6. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เครื-องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝึ กหดั แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการเขียนจดหมายถึงเพื2อน แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินพฤติกรรมบ่งช0ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึง ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และมุ่งมน2ั ในการทาํ งาน ประสงค์

Unit 3c Grammar in use 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี3วดั มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/2-3 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า • Language features and functions Grammar: past tenses, used to • Language skills Speaking: การพดู เก9ียวกบั ประสบการณ์ในอดีต Writing: การเขียนยอ่ หนา้ สOนั ๆ เกี9ยวกบั ส9ิงที9เคยทาํ ในวนั หยดุ 3. ทกั ษะการคดิ 3.1 ทกั ษะการสDือสาร – ฝึกทกั ษะการพดู และการเขียนภาษาองั กฤษ 3.2 ทกั ษะการนําความรู้ไปใช้ - นาํ โครงสร้างทางภาษาท9ีเรียนมาใชใ้ นการพดู และเขียนขอ้ มูล เกี9ยวกบั ตนเองและประสบการณ์ 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4.2 มุ่งมน9ั ในการทาํ งาน 4.1 ใฝ่ เรียนรู้ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ครูแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ Unit 3c ซ9ึงเนน้ ฝึกไวยากรณ์ นกั เรียนจะไดท้ บทวนและเรียนรู้เกี9ยวกบั การใช้ past tenses และการใช้ used to

Past simple, past continuous, past perfect and past perfect continuous 1. ใหน้ กั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน แลว้ ครูเขียนประโยคต่อไปนOีบนกระดาน โดยยงั ไม่เขียน tense และ คาํ อธิบายท9ีอยใู่ นวงเลบ็ - Yesterday I woke up late. (past simple – an action which happened at a stated time in the past) - I was studying for exams all last week. (past continuous – an action that went on continuously in the past) - I was working in the garden when it started to rain. (past continuous/past simple – an action that interrupted an action in progress in the past) - He was talking on the phone while she was sleeping. (past continuous/past continuous – two actions in progress that happened simultaneously in the past) - I had been reading for an hour when Mum came home. (past perfect continuous/past simple – action in progress in the past emphasising duration interrupted by another past action) - I went to the cinema after I had finished my homework. (past simple/past perfect – an action that happened before another action in the past) ใหน้ กั เรียนสนใจรูปของคาํ กริยาท9ีเป็นตวั หนาในประโยคดงั กล่าว จากนOนั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ระบุวา่ คาํ กริยาดงั กล่าวอยใู่ นรูป tense ใด และมีหลกั การใชอ้ ยา่ งไร ถา้ นกั เรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถ อธิบายได้ ครูอาจใหน้ กั เรียนศึกษา Grammar reference ในหนงั สือเรียน หนา้ 110-111 แลว้ จึง ช่วยกนั ตอบอีกครOัง จากนOนั ใหน้ กั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 24 ครูอธิบายภาระงาน Ex.1 (reviewing the use of past tenses) แลว้ จึงใหเ้ วลานกั เรียนอ่านบทอ่านที9ใหม้ า และระบุรูปของ คาํ กริยาท9ีพิมพต์ วั หนาวา่ อยใู่ น tense ใด และ tense ดงั กล่าวมีหลกั การใชอ้ ยา่ งไร 1. past perfect continuous - action in progress in the past 2. past perfect - an action that happened before another action in the past 3. past simple - two actions that happened one after the other in the past 4. past continuous - an action in progress in the past 5. past continuous - two actions in progress that were happening simultaneously in the past 6. past simple - action that happened one after the another in the past 2. ครูและนกั เรียนศึกษาตวั อยา่ งคาํ ตอบขอ้ แรก ในหนงั สือเรียน หนา้ 24 Ex.2 (practising past tenses) จากนOนั ใหน้ กั เรียนทาํ ขอ้ ที9เหลือดว้ ยตนเอง แลว้ จึงจบั คู่กบั เพื9อนเพื9อเปรียบเทียบคาํ ตอบกนั เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบ พร้อมทOงั อธิบายเหตุผลประกอบ

1. A: was B: had 2. A: were you doing, rang B: was washing, didn’t hear 3. A: was surfing, found B: told, had already booked 4. A: did you miss B: were shopping, didn’t hear 5. A: Did you stay B: rented 6. A: - B: had been waiting 7. A: looked B: hadn’t slept, had been waiting 3. ครูเลือกนกั เรียน 1 คน ใหอ้ ่านตวั อยา่ งคาํ ตอบท9ีใหม้ า ในหนงั สือเรียน หนา้ 24 Ex.3 (practising using past simple and past perfect continuous using when/while) และใหน้ กั เรียนระบุวา่ ประโยค ดงั กล่าวอยใู่ นรูป tense ใด (past simple/past perfect continuous) พร้อมทOงั อธิบายเหตุผลประกอบ (We use past perfect continuous to show that something started in the past and continued up until another time in the past.) จากนOนั ใหเ้ วลานกั เรียนแต่งประโยคใหไ้ ดม้ ากที9สุดจากคาํ และวลีที9ใหม้ า เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียน แลว้ จึงแกไ้ ขคาํ ตอบท9ีผดิ ของนกั เรียนใหถ้ ูกตอ้ ง Suggested answer key: 2. I was buying souvenirs when (e) someone stole my purse/ (c) I lost my passport./While I was buying souvenirs someone … 3. I had been waiting all morning when the ferry arrived. (b) 4. I was lying on the beach when (a) it started raining/(e) someone stole my purse. หรือ While I was lying on the beach, it … 5. I was sleeping in my tent when (a) it started raining/(e) someone stole my purse. หรือ While I was sleeping in my tent, it … 4. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 24 Ex.4 (practising time adverbs with past tenses) แลว้ จึง ใหน้ กั เรียนใช้ time adverbs ท9ีใหม้ าแต่งประโยคเก9ียวกบั ตวั เอง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน ใหอ้ ่านประโยคท9ีตนเองแต่งใหเ้ พื9อนฟัง โดยครูแกไ้ ขประโยคที9นกั เรียนแต่งเฉพาะจุดท9ีสาํ คญั Suggested answer key: By the time I got home, my mother had left. I bought a new sweater two weeks ago. I was washing the dishes while my brother was working in the garden. I turned sixteen last year I was waiting for the bus for hours yesterday.

I have been studying English for ten years. I was studying all day yesterday. I went to camp last summer. I haven’t had dinner yet. I’ve already finished my homework. I got home before it rained. Used to/Would 1. ใหน้ กั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน ครูเขียนประโยคต่อไปนOีบนกระดาน โดยไม่เขียนขอ้ ความในวงเลบ็ When I was a teenager, I used to/would study very hard for exams. (past habit) As a child, I used to love ice-cream. (past state) ครูอธิบายวา่ ทOงั used to และ would สามารถใชก้ ล่าวถึงส9ิงท9ีทาํ เป็นประจาํ หรือนิสยั ในอดีต (past habits) แต่จะใช้ used to เท่านOนั เมื9อกล่าวถึงสิ9งท9ีเคยทาํ ในอดีตแต่ไม่ทาํ แลว้ ในปัจจุบนั (past states) จากนOนั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งประโยคของการใชท้ Oงั 2 แบบ เช่น When I was young I used to/would play with my dolls. (past habit) I used to smoke, but I gave up last year. (past state) Every Saturday I used to/would go on a long bike ride. (past habit) We used to live in New York when I was a kid. (past state) เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 25 Ex.5 (reviewing would/used to) ครูอ่านคาํ อธิบาย การใช้ would และ used to ที9ใหไ้ วใ้ นกรอบ และใหน้ กั เรียนตอบคาํ ถามในคาํ สงั9 ที9ถามวา่ สามารถใช้ would แทนท9ี used to ไดใ้ นกรณีใด นกั เรียนสามารถศึกษารายละเอียดเพ9ิมเติมไดจ้ าก Grammar reference ในหนงั สือเรียน หนา้ 111 We can use would instead of used to in sentences that are talking about past habits. กจิ กรรมเพมิD เตมิ : ครูอาจใหน้ กั เรียนทาํ แบบฝึกหดั เพ9ิมเติมเก9ียวกบั การใช้ would และ used to ร่วมกนั บนกระดาน ดงั นOี Fill in used to and/or would where possible. 1 As a child, my mum ………. go to France on holiday. (used to) 2 My dad ………. have a boat that we took out on the lake each summer. (used to)

3 We ………. go fishing every morning on holiday. (would/used to) 4 When I was younger, I ………. stay with my cousins every summer. (would/used to) 5 He ………. hate going to museums when we were on holiday. (used to) 6 When we went to Spain I ………. go swimming every day. (would/used to) 7 I ………. have a pet cat when I was four. (used to) 2. ใหน้ กั เรียนดูรูปภาพและวลีท9ีใหม้ าในหนงั สือเรียน หนา้ 25 Ex.6 (talking about what someone did/didn’t use to do) และช่วยกนั อธิบายความหมายของคาํ ศพั ทใ์ หม่ ครูพดู เกี9ยวกบั สิ9งท9ี Sharon เคยทาํ /ไม่เคยทาํ เม9ือตอนอายุ 6 ขวบ ใหน้ กั เรียนดูเป็นตวั อยา่ งอีก 1 ประโยค เช่น Sharon didn’t use to go scuba diving when she was six. จากนOนั จึงใหเ้ วลานกั เรียนฝึกพดู ขอ้ ท9ีเหลือกบั เพื9อน ครูเดิน รอบๆ ชOนั เรียน เพ9ือติดตามการทาํ งานของนกั เรียน Sharon didn’t use to go scuba diving. Sharon didn’t use to take pictures. Sharon used to go to the beach with her parents. Sharon used to eat ice cream. Sharon didn’t use to stay in a hotel. Sharon didn’t use to go skiing. Sharon didn’t use to travel abroad. Sharon used to collect seashells. Sharon used to play with a ball. กจิ กรรมเพมDิ เตมิ : ใหน้ กั เรียนคิดถึงเก9ียวกบั ส9ิงท9ีตวั เองเคยทาํ /ไม่เคยทาํ เม9ือตอนอายุ 6 ขวบ จากนOนั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพื9อน แลว้ แสดงท่าทางใบค้ าํ เกี9ยวกบั ส9ิงที9นกั เรียนเคยทาํ และไม่เคยทาํ แลว้ ให้ เพื9อนทายวา่ สิ9งนOนั คืออะไร เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ใหอ้ อกมานาํ เสนอที9หนา้ ชOนั โดย ใหค้ นหน9ึงแสดงท่าทาง อีกคนหน9ึงพดู ประโยค ครูใหน้ กั เรียนในชOนั คนอื9นๆ ใหค้ าํ แนะนาํ /ติชม ครูแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดในประโยคที9นกั เรียนพดู ในประเดน็ ที9สาํ คญั ๆ (Students’ own answers)

Sentence transformations ใหน้ กั เรียนทาํ Ex.7 (sentence transformations) ในหนงั สือเรียน หนา้ 25 โดยเติมคาํ ลงในประโยค ที9 2 ใหม้ ีความหมายเหมือนประโยคแรกท9ีใหม้ า และหา้ มเติมคาํ เกิน 3 คาํ (ตวั ยอ่ เช่น didn’t จะ นบั เป็น 2 คาํ ) เสร็จแลว้ ครูตรวจคาํ ตอบของนกั เรียน 1. were having lunch 2. had pitched 3. stop raining 4. would/used to 5. he worked Writing 1. ใหน้ กั เรียนทาํ Ex.8 (reviewing) โดยใหเ้ วลานกั เรียน 2-3 นาที ทบทวนโครงสร้างไวยากรณ์ท9ีเรียน มาในบทเรียนนOี แลว้ จึงแต่งประโยคโดยใชโ้ ครงสร้างดงั กล่าว จากนOนั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพื9อน อภิปรายเก9ียวกบั ส9ิงท9ีเรียนในบทเรียนนOี ครูเดินรอบๆ ชOนั เรียน เพ9ือติดตามการทาํ งานของนกั เรียน แลว้ จึงสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน ใหอ้ อกมาอ่านประโยคท9ีตนเองแต่งทีละคน (Students’ own answers) 2. ใหน้ กั เรียนอ่านคาํ สง9ั ในหนงั สือเรียน หนา้ 25 หวั ขอ้ Writing (writing a short paragraph about what you used to do on holiday) ครูถามคาํ ถามต่อไปนOี เพ9ือตรวจสอบวา่ นกั เรียนเขา้ ใจหรือไม่ What are you going to write? (a short paragraph) What will it be about? (things I used to do on holiday) จากนOนั ใหเ้ วลานกั เรียนระดมความคิดเก9ียวกบั สิ9งที9นกั เรียนเคยทาํ ในวนั หยดุ เมื9อตอนเป็นเดก็ เพ9ือใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการเขียน ครูเขียนส9ิงที9นกั เรียนบอกบนกระดาน และตรวจความถูกตอ้ งดว้ ย เม9ือนกั เรียนเขียนเสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนออกมาอ่านผลงานของตนเองหนา้ ชOนั เรียนทีละคน แลว้ จึง รวบรวมผลงานของนกั เรียนไปตรวจ Suggested answer key: When I was younger my family used to go camping every year. We would all decide on the place we wanted to go to and then we would load up the car. When we got the campsite we would all help set up the tent. Next, we would put on our swimsuits and go to the beach. We would look for seashells and make sandcastles. After a wonderful day at the beach we would go back to the tent.

3. เม9ือเรียนเสร็จแลว้ ครูอาจใหน้ กั เรียนเล่นเกมเพ9ือฝึกฝนส9ิงที9เรียนมาแลว้ ซ9ึงเป็นทOงั การทบทวน ความรู้และส่งเสริมผเู้ รียนใหม้ ีเจตคติท9ีดีต่อการเรียนรู้ภาษาองั กฤษ โดยครูสามารถเขา้ ไปดู กิจกรรมไดท้ ี9 http://edition.tefl.net/category/ideas/grammar/ กจิ กรรมเพมDิ เตมิ : ครูใหน้ กั เรียนฝึกฝนการออกเสียงภาษาองั กฤษที9มกั จะมีปัญหาสาํ หรับคนไทย เช่น คาํ กริยาท9ีลงทา้ ยดว้ ย -ed โดยครูออกเสียงใหน้ กั เรียนดูเป็นตวั อยา่ ง พร้อมทOงั พดู แนะนาํ วธิ ีการ ออกเสียง และใหน้ กั เรียนฝึกพดู ตาม 1) คาํ กริยาที9ลงทา้ ยดว้ ยเสียง /t/ หรือ /d/ จะออกเสียงเป็นเสียง ed เช่น wanted hated started decided ended needed 2) คาํ กริยาท9ีลงทา้ ยดว้ ยเสียง /f/, /k/, /p/, /s/, /ch/, /sh/, /x/ จะออกเสียงเป็นเสียง t เช่น sniffed worked stopped missed watched brushed fixed 3) คาํ กริยาที9ลงทา้ ยดว้ ยเสียงอื9นๆ เช่น /b/, /g/, /l/, /m/, /n/, /r/, /v/ จะออกเสียงเป็นเสียง d เช่น described begged called claimed opened compared loved ครูอาจเปิ ดคลิปวดิ ีโอใหน้ กั เรียนดูหรือใหน้ กั เรียนไปฝึกฝนดว้ ยตวั เองนอกเวลาเรียน โดยเขา้ ไปที9 www.youtube.com และในช่อง search พิมพ์ How to Pronounce the -ED Ending Correctly in English แบบฝึ กหัด หนา้ 19-20 Exs.1-6 และหนา้ 73 Exs.1-3 (ดูเฉลยภาคผนวก C) 6. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เคร-ืองมือ เกณฑ์ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝึ กหดั แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการเขียนยอ่ หนา้ ส0นั ๆ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึง ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ เกี2ยวกบั ส2ิงที2เคยทาํ ในวนั หยดุ ประสงค์ ประเมินพฤติกรรมบ่งช0ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ และมุ่งมน2ั ในการทาํ งาน

Grammar reference • Past tenses - Past simple เราใช้ past simple ในกรณีต่อไปน0ี § สาํ หรับการกระทาํ ซ:ึงเกิดข0ึนในอดีต ซ:ึงระบุเวลาแน่นอน (ระบุหรือบอกเป็นนยั ) ตวั อยา่ งเช่น He finished his project at 11 o’clock. § สาํ หรับการกระทาํ ซ:ึงเกิดข0ึนทนั ทีทนั ใดหลงั อีกเหตุการณ์หน:ึงในอดีต ตวั อยา่ งเช่น She woke up and opened the window. § สาํ หรับนิสยั (habits) หรือสภาวะ (states) ท:ีในปัจจุบนั เสร็จสิ0นไปแลว้ ตวั อยา่ งเช่น Mary played in music concerts when she was a child. หมายเหตุ: เราสามารถใช้ used to/would แทนที: past simple ในการกล่าวถึงการกระทาํ ท:ี ทาํ ซ0าํ ๆ หรือเป็นนิสยั ในอดีต คาํ /วลีบ่งบอกเวลาที:เราใชก้ บั past simple ไดแ้ ก่ yesterday, then, when, How long ago ...?, last night/week/month/year/Friday/October etc, three days/weeks etc ago, in 1999 เป็นตน้ - Past continuous ใชใ้ นกรณีต่อไปน0ี § กล่าวถึงการกระทาํ ซ:ึงกาํ ลงั ดาํ เนินอยู่ แลว้ อีกการกระทาํ หน:ึงเกิดแทรกข0ึนมา (เกิดข0ึนส0นั กวา่ ) เราใช้ past continuous ในการกล่าวถึงการกระทาํ ซ:ึงกาํ ลงั ดาํ เนินอยู่ (เกิดข0ึน นาน กวา่ ) และ past simple กล่าวถึงการกระทาํ ที:เกิดแทรกข0ึนมา ตวั อยา่ งเช่น I was watching TV when the doorbell rang. § กล่าวถึงการกระทาํ ที:เกิดข0ึนพร้อมกนั ในอดีต 2 การกระทาํ หรือมากกวา่ 2 ตวั อยา่ งเช่น I was tidying my room while my sister was cooking a meal. § กล่าวถึงการกระทาํ ซ:ึงกาํ ลงั ดาํ เนินอยใู่ นอดีต ซ:ึงระบุเวลาแน่นอน เราจะไม่เอ่ยถึงเวลาที: การกระทาํ ดงั กล่าวเร:ิมตน้ ข0ึนหรือเสร็จสิ0นลง ตวั อยา่ งเช่น At 9 o’clock yesterday morning I was driving to work. § บรรยายถึงบรรยากาศ ฉาก และใหข้ อ้ มูลพ0ืนฐานของเรื:องราว ตวั อยา่ งเช่น The wind was blowing and the dogs were barking. Somebody was knocking on the door. หมายเหตุ: เมื:อมีการใช้ past continuous ในประโยค 2 รูป เราจะหลีกเลี:ยงการกล่าวซ0าํ โดยใช้ present participle (-ing form) และละ verb to be ตวั อยา่ งเช่น She was cooking a meal, she was listening to the radio. = She was cooking a meal and listening to the radio. คาํ /วลีบ่งบอกเวลาท:ีใชร้ ่วมกบั past continuous ไดแ้ ก่ while, when, as, all morning/ evening /day/week, etc

- Past perfect (had + กริยาช่องที: 3) ใชใ้ นกรณีต่อไปน0ี § การกระทาํ ซ:ึงเสร็จสิ0นก่อนอีกเหตุการณ์หน:ึงในอดีตหรือก่อนเวลาท:ีระบุไวใ้ นอดีต ตวั อยา่ งเช่น Jenny had eaten her lunch by 2 o’clock. § การกระทาํ ซ:ึงเสร็จสิ0นไปแลว้ ในอดีต และผลของการกระทาํ ดงั กล่าวยงั เห็นได้ ณ จุดเวลา ท:ีระบุไวใ้ นอดีต ตวั อยา่ งเช่น He had broken his leg and a week later it was still hurting. § สถานการณ์ทวั: ๆ ไป ในอดีต ตวั อยา่ งเช่น Everything had seemed normal at first. คาํ /วลีบ่งบอกเวลาที:ใชร้ ่วมกบั past perfect ไดแ้ ก่ before, after, already, just, for, since, till/until, when, by the time, never, etc - Past perfect continuous ใชใ้ นกรณีต่อไปน0ี § เนน้ ช่วงเวลาของการกระทาํ ซ:ึงเร:ิมตน้ และสิ0นสุดลงในอดีต ก่อนอีกเหตุการณ์หน:ึง หรือ ก่อนเวลาท:ีระบุในอดีต โดยปกติจะใชร้ ่วมกบั for หรือ since ตวั อยา่ งเช่น I had been watching TV for an hour when I remembered I had forgotten to call my friend. § การกระทาํ ซ:ึงสิ0นสุดลงในเวลาใดเวลาหน:ึงในอดีตและผลของการกระทาํ ยงั เห็นไดใ้ น อดีต ตวั อยา่ งเช่น She had been painting her room and her clothes were covered in paint. คาํ /วลีบ่งบอกเวลาที:ใชร้ ่วมกบั past perfect continuous ไดแ้ ก่ for, since, how long, before, until เป็นตน้ - Used to/Would เราใชโ้ ครงสร้าง used to/would (always/often/etc) + กริยาช่องที, 1 เพื:อ กล่าวถึงนิสยั หรือการกระทาํ ซ0าํ ๆ ในอดีต ตวั อยา่ งเช่น She used to/would go to the cinema once a week when she was a teenager. ในกรณีเช่นน0ี used to/would สามารถแทนที:ดว้ ย past simple โดยที:ความหมายไม่เปล:ียน ตวั อยา่ งเช่น When I lived in the country, I worked/used to work on a farm. ข้อยกเว้น การกระทาํ ท:ีเกิดข0ึนในอดีตซ:ึงระบุเวลาแน่นอน เราจะใช้ past simple ไม่ใช้ used to ตวั อยา่ งเช่น I bought a new computer yesterday. (NOT: I used to buy a new computer yesterday.) เราใช้ used to เมื:อพดู ถึงขอ้ เทจ็ จริงหรือสถานการณ์ในอดีตซ:ึงไม่เป็นจริงอีกต่อไปแลว้ ตวั อยา่ งเช่น I used to enjoy swimming. Now I prefer jogging.

Unit 3d Listening & Speaking skills 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี3วดั มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/1, ต 1.2 ม.4-6/5 มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/4 มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม.4-6/1, ต 2.1 ม.4-6/3 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า • Language features and functions Vocabulary: adjectives with negative meanings Function: expressing dissatisfaction; booking a guided tour • Language skills Listening: การฟังขอ้ ความโฆษณาฉบบั เตม็ Speaking: การพดู จองทวั ร์นาํ เที9ยว, การพดู แสดงความไม่พอใจและขอรายละเอียดเกี9ยวกบั ปัญหาท9ีเกิดขOึน Reading: การอ่านบทสนทนาเก9ียวกบั การจองทวั ร์นาํ เท9ียว 3. ทกั ษะการคดิ 3.1 ทกั ษะการสืDอสาร - ฝึกทกั ษะการฟัง การพดู และการอ่านภาษาองั กฤษ 3.2 ทกั ษะการนําความรู้ไปใช้ - นาํ โครงสร้างทางภาษาท9ีเรียนมาใชใ้ นการพดู และเขียนขอ้ มูลเกี9ยวกบั ตนเองและประสบการณ์ 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4.2 มุ่งมน9ั ในการทาํ งาน 4.1 ใฝ่ เรียนรู้ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ครูแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ Unit 3d ซ9ึงทกั ษะการฟังและพดู นกั เรียนจะไดฝ้ ึกฝนการจอง guided tour และการพดู แสดงความไม่พอใจและขอรายละเอียดเก9ียวกบั ปัญหาที9เกิดขOึน

Listening ใหเ้ วลานกั เรียนอ่านโฆษณาในหนงั สือเรียน หนา้ 26 Ex.1 (listening for specific information [gap- filling]) และเรียนรู้เนOือหา จากนOนั ใหน้ กั เรียนพยายามลองเดาวา่ คาํ ท9ีขาดหายไปในโฆษณาน่าจะเป็น คาํ ประเภทใด เช่น numbers, times, cost แลว้ ครูจึงเปิ ด CD1/Track 20 ใหน้ กั เรียนฟัง เพื9อเติมคาํ ท9ี ขาดหายไป เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพื9อน เพื9อเปรียบเทียบคาํ ตอบกนั ครูอาจเปิ ด CD อีกครOัง ในกรณีท9ีจาํ เป็น แลว้ จึงเฉลยคาํ ตอบ 1. normal 2. seven 3. January 4. twenty 5. sunset 6. two 7. £2 8. twelve Booking a guided tour 1. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 26 Ex.2a (predicting) อ่านคาํ ถามท9ีกาํ หนดให้ และอธิบาย คาํ ศพั ทใ์ หม่ จากนOนั ใหเ้ วลานกั เรียนพิจารณาวา่ ประโยคคาํ ถามแต่ละประโยคที9ใหม้ า ใครเป็นผพู้ ดู ถา้ เป็นนกั ท่องเที9ยว ใหเ้ ขียน T ท9ีทา้ ยประโยคคาํ ถามดงั กล่าว ถา้ เป็นคนขายตวfั ใหเ้ ขียน TS ที9ทา้ ย ประโยค เสร็จแลว้ ครูตรวจคาํ ตอบของนกั เรียน How long does it last? T When would you like to go? TS Can I help you? TS Is there a tour at 3 o’clock? T How many people are you booking for? TS 2. ใหน้ กั เรียนทาํ Ex.2b (reading for specific information [dialogue completion]) ในหนงั สือเรียน หนา้ 26 โดยนาํ คาํ ถามจาก Ex.2a มาเติมลงในบทสนทนาใหส้ มบูรณ์ จากนOนั ใหน้ กั เรียน เปรียบเทียบคาํ ตอบกบั เพื9อน เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD1/Track 21 ใหน้ กั เรียนฟังเพ9ือตรวจคาํ ตอบ 1. Can I help you? 2. How many people are you booking for? 3. When would you like to go? 4. Is there a tour at 3 o’clock? 5. How long does it last? 3. ใหน้ กั เรียนดูโฆษณาในหนงั สือเรียน หนา้ 26 Ex.3 (role-playing) และถามคาํ ถามนกั เรียนดงั นOี Which places are they about? (London) Where are they? (England)

What are they advertising? (guided tours) How is each tour conducted? (By boat) What can you see during the tour? (sights of London along the River Thames) etc จากนOนั ใหน้ กั เรียนจบั คู่และเตรียมบทสนทนาท9ีคลา้ ยๆ กบั Ex.2b แต่ใหใ้ ชข้ อ้ มูลจากโฆษณาใน Ex.3 นOี เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนแสดงบทบาทสมมติบทสนทนานOี ครูเดินสงั เกตการแสดงบทบาท สมมติของนกั เรียน และสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาแสดงที9หนา้ ชOนั เรียน Suggested answer key: A: Good morning. Can I help you? B: Yes. I’d like to book some tickets for the city cruise, please. A: Certainly. How many people are you booking for? B: Just two adults – my friend and myself. A: When would you like to go? We have one starting in a half an hour. B: Actually, we wanted to go tomorrow morning. Is there a cruise at 11:30 tomorrow? A: No, but there’s one at 11 o’clock. B: That will be fine. How long does it last? A: An hour. Here are your tickets. That’s £19, please. B: Here you are. A: Thank you. Enjoy the cruise. Word formation ครูอ่านขอ้ มูลเกี9ยวกบั การใช้ prefix ท9ีใหไ้ วใ้ นกรอบ ในหนงั สือเรียน หนา้ 26 Ex.4 (forming adjectives with negative meaning) และอธิบายนกั เรียนวา่ prefixes เหล่านOี เมื9อนาํ ไปเติมหนา้ adjectives จะทาํ ใหม้ ีความหมายเปล9ียนไปในเชิงลบ จากนOนั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกวา่ มีคาํ /พยางคท์ 9ี นาํ มาเติมแลว้ ทาํ ใหค้ วามหมายของคาํ เปลี9ยนไปในเชิงลบในภาษาไทยบา้ งหรือไม่ ถา้ นกั เรียนนึก ไม่ออก ครูยกตวั อยา่ ง เช่น กศุ ล-อกศุ ล เป็นตน้ ครูอ่านคาํ คุณศพั ท์ 1-5 และอธิบายความหมาย แลว้ ใหน้ กั เรียนเติม prefixes ท9ีกาํ หนดใหห้ นา้ คาํ เหล่านOีใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ใหเ้ ปิ ดพจนานุกรม เพ9ือตรวจคาํ ตอบ ครูเฉลยคาํ ตอบอีกครOังพร้อมกนั ต่อมาใหเ้ วลานกั เรียนนาํ คาํ ที9เติม prefixes เหล่านOี ไปแต่งประโยค แลว้ จึงสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน อ่านประโยคที9ตนเองแต่ง 1. unfriendly 2. uncomfortable 3. inconvenient 4. misinformed 5. overpopulated

Suggested answer key: 1. I don’t know why he is so unfriendly to me. 2. This is the most uncomfortable chair I have ever sat in. 3. I hope I haven’t caught you at an inconvenient time. 4. I think you were misinformed. The train doesn’t leave till six. 5. The world is overpopulated and something has to be done about it. Speaking 1. ใหน้ กั เรียนดูสาํ นวนภาษาเก9ียวกบั การแสดงความไม่พอใจและการขอรายละเอียดเก9ียวกบั ปัญหาที9 เกิดขOึนในตารางและโนต้ (notes) ในหนงั สือเรียน หนา้ 26 Ex.5 (expressing dissatisfaction/asking for details) แลว้ อธิบายความหมายของคาํ ศพั ทใ์ หม่ ครูใหน้ กั เรียนเติมสาํ นวนในตารางใหเ้ ป็น ประโยคท9ีสมบูรณ์ จากนOนั ใหเ้ วลานกั เรียนทาํ งานคู่ แต่งบทสนทนาโดยใชส้ าํ นวนและโนต้ ท9ีใหม้ า ครูติดตามการทาํ งานของนกั เรียน แลว้ จึงสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาแสดงบทสนทนาท9ีหนา้ ชOนั เรียน Suggested answer key: B: What was wrong with them? A: I didn’t like the hotel staff. A: They were rude and unfriendly. A: The coach trip was not what I had in mind. B: What do you mean? A: It was long and uncomfortable. A: The hotel was not good enough. B: What was the problem? A: It was old-fashioned and dirty. A: I wasn’t happy with the sightseeing tour. B: What was wrong with it? A: It was expensive and it only lasted 30 minutes. A: I didn’t like the camping holiday. B: What do you mean? A: The weather was awful and the campsite was crowded. 2. ใหน้ กั เรียนทาํ Ex.6 (reviewing) ในหนงั สือเรียน หนา้ 26 โดยใหเ้ วลานกั เรียน 2-3 นาที ทบทวน สิ9งท9ีเรียนในบทเรียนนOี จากนOนั ใหน้ กั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน และจบั คู่สนทนากบั เพื9อนเกี9ยวกบั ส9ิงที9 เรียนในบทเรียนนOี ครูเดินรอบๆ ชOนั เรียน เพ9ือติดตามการทาํ งานของนกั เรียน แลว้ จึงสุ่มเรียกนกั เรียน 3-5 คู่ ออกมานาํ เสนอใหเ้ พื9อนๆ ฟังหนา้ ชOนั เรียน

(Students’ own answers) แบบฝึ กหัด หนา้ 22 Exs.1-2 (ดูเฉลยภาคผนวก C) 6. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เคร-ืองมือ เกณฑ์ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝึ กหดั แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการแสดงบทสนทนาเกี2ยวกบั บทบาทสมมติ การพดู แสดงความไม่พอใจและขอ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายละเอียดเก2ียวกบั ปัญหาที2เกิดข0ึน แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึง ประเมินพฤติกรรมบ่งช0ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ ประสงค์ และมุ่งมน2ั ในการทาํ งาน

Unit 3e Writing 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี3วดั มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/1, ต 1.1 ม.4-6/4 มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/4 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า • Language features and functions Grammar: คาํ เช9ือม (link similar ideas, show time, show cause/effect) • Language skills Listening: การฟังเพ9ือเรียงลาํ ดบั เหตุการณ์ Reading: การอ่านเร9ืองเล่า (Skill - reading for general understanding) Writing: การเขียนเรื9องเล่า 3. ทกั ษะการคดิ 3.1 ทกั ษะการสืDอสาร - ฝึกทกั ษะการฟัง การอ่าน และการเขียนภาษาองั กฤษ 3.2 ทกั ษะการวเิ คราะห์ - วเิ คราะห์เรื9องท9ีอ่าน แลว้ เรียงลาํ ดบั และสรุปเหตุการณ์ 3.3 ทกั ษะกระบวนการคดิ สร้างสรรค์ - เขียนเรื9องราวโดยจาํ ลองสถานการณ์ขOึนไดอ้ ยา่ งน่าสนใจ 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4.2 มุ่งมนั9 ในการทาํ งาน 4.1 ใฝ่ เรียนรู้ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ครูแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ ใน Unit 3e นOี นกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้เก9ียวกบั การเขียนเรื9องเล่า (writing a story) การใช้ linking words การกาํ หนดฉากของเร9ือง และการเขียนเคา้ โครงเร9ือง

Getting started ใหน้ กั เรียนคิดถึงเร9ืองต่างๆ ท9ีนกั เรียนเคยอ่าน เช่น The Call of the Wild เป็นตน้ จากนOนั ครูถาม นกั เรียนวา่ What type is each? ครูรวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียนและเขียนลงในแผนผงั บนกระดาน detective mystery romance comedy STORIES science fiction adventure จากนOนั ใหน้ กั เรียนในชOนั เรียนทาํ Ex.1 (talking about stories) ในหนงั สือเรียน หนา้ 27 ร่วมกนั อภิปรายเก9ียวกบั ประเภทของเรื9องราวท9ีชอบ พร้อมทOงั ใหเ้ หตุผลในการตอบ (Students’ own answer) Let’s look closer 1. ใหน้ กั เรียนอ่านช9ือเรื9องของบทอ่านในหนงั สือเรียน หนา้ 27 Ex.2 (reading for general understanding) และช่วยกนั คิดวา่ บทอ่านน่าจะมีเนOือหาเกี9ยวกบั อะไร เป็นเร9ืองราวประเภทไหน จากนOนั จึงใหน้ กั เรียนอ่านบทอ่านอีกครOัง เพ9ือเรียงลาํ ดบั ยอ่ หนา้ ใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD1/Track 22 ใหน้ กั เรียนฟัง เพ9ือตรวจคาํ ตอบ แลว้ จึงเฉลยคาํ ตอบอีกครOัง The story is about something dangerous that happened while somebody was on a safari. Paragraph 1: 3 Paragraph 2: 4 Paragraph 3: 1 Paragraph 4: 2 2. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 27 Ex.3 (analysing a story) และใหเ้ วลานกั เรียนเขียน รายการเหตุการณ์ที9เกิดขOึนทOงั หมดในเนOือเรื9องลงในสมุดของตนเอง จากนOนั ใหน้ กั เรียนจบั คู่ เปรียบเทียบคาํ ตอบกบั เพื9อน ครูเดินตรวจคาํ ตอบของนกั เรียน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook