ครูพงึ ดำเนินรอยตามพระบรมครู การถ่ายทอดความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก่พุทธบริษัท ทัง้ หลายน้ัน พระองคท์ รงดำเนนิ ตามหลกั การทีว่ ่า ทรงรู้ทรงเหน็ อะไร กส็ อนเรอื่ งนั้น ทรงปฏิบัติอยา่ งไรได้ผลจรงิ ก็สอนใหป้ ฏบิ ัตอิ ย่างนนั้ มไิ ดท้ รงยดึ หลกั ฐานจากแหลง่ ขอ้ มลู ใดๆ มาอา้ งองิ โดยมไิ ดเ้ คยปฏบิ ตั ิ ให้ทรงเห็นผลจรงิ มาก่อนเลย การทำหน้าท่ีปลูกฝังอบรมบ่มนิสัยดีๆ ให้แก่ศิษย์ของครูก็เช่น เดียวกนั พึงดำเนนิ รอยตามพระบรมครู โดย ๑. ฝึกอบรมตนให้สมบูรณ์พร้อมด้วยคุณธรรมพ้ืนฐาน และ การเปน็ ผใู้ ฝเ่ รยี นรู้ ใฝท่ ำดี และใฝร่ กั ษาสขุ ภาพจนเปน็ นสิ ยั ประจำใจ ท้ังนี้ นอกจากจะเป็นการพัฒนาคุณธรรม และสั่งสมบุญบารมีให้แก่ ตนเองแล้ว ยังเป็นการเรียนรู้วิธีการท่ีถูกต้องเหมาะสมสำหรับนำไป ปลกู ฝังอบรมคณุ ธรรมให้แก่ศษิ ย์ จนเกดิ เปน็ นสิ ยั ให้สำเร็จอกี ด้วย ๒. ชแ้ี นะใหศ้ ษิ ยเ์ ขา้ ใจถงึ เปา้ หมายของการไดเ้ กดิ มาเปน็ มนษุ ย์ วา่ ตา่ งเกดิ มาเพอื่ สงั่ สมแตบ่ ญุ บารมโี ดยไมย่ อมสรา้ งบาปกรรมใดๆ ทั้งส้ิน เพอ่ื ปิดประตนู รกให้แก่ตนเองโดยสน้ิ เชงิ ๓. ปลกู ฝงั อบรมศษิ ย์ใหป้ ฏิบตั ิตามสัมมาทิฐิ ๑๐ อยู่เปน็ นิจ ซ่ึงจะช่วยให้ศิษย์เกิดปัญญาเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมได้ดีย่ิงขึ้น อันจะ ยงั ผลให้ศษิ ยเ์ กดิ หริ ิโอตตปั ปะ เกิดโยนโิ สมนสกิ าร แล้วต้ังใจสงั่ สมบุญ บารมีอยา่ งตอ่ เนื่องเตม็ ที่ ๔. ฝกึ ใหศ้ ิษยร์ ักการทำสมาธจิ นเปน็ นสิ ัย ย่อมจะทำใหบ้ รรดา ศิษย์ทั้งหลายมีจติ ใจบริสทุ ธส์ิ ะอาดยง่ิ ๆ ข้ึนไป ซ่ึงจะเอ้ืออำนวยให้เกดิ สิง่ ดๆี ตามมาอกี หลายประการ ท่ีสำคญั คือคณุ ธรรมพน้ื ฐาน ๓ ประการ ศาสตร์และศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู 187
ไดแ้ ก่ ความเคารพ ความอดทน และความมวี นิ ยั ตลอดจนนสิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ ใฝ่ทำดี และใฝร่ ักษาสขุ ภาพ ซ่งึ นอกจากจะทำใหค้ รเู บาใจ ในเร่ืองการ ฝกึ ฝนอบรมแลว้ เดก็ ๆ ยงั จะมคี วามเคารพรกั และเชอ่ื ฟงั ครมู ากขน้ึ อกี ดว้ ย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะฝึกศิษย์ให้รักการทำสมาธิภาวนา ครตู ้องมีประสบการณใ์ นการทำสมาธิภาวนามามากพอสมควร เพ่ือให้ สามารถชแี้ นะหรอื ตอบปญั หาเกย่ี วกบั การทำสมาธภิ าวนาใหแ้ กศ่ ษิ ยไ์ ด้ ๕. ครตู อ้ งสอนใหเ้ ดก็ รจู้ กั ตง้ั เปา้ หมายชวี ติ ใหค้ รบทง้ั ๓ ระดบั เพ่ือเป็นแผนผงั ในการดำเนินชีวติ ตลอดไปทกุ ภพทุกชาติ มรรคมอี งค์ ๘ คือหนทางอันเกษม ทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนยากจนข้นแค้นหรือ ร่ำรวยเปน็ มหาเศรษฐรี ะดบั ใดกต็ าม คงประจกั ษแ์ กใ่ จแลว้ วา่ การมชี วี ติ อยใู่ นโลกนีม้ ที ุกขม์ ากกว่าสขุ บางคนกอ็ าจจะได้พบแต่ความระทมทกุ ข์ จนไม่เคยรูจ้ กั วา่ ความสขุ เป็นอย่างไร แต่กต็ ้องสู้ทนทุกข์เรื่อยไป เพราะ ไม่รู้ว่า ทำอยา่ งไรจงึ จะพ้นทุกข์ บางคนทที่ นไมไ่ หวกถ็ งึ กบั ฆ่าตวั ตายก็มี นบั แตก่ อ่ นสมยั พทุ ธกาลนานมาแลว้ ไดม้ นี กั คดิ นกั ปราชญม์ ากมาย เฝ้าคิดหาวิธีดับทุกข์เร่ือยมา แต่ก็ยังไม่มีท่านใดค้นพบวิธีดับทุกข์หรือ พาตนให้พ้นไปจากทกุ ข์ไดเ้ ลย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงเป็นบุคคลหนึ่ง ซ่ึงแสวงหาวิธี พ้นทุกขม์ าเปน็ เวลานานกวา่ ๒๐ อสงไขยกปั ในทสี่ ุดกท็ รงพบว่า การ ปฏบิ ตั มิ รรคมอี งค์ ๘ สามารถทำใหพ้ ระองคก์ ำจดั กเิ ลสทแี่ ฝงแนบแนน่ อยู่ในพระทัยให้หมดสิ้นไปได้ ยังผลให้ทรงบรรลุความหลุดพ้น หรือพน้ ทุกข์ หยุดการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารได้โดยเดด็ ขาด ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงเรียก มรรคมอี งค์ ๘ ว่าทางอนั เกษม ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเป็นครู 188
นนั่ คอื ทรงรบั ประกนั วา่ บคุ คลทดี่ ำเนนิ ชวี ติ ตามหลกั มรรคมอี งค์ ๘ แม้จะยังกำจัดกิเลสได้ไม่หมด ก็ย่อมประสบกับความสุขมากกว่า ความทุกข์อยา่ งแน่นอน มรรคมอี งค์ ๘ นน้ั มอี ยู่ ๒ ระดบั คอื ๑) ระดบั ตน้ หรอื ระดบั โลกยิ ะ ๒) ระดบั สงู หรอื ระดบั โลกุตตระ มรรคมอี งค์ ๘ ระดบั โลกยิ ะเปน็ หลกั ปฏบิ ตั สิ ำหรบั ปถุ ชุ นคนทว่ั ไป ทย่ี งั มกี เิ ลสหนา สว่ นระดบั โลกตุ ตระ เปน็ หลกั ปฏบิ ตั สิ ำหรบั พระอรยิ บคุ คล ทมี่ กี เิ ลสเบาบางลงมากแลว้ และอาจบรรลอุ รหตั ผลไดใ้ นชาตใิ ดชาตหิ นงึ่ อย่างแนน่ อน สำหรับมรรคมอี งค์ ๘ ทกี่ ลา่ วไว้ในหนังสอื เล่มน้ีเปน็ ระดับโลกยิ ะ ทผี่ ตู้ งั้ ใจปฏบิ ตั ติ ามจนเกดิ เปน็ ลกั ษณะนสิ ยั ประจำใจ ยอ่ มสามารถกำจดั ทกุ ขใ์ ห้เบาบางลงได้ แต่จะได้มากน้อยแคไ่ หนกข็ ึ้นอยูก่ บั การปฏบิ ตั ขิ อง แตล่ ะคน ดังนั้นจึงใคร่ขอเชิญชวนให้ท่านผู้เป็นครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ไดห้ ันมาสนใจศกึ ษาวิชาพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรือ่ งมรรคมีองค์ ๘ ให้เข้าใจอย่างถูกต้องลึกซึ้ง แล้วลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเน่ือง หากมปี ญั หาประการใดกพ็ งึ แก้ปัญหาตามหลกั วฒุ ิธรรม ๔ ครน้ั เมอื่ ไดร้ บั ความกระจา่ งแลว้ กพ็ งึ ปฏบิ ตั มิ รรคมอี งค์ ๘ ใหต้ อ่ เนอื่ ง รอบแล้วรอบเลา่ ในทส่ี ดุ ท่านก็จะไดป้ ระจักษแ์ ก่ใจตนวา่ มรรคมอี งค์ ๘ เป็นทางอนั เกษมจริง ดังท่ีพระพทุ ธองคต์ รสั ไว้ ซ่ึงจะเปน็ แรงบนั ดาลใจ ให้ทา่ นม่งุ มัน่ ปฏบิ ตั ยิ งิ่ ๆ ข้ึน แน่นอนเหลือเกินว่าเม่ือท่านประสบผลดีและความสุขจากการ ปฏบิ ตั มิ รรคมอี งค์ ๘ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ จากประสบการณภ์ ายในอนั วเิ ศษ จากการเจริญสัมมาสมาธิแล้ว ท่านก็มีความพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็น ศาสตร์และศลิ ป์แห่งความเป็นครู 189
กลั ยาณมติ รใหแ้ กส่ มาชกิ ในครอบครวั ใหแ้ กบ่ รรดาเพอ่ื นครแู ละลกู ศษิ ย์ ในโรงเรยี นของท่าน ขอรบั รองวา่ การทำหนา้ ทเ่ี ปน็ กลั ยาณมติ รใหแ้ กบ่ รรดาลกู ศษิ ยน์ น้ั ง่ายกวา่ บรรดาสมาชกิ ในครอบครัวมาก เพราะลูกศิษยท์ ้ังหลาย ย่อมมี ความเคารพครูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างย่ิงครูท่ีมีคุณสมบัติ เป็นกัลยาณมติ รอยา่ งแทจ้ รงิ หากครูในโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศของเรา เป็นผู้สมบูรณ์ พรอ้ มดว้ ยศาสตรแ์ ละศลิ ป์ มคี ณุ สมบตั เิ ปน็ กลั ยาณมติ รอยา่ งแทจ้ รงิ และทำหน้าท่ีกัลยาณมิตรควบคู่กับการทำหน้าที่ครูตลอดเวลา ด้วยคิดว่าตนเองกำลังสร้างความสงบสุขร่มเย็นให้แก่ประเทศชาติ อีกไม่นานเกินรอเราคงจะได้เห็นเยาวชนทั่วประเทศเป็นท้ังคนเก่ง และคนดี มคี วามเคารพ ความอดทนและมีวินยั เปน็ คลน่ื ลูกใหม่ ตามกันมาไม่ขาดสาย และในบ้นั ปลายชวี ติ เรากจ็ ะอยูอ่ ยา่ งเปน็ สขุ สดชนื่ ทา่ มกลางบคุ คลเหลา่ น้ี ซง่ึ เรามสี ว่ นอยา่ งมากในการสรา้ งเขา ข้นึ มาอยา่ งทะนุถนอม ด้วยเหตุน้ี ความสงบสุขก็จะเข้ามาแทนท่ี ความเปน็ มติ รแทก้ จ็ ะ เข้ามาแทนมิตรเทียมท้ังหลาย ทำให้สภาพสังคมไทยที่สับสนวุ่นวาย ดังทกุ วนั นี้อนั ตรธานไปอย่างแน่นอน ความคดิ นจี้ ะเปน็ จรงิ ได้ กต็ อ่ เมอ่ื ครบู าอาจารยท์ งั้ หลายทว่ั ประเทศ เลกิ คิด เลกิ เชอ่ื เลกิ ยึดถอื ถอ้ ยคำท่ขี าดความสร้างสรรคว์ า่ อาชีพครู เสมือนคนพายเรือจ้าง แต่มีความคิดใหม่ว่า ครูคือผู้เดินตามรอย พระโพธิสัตว์ แล้วพร้อมใจกันลุกข้ึนมาปฏิรูปการทำงานแบบเดิมๆ ของตนเสยี ใหมต่ ามหลกั มรรคมีองค์ ๘ ศาสตรแ์ ละศลิ ป์แห่งความเป็นครู 190
แนวคดิ สำหรับการฟ้นื ฟูการศึกษา หลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ต้ังแต่ต้นจนถึงบทสุดท้ายน้ีแล้ว เช่อื มั่นวา่ ผู้อา่ นทกุ คนคงจะมองเห็นตรงกันแลว้ วา่ ปัญหาสบั สนวุน่ วาย ตา่ งๆ ในสังคมไม่เฉพาะในบ้านเมอื งเรา แม้ในประเทศตา่ งๆ ทวั่ โลก ลว้ นมเี หตปุ จั จยั พน้ื ฐานสำคญั ยงิ่ มาจากการทผี่ คู้ นสว่ นใหญข่ าดศลี ธรรม หรือจะขอเรียกว่ามีปัญหาศีลธรรม และเหตุปัจจัยสำคัญของปัญหา ศลี ธรรม กค็ อื ปญั หาการจดั การศกึ ษา มใิ ชป่ ญั หาเศรษฐกจิ หรอื การเมอื ง อยา่ งท่ีผคู้ นท่วั โลกวิพากษ์วิจารณก์ ัน แต่ปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง ตลอดจนปัญหาสังคมนั้น เปน็ ผลสบื เนอ่ื งมาจากปญั หาการจดั การศกึ ษา ไดแ้ ก่ การจดั การศกึ ษา ที่ขาดความสมดุลระหว่างวิชาการทางโลกและทางธรรม กล่าวคือ เน้นความสำคญั ดา้ นวิชาการทางโลกมากกวา่ ดา้ นวชิ าการทางธรรม ผลิตผลของการจัดการศึกษาเช่นนี้ก็คือ มิตรเทียม ที่ก่อให้เกิด ปัญหาร้ายแรงทุกอยา่ งในสังคมปัจจุบนั จากทก่ี ลา่ วมานจ้ี ะเหน็ วา่ ปญั หาตา่ งๆ ในสงั คมปจั จบุ นั เกย่ี วเนอ่ื งกนั เปน็ ลกู โซ่ ตราบใดทยี่ ังหาตน้ ตอปญั หาท่ีแทจ้ ริงไม่พบ ได้แตค่ าดเดาวา่ น่าจะเป็นปัญหาน้ันปัญหานี้ แล้วลงมือแก้ไขก็จะไม่มีทางสำเร็จได้เลย มีแต่จะเพิม่ ปญั หาใหมข่ น้ึ มาอีก เข้าทำนองลิงตดิ ตงั ฉะน้นั อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้ขอยืนยันว่า ปัญหาที่ทำให้สังคมโลก วนุ่ วายอยใู่ นขณะนี้ กค็ อื ปญั หาศลี ธรรม ถา้ ทกุ ฝา่ ยรว่ มมอื กนั แกป้ ญั หา ศลี ธรรมดว้ ยการฟนื้ ฟกู ารศกึ ษาอยา่ งจรงิ จงั ปญั หาอน่ื ๆ จะคอ่ ยๆ ลดลง และจะหมดไปในทสี่ ุด ซง่ึ อาจจะต้องใชเ้ วลาอยู่บา้ ง ท้งั นข้ี ้ึนอยู่กับเหตุ ปัจจัยหลายอย่าง ที่สำคัญคือ ใครบ้างจะเข้ามาร่วมมือในการฟื้นฟู การศกึ ษา ศาสตรแ์ ละศิลปแ์ หง่ ความเป็นครู 191
ความสำเร็จของผฟู้ ื้นฟกู ารศึกษา ก่อนอ่ืนขอเรียนว่า การแก้ปัญหาการศึกษาหรือฟ้ืนฟูการศึกษา ไมส่ ามารถกระทำไดส้ ำเรจ็ ตามลำพงั บคุ คลหรอื คณะใดคณะหนงึ่ เทา่ นนั้ จำเป็นตอ้ งรว่ มมือกันระหวา่ งบคุ คลในทศิ ๖ ทุกเพศ ทกุ วัย ทุกระดับ อาชีพ ทุกๆ ชมุ ชนทวั่ ทง้ั ประเทศ และกล่มุ ท่มี บี ทบาทสำคญั ท่สี ุดก็คือ กล่มุ ครู ๓ ประเภท คือครูที่บ้าน วดั และโรงเรียน อย่างไรก็ตามการฟ้ืนฟูการศึกษาจะสัมฤทธิผลได้จริงย่อมข้ึนอยู่ กบั แนวคดิ และวิธปี ฏิบตั ิของครทู ง้ั ๓ ประเภท ดังนี้ ๑. ครูทบี่ ้าน คือผเู้ ป็นบิดามารดา แนวคิดท่ีบรรดาพอ่ แม่ท้ังหลายพงึ ยดึ เป็นหลักปฏบิ ัติคือ ๑) ต้องรหู้ น้าทข่ี องกลมุ่ บุคคลในทิศ ๖ แตล่ ะทศิ เป็นอย่างดี เพื่อว่าตนจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนเม่ืออยู่ในฐานะทิศต่างๆ ได้ อย่างเหมาะสม เพอ่ื เป็นแบบอยา่ งใหแ้ ก่บตุ รของตน ๒) ต้องรู้หน้าที่ของตนในฐานะท่ีเป็นทิศเบื้องหน้าของบุตร โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งหน้าทใ่ี นข้อ ๑ และ ๒ หน้าทใี่ นข้อ ๑ คอื ห้ามไมใ่ หท้ ำความชัว่ หนา้ ท่ใี นข้อ ๒ คือ ให้ต้ังอยู่ในความดี การทำหนา้ ทท่ี ั้ง ๒ ขอ้ น้อี าจทำได้พร้อมกนั กล่าวคือเมือ่ ห้ามบุตรไม่ให้ทำความช่ัว ก็คือห้ามทำอกุศลกรรมบถ ๑๐ ในขณะ เดยี วกนั ก็สอนใหท้ ำกุศลกรรมบถ ๑๐ ไปพร้อมๆ กัน เช่น เมอ่ื พอ่ แม่ ตอ้ งการอบรมสัง่ สอนบุตรมใิ หพ้ ดู เทจ็ หรือแก้ไขบตุ รทีพ่ ูดเทจ็ ก็พงึ สอน ให้บุตรรู้ถึงโทษภัยและบาปกรรมทั้งในปัจจุบันและภพชาติต่อไปของ การพูดเท็จ และคุณของวจสี ุจริตที่จะเกดิ ขึน้ ในปัจจบุ ันพร้อมท้ังอานสิ งส์ ทตี่ นจะได้รับในภพชาติต่อไป ศาสตร์และศลิ ป์แห่งความเป็นครู 192
ถ้าพ่อแม่พรำ่ สอนบุตรอยู่เสมอ ในท่ีสุดบุตรก็จะเข้าใจ และไมเ่ ผลอสติท่ีจะกลา่ วเท็จหรอื วจีทุจริต นน่ั คอื นิสยั ดีๆ ก็จะเกดิ ข้ึน กับบตุ ร การพร่ำสอนทง้ั อกศุ ลกรรมบถ และกศุ ลกรรมบถขอ้ อน่ื ๆ ในทำนองเดียวกันนี้ ในที่สุดบุตรก็จะประพฤติแต่กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นนิสยั ๓) ตอ้ งมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเรอื่ ง กรอบมาตรฐานศลี ธรรม ขั้นพน้ื ฐาน ๑๔ ประการ คอื กรรมกิเลส ๔ อคติ ๔ และอบายมุข ๖ กล่าวคือผู้เป็นพ่อแม่ต้องละเว้นจากพฤติกรรมท่ีต้องห้ามทั้ง ๑๔ ประการ เพราะตระหนักถงึ โทษภยั เป็นอย่างดี พร้อมกันนั้นกต็ ้องช้ี โทษภัยที่จะเกดิ ขึ้นในปจั จบุ ัน ตลอดจนผลของบาปกรรมท่จี ะบังเกดิ ข้ึน ในภพชาติต่อไปให้บุตรเข้าใจ ขณะเดียวกันก็ต้องคอยติดตามสังเกต อยเู่ สมอวา่ บตุ รมพี ฤตกิ รรมทต่ี อ้ งหา้ มอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ใน ๑๔ ประการ หรอื ไม่ ถา้ มกี จ็ ำเปน็ ต้องรบี แกไ้ ข ๔) แนวคิดในการปฏิบัติของพ่อแม่ทั้ง ๓ ข้อดังกล่าวต้อง นำมาปฏบิ ัติจรงิ ใน ๔ หอ้ งแห่งชีวิต (ไม่รวมหอ้ งทำงาน) ใหเ้ ปน็ กิจวตั ร ประจำวนั สำหรบั แนวคดิ และวิธีปฏิบตั ิท้ัง ๔ ข้อดังกล่าว อาจถือได้วา่ เป็นทัง้ ศาสตร์และศิลป์ของครูประเภทที่ ๑ คือพ่อแม่ นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมท่ีต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันใน หอ้ งตา่ งๆ อกี มากมายหลายอยา่ ง สำหรบั กจิ กรรมเหลา่ นม้ี แี นวคดิ สำคญั ๒ ประการ คือ ๑) ต้องฝึกให้บุตรลงมือทำด้วยตนเองต้ังแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ เนอ่ื งจากเด็กวัยน้ีอยู่ในวยั ซกุ ซน อยู่นิ่งเฉยไมไ่ ด้ ดังน้นั แทนที่จะปลอ่ ย ศาสตรแ์ ละศิลปแ์ ห่งความเปน็ ครู 193
ให้เด็กซุกซนอย่างไร้ประโยชน์ พ่อแม่ก็พึงหันเหความสนใจให้บุตรมา ทำกจิ กรรมเปน็ เรื่องสนุกสนาน ๒) ต้องให้บุตรลงมือทำกิจกรรมพร้อมกับผู้ใหญ่ คือผู้เป็น พอ่ หรอื แม่ หรอื คนใดคนหน่งึ แลว้ แต่กรณี เช่น การสวดมนต์ ไหวพ้ ระ ฯลฯ ก็ชวนใหบ้ ตุ รทำพรอ้ มกับพ่อแม่ หรือสมาชกิ ทุกคนในบา้ น การทำ ความสะอาดห้องนำ้ ก็ชวนให้บุตรทำพร้อมกับพ่อหรือแม่ ซึ่งจะเป็น โอกาสอันดีท่ีเด็กจะได้เรียนรู้วิธีทำความสะอาดอย่างถูกต้องเหมาะสม ขณะเดียวกันก็รู้สึกสนุกสนานในการทำความสะอาดห้องนำ้ โดยไม่มี ความคิดวา่ เป็นเรือ่ งน่ารังเกียจ ถา้ บตุ รไดฝ้ กึ ทำกจิ กรรมประจำหอ้ งตา่ งๆในบา้ นรว่ มกบั ผใู้ หญ่ หรอื พอ่ แมเ่ ปน็ ประจำ ในทสี่ ดุ กจ็ ะกลายเปน็ นสิ ยั ครนั้ เมอ่ื เจรญิ เตบิ โตขนึ้ กจ็ ะเกดิ สำนกึ วา่ เปน็ หนา้ ทแ่ี ละเปน็ ความรบั ผดิ ชอบ ซงึ่ ตนจะตอ้ งกระทำ โดยไมต่ อ้ งมผี ใู้ หญห่ รอื พ่อแมเ่ ข้ามาชว่ ยเหลอื หรอื เคยี่ วเขญ็ ใหท้ ำ การฝกึ ให้บตุ รทำกิจกรรมดังกลา่ วน้ี จนเกดิ เปน็ นิสัยท่ีดีงาม ถือได้ว่าเปน็ ศลิ ป์ของครูประเภทท่ี ๑ อยา่ งแทจ้ รงิ สิง่ นคี้ ือปัจจยั สำคัญ อยา่ งยง่ิ ทจี่ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ความรกั สามคั ครี ะหวา่ งสมาชกิ ทงั้ หมดในครอบครวั ตราบใดที่ครอบครัวเป็นครอบครัวอบอุ่น ปัญหาครอบครัวแตกสลาย ยอ่ มไมเ่ กดิ ขน้ึ นน่ั คอื ครอบครวั มคี วามสงบสขุ อยา่ งแทจ้ รงิ ผลทส่ี บื เนอื่ ง ตามมาก็คอื สงั คมสันติสขุ และสนั ตภิ าพโลกในที่สุด ๒. ครทู ่ีโรงเรียน เนอ่ื งจากมคี ำอธบิ ายเกยี่ วกบั ครปู ระเภทท่ี ๒ อยา่ งสมบรู ณแ์ ลว้ จงึ ไมข่ อกล่าวถงึ ในที่นอี้ ีก ๓. ครูทวี่ ัด ไดแ้ ก่ พระภกิ ษุ เพราะเหตทุ พี่ ระภกิ ษทุ งั้ หลายอยใู่ นฐานะทศิ เบอ้ื งบน มหี นา้ ท่ี ศาสตร์และศิลป์แห่งความเปน็ ครู 194
ตามพุทธกำหนดในขอ้ ๑ และข้อ ๒ เหมอื นกับครทู บี่ ้าน แต่หน้าท่ีท่ี พเิ ศษสงู สง่ กว่าทศิ อืน่ ๆ ก็คือ เป็นผู้ชี้ทางสวรรค์ โดยหน้าทด่ี งั กล่าวนี้ ย่อมเป็นเสมือนหนึ่งกฎกติกาท่ีบังคับให้พระภิกษุท้ังหลาย จำเป็นต้อง พากเพยี รฝกึ ตนใหส้ มบรู ณพ์ รอ้ มดว้ ยภมู ริ ภู้ มู ธิ รรม มวี ชิ ชาจรณะสมควร แก่การได้รับความเคารพนับถือ ยกย่อง กราบไหว้บูชาจากทิศท้ัง ๕ ดังน้ันพระภิกษุจึงต้องทำหน้าที่เป็นทั้งต้นแบบและท่ีปรึกษาด้าน ศีลธรรมใหแ้ ก่ญาติโยม จงึ เป็นการสมควรอยา่ งยิง่ ทีค่ รูประเภทท่ี ๒ หลงั จากที่คน้ พบ วา่ พระภกิ ษรุ ปู ใดสมบรู ณพ์ รอ้ มดว้ ยภมู ริ ภู้ มู ธิ รรมกพ็ งึ พาบรรดาลกู ศษิ ย์ ทง้ั หลายไปขอรบั การอบรมสง่ั สอนจากทา่ น หรอื ในบางครง้ั กอ็ าจนมิ นต์ ทา่ นมาเทศนาสง่ั สอนท่โี รงเรียน ในกรณนี ท้ี ง้ั ครแู ละนกั เรยี นทั้งหมดใน โรงเรียนจะมีโอกาสได้ฟังพระธรรมเทศนาหรือได้รับการอบรมส่ังสอน พร้อมกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมาก ภูมิรู้ภูมิธรรมตลอดจน เทคนิควิธีในการแสดงพระธรรมเทศนา ยอ่ มถือไดว้ า่ เป็นทัง้ ศาสตรแ์ ละ ศิลปข์ องครปู ระเภทท่ี ๓ อนง่ึ แมพ้ ระพทุ ธศาสนาจะไดช้ อื่ วา่ เปน็ ศาสนาแหง่ เหตแุ ละผล พระธรรมคำส่ังสอนสามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักแห่งเหตุและผลก็ตาม แต่ท้ังนี้ก็ข้ึนอยู่กับภูมิรู้ภูมิธรรมของผู้พิสูจน์ด้วย ขณะท่ียังไม่สามารถ พสิ ูจน์ได้กอ็ าจเคลือบแคลงสงสยั ในเร่อื งตา่ งๆ เช่น เรือ่ งกฎแห่งกรรม เรอื่ งนรกสวรรค์ เป็นต้น ถึงแมค้ รูประเภทที่ ๑ และ ๒ จะมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ และมี ศรัทธาม่ันในพระพุทธศาสนาก็ตาม แต่คำสอนในเรื่องดังกล่าวของครู ๒ ประเภทนี้ก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าของครูประเภทที่ ๓ ซ่ึงจะเป็นผู้ยืนยัน ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู 195
เรอื่ งการออกผลของกรรม เร่อื งโลกน้ี โลกหน้า นรก สวรรค์ นพิ พาน ตลอดจนพระคณุ ของมารดาบดิ า เหลา่ นค้ี อื หนา้ ทอี่ นั วเิ ศษของครปู ระเภท ท่ี ๓ ซง่ึ จะสามารถสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้แก่เด็กๆ ไปตลอด ชีวิต เรอ่ื งนถี้ อื ได้ว่าเปน็ ศลิ ป์ของครูประเภทที่ ๓ โดยแท้ ดว้ ยเหตผุ ลดงั กลา่ ว การทำกจิ กรรมตา่ งๆ บอ่ ยๆ ไมว่ า่ จะเปน็ การ พานกั เรยี นไปฟงั เทศนท์ ี่วัด หรือการนมิ นต์พระภกิ ษุมาแสดงพระธรรม เทศนาที่โรงเรียนย่อมเป็นการปลูกฝังศรัทธาในพระรัตนตรัย และ พระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี และเพื่อให้การปลูกฝังศรัทธาพัฒนา อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ครกู ค็ วรพานกั เรยี นไปบำเพญ็ ประโยชนท์ วี่ ดั ซงึ่ มกี จิ กรรม ท่ีเด็กนักเรียนจะสามารถชว่ ยกันทำได้อย่างมากมาย ต่อไปในภายภาคหนา้ เดก็ เหลา่ นไ้ี ม่วา่ หญิงหรอื ชายจะเป็นกำลงั สำคัญในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ในฐานะพุทธบริษัทท่ีแท้จริง ซง่ึ นอกจากจะยงั ผลใหพ้ ระพทุ ธศาสนายงั่ ยนื ถาวรตอ่ ไปนานแสนนานแลว้ ยังจะเป็นการสร้างความสงบร่มเย็นหรือสันติสุขให้แก่ประเทศชาติและ โลกอย่างแน่นอน ทัง้ หมดนี้คอื ความสำเรจ็ ของผ้ฟู ้นื ฟูการศึกษา สรปุ จากคำบรรยายในแต่ละบทท่ีผ่านมา ท่านผู้อ่านย่อมเห็นได้ว่า คนเราจะดไี ด้และไดด้ ี จำเปน็ ตอ้ งมีครดู ี และครูจะดไี ด้ ก็เพราะ ได้ครดู เี ป็นตน้ แบบ ครดู ที ส่ี ามารถเปน็ ตน้ แบบใหแ้ กม่ นษุ ยท์ ง้ั หลายคอื พระสมั มา- สัมพทุ ธเจ้า ผู้เปน็ พระบรมครูของโลก ซ่งึ ไมม่ ผี ้ใู ดในโลก ๓ เทยี บเทยี ม พระพทุ ธองค์ได้ ศาสตรแ์ ละศิลปแ์ ห่งความเป็นครู 196
อน่ึง ขอให้ท่านทั้งหลายลองคิดทบทวนถึงผู้เผด็จศึกในการสู้รบ ในแต่ละแว่นแคว้นในประวัติศาสตร์โลก ก็จะพบว่าเฉพาะผู้ท่ีรู้เขารู้เรา เท่าน้นั ท่สี ามารถรบชนะศึกทกุ คร้ัง ในการทำหน้าท่ีปลูกฝังอบรมส่ังสอนศิษย์ก็มีหลักการเดียวกัน กลา่ วคอื ผเู้ ปน็ ครจู ำเปน็ ตอ้ งรเู้ ขา ไดแ้ ก่ รจู้ กั กเิ ลส ซง่ึ เปน็ ศตั รทู แี่ ทจ้ รงิ ของทกุ คน และตอ้ งรเู้ รา ไดแ้ ก่ บญุ ซง่ึ เปน็ อาวธุ สำคญั สำหรบั ปราบ กเิ ลสโดยตรง ดงั นน้ั ในบรรดาคณุ สมบตั ิ ๓ ประการของแมพ่ มิ พข์ องชาตซิ งึ่ กลา่ ว ไว้ในบทที่ ๒ คอื ๑) การเปน็ ต้นแบบความร้วู ิชาการทางโลก ๒) การ เปน็ ตน้ แบบด้านความประพฤติหรอื ด้านศีลธรรม และ ๓) การมีวิชาครู คุณสมบัติขอ้ ๓ คือการมวี ิชาครูถอื ว่าสำคญั ท่ีสุด โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ความรู้อย่างถูกต้องลึกซึ้งเก่ียวกับเร่ืองบุญและบาป หรือถ้าใช้สำนวน ของนักรบกค็ อื สามารถรู้เขารู้เรานน่ั เอง ครทู ข่ี าดความรใู้ นเรอื่ งนี้ยอ่ มยากทจ่ี ะเปน็ ครดู ผี ปู้ ระสบความสำเรจ็ ในอาชพี ครไู ด้ เพราะไมร่ วู้ ธิ ปี ฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องตนใหเ้ กดิ คณุ คา่ อยา่ งยง่ิ ใหญ่ ต่อมวลมนุษยชาติ จึงมองไม่เห็นคุณคา่ แหง่ ความเปน็ ครูของตน ซำ้ ร้าย กว่านั้นยังมองว่าอาชีพครูก็คล้ายๆ กับคนพายเรือจ้างท่ีพาผู้คนข้าม ฟากแม่น้ำ ย่ิงได้เห็นพฤติกรรมของผู้คนในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างย่ิง เด็กๆ และวัยรุ่นท้ังหลาย ซ่ึงถูกครอบงำด้วยค่านิยมของมิตรเทียม อนั สบื เน่อื งมาจากวชิ าการในระบบทุนนิยมของโลกปัจจบุ ัน ทป่ี ราศจาก ศลี ธรรมกำกับ สภาพการณเ์ ช่นนใี้ นสงั คม ยอ่ มจะทำให้ครูบาอาจารย์ ทข่ี าดความรูเ้ ร่ืองบญุ และบาปอยา่ งลกึ ซ้งึ รูส้ ึกท้อแท้ ทนปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ไปวันตอ่ วนั อย่างละเหีย่ เพลียใจ ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ ห่งความเปน็ ครู 197
อยา่ งไรกต็ ามสำหรบั คณุ ครทู มี่ คี วามรสู้ กึ ดงั กลา่ ว ขอเสนอแนะให้ ท่านอ่านหนงั สือเล่มนห้ี ลายๆ เทยี่ ว แลว้ ทา่ นจะพบว่า อรรถาธิบายจาก หนังสือเล่มน้ี จะช่วยให้ท่านสามารถพัฒนาศาสตร์และศิลป์แห่งความ เป็นครูของตนเอง ให้ครบถ้วนและสมบูรณ์ยิ่งๆ ข้ึนได้อย่างรวดเร็ว อีกไม่นานนัก ท่านก็จะกลายเป็นคุณครูคนใหม่ท่ีสมบูรณ์พร้อมด้วย ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นครู ผู้มีความสุขในวิชาชีพของตน อยา่ งแนน่ อน ศาสตร์และศลิ ปแ์ หง่ ความเป็นครู 198
บรรณานุกรม ๑. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ที.ปา. เลม่ ท่ี ๑๑. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙. ๒. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ม.มู. เลม่ ท่ี ๑๒. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙. ๓. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ม.อุ. เลม่ ที่ ๑๔. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙. ๔. มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปฎิ กภาษาไทย อง.ฺ จตกุ กฺ . เลม่ ท่ี ๒๑. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙. ๕. มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปฎิ กภาษาไทย อง.ฺ อฏฐฺ ก. เลม่ ท่ี ๒๓. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙. ๖. มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปฎิ กภาษาไทย อง.ฺ ทสก. เลม่ ท่ี ๒๔. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙. ๗. มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย พระวนิ ยั ปิฎก. เล่มท่ี ๒. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหามกฏุ - ราชวิทยาลยั , ๒๕๓๖. ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ ห่งความเป็นครู 199
๘. มหามกุฏราชวทิ ยาลยั . พระไตรปิฎกภาษาไทย พระสตู รและ อรรถกถา. ท.ี ปา. เล่มที่ ๑๖. พมิ พ์คร้ังท่ี ๓. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพม์ หามกุฏราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๖. ๙. มหามกฏุ ราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย พระสูตรและ อรรถกถา. ม.ม.ู เล่มที่ ๑๗. พิมพ์คร้ังที่ ๓. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหามกฏุ ราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖. ๑๐. มหามกฏุ ราชวิทยาลยั . พระไตรปิฎกภาษาไทย พระสตู รและ อรรถกถา. ส.ํ น.ิ เลม่ ท่ี ๒๖. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหามกฏุ ราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖. ๑๑. มหามกฏุ ราชวิทยาลยั . พระไตรปฎิ กภาษาไทย พระสตู รและ อรรถกถา. สํ.ม. เลม่ ท่ี ๓๐. พิมพ์ครง้ั ที่ ๓. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖. ๑๒. มหามกฏุ ราชวิทยาลยั . พระไตรปิฎกภาษาไทย พระสตู รและ อรรถกถา. ขุ.ธ. ๔๑. พิมพค์ รั้งท่ี ๓. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ มหามกุฏราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๖. ๑๓. มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย. พระไตรปฎิ กภาษาไทย พระสตู รและ อรรถกถา. ขุ.อติ ิ. เลม่ ที่ ๔๕. พมิ พ์ครัง้ ท่ี ๓. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพม์ หามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖. ๑๔. มหามกฏุ ราชวิทยาลยั . พระไตรปฎิ กภาษาไทย พระสูตรและ อรรถกถา. ข.ุ ม. เลม่ ท่ี ๖๕. พิมพ์คร้งั ที่ ๓. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖. ๑๕. มหามกุฏราชวิทยาลยั . พระไตรปิฎกภาษาไทย พระสูตรและ อรรถกถา. ข.ุ จรยิ า. เลม่ ที่ ๗๔. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๓. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หามกุฏราชวทิ ยาลัย, ๒๕๓๖. ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ ห่งความเปน็ ครู 200
๑๖. พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว). ศรัทธา รุ่งอรุณแห่ง สนั ติภาพโลก. กรุงเทพมหานคร : รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗), ๒๕๕๑. ๑๗. พระภาวนาวริ ยิ คณุ (เผดจ็ ทตตฺ ชโี ว). พทุ ธประวตั ิ ฉบบั การฟน้ื ฟู ศีลธรรมโลก. กรงุ เทพมหานคร : รุง่ ศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗), ๒๕๕๒. ๑๘. พระราชวรมุนี (ประยุทธ ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งท่ี ๓. กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ,์ ๒๕๒๘. ๑๙. ตะวันธรรม. How to be a good teacher. พิมพค์ รั้งท่ี ๓. กรุงเทพมหานคร : รุง่ ศลิ ป์การพิมพ์ (๑๙๗๗), ๒๕๕๑. ศาสตรแ์ ละศลิ ป์แห่งความเป็นครู 201
ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ ความเปน็ ครู 202
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216