Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนรวม เทอม 1-ส่วนหน้า

แผนรวม เทอม 1-ส่วนหน้า

Published by Guset User, 2022-08-25 08:19:13

Description: แผนรวม เทอม 1-ส่วนหน้า

Search

Read the Text Version

4. ให้นกั เรียนทํา Ex.3 (revising present simple – present continuous for future) ในหนังสือ เรยี น หนา้ 8 โดยครูเขยี นประโยคตอ่ ไปนบี้ นกระดาน The film starts at 9:00. The train leaves at 6:00. I’m seeing Tony tonight. ครูกระต้นุ ถามนกั เรยี นจนได้คาํ ตอบวา่ เราจะใช้ประโยค present simple กับกาํ หนดการเดนิ ทาง (itineraries) หรอื ตารางเวลา (timetables) ขณะที่จะใช้ present continuous กับแผนการใน อนาคต ทีก่ ําหนดไว้แนน่ อนแลว้ (fixed future arrangements) จากน้นั ใหน้ ักเรียน 2 คน อา่ นตวั อยา่ งบทสนทนาทใ่ี ห้มาในหนงั สอื เรียน และใหน้ กั เรียนช่วยกันระบวุ า่ ในบทสนทนาดังกลา่ ว คาํ ใดทแ่ี สดงว่าเปน็ timetables (starts) และอยู่ในรปู tense ใด (present simple) และคําใด แสดงวา่ เป็น future arrangement (are meeting) และอยู่ในรูป tense ใด (present continuous) ตอ่ มาให้นักเรียนดภู าพกระดาษโน้ตทง้ั 3 ใบ เพือ่ นาํ มาเป็นข้อมลู ในการสนทนาสัน้ ๆ เหมอื นดังตวั อย่าง ครูเดินสังเกตขณะนกั เรยี นทาํ กจิ กรรม และสุ่มเรียกนักเรยี นบางค่อู อกมาแสดง บทสนทนาหน้าช้ันเรยี น A: What time does the tour start? B: It starts at 6:00, so we are leaving the hotel at 5:15. A: What time does your flight depart? B: It departs at 8:45, so we are leaving for the airport at 6:00. Already/Just/Yet/Ever/Never 1. ให้นักเรยี นทํา Ex.4 (practising already, yet, just with present perfect) ในหนงั สือเรียน หนา้ 9 โดยครูให้นักเรียนปิดหนงั สอื เรียน แลว้ เขียนประโยคต่อไปนบ้ี นกระดาน I’ve already done my homework. (แล้ว) I’ve just had a shower. (เพ่ิงจะ) I haven’t tidied my room yet. (ยัง) Have you ever seen an elephant? (เคย) I’ve never driven a car. (ไม่เคย) ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกันบอกความหมายและการใชข้ องคําท่ีขีดเส้นใต้ในประโยคบนกระดาน จากนน้ั ให้ นักเรยี นเปิดหนังสอื เรียน ครอู ธิบายภาระงาน Ex.4 ว่าให้นกั เรียนแต่งประโยคเพ่อื ตอบคําถามวา่ ใน วนั นน้ั อะไรบา้ งทนี่ กั เรียนได้ทาํ ไปแล้ว/เพิง่ จะทาํ /ยังไมไ่ ด้ทาํ (What have you already/just/not yet done?) ครูอา่ นประโยคตัวอยา่ งที่ให้มา และอธบิ ายการใช้ already, yet และ just แล้วจงึ ให้ นกั เรยี นจบั คกู่ ันทํางาน โดยอนุญาตให้นกั เรียนใชว้ ลจี าก Ex.2 ได้

Suggested answer key: I haven’t cooked dinner yet. I’ve already walked the dog. I’ve just made my bed. 2. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สอื เรียน หน้า 9 Ex.5a (practicing ever/never with present perfect) และอ่านวลที ่ีใหม้ า พรอ้ มกับอธิบายคําศพั ท์ใหม่ เชน่ อธบิ ายวา่ Caviar is the salted eggs of a fish. Caviar is quite expensive and is considered to be a luxury. ครูเลอื กนกั เรยี น 2 คน ใหอ้ า่ นตัวอยา่ งบทสนทนา และชใี้ ห้นักเรยี นเห็นว่า never จะอยู่หลัง กริยานเุ คราะห์ (auxiliary) และก่อนกริยาชอ่ ง 3 จากน้นั ใหน้ กั เรียนจับคู่สนทนากัน เสร็จแลว้ นักเรียนออกมาแสดงบทสนทนาดังกลา่ วหน้าชั้น Suggested answer key: A: Have you ever made a snowman? B: No, I haven’t. / Yes, I have. A: Have you ever ridden a horse? B: No, I haven’t. / Yes, I have. etc 3. ให้นกั เรยี นทาํ Ex.5b โดยออกมาพูดหน้าชั้นเก่ียวกบั ส่งิ ทเ่ี พอื่ นไม่เคยทาํ โดยใชข้ ้อมลู จาก Ex.5a Suggested answer key: Sarah has never spoken to a famous person. Sarah has never eaten caviar. Present perfect continuous 1. ครูเขยี นประโยคและเสน้ เวลา (time line) ตอ่ ไปน้ีบนกระดาน I’ve been working as a teacher sine 1990. 1990 now ครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันอธิบายว่า present perfect continuous ใชอ้ ยา่ งไร จนได้คําตอบวา่ บรรยาย เหตกุ ารณซ์ ึ่งเรมิ่ ต้นในอดตี และยงั ดาํ เนินต่อเน่ืองมาจนถงึ ปัจจุบัน จากน้ันให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอก โครงสรา้ งประโยค (have/has + been + verb-ing) ตอ่ มาครูเขียนประโยคต่อไปนบ้ี นกระดาน I’ve worked as a teacher since 1990.

และให้นักเรียนเปรยี บเทยี บประโยคนี้กับประโยคแรกบนกระดาน แลว้ ระบวุ ่ากรยิ าในโครงสร้างใดที่ เนน้ ระยะเวลา (duration) เมอ่ื ไดค้ าํ ตอบว่า present perfect continuous เป็นโครงสร้างประโยค ทแ่ี สดงให้เหน็ ถงึ ระยะเวลาของเหตกุ ารณท์ ีก่ าํ ลังดําเนนิ อยู่ ครอู าจให้นกั เรียนศึกษาข้อมูลเพมิ่ เติมใน Grammar reference ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 107 ครูเขยี นตัวอย่างประโยคในหนังสือเรยี น หนา้ 9 Ex.6 (presenting and practising the present perfect continuous) บนกระดาน และใหน้ ักเรยี นช่วยกันบอกโครงสรา้ งประโยคของ present perfect continuous และการใช้ for/since ครูใหน้ กั เรียนฝกึ ฝนการใช้ for และ since ด้วยการพดู วลีตอ่ ไปน้ี October, I was ten, three hours, last winter แล้วให้นักเรียนชว่ ยกันระบุว่าวลดี งั กล่าว ต้องใช้ร่วมกับ for หรือ since เชน่ T: October Ss: Since October. T: Twenty minutes Ss: For twenty minutes. จากนัน้ ใหน้ ักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างประโยคท่ใี ช้ for และ since เพิม่ เตมิ เช่น They’ve been working in the garden for two hours. They’ve been working in the garden since 9 o’clock. แล้วจึงให้นักเรยี นตอบคําถาม 1-3 ใน Ex.6 1. have/has + been +verb -ing 2. for: something that began in the past (we don’t know exactly when) and it is still going on; since: something that began in the past (we know when) and it is still going on. 3. How long has she been working for him? 2. ให้นักเรยี นดูตัวอยา่ งประโยคในหนังสอื เรยี น หน้า 9 Ex.7 (practising since/for) แลว้ จงึ ใหเ้ วลา นกั เรยี นแต่งประโยคเกีย่ วกับตัวเองและครอบครัวตามความเป็นจริง โดยใช้คํากรยิ าทกี่ ําหนดให้ รว่ มกับการใช้ since หรือ for Stative verbs 1. ครูเขียนประโยคตอ่ ไปนบ้ี นกระดาน I like pop music. ขดี เส้นใต้คํากรยิ า และถามคาํ ถามนกั เรียน ดังน้ี T: Does the verb describe an action (การกระทํา) or a state (สภาพหรอื สภาวะ)? S: A state. T: Can I say: I’m liking pop music? S: No.

ครอู ธิบายวา่ like เปน็ stative verb (คาํ กรยิ าท่แี สดงสภาพ/สภาวะ มากกวา่ การกระทํา) จึงไมม่ ีรูป continuous จากนัน้ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันบอก stative verbs คําอ่นื ๆ เชน่ love, hate, forget, want ทงั้ น้ี นกั เรียนสามารถศึกษารายละเอยี ดเพ่ิมเตมิ จาก Grammar reference ใน หนังสอื เรียน หนา้ 106 ต่อมาครูให้นกั เรียนอา่ นข้อมูลในกรอบในหนังสือเรยี น หนา้ 9 Ex.8 (revising stative verbs) ซงึ่ บอก นิยามและกฎการใช้ stative verbs และใหน้ ักเรียนอ่านประโยค a และ b ในข้อ 1 และตัวอยา่ ง คําตอบทใ่ี หม้ า เพ่อื ใหน้ ักเรียนเห็นตวั อย่างของการเปลีย่ นแปลงความหมายของคํากริยา like ซึ่งเปน็ stative verbs เมื่ออย่ใู นรปู continuous จากนัน้ จึงให้นกั เรียนจบั คู่กนั ทาํ แบบฝกึ ขอ้ ทีเ่ หลือ ครู ติดตาม การทาํ งานของนักเรียน แล้วเฉลยคําตอบดว้ ยการใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคู่อา่ นคําตอบ ของตนเอง เสร็จแล้วใหเ้ วลานกั เรยี นแต่งประโยคของตนเอง 1. a (is) b (searching for) 2. a (is) b (is sick) 4. a (believe) b (consider) 3. a (possesses) b (is taking) 5. a (has a good taste) b (trying) 2. ครูและนักเรยี นทาํ Ex.9 (practising present tenses) ในหนงั สอื เรียน หน้า 9 ข้อแรกปากเปลา่ ร่วมกัน เพือ่ เป็นตวั อยา่ ง แลว้ จงึ ใหเ้ วลานกั เรียนทาํ ขอ้ ท่เี หลอื ดว้ ยตนเอง โดยทาํ เป็นคู่ เสรจ็ แล้วสมุ่ เรยี กนกั เรียนให้รายงานคําตอบ พร้อมท้ังใหน้ กั เรยี นอธิบายเหตุผลประกอบด้วย 3. 1. Have you seen/ I haven’t talked 2. are you tasting/ smells/has 3. are you going/ Do you want 4. look/ have been working 5. does Tony live/ is staying 6. Are you coming/ am flying/ leaves Sentence transformations 1. ครูอ่านคาํ สัง่ ในหนงั สือเรยี น หนา้ 9 Ex.10 (practising sentence transformations) ครูยาํ้ กบั นักเรียนวา่ ใหน้ กั เรยี นเติมคําในประโยคที่ 2 ไดไ้ มเ่ กนิ 3 คาํ และต้องทําให้ประโยคท่ี 2 มคี วามหมาย เหมือนกับประโยคแรก ครูและนักเรียนศึกษาตัวอย่างคาํ ตอบท่ีใหม้ าในขอ้ 1 ร่วมกนั เพอ่ื เป็นตวั อยา่ ง แลว้ จงึ ใหน้ กั เรียนทําขอ้ ท่เี หลอื ด้วยตนเอง เสร็จแลว้ เฉลยคําตอบพร้อมกนั บนกระดาน like doing 2. take out the 3. twice a 4. haven’t tidied 5. mopping the

6.บนั ทึกผลหลงั การสอน 6.1 ด8านความรู8 (K) นักเรียน ม.5/1 ท้ังหมดมีความเข8าใจในบทเรียนเปcนอยSางดี นักเรียนชั้น ม.5/2 สSวนใหญS มากกวSา 90% มีความเขา8 ใจในบทเรยี น นกั เรยี นช้ัน ม.5/7ประมาณ 70% มีความเข8าใจในบทเรียน และนักเรียนชั้น ม.5/11 โดยประมาณ 60% มีความเข8าใจในบทเรียนโดยสามารถวัดจากผลของการทำกิจกรรม โดยวัดจาก คะแนนของแบบทดสอบทีน่ ักเรียนทำ ด8านทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรียนในแตลS ะห8องมที กั ษะการคิดและการส่ือสาร โดยสามารถใชห8 ลกั ทางภาษาทีเ่ รียนในการทำ กิจกรรมในห8องเรยี นได8เปcนอยาS งดคี ดิ เปนc ร8อยละ 60% สามารถใช8ภาษาสือ่ สารในการทำกจิ กรรมตSาง ๆ ใน ห8องเรียนได8เปนc อยาS งดี ดา8 นคุณลักษณะ (A) นักเรยี นมคี วามรูค8 วามเข8าใจเกี่ยวกบั ความแตกตาS งทางดา8 นของภาษาหลักภาษาและวัฒนธรรมของ ภาษาองั กฤษรวS มมือกนั คิดวิเคราะหFการแก8ไขปญl หาในกจิ กรรมการเรยี นร8ูทคี่ รไู ดส8 อดแทรกวัฒนธรรมท่ี แตกตSางใหน8 ักเรยี นได8ฝกn และเรียนรู8 6.2 ปlญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก8ไข นักเรยี นบางคนท่ียังไมเS ข8าใจในบทเรยี นกอS นหน8าน้ที ำให8ไมสS ามารถทำกจิ กรรมได8อยาS งราบรื่นเพราะมี ความไมSเข8าใจในความสัมพนั ธFระหวาS งบทเรียนกอS นหน8าน้ี ทีส่ Sงผลใหเ8 กิดความรคู8 วามเข8าใจในบทเรยี นใน ปlจจุบนั 6.3 ข8อเสนอแนะ ควรมกี ารสอนเสริมให8กับนกั เรียนท่ยี งั ไมเS ข8าใจในบทเรยี นกอS นหน8านห้ี รือบทเรียนในปจl จุบันเพื่อจะทำ ให8นกั เรียนเรยี นตามทนั เพอ่ื น ๆ ในห8องและการเรยี นการสอนจะไดม8 ีประสิทธภิ าพมากข้นึ ลงชือ่ .............................................ครผู ู8สอน (นายทักษณิ ชูชงั่ ) 7. ขอ/ เสนอแนะของครผู ู/นเิ ทศ/ผท/ู ่ไี ดร/ ับมอบหมาย

ข\"อคดิ เหน็ /ข\"อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………............................................................................................................................................... ลงชือ่ .............................................ครผู นู/ เิ ทศ (..................................................) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………….......................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................หวั หน/ากลุ(มสาระฯ ( นางมัณตรีณี ยงั ถนิ ) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………........................................................................................................................................ ลงชอื่ ............................................. (นางเรณู ร(มโพธ)์ิ รองผอู/ ำนวยการ กล(มุ บริหารงานวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………....................................................................................................................................... ลงชอ่ื ............................................. (นายชาครสิ ภ(ูงาม) ผู/อำนวยการโรงเรยี นสงิ หบY ุรี

รหัสวิชา อ32101 ช่อื รายวิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน กลุ1มสาระการเรยี นรภู8 าษาตา่ งประเทศ ภาคเรยี นท่ี 1 ป>การศกึ ษา 2565 จำนวน 5 ชั่วโมง หน1วยการเรยี นรทู8 ่ี 1 เรอื่ ง Our world/ Neighbors ครูผู8สอน นายทกั ษิณ ชชู งั่ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แผนการจดั การเรียนรู8ท.่ี ....4.... เรอ่ื ง Listening & Speaking skills 1.เปVาหมายการเรียนร8ู 1.1มาตรฐานการเรียนรู/8 ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู8 มาตรฐาน ต 1.1 มาตรฐาน ต 1.2 มาตรฐาน ต 2.1 มาตรฐาน ต 4.1 ตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นร8ู มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/2, ต 1.1 ม.4-6/4 มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม.4-6/1-3 มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม.4-6/1 1.2 จดุ ประสงคกF ารเรยี นร8ู • Language features and functions Vocabulary: คาํ คุณศัพทบ์ รรยายลกั ษณะรปู ร่างของบุคคล, วลีทใ่ี ช้ในการเขา้ สงั คม Function: การบรรยายลกั ษณะรปู ร่างของบคุ คล, การแนะนาํ ตวั เองและผอู้ ่ืน Pronunciation: การแสดงความชน่ื ชม (expressing admiration) • Language skills Listening: การฟงั บทสนทนาสน้ั ๆ แบบไม่เป็นทางการ (ฟังและเลือกภาพใหถ้ ูกต้อง) (Skill – listening for specific information) Speaking: การพดู บรรยายลกั ษณะรปู ร่าง, การพดู แนะนําตัวเองและผ้อู ่นื Reading: การอา่ นบทสนทนาทีเ่ กดิ ขึ้นในงานเลี้ยง (Skill – reading for detailed comprehension • Culture: การพูดแนะนําผอู้ น่ื 1.3 สาระสำคญั (เปนc แกนS ความรู8โดยเขียนเปcนหวั ขอ8 ยSอย หรอื ความเรียง ให8ชดั เจน กะทกั รัด) ฝึกทกั ษะการฟงั การพูด และการอา่ นภาษาองั กฤษสังเกตหลกั การออกเสยี งประโยคแสดง ความชื่นชม

1.4 สาระการเรียนร8ู การฟังบทสนทนาสนั้ ๆ แบบไมเ่ ป็นทางการ (ฟงั และเลอื กภาพใหถ้ กู ต้อง)การพดู บรรยายลักษณะ รปู ร่าง, การพูดแนะนาํ ตวั เองและผู้อ่นื การอ่านบทสนทนาทีเ่ กดิ ข้นึ ในงานเลี้ยง การพูดแนะนําผ้อู ืน่ 1.5 สมรรถนะสำคญั ของผูเ8 รียน (ใหเ/ ลือกเขยี นเฉพาะหวั ขอ/ ทสี่ อดคลอ/ งกับกจิ กรรมการเรียนในแตล( ะหน(วยและตอ/ ง ประเมนิ ไดจ/ ริง) (1) ความสามารถในการสือ่ สาร (2) ความสามารถในการคิด (3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต (5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 1.6 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคF (ใหเ/ ลอื กเขยี นเฉพาะหวั ขอ/ ท่ีสอดคลอ/ งกบั กิจกรรมการเรียนในแตล( ะหนว( ยและตอ/ ง ประเมนิ ไดจ/ ริง) (1) ซ่ือสตั ย์สจุ รติ (2) ใฝ่เรยี นรู้ (3) มุง่ ม่ันในการทํางาน 1.7 ทกั ษะการอSาน คิด วิเคราะหแF ละเขียน ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. 1.8 สาระการเรยี นรูส8 กSู ารบรู ณาการ r เศรษฐกิจพอเพียง r หน8าทีพ่ ลเมอื ง r ประชาธปิ ไตย r การอนุรกั ษFทรัพยากรธรรมชาติ พลงั งาน และสง่ิ แวดลอ8 ม r คSานยิ มหลักคนไทย 12 ประการ r หลกั สูตรตา8 นทุจริต r จดุ เน8นโรงเรียนมาตรฐานสากล r ................................................................................ 1.8 สาระการเรียนร8สู กูS ารบูรณาการ r หน8าท่ีพลเมอื ง r เศรษฐกิจพอเพียง r ประชาธิปไตย r การอนรุ ักษFทรพั ยากรธรรมชาติ พลงั งาน และส่ิงแวดล8อม

r คSานิยมหลักคนไทย 12 ประการ r หลกั สูตรต8านทจุ ริต r จดุ เนน8 โรงเรยี นมาตรฐานสากล r ................................................................................ 2.หลักฐานการเรียนร8ู 2.1ช้ินงาน/ภาระงาน ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. 2.2 การวัดและประเมนิ ผล(หมายถงึ หลักฐาน/รอ( งรอยท่แี สดงถงึ ความรู/ของนักเรยี น) 2.2.1 การวัดและประเมินผลระหวSางการจดั การเรยี นร8ู (คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค)F คณุ ลักษณะอันพงึ ภาระงาน/ วิธีการประเมนิ เครื่องมือ เกณฑZทใ่ี ชป8 ระเมิน ผ8ปู ระเมนิ ประสงคZ ชิ้นงาน ตรวจ แบบฝกึ หดั รอ้ ยละ 60 ผา่ น แบบฝกึ หดั (Workbook) เกณฑ์ เกณฑกF ารประเมนิ รอ8 ยละ .............. เกณฑกF ารตัดสนิ .............. 2.2.2การวัดและประเมินผลเม่อื สิน้ สุดกิจกรรมการเรียนรู8 จุดประสงคZ ภาระงาน/ วิธีการประเมนิ เคร่อื งมอื เกณฑทZ ่ีใชป8 ระเมนิ ผ8ปู ระเมิน การเรยี นรู8 ชนิ้ งาน ประเมิน ประเมิน แบบประเมิน ระดับคณุ ภาพ 2 พฤติกรรมบ่งช้ี คุณลกั ษณะอนั คณุ ลักษณะอัน ผา่ นเกณฑ์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ พึงประสงค์ พึงประสงค์ และมุ่งม่ันใน การทาํ งาน เกณฑFการประเมนิ ร8อยละ .............. เกณฑกF ารตดั สนิ .............. การแปลความหมาย ระดับ 4 หมายถึง มีระดับคุณภาพดมี าก ระดับ 3 หมายถงึ มรี ะดบั คณุ ภาพดี ระดับ 2 หมายถึง มีระดบั คุณภาพพอใช8 ระดบั 1 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพปรบั ปรงุ

3. การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน (ใหเ/ นน/ ผเ/ู รียนเปน$ สำคญั ด/วยวธิ กี ารสอน เทคนิคการสอน กระบวนการสอนที่ หลากหลายเหมาะสมกับรายวิชา) ครแู จง้ ให้นักเรียนทราบวา่ Unit 1d ซึง่ เน้นฝึกทักษะการฟังและการพดู นกั เรยี นจะไดฝ้ ึกฝนการพดู บรรยายรปู รา่ งลักษณะของบุคคล (describing people’s appearance) การพดู แนะนาํ ตวั เองและ ผอู้ ่นื (introducing oneself & others) วลีทใ่ี ชใ้ นการเขา้ สงั คม (social expressions) และการแสดง ความรู้สกึ ชน่ื ชม (expressing admiration) Describing people ใหน้ กั เรียนศึกษาโครงสร้างประโยคทก่ี ําหนดให้ ในหนังสอื เรยี น หนา้ 10 Ex.1 (presenting & practising vocabulary used for describing people) ครูอธบิ ายคาํ ศพั ท์ใหม่ จากนนั้ ครูตดิ ภาพ ดารา ทีม่ ีช่ือเสียง และให้นักเรียนช่วยกันพูดบรรยายลักษณะ เช่น Angelina Jolie (June 4, 1975) has got long straight brown hair. She is tall and thin. She’s in her mid thirties. Bruce Willis (March 19, 1955) is bald. He is tall and plump. He’s in his mid fifties. Johnny Depp (June 9, 1963) has got short wavy brown hair, a moustache and a beard. He is thin and tall. He’s in his late forties. ต่อมาครูใหเ้ วลานักเรียนใช้โครงสรา้ งประโยคท่กี ําหนดให้แต่งประโยคบรรยายลกั ษณะบุคคลใน ครอบครัวของตนเอง เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 4-5 คน ใหอ้ อกมานําเสนอทหี่ นา้ ช้นั เรียน เชน่ My father is tall and slim with short black hair. He’s in his mid forties. He’s got glasses and a beard. Introducing ourselves/others 1. ครูอ่านประโยค 1-9 ในหนังสอื เรยี น หน้า 10 Ex.2 (practicing language for introducing ourselves/others) และอธบิ ายความหมายของคําศัพท์ใหม่ ตอ่ มาครูกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นระบวุ า่ ประโยคใดเปน็ ประโยคแนะนาํ ตัวเราเอง และประโยคแนะนาํ ตวั ผอู้ ื่น เสร็จแลว้ จงึ เฉลยคาํ ตอบ ร่วมกนั

Suggested answer key: Introduce others: 3, 5, 9 Introduce ourselves: 1, 2, 4, 6, 7, 8 ทกั ษะชีวติ (Life skills) การพดู แนะนาํ ตนเองหรอื ผ้อู ื่น ถอื เป็นความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ ย่างหน่งึ เพราะเราจาํ เป็นตอ้ ง ทํางานและอยรู่ ว่ มกบั ผ้อู นื่ ในสังคม การรู้จักวธิ ีปฏิบัติตน รจู้ ักการใช้ภาษา วาจา ท่าทางให้เหมาะสม กบั บคุ คลและโอกาสตามมารยาทสงั คมจงึ เปน็ เร่ืองที่สําคญั Culture: การพดู แนะนาํ ผอู้ ื่น (Introducing others) - พูดแนะนําคนที่อายนุ ้อยกว่าให้รูจ้ ักกับคนทีม่ ีอายุมากกว่า เชน่ “Grandma, please meet Alicia and Carlos Sanchez, my neighbors.” - พูดแนะนําคนทีม่ ฐี านะทางสงั คมต่ํากว่าตอ่ คนท่มี ฐี านะทางสงั คมสงู กว่า เช่น “Jane Doe, this is John Smith, our new staff member. Jane Doe is our CFO.” - ถ้าบุคคลท้ัง 2 มอี ายุและฐานะทางสงั คมใกล้เคยี งกัน ใหแ้ นะนาํ บคุ คลท่ีตนเองร้จู ักหรือ สนทิ สนมมากกว่ากับอีกบคุ คลหนึง่ - ในการพดู แนะนํา ตอ้ งเอย่ ช่ือของบคุ คลทสี่ ําคญั ที่สุดกอ่ น (คนทอ่ี ายุมากกวา่ หรอื คนที่มีฐานะทาง สงั คมสูงกว่า) แล้วจึงพดู แนะนําบุคคลทีส่ ําคญั น้อยกวา่ “Mr. Cooper, I’d like to introduce my friend Roy. He’s my roommate in college.” - ถา้ เป็นบุคคลท่ีต่างเพศกนั ให้แนะนําเพศชายก่อน Amanda, this is Jake Nelson who has been helping me study for the bar.” (ท่ีมา: http://www.advancedetiquette.com/newsletter/july_issue.htm) 2. ให้ นั ก เรีย น ดู บ ท ส น ท น าใน ห นั งสื อ เรีย น ห น้ า 10 Ex.3 (listening for specific information) ครูอธิบายภาระงานว่าให้นักเรียนเติมช่องว่างในบทสนทนาด้วยประโยคจาก Ex.2 จากน้ัน ให้เวลานักเรียนในการทํางาน เม่ือนักเรียนทํางานเสร็จแล้ว ให้จับคู่กันเพ่ือตรวจคําตอบของกันและกัน เสร็จแล้วครูเปิด CD1/Track 3 ให้นักเรียนฟังเพ่ือตรวจคําตอบอีกคร้ัง แล้วสุ่มเรียกนักเรียนหลายๆ คู่ ให้อา่ นบทสนทนาทีเ่ ติมคาํ สมบูรณแ์ ล้ว

กิจกรรมเพมิ่ เติม: ครเู ขยี นข้อความตอ่ ไปนบ้ี นกระดาน husband and wife Mr Smith and Mrs Smith Jane and Max strangers Max and Bob neighbours Bob and Mr Smith co-workers Jane and Mr Smith employer and employee แล้วใหน้ กั เรียนอา่ นบทสนทนาทเี่ ติมคําสมบูรณ์แล้ว เพ่ือจบั คู่บุคคลกบั ความสมั พันธ์ที่ใหม้ า Relationships between people: Mr Smith and Mrs Smith: husband and wife Jane and Max: neighbours Max and Bob: co-workers Bob and Mr Smith: employer and Jane and Mr Smith: strangers employee 3. ให้นักเรียนทํา Ex.4 (practising introducing ourselves/others) ในหนงั สือเรียน หนา้ 10 โดยแบง่ นกั เรยี นเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 4 คน ครเู ขียนคาํ ถามตอ่ ไปนี้ Who is having a party? Where are they? (e.g. garden) How are the guests related to the host? (friends, relatives, neighbours, etc.) Do the guests know each other? (some yes, some no) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มแบง่ บทบาทกนั และเตรยี มบทสนทนาเกีย่ วกับการแนะนาํ ตวั เองและผู้อ่นื ใน งานเล้ียง โดยใชว้ ลจี าก Ex.2 และสามารถใชบ้ ทสนทนาใน Ex.3 เป็นตน้ แบบได้ แตค่ วรมีการ ดดั แปลงข้อมูลให้เหมาะสม เมอ่ื นกั เรยี นแต่ละกลุม่ เตรยี มตวั เสรจ็ แลว้ ครใู ห้นักเรยี นออกมาแสดงบท สนทนาทลี ะกลมุ่ หน้าชั้นเรยี น ครูแนะนาํ นักเรียนวา่ ควรแสดงทา่ ทางและใช้น้ําเสียงใหเ้ ป็นธรรมชาติ ใชท้ ่าทางและนํ้าเสียงในการแสดงความรู้สกึ และในการอทุ าน เชน่ Oh!, Oh no! Suggested answer key: Ann: Hi, Tony! Great party. Tony: Oh, hi Ann. Yes, it is. Ann, meet Steve. We are in the same class. Steve, this is Ann, my cousin. Steve: Pleased to meet you, Ann. Ann: Nice to meet you too, Steve. Tony: Look. Mr and Mrs Smith are coming. They are our new neighbours.

Steve: Good evening, Mr Smith. Tony: Hello. Mr Smith, may I introduce Ann? She’s my cousin. Mr Smith: Hello Ann. Pleased to meet you. This is my wife, Helen. Mrs Smith: Nice to meet you, Ann. Ann: Nice to meet you, too. Let me introduce you to the other guests. Tony’s parents will join you in a minute. เมอ่ื นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ แสดงเสรจ็ แลว้ ครูควรสง่ เสริมและใหก้ ําลงั ใจนกั เรยี นด้วยการมอบรางวัลแก่ นักเรียนใหท้ วั่ ถงึ ทกุ กลมุ่ เพ่อื ใหน้ ักเรยี นเกิดความภาคภูมใิ จในตนเอง เช่น กลมุ่ ทเ่ี ตรียมอปุ กรณไ์ ดด้ ี ทีส่ ดุ กลมุ่ ที่แสดงได้สมบทบาทที่สุด กล่มุ ท่มี ีความคิดสร้างสรรคท์ ี่สดุ เปน็ ต้น กิจกรรมเพมิ่ เติม: ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มค้นควา้ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับสํานวนภาษาและกริ ยิ าทา่ ทางท่ี ใชใ้ นการทกั ทายทั้งแบบเป็นทางการและไม่เปน็ ทางการในประเทศองั กฤษหรือสหรฐั อเมรกิ า โดยอาจ ออกมาแสดงบทสนทนาสน้ั ๆ ประกอบการนําเสนอ ตวั อย่างเช่น A handshake is the most common form of greeting among the English and British people and is customary when you are introduced to somebody new. ครูอาจแนะนําแหลง่ ค้นควา้ ข้อมลู ใหก้ บั นักเรยี น เช่น www.projectbritain.com และคลิกท่ีหวั ข้อ Etiquette/Greetings Listening ครูชีแ้ จงวา่ นกั เรยี นจะไดฟ้ งั บทสนทนาส้นั ๆ 3 บท จากนั้นใหน้ ักเรยี นบอกว่าเหน็ อะไรบา้ งในภาพ แต่ละภาพท่ีกําหนดใหใ้ นหนงั สอื เรยี น หน้า 10 Ex.5 (listening for specific information) และ กระตนุ้ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั บอกคําศัพท์ที่เกย่ี วข้องกับภาพ ครอู ธิบายว่าการทาํ กิจกรรมเชน่ นี้ จะชว่ ย ทําให้นักเรียนเข้าใจส่ิงทจ่ี ะไดฟ้ งั ไดง้ า่ ยข้ึน เช่น ภาพ 1B: bald, friendly, funny, beard ภาพ 1A: bald, friendly, funny ภาพ 1C: short red hair, friendly, beard, moustache ครูเปิด CD1/Track 4 ใหน้ กั เรียนฟงั 1-2 ครั้ง แล้วจึงใหน้ ักเรียนเลือกภาพที่ถกู ต้อง เสรจ็ แลว้ ครู รวบรวมคําตอบจากนักเรยี นในห้องหลายๆ คน เพื่อตรวจคาํ ตอบ 1. C 2. A 3. B

Social expressions ให้นักเรียนสนใจประโยค 1-6 และ a-f ในหนงั สอื เรยี น หน้า 10 Ex.6 (listening for specific information) จากน้ันให้นกั เรยี นชว่ ยกนั อธบิ ายคําศพั ท์ยาก ครอู ธิบายภาระงาน แลว้ จงึ ให้นักเรียน จบั คปู่ ระโยค 1-6 กบั a-f เพื่อทําใหเ้ ปน็ บทสนทนาที่ถกู ตอ้ ง เมอ่ื นักเรยี นจับคู่เสร็จแล้ว ครูเปิด CD1/Track 5 ใหน้ กั เรียนฟัง เพ่ือตรวจคาํ ตอบ และเปดิ CD อกี คร้งั โดยหยุด CD เปน็ ระยะๆ แลว้ ขออาสาสมัครนกั เรียนหลายๆ คู่ อา่ นบทสนทนา โดยออกเสยี งสูง-ต่ําตามแบบทีไ่ ดฟ้ ัง 1. c 2. f 3. a 4. b 5. d 6. e Expressing admiration 1. ครแู ละนกั เรยี นศึกษา Study skills ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 10 ร่วมกัน • การพัฒนาการออกเสียงใหด้ ขี ึน้ (improving pronunciation) ให้ความสนใจกบั การออกเสียงเน้นหนกั -เบาในคําและการออกเสียงสูง-ต่าํ ในประโยค สิ่งนี้จะช่วยให้นักเรียนออกเสียงไดอ้ ย่างเป็นธรรมชาตมิ ากข้นึ 2. ครใู หน้ ักเรยี นชว่ ยกันตอบว่าทําไมจึงควรให้ความสาํ คัญกับการเนน้ เสยี งหนกั -เบาในคํา ในขณะที่ นกั เรยี นฝึกทกั ษะการพูด จากนั้นครอู ธิบายวา่ เพราะจะชว่ ยใหน้ ักเรยี นออกเสยี งได้ดีขนึ้ ครใู ห้เวลา นกั เรยี นศกึ ษาประโยคทีใ่ ห้มา ในหนงั สือเรียน หนา้ 10 Ex.7 (listening to improve pronunciation) แลว้ จงึ เปิด CD1/Track 6 โดยหยดุ CD หลังจบแต่ละประโยค เพือ่ ให้นักเรยี นสังเกตการออกเสยี ง ประโยคดังกลา่ ว ครูเปิด CD อกี 1-2 ครั้ง เพ่อื ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงตาม โดยครตู รวจวา่ นกั เรียนออก เสียงไดถ้ ูกตอ้ งหรอื ไม่ ต่อมาครูชีใ้ หน้ กั เรียนเหน็ วา่ 3 ประโยคแรกเป็นคําอทุ าน (exclamations) แล้ว ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั บอกโครงสร้างของคาํ อทุ านทัง้ 3 น้ี What + adjective + plural noun What + a/an + adjective + singular countable noun How + adjective ครูอธิบายว่า what สามารถใช้รว่ มกับคาํ นามนับไมไ่ ดด้ ว้ ยเหมอื นกนั เช่น What lovely weather! (= what + adjective + uncountable noun) สว่ น how นอกจากจะใชร้ ่วมกบั คาํ คณุ ศพั ทแ์ ลว้ ยังสามารถใชร้ ว่ มกบั คํากริยาวิเศษณไ์ ด้ เช่น How fast he runs! (= how + adverb) เสรจ็ แลว้ ให้นกั เรียนทํางานคู่ ช่วยกนั แตง่ ประโยคโดยใชโ้ ครงสรา้ งเหล่าน้ี

Suggested answer key: A: What a lovely T-shirt you are wearing! B: What beautiful hair! etc ครอู ธิบายเพ่มิ เตมิ ว่า ประโยคอุทาน (exclamation) มักจะลดเสียงลงต่ําเม่ือจบประโยคหรือทเี่ รยี กวา่ falling intonation เชน่ What a surprise! What a waste! How awful! How wonderful! ครูอาจเปดิ คลปิ การสอนเกีย่ วกับประโยคอุทาน (exclamation) หรอื แนะนําใหน้ ักเรยี นไปศกึ ษาด้วย ตนเองจาก www.engvid.com และในชอ่ ง search พิมพ์ exclamations in English ทกั ษะชีวติ (Life skills) การร้จู กั พูดแสดงความยินดีหรอื ช่นื ชมผูอ้ ่ืน ถอื เปน็ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิตอย่างหนงึ่ เพราะ เปน็ พฤติกรรมทแ่ี สดงออกถึงความรัก เออ้ื อาทร ซึ่งจะนําไปสกู่ ารทาํ งานและการอยูร่ ว่ มกันในสงั คม อยา่ งมคี วามสุข 3. ให้เวลานักเรียน 2-3 นาที ทบทวนบทเรยี น จากนั้นใหน้ ักเรยี นปิดหนังสอื เรียน และจบั คู่กันสนทนา เกี่ยวกับสิ่งท่ไี ดเ้ รียนรใู้ นบทเรยี นนี้ ครูตดิ ตามการทํางานของนักเรียน และสุม่ เลือกนกั เรยี น 3-5 คู่ ออกมานาํ เสนอหน้าชัน้ เรยี น (Students’ own answers) กิจกรรมเพิม่ เตมิ : ครูให้นักเรยี นฝกึ ฝนการออกเสียงภาษาอังกฤษท่ีมกั จะมีปญั หาสาํ หรับคนไทย เช่น voiced and voiceless “TH” sound โดยครอู อกเสยี งให้นกั เรียนดูเปน็ ตวั อย่าง พร้อมทง้ั พูด แนะนาํ วธิ ีการออกเสยี ง และให้นกั เรียนฝกึ พดู ตาม TH (voiceless): thank you, think, thought, something, nothing, healthy, Math, mouth, both, bath, breath, tooth I will eat anything healthy with my teeth.

6.บนั ทกึ ผลหลังการสอน 6.1 ด8านความรู8 (K) นักเรียน ม.5/1 ทั้งหมดมีความเข8าใจในบทเรียนเปcนอยSางดี นักเรียนชั้น ม.5/2 สSวนใหญS มากกวSา 90% มีความเข8าใจในบทเรยี น นกั เรยี นช้นั ม.5/7ประมาณ 70% มีความเข8าใจในบทเรียน และนักเรียนช้ัน ม.5/11 โดยประมาณ 60% มีความเข8าใจในบทเรียนโดยสามารถวัดจากผลของการทำกิจกรรม โดยวัดจาก คะแนนของแบบทดสอบท่ีนกั เรยี นทำ ด8านทักษะกระบวนการ (P) นักเรยี นในแตลS ะห8องมที ักษะการคิดและการสือ่ สาร โดยสามารถใช8หลกั ทางภาษาท่เี รยี นในการทำ กจิ กรรมในหอ8 งเรยี นได8เปcนอยาS งดีคิดเปcนร8อยละ 60% สามารถใช8ภาษาส่อื สารในการทำกจิ กรรมตาS ง ๆ ใน ห8องเรยี นได8เปcนอยSางดี ดา8 นคณุ ลกั ษณะ (A) นักเรียนมคี วามรู8ความเข8าใจเกีย่ วกบั ความแตกตาS งทางด8านของภาษาหลกั ภาษาและวฒั นธรรมของ ภาษาอังกฤษรวS มมือกนั คิดวิเคราะหFการแก8ไขปlญหาในกิจกรรมการเรยี นรูท8 คี่ รไู ดส8 อดแทรกวัฒนธรรมที่ แตกตาS งให8นักเรยี นได8ฝกn และเรียนรู8 6.2 ปlญหา/อุปสรรค/แนวทางแกไ8 ข นักเรยี นบางคนที่ยังไมเS ขา8 ใจในบทเรียนกSอนหน8านี้ทำให8ไมSสามารถทำกิจกรรมไดอ8 ยSางราบร่นื เพราะมี ความไมSเขา8 ใจในความสมั พนั ธรF ะหวาS งบทเรยี นกอS นหนา8 น้ี ทีส่ งS ผลใหเ8 กิดความรคู8 วามเข8าใจในบทเรียนใน ปจl จุบัน 6.3 ข8อเสนอแนะ ควรมกี ารสอนเสริมให8กบั นักเรียนที่ยงั ไมSเขา8 ใจในบทเรยี นกSอนหน8าน้หี รือบทเรียนในปlจจุบนั เพ่อื จะทำ ให8นักเรียนเรยี นตามทนั เพอื่ น ๆ ในหอ8 งและการเรยี นการสอนจะได8มปี ระสทิ ธภิ าพมากข้ึน ลงช่อื .............................................ครูผส8ู อน (นายทกั ษณิ ชชู ่ัง)

7. ข/อเสนอแนะของครูผ/ูนเิ ทศ/ผทู/ ีไ่ ดร/ บั มอบหมาย ข\"อคิดเห็น/ขอ\" เสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………............................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................ครผู นู/ เิ ทศ (..................................................) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………….......................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................หวั หนา/ กลุ(มสาระฯ ( นางมัณตรีณี ยงั ถิน ) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………........................................................................................................................................ ลงชือ่ ............................................. (นางเรณู ร(มโพธ)์ิ รองผู/อำนวยการ กลุ(มบรหิ ารงานวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………....................................................................................................................................... ลงชอื่ ............................................. (นายชาครสิ ภู(งาม) ผู/อำนวยการโรงเรยี นสงิ หYบรุ ี

รหสั วิชา อ32101 ชื่อรายวิชา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน กลุ1มสาระการเรยี นรภู8 าษาตา่ งประเทศ ภาคเรียนท่ี 1 ปก> ารศกึ ษา 2565 จำนวน 5 ช่ัวโมง หนว1 ยการเรยี นรู8ที่ 1 เร่ือง Our world/ Neighbors ครูผูส8 อน นายทกั ษณิ ชชู ่งั ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แผนการจดั การเรียนรท8ู ่ี.....5.... เรื่อง Writing 1.เปVาหมายการเรียนรู8 1.1มาตรฐานการเรียนร8/ู ตวั ช้วี ดั มาตรฐานการเรียนร8ู มาตรฐาน ต 1.1 มาตรฐาน ต 1.2 ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู8 มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/4 มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/1 1.2 จดุ ประสงคกF ารเรียนร8ู การอา่ นจดหมายแบบไมเ่ ป็นทางการเพ่ือใหข้ า่ วสาร (Skill – reading for detailed comprehension) และการเขยี นจดหมายแบบไม่เปน็ ทางการเพ่ือใหข้ า่ วสาร 1.3 สาระสำคญั (เป$นแก(นความร/โู ดยเขียนเปน$ หวั ขอ/ ยอ( ย หรือความเรยี ง ใหช/ ดั เจน กะทกั รัด) เขียนถงึ เพื่อนของตนเอง จงึ ใชภ้ าษาในการเขียนแบบไม่เปน็ ทางการ ซง่ึ ลกั ษณะของจดหมายแบบไม่ เปน็ ทางการ กค็ อื ใช้รูปยอ่ (short contracted forms) เช่น I’m, I’ve got ใช้ phrasal verbs เช่น go on และใช้คาํ ศพั ท์หรือวลที ี่พบในชีวติ ประจําวัน เช่น How are things? What’s up? 1.4 สาระการเรยี นร8ู ในการวางแผนงานเขยี นของตนเอง ให้นกั เรียนอ่านคําสง่ั อย่างระมัดระวงั และขีดเสน้ ใต้ คําสาํ คัญ เพราะคาํ สาํ คัญเหล่านจ้ี ะบอกใหน้ กั เรยี นทราบเกย่ี วกบั ประเภท รูปแบบ เหตผุ ล และหัวข้อของงานทจ่ี ะเขียน ซึง่ ข้อมูลเหลา่ นี้จะช่วยให้นกั เรยี นตัดสินใจไดว้ า่ จะเขยี น เกีย่ วกบั อะไร 1.5 สมรรถนะสำคัญของผ8ูเรยี น ............................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................

1.6 คณุ ลักษณะอันพึงประสงคF ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. 1.7 ทักษะการอาS น คิด วิเคราะหแF ละเขยี น ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. 1.8 สาระการเรยี นรส8ู ูSการบรู ณาการ r เศรษฐกิจพอเพยี ง r หน8าท่พี ลเมอื ง r ประชาธปิ ไตย r การอนรุ กั ษทF รัพยากรธรรมชาติ พลังงาน และสิ่งแวดล8อม r คSานิยมหลักคนไทย 12 ประการ r หลักสูตรต8านทจุ รติ r จุดเน8นโรงเรยี นมาตรฐานสากล r ................................................................................ 2.หลกั ฐานการเรียนรู8 2.1ชิน้ งาน/ภาระงาน การเขียนจดหมายแบบไมเ่ ปน็ ทางการเพ่ือใหข้ า่ วสาร 2.2 การวดั และประเมินผล(หมายถงึ หลักฐาน/ร(องรอยท่ีแสดงถงึ ความรู/ของนกั เรียน) 2.2.1 การวดั และประเมนิ ผลระหวาS งการจัดการเรยี นรู8 (คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคF) คณุ ลักษณะอนั พึง ภาระงาน/ วธิ ีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑทZ ใ่ี ชป8 ระเมิน ผูป8 ระเมนิ ประสงคZ ชน้ิ งาน ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั ร้อยละ 60 ผ่าน แบบฝกึ หัด (Workbook) เกณฑ์ เกณฑกF ารประเมิน ร8อยละ .............. เกณฑFการตัดสนิ .............. 2.2.2การวัดและประเมนิ ผลเมื่อส้ินสดุ กิจกรรมการเรียนรู8 จดุ ประสงคZ ภาระงาน/ วธิ กี ารประเมนิ เครอื่ งมือ เกณฑทZ ใี่ ชป8 ระเมิน ผปู8 ระเมิน การเรยี นรู8 ช้ินงาน การเขยี น ประเมนิ การเขียน แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 จดหมายแบบ การเขยี น ผา่ นเกณฑ์ ไมเ่ ป็นทางการ เพอื่ ใหข้ ่าวสาร เกณฑFการประเมิน ร8อยละ .............. เกณฑFการตดั สนิ ..............

การแปลความหมาย ระดบั 3 หมายถงึ มีระดบั คุณภาพดี ระดบั 4 หมายถงึ มีระดบั คุณภาพดีมาก ระดับ 1 หมายถึง มีระดับคุณภาพปรับปรุง ระดับ 2 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพพอใช8 3. การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน ครแู จ้งใหน้ ักเรียนทราบว่า ใน Unit 1e น้ี นกั เรยี นจะได้ฝึกเขยี นจดหมายแบบไมเ่ ป็นทางการ เพอื่ ให้ ข่าวสาร (writing an informal letter giving news) Getting started ครูนําเขา้ สูบ่ ทเรยี นดว้ ยการใหน้ ักเรียนจบั คกู่ นั ถาม-ตอบคําถามทกี่ าํ หนดให้ในหนังสอื เรียน หนา้ 11 Ex.1 (discussing informal letters giving news) จากนัน้ ส่มุ เรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ให้ออกมา สนทนาท่ีหนา้ ชน้ั เสร็จแลว้ จึงอภปิ รายร่วมกันทัง้ ช้นั Suggested answer key: A: Do you write letters to your friends or penfriends? B: Yes, I do. A: How often? B: About twice a month. A: What do you write about? B: I write about school, my family, sports, things like that. Let’s look closer 1. ครูอธิบายสถานการณ์ ในหนงั สือเรยี น หนา้ 11 Ex.2 (text organisation) และชใี้ ห้นกั เรยี นเห็นว่า exchange students (นักเรียนแลกเปลีย่ น) คอื อะไร Exchange students are two students from different countries who visit each other’s school to strengthen links between them, to familiarise themselves with the culture and customs in the foreign country. จากนนั้ อธิบายภาระงาน แล้วให้เวลานกั เรียนอ่านจดหมายของ Anna ซึง่ เปน็ นกั เรียนแลกเปลีย่ นใน ประเทศองั กฤษ และเรียงลาํ ดบั ยอ่ หน้าในจดหมายให้ถกู ตอ้ ง

a. 2 b. 4 c. 3 d. 1 2. ให้นกั เรียนทํา Ex.3 (analysing informal style) ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 11 โดยครูอธบิ ายวา่ จดหมาย ของ Anna น้นั เขยี นถงึ เพื่อนของตนเอง จงึ ใช้ภาษาในการเขียนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งลกั ษณะของ จดหมายแบบไม่เป็นทางการ กค็ อื ใช้รูปย่อ (short contracted forms) เชน่ I’m, I’ve got ใช้ phrasal verbs เชน่ go on และใช้คาํ ศัพทห์ รอื วลที พ่ี บในชีวิตประจําวัน เชน่ How are things? What’s up? จากนั้นใหน้ กั เรียนอา่ นจดหมายของ Anna อกี คร้ัง และขีดเส้นใต้คาํ ศพั ท์หรือวลที เ่ี ป็น ลกั ษณะของจดหมายแบบไมเ่ ป็นทางการดงั ทีไ่ ด้กล่าวมาแล้ว เมอ่ื นกั เรียนหาไดค้ รบแลว้ ใหน้ กั เรียน จบั คู่กับเพอื่ นเพอื่ เปรยี บเทยี บคําตอบกัน ครเู ดินตรวจคําตอบของนักเรียน Short forms: He’s, She’s, there’s, It’s, I’ve Phrasal verbs: help me out, get into Everyday vocabulary: dropping you a line, She’s really cool, got to go now, Keep in touch Opening/Closing remarks ครูอธบิ ายวา่ opening remarks (OR) คอื อะไร (things we say after the greeting to begin a letter) และให้ตัวอยา่ งเพ่มิ เตมิ เชน่ How are you? Thank for your letter... etc. ครูทาํ กจิ กรรม เชน่ เดียวกนั นก้ี บั closing remarks (CR) โดยยกตัวอยา่ ง เช่น Please write soon. That’s all for now... etc. จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นจบั คกู่ นั ทาํ Ex.4 (presenting opening/closing remarks in a letter) เพอื่ ระบุวา่ วลที ใ่ี ห้มาวลใี ดเป็น opening remarks และ closing remarks เสรจ็ แล้วเฉลย คาํ ตอบพร้อมกนั OR: Sorry I haven’t been in touch for a while./ Hi! What’s up?/ Hi! Guess what?/ I’m writing to let you know that… CR: Write back soon and tell me your news./ Can’t wait to see you./ Well, that’s all from me./ Bye for now./ Got to go now.

Your turn 1. ครูและนกั เรียนศึกษา Study skills ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 11 รว่ มกนั • การทําความเข้าใจคาํ ส่ังในการทํางาน (understanding rubrics) ในการวางแผนงานเขียนของตนเอง ให้นักเรยี นอา่ นคาํ สัง่ อย่างระมดั ระวัง และขีดเสน้ ใต้ คาํ สําคัญ เพราะคําสําคัญเหล่านี้จะบอกให้นักเรียนทราบเก่ียวกบั ประเภท รปู แบบ เหตผุ ล และหวั ข้อของงานที่จะเขียน ซ่งึ ข้อมูลเหลา่ นีจ้ ะช่วยใหน้ กั เรยี นตดั สินใจได้วา่ จะเขียน เกี่ยวกบั อะไร 2. ให้นักเรยี นอ่านคาํ ส่งั ในการทาํ งานใน Ex.5 (understanding a rubric) และชว่ ยกันบอกคาํ สาํ คญั You have recently moved to another town. This is part of a letter you received from a friend. Hope you like the new area. What are your neighbours like? Have you made any new friends? What about your new classmates? Write back soon. Jenny Now write a letter answering your friend’s questions (100-120 words). 3. ให้นักเรยี นทาํ Ex.6 (planning an informal letter, practising writing informal letters) ใน หนงั สือเรียน หน้า 11 โดยใหเ้ วลานักเรียนตอบคาํ ถามทอ่ี ยู่ใน Plan และจดโน้ตสน้ั ๆ เกี่ยวกบั คําตอบ ทไ่ี ด้มา จากนนั้ ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั เขียนจดหมายในชั้นเรียน Suggested answer key: Para 1: Dear Jenny/To answer your friend’s questions Main body: New neighbours are very nice. Made two new friends - Jan and Amy. They are friendly and easy-going. Classmates are nice and helpful. Para 4: Got to go now. Write back soon./ Love + your first name

Suggested answer key: Dear Jenny, Hope everything is fine with you. I’m just writing to tell you about life here. Well, we’ve been living in our new house for a month now. I really like it. I’ve met some of our neighbours and they seem very pleasant. I’ve also made two new friends. They live on the same street as me. One of the girls is called Jan and the other one’s name is Amy. They are both very friendly and easy-going. We go everywhere together. My new school is close to my house. It was hard getting to know my new classmates at first, but now I feel very comfortable. They are all very nice and helpful. Anyway, got to go. Write back soon. Love, Nancy 4.การจดั การประสบการณZการเรียนรู8 4.1 สอื่ การเรียนรู8/แหลSงเรียนร8ู ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. 4.2 การบรู ณาการเชือ่ มโยงกบั จุดเนน8 ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. 4.3 แหลSงคน8 คว8าเพิ่มเตมิ ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. 5. เวลาเรียน/จำนวนช่ัวโมง ..............................................................................................................................................................................

6.บนั ทึกผลหลังการสอน 6.1 ดา8 นความร8ู (K) นักเรียน ม.5/1 ท้ังหมดมีความเข8าใจในบทเรียนเปcนอยSางดี นักเรียนชั้น ม.5/2 สSวนใหญS มากกวSา 90% มีความเขา8 ใจในบทเรียน นกั เรียนชนั้ ม.5/7ประมาณ 70% มีความเข8าใจในบทเรียน และนักเรียนช้ัน ม.5/11 โดยประมาณ 60% มีความเข8าใจในบทเรียนโดยสามารถวัดจากผลของการทำกิจกรรม โดยวัดจาก คะแนนของแบบทดสอบท่ีนักเรียนทำ ด8านทักษะกระบวนการ (P) นกั เรยี นในแตลS ะห8องมที ักษะการคิดและการสื่อสาร โดยสามารถใช8หลักทางภาษาท่เี รยี นในการทำ กจิ กรรมในหอ8 งเรยี นได8เปนc อยาS งดคี ิดเปcนร8อยละ 60% สามารถใชภ8 าษาสอื่ สารในการทำกจิ กรรมตาS ง ๆ ใน หอ8 งเรยี นไดเ8 ปcนอยาS งดี ด8านคณุ ลักษณะ (A) นกั เรยี นมคี วามรู8ความเขา8 ใจเกยี่ วกบั ความแตกตSางทางด8านของภาษาหลักภาษาและวฒั นธรรมของ ภาษาอังกฤษรวS มมอื กนั คดิ วิเคราะหกF ารแก8ไขปญl หาในกิจกรรมการเรยี นร8ูทีค่ รไู ดส8 อดแทรกวัฒนธรรมที่ แตกตSางใหน8 กั เรียนได8ฝnกและเรียนร8ู 6.2 ปญl หา/อปุ สรรค/แนวทางแก8ไข นกั เรียนบางคนทยี่ งั ไมเS ข8าใจในบทเรยี นกSอนหนา8 นีท้ ำให8ไมSสามารถทำกิจกรรมได8อยSางราบร่นื เพราะมี ความไมSเขา8 ใจในความสมั พนั ธFระหวาS งบทเรยี นกSอนหนา8 นี้ ทสี่ งS ผลใหเ8 กดิ ความรู8ความเข8าใจในบทเรียนใน ปจl จบุ นั 6.3 ข8อเสนอแนะ ควรมีการสอนเสริมให8กบั นักเรียนทยี่ งั ไมSเขา8 ใจในบทเรียนกอS นหนา8 น้หี รือบทเรียนในปlจจุบนั เพ่อื จะทำ ให8นกั เรียนเรยี นตามทนั เพอื่ น ๆ ในหอ8 งและการเรียนการสอนจะไดม8 ีประสิทธภิ าพมากข้ึน ลงชือ่ .............................................ครูผส8ู อน (นายทักษณิ ชชู ง่ั )

7. ขอ/ เสนอแนะของครผู /ูนิเทศ/ผทู/ ่ไี ด/รบั มอบหมาย ขอ\" คิดเหน็ /ข\"อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………............................................................................................................................................... ลงช่อื .............................................ครผู นู/ เิ ทศ (..................................................) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………….......................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................หัวหน/ากล(ุมสาระฯ ( นางมัณตรณี ี ยงั ถนิ ) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………........................................................................................................................................ ลงชอ่ื ............................................. (นางเรณู ร(มโพธ)์ิ รองผ/ูอำนวยการ กลม(ุ บริหารงานวชิ าการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………....................................................................................................................................... ลงชอื่ ............................................. (นายชาคริส ภ(ูงาม) ผ/อู ำนวยการโรงเรยี นสงิ หบY ุรี

รหสั วชิ า อ32101 ช่ือรายวิชา ภาษาองั กฤษพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 จาํ นวน 10 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง Our world/ call of the wild ครูผสู้ อน นายทกั ษณิ ชูชั่ง 1. มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/1-4 มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/1-2, ต 1.2 ม.4-6/4 มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม.4-6/1-3 มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม.4-6/1, ต 2.1 ม.4-6/3 มาตรฐาน ต 2.2: ต 2.2 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 3.1: ต 3.1 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 4.2: ต 4.2 ม.4-6/2 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Grammar: modal verbs (must, have to, should/ought to, mustn’t); the future; direct/indirect questions Vocabulary: types of animals and habitats; reasons animals are endangered; phrases associated with the environment; phrasal verbs with out; forming nouns from verbs; words/phrases related to the environment Function: making suggestions/agreeing Intonation: sentence • Language skills Listening: การฟงั การพดู เก่ียวกบั สัตวท์ ่กี ําลงั จะสญู พันธ์ุ, การฟงั การพดู เกย่ี วกับ ความสาํ คญั ของตน้ ไม,้ การฟังการพดู เกยี่ วกบั ปา่ ไม้

Speaking: การพดู โดยใชโ้ นต้ ย่อเกย่ี วกบั ความสําคัญของปา่ ไม้, การพดู อธบิ าย Reading: ความหมายของป้าย, การพดู ถึงสิง่ ทีน่ กั เรียนตอ้ งทาํ /ห้ามทาํ หรอื ควรจะทาํ Writing: ในการไปทศั นศึกษา, การพดู อภิปรายเกยี่ วกบั ผลกระทบทเี่ กดิ ขนึ้ จาก • Culture: ความสาํ เรจ็ ของมนุษย์ การอา่ นบทอ่านเกยี่ วกับสตั ว์ป่าในสหราชอาณาจักรและวิธีการช่วยเหลือ สตั วเ์ หลา่ นี้, การอ่านใบปลวิ เกี่ยวกบั การทาํ บอ่ นา้ํ สําหรบั สัตว์ปา่ , การอ่านบทอ่านเกยี่ วกบั ขอ้ ควรปฏบิ ัติในการไปเที่ยวชนบท (The Countryside Code), การอา่ นบทสนทนา, การอ่านจดหมายขอข้อมูล การเขยี นบทความสนั้ ๆ เก่ียวกับสตั ว์ปา่ และแหล่งท่ีอย่อู าศัยของสัตว์ป่าใน ประเทศไทย; การเขียนใบปลวิ , การเขยี นจดหมายสัน้ ๆ ถงึ เพอ่ื นเกีย่ วกบั สิ่งท่ีคุณกําลังจะทาํ เพ่อื ช่วยรกั ษาสง่ิ แวดล้อม, การเขียนจดหมายขอขอ้ มูล The Countryside Code 3. ทักษะการคิด 3.2 ทักษะการรวบรวมขอ้ มูล 3.1 ทักษะการสอ่ื สาร 3.4 ทกั ษะการเชอื่ มโยง 3.3 ทักษะการนาํ ความรไู้ ปใช้ 4. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 4.2 ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 4.3 มงุ่ มั่นในการทาํ งาน

Unit 2a Call of the wild 1. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวดั มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม.4-6/1-2 มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/4 มาตรฐาน ต 4.2: ต 4.2 ม.4- มาตรฐาน ต 3.1: ต 3.1 ม.4-6/1 6/2 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวชิ า • Language features and functions Vocabulary: คาํ ศัพท์เกีย่ วกบั ชนดิ ของสตั ว์และแหล่งทอี่ ย่อู าศัยของสตั ว์, เหตุผลท่ีสัตว์ กาํ ลงั จะสูญพนั ธุ์ • Language skills การฟงั การพูดเก่ียวกบั สัตว์ทก่ี ําลงั จะสญู พนั ธ์ุ (Skills – listening Listening: for specific information) Reading: การอ่านบทอา่ นเกยี่ วกบั สัตว์ป่าในสหราชอาณาจักรและวธิ กี ารช่วยเหลือ สตั วเ์ หล่าน้ี (Skills – skimming, reading for general comprehension) Writing: การเขียนบทความส้ันๆ เกีย่ วกบั สัตว์ปา่ และแหล่งทอ่ี ยอู่ าศัยของสัตว์ปา่ ใน ประเทศไทย 3. ทกั ษะการคดิ 3.1 ทักษะการสื่อสาร - ฝกึ ทักษะการจับใจความสําคญั ในการฟงั การอ่าน และการเขยี นภาษาองั กฤษ 3.2 ทักษะการรวบรวมข้อมูล - รวบรวบข้อมูลเพ่ือนํามาใชเ้ ขียนบทความเผยแพร่เก่ยี วกบั สัตวป์ ่าและแหล่งทอ่ี ย่ขู องสตั วป์ ่าในประเทศไทย 4. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 4.2 มงุ่ มัน่ ในการทํางาน 4.1 ใฝเ่ รยี นรู้

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ ให้นกั เรียนทาํ แบบทดสอบความรู้ก่อนเรียน Unit test 2 ซงึ่ ครถู ่ายเอกสารจากสว่ นทา้ ย Unit น้ี (ดู เฉลยภาคผนวก C) จากนั้นครูช้ีแจงว่า Unit 2a ซงึ่ เป็นการบรู ณาการทกั ษะ นกั เรียนจะไดฝ้ ึกฟงั อ่าน และเขยี นในประเดน็ เกี่ยวกับเร่ืองสัตวป์ ่าและแหล่งทอ่ี ยอู่ าศยั ของสตั ว์ปา่ Lead-in 1. ครูอ่านชื่อบท และใหน้ ักเรยี นดภู าพประกอบในหนงั สือเรยี น หน้า 12-13 แลว้ ช่วยกันบอกความหมาย ของชอ่ื บท ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา่ Call of the wild เปน็ นยิ ายทีแ่ ต่งโดย Jack London เป็นเรื่อง ของความสมั พันธ์ระหวา่ งสตั ว์กบั มนษุ ย์ จากน้นั เปดิ CD1/Track 7 ใหน้ ักเรยี นฟงั และดูเนื้อเพลงท่ี กําหนดให้ใน Ex.1 (introducing topic) ตามไปดว้ ย ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั คิดวา่ เพลงนเ้ี กยี่ วขอ้ งกบั ช่ือบทและรปู ภาพอย่างไร The song means that nature is calling out for help. The pictures are related to the song because they show animals that are endangered and need our help to survive. 2. ให้นกั เรียนดูภาพในหนงั สอื เรยี น หนา้ 12-13 อีกครั้ง และถามนักเรียนว่าสตั ว์ชนิดใดทสี่ ามารถพบได้ ในประเทศไทย จากนนั้ อ่านโนต้ ทีก่ ําหนดให้ในหนังสอื เรยี น หน้า 12 Ex.2 (presenting & practising vocabulary related to animals) และอธิบายคาํ ศพั ทใ์ หมใ่ หน้ ักเรยี นฟงั ครูเลอื ก นกั เรียน 1 คน ใหอ้ า่ นตวั อย่างคําบรรยายภาพที่ให้มา แล้วจงึ รว่ มกันอภิปรายสตั วท์ ีละชนดิ ครู ชว่ ยเหลือในกรณที ี่จาํ เป็น โดยเฉพาะขอ้ มลู เก่ียวกบั สถานท่ที ส่ี ัตวเ์ หลา่ นอ้ี าศัยอยู่ และเหตผุ ลที่สตั ว์ เหล่านีก้ ําลงั ใกลจ้ ะสูญพันธุ์ ในอีกทางเลอื กหนงึ่ ครอู าจใหน้ กั เรียนแบ่งกลมุ่ และไปค้นคว้าข้อมลู ท่ีห้องคอมพวิ เตอรข์ องโรงเรยี น เพอื่ หาคาํ ตอบ โดยใหแ้ ต่ละกลุ่มหาข้อมลู เกีย่ วกับสตั ว์ กลุ่มละ 1 ชนิด ไม่ให้ซํ้ากัน ครแู นะนาํ วธิ ีการสืบคน้ ใหน้ กั เรยี น ด้วยการเข้า www.google.com และในช่อง search ใหพ้ ิมพค์ าํ วา่ animal facts for kids เสรจ็ แล้วจึงใหเ้ วลานกั เรยี นนําข้อมูลที่ได้มาเขยี นคาํ บรรยาย ครูตดิ ตาม การทํางานของนกั เรียนและตรวจคําตอบ

Suggested answer key: Boas are reptiles that live in the rainforest. They are endangered because their habitat is being destroyed as trees are cut down. People also hunt them so they can sell their skin. Toads are amphibians that live in rivers and ponds. They are endangered because their habitat is being destroyed to make room for more buildings and factories. Their habitat is also becoming polluted by chemicals and fertilisers. Pandas are mammals that live in the bamboo forests of China. They are endangered because their habitat is destroyed when trees in the forest are cut down to make more room for people. This means that they lose their homes and their food supply. Chinchillas are mammals that live in the mountains and other rocky places in South America. They are endangered because people hunt them for their fur and meat. Macaws are birds that live in the rainforest. They are endangered because their habitat is destroyed when trees in the rainforest are cut down. People also hunt them so they can sell them as pets. Wolves are mammals that live in the forest. They are endangered because their habitat is destroyed when trees in the forest are cut down to build roads, houses and other buildings. People also hunt them for their fur. Otters are mammals that live near rivers and lakes. They are endangered because the water in the areas where they live becomes polluted. People also hunt them for their fur. Sea turtles are reptiles that live in the sea. They are endangered because their habitat is being destroyed by pollution. Also, the beaches where they go to lay their eggs are very crowded with people who litter and make a lot of noise. Spotted dolphins are mammals that live in warm seas and oceans. They are endangered because their habitat is being destroyed by pollution. They also get caught up in fishermen’s nets and die.

Brown hares are mammals that live in fields and forests in Britain. They are endangered because their habitat is destroyed when trees are cut down to make more room for people. Farmers also hunt them because they eat their crops. Chimpanzees are mammals that live in forests, woodlands and grasslands in Africa. They are endangered when trees in the forest are cut down. People also hunt them for meat. Bison are mammals that live in the forests and on the prairies in North America. They are endangered because their habitat is destroyed when trees are cut down. Bengal tigers are mammals that live in forests and jungles. They are endangered because their habitat is destroyed when trees are cut down. People also hunt them for their fur. Bald eagles are birds that live near large lakes. They are endangered because their habitat is destroyed when trees in the forest are cut down and lakes are polluted by chemicals and fertiliser. Reading 1. ให้นกั เรียนทํา Ex.3a (predicting the content of a text) ในหนังสือเรียน หน้า 12 โดยดชู ือ่ เรื่อง และหัวข้อย่อยในบทอ่าน หนา้ 13 แลว้ ชว่ ยกันอธบิ ายความหมายของคาํ ว่า SOS (a signal that means you are in danger and need help immediately) จากนนั้ ให้นกั เรยี นระบุว่าเนอื้ เรือ่ งที่ อ่านน่าจะเก่ยี วข้องกบั ประเทศใด (UK) เสร็จแล้วครูเปดิ CD1/Track 8 ให้นักเรยี นฟังและอา่ นเนื้อ เร่ือง ตามไปด้วย เพือ่ ตรวจคาํ ตอบ The text is about wildlife in the UK. It explains what is happening to the animals there as their habitats are destroyed. It also talks about what we can do to help. 2. ครแู ละนกั เรยี นศึกษา Study skills ในหนงั สอื เรียน หน้า 12 ร่วมกนั จับใจความสาํ คญั (getting the main idea) ทกุ ๆ ยอ่ หนา้ ในเน้อื เรือ่ ง จะมี 1 ใจความหลักหรอื ใจความสาํ คญั ในการหาใจความสาํ คัญ ในแตล่ ะยอ่ หน้านั้น จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจจุดประสงค์ของผู้แต่ง จากนน้ั ให้นักเรยี นชว่ ยกนั บอกวา่ ทําไมการหาใจความสาํ คญั ในแต่ละย่อหนา้ ในเนื้อเรอื่ งจึงเป็นเร่ืองท่ี สําคญั (helps the reader understand the author’s purpose) ต่อมาให้นักเรยี นทาํ Ex.3b

(getting the main idea) โดยครเู ลือกนักเรยี น 1 คน ให้อ่านยอ่ หนา้ แรกของเร่ือง UK Wildlife-SOS และรวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรยี นหลายๆ คนในหอ้ งว่าใจความสําคัญของยอ่ หนา้ นค้ี อื อะไร เสร็จแลว้ จงึ ใหเ้ วลานกั เรยี นในการอ่านแบบ scanning เน้อื เร่ืองท่เี หลือทง้ั หมด เพื่อหาใจความสําคญั ของแตล่ ะ ย่อหน้า รวมทั้งจุดประสงค์ของผเู้ ขียนเรือ่ งน้ี Para 1: a definition of wildlife Para 2: a definition of habitat Para 3: an explanation of what is happening to the wildlife and why Para 4: an explanation of what we can do to help endangered species The author’s purpose is to make readers aware of the problem that is threatening the wildlife in the UK. กิจกรรมเพม่ิ เติม: ใหน้ ักเรียนหาข่าวภาษาอังกฤษทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั สัตวป์ า่ หรอื แหล่งทอี่ ยอู่ าศยั ของสัตว์ปา่ มาคนละ 1 ขา่ ว และนาํ มาตดิ ใส่กระดาษ A4 จากน้นั เขยี นสรปุ ใจความสําคัญของ ข่าวดงั กลา่ ว แล้วนํามาตดิ แสดงท่ีบอร์ดของหอ้ งเรยี น กิจกรรมเพ่มิ เตมิ ครหู าขา่ วภาษาองั กฤษ 7-8 ขา่ ว แต่ตัดส่วนทเี่ ป็นหัวข้อข่าว (headlines) ออก จากน้ันครแู บง่ นกั เรยี นเป็นกลมุ่ และแจกขา่ วภาษาอังกฤษให้นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ช่วยกันคดิ หัวขอ้ ขา่ ว (headlines) ของข่าวดังกลา่ ว จากนน้ั ครูใหต้ วั แทนกล่มุ อ่านหวั ขอ้ ข่าวที่กลมุ่ ตนเองคิดข้นึ มา เสร็จ แลว้ ครูนาํ หัวข้อข่าวท้ังหมดซึ่งครถู ่ายเอกสารไว้แจกใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่ม เพ่ือให้แตล่ ะกลุ่มเลือกว่า หัวข้อขา่ วใดที่ตรงกับข่าวของตนเอง เม่อื เฉลยคําตอบแล้ว ครใู หแ้ ต่ละกลุ่มเปรียบเทียบว่าหวั ข้อข่าว ของกลุม่ ตนเองแตกต่างจากหัวขอ้ ของขา่ วจริงๆ มากน้อยเพยี งใด และกลุม่ ใดที่เขียนหวั ข้อข่าวไดต้ รง กับหัวขอ้ ขา่ วจรงิ ๆ มากทส่ี ุด 3. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สอื เรียน หน้า 12 Ex.4 (practising true or false questions) แล้วจึงให้ เวลานกั เรียนอ่านประโยค 1-10 และอา่ นเน้ือเรอ่ื งเพ่ือพิจารณาว่าประโยคที่ให้มาเปน็ จริง (T) หรอื เป็นเทจ็ (F) เสร็จแลว้ ครตู รวจคาํ ตอบของนักเรียน และสุ่มเรยี กนกั เรยี นให้แกไ้ ขประโยคที่เป็นเทจ็ (F) ให้ถกู ตอ้ ง 1. T 2. F 3. F 4. T 5. F 6. F 7. T 8. T 9. F 10. T

ตอ่ มาครใู ห้นักเรียนอธบิ ายความหมายของคําศพั ทท์ ี่พิมพ์ตัวหนาในเนอื้ เรอื่ ง ดว้ ยการบอกคําจํากดั ความ (definition) คาํ ที่มคี วามหมายเหมอื นกนั (synonym) หรอื แสดงทา่ ทางเพอ่ื ใบค้ าํ (miming) ฯลฯ โดยครูใหน้ กั เรยี นพยายามเดาความหมายจากบรบิ ทกอ่ น แล้วจงึ ค่อยเปิดพจนานกุ รมเพ่อื ตรวจ คําตอบ ครูอธบิ ายความหมายของคําศพั ท์อ่นื ๆ ทน่ี กั เรียนยังไม่เขา้ ใจ in the wild (phr): not in captivity squirrels (n): small furry animals (usually red, grey or black) lizard (n): small reptile with a long tail tiny (adj): very small woodlands (n): forest farmlands (n): area where there are many farms, fields ponds (n): small lakes hedgerows (n): long rows of bushes, trees or shrubs sand grains (n): small pieces of sand at risk (phr): facing danger endangered species (phr): animals and plants that are about to die out moths (n): insects that are like butterflies bats (n): mammals that look like mice with wings no longer (phr): not any more extinction (n): the death of a species environmental groups (phr): organisations that help nature rare (adj): not common เสรจ็ แลว้ จึงให้นักเรยี นจับคกู่ นั ช่วยกันคดิ ชอื่ เรอ่ื งใหม่ Suggested answer key: Not Too Late Protecting UK Wildlife กจิ กรรมเพม่ิ เติม: ใหน้ ักเรยี นฝึกอ่านออกเสียงบทอา่ นเรอื่ ง UK Wildlife - SOS โดยครูเปิด CD1/Track 8 ใหน้ ักเรยี นฟงั 2-3 ครัง้ และอ่านบทอา่ นตามไปดว้ ย Listening ครูอา่ นคาํ สงั่ การทาํ งานและประโยค 1-5 ทใี่ หม้ าในหนงั สอื เรยี น หน้า 12 Ex.5 (listening for specific information) แลว้ อธบิ ายคําศพั ทใ์ หมแ่ ละภาระงานใหน้ กั เรยี นฟงั จากน้นั เปิด CD1/track 9 ให้นักเรยี นฟงั 1-2 คร้ัง และให้เวลานักเรียนพิจารณาวา่ ประโยค 1-5 ประโยคใดเป็นจริง (Yes)

ประโยคใดเปน็ เทจ็ (No) เสรจ็ แลว้ ให้นกั เรียนจบั คเู่ ปรียบเทียบคาํ ตอบกับเพ่อื น สุดทา้ ยครูเฉลย คาํ ตอบพร้อมกันอีกครงั้ โดยสุ่มเรยี กนกั เรียนให้แก้ไขข้อมูลท่ีผิดให้ถูกตอ้ ง 1. No 2. Yes 3. Yes 4. No 5. No Writing 1. ให้นกั เรยี นทํา Ex.6 (reviewing) ในหนงั สอื เรียน หน้า 12 โดยปิดหนังสือเรยี น แลว้ ให้นกั เรียนจับคู่ กนั ช่วยกนั คิดคาํ ศัพท์ 10 คาํ ท่ีเรยี นในบทเรียนนี้ และนาํ มาแต่งประโยค ครตู ดิ ตามการทาํ งานของ นกั เรียน (Students’ own answers) 2. ครูอธบิ ายภาระงานกิจกรรม Writing (writing a short article about habitats) ในหนังสือเรยี น หนา้ 13 และให้นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ เพือ่ หาข้อมูลและภาพจากอนิ เทอร์เน็ต นติ ยสาร หรือหนงั สือพิมพ์ เกยี่ วกับแหลง่ ท่อี ยอู่ าศยั ของสตั วป์ ่าในประเทศไทย กลมุ่ ละ 2 แหล่ง และสตั วป์ ่าท่ีอาศัยอย่ทู ่ีน่ัน จากนน้ั มอบหมายให้แต่ละกลมุ่ ไปเขยี นบทความสั้นๆ ประมาณ 50-80 คาํ เพอ่ื ลงในนติ ยสารวยั รุน่ ตามประเด็นทกี่ ําหนดให้ ดงั นี้ where they are, what lives there และ your opinion Suggested answer key: Canada’s Wildlife Canada is a very big country and it has a wide range of wildlife and wildlife habitats. Sadly, many of these habitats are disappearing or are being changed so that many species are left without homes. One of the biggest habitats in Canada is woodlands. Forests cover a great part of Canada and they are home to many animals such as bears, deer and moose. As people cut down trees and pollute rivers and lakes, this habitat is spoiled. Another Canadian habitat is the prairies. The prairies are home to animals like gophers, bison and groundhogs. As more and more farms are built on the prairies, these animals

are forced to live in smaller and smaller areas. This means that many species become endangered. People have to become more aware of what is happening to Canadian habitats. They could join an environmental group or get involved in community projects that help protect wildlife and habitats. กิจกรรมเพิม่ เตมิ : ครูแนะนาํ websites สําหรับอ่านข่าวภาษาอังกฤษให้กบั นักเรียน เพื่อฝึกฝน ภาษาองั กฤษของตนเอง เช่น CNN Student News http://edition.cnn.com/studentnews/ Scholastic News Zone http://magazines.scholastic.com/ Time for Kids http://www.timeforkids.com/ 6. การวดั และประเมินผล วธิ กี ารวดั เครือ่ งมือ เกณฑ์ แบบทดสอบความรกู้ ่อนเรียน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบความรกู้ อ่ น Unit test 2 เรียน Unit test 2 แบบประเมนิ การเขียน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การเขยี นบทความสัน้ ๆ เกี่ยวกับสัตว์ป่าและแหล่งทีอ่ ยู่ แบบประเมนิ การอา่ นออกเสยี ง ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ อาศยั ของสัตวป์ า่ ในประเทศไทย แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประสงค์ ประเมินการอ่านออกเสียง ประเมนิ พฤติกรรมบง่ ชดี้ ้านใฝ่ เรียนรแู้ ละม่งุ ม่ันในการทาํ งาน

ขอ้ มลู เพิม่ เตมิ : • The Call of the Wild by Jack London The Call of the Wild เปน็ เร่อื งราวการผจญภยั ของ Buck สนุ ัขลูกผสมระหว่างพันธ์ุเซนต์เบอรน์ ารด์ และสุนขั เลย้ี งแกะพันธสุ์ กอต Buck ถอื กาํ เนิดและได้รับการเล้ยี งดเู อาใจใสอ่ ย่างดจี ากมนษุ ย์ผู้เปน็ เจา้ ของ แต่ดว้ ยชะตากรรมท่พี ลิกผัน Buck ถูกลักพาตวั รว่ มเดนิ ทางไปกับขบวนสุนขั ลากเล่อื นหมิ ะ และต้องเผชญิ กับความยากลาํ บาก ความอดอยาก และความหนาวเหน็บ ประสบการณช์ วี ิตที่ Buck ได้สัมผัสทําให้เขา้ ใจ ถึงแก่นแทข้ องชีวิตว่า ชีวิตคือการทารุณกรรม โดยปราศจากความเมตตาปรานี และการถกู เลี้ยงดูเพอื่ เอา แตผ่ ลประโยชน์ อยา่ งไรก็ตาม Buck ยังคงโชคดที ี่ได้รบั ความรักและความเมตตาจากชายหนุ่มผูห้ นงึ่ ท่ีมอบให้ดว้ ยดวงใจ บริสทุ ธิ์ ทาํ ให้ Buck เกดิ ความรกั อนั ยิ่งใหญ่ต่อเพือ่ นมนษุ ย์ แต่แล้วเหตรุ ้ายที่เกิดขน้ึ กับชายหนุ่ม เม่ือเขา ถูกสงั หารด้วยนา้ํ มือมนุษยด์ ว้ ยกัน Buck จึงเกิดความร้สู ึกผิดหวงั อย่างรุนแรงและเรมิ่ ตระหนักดีวา่ สายใย แห่งความผกู พนั ทีม่ ตี อ่ เพื่อนมนษุ ย์นั้นได้สูญสลายไปเสยี แลว้ คงเหลือแตเ่ พยี งแรงปรารถนาท่ีจะหลดุ พน้ จากพันธะกับพวกมนษุ ยเ์ ทา่ นน้ั Buck จึงตดั สินใจเลอื กทางเดนิ แห่งชวี ิตดว้ ยตนเอง โดยพยายามหวนกลบั ไปสดู่ ินแดนแหง่ ป่าเขาลาํ เนาไพรทซ่ี ึง่ สตั ว์โลกไดถ้ อื กําเนิดขน้ึ มา Unit 2b Vocabulary practice 1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้วี ัด มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/4 มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/3-4 มาตรฐาน ต 2.2: ต 2.2 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม.4-6/3 มาตรฐาน ต 4.2: ต 4.2 ม.4-6/2 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Vocabulary: วลที ่เี กี่ยวขอ้ งกับส่ิงแวดล้อม, phrasal verbs with out; สาํ นวนในการ เปรยี บเทียบ (similes) • Language skills

Listening: การฟังการพูดเกย่ี วกับความสาํ คัญของป่าไม้ (Skill – listening for Speaking: specific information) Reading: การพดู โดยใชโ้ นต้ ย่อเกย่ี วกับความสําคัญของป่าไม้, การพดู อภิปราย Writing: เกยี่ วกับผลกระทบทีเ่ กดิ ขน้ึ จากความสาํ เรจ็ ของมนุษย์ การอา่ นใบปลวิ เกยี่ วกบั การทาํ บ่อนํา้ สาํ หรับสัตว์ปา่ (Skills – skimming, reading for detailed understanding) การเขียนใบปลวิ เกี่ยวกบั วนั สง่ิ แวดล้อม 3. ทักษะการคิด 3.1 ทกั ษะการสอื่ สาร - ฝกึ ทักษะการฟงั การพดู การอ่าน และการเขียนภาษาองั กฤษ 3.2 ทักษะการนําความรู้ไปใช้ - การนาํ คาํ ศัพท์ สาํ นวนภาษาท่เี รยี นมาใชใ้ นการเขียนใบปลวิ เผยแพร่ ข้อมลู 3.3 ทกั ษะการเช่ือมโยง - การอภิปรายเชื่อมโยงผลกระทบที่เกดิ ข้ึนจากความสําเร็จของมนษุ ย์ 4. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 4.1 ใฝ่เรียนรู้ 4.2 มงุ่ ม่ันในการทํางาน 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ครูชีแ้ จงให้นักเรียนทราบวา่ ใน Unit 2b น้ี ซ่งึ เน้นฝึกคาํ ศพั ท์ นกั เรียนจะไดเ้ รยี นรคู้ วามสําคญั ของ ตน้ ไม้ คําศพั ท์เกย่ี วกับส่งิ แวดลอ้ ม การอ่านใบปลิวเกี่ยวกับวิธีการทาํ บ่อนํ้าให้สตั ว์ปา่ (wildlife pond) และอภปิ รายเกีย่ วกับความสําเรจ็ ของมนุษยท์ สี่ ง่ ผลกระทบตอ่ สตั ว์ปา่ Flora 1. ครูอธบิ ายวา่ flora คืออะไร (plants, flowers growing in an area) จากนัน้ ให้นกั เรียนจับคกู่ ัน พูดบรรยายภาพตามประเด็นท่ีกาํ หนดให้ในหนังสือเรยี น หน้า 14 Ex.1 (describing a picture) ครูติดตามการทาํ งานของนกั เรยี น และสุ่มเรียกนกั เรยี น 2-3 คู่ ออกมาสนทนาหน้าชัน้ Suggested answer key: A: The picture was taken in somebody’s garden.

B: I can see a woman and a little girl. The little girl is probably her daughter. In front of the people, there are some lovely flowers. In the background, I can see an orange tree and some patio doors. A: The woman is doing some gardening. She is holding a watering can. Her little girl is sitting on her knee. B: The woman is wearing a blue T-shirt. She has a white hat. The little girl is wearing a white and yellow striped dress. I think that they are feeling quite happy. Perhaps the little girl wants to help her mum with the gardening. 2. ครูอ่านคําส่งั และขอ้ ความทีใ่ หม้ าในกรอบในหนังสือเรยี น หน้า 14 Ex.2a (listening for specific information) แลว้ ใหน้ กั เรยี นเดาวา่ คาํ ท่ถี กู ตอ้ งน่าจะเป็นคาํ ใด จากนั้นเปดิ CD1/Track 10 ให้ นักเรียนฟังและเลอื กคําตอบทีถ่ ูกต้อง เสร็จแลว้ ตรวจคําตอบพรอ้ มกนั และอธบิ ายคําศพั ท์ใหม่ 1. heating 2. wind 3. atmosphere 4. food 5. air 3. ให้นกั เรยี นทาํ Ex.2b (giving a talk) โดยอา่ นข้อความใน Ex.2a อีกครง้ั และนาํ ขอ้ มลู มาใชใ้ นการ เตรียมบทพูดสัน้ ๆ วา่ ทาํ ไมต้นไมจ้ งึ มคี วามสาํ คญั ครยู าํ้ กับนกั เรยี นว่าใหใ้ ชค้ าํ ทีม่ ีความหมายเหมือนกนั (synonyms) และการถอดความ (paraphrase) เทา่ ท่ีจะทําได้ จากนนั้ ครสู ่มุ เรียกนักเรียนออกมา นาํ เสนอการพูดท่ีหนา้ ชนั้ เรียน Suggested answer key: Trees are very important for many reasons. First, they help reduce the amount of money we need to heat and cool our homes. They also give us shade and protect us from the sun’s dangerous ultraviolet rays. The roots of trees hold soil in place so that other plants can grow. In addition, trees produce oxygen when they remove CO2 from the air and the trees in the forest provide animals with a safe place to live and food to eat. Finally, trees cut down dust, noise and air pollution.

4. ให้นกั เรยี นทาํ Ex.3a (predicting the content of a text) ในหนังสือเรยี น หน้า 14 โดยอา่ นช่อื เร่ืองและหัวขอ้ ยอ่ ยในบทอ่าน จากนัน้ ครอู ธิบายภาระงาน และให้นักเรยี นจับคู่กันพยายามเดา คําตอบของคําถามในแตล่ ะหวั ย่อยในบทอา่ น แลว้ อา่ นบทอา่ นแบบ skimming เพอ่ื ตรวจคาํ ตอบ When? The best time to make a wildlife pond is in November. Where? A wildlife pond has to be on level ground. What with? You need a flexible pond liner and old newspapers. Now what? Dig a hole, remove any rocks, put the newspapers in and add water. What about the wildlife? After two weeks, you can plant pond plants for the wildlife. 5. ให้นักเรียนทาํ Ex.3b (listening for specific information) ในหนังสือเรียน หนา้ 14 โดยอ่านบท อา่ น อกี ครั้ง แล้วเลอื กคาํ ตอบทถ่ี ูกต้องเตมิ ลงในช่องวา่ งเพอื่ ใหบ้ ทอา่ นสมบรู ณ์ เสรจ็ แล้วครู เปิด CD1/Track 11 ให้นักเรียนฟังเพือ่ ตรวจคาํ ตอบ 1. A 2. C 3. A 4. A 8. B 9. 5. C 7. D 10. A 6. B D Taking action 1. ครูอธบิ ายความหมายของคําศัพทใ์ หม่ใน Ex.4a (presenting verb phrases) แล้วใหน้ กั เรียนนํา คําศัพท์ดังกลา่ วไปเตมิ ในชอ่ งว่าง 1-7 เสร็จแลว้ จบั คเู่ ปรยี บเทยี บคาํ ตอบกับเพือ่ น ครเู ดนิ ไปรอบๆ ชน้ั เรยี นเพอ่ื ตรวจคําตอบของนักเรยี น 1. start 2. raise 3. plant 4. recycle 5. send 6. adopt 7. use

2. ครูแบ่งนกั เรยี นเป็นกลุม่ และอธิบายภาระงานในหนังสอื เรยี น หน้า 14 Ex.4b (discussing ways to help protect the environment) จากนัน้ ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันเสนอแนะวธิ ีรักษา สง่ิ แวดล้อม โดยใชว้ ลีจาก Ex.4a ครตู ดิ ตามการทํางานของนกั เรียน เสรจ็ แล้วให้แต่ละกลมุ่ ออกมานําเสนอคําตอบของกลมุ่ ตนเอง Suggested answer key: A: I think we should plant some trees. B: That’s a good idea. We can also start a campaign to protect the environment. C: That’s a great idea. What do you think about raising some money to adopt an animal? D: Yes, that sounds good. Or we could plant some trees in the park. Or send letters to the local papers. A: Yes, we could. We could also recycle rubbish and use public transport. etc Social issues ให้นักเรยี นจับค่คู วามสําเรจ็ ของมนษุ ย์ (man’s achievements) กับผลกระทบทีเ่ กดิ ข้ึนท้งั ดา้ นบวก และลบในหนังสือเรียน หน้า 15 Ex.5 (discussing social issues) จากน้นั ให้นักเรียนดูภาพและ ข้อมูลใต้ภาพ แลว้ อธบิ ายคําศัพท์ใหม่ เม่ืออธิบายภาระงานเสรจ็ แล้ว ครูเลือกนักเรียน 1 คู่ อ่าน ตัวอย่าง บทสนทนาทีใ่ ห้มา แล้วจึงใหน้ กั เรยี นจับคเู่ ตรยี มบทสนทนาเกีย่ วกบั เทคโนโลยี และชีวติ สมยั ใหม่ ครตู ดิ ตามการทํางานของนักเรยี น เสร็จแลว้ ให้นักเรียนออกมานําเสนอ บทสนทนาทีห่ น้าชัน้ A: Man has built cities and roads so we have better living conditions. B: Yes, but animals lose their habitat. A: Man has built factories so we can produce things faster and better. B: True. However, factory waste pollutes the water. A: Man has invented the Internet and the telephone so we can communicate better. B: Yes, but people are lonely. A: Man has invented medicines and built hospitals so people’s lives can be saved. B: They have. People still die of starvation or illness, though.

Prepositional phrases ครูอธบิ ายภาระงานในหนงั สือเรียน หน้า 15 Ex.6 (working with prepositions) แล้วจึงให้นกั เรียน จับค่กู ันทาํ งาน โดยขีดเสน้ ใต้คาํ บุพบทที่ถกู ต้อง เสร็จแลว้ ใหน้ ักเรียนเปดิ พจนานกุ รมเพือ่ ตรวจ คาํ ตอบ 1. at 2. from 3. from 4. in 5. in Study tip: ให้นักเรียนทําหัวข้อ Prepositional phrases (บพุ บทวล)ี ในสมุดของตนเอง เหมือนดงั ตัวอยา่ ง Prepositional phrases ACpIAFBNRrTeOpMositioenxstrthiVsinekecrwtbioilsdn, ,Addajnegcetirves, Nouns with P protect from จากนัน้ ให้นักเรียนจดคาํ กรยิ า คาํ คณุ ศัพท์ หรอื คํานามท่ีใช้ร่วมกบั คําบพุ บทลงในตาราง โดยครใู ห้ นักเรียนคอยเพ่มิ เตมิ คําศพั ท์ในตารางนี้อย่างสมาํ่ เสมอ เพอื่ ให้นกั เรยี นทบทวนคําศัพทไ์ ด้งา่ ยขึ้น ต่อมาใหเ้ วลานกั เรยี นแต่ละคแู่ ตง่ ประโยคโดยใช้ prepositional phrases จาก Ex.6 เสร็จแล้วครู สุม่ เรียกนักเรยี น 3-5 คู่ ใหอ้ า่ นประโยคทีต่ นเองแตง่ Suggested answer key: 1. Bison are at risk of disappearing off the face of the earth. 2. Trees protect us from dangerous ultraviolet rays. 3. We have to save wildlife from extinction. 4. Bald eagles are in danger of dying out.

5. There are very few pandas still living in the wild. Similes ครูอ่านคําสั่งการทาํ งานในหนังสอื เรยี น หน้า 15 Ex.7 (learning similes) และให้เวลานกั เรยี นจับคู่ คาํ เพ่ือให้เปน็ คําเปรยี บเหมือน (similes) หรือในภาษาไทยเรียกวา่ คาํ อุปมา จากนั้นให้นักเรียนนาํ คํา อุปมาดังกลา่ วเตมิ ลงในประโยค 1-4 ใหถ้ ูกตอ้ ง แลว้ จึงเฉลยคาํ ตอบพรอ้ มกัน และใหน้ ักเรียนช่วยกนั อธบิ ายความหมายของคาํ อุปมาเหล่านี้ และพจิ ารณาวา่ มีสาํ นวนที่ใกล้เคียงกนั นี้ในภาษาไทยหรอื ไม่ 1. as brown as a berry 2. as fresh as a daisy 3. as green as grass 4. as red as a rose (Students’ own answers) Phrasal verbs ครูอา่ นกรยิ าวลี (phrasal verbs) ทีก่ ําหนดใหใ้ นหนังสือเรยี น หน้า 15 Ex.8 (working with phrasal verbs) และถามนกั เรียนว่ารู้จกั กริยาวลีใดบ้าง จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นนาํ กริยาวลีดังกล่าวเติมลงใน ประโยค 1-5 ใหส้ มบรู ณ์ ครูตรวจคาํ ตอบของนักเรียน ตอ่ มาครอู าจมอบหมายใหน้ ักเรยี นทาํ กิจกรรม เพ่มิ เตมิ ด้วยการใหน้ ักเรียนเลอื กกริยาวลีมา 1 วลี และวาดภาพเพ่อื สื่อความหมาย เสรจ็ แลว้ ให้ นกั เรียนนําภาพของตนเองมานําเสนอใหเ้ พอ่ื นๆ ดู และทายวา่ คือกรยิ าวลีใด 1. die 2. make 3. run 4. worn 5. brought Writing

1. ให้นักเรียนทํา Ex.9 (reviewing) ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 15 โดยใหเ้ วลานักเรยี นทบทวนบทเรยี น 2-3 นาที จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นปิดหนงั สอื เรียน และจบั คู่กบั เพื่อนเพ่ือสนทนากันเก่ยี วกับสง่ิ ทไ่ี ด้เรยี นใน บทเรยี นนี้ ครเู ดินรอบๆ ชัน้ เรยี นเพ่ือตดิ ตามการทํากจิ กรรมของนักเรียน เสร็จแล้วสุม่ เลือกนักเรียน ใหอ้ อกมานําเสนอสิง่ ทนี่ กั เรยี นได้เรียนรหู้ นา้ ชน้ั เรียน (Students’ own answers) 2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มทํากจิ กรรม Writing (making a leaflet) ในหนงั สือเรียน หน้า 15 โดยครูอธิบาย ความหมายของคําว่า leaflet (a piece of paper containing information about a particular subject) และให้นักเรียนระบหุ ัวขอ้ ของใบปลิวทนี่ กั เรยี นจะทํา เมอื่ ได้คาํ ตอบว่า Environment Day แล้ว ใหน้ ักเรียนในช้ันชว่ ยกันอภิปรายเกีย่ วกับกจิ กรรมท่ีน่าจะจัดขน้ึ ในวันน้นั เชน่ plant flowers in park/school, plant trees in an area, collect rubbish in an area เป็นตน้ ครู อธิบายวา่ ใบปลวิ ควรระบุข้อมลู ตอ่ ไปน้ี date, place, activities, contact name/telephone number และควรมชี อ่ื เรอื่ งทจี่ ําได้งา่ ย และรูปภาพหรือภาพวาดที่ดงึ ดดู ความสนใจของผอู้ ่าน โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งควรมกี ารจดั แบ่งขอ้ มูล ให้อยใู่ นหวั ขอ้ ย่อยที่เหมาะสม จากนั้นจึงให้ นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มทาํ งาน ครูตดิ ตามการทํางานของนักเรียน และให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมา นาํ เสนอใบปลิวของกลมุ่ ตนเอง Suggested answer key: Help protect the environment We can all help protect the environment. Be part of it. Join us on our Environment Day. Meeting place Meet us at 10:00 pm at Gateville school on Saturday 3rd October. Activities There’s plenty to do. 10:00-12:00 plant flowers in the schoolyard 12:00-1:00 collect rubbish in the nearby area 1:00-3:00 recycle rubbish Every little helps. Be there. For more details contact: Green Teens Tel. No. 222 22222

เมื่อนักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ทาํ งานเสรจ็ แลว้ ครคู วรส่งเสรมิ และให้กําลงั ใจนักเรียนด้วยการมอบรางวลั แก่ นักเรียนใหท้ ่ัวถงึ ทกุ กลุม่ เชน่ กลมุ่ ท่ที าํ ใบปลิวได้สรา้ งสรรค์ที่สุด กล่มุ ทท่ี ําใบปลิวได้ข้อมลู ครบถ้วน ที่สดุ กลมุ่ ทมี่ คี วามสามัคคใี นการทาํ งาน กลุ่มท่มี คี วามเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย เป็นตน้ เพ่ือสง่ เสริมใหผ้ ้เู รยี นมเี จตคตทิ ี่ดีต่อการเรยี นรูภ้ าษาอังกฤษและภมู ใิ จในความสามารถของตนเอง แบบฝกึ หัด หนา้ 11-12 Exs.1-9 (ดเู ฉลยภาคผนวก C) 6. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวัด เครื่องมอื เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั (Workbook) รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการเขยี นใบปลวิ เกยี่ วกับ วันส่งิ แวดลอ้ ม แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ ประเมนิ พฤตกิ รรมบ่งช้ดี า้ นใฝ่ เรียนรู้และมุง่ มัน่ ในการทาํ งาน

Unit 2c Grammar in use 1. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้วี ดั มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม.4-6/1 มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม.4-6/1, ต 1.1 ม.4-6/3-4 มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม.4-6/1 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Grammar: modal verbs (must, have to, should/ought to, mustn’t); future tenses (be going to, future simple, future continuous, future perfect) Vocabulary: forming nouns from verbs • Language skills Speaking: การพูดอธิบายความหมายของป้ายสัญลักษณ,์ การพูดถงึ ส่งิ ทน่ี ักเรียนตอ้ ง ทาํ /ห้ามทาํ หรือควรจะทําในการไปทศั นศึกษา Reading: การอ่านบทอ่านเก่ียวกบั ข้อควรปฏบิ ัตใิ นการไปเท่ียวชนบท (Skills – skimming, reading for specific information)

Writing: การเขยี นจดหมายส้นั ๆ ถงึ เพอ่ื นเกยี่ วกบั ส่งิ ที่คณุ กาํ ลงั จะทาํ เพ่อื ชว่ ยรักษา • Culture: ส่งิ แวดล้อม The Countryside Code 3. ทกั ษะการคิด 3.1 ทักษะการสอ่ื สาร - ฝึกทกั ษะการพดู การอา่ น และการเขยี นภาษาอังกฤษ 3.2 ทกั ษะการนาํ ความร้ไู ปใช้ - นําข้อมลู จากบทอ่านมาใช้ในการพดู ถงึ สง่ิ ที่นักเรียนต้องทํา/ หา้ มทํา หรอื ควรจะทาํ ในการไปทศั นศึกษา 4. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 4.2 ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 4.3 มงุ่ ม่นั ในการทํางาน 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ครชู แี้ จงให้นักเรียนทราบวา่ ใน Unit 2c ซง่ึ เนน้ การฝกึ ฝนไวยากรณ์ นกั เรียนจะไดท้ บทวนและเรียนรู้ เก่ยี วกับการใช้ modal verbs (must, have to, should/ought to, mustn’t) และการใช้ the future (‘will’/‘going to’, future continuous, future perfect continuous) Modal verbs 1. ให้นักเรียนปิดหนงั สอื เรียน ครูเขียนประโยคตอ่ ไปนี้บนกระดาน You mustn’t litter. You must get permission to cross farmers’ fields. You ought to/should have a map with you. จากนั้นใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ระบุว่าประโยคเหลา่ น้นี าํ มาใช้ในสถานการณ์ใด (when walking in the countryside) ต่อมาครูเขียนหวั ขอ้ ตอ่ ไปนบ้ี นกระดาน prohibition, advice/suggestion, obligation/ duty/necessity และให้นักเรยี นจบั คู่หวั ขอ้ กบั ประโยคบนกระดาน ครูให้ความ ช่วยเหลอื ดว้ ยการอธิบายเพ่ิมเตมิ ดังน้ี You mustn’t litter. (It’s against the law.) You must get permission to cross farmers’ fields. (It’s the law.) You ought to/should have a map with you. (I advise you.)

ครูให้นักเรยี นเปิดหนงั สือเรียน หน้า 16 Ex.1 (reviewing modal verbs-must/have to/should/ought to/mustn’t) และใหน้ กั เรยี นสนใจทปี่ ระโยคในกรอบคําพูด ครอู ธบิ ายภาระงาน และให้เวลานกั เรยี นในการจบั คู่กริยาชว่ ยท่ีพิมพต์ ัวหนาในกรอบคาํ พูดกบั หลักการใช้ที่กําหนดให้ ครู ตรวจคําตอบของนกั เรียน จากนน้ั ใหน้ กั เรียนอธบิ ายเหตุผลในการเลอื กตอบของนักเรียน เสร็จแลว้ ให้ นกั เรยี นนาํ กริยาชว่ ยเหล่านมี้ าแต่งประโยค Prohibition: mustn’t (C) Advice/suggestion: should/ought to (A) Obligation/duty/necessity: must/have to (B) 2. ครูอา่ นป้ายในหนังสือเรียน หน้า 16 Ex.2 (practising modal verbs-must/have to/mustn’t/should) และเลอื กนกั เรียน 1 คน อ่านตัวอย่างคาํ ตอบท่ีให้มา ครูอธิบายภาระงาน และใหน้ ักเรยี นเปล่ยี นข้อมลู ในป้ายให้เป็นประโยคเต็ม โดยใช้ must/have to, mustn’t หรือ should จากนัน้ ให้นักเรียนจับคู่ กบั เพอ่ื นเพ่ือเปรยี บเทยี บคาํ ตอบกนั แล้วจึงเฉลยคาํ ตอบอีกครั้ง 2. People should/ought to beware of the bull. 3. Drivers mustn’t drive coaches here. Only cars are allowed. 4. This is private property. People mustn’t enter. People must/have to stay out. 5. People mustn’t litter. There is a £100 penalty. 6. People must/have to keep dogs on a lead. กิจกรรมเพม่ิ เติม: ให้นักเรียนสังเกตป้ายในบรเิ วณโรงเรียน และอธบิ ายความหมายของปา้ ยเหล่าน้ี 3. ให้นกั เรยี นดชู อ่ื เรอ่ื งและ logo หรอื สญั ลกั ษณ์ ในข้อความทใ่ี หม้ าในหนังสอื เรยี น หน้า 16 Ex.3 (reading for specific information - gap filling) แล้วอธบิ ายคาํ ศัพทใ์ หม่ กอ่ นให้นกั เรยี นทํางาน ครูแนะนําว่านกั เรยี นควรตัดสินใจกอ่ นวา่ ประโยคท่นี ักเรียนจะเติมคําน้ันเป็นประโยคทเี่ ป็นการห้าม (prohibition) การแนะนํา (advice/suggestion) หรอื การบงั คบั /หนา้ ท/ี่ ความจาํ เป็น (obligation/duty/ necessity) แล้วจงึ ตัดสนิ ใจเลือกวา่ จะใชก้ ริยาชว่ ยคําใด จากนน้ั ใหเ้ วลานักเรยี น ในการเตมิ คําในช่องวา่ ง 1-7 และใหน้ ักเรียนจบั คูเ่ ปรยี บเทียบคําตอบกบั เพื่อน เสร็จแลว้ ครเู ปดิ CD1/Track 12 ใหน้ กั เรยี นฟงั และตรวจคําตอบ 1. should 2. should 3. mustn’t 4. should

5. mustn’t 6. must 7. should Culture: The Countryside Code เป็นขอ้ ควรปฏบิ ัตหิ รอื กฎกติกาในการปฏิบัติตัวเมื่อไปเทีย่ วในพนื้ ทช่ี นบท โดยเฉพาะพ้นื ทเี่ กษตรกรรมในประเทศสหราชอาณาจกั ร (the United Kingdom) ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิ เหล่านี้มขี ้ึนมาตัง้ แต่ในชว่ งปี ค.ศ.1950s โดยเร่ิมแรกเลยใช้ชือ่ วา่ The Country Code ภายหลัง มีการปรับปรงุ เน้อื หาและแก้ไขชอ่ื เป็น The Countryside Code The Countryside Code ใหค้ วามสาํ คญั กับการวางแผนลว่ งหนา้ ในการไปเที่ยว การไปเทย่ี วอยา่ ง ปลอดภยั การควบคมุ สนุ ขั เมือ่ เขา้ ใกลก้ ับสตั วใ์ นฟาร์ม และการปอ้ งกันไฟไหมป้ า่ 4. ให้นกั เรียนศกึ ษาคาํ สัง่ ในหนงั สือเรียน หน้า 16 Ex.4 (consolidating modals) ทส่ี มมติใหน้ ักเรียน เปน็ ครูที่กาํ ลังพานกั เรียนในช้ันไปทัศนศกึ ษาในชนบท แล้วพูดบอกถึงส่งิ ทน่ี ักเรยี นต้องทํา/หา้ มทาํ หรอื ควรจะทาํ เม่อื นกั เรยี นศึกษาคําสัง่ ในการทํางานแลว้ ครูใหน้ กั เรยี นระบวุ ่าผู้พูดในกจิ กรรมนค้ี ือ ใคร (a teacher) และผู้ฟงั คอื ใคร (a school class) ส่ิงน้จี ะชว่ ยทําใหน้ กั เรียนเลอื กข้อมูลจาก ขอ้ ความใน Ex.3 มาใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสม จากนั้นใหน้ กั เรียนจดโน้ตสนั้ ๆ จากข้อความดังกลา่ ว โดย แนะนําให้นักเรียนใชค้ ําที่มีความหมายเหมือนกนั และการถอดความ (paraphrase) ให้มากท่ีสุดเท่าที่ จะเปน็ ไปได้ ครตู ิดตามการทํางานของนักเรียน และเลอื กนักเรียนออกมานาํ เสนอการพดู หน้าช้ันเรียน Suggested answer key: Now, before we leave, let me tell you some of the rules. Firstly, you should treat the countryside like your home. Next, you mustn’t climb over fences or hedges or touch machinery. In fields with crops, you should follow the paths around the edges and not walk across them. You mustn’t drop litter because it’s dangerous to wildlife and can spread diseases. Finally, you should show respect for local people. ทกั ษะชีวติ (Life skills) การปฏบิ ัตติ ามกฎ กตกิ าของสงั คม ถอื เปน็ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ อยา่ งหนง่ึ เพราะเม่อื ทุก คนรู้จักสิทธแิ ละหน้าท่ขี องตนเอง จะทําใหส้ ามารถทาํ งานและอยู่ร่วมกนั ในสังคมไดอ้ ย่างมีความสุข กจิ กรรมเพิ่มเติม: ครูให้นกั เรยี นอภปิ รายร่วมกนั ถึงหน้าท่ขี องพลเมอื งไทยทด่ี ีมอี ะไรบ้าง จากนน้ั ให้ นักเรยี นแบ่งกล่มุ คน้ คว้า รวบรวมข้อมลู และทาํ โปสเตอรเ์ กยี่ วกบั หนา้ ทีข่ องพลเมืองไทย โดยใช้

โครงสร้างภาษาท่ีเรยี น เชน่ We must protect the nation, religion and the King. We must obey the law. Word formation ครูอธบิ ายวา่ suffixes ท่ใี หไ้ วใ้ นกรอบในหนงั สอื เรียน หนา้ 16 Ex.5 (forming nouns from verbs - word formation) เม่อื เติมเข้าไปหลงั คํากรยิ าแลว้ จะเปล่ียนชนดิ ของคําเปน็ คาํ นาม จากนั้น อธิบายวา่ ให้นกั เรยี นเตมิ ช่องว่างในประโยค 1-5 โดยเปล่ยี นคํากริยาในวงเล็บใหเ้ ป็นคาํ นาม ด้วยการ เติม suffixes (-ion, -ation, -sion, -tion) ครูให้นักเรยี นศึกษาตัวอย่างคําตอบข้อ 1 รว่ มกันเพือ่ เป็น ตัวอยา่ ง แล้วจงึ ให้นักเรียนทําข้อทเี่ หลอื ด้วยตนเอง เสรจ็ แล้วจงึ เฉลยคําตอบพร้อมกัน 1. conservation 2. collection 3. conclusion 4. reduction 5. pollution Will/Going to 1. ครูอา่ นคําสง่ั ในหนงั สือเรียน หน้า 17 Ex.6 (reviewing will vs going to) และใหน้ กั เรียนจับคู่ ประโยค 1-3 กับการใชท้ ี่กาํ หนดให้ จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นจบั คูก่ บั เพ่อื นเพ่ือเปรียบเทยี บคาํ ตอบกัน ครตู รวจคําตอบของนักเรยี นอีกคร้งั และใหน้ ักเรียนศึกษาเพิ่มเติมใน Grammar reference ใน หนงั สอื เรียน หน้า 108-109 1. a prediction based on what we see 2. a future plan/intention 3. a prediction based on what we think/ believe 2. ครูอ่านวลี 1-6 ในหนงั สือเรียน หน้า 17 Ex.7a (practising will vs going to) และเลือกนกั เรียน 2 คน ใหอ้ า่ นตวั อยา่ งบทสนทนาทใี่ หม้ า จากน้ันให้เวลานักเรียนจบั ค่สู นทนากนั เกีย่ วกบั สิง่ ที่ Peter และเพ่ือนร่วมช้นั ตัดสนิ ใจแล้ววา่ จะทําเพอื่ ชว่ ยรกั ษาสิง่ แวดลอ้ ม เสร็จแล้วเลอื กนกั เรียนออกมา สนทนาหน้าชัน้

A: Are they going to join an environmental group? B: Yes, they are. Do you think they will make a pond at school? A: Yes, they are going to make a pond. B: Are they going to go on a school trip to the countryside? A: No, they aren’t. Do you think they will take part in a clean-up campaign? B: They are going to take part in a clean-up campaign. etc 3. ครูอธบิ ายภาระงานในหนงั สอื เรยี น หนา้ 17 Ex.7b ครแู นะนําว่านกั เรยี นสามารถใชข้ ้อมูลจาก Ex.7a เพอ่ื ช่วยในการทํางานได้ จากนนั้ ให้เวลานักเรียนจบั คอู่ ภิปรายเกยี่ วกบั สิง่ ที่นักเรยี นจะทาํ เพื่อชว่ ยรกั ษาส่งิ แวดล้อม เสรจ็ แลว้ ครูเลือกนักเรียน 3-5 คู่ ออกมานําเสนอหนา้ ชั้นเรยี น Suggested answer key: A: I’m going to make a wildlife pond in my garden. B: That’s a good idea. I think you’ll enjoy that. I’m going to join an environmental group. A: Really? I’m sure you’ll find it very interesting. etc Future continuous, future perfect 1. ใหน้ กั เรยี นปิดหนงั สือเรยี น และเขียนขอ้ ความตอ่ ไปน้ีบนกระดาน This time next week I’ll be on holiday. I’ll be swimming in the sea. Will you be going away this weekend? ครูถามนกั เรยี นวา่ Which example expresses an action in progress at a certain time in the future, a previously arranged action? (2 ประโยคหลัง) และใหน้ ักเรียนชว่ ยกันบอก โครงสรา้ งของ future continuous: will + be + verb-ing ครถู ามนกั เรียนวา่ What will you be doing this time tomorrow? และให้นักเรยี นตอบข้อมลู ตามความเป็นจรงิ วา่ ในเวลาเดยี วกันน้ี ของวันพรงุ่ นี้ นักเรยี นจะกําลงั ทาํ อะไรอยู่ เช่น I’ll be having an English class. จากน้นั ครูเขยี นประโยคต่อไปนบ้ี นกระดาน By the time we get to the cinema, the film will have started. และอธิบายวา่ future perfect ใช้กลา่ วถงึ การกระทาํ ทีเ่ สร็จสิ้นไปแล้วก่อนเวลาที่ ระบแุ น่นอนในอนาคต จากน้ันให้นักเรียนช่วยกันบอกโครงสรา้ งประโยคของ future perfect: will + have + past participle ครูถามนักเรียนวา่ What will you have done by the age of


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook