Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นครู

ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นครู

Description: ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นครู

Search

Read the Text Version

นิสัยดี กระชมุ่ กระชวย ตดิ ฝงั ใจ กระฉับกระเฉง เรอื่ งดีๆ พูด คิด บอ่ ยๆ เคย คุ้น ชิน ทำ เรือ่ งรา้ ยๆ กระแทก กระทบ นสิ ัยไม่ดี ติดฝงั ใจ ด้าน ชา กระท้นั กระทง่ั ภาพท่ี ๕-๒ กำเนิดของนิสัยดี-ไม่ดี ตวั อย่างนิสัยดี - ไม่ดี นสิ ยั ไม่ดี นสิ ยั ดี - ชอบต่นื สาย - เกยี จครา้ นทำการงาน - ชอบตื่นแต่เชา้ - ชอบเกย่ี งงาน ทง้ิ งาน - ขยันทำการงาน - ชอบเอาเปรียบ - รบั ผิดชอบการงาน - ชอบรังแกผ้อู ื่น - ชอบให้ทาน - ชอบจับผิด - ชอบรักษาศีล - ชอบพูดคำหยาบ - ชอบจบั ถูก - ชอบรุนแรงหยาบกระด้าง - ชอบพูดสุภาพ - มักโกรธ เจา้ อารมณ์ - ชอบออ่ นนอ้ มถ่อมตน - ชอบใหอ้ ภยั ศาสตร์และศิลปแ์ หง่ ความเปน็ ครู 137

- ชอบยกย่องพระคณุ ทา่ น - ชอบลบหลพู่ ระคณุ ทา่ น ฯลฯ ฯลฯ นิสัยจึงทำหน้าที่เป็นเสมือนโปรแกรมหรือผังสำเร็จด้านความ ประพฤติ คอยกระตุ้นและควบคุมสัตว์โลกให้สร้างกรรมดีหรือ กรรมชัว่ สรา้ งบุญหรอื บาป ทำนองเดียวกันอีกในคร้ังต่อๆ ไป นิสัยของผู้ใดจึงเป็นเสมือนโปรแกรมหรือผังสำเร็จด้านความ ประพฤติ ให้เกิดสมบตั ิหรอื วบิ ัตปิ ระจำตวั ของผนู้ ้นั กลา่ วคือ นิสยั ไม่ดีจะสง่ ผลให้รกั การสรา้ งกรรมช่ัว แลว้ ออกผลเป็นวบิ ัติใหญ่ คือบาป ความทุกข์ ความเสอื่ ม สว่ นนิสัยดจี ะสง่ ผลให้รักการสรา้ งกรรมดี แล้ว ออกผลเปน็ สมบตั ใิ หญ่ คือ บุญ ความสุข ความเจรญิ ไมม่ ีทสี่ น้ิ สุด สรุปความสัมพันธร์ ะหว่างนสิ ยั กับความรู้ ๑. ในกาลไหนๆ นสิ ยั ยอ่ มทำหนา้ ทกี่ ำกบั การใชค้ วามรู้ เพราะ ความรู้วิชาการไม่ว่าดา้ นใด ล้วนเป็นเพียงอปุ กรณใ์ ห้นิสัยทั้งดีและไมด่ ี นำไปใชท้ งั้ ส้นิ ๒. ผ้มู นี ิสยั ไมด่ ี ย่อมนำความรไู้ ปใช้ให้เกดิ โทษ ขณะทีผ่ ู้มนี ิสยั ดี ย่อมนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งแก่ตนเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และโลกไดไ้ ม่มีทีส่ ้ินสุด ศาสตรแ์ ละศิลป์แห่งความเปน็ ครู 138

ผเู้ รยี นนสิ ัยดี ผ้เู รยี นนสิ ัยไม่ดี คิด พดู ทำดีๆ เป็นปกติ คดิ พูด ทำไม่ดี เป็นปกติ ความรู้ ความสุข บญุ มติ ร วิชาการ ความทกุ ข์ บาป ศตั รู เกดิ ตอ่ เนือ่ ง มเี ท่ากนั เกิดตอ่ เนอ่ื ง ความคิดสร้างสรรค์ ความคดิ ทำลาย เกดิ ต่อเนื่อง เกดิ ตอ่ เนือ่ ง ความสำเร็จรออยู่ ความลม้ เหลวรออยู่ ภาพที่ ๕-๓ การเปรียบเทยี บความสมั พันธ์ระหว่างนสิ ยั กบั ความรู้ ความยากในการแก้ไขนสิ ยั ๑. กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองมีนิสัยไม่ดี.............................ก็แสนยาก ๒. กวา่ จะหาใครเตือนให้รูว้ ่าตนเองมีนสิ ัยไมด่ .ี ..........กแ็ สนยาก ๓. กวา่ จะยอมรบั คำเตือนวา่ ตนเองมนี ิสยั ไมด่ .ี ..........กแ็ สนยาก ๔. กว่าจะพบวธิ ีแกน้ ิสยั ไม่ด.ี ......................................กแ็ สนยาก ๕. กว่าจะมกี ำลงั ใจแก้นิสัยไม่ดี..................................ก็แสนยาก ๖. กว่าจะมกี ำลงั กายแก้นิสยั ไม่ด.ี ..............................กแ็ สนยาก ๗. กว่าโอกาสจะอำนวยใหแ้ ก้นสิ ัยไม่ด.ี ......................ก็แสนยาก ๘. กว่าจะแก้นิสัยให้ดีไดแ้ ตล่ ะอย่าง.............กใ็ ชเ้ วลานานมาก ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นครู 139

๙. นิสัยไม่ดีท่ียังเหลืออีกไม่ว่าจะมากหรือน้อย จำต้องรอไว้ แกต้ อ่ ไปในภพชาตหิ นา้ ด้วยเหตนุ ้ี หากจำตอ้ งเสยี อะไรไปบ้าง กย็ อมเสยี ไปเถดิ ไมว่ า่ จะเป็นทรพั ย์ บรวิ าร คคู่ รอง หรอื ชอ่ื เสียง ฯลฯ เพราะส่ิงเหลา่ น้ี หากยงั ไมต่ าย ย่อมหาใหม่ได้ แต่หากเสียนิสัย หรือตดิ นิสัยเสยี ๆ เสียแล้ว แม้ชาติหน้าก็ยากจะแก้ไขให้หมดไปได้ เพราะฉะนั้น ความสำเร็จในการจัดการศึกษาท้ังระดับบุคคล ระดับชาติ หรือ แมแ้ ต่ระดับโลก จึงอยู่ที่การพฒั นานสิ ยั ท้ังส้นิ และไมว่ ่าจะพฒั นา นิสัยระดับไหน ธรรมแม่บทที่สมบูรณ์ที่สุดในการพัฒนานิสัยก็คือ มรรคมีองค์ ๘ นัน่ เอง ในชาตินี้ หากใครมีนิสัยดีๆ ติดตัวมามากก็นับว่าเป็นบุญกุศล ข้ามชาติของผู้น้ัน ส่วนนิสัยใหม่ก็จะเร่ิมเกิดในทันทีที่คลอดจากครรภ์ มารดา ไม่ว่าจะเป็นนิสัยดีมากหรือดีน้อย ล้วนเป็นผลจากการเลี้ยงดู ปลกู ฝงั อบรม สง่ั สอนของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครู อาจารย์ และผใู้ กลช้ ดิ วา่ มคี วามเขม้ งวดกวดขัน และดแู ลเอาใจใส่มากน้อยเพียงใดเป็นหลัก ข้อเตอื นใจในการสร้างนสิ ัย ถา้ เพียงสอนใหร้ วู้ า่ ส่ิงดๆี นั้น หากทำใหค้ ุน้ เคยแล้ว ยอ่ มได้นสิ ัย ดีๆ เกิดข้นึ ใหมแ่ น่ แตถ่ า้ ยังไม่ได้ฝกึ อบรมใหผ้ ู้เรยี นทำจนคุ้นจรงิ ๆ แลว้ ไม่ช้าสิง่ ดๆี ท่เี กดิ ขึน้ ใหม่นัน้ ยอ่ มเลอื นหายไป นสิ ัยไม่ดีตง้ั แตไ่ หนแต่ไร กย็ งั คงมอี ยเู่ ชน่ เดมิ ทงั้ นเี้ พราะการทน่ี สิ ยั ดงี ามทกุ ชนดิ จะเกดิ ขนึ้ ใหมไ่ ด้ จำต้องปฏิบัติซำ้ ๆ ให้คุ้นเคยจริงๆ ต้องใช้กำลังใจอย่างมหาศาลและ ศาสตรแ์ ละศลิ ป์แห่งความเปน็ ครู 140

ตอ้ งใช้เวลานานมาก เพ่อื ล้างนสิ ัยตรงกันขา้ มซ่งึ มีอยเู่ ดิมให้หมดส้นิ ไป แลว้ นสิ ยั ดีๆ ทพ่ี ึงปรารถนาจงึ จะเกดิ ขึน้ มาแทนทีไ่ ดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ๑๒ หอ้ งนอน หอ้ งนำ้ ๓ ๕ ห้องทำงาน ห้องอาหาร ๔ หอ้ งแต่งตัว ภาพท่ี ๕-๔ สถานที่เกดิ ของนิสยั ๑ ๒ ความเขา้ ใจถกู ความเข้าใจถกู มรรคมอี งค์ ๘ สัมมาทฐิ ิ ๑๐ แล้วถอื เป็นแมบ่ ทปฏิบัติ แลว้ ถือปฏิบัตเิ ปน็ วนิ ยั แม่บท การฝกึ นิสัย ๓ เข้าใจวัตถุประสงค์ ๕ ห้องชีวิต ภาพท่ี ๕-๕ แม่บทในการฝกึ นสิ ยั ศาสตร์และศิลปแ์ ห่งความเปน็ ครู 141

๒๓ เขา้ ใจหนา้ ที่หลกั เขา้ ใจสิง่ ทีต่ ้องรู้-มี ประจำห้อง ๑ เข้าใจ ๔ วตั ถุประสงค์ เข้าใจวตั ถปุ ระสงค์ เข้าใจส่ิงที่ ประจำหอ้ ง ๕ ห้อง ชวี ติ ตอ้ งหา้ ม ประจำห้อง ๗ เขา้ ใจผลท่ีได้ ๖ ๕ เข้าใจประโยชน์ เข้าใจการทำงาน ใช้สอยประจำหอ้ ง ประจำห้อง ต้องฝึก ดว้ ยความเคารพ อดทน และมวี นิ ัย ภาพท่ี ๕-๖ วัตถุประสงค์ของ ๕ หอ้ งชีวติ ๑ ๒ ตอ้ งมีครูดี ต้องเขา้ ใจวตั ถุประสงค์ แนะ-นำ-กำกบั ประจำหอ้ งชัดเจน ๖ ปจั จยั แหง่ ความสำเร็จ ๓ ต้องปฏิบัติ ในการสรา้ งนสิ ัย ตอ้ งเขา้ ใจ งานน้นั ๆ เจตนารมณใ์ น ดว้ ยตัวเอง การปฏบิ ตั ิงาน ทุกภารกจิ ชัดเจน ๕ ๔ ตอ้ งปฏิบัติงานทกุ ภารกจิ ต้องมีอปุ กรณ์เหมาะสม ใหด้ ีพร้อม ด้วยความเคารพ กบั เพศ-วัย-สุขภาพ อดทน ตรงตามวนิ ยั ทุกหอ้ งครบครนั ภาพท่ี ๕-๗ ปัจจยั แห่งความสำเรจ็ ในการสร้างนสิ ยั ศาสตร์และศลิ ปแ์ ห่งความเปน็ ครู 142

พฤตกิ รรมทีก่ ลายเป็นนิสยั ของมนุษย์ ได้กล่าวแล้วว่า นิสัยของคนเราเกิดข้ึนจากพฤติกรรมทางกาย วาจา ใจ ท่เี กิดขึน้ ซำ้ ๆ กันอยเู่ ปน็ อาจณิ เรือ่ งที่คนเรามพี ฤตกิ รรมซ้ำๆ กันอย่เู ป็นอาจิณ ก็คอื เรือ่ งการบริโภคปจั จัย ๔ น่นั เอง ดงั นัน้ ถ้าพอ่ แม่ผู้ปกครองหมน่ั เอาใจใส่ เขม้ งวดกวดขนั ปลูกฝัง อบรมสั่งสอนเด็กๆ ในความรับผิดชอบของตน ให้เข้าใจเกี่ยวกับการ บริโภคปัจจัย ๔ อย่างถูกต้องเหมาะสมแก่เพศภาวะของตน และ ประพฤติปฏิบัติเป็นประจำโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ในท่ีสุดก็จะพัฒนา เป็นนิสัยที่ดีงามประจำตัวประจำใจของเด็กไปจนตลอดชีวิต ไม่เฉพาะ แต่เรื่องการบริโภคปัจจัย ๔ เท่าน้ัน แต่ยังรวมไปถึงเรื่องศีลธรรม คุณธรรมและจริยธรรมต่างๆ ของคนดที ่โี ลกต้องการอกี ด้วย อน่งึ เกี่ยวกับเร่อื งกฎ ระเบยี บต่างๆ ความรู้พื้นฐานทางธรรม วัฒนธรรมทางจิตใจ ตลอดจนทศั นคตติ า่ งๆ ทดี่ งี าม ซ่งึ คณุ ครูทงั้ หลาย พร่ำปลกู ฝงั อบรมสงั่ สอนศษิ ยข์ องตนตงั้ แตเ่ ยาวว์ ยั โดยทว่ั ไปกจ็ ะประทบั แนน่ อยู่ในความทรงจำของบรรดาศิษย์อยู่เสมอ และจะพัฒนาเป็นศีลธรรม คณุ ธรรม และจริยธรรมประจำใจของบรรดาศิษย์ไปตลอดชีวิต ในทางตรงขา้ ม ถา้ พอ่ แม่ ผปู้ กครองและคณุ ครทู ง้ั หลาย ขาดความ เอาใจใส่ พร่ำอบรมสัง่ สอนเรอื่ งต่างๆ ดังกลา่ ว แกล่ ูกหลานและบรรดา ศษิ ยข์ องตนตงั้ แตเ่ ยาวว์ ยั พวกเขากจ็ ะมพี ฤตกิ รรมทไี่ มเ่ หมาะสมตดิ นสิ ยั ไปตลอดชวี ติ จนยากทจ่ี ะแกไ้ ข แมเ้ มอื่ พวกเขาเตบิ โตเปน็ ผใู้ หญ่ ไดศ้ กึ ษา วิชาการทงั้ ทางโลกและทางธรรม จนรูแ้ ละเข้าใจว่าส่งิ ใดดหี รือชว่ั การ กระทำใดเป็นบญุ หรอื บาป ควรหรอื ไมค่ วร อย่างชัดเจนแล้ว แตผ่ คู้ น ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถแก้ไขนิสัยเลวๆ ที่ติดมาต้ังแต่เด็กๆ ได้ ดังมี ตวั อยา่ งทีเ่ ห็นกันอย่ทู ่ัวไป กค็ อื นิสัยติดบหุ รขี่ องผคู้ นในสงั คม ศาสตรแ์ ละศิลปแ์ ห่งความเป็นครู 143

การพัฒนานสิ ยั ด้วย ๕ ห้องชวี ิต ๑. ห้องนอน (ห้องมหาสิริมงคล) คำนยิ ามทแี่ ทจ้ รงิ หอ้ งนอน คอื หอ้ งพฒั นานสิ ยั รกั บญุ กลวั บาป หลักธรรมประจำหอ้ งนอน สมั มาทิฐแิ ละสมั มาสมาธิ หน้าทีห่ ลักของห้องนอน ๑. ใช้ในการปลูกฝังความเข้าใจถูกเร่ืองโลกและชีวิตให้เป็น สมั มาทิฐิบุคคล ๒. ใชใ้ นการฝกึ สมั มาสมาธใิ หใ้ จตง้ั มนั่ อยใู่ นศนู ยก์ ลางกายเปน็ ปกติ เกดิ กำลังใจในการทำความดียิง่ ๆ ขน้ึ ไป หน้าทหี่ ลัก ๒ ประการนเี้ ปน็ พนื้ ฐานของการคิดดี พูดดี และทำดี ตลอดท้งั วัน ความรู้ทีต่ อ้ งมเี ก่ยี วกับหอ้ งนอน ๑. อากาศปลอดโปร่ง ตัง้ อยูใ่ นทศิ ทางลมผ่านเข้าออกสะดวก ๒. ไม่แคบหรือกวา้ งเกินไป ๓. ตกแต่งด้วยวสั ดอุ ปุ กรณ์ทดี่ ูแลรกั ษาและทำความสะอาดงา่ ย ๔. ไมน่ ำโทรทศั น์ สตั วเ์ ลีย้ ง อาหาร เครอ่ื งด่มื เขา้ ไปในห้องนอน ๕. ไม่ประดับตกแต่งด้วยภาพลามกอนาจาร และภาพอื่นๆ ที่ ไม่สมควร ๖. หม่ันทำความสะอาดเสมอ ไม่ปล่อยให้มีฝุ่นละอองจับหรือ หยากไย่เกาะ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ ห่งความเป็นครู 144

ประโยชนข์ องการใชส้ อยห้องนอนอย่างถูกต้อง ๑. ทางใจ ๑.๑ เป็นทีก่ ราบพระ สวดมนต์ และเจรญิ ภาวนา ๑.๒ เป็นท่ีสำรวจตรวจสอบบญุ -บาปทต่ี นได้ทำในแต่ละวนั ๑.๓ เปน็ ทอ่ี บรมสง่ั สอนและใหค้ วามรแู้ กส่ มาชกิ ในครอบครวั ๑.๔ เปน็ ทปี่ ลกู ฝงั นสิ ยั รกั ศลี รกั ธรรมดว้ ยการเลา่ ธรรมกอ่ นนอน ๑.๕ เปน็ ทวี่ างแผนในการทำบญุ กศุ ลและการทำงานในวนั ใหม่ ๑.๖ เปน็ ทกี่ ราบพระ สวดมนต์ สมาทานศลี และเจรญิ ภาวนา หลงั จากตื่นนอนแลว้ ๒. ทางกาย ชาวโลกใช้ห้องนอนเป็นท่ีพกั ผ่อนนอนหลับ และสรา้ งทายาททมี่ ี บุญมาเกิดเปน็ มนุษย์ ชาววดั ใช้หอ้ งนอนเปน็ ทพ่ี กั ผ่อน และบำเพญ็ เพียรภาวนา ๒. ห้องน้ำ (ห้องมหาพิจารณา) คำนยิ ามที่แท้จรงิ ห้องน้ำ คอื ห้องพฒั นานสิ ัยพจิ ารณาสังขาร หลกั ธรรมประจำห้องนำ้ สมั มาสังกปั ปะ หนา้ ทีห่ ลักของห้องน้ำ ๑. พิจารณาความไมง่ ามของรา่ งกาย ๒. พิจารณาความเป็นรังแห่งโรคของร่างกาย ๓. พจิ ารณาความเสอ่ื มโทรมของรา่ งกายทดี่ ำเนนิ ไปอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ทงั้ สามข้อน้ีเปน็ พืน้ ฐานของการคดิ ถูก คอื ไม่คิดหมกม่นุ ในกาม ไม่คิดอาฆาตพยาบาท และไม่คิดเบียดเบียนรังแกใคร อันเป็นต้นทุน สำคญั ของพลังความคิดสรา้ งสรรค์ ศาสตรแ์ ละศิลปแ์ ห่งความเป็นครู 145

ความรูท้ ี่ตอ้ งมเี กี่ยวกบั หอ้ งนำ้ ๑. ขนาดของห้องไม่ควรเล็ก หรอื ใหญโ่ ตเกนิ ความจำเป็น ๒. เน้นการแต่งห้องนำ้ ให้ปลอดภัย ทำความสะอาดง่ายและ สะดวกตอ่ การดูแลรักษา ๓. มอี ุปกรณ์ท่ีจำเปน็ ครบถ้วน มคี ณุ ภาพดี อายกุ ารใช้งานนาน ๔. มอี ุปกรณ์ทีจ่ ำเปน็ สำหรับเด็กและคนแก่ พรอ้ มทง้ั คำแนะนำ วธิ ีใชอ้ ปุ กรณส์ มัยใหม่ ติดไวใ้ นหอ้ งนำ้ ด้วย ๕. หมั่นสงั เกตสขุ ภาพจากสง่ิ ปฏิกลู ท่ขี บั ถา่ ยออกจากร่างกาย ๖. จัดตารางเวลาให้สมาชิกในบ้านช่วยกันดูแลรักษาและทำ ความสะอาดห้องนำ้ ห้ามเกีย่ งกันเดด็ ขาด ๗. รูจ้ กั ใช้น้ำอย่างประหยัด ๘. จดั หาส่งิ ของเครอ่ื งใช้ประจำห้องน้ำ สำรองไว้ไม่ใหข้ าด ๙. มีมารยาทในการใช้ห้องน้ำร่วมกัน ท้ังมีความเคารพเกรงใจ ผู้อย่รู ว่ มบ้านในเร่อื งการใชห้ ้องน้ำและเรอ่ื งอน่ื ๆ ประโยชนข์ องการใช้ห้องนำ้ อย่างถกู ต้อง ๑. ทางใจ ๑.๑ ใจไม่หมกมุ่นในส่ิงลามกอนาจาร เพราะได้พิจารณา เหน็ โทษและความไม่งามของร่างกายตามความเปน็ จรงิ ๑.๒ ใจไม่คิดอาฆาตเคียดแค้น เพราะได้พิจารณาเห็นถึง ความเปน็ รงั แหง่ โรคของร่างกาย และความไม่จรี งั ยัง่ ยืนของชวี ติ ๑.๓ ใจไม่คดิ เบียดเบยี นรงั แกใคร เพราะไดพ้ จิ ารณาเหน็ ถงึ ความเป็นเพอื่ นรว่ มทกุ ข์ เกิด แก่ เจบ็ ตาย ของคนทั้งโลก ๑.๔ ใจมีความคดิ สร้างสรรค์อย่างสงบเย็นตลอดเวลา ศาสตร์และศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู 146

๒. ทางกาย ๒.๑ รู้เท่าทันสุขภาพร่างกายในแต่ละวัน และแต่ละวัยของ ตน หมัน่ หาความรู้ และดูแลตนเองไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสม ๒.๒ ดูแลรกั ษาความสะอาดของรา่ งกาย เสอ้ื ผ้า และเครื่อง นงุ่ หม่ ให้ถูกสุขอนามัย จะไดไ้ ม่เกิดโรค ๒.๓ พิจารณาสีและลักษณะของอุจจาระและปัสสาวะที่ขับ ถ่ายออกจากรา่ งกายในแต่ละวนั เพอื่ จะไดร้ วู้ ่า สุขภาพภายในเป็นปกติ หรือไม่ อยา่ งไร ๓. ห้องอาหาร (หอ้ งมหาประมาณ) คำนิยามทแี่ ท้จรงิ ห้องอาหาร คือ ห้องพฒั นานสิ ัยรปู้ ระมาณ ในการพูดและการใช้ทรพั ย์ หลกั ธรรมประจำหอ้ งครัว สมั มาวาจาและสัมมากัมมันตะ หน้าทีห่ ลักของหอ้ งอาหาร ๑. เปน็ ท่ีประชมุ สมาชกิ ทุกคนในบา้ นอยา่ งพรอ้ มหน้ากันทุกวนั ๒. ใช้ปลูกฝังสัมมาวาจาและสัมมากัมมันตะให้แก่สมาชิกทุกคน ในบา้ น หากสมาชิกในครอบครัวรับประทานอาหาร ไม่พร้อมหน้ากัน จะเกิดปัญหาน้อยเน้ือตำ่ ใจ และปัญหาความแตกแยก ขณะเดียวกัน หากสมาชกิ ขาดสมั มาวาจาจะเกดิ ปญั หาการกระทบกระทงั่ บานปลายตามมา ความรทู้ ่ตี ้องมเี ก่ยี วกับหอ้ งอาหาร ๑. ห้องอาหาร คือ ห้องที่สมาชิกท้ังบ้านใช้รับประทานอาหาร ร่วมกนั จงึ ตอ้ งรักษาความสะอาดให้ดี ไม่ใชเ้ ป็นทเ่ี กบ็ อาหาร ศาสตร์และศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู 147

๒. หอ้ งครวั คอื หอ้ งสำหรบั ปรงุ อาหารและเกบ็ อาหารทกุ ประเภท ตอ้ งรกั ษาความสะอาด และจัดใหเ้ ป็นระเบียบ มิฉะนัน้ จะกลายเปน็ ทอ่ี ยขู่ องมด หนู และแมลงตา่ งๆ ๓. ห้องรบั แขก คอื หอ้ งทใี่ ช้ตอ้ นรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน พดู จา สนทนากัน จึงเปน็ เสมอื นหน้าตาของบา้ น ไมค่ วรปล่อยรกรงุ รัง ตอ้ ง จดั ใหเ้ ป็นระเบียบและทำความสะอาดอยู่เสมอ ๔. บา้ นใดทใี่ ชห้ อ้ งรบั แขกเปน็ หอ้ งอาหารดว้ ย ควรใชเ้ ครอ่ื งเรอื น แบ่งพน้ื ทท่ี ้ังสองห้องให้ชดั เจน ๕. ควรจดั ชดุ เกา้ อร้ี บั แขกไวต้ รงประตทู างเขา้ และจดั โตะ๊ รบั ประทาน อาหารไวใ้ กลห้ อ้ งครวั อีกท้ังควรตกแตง่ หอ้ งให้มีบรรยากาศเยน็ ตา ๖. ควรจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ของห้องครัว ห้องอาหาร ห้องรับแขกใหพ้ รอ้ ม สะอาด และมคี รบตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว ๗. ควรจัดเตรียมวัตถุดบิ และเครื่องปรงุ ให้ครบ ตามความจำเปน็ และเพยี งพอกับคนในบา้ น ๘. ควรฝกึ อบรมสมาชกิ ในบา้ นใหร้ จู้ กั ชว่ ยกนั ทำครวั ตง้ั แตเ่ ยาวว์ ยั เพอ่ื ฝกึ ฝนคณุ ธรรมต่างๆ เชน่ ความอดทน ความมวี นิ ยั ฯลฯ ๙. ควรฝึกสมาชิกในบ้านให้รู้จักวิธีถนอมอาหาร ตามหลัก โภชนาการ เพ่ือประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย ประโยชนก์ ารใชห้ ้องอาหารอย่างถูกต้อง ๑. ทางใจ ๑.๑ รจู้ กั ประมาณในการรบั ประทานอาหาร คอื ระลกึ อยเู่ สมอวา่ เรารับประทานอาหารเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ และจะนำเรี่ยวแรงไปทำ ความดใี ห้ย่งิ ๆ ข้ึน ศาสตรแ์ ละศลิ ป์แห่งความเป็นครู 148

๑.๒ รจู้ ักประมาณในการใชท้ รพั ย์ คอื ร้จู ักบรหิ ารรายจ่ายให้ นอ้ ยกวา่ รายได้ เพ่อื จะได้มีทรพั ยเ์ หลือเก็บไวใ้ ชใ้ นคราวจำเปน็ และใช้ บริจาคสรา้ งบญุ กุศล อนั เป็นหนทางไปสสู่ ุคตใิ นสัมปรายภพ ๑.๓ รจู้ กั ประมาณในวาจา คอื การใชค้ ำพดู ทน่ี มุ่ นวล มเี หตผุ ล มีประโยชน์ เหมาะแก่กาลเทศะในสถานการณ์ต่างๆ ๒. ทางกาย ๒.๑ ใช้เป็นหอ้ งสำหรับประกอบอาหาร ๒.๒ ใชเ้ ปน็ ทีป่ ระชุมสมาชกิ พร้อมหน้ากัน ๒.๓ ใช้เปน็ ท่รี บั ประทานอาหาร ๒.๔ ใช้เปน็ ทีเ่ กบ็ อาหาร ๒.๕ ใช้เป็นท่ตี อ้ นรับแขก ๔. หอ้ งแต่งตัว (ห้องมหาสต)ิ คำนิยามท่แี ทจ้ รงิ ห้องแต่งตัว คอื หอ้ งพฒั นานสิ ยั ตัดใจและ ใฝบ่ ญุ หลักธรรมประจำห้องแตง่ ตวั สัมมาสติ หน้าทีห่ ลกั ของหอ้ งแตง่ ตวั ๑. ใชป้ ลกู ฝงั สมั มาสติ คอื ฝกึ ประคองรกั ษาใจใหผ้ อ่ งใสเปน็ ปกติ ไม่ปลอ่ ยใจไปตามอำนาจกิเลส ๒. ฝกึ ใหม้ ีความระมัดระวงั ตนในทกุ ๆ เร่อื ง ไมป่ ระมาทเผอเรอ มคี วามตน่ื ตัวตลอดเวลา ๓. ฝกึ ตดั ใจไมค่ ดิ หมกมนุ่ ในกามราคะตามแฟชนั่ หรอื กระแสสงั คม ๔. ฝึกใช้เหตุผลตักเตือนใจของตนให้เป็นสัมมาทิฐิและสัมมา สังกัปปะ ไม่ให้เกิดความลำเอียง และสญู เสยี ศีลธรรมประจำใจ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเป็นครู 149

ความรปู้ ระจำห้องแต่งตวั ๑. แต่งตัวเพื่อปกปิดอวัยวะที่ก่อให้เกิดความละอายและเป็นที่ อุจาดตา ๒. แตง่ ตวั เพ่อื ป้องกันอนั ตรายจากความร้อน ความหนาว สัตว์ และแมลง ๓. แตง่ ตวั ใหเ้ หมาะกบั กาลเทศะและสถานท่ี ไมเ่ ปน็ ไปเพอื่ เปดิ โอกาส ให้โจรผรู้ ้ายปลน้ จี้ หรือฉดุ ครา่ ไปทำร้ายทางเพศ ๔. ใชเ้ ครอ่ื งแตง่ ตวั ทเ่ี หมาะสมกบั ฐานะ ไมต่ กเปน็ ทาสของเสอื้ ผา้ สง่ิ ของ หรือเคร่ืองตกแต่งตามกระแสสังคม ๕. ไม่สนับสนุนให้เด็กหมกมุ่นในกามราคะด้วยการแต่งหน้า ก่อนวัยอันควร อนั จะนำไปสปู่ ญั หามากมายในภายหลงั ประโยชนข์ องการใชห้ อ้ งแตง่ ตวั อยา่ งถกู ตอ้ ง ๑. ทางใจ ๑.๑ ตดั ใจไมล่ ่มุ หลงในลาภ ยศ สรรเสรญิ สขุ ๑.๒ ตัดใจไมม่ วั เมาในความหนุ่มสาว ในความไมม่ ีโรค ใน ความมีอายุยืน ๑.๓ ตัดใจไม่ฟุง้ เฟ้อ สรุ ่ยุ สรุ ่าย ๑.๔ ตดั ใจสร้างบญุ กศุ ลเป็นประจำ เชน่ การทำทาน การ รักษาศีล การเจริญภาวนา เป็นตน้ ๑.๕ ไม่ตกเปน็ ทาสของอบายมขุ ๒. ทางกาย ๒.๑ รูจ้ ักให้เกียรตแิ ละเคารพสถานที่ ๒.๒ รจู้ กั มารยาทในการเข้าสังคม ศาสตร์และศลิ ปแ์ หง่ ความเป็นครู 150

๒.๓ รู้จักการวางตัวได้อย่างเหมาะสมตามภาวะและฐานะท่ี ตนเปน็ ๒.๔ มีความตนื่ ตัวและกระตือรือรน้ ในการคดิ ดี พูดดี และ ทำดีอยู่เสมอ ๕. หอ้ งทำงาน (หอ้ งมหาสมบัติ) คำนยิ ามทแี่ ทจ้ รงิ หอ้ งทำงาน คอื หอ้ งพฒั นานสิ ยั ใฝค่ วามสำเรจ็ หลกั ธรรมประจำหอ้ งทำงาน สมั มาอาชวี ะและสัมมาวายามะ หนา้ ทหี่ ลักของหอ้ งทำงาน ๑. ใชป้ ลกู ฝงั สมั มาอาชวี ะ ไมห่ ารายไดจ้ ากการทำผดิ ศลี ผดิ ธรรม ผิดกฎหมาย หรือผดิ จารีตประเพณี ๒. ใช้ปลูกฝังวนิ ัยประจำห้องทำงาน ๖ ประการ ๒.๑ มีสัมมาวาจา ใช้คำพูดไดอ้ ย่างเหมาะสม ๒.๒ มีความเคารพในบุคคล สถานที่ และเหตกุ ารณ์ ๒.๓ มมี ารยาทดี เหมาะแกบ่ คุ คลและกาลเทศะ ๒.๔ มคี วามรบั ผิดชอบทัง้ ส่วนตวั และสว่ นรวม ๒.๕ เคร่งครดั ตอ่ ระเบียบวนิ ยั ในการทำงาน ๒.๖ เอาใจใสด่ ูแลอุปกรณต์ า่ งๆ ใหพ้ รอ้ มใชง้ านอยเู่ สมอ ความรูท้ ต่ี ้องมีเกย่ี วกับหอ้ งทำงาน ๑. เลอื กประกอบอาชพี ทไี่ มผ่ ดิ ศลี ธรรม ไมผ่ ดิ กฎหมาย ไมเ่ กย่ี วขอ้ ง กับอบายมุข ไมก่ อ่ ให้เกิดมิจฉาทิฐิ ๒. ทำเลทป่ี ระกอบอาชพี ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ชมุ ชนและสงิ่ แวดลอ้ ม เพื่อความเหมาะสมในการทำงาน และเพ่อื ความสำเร็จในอาชีพ ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นครู 151

๓. หอ้ งทำงานตอ้ งเหมาะสมกบั จำนวนบคุ ลากร และชนดิ ของงาน ๔. การตกแต่งต้องสะดวกในการทำงาน สะอาด ถูกสขุ อนามัย มคี วามปลอดภยั ไมม่ ภี าพลามกอนาจาร ๕. อุปกรณ์เครื่องใช้ในแต่ละห้องต้องเพียงพอท้ังคุณภาพและ ปรมิ าณ จัดเกบ็ เปน็ ระบบ เพอื่ ให้เกดิ ความคลอ่ งตัว ๖. ใชอ้ ปุ กรณอ์ ยา่ งถกู วธิ ี และหมน่ั ดแู ลรกั ษา เพอ่ื จะไดม้ อี ปุ กรณ์ สำหรับใช้งานได้นานๆ หากเกดิ การชำรุดเสียหายต้องรบี ซ่อมแซม ๗. มีกศุ โลบายในการสนบั สนนุ คนดี แก้ไขคนโง่ คดั ออกคนพาล ประโยชน์ของการใชห้ ้องทำงานอย่างถูกต้อง ๑. ทางใจ ๑.๑ ใช้สติปัญญาในการประกอบอาชีพให้ประสบผลสำเร็จ ด้วยดตี ามเป้าหมาย ๑.๒ มีโอกาสเพ่มิ บุญกศุ ลให้ตนเองเปน็ นจิ ๑.๓ แสวงหาความรู้เพิ่มพูนปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม เพื่อจะได้ไมต่ ้องกอ่ เวรภยั กับใครท้งั สน้ิ ๒. ทางกาย ๒.๑ ใชเ้ พิ่มปญั ญาในการประกอบสัมมาอาชีพ ๒.๒ ใชพ้ ฒั นาความชำนาญในการทำงาน ๒.๓ ใชฝ้ ึกนสิ ัยวิริยะอุตสาหะในการทำงาน ๒.๔ ใช้เพ่มิ พนู ทรพั ยอ์ ันเป็นทางมาแห่งมหาสมบตั ิ ศาสตร์และศิลป์แห่งความเปน็ ครู 152

กระบวนการเนรมิตนิสัยจาก ๕ หอ้ งชีวติ ในบคุ คลทัว่ ไป กระบวนการเนรมิตนิสยั จากห้องมหาสริ ิมงคล (ห้องนอน) ในบุคคลท่ัวไป หลกั ธรรมแมบ่ ท วัตถุประสงค์ กระบวนการเนรมิตนิสัย การประเมนิ งานทต่ี ้องทำ เจตนาของงานทต่ี อ้ งปลกู ฝงั ๑. สัมมาทฐิ ิ ๑. ปลูกนิสัยความ งานทางใจ ระดบั ผลผลติ (Output) ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู ๒. สมั มาสมาธิ เคารพพระรัตน- ๑. กราบไหวพ้ ระ ๑. แสดงความเคารพต่อ ๑. ความสม่ำเสมอใน 153 ๓. สัมมาวายามะ ตรยั บดิ า-มารดา ๒. สวดมนต์ พระรตั นตรยั การปฏิบัติงาน ๒. ปลูกนิสัยความมี ๓. สมาทานศีล ๒. ระลกึ ถงึ พระธรรมคำสงั่ ๒. ความตง้ั ใจปฏบิ ตั ิ วนิ ยั เรื่อง ๔. น่งั สมาธิ สอนของพระพทุ ธองค์ ๓. ความสะอาด - การแสดงความ ๕. แผ่เมตตา ๓. ทำความสะอาดกาย วาจา ความเปน็ ระเบียบ เคารพ ๖. เล่าธรรมก่อนนอน ๔. ทำความสะอาดใจ ของผลงาน - ความสะอาด ๗. หลบั ในอ่ทู ะเลบุญ ๕. ให้อภยั ต่อกนั ๔. การตรงตอ่ เวลา - ความเปน็ ระเบยี บ ๖. จำแนก ดี-ชว่ั ถกู -ผิด - การตรงตอ่ เวลา ควร-ไม่ควร บญุ -บาป ๓. ปลูกนิสยั ความ ๗. หลับอย่างมีสติ อดทนต่อการ งานรกั ษาหอ้ งนอน กระทบกระทั่ง ๑. จดั พบั เกบ็ เครอื่ งนอน ๑. วนิ ัยความเปน็ ระเบียบ ใหเ้ ปน็ ระเบียบ

กระบวนการเนรมติ นสิ ัยจากห้องมหาสริ ิมงคล (หอ้ งนอน) ในบคุ คลทัว่ ไป หลกั ธรรมแม่บท วัตถุประสงค์ กระบวนการเนรมติ นิสัย การประเมิน งานท่ตี ้องทำ เจตนาของงานทต่ี อ้ งปลกู ฝงั ๒. ปัด กวาด เช็ด ถู ๒. และ ๓. วนิ ัยความสะอาด ระดบั ผลลพั ธ์(Outcome) ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู หอ้ งนอน ๑. มตี ถาคตโพธศิ รทั ธา 154 ๓. ซกั ตาก ผ่งึ เคร่ือง- ๒. มีกมั มสทั ธา นอน ๓. รักบุญ กลวั บาป ๔. ซอ่ มแซมอปุ กรณ์ ๔. และ ๕. วินัยการดูแล ๔. มีเป้าหมายชีวิต ๕. ใช้พลงั งานอยา่ ง บำรงุ รกั ษาสงิ่ ของอปุ กรณ์ ถกู ตอ้ งทงั้ ๓ ระดบั ประหยดั - ชาตนิ ้ี ง า น ฝึ ก ม า ร ย า ท ใ น - ชาตหิ น้า ห้องนอน - ชาติสดุ ท้าย ๑. ฝึกความเกรงใจ ๑. และ ๒. อดทนต่อการ ๕. มีวนิ จิ ฉยั ถูกตอ้ ง เพอื่ นรว่ มห้อง กระทบกระทงั่ ๒. มารยาทการใชข้ อง ร่วมกนั ๓. การตรงตอ่ เวลา ๓. วนิ ยั การตรงต่อเวลา

กระบวนการเนรมิตนสิ ยั จากหอ้ งมหาพจิ ารณา (ห้องน้ำ) ในบคุ คลทัว่ ไป หลักธรรมแมบ่ ท วตั ถปุ ระสงค์ กระบวนการเนรมิตนสิ ยั การประเมนิ งานที่ต้องทำ เจตนาของงานทต่ี อ้ งปลกู ฝงั ๑. สมั มาสงั กปั ปะ ๑. ปลูกนสิ ัยมคี วาม งานทางใจ ระดบั ผลผลติ (Output) ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู ๒. สมั มาวายามะ เคารพคณุ ค่า ๑. พิจารณาอาหารเกา่ ๑. การตรวจสุขภาพข้นั ต้น ๑. ความสม่ำเสมอใน 155 กายเนอ้ื ของตน ของตน การปฏิบัติงาน ซึง่ ได้มาโดยยาก ๒. พจิ ารณาความไมง่ าม ๒. คลายจากกามราคะ ๒. ความตั้งใจปฏิบตั ิ ๒. ปลกู นิสัยความมี ของกาย ๓. การใหเ้ หตผุ ล กตัญญูรู้คณุ - ๓. พจิ ารณาความเปน็ รงั ๓. คลายความพยาบาท ๔. ความสะอาดเปน็ ประโยชนข์ อง ของโรค เพราะเหน็ วา่ ทกุ คนมี ระเบยี บของผลงาน กายเน้อื ซง่ึ ต้อง ทุกขจ์ ากโรคภัยในกาย อาศัยใช้สรา้ ง ตนเองอยูแ่ ล้ว ความดีทุกชนดิ ๔. พิจารณาความ ๔. ไม่คิดเบยี ดเบยี นรงั แก ตลอดชีวติ เสอ่ื มโทรมของกาย เพราะทุกคนล้วนก้าวสู่ ๓. ปลกู นสิ ัยความมี ความเสอื่ ม และความตาย วินยั เรื่อง

กระบวนการเนรมติ นสิ ยั จากหอ้ งมหาพิจารณา (ห้องน้ำ) ในบคุ คลทว่ั ไป หลักธรรมแม่บท วัตถปุ ระสงค์ กระบวนการเนรมติ นสิ ัย การประเมนิ งานทต่ี ้องทำ เจตนาของงานทตี่ อ้ งปลกู ฝงั - ความสะอาด งานทางกาย ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู - ความเปน็ ระเบยี บ ๑. อาบน้ำถูกวิธี ๑. วนิ ยั การรกั ษาความ ระดบั ผลลพั ธ์(Outcome) 156 - การตรงตอ่ เวลา สะอาดกาย ๑. มสี มั มาสงั กัปปะ ๔. ปลูกนิสัยความ ๒. ถ่ายทุกข์ใหถ้ กู วิธี ๒. วนิ ัยการรกั ษาสุขภาพ คือ คดิ ถกู คดิ ดี อดทนต่อการ ๓. ฝึกมารยาทการใช้ ๓. มคี วามอดทนตอ่ การกระทบ คดิ เปน็ ระบบ กระทบกระทั่ง หอ้ งน้ำ กระทงั่ คดิ ถงึ ใจเขาใจเรา คิดได-้ คิดเสีย ๕. ฝกึ มารยาทการใช้ ๔. ทำความสะอาดหอ้ งนำ้ ๔. วนิ ัยความสะอาด คดิ รอบคอบ คิด ห้องนำ้ เพ่ือปลูก ๕. การหา จดั เกบ็ สำรอง ๕. วินยั ความเป็นระเบียบ ละเอียดลออ คิด นิสัยความเคารพ ของใช้ในหอ้ งน้ำ ความควร-ไมค่ วร สถานท่ี และบคุ คล ๖. การซอ่ มแซมอปุ กรณ์ ๖. และ ๗. วนิ ยั การใช้ การ คดิ สรา้ งสรรค์ ๗. การใช้น้ำ ไฟ แก๊ส ดแู ล บำรงุ -รกั ษา ซอ่ มแซม ตา่ งๆ ฯลฯ อยา่ งประหยดั สิง่ ของ ๒. ดูแลสุขภาพเป็น

กระบวนการเนรมติ นสิ ัยจากห้องมหาประมาณ (หอ้ งอาหาร) ในบุคคลทวั่ ไป หลกั ธรรมแมบ่ ท วัตถุประสงค์ กระบวนการเนรมติ นสิ ยั การประเมิน งานทตี่ อ้ งทำ เจตนาของงานทต่ี อ้ งปลกู ฝงั ๑. สมั มาวาจา ๑. ปลูกนสิ ัยมีความ งานทางใจ ระดบั ผลผลติ (Output) ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู ๒. สมั มากมั มนั ตะ เคารพในการ ๑. ประมาณการรบั ประทาน ๑. ชวี ติ นกี้ นิ เพอ่ื อยู่ เพอ่ื สรา้ ง ๑. ความสมำ่ เสมอ 157 ๓. สัมมาวายามะ ปฏสิ ันถาร ดว้ ย อาหาร ความดี ไมใ่ ช่อยู่เพอ่ื กิน ในการปฏบิ ัตงิ าน การใหเ้ กยี รตแิ ขก ๒. ประมาณการใชท้ รพั ย์ ๒. สมบตั ไิ ดม้ าดว้ ยบญุ ขา้ วของ ๒. ความตั้งใจทำงาน ท่มี าเยือนอยา่ ง เครื่องใช้ อาหาร ฯลฯ ๓. ความสะอาด ความ เหมาะสม ตอ้ งซอื้ หาดว้ ยความรอบคอบ เปน็ ระเบียบ ๒. เคารพในบญุ ดว้ ย ใชใ้ ห้ค้มุ คา่ ๔. ความมเี หตุผล การประมาณการ ๓. ประมาณวาจา พดู เปน็ ๓. หอ้ งครวั เปน็ ห้องกระทบ ๕. การพดู ใหก้ ำลงั ใจ ใช้ทรพั ย์ ฟังเป็น นิ่งเป็น ให้ กระทงั่ กนั งา่ ยตอ้ งใชค้ ำพดู ๓. ปลกู นสิ ยั มีความ เหตุผลเป็น ช้ีคุณ- ยกใจ เพราะความหิว เคารพตามอาวโุ ส โทษเป็น และพูดหัก ความเหนอ่ื ย ความเรง่ รบี การแสดงความ ล้างส่ิงไม่ถูกต้องเป็น ความคนุ้ ในรสและประเภท คดิ เห็น และสติ- ดว้ ยการใชว้ าจานมุ่ นวล อาหารตา่ งกนั เปน็ หอ้ งเดยี ว ปญั ญาของผอู้ น่ื ไมก่ อ่ ศัตรู ในบา้ นทส่ี มาชิกใน

กระบวนการเนรมติ นิสยั จากห้องมหาประมาณ (ห้องอาหาร) ในบคุ คลทว่ั ไป หลกั ธรรมแม่บท วตั ถุประสงค์ กระบวนการเนรมิตนสิ ัย การประเมิน งานที่ตอ้ งทำ เจตนาของงานทต่ี อ้ งปลกู ฝงั ดว้ ยการรปู้ ระมาณ ครอบครัวอยูพ่ รอ้ มหนา้ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู วาจา ทง้ั ในการ และบางโอกาสกม็ แี ขกมา 158 แสดงมารยาท รว่ มดว้ ยทง้ั ร-ู้ ไมร่ ลู้ ว่ งหนา้ ความคิดเหน็ งานทางกาย การใหส้ ติ การ ๑. การจดั ซอื้ จดั หาจดั เกบ็ ๑. การจัดสรรงบประมาณ ตกั เตอื น และ ๒. การประกอบอาหาร ๒. การรปู้ ระมาณการผลิต การให้กำลงั ใจ การปรงุ อาหาร ไมฆ่ า่ ซ่งึ กันและกัน สตั ว์ ไมใ่ ช้สรุ า เพ่ือ ปรงุ อาหาร ไมฆ่ า่ สตั ว-์ แมลงที่มารบกวน ๓. มารยาทการรบั ประทาน ๓. ถนอมและใหก้ ำลังใจ อาหาร ๔. มารยาทการพูดใน ๔. ถนอมและให้กำลงั ใจ หอ้ งอาหาร

กระบวนการเนรมติ นิสยั จากหอ้ งมหาประมาณ (ห้องอาหาร) ในบคุ คลท่ัวไป หลกั ธรรมแมบ่ ท วัตถปุ ระสงค์ กระบวนการเนรมิตนสิ ยั การประเมิน งานท่ตี ้องทำ เจตนาของงานทต่ี อ้ งปลกู ฝงั ๕. การรักษาความ ๕. - วินยั ความสะอาด ระดบั ผลลพั ธ์(Outcome) ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู สะอาด ปอ้ งกนั สตั ว์ เช่น มด ๑. มคี วามเคารพใน 159 - ปดั กวาด เช็ด ถู แมลง นก หนู แมลงสาป การปฏิสันถาร เทขยะ มากนิ อาหารในบ้าน ๒. เคารพในบญุ - การเกบ็ รกั ษาอาหาร - เป็นที่มาของความ ๓. วินยั ความสะอาด - การลา้ ง เก็บรกั ษา ละเอียดลออ รอบคอบ ความเปน็ ระเบยี บ จาน ชาม ช้อน ประหยดั การรู้ใจ การ ๔. อดทนตอ่ การ สอ้ ม และอปุ กรณ์ แก้ปญั หาเฉพาะหน้า กระทบกระท่ัง ในการประกอบ การคิดถึงใจเขาใจเรา ๕. ซอื่ ตรง อาหาร การหกั หา้ มใจ ๖. ไม่โอ้อวด ไมม่ ี - ฯลฯ มารยา ๗. รกั ษาทรัพย์ได้ ๘. ครองใจคนเป็น

กระบวนการเนรมติ นิสยั จากห้องมหาสติ (หอ้ งแต่งตวั ) ในบคุ คลทวั่ ไป หลกั ธรรมแมบ่ ท วัตถปุ ระสงค์ กระบวนการเนรมติ นสิ ัย การประเมนิ งานทต่ี ้องทำ เจตนาของงานทตี่ อ้ งปลกู ฝงั ๑. สมั มาสติ ๑. ปลกู นิสยั ความ งานทางใจ ระดบั ผลผลติ (Output) ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู ๒. สมั มากมั มนั ตะ เคารพในความ ๑. พจิ ารณาความจำเปน็ ๑. ชีวติ เป็นของนอ้ ย ไม่ควร ๑. ความสมำ่ เสมอใน 160 ๓. สัมมาวายามะ ไม่ประมาท ก่อนซื้อ เสียเวลากับเร่ืองแต่งตัว การปฏิบตั งิ าน - ในวยั ควรใชเ้ วลาไปสรา้ งความดี ๒. ความตงั้ ใจปฏบิ ตั งิ าน - ในการเกบ็ รกั ษา ๒. พจิ ารณาวตั ถปุ ระสงค์ ๒. และ ๓. ชีวิตนี้ตอ้ งไม่เป็น ๓. ความมีเหตผุ ลใน - ในการใช้ให้ แท้จริงของการใช้ ทาสปจั จยั ๔ เสอ้ื ผา้ อาภรณ์ การซ้ือ หา ใช้ เก็บ เหมาะสมกับ ปจั จยั ๔ ทรพั ย์ เครอ่ื ง- เครอ่ื งประดบั สงิ่ ฟมุ่ เฟอื ย สง่ิ ของ สถานท่ี บคุ คล ประดบั ยศ ตำแหนง่ ๕. ความสะอาด เป็น เพอ่ื ไม่เป็นท่ี กอ่ นอปุ โภคและบรโิ ภค ระเบยี บของผลงาน ล่อตาล่อใจ ๓. พิจารณาการใช้ เกบ็ - ในการไปในที่ รกั ษา เส้อื ผ้า ของใช้ ลอ่ แหลม เครอื่ งแตง่ ตวั เครอ่ื ง- อันตราย ประดบั

กระบวนการเนรมิตนิสยั จากหอ้ งมหาสติ (ห้องแต่งตวั ) ในบคุ คลทวั่ ไป หลกั ธรรมแม่บท วตั ถปุ ระสงค์ กระบวนการเนรมติ นสิ ยั การประเมนิ งานท่ีต้องทำ เจตนาของงานทต่ี อ้ งปลกู ฝงั ๒. ปลูกนิสัยความมี งานทางกาย ระดบั ผลลพั ธ์(Outcome) ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู วินยั ๑. การเลือกซอ้ื เครือ่ ง- ๑. ไม่มัวเมา ไม่ฟุ้งเฟ้อ มี ๑. มคี วามเคารพใน 161 - ความเปน็ นงุ่ ห่ม เครื่องประดบั ความสนั โดษ มสี ตพิ จิ ารณา ความไม่ประมาท ระเบยี บ ความควร-ไมค่ วร เหมาะ- ๒. มีวนิ ัยความสะอาด - ความสะอาด ไมเ่ หมาะ ความเปน็ ระเบียบ - การใชเ้ งิน ๒. การแตง่ กายใหถ้ กู ตอ้ ง ๒. ไมล่ ่มุ หลง มสี ติ ระมัด ๓. อดทนตอ่ ความ ระวงั ตน ไมแ่ ต่งตัวลอ่ ตา เยา้ ยวน ลอ่ ใจพวกมิจฉาชพี ๓. ปลูกนสิ ัยความ ๓. การใช้ เกบ็ รกั ษา ๓. วนิ ัยความสะอาด ความ อดทนต่อความ เป็นระเบียบ เยา้ ยวน

กระบวนการเนรมติ นิสยั จากหอ้ งมหาสมบตั ิ (ห้องทำงาน) ในบคุ คลทว่ั ไป หลกั ธรรมแม่บท วัตถุประสงค์ กระบวนการเนรมติ นสิ ัย การประเมนิ งานท่ตี ้องทำ เจตนาของงานทต่ี อ้ งปลกู ฝงั ๑. สัมมาอาชวี ะ ๑. ปลกู นสิ ยั ความ งานทางใจ ระดบั ผลผลติ (Output) ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู ๒. สัมมาวายามะ เคารพในความรู้ ๑. ใชส้ ตปิ ญั ญาประกอบ ๑. เพ่มิ พนู ปัญญา ๑. ความสม่ำเสมอใน 162 บุคคล สถานที่ อาชีพ ๒. ความสำเร็จ ความเจรญิ การปฏิบตั ิงาน ศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ ๒. ทำบุญเปน็ นจิ ทุกอยา่ งเกดิ จากบุญ จงึ ๒. ความตั้งใจปฏบิ ัติ มนษุ ย์ของตน ๓. แสวงหาความรูท้ ั้ง ต้องสร้างบญุ ใหมเ่ ปน็ นิจ ๓. การมีเหตุ-ผล และผอู้ น่ื ทางโลกและทางธรรม ไม่ใชแ้ ตบ่ ุญเกา่ ถกู ต้อง ๒. ปลูกนิสัยความมี เป็นนิจ ๓. ทันโลก ทนั คน ทันกเิ ลส ๔. ความสะอาดเปน็ วินัย ๔. สรา้ งเครอื ข่ายคนดี ๔. ได้คนดมี ารว่ มงาน เปน็ ระเบยี บ - ความสะอาด แหลง่ ความร้ทู ี่ถกู ต้อง - ความเปน็ ระเบยี บ เปน็ กลั ยาณมติ ร - การตรงตอ่ เวลา งานทางกาย ๓. ปลูกนสิ ัยความ ๑. การคัดเลอื กบุคคล ๑. เลอื กคนนสิ ยั ดมี ารว่ มงาน อดทนตอ่ ร่วมงาน

กระบวนการเนรมิตนิสัยจากห้องมหาสมบัติ (หอ้ งทำงาน) ในบุคคลทวั่ ไป หลกั ธรรมแม่บท วตั ถุประสงค์ กระบวนการเนรมิตนสิ ยั การประเมนิ - ความลำบาก ตรากตรำ งานทต่ี ้องทำ เจตนาของงานทต่ี อ้ งปลกู ฝงั - การกระทบ ๒. การทำงานเปน็ ทมี ๒. สร้างพลังความสามคั คี ระดบั ผลลพั ธ์(Outcome) กระท่ัง ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู ๓. การใช้คำพดู ๓. ให้กำลังใจซง่ึ กันและกนั ๑. นสิ ัยเคารพ วินัย - ความยัว่ เยา้ 163 เย้ายวน ๔. ฝกึ มารยาทการทำงาน ๔. เปน็ การให้เกยี รติตอ่ กัน อดทนในการประกอบ - การเข้าพบผู้บังคับ สมั มาอาชีพ บญั ชา ๒. มีปัญญาเพิม่ พูน - การฟงั , การประชมุ ๓. มีเครือข่ายคนดี ฯลฯ ๔. มีทรัพยเ์ พิ่ม ๕. การใช้ จดั เกบ็ อปุ กรณ์ ๕. วนิ ยั การใชข้ องให้คุ้มคา่ ๕. มีบุญกศุ ลเพ่ิม ๖. การรกั ษาความสะอาด ๖. ความสะอาด เปน็ ระเบยี บ ความเป็นระเบียบ เปน็ ทางมาแห่งปญั ญา ๗. การตรงตอ่ เวลา ๗. คุณค่าของเวลา

ศีลธรรมพ้ืนฐานทีไ่ ด้จาก ๕ ห้องชวี ิต (หอ้ งนอน) นิสยั รักวนิ ัย นิสยั รกั การจบั ถูก นิสยั ไมเ่ อาแต่ใจ หอ้ งนอน ซ่งึ นำไปสู่การมีศลี ซง่ึ นำไปสกู่ ารมคี วามเคารพ ซงึ่ นำไปสกู่ ารมคี วามอดทน หอ้ งมหาสิรมิ งคล - ตน่ื แล้วเก็บทีน่ อนทนั ที - สวดมนต์ ไหวพ้ ระ นั่ง - ตืน่ นอนตัง้ แตเ่ ช้าตรู่ งานทางใจ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู - ทำความสะอาดหอ้ ง สมาธิก่อนนอน - ไม่นอนอา่ นหนังสอื ๑. กราบไหวพ้ ระ 164 สมำ่ เสมอ - จบั ดคี ณุ พอ่ คณุ แม่และ - การจบั หยบิ ยก วางสง่ิ ของ ๒. สวดมนต์ - นอนหลบั หวั คำ่ และตน่ื นอน คนในครอบครวั ใหเ้ บาๆ ๓. สมาทานศีล แต่เช้ามืด - กราบเท้าพ่อแม่ก่อนเข้า - ไมร่ ับประทานอาหารใน ๔. นง่ั สมาธิ - นอนหลับและตื่นนอนตรง นอน หอ้ งนอน ๕. แผเ่ มตตา เวลา - ลกุ เดิน นง่ั นอน เปิด/ปดิ ๖. เลา่ ธรรมกอ่ นนอน - จดั เก็บของภายในห้อง ประตู ใหเ้ งยี บท่สี ุด ๗. หลับในอทู่ ะเลบุญ ให้เป็นระเบยี บ เรียบรอ้ ย

ศีลธรรมพนื้ ฐานที่ไดจ้ าก ๕ หอ้ งชีวิต (หอ้ งนำ้ ) นสิ ัยรักวนิ ัย นสิ ัยรกั การจับถูก นสิ ัยไมเ่ อาแตใ่ จ หอ้ งน้ำ ซึ่งนำไปสู่การมีศีล ซงึ่ นำไปสกู่ ารมคี วามเคารพ ซง่ึ นำไปสกู่ ารมคี วามอดทน ห้องมหาพจิ ารณา - ใชน้ ้ำ-ไฟฟา้ อยา่ งประหยดั - ใช้หอ้ งน้ำอย่างมีสติ - การขยนั ทำความสะอาด งานทางใจ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู - รกั ษาหอ้ งน้ำใหส้ ะอาดอยู่ - เคารพและเกรงใจผู้อื่น ทุกซอกทุกมุม ๑. พจิ ารณาอาหารเก่า 165 เสมอ (ล้างห้องน้ำใหส้ ะอาด - ขยันทำความสะอาดทุกวัน ๒. พิจารณาความไม่งาม - ขับถ่ายเป็นเวลา เชด็ ห้องน้ำให้แหง้ ) ไมเ่ ก่ยี งงอนคนอนื่ ของกาย - ใช้ขนั เสร็จควำ่ ขนั เสมอ - เกบ็ อปุ กรณต์ า่ งๆ เชน่ - รอคอยดว้ ยใจสงบ ๓. พจิ ารณาความเป็นรัง - เปดิ น้ำใสถ่ งั ไวใ้ หม้ ใี ชเ้ สมอ แปรงสีฟัน ยาสีฟนั สบู่ - ไม่ทำตามใจตนเอง รจู้ กั ของโรค - ปดิ กอ๊ กน้ำใหส้ นทิ ทกุ ครง้ั ฯลฯ ในทเ่ี กบ็ เสมอ เกรงใจผอู้ นื่ ๔. พจิ ารณาความเสอื่ มโทรม ของกาย

ศีลธรรมพนื้ ฐานทไี่ ดจ้ าก ๕ หอ้ งชีวิต (หอ้ งอาหาร) นิสยั รักวนิ ยั นสิ ยั รักการจบั ถูก นิสัยไมเ่ อาแตใ่ จ ห้องอาหาร ซงึ่ นำไปสู่การมศี ีล ซงึ่ นำไปสกู่ ารมคี วามเคารพ ซงึ่ นำไปสกู่ ารมคี วามอดทน หอ้ งมหาประมาณ - รบั ประทานอาหารตรงเวลา - พจิ ารณาอาหารก่อน - รจู้ กั การรอคอยและแบง่ ปนั งานทางใจ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู - รักษาความสะอาดภาชนะ รับประทาน - ไมบ่ น่ ในรสอาหาร ไม่ ๑. ประมาณการรบั ประทาน 166 ตา่ งๆ - ใหเ้ กยี รตผิ อู้ น่ื ตามใจปาก อาหาร - ไมพ่ ดู คยุ กนั ขณะรบั ประทาน - มมี ารยาทในการพดู ไม่ใช้ - ประมาณในการรบั ประทาน ๒. ประมาณการใชท้ รพั ย์ อาหาร นิสัยหยาบคาย มกั น้อย ๓. ประมาณวาจา พดู เป็น - มารยาทการรับประทาน - ใหผ้ มู้ อี ายมุ ากกวา่ ตกั อาหาร - ไมเ่ ค้ยี วอาหารเสยี งดัง ฟังเปน็ นง่ิ เปน็ ให้ อาหาร กอ่ นเสมอ - เคี้ยวอาหารใหล้ ะเอยี ด เหตุผลเปน็ ช้ีคณุ -โทษ - เตรียมอาหารใหส้ มกับวยั - ความเออ้ื เฟื้อ กอ่ นกลนื เปน็ และพูดหักลา้ งสิง่ - รบั ประทานอาหารให้หมด - บริการตักขา้ ว น้ำ - รับประทานพร้อมกนั ไมถ่ กู ต้องเป็น ด้วยการ จาน - รับประทานให้หมด ไม่ ใชว้ าจานมุ่ นวล ไม่ก่อ ทงิ้ ขว้าง ศัตรู

ศลี ธรรมพนื้ ฐานทไ่ี ดจ้ าก ๕ หอ้ งชีวติ (ห้องแตง่ ตัว) นสิ ัยรกั วนิ ัย นสิ ัยรกั การจบั ถกู นิสัยไม่เอาแต่ใจ ห้องแต่งตัว ซ่ึงนำไปสกู่ ารมีศลี ซงึ่ นำไปสกู่ ารมคี วามเคารพ ซง่ึ นำไปสกู่ ารมคี วามอดทน ห้องมหาสติ - ความสะอาด - พจิ ารณาใหเ้ หมาะกบั ตนเอง/ - อดทนต่อการย่ัวยุของ งานทางใจ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู - จัดเส้ือผ้าให้เป็นระเบียบ วงศต์ ระกูล แฟช่ัน และอำนาจกเิ ลส ๑. พิจารณาความจำเป็น 167 หาง่าย - แบ่งเวลาให้กัน ประหยัด - รจู้ กั การประมาณ, พอเพยี ง กอ่ นซ้อื - ความประหยดั การใช้เวลา - ลดความฟุ่มเฟือย ๒. พจิ ารณาวัตถปุ ระสงค์ - ประมาณตน - เคารพสถานที่ในโอกาส - การทำความสะอาด แทจ้ รงิ ของการใชป้ จั จยั ๔ ตา่ งๆ แตง่ ให้ถกู กาลเทศะ - มคี วามขยันเกบ็ รกั ษาให้ ทรพั ย์ เครอื่ งประดบั กาย - ไม่หยิบของผู้อื่นมาใช้โดย เปน็ ระเบียบ ของเรา ยศ ตำแหน่ง ไม่ได้รบั อนุญาต - อดทนอยู่ในระเบียบวินัย ก่อนบรโิ ภค - ซกั เสื้อผา้ ให้พ่อ-แม่ การแต่งกายทีเ่ ปน็ ระเบียบ ๓. พจิ ารณาการใช้ เกบ็ รกั ษา - เลือกสวมใส่เสื้อผ้าให้ถูก เรยี บร้อยและสะอาด เสอ้ื ผา้ ของใช้เครอ่ื งแตง่ ตวั กาลเทศะ เครื่องประดับ

ศีลธรรมพน้ื ฐานที่ได้จาก ๕ หอ้ งชวี ิต (หอ้ งทำงาน) นสิ ัยรกั วินัย นิสยั รักการจบั ถูก นสิ ยั ไม่เอาแตใ่ จ ห้องทำงาน ซงึ่ นำไปสู่การมีศีล ซงึ่ นำไปสกู่ ารมคี วามเคารพ ซงึ่ นำไปสกู่ ารมคี วามอดทน หอ้ งมหาสมบัติ - แตง่ กายสะอาด เปน็ ระเบยี บ - ให้เกียรติซ่ึงกันและกัน - มคี วามตงั้ ใจทำงานใหส้ ำเรจ็ งานทางใจ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู เรยี บรอ้ ยเหมาะสมกบั งาน - ต้องเคารพในสิทธ์ิของใช้ - อดทนตอ่ การอยู่ร่วมกัน ๑. ใช้สติปัญญาในการ 168 ทท่ี ำ ของเพื่อนๆ กบั คนหมู่มาก ประกอบอาชีพ - มาเขา้ ทำงานตรงเวลา - รู้จกั ทักทาย ไหว้ เคารพ - อดทนต่อกฎระเบียบของ ๒. ทำบญุ เป็นนิจ - จัดของบนโตะ๊ ทำงานให้ ครอู าจารย์ โรงเรียน ๓. แสวงหาความรทู้ งั้ ทางโลก เปน็ ระเบียบเรียบร้อย - รู้จักทกั ทาย ไหว้ เคารพ - อดทนตอ่ คำพดู ของผอู้ ่นื และทางธรรมเป็นนิจ - การวางแผนการทำงาน รนุ่ พ่ี และผู้มอี าวโุ สกว่า - อดทนต่อการกระทำของ ๔. สร้างเครอื ขา่ ยคนดี - ทำความสะอาดเครื่องมอื - รจู้ กั การแสดงความคดิ เหน็ ผ้อู น่ื ทำงานกอ่ นเกบ็ - อดทนตอ่ สภาพแวดล้อม - จดั เกบ็ อปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมอื - อดทนตอ่ ระเบยี บวนิ ยั ใหเ้ ปน็ ระเบียบเรียบร้อย

บูรณาการ ๕ หอ้ งชีวติ กับทศิ เบ้ืองหนา้ ถึงแม้ครูบาอาจารย์ตามโรงเรียนต่างๆ จะมีหน้าท่ีรับผิดชอบใน ด้านการสอนหลักธรรม ตลอดจนหลกั การปฏบิ ตั ใิ น ๕ ห้องชวี ิตก็ตาม แต่บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองท้ังหลาย ก็มีหน้าที่ให้การสนับสนุนการ ทำหน้าท่ดี า้ นการสอนของครใู หเ้ กดิ ประสิทธผิ ลอย่างแท้จรงิ ด้วย ดงั นน้ั ในเมอ่ื แตล่ ะบา้ นต่างก็มี ๕ ห้องชีวติ ครบทกุ ห้อง พอ่ แม่ ผู้ปกครองท้ังหลาย นอกจากจะต้องช่วยตอกย้ำคำสั่งสอนที่ลูกได้รับ มาจากครแู ลว้ ยงั จะต้องประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนให้ลกู ๆ เห็นเปน็ แบบอย่าง อกี ดว้ ย โดยใหล้ กู ๆ ทกุ คนเขา้ มารว่ มทำกจิ กรรม ๕ หอ้ งชวี ติ กบั ตนทกุ วนั อนงึ่ เพอื่ เปน็ การแสดงความกตญั ญตู อ่ ทศิ เบอ้ื งหนา้ คอื ผบู้ งั เกดิ เกลา้ ของตน ซึง่ อาศัยอยรู่ ่วมชายคาเดยี วกนั พ่อแม่ก็พงึ ชกั ชวนลกู ๆ เข้ามา รว่ มทำกจิ กรรมในลกั ษณะบรู ณาการ ๕ หอ้ งชวี ติ กบั ทศิ เบอื้ งหนา้ ของตน ในแต่ละวนั ๆ เช่น จดั ที่นอนใหท้ ่าน (ป-ู่ ยา่ -ตา-ยาย ของหลานๆ) ดแู ลความสะอาดหอ้ งน้ำใหท้ า่ น เตรยี มอาหารทเี่ หมาะสมกบั วยั ของทา่ น จัดหาเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมตามฤดกู าลไว้ให้ทา่ น ตลอดจนชว่ ยดูแล ธรุ ะการงานของทา่ น เป็นต้น การปฏิบัตกิ จิ กรรมแบบบูรณาการ ๕ ห้องชีวิตกบั ทิศเบอ้ื งหนา้ ย่อมจะเป็นอีกแนวทางหน่ึง ท่ีจะช่วยพัฒนานิสัย ๓ ให้แก่ลูกๆ ใน ครอบครัวได้เป็นอย่างดี ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ ห่งความเป็นครู 169

หอ้ งนอน ห้องน้ำ การปฏบิ ตั มิ รรคมีองค์ ๘ ในชีวติ ประจำวนั จนเป็นนิสัย (ห้องมหาสิริมงคล) (ห้องมหาพิจารณา) ๑๒ - จดั ทนี่ อนให้ทา่ น (พ่อ + แม)่ - ดูแลทำความสะอาด ห้องอาหาร ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู - ดแู ล ทำความสะอาด - ดูแลความปลอดภยั (ห้องมหาประมาณ) 170 - สวดมนต์และนัง่ สมาธริ ว่ มกับบิดา - เปล่ยี นสขุ ภัณฑ์ให้เหมาะสมกับ - เตรียมอาหารใหเ้ หมาะสมกับ วัยของพอ่ แม่ มารดา ผู้สูงวยั (พ่อ + แม่). ๓ - รบั ประทานอาหารพรอ้ มหนา้ - บบี นวดใหพ้ ่อ แม่ พร้อมตากับพอ่ แม่ - สนทนาธรรมกอ่ นนอน ห้องแตง่ ตัว - ดแู ล เอาใจใสเ่ รอื่ งอาหาร หอ้ งทำงาน - ดแู ลกิจการงานพอ่ แม่ (ห้องมหาสมบัติ) (ห้องมหาสต)ิ อย่างใกลช้ ิด - แบ่งเบาภาระ - ทำความสะอาดอปุ กรณ์ จาน - หางานอดเิ รกที่ ๕ ๔ ชามให้ทา่ น - พดู จาโดยใชค้ ำสภุ าพออ่ นโยน พ่อ + แม่ชอบทำใหท้ ่าน - ทำความสะอาดเคร่ืองนุ่งห่มให้ - ไม่ใช้วาจา + นิสัยหยาบคาย - ชักชวนทา่ นออกกำลงั กาย พ่อแม่ - เตรยี มอาหารใสบ่ าตรใหท้ า่ น - นำไปพบกลั ยาณมติ ร - จดั เก็บเครอ่ื งนงุ่ หม่ ใหเ้ รียบร้อย ๑. ชมรมผูส้ งู อายุ - จดั หาของใชแ้ ละเครอ่ื งนงุ่ หม่ ที่ ๒. พาไปทำบญุ ทว่ี ดั ทกุ วนั พระ,วนั ประเพณบี ญุ ตา่ งๆ เหมาะสมตามฤดูกาลไวใ้ ห้ท่าน ๓. ชกั ชวนพ่อแมร่ ่วมบญุ สร้างองคพ์ ระ ภาพท่ี ๕-๘ การบูรณาการ ๕ ห้องชีวติ กับทิศเบอ้ื งหนา้

บทท่ี ๖ กระบวนการเรยี นการสอน ในเรื่องของการศึกษานัน้ มีบคุ คลทีต่ ้องทำกิจกรรมรว่ มกันอยา่ ง ใกล้ชิดอยูส่ องกลุ่ม คือ กลมุ่ ผู้เรียน ซึง่ มคี ำทีใ่ ชเ้ รียกอยูห่ ลายคำ เช่น นักเรียน ผเู้ รียน นสิ ติ นักศกึ ษา ลูกศษิ ย์ เป็นต้น กับกลุม่ ผูส้ อน ซ่งึ มคี ำ ทใี่ ชเ้ รยี กผสู้ อนอยู่หลายคำเชน่ กนั ได้แก่ ครู ผูส้ อน ผู้ฝกึ อาจารย์ ฯลฯ ในระหว่างบุคคลท้ัง ๒ กลุ่มน้ี กลุ่มที่มีบทบาทสำคัญยิ่งก็คือ กลมุ่ ผู้สอนหรอื ครู เพราะเปน็ กลุ่มทีป่ ระกอบด้วยคุณวุฒิ วยั วุฒิ และ ประสบการณ์เกี่ยวกับการสัง่ สอนอบรม ถา่ ยทอดความรู้ ทง้ั ศาสตรแ์ ละ ศิลปใ์ หแ้ ก่ศษิ ยไ์ ดอ้ ย่างกวา้ งขวาง ส่วนกลุ่มผู้เรียนหรือศิษย์น้ัน ล้วนอ่อนเยาว์ด้วยประสบการณ์ จนกลา่ วไดว้ า่ เปน็ กลมุ่ ทสี่ มบรู ณพ์ รอ้ มดว้ ยอวชิ ชา หรอื ความไมร่ ทู้ ง้ั สนิ้ ซ่ึงหากไมม่ ีโอกาสได้รับการอบรมสง่ั สอนจากครู ความไม่รเู้ หล่าน้ันกจ็ ะ ครอบงำจิตใจของเยาวชนให้มืดมิด ด้วยอำนาจกิเลสและมิจฉาทิฐิ ทำให้ต้องประสบความทุกข์และความเดือดร้อน ทั้งโลกน้ีและโลกหน้า ดังนั้นผู้ปรารถนาความสุขและความเจริญในชีวิต จึงจำเป็นต้องหันมา ใส่ใจศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่าง จรงิ จงั วฒุ ิธรรม ๔ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ไดป้ ระทานหลกั ธรรมสำหรบั ยดึ เปน็ หลกั ปฏบิ ตั ิ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตแก่พุทธสาวกท้ังหลาย โดยไม่จำกัดเพศ ศาสตร์และศลิ ปแ์ ห่งความเป็นครู 171

วัย และอาชีพ สำหรับหลักธรรมที่จะอำนวยประโยชน์โดยตรงกับการ เรียนการสอนคือ วฒุ ิธรรม ซงึ่ ประกอบดว้ ยองค์ ๔ ไดแ้ ก่ ๑. แสวงหาทา่ นผปู้ ระพฤตชิ อบดว้ ยกาย วาจา ใจ (สปั ปรุ สิ สงั เสวะ) หรอื กลา่ วสนั้ ๆ วา่ หาครูดใี ห้พบ ๒. ฟงั คำสอนของทา่ นโดยเคารพ (สทั ธมั มสั สวนะ) หรอื กลา่ วสน้ั ๆ วา่ ฟงั คำครใู หช้ ดั ๓. ตรองคำสอนของท่านให้รู้ชัดถึงสิ่งท่ีดีหรือช่ัวโดยอุบายที่ชอบ (โยนิโสมนสกิ าร) หรือกลา่ วสนั้ ๆ ว่า ตรองคำครใู หล้ ึก ๔. ประพฤตติ ามสมควรแก่ธรรมซ่ึงไดต้ รองเห็นแลว้ (ธมั มานุ- ธัมมปฏิปตั ต)ิ หรอื กล่าวสัน้ ๆ ว่า ทำตามครูให้ครบ ลำดบั วธิ ีการศึกษาดว้ ยวุฒธิ รรม ๔ สรปุ ไดด้ ังภาพตอ่ ไปนี้ ๔. ธมั มานุธมั มปฏปิ ัตติ : การทำตามครใู หค้ รบ ๓. โยนิโสมนสิการ : การตรองคำครูให้ลกึ ๒. สทั ธัมมัสสวนะ : การฟังคำครใู ห้ชดั ๑. สปั ปรุ สิ สังเสวะ : การหาครดู ีใหพ้ บ ภาพท่ี ๖-๑ ลำดบั วิธีการศกึ ษาดว้ ยวฒุ ิธรรม ๔ ศาสตร์และศิลปแ์ ห่งความเปน็ ครู 172

คุณสมบตั ิของครูดี คุณสมบัตขิ องครูดีประกอบด้วย ๑. มีความรู้จรงิ ในสาขาวชิ าทตี่ นสอน ๒. สามารถทำได้จริงตามที่ศึกษามาและรักษาสุขภาพตนเองได้ เปน็ อยา่ งดีจรงิ ๓. มนี ิสยั ดจี ริง มคี วามประพฤตนิ ่าเคารพ น่าเทดิ ทนู สามารถ ปดิ นรกและเปดิ สวรรคใ์ หต้ นเองไดจ้ รงิ เปน็ กลั ยาณมติ รใหต้ นเองไดจ้ รงิ ๔. ครูสั่งสอนได้จริง สามารถถ่ายทอดความรู้ความสามารถให้ ลูกศษิ ยร์ ู้จรงิ ทำเองได้จรงิ มีความประพฤตดิ ีเยี่ยมจรงิ สามารถอบรม ส่งั สอนศษิ ย์ใหป้ ระกอบอาชพี ตั้งหลกั ฐานได้จริง ปดิ นรกและเปิดสวรรค์ ให้ตนเองตามครูได้จริง นั่นคือครูสามารถเป็นกัลยาณมิตรให้ตนเอง และศิษย์ไดจ้ รงิ คุณสมบัติครูดีสรปุ ไดด้ ังภาพตอ่ ไปนี้ ๑. ครูมีความรู้จรงิ ๔. หาครูดี ๒. ครสู ง่ั สอน ใหพ้ บ ครสู ามารถ ทำไดจ้ ริง ได้จรงิ ๓. ครูมนี ิสยั ดจี ริง ภาพที่ ๖-๒ คุณสมบัติของครูดี ศาสตรแ์ ละศิลป์แห่งความเปน็ ครู 173

หลกั การฟังคำบรรยาย การท่ศี ิษยจ์ ะสามารถเข้าใจสิง่ ทค่ี รสู ่งั สอนได้ถูกต้อง ต้องมที กั ษะ ต่อไปนี้ ๑. จับเน้ือความหรือประเด็นสำคัญของคำสอนของครูในเร่ือง น้ันๆ ได้ถูกต้อง ๒. สามารถให้คำจำกัดความหรือนิยามของถ้อยคำอันเป็นสาระ สำคัญของคำสอนน้นั ๆ ไดช้ ัดเจน ๓. สามารถจัดลำดบั ความสำคญั ของเนอ้ื หาสาระทีไ่ ด้ฟังทง้ั หมด ๔. สามารถเช่อื มโยงเปรียบเทยี บระหว่างหัวขอ้ ตา่ งๆ ในคำสอน ทั้งหมดที่ได้ฟัง หรือเกิดปัญญาเชื่อมโยงสาระสำคัญของคำสอนน้ันๆ กับเรอ่ื งราวในชีวติ จริง หลกั การฟงั คำบรรยายสรปุ ไดด้ งั ภาพตอ่ ไปนี้ ๑. จับเน้อื ความ คำสอนของครูได้ครบ ๔. ฟังคำครู ๒. เช่อื มโยง ใหช้ ัด ให้คำนิยาม เปรยี บเทยี บเป็น ได้ชัด ๓. จดั ลำดบั ความสำคญั ไดถ้ ูก ภาพท่ี ๖-๓ หลักการฟังคำบรรยาย ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นครู 174

หลกั การเจาะลกึ คำสอน ศิษย์จะสามารถเข้าใจคำส่ังสอนของครูได้อย่างถูกต้อง ถึงข้ันนำ ไปปฏิบัติตามได้ตอ้ งมีทกั ษะดังน้ี ๑. เขา้ ใจวัตถปุ ระสงค์ของคำสงั่ สอนนนั้ ๆ ๒. เกิดปัญญาพิจารณาเห็นว่า เป็นคำสอนที่ตรงตามทำนอง คลองธรรม ๓. พิจารณาเห็นว่า ถ้าตนปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามคำสอนน้ัน จะเปน็ คณุ หรือโทษอยา่ งไร ๔. พิจารณาเห็นว่า ควรนำคำสอนนั้นไปปฏิบัติกับเร่ืองอะไร กบั ใคร เมื่อไร ที่ไหน และอยา่ งไร หลกั การเจาะลึกคำสอนสรุปได้ดังภาพตอ่ ไปน้ี ๔. ๑. คดิ ไตร่ตรองให้ ๒. ตรองใหเ้ หน็ เข้าใจถงึ วตั ถุประสงค์ ตรงตาม ทำนอง ชอ่ งทาง ตรอง คลองธรรม นำไปปฏบิ ตั ิ คำครใู ห้ลึก หรือไม่ ๓. สมควรแกก่ าร ปฏบิ ตั ิของเราเพยี งใด ภาพที่ ๖-๔ หลกั การเจาะลกึ คำสอน ศาสตร์และศิลปแ์ หง่ ความเปน็ ครู 175

หลักการถา่ ยทอดความรู้ความสามารถและความดี หลงั จากทีไ่ ดพ้ ิจารณาไตร่ตรองคำสอนของครูจนเขา้ ใจดีแลว้ พงึ ตัง้ ใจปฏบิ ตั ติ ามคำสอนของครใู ห้ครบและตอ่ เนือ่ ง โดย ๑. ปฏบิ ตั ติ ามดว้ ยความเต็มใจ เพราะม่ันใจวา่ มปี ระโยชน์อย่าง แท้จริง ๒. พยายามปฏิบัติตามคำสอนให้ได้แม้จะลำบาก เพราะยังไม่ คุน้ เคย ๓. ตงั้ ใจปฏบิ ตั ติ ามใหถ้ กู ตอ้ งและครบถว้ นตามแบบทค่ี รปู ฏบิ ตั ิ ๔. เมอ่ื ปฏิบัตติ ามคำสอนของครจู นคุ้นแล้ว ก็ปฏิบตั ใิ หย้ ่งิ ๆ ข้นึ เพื่อพฒั นาศกั ยภาพตา่ งๆ ใหเ้ กิดขึน้ ในตน หลกั การถา่ ยทอดความรคู้ วามสามารถและความดี สรปุ ไดด้ งั ภาพตอ่ ไปน้ี ๔. ๑. เตม็ ใจ ๒. พฒั นาให้ ปฏิบัติตามครู พากเพียร ยิ่งๆ ขนึ้ ไป ปฏิบตั ิให้ได้ ทำตามครู ให้ครบ ๓. ตง้ั ใจทำ ใหด้ เี หมอื นครู ภาพท่ี ๖-๕ หลกั การถา่ ยทอดความรูค้ วามสามารถและความดี ศาสตร์และศลิ ป์แหง่ ความเปน็ ครู 176

ศิษย์ท่ีต้ังใจพากเพียรปฏิบัติตามคำส่ังสอนของครูดีอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ จนเปน็ นิสัยยอ่ มไดร้ บั อานิสงส์หลายประการ เช่น ๑. มีความภาคภูมใิ จในตนวา่ เป็นศษิ ยม์ คี รู ๒. มชี วี ติ อยใู่ นโลกนอี้ ยา่ งมคี วามสุข มเี กียรติและศกั ด์ิศรี ๓. มโี อกาสไปสู่สุคติ โลกสวรรค์ หลงั จากละโลกไปแลว้ ๔. ไดโ้ อกาสฝกึ หดั ขดั เกลาตน เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มไปสมู่ รรคผล นพิ พานในภพชาติต่อไป เทคนิคการฝกึ ตนตามวุฒธิ รรม ๔ เพ่ือทจี่ ะใหผ้ ้เู รยี นได้รบั ประโยชน์จริง จากกระบวนการเรยี นและ การสอนสั่งศีลธรรมตามหลักวุฒิธรรมน้ี ครูควรฝึกผู้เรียนให้รู้จักใช้ เทคนคิ จากวุฒิธรรม ๔ โดยฝึกใหศ้ ิษยร์ ู้จกั ตง้ั คำถามในลกั ษณะต่อไปนี้ ๑. เพ่อื หาครูดีใหพ้ บ ควรตงั้ คำถามว่าใครกับทไี่ หน (Who and Where) ๒. เพอื่ หาภาพรวมหรอื ประเดน็ สำคัญของเรื่องทกี่ ำลงั เรยี น ควร ตง้ั คำถามว่าอะไร (What) ๓. เพ่ือหาเหตุผลของเรื่องท่ีกำลังเรียน ควรตั้งคำถามว่าทำไม (Why) ๔. เพื่อเลือกหาวิธีทำท่ีดีท่ีสุด เพ่ือทำให้สำเร็จ เพื่อให้ตนมี ความรู้ ความดี และความสามารถเช่นครู ควรตั้งคำถามว่าอย่างไร (How) ศาสตรแ์ ละศิลป์แห่งความเปน็ ครู 177

เทคนคิ การฝกึ ตนตามวฒุ ิธรรม ๔ สรปุ ไดด้ งั ภาพตอ่ ไปนี้ ๒. ตั้งคำถาม What เพื่อ หาภาพรวมเร่อื งทก่ี ำลังเรยี น ๑. ตง้ั คำถาม เทคนิคการฝึก ๓. ตัง้ คำถาม Who&Where วุฒธิ รรม ๔ Why เพอ่ื หา เพือ่ หาครูดี เหตผุ ล ให้พบ เรอ่ื งนั้นให้ลกึ ๔. ต้งั คำถาม How เพอ่ื - เลือกหาวธิ ที ำท่ีดที ่สี ุด - ทำใหส้ ำเร็จ - เพ่อื มศี าสตร์และศลิ ปเ์ ชน่ ครู ภาพท่ี ๖-๖ เทคนคิ การฝึกตนตามวฒุ ิธรรม ๔ กระบวนการศึกษาตามหลกั วฒุ ธิ รรม ๔ การเรยี นการสอนโดยใช้เทคนิคการฝึกจากหลักวฒุ ธิ รรม ๔ นน้ั มกี ระบวนการดงั นี้ คือ ๑. เม่อื ได้ฟงั คำสอนจากครดู ีแล้ว ถ้าผ้เู รยี นยังมคี วามลงั เลสงสยั ก็พึงต้ังคำถามวา่ อะไร (What) ถา้ ตอบคำถามได้ ย่อมได้คำนิยามของ เรือ่ งทีค่ รสู อน ๒. เพอ่ื จะใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจตรงกนั ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องครู กพ็ งึ ตง้ั คำถามวา่ ทำไม (Why) คำตอบของคำถามนี้ จะทำใหผ้ ู้เรยี นทราบ ศาสตรแ์ ละศิลป์แห่งความเป็นครู 178

ชดั เจนวา่ วตั ถปุ ระสงคข์ องเรอื่ งทก่ี ำลงั เรยี น หรอื สงิ่ ทกี่ ำลงั ทำอยนู่ น้ั มีอะไรบ้าง ๓. เพอื่ ทจ่ี ะนำความรคู้ วามเขา้ ใจจากเรอ่ื งทเี่ รยี นไปปฏบิ ตั ไิ ด้ อยา่ งถกู ตอ้ งและครบถว้ น กพ็ ึงตง้ั คำถามว่าอยา่ งไร (How) ๔. ถา้ ผเู้ รยี นสามารถนำความรทู้ เ่ี รยี นนน้ั ไปปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และครบถว้ น ยอ่ มเกิดผล ๓ ประการคือ ๑) เกิดนสิ ัยดีๆ ๒) เกิดความรู้ดๆี ๓) เกดิ ความสามารถดๆี ๕. ผลรวบยอดจากข้อ ๔ นัน้ นอกจากนักเรียนจะสามารถพง่ึ ตนเองได้แลว้ ยังสามารถเป็นท่พี ึ่งให้แกผ่ ูอ้ ่นื ไดอ้ ีกดว้ ย กระบวนการศกึ ษาตามหลักวุฒธิ รรม ๔ สรุปได้ดังภาพต่อไปน้ี ๑. ๔. ๕. นสิ ัยใฝเ่ รยี นรู้ ● พึ่งตนเองได้ ได้คำสอน รู้ ● ใครๆ ก็ได้พึง่ ใฝ่ทำดี จากครดู ี ความหมายชัดเจน ใฝร่ กั ษาสุขภาพ What ๓. ปฏิบัติได้ ๒. เข้าใจตรง ถูกต้อง-ครบถว้ น ตามวตั ถุประสงค์ How Why ภาพที่ ๖-๗ กระบวนการศึกษาตามหลกั วฒุ ธิ รรม ๔ ศาสตรแ์ ละศิลปแ์ หง่ ความเปน็ ครู 179

ธรรมบรรยายทผ่ี า่ นมาทงั้ หมดนี้ อาจมองไดว้ า่ เปน็ แนวคดิ สำหรบั กลมุ่ ศษิ ยห์ รอื ผเู้ รยี น แตก่ ารทศ่ี ษิ ยจ์ ะสามารถมที กั ษะในการจบั ประเดน็ คำส่ังสอนของครู จนเกิดปัญญาสามารถตรองตามคำสั่งสอนของครู อกี ทง้ั มแี รงบนั ดาลใจทจี่ ะนำคำสง่ั สอนของครไู ปปฏบิ ตั จิ นเกดิ เปน็ อานสิ งส์ ดังกล่าวแล้วนั้น จำเป็นต้องได้รับการแนะนำพร่ำสอนจากครูอย่าง ต่อเนื่องด้วย โดยสรุปก็คอื วฒุ ธิ รรม ๔ กอ่ ให้เกิดประโยชน์แกท่ ้ังผ้สู อน และผู้เรยี น ดงั นั้นการดำเนินการเรียนการสอนโดยยึดหลักวุฒธิ รรมจงึ ถือได้ว่าเป็นกระบวนการสอนส่ังศีลธรรมท่ีถูกต้องอย่างย่ิง แต่ว่าจะ ประสบความสำเรจ็ ลุม่ ลกึ เพยี งใดยอ่ มข้ึนอย่กู บั ๑. ความเพยี รท่ที มุ่ เทลงไปในชาตินีข้ องศิษย์ ๒. บุญเก่าท่ีติดตัวข้ามภพข้ามชาติ ตลอดจนบุญใหม่ท่ีได้ส่ังสม มาตัง้ แต่เล็กในชาตินข้ี องผู้เรยี น ศาสตร์และศิลปแ์ ห่งความเปน็ ครู 180

บทท่ี ๗ บทส่งท้าย เหตปุ ัจจัยให้ประสบความสำเร็จในทุกอาชีพ การทำงานทุกอย่างจะใช้เฉพาะศาสตร์หรือความรู้อย่างเดียวยัง ไมพ่ อ จำเป็นตอ้ งมศี ลิ ปด์ ว้ ย ผลงานจงึ จะสมบรู ณ์ ตวั อย่างเช่น แม่ครัว ๒ คน ทำอาหารอยา่ งเดียวกัน คอื แกงสม้ ปลาอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ โดยมี เคร่ืองปรงุ ครบเครือ่ งเหมือนกนั มีปริมาณเท่ากัน มีคุณภาพเหมือนกนั ทุกประการ แตผ่ ลผลิตคือแกงสม้ ท้ัง ๒ หม้อ มรี สชาติหรอื ความอร่อย ชวนให้รับประทานต่างกัน คือหม้อหนึ่งมีรสชาติดี และไม่มีกลิ่น คาวปลาเลย แต่อีกหม้อหน่ึงมีกล่ินคาวปลารุนแรงจนไม่มีใครอยาก รับประทาน เปน็ ต้น หรือในกรณีวิทยากร ๒ คนที่ทำหน้าที่บรรยายเรื่องเดียวกัน ในเวลาเทา่ กนั ใหแ้ กผ่ ฟู้ งั ๒ กลมุ่ ในสถานที่ ๒ แหง่ ครนั้ เมอื่ การบรรยาย สน้ิ สดุ ลง ผฟู้ ังกลุ่มหน่ึงรู้สกึ ประทบั ใจวทิ ยากรมาก เพราะได้รับความรู้ ความเขา้ ใจเป็นอยา่ งดี รู้สึกสนุกสนานชวนใหต้ ิดตามทกุ ข้ันตอน และ อยากมโี อกาสฟงั คำบรรยายจากวทิ ยากรคนนอ้ี กี ในขณะทผี่ ฟู้ งั อกี กลมุ่ หนงึ่ พากันบ่นว่า จะไม่ขอฟังการบรรยายจากวิทยากรคนน้ีอีกแล้ว เพราะ พดู วกไปวนมา ฟังไมร่ ู้เรอื่ งน่าเบอ่ื ชวนใหง้ ว่ งนอน เป็นต้น ถามว่าอะไรเป็นเหตุให้ผลงานของแม่ครัวและวิทยากรเหล่าน้ัน แตกตา่ งกนั อยา่ งมาก คำตอบทน่ี า่ จะถกู ตอ้ งตรงประเดน็ ทส่ี ดุ กค็ อื ศลิ ปะ นั่นเอง กล่าวคือ แม่ครัวท่ีขาดศิลปะในการปรุงอาหารย่อมทำอาหาร ไม่อร่อย วิทยากรที่ขาดศิลปะในการบรรยายหรือการส่ือสาร ย่อม ศาสตรแ์ ละศิลป์แห่งความเป็นครู 181

ไม่สามารถกระตนุ้ ความสนใจของผู้ฟงั ได้ ผ้ฟู งั จงึ รสู้ กึ เบ่ือหนา่ ย ทำให้ ไมไ่ ด้รับประโยชน์จากการฟงั เทา่ ท่คี วร ดงั นน้ั จงึ กลา่ วไดว้ า่ การทำงานทกุ อยา่ งจะเกดิ ผลสำเรจ็ เปน็ อยา่ งดี ก็เพราะผู้ทำมีคุณสมบัติสมบูรณ์พร้อมทั้งศาสตร์และศิลป์ ดังน้ันครู ผู้ได้ชื่อว่าปูชนียาจารย์ ก็ต้องมีคุณสมบัติสมบูรณ์พร้อมทั้งศาสตร์และ ศลิ ป์ด้วยเชน่ กนั ครผู สู้ มบูรณ์พรอ้ มด้วยศาสตร์และศลิ ป์ ความรู้ที่จัดเป็นศาสตร์ ท่ีครูทุกคนต้องมีท้ังความรู้และความ เข้าใจเปน็ อยา่ งดี ในดา้ นวิชาการแบ่งไดเ้ ป็น ๒ ประเภทคอื ๑. วชิ าการทางโลก คอื วชิ าความรทู้ คี่ รแู ตล่ ะทา่ นสอนเปน็ ประจำ ซ่งึ อาจจะเป็นวิชาสามัญทว่ั ไป เช่น วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ หรือวิชาการอาชีพ เช่น วิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ วชิ าการตลาด เป็นตน้ วชิ าการทางโลกนี้ ครอู าจารยแ์ ตล่ ะคนยอ่ มมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และความถนดั แตกตา่ งกนั ไป ขนึ้ อยกู่ บั การศกึ ษาเลา่ เรยี นและความสนใจ ของครเู อง ๒. วชิ าการทางธรรม คอื วชิ าความรเู้ กีย่ วกบั ศลี ธรรม คณุ ธรรม จรยิ ธรรมในพระพทุ ธศาสนา ครูอาจารยท์ ุกคนจำเป็นต้องมคี วามร้แู ละ ความเขา้ ใจทางธรรมอย่างถกู ต้องลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรเู้ รอื่ ง มรรคมีองค์ ๘ เพอ่ื ยดึ เปน็ หลักในการครองชีวิตของตนให้ตง้ั มั่นอย่ใู น สมั มาทิฐิ เป็นคนดี มศี ลี ธรรมและคุณความดตี ่างๆ ซึ่งครูผู้ชือ่ ว่าเป็น แม่พมิ พ์ของชาตจิ ะขาดเสียมิได้ ส่วนท่ีเป็นศิลป์ของครูหรือวิชาครูก็คือ ทั้งความรู้ผนวกกับ ความสามารถของครูในการทำหนา้ ทเี่ หลา่ นี้ คือ ศาสตร์และศลิ ปแ์ หง่ ความเป็นครู 182

๑) ปลกู ฝงั อบรมศษิ ยใ์ หเ้ กดิ คณุ ธรรมพน้ื ฐาน ๓ ประการ คือ ความเคารพ ความอดทน ความมวี นิ ยั จนติดเปน็ นสิ ัย ๒) ปลูกฝังอบรมศิษย์ให้มีนิสัยใฝ่เรียนรู้ ใฝ่ทำดี และ ใฝ่รกั ษาสขุ ภาพ ๓) ครตู อ้ งปฏบิ ตั ติ นเปน็ แบบอยา่ งดา้ นคณุ ธรรมไดท้ กุ เรอ่ื ง ท่ีครูสั่งสอนศิษย์ มิฉะน้ันไม่เฉพาะคำส่ังสอนในด้านคุณธรรมเท่านั้น แม้คำสอนด้านวิชาการทางโลกของครู ก็พลอยไม่ศักดิ์สทิ ธิ์ตามไปด้วย เพราะศษิ ยข์ าดความเคารพและความศรทั ธาในตัวครู เช่น ครูทต่ี ำหนิ ศษิ ย์ ซง่ึ พดู จาหยาบคายด้วยผรสุ วาจา คำตำหนขิ องครยู อ่ มทำให้ศษิ ย์ ของครทู กุ คนท่ไี ดย้ ินไดฟ้ ังรสู้ ึกขบขันอย่ใู นใจ และศษิ ย์ที่ถูกตำหนิกอ็ าจ จะไมค่ ิดแกไ้ ขปรับปรุงวาจาของตน ท้งั นี้เพราะศษิ ย์ทง้ั หลายได้ประเมิน จากพฤติกรรมของครตู ามท่ีครไู ด้แสดงออกเรียบรอ้ ยแลว้ อนึ่ง ครูที่สอนวิชาการทางโลก ต้องคิดว่าการปลูกฝังอบรม ศษิ ย์ใหม้ ีศีลธรรม คณุ ธรรม และจรยิ ธรรม ล้วนเปน็ หน้าท่ีของครู ทุกคนในโรงเรียนหรอื สถาบนั การศกึ ษา มิใช่เปน็ หน้าท่โี ดยเฉพาะ ของครสู อนวชิ าพระพทุ ธศาสนาหรอื วชิ าศลี ธรรมเพยี งลำพงั เทา่ นนั้ ตามธรรมดาการเรียนการสอนวิชาการทางโลก นกั เรียนจะคดิ ว่า เรียนเพ่ือให้สอบได้ก็พอแล้ว เพราะในขณะที่เรียนก็ยังไม่รู้ว่าตนจะเอา ความรู้น้ันไปใชอ้ ยา่ งไร ต่อเมือ่ จบการศกึ ษาเข้าไปสู่อาชพี การงานแลว้ จึงจะร้วู า่ ตนจะตอ้ งใชค้ วามรูท้ างวิชาการเรอื่ งใดบ้าง เม่ือถึงเวลาน้นั จึง ค่อยย้อนกลับไปทบทวนส่ิงท่ีเคยเรียนมา หรือค้นหาจากอินเทอร์เน็ต ซ่งึ ในปัจจบุ ันมคี วามกา้ วหน้ามาก ดังน้ันการสอนวิชาการทางโลก ครู ศาสตร์และศลิ ป์แหง่ ความเป็นครู 183

จึงไม่จำเป็นต้องพร่ำสอนซำ้ แล้วซำ้ อีก เพียงแต่อธิบายให้ศิษย์เข้าใจ ความคดิ รวบยอดแตล่ ะเรอื่ งแตล่ ะบทกเ็ ป็นอนั ยุติได้ แต่สำหรับเรื่องการปลูกฝังอบรมบ่มนิสัยให้ศิษย์เป็นคนดี มี คุณธรรมพื้นฐานครบถว้ นสมบรู ณ์ เป็นคนใฝ่เรียนรู้ ใฝ่ทำดี และ ใฝ่รกั ษาสขุ ภาพของตนเองจนเป็นนิสยั นั้น ครูประจำวชิ าทกุ คนตอ้ ง ร่วมมือกันสละแรงกายแรงใจพร่ำสอนซำ้ แล้วซำ้ อีก พร้อมท้ังต้อง ใหท้ ำกจิ กรรม ๕ หอ้ งชวี ติ ตงั้ แตร่ ะดบั อนบุ าลจนจบระดบั อดุ มศกึ ษา จงึ จะมน่ั ใจไดว้ า่ ศษิ ยแ์ ตล่ ะคนจะมนี สิ ยั เปน็ คนดที โ่ี ลกตอ้ งการตาม ปรารถนา สามารถตงั้ ตนได้ พง่ึ ตนได้ ไมเ่ ปน็ กาฝากสงั คม ขณะเดยี วกนั ก็สามารถเปน็ ทพ่ี ึ่งให้พ่อแมญ่ าติพน่ี ้องได้ และถา้ มศี กั ยภาพสงู พอ ยอ่ มเปน็ ทพ่ี ง่ึ ใหแ้ กส่ งั คมและประเทศชาตไิ ด้ พรอ้ มกนั นนั้ กม็ คี วาม เขา้ ใจถกู วา่ การละเวน้ บาปกรรมทกุ ชนดิ และการบำเพญ็ กศุ ลกรรม ทุกรูปแบบ คือ การปิดนรกและเปิดสวรรค์ให้แก่ตนเองหลังจาก ละโลกไปแลว้ ด้วย ศักยภาพของครูที่สามารถปลุกป้ันให้บรรดาศิษย์ท้ังหลายมี คุณลกั ษณะดงั กลา่ วน้ีแหละคอื ศิลป์ของครู ครผู ไู้ ดช้ ือ่ วา่ ปูชนียาจารย์ กค็ อื ครผู ทู้ ม่ี ศี ลิ ป์ หรอื มฝี มี อื ปน้ั บรรดาศษิ ยร์ นุ่ แลว้ รนุ่ เลา่ ใหม้ ที ง้ั ความรู้ และความประพฤติดีงาม ออกมาเป็นมิตรแท้แก้ไขสังคมให้สงบร่มเย็น ศาสตรแ์ ละศลิ ปข์ องครจู งึ มคี วามแตกตา่ งกบั อาชพี อน่ื ๆ ดงั แสดงในตาราง ต่อไปนี้ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู 184

ตารางท่ี ๗-๑ ความแตกตา่ งระหวา่ งศาสตรแ์ ละศลิ ปข์ องครกู บั อาชพี อนื่ ๆ ศาสตร์ ศิลป์ อาชีพครู อาชีพอน่ื อาชีพครู อาชีพอ่ืน ต้องมี ต้องมี วิชาความรู้ วชิ าความรู้ สามารถใช้ความรู้ สามารถใช้ความรู้ สรา้ งงานและรักษา สรา้ งงานและรกั ษา สขุ ภาพได้ สุขภาพได้ ตอ้ งมี ไม่บงั คับ นำธรรมมาปฏบิ ตั ิจน ไมบ่ งั คบั วชิ าธรรม วชิ าธรรม เป็นต้นแบบแก่ศษิ ยไ์ ด้ ตอ้ งมี ไมบ่ งั คับ สามารถใชว้ ชิ าชพี ครู ไมบ่ งั คบั วิชาครู วชิ าครู ๑) อบรมสัง่ สอนศษิ ย์ ใหม้ นี สิ ยั ใฝ่เรียนรู้ ๒) อบรมส่งั สอนศิษย์ ใหม้ นี ิสยั ใฝท่ ำดี ๓) อบรมส่งั สอนศษิ ย์ ให้มีนิสัยใฝ่รกั ษา สขุ ภาพ ตามทรรศนะและความคิดเห็นของผู้คนส่วนใหญ่ท่ีมีการศึกษา ในปจั จุบนั มักจะมองว่า สภาพสังคมสมยั ใหม่ในปัจจบุ นั ความรู้ดา้ น วชิ าการทางโลก มคี วามสำคญั และจำเปน็ ตอ่ ผคู้ นมากกวา่ ความรทู้ างธรรม แตจ่ ากธรรมบรรยายเรอื่ ง ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครทู กี่ ำลงั จะ จบลงน้ี ท่านผู้อ่านคงพอจะมองเหน็ แลว้ วา่ ไมว่ า่ ยคุ ใดสมยั ใด ความรู้ ทางธรรมย่อมมีความสำคัญมากกว่าความรู้ทางโลกมากมายนัก เพราะความรู้ทางธรรมสามารถส่งเสริมบุคคลใหน้ ำความรทู้ างโลก ศาสตร์และศลิ ปแ์ หง่ ความเป็นครู 185

ที่ตนมีมาใช้ให้เกิดประสิทธิผลได้อย่างกว้างขวาง ขณะท่ีความรู้ ทางโลกแทบจะไม่สามารถส่งเสริมความรู้ทางธรรมได้เลย ดังนั้น คนทมี่ คี วามรทู้ างโลกมากมาย แตข่ าดความรทู้ างธรรม จงึ มลี กั ษณะ ดังสำนวนทว่ี า่ มีความร้ทู ่วมหัวเอาตวั ไมร่ อด นั่นเอง การถา่ ยทอดความรขู้ องพระบรมครู ตลอดเวลา ๔๕ พรรษา แหง่ การทพ่ี ระบรมครคู อื พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ของเรา ทรงอุทิศพระวรกายตระเวนไปยังท้องถ่ินต่างๆ ในชมพูทวีป เพื่อตรัสเทศนาส่ังสอนผู้คนทั้งหลายนั้น พระองค์ทรงถ่ายทอดความรู้ อะไรบ้าง สงิ่ แรกทชี่ าวพทุ ธตอ้ งรคู้ อื พระองคท์ รงถา่ ยทอดความรทู้ ท่ี รงคน้ พบ จากการตรัสรดู้ ้วยพระองคเ์ องโดยไม่มคี รูส่ังสอน ความรูท้ ตี่ รัสร้นู นั้ เปน็ ความรแู้ จง้ เห็นแจง้ อนั วเิ ศษเหนอื สตั วโลกท้ังปวง ทรงรู้และเช่ียวชาญใน วธิ ีปฏิบัติเป็นอย่างดี อีกทง้ั ได้พสิ ูจนด์ ว้ ยพระองค์เองแล้ววา่ มอี านิสงส์ ซึง่ เปน็ ประโยชนแ์ กผ่ ปู้ ฏบิ ตั ิถงึ ๓ ระดบั คือ ๑. ระดบั ตน้ ผปู้ ฏบิ ตั ยิ อ่ มมชี วี ติ อยอู่ ยา่ งสงบสขุ ในโลกน้ี เพราะ ตั้งตนตงั้ ฐานะได้ สามารถเป็นท่พี ง่ึ ใหแ้ ก่ตนและผ้อู ่ืนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ๒. ระดับกลาง ผู้ปฏิบัติย่อมสามารถไปสู่สุคติเพ่ือเสวยสุขอัน เป็นทิพยอ์ ยใู่ นสวรรค์อยา่ งแนน่ อน หลังจากละโลกไปแล้ว ๓. ระดบั สงู ผปู้ ฏบิ ตั ยิ อ่ มสามารถกำจดั กเิ ลสทแ่ี อบแฝงแนบแนน่ อยู่ในใจตนมานานแสนนาน ให้หมดส้ินไปได้โดยเด็ดขาด น่ันคือ บรรลุความหลุดพ้น เข้าถึงพระนิพพาน พ้นจากวงจรแห่งวัฏสงสาร ช่วั นิรันดร์ ศาสตร์และศิลป์แหง่ ความเปน็ ครู 186