Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Balee

Balee

Published by ชมรมกัลยาณธรรม, 2021-04-13 07:10:24

Description: Balee

Search

Read the Text Version

สำ�หรับนักศึกษาใหม ่ 141 ๖.๑. เตกาลกิ ะ ปชฺชํ ปชชฺ นยี ํ พงึ ถงึ ขชชฺ ํ ขาทนียํ ควรขบเค้ยี ว ทมโฺ ม ทมนีโย ควรฝกึ คยหฺ ํ คเหตพพฺ ํ ควรถือเอา โภคฺคํ โภชฺชํ ควรบรโิ ภค เปยฺยํ ปานยี ํ ควรดื่ม เยฺยํ าตพฺพํ ควรรู้ เทยยฺ ํ ทาตพพฺ ํ ควรให้ สงฺเขยฺ ยยฺ ํ ควรนบั ภจฺโจ ควรเล้ียงดู เหยยฺ ํ หานียํ ควรสละ โภชฺชํ โภชนียํ ควรกนิ อชเฺ ฌยฺยํ ควรบรรลุ ชานติ พพฺ ํ วชิ านนยี ํ ควรทราบ กตตฺ พฺพํ กรณียํ ควรท�ำ ทฏ€ฺ พพฺ ํ ควรทราบ ภุญชฺ ติ พพฺ ํ ควรกนิ ภาเวตพโฺ พ ควรใหเ้ จริญ เตกาลิกะ กติ กคณะ กมุ ภฺ กาโร ชา่ งหม้อ มาลากาโร ชา่ งดอกไม้ รถกาโร ช่างรถ สุวณณฺ กาโร ช่างทอง สตุ ฺตกาโร ช่างทอหกู ปตฺตคฺคาโห ผถู้ อื บาตร รสมฺ คิ คฺ าโห ผถู้ ือเอาเชอื ก รชฺชุคคฺ าโห ผถู้ ือเอาเชือก ตนุ ฺนวาโย ผู้ทอผ้า ธญฺ มาโย ผู้ตวงข้าว ทานทาโย ผใู้ ห้ทาน ธมมฺ กาโม ผู้ใครธ่ รรม อตฺถกาโม ผู้ใครป่ ระโยชน์ ธมมฺ ปาโล ผรู้ ักษาธรรม สขุ กาโม ผใู้ คร่ความสขุ อรนิ ทฺ โม ผู้ข่มศัตรู เวสสฺ นฺตโร ผูข้ า้ มทางคา้ ขาย ตณฺหงฺกโร ผู้สร้างตัณหา เมธงกฺ โร ผสู้ ร้างปัญญา สรณงกฺ โร ผสู้ ร้างที่พึง่ ทปี งกฺ โร ผสู้ รา้ งท่พี ่งึ ปรุ ินทฺ โท ผเู้ คยให้ทาน ธมมฺ ธโร ผทู้ รงธรรม วนิ ยธโร ผทู้ รงวนิ ยั ทนิ กโร ทวิ ากโร ผู้ท�ำ กลางวนั สพพฺ ทโท ผู้ให้ทุกสิ่ง อนฺนโท ผู้ใหข้ า้ ว ธนโท ผใู้ ห้ทรพั ย์

๖. กิตกกัณฑ์ 142 บาลไี วยากรณ์เบอ้ื งต้น สจจฺ สนโฺ ธ ผู้ยึดมั่นคำ�สัจ โคตฺตํ ผรู้ ักษาชอื่ เสยี ง นยนํ เคร่ืองนำ�ทาง วินโย เครื่องแนะน�ำ นิสสฺ โย ผูอ้ าศัย อนสุ โย ธรรมทน่ี อนเนอ่ื ง วน​ิ ิจฉฺ​​โย การว​นิ จิ ฉยั ปจฺจ​โย ธรรมยงั ผลใหเ้ ปน็ ​ไป อจุ จฺ โย สญจฺ โย การสะสม ธมฺมวิจโย ผวู้ จิ ัยธรรม ขโย ความสน้ิ ไป วชิ โย ชโย การชนะ กโย วกิ ฺกโย การซ้ือ การขาย อาลโย ลโย ท่ีอาศยั อาลยั อาสโว อาสวะ รโว เสยี งรอ้ ง ปภโว ทเ่ี กิด นิคคฺ โห การขม่ ปคคฺ โห การยกย่อง สงคฺ โห การรวบรวม สํวโร การส�ำ รวม อาทโร ความเอ้อื เฟ้อื อาคโม การมา อาคม สปโฺ ป งู เทโว เทวดา, ฝน วนจโร นกั ทอ่ งไพร, พราน กามาวจโร กามาวจร โคจโร โคจร ปาทโป ต้นไม้ กจฉฺ โป เต่า สิโรรโุ ห เสน้ ผม คหุ าสยํ จิต โอสธํ ยาสมุนไพร เคหํ คหํ เรอื น โลกนายโก ผู้แนะนำ�ชาวโลก วนิ ายโก ผู้แนะน�ำ สตั ว์ การโก ผทู้ ำ� ช่าง ทายโก ผู้ให้ ทายก สาวโก ผู้เชอื่ ฟัง สาวก อุปาสโก ผู้น่ังใกล้ ปาจโก ผหู้ ุง พ่อครัว ชนโก ชนกิ า ผ้ใู หก้ ำ�เนิด สมโก ผูส้ งบ วธโก นักฆา่ ฆาตโก นักฆา่ กายโก นักขาย ชานนโก ผ้รู ู้ การาปโก ผใู้ ช้ให้ท�ำ ภตฺตา ผูเ้ ลี้ยงดู สามี ทาตา ผู้ให้ วตฺตา ผูก้ ลา่ ว พุชฺฌติ า ผตู้ รัสรู้

สำ�หรับนักศึกษาใหม ่ 143 ๗.๑. กตั ตการกะ าตา ผู้รู้ โสตา ผ้ฟู ัง สริตา ผรู้ ะลึกถงึ มนตฺ า ผ้รู ู้ ภยทสสฺ าวี ผูเ้ หน็ ภยั สตฺถา พระศาสดา ปิตา ผรู้ กั ษาบุตร ธีตา ผู้มารดาบดิ าดแู ล มาตา ผยู้ กยอ่ งเทิดทนู บุตร ราโค เครื่องกำ�หนัด ปาโท เครอ่ื งชว่ ยไป เท้า โภโค โภคทรพั ย์ ลาโภ สิ่งทีค่ วรได้ โวหาโร โวหาร วหิ าโร ที่อย่สู งบ อาราโม ท่นี า่ รนื่ รมย์ โสโก ความเศร้าโศก จาโค การสละ ปรฬิ าโห ความรอ้ นรุ่ม สงฺขาโร สังขาร ปรกิ ขฺ าโร บริขาร โลโภ ความโลภ โทโส ธรรมประทุษรา้ ยจิต โมโห ธรรมท่ีจติ หลง สมฺภู สยมฺภู ผเู้ ปน็ เอง วภิ ู อภิภู ผเู้ ป็นใหญ่ วิภา ปภา แสงสว่าง สภา ทป่ี ระชุม กุญฺชโร ช้าง ผ้ชู อบหบุ เขา กมมฺ โช เกิดจากกรรม จิตฺตชํ เกดิ จากจิต อตุ ชุ ํ เกิดจากอุตุ อาหารชํ เกดิ จากอาหาร อตตฺ โช เกิดจากตน ทวฺ ิโช เกดิ สองคร้งั อนุโช เกิดภายหลัง อตีตคณะ ภโู ต เป็นแลว้ ภูต พระอรหันต์ หุโต หุตวา บชู าแล้ว วตุ ฺโถ จ�ำ พรรษาแลว้ อสุ ิโต วุสโิ ต อยู่แลว้ ภุตโฺ ต กนิ แล้ว ยตุ ฺโต ประกอบแล้ว วิวิตโฺ ต สงดั แล้ว มุตฺโต พน้ แล้ว วมิ ตุ ฺติ ความหลุดพน้ กุทโฺ ธ โกรธแลว้ อารทโฺ ธ เริ่มขึน้ แลว้ สทิ ฺโธ ส�ำ เร็จแลว้

๗. การกวาจกกัณฑ์ 144 บาลีไวยากรณเ์ บอ้ื งต้น วฑุ ฺโฒ เจรญิ แล้ว พุทฺธิ การตรัสรู้ สํปณุ โฺ ณ สมบูรณแ์ ล้ว สนฺโต สงบแลว้ คีติ ค�ำ ทีส่ วด นจจฺ ํ นฏฺฏํ การฟอ้ นรำ� หสติ ํ การยิ้มแยม้ ภาสิโต ภาสติ แล้ว เทสโิ ต แสดงแล้ว วตุ ตฺ ํ กล่าวแล้ว ปูชโิ ต บูชาแลว้ มานโิ ต นบั ถือแล้ว วนฺทโิ ต ไหวแ้ ลว้ สกฺการโิ ต สกั การะแลว้ ตเวตนุ าทคิ ณะ กาตเว กาตุํ เพอ่ื ท�ำ กาตุน กตฺวา กตฺวาน กริตฺวา ท�ำ แล้ว โสตเว โสตุํ เพื่อฟงั สณุ ิตฺวา สุตวฺ า สุตฺวาน ฟังแล้ว คนฺตุํ เพอ่ื ไป คนฺตฺวา ไปแลว้ ปสฺสติ ุํ เพ่อื ดู ปสสฺ ิย ปสฺสติ ฺวา ทสิ ฺวา เหน็ แล้ว สยิตุํ เพอื่ นอน สยิตฺวา สยิตวฺ าน นอนแลว้ ภญุ ชฺ ติ ุ เพือ่ กนิ ภญุ ฺชติ วฺ า ภุญชฺ ติ วฺ าน กินแล้ว ทาตํุ เพื่อให้ ทตวฺ า ทตวฺ าน ให้แลว้ อภวิ นฺทิย ไหว้แลว้ อภิวนทฺ ิตฺวา ไหวแ้ ล้ว นิสฺสาย อาศัยแล้ว  วภิ ชฺช วภิ ชิย จ�ำ แนกแลว้ วตั ตมานกาลิกคณะ คจฉฺ ํ คจฉฺ นโฺ ต คจฉฺ มาโน ไปอยู่ มหํ มหนโฺ ต มหมาโน บชู าอยู่ จรํ จรมาโน เทย่ี วไปอยู่ ภวํ ภวนโฺ ต อภิภวมาโน เจรญิ อยู่ ลภํ ลภมาโน ลพฺภมาโน ได้อยู่

ส�ำ หรบั นักศึกษาใหม ่ 145 ๗.๑. กัตตการกะ อิจฉฺ ํ อจิ ฺฉมาโน ปรารถนาอยู่ ปสฺสํ ปสสฺ มาโน เหน็ อยู่ ดูอยู่ ททํ ททมาโน ใหอ้ ยู่ ภุญชฺ ํ ภุญชฺ มาโน บรโิ ภคอยู่ กุพพฺ ํ กุพฺพนฺโต กโรนฺโต กุรุมาโน กระทำ�อยู่ อุณาทิคณะ การุ นายช่าง วายุ ลม สาทุ ของหวาน สาธุ ยินดี ขอบคุณ พนธฺ ุ เผา่ พันธุ์ อายุ อายุ ทารุ ฟนื ทอ่ นไม้ ราหุ อสรุ นิ ทราหู กรุณา ความสงสาร วาโต ลม ภูมิ ภาคพน้ื เขโม ความสิ้น-เสอ่ื ม อตฺตา ตวั ตน ตน สมโถ ธรรมสงบกเิ ลส สปโถ สบถ สาปแช่ง อาวสโถ ทีอ่ ยู่ เปน็ ตน้ ศัทพ์ประเภทกิ​ต สามารถนำ�​ไป​จำ�แนกรูปและอรรถด้วย​วิภัตติ​นามได้ เพราะ​จดั ​เข้าเป็น​ศพั ท์ป​ ระเภท​นาม ยกเว้นเฉพาะศพั ท์กติ ทลี่ ง ตเวต​ุน​าทิป​ ัจจัย ๕ ตวั คือ ตเว ตํุ ตุน ตวฺ า ตวฺ าน ท่​ีจำ�แนก​วิภัตตไ​ิ ม​่ได้ ผ​ู้รจู้​งึ ​จัด​เป็นอ​ัพยย​ศัพท์ ลง สิ วภิ ตั ติแล้วลบไป นกั ศกึ ษา​ควร​ค้นควา้ หา​ศพั ท์​อ่นื เพมิ่ เติมจาก พจนานุกรม​บาล​-ี ไทย​ จบ กติ กณั ฑท์ ี่ ๖

๙. ปทตั ถวธิ าน 146 บาลไี วยากรณ์เบ้อื งต้น ๗. การกกัณฑ์ ประโยค = การกะ+วาจกะ ตามที่ไดเ้ รยี นบาลีไวยากรณ์มาแล้ว ๖ กณั ฑ์ คือ สนธิกัณฑ์ นามกัณฑ์ สมาสกณั ฑ์ ตทั ธติ กณั ฑ์ อาขยาตกัณฑ์ และกติ กณั ฑ์ ทำ�ให้ได้ทราบวา่ ภาษา บาลีในพระไตรปฎิ ก มคี �ำ ศพั ทอ์ ย่เู พียง ๒ ประเภท คือ คำ�นาม และคำ�กิริยา คำ�นาม และ คำ�กริ ยิ า เมอื่ อยใู่ นประโยคเดยี วกนั จะมเี กย่ี วขอ้ งส​มั พนั ธ​์ กนั ​สงิ่ ทเ่ี ชอ่ื มโยงค�ำ นามและค�ำ กริ ยิ าใหเ้ กย่ี วขอ้ งกนั กค็ อื วภิ ตั ติ ๒ อยา่ ง ไดแ้ ก่ วภิ ัตตนิ าม และ วิภตั ติอาขยาต นาม เปน็ การกะ, อาขยาต เปน็ วาจกะ การกะ นามผทู้ ำ�กิริยาให้สำ�เร็จ กตตฺ ุกมมฺ ฏ€ฺ ํ กิริยํ กโรติ นปิ ผฺ าเทตตี ิ การโก. นามผู้ทำ�กิริยาทีต่ ัง้ อยใู่ นกัตตุและกัมมะให้สำ�เร็จ ชอื่ ว่า การกะ นาม ๓ ประเภท คอื สมาสนาม ตัทธิตนาม กิตนาม (หรอื สุทธ​ นาม นาม​นาม วเิ สสยนาม ปกตลิ งิ ค)์ ทป​่ี ระกอบด​ว้ ยว​ภิ ตั ตน​ิ ามเพอ่ื จำ�แนก อรรถของลงิ ค์ ใหม้ หี น้าทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั กิรยิ า สามารถทำ�กริ ยิ าใหส้ ำ�เรจ็ ทา่ น เรยี กว่า “การกะ” หรอื “การก” แปลวา่ “ผู้ทำ�กิริยาให้สำ�เรจ็ ทั้งโดยตรงและ โดยออ้ ม” การกะ ๒ (๑) ๑. มขุ ยฺ การกะ ผู้ทำ�กิรยิ าให้ส�ำ เร็จโดยตรง ได้แก่ กตั ตกุ ารกะ ๒. อุปจารการกะ ผูช้ ว่ ยท�ำ ใหก้ ิริยาส�ำ เร็จโดยอ้อม ไดแ้ ก่

ส�ำ หรบั นกั ศึกษาใหม ่ 147 นามปทตั ถะ กัมมการกะ กรณการกะ สมั มปทานการกะ อปาทานการกะ โอกาสการกะ การกะ ๒ (๒) ๑. สภาวการกะ การกะตามสภาพที่มอี ย่จู ริง (โดยปกติ) เช่น จกขฺ ุ รูปํ ปสสฺ ต.ิ ตา ย่อมเหน็ ซง่ึ รูป โสตํ สทฺทํ สณุ าติ. หู ย่อมได้ยิน ซึ่งเสียง ๒. ปริกปั ปการกะ การกะที่ให้เป็นไปตามประสงค์ เช่น สุวณณฺ กาโร สวุ ณณฺ ํ เกยูรํ กฏกํ วา กโรติ. ชา่ งทอง ย่อมกระทำ� ซึง่ ทอง ให้เปน็ นกยงู บา้ ง กำ�ไลบ้าง การกะ ๖ ๑. กัตตกุ ารกะ ปฐมาวิภตั ติ และ ตติยาวภิ ตั ติ กิริยานปิ ผาทนสัตติ มคี วามสามารถท�ำ กริ ิยาให้ส�ำ เร็จไดโ้ ดยตรง ๒. กัมมการกะ ปฐมาวภิ ัตติ และ ทตุ ยิ าวภิ ตั ติ กริ ิยาปาปณุ นสตั ติ มคี วามสามารถดงึ กริ ยิ าให้มาหา ๓. กรณการกะ ตตยิ าวภิ ตั ติ กริ ยิ าสาธกตมสัตติ มคี วามสามารถเป็นอปุ กรณช์ ่วยท�ำ กริ ยิ า ใหส้ ำ�เรจ็ ดียงิ่ ขน้ึ ๔. สัมปทานการกะ จตุตถีวิภตั ติ กริ ยิ าวตั ถุปฏิคคาหกสัตติ มคี วามสามารถรับส่งิ ของจากกริ ยิ า

๙. ปทตั ถวิธาน 148 บาลไี วยากรณ์เบอ้ื งต้น ๕. อปาทานการกะ ปญั จมวี ิภัตติ กิริยาอปคมนสตั ติ มคี วามสามารถผลกั กิรยิ าออกไปจากตน ๖. โอกาสการกะ สตั ตมวี ิภตั ติ กิริยาปตฏิ ฐาปนสัตติ มคี วามสามารถเป็นที่ตัง้ และกาลเวลา ของกริ ิยา การกะ ๒๖ ๑. กัตตุการกะ ๕ กตั ตกุ ารกะ คือ กริ ิยานปิ ผาทนสตั ติ มคี วามสามารถท�ำ กริ ยิ าใหส้ ำ�เร็จ ไดโ้ ดยตรง มี ๕ อยา่ ง ไดแ้ ก่ ๑. สทุ ธกตั ตา หรอื สยกตั ตา กัตตาท�ำ กริ ยิ าเอง เช่น สูโท โอทนํ ปจติ. พ่อครัว ย่อมหงุ ซ่ึงข้าว ๒. เหตุกตั ตา กัตตาที่ใชใ้ หผ้ ู้อนื่ ทำ�กิรยิ า เชน่ สามโิ ก สูทํ โอทนํ ปาเจติ. เจา้ นาย ใช้พ่อครัว ย่อมให้หุง ซึง่ ขา้ ว ๓. กมั มกตั ตา กตั ตาทเ่ี ป็นกรรมสำ�เรจ็ เอง เช่น สยํ ปจฺจเต โอทโน. ข้าว ย่อมสุก เอง ๔. อภิหติ กตั ตา หรือ วตุ ตกตั ตา กัตตาทีถ่ ูกกริ ิยากลา่ ว (มีบุรษุ และวจนะตรงกบั กิริยา) เชน่ กฏํ กโรติ เทวทตโฺ ต. นายเทวทตั ยอ่ มกระทำ� ซง่ึ เสอื่

ส�ำ หรบั นักศกึ ษาใหม ่ 149 นามปทตั ถะ ๕. อนภิหิตกัตตา หรอื อวุตตกัตตา กตั ตาทไ่ี ม่ถูกกิรยิ ากลา่ ว (ไมม่ บี รุ ษุ และวจนะตรงกบั กริ ยิ า) เช่น พทุ ฺเธน เทสิโต ธมโฺ ม. พระธรรม อนั พระพุทธเจ้า ทรงแสดง ๒. กัมมการกะ ๗ กมั มการกะ คือ กริ ิยาปาปุณนสตั ติ มคี วามสามารถดึงกิรยิ าให้มาหา มี ๗ อยา่ ง ไดแ้ ก่ ๑. นิพพตั ตนยี กรรม กรรมทีเ่ ป็นผลอนั เกิดขึน้ เช่น อาหาโร สขุ ํ ชนยติ. อาหาร ยังความสุข ย่อมให้เกดิ ข้นึ ๒. วิกรณยี กรรม หรอื วิกติกรรม กรรมท่แี ปรรปู แลว้ เช่น มนสุ โฺ ส กฏฺ€ํ องคฺ ารํ กโรต.ิ มนษุ ย์ ย่อมทำ� ซ่ึงฟืน ให้เปน็ ถ่าน ๓. ปาปณียกรรม กรรมท่ีกริ ยิ าม่งุ ไปหา เชน่ เทวทตฺโต นเิ วสนํ ปวิสต.ิ นายเทวทตั ย่อมเขา้ ไป สทู่ ีอ่ ยู่ ๔. กถิตกรรม หรอื ปธานกรรม กรรมท่กี ริ ยิ ากล่าวก่อน เชน่ ยญฺ ทตตฺ ํ กมฺพลํ ยาจเต พฺราหมฺ โณ. พราหมณ์ ย่อมขอ ซ่งึ ผ้ากัมพล กะนายยญั ทัต ๕. อกถิตกรรม หรือ อปธานกรรม กรรมที่กริ ยิ ากลา่ วภายหลงั เช่น อชปาโล อชํ คามํ เนต.ิ คนเล้ยี งแพะ ยอ่ มนำ�ไป ซึง่ แพะ สหู่ ม่บู า้ น

๙. ปทัตถวธิ าน 150 บาลีไวยากรณ์เบอ้ื งต้น ๖. อภหิ ิตกรรม หรือ วุตตกรรม กรรมท่ีกริ ิยากล่าว (มีบุรษุ และวจนะตรงกับกริ ยิ า) เช่น สเู ทน โอทโน ปจจฺ เต. ข้าว อันพอ่ ครวั ย่อมหงุ ๗. การิตกรรม กรรมของการิตปัจจยั เช่น สิสฺสํ ธมฺมํ โพเธติ อาจรโิ ย. อาจารย์ ยังศิษย์ ยอ่ มใหร้ ู้ ซง่ึ ธรรม ๓. กรณการกะ ๒ กรณการกะ คอื กริ ยิ าสาธกตมสตั ติ มคี วามสามารถเปน็ อปุ กรณ์ ชว่ ยท�ำ กริ ยิ าให้สำ�เรจ็ ดียิง่ ขึน้ มี ๒ อยา่ ง ได้แก่ ๑. อชั ฌตั ตกิ กรณะ เคร่ืองมือภายในรา่ งกาย เชน่ การโก หตฺเถน กมมฺ ํ กโรต.ิ ชา่ ง ย่อมกระท�ำ ซงึ่ งาน ด้วยมือ ๒. พาหิรกรณะ เครือ่ งมอื นอกรา่ งกาย เชน่ กสโก ทาตเฺ ตน วหี โย ลนุ าต.ิ ชาวนา ยอ่ มเก่ยี ว ซงึ่ ขา้ วเปลือก ท. ด้วยเคยี ว ๔. สมั ปทานการกะ ๓ สมั ปทานการกะ คอื กิรยิ าวัตถุปฏิคคาหกสัตติ มคี วามสามารถรบั สง่ิ ของจากกริ ยิ า มี ๓ อยา่ ง ไดแ้ ก่ ๑. อนริ ากรณสัมปทาน หรือ อนวิ ารณะ ผรู้ บั ไมไ่ ดห้ า้ ม เชน่ ปรุ โิ ส โพธริ ุกฺขสสฺ ชลํ ททาต.ิ บุรษุ ยอ่ มให้ ซ่งึ น้ำ� แก่ต้นโพธิ์

สำ�หรับนักศกึ ษาใหม ่ 151 นามปทตั ถะ ๒. อัชเฌสนสัมปทาน หรอื อาราธนะ ผู้รบั วงิ วอน เช่น เสฏ€ฺ ี ยาจกานํ ธนํ ททาต.ิ เศรษฐี ยอ่ มให้ ซึง่ ทรัพย์ แกข่ อทาน ท. ๓. อนมุ ตสิ มั ปทาน หรอื อัพภนญุ ญะ ผูร้ บั อนญุ าต เช่น คหปติ ภิกขฺ สุ ฺส จวี รํ เทติ. คฤหบดี ยอ่ มถวาย ซึง่ จวี ร แกภ่ กิ ษุ ๕. อปาทานการกะ ๕ อปาทานการกะ คอื กริ ยิ าอปคมนสตั ติ มคี วามสามารถผลักกิรยิ า ออกไปออกตน มี ๕ อยา่ ง ไดแ้ ก่ ๑. นิททฏิ ฐวิสยาปาทาน แดนที่ควรหลีกออก เช่น คามา อเปนตฺ ิ มนุ โย. พระมนุ ี ท. ยอ่ มหลกี ออก จากหมบู่ ้าน ๒. อุปาตตวสิ ยาปาทาน แดนออกจากที่เคยอยู่ เช่น วลาหกา วชิ โฺ ชตเต วิชชฺ ุ. สายฟา้ ยอ่ มสว่าง จากก้อนเมฆ ๓. อนเุ มยยวสิ ยาปาทาน แดนหลีกออกที่อนุมานวา่ ยงิ่ กว่า เช่น มาถรุ า ปาฏลปิ ุตฺตเกหิ อภริ ูปา. ชาวมถุรา ท. มีรูปงาม กว่าชาวปาฏลีบุตร ท. ๔. จลาปาทาน แดนหลีกออกที่เคลื่อนที่ไป เชน่ ธวตา หตถฺ มิ ฺหา ปติโต องฺกสุ ธารี. ควาญช้าง ตกแลว้ จากชา้ ง ตวั วง่ิ ไปอยู่ ๕. อจลาปาทาน แดนหลีกออกท่ีไม่เคลอ่ื นท่ี เชน่ ปพฺพตา โอตรนฺติ วนจรา. พรานปา่ ท. ยอ่ มลง จากภเู ขา

๙. ปทัตถวิธาน 152 บาลีไวยากรณ์เบอ้ื งตน้ ๖. โอกาสการกะ ๔ โอกาสการกะ คือ กริ ยิ าปตฏิ ฐาปนสัตติ มีความสามารถเปน็ ที่ตง้ั และ กาลเวลาของกิริยา มี ๔ อย่าง ไดแ้ ก่ ๑. พฺยาปโิ กกาสะ หรือ พยฺ าปิกาธาระ เป็นท่แี ผไ่ ปท่ัวถงึ เช่น ตเิ ลสุ ติลํ อตฺถ.ิ น้ำ�มนั งา มีอยู ในเมลด็ งา ๒. โอปสิเลสิโกกาสะ หรอื โอปสเิ ลสกิ าธาระ ทตี่ ัง้ ท่ตี ิดแนบแน่น เชน่ อาสเน นิสินฺโน ภิกขฺ ุสํโฆ. พระภิกษสุ งฆ์ นง่ั แล้ว บนอาสนะ ๓. สามปี ิโกกาสะ หรือ สามีปกิ าธาระ ทตี่ ้งั ท่ีอยู่ใกล้ เชน่ คงฺคายํ โฆโส วสต.ิ คอกปสสุ ัตว์ ยอ่ มอยู่ ใกลแ้ มน่ �้ำ ๔. เวสยโิ กกาสะ หรอื เวสยกิ าธาระ ทต่ี ั้งเป็นท่อี าศยั อยตู่ ามปกติ เชน่ ภมู สี ุ มนุสสฺ า จรนฺต.ิ มนษุ ย์ ท. ยอ่ มเทย่ี วไป บนแผน่ ดิน วาจกะ วาจกะ หรือ วาจก หมายถึง ศัพท์กิริยาอาขยาตท่ีทำ�หน้าท่ีดึงดูด เอาการกะใหเ้ ข้ามาเก่ยี วข้องกบั ตน หรอื มหี นา้ ทเ่ี รียกหาการกะ ท่านจึงเรยี ว่า “วาจกะ” แปลว่า “ผเู้ รียกหาการกะทงั้ โดยตรงและโดยอ้อม” ปัจจยั และ วภิ ตั ติอาขยาต ทป่ี ระกอบอยูห่ ลงั ธาตุ มีบทบาทสำ�คัญ ในการกำ�หนดวา่ จะเรยี กหาการกะใดใน ๖ อย่างน้นั ให้มาท�ำ กิริยาอาขยาตให้ ส�ำ เรจ็ ทง้ั โดยตรงและโดยอ้อม

ส�ำ หรับนักศกึ ษาใหม ่ 153 นามปทัตถะ วาจกะ ๕ ๑. กตั ตวุ าจกะ มีวิกรณปัจจยั ๑๓ ตัว คือ คอื อ, -ํ อ (เอ), ย, ณุ ณา อุณา, นา, ปฺป ณหฺ า, โอ ยริ , เณ ณย และวภิ ตั ติอาขยาตท้งั ๙๖ ตัว เปน็ เครื่องหมาย ๒. กมั มวาจกะ มี ย ปัจจัย หรอื มี ย ปจั จยั ทีม่ ี อิ อี อาคมขา้ ง หน้า (รวมกันเป็น อิย, อีย) และวิภัตติอาขยาต ฝ่ายอัตตโนบท ๔๘ ตัว เปน็ เคร่ืองหมาย ๓. เหตกุ ตั ตุวาจกะ มีการิตปัจจยั ๔ ตัว คอื เณ ณย ณาเป ณาปย และวิภตั ติอาขยาตท้ัง ๙๖ ตัว เป็นเคร่ืองหมาย ๔. เหตกุ มั มวาจกะ มี การติ ปัจจัย ๔ ตวั คอื เณ ณย ณาเป ณาปย และ ย ปจั จัยที่มี อิ อี อาคมข้างหน้า (รวมกันเป็น ณยี , ณยีย, ณาปยี , ณาปยยี ) และวภิ ตั ตอิ าขยาต ฝา่ ยอตั ตโนบท ๔๘ ตวั เปน็ เครอ่ื งหมาย ๕. ภาววาจกะ มี ย ปัจจัย และวิภัตติฝ่ายอัตตโนบท ปฐมบุรุษ เอกวจนะ ท้ัง ๘ หมวด (รวมกันเป็น ยเต ยตํ เยถ ยตถฺ ยิตฺถ ยา ยิสสฺ เต ยสิ สฺ ถ) เปน็ เครื่องหมาย รปู ว่า ยเต ในวตั ตมานาวภิ ัตติ มใี ช้มากกวา่ กิรยิ า ๒ กิริยา หมายถงึ กิริยาอาขยาต และ กิริยากติ ๑. กริ ิยาอาขยาต คอื คำ�ทปี่ ระกอบด้วย ธาต+ุ ปัจจยั +วภิ ตั ติอาขยาต กริ ิยาอาขยาต บอกให้รกู้ าล บท บรุ ุษ วจนะ (ดูตัวอย่างกริ ยิ าอาขยาต หน้า ๑๒๘-๑๓๑) ๒. ก​ิริยากติ คือค�ำ ที่ประกอบดว้ ย ธาตุ+ปัจจัย+วิภัตตนิ าม กริ ยิ ากิต บอกให้ร้ลู งิ ค์ วิภตั ติ วจนะ (ดตู ัวอย่างกิริยากติ หนา้ ๑๓๘) จบ การกกัณฑ์ที่ ๗

๙. ปทตั ถวิธาน 154 บาลีไวยากรณ์เบ้อื งตน้ ปทัตถวิธาน วธิ แี ปลบทบาลเี ป็นไทย การแปลบาลเี ป็นไทยน้ัน ให้ถือหลักการแปลตามค�ำ ศัพท์ตอ่ ไปน้ี ๑. อาลปนะ เช่น ภกิ ฺขเว, ปุรสิ , ภนฺเต, อาวโุ ส, โภ, ภทเฺ ท, เช ๒. นิบาตต้นข้อความ เช่น จ, ปน, หิ ตุ, อถวา, ยนฺนนู ๓. นบิ าตบอกขา่ วลอื เชน่ กิร, ขลุ, สุทํ ๔. กาลสตั ตมี เช่น อตเี ต, อถ, เอกํ สมยํ, ปาโต, สายํ ๕. ประธานในประโยค (วิเสสยะ) เช่น พุทฺโธ, ปุริโส, อติ ถฺ ,ี จติ ฺตํ ๖. บทขยายประธาน (วิเสสนะ) เชน่ มหาการุณิโก, โส, สา, ตํ ๗. กิรยิ าในระหวา่ ง หรือประโยคแทรก เชน่ กตฺวา, ตสมฺ ึ คจฺฉนฺเต ๘. บทขยายกิริยาในระหว่าง เช่น อตฺตโน กมฺมนฺตํ กตฺวา ๙. กริ ิยาคมุ พากย์หรอื กิริยาอาขยาต เชน่ คจฉฺ ติ, ปจต,ิ ปสฺสติ ๑๐. บทขยายกริ ยิ าคุมพากย์ เช่น ทกุ ฺกรํ, ทกุ ฺกฏ,ํ สขุ ,ํ น, โน, มา ๑๑. นบิ าตค�ำ ถาม เช่น ก,ึ นุ, กินนฺ ,ุ วา หลักการแปลทั้ง ๑๑ ข้อนี้ หากข้อใดไม่มีอยู่ในประโยคบาลีให้เว้นไป แล้วดูขอ้ ตอ่ ๆ ไป วากยฺ ตั ถวิธาน วิธีการแปลประโยคบาลีเปน็ ไทย ให้นักศึกษาอ่านประโยคบาลีต่อไปนี้แล้ว ดูว่าศัพท์ไหนเป็นอาลปนะ นิบาต ประธาน หรือกิริยาเป็นต้นแล้ว ทดลองแปลโดยถือตามหลักการแปล ๑๑ ข้อขา้ งตน้ นั้น (ดูคำ�แปลหนา้ ถัดไป) ๑. พทุ ฺโธ ธมมฺ ํ เทเสต.ิ ๒. ภกิ ฺขู ธมฺมํ สุณนตฺ .ิ

สำ�หรับนักศึกษาใหม ่ 155 นามปทตั ถะ ๓. ตวฺ ํ ปาเทหิ สปิ ปฺ าคารํ อาคจฺฉส.ิ ๔. ตุมฺเห รเถน คามํ คจฉฺ ถ. ๕. อหํ ยาจกสฺส เอกกหาปณํ ททาม.ิ ๖. มยํ ภกิ ฺขุสํฆสฺส ทานํ เทม. ๗. มนุสสฺ า ปาณาติปาตา วริ มนฺตุ. ๘. อปุ าสกา คามา นิคคฺ ตา. ๙. มยํ อตฺตโน สนฺตกํ ปริจจฺ ชาม. ๑๐. อิโต อมฺหากํ คาโม อวทิ เู ร โหต.ิ ๑๑. โลเก มหาการุณิโก พุทฺโธ เทวมนสุ ฺสานํ หิตาย สขุ าย อปุ ฺปชฺชต.ิ ๑๒. อตีเต กริ พหู มนสุ ฺสา ธมฺมสสฺ วนาย วหิ ารํ อคจฉฺ สึ ุ. ๑๓. เอกโกว ภนฺเต ตวฺ ํ ปณิ ฑฺ าย อปฺปสทธฺ ิกานํ อมหฺ ากํ เคหํ ปวสิ าหิ. ๑๔. เสฺว ภนเฺ ต นวหิ ภกิ ฺขหู ิ สทฺธึ ภญุ ฺชนตฺถาย อมหฺ ากํ ฆรํ อาคเมถ. ๑๕. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนโฺ ต ตํ พรฺ าหฺมณํ ทิสฺวา “กินนฺ ุ โข”ติ อุปธาเรนฺโต “อรหา ภวิสสฺ ตี”ติ ญตฺวา สายญฺหสมเย วิหารจารกิ ํ จรนโฺ ต วิย พรฺ าหมฺ ณสฺส สนตฺ ิกํ คนตฺ วฺ า “พรฺ าหมฺ ณ กึ กโรนโฺ ต วจิ รส”ี ติ อาห. ๑๖. โส พฺราหฺมโณ “ภกิ ฺขูนํ วตตฺ ปปฺ ฏิวตฺตํ กโรมิ ภนเฺ ต”ติ อาห. “ลภ สิ เตสํ สนฺติกา สงฺคห”นตฺ ิ. “อาม ภนฺเต, อาหารมตฺตํ ลภามิ, น ปน มํ ปพฺ พาเชนตฺ ”ี ต.ิ ๑๗. สตฺถา เอตสมฺ ึ นทิ าเน ภิกขฺ ุสํฆํ สนนฺ ิปาตาเปตวฺ า ตมตฺถํ ปุจฺฉิตวฺ า “ภิกขฺ เว อตฺถิ โกจิ อมิ สสฺ พฺราหฺมณสฺส อธกิ ารํ สรนฺโต”ติ ปจุ ฉฺ .ิ สาริปตุ ตฺ ตฺเถ โร “อหํ ภนเฺ ต สรามิ, อยํ เม ราชคเห ปิณฺฑาย จรนตฺ สฺส อตฺตโน อภหิ ฏํ กฏจฺ ฉภุ ิกขฺ ํ ทาเปส,ิ อมิ สฺสาหํ อธกิ ารํ สรามิ, สาธุ ภนเต, ปพฺพาเชสฺสามี”ติ อาห. ๑๘. นิธีนวํ ปวตตฺ าร ํ ยํ ปสฺเส วชชฺ ทสสฺ ินํ นิคคฺ ยหฺ วาทึ เมธาว ึ ตาทสิ ํ ปณฺฑิตํ ภเช ตาทิสํ ภชมานสสฺ เสยฺโย โหติ น ปาปิโย. (ข.ุ ธ. ๒๕/๗๖)

๙. ปทัตถวิธาน 156 บาลไี วยากรณเ์ บ้อื งต้น คำ�แปล ๑. พระพุทธอ​งค์ ทรง​แสดง ซงึ่ ธ​รรม ๒. ภิกษ​ทุ ้ังห​ ลาย กำ�ลงั ฟ​ ัง ซึง่ ธ​รรม ๓. เธอ มา สู่​โรงเรยี น ด้วย​เทา้ (เธอ​เดนิ ม​าโ​รงเรียน) ๔. พวกเ​ธอ ไป ส่​ูบ้าน ดว้ ยร​ถ (พวกเ​ธอ​นั่ง​รถก​ลับ​บา้ น) ๕. ขา้ พเจ้า ให้ เงิน ๑ บาท แก​่ขอทาน ๖. พวกข​้าพเจา้ ถวาย ทาน แก่​ภกิ ษุ​สงฆ์ ๗. มนษุ ย์​ท้งั ​หลาย จง​พาก​ันเ​วน้ จาก​การเ​บียดเบียนส​ตั ว์ ๘. อุบาสก​และ​อุบาสกิ า ออกไ​ป​แลว้ จากบ​ ้าน ๙. พวกข​า้ พเจา้ พา​กนั ​บรจิ าค ซง่ึ ​ทรัพย์ ของต​น ๑๐. หมบู่ ้าน​ของ​พวกข​้าพเจา้ ม​ีอยู่ ไม​่ไกล จาก(โรงเรยี น)น้ี ๑๑. พระพทุ ธเจา้ ผ​ทู้ รงม​พ​ี ระม​หากรณุ า เสดจ็ อ​บุ ตั ข​ิ นึ้ ในโ​ลก เพอื่ เ​กอ้ื กลู เพื่อค​วาม​สุข แก่เ​ทวดา​และม​นษุ ย์ท​ ง้ั ห​ ลาย ๑๒. ไดย้ ิน​ว่า ใน​อดีตกาล มนษุ ย​์เปน็ ​อัน​มาก ได​้พา​กนั ​ไป​แล้ว สู​่วหิ าร​ เพ่ือฟ​ งั ธ​รรม ๑๓. ท่านค​รับ ทา่ น​ผเ​ู้ ดยี วเ​ท่าน้ัน นิมนตเ​์ ข้าไป สเู่​รอื น ของพ​ วกก​ระผม ผม​ู้ ศ​ี รัทธา​นอ้ ย เพอ่ื ร​ับบ​ ิณฑบาต ๑๔. ข้า​แต่​ท่าน​ผู้​เจริญ ใน​วัน​พรุ่ง​น้ี นิมนต์​ท่าน มา​สู่​บ้าน ของ​พวก​ ข้าพเจา้ เพ่ือ​ฉัน​ภตั ตาหาร พร้อม​ดว้ ยภ​ กิ ษุ ๙ รูป ๑๕. ครัง้ ​น้ัน วนั ​หนง่ึ พระ​ศาสดา ทรงต​รวจด​สู​ัตวโ​์ ลก ใน​เวลาใ​กล​้ร่งุ ทอดพ​ ระเนตรเ​หน็ พ​ ราหมณน​์ น้ั แ​ลว้ ทรงใ​ครค่ รวญอ​ยว​ู่ า่ “เหตไ​ุ รห​ นอ” ดงั นแ​้ี ลว้ ทรง​ทราบ​ว่า “ราธ​พราหมณ์​จัก​เป็น​พระอ​รหันต”์ ใน​เวลา​เย็น ทรงเ​ป็นเ​หมือน​ เสดจ็ ​เทีย่ ว​ไปใ​นว​หิ าร เสด็จไ​ป​สท​ู่ ​ี่อย​ู่ของพ​ ราหมณ​์แลว้ ต​รสั ว​่า “พราหมณ์ เธอ​ เทีย่ ว​ท�ำ อ​ะไร​อยู่”

ส�ำ หรบั นกั ศกึ ษาใหม ่ 157 นามปทตั ถะ ๑๖. พราหมณน์​้ัน​กราบทูลว​่า “ข้าพ​ ระพุทธอ​งค์​ทำ�วัตรแ​ละ​ปฏิ​วัตร​แก่​ ภิกษุ​ทั้ง​หลาย​อยู่ พระพุทธเจ้า​ข้า” “เธอ​ได้การ​สงเคราะห์​จาก​สำ�นัก​ของ​ภิกษุ​ เหล่าน​ัน้ ​หรอื ” “ไดพ้​ ระพทุ ธเจา้ ข​า้ ขา้ ​พระพุทธ​องค์​ไดแ้​ต่เ​พยี งอ​าหาร แตท​่ า่ น​ ไม​ใ่ ห​้ขา้ พ​ ระพทุ ธอ​งค์บ​ วช” ๑๗. พระศ​าสดาร​บั สง่ั ใ​หป​้ ระชมุ ภ​กิ ษส​ุ งฆใ​์ นเ​พราะเ​รอื่ งน​นั้ แ​ลว้ ตรสั ถ​าม​ ความ​น้นั แ​ล้ว ตรสั ​ถามว​่า “ภกิ ษุ​ทง้ั ​หลาย ใครๆ ระลึก​ถึง​คุณข​องพ​ ราหมณ์​น​้ีได้ ม​อี ยู​่บา้ งห​ รือ” พระส​า​ร​ีบตุ ร​เถระ​กราบทูล​ว่า “พระพทุ ธเจ้า​ขา้ ขา้ ​พระพทุ ธ​องค์​ ระลึกไ​ด้ เม่อื ​ข้า​พระพทุ ธอ​งค์​เทยี่ วบ​ ิณฑบาต​อย่ใู​นก​รุงร​าชค​ฤหฺ พราหมณ์​น​ี้ให​้ คน ถวาย​ภิกษา​ทัพพี​หน่ึง​ท่ี​เขา​นำ�ม​า​เพื่อ​ตน ข้า​พระพุทธ​องค์​ระลึก​ถึง​คุณ​ของ​ พราหมณ​์น้ี​ได้ ดีแลว้ พ​ ระพทุ ธเจ้าข​า้ ขา้ ​พระพทุ ธอ​งคจ์​ักใ​ห้​บวช” ๑๘. บุคคล​พึง​เห็น​ผม​ู้ ปี​ ญั ญา ซง่ึ เ​ปน็ ​ผู​ก้ ล่าวช​้​ีโทษ ว่า​เปน็ เ​หมือนผ​้​บู อก​ ขมุ ทรัพย์​ให้ พึงค​บ​ผู้ม​​ีปญั ญา​ซง่ึ เ​ปน็ ​บณั ฑิต​เชน่ ​น้ัน เมอ่ื ค​บท​ า่ น​ผู้เ​ชน่ น​ัน้ มแ​ี ต่​ คุณ​อย่างป​ ระเสริฐ ไมม่ ี​โทษ​อัน​เลวท​ ราม​เลย

๙. ปทตั ถวธิ าน 158 บาลไี วยากรณเ์ บื้องตน้ คำ�ทกั ทายท้ายบท ๑. สปุ ภาตํ ภนฺเต. สปุ ภาตํ อาวุโส. ๒. กจฺจิ ขมนยี ํ ยาปนียํ ภนเฺ ต. ขมนยี ํ อาวโุ ส, ตวํ ปน. ๓. กนิ นฺ าโมสิ ตฺวํ. (กนิ ฺนามาสิ ตวฺ ํ) มนุ ี นาม ภนเฺ ต. (สริ มิ า นาม ภนเฺ ต) ๔. กุโต อาคจฉฺ สิ ภนฺเต. คามโต อาคจฺฉาม,ิ ตวํ ปน. น้ำ�โสมนคิ มโต อาคจฉฺ ามิ. ๕. กหุ ึ คจฉฺ ถ ตมุ ฺเห. อาปเณ คจฺฉาม, ตุมเฺ ห ปน. อุตตฺ รนครํ คจฺฉาม. ๖. กํ สิปปฺ ํ สกิ ขฺ ถ ตมุ ฺเห ปาลพิ ฺยากรณํ สกิ ขฺ าม, ตุมเฺ ห ปน. ติปิฏกํ อุคคฺ ณฺหาม. ๗. สุรตฺตํ ภนเฺ ต. สรุ ตตฺ ํ อาวุโส.

ส�ำ หรบั นักศกึ ษาใหม ่ 159 นามปทตั ถะ คนั ถนตี ิ ๑. คนกับโค อสนํ เมถนุ ํ นิทฺทา โคเณ โปเสปิ วชิ ฺชติ วิชฺชา วเิ สโส โปสสฺส หีโน โคณสโม ภเว. อาหารการหลับทัง้ เสพกาม มีแก่ชายโคนาม นบั ผู้ ชายไววทิ ยางาม เหน็ แปลก โคแฮ แมบ้ ่มีศิลป์รู้  เสือ่ มรา้ ย ราวโค ๒. เอาแตเ่ รียน โย สสิ ฺโส สปิ ฺปโลเภน พหํุ คณหฺ าติ ตํ สิปฺปํ มูโคว สปุ นิ ํ ปสสฺ ํ กเถตุมฺปิ น อสุ ฺสเห. ศษิ ย์เสพศลิ ป์มากล้น เหลอื จำ� ครรไลหลงงึมง�ำ อดั อ้ัน บอ่ าจต่อตอบคำ� นานน่ิง ดูดจุ ใบล้ นิ้ ส้ัน ไปแ่ กส้ ุบิน ๓. ชา้ ดีกว่า สเิ น สิปปฺ ํ สเิ น ธน ํ สิเน ปพพฺ ตมารหุ ํ สเิ น กามสฺส โกธสฺส อิเม ปญฺจ สิเน สเิ น. เรียนศลิ ปแ์ สวงทรพั ยด์ ้อม เดินไศล สามสงิ่ อยา่ เรว็ ไว ชอบชา้ เสพกามหนึง่ คือใจ มักโกรธ สองประการน้ีถา้ ผอ่ นนอ้ ยเปน็ คุณ

๙. ปทตั ถวธิ าน 160 บาลีไวยากรณ์เบอื้ งต้น ๔. เสน้ ทางบัณฑิต สุจิปภุ าวิลมิ ตุ ฺโต น หิ โส ปณฑฺ โิ ต ภเว สจุ ปิ ภุ าวิลิคาโห ปณฑฺ โิ ตติ ปวจุ จฺ ติ. เว้นวจิ ารณว์ า่ งเว้น สดับฟัง เวน้ ท่ีถามอนั ยัง ไปร่ ู้ เวน้ เลา่ ลขิ ิตสัง  เกตวา่ ง เวน้ นา เวน้ ด่งั กล่าววา่ ผ้ ู   ปราชญไ์ ด้ฤามี สุ = สุตนํ  สนใจฟงั จิ = จนิ ตฺ น ํ คดิ พจิ ารณา ปุ = ปุจฺฉน ํ ถามขอ้ สงสยั ภา = ภาสนํ  ทอ่ งบ่นสาธยาย วิ = วิสชฺชนํ  อธิบายความได้  ลิ = ลขิ นํ  บนั ทึกจดจ�ำ ๕. ศิลป์กบั ทรัพย์ โปตฺถเกสุ จ ยํ สิปฺปํ ปรหตเฺ ถสุ ยํ ธนํ ยทา กจิ ฺเจ สมุปปฺ นเฺ น น ตํ สปิ ปฺ ํ น ตํ ธน.ํ บจ่ �ำ ความร้ไู ว้ ใบลาน ทรพั ย์ฝากทา่ นสาธารณ ์ ป่นปี้ คาบใดกิจบนั ดาล  ดลเกิด บ้างแฮ ทรัพย์แลความรนู้ ้ี  หอ่ นได้เปน็ คุณ ๖. เกียจครา้ นเสียคน อลสสสฺ กโุ ต สปิ ปฺ ํ อสิปฺปสฺส กโุ ต ธนํ อธนสสฺ กุโต มิตตฺ ํ อมติ ตฺ สฺส กโุ ต สุขํ อสขุ สสฺ กุโต ปุญฺ ํ อปญุ ฺ สสฺ กโุ ต วร.ํ

ส�ำ หรบั นักศกึ ษาใหม ่ 161 นามปทตั ถะ มักคร้านฤารอบร ู้ วิทยา ศิลปศาสตรเ์ สือ่ มสนิ หา ไปไ่ ด้ ไรท้ รัพยอ์ บั ผมู้ า เปน็ เพ่อื น เวน้ มติ รสุขบุญไซร้ เลศิ ล�้ำ แรมโรย ๗. มนตก์ บั มลทนิ อสชฺฌาย มลา มนตฺ า อนุทธฺ าน มลา ฆรา มลํ วณฺณสฺส โกสชชฺ ปมาโท รกฺขโต มลํ. เจ็ดวนั เว้นว่างซ้อม ดนตรี หา้ วันอักขระหน ี เน่ินช้า สามวันจากนารี  เปน็ อน่ื วันเดียวบ่ล้างหน้า อับเศร้าศรีหมอง ๘. ศิลปจ์ ตุรภาค อาจริยา ปาทมาทตฺเต ปาทํ สิสฺโส สชานนา ปาทํ สพรฺ หมฺ จารหี  ิ ปาทํ กาลกกฺ เมน จ. สว่ นหนึ่งจากครูผ ู้ สอนสงั่ ส่วนสองปัญญาหลั่ง รอบรู้ ส่วนสามจากเพื่อนน่งั เคยี งคู่ ตนแฮ สว่ นสี่คืนวันส้ ู ศาสตรไ์ ด้สมถวลิ



ไวยากรณ์บาลีปฐมภมู ิ สำ�หรับผู้เร่ิมศกึ ษาภาษาบาลี เสนอร่างโดย พระมหาสมปอง มทุ ิโต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook