Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนรายวิชาข้าวกับวิถีไทย

แผนการสอนรายวิชาข้าวกับวิถีไทย

Published by Piriyapong S.L., 2021-10-17 08:45:24

Description: แผนการสอนรายวิชาข้าวกับวิถีไทย

Search

Read the Text Version

๓. การผลิตขา้ ว ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ๔.การค้าขา้ ว ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ช่อื -สกุล............................................................................ ชั้น ........................ เลขที่ ..........................

2 เรอ่ื ง การแปรรูปข้าว หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๔ ผลผลิตจากขา้ ว รายวิชา ข้าวกบั วิถีไทย รหสั ง ๒๑๒01 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี สัปดาหท์ ่ี ๑2-๑4 วันที่.............................................. จำนวน 6 คาบ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. ผลการเรยี นรู้ 4. สามารถอธบิ ายขน้ั ตอนและวิธกี ารแปรรูปผลผลิตจากขา้ ว 9. มคี วามขยัน ซ่อื สัตยส์ ุจรติ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ ใฝ่เรยี น มงุ่ ม่ันในการทำงาน รักความเปน็ ไทย กตัญญู และมจี ติ สาธารณะ ๒. สาระสำคัญ ข้าวจัดเป็นอาหารหลักของคนทุกชาติทุกภาษาในทวีปเอเชีย ในประเทศไทยเราจัดข้าวอยู่ในอาหาร หลักหมู่ที่ ๒ ให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ยังมีพวกวิตามินและแร่ธาตุ เป็นแหล่งที่ให้กำลังงานและ ความอบอนุ่ จะเห็นไดว้ ่า คนไทยเราสว่ นใหญ่ยังคงบรโิ ภคข้าวทุกวัน นอกจากจะนำมาหงุ เป็นข้าวสวย บริโภค ร่วมกับอาหารคาวตา่ งๆ แลว้ ยงั นำมาแปรรปู เป็นผลิตภัณฑ์ตา่ งๆ ไดอ้ ีก เช่น เสน้ ก๋วยเตยี๋ ว เส้นหม่ี และขนมจนี เปน็ ตน้ ส่วนอาหารหวานน้ันอาจนำมาใช้ท้ังเมลด็ หรือนำมาแปรสภาพเปน็ แปง้ ก่อนท่ีจะนำมาทำขนมตา่ งๆ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ การแปรรูปข้าว 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4.1 มุง่ มัน่ ในการทำงาน 4.2 มจี ติ สาธารณะ 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการส่ือสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ทักษะในการทำงาน 5.4 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๖. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๖.๑ ข้ันนำเข้าสู่บทเรยี น ๖.๑.๑ ครูสนทนากับนักเรียนถงึ การแปรรปู ขา้ วในแต่ละท้องถนิ่ ของนกั เรยี นเอง ๖.๑.๒ ครูอธิบายถึงความสำคัญของการแปรรูปขา้ ว ๖.๒ ขั้นกิจกรรม ๖.๒.๑ ครูจดั นกั เรยี นเข้ากลุม่ ตามความสนใจของนกั เรียน กลมุ่ ละ ๖-๘ คน

๖.๒.๒ นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ย่อยศกึ ษาใบความรู้ที่ ๙.๑ เรอื่ งการแปรรปู ข้าว ๖.๒.๓ นักเรียนเขยี นบันทึกลงในใบงานที่ ๙.๑ เร่ืองแบบบันทึกการสบื ค้นข้อมูลการแปรรปู ข้าว ๖.๒.๔ นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เลือกวธิ ีการแปรรูปข้าวมา ๑ อย่าง ๖.๒.๕ นักเรียนแตล่ ะกลุ่มปฏบิ ัตกิ ารแปรรปู ข้าว ๖.๒.๖ แตล่ ะกลุม่ ประเมนิ ผลงานของตนเอง ประเมนิ ระหว่างกล่มุ ครปู ระเมิน ๖.๓ ขนั้ สรปุ นักเรยี นอภปิ รายและสรปุ ร่วมกนั จากข้อมลู ทส่ี บื ค้นได้เกยี่ วกบั การแปรรูปข้าว และ ปฏิบตั กิ ารแปรรูปขา้ ว ๗. สือ่ อุปกรณ์ และแหลง่ เรียนรู้ ๗.๑ ชมุ ชนท้องถิ่น ๗.๒ http://www.riceproduct.org ๗.๓ http://www.siamsouth.com ๗.๔ ใบความรูท้ ี่ ๙.๑ เรอื่ งการแปรรูปข้าว ๗.๕ ใบงานที่ ๙.๑ เรอ่ื งแบบบนั ทกึ การสบื คน้ ข้อมลู การแปรรปู ข้าว ๗.๖ ใบงานท่ี ๙.๒ เรอ่ื งปฏิบัตกิ ารแปรรปู ขา้ ว 8. ชิน้ งาน หรอื ภาระงาน 8.๑ แบบบันทึกการสืบค้นขอ้ มลู การแปรรูปข้าว 8.๒ ผลการทดสอบ 8.๓ ผลงานการแปรรปู ขา้ วของนักเรียน 9. การวัดและประเมนิ ผล ประเมนิ การเขียนบันทึกข้อมูลจากใบงานที่ 9 ประเมินโดยใชเ้ กณฑ์ดงั นี้ (๔ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ ๔ นักเรยี นเขียนบนั ทึกข้อมูลจากการสบื คน้ ได้อยา่ งถูกต้องครบถว้ น ๓ ๒ นักเรยี นเขียนบันทึกข้อมูลจากการสืบคน้ ได้อยา่ งถูกต้อง ๑ นักเรียนเขียนบันทึกข้อมูลจากการสืบค้นได้เป็นบางสว่ น นักเรียนเขียนบันทึกข้อมูลจากการสืบค้นไม่สอดคล้องกับข้อมลู เกณฑก์ ารให้คะแนน ๔ คะแนน ดีมาก ๓ คะแนน ดี ๒ คะแนน พอใช้ ๑ คะแนน ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารประเมินตัดสนิ ได้คะแนนตั้งแต่ ๒ (ระดบั คณุ ภาพพอใช้)ข้นึ ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ประเมินผลงานการแปรรูปข้าวของนกั เรยี น

ประเมนิ โดยใช้เกณฑ์ดังน้ี (๔ คะแนน) รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ ๔ การจดั วางสวยงาม อรอ่ ย คณุ คา่ ทางอาหาร สะอาด ๓ ๒ การจดั วางสวยงาม อร่อย คณุ ค่าทางอาหาร ๑ การจัดวางสวยงาม อรอ่ ย การจดั วางสวยงาม เกณฑก์ ารให้คะแนน ๔ คะแนน ดีมาก ๓ คะแนน ดี ๒ คะแนน พอใช้ ๑ คะแนน ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารประเมนิ ตดั สิน ได้คะแนนต้ังแต่ ๒ (ระดบั คุณภาพพอใช)้ ขนึ้ ไป ถือว่าผา่ นเกณฑ์ แบบประเมิน การนำเสนผลงาน

คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงใน ชอ่ ง ทตี่ รงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4321 1 เนอ้ื หาละเอยี ดชัดเจน 2 ความถูกต้องของเนือ้ หา 3 ภาษาที่ใชเ้ ขา้ ใจงา่ ย 4 ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการนำเสนอ 5 วิธกี ารนำเสนอผลงาน รวม ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องมาก 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ แบบสังเกตพฤติกรรม กาตร่ำกทว่าำ1ง0านรายบุคคปรลับปรงุ

ช่ือ ชนั้ คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงใน ช่อง ท่ีตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 4321 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผ้อู ื่น 3 การทำงานตามหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมาย 4 ความมนี ำ้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครั้ง 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรุง

แบบสงั เกตพฤติกรรม การทำงานกลมุ่ ช่ือกลุ่ม ช้นั คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงใน ช่อง ทีต่ รงกับระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 4321 1 การแบ่งหนา้ ท่ีกันอยา่ งเหมาะสม 2 ความร่วมมอื กันทำงาน 3 การแสดงความคิดเหน็ 4 การรับฟงั ความคิดเหน็ 5 ความมนี ้ำใจช่วยเหลอื กนั รวม ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครั้ง ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมน้อยคร้ัง 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตำ่ กวา่ 10 ปรบั ปรุง

แบบประเมิน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คำชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงใน ช่อง ทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ ้าน 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเมื่อได้ยนิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธิบาย ความหมายของเพลงชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏิบตั ติ นตามสิทธแิ ละหนา้ ทีข่ องนกั เรียน 2. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ 1.3 ใหค้ วามรว่ มมือ ร่วมใจ ในการทำงานกบั สมาชิกในชนั้ เรียน 3. มีวนิ ัย รบั ผิดชอบ 1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมทสี่ ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ต่อโรงเรยี นและชมุ ชน 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 1.5 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏบิ ัติตนตามหลักของ ศาสนา 1.6 เข้าร่วมกจิ กรรมท่ีเกยี่ วกับสถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามที่โรงเรียน และชุมชนจดั ขน้ึ 2.1 ให้ขอ้ มูลท่ถี กู ตอ้ ง และเป็นจรงิ 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสิ่งทถ่ี กู ต้อง ละอาย และเกรงกลัวท่ีจะทำความผดิ ทำ ตาม สัญญาที่ตนให้ไวก้ บั เพ่อื น พ่อแม่หรอื ผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผู้อน่ื ดว้ ยความซื่อตรง 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครวั และ โรงเรียน มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ใน ชีวติ ประจำวัน 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรตู้ ่างๆ 4.2 มีการจดบนั ทกึ ความรอู้ ย่างเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ดอ้ ย่างมีเหตผุ ล 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเอง เชน่ ส่งิ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คุ้มค่า และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใชท้ รพั ยากรของสว่ นรวมอย่างประหยดั ค้มุ คา่ และเก็บรกั ษาดูแล อย่างดี 5.3 ปฏบิ ตั ิตนและตัดสนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผอู้ นื่ และไม่ทำใหผ้ อู้ น่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มให้อภยั เม่อื ผูอ้ น่ื กระทำผดิ พลาด

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 4321 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใช้ชวี ิตประจำวนั บนพื้นฐาน 6. ม่งุ มัน่ ในการ ของความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ทำงาน 7. รักความเป็นไทย 5.6 ร้เู ทา่ ทนั การเปลี่ยนแปลง ทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั 8. มีจติ สาธารณะ และปรบั ตวั อยู่รว่ มกบั ผูอ้ ื่นได้อยา่ งมีความสุข 6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏิบตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ ักชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ และแบ่งปันส่งิ ของให้ผ้อู น่ื 8.3 รจู้ กั ดูแล รักษาทรพั ย์สมบตั แิ ละสิง่ แวดลอ้ มของห้องเรยี น โรงเรียน ชุมชน 8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง 91 - 108 ดีมาก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ำกว่า 54 ปรบั ปรุง

ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นางมลฤดี พรมเอย่ี ม) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................... ........................................... .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ................................................... (นายชยั ภัทร ใจดี) รองผ้อู ำนวยการโรงเรียน กล่มุ บรหิ ารวิชาการ ข้อเสนอแนะของผู้อำนวยโรงเรียน ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................. ............................. ...................................................................................................... ........................................................................ ลงชือ่ จ.ส.อ. ...................................... (เสวก ฉุนหอม) ผู้อำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 56 จังหวัดน่าน

10. บนั ทึกผลการจัดการเรียนรู้ 3. ผลการจัดการเรียนรู้ ............................................................................................ ............................................................. ...................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ ...................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ 2. ปัญหา/อุปสรรค ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ 3. วธิ ีแก้ปัญหา / อุปสรรค ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ .............................................................................................................................. ........................... ....................................................................................................... .................................................. ............................................................................................................................. ............................ 4. ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. ............................ ...................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ ลงช่ือ......................................... (นายพริ ิยพงษ์ ลอยเลิศ) ครผู ูส้ อน

ใบความรทู้ ่ี ๙.๑ การแปรรูปขา้ ว รายวิชา ง ๒๑๒01 ข้าวกับวถิ ีไทย แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๙ เรือ่ ง การแปรรปู ข้าว ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- การแปรรปู ขา้ ว นอกจากคนไทยจะบรโิ ภคขา้ วสุกหุงท้ังเมลด็ แลว้ ยังแปรรูปข้าวเป็นผลติ ภัณฑ์ต่าง ๆ สำหรบั ใช้ อุปโภคและบริโภคเปน็ ทีแ่ พร่หลายโดยทั่วไป ได้แก่ ๑. แปง้ ข้าว ผลิตจากปลายข้าวขาว ท่ีนำมาบดหรือโมจ่ นละเอยี ด มที ้งั ชนิดแปง้ ขา้ วเจา้ และแป้งข้าว เหนยี ว แปง้ ขา้ วทีผ่ ลติ ในประเทศมี ๓ ชนดิ คือ แป้งขา้ วโม่เปียกหรือโมน่ ้ำเป็นแปง้ ท่ีผลติ กันแพร่หลายในปัจจุบนั แปง้ ขา้ วชนิดนีส้ ามารถนำไปทำ ผลติ ภัณฑต์ า่ ง ๆ ได้แก่ เสน้ ก๋วยเตี๋ยว และขนม แป้งขนมโก๋ ผลิตจากปลายข้าวเหนยี วทแ่ี ชน่ ้ำแลว้ น่งึ ให้สกุ อบลดความชนื้ จนแหง้ แลว้ บดให้ละเอยี ด แป้งชนดิ น้หี ยาบกวา่ แป้งข้าวโม่นำ้ ทัว่ ไปเนื่องจากผลิตจากข้าวสุก แปง้ ขา้ วบรสิ ุทธิ์ หรอื สตาร์ชข้าว (rice starch) เป็นแป้งที่แยกเอาโปรตีนออกจนเหลืออยนู่ ้อยกว่า ๑ เปอรเ์ ซ็นต์แป้งข้าวบรสิ ุทธน์ิ ี้ใช้ในอตุ สาหกรรมยา คอื นำไปผสมกบั ผงยาและอดั เปน็ เม็ดยา นอกจากน้ียังใช้ ในการผลิตแป้งข้าวคดั แปร (modified starch) ชนิดต่าง ๆ สำหรบั อตุ สาหกรรมต่อเนื่องทั้งชนิดท่ีเปน็ อาหาร และไมใ่ ชอ่ าหาร แป้งข้าวบรสิ ทุ ธ์ิ ๒. เมล็ดข้าว นำมาเปน็ อาหารวา่ งและขนมชนิดตา่ ง ๆ เมลด็ ขา้ วอ่อน ใชท้ ำเปน็ ขา้ วยาคู หรือ น้ำนมข้าวยาคปู ัจจุบนั มีการพัฒนาเป็น ผงข้าวยาคู หรอื ผง นำ้ นมขา้ ว อาจมกี ารเสรมิ โปรตีนจากถัว่ เหลอื งใช้เป็นสว่ นผสมอาหารว่างชนดิ ตา่ ง ๆ เช่น ไอศกรีม คุกกี้ ถวั่ ตัด แครกเกอร์ เมล็ดข้าวเปลือก ใช้ทำข้าวเม่า หรอื ขา้ วเม่าราง ขา้ วตอก ข้าวแตก หรือข้าวตอกแตกและข้าวฮาง เมล็ดขา้ วเจา้ ใช้ทำ ขนมอบกรอบหรือไรสแ์ ครกเกอร์ ผลติ ภณั ฑ์จากข้าวสวยตากแห้งเช่น ขา้ วตู ข้าวตาก ขา้ วตงั ขนมนางเล็ด ขนมไข่มดแดง

ข้าวสวยบรรจกุ ระปอ๋ ง เป็นผลติ ภัณฑ์ใหม่ท่ผี ลิตจากข้าวหอมมะลิ ข้าวบรรจุกระปอ๋ งทีผ่ ลิตในปจั จุบัน นี้มขี ้าวสวยและข้าวกล้องหอมมะลิ ข้าวปรุงรส ขา้ วเหนยี ว โจก๊ โจก๊ ปรุงรส (ไก่, หมู) และโจก๊ ข้าวกล้อง ขา้ วสวยบรรจซุ อง เป็นผลติ ภัณฑ์ใหม่ทบี่ รรจุข้าวสวยในซองท่ีทนต่ออุณหภูมสิ ูง (retort pouch) เพ่อื ให้สามารถเขา้ สู่กระบวนการผลิตที่ตอ้ งฆ่าเชือ้ จลุ ินทรีย์ เพยี งอนุ่ ในตไู้ มโครเวฟกส็ ามารถบริโภคได้ ขา้ วกึ่งสำเร็จรูปชนิดแหง้ เป็นผลติ ภณั ฑใ์ หมท่ ่นี ำมาบริโภคไดห้ ลังผา่ นการหุงต้มในระยะเวลาสัน้ ๆ ได้แก่ โจก๊ ข้าวต้ม เมล็ดขา้ วเหนียว ใชท้ ำ ขนมหวาน ได้แก่ ขา้ วหลาม ขา้ วหลามตดั ข้าวต้มผัด ข้าวตม้ มดั ไต้ ขา้ วต้มนำ้ วุน้ ขา้ วเหนียวป้งิ ข้าว เหนยี วมลู ขา้ วเหนียวตัด ขา้ วเหนยี วแดง ขา้ วเหนียวดำ ขา้ วหมาก ขา้ วเกรียบว่าว ไรสแ์ ครกเกอร์ เครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล์ เมลด็ ขา้ วกล้อง ผลิตเปน็ อาหารเสรมิ โดยนำข้าวกลอ้ งผสมกบั ถ่ัวเหลอื ง ข้าวโพด หรือเมล็ดธญั พืชอื่น เปน็ ผลิตภัณฑ์ผสมนมพร้อมด่ืม ขา้ วเม่า ขา้ วตู ข้าวกงึ่ สำเร็จรปู ขา้ วเม่า เหล้าอุ ข้าวสวยบรรจกุ ระปอ๋ ง

อาหารหวานจากข้าวของภาคอสี าน อาหารหวานหรือขนมหวานของชาวอีสานส่วนใหญ่ทำจากข้าวเป็นหลัก การบริโภคอาหารหวาน หรือขนมหวานของชาวอีสานส่วนใหญ่ก็ทำในโอกาสที่มีงานสำคัญของชุมชน ของครัวเรือน สำหรับเลี้ยงพระ เลย้ี งคนที่มากินมาทาน การปรงุ ขนมหวานของอีสานท่ีรับประทานเปน็ ประจำมนี ้อย นอกจากขนมหวานท่ีเน้น ส่วนประกอบหลักเป็นข้าวแล้ว ยังมีส่วนประกอบจากไม้ผลและพืชลงหัวอีก เช่น บวดหมากอึ(ฟักทอง) บว ดเผอื ก บวดมัน นึง่ กลอย กลว้ ยบวดชี เป็นต้น ขนมหวานทีป่ รงุ จากขา้ วของชาวอีสาน ได้แก่ ๑. ข้าวโคบ (หรือข้าวแตนหรือขนมนางเล็ด) ขนมประเภทหนึ่งทำจากข้าวเหนียวนึ่งตากแดดให้ แห้งทอดด้วยนำ้ มัน แล้วหยอดดว้ ยน้ำตาลหรอื น้ำอ้อย ๒. ข้าวเขียบข้าวโขบ ขนมทำจากข้าวเหนียวสุกตำให้ละเอียดด้วยครกกระเดื่อง ผสมน้ำรากตด หมา ทำเป็นแผน่ บางผ่งึ ใหแ้ หง้ นำไปยา่ งไฟ ๓. ข้าวต้ม(มัด) ทำจากข้าวเหนียว ใส่กล้วย เม็ดถั่วดำ นำมาห่อใบตองแล้วต้มให้สุกจึงนำมา รบั ประทาน บางครัง้ คลกุ ดว้ ยน้ำตาลและมะพรา้ วแกข่ ูด ๔. ข้าวตอกแตก วิธีทำนำข้าวเปลือกมาคั่วไฟให้แตกเอาน้ำอ้อยมาคลุก หรือผสมข้าวเม่า ถั่วลิสง มะพร้าว นำ้ ตาล งา คลุกเปน็ กระยาสารท ๕. ข้าวเม่า ทำจากข้าวเหนียวทีเ่ ป็นน้ำนมไม่อ่อนหรือแก่เกินไปมาค่ัวไฟอ่อนๆ แล้วตำเอาเปลือก ออก จะได้ขา้ วเมา่ สเี ขยี วอ่อนรสหวานหอม ๖. ข้าวหลาม เปน็ อาหารหวานท่ที ำจากข้าวเหนียว นำข้าวเหนยี วใหมแ่ ช่น้ำประมาณ ๕-๗ ช่ัวโมง จากนั้นเอาข้าวทแ่ี ช่มาผสมน้ำกะทิ น้ำตาล เกลอื บรรจลุ งในกระบอกไม้ไผท่ ี่ตดั เป็นปล้องๆ ปดิ ปากกระบอกไม้ ไผ่ด้วยขุยมะพรา้ วแล้วนำไปเผาไฟท่ีลุกสม่ำเสมอโดยตอ้ งกลบั ข้างกระบอกให้ทว่ั ดา้ น ๗. ขา้ วหล้งุ ทำจากข้าวเหนียวตม้ กบั กะทิ น้ำตาล ๘. ข้าวหลิ้มหรือข้าวพอง ทำจากข้าวเหนียวนึ่งแห้ง นำมาคั่วให้เหลืองงาม ผสมน้ำตาลหรือ น้ำอ้อยแล้วปน้ั เปน็ กอ้ น ๙. ข้าวปาด(ขมนเปียกปูน) ทำจากแป้งข้าวจ้าว ผสมน้ำกะทิ น้ำใบเตย น้ำตาล นำมากวนใน กระทะจนสุกและเนอ้ื ขนมข้นเทลงในถาดจนขนมแข็งตัว ๑๐. ข้าวหัวหงอก ทำจากข้าวเหนียวนึ่งให้สุก ขูดมะพร้าวเปลือกผง(ทึนทึก)เป็นแผ่นบางๆ นำ มะพร้าวท่ขี ูดและน้ำตาลไปคลุกเคลา้ กับขา้ วเหนยี วน่งึ

อาหารคาวหรอื เครอ่ื งปรุงจากข้าว ๑. ข้าวจี่ เป็นอาหารพิเศษในบุญเดือนสามที่เรียกว่า บุญข้าวจ่ี ข้าวจีในชีวิตประจำวันของคน ยากจนทั่วไปใช้เกลือโรยข้าวเหนียวนึ่งนวดให้เข้ากันปั้นเป็นก้อนกลมหรือรี นำไปย่างไฟกลับให้ทั่วทุกด้าน บริโภคโดยจิ้มกับปลาร้าหรอื แจ่วบอง ส่วนการทำข้าวจี่ในบุญเดือนสามหรือเพื่อขาย ข้าวจี่จะชุบไข่และข้าวจี่ ยดั ไสน้ ้ำอ้อย ๒. ข้าวเหนียวนึ่ง เป็นอาหารหลักที่บริโภค วิธีการนึ่งให้สุก โดยนำข้าวสารเหนียวมาแช่หากเป็น ขา้ วใหม่แช่ ๓๐ นาที ขา้ วเกา่ แช่ ๑ ชวั่ โมงเปน็ อย่างน้อย แล้วนำข้าวสารทีแ่ ช่ได้ใส่หวดหรือมวย นำไปน่ึง เม่ือ สุกทัว่ ดีเทข้าวเหนียวใสก่ ระเบยี นใชไ้ ม้พายกลับให้ไอร้อนออกแลว้ จึงเก็บไว้ในกระตบิ ขา้ ว ๓. ข้าวคั่ว ข้าวสารเหนียวที่นำมาคั่วให้สุกไหม้พอสมควร แล้วโขลกขณะที่ร้อนๆ จะได้ผงสีเทา หม่นมกี ลิ่นหอมสำหรบั เปน็ เครอ่ื งปรุงลาบ ก้อย ส้มปลานอ้ ย ปลาจ่อม ๔. ข้าวเบือ เป็นข้าวเหนียวที่ได้จากการนำข้าวสารมาแช่น้ำจนอ่อนแล้วโขลกให้ละเอียด นิยมใส่ แกงหน่อไม้ แกงอ่อมหอย อีกวิธีคือนำข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนนำไปย่างไฟพอเหมาะจนมีสีเหลืองและมีกล่ิน หอมนำไปโขลกใหล้ ะเอียดแล้วนำไปใสห่ ม้อแกงที่กำลังเดอื ด

ใบงานที่ ๙.๑ แบบบนั ทึกการสบื ค้นขอ้ มลู การแปรรปู รายวิชา ง ๒๑๒๐1 ข้าวกับวิถีไทย แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๙ เร่ือง แบบบนั ทึกการสบื ค้นข้อมูลการแปรรปู ขา้ ว ................................................................................................................................................................... . คำส่งั ให้นกั เรยี นเขยี นบนั ทกึ การสืบคน้ ข้อมูลการแปรรูปข้าว ๑. การแปรรูปข้าวมา ๒ ประเภท ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ช่อื -สกุล............................................................................ ช้นั ........................ เลขที่ ..........................

ใบงานที่ ๙.๒ แบบบนั ทึกการปฏบิ ัตกิ ารแปรรูปข้าว รายวิชา ง ๒๑๒๐1 ข้าวกับวิถีไทย แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๙ เร่อื ง แบบบนั ทึกการปฏิบตั กิ ารแปรรปู ข้าว ................................................................................................................................................................... คำสง่ั ใหน้ กั เรียนเขยี นบนั ทึกการปฏิบตั กิ ารแปรรูปขา้ ว วัสดุ/อปุ กรณ์ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ขนั้ ตอนการทำ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... แบบประเมนิ ผลงาน ๔ คะแนน ๑ ผู้ประเมนิ ๓๒ ตนเอง เพือ่ น ครู รวม ช่อื -สกุล............................................................................ ชน้ั ........................ เลขที่ ........................





























เรือ่ ง ข้าวกบั ภมู ิปัญญาไทย หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ ภาษาขา้ วและวถิ ีชวี ติ ไทย รายวิชา ขา้ วกับวิถีไทย รหัส ง ๒๑๒01 กล่มุ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี สัปดาห์ท่ี ๑5-๑7 วนั ที่.................................................. จำนวน 6 คาบ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. ผลการเรียนรู้ 5. สามารถรวบรวมสำนวนสุภาษติ ภาษาขา้ ว และภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่นของไทยได้ 9. มคี วามขยนั ซ่ือสัตยส์ จุ ริต รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ มวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ ใฝ่เรยี น มุง่ ม่ันในการ ทำงาน รกั ความเป็นไทย กตัญญู และมจี ติ สาธารณะ ๒. สาระสำคญั การทำนา คนไทยรู้จักการปลูกข้าวมาหลายพันปี ภูมิปัญญาด้านการทำนาจึงพัฒนามาโดยลำดับ สามารถใชพ้ ันธขุ์ ้าวได้เหมาะสมกับพื้นที่ ลักษณะดินและปริมาณน้ำ ถ้าเปน็ นาลมุ่ หรอื นาหนอง มักใช้พันธุ์ข้าว หนัก ปลกู โดยวธิ ีปกั ดำ แตถ่ า้ เปน็ นาโคก นาเขิน (นาในทีส่ งู ) มีปริมาณนำ้ น้อยหรือไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งนำ้ ก็มกั ใช้ พันธุ์ขา้ วเบา มชี ว่ งระยะการเก็บเกีย่ ว โดยใชว้ ิธีไถหวา่ นแทนการไถคราดแล้วจงึ ปกั ดำ ในอดตี ขน้ั ตอนในการทำ นาตั้งแต่ต้นจนจบจะเป็นกระบวนการใช้แรงงานคนและสัตว์คือ วัว ควาย ซึ่งต้องพึงพากัน ด้วยเมตตาธรรม สามคั คีธรรมและความกตัญญู ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ขา้ วกับภมู ปิ ัญญาไทย ๓.๒ สภุ าษติ คติ คำสอนเกี่ยวกับขา้ ว 4. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 4.1 มวี นิ ยั 4.2 ใฝ่เรียนรู้ 4.3 ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 4.4 รักความเป็นไทย 4.5 เหน็ คุณคา่ ของข้าว 4.6 มจี ิตสาธารณะ 4.7 มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 5.1 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ทกั ษะการทำงาน 5.4 จดั นิทรรศการขา้ วกับวถิ ีไทย 5.5 แสดงกิจกรรมส่งเสริมการอนุรกั ษ์ขา้ วกบั วถิ ีไทย

190 ๖. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๖.๑ ขั้นนำเขา้ สูบ่ ทเรยี น ๖.๑.๑ ครูสนทนากับนักเรยี นถงึ ภมู ิปัญญาเกย่ี วกับข้าวในแต่ละทอ้ งถิ่นของนักเรยี นเอง ๖.๑.๒ ครูอธบิ ายถงึ ความสำคัญภูมปิ ญั ญาเก่ียวกับข้าว ๖.๒ ขัน้ กจิ กรรม ๖.๒.๑ ครูจดั นักเรียนเข้ากลมุ่ ตามความสนใจของนักเรียน กลุม่ ละ ๖-๘ คน ๖.๒.๒ นกั เรียนแต่ละกล่มุ ย่อยศกึ ษาใบความรู้ท่ี ๑๑.๑ ข้าวกบั ภมู ปิ ญั ญาไทย ใบความรูท้ ี่ ๑๑.๒ สุภาษติ คติ คำสอนเกยี่ วกับข้าว ๖.๒.๓ นักเรยี นเขยี นบนั ทกึ ลงในใบงานที่ ๑๑ เรอ่ื งแบบบันทกึ การสืบคน้ ข้อมูลข้าวกับภมู ิ ปญั ญาไทย ๖.๓ ข้ันสรปุ นกั เรยี นอภิปรายและสรุปร่วมกันจากข้อมลู ท่ีสบื คน้ ไดเ้ กยี่ วกับประเพณีเก่ยี วกบั ข้าวกบั ภูมิปัญญาไทย ๗. ส่อื อุปกรณ์ และแหลง่ เรียนรู้ ๗.๑ ชุมชนท้องถน่ิ ๗.๒ http://www.mcc.cmu.ac.th/graduate/Agro723/Exam/Answer%203.html ๗.๓ http://www.pantown.com ๗.๔ ใบความรูท้ ี่ ๑๑.๑ ขา้ วกบั ภมู ิปญั ญาไทย ๗.๖ ใบความร้ทู ่ี ๑๑.๒ สุภาษติ คติ คำสอนเก่ยี วกับข้าว ๗.๗ ใบงานที่ ๑๑ เรอื่ งแบบบันทกึ การสืบคน้ ข้อมลู ขา้ วกับภูมปิ ัญญาไทย 8. หลกั ฐาน/ผลงาน/ปฏิบัติการ 8.๑ แบบบนั ทกึ การสืบคน้ ขอ้ มูลขา้ วกบั ภมู ปิ ัญญาไทย 8.๒ ผลการทดสอบ 9. การวดั และประเมนิ ผล ประเมนิ การเขียนบนั ทึกขอ้ มูลจากใบงานท่ี ๑0 ประเมินโดยใช้เกณฑด์ งั นี้ (คะแนนเตม็ ๘ คะแนน นำคะแนนทีไ่ ดห้ ารดว้ ย ๒ ) รายการประเมนิ ระดับคุณภาพ ๔ นักเรยี นเขียนบนั ทึกข้อมูลจากการสบื ค้นได้อย่างถูกต้องครบถว้ น ๓ ๒ นกั เรยี นเขยี นบันทึกข้อมูลจากการสบื ค้นได้อย่างถูกต้อง ๑ นักเรยี นเขียนบนั ทึกข้อมูลจากการสืบค้นได้เปน็ บางสว่ น นักเรียนเขียนบันทึกข้อมลู จากการสืบคน้ ไม่สอดคล้องกบั ข้อมูล เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๔ คะแนน ดมี าก ๓ คะแนน ดี ๒ คะแนน พอใช้ ๑ คะแนน ปรับปรุง เกณฑ์การประเมนิ ตัดสิน ไดค้ ะแนนตั้งแต่ ๒ (ระดบั คณุ ภาพพอใช)้ ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

แบบประเมนิ 191 การนำเสนผลงาน คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงใน ช่อง ทตี่ รงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 4321 1 เนือ้ หาละเอียดชดั เจน 2 ความถูกตอ้ งของเน้ือหา 3 ภาษาท่ีใชเ้ ข้าใจง่าย 4 ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการนำเสนอ 5 วธิ ีการนำเสนอผลงาน รวม ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งบางส่วน ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ้ บกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี อ้ บกพร่องมาก 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตำ่ กว่า 10 ปรบั ปรุง

192 แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทำงานรายบคุ คล ชื่อ ชั้น คำช้แี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงใน ช่อง ทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 4321 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อ่นื 3 การทำงานตามหน้าท่ีท่ไี ด้รบั มอบหมาย 4 ความมนี ้ำใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตำ่ กวา่ 10 ปรบั ปรุง

193 แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทำงานกลุ่ม ชอ่ื กล่มุ ชัน้ คำชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงใน ชอ่ ง ท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 4321 1 การแบ่งหน้าที่กนั อยา่ งเหมาะสม 2 ความรว่ มมอื กนั ทำงาน 3 การแสดงความคดิ เห็น 4 การรับฟงั ความคิดเห็น 5 ความมีน้ำใจชว่ ยเหลือกนั รวม ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครงั้ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง

194 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงใน ชอ่ ง ท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงคด์ ้าน 4321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเมอื่ ได้ยินเพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธิบาย ความหมายของเพลงชาติ กษัตรยิ ์ 1.2 ปฏิบตั ิตนตามสิทธิและหนา้ ที่ของนกั เรยี น 2. ซื่อสตั ย์ สุจริต 1.3 ใหค้ วามร่วมมือ ร่วมใจ ในการทำงานกับสมาชิกในช้นั เรยี น 3. มีวินยั รบั ผิดชอบ 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมทสี่ ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ ตอ่ โรงเรยี นและชมุ ชน 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 1.5 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏิบัตติ นตามหลักของ ศาสนา 1.6 เขา้ รว่ มกิจกรรมทเี่ กย่ี วกับสถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามทีโ่ รงเรียน และชมุ ชนจัดข้ึน 2.1 ให้ขอ้ มลู ที่ถกู ตอ้ ง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ใิ นส่ิงท่ีถูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจี่ ะทำความผดิ ทำ ตาม สญั ญาที่ตนให้ไวก้ บั เพ่อื น พ่อแมห่ รือผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผอู้ ่ืนด้วยความซ่อื ตรง 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับของครอบครัว และ โรงเรียน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ใน ชีวิตประจำวนั 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรตู้ า่ งๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรอู้ ย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินของตนเอง เชน่ ส่งิ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยดั คุม้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด ค้มุ คา่ และเกบ็ รักษาดูแล อยา่ งดี 5.3 ปฏบิ ัติตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรียบผอู้ นื่ และไมท่ ำใหผ้ อู้ น่ื เดือดรอ้ น พรอ้ มให้อภัยเมื่อ ผู้อ่นื กระทำผดิ พลาด

195 คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 4321 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใช้ชีวติ ประจำวันบนพ้นื ฐาน 6. มงุ่ มั่นในการ ของความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร ทำงาน 7. รกั ความเป็นไทย 5.6 รเู้ ทา่ ทนั การเปล่ยี นแปลง ทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรับ 8. มีจติ สาธารณะ และปรบั ตวั อย่รู ่วมกบั ผอู้ นื่ ได้อย่างมีความสขุ 6.1 มคี วามต้ังใจและพยายามในการทำงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ ้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพ่อื ใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย 8.1 ร้จู กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครทู ำงาน 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ และแบ่งปนั สิ่งของให้ผอู้ ่ืน 8.3 รู้จกั ดแู ล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั ิและสง่ิ แวดล้อมของหอ้ งเรยี น โรงเรียน ชมุ ชน 8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครั้ง ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ 91 - 108 ดีมาก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ำกว่า 54 ปรับปรุง

196 ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................................ ลงช่อื .............................................. (นางมลฤดี พรมเอยี่ ม) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ ............................................................................................................................. .................................................. .................................................................................................................................. ............................................. ...................................................................................... ...................................................................................... ลงช่อื ................................................... (นายชัยภัทร ใจดี) รองผู้อำนวยการโรงเรียน กลมุ่ บริหารวชิ าการ ขอ้ เสนอแนะของผู้อำนวยโรงเรยี น ............................................................................................................................. .................................................. ................................................................................................................................................ ............................... .................................................................................................... ........................................................................ ลงชือ่ จ.ส.อ. ...................................... (เสวก ฉนุ หอม) ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 56 จงั หวดั นา่ น

197 10. บันทึกผลการจดั การเรียนรู้ 4. ผลการจัดการเรยี นรู้ ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ .................................................................................. ....................................................................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ ...................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ 2. ปัญหา/อุปสรรค ................................................................................. ........................................................................ ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ 3. วิธีแกป้ ัญหา / อุปสรรค ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ .............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ............................ ...................................................................................................... ................................................... 4. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ลงชื่อ......................................... (นายพิริยพงษ์ ลอยเลศิ ) ครผู ู้สอน

198 ใบความรทู้ ี่ ๑๐.๑ ขา้ วกบั ภมู ปิ ัญญาไทย รายวชิ า ง ๒๑๒01 ขา้ วกบั วถิ ไี ทย แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ เร่อื ง ขา้ วกับภูมิปัญญาไทย ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ขา้ วกับภูมิปัญญาไทย เร่ืองที่ ๑ ภมู ิปัญญาชาวบ้านภาคอสี าน \"เฮด็ กนิ เฮ็ดอยู่ ภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นแหล่งความรู้ที่ดีอย่างหนึ่งที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในการดำรงชีวิตใน ปัจจุบัน ชาวบ้านดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นเวลาช้านาน อาจเป็นร้อยเป็นพันปี เรียกว่ามีความยั่งยืน สิ่งใดจะ ยั่งยืนก็ต่อเมื่อมีดุลยภาพ วิถีการดำรงชีวิตของชาวบ้านคือการดำรงอยู่ด้วยกันอย่างได้ดุลยภาพ ทั้งระหว่าง มนุษย์กับมนุษย์ และระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เช่น จะทำมาหากินอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับธรรมชาติ จะต้องมีเอื้ออาทรและมีขนบธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติต่อกันอย่างไร คนทั้งหมดจึงจะอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ จะเคารพนับถืออะไรร่วมกัน ที่จะผูกพันจิตวิญญาณของคนในชุมชนให้คำนึงถึงการอยู่ร่วมกันและอยู่ร่วมกับ ธรรมชาติ เช่น การรักษาป่าและต้นน้ำลำธาร ภูมิปัญญาเหล่านี้รวมเรียกว่า \"วัฒนธรรม\" วัฒนธรรมเป็นภูมิ ปัญญาที่สะสมมาจากการปฏิบัติจริงและถ่ายทอดกันมาเป็นเวลาช้านาน ความรู้ของมนุษย์ไม่ได้มีแต่ที่เกิดใน หอ้ งทดลองทางวิทยาศาสตร์เท่านน้ั ความรู้อีกกระแสหนงึ่ ซึ่งเกิดมาก่อน คอื ความรู้ท่เี กิดจากทดลองปฏิบัติจริง ในห้องทดลองทางสังคม คือความรู้กระแสวัฒนธรรม หรือความรู้ดั้งเดิม (Traditional knowledge) หรือภูมิ ปญั ญาชาวบา้ น ความรูเ้ หลา่ น้ีที่ถูกคน้ พบ ลองใช้ ดดั แปลง ถา่ ยทอดกันมาดว้ ยเวลานานเป็นพัน เป็นหม่ืนปีจึง มคี า่ ยง่ิ นัก เป็นมรดกทางปญั ญาของมนุษย์ ในทน่ี ้จี ะขอยกตวั อยา่ งถงึ ภูมปิ ัญญาชาวบ้าน ของทางภาคอีสานของประเทศไทย โดยจะกล่าวถึงวิถี ชวี ติ ที่พงึ่ พาตนเองแบบ \"เฮด็ กินเฮ็ดอย\"ู่ ในการยังชีพโดยพึ่งพิงธรรมชาติแวดล้อมบนหลักพึง่ พาตนเอง ชาวอีสานได้ปรับตัวกับธรรมชาติ ส่ัง สมความรแู้ ละประสบการณ์ต่างๆ จนพฒั นาขนึ้ เป็นวิถีชวี ิตของเขาเอง อนั พอจะจบั ลักษณะเฉพาะ ซึ่งส่วนหนึ่ง จะละม้ายคล้ายคลึงกบั วิถีชวี ิตของคนไทยในภูมิภาคอ่ืนๆ เพราะเปน็ วฒั นธรรมข้าว (Rice culture) เหมือนกัน จะมีความแตกต่างกันไปตามสภาพลักษณะพ้ืนภูมิธรรมชาตแิ วดล้อมและประสบการณส์ ั่งสมของการปรับตัวใน พืน้ ที่ โดยพอจะลกั ษณะวถิ ีชีวิตได้ดังนี้ ๑. ชาวบ้านจะจัดเวลาทำการผลิตให้เหมาะแก่ฤดูกาล ด้วยการอนุโลมตามปัจจัยสำคัญคือ \"น้ำ\" ตามที่มีอยู่ในธรรมชาติ กล่าวคือจะทำนาน้ำฝนปีละครั้ง ในระยะแรกที่เริ่มหักล้างถางพงนั้น ดินจะอุดมดีโดย ธรรมชาติ ชาวนาจะปลูกข้าวนาหยอด ซึ่งมักจะได้ข้าวมากเหลือเกิน พอเก็บไว้กินในยามแล้งและใช้ในงาน พธิ ีกรรม ตอ่ มาในปีใดแล้งจัด ปลกู ข้าวไม่ไดผ้ ล หรอื น้ำท่วมจนทำนาไม่ได้ กจ็ ะใช้ขา้ วทสี่ ะสมมาเล้ียงดูเจือจาน กนั ในยามยาก ไม่นยิ มปลกู พืชไร่พืชสวนกันอย่างเปน็ ล่ำเป็นสนั เพียงแตป่ ลูกไว้กินเองบ้าง เน่ืองจากภูมิอากาศ และระบบนิเวศไม่สามารถรองรับการผลิตหมุนเวยี นอย่างเข้มข้นได้ พืชที่นิยมปลูกไว้กนิ เองใช้เองไดแ้ ก่ หม่อน คราม ฟกั แตง กล้วย ออ้ ย ยาสูบ ฝา้ ย และปอแก้ว ๒. ก่อนจะถึงฤดูทำนาน้ำฝนในช่วงเดือนหกถึงเดือนเจ็ด ในเดือนสาม ขึ้นสามค่ำอันเป็น \"วัน ฟ้าเปิดประตูน้ำ\" หรือ \"วันฟ้าไขประตูน้ำฝน\" ชาวนาจะเอาปุ๋ยคอกมากระจายใส่นาไว้ ต่อเม่ือ

199 ฝนมาหลังสงกรานต์จึงจะไถหว่าน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นดินก็จะสมบูรณ์เพียงพอที่จะทำให้ปลูกข้าวได้ผลดี ถึง กระนั้นก็ดี บางปีฝนแล้งจัดหรือแล้งต่อเนื่องกัน 2 - 3 ปี น้ำไม่พอทำนา ชาวบ้านก็ต้องขุดเผือกขุดมันมากิน และขอแบ่งปันข้าวและพืชผลอื่นๆ จากญาติพี่น้องมากินกัน ทำนอง \"พริกบ้านเหนือ เกลือบ้านใต้\" เป็นธรรม เนยี มที่ปฏบิ ตั สิ ืบต่อกันมานาน ๓. พชื ผักที่เกบ็ มากินเปน็ อาหาร นอกจากท่ปี ลูกกนิ เองเล็กน้อยในหมู่บ้าน ชาวบา้ นจะนิยมเก็บผักที่ ขึ้นเองตามธรรมชาติ พืชผักพื้นบ้านในท้องถิ่นอีสานได้แก่ เห็ดต่างๆ แมลงต่างๆ นอกเหนือจากขิง ข่า ตะไคร้ โหระพา พริก มะเขือ ฯลฯ ที่ปลูกไว้กินข้าวรั้วบ้าน ส่วนเกลือ ปัจจุบันนิยมซื้อเช่นเดียวกับน้ำปลา และน้ำตาล แต่ในอดีตชาวบ้านที่ตั้งชุมชนอยู่ในบริเวณแหล่งเกลือ จะ ช่วยกันเอาเกลือผิวดินไปต้มทำเกลือใช้เอง ทั้งเพื่อ ปรงุ อาหารและถนอมอาหารด้วยการหมกั ดองต่างๆ ๔. เครื่องมือเคร่ืองใชห้ รือประดิษฐกรรมพื้นบ้านนานาชนิดไมว่ ่าจะเพื่อทำไรน่ า ล่าสัตว์ ปรุงอาหาร หรือใช้สอยในชวี ติ ประจำวันชาวบา้ นจะผลิตเองเกือบทัง้ สนิ้ ดังทีเ่ คยเป็นมาแต่โบราณ มเี พยี งไมก่ ี่อย่างท่ีต้องซื้อ หา ชาวบ้านมีความรู้ ความสันทัดในการนำเอาสิ่งท่ีหาได้ใกล้ตวั จากธรรมชาตมิ าประดิษฐ์ ดัดแปลงเป็นของใช้ เช่น เอากก ไผ่ มาทอสานเป็นเสือ่ สาด กระบุง กระติบ เป็นต้น งานหัตถกรรมพื้นบ้านเหล่านี้เกิดขึ้นตามความ จำเป็นและหนา้ ทีใ่ ช้สอยของเคร่ืองมอื ทำงานน้นั ๆ สอดคล้องกับพืน้ ภมู ิของระบบนิเวศในบริเวณที่อาศยั ๕. ชาวบ้านเลี้ยงวัวเลี้ยงควายไว้ใช้งาน หรือมีไว้เป็นทรัพย์สินสำหรับขายเมื่อยามจำเป็น วัวควาย เหมอื นเพ่ือนรว่ มชีวิตท่ีคนได้อาศัยแรงงานทำไร่ไถนา จนปหี น่งึ ก็ต้อง \"ฮอ้ งขวัญ\" ปลอบประโลมขอขมาลาโทษ เสียคราหนงึ่ อาจเป็นเพราะเหตนุ จี้ ึงมีขอ้ สังเกตว่าชาวบา้ นไม่ค่อยนิยมกนิ เนื้อววั ควายเท่าไรนัก

200 เร่อื งที่ ๒ พธิ ีกรรมเกีย่ วกับขา้ วและการทำนา ๑. เป็นส่วนหนึ่งของวิถชี วี ิตคนไทย หรือวัฒนธรรมไทยหรือวฒั นธรรมข้าวทีส่ ังคมได้สร้างข้ึน เพื่อเป็น หลักให้เกิดความมั่นคงในการดำเนินชีวิต มีวัตถุประสงค์และแนวทางเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณ ธัญญาหาร และเพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดถึงความอยู่เย็นเป็นสุขของคนและสิ่งที่เกี่ยวข้อง ๒. เป็นปฏิบัติการ ประการหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพื่อให้เกิดสภาวะเหมาะสมทางนิเวศวิทยา เพื่อให้การอยู่ร่วมกันของ ธรรมชาตดิ งั กล่าวรวมทง้ั มนษุ ยม์ สี นั ติสุข ๓. เปน็ สัญลักษณแ์ สดงวิวัฒนาการด้านเศรษฐกจิ สังคมและวฒั นธรรม อน่ึง ในพธิ ีกรรมเก่ียวกับข้าวและการทำนา หรือวัฒนธรรมข้าว นำ้ เปน็ ปจั จัยสำคญั พ้ืนฐาน ดนิ อนั อุดม สมบูรณ์และแรงงานทั้งคนและสัตว์ก็เป็นเรื่องสำคัญ มนุษย์จึงใช้ปัญญาสร้างพิธีกรรมและธรรมเนียมต่างๆใน รูปแบบ วิธี อุบาย ให้สอดคล้องกับความเชื่อและสิ่งแวดล้อมไว้มากมาย ในการจำแนกพิธีกรรมเกี่ยวกับข้าว และการทำนานั้นเมื่อวเิ คราะหต์ ามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของพธิ ีกรรมแล้วสามารถแบ่งเป็นประเภทตา่ งๆ ด ั ง น้ี ๑. พิธีกรรมเพื่อการบวงสรวง อ้อนวอน เสี่ยงทาย ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ให้ปราศจากภัยอันตราย ตลอดจนขอความเชื่อมั่นในการดำรงชีพในรอบปี พิธีกรรมส่วนนี้จะจัดขึ้นก่อนลงมือเพาะปลูก เช่น พิธีขอฝน โดยแห่นางแมว เทศนพ์ ญาคนั คาก สวดคาถาปลาชอ่ น พิธีบูชาแถน พิธบี ญุ บงั้ ไฟ พิธบี ุญชำฮะ พธิ ีเซ่นบูชาหลัก เมอื ง พธิ เี ล้ยี งผีขุนนำ้ พธิ เี ซ่นไหว้วญิ ญาณบรรพบุรุษ เปน็ ต้น ๒. พิธีกรรมเพอื่ การเพาะปลูก มเี ปา้ หมายเพ่ือการเพาะปลูกโดยเฉพาะ ซง่ึ จะทำพธิ ใี นช่วงเวลาที่จะลง มือเพาะปลูก มีเจตจำนงเพื่อขอโอกาส ขออนุญาต (ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พืช วิญญาณที่ครองพื้นที่) บวงสรวง บน บาน บอกกล่าว ฝากฝัง ให้การทำนาทำไร่ในปีนั้นๆเป็นไปด้วยดี ทั้งคน ข้าว สัตว์ และเป็นความอ่อนน้อมต่อ ข้าวและส่ิงท่เี กยี่ วข้อง พธิ กี รรมสว่ นนไี้ ดแ้ ก่ พธิ แี รกนา พธิ เี ล้ยี งตาแฮก พธิ ีบูชาภมู นิ า พิธแี รกไนตกกล้า พธิ ีแรก นาดำ พิธีปักข้าวตาแฮก พิธีหว่านข้าว พิธีเชิญแม่โพสพใส่ข้าวปลูก พิธีเชิญแม่โพสพลงนา พิธีบูชาแม่ธรณี พิธี เอาฝุ่นใส่นา เป็นต้น ๓. พิธีกรรมเพื่อการบำรุงรักษา มีเป้าหมายเพื่อบำรุงรักษาต้นข้าวให้เจริญงอกงาม ปลอดภัยจาก ศัตรูพืชนานา และเพื่อแสดงความอ่อนน้อมต่อข้าวและสิ่งศกั ดิ์สิทธ์ิทีเ่ กี่ยวเนื่อง พิธีกรรมเหล่านี้จัดขึ้นระหว่าง เวลาการเพาะปลูกจนกระทั่งเก็บ ได้แก่ พิธีไล่น้ำ พิธีปักตาเหลว พิธีขึ้นท้าวทั้งสี่ พิธีไหว้เจ้าที่ พิธีรับขวัญแม่ โพสพ พิธีส่งข้าวบิณฑ์ พิธีคดข้าว พิธีไล่นก หนู เพลี้ย แมลง ปู หนอน ฯลฯ โดยน้ำมนต์ ผ้ายันต์ โดยหว่าน ทราย โดยเครื่องราง หรอื โดยภาวนา เป็นต้น ๔. พิธีกรรมเพื่อการเก็บเกี่ยว มีเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลผลิต ให้คนปลอดภัยในการเก็บเกี่ยว และเพ่ือ แสดงความอ่อนน้อมต่อข้าวและสรรพส่ิงที่เกีย่ วข้อง พิธีเหลา่ นี้จัดขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ได้แก่ พิธีรวบข้าว พิธี แรกเกย่ี วข้าว พิธเี ชญิ ข้าวขวญั พธิ ที ำลาน พิธีปลงขา้ ว พธิ ขี นขา้ วขึน้ ยุ้ง พิธตี ้งั ลอ้ ม พธิ ีปิดยุ้ง พิธีเปดิ ยุง้ เปน็ ต้น ๕. พิธีกรรมเพื่อเฉลิมฉลอง มีเป้าหมายเพื่อเฉลิมฉลองผลผลิตที่ได้แก้บนหรือเซ่นสังเวยเทพยดา อารักษ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้คุ้มครองคน สัตว์ และบรรดาพืชพรรณธัญญาหารให้ได้ผลดี ตลอดจนเลี้ยงอาหาร ตอบแทนน้ำใจเพื่อนบ้าน รวมทั้งขอขมาลาโทษและขออโหสิถ้าได้ล่วงเกินสิ่งใด ผู้ใด หรือสัตว์เลี้ยงที่ได้พึ่งพา อย่างวัวควาย ในการนี้จะมีพิธีเลี้ยงอุทิศส่วนกุศลให้เทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปู่ย่าตายาย เจ้าที่เจ้าทาง เจ้ากรรม นายเวร ตลอดจนสรรพสัตว์ เป็นการตอบแทนบุญคณุ แกผ่ ู้มีคุณทว่ั หน้า พิธีกรรมเหลา่ น้จี ดั ขึ้นหลังการเก็บเก่ียว ได้แก่ พิธบี ญุ คูนลาน พธิ สี ขู่ วัญขา้ ว พิธีเผาข้าว พธิ ขี อพร พธิ บี ุญกุ้มขา้ วใหญ่ พิธบี ุญขา้ วจ่ี พิธีกวนข้าวทิพย์ พิธี

201 กวนข้าวยาคู พิธีสู่ขวัญข้าวขึ้นเล้า พิธีสู่ขวัญเกวียน พิธีสู่ขวัญควาย พิธีแห่ข้าวพันก้อน พิธีลาซัง พิธีกองข้าว เป็นต้น พิธีกรรมแต่ละประเภทที่กล่าวมานั้น แต่ละท้องที่แต่ละชุมชนมีวิธกี ารปฏบิ ัติแตกตา่ งกันไปตามความ เหมาะสมของพน้ื ท่ีและธรรมเนียมของชุมชนนัน้ ๆ ซ่ึงในท่ีน้ีจะขอยกตวั อยา่ งพิธีกรรมท่ีเกี่ยวกับข้าวและการทำ นาของเกษตรกรท่ีอย่ทู างภาคเหนือของประเทศไทย ไดแ้ ก่ พธิ ีสู่ขวญั ขา้ ว พิธสี ขู่ วญั ข้าว เป็นพิธีกรรมในการเรียกขวัญข้าวหลังจากการเก็บเกี่ยวเพื่อเป็นการขอขมาและขอบคุณพระนาง เทพธิดาโพสพ ทางล้านนาเรียก แม่โกสก ซึ่งเป็นผู้บันดาลและดูแลข้าวกล้าในนา ทำให้เกิดผลดีผลเสีย คน โบราณถือว่าขึ้นอยู่กับความพอใจของเทพธิดาองค์นี้ และยังเป็นพิธีที่เช่ือกันว่าจะทำใหข้ ้าวไม่ให้หายและหมด ไปจากยงุ้ ฉางเรว็ อกี ด้วย วันทที่ ำพิธโี ดยปกติถือเอาวันท่ีขนข้าวขึ้นยุ้งเสรจ็ แล้ว หากไม่ทันก็อาจทำในวันรุ่งข้ึนก็ ได้ การเรียกขวัญข้าวนั้นอาจทำได้ทั้งแบบเรียบง่ายและแบบใหญ่โตโดยขึ้นกับความนิยมในท้องถิ่นหรือความ พร้อมของเจ้าของนา หากทำพิธีแบบใหญ่โตแล้วก็จะมีเครื่องบูชามากมาย โดยทั่วไปเครือ่ งพิธีจะมีไก่และเหล้า และเครื่องใช้ของผู้หญิงเช่นกระจก หวี แป้ง นำเครื่องพิธีดังกล่าวไปวางไว้ที่แทน่ พิธีบริเวณที่เคยทำพิธีแรกนา แล้วก็มีคำอาราธนา คือคำสังเวยที่เปน็ คำขอบคุณแก่พระแม่โพสพ ที่ช่วยใหไ้ ดผ้ ลผลิตเป็นข้าวมากมาย ถ้าเป็น พธิ ีใหญส่ ว่ นมากเจ้าของนาจะกลา่ วคำอาราธนาด้วยตวั เองไม่ได้ จงึ ตอ้ งขออาจารยป์ ระจำหม่บู ้านเป็นผู้กล่าวคำ อาราธนาแทน ในการทำพิธีแบบง่ายนั้น เครื่องบูชา มีข้าว ไข่ต้ม กล้วย ๑ ผลขนมต่าง ๆ ดอกไม้ ธูปเทียน จัดใส่ กระทงหรอื พานเลก็ ๆ ผู้ท่เี ป็นพอ่ นาจะเอาไมไ้ ผเ่ ฮีย้ ยาวประมาณ ๒ เมตร ปลอ้ งของไมบ้ นสดุ ทบุ ใหแ้ ตกเป็นซีก ๆ แล้วดุนให้ถ่างออกป่องตรงกลาง คล้ายกับที่เรียกกันว่ารังมดส้ม (มดแดง) เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็จะพากัน ขนเครื่องบูชาและเครื่องประกอบพิธี มีกระทงใส่เครื่องบูชาและทับพี ๑ อัน ไม้รังมดแดง และนำไม้นะโมตา บอด พรอ้ มด้วยรวงขา้ วที่เก็บไว้ก่อนนัน้ แล้ว ออกไปอีกครั้งหน่ึง เมื่อไปถึงพ่อนาจะฝังหรือปักไม้เฮี้ยที่เป็นรังมด แดงนั้นที่กลางตาลางคือลานนวดข้าว เอากระทงเครื่องบูชาใส่ปลายไม้เฮี้ยที่เป็นรูปรังมดแดง ผูกรวงข้าวให้ แขวนลงในกระทงนั้น ปกั ไมน้ ะโมตาบอดซ่ึงเป็นเครื่องป้องกันมิใหผ้ ีมาขโมยข้าวไว้ท่ี ๔ มุมของลาน แล้วจุดธูป เทียน ผู้หญิงก็จะใช้ทัพพีกวักไปรอบ ๆ ในบริเวณนั้น เพื่อกวักเอาขวัญข้าวให้มาอยู่รวมกัน ด้วยการพูดเป็น โวหารเอาเอง ด้วยคำที่เป็นมงคลเมื่อเสร็จพิธีแล้วจึงหยิบเอาเมล็ดข้าวที่ตกแถวนั้นสัก ๒-๓ เม็ด หรือจะหยิบ เอาเศษฟางก็ได้สมมุติวา่ เป็นขวัญของข้าวใส่ในกระทง นำเอากระทง และไม้นะโมตาบอดกลบั บ้าน ปักไม้นะโม ตาบอดไว้ท่ี ๔ มุม ในยงุ้ ขา้ วแลว้ เอากระทงขวัญข้าววางไวจ้ ุดใดจุดหนง่ึ ในหรือยุ้งข้าว แล้วเอากระดองเต่า หรือ ฟักหม่น คือฟักเขียว วางไว้ข้างบนข้าว เพื่อให้เต่าหรือฟักคอยกกฟักให้ข้าวอยู่นาน ๆ เหมือนกับเต่าฟักไข่ พรอ้ มกบั กล่าวออกเสียงเบา ๆ ว่า \"ขอให้ข้าวจงอยู่ในนี้เน่อ อย่าได้ออกไปทางใด เพราะว่าเดือน ๔ เพิ่นจักปล่อยช้างปล่อยม้า เดือน ๕ เพิ่นจัก ปลอ่ ยงัวปลอ่ ยควาย\" ซึง่ เป็นการสอนและเตือนขา้ วไม่ให้ออกไปเทีย่ วเลน่ เกรงว่าจะถกู ชา้ งมา้ ววั ควายเหยียบเอา เมื่อนำข้าว เข้าเก็บแล้ว ที่ประตูยุ้งข้าวจะมี ปักขทืนกระด้าง หรือปักขทืนวันจกเข้า คือปฏิทินกำกับวันข้างขึ้นข้างแรมที่ ควรหรือไม่ควรตักข้าวออกจากยุ้ง เชื่อกันว่าหากมิได้ปฏิบัติตามพิธดี ังกลา่ วมาข้างต้น ข้าวจะเปลือง หรือหมด เร็ว เพราะมผี มี าขโมยเอาไปกนิ เมอ่ื นำข้าวเข้าเก็บแลว้ เป็นอันเสร็จพิธี

202 การประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับข้าวและการทำนา เป็นการกระทำหนึ่งที่มีบทบาทต่อระบบนิเวศวิทยา กล่าวคือ เป็นการสอนให้มนุษย์ให้อยูร่ ่วมกับสิ่งมีชวี ิตอื่น รวมถึงธรรมชาตใิ นลักษณะพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน สอนใหม้ นษุ ย์รูจ้ กั เคารพในการใช้ประโยชน์จากส่งิ เหลา่ นี้ในการดำรงชวี ิตเฉพาะเท่าท่ีจำเปน็ ต่อการบริโภคและ อุปโภคเท่านั้นไม่ละเมิด ไม่โลภ และนอกจากนี้ยังเป็นการสอนให้มนุษย์รู้จักป้องกัน แก้ปัญหาอันตรายต่างๆ ด้วยวิธีการที่เหมาะสม ไม่มุ่งทำลายล้าง โดยสมมุติสรรพสิง่ ว่ามีเทพและสิ่งศักดิ์สิทธ์ิดูแลคุ้มครองอยู่ ทำให้ลด การทำลายธรรมชาติ จงึ ทำใหเ้ กิดความสมดลุ ทางนเิ วศวิทยา เรือ่ งท่ี ๓ คติเร่ืองแมโ่ พสพ หรอื โคสก กบั ระบบนเิ วศน์ ในเรื่องของคติชาวบ้านที่เกี่ยวข้องกับการปลูกข้าวซึ่งมักจะกล่าวถึงเรื่องตำนานพระแม่โพสพ หรือโค สกที่ความเชื่อยังนำมาปฏิบัติและถ่ายทอดสู่รุ่นลูกหลานสืบต่อกันมาในยุคสมัยต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันการ เปลี่ยนแปลงของคติพื้นบ้านเกี่ยวกับข้าวที่เกิดขึ้นเป็นการเปลี่ยนแปลงมาจากการเริ่มปฏิวัติเขียว (Green Revolution) บางส่วนและเป็นแบบพัฒนา (Development) บางส่วน กล่าวคือ บางส่วนเกิดขึ้นโดยฉับพลัน จากหน้ามือเปน็ หลังมอื เช่นพธิ ีกรรมเก่ยี วกับข้าว และการทำนา นิทาน และความเชื่อเกีย่ วกบั ข้าว แตบ่ างส่วน กเ็ ป็นไปตามแผนพฒั นา เชน่ องค์ความรเู้ รอื่ งข้าว เปน็ ต้น ชาวบ้านไดร้ ับแนวคดิ ความรู้ และวทิ ยาการใหม่เข้า ใช้ในด้านการดำเนินชีวิตมากยิ่งขึ้น ประกอบกับชาวบ้านสามารถควบคุมปัจจัยสำคัญในการทำนาได้ เช่น น้ำ การเพิม่ ผลผลิต การเตรียมดิน และฤดูการทำนา ทำให้ชาวบา้ นละเลยวฒั นธรรมเกย่ี วกับขา้ วในสว่ นนี้ไปมาก

203 การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกระทบด้วนกันหลาย ๆ ด้านทั้งทางด้านสังคม ด้านจริยธรรมและวัฒนธรรม ทาง เศรษฐกิจ และที่สำคัญคือทางนิเวศวิทยา การสูญเสียคติพื้นบ้านเกี่ยวกับข้าว และการทำนามีผลกระทบต่อ ความสมดลุ ทางนิเวศวิทยา กลา่ วคือ ไมเ่ พียงแต่ทำใหม้ นุษย์ปฏิเสธเทพเจ้าแห่งดิน นำ้ ลมฟา้ อากาศ ข้าว ป่าไม่ ฯลฯ เท่านั้น หากแต่ยังมีพฤติกรรมที่แสดงว่าตัวเอง \"เป็นเจ้านาย\" ของทรัพยากรสิ่งแวดล้อม หรือ ดิน น้ำ ลม ฟ้า อากาศ ป่าไม้ ด้วย มนุษย์พยายามควบคุมให้สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามความต้องการ เช่น บังคับน้ำให้ไหลไป ตามท่อขึ้นเหนือลงใต้ บังคับให้ข้าวมีผลผลิตสูง บังคับดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ตามต้องการ เหล่านี้คือ พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความพยายามเป็นนายธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการทำลายความสมดุลทาง นิเวศวิทยาอย่างกว้างขวาง ตัวอย่าง แต่เดิมเมื่อข้าวเป็นโรคเพลี้ยลง วิธีป้องกันคือการแผ่เมตตา ภาวนา คาถาอาคม หรือจัดพิธีกรรมต่าง ๆ ขึ้น เพื่อให้ข้าวหายจากโรคต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันนิยมใช้สารเคมีปราบเชื้อ โรคหรอื เพลยี้ เหลา่ นนั้ ซ่งึ สารเคมไี มเ่ พยี งแตฆ่ ่าทำลายเพลยี้ และตัวหนอนเท่านนั้ แต่ยังทำลายระบบนเิ วศวิทยา ในทงุ่ นา และพื้นทใี่ กลเ้ คยี งให้สูญเสียความสมดลุ ไปด้วย และแม้แตม่ นุษยเ์ องก็ถูกสารเคมซี ึมซับเข้าร่างกายอีก ด้วย องค์ความร้พู นื้ บ้านทีต่ ั้งอยู่บนพืน้ ฐานของระบบจิตใจมาเปน็ องค์ความรูส้ มยั ใหม่ที่ต้ังอยู่บนพ้นื ฐานของ ระบบธุรกิจ แตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีตซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของระบบจิตใจอย่าง เดียวกัน นั่นคือ แต่เดิมคติเกี่ยวกับขา้ วและการทำนาก่อตัวขึน้ บนพื้นฐานของความเชื่อพืน้ บ้าน เช่น ความเชอื่ เร่อื งผีตาแฮก ผที ่งุ ผนี า ผีบา้ น ผีเรอื น ผีฟ้า ผีประจำตน้ ไม้ ฯลฯ ต่อมาเมือ่ ศาสนาพราหมณ์ได้เจริญรุ่งเรืองข้ึน จงึ แพร่หลายเข้ามีอิทธิพลเหนือความเชือ่ ท่ีมีอย่เู ดิมจึงเกดิ เทวดาตา่ ง ๆ ขนึ้ มีพระฤาษี พระพิรณุ มีแม่คงคา แม่ ธรณี แม่โพสพ ฯลฯ มาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นซึ่งทำให้มนุษย์มีความรัก และเคารพในธรรมชาติต่าง ๆ การนำรถไถนาเดินตามมาใช้แทนแรงงานควายนั้น พฤติกรรมที่แสดงออกต่อเครื่องจักรแตกต่างจาก พฤตกิ รรมทีแ่ สดงออกตอ่ ควาย เชน่ ไมต่ อ้ งหว่ งใยอาทรตอ่ ความเหนด็ เหนอ่ื ยอ่อนเพลยี หวิ โหยเหมือนควายขณะ ไถนา สามารถบังคบั รถไถได้ตามความต้องการต่างจากควายท่ีคอยขัดใจให้คนต้องข่มใจ อดทนรอคอยอยู่เร่อื ย เม่อื ใชง้ านเสรจ็ แลว้ ชาวนาต้องเลี้ยงดูควายให้ได้กนิ อาหารอมิ่ ไดท้ น่ี อนเหมาะสม แตร่ ถไถนาเดินตามไม่ต้องทำ อะไรเลยนกี้ เ็ ป็นผลกระทบของการปฏวิ ัติตอ่ ระบบนิเวศ และสงั คมในปจั จบุ ัน

204 ใบความร้ทู ี่ ๑๐.๒ สุภาษิต คติ คำสอนเกีย่ วกับขา้ ว ใบความรทู้ ่ี ๑๐.๒ รายวชิ า ง ๒๑๒๐1 ข้าวกบั วิถีไทย แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๑๐ เร่อื ง สุภาษติ คติ คำสอนเกีย่ วกับขา้ ว ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ขา้ ว : เทพเจ้าจากนทิ านสูว่ ิถชี าวนาโลกถงึ วิถีชาวนาไทย ข้าวเป็นบ่อเกิดนิทานสำคัญของสังคมชาวนาทั่วโลก กล่าวคือ ตำนานข้าวชาวเปอร์เซีย กล่าวถึง เทพธิดา ชื่อว่าศิวา แสวงหายอดอาหารอย่างลำบาก จนตายมีต้นข้าวที่หลุมศพ เช่นเดียวกับชาวชวา กล่าวถึง กำเนดิ ศักดส์ิ ิทธขิ์ องข้าวนาลุ่มวา่ เป็นหลุมศพของเทวรี ัตนรูมิลาร์ ส่วนข้าวนาดอนเกิดจากหลุมศพสิริเทวีซึ่งแบ่ง ภาคมาจากพระอุมา ส่วนตำนานข้าวของชาวเบงกาลี กล่าวถึงพราหมณ์ ผู้ถูกเทพเจ้าคุ้มครองไร่นาพิโรธ สาปแชง่ ใหข้ ้าวมเี ปลอื ก เพราะไมส่ ำรวมบริโภค สำหรับสังคมไทยก็ปรากฏนิทานที่มีข้าวเป็นบ่อเกิดหลายสำนวนแตกต่างและหลากหลาย ตามวิถี วฒั นธรรมประจำทอ้ งถ่ิน ซึ่งบรโิ ภคข้าวเป็นอาหารหลัก ทั้งยังปรากฏอทิ ธิพลทางด้านความเชื่อเกี่ยวกับแนวคิด เร่อื งความศักด์ิสิทธ์ิของข้าว เป็นเร่อื งเกี่ยวกับเทพปกรณัมในศาสนาพราหมณ์ ในวรรณคดีเร่ืองไตรภูมิพระร่วง ไตรภมู โิ ลกวินิจฉยั และตำนานขนุ บรมราชาธิราช ของชาวอีสานและชาวลา้ นชา้ ง ทงั้ นท้ี งั้ นน้ั ความเชื่อทั้งหลาย เหล่านี้ก็มีส่วนทำให้ข้าวกลายเป็นตำนานประจำถิ่นไปโดยปริยาย กล่าวคือ ตำนานข้าวของชาวลื้อเล่าถึงแม่ โพสพโกรธมนุษย์หนีไปกับพวกครุฑและนาคในป่าหิมพานต์ ส่วนตำนานข้าวของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช กลา่ ววา่ แมโ่ พสพหนมี นุษยไ์ ปอยู่ภูเขากูฎแห่งอุดรทวีป ทีเ่ กดิ และหลบหนขี องแมโ่ พสพคือ ดินแดนอันศักด์ิสิทธิ์ อันไกลโพ้น เช่นเดียวกับ งานวิจัยทางด้านไทยคดีเกี่ยวกับตำนานข้าว ซึ่งศึกษาตำนานข้าวบ้านดอนดู่ เปรียบเทียบ 3 สำนวน คอื สำนวนแรกกลา่ วถึงข้าวเกิดในชมพูทวปี อุทยานของพญานาค หากแตถ่ กู หญงิ หม้าย ใช้ไม้คานตีจนไปตกยังที่ต่าง ๆ ด้วยความน้อยใจ นางหนีไปอยู่ในถ้ำ จนกระทั่งร้อนถึงเทวดาต้องตามกลับมา สำหรับสำนวนที่สอง กล่าวถึง ฤาษีมหากระไลโกฏินำเมล็ดข้าวสาลีซึ่งลมพัดมาตกที่หนา้ คันธกุฏิ มีนกกามากิน ขา้ วหอม จากนั้นพระฤาษีนำไปจา่ ยให้ชาวบา้ น ส่วนสำนวนท่ีสาม ความกล่าวถึง นางสวเทวีเก็บดอกไม้ไปถวาย พระอนิ ทร์ กระทง่ั นางต้องไปจตุ ิบนโลก พบฤาษีมหากระไลโกฏทิ ่ีกำลังเข้าฌาน พอพระฤาษลี ืมตาเท่าน้ัน ทำให้ นางกลายเป็นเถ้าถ่านและมีต้นข้าวเกิดขึ้น จากตำนวนข้าวนิทานชาวนาโลกมาถึงตำนานข้าวของชาวดอนดู่ (จารุวรรณ ธรรวัตร 2543: 79) กล่าวสรุปว่า สิ่งที่ตำนานข้าวทุกสำนวนกล่าวตรงกันคือ การปฏิบัติอย่าง รุนแรงด้วยการตีข้าวด้วยไม้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ควรที่สุด โดยเหตุผลเพราะว่า เมื่อพิจารณาถึง กระบวนการผลิตข้าวตั้งแต่ต้นจนเสร็จ ได้แก่ การไถนา การคราด การหว่าน การดำ การเกี่ยว การตีข้าวหรือ การนวดข้าว การเก็บขึ้นยุง้ ฉาง ชาวนาส่วนใหญ่เห็นว่าการตีข้าวเปน็ ขัน้ ตอนที่ปฏิบัติรนุ แรงเหมือนชาวนาแล้ง น้ำใจ ข้าวหรือแม่โพสพคงเจ็บปวดสะเทือนขวัญ ด้วยแนวคิดที่สืบเนื่องมาเช่นน้ี นิทานเรื่องข้าว จึงมีบทบาท สำคญั ตอ่ วิถีคตชิ นแห่งสงั คมชาวนาไทยมาทุกยุค ทุกสมยั

205 จากเทพเจ้าในตำนานขา้ วส่ธู ญั พืชเหนือพืชท้งั ปวง ในพธิ กี รรมที่ทำเพอ่ื ขา้ ว ความสำคัญของนิทานที่ถือกันว่าเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ ที่มีบทบาทต่อวิถีความเป็นอยู่อย่างผูกพัน แนบแน่นมากทุกยุคทุกสมัย ผ่านการรับรู้จากสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการฟังในโอกาสพิเศษ จากแหล่ในพิธีสู่ ขวัญข้าว หรือพิธีทำบุญคูณลานหรือฟังด้วยวิถีเล่าด้วยภาษาพูดแบบอย่างนิทานจากผู้อาวุโส ผู้รู้และพระ นักเทศน์ วรรณกรรมมุขปาฐะเหล่านี้ปรากฏขึ้นโดยวิถีแห่งธรรมชาติ ของท้องถิ่น กระทั่งมาสู่วิถีการปฏิบัติที่ เหมาะสมต่อข้าวอยา่ งท่คี วรจะเป็นเพราะการดำเนนิ ชวี ิตด้วยขา้ วแบบย่ังยืนนนั่ เอง เพราะเฉพาะนิทานทั้งหลายมีความพยายามที่จะสะท้อนเรือ่ งราวเกี่ยวกับการปฏิบัติตนที่ไมเ่ หมาะสม ในตำนานข้าวทเ่ี ป็นเหตุใหป้ ระสบความอดอยากเกิดขนึ้ โดยเฉพาะสังคมทเ่ี คยประสบปญั หาการขาดแคลนข้าว และมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น โดยตำนานอธิบายเหตุที่ขาดแคลนข้าวด้วยเหตุผลทางจริยธรรมคือ ชาวนาขาดความ เคารพแม่โพสพ และการประสบปัญหาภัยแล้งของชาวนาทำให้เกิดพิธีขอฝน ทั้งการทำบุญบั้งไฟ การแห่นาง แมว การเตา้ เซียงข้อง และพธิ ีกรรมอ่ืน ๆ รวมถึงพธิ กี รรมในขั้นตอนผลิต ขอ้ หา้ มหรือขะลำในการผลิตและการ บรโิ ภค เคลด็ ลับในการทำนา และการทำเคร่ืองมอื เครื่องใช้ตา่ ง ๆ ตัวอยา่ งในพิธกี รรมการผลิตที่สำคัญ ปรากฏ การเลี้ยงตาแฮก หรือการเลี้ยงพระภูมิก่อนทำนา การทำพิธีย้ายแม่ธรณี และลงข้าวก่อนตีข้าว การสู่ขวัญข้าว และสขู่ วัญลานหลงั การเก็บเก่ียว จุดมุ่งหมายของพธิ ีกรรม เพ่อื บวงสรวง และบอกกล่าวอำนาจศักดิ์สทิ ธ์ิ เช่น ผี ตาแฮก พระภูมนิ าและแม่โพสพ เป็นต้น ลกั ษณะของตำนานข้าวที่ปรากฏขึน้ ในสงั คมชาวนาในภาพรวมแลว้ จารุวรรณ ธรรมวัตร (2543:82) กลา่ ววา่ ตำนานขา้ วของชนกลุ่มต่าง ๆ มลี กั ษณะร่วมคอื เปน็ นทิ านศักดสิ์ ทิ ธแ์ิ ละนิทานอธิบายเหตุ คอื ให้ความรู้ ตามวิธคี ิดของชมุ ชน หากแสดงถงึ บทบาทของตำนาน ที่เป็นเพยี งมิติหน่ึงของคตินิยมเก่ียวกบั ขา้ วน่นั เอง อย่างไรกต็ าม สาระสำคญั ของวรรณกรรมอันว่า ดว้ ยเทพเจ้าในตำนานขา้ ว ก็คอื บ่อเกดิ จากวถิ ตี ำนาน เช่อื มโยงมาสวู่ ถิ ีชีวติ ท่ีมีรากเหง้า กระทั่งหลอ่ เลยี้ งวถิ ชี นรุ่นแลว้ รุ่นเล่า ตำนานขา้ วจงึ นบั เปน็ หนงึ่ ใน กระบวนการสำคัญอนั นำมาสู่การดำรงอยู่ของวถิ สี ังคมทีบ่ ริโภคข้าวแบบย่งั ยืน แม้จะเปน็ เชงิ คดิ แบบดั้งเดิม โดยเฉพาะวถิ ีสงั คมชาวอีสาน แตก่ ระนัน้ ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง แหง่ ยุคสมยั ข้อมูลขา่ วสารและ เทคโนโลยี อนั ทะลักทลายเชน่ นี้ ก็ใหป้ ระหว่นั พรั่นพรึงกับทางเดินแห่งตำนานมิใช่น้อยเลย มิใชห่ รือ?

206 ใบงานที่ ๑๐ แบบบนั ทกึ การสบื คน้ ขอ้ มลู ข้าวกบั ภมู ปิ ัญญาไทย รายวิชา ง ๒๑๒๐1 ข้าวกับวิถีไทย แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๐ เร่ือง แบบบันทึกการสบื ค้นข้อมลู ขา้ วกับภูมิปญั ญาไทย ................................................................................................................................................................... คำส่ัง ใหน้ ักเรียนเขยี นบนั ทกึ การสบื คน้ ข้อมูลข้าวกับภมู ิปัญญาไทย ๑. ขา้ วกับภมู ิปญั ญาไทย .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ๒. สุภาษติ คติ คำสอนเก่ยี วกบั ขา้ ว .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ชื่อ-สกุล............................................................................ ชั้น ........................ เลขท่ี ..........................

207 เรือ่ ง ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 วถิ ีชีวติ ไทยตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ รายวชิ า ข้าวกับวถิ ไี ทย รหสั ง ๒๑๒01 พอเพียง สปั ดาหท์ ี่ ๑8 วันท.่ี ........................................... กลมุ่ สาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพ จำนวน ๒ ช่วั โมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๑. ผลการเรียนรู้ 6 สามารถจดั กิจกรรมสง่ เสรมิ และอนุรักษ์ข้าวกับวถิ ีไทยได้ 7 สามารถอธิบายแนวทางในการนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งประยุกต์ใช้ได้ 8 เห็นคุณค่าและปฏิบัตติ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 9 มคี วามขยัน ซ่ือสตั ยส์ ุจริต รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ มวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ ใฝ่เรยี น มุ่งม่นั ในการ ทำงาน รักความเปน็ ไทย กตัญญู และมีจติ สาธารณะ ๒. สาระสำคญั เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นปรัชญาทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวมีพระราชดำรสั ช้ีแนะแนวทางการดำเนนิ ชีวติ แก่ ประชาชนชาวไทย โดยเนน้ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล และการมีภมู ิคุ้มกนั ในตวั ท่ีดี โดยมีเงื่อนไขความรู้ และเงื่อนไขคณุ ธรรมเปน็ พ้นื ฐานเพอ่ื ให้เกดิ ความพอเพยี ง 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความเปน็ มา ความหมาย และองคป์ ระกอบของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ (K) 2. เห็นคณุ คา่ และความสำคัญของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (A) 3. สืบคน้ และวเิ คราะหเ์ กี่ยวกับความหมายและองคป์ ระกอบของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (P) 4. สาระการเรยี นรู้ • ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1. ความเป็นมาของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. ความหมายของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3. องค์ประกอบปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1 มุ่งมนั่ ในการทำงาน 2 รักความเปน็ ไทย 3 มีวินัย 4. อยู่อยา่ งพอเพยี ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook