Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ

แผนการสอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ

Published by me.arunee, 2020-07-14 04:13:28

Description: แผนการสอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ

Search

Read the Text Version

97 แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยที่ 4 ชอ่ื หน่วย การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเร็จรูป สอนสัปดาหท์ ่ี 13-15 คาบรวม 60 จำนวนช่ัวโมง 16 5.1 การนำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ผู้สอนชี้แจงเรื่องที่จะศึกษาและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมประจำหน่วยที่ 4 เรื่องการประยุกต์ใช้ โปรแกรมสำเร็จรูป 2. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยที่ 4 5.2 การเรยี นรู้ 1. ผสู้ อนเปิด PowerPoint หนว่ ยที่ 4 เรือ่ งการประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมสำเร็จรูป 2. ผู้สอนอธบิ ายเนอื้ หาในหนว่ ยเรียนที่ 4 เรอื่ ง การประยุกตใ์ ช้โปรแกรมสำเรจ็ รูป 3. ผูส้ อนใหผ้ ูเ้ รยี นทำแบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 4 4. ผู้สอนให้ผู้เรียนทำกิจกรรมนำสู่อาเซยี น หน่วยที่ 4 5. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรียนทำกิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง 6. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำกิจกรรมบรู ณาการจิตอาสา หนว่ ยท่ี 4 5.3 การสรุป 1. ผสู้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันสรปุ เนอื้ ในหน่วยเรียนท่ี 4 เร่อื ง การประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมสำเร็จรูป 2. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยที่ 4 5.4 การวัดผลและประเมนิ ผล 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยท่ี 4 2. แบบฝึกหัด หนว่ ยท่ี 4 3. กิจกรรมนำสอู่ าเซยี น หนว่ ยที่ 4 4. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง 5. กจิ กรรมบรู ณาการจติ อาสา หน่วยท่ี 4 6. แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยท่ี 4

98 แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 4 ช่ือหน่วย การประยกุ ต์ใชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู สอนสปั ดาหท์ ่ี 13-15 คาบรวม 60 จำนวนชว่ั โมง 16 6. สือ่ การเรยี นร้/ู แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สอ่ื สิ่งพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชพี (ใชป้ ระกอบการเรยี น การสอนจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 1-5) 2. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยท่ี 4 ใชข้ น้ั นำเขา้ สู่บทเรยี นข้อ 2 3. แบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 4 ใช้ขน้ั ประยุกต์ใช้ขอ้ 1 4. กิจกรรมนำสอู่ าเซยี น หนว่ ยที่ 4 ใช้ขัน้ ประยุกต์ใช้ขอ้ 2 5. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ใช้ขนั้ ประยกุ ตใ์ ช้ขอ้ 3 6. กิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หนว่ ยท่ี 4 ใช้ขัน้ ประยกุ ต์ใชข้ อ้ 4 7. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 4 ใช้ขนั้ สรุปผลและประเมนิ ผลขอ้ 2 6.2 ส่อื โสตทสั น์ (ถา้ ม)ี 1.เครื่องไมโครคอมพวิ เตอร์ 2.งานนำเสนอ 6.3 หุ่นจำลองหรอื ของจริง (ถ้าม)ี - 6.4 อนื่ ๆ (ถา้ มี) - 7. เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ) 1.เอกสารหน่วยท่ี 4 8. การบูรณาการ/ความสัมพันธ์กบั วิชาอืน่ 1. บรู ณาการกบั วิชาภาษาไทย เร่ือง การอธบิ ายความหมายของโปรแกรมสำเรจ็ รปู 2. บูรณาการกบั วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง การจำแนกประเภทของซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ การวิเคราะห์ ลักษณะสำคญั ของซอฟต์แวร์ประยุกต์ 3. บูรณาการกับวิชาความรูเ้ ก่ียวกับงานอาชีพ เรอ่ื ง การใช้งานโปรแกรมสำเรจ็ รูปและโปรแกรม ประยุกต์

แผนการจดั การเรยี นรู้มุ่งเน้นสมรรถนะ 99 ช่ือหนว่ ย การประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู หน่วยท่ี 4 สอนสปั ดาห์ที่ 13-15 9. การวดั ผลและประเมินผล 9.1 กอ่ นเรียน คาบรวม 60 1. เอกสารหน่วยท่ี 4 การประยกุ ต์ใช้โปรแกรมสำเรจ็ รูป จำนวนช่วั โมง 16 2. แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยท่ี 4 9.2 ขณะเรียน 1. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 4 2. กิจกรรมนำสอู่ าเซียน หน่วยที่ 4 3. กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 4. กิจกรรมบูรณาการจติ อาสา หน่วยท่ี 4 9.3 หลงั เรยี น 1. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยท่ี 4 2. แบบฝกึ หัด หน่วยที่ 4 3. กจิ กรรมนำสอู่ าเซยี น หน่วยท่ี 4 4. กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 5. กิจกรรมบูรณาการจติ อาสา หนว่ ยที่ 4 6. แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยท่ี 4

100 แผนการจดั การเรยี นรมู้ ่งุ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ 4 ชอ่ื หน่วย การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเร็จรปู สอนสัปดาห์ท่ี 13- 15 คาบรวม 60 จำนวนชัว่ โมง 16 10. บันทกึ หลงั สอน 10.1 ผลการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 10.2 ผลการเรยี นรู้ของนักเรียน นักศกึ ษา ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 10.3 แนวทางการพัฒนาคณุ ภาพการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................

101 กรอบการจัดการเรียนรแู้ บบบูรณาการเป็นเรอ่ื ง/ช้นิ งาน/โครงการ และบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ กจิ กรรมนกั เรียน พอเพียง 1. นักเรยี นใช้เวลาปฏิบัติกิจกรรมไดเ้ หมาะสมตามลำดับขัน้ ตอน ความพอประมาณ 2. นักเรียนแบ่งหนา้ ท่กี ารทำงานภายในกล่มุ ได้เหมาะสมกับความสามารถ ของแต่ละคน 3. นกั เรียนใช้วสั ดุอปุ กรณ์ในการปฏิบัติงานทีม่ อี ยู่อย่างประหยัดและ คุ้มค่า ความมเี หตผุ ล 1. ปฏิบัตกิ จิ กรรมได้ครบถ้วนตามขั้นตอนสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย 2. แก้ปัญหาในการทำงานให้สำเร็จตามเปา้ หมาย 3. นักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจในเนื้อหาวิชาเรียนของหน่วยการเรียน 4. นักเรยี นเกดิ ทักษะและกระบวนการการเรยี นรู้ 5. เลอื กใช้วัสดุอุปกรณ์เหมาะสม ประหยัด ปลอดภัย การมภี ูมคิ ุ้มกนั 1. รจู้ กั การเตรยี มตัวใหพ้ รอ้ มรับผลกระทบหรือการเปลี่ยนแปลงดา้ นตา่ ง ๆท่จี ะเกดิ ขึ้น 2. ปรบั ตวั ในการทำงานกับเพอ่ื นเพอ่ื พร้อมรับการเปล่ยี นแปลงในสงั คม 4. ร้คู ุณค่าของทรัพยกร และรูจ้ กั ใช้อย่างค้มุ ค่าและยัง่ ยืน 5. สร้างความเขม้ แข็งในห้องเรยี น เงอ่ื นไขดา้ นความรแู้ ละทกั ษะ จากการเรียนสัปดาห์ที่ 13-15 เรื่อง การประยุกต์ใช้โปรแกรม สำเร็จรูป ทำให้ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับ ความหมายของโปรแกรม สำเรจ็ รูป โปรแกรมประยุกต์ ลกั ษณะของซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์ ประเภท ของซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ และการประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมสำเร็จรูป จน ผู้เรียนสามารถนำโปรแกรมสำเร็จรูปไปประยุกต์ใช้กับการทำงาน สามารถใชง้ านโปรแกรมสำเรจ็ รูปและโปรแกรมประยกุ ต์ใช้อยา่ งชำนาญ เงื่อนไขด้านคุณธรรม มีความตระหนกั ในคุณธรรม ซ่ือสัตยส์ ุจริต และอดทนใช้สตปิ ัญญาในการ ดำเนนิ ชีวิต ความอดทน ขยัน หม่ันเพยี ร คือใช้ความอดทนที่จะทำงาน และมีความขยนั ท่จี ะทำงานให้ออกมาไดด้ ีที่สุด

102 ผลกระทบเพอ่ื ความสมดุล พร้อมรบั การเปลีย่ นแปลง ดา้ นสังคม ดา้ นเศรษฐกจิ ด้านวัฒนธรรม ด้านสง่ิ แวดล้อม มีความรู้ในการวาง มีความรู้ในการ นักเรียนรู้จกั ปฏบิ ตั ิ มีความรใู้ นการรักษา แผนการทำงาน เลอื กใช้วัสดุอุปกรณ์ ตนและกิจกรรมท่ี สิ่งแวดล้อม และความ ความรู้ ร่วมกันเป็นกลมุ่ รู้จกั ระบบคอมพวิ เตอร์ ช่วยอนุรกั ษ์ สะอาดของชั้นเรียน รับผดิ ชอบร่วมกนั ใน และเทคโนโลยี สงิ่ แวดลอ้ ม ชน้ั เรียน สารสนเทศ มีทกั ษะการเตรยี มตวั มที กั ษะในการ การปฏิบตั ิตนและ มีทกั ษะปฏิบัติงานใน ใหพ้ ร้อมรบั ผลกระทบ เลือกใชว้ ัสดุอปุ กรณ์ กิจกรรมทชี่ ่วย รายวชิ าอย่างรอบดา้ น หรอื การเปล่ยี นแปลง ระบบคอมพวิ เตอร์ อนุรกั ษส์ ่งิ แวดล้อม และรอบคอบ ด้านต่าง ๆทีจ่ ะเกดิ ขน้ึ และเทคโนโลยี ทักษะ ปรบั ตวั ในการทำงาน สารสนเทศ กบั เพอ่ื นเพอื่ พรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลงใน สงั คม มคี ณุ ธรรม ซ่ือสตั ย์ รูจ้ ักการเตรยี มตวั ให้ รู้คุณค่าของทรัพยกร มรี ะเบยี บ รู้จกั หนา้ ที่ สจุ รติ และอดทนใช้ สตปิ ัญญาในการ พรอ้ มรบั ผลกระทบ และร้จู ักใชอ้ ย่าง สนใจใฝ่เรยี นรู้ ดำเนนิ ชวี ติ มีความ หรอื การเปล่ียนแปลง คุ้มค่าและย่งั ยนื เกิดความภาคภูมใิ นใน อดทน ขยัน หมั่น ดา้ นตา่ ง ๆท่ีจะ การมีสว่ นร่วม พฤตกิ รรม เพียร คอื ใช้ความ อดทนทจี่ ะทำงาน เกดิ ขน้ึ ปรบั ตวั ในการ และมีความขยนั ทีจ่ ะ ทำงานกับเพอ่ื นเพอ่ื ทำงานใหอ้ อกมาได้ดี ที่สดุ พร้อมรับการ เปลยี่ นแปลงในสังคม สรา้ งความเขม้ แขง็ ใน ห้องเรยี น

103 แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ 5 ชือ่ หนว่ ย การนำเสนอและการส่ือสารขอ้ มูลสารสนเทศ สอนสปั ดาหท์ ่ี 16-18 คาบรวม 72 จำนวนชวั่ โมง 16 1. สาระสำคญั หลักการนำเสนอข้อมูลและสร้างสื่อนำเสนอ การนำเสนองานหรือผลงานนั้นสื่อนำเสนอ เปรียบเสมอื นสะพานเชื่อมเนือ้ หา ของผูบ้ รรยายไปยังผู้ฟงั และผชู้ ม ดังน้นั สื่อจึงมบี ทบาทสำคญั อยา่ งมาก สื่อที่ดี จะช่วยใหก้ ารถ่ายทอดเนื้อหาสาระทำได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ผู้ฟังและผู้ชมจะสามารถ จดจำเนื้อหาสาระได้นาน และเขา้ ใจในเนื้อหาไดด้ มี ากขนึ้ ความหมายการนำเสนอ การนำเสนอขอ้ มลู หมายถงึ การสอื่ สารเพอ่ื เสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น หรือความต้องการไปสู่ผู้ชม ผู้ฟังโดยใช้เทคนิคหรือวิธีการต่าง ๆ อันจะทำให้บรรลุ ผลสำเร็จตามจดุ มุ่งหมายของการนำเสนอ เรื่องท่ีจะศึกษา 1. ความหมายของโปรแกรมนำเสนอ 2. ข้นั ตอนการสร้างงานพรีเซนเตช่ัน 3. การสรา้ งงานนำเสนอ 4. เทคนคิ ในการนำเสนอ 5. การส่ือสารขอ้ มูลสารสนเทศ 2. สมรรถนะประจำหน่วย 1. เพ่ือใหม้ ีความรแู้ ละความเข้าใจเกี่ยวกบั การนำเสนอและการสอื่ สารข้อมลู สารสนเทศ 2. เพอ่ื ใหม้ ที กั ษะในการนำเสนอข้อมลู สารสนเทศ 3. เพ่ือใหม้ กี ารประยุกต์ใช้วาจาเพือ่ การนำเสนอ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. บอกความหมายของโปรแกรมนำเสนอได้ (ด้านความร)ู้ 2. อธิบายขนั้ ตอนการสรา้ งงานพรเี ซนเตชั่นได้ (ด้านความเขา้ ใจ) 3. จำแนกประเภทของงานนำเสนอได้ (ดา้ นการวเิ คราะห์) 3.2 ด้านทกั ษะ 1. สร้างงานนำเสนอได้ (ด้านทกั ษะ) 2. นำเสนอข้อมลู ได้ (ดา้ นทักษะ) 3.3 คุณลกั ษณะท่พี ึง่ ประสงค์ 1.ประยกุ ตใ์ ช้การนำเสนอดว้ ยวาจาได้ (ด้านจิตพิสัย)

104 แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 5 สอนสัปดาห์ที่ 16-18 ชื่อหนว่ ย การนำเสนอและการสื่อสารข้อมลู สารสนเทศ คาบรวม 72 จำนวนช่ัวโมง 16 เนอื้ หาสาระการสอน/การเรยี นรู้ ความหมายของโปรเเกรมการนำเสนอ PowerPoint เป็นโปรเเกรมในการนำเสนอได้ในหลายรูปเเบบ ไม่ว่าจะเปน็ นำเสนอ เเบบเป็นอักษร ภาพ หรอื เสยี ง โดยตัวโปรเเกรมน้นั สามารถนำสอ่ื เหลา่ นีม้ าผสมผสานได้ อย่างลงตวั เเละมีประสทิ ธิภาพมาก ทส่ี ุด ลักษณะการของโปรเเกรม Power Point เป็นการทำงานในรปู ของภาพนิง่ (slide) คอื เเผน่ เอกสารเดย่ี วๆ ท่ีเเสดงสิ่งต่างๆ ตัวอกั ษร กราฟตาราง รูปภาพ หรืออื่นๆ เเละสามารถเเสดงไลด์ลงบนแผ่นกระดาษหรอื เครอื่ ง ฉายขา้ มศรีษะ หรอื หน้าจอคอมพวิ เตอร์ หรือเครื่องฉาย ข้นั ตอนการสรา้ งงานพรีเซนเตชนั เพอ่ื ช่วยใหก้ ารสร้างงานนำเสนอเปน็ ไปได้อยา่ งรวดเร็ว ขอแนะนำใหน้ ำขน้ั ตอนต่อไปนไี้ ปประยกุ ต์ใช้ 1. การวางโครงร่าง ก่อนเร่ิมเตรียมงานพรเี ซนเตช่นั เราควรมีความชัดเจนในสิ่งที่ต้องการส่อื สาร โดย ศึกษากลุ่มผฟู้ ังว่ามีลกั ษณะเช่นไร การเริ่มเตรยี มงานนำเสนอโดยการวางโครงรา่ ง จะทำใหเ้ กดิ ความชัดเจน เกยี่ วกับงานท่จี ะนำเสนอ และช่วยใหเ้ ราไมพ่ ลาดหวั ขอ้ สำคัญท่ีต้องสอื่ สาร นอกจากน้ันการวางโครงรา่ งยัง เปรียบเสมือนแผนที่ในการดำเนนิ เร่ือง ทำใหเ้ ราม่ันใจได้ว่าการนำเสนอของเราจะไดผ้ ลลัพธต์ รงตามจุดประสงค์ ที่วางไว้ โปรแกรมสรา้ งข้อความกไ็ ด้เชน่ เราอาจใช้โปรแกรมนำเสนอหรอื จะใช้โปรแกรมอืน่ สำหรบั วิธวี างโครง รา่ ง 2. การลงรายละเอียดเนอ้ื หา หลังจากท่เี ราได้วางแนวทางในการนำเสนองานตัง้ แต่เริ่มจนจบแลว้ ต่อไปเปน็ การลงรายละเอียดในหวั ขอ้ ตา่ งๆ โดยมุ่งเน้นทกี่ ลุ่มผูช้ มเปน็ หลักวา่ สไลดข์ องเราต้องมเี นอ้ื หา หรอื รปู แบบการนำเสนอแบบใดจึงเหมาะสม ซ่งึ ตอ้ งพิจารณาต้งั แต่องค์ประกอบต่างๆ ท่ีใช้ไมว่ า่ จะเป็น ภาพสแี ละ แนวการนำเสนอเช่น การบรรยายเชงิ วิชาการ กค็ วรใหโ้ ทนสีของสไลดส์ อดคล้องกบั เนอ้ื หาทีเ่ นน้ ไปทางสาระและ ข้อมูล 3. การใสข่ ้อความ รูปภาพ กราฟ ฯลฯ ในสไลด์ ในข้นั ตอนนี้จะเปน็ การนำสิ่งต่างๆ ที่เราต้องการ นำเสนอมาใส่ในสไลดแ์ ต่ละแผ่น โดยเราอาจใช้เวลานานพอสมควรในการตระเตรยี มขอ้ มลู ให้ตรงและสนับสนนุ ประเด็นที่เราตอ้ งการนำเสนอ 4. ปรบั แต่งสไลดใ์ หส้ วยงาม หลังจากทเ่ี ราไดใ้ ส่ข้อความที่ต้องการสื่อสารแลว้ ตอ่ ไปเราจะต้องทำการ ปรับแตง่ ตวั อักษร สที ีใ่ ช้กบั สไลด์ และรูปแบบขององค์ประกอบต่างๆ ที่แสดง เพื่อให้สไลด์ดูสวยงามและนา่ ตดิ ตาม 5. เพ่ิมความนา่ สนใจในขณะนาเสนอสไลด์ ถ้าเราใชค้ อมพิวเตอรใ์ นการนำเสนอสไลด์ ก็สามารถนำ เทคนิคในการเปลย่ี นแผ่นสไลดม์ าใชเ้ พ่ิมความนา่ สนใจให้กบั การนำเสนอขอ้ มูลได้ เชน่ การเลอื่ นสไลดแ์ ผน่ ใหม่ มาจากจอภาพด้านบน หรอื ใหก้ ราฟทแ่ี สดงดูเหมือนกำลงั เพิ่มข้ึน 6. เตรียมการนาเสนอจรงิ ๆ กอ่ นถึงเวลาที่เราต้องนำเสนอ ควรซ้อมการพูดให้เขา้ กับแผน่ สไลด์ท่ีเตรียม โดยอาจมีการจับเวลาเพอื่ จะได้ทราบวา่ การบรรยายใชเ้ วลาอย่างเหมาะสมหรอื ไม่

105 7. การเตรียมเอกสารประกอบการบรรยายแจกผฟู้ ัง หลังจากที่เราไดซ้ ักซอ้ ม จนพร้อมนำเสนอสไลด์ท่ี ได้จัดทำไวแ้ ลว้ ส่งิ สดุ ท้ายที่สำคญั ก็คอื การพมิ พ์เอกสารประกอบการบรรยาย การจัดทำเอกสารแจกให้ผ้เู ข้าฟัง จะทำใหเ้ ขาไมต่ ้องเสียเวลาจดบนั ทึกส่งิ ท่เี รานำเสนอ แตใ่ ห้เขาใช้เวลาในการจดจอ่ ฟังสิ่งท่เี ราต้องการสอ่ื สาร แทน การสรา้ งงานนำเสนอ การเรียกใชง้ านโปรแกรม Microsoft Word 2010 การเรียกใชง้ านโปรแกรม Microsoft Power Point 2010 มลี กั ษณะคลา้ ยกับการเรียกใช้ โปรแกรม อื่นๆ ในระบบปฏบิ ตั ิการโดยมขี ัน้ ตอนดงั น้ี 1) คลกิ ปมุ่ Start 2) เลอื ก All Program 3) เลือกโฟลเดอร์ (Folder) Microsoft Office 4) เลือกโปรแกรม Microsoft Power Point 2010 สว่ นประกอบขอโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 ตารางแสดงความหมายของส่วนประกอบต่าง ๆ ในโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 หมายเลข ส่วนประกอบของหน้าต่างโปรแกรม หน้าท่ี 1. ปุ่ม แฟ้ม (File) ใชเ้ ก็บคำส่งั ตา่ ง ๆ ทใ่ี ช้งานในโปรแกรม PowerPoint 2010 2. แถบเครอ่ื งมอื ด่วน (Quick Access) ใชแ้ สดงคำส่ังที่ใช้งานบอ่ ย ๆ ขึ้นมาเรียกใชง้ านได้ทนั ที 3. แถบช่อื เรือ่ ง (Title bar) แสดงช่อื โปรแกรม และรายชอ่ื ไฟล์ที่ไดเ้ ปิดใชง้ านอยู่ 4. ปมุ่ ควบคุม Windows ใช้ควบคมุ การ เปิด-ปดิ และขยายหน้าต่างโปรแกรม 5. รบิ บอน (Ribbon) เปน็ แถบทีใ่ ช้รวบรวมเครือ่ งมอื การใช้งานเขา้ ไว้ดว้ ยกัน 6. ภาพนิ่งและเค้าโครง (Slide and ใช้แสดงแบบจำลองของภาพนิง่ ท้ังหมดทมี่ อี ยูใ่ นสไลด์โชว์ outline)

7. หนา้ ตา่ งภาพน่ิง (Slide Pane) 106 8. หนา้ ตา่ งบันทึกย่อ (Note Pane) 9. แถบสถานะ (Status Bar) เป็นพ้ืนท่ที ่ใี ช้แสดงรายละเอยี ดของสไลดโ์ ชว์ 10. มมุ มอง (View) เปน็ ส่วนทใี่ ช้ใส่ข้อความเพม่ิ เตมิ ลงไปในสไลดโ์ ชว์ ใช้แสดงรายละเอยี ดของสไลด์โชวท์ ่เี ปิดข้ึนมาใช้งาน เปน็ สว่ นทใี่ ชเ้ ปล่ียนมมุ มองในการแสดงสไลด์โชว์ การสรา้ งภาพนิ่ง เม่ือเรียกใช้งานโปรแกรม Microsoft Power Point โปรแกรมจะสรา้ งงานนำเสนอเปลา่ (Blank Presentation) ให้โดยอตั โนมตั ิ แต่จะสรา้ งไวเ้ พียงหนงึ่ ภาพนงิ่ ผใู้ ชส้ ามารถเพ่ิมจำนวนภาพนง่ิ เพื่อ ใหเ้ พียงพอต่อข้อมูลที่จะนำเสนอโดยมีขัน้ ตอนดงั น้ี 1) คลิกแถบคำสง่ั หนา้ แรก (Home) 2) คลิกลกู ศรหัวลงที่ปมุ่ สร้างภาพนิ่ง 3) เลอื กรปู แบบการจดั วางเค้าโครงภาพนิ่งจากชดุ รปู แบบของ Office (ในตวั อย่างเลอื กชดุ รปู แบบช่ือเร่ืองและเน้ือหา) 4) จะปรากฏภาพนง่ิ ตามรูปแบบท่ีเลือก การสร้างงานนำเสนอเปลา่ (Blank presentation) เมอื่ เข้าส่โู ปรแกรม PowerPoint แล้วต้องการสร้างงานนำเสนอชิ้นใหม่ มวี ิธดี งั นี้ 1) คลิกป่มุ แฟ้ม (File) 2) เลือกเมนูสร้าง (Create) 3) เลอื กงานนำเสนอเปล่า (Blank Presentation) 4) คลกิ ปุม่ สรา้ ง (Create) การสรา้ งงานนำเสนอด้วยแม่แบบที่ติดตัง้ ไว้แล้ว (Template) การสร้างงานนำเสนอด้วยแม่แบบทต่ี ดิ ตัง้ นเ้ี หมาะสำหรบั ผู้ที่ต้องการใหง้ านตรงกับลักษณะ การนำเสนองานในรปู แบบทก่ี ำหนดไวแ้ ล้ว จะไม่มีการจัดเรยี งเนอ้ื หาของ Slideมาให้ 1) คลกิ ปุ่มแฟ้ม (File) 2) เลือกเมนสู ร้าง (Create) 3) เลอื กตวั อยา่ งแม่แบบ (Template) 4) เลอื กรูปแบบตัวอยา่ งแมแ่ บบ (ตัวอยา่ งเลือกรูปแบบการแขง่ ขนั ตอบปัญหา) 5) คลกิ ปมุ่ สร้าง (Create) การสร้างงานนำเสนอดว้ ยชุดรปู แบบทีต่ ดิ ตงั้ ไวแ้ ล้ว (Theme) ในการสร้างงานนำเสนอดว้ ยชุดรูปแบบที่ตดิ ตั้งไว้แล้ว ต้องกำหนดหวั ขอ้ และเน้ือหาตา่ งๆ เอาเอง 1) คลิกป่มุ แฟม้ (File) 2) เลือกเมนสู รา้ ง (Create) 3) เลอื กชุดรูปแบบ (Theme) 4) เลอื กรูปแบบชดุ รูปแบบ (ตวั อยา่ งเลอื กรปู แบบ Austin) 5) คลิกปมุ่ สร้าง (Create) การทำงานกบั ภาพนิ่ง มุมมองในการทำงาน

107 มุมมองของโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 สามารถปรับมุมมองในการทำงานได้3 แบบ โดย แตล่ ะแบบจะมมี มุ มองและคุณสมบัติในการใชง้ านแตกต่างกนั ออกไป 1) มมุ มองปกติ (Normal View) มมุ มองนี้ใชใ้ นการสร้างและตกแต่งส่งิ ต่างๆ ภายในสไลด์โดยจะ ประกอบด้วยการทำงานท่แี ตกต่างกนั 2 แบบ คอื - แบบสไลด์ (Slide) ใชใ้ นการปรับแตง่ องค์ประกอบตา่ งๆ - แบบเคา้ ร่าง (Outline) จะแสดงเนอ้ื หาท่ีใช้ในการนำเสนอ และแกไ้ ขข้อความหรือเพิม่ หัวขอ้ ที่ ต้องการ 2) มุมมองตัวเรียงลำดับภาพนิง่ (Slide Sorter View) เปน็ มุมมองที่ใชใ้ นการเรียงลำดบั ภาพนิ่ง ซง่ึ สามารถเปลีย่ นลำดับภาพน่ิงได้ 3) มมุ มองการอา่ น เป็นมมุ มองที่ใช้ในการอา่ น ซ่งึ มลี ักษณะเหมือนมมุ มองภาพนง่ิ 4) มุมมองการนำเสนอภาพนิง่ (Slide Show) เปน็ มุมมองทใ่ี ช้ในการนำเสนอผลงานจากภาพน่ิง ซึ่ง ภาพจะแสดงเต็มจอ การนำ Slide จากไฟลอ์ ืน่ มาใช้ การนำ Slide จากไฟล์อ่นื มาใช้งานสามารถทำไดโ้ ดยการเปดิ ไฟลง์ านท้งั 2 ไฟล์ข้ึนมาพรอ้ มกัน ยกตวั อยา่ งเช่น ต้องการนำ Slide จากไฟลง์ านท่ี 2 มาใช้ในไฟลง์ านที่ 1 จำนวน 1 Slide สามารถทำไดด้ ังน้ี 1) คลิกเลือกสไลด์ (Slide) ทตี่ ้องการย้ายในไฟลง์ านท่ี 2 2) คลกิ ขวาเลือกคำส่งั คัดลอก (Copy) 3) คลิกขวาเลอื กคำสงั่ วาง (Paste)ในไฟล์งานท่ี 1 4) จะปรากฏสไลด์ (Slide) จากไฟลง์ านท่ี 2 มาอยบู่ นไฟล์งานท่ี 1 การตกแต่งสไลด์ (Slide) การใสข่ ้อความ หลงั จากท่เี ราสามารถเลอื กรูปแบบของแผน่ สไลด์ เราสามารถนำข้อความมาใสใ่ นแผน่ สไลด์ เพอ่ื ใหง้ านนำเสนอที่ออกมานนั้ มปี ระสิทธภิ าพและสอื่ ใหผ้ ชู้ มไดเ้ ขา้ ใจมากยิ่งขึ้น นอกจากเราจะ นำข้อความมาใส่แล้วเรายงั สมารถทจ่ี ะทำการตกแต่งขอ้ ความหรือแผน่ สไลด์นัน้ ใหน้ ่าสนใจข้ึนได้ การที่เราจะนำขอ้ ความมาใสล่ งแผน่ สไลด์นนั้ จะต้องมาร้กู ่อนว่าจะนำขอ้ ความจากทีไ่ หนมาใสไ่ ด้ บ้าง ในโปรแกรม Microsoft PowerPoint สามารถสรา้ งขอ้ ความได้ 3 แบบ กรอบเคา้ โครง (Place Holder) จะมากับแผ่นสไลด์ท่ีเราเปิด กล่องขอ้ ความ (Text Box) เป็นกล่องขอ้ ความท่นี ำมาจากแถบเครื่องมือมวี ิธสี รา้ งดังน้ี 1) คลิกแถบแทรก (Insert) 2) คลกิ กลอ่ งขอ้ ความ (Text box) 3) คลกิ แลว้ ลากบนพนื้ ที่สไลด์(Slide) ลากได้ อักษรศิลป์ (WordArt) เป็นขอ้ ความทส่ี ามารถสร้างความโดดเดน่ ใหก้ ับงานนำเสนอได้ มี วธิ สี รา้ งดงั นี้ 1) คลกิ แถบแทรก (Insert) 2) คลกิ อักษรศิลป์ (WordArt) 3) คลิกเลอื กรปู แบบตวั อักษร 4) จะปรากฏกล่องขอ้ ความในแบบอักษรศลิ ป์ใหใ้ ส่ข้อความ การคัดลอกขอ้ ความ 1) ลากเมาส์คลมุ ข้อความหรือคลกิ ทีข่ ้อความทีต่ ้องการคัดลอกใหก้ รอบเปน็ เสน้ ทบึ

108 2) คลกิ ขวาเลอื กคัดลอก (Copy) หรอื กดแป้น ctrl+c 3) คลิกทพ่ี ืน้ ทที่ ่ตี อ้ งการวางข้อความบนแผน่ สไลด์ (Slide) คลกิ ขวาเลือกวาง 4) จะปรากฏขอ้ ความอย่ตู รงพน้ื ทีท่ ีว่ าง การลบขอ้ ความ 1) ลากเมาส์คลุมขอ้ ความทต่ี อ้ งการลบหรอื ถ้าตอ้ งการลบข้อความทัง้ กลอ่ งกใ็ หค้ ลกิ ทีข่ ้อความให้เกดิ กรอบ 2) กดป่มุ Delete ท่ีคยี ์บอร์ด การย้ายขอ้ ความ 1) คลกิ ทข่ี อ้ ความท่ตี อ้ งการเคลือ่ นย้ายใหเ้ กดิ กรอบ คลิกทีก่ รอบอีกคร้ังใหเ้ ป็นเส้นทึบ 2) นำเมาส์ไปช้ีทีก่ ล่องข้อความให้เกดิ เปน็ ลูกศร 4 หัวสีดำ ลากกล่องขอ้ ความไปไว้ที่ตำแหนง่ ทต่ี ้องการ การหมนุ ข้อความ 1) คลกิ ที่ข้อความท่ีตอ้ งการหมุนใหเ้ กดิ กรอบคลกิ ทก่ี รอบอกี ครง้ั ใหเ้ ป็นเส้นทึบ 2) จะเกดิ จดุ วงกลมสีเขียวขนึ้ มาใหน้ ำเมาสไ์ ปชี้ทจี่ ุดแล้วหมนุ ตามต้องการ การปรบั ขนาดกล่องขอ้ ความ 1) คลกิ ท่ขี อ้ ความใหเ้ กิดกรอบ 2) จะมจี ุดสีขาวข้นึ รอบกรอบ ตอ้ งการปรับขนาดทางด้านไหนใหน้ ำเมาส์ไปชี้ที่จุดใหเ้ กดิ เป็นลกู ศร 2 หวั 3) คลิกเมาส์คา้ งไว้แลว้ ลากปรับขนาดตามตอ้ งการ การกำหนดรปู แบบ ขนาด สีของตวั อกั ษร งานนำเสนอเป็นงานทจี่ ะตอ้ งสร้างความนา่ สนใจ ความดงึ ดูดใจแกผ่ ู้ชม นอกจากรปู แบบทเ่ี ลอื กใชแ้ ล้ว ส่ิงที่จะดึงดูดความสนใจได้ดีคือตวั อักษร การกำหนดรปู แบบ ขนาน สี ของตวั อักษรทใี่ ช้ การกำหนดรปู แบบตัวอกั ษร การเลือกใชร้ ูปแบบตวั อกั ษรนัน้ เป็นส่วนหนึง่ ท่ีจะทำใหง้ านนำเสนอน่าสนใจได้ ซ่งึ ในการเลือกรปู แบบ ตวั อกั ษรจะตอ้ งเลือกให้สอดคลอ้ งกับงานทน่ี ำเสนอโดยมีข้ันตอนการกำหนดรปู แบบตวั อกั ษรสามารถทำได้ 2 วธิ ี ดงั นี้ วธิ ที ่ี 1 1) คลกิ เลอื กขอ้ ความหรือกล่องขอ้ ความ 2) คลกิ ทแ่ี ถบเครอ่ื งมอื ฟอนต์ 3) เลอื กรูปแบบฟอนต์ทีต่ ้องการในโปรแกรม PowerPoint 2010 แคน่ ำเมาสไ์ ปไวท้ ี่รูปแบบที่ต้องการ แล้วถงึ จะทำการคลกิ เมาส์ วธิ ีที่ 2 เมอื่ ทำการลากคลมุ ข้อความแล้วคลิกขวาจะมแี ถบเคร่อื งมอื ฟอนต์ขึ้นมา แลว้ เลือกรูปแบบอักษรที่ ต้องการดงั รูป การกำหนดขนาดตัวอักษร ในการทำงานนำเสนอน้ันขนาดของตวั อกั ษรก็เปน็ สิ่งสำคัญ ถ้าเลอื กขนาดเลก็ ไปผู้ชมการนำ เสนออาจจะมองเหน็ ไมช่ ัดเจนเมอ่ื มกี ารนำเสนอผ่านเครอื่ งโปรเจคเตอร์ แตถ่ ้าใหญ่เกินไปกอ็ าจจะ ไมเ่ ป็นทน่ี ่าสนใจ และเปลอื งเน้อื ท่ีโดยไม่จำเปน็ การกำหนดขนาดของตวั อกั ษรสามารถทำได้ 3 วธิ ี วิธีที่ 1 1) คลิกเลอื กขอ้ ความหรอื กล่องข้อความ 2) คลกิ ทีแ่ ถบเครอื่ งมอื ตวั อกั ษร(Font)

109 3) เลอื กขนาดฟอนต์ที่ต้องการในPowerPoint 2010 แค่นำเมาสไ์ ปไวท้ ่ีขนาดตัวอักษร ตัวอกั ษรกจ็ ะ เปลย่ี นขนาดเพ่อื ให้ดเู ปน็ ตวั อย่าง 4) เมือ่ ได้รปู แบบท่ีต้องการแล้วถงึ จะทำการคลกิ เมาส์ ก็จะไดต้ ัวอักษรขนาดท่ีต้องการ วิธีท่ี 2 1) เลอื กขอ้ ความ 2) คลิกขวาจะมีแถบเครื่องมอื ฟอนต์ข้นึ มา 3) เลือกขนาดตัวอักษรทตี่ ้องการ 4) ตวั อกั ษรจะถกู เปลี่ยนแปลงไปตามขนาดที่เลอื ก วธิ ีที่ 3 นอกจากท้งั 2 วธิ ีท่กี ล่าวนน้ั ซึ่งสงั เกตได้ว่าทง้ั 2 วิธที จี่ ะเป็นการระบขุ นาด บางที่อาจะใหญ่เกินไปหรือ เล็กเกินไปไม่ตรงตามความต้องการและจะต้องทำการปรับบ่อย ๆ ซึ่งในวิธีนี้ไม่ได้เป็นการระบุขนาดแต่จะเปน็ การคลิกที่สัญลักษณ์ เพื่อเป็นการเพิ่มขนาดของตัวอักษรซึ่งสามารถที่จะคลิกได้จนกว่าจะได้ขนาด ตวั อกั ษรท่ีตอ้ งการหรอื คลกิ ทส่ี ัญลักษณ์ เพ่อื เปน็ การลดขนาดของตวั อกั ษร การกำหนดตัวหนา ตัวเอยี ง ตวั ขีดเส้นใต้ และใส่เงาใหข้ ้อความ ในส่วนของตวั อกั ษรท่ีพิมพ์ขึ้นมาน้นั ตวั อกั ษรจะเปน็ ตวั ตรงปกติ ซึ่งถา้ เราตอ้ งการท่ีจะสรา้ งลูกเลน่ ให้กบั ตวั อักษรกส็ ามารถทาได้ ซง่ึ จะทำให้งานนำเสนอดนู ่าสนใจยงิ่ ข้ึน โดยสามารถเลือกได้จากแถบเคร่อื งมือ ฟอนต์ การจดั ตำแหน่งของขอ้ ความ ในการพิมพข์ อ้ ความในงานนาเสนอน้นั ถ้าสงั เกตว่าเมือ่ พิมพข์ อ้ ความลงไปน้นั ข้อความจะอยู่ชิด ทางด้านซ้ายมอื ซ่งึ สามารถทาการจดั ตำแหนง่ ของขอ้ ความใหอ้ ยู่ก่ึงกลาง หรอื ชิดขวาไดโ้ ดยการเลอื กท่ีกลอ่ ง ข้อความทตี่ ้องการจดั ตำแหน่งและคลิกทีส่ ญั ลกั ษณ์ ดงั น้ี การใส่สขี ้อความ นอกจาการเลือกรูปแบบตัวอกั ษร ขนาดตวั อกั ษรและการจดั ตำแหน่งของขอ้ ความทจี่ ะทำให้งาน นำเสนอนา่ สนใจแล้ว สีของตวั อกั ษรที่ใชก้ เ็ ป็นสง่ิ หนง่ึ ท่จี ะทำให้งานนำเสนอน้นั น่าสน ใจเหมอื นกัน การใส่สี ข้อความมีขัน้ ตอนดงั น้ี 1) เลอื กข้อความท่ตี ้องการใส่สี 2) คลกิ ท่สี ัญลกั ษณ์ 3) เลือกสีทต่ี อ้ งการ 4) ขอ้ ความจะถูกปรากฏเปน็ สีท่ีเลือก การใสร่ ูปภาพจาก Clip Gallery Clip Gallery เป็นโปรแกรมท่ีใช้เกบ็ รปู ภาพตา่ งๆ ทีน่ ำมาตกแต่งงานนำเสนอ ซึ่งเมือ่ ติดต้งั Microsoft office นน้ั จะมโี ปรแกรม Clip Gallery ติดตง้ั มาให้โดยอตั โนมตั ิ สามารถเลอื กและคน้ หา รูปภาพทีต่ อ้ งการได้ 1) คลกิ แถบแทรก (Insert) 2) คลกิ ทภ่ี าพตดั ปะ (Clip Gallery) ซึง่ จะมีบานหนา้ ตา่ งข้นึ มาทางดา้ นขวามือ 3) จะปรากฏหนา้ ต่างภาพตดั ปะขึน้ มา เราสามารถพิมพช์ ่ือหมวดของภาพทต่ี อ้ งการคน้ หาเขา้ ไปในชอ่ ง ค้นหา (Search For) แล้วคลิกท่ีปุ่มไป (GO) ก็จะมีรูปภาพข้ึนมาให้ หรอื หากต้องการดูภาพทั้งหมดคลิกท่ี จัด ระเบยี บภาพตัดปะ (Organize Clips)โดยจะมหี น้าตา่ งข้นึ มาใหค้ ลิกที่ Office Collections ทีอ่ ยทู่ างด้าน ซา้ ยมือ

110 4) เม่ือได้ภาพทตี่ อ้ งการแล้วใหล้ ากปลอ่ ยภายในสไลด์ ซึง่ สามารถปรับขนาดแลว้ หมุนภาพไดต้ าม ต้องการเหมือนกบั กล่องขอ้ ความ การใสร่ ปู ภาพจากไฟล์ รปู ภาพที่นำมาใส่ในงานนำเสนอนอกจากจะเลือกจากภาพตัดปะ (Clip Art) แลว้ สามารถท่จี ะนำ รูปภาพจากแฟ้มข้อมูลมาใส่ได้ด้วย 1) คลิกที่แถบแทรก (Insert) 2) คลิกที่รูปภาพ (Picture) 3) จะปรากฏหนา้ ตา่ งแทรกรปู ภาพ (Insert Picture) ขนึ้ มา เลือกรปู ภาพทีต่ อ้ งการ 4) คลิกทรี่ ปู ภาพท่ตี อ้ งการแลว้ คลิกที่ปมุ่ แทรก (Insert) การตกแต่งพ้ืนหลงั ในการนำเสนองานนั้นการสร้างความนา่ สนใจ นอกจากรปู แบบตัวอักษร สตี วั อกั ษร การใส่ รปู ภาพแลว้ สามารถสร้างความน่าสนใจใหก้ บั งานนำเสนอด้วยการตกแตง่ สพี ้ืนหลังซ่ึงโดยปกตแิ ล้วพนื้ หลงั จะ เป็นสขี าวแต่สามารถทำการใส่สี การไล่ระดบั สี และการใส่ลวดลายสำเรจ็ รปู เพื่อเพิ่มความนา่ สนใจใหก้ บั งาน นำเสนอได้ การใสส่ ีพ้นื หลัง 1. คลิกท่ีเมนูออกแบบ (Design) 2. คลิกเลอื กลักษณะพื้นหลงั (Background Styles) จะมีรปู แบบพืน้ หลังขนึ้ มาให้เลือก 3. คลกิ จัดรปู แบบพ้นื หลัง (Format Background) จะมีหนา้ ตา่ งขนึ้ มาเพอ่ื ใหป้ รบั แต่งรปู แบบพนื้ หลัง ตามต้องการ กราฟกบั งานนำเสนอ (Graph and Presentation) การสร้างกราฟในงานนำเสนอนนั้ จะช่วยเพ่มิ ความนา่ สนใจและความเข้าใจใหก้ ับงานทีต่ ้องมกี าร วเิ คราะหแ์ ละการเปรียบเทยี บ เพราะกราฟจะสามารถส่ือความหมายได้ชัดเจนกวา่ ขอ้ ความและยงั สามารถเลอื ก รปู แบบของกราฟใหเ้ หมาะสมกับข้อมูลที่ตอ้ งการเสนอดว้ ย การสร้างกราฟลงในสไลด์ ในโปรแกรม PowerPoint ไม่สามารถสร้างกราฟได้โดยตรง แตจ่ ะต้องเรยี กโปรแกรม Excelขน้ึ มาทำ การกรอกข้อมลู เพอ่ื สรา้ งกราฟ 1) คลกิ ทแ่ี ถบแทรก (Insert) 2) คลกิ ท่ีแผนภมู ิ (Chart) 3) จะปรากฏหนา้ ต่างข้ึนมาให้คลิกที่ชนิดและรูปแบบของกราฟต้องการแล้วคลกิ ท่ปี มุ่ ตกลง(OK) เพื่อ เข้าส่ขู ั้นตอนต่อไปของการสรา้ งกราฟ 4) จะปรากฏตารางของโปรแกรม Excel ขึน้ มาให้กรอกข้อมูลทีต่ อ้ งการสร้าง กราฟลงไปในตารางใน ขณะทที่ ำการกรอกขอ้ มูลลงในตาราง Excel นั้นกราฟทีโ่ ปรแกรม PowerPoint นัน้ ก็จะทำการเปล่ียนแปลงไป ตามข้อมลู ทก่ี รอกลงในตาราง 5) เม่อื ทำการกรอกข้อมูลเสรจ็ แล้วใหป้ ิดตารางท่ีกรอกข้อมลู กจ็ ะได้กราฟ ข้อมูลตามท่ีตอ้ งการ

111 ส่วนประกอบต่างๆ ของกราฟ งาน Presentation กบั การพิมพ์ เมือ่ สรา้ งงานนำเสนอเสรจ็ เรียบรอ้ ยแล้วในการท่ีนำเสนองาน หรอื บรรยายนนั้ สิ่งทจ่ี ำเป็นอีก อยา่ งหนง่ึ กค็ อื เอกสารประกอบการบรรยาย เพอ่ื จะทำใหผ้ ู้ฟังมีเอกสารไวศ้ กึ ษาขณะชมการนำเสนอ และ สามารถนำกลับไปศกึ ษาเพม่ิ เตมิ หลงั จากจบการนำเสนอ ซ่งึ ในโปรแกรม PowerPointสามารถสร้างเอกสาร ประกอบการบรรยายไดห้ ลายชนิด 1. คลกิ ท่ีแฟ้ม (File) หรอื Ctrl + P 2. คลกิ ท่ีคำสัง่ พิมพ์ (Print) 3. เลือกเครอื่ งพิมพ์ และ เลอื กรปู แบบของการพิมพซ์ ่งึ มีรูปแบบดงั น้ี เทคนคิ ในการนำเสนอ (Presentation Technique) การนำเสนอ (Presentation) เป็นวธิ ีการหรอื เครอื่ งมอื ในการติดตอ่ สอื่ สาร (Communication) ด้วย การถ่ายทอด(Delivery) ข้อมูล แผนงาน โครงการ ข้อเสนอ ฯลฯ จากผู้นำเสนอผลงาน กับผู้พิจารณาผลงานหรือ จากผู้นำเสนอ ไปสู่บุคคล กลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกนั ให้บุคคลกลุ่มเป้าหมายหรือผู้รับสาร เห็น ด้วย คล้อยตาม สนบั สนนุ อนุมัติ ใหด้ ำเนินการ ประเภทของการนำเสนอ (Type of Presentation) 1. การนำเสนอโดยวธิ ีธรรมชาติ (Nature Presentation) เชน่ ทำตวั อยา่ งให้ดู สาธติ ให้เห็นโดยใช้พฤติกรรม ตามธรรมชาติ 2. การนำเสนอด้วยการพูด (Oral Presentation) เช่น พูดและแสดงใหเ้ หน็ จริง 3. การนำเสนอด้วยสื่อต่างๆ (Presentation Media) เช่น สิ่งพิมพ์ โปสเตอร์ วีดีทัศน์ ภาพยนตร์ นทิ รรศการ 4.. การนำเสนอโดยใชเ้ ทคโนโลยีสมัยใหมเ่ ขา้ มาช่วย (Hi-technology Audiovisual Aids) 5. การนำเสนอด้วยวิธกี ารผสมผสาน (Presentation by Integration) ขัน้ ตอนการนำเสนอขอ้ มูล (ประพนธ์ เรืองณรงค์ และคนอน่ื ๆ, 2545, หนา้ 149) 1. การกำหนดเร่อื งและขอบเขตของเน้อื หา ควรคำนึงถงึ ส่งิ ต่าง ๆ ดังน้ี 1.1 ความสำคญั หรอื ความน่าสนใจของเรอื่ ง เรอ่ื งท่ีจะทำรายงานควรเปน็ เรื่องทีม่ ี ประเดน็ นา่ สนใจ และนา่ ติดตาม 1.2 เร่ืองทีจ่ ะทำรายงานควรเปน็ เร่ืองท่ีผเู้ รียนสนใจและถนัด เพราะจะช่วยให้ผ้เู รยี น เกิดความ

112 กระตอื รอื ร้นในการทำรายงานและสามารถศึกษาค้นคว้าได้อยา่ งมี ประสทิ ธผิ ล 1.3 แหลง่ ขอ้ มูลท่ีใช้ศึกษาเร่ืองท่ีจะทำรายงาน ควรมีแหลง่ ขอ้ มลู และขอ้ มลู มากพอท่ีจะศกึ ษา ได้ ไมค่ วรเลอื กเรอื่ งที่มขี ้อมูลนอ้ ยหรือไมส่ ามารถเขา้ ถึงแหลง่ ข้อมูลได้ 1.4 ขอบเขตของเรือ่ ง ผู้เรยี นควรกำหนดขอบเขตของเร่อื งที่จะศกึ ษาใหเ้ หมาะสมกับ เวลาท่ีใชใ้ น การทำรายงาน และความสามารถของผู้เรยี น เช่น หากผเู้ รียนมเี วลาน้อย แตจ่ ะตอ้ งรายงานเกยี่ วกับวรรณคดี ไทย ผเู้ รียนอาจเลอื กทำรายงานเก่ยี วกับวรรณคดเี รอ่ื งใดเร่ืองหน่ึง หรือศกึ ษาเพียงประเดน็ ใดประเดน็ หนึ่ง เท่านน้ั ควรหลกี เลย่ี งเร่อื งท่กี ว้างเกินไป เช่น วรรณคดีไทย มรดกโลก เปน็ ตน้ 2. การวางโครงเรือ่ ง ควรวางโครงเรือ่ งใหส้ อดคล้องกับชอ่ื เร่ืองท่ตี ัง้ ไว้ มวี ธิ ีดำเนินการ 5 ขั้นตอน ดงั นี้ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2544, หนา้ 38-39) 2.1 ขั้นประมวลความคิด เป็นข้นั ท่ไี ดจ้ ากเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากการอ่าน การฟงั การไดร้ ับ ประสบการณ์ มาคดิ พจิ ารณาแยกออกเปน็ ประเด็นยอ่ ย ๆ แล้วเขยี นรวบรวมประเด็นยอ่ ยไว้ทัง้ หมด เช่น การ วางโครงเรอื่ ง เรอ่ื งระบบสรุ ยิ ะ ให้ผู้เรยี นพยายามคิดว่ามีอะไรเกยี่ วข้องกบั ระบบสุริยะ ให้เขยี นออกมาทุก ประเดน็ ดังนี้ 2.1.1 กำเนดิ ระบบสุริยะ 2.1.2 กำเนดิ ดวงอาทิตย์ 2.1.3 ดาวเคราะหน์ ้อย 2.1.4 ดาวเคราะห์ในระบบสรุ ยิ ะ 2.1.5 ตำแหนง่ ของดาวเคราะห์ 2.1.6 ขนาดของดาวเคราะห์ 2.1.7 ลกั ษณะของดาวเคราะห์ 2.1.8 สมบัติของดาวเคราะห์ 2.1.9 การเคลอ่ื นทข่ี องดาวเคราะห์ 2.1.10 ดาวหาง 2.1.11 กลมุ่ ดาวจกั รราศี 2.1.12 กล่มุ ดาวในคำกลอนสนุ ทรภู่ 2.1.13 เอกภพ 2.1.14 มนุษยอ์ วกาศ 2.1.15 อุกาบาต 2.2 ขนั้ เลอื กสรรความคิด เปน็ ข้นั ท่ีพิจารณาวา่ ประเด็นท่ีรวบรวมได้ท้ังหมดนั้นสนับสนนุ สอดคล้อง กบั จดุ ม่งุ หมายของเรอื่ งทตี่ อ้ งการรายงานหรอื ไม่ ถ้าไม่ต้องการใหต้ ดั ออก ไดแ้ ก่ หวั ขอ้ ที่ 2.1.2, 2.1.11, 2.1.12, 2.1.13, 2.1.14 2.3 ข้ันจดั หมวดหมู่ความคิด เป็นการนำเอาประเดน็ ทไ่ี ดค้ ัดสรรแล้วมาพจิ ารณารวม เปน็ กลุ่ม หรอื หมวดหมู่ โดยอาจพิจารณาเป็นประเด็นใหญ่ ประเดน็ ย่อยทจี่ ัดหมวดหม่นู ้นั ไดแ้ ก่ หวั ข้อท่ี 2.1.4, 2.1.5, 2.1.6, 2.1.7, 2.1.8 และ 2.1.9 ควรอยู่ในกลุ่มเดยี วกนั หวั ขอ้ 2.1.3, 2.1.4 และ 2.1.15 ควรอยู่ในกลมุ่ เดียวกัน 2.4 ข้ันลำดบั ความคดิ นำเอาประเด็นหลกั ท่ไี ด้มาจัดเรยี งลำดบั ก่อนหลัง เพอื่ ใหง้ า่ ย ต่อการ จัดลำดบั ความคิดในการนำเสนอเนอื้ หา จากเรม่ิ ต้นนำเสนอจนจบ ดังน้ี 2.4.1 กำเนิดระบบสุรยิ ะ 2.4.2 ดาวเคราะหใ์ นระบบสรุ ยิ ะ

113 1) ตำแหนง่ ของดาวเคราะห์ 2) ขนาดของดาวเคราะห์ 3) ลกั ษณะของดาวเคราะห์ 4) สมบตั ิของดาวเคราะห์ 5) การเคลื่อนท่ขี องดาวเคราะห์ 2.4.3 ดาวหาง 2.4.4 ดาวเคราะห์น้อย 2.4.5 อุกาบาต 2.5 ขัน้ ขยายความคิดและตรวจสอบความสมบรู ณ์ เป็นขัน้ ปรบั ปรงุ โครงเรอื่ ง ที่ได้จดั วางไว้นนั้ ให้มีความครบถว้ นสมบูรณ์ โดยอาจเตมิ ในส่วนทยี่ ังขาดอยู่ ได้แก่ หวั ข้อที่ 2), 3) และ 4) น่าจะรวมกนั ได้ เพราะเปน็ เรอ่ื งเดยี วกัน หวั ข้อ 2.4.3, 2.4.4 และ 2.4.5 นา่ จะรวมกันเปน็ อกี หัวข้อหน่งึ โครงเรื่องจะปรับใหม่ ได้เป็น 2.5.1 กำเนดิ ระบบสุรยิ ะ 2.5.2 ดาวเคราะหใ์ นระบบสรุ ิยะ 1) ตำแหนง่ ของดาวเคราะห์ 2) ลักษณะและสมบัติของดาวเคราะห์ 3) การเคลอื่ นทข่ี องดาวเคราะห์ 2.5.3 บริวารดวงอาทติ ยท์ ่ีไมใ่ ช่ดาวเคราะห์ 1) ดาวหาง 2) ดาวเคราะหน์ อ้ ย 3) อุกาบาต 2.5.4 การสำรวจระบบสรุ ิยะ 3. การสำรวจแหลง่ ข้อมลู ขอ้ มูลทใ่ี ช้ในการทำรายงาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื 3.1 ขอ้ มูลจากเอกสารหรอื หลกั ฐานตา่ ง ๆ เปน็ ข้อมลู ที่บันทกึ เป็นลายลักษณอ์ ักษร เช่น หนงั สือ บทความ วิทยานิพนธ์ รายงาน หนงั สอื อ้างอิง วารสาร นติ ยสาร หนังสอื พมิ พ์ จุลสาร กฤตภาค จารึกและ จดหมายเหตุ แผน่ ภาพโปสเตอร์ อนิ เทอร์เนต็ เปน็ ต้น 3.2 ข้อมลู ภาคสนาม เปน็ ขอ้ มูลทรี่ วบรวมขึ้นจากการสำรวจ การสงั เกต การ สัมภาษณ์ แบบสอบถาม หรอื การทดลอง 4. การรวบรวมข้อมลู เมื่อผู้เรียนสำรวจขอ้ มลู ทีจ่ ะศึกษาแลว้ ต้องเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการจดั ระเบียบขอ้ มูล หรือแยกขอ้ มูลออกเป็นกลุม่ ตา่ ง ๆ เพือ่ ความสะดวกในการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป โดยการทำบัตร บนั ทกึ ขอ้ มลู 5. การวิเคราะห์ขอ้ มูล ขน้ั ตอนนี้เป็นการทำความเข้าใจขอ้ มลู และตีความข้อมูลที่ศึกษา จากน้ันจงึ แยกแยะข้อมูล และจัดกลมุ่ ขอ้ มูล หากเป็นขอ้ มลู ทเี่ ปน็ ความคิดเหน็ ผูเ้ รียนต้องอภิปรายว่าเหน็ ด้วยหรือไมเ่ ห็น ด้วยกบั ความคิดน้ัน ๆ หากเปน็ ขอ้ มลู ภาคสนาม เชน่ ขอ้ มูลจากการตอบแบบสอบถาม หรือการทดลอง เปน็ ตน้ ผ้เู รียนอาจใช้วธิ ีการทางสถิตริ ่วม 6. การเรียบเรยี งเนือ้ หาของรายงาน นำขอ้ มูลทจี่ ัดระเบียบ วิเคราะห์ และตีความแล้ว มาเรียบเรยี งให้ เป็นลำดบั ข้ันตอน เขยี นดว้ ยสำนวนภาษาของตนเองโดยเขียนใหช้ ดั เจนตรงไปตรงมา ใช้ภาษาท่ีเป็นภาษาระดบั ทางการ จะตอ้ งอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลทุกคร้งั ขัน้ ตอนการนำเสนอขอ้ มูลดว้ ยวาจา หรอื การรายงานปากเปลา่ (กรมวชิ าการ, 2539, หน้า 88-89)

114 การนำเสนอข้อมูล ด้วยวาจา หรือการรายงานปากเปลา่ เป็นการนำรายละเอียดท่ีได้จาก การศึกษา ค้นคว้า มารายงานหนา้ ชัน้ เรยี น โดยใช้เวลา 8-10 นาที ผูร้ ายงานอาจใช้ส่อื ประกอบการพูด เพอ่ื เรา้ ความ สนใจของผูฟ้ ัง เช่น รูปภาพ แผนภมู ิ Power Point เป็นต้น ผู้รายงานควรปฏิบัติ ดงั นี้ 1. มกี ารแนะนำตวั และเปิดเร่ืองบอกใหผ้ ู้ฟงั ทราบว่าจะพูดเรื่องอะไร 2. ใช้ภาษาท่ที ำใหผ้ ฟู้ งั เขา้ ใจชัดเจน จงั หวะ วรรคตอน การพูด เสยี งในการพดู ไม่คอ่ ยเกนิ ไป 3. บคุ ลิกท่าทางในการพูด มีความมั่นใจ การใชน้ ้ำเสยี งนมุ่ นวล รักษาเวลาในการพูด 4. มีมารยาทในการพดู ใชภ้ าษาสุภาพ ไมแ่ สดงกิริยาทไ่ี มเ่ หมาะสม โกรธเคืองหรอื ดหู มนิ่ ผูฟ้ งั 5. รายงานตามลำดบั หวั ข้อทเ่ี ตรียมมา ไมพ่ ดู วกวน มกี ารสรปุ เรือ่ งทพี่ ดู ได้ชัดเจนกระชบั 6. เปิดโอกาสใหผ้ ฟู้ งั ซักถาม การนำเสนอข้อมูลด้วยการใชเ้ ทคโนโลยี (นติ ยา หตั ถสินโยธนิ , 2521, หน้า 102-103) การนำเสนอขอ้ มูลด้วยการใช้ เทคโนโลยี ต้องมีประเด็นความคดิ ท่ีชดั เจน การออกแบบส่ือท่ี ถูกต้อง มีเคา้ โครง มคี วามเรียบงา่ ยและชดั เจน ดงั นี้ 1. การออกแบบสอ่ื ต้องมกี ารจัดวางรปู แบบของสอ่ื มีความต่อเนอื่ งเชือ่ มโยงกนั ของหัวขอ้ สี มี รปู ทรง และสว่ นทเี่ ปน็ เนอ้ื หา 2. Power Point แผนภาพ แผน่ กระดาษ และโปสเตอร์ นน้ั ๆ ต้องจัดวางทิศทางของ 3. เนอื้ หาใหอ้ ยูใ่ นแนวนอน เรยี งจากซา้ ยไปขวา จะทำให้ดงู ่ายข้ึน 4. ไมใ่ ส่เน้ือหาบนสื่อมาก ควรมีท่ีว่างใหด้ ูสบายตา ใช้ข้อความแบบงา่ ย ๆ และชัดเจน 5. ใช้สี เส้น และตัวอกั ษร เปน็ สิ่งดงึ ดูดใหเ้ หน็ ความแตกต่างในเร่อื งทน่ี ำเสนอ การนำเสนอท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ (Effective Presentation) ควรจะประกอบดว้ ย 1. ผู้ฟงั และผนู้ ำเสนอควรเห็นกนั ไดช้ ัดเจนและทัว่ ถงึ 2. ผฟู้ งั และผนู้ ำเสนอไดย้ ินเสียงชัดเจน 3. ผ้ฟู งั และผนู้ ำเสนอต้องเหน็ ภาพและขอ้ ความบนจออยา่ งชัดเจน 4. ผู้ฟังเข้าใจถึงเนอื้ หาและเป้าหมายของสิง่ ท่ีนำเสนอไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 5. ผู้นำเสนอได้รบั การตอบสนองตามเป้าหมายของการนำเสนอ ภาษาท่าทางสำหรบั ผนู้ ำเสนอ (Non-verbal Language for Presenter) 1. เสียง (Voice) ไม่ควรพูดเร็วมากเกินไป หรือใช้เสียงสูง /แหลม เกินความจำเป็น ควรพูดให้เป็น ธรรมชาติไม่เร็วหรอื ช้าจนเกินไป และไม่ควรใช้วิธีอ่านจากสคริปต์ที่เตรียมมาตลอดเวลา อาจจะหยุดให้มีความ เงียบบา้ งเมอ่ื จบแตล่ ะประเดน็ ก็ได้ แตอ่ ย่าเงยี บนานเกนิ ไป 2. สายตา (Eyes) ควรมกี ารประสานสายตากบั กลุ่มผฟู้ งั มองผู้ฟงั ให้ทั่วๆ ซ่ึงจะชว่ ยใหผ้ ูฟ้ ังรู้สึกประทับใจ ได้ 3. การเคลื่อนไหว (Movement) อย่าเดินไปเดินมาบ่อยๆ อย่าเล่นกุญแจ ปากกา ดินสอ เพราะจะทำ ให้ผู้ฟังรำคาญ 4. การใชม้ ือ (Hands) ควรใช้มือประกอบการพูดให้เป็นธรรมชาตมิ ากทส่ี ุด 5. การวางท่าทาง (Posture) ตวั ผู้นำเสนอเปน็ จดุ สนใจของผู้ฟงั ดังน้ันจึงควร 5.1 มองตรงไปยงั ผู้ฟงั ใหท้ ว่ั ๆ 5.2 พยายามหลกี เลีย่ งกริ ยิ าอาการท่ีจะก่อให้เกิดความรำคาญใจแกผ่ ู้ฟัง 5.3 เนน้ การพดู ไม่ใชก่ ารอา่ น 5.4 พดู ใหถ้ งึ ผฟู้ ังแถวหลงั ด้วย ไม่ใช่เน้นแต่แถวหน้า 5.5 วางตวั ใหร้ ู้สึกสบายๆ เช่ือมั่นในตนเอง และมคี วามกระตอื รือร้น

115 การสื่อสารข้อมูลและสารสนเทศ ความจำเปน็ ของการสื่อสารข้อมูล ในยคุ แรกของการใชค้ อมพวิ เตอร์ เป็นการใชค้ อมพวิ เตอร์แตล่ ะเครื่องโดยเอกเทศ คอมพิวเตอรใ์ นยุค นัน้ จะทำหนา้ ที่ประมวลผลขอ้ มูลเพียงอย่างเดียวไมม่ ีหนา้ ท่ี ในการสอ่ื สารขอ้ มูล ตอ่ มาเมอื่ มีการใชง้ านคอมพิวเตอร์อย่างกวา้ งขวางมากข้นึ พบว่าการใชง้ านใน บางกรณีจำเป็นต้องมีจุด ป้อนขอ้ มูลหรอื เรยี กดขู ้อมูลหลายจุดพร้อมกนั ดงั นั้นจึงเกดิ ระบบการใช้งานท่ีเรยี กวา่ ระบบหลายผู้ใช้ (Multi- user system) แตก่ รณนี ี้ยังเป็นการประมวลผลจากหนว่ ยประมวลผลกลางเพียงเครื่องเดยี วแต่มี การติดต้ัง เครื่องปลายทาง (Terminal) สำหรบั ป้อนข้อมูลและเรียกดูข้อมลู พร้อมกันได้หลายจดุ เท่านั้น จงึ ยังไม่ถอื เป็น ระบบการสือ่ สารขอ้ มูล ในยคุ ต่อมา เม่อื มกี ารนำคอมพิวเตอร์หลายเคร่อื งมาใช้งานทอ่ี ยใู่ นระบบงานเดยี วกนั จึงพบ ว่ามีความ จำเปน็ ตอ้ งเชอื่ มโยงข้อมูลทีท่ ำการประมวลผลโดยคอมพวิ เตอร์ตา่ ง เครอื่ งกนั เข้าดว้ ยกัน แรก ๆ ที่ทำโดยวิธีนิ ผลลพั ธ์ทไี่ ด้จากอุปกรณ์สง่ ออกของคอมพิวเตอรเ์ คร่อื งหน่ึงไป ป้อนใหมเ่ ปน็ ข้อมูลเขา้ ของคอมพิวเตอร์อกี เคร่ือง หนึ่ง เม่ือต้องทำด้วยวิธีการทีไ่ มส่ ะดวกเชน่ นี้บ่อย ๆ เข้าจึงเกิดแนวคิดที่จะพัฒนาระบบการสอ่ื สารข้อมูลขนึ้ องคป์ ระกอบของการสื่อสาร การสือ่ สารข้อมูลมอี งคป์ ระกอบดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ระบบคอมพวิ เตอร์ 2. อปุ กรณ์เชอ่ื มตอ่ 3. ซอฟต์แวรส์ ำหรับการสอ่ื สารข้อมูล 4. เกณฑ์วิธี (Protocol) คือขอ้ กำหนดหรอื ระเบียบวธิ ีสำหรับการสอื่ สารขอ้ มลู แบบน้ัน ๆ 5. สือ่ นำข้อมูล (Media) เชน่ สายโทรศัพท์ เคเบิลใยแกว้ นำแสงหรอื คลื่นวิทยุ เปน็ ตน้ ระบบส่ือสารข้อมูล การสือ่ สารข้อมูล (Data Communication) หมายถึงการรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ต้งั แต่สอง เคร่อื ง (หรือสองระบบ) ขน้ึ ไปโดยเปน็ การรับสง่ ข้อมูลผ่านระบบสายหรือระบบไรส้ ายกไ็ ด้ แตข่ ้อมลู ที่รบั ส่งกัน นน้ั จะต้องอยู่ในรูปแบบรหสั ดิจิตอล หรอื สามารถแปลเปน็ รูปแบบรหสั ดิจติ อล เพื่อให้คอมพิวเตอรฝ์ ่ายรบั ขอ้ มูล สามารถนำขอ้ มูลนัน้ ไปประมวลผลตอ่ ได้ การสื่อสารในระบบคอมพิวเตอร์ จำแนกลกั ษณะการใช้งานได้ 4 ประเภท 1. การจัดเก็บและการค้นคนื สารสนเทศ 2. คอมพิวเตอร์กบั คอมพวิ เตอร์ 3. การรับและสง่ ผ่านสารสนเทศ 4. การแบ่งเวลาเครอ่ื ง การจดั เกบ็ และการค้นคืนสารสนเทศ โดยใช้เทอร์มนิ ัลสง่ และรบั สารสนเทศผา่ นสายโทรศพั ทก์ ันมาก ในธรุ กิจการเงนิ การธนาคาร และงานพสั ดุ คอมพวิ เตอรก์ บั คอมพวิ เตอร์ ใช้ในกรณที ี่ตอ้ งการฐานขอ้ มูลหรือส่งแฟ้มขอ้ มูล ระหวา่ งศูนย์ คอมพวิ เตอรห์ นง่ึ ไปยงั ศนู ยค์ อมพวิ เตอรอ์ กี ศนู ย์หนงึ่ ผา่ นเครือ ขา่ ยโทรศพั ท์ การรบั และส่งผ่านสารสนเทศ โดยคอมพิวเตอร์ชนดิ พเิ ศษทำหน้าที่เปน็ สวติ ซ์รับและส่งสารสนเทศตาม จดุ หมาย ปลายทางท่ีกำหนดทำให้สามารถบริการสารสนเทศจำนวนมาก ในเวลาจำกดั ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ การแบ่งเวลาเครอ่ื ง วิธีใชเ้ ป็นการสื่อสารข้อมลู ระดบั สูง มคี วามซับซอ้ นด้านเทคนคิ วิธีโดยเฉพาะระบบ ควบคมุ ศกั ยภาพของระบบนไ้ี ดแ้ ก่ การตดิ ตอ่ สอื่ สารสนเทศกับผใู้ ชท้ างไกลตอบรบั ทันทที ่ีผุ้ใชป้ ลายทางรอ้ งขอ บรกิ ารผใู้ ช้หลายคนไดในเวลาเดยี วกนั อนุญาตให้ผใู้ ช้ปลายทางใช้โปรแกรมแตก ตา่ งได้

116 องค์ประกอบการส่ือสารข้อมูลท่สี ำคัญ มี 3 ประการดงั นี้ 1. อปุ กรณ์การแสดงสารสนเทศ ไดแ้ ก่ จอภาพคอมพิวเตอรเ์ ทอร์มนิ ลั ชนดิ ตา่ ง ๆ เคร่อื งพิมพแ์ ละ หนว่ ยประมวลผลกลาง ฯลฯ 2. อปุ กรณ์สง่ ผ่านสารสนเทศ ได้แก่ อุปกรณป์ ระเภทสาย (Wire) เชน่ เคเบลิ สาย Coaxial สายโทรศพั ท์ Twisted-pair สายใยแกว้ นำแสง Optical Fiber 3. อปุ กรณ์สือ่ สารขอ้ มูล ไดแ้ ก่ โมเด็ม (Modem) อปุ กรณป์ ระเภท Line Driver และ Multiplexer สรปุ ระบบการส่ือสารข้อมูล การสื่อสารข้อมูลเป็นกระบวนการสง่ ผา่ นและรับสารสนเทศระยะไกลในรปู แบบ ของ สญั ญาณแลว้ แพร่กระจายผ่านช่องการส่ือสารตา่ ง ๆ เช่น วทิ ยุ โทรศพั ท์ โทรเลข โทรศัพท์ โทรสาร และ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ประโยชน์ของการสอื่ สารขอ้ มูล บทบาทและประโยชน์ของการส่ือสารข้อมูล ทเี่ ห็นได้ชดั เจนทสี่ ุดคือ ทำให้ผใู้ ช้คอมพวิ เตอรห์ ลาย ๆ คน สามารถทำงานร่วมกนั ได้ ตามตวั อย่างตอ่ ไปนี้ 1. หา้ งคา้ ปลีกสมยั ใหม่มีจดุ รับชำระเงนิ หลายชดุ แตล่ ะจดุ มเี ครอ่ื งอ่านรหสั แท่ง (Bar Code) ที่สามารถ ตดั สตอ๊ กสนิ ค้าท่ีขายออกจากฐานข้อมูลสนิ คา้ คงคลงั ได้ทนั ที เครื่องเก็บเงนิ ทีม่ ีเคร่อื งอา่ นรหัสแทง่ เป็น ส่วนประกอบนค้ี วามจรงิ เปน็ คอมพวิ เตอรล์ ูกขา่ ยที่ต่ออยกู่ ับเคร่ืองคอมพวิ เตอร์แม่ข่ายโดยใชฐ้ านข้อมูล รว่ มกนั โดยท่รี ะบบนี้เปน็ ระบบเครอื ข่ายบรเิ วณเฉพาะที่ ดงั น้ันการท่ีห้าง ฯ สามารถตง้ั จุดรับชำระเงินจำนวนมาก เพ่ือ บริการลกู คา้ ไดร้ วดเร็วก็มาจากบทบาทของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์และการสื่อ สารขอ้ มูลน่ันเอง 2. เครือ่ งเบิกถอนเงนิ สดอตั โนมตั ิ หรือเครอื่ งเอทเี อ็ม (ATM) เป็นระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ในระบบ แวน (WAN) ท่ีมีเครื่องลูกขา่ ยคอื ตู้เอทีเอม็ จำนวนมากกระจายกนั อยูท่ ัว่ ประเทศเครื่อง ลูกขา่ ยของแต่ละนาคาร ตอ่ เชื่อมกับเครอื่ งแม่ขา่ ยของธนาคารนัน้ และเครื่องแมข่ า่ ยของธนาคารตา่ ง ๆ กต็ ่อเช่อื มกนั เป็นเครือขา่ ยดว้ ย เม่อื เจา้ ของบัญชเี งนิ ฝากทำรายการถอนเงิน ทตี่ ู้เอทเี อ็มตู้หนึง่ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังเครอื่ งแม่ข่ายที่ตู้เอทีเอม็ ตู้ หนึ่ง ข้อมูลจะถกู สง่ ไปยังเครอื่ งแมข่ า่ ยที่ตู้เอทีเอม็ นน้ั หากพบวา่ เป็นบญั ชเี งนิ ฝากของธนาคารอืน่ กจ็ ะสง่ ขอ้ มูล ต่อไปยังธนาคารเจ้าของบัญชเี มื่อตรวจสอบเรยี บร้อยขอ้ มลู จะถูก ส่งกลับมาที่ตู้เอทีเอม็ นน้ั อีกครัง้ พร้อมกบั คำสงั่ ใหจ้ า่ ยเงินหรือไมใ่ ห้ จา่ ยเงนิ ต้เู อทีเอ็มจงึ เป็นอกี หน่ึงตัวอย่างของส่งิ อำนวยความสะดวกในสงั คมยคุ ใหม่ ทีเ่ ป็นผลโดยตรงมาจาก บทบาทและประโยชนข์ องเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์และการสอื่ สาร ขอ้ มูล องคป์ ระกอบดา้ นสารสนเทศ องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศซึง่ เปน็ ระบบสนบั สนนุ การบริหารงาน การจัดการ และการ ปฏบิ ัตกิ ารของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นระดบั บุคคล ระดบั กลุ่ม หรือ ระดบั องค์การ ไม่ใชม่ ีเพยี งเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ เทา่ น้ัน แต่ยังมีองคป์ ระกอบอนื่ ๆ ทเี่ กย่ี วข้องกบั ความสำเร็จของระบบอกี รวม 5 องคป์ ระกอบ ซง่ึ จะขาด องคป์ ระกอบใดไมไ่ ดค้ อื 1. ฮาร์ดแวร์ ฮารด์ แวร์เป็นองค์ประกอบสำคญั ของระบบสารสนเทศ หมายถงึ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบขา้ ง รวมทัง้ อุปกรณส์ ่อื สารสำหรับเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเปน็ เครอื ขา่ ย เช่น เครือ่ งพมิ พ์ เครื่อง กราดตรวจ 2. ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์หรอื โปรแกรมคอมพิวเตอร์เปน็ องคป์ ระกอบทส่ี ำคัญประการทส่ี อง ซึง่ ก็คือ ลำดบั ข้ันตอนของคำส่งั ที่จะส่งั งานให้ฮาร์ดแวรท์ ำงาน เพ่ือประมวลผลข้อมลู ให้ได้ผลลัพธต์ ามความตอ้ งการของ การใช้งาน ในปจั จุบันมซี อฟต์แวร์ระบบปฏบิ ัติงาน ซอฟตแ์ วรค์ วบคมุ ระบบงาน ซอฟต์แวร์สำเร็จ และซอฟต์แวร์ ประยุกตส์ ำหรบั งานตา่ ง ๆ ลักษณะการใชง้ านของซอฟต์แวรก์ ่อนหนา้ น้ี ผใู้ ช้จะต้องติดต่อใชง้ านโดยใช้ขอ้ ความ เป็นหลัก แต่ในปจั จุบันซอฟต์แวรม์ ลี ักษณะการใช้งานท่ีง่ายขึ้น โดยมีรูปแบบการติดตอ่ ทสี่ ือ่ ความหมายให้เข้าใจ

117 งา่ ย เชน่ มีส่วนตอ่ ประสานกราฟิกกบั ผู้ใช้ท่เี รียกว่า กยุ (Graphical User Interface : GUI) สว่ นซอฟต์แวร์ สำเรจ็ ท่มี ใี ช้ในทอ้ งตลาดทำใหก้ ารใช้งานคอมพวิ เตอร์ในระดับ บคุ คลเป็นไปอย่างกวา้ งขวาง และเริม่ มลี ักษณะ ส่งเสรมิ การทำงานของกลุ่มมากขึ้น ส่วนงานในระดบั องคก์ ารสว่ นใหญ่มกั จะมีการพัฒนาระบบตามความต้องการ โดยการวา่ จ้าง หรือโดยนักคอมพวิ เตอร์ทอี่ ยูใ่ นฝ่ายคอมพิวเตอร์ขององคก์ าร เปน็ ต้น ซอฟตแ์ วรส์ ามารถแบ่งได้ เปน็ 2 ชนิด คอื ซอฟตแ์ วร์ระบบ หมายถึง โปรแกรมทกุ โปรแกรมทที่ ำหน้าท่ตี ิดต่อกบั ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของ ฮาร์ดแวรค์ อมพวิ เตอร์ และอำนวยเครอ่ื งมือสำหรับทำงานพ้ืนฐานตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้องกบั ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ประยกุ ต์ จะเป็นโปรแกรมทท่ี ำใหค้ อมพิวเตอรส์ ามารถทำงานต่าง ๆ ตามท่ีผใู้ ชต้ อ้ งการ ไม่ ว่างานด้านการจดั ทำเอกสาร การทำบัญชี การจดั เกบ็ ขอ้ มูลข่าวสาร ตลอดจนงานทุก ๆ ด้านตามแตผ่ ูใ้ ช้ตอ้ งการ จนสามารถกล่าวไดว้ ่าซอฟตแ์ วร์ประยุกตก์ ค็ อื ซอฟต์แวรท์ ท่ี ำให้เกดิ การใช้งาน คอมพิวเตอร์กนั อยา่ งกว้างขวาง และทำให้คอมพวิ เตอร์เปน็ ปจั จัยท่ีไมส่ ามารถขาดไดใ้ นยุคสารสนเทศน้ี ใน องคก์ รขนาดใหญ่หรอื งานทม่ี ีความตอ้ งการเฉพาะด้าน การจัดหาซอฟต์แวรม์ าใช้งานจะใชว้ ิธีพัฒนา ซอฟตแ์ วรข์ ้นึ มาเอง หรอื ว่าจ้างบรษิ ัทซอฟตแ์ วร์เพื่อทำซอฟตแ์ วรเ์ ฉพาะงานใหซ้ อฟต์แวร์ขึน้ มาใช้ เอง ซอฟต์แวร์ประเภทน้จี ะเรียกว่าซอฟตแ์ วร์เฉพาะงาน (Tailor Made software) มขี อ้ ดีคอื มคี วามเหมาะสมกับ งานและสามารถแกไ้ ขตามความตอ้ งการได้ ขอ้ เสียคอื คา่ ใช้จ่ายสูงและใช้เวลาสำหรบั การพฒั นา ปัจจบุ นั นจี้ งึ มี โปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ี่เขียนขึน้ มาเพอื่ ใช้สำหรบั งานท่ัว ๆ ไป วางจำหน่ายเปน็ ชุดสำเร็จรปู เรียกวา่ ซอฟตแ์ วร์ สำเร็จรูป (Software Package) 3. ขอ้ มูล เปน็ องคป์ ระกอบทีส่ ำคัญอีกประการหนึง่ ของระบบสารสนเทศ อาจจะเปน็ ตวั ชค้ี วามสำเร็จ หรือความล้มเหลวของระบบได้ เนื่องจากจะตอ้ งมกี ารเกบ็ ขอ้ มลู จากแหลง่ กำเนดิ ข้อมลู จะต้องมคี วามถกู ตอ้ ง มี การกล่ันกรองและตรวจสอบแลว้ เทา่ นัน้ จงึ จะมีประโยชน์ ขอ้ มลู จำเป็นจะตอ้ งมมี าตรฐาน โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงเมอ่ื ใช้งานในระดับกลมุ่ หรือระดบั องคก์ าร ข้อมูลต้องมีโครงสร้างในการจัดเกบ็ ทเ่ี ป็นระบบระเบียบเพ่ือการสบื คน้ ที่ รวด เรว็ มีประสทิ ธภิ าพ 4. บคุ ลากร บุคลากรในระดับผู้ใช้ ผู้บรหิ าร ผู้พัฒนาระบบ นักวิเคราะห์ระบบ และนกั เขยี นโปรแกรม เปน็ องค์ประกอบสำคัญในความสำเร็จของระบบสารสนเทศ บุคลากรมีความรคู้ วามสามารถทางคอมพวิ เตอร์ มากเท่าใด โอกาสท่จี ะใช้งานระบบสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ได้เต็มศกั ยภาพและค้มุ ค่า ย่ิงมากขนึ้ เทา่ น้ัน โดยเฉพาะระบบสารสนเทศในระดบั บุคคลซงึ่ เครื่องคอมพิวเตอร์มีขีดความสามารถมาก ข้ึน ทำให้ผู้ใช้มี โอกาสพัฒนาความสามารถของตนเองและพัฒนาระบบงานไดเ้ องตามความ ตอ้ งการ สำหรบั ระบบสารสนเทศใน ระดบั กลมุ่ และองคก์ ารทีม่ คี วามซับซอ้ นมาก อาจจะตอ้ งใชบ้ ุคคลากรในสาขาคอมพวิ เตอร์ โดยตรงมาพฒั นาและ ดแู ลระบบงาน 5. ขน้ั ตอนการปฏิบัติงาน ข้ันตอนการปฏบิ ัตงิ านทชี่ ัดเจนของผู้ใชห้ รอื ของบุคลากรที่เก่ยี งขอ้ งก็เปน็ เรือ่ งสำคัญอีกประการหนึง่ เมอ่ื ได้พฒั นาระบบงานแลว้ จำเปน็ ต้องปฏิบตั ิงานตามลำดับข้ันตอนในขณะทใ่ี ช้ งาน ก็จำเป็นตอ้ งคำนงึ ถึงลำดับข้ันตอน การปฏิบัตขิ องคนและความสัมพันธ์กับเครือ่ ง ทงั้ ในกรณปี กติและกรณี ฉุกเฉนิ เชน่ ขน้ั ตอนการบันทึกขอ้ มลู ขั้นตอนการประมวลผล ข้ันตอนการปฏิบตั ิเมื่อเครือ่ งมอื ชำรุดหรอื ข้อมลู สญู หาย และขั้นตอนการทำสำเนาข้อมูลสำรองเพ่ือความปลอดภยั เปน็ ต้น สง่ิ เลา่ นต้ี อ้ งมกี ารซกั ซอ้ ม มีการ เตรยี มการ และการทำเอกสารคู่มือการใชง้ านใหช้ ัดเจน

118 แผนการจัดการเรยี นรู้มงุ่ เน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 5 ช่ือหนว่ ย การนำเสนอและการสื่อสารข้อมลู สารสนเทศ สอนสปั ดาหท์ ี่ 16-18 คาบรวม 72 จำนวนช่วั โมง 16 5.1 การนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ผสู้ อนชแ้ี จงเรอ่ื งที่จะศึกษาและจุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมประจำหน่วยท่ี 5 เรือ่ งการนำเสนอและการ สือ่ สารข้อมลู สารสนเทศ 2. ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยท่ี 5 5.2 การเรียนรู้ 1. ผสู้ อนเปิด PowerPoint หนว่ ยท่ี 5 เร่อื งการนำเสนอและการส่ือสารขอ้ มูลสารสนเทศ 2. ผู้สอนอธบิ ายเน้ือหาในหนว่ ยเรียนที่ 5 เรอื่ ง การนำเสนอและการสอื่ สารขอ้ มลู สารสนเทศ 3. ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รียนทำแบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 5 4. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำกจิ กรรมนำสูอ่ าเซยี น หน่วยที่ 5 5. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นทำกิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 6. ผู้สอนให้ผ้เู รยี นทำกิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หนว่ ยท่ี 5 5.3 การสรปุ 1. ผู้สอนและผ้เู รยี นรว่ มกนั สรปุ เนือ้ ในหนว่ ยเรียนที่ 5 เรอ่ื ง การนำเสนอและการสอ่ื สารขอ้ มลู สารสนเทศ 2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยที่ 5 5.4 การวัดผลและประเมินผล 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยที่ 5 2. แบบฝึกหัด หนว่ ยที่ 5 3. กิจกรรมนำสู่อาเซยี น หน่วยที่ 5 4. กจิ กรรมบูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 5. กจิ กรรมบูรณาการจติ อาสา หนว่ ยที่ 5 6. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 5

119 แผนการจดั การเรยี นรมู้ งุ่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 5 ชอื่ หนว่ ย การนำเสนอและการส่ือสารข้อมลู สารสนเทศ สอนสปั ดาห์ที่ 16-18 คาบรวม 72 จำนวนชัว่ โมง 16 6. ส่ือการเรียนรู/้ แหล่งการเรียนรู้ 6.1 ส่ือส่งิ พิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ (ใช้ประกอบการเรียน การสอนจดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 1-6) 2. แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยที่ 5 ใช้ขั้นนำเขา้ สู่บทเรียนขอ้ 2 3. แบบฝึกหัด หนว่ ยที่ 5 ใช้ขั้นประยุกต์ใช้ข้อ 1 4. กจิ กรรมนำสอู่ าเซยี น หนว่ ยท่ี 5 ใช้ข้นั ประยุกตใ์ ช้ขอ้ 2 5. กจิ กรรมบูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง ใช้ขั้นประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 3 6. กิจกรรมบรู ณาการจติ อาสา หน่วยที่ 5 ใช้ขัน้ ประยุกต์ใชข้ อ้ 4 7. แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยท่ี 5 ใช้ข้นั สรุปผลและประเมนิ ผลขอ้ 2 6.2 สอื่ โสตทสั น์ (ถา้ มี) 1.เครือ่ งไมโครคอมพิวเตอร์ 2.งานนำเสนอ 6.3 หุ่นจำลองหรอื ของจรงิ (ถา้ ม)ี - 6.4 อน่ื ๆ (ถา้ มี) - 7. เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ) 1.เอกสารหนว่ ยที่ 5 8. การบูรณาการ/ความสมั พันธ์กบั วชิ าอน่ื 1. บูรณาการกบั วิชาภาษาไทย เรอ่ื ง การบอกความหมายของโปรแกรมนำเสนอ และการอธิบาย ข้นั ตอนการสรา้ งงานพรเี ซนเตชน่ั 2. บูรณาการกบั วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง การจำแนกประเภทของงานนำเสนอ 3. บูรณาการกบั วชิ าความรู้เกยี่ วกบั งานอาชพี เร่อื ง การสรา้ งงานนำเสนอ และการนำเสนอขอ้ มูล

120 แผนการจดั การเรยี นรมู้ งุ่ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ 5 สอนสปั ดาหท์ ่ี 16-18 ชอื่ หน่วย การนำเสนอและการส่ือสารขอ้ มลู สารสนเทศ คาบรวม 72 9. การวัดผลและประเมนิ ผล จำนวนชว่ั โมง 16 9.1 กอ่ นเรยี น 1. เอกสารหน่วยที่ 5 การนำเสนอและการสอ่ื สารข้อมูลสารสนเทศ 2. แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยที่ 5 9.2 ขณะเรยี น 1. แบบฝึกหดั หนว่ ยท่ี 5 2. กจิ กรรมนำสูอ่ าเซียน หน่วยท่ี 5 3. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 4. กจิ กรรมบูรณาการจติ อาสา หนว่ ยที่ 5 9.3 หลังเรียน 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยท่ี 5 2. แบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 5 3. กิจกรรมนำสอู่ าเซียน หน่วยท่ี 5 4. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 5. กจิ กรรมบรู ณาการจติ อาสา หน่วยที่ 5 6. แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 5

121 แผนการจดั การเรยี นรู้มุง่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 5 ช่ือหน่วย การนำเสนอและการสือ่ สารข้อมูลสารสนเทศ สอนสปั ดาห์ที่ 16- 18 คาบรวม 72 จำนวนชั่วโมง 16 10. บันทึกหลังสอน 10.1 ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 10.2 ผลการเรียนรู้ของนักเรียน นกั ศึกษา ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 10.3 แนวทางการพฒั นาคุณภาพการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................

122 กรอบการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการเปน็ เร่ือง/ชน้ิ งาน/โครงการ และบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ กิจกรรมนักเรยี น พอเพยี ง 1. นักเรยี นใชเ้ วลาปฏิบัติกิจกรรมได้เหมาะสมตามลำดับข้ันตอน ความพอประมาณ 2. นกั เรยี นแบง่ หนา้ ท่ีการทำงานภายในกลุม่ ไดเ้ หมาะสมกับความสามารถ ของแต่ละคน 3. นกั เรยี นใชว้ ัสดอุ ปุ กรณใ์ นการปฏิบัตงิ านท่ีมอี ยู่อยา่ งประหยัดและ คมุ้ คา่ ความมเี หตผุ ล 1. ปฏิบัตกิ ิจกรรมได้ครบถ้วนตามขนั้ ตอนสำเร็จตามเปา้ หมาย 2. แก้ปัญหาในการทำงานให้สำเรจ็ ตามเป้าหมาย 3. นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในเน้ือหาวิชาเรยี นของหนว่ ยการเรียน 4. นักเรยี นเกิดทักษะและกระบวนการการเรยี นรู้ 5. เลือกใช้วสั ดุอปุ กรณ์เหมาะสม ประหยดั ปลอดภยั การมภี มู ิคุ้มกนั 1. ร้จู กั การเตรียมตัวใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบหรอื การเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆทีจ่ ะเกดิ ข้ึน 2. ปรบั ตวั ในการทำงานกบั เพอื่ นเพอื่ พรอ้ มรับการเปลีย่ นแปลงในสงั คม 4. รู้คณุ ค่าของทรัพยกร และรู้จกั ใช้อยา่ งคมุ้ คา่ และยั่งยนื 5. สร้างความเขม้ แขง็ ในห้องเรยี น เงื่อนไขด้านความร้แู ละทักษะ จากการเรียนสัปดาห์ที่ 16-18 เร่อื ง การนำเสนอและการสอ่ื สาร เง่ือนไขด้านคุณธรรม ข้อมูลสารสนเทศ ทำให้ผู้เรยี นมคี วามรู้เกยี่ วกับ ความหมายของ โปรแกรมนำเสนอ ขน้ั ตอนการสรา้ งงานพรีเซนเตช่นั การสรา้ งงาน นำเสนอ เทคนคิ ในการนำเสนอ และการสอ่ื สารข้อมูลสารสนเทศ จน ผู้เรียนสามารถนำความรู้ทไี่ ด้รับไปประยุกตใ์ ชใ้ นการทำงานได้ สามารถ สรา้ งงานนำเสนอได้ นำเสนอขอ้ มลู ดว้ ยพรีเซนเตช่ัน หรอื นำเสนอดว้ ย วาจาได้ มคี วามตระหนักในคณุ ธรรม ซือ่ สตั ย์สุจริต และอดทนใช้สติปัญญาในการ ดำเนินชวี ติ ความอดทน ขยัน หมนั่ เพียร คือใช้ความอดทนทีจ่ ะทำงาน และมคี วามขยันท่ีจะทำงานให้ออกมาได้ดีที่สุด

123 ผลกระทบเพอ่ื ความสมดุล พร้อมรบั การเปลีย่ นแปลง ดา้ นสังคม ดา้ นเศรษฐกจิ ด้านวัฒนธรรม ด้านสง่ิ แวดล้อม มีความรู้ในการวาง มีความรู้ในการ นักเรียนรู้จกั ปฏบิ ตั ิ มีความรใู้ นการรักษา แผนการทำงาน เลอื กใช้วัสดุอุปกรณ์ ตนและกิจกรรมท่ี สิ่งแวดล้อม และความ ความรู้ ร่วมกันเป็นกลมุ่ รู้จกั ระบบคอมพวิ เตอร์ ช่วยอนุรกั ษ์ สะอาดของชั้นเรียน รับผดิ ชอบร่วมกนั ใน และเทคโนโลยี สงิ่ แวดลอ้ ม ชน้ั เรียน สารสนเทศ มีทกั ษะการเตรยี มตวั มที กั ษะในการ การปฏิบตั ิตนและ มีทกั ษะปฏิบัติงานใน ใหพ้ ร้อมรบั ผลกระทบ เลือกใชว้ ัสดุอปุ กรณ์ กิจกรรมทชี่ ่วย รายวชิ าอย่างรอบดา้ น หรอื การเปล่ยี นแปลง ระบบคอมพวิ เตอร์ อนุรกั ษส์ ่งิ แวดล้อม และรอบคอบ ด้านต่าง ๆทีจ่ ะเกดิ ขน้ึ และเทคโนโลยี ทักษะ ปรบั ตวั ในการทำงาน สารสนเทศ กบั เพอ่ื นเพอื่ พรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลงใน สงั คม มคี ณุ ธรรม ซ่ือสตั ย์ รูจ้ ักการเตรยี มตวั ให้ รู้คุณค่าของทรัพยกร มรี ะเบยี บ รู้จกั หนา้ ที่ สจุ รติ และอดทนใช้ สตปิ ัญญาในการ พรอ้ มรบั ผลกระทบ และร้จู ักใชอ้ ย่าง สนใจใฝ่เรยี นรู้ ดำเนนิ ชวี ติ มีความ หรอื การเปล่ียนแปลง คุ้มค่าและย่งั ยนื เกิดความภาคภูมใิ นใน อดทน ขยัน หมั่น ดา้ นตา่ ง ๆท่ีจะ การมีสว่ นร่วม พฤตกิ รรม เพียร คอื ใช้ความ อดทนทจี่ ะทำงาน เกดิ ขน้ึ ปรบั ตวั ในการ และมีความขยนั ทีจ่ ะ ทำงานกับเพอ่ื นเพอ่ื ทำงานใหอ้ อกมาได้ดี ที่สดุ พร้อมรับการ เปลยี่ นแปลงในสังคม สรา้ งความเขม้ แขง็ ใน ห้องเรยี น

รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรยี นรู้หน่วยที่ 5 • จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 1 บอกความหมายของโปรแกรมนำเสนอได้ 1. วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครอื่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกความหมายของโปรแกรมนำเสนอได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 2 อธบิ ายข้นั ตอนการสรา้ งงานพรเี ซนเตชน่ั ได้ 1. วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายขนั้ ตอนการสรา้ งงานพรีเซนเตช่ันได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ข้อท่ี 3 จำแนกประเภทของงานนำเสนอได้ 1. วธิ กี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เครื่องมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : จำแนกประเภทของงานนำเสนอได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 4 สร้างงานนำเสนอได้ 1. วิธีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครื่องมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : สร้างงานนำเสนอได้ จะได้ 3 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 5 นำเสนอขอ้ มูลได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : นำเสนอขอ้ มูลได้ จะได้ 3 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 5 ประยุกตใ์ ชก้ ารนำเสนอด้วยวาจาได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ประยกุ ต์ใชก้ ารนำเสนอด้วยวาจาได้ จะได้ 1 คะแนน

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยที่ 5 คำสง่ั จงเลือกคำตอบทถ่ี ูกต้องเพยี งข้อเดยี ว 1. ข้ันตอนใดในการเตรียมงานนำเสนอควรกระทำเป็นอนั ดับแรก ก. ลงรายละเอียดเน้ือหา ข. การวางโครงร่าง ค. การใส่ข้อความ รูปภาพ ง. การปรบั แตง่ สไลด์ จ. เตรียมเอกสารประกอบการบรรยาย 2. PowerPoint เปน็ โปรแกรมสำหรบั ใช้งานด้านใด ก. เปน็ โปรแกรมท่ีใช้ในงานมลั ติมีเดยี ข. เปน็ โปรแกรมสำหรับใชส้ ร้างเวบ็ เพจ ค. เปน็ โปรแกรมทใี่ ชท้ ำเอกสารรูปแบบตา่ ง ง. เป็นโปรแกรมทใี่ ช้ทำตารางคำนวณสถติ ติ ่างๆ จ. เป็นโปรแกรมที่ใช้นำเสนอขอ้ มูลเปน็ แผ่นสไลด์ 3. ข้อใดใชแ้ สดงรายละเอียดของสถานะการพมิ พง์ าน ก. แถบชื่อเรือ่ ง ข. แถบเคร่อื งมือมาตรฐาน ค. แถบสถานะ ง. แถบเมนู จ. แถบเคร่ืองมอื จดั รูปแบบ 4. AutoContent Wizard เป็นการสร้างงานนำเสนอแบบใด ก. สรา้ งงานนำเสนอโดยการแทรกเสยี งอัตโนมตั ิ ข. งานนำเสนอเปลา่ ค. ออกแบบจากแมแ่ บบ ง. ตัวชว่ ยสร้างเนอ้ื หาอตั โนมัติ จ. สรา้ งงานนำเสนอแบบสมุ่ 5. ความยาวของการตง้ั ชื่อไฟล์สูงสดุ จากโปรแกรม PowerPoint ต้องไมเ่ กนิ กตี่ วั อกั ษร ก. 8 ข. 32 ค. 64 ง. 256 จ. 526 6. ขอ้ ใดไม่ใช่ประเภทขอการนำเสนอ ก. Nature Presentation ข. Oral Presentation ค. Presentation Media ง. Hi-technology Audiovisual Aids จ. Presentation by Integration Aids Media

7. ข้อมลู ที่ใช้ในการทำรายงานแบง่ ออกเป็นก่ี ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท จ. 6 ประเภท 8. ทุกข้อคอื ส่วนประกอบของการนำเสนอทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ (Effective Presentation) แตย่ กเวน้ ขอ้ ใด ก. ผูฟ้ ังและผนู้ ำเสนอควรเหน็ กันไดช้ ัดเจนและท่วั ถึง ข. ผู้ฟงั และผู้นำเสนอไดย้ นิ เสยี งชดั เจน ค. ผู้ฟังและผนู้ ำเสนอต้องเห็นภาพและขอ้ ความบนจออยา่ งชัดเจน ง. ผู้ฟงั เข้าใจถงึ เนอื้ หาและเปา้ หมายของสง่ิ ท่ีนำเสนอได้อย่างถูกต้อง จ. ผ้นู ำเสนอและผ้รู บั ฟงั การนำเสนอได้รับการตอบสนองตามเป้าหมายของการนำเสนอ 9. องคป์ ระกอบของการส่ือสารมีก่ปี ระเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท จ. 6 ประเภท 10. ข้อใดไมใ่ ช่องค์ประกอบด้านสารสนเทศ ก. ฮารด์ แวร์ ข. ซอฟตแ์ วร์ ค. ข้อมลู ง. บุคลากร จ. เงนิ

แบบฝกึ หัด หน่วยท่ี 5 คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามดงั ต่อไปนี้ 1. จงอธิบายความหมายโปรแกรมนำเสนอข้อมลู มาพอสงั เขป ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………..………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………..……………………….. 2. ขน้ั ตอนในการสรา้ งพรเี ซนเตชันมกี ขี่ นั้ ตอน อะไรบ้าง จงอธิบาย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………..………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………..……………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………… 3. องค์ประกอบของการสอ่ื สารประกอบด้วยอะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………..………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………..………………………..

ตอนที่ 2 ให้นกั ศกึ ษาจงใส่เครื่องหมาย หน้าขอ้ ท่ีถกู และใสเ่ ครอ่ื งหมาย หน้าขอ้ ทผี่ ดิ 1. Quick Access Tools Bar คือ ทางลดั ที่จะเข้าสู่เครือ่ งมอื ตา่ ง ๆ เราสามารถเพมิ่ เคร่อื งมือท่เี รา ใชบ้ ่อย ๆ ในส่วนของ Quick Access Tools Bar ได้ 2. Title Bar คือ ส่วนท่แี สดงชอ่ื ของงานเสนอ แสดง Quick Access Tools Bar แสดงส่วนของ การยุบ-ขยายหนา้ ต่างโปรแกรม รวมไปถึงสว่ นของการออกโปรแกรมดว้ ย 3. การดวู ิธีการใชง้ านเพ่ิมเตมิ ในโปรแกรม PowerPoint 2010 ทำไดโ้ ดยการกดปุ่ม F4 4. เราสามารถเลอื ก Design ของชดุ รูปแบบได้ท่ี แถบเมนู>เค้าโครงหนา้ กระดาษเพ่ือเลือกชดุ รูปแบบ ทีต่ อ้ งการ 5. Menu Bar คือ ทีร่ วมเมนใู นการใช้สร้างงานนำเสนอทงั้ หมดของ PowerPoint 6. โปรแกรม PowerPoint 2010 ไม่สามารถบนั ทึกไฟล์ใหเ้ ป็นรูปแบบของไฟล์ XDF ได้แต่สามารถ บนั ทึกไฟล์ให้อย่ใู นรูปแบบไฟล์ PDF 7. โปรแกรม PowerPoint 2010 ตง้ั ชื่อไฟลท์ ีบ่ ันทกึ ได้ยาวไมเ่ กิน 256 ตัวอักษร 8. เราสามารถเปดิ งานนำเสนอโดยการใชค้ ำส่งั ลดั จากคีย์บอรด์ ได้โดยกด (Ctrl+O) 9. เราสามารถบันทกึ งานนำเสนอดว้ ยคำส่งั จากคยี บ์ อร์ดได้โดยกด (Ctrl+S) 10. เราสามารถออกจากโปรแกรม PowerPoint 2010 อย่างเร่งด่วนได้ด้วยการกด Alt+F6 กิจกรรมนำสูอ่ าเซยี น หนว่ ยที่ 5 คำสง่ั : ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายแต่ละส่วนของหนา้ ตา่ งโปรแกรมนีอ้ ยา่ งละเอยี ด

กจิ กรรม บรู ณาเศรษฐกิจพอเพียง กจิ กรรม : งานนำเสนอสวยช่วยประหยดั เงิน จดุ ประสงค์ : เพือ่ ให้ทราบถงึ ประโยชน์ของงานนำเสนอ สามารถสร้างงานนำเสนอให้สวยงาม ถกู กาลเทศะได้ด้วยตนเอง ภาระงาน : 1. ให้นกั เรยี นค้นควา้ หาประโยชนข์ องงานนำเสนอ วิธีการสรา้ งงานนำเสนอ ให้สวยงามดว้ ยตนเอง 2. นำขอ้ มูลที่ได้มาทำใส่ลงบนงานนำเสนอแลว้ บนั ทึกลงแผน่ CD-ROM สง่ ครูผู้สอน กจิ กรรมบูรณาการจิตอาสา หนว่ ยที่ 5 เรอื่ ง การนำเสนอและการสือ่ สารขอ้ มูลสารสนเทศ กจิ กรรม : ฝึกสร้างงานนำเสนอ จุดประสงค์ : เพ่อื ให้นักเรียนสามารถถ่ายทอดความรเู้ กย่ี วกบั การใช้งานโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 ให้กบั ผอู้ ่นื ได้ ภาระงาน : 1. ใหน้ ักเรียนทำแผ่นพับสรุปการใชง้ านโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 เบ้ืองต้น ทจี่ ำเป็นตอ้ งใชใ้ นชวี ิตประจำวนั 2. แจกแผน่ พบั ให้กบั บุคคลทีย่ ังมีความรนู้ อ้ ยหรือไม่มีในการใชง้ านโปรแกรม Microsoft Power 2010 หรือสถานศกึ ษาเพื่อประโยชน์ต่อไป

แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 5 คำสัง่ จงเลอื กคำตอบท่ีถูกตอ้ งเพยี งข้อเดยี ว 1. วิธกี ารปิดงานนำเสนอทีส่ รา้ งอย่างถูกต้องคือขอ้ ใด ก. กดคยี ์ F1 ข. คลกิ เมาส์ที่ มุมมอง > ออก ค. กดคีย์<Ctrl+A> ง. กดแปน้ <Ctrl + C , Ctrl + V) จ. คลกิ เมาส์ที่ แฟ้ม > จบการทำงาน 2. ขอ้ ใดคือคณุ สมบตั ิเด่นของมุมมองตวั เรียงลำดับภาพนง่ิ ก. มุมมองแสดงจำนวนสไลดท์ ง้ั หมดในงานนำเสนอได้ ข. มมุ มองทใ่ี ช้ในการปรบั แตง่ องค์ประกอบต่างๆ ค. มมุ มองแสดงรายละเอยี ดการบนั ทึกย่อ ง. มุมมองท่ใี ช้แสดงงานนำเสนอให้กับผู้ชม จ. มุมมองทีแ่ สดงข้อความเพียงอยา่ งเดยี ว 3. ถ้าต้องการเพมิ่ เตมิ แก้ไขในส่วนเนอื้ หาและหัวข้อของสไลด์ควรกำหนดในสว่ นใด ก. มุมมองการนำเสนอภาพนิ่ง ข. มุมมอง >ต้นแบบ ค. มุมมองปกติ ง. มมุ มองบนั ทึกย่อ จ. มุมมอง Slide Show 4. คำว่า มมุ มอง ของโปรแกรม PowerPoint หมายถงึ ขอ้ ใด ก. เครือ่ งมือที่ใช้งานเปน็ ประจำ ข. เมนูทเี่ ก็บรวบรวมคำสงั่ ทัง้ หมด ค. การเปลีย่ นเคร่อื งมือในการทำงาน ง. การมองงานนำเสนอในรูปแบบต่างๆ จ. รายละเอียดของการพิมพ์ 5. ถา้ ตอ้ งการแทรกสไลด์ด้วยการคัดลอกสไลด์ตอ้ งทำตามวธิ ใี ด ก. แก้ไข > วาง ข. แทรก > สรา้ งภาพนิ่ง ค. แกไ้ ข > วางแบบพเิ ศษ ง. แทรก > การทำซำ้ ภาพนง่ิ จ. รูปแบบ > ออกแบบภาพน่ิง 6. ขอ้ ใดใชใ้ นการสร้างภาพนง่ิ ก. Ctrl + O ข. Ctrl + M ค. Ctrl + N ง. Ctrl + P จ. Ctrl + X

7. ข้อใดคือประโยชน์ของการสรา้ งเทคนิคใหก้ บั สไลด์มากท่ีสุด ก. เพื่อใหง้ านนำเสนอดนู ่าสนใจมากขึ้น ข. เพอ่ื สรา้ งงานนำเสนอให้เกดิ ประโยชน์ในการใช้สอย ค. เพ่ือสรา้ งงานนำเสนอใหม้ คี วามทันสมัย ง. เพือ่ สรา้ งงานนำเสนอใหด้ ีและประหยัดพืน้ ท่ี จ. เพ่อื ให้งานนำเสนอมคี วามเล็กกะทัดรดั 8. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ต้อง ก. PowerPoint สามารถกำหนดการเคล่ือนไหวใหก้ ับวตั ถุได้ ข. เราสามารถใส่เสียงประกอบการแสดงเอฟเฟคได้ ค. PowerPoint ใส่เอฟเฟคการเคล่อื นไหวไดเ้ ฉพาะกบั ขอ้ ความเท่านั้น ง. เราสามารถกำหนดเวลาในการแสดงเอฟเฟคได้ จ. PowerPoint สามารถแทรกข้อความอักษรศลิ ป์ได้ 9. ถ้าต้องการใหผ้ ู้ชมงานนำเสนอร้สู ึกตืน่ เต้น หรือจะทำให้น่าสนใจควรจะสรา้ งในรปู แบบใด ก. การสรา้ งตารางสามมติ ิ ข. การแทรกกราฟในงานนำเสนอ ค. การสรา้ งภาพเคลอ่ื นไหว ง. การเปล่ียนสพี ้นื หลงั จ. การใช้อักษรศิลป์ 10. องคป์ ระกอบการส่อื สารขอ้ มลู ทส่ี ำคัญมกี ่ปี ระการ ก. 2 ประการ ข. 3 ประการ ค. 4 ประการ ง. 5 ประการ จ. 6 ประการ

แบบประเมินผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุม่ ……………………………………………ชัน้ ………………………หอ้ ง........................... รายชือ่ สมาชกิ 1……………………………………เลขท…ี่ …. 2……………………………………เลขท…ี่ …. 3……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคิดเหน็ 32 1 1 เนื้อหาสาระครอบคลุมชัดเจน (ความรูเ้ กี่ยวกับเน้ือหา ความถูกตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหน้า) 2 รปู แบบการนำเสนอ 3 การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุ่ม 4 บคุ ลิกลักษณะ กิรยิ า ท่าทางในการพูด น้ำเสียง ซ่ึงทำให้ผ้ฟู ังมีความ สนใจ รวม ผู้ประเมนิ ………………………………………………… เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1. เนื้อหาสาระครอบคลมุ ชัดเจนถกู ต้อง 3 คะแนน = มีสาระสำคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจดุ ประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไมค่ รบถ้วน แตต่ รงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคญั ไม่ถูกตอ้ ง ไมต่ รงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มรี ปู แบบการนำเสนอที่เหมาะสม มีการใช้เทคนิคทแี่ ปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอทีน่ ่าสนใจ นำวสั ดุในทอ้ งถิ่นมาประยกุ ต์ใชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั 2 คะแนน = มเี ทคนคิ การนำเสนอทีแ่ ปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยีประกอบการนำเสนอท่ีน่าสน ใจ แต่ขาดการประยุกต์ใช้ วสั ดใุ นท้องถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนำเสนอไมเ่ หมาะสม และไมน่ า่ สนใจ 3. การมสี ่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่ 3 คะแนน = สมาชกิ ทุกคนมบี ทบาทและมสี ่วนร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญม่ บี ทบาทและมีสว่ นร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 1 คะแนน = สมาชกิ สว่ นนอ้ ยมบี ทบาทและมีสว่ นร่วมกจิ กรรมกล่มุ 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟงั มากกวา่ รอ้ ยละ 90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 2 คะแนน = ผู้ฟงั ร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมือ 1 คะแนน = ผู้ฟังน้อยกวา่ รอ้ ยละ 70 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมือ

แบบประเมินกระบวนการทำงานกล่มุ ช่ือกลุ่ม……………………………………………ชน้ั ………………………หอ้ ง........................... รายชอื่ สมาชกิ 1……………………………………เลขท…ี่ …. 2……………………………………เลขท…ี่ …. ข้อคดิ เหน็ 3……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน 1 การกำหนดเป้าหมายร่วมกนั 321 2 การแบ่งหนา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบและการเตรยี มความพรอ้ ม 3 การปฏิบตั หิ น้าท่ีท่ไี ด้รบั มอบหมาย 4 การประเมนิ ผลและปรบั ปรงุ งาน รวม ผูป้ ระเมนิ ………………………………………………… วนั ที่…………เดอื น……………………..พ.ศ………….. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1. การกำหนดเปา้ หมายรว่ มกัน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีสว่ นรว่ มในการกำหนดเปา้ หมายการทำงานอย่างชดั เจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญม่ ีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมีสว่ นรว่ มในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหนา้ ทร่ี ับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชกิ ทกุ คน มีการจัดเตรยี มสถานท่ี ส่ือ / อุปกรณไ์ วอ้ ยา่ งพร้อมเพรยี ง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ ัว่ ถงึ แตไ่ ม่ตรงตามความสามารถ และมีส่อื / อุปกรณไ์ วอ้ ย่างพร้อมเพรยี ง แต่ขาด การจดั เตรยี มสถานท่ี 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ ถึงและมีส่อื / อปุ กรณไ์ ม่เพยี งพอ 3. การปฏบิ ตั ิหนา้ ทท่ี ่ีได้รบั มอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานได้สำเรจ็ ตามเป้าหมาย และตามเวลาทกี่ ำหนด 2 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเรจ็ ตามเป้าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาทกี่ ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไม่สำเรจ็ ตามเป้าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนรว่ มปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรงุ งานเปน็ ระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางสว่ นมีส่วนร่วมปรึกษาหารอื แตไ่ ม่ปรับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางสว่ นมีสว่ นร่วมไมม่ สี ่วนร่วมปรกึ ษาหารือ และปรบั ปรงุ งาน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนรว่ มปรกึ ษาหารอื ติดตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรงุ งานเปน็ ระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนรว่ มปรกึ ษาหารือ แตไ่ มป่ รับปรงุ งาน 1 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นมสี ว่ นร่วมไมม่ ีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน

รายละเอยี ดการประเมินผลการเรยี นรู้หนว่ ยที่ 1 • จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 1 บอกความหมายของคอมพวิ เตอร์และโทรคมนาคมได้ 4. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 5. เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกความหมายของคอมพิวเตอรแ์ ละโทรคมนาคมได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 2 อธิบายองค์ประกอบหลกั ของระบบคอมพิวเตอร์และองค์ประกอบขั้น พนื้ ฐานของการสอ่ื สารขอ้ มลู ได้ 4. วิธีการประเมนิ : ทดสอบ 5. เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายองค์ประกอบหลักของระบบคอมพิวเตอร์และองค์ประกอบขั้น พ้ืนฐานของการสอ่ื สารขอ้ มูลได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ข้อท่ี 3 บรรยายหลักการทำงานของคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 4. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 5. เครอื่ งมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารให้คะแนน : บรรยายหลกั การทำงานของคอมพิวเตอร์ได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 4 จำแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ได้ 4. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 5. เครื่องมอื : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : จำแนกประเภทของคอมพวิ เตอร์ได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ขอ้ ท่ี 5 วเิ คราะหช์ นิดของการเชอ่ื มตอ่ ได้ 4. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ 5. เคร่อื งมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : วเิ คราะห์ชนดิ ของการเช่ือมต่อได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 6 ใช้งานอุปกรณ์โทรคมนาคมกับระบบสื่อสารโทรคมนาคมและระบบ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ได้ 1. วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เคร่อื งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ใช้งานอปุ กรณโ์ ทรคมนาคมกบั ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและระบบ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอรไ์ ด้ จะได้ 3 คะแนน

• จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ข้อที่ 7 ประยกุ ตใ์ ชห้ นา้ ท่ีของระบบโทรคมนาคมกับชีวติ ประจำวันได้ 1. วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ใช้งานอปุ กรณโ์ ทรคมนาคมกับระบบส่อื สารโทรคมนาคมและระบบ เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 8 นำประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์ไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวันได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เคร่ืองมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : นำประโยชน์ของคอมพิวเตอรไ์ ปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ จะได้ 1 คะแนน

แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยที่ 1 คำสั่ง จงเลือกคำตอบท่ถี ูกตอ้ งเพยี งขอ้ เดียว 1.ขอ้ ใดแสดงความหมายของคอมพิวเตอรด์ ีท่สี ุด ก. เป็นอุปกรณฮ์ าร์ดแวร์ ข. ควบคมุ การทำงานดว้ ยซอฟตแ์ วร์ ค. เป็นอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ง. สามารถใช้งานกบั อินเทอร์เนต็ จ. มีความเชือ่ ม่ันสงู 2.ข้อใดไม่จดั อยใู่ นระบบคอมพิวเตอร์ ก. Input Unit ข. Output Unit ค. Process Unit ง. CPU จ. หน่วยประมวลผล 3.ขอ้ ใดไม่ใช่ปัจจัยในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ก. ฮาร์ดแวร์ ข. ซอฟตแ์ วร์ ค. พีเพลิ แวร์ ง. อนิ เทอร์เน็ต จ. บคุ ลากรคอมพวิ เตอร์ 4.ข้อใดคอื ฮาร์ดแวร์คอมพวิ เตอร์ ก. โปรแกรมตา่ งๆที่ใช้งานกบั คอมพิวเตอร์ ข. ผลสรุปของคอมพวิ เตอร์ ค. เอกสารทสี่ รา้ งจากคอมพวิ เตอร์ ง. กระดาษพิมพ์ จ. อุปกรณต์ ่างๆท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั คอมพิวเตอร์ 5.ข้อใดคือ ซอฟต์แวรค์ อมพิวเตอร์ ก. โปรแกรมตา่ งๆท่ีใช้งานกบั คอมพิวเตอร์ ข. อปุ กรณ์ต่างๆทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับคอมพิวเตอร์ ค. เอกสารทส่ี รา้ งจากคอมพวิ เตอร์ ง. กระดาษพิมพ์ จ. อุปกรณต์ ่างๆท่ีเกีย่ วขอ้ งกับคอมพวิ เตอร์ 6. ขอ้ ใดคอื ความหมายของการส่อื สารข้อมูล ก. กระบวนการถา่ ยโอนหรอื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู กันระหวา่ งผสู้ ง่ และผูร้ ับ ข. หรือ พาหะ เพอ่ื นำข่าวสารนั้นไปถงึ กนั โดยใช้เคล่ือนวิทยทุ ม่ี ีความถี่สูงเปน็ คล่นื พาห์ ช่วยนำสัญญาณ ทาง ค. เปน็ การส่งสารสนเทศในรปู แบบของตวั อักษร ง. อุปกรณเ์ ชอ่ื มต่อที่ใช้เปน็ จดุ รวม และ แยกสายสัญญาณ

จ. การเช่ือมโยงระหว่างเครอื่ งเทอร์มินอล หรือ คอมพวิ เตอรเ์ พยี ง 2 เครื่อง โดยผา่ นทางสายสื่อสารเพยี ง สายเดียว 7. องคป์ ระกอบของการสือ่ สารในระบบโทรคมนาคม แบ่งได้กส่ี ่วน ก. 1 สว่ น ข. 2 สว่ น ค. 3 สว่ น ง. 4 สว่ น จ. 5 ส่วน 8. แหล่งกำเนิดของข่าวสาร หมายถึง สว่ นประกอบใดขององคป์ ระกอบพน้ื ฐานของการสอ่ื สารข้อมูล ก. การเข้ารหัส ข. ช่องสญั ญาณ ค.ผูร้ บั ข่าวสาร ง. ผ้สู ง่ ข่าวสาร จ.ถกู ทกุ ขอ้ ท่กี ลา่ วมา 9. การนำเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ มาเช่ือมต่อเขา้ ด้วยกัน โดยอาศัยช่องทางการสื่อสารข้อมลู เพื่อแลกเปลี่ยนขอ้ มูล ขา่ วสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ คือความหมายของขอ้ ใด ก. ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ข. การเช่ือมตอ่ แบบรวมกลมุ่ ค. ช่องทางการสอ่ื สาร ง. อปุ กรณใ์ นเครอื ขา่ ย จ. สายแลนในการเชอ่ื มต่อ 10.ประเทศเป็นคนคน้ พบการการสื่อสารโทรคมนาคมเปน็ ประเทศแรก ก. สหรัฐอเมริกา ข. ลาว ค อินโดนเี ซีย ง. ฮอ่ งกง จ. จีน

แบบฝึกหัด หนว่ ยที่ 1 คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามดังตอ่ ไปนี้ 1.คอมพิวเตอร์มีความมายอยา่ งไร จงอธบิ าย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………..…..…………… 2. จงบอกประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์มาอย่างนอ้ ย 2 ขอ้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… 3. จงอธบิ ายความหมายของโทรคมนาคม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… 4. อปุ กรณโ์ ทรคมนาคมใดบ้างทนี่ ักศกึ ษารจู้ กั อย่างนอ้ ยคนละ 3 อยา่ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………….………

ตอนที่ 2 ให้นักศึกษาเขียนอธิบายว่ารปู ทางดา้ นขวาคือรูปของอปุ กรณช์ นดิ ใด มหี น้าท่อี ยา่ งไรให้ถกู ตอ้ งและ สมบรู ณท์ ่ีสุด ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... กิจกรรมนำสอู่ าเซยี น หนว่ ยที่ 1 คำส่งั ให้นกั ศึกษาจับคู่ข้อความ ทีก่ ำหนดให้ใหถ้ กู ต้อง System Analysis

Speaker Programmer Monitor CPU Telecommunications กจิ กรรมเสนอแนะ กิจกรรม: คิดค้นควา้ อนาคตไกล จดุ ประสงค์ : เพื่อให้นกั เรียนรถู้ งึ คอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม ภาระงาน 1. ให้นกั เรียนจบั คู่ ใหแ้ ต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมลู เก่ยี วกบั สง่ิ ตา่ ง ๆ ที่ชว่ ยเกดิ ความรู้คอมพิวเตอรแ์ ละ อุปกรณโ์ ทรคมนาคม 2. จัดทำปา้ ยนิเทศ แผน่ พบั เพือ่ เผยแพรค่ วามรู้ และเพ่อื เป็นการประหยดั คา่ ใช้จ่าย 3. สรปุ การดำเนินงานเพ่อื รายงานครผู ้สู อน

กิจกรรมบรู ณาการจิตอาสา หน่วยที่ 1 เรื่อง คอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณ์โทรคมนาคม กจิ กรรมจด และจำ คำศพั ท์ จดุ ประสงค์ เพอ่ื ให้นักศกึ ษาไดน้ ำความรจู้ ากบทท่ีไดเ้ รียนเก่ยี วกับคำศพั ทภ์ าษาอังกฤษ ภาระงาน 1. ใหน้ ักศกึ ษาจับกลุม่ ๆ ละ เทา่ ๆ กัน จัดทำปา้ ยคำศพั ท์ ความหมาย คำอา่ น คำแปล ทไ่ี ด้จากบทเรียนนี้ 2. ถา่ ยรูปภาพ ขณะนำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 3. นำขอ้ มูลและความรทู้ ี่ไดม้ าทำบอรด์ 4. รวบรวมผลสรุปการดำเนินงานสง่ ครูผสู้ อนในรูปแบบรายงาน แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 1 คำส่งั จงเลือกคำตอบทถ่ี ูกต้องเพียงขอ้ เดยี ว 1.ระบบของคอมพิวเตอรม์ กี ส่ี ว่ นที่สำคญั ก. 2 สว่ น ข. 3 สว่ น ค. 4 ส่วน ง. 5 ส่วน จ. 6 สว่ น 2.ข้อใดตอ่ ไปนีไ้ มใ่ ชป่ ระเภทของคอมพวิ เตอรท์ ี่แบ่งตามความสามารถของระบบ ก. Super Computer ข. Mainframe Computer ค. Multi Tasking Computer ง. Mini Computer จ. Micro Computer 3. ขอ้ ใดต่อไปนีไ้ ม่มสี ่วนเกี่ยวขอ้ งกับหลกั การทำงานคอมพวิ เตอร์ ก. Input Unit ข. Central Processing Unit ค. Memory Unit ง. Output Unit จ. Micro Unit 4.อุปกรณ์ใดใชเ้ ก็บโปรแกรมและข้อมูลระหวา่ งการประมวลผล ก.CPU ข.RAM ค.Hard disk ง.Flash Drive จ.DVD ROM

5.การ์ดเชอ่ื มตอ่ เครอื ขา่ ยมกั เรยี กสนั้ ๆ ว่า ก.Sound Card ข.Modem Card ค.VGA Card ง.LAN Card จ.NETWORK Card 6. ข้อใดคือความหมายของโทรคมนาคม ก. การส่งสารสนเทศในรูปแบบของตัวอักษร ภาพและเสียงโดยใช้คล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ หรือการตดิ ตอ่ สาร จากท่ีหน่งึ ไปยังอกี ทหี่ นึ่งไปยังอกท่ีหนึ่งโดยใช้พลังงานไฟฟ้า ข. วิธกี ารทใ่ี ช้ในการสรา้ งระบบสารสนเทศข้นึ มาใหม่ในธรุ กิจใดธุรกิจหน่งึ หรือระบบย่อยของธุรกิจ ค. การโอนถา่ ย ข้อมูลหรือการแลกเปลี่ยนข้อมลู ระหว่างต้นทางกับปลายทาง โดยใชอ้ ุปกรณ์ทาง อเิ ล็กทรอนิกส์หรอื เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ซึง่ มีตัวกลาง ง. กฎระเบียบ หรือวธิ กี ารใชเ้ ป็นขอ้ กำหนดสำหรับการสอ่ื สาร เพื่อให้ผู้รับและผู้สง่ เขา้ ใจกนั ได้ ซงึ่ มหี ลาย ชนดิ ให้เลือกใช้ จ. เปน็ การเชื่อมโยงคอมพิวเตอรต์ ้นทางเข้ากับคอมพิวเตอรป์ ลายทาง โดยใช้ตวั กลางหรอื ส่อื กลาง สำหรับเชือ่ มต่อ 7. ข้อใดคอื ชอื่ ยอ่ ของ สหภาพโทรคมนาคมระหวา่ งประเทศ ก. ITU ข. TUI ค. UIT ง. IUT จ. TIU 8. ขอ้ ใดไมใ่ ชห่ นว่ ยวัดความเรว็ ในการรับส่งขา่ วสารของอุปกรณโ์ ทรคมนาคม ก. bps ข. Kbps ค. Mbps ง. Tbps จ. Gbps 9. ข้อมลู ในการสื่อสารโทรคมนาคมสามารถแยกไดก้ ีป่ ะเภท ก. 3 ประเภท ข. 4 ประเภท ค. 5 ประเภท ง. 6 ประเภท จ. 7 ประเภท 10. ข้อใดคอื ความหมายของ Transmitter ก. ผู้รับสาร ข. ผสู้ ่งสาร ค. ข้อมลู ง. สญั ญาณรบกวน จ. โปรโตคอล

แบบประเมินผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกล่มุ ……………………………………………ชน้ั ………………………ห้อง........................... รายช่ือสมาชกิ 1……………………………………เลขท…่ี …. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…ี่ …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 32 1 1 เนื้อหาสาระครอบคลุมชัดเจน (ความร้เู ก่ียวกับเนอ้ื หา ความถูกตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า) 2 รปู แบบการนำเสนอ 3 การมสี ่วนรว่ มของสมาชกิ ในกลุ่ม 4 บคุ ลิกลักษณะ กิรยิ า ท่าทางในการพูด นำ้ เสยี ง ซ่ึงทำให้ผฟู้ ังมคี วาม สนใจ รวม ผูป้ ระเมนิ ………………………………………………… เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1. เนื้อหาสาระครอบคลมุ ชัดเจนถกู ตอ้ ง 3 คะแนน = มีสาระสำคญั ครบถ้วนถกู ต้อง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไมค่ รบถ้วน แตต่ รงตามจดุ ประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคญั ไม่ถกู ต้อง ไมต่ รงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มรี ปู แบบการนำเสนอทเ่ี หมาะสม มกี ารใชเ้ ทคนคิ ทแ่ี ปลกใหม่ ใช้ส่ือและเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอทีน่ า่ สนใจ นำวสั ดใุ นท้องถ่ินมาประยกุ ต์ใช้อย่างคุม้ คา่ และประหยัด 2 คะแนน = มเี ทคนคิ การนำเสนอทแ่ี ปลกใหม่ ใชส้ ือ่ และเทคโนโลยีประกอบการนำเสนอท่ีนา่ สน ใจ แต่ขาดการประยุกตใ์ ช้ วัสดใุ นทอ้ งถิ่น 1 คะแนน = เทคนคิ การนำเสนอไม่เหมาะสม และไมน่ า่ สนใจ 3. การมสี ่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่ 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีบทบาทและมสี ว่ นร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชกิ ส่วนใหญ่มบี ทบาทและมสี ว่ นร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมบี ทบาทและมีสว่ นร่วมกจิ กรรมกล่มุ 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟงั มากกวา่ รอ้ ยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 2 คะแนน = ผู้ฟงั ร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 1 คะแนน = ผู้ฟังนอ้ ยกว่าร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมือ

แบบประเมินกระบวนการทำงานกลมุ่ ช่อื กลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………ห้อง........................... รายชื่อสมาชกิ 1……………………………………เลขท…่ี …. 2……………………………………เลขท…ี่ …. ขอ้ คดิ เหน็ 3……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…่ี …. ที่ รายการประเมิน คะแนน 1 การกำหนดเป้าหมายร่วมกนั 321 2 การแบง่ หนา้ ท่รี บั ผดิ ชอบและการเตรียมความพรอ้ ม 3 การปฏิบัติหนา้ ทที่ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย 4 การประเมนิ ผลและปรบั ปรงุ งาน รวม ผู้ประเมนิ ………………………………………………… วนั ท่ี…………เดอื น……………………..พ.ศ………….. เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนมีส่วนรว่ มในการกำหนดเปา้ หมายการทำงานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชกิ ส่วนใหญ่มีส่วนรว่ มในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชิกสว่ นนอ้ ยมสี ่วนร่วมในการกำหนดเปา้ หมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหนา้ ที่รบั ผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ท่ัวถงึ และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มกี ารจัดเตรียมสถานที่ สื่อ / อุปกรณไ์ วอ้ ย่างพรอ้ มเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ ัว่ ถงึ แตไ่ ม่ตรงตามความสามารถ และมสี ่อื / อุปกรณไ์ ว้อยา่ งพร้อมเพรยี ง แตข่ าด การจัดเตรียมสถานท่ี 1 คะแนน = กระจายงานไมท่ ัว่ ถงึ และมสี ่ือ / อุปกรณ์ไมเ่ พยี งพอ 3. การปฏิบตั ิหนา้ ทท่ี ่ไี ดร้ ับมอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานได้สำเรจ็ ตามเป้าหมาย และตามเวลาทีก่ ำหนด 2 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเปา้ หมาย แตช่ า้ กว่าเวลาท่กี ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไมส่ ำเร็จตามเป้าหมาย 4. การประเมินผลและปรบั ปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทุกคนรว่ มปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรุงงานเปน็ ระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางสว่ นมสี ว่ นรว่ มปรึกษาหารอื แต่ไมป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นมีส่วนรว่ มไม่มีสว่ นรว่ มปรกึ ษาหารือ และปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทุกคนร่วมปรกึ ษาหารือ ตดิ ตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรุงงานเปน็ ระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีสว่ นรว่ มปรกึ ษาหารอื แตไ่ มป่ รบั ปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นมีสว่ นรว่ มไม่มีส่วนรว่ มปรกึ ษาหารอื และปรบั ปรุงงาน

รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียนรู้หน่วยท่ี 2 • จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม ข้อที่ 1 อธบิ ายระบบเครือข่ายและระบบเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ ได้ 7. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 8. เคร่ืองมอื : แบบทดสอบ 9. เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายระบบเครือข่ายและระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ข้อที่ 2 บอกความเปน็ มาของอินเทอรเ์ น็ตได้ 7. วธิ กี ารประเมนิ : ทดสอบ 8. เครอ่ื งมอื : แบบทดสอบ 9. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : บอกความเปน็ มาของอนิ เทอรเ์ นต็ ได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 3 บอกบทบาทของระบบสารสนเทศได้ 7. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 8. เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ 9. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกบทบาทของระบบสารสนเทศได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ข้อท่ี 4 จำแนกประเภทของระบบเครือข่ายได้ 7. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ 8. เครอ่ื งมอื : แบบทดสอบ 9. เกณฑ์การให้คะแนน : จำแนกประเภทของระบบเครอื ข่ายได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 5 วิเคราะหผ์ ลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 7. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 8. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 9. เกณฑ์การให้คะแนน : วเิ คราะห์ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม ขอ้ ที่ 6 เชอ่ื มต่อระบบเครอื ข่ายไดท้ กุ รปู แบบ 4. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 5. เครื่องมอื : แบบทดสอบ 6. เกณฑ์การให้คะแนน : เชื่อมตอ่ ระบบเครอื ขา่ ยได้ทกุ รปู แบบ จะได้ 2 คะแนน • จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 7 ใช้งานระบบสารสนเทศทีใ่ ช้คอมพวิ เตอร์ได้ 4. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 5. เคร่ืองมอื : แบบทดสอบ 6. เกณฑ์การให้คะแนน : ใชง้ านระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพวิ เตอร์ได้ จะได้ 1 คะแนน

• จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 8 ประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศได้ 4. วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ 5. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑ์การให้คะแนน : ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 9 ประยกุ ตใ์ ช้ระบบเครอื ขา่ ยในหนว่ ยงานรัฐได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ประยุกตใ์ ชร้ ะบบเครอื ขา่ ยในหนว่ ยงานรัฐได้ จะได้ 1 คะแนน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook