เ ก ร็ ด ชี วิ ต แ ล ะ ป ฏิ ป ท า ข อ ง พ ร ะ ดี พ ร ะ แ ท้ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล เ รี ย บ เ รี ย ง
เ ก ร็ ด ชี วิ ต แ ล ะ ป ฏิ ป ท า ข อ ง พ ร ะ ดี พ ร ะ แ ท ้ ๒ พระไพศาล วิสาโล เ ร ี ย บ เ รี ย ง
ชมรมกลั ยาณธรรม หนังสือดลี �ำดบั ท่ี ๑๗๙ ลํ า ธ า ร ริ ม ล า น ธ ร ร ม ๒ เรยี บเรียงโดย พระไพศาล วสิ าโล www.visalo.org พิมพค์ ร้งั ท่ ี ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ จ�ำนวนพมิ พ์ ๗,๐๐๐ เลม่ จัดพิมพ์โดย ชมรมกัลยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชัย ต�ำบลปากน้�ำ อ�ำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศัพท์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๗๐๒-๙๖๒๔ ภาพประกอบ ฐมาพร วงศเ์ อกชตู ระกลู ออกแบบปก ธรี ะวฒุ ิ พลารชนุ จดั รปู เลม่ คนขา้ งหลงั ชว่ ยแกค้ ำ� อะตอ้ ม พสิ จู นอ์ กั ษร พค่ี นขา้ งหลงั , หะน ู อนเุ คราะหจ์ ดั พมิ พ์ โดย บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จ�ำกัด (มหาชน) ๖๕/๑๖ ถนนชัยพฤกษ์ (บรมราชชนน)ี เขตตล่งิ ชัน กรงุ เทพฯ ๑๐๑๗๐ โทร. ๐-๒๔๒๒-๙๐๐๐ สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ การให้ธรรมะเป็นทาน ยอ่ มชนะการใหท้ งั้ ปวง www.kanlayanatam.com
ข อ อ ุ ท ิ ศ น ํ้ า พ ั ก นํ้ า แ ร ง บ ู ช า พ ร ะ คุ ณ พระเทพปริยัตมิ นุ ี (สมคดิ เขมจาร)ี เ จ ้ า คุ ณ อ า จ า ร ย ์ ผู้ มี เ ม ต ต า ต ่ อ ผู้ เ รี ย บ เ ร ี ย ง นั บ แ ต่ แ ร ก บ ว ช
ค�ำปรารภ เกรด็ ประวตั แิ ละเรอ่ื งราวของครบู าอาจารยท์ เี่ ปน็ พระสปุ ฏปิ นั โน นั้น นอกจากเป็นแบบอย่างแห่งการด�ำเนินชีวิตท่ีงดงามแล้ว ยังเป็น ภาพปรากฏแห่งธรรมท่ีมีชีวิตชีวาอันเราสามารถแลเห็นและจับต้องได ้ ท�ำให้ธรรมะมิใช่เป็นเพียงแค่หลักการทางนามธรรมท่ีต้องใช้เหตุผล ในการท�ำความเข้าใจเท่านั้น รูปธรรมแห่งธรรมะดังกล่าวสามารถให้ แรงบนั ดาลใจแกผ่ คู้ นในการนอ้ มนำ� มาปฏบิ ตั ไิ ดเ้ ปน็ อยา่ งด ี ใชแ่ ตเ่ ทา่ นนั้ เร่ืองราวของท่านเหล่าน้ันซ่ึงส่วนใหญ่เป็นบุคคลในอดีต ยังสะท้อนให ้ เห็นถึงขนบธรรมเนียมหรือวิถีปฏิบัติอันดีงามของสงฆ์ที่นับวันจะเลือน หายไป ดว้ ยเหตนุ ข้ี า้ พเจา้ จงึ เหน็ วา่ การนำ� เกรด็ ประวตั ขิ องพระดพี ระแท ้ ท้ังหลายมาเรียบเรียงเผยแพร่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน เช่นเดียวกับท ี่ ขา้ พเจา้ เคยไดร้ บั มาแลว้ เร่ืองราวเหล่าน้ีข้าพเจ้าเรียบเรียงเป็นตอนๆ ตีพิมพ์ในวารสาร อนุรักษ์ และ ธรรมานุรักษ์ มาตั้งแต่แต่ ๑๕ ปีท่ีแล้ว ต่อมาในปี ๒๕๔๔ ไดร้ วมพมิ พเ์ ปน็ เลม่ ตงั้ ชอื่ วา่ ล�ำธารรมิ ลานธรรม และไดม้ กี ารตพี มิ พซ์ ำ�้ อกี หลายครงั้ โดยมกี ารเขยี นเพม่ิ เตมิ อกี ๔ บทในป ี ๒๕๔๘ ในการพมิ พ์ ครั้งล่าสุดเมื่อปี ๒๕๕๓ ชมรมกัลยาณธรรมได้ท�ำประวัติย่อของครูบา อาจารยท์ กุ ทา่ นทก่ี ลา่ วถงึ ในหนงั สอื ดว้ ย นอกเหนอื จากการทำ� ภาพประกอบ ทงี่ ดงาม 4 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
ในพรรษาป ี ๒๕๕๓ ขา้ พเจา้ ไดน้ �ำแตล่ ะบทในล�ำธารรมิ ลานธรรม เผยแพร่ลงใน Facebook ทุกเช้าวันพระ โดยให้ช่ือว่า “เรื่องเล่าเช้า วนั พระ” ปรากฏวา่ มคี นสนใจมาก เมอื่ เผยแพรจ่ นครบทกุ บทแลว้ เพอ่ื ไมใ่ หข้ าดตอน ขา้ พเจา้ จงึ เหน็ วา่ นา่ จะเขยี นบทใหมๆ่ น�ำมาเผยแพรต่ อ่ ไป สัปดาห์ละบท เริ่มต้ังแต่ต้นปี ๒๕๕๔ และส้ินสุดในวันออกพรรษาป ี เดยี วกนั รวมทง้ั หมด ๓๓ บท มากพอทจ่ี ะรวมพมิ พเ์ ปน็ เลม่ ใหมอ่ กี เลม่ หน่ึง จึงได้มอบให้ชมรมกัลยาณธรรมจัดทำ� ข้ึน ท้ังหมดน้ีคือที่มาของ ล�ำธารริมลานธรรม ๒ ขอขอบคุณคุณหมออัจฉรา กล่ินสุวรรณ์ และมิตรสหายแห่ง ชมรมกัลยาณธรรม ท่ีร่วมกันด�ำเนินการจัดพิมพ์หนังสือเล่มน้ีข้ึนมา อย่างประณีต โดยได้ท�ำประวัติย่อของครูบาอาจารย์ทุกรูปท่ีกล่าวถึงใน หนงั สอื พรอ้ มกบั จดั หาภาพประกอบอยา่ งสวยงามไมแ่ พ ้ ล�ำธารรมิ ลาน ธรรม เล่มแรก หวังว่าหนังสือเล่มน้ีไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อพระหนุ่ม เณรน้อยท่ีหวังความเจริญงอกงามในเพศบรรพชิตเท่าน้ัน หากยังเป็น แบบอยา่ งและแรงบนั ดาลใจแกบ่ คุ คลทว่ั ไปทปี่ รารถนาความสขุ และชวี ติ ทด่ี ีงามดว้ ย ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ 5 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
คำ� นำ� ของ ชมรมกลั ยาณธรรม ด้วยความประทับใจจาก ล�ำธารริมลานธรรมเล่ม ๑ : รวม เกร็ดชีวิตและธรรมะของพระดีพระแท้ ซึ่งพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ได้รวบรวมเร่ืองราวมาเล่าได้อย่างสนุกและมีสาระธรรม ทั้งเรื่องราว เกร็ดชีวิตแบบอย่างแห่งผู้ทรงศีลทรงธรรมท่ีชวนอ่าน และเคล็ดลับ การปฏบิ ตั พิ รอ้ มเกรด็ ธรรมทน่ี า่ ประทบั ใจ นอ้ มน�ำมาปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ชมรม กัลยาณธรรมได้รับอนุญาตให้จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทานในงานแสดง ธรรม-ปฏบิ ตั ธิ รรมของชมรมฯ ครงั้ ท ี่ ๒๐ หนงั สอื เลม่ นเ้ี ปน็ ทกี่ ลา่ วขวญั ถึง เพราะนไ่ี ม่ใชต่ �ำราปฏบิ ัตทิ ี่ครำ่� เคร่ง แต่เปน็ แงม่ มุ ชีวิตต้นแบบพรอ้ ม สอดแทรกเทคนิคค�ำสอนทางธรรมอย่างแยบยลชวนอา่ น บัดน้ี ชมรมกัลยาณธรรมได้รับความไว้ใจจากพระอาจารย์ ให้ จดั พมิ พล์ �ำธารรมิ ลานธรรม เลม่ ๒ ตอ่ ไป ทง้ั หมดในเลม่ นเี้ ปน็ บทความ เกร็ดชีวิตและธรรมะของพระดีพระแท้หลากลีลา ท่ีท่านเขียนเล่าลงใน เฟซบุ๊ก ทุกๆ วันพระซ่ึงมีแฟนคอลัมน์รออ่านรอถูกใจกันมากมาย เม่ือ รวบรวมแล้วก็ได้เนื้อหาที่อัดแน่นด้วยสาระแห่งชีวิตท่ีมีรสชาติและเกร็ด ทางธรรม (ดูเหมือนจะเข้มข้นกว่าเล่ม ๑ เสียอีก) ด้วยแบบฉบับการ เล่าเรื่องตามลีลาเอกลักษณ์ท่ีสามารถอธิบายเรื่องยากให้เป็นเร่ืองง่าย ได้อย่างงดงามของนักเขียนเจ้าของรางวัลศรีบูรพาและรางวัลนักเขียน อมตะทมี่ ผี ตู้ ดิ ตามอา่ นผลงานของทา่ นมากมาย ลลี าชวี ติ และเกรด็ ธรรมะ 6 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
ของพระดพี ระแท ้ ทท่ี า่ นเลอื กสรรมา นบั วา่ หาอา่ นหาฟงั ไดย้ ากยง่ิ อา่ น จบแต่ละเรื่องแล้วต้อง...สาธุ พร้อมเติมก�ำลังใจในธรรมให้อาจหาญ ซึ่งแม้ว่าทุกชีวิตต้นแบบท่ียกมาล้วนเป็นแบบอย่างของชีวิตแห่งธรรม จริงแท้ท่ีพิสูจน์ได้ แต่หากขาดลีลาส�ำนวนการน�ำเสนออย่างชวนอ่าน และการสรุปข้อธรรมให้ผู้อ่านฉุกคิดได้อย่างแยบคายเช่นน้ีก็คงขาด อรรถรสและความนา่ สนใจลงไปมใิ ช่นอ้ ย นบั วา่ ทกุ ทา่ นโชคดแี ละมบี ญุ ทพี่ ระอาจารยไ์ พศาล วสิ าโล เมตตา ถ่ายทอดเกร็ดชีวิตและธรรมะของพระดีพระแท้ท่ีน่าสนใจให้พวกเรา ได้ศึกษา เหมือนอาหารจานส�ำเร็จเปี่ยมคุณค่าประโยชน์ต่อสุขภาพท ี่ ปรงุ รสมาพอเหมาะ ไมต่ อ้ งเสยี เวลาแสวงหาวตั ถดุ บิ จากทมี่ าหลายแหง่ ให้ล�ำบาก หากผู้อ่านได้พิจารณาใคร่ครวญธรรมแล้วน้อมน�ำมาเป็น ก�ำลงั ใจในการปฏบิ ตั ิ กย็ อ่ มสมเจตนาในความเหนอ่ื ยยากทพี่ ระอาจารย ์ ได้เมตตาสละเวลารวบรวมมา ขอขอบพระคุณ บริษัทอมรินทร์พริ้นต้ิง แอนด์พลับลิชช่ิง จ�ำกัด (มหาชน) อีกคร้ัง ท่ีได้อนุเคราะห์จัดพิมพ์เพ่ือ แจกเปน็ ธรรมทานในงานแสดงธรรม ครงั้ ท ี่ ๒๓ ของชมรมกลั ยาณธรรม ๘ กรกฎาคม ศกน ี้ จำ� นวน ๗,๐๐๐ เลม่ คณะผจู้ ดั ทำ� ขอนอบนอ้ มถวาย งานธรรมนเี้ พอื่ เปน็ พทุ ธบชู า และถวายเปน็ อาจรยิ บชู าแดค่ รบู าอาจารย ์ ทางธรรมทุกท่าน และหวังว่าท่านผู้อ่านจะอ่ิมเอมใจกับอรรถรสและ สาระในธรรมท่เี ลือกสรรมาแลว้ น้ีทวั่ กันทุกท่าน ทพญ. อจั ฉรา กลิ่นสุวรรณ์ ประธานชมรมกลั ยาณธรรม ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ 7 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
สารบัญ ๐๔ ค�ำปรารภ ๑๑ บุญของยายแฟง ๑๕ กายปว่ ย ใจไมป่ ่วย ๑๙ อาจารยข์ องหลวงพ่อพธุ ๒๕ รวยกับซวย ๓๑ สมาธขิ องหลวงพ่อชา ๓๕ หลวงปูข่ าวกับเดก็ น้อย ๓๙ ธรรมน้ันมีอยทู่ ุกหยอ่ มหญ้า ๔๕ ตายเปน็ ตาย ๕๑ นง่ิ ได้ ไมห่ ว่นั ไหว ๕๗ ภาวนาทใ่ี จ ๖๓ กอ่ นมาเปน็ หลวงพอ่ เทียน ๖๙ พระของชาวบา้ น ผนู้ ำ� ของศาสนา ๗๕ สนกุ ป่วย ๗๙ ขุนเขาทบ่ี างเบา ๘๕ เคลด็ ลบั ของสมเดจ็ พระวันรัต ๙๑ ท่นี ี่มืดจรงิ หนอ
๙๕ ปราชญ์ผูส้ ันโดษ ๙๙ รวยบญุ ญาบารมี ๑๐๕ ใจหนอใจ ๑๐๙ น้ำ� มนตข์ องหลวงพ่อเทียน ๑๑๓ ถูกดา่ แค่ไหน กไ็ ม่ทกุ ข์ ๑๑๗ เมอ่ื หลวงพอ่ โตรับจ้างเทศน์ ๑๒๑ นาทีสุดท้ายของหลวงปเู่ สาร์ ๑๒๗ บทพสิ ูจน์ของชายหนุ่ม ๑๓๓ ถา้ เชื่อกโ็ ง่ ๑๓๗ ทกั ท้วงความคิด ๑๔๑ ผ้าข้ีร้วิ ห่อทอง ๑๔๗ ให้ทำ� ตัวเหมอื นหมา ๑๕๑ ท่รี ะลึกจากหญิงสาว ๑๕๕ อมฤตธรรมจากเทวดา ๑๖๑ สงิ่ ทพ่ี ึงเห็นด้วยใจ ๑๖๗ วาระสดุ ทา้ ยของท่านพุทธทาสภิกขุ ๑๗๓ ทะไลลามะ พระธรรมดา ๑๗๖ ทมี่ าของเกรด็ ชวี ติ
10 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
บุญของ ยายแฟง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) หรือ หลวงพ่อโต เป็นผู้ท่ีม ี เมตตาสงู มาก ใครขออะไรจากทา่ น มักจะไมผ่ ิดหวัง แมแ้ ตก่ ณั ฑ ์ เทศน์ ท่านก็ให้ใครต่อใครได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกันท่านก ็ ไม่ค่อยถือตัวหรือติดในสมมติ ผู้คนจึงมองว่าท่านมีพฤติกรรม แปลกๆ ไม่เหมือนใคร หาว่าท่านเปน็ “พระบ้า” กม็ ี อย่างไรก็ตาม หากเป็นเร่ืองความถูกต้องแล้ว ท่าน เขม้ แขง็ มน่ั คงมาก ไมย่ อมโอนออ่ นเลย แตก่ ม็ ใิ ชแ่ ขง็ กระดา้ ง หาก มีกุศโลบาย สมัยท่ีท่านมีสมณศักด์ิเป็นพระเทพกวี ได้รับนิมนต์ เขา้ ไปเทศนใ์ นจวนของสมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรสี รุ ยิ วงศ ์ (ชว่ ง บุนนาค) ซ่ึงเป็นขุนนางที่มีอ�ำนาจมากท่ีสุดในเวลาน้ัน แม้แต่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวกท็ รงเกรงใจ 11 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
เมื่อท่านข้ึนธรรมาสน์ ให้ศีลเสร็จ ก็เร่ิมแสดงพระธรรม เทศนา ระหว่างน้ันขุนนางที่รับใช้สมเด็จเจ้าพระยาฯ รวมทั้งพวก ที่มาจากหัวเมือง พากันหมอบกับพ้ืนฟังธรรมกันเป็นแถว ตรง ข้ามกับสมเด็จเจ้าพระยาฯ กลับนั่งเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ ไขว่ห้าง รนิ น้�ำชาฟงั เทศน์ หลวงพอ่ โตจงึ เทศนว์ า่ “สมั มามวั รนิ กนิ นำ�้ ชา มจิ ฉาหมอบ กม้ ประนมมอื ” สมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้ยินก็โมโห ลุกเข้าเรือนไปทันที ส่วน หลวงพ่อโตก็ลงจากธรรมาสน์กลับวัดระฆัง ว่ากันว่าสมเด็จเจ้า พระยาฯ ข่นุ เคอื งท่านอย่นู าน อีกคราวหนึ่งท่านได้รับนิมนตเ์ ทศนฉ์ ลองวัดของยายแฟง ยายแฟงผนู้ เ้ี ปน็ แมเ่ ลา้ ทร่ี �่ำรวยจากนำ�้ พกั นำ�้ แรงของโสเภณ ี เมอื่ ยายแฟงมอี ายมุ ากขน้ึ อยากท�ำบญุ คร้ังใหญเ่ พือ่ ลบรอยบาป จงึ บริจาคเงินสร้างวัด ตั้งช่ือว่าวัดใหม่ยายแฟง เม่ือสร้างวัดเสร็จ ยายแฟงดใี จมากทสี่ ามารถสรา้ งวดั ไดอ้ ยา่ งเศรษฐ ี แมม้ อี าชพี เปน็ แมเ่ ล้า 12 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
เม่ือหลวงพ่อโตขึ้นธรรมาสน์ ท่านได้เทศน์ให้ยายแฟงฟัง ต่อหน้าว่า “ยายแฟงสร้างวัดคร้ังน้ี ได้ผลอานิสงส์บกพร่อง ไม่เต็ม เมด็ เตม็ หนว่ ย เพราะเงนิ ทส่ี รา้ งวดั เปน็ เงนิ ทเี่ กดิ จากน้�ำพกั นำ�้ แรง ของคนอนื่ ทไี่ มช่ อบดว้ ยธรรมเนยี ม ถา้ เปรยี บอานสิ งสน์ ด้ี ว้ ยเงนิ เหรียญบาท ยายแฟงก็ได้ไม่เต็มบาท จะได้สักสลึงเฟื้องเท่าน้ัน นี่ว่าอย่างเกรงใจกันนะ” สลึงเฟื้องนั้นเป็นจ�ำนวนเท่ากับค่าตัวของหญิงโสเภณี ในซอ่ งยายแฟง ใครฟังแล้วก็ชอบใจ หัวเราะกันใหญ่ แต่ยายแฟงไม่ข�ำ ด้วยมีแต่ความขุ่นเคืองใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ยายแฟงก็เห็นจริง ตามที่ท่านว่า จึงไมโ่ กรธเคืองทา่ นต่อไป วัดใหม่ยายแฟงต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดคณิกาผล เป็น การยกย่องคณิกาอันเป็นท่ีมาของวัดน้ี ทุกวันนี้น้อยคนที่จะรู้ว่า ยายแฟงเปน็ คนสรา้ งวัดนี้ 13 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
14 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
กายปว่ ย ใจไมป่ ว่ ย คราวหน่ึงหลวงปู่บุดดา ถาวโร ได้รับนิมนต์ไปฉันท่ีบ้าน ของโยมผหู้ นง่ึ มพี ระหลายรปู ไปรว่ มฉนั ดว้ ย พอฉนั เสรจ็ ไมน่ าน พระทกุ รปู กอ็ าเจยี นอยา่ งหนกั เนอื่ งจากอาหารเปน็ พษิ อาเจยี น เสร็จก็หมดแรง สว่ นเจา้ บา้ นตกใจมากที่เกดิ เหตุไมค่ าดฝนั ข้นึ เช้าวันนั้นพระทุกรูปล้มนอนเพราะหมดแรง คงเหลือแต ่ หลวงปบู่ ดุ ดาองคเ์ ดยี วทยี่ งั นงั่ พดู คยุ กบั เจา้ ของบา้ นและญาตโิ ยม ทั้งๆ ท่ีท่านเองก็อาเจียนไม่น้อยกว่าพระรูปอื่น เวลาจะอาเจียน ท่านก็ลากกระโถนจากใต้ท่ีนั่งออกมา พออาเจียนเสร็จท่านก ็ คุยตอ่ ไม่ไดแ้ สดงอาการออ่ นเพลียแต่อย่างใด ภายหลังได้มีผู้ถามหลวงปู่บุดดาว่า หลวงพ่อไม่เป็นอะไร หรือ จึงนงั่ คยุ กับญาตโิ ยมเหมอื นกับว่าไม่มีอะไรเกดิ ข้ึน 15 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
หลวงปบู่ ดุ ดาตอบวา่ เจา้ ภาพเขามคี วามทกุ ขใ์ จทน่ี ำ� อาหาร เป็นพิษมาถวายพระ ท่านเลยนั่งคุยให้เขาคลายทุกข์ใจ ท่านยัง กล่าวต่อว่า “ร่างกายเรานี้มันสักแต่ว่าเท่านั้น ธาตุ ๔ มันถูกยา เมา ยาเบอ่ื มนั กแ็ สดงอาการตา่ งๆ นานา สว่ นจติ ใจมนั ไมไ่ ดถ้ กู ก็ เลยไมเ่ ปน็ อะไร เหตเุ พราะกายกบั ใจมนั คนละเรอื่ ง รวมกนั ไมไ่ ด”้ อกี คราวหนง่ึ ท่านตอ้ งเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดนิ่ว หลัง จากผ่าตัดเสร็จ หลวงปู่ก็พูดว่า “ค่อยยังชั่วแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว” แพทยแ์ ละพยาบาลพากนั แปลกใจ ถามหลวงปวู่ า่ ทา่ นไมร่ สู้ กึ เจบ็ เลยหรือ คนอื่นผ่าตัดน้อยกว่าหลวงปู่ ยังแสดงอาการเจ็บปวด มากกวา่ หลวงป่ทู �ำอย่างไรถึงไม่เจ็บ หลวงปตู่ อบวา่ “รา่ งกายของหลวงปกู่ เ็ หมอื นกนั ท�ำไมมนั จะไมเ่ จบ็ แตจ่ ติ ใจตา่ งหากทไี่ มไ่ ดเ้ จบ็ ปว่ ยไปกบั รา่ งกายดว้ ยเทา่ นน้ั ” ความเจ็บป่วยเป็นเรื่องของกาย แต่แทนที่จะเห็นว่ากาย ปว่ ยหรอื กายเจบ็ เรามกั จะทกึ ทกั หรอื สำ� คญั มนั่ หมายวา่ “กปู ว่ ย” หรือ “กูเจ็บ” ความป่วยจึงลามไปถึงใจ หาไม่ก็ไปยึดติดถือมั่น กบั ความเจบ็ ปวด ใจจงึ ปวดไปดว้ ย หลวงปบู่ ดุ ดาเปน็ ผมู้ ปี ญั ญา 16 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
ท่านเห็นว่าความเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา ใจจึงไม่ทุกข์ร้อนไป ด้วย แม้จะมีทุกขเวทนาเกิดข้ึน ก็เพียงแต่รู้เฉยๆ ไม่ยึดติดถือม่ัน กบั ทกุ ขเวทนาน้นั ใจจงึ โปร่งเบาสุขสบาย หลวงปู่บุดดา ถาวโร วดั กลางชูศรีเจรญิ สุข อ. บางระจนั จ. สิงหบ์ รุ ี นามเดมิ บุดดา มงคลทอง ก�ำเนดิ วนั ที่ ๕ มกราคม ๒๔๓๗ สถานทีเ่ กิด อ. โคกสำ� โรง จ. ลพบรุ ี อุปสมบท ณ วัดเนนิ ยาว อ. บา้ นหม่ี จ. ลพบรุ ี เมอ่ื ๑๕ เมษายน ๒๔๖๕ โดยมพี ระครธู รรมขนั ธ์สุนทร เปน็ พระอปุ ัชฌาย์ มรณภาพ ๑๒ มกราคม ๒๕๓๗ สิรอิ ายุ ๑๐๐ ปี ๗๒ พรรษา หลวงปบู่ ดุ ดาบวชเมอื่ อาย ุ ๒๘ ป ี ไดร้ บั ฉายาวา่ “ถาวโรภกิ ข”ุ ทา่ นเปน็ พระภิกษุท่ีเคร่งครัดย่ิง ถือธุดงควัตร ครองผ้าสามผืนเป็นวัตร ชีวิตเป็นอยู ่ เรียบง่ายทุกอย่างพอดีหมด หลวงปู่ได้ทุ่มเทชีวิตให้แก่การปฏิบัติธรรม ชนิด เอาชีวิตเป็นประกัน เดิมพันด้วยความตายและความสำ� เร็จ นับเป็นพระเถระ ทมี่ คี ณุ ธรรมและมพี รรษามาก ท่านได้มีโอกาสพบ และสนทนาธรรมกับพระปฏิบัติหลายรูป อาทิเช่น พระอาจารยม์ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต, ครบู าศรวี ชิ ยั , ทา่ นเจา้ คณุ นรรตั นราชมานติ เปน็ ตน้ นอกจากนนั้ ทา่ นยงั ไดร้ บั ความนบั ถอื จากพระเถราจารย ์ ผทู้ รงคณุ ธรรมหลายรปู เชน่ ครบู าพรหมมา พรหมจกโฺ ก, หลวงปเู่ ทสก ์ เทสรงั ส,ี หลวงปสู่ มิ พทุ ธฺ า- จาโร, ทา่ นพทุ ธทาสภกิ ข ุ เปน็ ตน้ ซงึ่ ยอ่ มเปน็ การแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ริ ู้ ภมู ธิ รรม และคณุ ธรรมอันสูงส่งของหลวงปูไ่ ด้เป็นอยา่ งดี 17 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
18 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
อาจารยข์ อง หลวงพอ่ พธุ หลวงพ่อพุธ านิโย เป็นพระสุปฏิปันโน ที่ได้รับการ ยกย่องนับถืออย่างกว้างขวาง ท่านเป็นศิษย์รุ่นสุดท้ายท่ีจัดว่า เปน็ เพชรนำ้� เอกของหลวงปเู่ สาร ์ กนตฺ สโี ล ซงึ่ เปน็ พระอาจารยใ์ หญ ่ ดา้ นกรรมฐานของภาคอสี าน ท่านเป็นชาวสระบุรีโดยกำ� เนิด แต ่ ไปศึกษาปฏิบัติจนเจริญงอกงามในทางธรรมท่ีภาคอีสาน โดย บรรพชาเป็นสามเณรท่ี จ. อุบลราชธานี หลังจากอุปสมบทแล้ว ทา่ นไดใ้ ชช้ วี ติ สว่ นใหญใ่ นภาคอสี าน ตอ่ มาไดเ้ ปน็ เจา้ อาวาสวดั ปา่ สาลวนั จ. นครราชสมี า จวบจนละสงั ขารเมอ่ื ป ี ๒๕๔๒ สริ อิ ายไุ ด ้ ๗๘ ป ี พรรษา ๕๗ ท่านเป็นผู้ท่ีใฝ่ในการขัดเกลาตน มีเร่ืองเล่าว่าเมื่อคร้ัง ท่านยังเป็นพระหนุ่ม วันหนึ่งขณะท่ีท่านก�ำลังบิณฑบาตอยู่ เห็น แม่กับลูกวัยห้าขวบรอใส่บาตร ท่านจึงเดินเข้าไปหา พอจวนถึง เด็กน้อยก็ร้องข้ึนเสียงดังว่า “มึงบ่แม่นพระดอก มึงบ่แม่นพระ ดอก” (มึงไม่ใช่พระหรอก มึงไมใ่ ช่พระหรอก) 19 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
พอท่านได้ยิน ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที แต่แล้วท่านก็ได้ คดิ ข้นึ มาว่า “เออ จริงของมัน เราไม่ใช่พระหรอก ถ้าเราเป็นพระ เรา ต้องไมโ่ กรธซิ” พอคิดได้เช่นน้ัน ความโกรธก็ดับวูบ ท่านเดินไปรับบาตร ด้วยอาการปกติ นอกจากจะไม่โกรธแล้ว ท่านยังถือว่าเด็กคนน้ันเป็น “อาจารย”์ ของทา่ นดว้ ย เพราะท�ำใหท้ า่ นไดเ้ หน็ อารมณค์ วามรสู้ กึ ของตนเอง อีกทั้งยังท�ำใหท้ ่านรวู้ ่าต้องฝึกปฏิบตั ิตอ่ ไป อันที่จริงวันน้ันท่านเจอ “อาจารย์” ไล่ๆ กันถึงสองคน กล่าวคือ พอท่านเดินต่อไปอีกหน่อย ก็มีผู้หญิงขับมอเตอร์ไซค ์ สวนมา บังเอิญเธอเสียหลัก จึงทิ้งรถ แล้วกระโจนเข้ากอดท่าน อย่างเต็มท่ี แต่แทนท่ีท่านจะโกรธหญิงผู้น้ัน ท่านกลับมาดูที่ใจ ของตนทนั ที จึงไม่มอี ารมณ์กระเพือ่ มไหว 20 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
ส่วนผู้หญิงคนนั้น พอรู้ว่าถูกเน้ือต้องตัวท่าน ก็รีบกราบ ขอโทษทา่ นทนั ท ี แตห่ ลวงพอ่ ไมถ่ อื สา บอกเธอวา่ ไมเ่ ปน็ ไรหรอก หลวงพ่อกำ� ลงั สำ� รวมจิตของตัวเองอยู่ ท่านบอกว่า ผู้หญิงคนน้ันก็เป็น “อาจารย์” ของท่าน เหมอื นกัน คือมาทดสอบสตขิ องท่าน ธรรมดาของคนเราเมอื่ มสี ง่ิ ไมด่ มี ากระทบ ไมว่ า่ ทางตา ห ู จมูก ล้ิน และกาย ย่อมตอบโต้ออกไปทางวาจาและการกระท�ำ ทนั ท ี หาไมก่ ส็ ง่ จติ พงุ่ ไปยงั สง่ิ นนั้ ดว้ ยความโกรธ แตผ่ เู้ ปน็ บณั ฑติ ยอ่ มหนั มาดใู จของตนกอ่ นทจี่ ะสง่ จติ ออกนอก ทำ� ใหไ้ มต่ กเปน็ ทาส ของอารมณ์ความรู้สึกท่ีเป็นอกุศล กายและวาจาจึงเป็นปกติ ไมก่ ่อความทุกข์แก่ตนเองหรอื สร้างปัญหาเพม่ิ ข้นึ ใช่แต่เท่านั้น ผู้เป็นบัณฑิตยังรู้จักหาประโยชน์จากทุกส่ิง ท่ีเกิดข้ึนกับตน แม้เกิดเหตุท่ีไม่พึงประสงค์ ก็ยังสามารถเรียนรู ้ จากสงิ่ นนั้ ทกุ อยา่ งหรอื ทกุ คนจงึ สามารถเปน็ อาจารยข์ องตนได้ หลวงพอ่ พธุ คือแบบอย่างแห่งบัณฑติ ทสี่ าธุชนพงึ ศึกษา 21 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
หลวงพ่อพธุ านโิ ย วดั ปา่ สาลวนั อ. เมือง จ. นครราชสีมา นามเดิม พธุ อนิ ทรหา ก�ำเนดิ วันพธุ ท ่ี ๘ กมุ ภาพนั ธ ์ ๒๔๖๔ สถานท่ีเกดิ หมูบ่ า้ นชนบท ต. หนองหญ้าเซง้ อ. หนองโดน จ. สระบรุ ี อปุ สมบท ๒๔ กรกฎาคม ๒๔๘๕ ท่านเจ้าคุณพระปญั ญาพศิ าลเถระ (หนู) เปน็ พระอุปัชฌาย์ สมณศักด์ ิ พระราชสังวรญาณ มรณภาพ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๒ สิรอิ ายุ ๗๗ ปี เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดอินทร์สุวรรณ จ. สกลนคร ได้รับเมตตาให้ได้ศึกษาทางด้านปริยัติธรรม ในพรรษาแรกท่าน สอบได้นักธรรมช้ันตรี ได้อุปสมบทเม่ือปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ณ วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ ระหว่างน้ันท่านได้เกิดอาพาธหนัก ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ได้สอนให้ท่านต้ังใจเพ่งอาการ ๓๒ โดยให้พิจารณาถึงความตายให้มากท่ีสุด และสอนทา่ นเสมอวา่ “สมาธนิ นั้ มอี ยใู่ นตวั ของเราอยแู่ ลว้ แตเ่ รามกั ไมไ่ ดน้ ำ� เอาออกมาใชฝ้ กึ ฝนใหเ้ ปน็ ประโยชน์” ท่านเป็นพระเถราจารย์ผู้ท�ำประโยชน์แก่พระศาสนาและประชาชนมาก เป็นผู้ยินดีเอาใจใส่ในการอบรมส่ังสอนธรรมะด้วยเมตตา ทั้งเป็นผู้ปฏิบัติ สำ� รวมตนในพระธรรมวนิ ัย เป็นแบบอยา่ งอันดมี าโดยตลอด ท่านอาพาธด้วยโรคมะเร็งต่อมนำ้� เหลืองที่บริเวณล�ำคอ มรณภาพ ณ โรงพยาบาลมหาราช จ. นครราชสมี า เมอ่ื ๑๕ พ.ค. ๒๕๔๒ 22 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
ทะไลลามะ สมเดจ็ พระเทนซนิ เกยี ตโซ ทะไลลามะ องค์ท ่ี ๑๔ แหง่ ทิเบต ประสตู ิ ๖ กรกฎาคม ๒๔๗๘ เมอื งตกั เซอร ์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทิเบต พระนามเตม็ จมั เฟล นาวงั ลบซัง เยเช เทนซนิ เกยี ตโซ ครองราชย ์ ทรงขึน้ ครองราชย์เปน็ ผนู้ �ำทิเบต เมอ่ื ๒ กุมภาพนั ธ์ ๒๔๘๓ พระชนมายุ ๕ พรรษา การศึกษา ทรงจบปรญิ ญาเอกปรัชญาของทเิ บต ชอื่ เกเช ลารามปา (GesheLharampa Degree) หลังได้รับเลือกเป็นผู้น�ำของทิเบตตั้งแต่พระชนมายุ ๒ พรรษาและเร่ิม ศึกษาเล่าเรียน ๔ ปีต่อมา ทะไลลามะได้รับตำ� แหน่งและอำ� นาจทางการเมือง เปน็ ผ้นู �ำทเิ บตอย่างสมบูรณเ์ มอ่ื มพี ระชนมายุ ๑๕ พรรษา ซ่ึงเป็นปเี ดียวกับ กองทัพจีนเข้ายึดครองทิเบต ต่อมาเม่ือเกิดเหตุชาวทิเบตลุกขึ้นประท้วงจีน ครั้งใหญ่ท่ีสุดในประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ ท่ีกรุงลาซา จึงทรงลี้ภัยไป ยงั ประเทศอนิ เดยี กอ่ ตงั้ รฐั บาลทเิ บตพลดั ถนิ่ ทเ่ี มอื งธรรมศาลา และบรรเทา ทุกขใ์ หช้ าวทเิ บตทัง้ ในประเทศและทว่ั โลก ท่านได้รับการยอมรับจากชาวโลกในฐานะผู้น�ำทางจิตวิญญาณท่ีเปี่ยม ด้วยความกรุณา ทรงได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ตลอดจนรางวัลและ ปรญิ ญาบตั รอนื่ ๆ มากมาย ทะไลลามะตรสั เสมอวา่ “ขา้ พเจา้ เปน็ เพยี งพระสงฆ ์ ธรรมดา ไมม่ อี ะไรมากกว่าน้แี ละน้อยกวา่ นี้” (อา่ นเรอื่ งหนา้ ๑๗๓) 23 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
24 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
รวยกบั ซวย หลวงปู่ดู่ พรหมปฺโ เป็นพระมหาเถระที่มีลูกศิษย์ ลูกหาท่ัวประเทศ ไม่จ�ำเพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันเป็น บา้ นเกดิ และทตี่ งั้ ของวดั สะแก อนั เปน็ สถานพำ� นกั ของทา่ นเทา่ นน้ั ตอนท่ีท่านแรกบวช ท่านมิได้ปรารถนามรรคผลนิพพาน แต่อย่างใด หากต้องการเรียนรู้วิชาคงกระพันชาตรีและเวทมนต ์ คาถา เพื่อสึกออกไปแก้แค้นโจรที่ปล้นบ้านโยมพ่อโยมแม่ของ ท่านถึงสองครั้งสองครา แต่ต่อมาท่านได้คิด นึกสลดสังเวชใจ ทปี่ ลอ่ ยใหค้ วามอาฆาตพยาบาทครอบงำ� จติ ใจนานนบั สบิ ป ี ในทส่ี ดุ ท่านได้ตั้งจิตอโหสิกรรมแก่คนเหล่าน้ัน แล้วมุ่งเจริญสมณธรรม อย่างจริงจัง 25 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ในวัยฉกรรจ์ท่านได้เดินธุดงค์ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี จนในทส่ี ดุ ไดม้ าพำ� นกั ทว่ี ดั สะแก นบั แตน่ น้ั กไ็ ดเ้ ปน็ ทพี่ ง่ึ ทางใจแก ่ ญาตโิ ยมมาโดยตลอด ตอ่ มาราวๆ ป ี ๒๔๙๐ คอื เมอ่ื อายไุ ด ้ ๔๓ ป ี ทา่ นตดั สนิ ใจไมร่ บั กจิ นมิ นตน์ อกวดั ใครทต่ี ง้ั ใจมากราบนมสั การ หรือฟังธรรมจากท่าน แม้จะเดินทางไกลเพียงใด ก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะเม่ือมาถึงวัดสะแก จะเห็นท่านนั่งรับแขกหน้ากุฏิตั้งแต่เช้า จรดคำ่� แมก้ ระทง่ั เมอื่ ทา่ นชราภาพมากแลว้ มลี กู ศษิ ยจ์ ดั ทำ� ปา้ ย กำ� หนดเวลารบั แขกเพอื่ ถนอมสขุ ภาพของทา่ น แตไ่ มน่ านทา่ นกใ็ ห้ นำ� ปา้ ยออกไปดว้ ยความเมตตาทท่ี า่ นมตี อ่ ญาตโิ ยมทง้ั หลายนนั้ เอง ทา่ นมวี ธิ สี อนธรรมะแกญ่ าตโิ ยมอยา่ งแยบคาย คราวหนงึ่ มีศิษย์มากราบท่านโดยพาเพ่ือนซึ่งเป็นนักเลงเหล้าตามมาด้วย เมื่อสนทนากับหลวงปู่ได้พักหน่ึง ศิษย์ผู้น้ันได้ชักชวนเพื่อนให ้ สมาทานศลี หา้ พรอ้ มกบั ทำ� สมาธภิ าวนา นกั เลงเหลา้ ผนู้ น้ั แยง้ ตอ่ หนา้ หลวงปวู่ า่ “จะใหผ้ มสมาทานศลี และปฏบิ ตั ไิ ดย้ งั ไง กผ็ มยงั กนิ เหลา้ เมายาอยนู่ ค่ี รบั ” หลวงปดู่ แู่ ทนทจี่ ะคาดคนั้ หรอื คะยนั้ คะยอ เขา กลบั ตอบวา่ “เอง็ จะกนิ กก็ นิ ไปซ ิ ขา้ ไมว่ า่ แตใ่ หเ้ อง็ ปฏบิ ตั ใิ หข้ า้ วนั ละหา้ นาทกี พ็ อ” ชายผนู้ น้ั เหน็ วา่ นงั่ สมาธแิ คว่ นั ละหา้ นาทไี มใ่ ช่ เรอ่ื งยาก จึงรับคำ� หลวงปู่ 26 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
นับแต่วันน้ันเขาก็นั่งสมาธิอย่างสม�่ำเสมอตามที่รับปาก เอาไว้ ไม่ขาดแม้แต่วันเดียว บางวันถึงกับงดกินเหล้ากับเพ่ือนๆ เพราะได้เวลาปฏิบัติพอดี เมื่อได้สัมผัสกับความสงบจากสมาธิ ภาวนาเขาก็มีความสุข จึงโหยหาเหล้าน้อยลง จนในท่ีสุดก็เลิก เหล้าไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากน้ันไม่นานเขาก็ละชีวิตทางโลก อุปสมบทเป็นพระภิกษแุ ละมงุ่ ม่ันกบั การปฏบิ ัตธิ รรม หลวงปู่รู้ดีว่าการขอร้องให้เขาเลิกเหล้านั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้นแทนที่ท่านจะห้ามเขากินเหล้า ท่านกลับขอให้เขาท�ำสิ่งท ี่ งา่ ยกวา่ นนั้ คอื นงั่ สมาธแิ คว่ นั ละหา้ นาท ี ทา่ นรดู้ วี า่ ใครทท่ี �ำสมาธิ ภาวนาทุกวันแม้จะไม่ก่ีนาที ไม่นานก็จะเห็นอานิสงส์ของการ ปฏิบตั ิ และปฏบิ ตั นิ านข้นึ เอง จนเลกิ เหล้าได้ในที่สดุ อกี คราวหนงึ่ มชี าวบา้ นซง่ึ มอี าชพี หาปลามานมสั การทา่ น ก่อนกลบั ทา่ นขอใหเ้ ขาสมาทานศลี ๕ เขารู้สึกล�ำบากใจ จงึ กราบ เรียนท่านว่า “ผมไม่กล้าสมาทานศีลห้า เพราะรู้ว่าประเด๋ียวต้อง ไปจบั ปลา จับก้งุ มันเป็นอาชีพของผมครบั ” หลวงปตู่ อบเขาวา่ “แกจะรหู้ รอื วา่ แกจะตายเมอื่ ไหร ่ ไมแ่ น่ 27 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ว่าแกเดินออกไปจากกุฏิข้าแล้ว อาจถูกงูกัดตายเสียกลางทาง ก่อนไปจับปลา จับกุ้งก็ได้ เพราะฉะน้ันเมื่อตอนน้ีแกยังไม่ได ้ ท�ำบาปกรรมอะไร ยังไงๆ ก็ให้มีศีลไว้ก่อน” แล้วท่านก็พูดต่อ วา่ “ถงึ จะมศี ลี ขาดก็ยงั ดีกว่าไมม่ ีศีล” หลวงปู่ไม่ได้บอกให้เขาเลิกอาชีพหาปลา แต่ให้มีศีลเป็น หลักของชีวิต แม้จะท�ำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ยังดีกว่าไม่มีหลักไว้เลย คำ� ชีแ้ จงของท่านทำ� ให้ชายผ้นู ัน้ ยอมสมาทานศีลห้าในทีส่ ดุ ท่านมีวิธีติงหรือเตือนที่แยบคาย คราวหนึ่งมีชายผู้หนึ่ง มาขอเช่าพระอุปคุตที่วัดเพ่ือน�ำไปบูชา เขาให้เหตุผลว่า บูชาแล้ว จะไดร้ วย เมอ่ื เขามากราบหลวงปดู่ ู่ ทา่ นกเ็ ปรยขนึ้ มาวา่ “รวยกบั ซวย มันใกล้ๆ กนั นะ” เพือ่ นของชายผนู้ ้ันจงึ ถามทา่ นวา่ “ใกล้กันยงั ไงครับ” “มันออกเสยี งคล้ายกัน” ท่านตอบ สักครู่ท่านก็ขยายความว่า “จะเอารวยน่ะ จะหามายังไงก็ ทุกข์ จะรักษามันก็ทุกข์ หมดไปก็ทุกข์อีก กลัวคนจะจ้ีจะปล้น ไป คดิ ดูเถอะ มนั ไม่จบหรอก มีแตเ่ ร่ืองยงุ่ เอาด ี ดีกวา่ ” 28 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
ถึงรวยก็ยังทุกข์ ความดีหรือธรรมะต่างหากท่ีช่วยให ้ พ้นทุกข์ได้ หลวงปู่ดู่ พรหมปญโฺ วัดสะแก ต. ธน ู อ. อทุ ัย จ. พระนครศรีอยธุ ยา ก�ำเนิด ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๔๗ สถานท่เี กิด บา้ นข้าวเมา่ อ. อทุ ยั จ. พระนครศรอี ยุธยา อปุ สมบท ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๖๘ ณ วัดสะแก ต. ธน ู อ. อุทยั มรณภาพ พธุ ท ี่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๓ สริ ิอาย ุ ๘๕ ป ี ๘ เดอื น ๖๕ พรรษา ทา่ นก�ำพร้าตง้ั แต่วัยเยาว ์ อาศัยอยู่กบั ยายและพี่สาว ไดศ้ ึกษาเล่าเรยี น ทว่ี ดั กลางคลองสระบวั วดั ประดทู่ รงธรรม และวดั นเิ วศธรรมประวตั ิ ครน้ั อายุ ได ้ ๒๑ ปี ก็ได้บรรพชาอุปสมบท ในพรรษาแรกๆ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมท ี่ วัดประดู่ทรงธรรม ในด้านการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ศึกษากับ หลวงพอ่ กล่ัน วัดพระญาติการาม ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ และหลวงพ่อเภาซึ่ง เป็นศิษย์องคส์ �ำคญั ของหลวงพอ่ กล่ัน ประมาณปลายปี ๒๕๓๒ ท่านพูดถึงการละสังขารอย่างบ่อยคร้ัง ซ่ึง ท่านได้ใช้หลักธรรมขันติ คือความอดทนอดกล้ัน ระงับทุกขเวทนาท่ีเกิดขึ้น จากโรคภัย จิตของท่านยังทรงความเป็นปกติสงบเย็น จนกระทั่งคืนวัน อังคารท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๓๓ ท่านพูดหนักแน่นว่า “ข้าจะไปแล้วนะ” และ กล่าวปัจฉิมโอวาทย้�ำให้ทุกคนต้ังอยู่ในความไม่ประมาท “ถึงอย่างไรก็ขอให้ อย่าได้ละท้ิงการปฏิบัติ ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็เหมือนนักมวย ขึ้นเวทีแล้ว ต้องชก อย่ามัวแต่ตงั้ ทา่ เงอะๆ งะๆ” หลังจากน้ันท่านก็กลับเข้ากุฏิ และละสังขารไปด้วยอาการสงบด้วยโรค หวั ใจ
30 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
สมาธิของ หลวงพ่อชา บ่อยครั้งที่ญาติโยมมากราบหลวงพ่อชา สุภทฺโท เพียง เพราะอยากได้ “ของดี” เช่น วัตถุมงคล หรือไม่ก็อยากฟังเรื่อง อิทธิปาฏิหาริย์ ชาตินี้ชาติหน้า ฯลฯ บางคนก็หวังเพียงแค่อยาก ได้ “บุญ” ที่มากราบท่าน แต่หลวงพ่อมักให้ธรรมแก่เขาไป รวมท้งั ชวนเขาท�ำสมาธิภาวนาด้วย แต่หลายคนก็ไม่สนใจ เหตุผลหนึ่งที่คนมักอ้างกันก็คือ “ไมม่ ีเวลา” “แล้วมีเวลาหายใจหรอื เปล่าละ่ ” ท่านถามเขากลบั ไป 31 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ถ้ามีเวลาหายใจก็ย่อมต้องมีเวลาท�ำสมาธิภาวนาเพราะ เป็นเรื่องเดียวกัน อันที่จริงการหายใจน้ันไม่ใช่เรื่องเสียเวลาเลย เพราะเราท�ำตลอดเวลาท่ีท�ำงานอื่นอยู่แล้ว ฉันใดก็ฉันนั้นสมาธิ ภาวนา โดยเฉพาะการเจรญิ สต ิ กเ็ ปน็ สงิ่ ทเี่ ราสามารถท�ำพรอ้ มไป กับงานอื่นได้ ไมจ่ ำ� เป็นต้องหาเวลาเฉพาะสำ� หรบั กิจด้านนี้ น่ันเป็นเหตุผลข้อหน่ึงว่า แม้หลวงพ่อจะให้ความสำ� คัญ กับสมาธิภาวนา แต่กิจวัตรอย่างหนึ่งของวัดหนองป่าพงก็คือ การท�ำงานร่วมกัน ไม่เว้นแม้แต่การใช้แรงงาน คราวหนึ่งขณะท่ี พระเณรทั้งวัดก�ำลังขนดินข้ึนไปใส่สนามหญ้ารอบโบสถ์ โดยม ี หลวงพอ่ ยนื สงั่ งานอย ู่ มหี นมุ่ ใหญก่ ลมุ่ หนง่ึ เดนิ มาเหน็ เขา้ จงึ มา ยืนดูอยู่ใกล้ แต่กิริยาท่าทางไม่ค่อยสุภาพอ่อนน้อมเท่าไรนัก มคี นหนง่ึ ถามท่านห้วนๆ ว่า “ท�ำไมทา่ นไมพ่ าพระเณรนง่ั สมาธ ิ ชอบพาท�ำงานอยเู่ รอ่ื ย” “น่ังมากมนั ขไ้ี มอ่ อกวะ่ ” คอื ค�ำตอบของหลวงพอ่ 32 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
วยั รนุ่ กลมุ่ นน้ั รสู้ กึ งนุ งงตอ่ คำ� ตอบของทา่ น แลว้ ทา่ นกย็ ก ไมเ้ ทา้ ช้ไี ปยังชายหนุ่มผู้นน้ั ก่อนที่จะพดู ตอ่ ว่า “ท่ีถูกน้ัน น่ังอย่างเดียวก็ไม่ใช่ เดินอย่างเดียวก็ไม่ใช่ ต้อง นั่งบ้าง ท�ำประโยชน์บ้าง และท�ำความรู้ความเห็นให้ถูกต้องไป ทุกเวลานาที อย่างนี้จึงจะถูก กลับไปเรียนมาใหม่ นี้ยังอ่อนอยู่ มาก เรื่องการปฏิบัตินี้ถ้าไม่รู้จริง อย่าพูด มันจะขายข้ีหน้า ตวั เอง” สมาธิภาวนาไม่ได้หมายถึงการน่ังหลับตาอยู่คนเดียว แต่ หมายถึงการฝึกอบรมจิตให้มีงอกงาม มีสติ สมาธิ เมตตา และ ปญั ญา เปน็ ตน้ ไม่ว่าอยูท่ ไ่ี หน ทำ� อะไร ก็ลว้ นเปน็ โอกาสสำ� หรับ การฝึกอบรมจิตทั้งส้ิน หากไม่เข้าใจแก่นแท้ของสมาธิภาวนาก็ ยอ่ มคิดไมต่ า่ งจากวยั รุน่ กลมุ่ นี้ 33 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
34 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
หลวงปขู่ าว กบั เด็กนอ้ ย หลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นวิปัสสนาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่ีมีลูกศิษย์ลูกหานับถือมาก โดยเฉพาะในภาคอีสาน ท่านเป็นพระท่ีเด็ดเดี่ยวมั่นคงในสมาธิภาวนาจนเป็นท่ีเล่ืองลือ ขณะเดียวกันท่านกเ็ ป่ยี มไปดว้ ยเมตตาอย่างมาก มเี รอื่ งเลา่ วา่ คราวหนง่ึ แมพ่ าเดก็ สามขวบมาถวายอาหาร เชา้ ใหห้ ลวงปขู่ าว ในฝาบาตรของหลวงปนู่ นั้ มเี งาะซง่ึ ปอกเปลอื ก เรียบร้อยวางอยู่ใกล้ๆ เด็กไม่เคยเห็นเงาะ ก็สนใจเพราะมันขาว น่ากนิ ดี 35 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
หลวงปู่จึงถามเด็กน้อยว่าอยากกินหรือเปล่า ถ้าอยากกิน ตอ้ งแลกกนั นะ เดก็ ตอบประสาซอ่ื วา่ อยากกนิ แลว้ ถามวา่ อยาก กินต้องท�ำอย่างไร หลวงปู่บอกให้น่ังสมาธิ เด็กถามว่าน่ังสมาธิท�ำอย่างไร หลวงปจู่ งึ แนะวา่ ให้น่งั ขดั สมาธิ ขาขวาทบั ขาซ้าย มอื ขวาทบั มอื ซา้ ย หลบั ตา แลว้ ภาวนาไปดว้ ย เดก็ นอ้ ยถามตอ่ วา่ ภาวนาอยา่ งไร หลวงปขู่ าวกบ็ อกว่าใหภ้ าวนาว่า “หมากเงาะ” (ภาษาอสี านเรียก ลูกเงาะว่าหมากเงาะ) เด็กก็ท�ำตาม ทีแรกเด็กน่ังไปก็เลียริมฝีปากไปด้วยเพราะ อยากกินมาก แต่พอน่ังสมาธิไปสักพัก จิตก็รวมเป็นหนึ่ง รู้สึก สบาย เพราะว่าจิตไปอยู่ที่ค�ำว่าหมากเงาะๆ เด็กรู้สึกสงบเป็น อย่างยิ่ง ไม่นานเด็กก็ได้ยินเสียงระฆัง พอเปิดตาขึ้นมาปรากฏว่า ไม่มีใครอยู่ในศาลาแล้ว มีแต่หลวงปู่ขาวก�ำลังน่ังสมาธิอยู่ด้วย ปรากฏว่าตอนน้ันเป็นเวลาบ่ายสามแล้ว เป็นเวลาท่ีพระจะต้อง ออกมาท�ำกิจสว่ นรวม 36 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
วันน้ันเด็กน้อยน่ังสมาธินานถึงเจ็ดช่ัวโมง ทั้งๆ ท่ีไม่เคย น่ังสมาธิมาก่อน และไม่ได้สนใจสมาธิด้วย สนใจอย่างเดียวคือ “หมากเงาะ” หลวงปขู่ าวทราบดวี า่ สมาธนิ น้ั ไมใ่ ชเ่ รอื่ งของผใู้ หญเ่ ทา่ นน้ั เดก็ กท็ ำ� ได ้ เพราะเปน็ ศกั ยภาพทมี่ อี ยใู่ นมนษุ ยท์ กุ คน ใชแ่ ตเ่ ทา่ นน้ั ท่านยังทราบดีว่า อุบายท่ีน�ำไปสู่สมาธิน้ันมีมากมายหลายอย่าง แม้แต่ความอยากหรือ “ตัณหา” ก็สามารถจูงใจให้เกิดสมาธิได้ หากรจู้ กั ใชใ้ หเ้ ปน็ ไมจ่ ำ� เปน็ วา่ จะตอ้ งบรกิ รรมดว้ ยค�ำวา่ “พทุ โธ” หรือ “พองหนอ ยบุ หนอ”เทา่ นน้ั ทกุ อยา่ งทเ่ี รามอี ย ู่ ไมว่ า่ รปู ธรรมหรอื นามธรรม หากใชใ้ ห้ เปน็ กส็ ามารถกอ่ ประโยชนห์ รอื สรา้ งกศุ ลธรรมใหเ้ กดิ ขนึ้ ไดท้ งั้ นนั้ รวมท้ังกิเลส แม้แต่ความทุกข์ ไม่เพียงช่วยให้เราเข้มแข็งหรือตั้ง อยู่ในความไม่ประมาทเท่านั้น แต่หากเรารู้จักและเข้าใจมันอย่าง แจ่มแจง้ ก็ชว่ ยใหเ้ กดิ ปัญญาจนเป็นอสิ ระจากความทุกขไ์ ด้ 37 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
38 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
ธรรมนน้ั มอี ยู่ ทกุ หย่อมหญ้า ทุกวันนี้น้อยคนจะรู้ว่าเม่ือ ๑๐๐ ปีที่แล้ว “พระป่า” หาได ้ เป็นท่ียอมรับนับถืออย่างกว้างขวางเช่นปัจจุบันไม่ ตรงกันข้าม กลบั ถกู มองดว้ ยสายตาหวาดระแวง ยงิ่ พระปา่ สายอสี านทเี่ ปน็ ลกู ศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตด้วยแล้ว ผู้ปกครองสงฆ์ในเวลานั้น ถอื วา่ เป็นตัวปัญหาท่ีต้องจดั การ หรอื ไมก่ ต็ อ้ งขับไลอ่ อกไปให้พน้ จากเขตปกครองเลยทเี ดยี ว เพราะมองวา่ พระเหลา่ นนั้ นอกจากอย่ ู อยา่ งไมเ่ ปน็ หลกั แหลง่ ไมส่ งั กดั วดั ทแ่ี นน่ อนแลว้ ยงั ไมส่ นใจศกึ ษา พระปริยัติธรรม อันเป็นนโยบายส�ำคัญของคณะสงฆ์ขณะนั้น มิหน�ำซ�้ำยังชักชวนพระจ�ำนวนไม่น้อยให้ละทิ้งปริยัติธรรม หันมา ฝักใฝ่ในวิปัสสนากรรมฐาน ซ่ึงผู้ปกครองสงฆ์จ�ำนวนไม่น้อย เหน็ วา่ เป็นเรือ่ งงมงายไม่เป็นเหตุผลตามหลกั พทุ ธศาสนา 39 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
เหตุการณ์หนึ่งซ่ึงเป็นท่ีกล่าวขานกันในเวลาน้ันก็คือ การขับไล่คณะศิษย์ของหลวงปู่ม่ันออกจาก จ. อุบลราชธานีใน ป ี ๒๔๖๙ คราวนน้ั พระอาจารยส์ งิ ห ์ ขนตฺ ยาคโม ซงึ่ เปน็ ศษิ ยค์ น ส�ำคัญของหลวงปู่ม่ันน�ำพระป่ากว่า ๕๐ รูปเดินธุดงค์มาปักกลด ในป่าบ้านหัวตะพาน โดยมีแม่ชีและฆราวาสนับร้อยร่วมคณะมา ด้วย เม่ือทราบข่าว เจ้าคณะมณฑลอีสานได้ส่ังการให้เจ้าคณะ อำ� เภอและเจา้ หนา้ ทจี่ ากอำ� เภออำ� นาจเจรญิ และมว่ งสามสบิ ขบั ไล่ ทา่ นเหลา่ นนั้ ออกจากปา่ ขณะเดยี วกนั กห็ า้ มมใิ หป้ ระชาชนใสบ่ าตร ใหค้ ณะธดุ งค ์ แตพ่ ระอาจารยส์ งิ หป์ ฏเิ สธทจี่ ะออกจากพนื้ ท ่ี โดย ยนื ยนั วา่ ทา่ นเปน็ ชาวอบุ ลฯ และไมไ่ ดก้ อ่ ปญั หาใดๆ เรอ่ื งยตุ ลิ งได ้ เมื่อเจ้าคณะจังหวัดได้มีลิขิตถึงนายอ�ำเภอให้ผ่อนปรนในเร่ืองน ้ี หลงั จากทไี่ ดร้ บั การรอ้ งขอจากศษิ ยห์ ลวงปมู่ นั่ อาท ิ พระอาจารย์ ฝัน้ อาจาโร เจา้ คณะมณฑลอสี านทา่ นน ้ี คอื พระโพธวิ งศาจารย ์ (อว้ น ตสิ โฺ ส) อยา่ งไรกต็ ามเมอ่ื ทา่ นไดเ้ ลอ่ื นสมณศกั ดเ์ิ ปน็ พระพรหมมนุ ี ทัศนคติของท่านต่อพระป่าก็เปล่ียนไปอย่างสิ้นเชิง ท่านหันมา ศรทั ธาเลอ่ื มใสหลวงปมู่ นั่ และพระปา่ สาเหตสุ ำ� คญั กเ็ พราะทา่ นได ้ ประจักษถ์ งึ คุณคา่ ของสมาธิภาวนา กอ่ นหนา้ นัน้ ทา่ นล้มป่วยมา 40 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
เปน็ เวลานาน แตไ่ ดร้ บั การเยยี วยาจนหายขาดจากพระอาจารยฝ์ น้ั ซงึ่ ไมเ่ พยี งใชส้ มุนไพร หากยงั อาศยั สมาธิภาวนาในการรกั ษาด้วย และยิ่งมีศรัทธาปสาทะในกรรมฐานมากข้ึน เมื่อได้รับคำ� แนะน�ำ จากพระอาจารยล์ ี ธมมฺ ธโร แหง่ วดั อโศการาม ซงึ่ เปน็ ลกู ศษิ ยอ์ กี ท่านหน่ึงของหลวงปู่ม่ัน อานิสงส์ของสมาธิภาวนานั้นประจักษ์ แก่ท่านอย่างชัดเจน จนถึงกับอุทานว่า “ตลอดชีวิตของเรา เรา ไม่เคยนึกมากอ่ นเลยว่า สมาธิภาวนาจะมีประโยชนถ์ ึงเพียงน”ี้ ในเวลาต่อมาท่านได้เลื่อนสมณศักด์ิเป็นสมเด็จพระมหา วรี วงศ ์ ดำ� รงตำ� แหนง่ สงั ฆนายก ทำ� หนา้ ทป่ี กครองทงั้ สงั ฆมณฑล ตามกฎหมายคณะสงฆ์ในเวลานั้น ในช่วงนี้เองท่ีท่านได้พบกับ หลวงปมู่ นั่ หลงั จากทไ่ี ดย้ นิ กติ ตศิ พั ทข์ องทา่ นมานานผา่ นลกู ศษิ ย ์ ของท่าน เม่ือได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่มั่น สมเด็จฯ อดพิศวง ไม่ได้ในความลุ่มลึกแห่งธรรมของท่าน ขณะเดียวกันก็แปลกใจ ว่าหลวงปู่ม่ันเข้าใจธรรมอย่างลึกซ้ึงได้อย่างไร ในเมื่อท่านเรียน ปริยัติธรรมน้อยมาก นอกจากไม่ได้เป็นเปรียญแล้ว ยังไม่สำ� เร็จ นักธรรมเอกด้วย ในทัศนะของสมเด็จฯ คนเราจะเข้าใจธรรมได้ก ็ ต้องผ่านการศึกษาจากต�ำรา ตัวท่านเองก็ได้รับการศึกษาในทาง ปรยิ ตั ธิ รรมสงู ถงึ ระดบั เปรยี ญโท แตก่ ย็ งั มคี วามรทู้ างธรรมไมเ่ ทา่ 41 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
หลวงปู่มัน่ ซ่งึ คร้งั หน่ึงถกู มองว่าเป็น “พระจรจดั ” ด้วยความสงสัยดังกล่าว สมเด็จฯ จึงถามหลวงปู่มั่นว่า ในเม่ือท่านอยู่แต่ในป่า ไม่มีต�ำรา จะเรียนรู้ธรรมจนสอนพระและ ญาติโยม ได้อย่างไร หลวงปู่ม่ันตอบส้ันๆ ว่า “ธรรมน้ันมีอยู่ทุก หยอ่ มหญา้ ส�ำหรับผมู้ ีปัญญา” สมเดจ็ พระมหาวรี วงศ ์ (อ้วน ติสโฺ ส) วดั สปุ ฏั วนาราม อ. เมอื ง จ. อุบลราชธานี นามเดมิ อ้วน แสนทวสี ุข กำ� เนิด ๒๑ มนี าคม ๒๔๑๐ สถานทีเ่ กิด บ้านแคน อ. เมือง จ. อบุ ลราชธานี อุปสมบท ณ วดั ศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) มรณภาพ ณ วดั บรมนวิ าส ๒๖ มกราคม ๒๔๙๙ สริ ิอาย ุ ๘๙ ปี สมเด็จฯ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม และเคร่งครัดต่ออุปัชฌายวัตรเป็น อยา่ งมาก ไดเ้ ขา้ ไปศกึ ษาเลา่ เรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมกบั เจา้ คณุ อาจารยพ์ ระอบุ าลี คุณูปมาจารย์ ท่ีกรุงเทพมหานคร และเป็นนักเรียนมหามกุฎราชวิทยาลัย สาขาวัดพิชัยญาติการาม ท่านได้มรณภาพ ณ วัดบรมนิวาส โดยอาการสงบ ดว้ ยโรคชรา นบั เปน็ การสญู เสยี ครง้ั ยง่ิ ใหญข่ องวงการบรหิ ารและการปกครอง คณะสงฆ์พิชยญาติการามและพุทธศาสนิกชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงชาว จงั หวัดอบุ ลราชธานี 42 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
หลวงปสู่ ิงห์ ขนตฺ ยฺ าคโม วัดป่าสาลวัน อ. เมอื ง จ. นครราชสีมา กำ� เนิด ๒๗ มกราคม ๒๔๓๒ สถานที่เกดิ บา้ นหนองขอน จ. อ�ำนาจเจริญ อุปสมบท ณ วัดสุทัศนาราม อ. เมอื ง จ. อุบลราชธานี สมณศักดิ ์ พระญาณวศิ ิษฏส์ มิทธิวรี าจารย์ มรณภาพ ๘ กันยายน ๒๕๐๗ ณ วัดปา่ สาลวัน สริ อิ าย ุ ๗๕ ปี ๕๕ พรรษา ทา่ นไดอ้ ปุ สมบท ณ วดั สทุ ศั นาราม อ. เมอื ง จ. อบุ ลราชธาน ี ทา่ นปฏบิ ตั ิ เครง่ ครดั ในวนิ ยั มากเปน็ เสมอื นองคแ์ ทนของหลวงปเู่ สารแ์ ละพระอาจารยม์ นั่ ปี ๒๔๕๘ ท่านได้เข้าไปหาพระอาจารย์มั่น เห็นท่านเดินจงกรมอยู่ท่านจึง นงั่ สมาธริ ออย ู่ เมอ่ื พระอาจารยม์ น่ั เหลอื บเหน็ พระอาจารยส์ งิ หท์ า่ นจงึ พดู วา่ “เราได้รอเธอมานานแล้ว อยากพบและต้องการชักชวนให้มาปฏิบัติธรรม ด้วยกัน” ท่านพระอาจารย์สิงห์ก็ตอบทันทีว่า “กระผมอยากมาปฏิบัติธรรม กบั ท่านพระอาจารยม์ านานแล้ว” ท่านได้มุ่งสู่ราวป่าและปฏิบัติด้วยความวิริยะอุตสาหะจนสามารถรอบรู ้ นำ� หมคู่ ณะพระกรรมฐานแห่งยุคน้ัน ทา่ นไดไ้ ปชว่ ยสร้างวดั ปา่ สาลวัน เพอื่ ให ้ เป็นวัดป่าต้นแบบของพระฝ่ายวิปัสสนาธุระ ตลอดชีวิตของท่านได้ทุ่มเทกับ งานดา้ นเผยแผธ่ รรม ไดต้ ้ังกองทัพธรรมข้ึนท่วี ดั ปา่ สาลวัน ทา่ นละสงั ขาร เมอื่ ๘ กนั ยายน ๒๕๐๗ ดว้ ยโรคมะเรง็ ในกระเพาะอาหาร ณ วดั ป่าสาลวัน จ. นครราชสมี า ทา่ นไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ “พระอรยิ เจา้ ผเู้ ปน็ ยอดขนุ พลเอกแหง่ กองทพั ธรรมกรรมฐาน” 43 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
44 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
ตายเป็นตาย หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท เป็นศิษย์ที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ให ้ สมญานามว่า “ผ้าข้ีริ้วห่อทอง” เพราะอากัปกิริยาภายนอกของ ทา่ นดคู ล้ายนักเลง พูดจาโผงผาง มีค�ำว่า “ก-ู มงึ ” เปน็ ปกต ิ แต่ จติ ใจของทา่ นงดงาม เครง่ ครดั ในการปฏบิ ตั ิ และมปี ญั ญาเขา้ ถงึ ธรรมอันลึกซ้งึ ท่านเปน็ ลกู จีนแหง่ เมืองจนั ทบุรี ตอนเด็กๆ มีนิสยั ด้ือรนั้ และชอบเป็นหัวโจกของเพื่อน ไม่กลัวใคร พร้อมต่อยตีกับผู้คน เมื่อเห็นความไม่ถูกต้อง จนได้ชื่อว่า “ไอ้ตัวแสบ” เมื่อท่านอายุ ๒๑ ได้พบรักกับสาวข้างบ้าน อยากแต่งงานด้วย จึงแจ้งความ ประสงค์กับบิดามารดาว่า จะขอบวชหน่ึงพรรษา จากน้ันก็จะสึก มาแตง่ งาน ใครที่รู้ข่าวน้ีก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไอ้ตัวแสบ” บวช ไม่ถึงพรรษา ก็ต้องแหกผ้าเหลืองอย่างแน่นอน แต่เป็นโชคด ี หรอื บญุ วาสนาของทา่ นกว็ า่ ได ้ ชว่ งทเ่ี ตรยี มตวั เปน็ นาคนน้ั ทา่ นได ้ 45 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
หลวงปกู่ งมา จริ ปญุ โฺ ญ เปน็ อาจารย ์ วนั หนง่ึ ระหวา่ งทภี่ าวนาและ น่ังฟังหลวงปู่กงมาแสดงธรรม ท่านเกิดประสบการณ์ธรรมเป็น ครงั้ แรก ทำ� ใหท้ า่ นเกดิ ปตี แิ ละศรทั ธาในธรรม ดงั ทา่ นเลา่ วา่ “พอ เรานงั่ ภาวนา ฟงั ไปๆ จติ อยกู่ บั ค�ำบรกิ รรม หกู ไ็ ดย้ นิ เสยี งเทศนไ์ ป คอื จติ ท�ำหนา้ ทข่ี องมนั หกู ท็ �ำหนา้ ทข่ี องมนั มนั เกดิ เปน็ สมาธ ิ แต ่ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่ามันเป็นสมาธิ มันรวมจนกระท่ังว่าไม่มีตัว ไม่มี ตน ตัวตนหายหมด แล้วก็ปรากฏภาพนิมิต ท่ีตัวเองนี้มาปรากฏ หมอบลงไปฟุบกับกองทรายที่เป็นทรายขาวอยู่ในบริเวณวัดน้ัน อย่างชดั เจน” ประสบการณ์ครั้งนั้นท�ำให้ท่านมีจิตมุ่งม่ันในการบวช ตั้งใจเจริญสมาธิภาวนาอย่างเต็มท่ี แต่พอบวชได้แค่เดือนสอง เดอื น ความเพยี รกล็ ดลง ความเกยี จครา้ นเรม่ิ ครอบงำ� ตกบา่ ยก็ เผลอเอนนอน พอท่านรู้ตัว ก็ต้ังปณิธานว่าระหว่างท่ีอยู่ในบวร พุทธศาสนาจะไมท่ ำ� ใหผ้ ้าเหลืองมัวหมอง จะตงั้ ใจปฏิบตั ธิ รรมให ้ ถงึ ทส่ี ดุ แลว้ ทา่ นกอ็ ธษิ ฐานวา่ จะไมน่ อนกลางวนั จะภาวนาอยา่ ง เต็มที่ จนจิตดื่มด่�ำในการปฏิบัติ ผลก็คือเม่ือครบหน่ึงพรรษา ท่านตัดสินใจไม่สึก ท้ิงเรื่องแต่งงาน กลับมุ่งหน้าปฏิบัติภาวนา เขม้ ข้นขนึ้ กว่าเดิมอีก เปน็ ท่ีประหลาดใจของชาวบา้ นอยา่ งยง่ิ 46 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
ในพรรษาทสี่ องนนั้ ทา่ นถงึ กบั อธษิ ฐานโดยมพี ระรตั นตรยั และเทวดาเปน็ พยานวา่ จะถอื เนสชั ชกิ คอื ไมเ่ อนกายลงนอนตลอด ท้ังพรรษา “แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ท�ำตามสัจจะอันนั้น ๑. ขอให้ฟ้าผ่า ตาย ๒. ขอใหแ้ ผน่ ดนิ สบู ตาย ๓. ขอใหไ้ ฟไหมต้ าย ๔. ขอใหน้ ้�ำทว่ ม ตาย พทุ ธานภุ าพ ธมั มานภุ าพ สงั ฆานภุ าพ ถา้ ท�ำอยา่ งนนั้ ไมไ่ ด.้ .. เอา้ ...ให้สง่ิ นนั้ มนั เกิดข้นึ มาเลย” พรรษานน้ั ทงั้ พรรษาทา่ นตอ้ งสกู้ บั ตวั เอง เกอื บจะพา่ ยแพ ้ ก็หลายคร้ัง แต่ทุกคร้ังท่านได้บอกกับตัวเองว่า “เอ้า...ตายเป็น ตาย แต่จะให้สัจจะท่ีตั้งไว้ขาดไม่ได้” ในที่สุดท่านก็ท�ำตามท ่ี อธิษฐานได้ตลอดพรรษา หลวงปู่เจ๊ียะเล่าว่า ตอนบวชพรรษาแรกๆ ท่านก็เหมือน คนหนมุ่ ท่ัวไปทถี่ ูกกิเลสครอบงำ� อยู่บอ่ ยๆ ท�ำให้เกียจคร้านในการ ปฏิบัติ แต่ท่านเป็นคนจริง ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อกิเลสง่ายๆ เวลา นกึ จะทำ� ตามกเิ ลส กต็ ำ� หนติ อ่ วา่ ตนเองแรงๆ เชน่ “มงึ เปน็ พระให้ เขากราบไหว้ แล้วมึงภาวนาน่ังสู้ญาติโยมแก่ๆ ไม่ได้ แล้วมึงจะ มาบวชท�ำไม” หรอื ไมก่ ด็ า่ ตนเองวา่ “กบู วชมากนิ ขา้ วชาวบา้ นแลว้ ยงั พาลมาขีเ้ กียจอกี ” 47 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
เวลานกึ ไดเ้ ชน่ นกี้ ร็ สู้ กึ ละอายใจตนเอง ถงึ กบั ตอ้ งตงั้ สจั จะ อธิษฐานกับตัวเองว่า “ถ้ามึงภาวนาไม่ได้ให้มึงตายซะ ถ้ามึงไม่มี สัจจะในตน ขอให้ฟ้าผ่า แผ่นดินสูบ นำ้� ท่วมตายซะ อย่ามีหน้ามา อยดู่ โู ลกนอ้ี กี เลย” พออธษิ ฐานเชน่ น ้ี ใจจะคกึ คกั ขนึ้ มาทนั ท ี เกดิ ความแกล้วกล้า พร้อมภาวนาแบบสู้ตายถวายชีวิต เดินจงกรม ได้ทัง้ วนั ทงั้ คืน โดยไม่ต้องนอน จนจิตสงบนิ่งเหมอื นตัวลอยหรอื เหาะไดอ้ ยบู่ อ่ ยๆ จนเพอ่ื นพระดว้ ยกนั แปลกใจถงึ กบั พดู วา่ “เอะ๊ ... พระองคน์ น้ั มนั เดนิ จงกรมยงั ไงวะ... แผน่ ดนิ นแ้ี หลกไปหมดเลย... เกดิ มาจากทอ้ งพอ่ ทอ้ งแมย่ งั ไมเ่ คยเหน็ ใครเดนิ จงกรมอยา่ งนเี้ ลย” ความใจถงึ จนดเู หมอื นกลา้ บา้ บนิ่ ของหลวงปเู่ จย๊ี ะนนั้ แม ้ แตพ่ ระอาจารยล์ ี ธมมฺ ธโร หรอื ทา่ นพอ่ ลแี หง่ วดั อโศการาม ถงึ กบั ออกปากว่า “ท่านเจี๊ยะนี่ใครไปยุ่งกับมันไม่ได้ เด๋ียวมันฮึด ไม่ว่า เทวดา มนั เอาหมด มนั ส้หู มด” ท่านได้ท�ำความเพียรเช่นนี้มาตลอด จึงประสบความ ก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมอย่างรวดเร็ว ว่ากันว่าเม่ือท่านบวช ได้ ๑๒ พรรษา อายุ ๓๓ ปี ก็สามารถเอาชนะกิเลสและอวิชชา หลดุ พน้ จากวัฏสงสารที่ยดื ยาวจนนับชาตภิ พไม่ถว้ นไดใ้ นทสี่ ุด 48 านธรรม ๒ ลํ า ธ า ร ริ ม ล
หลวงป่เู จ๊ยี ะ จุนโฺ ท วดั ปา่ ภูริทตั ตปฏิปทาราม ต. คลองควาย อ. สามโคก จ. ปทุมธานี นามเดิม โอวเจ๊ียะ โพธกิ จิ กำ� เนดิ ๖ มถิ ุนายน ๒๔๕๙ สถานทีเ่ กิด บา้ นคลองน้ำ� เคม็ อ. แหลมสิงห์ จ. จนั ทบรุ ี อุปสมบท ๑๑ กรกฏาคม ๒๔๘๐ วดั จนั ทนาราม ต. จนั ทนิมิต อ. เมอื ง จ. จันทบุรี สมณศักดิ์ พระครูสุทธิธรรมรังษี มรณภาพ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๗ สิรอิ าย ุ ๘๘ ป ี ๖๗ พรรษา ก่อนอุปสมบทท่านมีอาชีพค้าขายผลไม้ มีนิสัยออกจะติดทางนักเลง เปน็ คนตรงไปตรงมา เดด็ เดย่ี ว อาจหาญ จรงิ จงั ยอมหกั แตไ่ มย่ อมงอ พดู จา กระโชกโฮกฮาก ไม่กลัวคน ปลายปี พ.ศ. ๒๔๘๒ หลวงปู่เจี๊ยะได้เดินทางไป ยังจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมพระอาจารย์เฟื่อง โชติโก เพ่ือไปฝากตัวเป็นศิษย ์ หลวงปมู่ น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต ชว่ งป ี พ.ศ. ๒๔๘๓-๒๔๘๕ หลวงปเู่ จย๊ี ะเปน็ พระคลิ าน-ุ ปัฏฐาก และเป็นปัจฉาสมณะประดุจเงาติดตามองค์พระอาจารย์ม่ันมา โดยตลอด พระอาจารย์มั่นได้กล่าวชมเชยในคุณธรรมและนิสัยวาสนาของ หลวงปู่เจ๊ียะท่ามกลางหมู่สงฆ์ว่า “ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา” ท่านผู้น้ี ปฏิบัติล�ำบากแต่รู้เร็ว ปฏิบัติเพียง ๓ ปี เท่ากับเราปฏิบัติภาวนามาเป็นเวลา ๒๒ ปี” ต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ท่านได้หลีกเร้นภาวนาในดงป่า เกิดอาพาธเป็นไข ้ มาลาเรยี อยา่ งหนกั ไดเ้ หน็ จติ เปน็ ธรรมชาตทิ อี่ ศั จรรยต์ ลอดเวลา จติ ดบั หมด หยดุ ความคดิ คน้ จติ ปลอ่ ยวางสงิ่ ทง้ั ปวง แหวกอวชิ ชาและโมหะ มอี สิ ระอยา่ ง สงู สดุ เกนิ ทจ่ี ะประมาณได ้ ตงั้ แตป่ ี ๒๕๒๖ เปน็ ตน้ มา หลวงปเู่ จย๊ี ะ ไดร้ บั นมิ นต ์ มาอยเู่ ปน็ เจา้ อาวาสวดั ปา่ ภรู ทิ ตั ตปฏปิ ทาราม และอยจู่ �ำพรรษามาโดยตลอด จนกระทั่งท่านละสังขารด้วยความสงบ ณ โรงพยาบาลศริ ริ าช กรุงเทพฯ 49 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177