๑ แบบฝึกทกั ษะภาษาไทย ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้กระบวนการจัดการเรยี นรู้รูปแบบ SQ3R นางสาวเสาวนีย์ ต๊ะต๋า โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ คำชี้แจงเกยี่ วกบั แบบฝึ กทกั ษะ ๑. แบบฝึ กทกั ษะน้ีเป็นแบบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั และทกั ษะการคิด วิเคราะห์ รายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ เล่มที่ ๑ เร่ือง ความรู้ พ้นื ฐานการอ่านจบั ใจความ ใชส้ าหรับสอนนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๓ ๒. แบบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั และทกั ษะการคิดวเิ คราะห์เล่มน้ี ประกอบดว้ ย - คาช้ีแจงเกี่ยวกบั แบบฝึกทกั ษะ - คาแนะนาการใชแ้ บบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั และทกั ษะการ คิดวเิ คราะหส์ าหรับครู - คาแนะนาการใชแ้ บบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั และทกั ษะการ คิดวเิ คราะห์สาหรับนกั เรียน - สาระการเรียนรู้ และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - แบบทดสอบก่อนเรียน - เน้ือหา - แบบฝึ กทกั ษะ, แนวคาตอบการจบั ใจความสาคญั และการคิดวิเคราะห์ ของแบบฝึกทกั ษะ - แบบทดสอบหลงั เรียน - แบบบนั ทึกคะแนน - บรรณานุกรม - เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน - หลงั เรียน ๓. แบบฝึ กทกั ษะเล่มที่ ๑ ใชเ้ วลาเรียน ๒ ชวั่ โมง ๑
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ คำแนะนำกำรใช้แบบฝึ กทกั ษะสำหรับครู ๑. แบบฝึ กทกั ษะชุดน้ีมีจานวนท้งั หมด ๕ เล่ม ๒. แบบฝึ กทกั ษะเล่มน้ีเป็นแบบฝึ กทกั ษะ เร่ือง ความรู้พ้ืนฐานการอ่านจบั ใจความ สาคญั ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๓ ๓. ส่วนประกอบของแบบฝึ กทักษะ ซ่ึงประกอบด้วย สาระการเรียนรู้ และ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน เน้ือหา แบบฝึกทกั ษะ แนวคาตอบ การจบั ใจความสาคญั และการคิดวิเคราะห์ของแบบฝึ กทกั ษะ แบบทดสอบหลัง เรียน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน หลงั เรียน และแบบบนั ทกคะแนน ๔. ควรศึกษาคาแนะนาในการใชแ้ บบฝึ กทกั ษะตามวธิ ีการสอนแบบ SQ3R ก่อนใช้ ทุกเล่ม ๕. เตรี ยมอุปกรณ์การฝึ กล่วงหน้าก่อนสอนทุกคร้ัง เช่น แบบฝึ กทักทักษะ แบบทดสอบ ใหพ้ ร้อมเพือ่ สะดวกในการใช้ ๖. อธิบายใหน้ กั เรียนทราบถึงความสาคญั ของการฝึ กแต่ละคร้ังเพื่อใหน้ กั เรียนเห็น ประโยชนท์ ี่จะไดร้ ับจากการฝึกทกั ษะ ๒
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ คำแนะนำกำรใช้แบบฝึ กทกั ษะสำหรับนกั เรียน ๑. แบบฝึ กทกั ษะชุดน้ีมีจานวนท้งั หมด ๕ เล่ม ๒. แบบฝึ กทกั ษะเล่มน้ีเป็นแบบฝึ กทกั ษะ เร่ือง ความรู้พ้ืนฐานการอ่านจบั ใจความ สาคญั ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ ๓ ๓. ข้นั ตอนการใชแ้ บบฝึกทกั ษะ ๓.๑ ศกึ ษาทาความเขา้ ใจกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ของแบบฝึกทกั ษะ ๓.๒ ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ๓.๓ ทาแบบฝึกทกั ษะอยา่ งรอบคอบและต้งั ใจ ๓.๔ ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ๓.๕ ร่วมตรวจคาตอบกบั เฉลยในเล่ม ๓.๖ ร่วมตรวจคาตอบของแบบทดสอบก่อนเรียน และหลงั เรียนเม่ือเรียนใน แต่ละเร่ืองเพ่อื วดั ความรู้ที่พฒั นาในเรื่องน้นั ๆ ๔. การเรียนด้วยแบบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั นอกเหนือจากการฝึ ก ทกั ษะการจบั ใจความสาคญั จากส่ือประเภทต่าง ๆ แลว้ ยงั เป็นการฝึ กใหน้ กั เรียน เป็นผมู้ ีลกั ษณะอนั พึงประสงคใ์ นเรื่องต่อไปน้ี คือ ๔.๑ ฝึ กความซ่ือสัตยต์ ่อตนเองและผอู้ ื่น ๔.๒ ฝึ กการทางานใหเ้ สร็จตามเวลา การส่งงานตามกาหนด ๔.๓ ความรับผดิ ชอบในการทางาน ๔.๔ ฝึ กความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการจดั เกบ็ เอกสาร แบบฝึ ก ๓
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ สำระกำรเรียนรู้ และจุดประสงค์กำรเรียนรู้ สาระท่ี ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใช้ ตดั สินใจแกป้ ัญหาในการดาเนินชีวติ และมีนิสยั รักการอา่ น ตวั ชีว้ ดั ๑. จบั ใจความสาคญั เรื่องท่ีอ่าน ๒. ระบุเหตุผลและขอ้ เทจ็ จริงกบั ขอ้ คิดเห็นจากเร่ืองที่อา่ น จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของการอา่ นจบั ใจความได้ ๒. นกั เรียนสามรถบอกความหมายของใจความสาคญั ได้ ๓. นกั เรียนสามารถจาแนกพลความ หรือส่วนขยายใจความสาคญั ได้ สาระการเรียนรู้ ๑. ความหมายของใจความสาคญั ๒. ความหมายของการอ่านจบั ใจความสาคญั ๓. พลความหรือส่วนขยายใจความสาคญั ๔. จุดมุ่งหมายของการจบั ใจความสาคญั ๕. แนวการอ่านจบั ใจความ ๔
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความสาคญั คาชี้แจง : แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง ความรู้พ้ืนฐานการอ่านจบั ใจความสาคญั จานวน ๑๐ ขอ้ เป็นขอ้ สอบแบบปรนยั ๔ ตวั เลือก คาสั่ง : ให้นักเรียนเลือกข้อท่ีถูกท่ีสุดเพียงข้อเดียว และทาเคร่ืองหมาย ลงใน กระดาษคาตอบ ๑. ขอ้ ใด คือ หลกั การอา่ นจบั ใจความสาคญั ก. คน้ หาสาระ ข. คน้ หาขอ้ คิดเห็น ค. คน้ หาขอ้ เทจ็ จริง ง. คน้ หาความสาคญั ๒. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งเก่ียวกบั ใจความสาคญั ก. ครอบคลุมขอ้ ความอื่น ๆ ข. ทาใหเ้ กิดเรื่อง ค. เด่นเฉพาะตวั ง. ถูกทุกขอ้ ๓. ใจความสาคญั มีลกั ษณะอยา่ งไร ข. เป็นวลี ก. เป็นคา ง. เป็นประโยค ค. เป็นอนุเฉท ๕
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ๔. ขอ้ ใด คือ จุดมุง่ หมายของการอา่ นจบั ใจความ ก. เม่ืออ่านแลว้ สามารถสรุปหรือยอ่ เร่ืองได้ ข. เม่ืออา่ นแลว้ สามารถปฏิบตั ิตาคาสัง่ และคาแนะนาได้ ค. เมื่ออา่ นแลว้ สามารถคาดการณ์ และหาความจริงแสดงขอ้ คิดเห็น ง. เมื่ออ่านแลว้ สามารถจาคาประพนั ธ์ชนิดต่าง ๆ ได้ ๕. บุคคลในขอ้ ใดไม่มีพ้ืนฐานในการอา่ นจบั ใจความ ก. ก่อนอา่ นหนงั สือทุกคร้ังเก่งจะตอ้ งศึกษาส่วนประกอบตา่ ง ๆ ภายในหนงั สือ ข. นอ้ ยไมช่ อบวรรณคดีไทย เม่ืออา่ นเร่ืองพระอภยั มณีจงั ไม่คอ่ ยเขา้ ใจ ค. แดงอ่านเร่ืองลูกชาวนาไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและเขา้ ใจ เพราะเคยช่วยป่ ูทานา ง. นารีไดฉ้ ายาวา่ หนอนหนงั สือ เพราะชอบอา่ นหนงั สือเกือบทุกประเภท ๖. บุคคลในขอ้ ใดสามารถอ่านจบั ใจความ เร่ือง แม่ศรีเรือนไดง้ ่ายท่ีสุด ก. ป่ ูกบั ยา่ ของนิดชอบเล่าเรื่องสมยั เดก็ ๆ ของทา่ นใหฟ้ ัง ข. หน่อยชอบทาอาหารและขนมอบ เช่น คุกก้ี เคก้ ค. หนูชอบเล่นหมอ้ ขา้ ว หมอ้ แกง ง. ยา่ ดาไดร้ ับการสอนเรื่องการบา้ นการเรือนจากคุณยา่ ทวด ๗. ขอ้ ใดไม่ใช่หลกั ในการอา่ นจบั ใจความสาคญั ก. อา่ นทุกตวั อกั ษร ข. คิดถึงจุดมุง่ หมายขณะอา่ น ค. ไม่อา่ นซ้าหลาย ๆ เที่ยว ง. ไม่ควรพะวงกบั เร่ืองการใชภ้ าษาหรือเรื่องราวอ่ืน ๆ ๖
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ๘. ขอ้ ใดไม่ใช่ข้นั ตอนการอ่านจบั ใจความ ข. อ่านใหล้ ะเอียด ก. อา่ นผา่ น ๆ ง. คดั ลอก ค. อ่านซ้า ๙. ใจความสาคญั มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด ก. การอา่ นเพ่ือคน้ หาความสาคญั ข. ขอ้ ความท่ีมีสาระคลุมขอ้ ความอ่ืน ค. ส่วนขยายขอ้ ความอ่ืนใหช้ ดั เจน ง. ประโยคหรือขอ้ ความ ๑๐. “ตารวจจบั โจรที่ปลน้ ร้าน ๗-๑๑ สาขา ปตท. ศรีสะเกษ” .ใจความสาคญั คือ ตวั เลือกใด ก. โจรปลน้ ร้าน ๗-๑๑ ข. ตารวจจบั โจร ค. เม่ือวานน้ี ง. โจรปลน้ ร้าน ๗-๑๑ เมื่อวานน้ี ๗
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ใบควำมรู้ที่ ๑ ควำมรู้พืน้ ฐำนกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ ความหมาย การอ่านเพื่อจับใจความ (การอ่านเพ่ือจบั ใจความสาคญั ) หมายถึง การ อ่านเพ่ือเก็บสาระสาคญั ของเร่ืองที่อ่าน เช่น เก็บจุดมุ่งหมายสาคญั ของเรื่อง เก็บเน้ือ เร่ืองสาคญั เก็บความรู้ และขอ้ มูลท่ีน่าสนใจ ตลอดจนแนวคิด หรือทศั นะของผูเ้ ขียน ซ่ึงในแต่ละยอ่ หนา้ จะมีใจความสาคญั ท่ีทาใหผ้ อู้ ่านสามารถเขา้ ใจเน้ือความที่อ่านไดง้ ่าย ยง่ิ ข้ึน สงสยั จงั ! วา่ “ใจควำมสำคญั ” มนั อยตู่ รงไหน แลว้ เราจะรู้ไดอ้ ยา่ งไร? ใจความสาคัญ หมายถึง ประโยคหลักซ่ึงสามารถครอบคลุม เน้ือความของประโยครองอ่ืน ๆ ท้งั หมด สามารถใชเ้ ป็ นประโยคเดี่ยวได้ โดยไม่ตอ้ ง มีประโยครองอื่น ๆ มาประกอบ (สามารถตดั เน้ือความของประโยครองออกได้ ท้งั หมด) โดยในแต่ละย่อหน้าจะมีประโยคใจความสาคญั เพียงประโยคเดียว หรือ อยา่ งมากไมเ่ กิน ๒ ประโยคเท่าน้นั ๘
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ตัวอย่าง ผกั ผลไม้ ส่วนใหญ่ที่ขายในทอ้ งตลาดทวั่ ไป เกษตรกรมักใช้สารกาจัดศัตรู พืช เมื่อซ้ือผัก ผลไมไ้ ป ก่อนรับประทานควรล้างน้าหลายคร้ัง ใหส้ ะอาด เพอ่ื กาจดั สารตกคา้ ง เช่น แช่ในน้าด่าง ทบั ทิม หรือในน้าปูนใส นาน ๑๕-๒๐ นาที เป็ น ตน้ ใจความสาคัญ : เมื่อซ้ื อผักผลไม้ไป ก่อน รับประทานควรลา้ งน้าหลายคร้ังใหส้ ะอาด ข้อสังเกตลกั ษณะและตาแหน่งของใจความสาคญั หากเราสังเกตประโยคที่เป็ นใจความสาคญั ของเน้ือความในแต่ละยอ่ หนา้ ไดเ้ ร็ว คือ รู้จกั แยกใจความสาคญั ออกจากใจความรอง จะทาให้เขา้ ใจส่ิงท่ีอ่านไดถ้ ูกตอ้ งและรวดเร็ว ข้ึน โดยสงั เกตลกั ษณะและตาแหน่งใจความสาคญั ดงั น้ี เป็ นประโยคท่ีครอบคลุมใจความรองในย่อหน้าน้นั ท้งั หมด โดยขอ้ ความรองเป็ น เพียงรายละเอียดหรือส่วนขยายใจความสาคญั เท่าน้ัน อาจเป็ นพียงใจความแฝงอยู่ใน ขอ้ ความก็ไดแ้ ต่ก็มีความสาคญั กรณีท่ีไม่ปรากฏประโยคใจความสาคญั พบตาแหน่งของ ประโยคใจความสาคญั ได้ ๓ แห่ง คือ ประโยคแรก(นิยมมากท่ีสุด) ประโยคกลาง (นิยมปาน กลาง) และประโยคสุดทา้ ย (นิยมนอ้ ย) ๙
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ตวั อย่าง นิชา มีรถยนต์ ๙ คัน จอดอยู่ในโรงรถข้างบ้าน ประกอบดว้ ย รถแวน รถเก๋ง และรถตู้ อยา่ งละ ๓ คนั นิชาเป็ นคนชอบ สะสมรถยนตเ์ ป็นอยา่ งมาก (ใจความสาคัญ : อยตู่ าแหน่งประโยคแรก) ตน้ และต่อไปเที่ยวชายทะเลกบั ครอบครัวเมื่อปิ ดเทอม ใหญน่ ้ี และท้งั คู่วา่ ยน้าเป็นต้งั แต่ยงั เด็กเพราะพวกเขาชอบวา่ ยน้ามาก จึง สามรถว่ายน้าและเล่นน้าทะเลกันได้เป็ นเวลายาวนานหลายชั่วโมง ทีเดียวในแต่ละคร้ัง (ใจความสาคัญ : อยตู่ าแหน่งประโยคกลาง) เ ว ล า เ ที่ ย ง คื น ก บ อ อ ก จ า ก ง า น เ ล้ี ย ง สั ง ส ร ร ค์ ใ น ร้านอาหารญี่ป่ ุน และเม่ือมาถึงประตูบา้ นตนเอง จึงคน้ หากุญแจบา้ นพกั ใหญ่ สกั ครู่เขาจึงกลบั ออกไป เพราะนึกไดว้ า่ เขาทากุญแจบา้ นหล่นไวท้ ่ี ร้านอาหารน้นั (ใจความสาคญั : อยตู่ าแหน่งประโยคแรกสุดทา้ ย) ๑๐
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ วธิ ีการอ่านจับใจความสาคญั การอ่านจบั ใจความสาคญั ให้เขา้ ใจง่ายและรวดเร็ว ผูอ้ ่านมีวิธีการปฏิบตั ิท่ีเป็ น แนวทางไปตามลาดบั เพ่ือการอา่ นจบั ใจความสาคญั ดงั น้ี ๑. อ่านรอบแรกคร่าว ๆ พอเข้าใจ โดยตอ้ งพยายามนึกไวเ้ สมอวา่ “เร่ืองท่ีกาลงั อ่านอยู่น้นั เป็ น เรื่องอะไร” ปฏิบตั ิโดยให้อ่านไล่ไปทุกตวั อกั ษร แต่ยงั ไม่ตอ้ งพิจารณาสิ่งใดเป็ นพิเศษนกั แลว้ พยายามเก็บขอ้ ความของส่ิงที่อ่าน ๒. ต้งั คาถาม เมื่ออ่านจบแลว้ โดยถามกบั ตวั เองวา่ “เรื่องน้ีมีใครบา้ ง ทาอะไร ท่ีไหน เมื่อไหร่ อยา่ งไร ทาไม” อน่ึง การต้งั คาถามน้ี อาจไมจ่ าเป็นตอ้ งเหมือนกนั ท้งั หมดทุกเร่ืองที่อ่านก็ได้ อาจตอ้ งปรับเปล่ียนไปตามเง่ือนไขของงานเขียนที่อ่านน้นั ๓. อ่านใหม่อกี รอบ เพื่อการตอบคาถาม โดยพิจารราประโยค หรือขอ้ ความจากคาถาม อาจใช้ วิธีการขีดเส้นใต้ การตีเส้นลอ้ มรอบขอ้ ความสาคญั หรือการใชส้ ีเนน้ ขอ้ ความสาคญั โดย พยายามแยกใจความหลกั ออกจากใจความรอง ก็จะทาใหผ้ ูอ้ ่านเขา้ ใจในส่ิงท่ีอ่านไดถ้ ูกตอ้ ง และรวดเร็ว ๔. บันทึกย่อ ขณะท่ีอ่าน หรือเม่ืออ่านจบแล้วก็ได้ ควรใช้ภาษาหรือสานวนของตน ไม่ควร บนั ทึกยอ่ ดว้ ยการตดั เอาใจความสาคญั มาเรียงต่อกนั เพราะอาจจะทาให้พลาดสาระสาคญั บางตอนไป หรือตีความผดิ พลาดคลาดเคล่ือนไป ๕. ฝึ กอ่านอย่างสม่าเสมอ โดยอ่านหนงั สือหลาย ๆ ประเภท เพื่อให้เกิดความชานาญ และมี ประสบการณ์ในการอ่านมากย่ิงข้ึน ทุกคร้ังที่อ่านหนังสือเล่มใหม่ อ่านควรสารวจ ส่วนประกอบของหนงั สือ เช่น ชื่อเรื่อง คานา สารบญั ฯลฯ เพราะส่วนประกอบของหนงั สือ จะทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจเกี่ยวกบั หนงั สือท่ีอ่านไดก้ วา้ งขวาง และรวดเร็วมากยง่ิ ข้นั ๑๑
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ สรุป วธิ ีการอ่านจบั ใจความสาคญั อ่านเน้ือเร่ื องคร่าว ๆ ท้ังหมด และแยกแยะว่าประโยคใดเป็ น ประโยคใจความสาคญั ที่สุด และ ประโยคใดเป็ นประโยครอง ทบทวนโดยต้ังคาถามในใจ แ ล้ว อ่ า น อี ก ร อ บ เ พ่ื อ ต อ บ คาถาม ว่า เป็ นอะไร ใครทา อะไร ท่ีไหน อย่างไร ทาไม เม่ือไหร่ บัน ทึ ก ย่ อ ด้ว ย ข้อ ค ว า ม ท่ี มี ความสัมพนั ธ์กนั ส้ัน ๆ กะทดั รัด ชดั เจน โดยใช้ภาษา สานวนของ ตนเอง อาจจะบันทึกระหว่างที่ อ่านหรือหลงั จากอา่ นจบแลว้ ก็ได้ ๑๒
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ การบนั ทึกย่อน้ัน อาจใช้วิธีการวาดภาพ แทนการเขียนเป็ นตวั อกั ษรก็ได้ เช่น วาด ภาพมดแดงแทนการเขียนคาวา่ มดแดง จะ ทาใหจ้ ดจาไดง้ ่ายข้นั ตัวอย่างท่ี ๑ นกพริ าบกบั มดแดง มีเจา้ มดแดงตวั หน่ึง กาลงั เดินทางไปท่ีลาธารเพื่อจะด่ืมน้า แต่มนั พลาด ลงไปในกระแสน้าที่ไหลเชี่ยว ในขณะน้นั มีนกพิราบตวั หน่ึงที่บินอยู่ เหนือลาธาร มนั มองเห็นเหตุการณ์โดยตลอด เกิดความสงสารมดแดง ตวั น้ัน จึงโยนกิ่งไม้อนั เล็ก ๆ ลงไปในลาธารเพ่ือให้เจา้ มดแดงเกาะ เอาไว้ และว่ายน้ากลบั เขา้ ฝ่ัง ซ่ึงหลงั จากเจา้ มดแดงกลบั เขา้ ฝั่งแลว้ น้นั มนั มองเห็นนายพรานคนหน่ึงกาลงั ต้งั ท่าเล็งปื นไปท่ีนกพิราบ ดงั น้นั มนั จึงกดั เทา้ ของนายพรานคนน้นั ทนั ที จนเขารู้สึกปวดท่ีเทา้ มาก จึงยิง พลาดไป ไม่โดน นกพิราบตวั น้นั มนั จึงบินหนีไปได้ ตัวอย่างการบันทกึ ย่อ “นกพริ าบกบั มดแดง” ใคร ทาอะไร ทไ่ี หน อย่างไร/ทาไม/เมื่อไร มดแดง นกพิราบ เดินไปด่ืมน้า ลาธาร พลาดตกลงไปในกระแสน้าเช่ียว นายพราน มดแดง โดยก่ิงไมใ้ หม้ ดแดง ลาธาร โยนลงน้าใหม้ ดแดงเกาะข้ึนฝ่ัง เลง็ ปื นไปที่นกพิราบ ฝั่งลาธาร ถูกมดแดงกดั ที่เทา้ กดั เทา้ นายพราน ฝั่งลาธาร ทาใหน้ ายพรานยงิ นกพลาด ๑๓
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ตัวอย่างท่ี ๒ คนเราแมช้ าติกาเนิดจะเป็ นเช่นไรก็ไม่สาคญั ถา้ เป็ นคนขยนั หมนั่ เพียร คิดทาส่ิงที่ถูกที่ควร ดว้ ยสติสัมปชญั ญะ และปัญญาแบบพุทธแลว้ ยอ่ ม สามารถนาตนไปสู่ที่ท่ีดีได้ ท้งั ยงั สามารถทาตนให้เป็ นประโยชน์ต่อ สังคมไดเ้ ป็นอนั มาก ประเด็นสาคญั ของข้อความนี้ ถา้ เป็นคนขยนั และมีสติสัมปชญั ญะ ก็สามารถพาตวั เองไปพบเจอแตส่ ิ่ง ดี ๆ และยงั ช่วยเหลือสังคมได้ ๑๔
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ แบบฝึ กทกั ษะที่ ๑ รู้ความหมาย คาชี้แจง : อ่านขอ้ ความตอ่ ไปน้ี แลว้ จบั คู่ของความหมายกบั คาศพั ทท์ ่ีตรงกนั โดยนา ตวั อกั ษรดา้ นขวามาเขียนลงช่องวา่ งหนา้ ขอ้ ในดา้ นซา้ ย เยน็ วนั จนั ทร์ ขณะที่คุณยายกาลงั รดน้าตน้ พริกข้ีหนู ซ่ึงมีรสเผด็ มาก อยูข่ า้ ง ๆ สนามหญา้ น้นั คุณตาไดน้ าตน้ จนั มาปลูกท่ีริมร้ัวหนา้ บา้ น ซ่ึงอยดู่ า้ นหลงั อฒั จนั ทร์ไมส้ ีส้มสดใส …………. ๑. รด ก. ญาติผใู้ หญ่ผหู้ ญิง …………. ๒. รส ข. วนั ลาดบั ที่ ๒ ในสปั ดาห์ …………. ๓. ยาย ค. เท ราด สาด ฉีด ของเหลวไปยงั ส่ิงใด ๆ เพ่ือให้ …………. ๔. จนั ทร์ …………. ๕. อฒั จนั ทร์ เปี ยก หรือใหเ้ ปี ยกชุ่ม ง. ดวงเดือน จ. สถานท่ีนงั่ ดา้ นขา้ งสนามกีฬา ฉ. สิ่งที่รู้ไดด้ ว้ ยลิ้น สิ่งสาคญั ในการอ่านจบั ใจความ คือ เรา ตอ้ งไม่สับสนกบั คาศพั ท์ที่อ่าน ท่ีอาจมี เสียง หรือรูปที่คลา้ ยกนั จึงควรพิจารณา ท่ีความหมายของคาศพั ทน์ ้นั ๑๕
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ แบบฝึ กทกั ษะท่ี ๒ จดจาเร่ืองราว คาชี้แจง : อ่านขอ้ ความแลว้ ตอบคาถามจากเรื่อง ขณะท่ีอ่านเร่ืองเพ่ือตอบคาถามน้นั หลกั สาคญั คือ ตอ้ งต้งั คาถาม วา่ เรื่อง เกี่ยวกบั อะไร ใครทาอะไร ท่ีไหน เม่ือไร ทาไม อยา่ งไร โดยท่ีแต่ละเร่ืองที่ อ่านน้นั อาจต้งั คาถามดงั กล่าวแตกตา่ งกนั ก็ได้ ตัวอย่าง นกั วิชาการแนะนาช่วงเวลาในการรดน้าตน้ ไมท้ ่ีเหมาะสม คือ ในช่วงเชา้ หรือช่วงเยน็ มากกวา่ เวลาเท่ียงวนั เพราะแดดยงั ไม่จา้ ทาให้น้า ระเหยออกไปในอากาศไดช้ า้ ดงั น้นั ตน้ ไมจ้ ึงรับน้าไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี คาถาม ใจความสาคญั ช่วงเวลาในการรดน้าตน้ ไมท้ ี่เหมาะสม ใครทาอะไร นกั วชิ าการแนะนาช่วงเวลาในการรดน้าตน้ ไม้ ท่ีไหน การรดน้าตน้ ไม้ อยา่ งไร การรดน้าตน้ ไมช้ ่วงเชา้ หรือช่วงเยน็ มากกวา่ ช่วงเที่ยงวนั ทาไม แสงแดดยงั ไม่จา้ ทาใหน้ ้าระเหยออกไปในอากาศชา้ ตน้ ไม้ รับน้าอยา่ งเตม็ ท่ี ประโยคใจความสาคัญอยู่ท่ีตาแหน่ง ประโยคแรก โดยส่วนมากแลว้ ประโยค ใจความสาคญั สามารถนาไปต้งั เป็ นชื่อ เร่ืองได้ เช่น เวลาในการรดนา้ ต้นไม้ ๑๖
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ คาถาม ๑. บา้ นในชนบทส่วนมากมกั จะปลูกตน้ ไผ่ เพ่ือทาเป็ นร้ัว บ้าน เพราะต้นไผ่มีหนามแหลมคม สามารถใช้ป้องกัน ใจความสาคญั ขโมยไดด้ ี ในสมยั ก่อนน้นั ยงั ไม่มีกาแพงเหมือนในปัจจุบนั ใครทาอะไร คนโบราณจึงปลูกตน้ ไผเ่ ป็นร้ัว ที่ไหน อยา่ งไร ช่วงเวลาในการรดน้าตน้ ไมท้ ี่เหมาะสม ทาไม นกั วชิ าการแนะนาช่วงเวลาในการรดน้าตน้ ไม้ รับ การรดน้าตน้ ไม้ การรดน้าตน้ ไมช้ ่วงเชา้ หรือช่วงเยน็ มากกวา่ ช่วงเที่ยงวนั แสงแดดยงั ไม่จา้ ทาใหน้ ้าระเหยออกไปใน ๒. เตารีดไหมเ้ ป็นปัญหาที่พบบ่อย ๆ ซ่ึงเม่ือนามารีดผา้ จะทา ให้ฝื ด รีดไม่คล่องและท่ีพ้ืนเตารีดก็จะมีรอยไหมด้ าติดอยู่ วธิ ีการไข ก็คือ การใชย้ าสีฟันป้ายที่รอยไหมข้ องเตารีด แลว้ ใชเ้ ศษผา้ ถูแรง ๆ ใหท้ ว่ั รอยไหมก้ ็จะหายไป และน้าผา้ ชุบน้า ทาความสะอาดอีกคร้ัง เตารีดกจ็ ะใชไ้ ดด้ ีตามปกติ คาถาม ช่วงเวลาในการรดน้าตน้ ไมท้ ี่เหมาะสม นกั วิชาการแนะนาช่วงเวลาในการรดน้าตน้ ไม้ ใจความสาคญั การรดน้าตน้ ไม้ ใครทาอะไร การรดน้าตน้ ไมช้ ่วงเชา้ หรือช่วงเยน็ มากกวา่ ช่วงเท่ียงวนั ที่ไหน แสงแดดยงั ไม่จา้ ทาใหน้ ้าระเหยออกไปในอากาศชา้ ตน้ ไม้ อยา่ งไร ทาไม ๑๗
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ แบบฝึ กทกั ษะที่ ๓ บอกเล่าเหตุการณ์ คาชี้แจง : อ่านขอ้ ความและเขียนเครื่องหมาย หนา้ ขอ้ ท่ีถูกตอ้ ง และเขียน หนา้ ขอ้ ที่ ไมถ่ ูกตอ้ ง หลกั สาคญั ในการแยกขอ้ เทจ็ จริงของขอ้ มูล ก็คือ ให้ดูลาดบั ก่อน-หลงั ของ เหตุการณ์ และดูวา่ เหตุการณ์ใดสาคญั ท่ีสุด การลาดบั เหตุการณ์ จะทาให้ เราสามารถแยกขอ้ เทจ็ จริงของขอ้ มูลไดด้ ีข้ึน ตัวอย่าง ชะนีทาสีบา้ นใหม่สีแดง อีกาข้ึนรถไฟนากุหลาบสีแดงไปใหช้ ะนี ลูก แมวเห็นจึงขี่จกั รยานนาดอกทานตะวนั ไปใหช้ ะนี อีกาจึงต่อวา่ ดอกทานตะวนั ไม่ ดี ลูกแมวก็วา่ ดอกกุหลาบไม่ดี อีกาจะตีลูกแมว ชะนีจึงต่อวา่ อีกาเกเร และบอก ใหแ้ ยกยา้ ยกนั กลบั ไป เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนก่อน อีกาข้ึนรถไฟไปบา้ นชะนี เหตุการณ์ท่ีสอง ลกู แมวเห็นจึงขี่จกั รยานนาดอกทานตะวนั ไปใหช้ ะนี อีกาและลูกแมวแยกยา้ ยกนั กลบั ไป เหตุการณ์สุดทา้ ย อีกาต่อวา่ ลูกแมวและจะตีลูกแมว เหตุการณ์สาคญั คาถาม ….. ๑. อีกาเดินทางไปบา้ นของชะนีพร้อมๆกบั ลูกแมว ….. ๒. อีกาและลูกแมวทะเลาะกนั เมื่อไปถึงบา้ นของชะนี ….. ๓. อีกาและลกู แมวถกู ชะนีไล่ใหก้ ลบั ท้งั คู่ ๑๘
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ รถม้าเป็ นเอกลักษณ์อย่างหน่ึงของ เมืองลาปาง จึงเป็ นพาหนะสาหรับนา นกั ท่องเท่ียวชมรอบเมือง ผูข้ บั ขี่เองก็ จาเป็นตอ้ งมีใบขบั ข่ีดว้ ย คาถาม ๑. อ่านข้อความแล้วเขียนหน้าข้อทถ่ี ูกต้อง และเขยี นหน้าข้อทไ่ี ม่ถูกต้อง ……. ๑.๑ เอกลกั ษณ์ท่ีสาคญั ที่นกั ท่องเท่ียงมาเที่ยวชมเมืองลาปาง คือ ทศั นียภาพของ เมืองลาปาง ……. ๑.๒ นกั ท่องเที่ยวสามารถเช่ารถมา้ เพื่อตนเองใชเ้ ป็นพาหนะขบั ข่ีในการชมเมือง ลาปางไดต้ ามอธั ยาศยั ……. ๑.๓ ผขู้ บั ขี่รถมา้ เมืองลาปางเพ่ือบริการนกั ท่องเท่ียวทุกคนจะตอ้ งมีใบขบั ขี่ดว้ ย ……. ๑.๔ พาหนะสาคญั ในการพานกั ท่องเท่ียวชมเมืองลาปาง คือ รถมา้ เมืองลาปาง ๒. ตอบคาถามต่อไปนี้ ๒.๑ ช่ือเร่ืองคือ ……………………………………………..…………...…..… ๒.๒ ประโยคใจความสาคญั คือ ………………………………………………. ๑๙
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ใบควำมรู้ท่ี ๒ แก่นของเรื่องและใจควำมสำคญั แก่นของเรื่อง คือ แนวความคิดหลกั ในการคน้ หาแก่น ของเร่ือง คือ การสรุป จดั ไดว้ ่าเป็ นแนวความคิดสาคญั ที่ปรากฏต้งั แต่ตน้ จน จบ และเชื่อมโยงใจความสาคญั ที่อ่านเขา้ ดว้ ยกนั เป็ น สิ่งท่ีอ่านจาก ใจความสาคญั ส่ิงสาคญั ท่ีขาดไม่ได้ ในงานเขียนทุกประเภท ผูอ้ ่าน ควรคน้ หาแก่นของเรื่องให้พบ จึงทาใหเ้ ขา้ ใจเรื่องราว ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ปกติแล้วแก่นของเร่ืองอาจมี ๑ เร่ือง หลกั และอาจมีแก่นรองประกอบก็ได้ ดงั น้นั เมื่ออ่าน จบแลว้ ผอู้ ่านควรพิจารณาสิ่งที่อา่ นเพ่ือคน้ หาแก่นของ เร่ือง ตวั อย่างท่ี ๑ ความเครียดทาให้เพิ่มฮอร์โมนอะดรีนาลีนในเลือด ทาให้หวั ใจเตน้ เร็ว เส้นเลือดบีบตวั กลา้ มเน้ือเขม็ง ตึง ระบบยอ่ ยอาหารผดิ ปกติ เกิดอาการปวดหวั ปวด ทอ้ ง ใจสั่น อ่อนแรง และความเครียดยงั เป็ นตวั การ ใหแ้ ก่เร็วอีกดว้ ย แก่นของเรื่อง : ความเครียด ๒๐
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ตัวอย่างท่ี ๒ โดยชาติพนั ธุ์แลว้ คนไทยมีสีผมและสีดวงตาเป็ นสีดา อีกท้งั จมูกน้นั ก็ ไม่โด่งมากนกั มีสีผวิ สองสี รูปร่างไม่สูงใหญ่มากนกั ซ่ึงผชู้ ายสูงเฉล่ีย ประมาณ ๑๗๐ เซนติเมตร ผหู้ ญิงสองเฉลี่ยประมาณ ๑๕๕ เซนติเมตร แก่นของเร่ือง : ลกั ษณะของคนไทย หลกั สาคญั ในการพจิ ารณาแก่นของเรื่อง ในการอา่ นเร่ืองใดเรื่องหน่ึง หากพบวา่ สิ่งที่อ่านมีหลายยอ่ หนา้ นน่ั หมายความวา่ ในแต่ละยอ่ หนา้ น้นั อาจมีใจความสาคญั อยทู่ ุกยอ่ หนา้ ดงั น้นั ผูอ้ ่านจึงควรเริ่มจากการอ่านจบั ใจความสาคญั ไปทีละย่อหน้า และควร ระบุประเด็นใจความสาคญั ของแต่ละยอ่ หน้าดว้ ย แลว้ นาประเด็นน้นั มา พิจารณารวมกนั และคดั เลือกประเด็นสาคญั ท่ีสุด ซ่ึงคือแก่นของเร่ือง โดยมีหลกั สาคญั ท่ีใชส้ งั เกตและพิจารณาแก่นของเรื่อง ดงั น้ี ๑. เป็นงานเขียนเก่ียวกบั อะไร ซ่ึงคือจุดประสงคข์ องผเู้ ขียนนน่ั เอง ๒๑
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ๒. พิจารณาแก่นของเร่ืองจากประโยคใจความสาคญั ซ่ึงปกติแลว้ ผูเ้ ขียนจะ แสดงแก่นของเรื่องได้ ๒ แบบ คือ แบบเปิ ดเผย (มกั จะปรากฏได้ในประโยค ใจความสาคญั พบเห็นได้โดยง่าย) และแบบซ่อนเร้น (มกั จะแฝงอยู่ในประโยค ใจความสาคญั ท้งั แบบต้งั ใจหรือแบบแยบคาย) โดยการแสดงแก่นของเร่ืองแบบ แยบคายน้ีเป็ นที่นิยมเขียน เพ่ือแสดงศักยภาพของผูเ้ ขียน ดังน้ันผูอ้ ่านจึงต้อง พิจารณาประโยคใจความสาคญั ต่าง ๆ และสรุปใหเ้ ป็นแก่นของเรื่อง ผอู้ ่านจึงไดฝ้ ึ ก คิด และยงั สร้างความทา้ ทายกบั การอา่ นน้นั ๆ ดว้ ย ๓. สรุปแก่นของเรื่องเป็ นประโยคส้ัน ๆ จากประโยคใจความสาคญั ซ่ึงมกั เกิดข้ึนผา่ นการเรียนรู้จากเหตุการณ์ในเรื่องราวท่ีอ่าน ย่งิ เร่ืองราวที่อ่านมีความยาว มากเท่าใด ประโยคใจความสาคญั ก็ยง่ิ จะมีมากตามไปดว้ ย ดงั น้นั การพิจารณาแก่น ของเรื่องน้นั ทาไดโ้ ดยสรุปประโยคใจความสาคญั ที่พบท้งั หมด ให้เป็ นประโยค ส้ัน ๆ เช่น ทาดีไดด้ ี ทาช่วั ได้ชว่ั คุณค่าของมนุษยไ์ ม่ได้อยู่ท่ีเปลือกนอก หนทาง พิสูจนม์ า้ กาลเวลาพสิ ูจน์คน เป็นตน้ เราสามารถประยุกต์ แก่นของเรื่องมกั มาจากใจความสาคญั ดงั น้นั สามารถใชต้ าแหน่งของ ความรู้ เกี่ยวกับแก่น ใจความสาคญั มาใชห้ าแก่นของเรื่องได้ ถา้ เรื่องท่ีอ่านมีหลายย่อหน้า ของเร่ื องไปใช้ในกา ร เช่น ใจความสาคญั อยูใ่ นประโยคแรก ประโยคกลาง ประโยคสุดทา้ ย รับชมภาพยนตร์ ใน ตวั อยา่ งต่อไปน้ีแต่ละยอ่ หนา้ จะแสดงแก่นของเรื่องดว้ ยตวั อกั ษะสีแดง ชีวติ ประจาวนั ได้ ๒๒
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ วนั สงกรานต์ หมายถึง วนั ข้ึนปี ใหม่ไทย ระหว่างวนั ที่ ๑๓-๑๕ เมษายนของทุกปี โดยวนั ท่ี ๑๓ เรียกวา่ วนั มหาสงกรานต์ วนั ที่ ๑๔ เป็ นวนั เนา และวนั ที่ ๑๕ เป็ นวนั เถลิงศก วนั สงกรานต์เป็ นเทศกาลวนั สิ้นปี เก่าข้ึนปี ใหม่ของคนไทย ท่ียืดถือและ สืบเนื่องมาแต่โบราณ เป็นระยะเวลาเขา้ สู่ฤดูร้อน หลงั จากที่เสร็จจากการเกบ็ เก่ียวขา้ ว ประชาชนจึงว่างจากการทางาน ดงั น้ัน วนั สงกรานต์จึงมี การละเล่นสนุกสนานร่ืนเริงในแต่ละปี ร่วมกัน ของแต่ละหมู่บ้าน ตาบล หรือเมืองหน่ึง ๆ แมป้ ัจจุบนั ทางราชการกาหนดให้ทุก ๆ วนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม เป็ นวนั สิ้นปี และวนั ที่ ๑ มกราคม เป็ นวนั ข้ึนปี ใหม่ แต่ ประเพณีการทาบุญและงานร่ืนเริงในวนั ตรุษและวนั สงกรานต์ก็ยงั มีอยู่ ทว่ั ทุกภาคของประเทศไทยการทาบุญ เช่น การก่อพระเจดียท์ ราย การ ปล่อยนกปล่อยปลา การสรงน้าพระพุทธรูป การสรงน้าพระภิกษุ สามเณร การรดน้าผูใ้ หญ่ การทาบุญอฐั ิ การเล่นสาดน้า เป็ นตน้ ลว้ น เป็นกิจกรรมที่นิยมปฏิบตั ิในวนั สงกรานต์ โดยทว่ั ไป แก่นของเร่ือง : วนั สงกรานตแ์ ละกิจกรรมที่นิยมปฏิบตั ิ กรณี เรื่ องท่ี อ่านมีหลา ย ย่อหน้า แก่นของเร่ื อง คือ การสรุ ปความจาก ใจความสาคญั ท้งั หมด ๒๓
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ตวั อย่าง พ่อแม่ท่ีคอยบอกห้ามลูกเล็ก ๆ ไม่ให้ไปนั่งติดหน้าจอทีวีน้ัน ซ่ึงนับว่าทา ถูกตอ้ งแลว้ เพราะการนงั่ ดูจอทีวมี ากเกินไปเป็นโทษ จะดูไม่รู้เร่ืองนกั เป็ นท่ีน่าแปลก วา่ ยิ่งเคร่ืองรับโทรทศั น์ไดร้ ับการพฒั นาให้ใหญ่ข้ึนเท่าใด จนจอใหญ่โตจนเกือบจะ เท่าคนจริง แต่ดูแลว้ กลบั ยงิ่ เขา้ ใจผดิ มากข้ึน ตร.ไบรอน วีฟ ศาสตราจารยว์ ิชาสื่อสารมวลชน เปิ ดเผยผลการศึกษา คือ ควร นงั่ ดูทีวใี หห้ ่างจอ ย่ิงจอที่มีขนาดใหญ่ยิง่ ตอ้ งนงั่ ให้ห่าง เนื่องจากการนงั่ ชมโทรทศั น์ ใกลต้ ิดจอทีวีมากเกินไป จะย่ิงดูไม่ค่อยรู้เร่ืองมากข้ึน เพราะสายตาจะคอยจบั จอ้ งอยู่ แต่กบั ภาพและเสียงท่ีอยูต่ รงหนา้ มากกวา่ การดูภาพและเรื่องราวโดยรวม จึงไม่ทนั แยกแยะเร่ืองราวใด ส่งผลใหด้ ูไม่ค่อยเขา้ ใจเรื่องราวนกั เขา้ กล่าวต่อวา่ ระยะการดูจอ ทีวใี กล้ ๆ น้นั หากเป็นรายการพวกตลกหรือละครก็อาจพอจะเขา้ ใจไดบ้ า้ ง แต่ถา้ เป็ น รายการข่าวหรือโฆษณา ท่ีตอ้ งต้งั ใจชม ควรนงั่ ดูให้ห่างจอสักหน่อย หรืออย่าไปดู เครื่องรับจอใหญ่เกินไป ๑. เขียนประโยคใจความสาคญั ของยอ่ หนา้ แรก และยอ่ หนา้ สอง คือ ………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………..…………... ๒. เขียน ลงใน หนา้ ขอ้ ท่ีเป็นแก่นของเร่ือง ขนาดจอทีวแี ละการเลือกชมรายการท่ีเหมาะสมกบั เดก็ เล็ก ขอ้ ควรปฏิบตั ิในการชมทีวี ๒๔
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ แบบฝึ กทกั ษะที่ ๔ จับใจความสาคัญ คาชี้แจง : อา่ นขอ้ ความต่อไปน้ี และเขียนเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ ง คา้ งคาว ถือวา่ ตนมีปี กเหมือนนก และมีหูเหมือนสัตวอ์ ื่นทว่ั ไป ดงั น้นั เม่ือนกยก พวกไปต่อสู้กบั สัตวอ์ ่ืน ๆ คา้ งคาวก็ขอตวั ไม่เขา้ ขา้ งฝ่ ายใด โดยทาตวั เป็ นกลาง แต่หาก นกมีท่าทีท่ีจะชนะ คา้ งคาวจะรีบประกาศตวั ไปเขา้ กบั ฝ่ ายนก ต่อมาเม่ือนกจะพลาดท่า เสียทีแก่สัตวอ์ ่ืน คา้ งคา้ วกผ็ ละจากนกไปเขา้ พวกกบั สัตวอ์ ื่น ต่อมานกต่อสู้จนใกลจ้ ะได้ ชยั คา้ งคาวก็กลบั มาอยขู่ า้ งฝ่ ายพวกนกอีก เมื่อนกกบั สัตวอ์ ื่น ๆ ทาสัญญาสงบศึกและ เป็นมิตรตอ่ กนั ท้งั สองตา่ งกข็ บั ไล่คา้ งคาวและไม่ยอมใหเ้ ขา้ พวกดว้ ย คา้ งคาวอบั อายจงึ ไปซ่อนตวั ในถ้าจะออกจากถ้าไปหาอาหารในตอนกลางคืนเท่าน้นั คาถาม ๒. ขอ้ ใดเป็นแก่นของเรื่อง ก. คา้ งคาวมีหนา้ เหมือนสตั วห์ ลายชนิด ๑.ประโยคใจความสาคญั อยทู่ ่ีส่วนใด ข. คา้ งคาวเลือกพวก ก. ประโยคตน้ ยอ่ หนา้ ค. ผขู้ าดความจริงใจไมม่ ีใครอยากคบหาดว้ ย ข. ประโยคตอนทา้ ยยอ่ หนา้ ง. คา้ งคาวอบั อายจึงซ่อนตวั อยใู่ นถ้า จะออก ค. ประโยคกลางยอ่ หนา้ หากินตอนกลางคืน ง. ปรากฏชดั เจน ๒๕
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ คาชี้แจง : อ่านขอ้ ความ ๑ - ๒ แลว้ เขียนขอ้ ความใหถ้ ูกตอ้ ง ตก๊ั แตนตวั หน่ึงไม่ไดก้ ินอาหารมาหลายวนั มนั เดินโซเซไปมา เพราะ ไร้แรง กระโดด จนมาถึงลานดินใตต้ น้ โอก๊ ใหญ่ท่ามกลางลมในฤดูหนาว มนั แลเห็นพวกมด กาลงั ขนเมลด็ ขา้ วโพดออกจากรังมาตากใหแ้ หง้ ตก๊ั แตนจึงเดินไปขอกินเมล็ดขา้ วโพด สัก ๒ - ๓ เม็ด เพ่ือจะใชป้ ระทงั ชีวิต แต่มดกลบั ถามวา่ “ทาไมเม่ือตอนฤดูร้อน ไม่หา เสบียงหรืออาหารกกั ตุนไว”้ ตกั๊ แตนก็ตอบวา่ “ตนน้นั มวั แต่ร้องเพลงและเที่ยวเล่นไป ตลอดฤดูร้อน” เม่ือไดฟ้ ังมด จึงกล่าวว่า “ถา้ เช่นน้นั เจา้ ก็ควรจะเตน้ ราไปให้ตลอดฤดู หนาวซิ” กล่าวจบ มดต่างก็ช่วยกนั ขนเมล็ดขา้ วโพดดงั กล่าวกลบั เขา้ รังไปให้พวกของ ตนกิน คาถาม ๑. ขีดเส้นใตป้ ระโยคใจความสาคญั ของยอ่ หนา้ ๒. แก่นของเรื่อง คือ …………………………………………………………... ๓. เขียนเล่าเรื่องยอ่ …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… ๒๖
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ การไหวเ้ ป็นมารยาทไทย เป็ นวฒั นธรรมสาคญั ในการทกั ทาย เม่ือเวลาพบปะกนั หรือลาจากกนั “การไหว”้ ยงั เป็ นการแสดงถึงการมีสัมมาคารวะ และการให้เกียรติกนั และกนั นอกเหนือจากการกล่าวคาว่า “สวสั ดี” แล้วยงั แสดงออกถึงความหมายของ “การขอบคุณ” และ “การขอโทษ” การไหวเ้ ป็ นการแสดงมิตรภาพ มิตรไมตรีและยงั แสดงถึงขนบธรรมเนียม ประเพณีอนั ดีงาม โดยยกมือท้งั สองขา้ งประณมนิ้วชิดกนั ปลายนิ้วจรดกนั ไม่แยกปลาย นิ้วออกจากกนั ยกมือข้ึนในระดบั ต่างๆ ตรมฐานะของบุคคล เม่ือมีผทู้ าความเคารพดว้ ย การไหว้ ตอ้ งรับไหวท้ ุกคร้ัง การรับไหวใ้ ช้ประณมมือแค่อกแล้วยกข้ึนเล็กน้อยก้ม ศีรษะ คาถาม ๑. ยอ่ หนา้ ท่ี ๑ เขียนประโยคใจความสาคญั ของยอ่ หนา้ ……………………………………………………………………………….…………… ๒. ยอ่ หนา้ ที่ ๒ เขียนประโยคใจความสาคญั ของยอ่ หนา้ ………………………………………………………………………………….………… ๓. แก่นของเรื่อง คือ ………………………………………………………………………………….………… ๔. เขียนเล่าเรื่องยอ่ …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… ๒๗
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ใบควำมรู้ที่ ๓ สรุปสำระสำคญั กำรอ่ำนจับใจควำม สรุปสาระสาคญั การอ่าน สรุปสาระสาคัญการอ่าน คือ บทสรุปของเน้ือหาเร่ืองใดเรื่องหน่ึงท่ีตอ้ งการให้ ผอู้ ่านจดจาได้ และนาไปใชห้ ลงั อ่านจบแลว้ การสรุปสาระสาคญั คลา้ ยกบั การยอ่ ความ แต่มิใช่การย่อความ ซ่ึงอาจเรียกไดห้ ลายคา อาทิเช่น “ประเด็นสาคญั ตะกอนความรู้ หลกั วชิ า เคล็ดวชิ า มโนทศั น์พ้ืนฐาน หรือความคิดรวบยอด” โดยการสรุปสาระสาคญั จากการอ่านเป็นขอ้ ๆ ไดด้ งั น้ี ๑. สรุปข้อเทจ็ จริง คือ เหตุการณ์หรือเรื่องราวท่ีเป็ นมาหรือเป็ นอยตู่ ามความเป็ น จริง โดยไมด่ ดั แปลงขอ้ ความใด ๆ เลย ๒. สาเหตุ คือ ตน้ เหตุหรือเหตุเริ่มท่ีทาให้เกิดเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่าง ๆ อาจจะแสดงใหเ้ ห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจน หรือแฝงอยู่ ตอ้ งทาความเขา้ ใจใหช้ ดั เจน ๓. ผลลัพธ์ คือ ผลที่เกิดข้ึนจากสาเหตุในเหตุการณ์หรือเร่ืองราวต่าง ๆ จดั เป็ น บ้นั ปลายของเหตุการณ์ หรือเร่ืองราว เป็นไดท้ ้งั ผลดีหรือไมด่ ีกไ็ ด้ ๔. สรุปคุณค่า คือ ประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการอ่าน เป็ นไดท้ ้งั ประโยชน์ทางตรงที่ ปรากฏใหเ้ ห็นไดช้ ดั เจน และแฝงอยใู่ นเหตุการณ์ใด ๆ ๕. ข้อคิดเห็น เป็ นความคิดเห็นของผูอ้ ่าน เกี่ยวกับเรื่องราวท่ีชวนคิด หรือ ความรู้สึกความเช่ือ แนวคิดท่ีนาเสนอตอ่ สิ่งใดสิ่งหน่ึง ซ่ึงขอ้ คิดเห็นน้นั อาจแตกต่างกนั ได้ ข้ึนอยกู่ บั พ้ืนฐานและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลดว้ ย ๒๘
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ตัวอย่าง นิทานอสี ปกบกบั หนู หนูแก่ตวั หน่ึงเดินทางรอนแรมมาจนถึงลาธารท่ีชายป่ า และมนั ตอ้ งการขา้ มไปยงั ฝั่งตรงขา้ ม จึงเขา้ ไปหาเจา้ กบตวั นอ้ ยที่ริมลาธาร แลว้ เอย่ ขอใหก้ บช่วยพาขา้ มลาธาร แต่กบนอ้ ยมองหนูแลว้ ปฏิเสธอยา่ งสุภาพ วา่ “โธ่ ฉนั น่ะตวั เลก็ พอกบั ท่าน แลว้ จะพาท่านขา้ มไปไดอ้ ยา่ งไรกนั ล่ะ จ๊ะ” แต่หนูไม่ยอม อา้ งวา่ ตนเป็ นผูอ้ าวุโสกว่า ถา้ กบไม่ช่วยตนก็จะไป ป่ าวประกาศให้สรรพสัตวท์ ้งั หลายรู้ถึงความใจดาของกบ เมื่อถูกขู่เข็ญ เช่นน้นั กบจึงจายอมให้หนูเอาเทา้ ผูกกบั เทา้ ตนแลว้ ก็พาว่ายขา้ มลาธาร แต่ทวา่ พอวา่ ยไปไดเ้ พียงคร่ึงทางเทา่ น้นั กบก็เร่ิมที่จะหมดแรง เพราะตน ตวั เล็ก และแบกหนูไปดว้ ย โดยท่ีก่อนท้งั คู่จะจมน้าตาย เหย่ียวตวั หน่ึงก็ โฉบลง มาจิกเอาท้งั กบและหนูไปกินพร้อมกนั ข้ อเท็จจริง กบจายอมพาหนูว่ายข้ามแม่น้ าโดยให้หนูเอาท้าผูกกับเท้าของ ตนเอง ยังไม่ถึงฝ่ังก็หมดแรง และก่อนจะจมน้ าตายก็ถูกเหย่ียว ตวั หน่ึงโฉบท้งั คูไ่ ปกิน ๒๙
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ สาเหตุ หนูแก่จะขา้ มลาธาร ผลลพั ธ์ กบหมดแรง ผลสุดท้าย ถูกกินท้งั กบและหนู สรุปคุณค่า คิดประโยชน์จากผทู้ ี่ไมส่ ามารถใหไ้ ดย้ อ่ มมีแตเ่ สียหาย ข้อคิดเห็น ๑. หนูไมค่ วรจะอา้ งความอาวโุ สกบั กบนอ้ ย ๒. กบไมค่ วรจายอมพาหนูไป ท้งั ที่ไมส่ ามารถทาได้ ๓. กบควรหาวธิ ีอ่ืนพาหนูไป ๓๐
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ แบบฝึ กทกั ษะที่ ๕ สรุปและนาไปใช้ คาชี้แจง : อา่ นเรื่องต่อไปน้ี แลว้ เขียนตอบคาถามสรุปสาระสาคญั จากเร่ือง นกเอยนกนอ้ ยนอ้ ย บินล่องลอยเป็ นสุขศรี ขนขาวราวสาลี อากาศดีไมม่ ีภยั ทุกทิศเจา้ เที่ยวท่อง ฟ้าสีทองอนั สดใส มีป่ าพาสุขใจ มีตน้ ไมม้ ีลาธาร คนสตั วไ์ ดพ้ ่ึงพา ดูแลป่ าใหล้ ูกหลาน อากาศไร้พษิ สาร ตา่ งชื่นบานรักษาคง (หนงั สือเรียนภาษาไทย ชุดพ้นื ฐานภาษา ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี ๒ เล่ม ๒ หนา้ ๑๒๓) คาถาม ๑. ( ข้อเทจ็ จริง ) ป่ ามีลกั ษณะอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………...…… ๒. ( สาเหตุ ) เพราเหตุใดป่ าจึงมีลกั ษณะเช่นน้นั …………………………………………………………………………….............……… ๓. ( ผลลพั ธ์ ) ผลที่เกิดกบั คนและสัตวจ์ ะเป็นอยา่ งไร …………………………………………………………………………….............……… ๔. ( สรุปคุณค่า ) นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไรกบั ประโยค “มีป่ าพาสุขใจ” …………………………………………………………………………….............……… ๕. ( ข้อคดิ เห็น ) นกั เรียนคิดวา่ หากไม่มีป่ า โลกน้ีจะเป็นอยา่ งไร …………………………………………………………………………….............……… ๓๑
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ วนั ลอยกระทง “วนั เพญ็ เดือนสิบสอง น้านองเตม็ ตลิ่ง เราท้งั หลายชายหญิง สนุกกนั จริงวนั ลอยกระทง ลอยลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทง ลอยกระทงกนั แล้วขอเชิญน้องแก้ว ออกมาราวง ราวงวนั ลอยกระทง ราวงวนั ลอยกระทง บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่ง ใหเ้ ราสุขใจ” เพลงขา้ งตน้ น้นั เป็นเพลงท่ีใหค้ วามเพลิดเพลินและบนั เทิงใจ เกิดความคร้ืนเครงและ มีความสุข เป็ นเพลงที่ชาวไทยร้องกนั ทุกปี ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ซ่ึงตรงกบั วนั ข้ึน ๑๕ ค่า เดือน ๑๒ ซ่ึงปรากฏต้งั เตเสมยั สุโขทยั เป็ นราชธานี ประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐ หรือ ประมาณ ๗๐๐ กวา่ ปี มาแลว้ หารลอยกระทงในประเทศไทย มีจุดประสงคเ์ พื่อที่จะขอขมา พระแม่คงคา เพราะมนุษยไ์ ดอ้ าศยั น้าจากแม่น้าเพื่อกินและใช้ และบางคร้ังไดท้ ิ้งและถ่าย ส่ิงปฏิกลู ลงไปในน้าดว้ ย ท่ีมา http//www.moohin.com/trips/chiangmai/yeepang/ คาถาม ๑. แมน่ ้า ลาคลองในวนั เพญ็ เดือน ๑๒ เป็นอยา่ งไร …………………………………………………………………………….............……… ๒. อธิบายลกั ษณะของผคู้ นทวั่ ไปในวนั เพญ็ เดือน ๑๒ เป็นอยา่ งไร …………………………………………………………………………….............……… ๓. เหตุผลสาคญั ที่คนในประเทศไทยประกอบพิธีลอยกระทง …………………………………………………………………………….............……… ๔. นักเรียนมีความคิดเห็นอย่างไร ถ้าเราไม่ได้ทิ้งส่ิงปฏิกูลลงในแม่น้าก็ไม่ต้อง ประกอบพิธีลอยกระทง …………………………………………………………………………….............……… ๕. ประเพณีลอยกระทงในอนาคตจะยงั คงอยหู่ รือไม่ เพราะเหตุใด …………………………………………………………………………….............……… ๓๒
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ สุนัขในรางหญ้า สุนขั ตวั หน่ึงนอนหลบั อยใู่ นรางหญา้ ซ่ึงมีหญา้ แห้งอยเู่ ต็มราง และมนั ตอ้ งตกใจตื่น เพราะฝงู ววั ท่ีหิวกระหายไดก้ ลบั มาจากการทางานที่ไร่ แตเ่ จา้ สุนขั ไม่ยอมใหว้ วั เหล่าน้นั เขา้ ไปใกลร้ างหญา้ มนั แยกเข้ียวไล่งบั ราวกบั วา่ ในรางหญา้ น้นั มีอาหารและกระดูกอยา่ งดี ที่ เป็ นอาหารโปรดของมนั ฝูงววั พากนั มองดูสุนขั อยา่ งราคาญ ตวั หน่ึงกล่าวข้ึนวา่ “มนั ช่าง เห็นแก่ตวั เสียจริง ๆ หญา้ แหง้ มนั ก็กินไม่ได้ แต่มนั ยงั มีหนา้ มาหวง ไม่ยอมให้พวกเรา ซ่ึง หิวและกระหายกินเสียดว้ ยซ้า” ชาวนาไดย้ ินเสียงข่จู ึงออกมาดู เม่ือเขาเห็นการกระทาของ สุนัขเขา้ เขาก็เอาไมท้ ่อนหน่ึงไล่เจา้ สุนัขตวั น้นั ออกไปจากคอกพร้อมกบั ตีเสียหลายที เพราะความเห็นแก่ตวั ของมนั นน่ั เอง (นิทานอีสป เล่ม ๑,๒๕๔๓) คาถาม ข. กลวั ววั จะเขา้ มาทาร้าย ง. ไม่ตอ้ งการใหว้ วั เขา้ มาใกลร้ างหญา้ ๑. เพราะเหตุใดสุนขั จึงแยกเข้ียวเขา้ ไล่งบั ววั ก. ไมถ่ ูกกบั ววั ค. ไมต่ อ้ งการใหว้ วั เขา้ ใกลเ้ จา้ ของ ๒. เพราะเหตุใดชาวนาจึงเอาไมไ้ ล่ตีสุนขั ข. เห็นประโยชนข์ องววั มากกวา่ สุนขั ก. ไมช่ อบสุนขั ง. ววั สู้สุนขั ไมไ่ ด้ ค. สุนขั ขวางไล่กดั ๓. สุนขั ในเรื่องน้ีมีลกั ษณะอยา่ งไร ข. เห็นแก่ตวั ก. รักเจา้ ของ ง. กตญั ญูรู้คุณ ค. ดุและใจร้าย ๔. นิทานในเรื่องน้ีใหข้ อ้ คิดอยา่ งไร ก. ควรรักษาสิ่งของของผมู้ ีพระคุณ ข. ควรหวงแหนของทุกอยา่ งของผมู้ ีพระคุณ ค. อยา่ หวงกนั ส่ิงใดตอ่ ผอู้ ื่น ในเมื่อใชส้ ่ิงน้นั ทาประโยชนไ์ ด้ ง. อยา่ ใหข้ องแก่ผอู้ ่ืนถึงแมจ้ ะใชไ้ มไ่ ด้ ๓๓
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความสาคัญ คาชี้แจง : แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ความรู้พ้ืนฐานการอ่านจบั ใจความสาคญั จานวน ๑๐ ขอ้ เป็นขอ้ สอบแบบปรนยั ๔ ตวั เลือก คาสั่ง : ใหน้ กั เรียนเลือกขอ้ ที่ถูกท่ีสุดเพยี งขอ้ เดียว และทาเคร่ืองหมาย ลงในกระดาษคาตอบ ๑. ขอ้ ใดเป็นความหมายของการอ่านจบั ใจความ ก. อ่านเพือ่ ความรู้ ข. อา่ นเพอื่ ความบนั เทิง ค. อ่านเพอื่ หาสาระสาคญั ของเร่ือง ง. อา่ นเพื่อคน้ หาแนวทางในการดาเนินชีวติ ๒. การอ่านจบั ใจความสาคญั ผอู้ ่านตอ้ งปฏิบตั ิอยา่ งไร ก. แยกใจความสาคญั จากส่วนขยายใจความสาคญั ข. แยกเรื่องออกเป็นตอน ๆ ค. แยกประเด็นของเร่ืองวา่ ส่วนใดเป็นขอ้ มูลประกอบ ง. อ่านใหร้ วดเร็วอยา่ งสม่าเสมอ ๓. ขอ้ ใดไมใ่ ช่จุดมุ่งหมายของการอ่านจบั ใจความ ก. เมื่ออ่านแลว้ สามารถสรุปหรือยอ่ เร่ืองได้ ข. เมื่ออ่านแลว้ สามารถปฏิบตั ิตามคาสั่งและคาแนะนาได้ ค. เมื่ออา่ นแลว้ สามารถคาดการณ์ และหาความจริงแสดงขอ้ คิดเห็น ง. เมื่ออ่านแลว้ สามารถจาคาประพนั ธ์ชนิดตา่ ง ๆ ได้ ๓๔
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ๔. ขอ้ ใดถือวา่ เป็นข้นั ตอนสุดทา้ ยของการอา่ นจบั ใจความ ก. อ่านผา่ น ๆ โดยตลอดเพื่อใหร้ ู้เรื่อง ข. อ่านใหล้ ะเอียดเพ่ือทาความเขา้ ใจ ค. เรียบเรียงใจความสาคญั ของเรื่อง ง. อ่านซ้าตอนท่ีไมเ่ ขา้ ใจ ๕. ขอ้ ใด คือ หลกั การอ่านจบั ใจความสาคญั ข. คน้ หาขอ้ คิดเห็น ก. คน้ หาสาระ ง. คน้ หาความสาคญั ค. คน้ หาขอ้ เทจ็ จริง ๖. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งเก่ียวกบั ใจความสาคญั ข. ทาใหเ้ กิดเร่ือง ก. ครอบคลุมขอ้ ความอ่ืน ๆ ง. ถูกทุกขอ้ ค. เด่นเฉพาะตวั ๗. ใจความสาคญั มีลกั ษณะอยา่ งไร ข. เป็นวลี ก. เป็นคา ง. เป็นประโยค ค. เป็นอนุเฉท อ่านข้อความต่อไปนี้ ตอบคาถามข้อ ๘-๙ กลว้ ยเป็ นพืชที่คนไทยรู้จกั และนามาใช้ประโยชน์เป็ นเวลาช้านานแลว้ ต้งั แต่ อดีตจนถึงปัจจุบนั กลว้ ยเป็ นพืชท่ีปลูกและดูแลง่าย ทุก ๆ ส่วนของกลว้ ย เช่น ใบใชห้ ่อ ของหรือขนม ผลใช้รับประทาน ลาตน้ ใชเ้ ล้ียงสัตว์ ดงั น้นั มาปลูกกลว้ ยกนั ดีกวา่ เพ่ือให้ โรงเรียนของเรามีกลว้ ยรับประทาน ๓๕
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ๘. ขอ้ ใด คือ สาเหตุของเร่ืองจากขอ้ ความต่อไปน้ี ก. ความเป็นมาของกลว้ ย ข. ประโยชนข์ องกลว้ ย ค. รายละเอียดส่วนประกอบของกลว้ ย ง. เชิญชวนปลูกกลว้ ยในโรงเรียน ๙. ขอ้ ใด คือ ผลลพั ธ์ของเรื่อง จากขอ้ ความต่อไปน้ี ก. ความเป็นมาของกลว้ ย ข. ประโยชนข์ องกลว้ ย ค. รายละเอียดส่วนประกอบของกลว้ ย ง. เชิญชวนปลูกกลว้ ยในโรงเรียน ๑๐. ขอ้ ใดคือผลลพั ธ์ของเรื่องจากขอ้ ความตอ่ ไปน้ี เดก็ ผชู้ ายชอบเล่นฟุตบอล การเล่นฟุตบอลเป็นการออกกาลงั กายท่ีดี และเป็ นกีฬาท่ีฝึก ใหเ้ ล่นเป็นหมู่ ผเู้ ล่นตอ้ งทะเลาะ ถา้ เราเล่นแพ้ เรากต็ อ้ งยอมรับและไมโ่ ทษกนั วา่ ใครเล่นไม่ ดี เราจึงจะเป็นผมู้ ีน้าใจนกั กีฬา ก. โจรปลน้ ร้าน ๗ - ๑๑ ข. ตารวจจบั โจร ค. เม่ือวานน้ี ง. โจรปลน้ ร้าน ๗ - ๑๑ เม่ือวานน้ี ๓๖
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ บรรณำนุกรม กระทรวงศึกษาธิการ.(๒๕๕๑). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐานพุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว กองบรรณาธิการสานกั พิมพ์ เอ็มไอเอส.(๒๕๕๕). ฝึ กทกั ษะการอ่านเพ่ือความเขา้ ใจ และการนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั . กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์ เอม็ ไอเอส. ทินรัตน์ จนั ทราภินนั ท์.(๒๕๕๕). แบบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความ ป.๖ กรุงเทพฯ : เดอะบุคส์ นฤภร รุจอเรซ.(๒๕๕๕). หนงั สือเรียนภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐานภาษาไทย หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี ๖. กรุงเทพฯ : บริษทั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ(พ.ว.) จากดั . ไม่ปรากฏนามผแู้ ต่ง.(๒๕๔๗). นิทานอีสป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : ทิพย์ วสิ ุทธ์ิ ลุงแซม (๒๕๕๓). นิทานอีสป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : ตรีมเบอร์ส จากดั แววมยรุ า เหมือนนิล.(๒๕๕๓). การอ่านจบั ใจความ.พมิ พ์ คร้ังท่ี ๓. กรุงเทพฯ : สุวิริยา สาส์น. สุพรรณี วราทร.(๒๕๕๐). การอ่านอย่างมีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ : ศูนยห์ นังสือ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . หอสมุดวชิรญาณ.(๒๕๕๐).บทเพลงกล่อมเดก็ .กรุงเทพ. ๓๗
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ ภาคผนวก ๓๘
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ความรู้พ้ืนฐานการอ่านจบั ใจความ ข้อ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ก ข ค ง กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง ความรู้พ้ืนฐานการอา่ นจบั ใจความ ข้อ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ก ข ค ง ๓๙
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ สรุปคะแนน เล่มท่ี ๑ ความรู้พ้นื ฐานการอ่านจบั ใจความ ชื่อ- สกุล ………………………..……………….…… เลขท่ี …………..ช้ัน ……………. รายการ/คะแนนเต็มต่อกจิ กรรม คะแนนทไ่ี ด้ ผลการประเมนิ ผา่ น ไม่ผา่ น แบบทดสอบก่อนเรียน (๑๐ คะแนน) กิจกรรมท่ี ๑ รู้ความหมาย (๑๐ คะแนน) กิจกรรมท่ี ๒ จดจาเรื่องราว (๕ คะแนน) กิจกรรมท่ี ๓ บอกเล่าเหตุการณ์ (๕ คะแนน) กิจกรรมท่ี ๔ จบั ใจความสาคญั (๕คะแนน) กิจกรรมท่ี ๕ สรุปและนาไปใช้ (๗ คะแนน) แบบทดสอบหลงั เรียน (๑๐ คะแนน) รวม (๕๒ คะแนน) ร้อยละ *หมายเหตุ กาหนดการผา่ นกิจกรรมที่ร้อยละ ๖๐ ๔๐
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ เกณฑ์และระดบั การประเมนิ ทกั ษะการอ่านจบั ใจความโดยภาพรวม เล่มที่ ๑ ความรู้พืน้ ฐานการอ่านจับใจความ คะแนน ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป หมายถึง มีทกั ษะระดบั มากที่สุด คะแนน ร้อยละ ๗๐-๗๙ หมายถึง มีทกั ษะระดบั มาก คะแนน ร้อยละ ๖๐-๖๙ หมายถึง มีทกั ษะระดบั ปานกลาง คะแนน นอ้ ยกวา่ ร้อยละ ๖๐ หมายถึง มีทกั ษะระดบั นอ้ ย * กาหนดการผา่ นที่ร้อยละ ๖๐ คะแนน หรือ ๓๑ คะแนนข้ึนไป ๔๑
๒ แบบฝึกทกั ษะภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ การพฒั นาทกั ษะการอ่านจับใจความ โดยใชก้ ระบวนการจัดการเรยี นร้รู ูปแบบ SQ3R นางสาวเสาวนีย์ ต๊ะต๋า โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๒ การอ่านจับใจความสาคัญจากนิทาน คำชี้แจงเกย่ี วกบั แบบฝึ กทกั ษะ ๑. แบบฝึ กทกั ษะน้ีเป็นแบบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั และทกั ษะการคิด วิเคราะห์ รายวิชาภาษาไทยพ้ืนฐาน รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ เล่มท่ี ๒ เรื่อง การ อ่านจบั ใจความสาคญั จากนิทาน ใชส้ าหรับสอนนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ ๒. แบบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั และทกั ษะการคิดวเิ คราะหเ์ ล่มน้ี ประกอบดว้ ย - คาช้ีแจงเกี่ยวกบั แบบฝึกทกั ษะ - คาแนะนาการใชแ้ บบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั และทกั ษะการ คิดวเิ คราะหส์ าหรับครู - คาแนะนาการใชแ้ บบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั และทกั ษะการ คิดวเิ คราะห์สาหรับนกั เรียน - สาระการเรียนรู้ และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - แบบทดสอบก่อนเรียน - เน้ือหา - แบบฝึกทกั ษะ , แนวคาตอบการจบั ใจความสาคญั และการคิดวเิ คราะห์ ของแบบฝึกทกั ษะ - แบบทดสอบหลงั เรียน - แบบบนั ทึกคะแนน - บรรณานุกรม - เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน หลงั เรียน ๓. แบบฝึ กทกั ษะเล่มที่ ๒ใชเ้ วลาเรียน ๒ ชวั่ โมง ๑
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๒ การอ่านจับใจความสาคัญจากนิทาน คำแนะนำกำรใช้แบบฝึ กทกั ษะสำหรับครู ๑. แบบฝึ กทกั ษะชุดน้ีมีจานวนท้งั หมด ๕ เล่ม ๒. แบบฝึ กทกั ษะเล่มน้ีเป็นแบบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั จากนิทาน ของ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ ๓. ส่วนประกอบของแบบฝึ กทักษะ ซ่ึงประกอบด้วย สาระการเรียนรู้ และ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน เน้ือหา แบบฝึกทกั ษะ แนวคาตอบ การจบั ใจความสาคญั และการคิดวิเคราะห์ของแบบฝึ กทกั ษะ แบบทดสอบหลัง เรียน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน หลงั เรียน และแบบบนั ทกคะแนน ๔. ควรศกึ ษาคาแนะนาในการใชแ้ บบฝึ กทกั ษะตามวิธีการสอนแบบ SQ3R ก่อนใช้ ทุกเล่ม ๕. เตรี ยมอุปกรณ์การฝึ กล่วงหน้าก่อนสอนทุกคร้ัง เช่น แบบฝึ กทักทักษะ แบบทดสอบ ใหพ้ ร้อมเพอ่ื สะดวกในการใช้ ๖. อธิบายใหน้ กั เรียนทราบถึงความสาคญั ของการฝึ กแต่ละคร้ังเพื่อใหน้ กั เรียนเห็น ประโยชนท์ ่ีจะไดร้ ับจากการฝึกทกั ษะ ๒
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มท่ี ๒ การอ่านจับใจความสาคัญจากนิทาน คำแนะนำกำรใช้แบบฝึ กทกั ษะสำหรับนักเรียน ๑. แบบฝึ กทกั ษะชุดน้ีมีจานวนท้งั หมด ๕ เล่ม ๒. แบบฝึ กทกั ษะเล่มน้ีเป็นแบบฝึ กทกั ษะ เร่ือง การอ่านจบั ใจความสาคญั จากนิทาน ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๓ ๓. ข้นั ตอนการใชแ้ บบฝึกทกั ษะ ๓.๑ ศกึ ษาทาความเขา้ ใจกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ของแบบฝึกทกั ษะ ๓.๒ ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ๓.๓ ทาแบบฝึกทกั ษะอยา่ งรอบคอบและต้งั ใจ ๓.๔ ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ๓.๕ ร่วมตรวจคาตอบกบั เฉลยในเล่ม ๓.๖ ร่วมตรวจคาตอบของแบบทดสอบก่อนเรียน และหลงั เรียนเม่ือเรียนใน แต่ละเรื่องเพอ่ื วดั ความรู้ที่พฒั นาในเร่ืองน้นั ๆ ๔. การเรียนดว้ ยแบบฝึ กทกั ษะการอ่านจบั ใจความสาคญั นอกเหนือจากการฝึ ก ทกั ษะการจบั ใจความสาคญั จากสื่อประเภทต่าง ๆ แลว้ ยงั เป็นการฝึ กใหน้ กั เรียน เป็นผมู้ ีลกั ษณะอนั พึงประสงคใ์ นเรื่องต่อไปน้ี คือ ๔.๑ ฝึ กความซ่ือสตั ยต์ ่อตนเองและผอู้ ื่น ๔.๒ ฝึ กการทางานใหเ้ สร็จตามเวลา การส่งงานตามกาหนด ๔.๓ ความรับผดิ ชอบในการทางาน ๔.๔ ฝึ กความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการจดั เกบ็ เอกสาร แบบฝึ ก ๓
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มท่ี ๒ การอ่านจับใจความสาคัญจากนิทาน สำระกำรเรียนรู้ และจุดประสงค์กำรเรียนรู้ สาระท่ี ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ ตดั สินใจแกป้ ัญหาในการดาเนินชีวติ และมีนิสัยรักการอ่าน ตวั ชีว้ ดั ๑. จบั ใจความสาคญั เรื่องที่อา่ น ๒. ระบุเหตุผลและขอ้ เทจ็ จริงกบั ขอ้ คิดเห็นจากเร่ืองที่อา่ น ๓. วเิ คราะห์คุณคา่ ท่ีไดร้ ับจากการอา่ นงานเขียนอยา่ งหลากหลายเพอ่ื นาไปใช้ แกป้ ัญหาในชีวติ ๔. มีมารยาทในการอา่ น จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรียนสามารถบอกความหมาย และประเภทของนิทานได้ ๒. นกั เรียนสามรถระบุใจความสาคญั จากนิทานท่ีกาหนดใหอ้ า่ นได้ ๓. นกั เรียนสามารถตอบคาถามจากการอา่ นจบั ใจความนิทานได้ ๔. นกั เรียนมีความมุ่งมน่ั และต้งั ใจในการทางาน และเป็นนกั อ่านที่ดี สาระการเรียนรู้ ๑. ความหมายและประเภทของนิทาน ๒. ใจความสาคญั จากนิทานที่อ่าน ๓. ตอบคาถามจากการอา่ นจบั ใจความสาคญั ๔. ความมุง่ มน่ั และต้งั ใจการทางาน และเป็นนกั อา่ นที่ดี ๔
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๓ เล่มที่ ๒ การอ่านจับใจความสาคัญจากนิทาน แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความจากนิทาน คาชี้แจง : แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การอา่ นจบั ใจความสาคญั จากนิทาน จานวน ๑๐ ขอ้ เป็นขอ้ สอบแบบปรนยั ๔ ตวั เลือก คาส่ัง : ใหน้ กั เรียนเลือกขอ้ ท่ีถูกที่สุดเพยี งขอ้ เดียว และทาเคร่ืองหมาย ลงในกระดาษคาตอบ อ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามข้อ ๑ – ๓ “ชาวสาวมีลูกมากคนหน่ึง เม่ือเจ็บใกลจ้ ะตายใคร่จะสอนลูกให้รู้จกั บารุงสวน คร้ันจะ สอนตรง ๆ ก็เกรงว่าลูกจะไม่ทาจึงคิดสอนในทางออ้ ม บอกกบั ลูกว่า สมบตั ิของพ่อฝังไวใ้ น สวนใหเ้ จา้ ไปขดุ เอาเองเถิด แลว้ ชาวสวนก็ตายไป พวกลูก ๆ อยากไดส้ มบตั ิของพอ่ จึงพากนั ไป ขดุ หาดูจนทวั่ สวนกไ็ มพ่ บ พอสิ้นปี น้นั ตน้ ไมใ้ นสวนเม่ือไดร้ ับการพรวนดินก็งอกงามออกดอก ผล ลูกชาวสวนไดเ้ กบ็ เอาไปขายไดเ้ งินมากกวา่ ปี ก่อน ๆ” ๑. เร่ืองน้ีเป็นนิทานประเภทใด ข.นิทานเทพนิยาย ก. นิทานขบขนั ง. นิทานปรัมปรา ค. นิทานสุภาษิต ๒. ควรต้งั ชื่อเรื่องน้ีวา่ อยา่ งไร ข.ชาวสวนกบั ลูก ก. ชาวสวนเจา้ ปัญญา ง. สมบตั ิชาวสวน ค. ชาวสวนลูกมาก ๕
แบบฝึ กทักษะการอ่านจับใจความสาคัญและทักษะการคิดวิเคราะห์ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๓ เล่มที่ ๒ การอ่านจับใจความสาคัญจากนิทาน ๓. ขอ้ คิดที่ไดจ้ ากเร่ืองน้ีคืออะไร ก. ควรสอนคนโลภโดยทางออ้ ม ข. ควรสนคนโง่โดยทางออ้ ม ค. ควรมีความเพยี รจึงจะประสงความสาเร็จ ง. ควรมีความสามคั คีจึงจะประสงความสาเร็จ อ่านนิทานต่อไปนีแ้ ล้วตอบคาถาม ข้อ ๔ – ๕ “ ณ ชายป่ าแห่งหน่ึงมีสัตวอ์ าศยั อยู่มากมายหลายชนิด มีกวางตวั หน่ึงมนั จะชื่นชม และ ภาคภูมิใจในเขาอนั สวยงามของมนั มาก มนั จะเที่ยวอวดใครต่อใครวา่ มนั มีเขาที่สวยงามกวา่ สัตวท์ ุก ตวั ในป่ า และมนั จะเกลียดเทา้ ของมนั มาก เพราะมนั คิดวา่ เทา้ ของมนั น่าเกลียด ไม่สวยงาม จนอยูม่ า วนั หน่ึงมีนายพรานออกล่าสัตว์ สัตวท์ ้งั หลายตา่ งวงิ่ หนีอยา่ งไม่คิดชีวติ กวางตวั น้นั กว็ ง่ิ หนีเขา้ ไปใน ป่ า เขาของมนั ติดกนั เถาวลั ย์ ทาใหม้ นั หนีไดช้ า้ กวา่ สัตวอ์ ื่น ๆ มนั จึงคิดไดว้ า่ เขาที่สวยงามของมนั ทา ใหเ้ กือบตาย แตเ่ ทา้ ที่น่าเกลียดของมนั ทาใหม้ นั รอดชีวติ มาได้ ” ๔. จากขอ้ ความน้ีขอ้ ใดหมายถึง “ เถาวลั ย์ ” ก. ใบไม้ ข. รากไม้ ค. กิ่งไม้ ง. เครือไม้ ๕. จากขอ้ ความน้ีมีความหมายตรงกบั สานวนได้ ก. วานรไดแ้ กว้ ข. ผกั ชีโรยหนา้ ค. เส้นผมบงั ภูเขา ง. สวยแต่รูปจูบไมห่ อม อ่านนิทานต่อไปนีแ้ ล้วตอบคาถาม ข้อ ๖ – ๗ “ มีชายคนหน่ึงนงั่ รอที่สถานีกบั เพือ่ น รถจะมาเวลาเท่ียง ชายคนน้นั กบ็ อกใหเ้ พอ่ื นไปดูเวลา เพอ่ื นกไ็ ปดูแลว้ บอกวา่ ยงั ไมเ่ ที่ยง ชายคนน้นั ก็นงั่ รอตอ่ ไปอีกจนตะวนั คลอ้ ยไปแลว้ เขาจึงถาม เพอ่ื นวา่ นาฬิกาอยไู่ หนเขา้ จะไปดูเอง เพ่อื นกพ็ าไปดู เขาก็ถามวา่ “ไหนล่ะ”เพ่ือนกช็ ้ีใหด้ ูเขาอุทาน ออกมาดว้ ยความตกใจวา่ “ นี่มนั ตาชงั่ น่ีหวา่ ” ๖
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191